Divine King of All Directions 1422-1425
ตอนที่ 1422
เหล่าศิษย์นิกายจี่หยานต่างพากันแสดงสีหน้าที่ตื่นตระหนกออกมาหลังจากที่มองออกไปยังร่างของหลินเทียนด้วยร่างกายที่สั่นไหวไม่หยุด
เป็นเพราะบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาได้ตกตายลงด้วยเงื้อมมือคนตรงหน้า
“รีบ…รายงานท่านจ้าวนิกายและท่านผู้อาวุโสสูงสุดเร็ว ! ”
ผู้ดูแลพากันส่งเสียงออกมา
ณ ตอนนี้เองที่ศิษย์คนหนึ่งได้รีบวิ่งหนีเข้าไปภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็วซึ่งไม่บอกก็รู้ว่าเป็นการแจ้งข่าวให้กับผู้มีอำนาจทั้งหลาย
หลินเทียนหันมองออกไปเล็กน้อยด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสมากนักก่อนที่จะก้าวเดินต่อเข้าไปภายในพร้อมๆกันคนอื่นๆเพราะว่าโดยปกติแล้วขุมสมบัติทั้งหมดของอีกฝ่ายจะต้องถูกเก็บเอาไว้ลึกที่สุดของขุมพลัง
“ที่นี่คือขุมพลังของโลกภายนอก ที่แท้มันก็เป็นแบบนี้นี่เอง ”
อสรพิษม่วงส่งเสียงพึมพำออกมา
เป็นเพราะมันเกิดและเติบโตขึ้นภายในสวนสวรรค์ทำให้ไม่ได้ออกมาเผชิญโลกภายนอกและนี่เป็นขุมพลังแรกที่มันได้เห็นกับตาตัวเอง
หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกสงสัยอย่างมากทำให้เขาได้แต่เผยรอยยิ้มออกมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
พวกเขาพากันก้าวเดินเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว
วิ้สส ~!!
วิ้ส ~!
วิ้สส ~!
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่ปรากฏร่างกว่าสิบสองร่างพุ่งออกมาจากภายในส่วนลึกด้วยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมากถึงขั้นที่ว่ามีสามในกลุ่มคนเหล่านี้อยู่ในเขตแดนกึ่งอนันตกาล หนึ่งคนเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายและที่เหลืออยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้น
แน่นอนว่าทั้งสามคนนั้นคือผู้อาวุโสสูงสุด จ้าวนิกายและผู้อาวุโสทั้งหลาย
“กล้าบุกมาที่นี่งั้นรึ ! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขากัดฟันพูดออกมาขณะที่จ้องมองไปทางหลินเทียนและคนอื่นๆด้วยสายตาที่โกรธจัด
เป็นเพราะว่าตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาได้ตกตายลงไปแล้ว !
หลินเทียนหันมองกลับไปทางผู้พูดก่อนที่จะกวาดสายตามองคนอื่นๆเล็กน้อย
“บรรพบุรุษของพวกเจ้าคิดจะชิงสมบัติของข้าดังนั้นเมื่อผลกรรมได้ถูกปลูกลงแล้วข้าจึงมาที่นี่เพื่อเก็บผลของมัน ”
เขาหันมองออกไปก่อนที่จะพูดต่อว่า
“ส่งอาวุธนิรันดร์แท้จริงและสมบัติทั้งหมดของขุมพลังมาแล้วข้าจะหันหลังจากไปไม่งั้นข้าจะทำลายที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่กลับดังกึกก้องไปทั่วสถานที่แห่งนี้
นี่ทำให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่อยู่รอบอกต่างพากันสั่นสะท้านไปตามๆกัน
เหล่าผู้มีอำนาจทั้งสิบสองคนเองก็ได้แต่โกรธจัดถึงขั้นที่แววตาส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมา
“กล้าสังหารบรรพบุรุษของพวกเราแล้วยังคิดจะชิงเอาสมบัติอีกงั้นรึ ?! ”
“คิดว่าที่นี่คือที่ไหนกัน ?! ”
“ต่อให้ข้างกายเจ้ามีกึ่งนิรันดร์แท้จริงแล้วมันยังไง หากเป็นที่อื่นยังพอว่าแต่ที่นี่มันถิ่นของพวกข้า ! ภายใต้เขตแดนนิรันดร์แท้จริงมันก็เป็นได้แค่มดปลวกเท่านั้น ! ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา
“จัดการ ! ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงคำรามอย่างดัง
นี่ทำให้พวกเขาทั้งสิบสองคนต่างผสานมือเข้าหากันเป็นรูปแบบบางอย่างส่งผลให้สถานที่แห่งนี้สั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมทั้งปรากฏอักขระอาคมขึ้นมารายล้อมพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้ด้วยจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัว
ตู้มม ~! พลังทำลายของมันแทบจะบดขยี้พื้นที่แห่งนี้จนราบ
นี่คือพลังทำลายของข่ายอาคมสังหารเขตแดนนิรันดร์แท้จริง
“นี่…”
เหลาเหลาได้แต่สั่นสะท้านไปพลางคว้าแขนเสื้อของหลินเทียนเอาไว้ด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น
อีกฝ่ายยังคงยืนอยู่บนฟากฟ้าด้วยสีหน้าที่เย็นยะเยือกอย่างมาก
“ไอ้ระยำเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริง หากว่าเป็นที่อื่นพวกข้าคงจะทำอะไรเจ้าไม่ได้แต่ในเมื่อกล้าบุกมาที่นี่ก็อย่าหวังเลยว่าจะออกไปได้! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดที่สามได้ส่งเสียงออกมาขณะที่จ้องมองออกไปทางอสรพิษม่วงแล้วพูดต่อพลางหันไปหาหลินเทียนว่า
“เจ้า ! แม้ว่าท่านบรรพบุรุษจะตายลงด้วยเงื้อมมือของไอ้ระยำนั่นแต่ต้นเหตุมันก็เป็นเพราะเจ้า ข้าจะให้เจ้าได้ทรมานจนตายทั้งเป็น ! ”
เขาได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่โกรธแค้นเพราะไม่คิดเลยว่าบรรพบุรุษของพวกเขาจะตายเพียงเพราะต้องการจะชิงเอาเจดีย์ราชันอมตะของหลินเทียน
“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะว่าบรรพบุรุษของพวกเจ้าหน้าไม่อายกล้าคิดฆ่าคนอื่นเพื่อแย่งชิงสมบัติยังไม่พออีกนะ ”
แม้ว่าจะหวาดหวั่นไปกับแรงกดดันของข่ายอาคมสังหารนี้แต่นางก็อดส่งเสียงออกมาไม่ได้
นี่ทำให้สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดถึงกับตกต่ำลงอย่างมากโดยทันที
“สังเวยเอาอาวุธนิรันดร์แท้จริงออกมา ! ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงออกมา
ตู้มมม ~!
ทั้งสิบสองคนผสานมือเข้าหากันอีกครั้งก่อนที่ลำแสงอันเข้มข้นจะพุ่งออกมาจากภายในส่วนลึก
หลังจากที่ประกายแสงได้กระจายตัวออกไปแล้วก็เผยให้เห็นเตาพลังวิญญาณที่รายล้อมไปด้วยอักขระอยู่ภายในพลางส่งกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงอันหนักหน่วงออกมาอย่างเข้มข้น
“อาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายเรา เตาพลังวิญญาณจี่หยาน ! ”
เหล่าศิษย์พากันแสดงสีหน้าที่ตื่นเต้นออกมาตามๆกัน
เป็นเพราะว่านี่คืออาวุธของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งนิกายซึ่งมีพลังทำลายสามารถบดขยี้ได้ทุกสรรพสิ่ง
หลินเทียนได้หันมองออกไปเล็กน้อยก่อนที่แววตาของเขาจะส่องประกายออกมา
“เป็นอาวุธนิรันดร์แท้จริงที่ไม่ธรรมดาเลย ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เป็นเพราะเขาสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสัจธรรมที่เข้มข้นอย่างมากจากมัน
ตู้มม ~!
คลื่นพลังเทวะอันหนักหน่วงระเบิดออกไปรอบทิศทาง
เหล่าผู้มีอำนาจทั้งหลายผสานการโจมตีทั้งสองเข้าด้วยกันเพราะรู้ดีว่าหลินเทียนและอสรพิษม่วงนั้นร้ายกาจขนาดไหนจึงไม่ลังเลเลยที่จะใช้ไพ่ตายทั้งหมดเพื่อต่อกร
“ฆ่า ! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดคนหนึ่งส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง
คลื่นพลังทำลายอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาพร้อมทั้งโถมเข้าใส่ทางหลินเทียนและคนอื่นๆอย่างไม่ปราณี
นี่ทำให้มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปโดยทันที
“ขอบคุณสำหรับของขวัญที่เจ้าเอามาให้อย่างอาวุธที่สร้างจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาล พวกเราจะดูแลมันอย่างดี ”
จ้าวนิกายส่งเสียงออกมาด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกถึงขีดสุด
ตู้มม ~!
คลื่นพลังเทวะอันหนักหน่วงระเบิดออกมาพร้อมๆกับจิตสังหารอันเข้มข้นขณะที่พวยพุ่งเข้าใส่ทางหลินเทียน
มันเป็นพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก !
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่หวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย
“ท่านผู้อาวุโสขอยืมพลังของท่านหน่อย ”
หลินเทียนได้พูดออกมา
อสรพิษม่วงพยักหน้าของมันพร้อมทั้งไม่ลังเลเลยที่จะถ่ายเทพลังของมันเข้าใส่ร่างของหลินเทียน
เป็นเพราะว่าหลินเทียนได้บอกเรื่องนี้ล่วงหน้าเอาไว้ก่อนแล้วว่าจะต้องใช้มันฝ่าการโจมตีของศัตรูไป
พลังอสูรอันเข้มข้นได้โถมเข้าสู่ร่างกายของหลินเทียนก่อนที่จะไหลเวียนไปทั่วร่างของเขาทำให้เขารีบหมุนวนเคล็ดวิชาหนึ่งวิญญาณสวรรค์จนทำให้คลื่นพลังวิญญาณอักหนักหน่วงพวยพุ่งออกไปรอบทิศทางพลางซัดอักขระอันทรงพลังออกไป
อักขระนี้ได้อัดกระแทกเข้ากับการโจมตีของเตาพลังวิญญาณและลำแสงสังหารอย่างจัง
ฟึ้บบ ~! ~!
เสียงแหลกสลายถูกส่งออกมาขณะที่พลังทำลายของข่ายอาคมถูกบั่นทอนลงไปอย่างใหญ่หลวง
ไม่นานเสียงแตกร้าวก็ถูกส่งตามออกมาขณะที่ข่ายอาคมสังหารเขตแดนนิรันดร์แท้จริงได้แหลกสลายหายไปไม่มีเหลือและทิ้งไว้เพียงแค่อาวุธเขตแดนนิรันดร์แท้จริงที่มีกลิ่นอายทำลายล้างแผ่วลงอย่างมาก
นี่ทำให้สีหน้าของผู้คนรอบข้างพากันเปลี่ยนไปอีกครั้ง
“ข่ายอาคมพิทักษ์กลับ……แหลกสลายหายไป ?! ”
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
“เป็นไปไม่ได้ ! ”
เหล่าผู้คนพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกัน
ผู้อาวุโสสูงสุดและคนอื่นๆเองก็ได้แต่ผงะไป
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
เป็นเพราะว่าข่ายอาคมพิทักษ์ที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งได้ทิ้งเอาไว้กลับถูกทำลายลงภายในชั่วพริบตาเท่านั้น
เหลาเหลาและอสรพิษม่วงเองก็มีสีหน้าที่ไม่ต่างกันออกไปเช่นกัน
“นี่มัน…..”
สิ่งเหล่านี้ทำให้ดวงตาของอสรพิษม่วงหดเล็กลงโดยทันที
เป็นเพราะว่ามันก็เชื่ออยู่แล้วว่าด้วยระดับพลังที่มันส่งมอบให้จะต้องสามารถทำลายล้างข่ายอาคมเขตแดนนิรันดร์แท้จริงนี้ได้แต่เมื่อได้เห็นภาพที่หลินเทียนทำลายมันลงง่ายๆกับตาตัวเองแบบนี้แล้วก็ยังอดผงะไปไม่ได้
มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว !
“ท่านผู้อาวุโสชิงมันมาเร็ว ! ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
อสรพิษม่วงได้สั่นสะท้านไปเล็กน้อยพร้อมทั้งรีบดึงสติกลับมาแล้วตอบว่า
“ได้ ! ”
เมื่อสิ้นสุดคำพูดแล้วเขาก็ได้ระเบิดคลื่นพลังอันหนักหน่วงออกมาสร้างเป็นฝ่ามืออันทรงพลังคว้าออกไปด้านหน้า
“เจ้า..”
“อย่าหวังไปหน่อยเลย ! ”
ผู้อาวุโสทั้งหลายเองก็เรียกสติของตัวเองกลับมาเช่นกันและหลังจากที่เห็นว่าอสรพิษม่วงคิดชิงเอาอาวุธนิรันดร์แท้จริงของพวกเขาแล้วก็ต่างพากันแสดงสีหน้าที่โกรธจัดกันออกมาพร้อมส่งถ่ายพลังออกไปอย่างเต็มกำลัง
“เหอะ ! ”
เสียงแสยะถูกส่งออกมาขณะที่หลินเทียนหมุนวนทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าอย่างรวดเร็วทำให้ร่างกายของเขารายล้อมไปด้วยประกายสายฟ้าสีเงินออกไปโอบร่างของอีกฝ่ายเอาไว้
มันเป็นทักษะไร้เทียมทานที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างถึงขั้นทำให้สีหน้าของทั้งสิบสองคนเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
หลังจากนั้นเองที่มีเสียง พุฟฟ พุฟ พุฟฟ ~! ถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของทั้งสิบสองคนถูกกระแทกปลิวออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือด
และมันเป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่หลินเทียนได้เปิดฉากโจมตีอีกครั้งโดยการสังเวยเอาวงเวทย์หยินหยางออกมาเพื่อพยายามช่วยอสรพิษม่วงทำลายตราประทับของอาวุธนิรันดร์แท้จริงตรงหน้า
ตอนที่ 1423
เตาพลังวิญญาณจี่หยานในตอนนี้รายล้อมไปด้วยอักขระมากมายส่องประกายแสงและกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงออกมาอย่างเข้มข้น
“แข็งแกร่งมากๆ ! ”
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาหลังจากที่สัมผัสได้ถึงพลังที่อัดแน่นอยู่ภายใน
เขาสัมผัสได้เลยว่าด้วยระดับพลังของเขาแล้วหากว่าใช้อาวุธนี้มันเพียงพอที่จะต่อกรกับเขตแดนอนันตกาลตอนต้นได้สบายๆ
“นี่มัน…..”
“เตาพลังวิญญาณของนิกายเรา…….”
“เป็นอย่างงี้ไปได้อย่างไรกัน ?! ”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่อยู่รอบๆต่างพากันสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว
ก่อนหน้านี้ก็ข่ายอาคมพิทักษ์แล้วตอนนี้ขนาดอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดเองก็ยังถูกชิงเอาไป
แถมทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในชั่วพริบตาเท่านั้น
“ระยำเอ้ย ! เอาคืนมานะ ! ”
เหล่าผู้มีอำนาจต่างพากันส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธพร้อมทั้งกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างบ้าคลั่ง
หลินเทียนหันมองออกไปเล็กน้อยพร้อมทั้งหมุนวนทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าสร้างคลื่นสายฟ้าสีเงินออกมา
พุฟฟ ~!
ร่างกายของอีกฝ่ายได้กระแทกเข้ากับการโจมตีนี้ได้ระเบิดออกเป็นชิ้นๆเหลือไว้เพียงแค่ดวงวิญญาณที่แตกร้าวถึงขั้นที่ใกล้แตกดับเท่านั้น
“น่ากลัวจริงๆ ! ”
เหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปได้แต่คอหด
การที่หลินเทียนที่เพิ่งตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะกลับสามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับผู้อาวุโสเขตแดนเดียวกันตอนกลางได้นี่มันถือว่าแข็งแกร่งมากๆ
ไม่เพียงแค่นางเท่านั้นเพราะแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆเองก็ยังได้แต่สั่นไปวกับความแข็งแกร่งนี้
“สุดยอด ! ”
อสรพิษม่วงส่งเสียงออกมา
หลินเทียนเผยรอยยิ้มของเขาพร้อมกับส่งเตาพลังวิญญาณจี่หยานให้กับอีกฝ่ายพลางพูดว่า
“ท่านผู้อาวุโสตีตราประทับลงก่อนแล้วกัน หลังจากนี้เราจะได้จัดการกับอีกสองขุมพลังที่เหลือได้ง่ายๆ ”
“ได้สิ ”
อสรพิษม่วงตอบรับด้วยเสียงหัวเราะก่อนที่จะรับเอาเตาพลังวิญญาณที่หลินเทียนยื่นมาพลางตีตราประทับลงไปแล้วพูดว่า
“ขุมสมบัติและอาวุธนิรันดร์แท้จริงที่เหลือของขุมพลังนี้และอีกสองขุมพลังก็ถือเป็นของเจ้าแล้วกัน แค่เตาพลังวิญญาณนี่ก็เพียงพอสำหรับข้าแล้ว ”
“ตกลง ”
หลินเทียนได้ตอบรับด้วยรอยยิ้มเพราะด้วยระดับพลังของอสรพิษม่วงแล้วนอกจากอาวุธนิรันดร์แท้จริงแล้วก็ไม่มีสิ่งใดมีค่าในสายตามันดังนั้นในเมื่อได้รับอาวุธมาแล้วอื่นๆก็ไม่จำเป็นสำหรับมัน
หลังจากนั้นเขาก็ได้หันมองไปทางผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสาม จ้าวนิกายและผู้อาวุโสอีกทั้งแปดคน
“ก่อนหน้านี้ข้าบอกแล้วว่าให้ส่งอาวุธนิรันดร์แท้จริงและขุมสมบัติทั้งหมดมาแล้วข้าจะยกโทษให้ไม่งั้นข้าจะทำลายที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง น่าเสียดายที่เจ้าเลือกเช่นนั้น ”
เขาพูดออกมา
หลังจากนั้นก็ก้าวออกไปพร้อมๆกับเสียงสายฟ้าคำรามอย่างดังที่ทำให้ม่านฟ้าเปลี่ยนสีไป
คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ปกคลุมอยู่เหนือม่านฟ้า
พริบตานี้เองที่เหล่าศิษย์ทั้งหลายก็ได้แต่พากันสั่นไปด้วยความกลัว
แม้กระทั่งตัวตนระดับผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหลายเองก็ยังอดรู้สึกขนหัวลุกไปไม่ได้
“เจ้า…คิดจะทำอะไรกันแน่ ?! จะฆ่าและทำลายขุมพลังของพวกเรา ? อย่าให้มันมากไปหน่อยเลย ! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดได้ส่งเสียงออกมาเพราะอีกไม่ใกล้เขาก็จะเอื้อมถึงระดับพลังที่ไม่สามารถแตกดับได้แต่ตอนนี้เสียงของเขากลับสั่นเครือด้วยสีหน้าที่น่าเกลียดอย่างมาก
“มากไป ? ”
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบพร้อมทั้งถามออกมาว่า
“หากว่าลองเปลี่ยนกันดู หากว่าเจ้าเป็นฝ่ายที่สามารถสังหารข้าได้ข้าก็คงจะกลายเป็นศพไปนานแล้วแต่ข้าอุส่าให้โอกาสพวกเจ้าได้เลือกตั้งแต่แรกทว่าเป็นฝ่ายพวกเจ้าที่ไม่คว้ามันเอาไว้เอง ในเมื่อไม่สนใจมันงั้นก็รับผลกรรมไปแล้วกัน ”
“เจ้า….”
อีกฝ่ายได้แต่แสดงสีหน้าที่น่าเกลียดลงยิ่งกว่าเก่าโดยที่ไม่สามารถหาคำมาเถียงกลับได้
อีกสิบเอ็ดคนที่เหลือเองก็พากันกำหมัดเอาไว้แน่น
หลินเทียนก้าวออกไปขณะที่คลื่นสายฟ้ามากมายผ่าลงมาเบื้องล่าง
“เจ้า….อวดดีเกินไปแล้ว ! ”
“ฆ่ามัน ! ”
ผู้มีอำนาจทั้งสิบสองคนต่างมีสีหน้าที่น่าเกลียดอย่างมากเพราะรู้ดีว่าถึงอย่างไรหลินเทียนก็คิดจะทำลายที่นี่แน่ๆดังนั้นถึงได้สังเวยทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาเพื่อโจมตีเข้าใส่ทางหลินเทียน
การโจมตีของผู้เชี่ยวชาญสิบสองคนพร้อมๆกันนี้ทำให้มิติโดยรอบถึงกับสั่นไหวอย่างรุนแรง
อสรพิษม่วงส่งเสียงแสยะออกมาพร้อมทั้งโบกมือส่งคลื่นพลังอสูรอันเข้มข้นออกไปส่งผลให้ร่างกายของชายชราทั้งหลายสั่นสะท้านไม่หยุดด้วยพลังทำลายที่ปั่นป่วน
“ผู้อาวุโสไม่ต้องถึงมีท่านหรอก ข้าคนเดียวก็พอแล้ว ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่าเขาเองก็อยากจะประเมินความสามารถของตัวเองหลังจากที่ตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะมาได้
อสรพิษม่วงได้แต่ผงะไปก่อนที่จะพยักหน้าของเขาเพราะพอจะเดาความคิดของหลินเทียนได้จึงเก็บเอากลิ่นอายกลับไปแล้วได้แต่จ้องมองหลินเทียนเพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น
“เพิ่งตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะเท่านั้นแต่กลับรับมือกับผู้เชี่ยวชาญสิบสองคนพร้อมกันแถมสามในนั้นยังเป็นกึ่งอนันตกาลนี่มันจะไม่เป็นอะไรแน่ ? ”
เหลาเหลากระซิบออกมา
“ตู้มม ~! ”
คลื่นพลังทำลายอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาจากร่างของเขาเสมือนว่าเป็นเทพอัสนีที่จุติลงมายังโลกใบนี้เลยก็ว่าได้
เขาโบกมือของเขาออกไปพร้อมทั้งส่งคลื่นสายฟ้าเข้าใส่ทั้งสิบสองคนอีกครั้ง
เหล่าผู้มีอำนาจต่างพากันหันมองไปทางอสรพิษม่วงที่อยู่ห่างออกไปและเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะช่วยเหลือดังนั้นถึงได้แต่แสดงสีหน้าที่เย็นชาออกมา
“ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้ ! ”
หนึ่งในผู้อาวุโสส่งเสียงออกมาซึ่งเขาคือคนที่ได้รับการโจมตีจากสายฟ้าของหลินเทียนจนได้รับบาดเจ็บหนักไปเมื่อครู่
เมื่อสิ้นสุดคำพูดแล้วเขาก็ได้สังเวยเอาสัจธรรมและทักษะเทวะอันทรงพลังออกมาซัดเข้าใส่ทางศีรษะของหลินเทียนอย่างไม่ปราณี
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่คนอื่นๆเองก็ต่างพากันกระโจนเข้าขย้ำร่างของหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ดุร้ายถึงขีดสุด
เป็นเพราะว่าพวกเขาตัดสินใจที่จะฆ่าหลินเทียนให้ได้เนื่องจากรู้ดีว่าถึงอย่างไรก็ต้องตายอยู่แล้ว
นี่ทำให้พวกเขาตั้งใจจะใช้พลังทั้งหมดเพื่อลากเอาหลินเทียนไปกับพวกเขาด้วย
คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาจากร่างของทั้งสิบสองคนพลางโถมเข้าใส่ร่างของหลินเทียนพร้อมๆกัน
มันเป็นพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก !
หลินเทียนได้แต่จ้องมองออกไปด้วยสีหน้าที่เย็นชาแต่ก็ไม่ได้หวาดหวั่นแม้แต่น้อย
ตู้มม ~!
เขาหมุนวนทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าอีกครั้งพร้อมทั้งสร้างคลื่นสายฟ้าขึ้นมาปกคลุมพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้ด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
หลังจากนั้นร่างของเขาก็ได้เลือนหายไปพร้อมทั้งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของผู้อาวุโสคนหนึ่ง
“เจ้า…….”
สีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะเขาคือคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักไปก่อนหน้านี้ซึ่งไม่สามารถมองตามการเคลื่อนไหวของหลินเทียนได้เลยแม้แต่น้อย
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาขณะที่ซัดฝ่ามือเข้าใส่ร่างของเขา
“อ๊ากก ~~! ”
เขาส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างดังขณะที่ดวงวิญญาณแหลกสลายหายไปไม่มีเหลือ
“ผู้อาวุโสเจ็ด ! ”
จ้าวนิกายได้แต่ผงะไปเพราะพวกเขาล้วนแล้วแต่จับจ้องอยู่กับร่างของหลินเทียนซึ่งแม้จะเป็นเช่นนั้นแต่อีกฝ่ายก็ยังสามารถหายไปจากสายตาของพวกเขาแล้วสังหารหนึ่งในผู้อาวุโสของนิกาย !
ภาพที่อยู่ตรงหน้านี้ทำให้พวกเขาได้แต่สั่นไป
“ระยำเอ้ย! ”
“ฆ่ามันให้ได้ ! ”
ทั้งสิบเอ็ดคนได้ส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธพร้อมทั้งสังเวยการโจมตีทั้งหมดอัดเข้าใส่ทางหลินเทียน
หลินเทียนหันมองออกไปเล็กน้อยก่อนที่ร่างของเขาจะหายตัวไปและปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง
อีกฝ่ายได้แต่ผงะไปเพราะเขาไม่สามารถมองตามการเคลื่อนไหวได้เลยด้วยซ้ำ
“เจ้า…”
ตู้มมม ~!
หลินเทียนโบกมือของเขาออกไปสร้างกระบี่สายฟ้าทะลวงผ่านทะเลความรู้ของอีกฝ่ายไป
พุฟฟ ~! ร่างกายและดวงวิญญาณของอีกฝ่ายได้แหลกสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
“ระยำเอ้ย ! เกิดอะไรขึ้น ?! เจ้าเคลื่อนไหวได้อย่างไรกัน ! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดอดส่งเสียงคำรามออกมาไม่ได้
เป็นเพราะว่าเมื่อครู่พวกเขาได้จดจ่ออยู่กับร่างของหลินเทียนดังนั้นแม้ว่าหลินเทียนจะมีความเร็วที่สูงขนาดไหนแต่ก็จะยังอยู่ในระยะสัมผัสของพวกเขาทว่าความเป็นจริงมันกลับต่างกันอย่างมาก
หลินเทียนได้หันมองออกไปยังสิบร่างที่ยังเหลืออยู่ก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของหนึ่งในพวกเขา
“เจ้า…”
“พุฟฟ ~! ”
คลื่นสายฟ้าได้บดขยี้ร่างกายของอีกฝ่ายสลายหายไป
ดวงวิญญาณได้แต่พุ่งหนีไปด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นก่อนที่จะถูกคลื่นสายฟ้าบดขยี้จนแหลกสลาย
ตอนที่ 1424
คลื่นสายฟ้าสีเงินรายล้อมพื้นที่แห่งนี้เอาไว้ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญกว่าสามคนถูกสังหารลงทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบได้แต่สั่นสะท้านไป
“ระยำเอ้ย ! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดได้ส่งเสียงคำรามออกมาขณะที่คลื่นพลังเทวะอันหนักหน่วงถูกสังเวยออกมาอัดเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างบ้าคลั่ง
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่คนอื่นๆเองก็สังเวยทักษะเทวะที่แข็งแกร่งของตัวเองออกมาซัดเข้าใส่พร้อมๆกัน
เสียงระเบิดถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่กลิ่นอายทำลายล้างแผดออกไปรอบทิศทาง
พวกเขารู้ดีอยู่เต็มอกแล้วว่าถึงอย่างไรตัวเองก็ต้องตายดังนั้นถึงได้พยายามรวมพลังกันเพื่อลากเอาหลินเทียนไปด้วยให้ได้
หลินเทียนแสยะออกอย่างเย็นชาขณะที่หมุนวนทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าโดยที่ไม่ได้สนใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อยก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของหนึ่งในพวกเขาอีกครั้ง
อีกฝ่ายได้แต่ส่งเสียงอุทานออกมาว่า
“เจ้า………..”
เป็นเพราะว่าเขาใช้จิตสัมผัสของตัวเองตรึงไว้กับร่างของหลินเทียนทว่าก็ยังจับการเคลื่อนไหวของหลินเทียนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ตู้มม ~!
คลื่นพลังสายฟ้าอันเข้มข้นได้เหวี่ยงอัดเข้าใส่ร่างของเขาอย่างจัง
อ๊ากกก ~~~!
เสียงกรีดร้องถูกส่งตามออกมาขณะที่ร่างของเขาแหลกสลายหายไปเหลือไว้เพียงแค่ดวงวิญญาณที่พุ่งหนีไปอย่างยากลำบากเท่านั้น
หลังจากนั้นเองที่คลื่นสายฟ้าได้ผ่าลงมากลางดวงวิญญาณของเขาจนแหลกสลายหายไป
พริบตาผู้เชี่ยวชาญสี่คนจากสิบสองคนก็ได้ตกตายลงจนหมด
“นี่มัน……ผิดมนุษย์เกินไปแล้ว ! ”
เหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปได้ส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่าที่อ่อนแอที่สุดในหมู่คนเหล่านี้คือเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลางและแข็งแกร่งที่สุดอยู่ในเขตแดนกึ่งอนันตกาลดดังนั้นการรวมพลังของพวกเขาสามารถสยบทุกคนภายใต้เขตแดนอนันตกาลได้สบายๆทว่าหลินเทียนกลับสามารถสังหารสี่คนลงได้ภายในชั่วพริบตาเท่านั้น
แปดคนที่เหลืออยู่ต่างพากันแสดงสีหน้าที่โกรธจัดถึงขีดสุดออกมาตามๆกัน
เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่สามารถตามการเคลื่อนไหวของหลินเทียนได้เลยแม้แต่น้อย
มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้พวกเขาไม่สบายใจและโกรธอย่างมาก
“กล้าสู้ซึ่งๆหน้ากับข้าไหม !? ”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งส่งเสียงออกมา
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกฝ่ายภายในชั่วพริบตา
นี่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่สั่นสะท้านไปกับความเร็วนี้ก่อนที่จะก้าวถอยหลังกลับไปแล้วพูดว่า
“นี่เจ้า…..”
“แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่คลื่นกระบี่อันแข็งแกร่งฟาดฟันผ่านม่านฟ้า
พุฟฟฟ ~!
ร่างของชายคนนี้ได้ขาดออกเป็นสองท่อนขณะที่ดวงวิญญาณพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ถูกหลินเทียนคว้าเอาไว้และทำลายไป
ณ ตอนนี้เหลือผู้มีอำนาจภายในนิกายอยู่เพียงแค่เจ็ดจากสิบสองคนเท่านั้น
“ระยำ ! ”
เจ็ดคนที่เหลืออยู่ได้แต่จ้องเขม็งไปทางหลินเทียนพลางกระโจนออกไป
หลินเทียนหันมองไปทางคนเกล่านี้ด้วยสีหน้าที่ราบเรียบอย่างมาก
ทักษะเบญจอัสนีหมุนวนสร้างคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังออกมารายล้อมพื้นที่แห่งนี้เอาไว้พร้อมทั้งรับการโจมตีทั้งหมดก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปและปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของผู้อาวุโสอีกคนพลางเหวี่ยงหมัดสายฟ้าอัดเข้าใส่อย่างจัง
พุฟฟ ~!
อีกฝ่ายไม่ทันจะเบี่ยงหลบได้ทันทำให้ร่างกายของเขาแหลกสลายหายไปโดยทันที
คลื่นสายฟ้าได้บดขยี้ดวงวิญญาณของเขาลงหลังจากนั้น
“มาต่อ ”
หลินเทียนพูดออกมา
เขาพุ่งออกไปปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของผู้อาวุโสอีกคนพร้อมทั้งบดขยี้ร่างกายและดวงวิญญาณของอีกฝ่ายไปอย่างฉับพลัน
“ชาติชั่วเอ้ย ! ”
ผู้เชี่ยวชาญที่เหลืออยู่เพียงห้าคนได้แต่แสดงสีหน้าที่โกรธจัดออกมาพร้อมทั้งกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างบ้าคลั่ง
อย่างไรก็ตามกลับไม่มีใครสามารถจับการเคลื่อนไหวของเขาได้เลยแม้แต่น้อยแถมยังหลบการโจมตีทั้งหมดของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
พริบตาหลินเทียนก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของผู้อาวุโสคนหนึ่งอีกครั้ง
“อ๊ากก ~! ”
อีกฝ่ายได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างดังก่อนที่ดวงวิญญาณจะแตกดับไป
“ผู้อาวุโสกว่าแปดคน……”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายพากันส่งเสียงออกมาด้วยความหวาดหวั่น
เป็นเพราะเวลาเพิ่งจะผ่านพ้นไปได้ไม่นานทว่าผู้อาวุโสทั้งแปดคนของพวกเขาได้ถูกสังหารลงจนสิ้นซาก
“อ๊ากก ~! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดและจ้าวนิกายพากันส่งเสียงคำรามออกมาด้วยดวงตาสีแดงก่ำ
“เหลือสี่คนเท่านั้น ”
หลินเทียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบพลางพูดต่อว่า
“มาต่อกัน ”
ประกายสายฟ้าที่รายล้อมร่างของเขาเอาไว้นั้นถือเป็นหนึ่งในเขตแดนทำลายล้างที่ได้ชื่อว่าเขตแดนราชันเบญจอัสนีที่สามารถเคลื่อนที่ชั่วพริบตาโดยที่ยากจะจับการเคลื่อนไหวและมีเพียงคนที่แข็งแกร่งกว่าเขามากถึงจะสัมผัสได้
ณ ตอนนี้ที่เขาได้สังเวยทักษะนี้ออกมาแล้วมันเรียกได้ว่าเขากลายเป็นผู้ควบคุมอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามมันก็เผาผลาญพลังเทวะอย่างมากทำให้เขาไม่สามารถคงสภาพมันไว้ได้นานนัก
“ข้าจะจัดการพวกเจ้าทั้งหมดภายในสามสิบลมหายใจ ”
เขาพูดออกมา
เมื่อสิ้นสุดคำพูดลงแล้วร่างของเขาก็ได้สลายหายไปอีกครั้งก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของจ้าวนิกาย
ทึ้มม ~!
หมัดอันทรงพลังของเขาถูกส่งออกไปซึ่งมันเป็นการผสานระหว่างร่างกายที่แข็งแกร่ง ทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าและทักษะเทวะอย่างหมัดจักรพรรดิโกลาหล
นี่ทำให้สีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงพร้อมทั้งรีบสังเวยสัจธรมมากมายออกมารับการโจมตีของหลินเทียนเอาไว้
การโจมตีของทั้งสองได้อัดเข้าใส่กันอย่างจัง
“เปรี้ยย ~! ”
“เปรี้ย ~! ”
“เปรี้ยย ~! ”
เสียงปริแตกถูกส่งออกมาจากพื้นที่โดยรอบขณะที่ร่างของจ้าวนิกายถูกกระแทกลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่แหลกสลายไปกว่าครึ่งร่าง
หลินเทียนยังคงยืนอยู่โดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกฝ่ายภายในชั่วพริบตา
“เจ้า…”
“ตาย ”
หลินเทียนได้ส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลอัดเข้าใส่อีกครั้ง
นี่ทำให้ร่างกายของอีกฝ่ายแหลกสลายหายไปขณะที่ดวงวิญญาณเริ่มแตกร้าวไปทั่วจึงพยายามพุ่งหนีไป
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาพร้อมทั้งตวัดนิ้วส่งลำแสงสายฟ้าออกไปบดขยี้ดวงวิญญาณนั้นไป
“เหลือแค่พวกเจ้าแล้ว ”
เขาหันมองออกไปยังผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามคนพร้อมทั้งประสานมือเข้าด้วยกันเพื่อสร้างง้าวอัสนีแล้วซัดออกไป
ความเร็วของมันสูงถึงขั้นที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกฝ่ายภายในชั่วพริบตา
“สลายไปซะ ”
ทั้งสามคนส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งบดขยี้การโจมตีนี้ไปอย่างรวดเร็ว
ทว่ามันเป็นตอนนี้เองที่ร่างของหลินเทียนได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของพวกเขาโดยที่ไม่มีใครสามารถจับการเคลื่อนไหวได้เลยแม้แต่น้อย
“พุฟฟ ~! ”
ร่างกายของผู้อาวุโสที่เป็นคนส่งเสียงเมื่อครู่ได้แหลกสลายกลายเป็นกองเลือดที่ฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ
หลินเทียนที่เข้าประชิดร่างเองก็ได้ส่งคลื่นสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนอัดเข้าใส่ดวงวิญญาณของอีกฝ่ายโดยทันที
“อ๊ากก ~! ”
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ดวงวิญญาณของชายชราได้แหลกสลายหายไป
“นี่มัน…….กึ่งอนันตกาลเองก็ยังถูกสังหารลงได้แบบนี้นี่มัน…..เพิ่งตัดผ่านมาแท้ๆแต่กลับแข็งแกร่งขนาดนี้ ?! ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมาด้วยความตกตะลึง
ภายในดวงตาของนางมีภาพร่างของหลินเทียนที่กำลังรายล้อมไปด้วยคลื่นสายฟ้าอันเข้มข้นไม่ได้ต่างจากเทพสายฟ้าเลยแม้แต่น้อย
“ยังเหลืออยู่อีกสอง ”
หลินเทียนหันมองออกไปพร้อมทั้งพุ่งเข้าใส่โดยทันที
“ตู้มม ~! ”
เขาประสานมือเข้าหากันพร้อมทั้งสังเวยเอาง้าวอัสนีออกมาพร้อมๆกับพยัคฆ์ขาวฟาดฟันเข้าใส่ศัตรูตรงหน้า
“ฆ่า ! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสองที่ยังเหลือรอดพากันส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธ
การโจมตีของทั้งสองอัดเข้าใส่กันอย่างจังทำให้มิติโดยรอบแหลกสลายหายไป
“ตู้มม ~! ”
“ตู้ม ~! ”
ร่างสองร่างลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่แหลกไปกว่าครึ่งตัว
หลินเทียนที่อยู่อีกด้านสั่นไหวไปเล็กน้อยด้วยใบหน้าที่ซีดลงหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
เขาหมุนวนเคล็ดวิชาสุริยันปรินิพพานเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นสายฟ้าทั้งหลายก็ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นอาวุธอันทรงพลังโถมเข้าใส่ทางชายชราทั้งสองคนที่อยู่ห่างออกไป
“พุฟ ~ !”
“พุฟ ! ”
เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ร่างกายของอีกฝ่ายแหลกสลายหายไปเหลือไว้เพียงดวงวิญญาณที่แตกร้าว
“วิ้สส ~! ”
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของหลินเทียนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของพวกเขาพร้อมทั้งซัดคลื่นสายฟ้าอันหนักหน่วงบดขยี้ดวงวิญญาณของทั้งสองลงอย่างง่ายดาย
ตอนที่ 1425
ผู้อาวุโสสูงสุดและผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดภายในนิกายจี่หยานแห่งนี้ได้ตกตายลงอย่างสมบูรณ์ทำให้สถานที่แห่งนี้กลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
“ท่านจ้าวนิกาย ท่านผู้อาวุโสและผู้อาวุโสสูงสุด…….”
เหล่าศิษย์และผู้ดูแลที่อยู่รอบๆต่างพากันสั่นสะท้านไปด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุด
เป็นเพราะว่าขุมพลังของพวกเขานั้นเป็นถึงยักษ์ใหญ่ที่คงอยู่มาเนิ่นนานมีรากฐานที่มั่นคงทว่าวันเดียวกลับถูกทำลายไม่มีเหลือ…..ข่ายอาคมพิทักษ์ถูกทำลาย อาวุธประจำนิกายถูกชิงไปส่วนผู้เชี่ยวชาญเองก็ถูกสังหารลงจนหมดไม่เว้นแม้กระทั่งบรรพบุรุษของพวกเขา
“นี่มัน…เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน ?! ”
“ท่านจ้าวนิกายและผู้อาวุโสได้ตายไปแล้ว แล้วพวกเราล่ะ ?! เราจะ…….”
กลุ่มคนเหล่านี้ได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมา
หลินเทียนที่ยืนอยู่ห่างออกไปได้เก็บเอากลิ่นอายที่ทรงพลังกลับไปพร้อมทั้งเหาะไปหาเหลาเหลาและอสรพิษม่วง
“เจ้านี่จะแข็งแกร่งเกินไปไหม ?! แข็งแกร่งจนท้าทายสวรรค์เกินไปแล้ว ! ”
เหลาเหลาได้ส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
เป็นเพราะว่าการที่ผู้เชี่ยวชาญกว่าสิบสองคนถูกสังหารลงง่ายๆแบบนี้มันเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงอย่างมาก
“หากว่าไม่แข็งแกร่งแล้วคงจะเสียชื่อที่โดนทัณฑ์สวรรค์ผ่าเอาๆ ? ”
หลินเทียนตอบกลับ
เป็นเพราะตั้งแต่เขตแดนจักรพรรดินภาจนถึงตอนนี้เขาต้องแบกรับทัณฑ์สวรรค์มามากมายซึ่งแม้ว่าทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้าจะเต็มไปด้วยอันตรายแต่ผลลัพธ์ที่ได้มาล้วนแล้วแต่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับเดียวกันมากแถมเขาเองก็ยังเป็นกายสังสารวัฏที่แข็งแกร่งที่สุด
“ถึงอย่างไรเจ้าก็สุดยอดมากๆ ! ”
อสรพิษม่วงได้ส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งถามต่อว่า
“อาณาเขตสายฟ้าที่เพื่อนตัวน้อยสังเวยออกมาเมื่อครู่มันเป็นเขตแดน ? ”
“ใช่ ”
หลินเทียนพยักหน้าตอบเพราะสมแล้วจริงๆที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงที่สามารถตระหนักได้ว่ามันคือเขตแดนสายฟ้าของเขา
“เป็นเช่นนั้นจริงๆด้วย ”
อสรพิษม่วงพยักหน้าของมันพร้อมกับพูดต่อว่า
“เป็นทักษะที่แข็งแกร่งมากๆ ”
“แต่มันก็เผาผลาญพลังเทวะใช้เล่นเลยล่ะ ”
หลินเทียนตอบกลับ
“ทักษะที่แข็งแกร่งต้องเผาผลาญพลังเทวะมากอยู่แล้ว ”
อสรพิษม่วงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
หลินเทียนพยักหน้าของเขาเพราะเขาเองก็เข้าใจจุดนี้ดี
หลังจากนั้นเขาก็ได้หันมองออกไปทางศิษย์ทั้งหลายที่อยู่รอบๆ
“แล้วจะเอาไงกับคนเหล่านี้ ? ”
เหลาเหลาถามออกมา
“นิกายจี่หยานได้ถูกทำลายลงไปแล้วดังนั้นพวกเขาอยากจะไปไหนก็ปล่อยไปแล้วกัน ”
หลินเทียนพูดออกมา
หลังจากนั้นเขาก็ได้หันมองไปรอบๆก่อนที่จะสั่งการให้ศิษย์ทั้งหลายสลายตัวออกไปอย่างรวดเร็วและหากว่ายังมีคนกล้าอยู่ต่อเขาก็จะไม่ปราณีแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าเหล่าศิษย์เองก็เลือกที่จะเดินจากไปและไม่มีทางอยู่ที่นี่เพื่อชักนำหายนะไปสู่ตัวเองอย่างแน่นอน
ศิษย์เหล่านี้พากันหนีตายออกมาจากขุนเขาของตัวเองเพราะกลัวว่าหลินเทียนจะผิดคำพูดและสังหารพวกเขา
“วิ่งหนีกันเร็วจริงๆเลยนะ”
เหลาเหลาพึมพำออกมา
หลินเทียนเองก็ไม่ได้สนใจอะไรกลุ่มคนเหล่านี้พร้อมทั้งหันมองออกไปยังตำหนักทั้งหลายที่อยู่รอบๆ
“เอาสมบัติกันดีกว่า ”
เขาพูดออกมา
เป็นเพราะว่าขุมพลังใหญ่นี้ได้ถูกทำลายลงไปแล้วแถมอาวุธนิรันดร์แท้จริงเองถูกชิงไปแล้วเช่นกันดังนั้นในเมื่อที่นี่ไม่เหลือใครแล้วเขาจึงได้หันไปพูดกับคนอื่นๆให้เข้าไปภายในส่วนลึกของที่นี่เพื่อค้นหาสมบัติกัน
แกร๊ง !
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาขณะที่ประตูตำหนักพังทลายลงและเผยให้เห็นอาวุธมากมายที่อยู่ภายในส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมาจากอักขระมากมายให้ความรู้สึกที่ลึกลับและน่าสยดสยองเสมือนว่าต้องการจะฉีกร่างของพวกเขาเป็นชิ้นๆ
หลินเทียนได้กวาดสายตามองออกไปพร้อมทั้งพบกับอาวุธอนันตกาลอยู่ห้าชิ้น อาวุธวิญญาณและอื่นๆอีกหลายชิ้น
“ต้องพูดเลยว่าสมแล้วจริงที่เป็นถึงขุมพลังที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์แท้จริงสร้างขึ้น ”
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาพร้อมทั้งเก็บเอาอาวุธทั้งหมดไป
“ไปกันต่อ ”
เขาหันไปพูดกับทั้งสองคนเพื่อมุ่งหน้าไปยังตำหนักอื่นๆที่เต็มไปด้วยสมบัติอยู่ภายใน
“เปรี้ยย ~! ”
ประตูได้ถูกเปิดออกพร้อมพบกับพลังฉีที่ทะลักออกมาจากภายในซึ่งแน่นอนว่าเป็นคลังเก็บคริสตัลวิญญาณ
หลินเทียนได้กวาดสายตาออกไปรอบๆพร้อมทั้งพบว่ามันมีอยู่ประมาณแปดหมื่นล้านกิโลกรัม
“มากกว่าทั้งหมดที่เรามีรวมกันด้วยซ้ำ ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เป็นเพราะสำหรับเขาแล้วมันถือเป็นขุมสมบัติที่ล้ำค่าไม่น้อย
เขาเก็บเอามันกลับไปพร้อมทั้งมุ่งหน้าไปยังตำหนักอื่นๆพร้อมพบกับสมบัติมากมายไม่ว่าจะเป็นยาทิพย์ แร่หินและยาอายุวัฒนะมากมาย
ท้ายที่สุดเขา เหลาเหลาและอสรพิษม่วงต่างพากันก้าวเดินเข้าไปภายในหอคัมภีร์ที่เต็มไปด้วยเคล็ดวิชามากมายแต่ที่สำคัญที่สุดคือเคล็ดวิชาจี่หยานที่เป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะเขตแดนนิรันดร์แท้จริง
“ของถูกเก็บมาหมดแล้ว เราจะไปกันเลย ? ”
เหลาเหลาถามออกมา
แม้ว่าขุมพลังแห่งนี้จะยิ่งใหญ่และมั่งคั่งมากๆแต่นางก็ไม่ได้ตกตะลึงแม้แต่น้อยเพราะว่าตระกูลของนางแข็งแกร่งกว่าขุมพลังนี้เสียอีก
“มีเรื่องที่ต้องไปจัดการก่อน ”
หลินเทียนหันมองออกไปทางอสรพิษม่วงพร้อมทั้งพูดว่า
“ต้องขอยืมพลังของท่านอีกครั้ง ”
“ได้สิ ”
มันเองก็รู้สึกสงสัยอยู่บ้างว่าหลินเทียนจะขอช่วยทำอะไรแต่ก็ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยพร้อมทั้งส่งถ่ายพลังไปให้กับหลินเทียนทำให้ร่างกายของหลินเทียนแผดกลิ่นอายเขตแดนนิรันดร์แท้จริงออกมา
และมันเป็นตอนนี้เองที่หลินเทียนได้หมุนวนทักษะฝังมังกรอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งฉีกพื้นดินออกแล้วเผยให้เห็นมังกรยักษ์มากมายที่ขดอยู่ใต้ดิน
มังกรยักษ์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเส้นชีพจรเทวะทั้งหมดซึ่งมันมีรวมกันอยู่กว่าเก้าร้อยตัวแถมยังมีบึงนิรันด์ที่ทำให้พลังฉีเข้มข้นขึ้นไปอีก
“เส้นชีพจรเทวะเก้าร้อยเส้นและบึงนิรันดร์ ”
หลินเทียนพึมพำอยู่กับตัวเองด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
มันอดทำให้เขาถอนหายใจออกมาไม่ได้เพราะสมแล้วจริงๆที่ถือเป็นดาวบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ไม่ว่าจะเป็นขนาดของดาวหรือจะเป็นจำนวนของเส้นชีพจรเทวะที่มีให้เห็นทั่วไป อย่างน้อยๆจำนวนเส้นชีพจรเทวะภายในดาวดวงนี้ก็น่าจะมีอยู่หลายแสนหรือเป็นล้านเส้นที่ถือว่ามากกว่าดาวสวรรค์สิบชั้นอยู่มาก
เรียกได้ว่าเทียบกันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
เขาดึงสติกลับมาอีกครั้งพร้อมทั้งอาศัยพลังที่ยืมมาบีบอัดเส้นชีพจรเหล่านั้นทำให้มันกลายเป็นเพียงมังกรตัวน้อยๆจำนวนนับไม่ถ้วนเท่านั้น
หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆเก็บเอาบึงนิรันดร์มาอย่างระมัดระวัง
เป็นเพราะว่าคุณค่าของมันเหนือชั้นเสียยิ่งกว่าเส้นชีพจรเหล่านี้ด้วยซ้ำและเรียกได้ว่ามันพอๆกับแก่นมังกรของเส้นชีพจรมังกรบรรพกาลเลยก็ว่าได้
“นี่กะไม่ให้เหลืออะไรเลยหรือไง ”
เหลาเหลาพึมพำออกมาพร้อมกับพูดว่า
“แต่รากฐานพวกมันก็ไม่ธรรมดาจริงๆนั่นแหละ ”
“หากว่าไม่มีค่าข้าก็คงไม่เอา ”
หลินเทียนตอบกลับ
“แล้วไปกันได้หรือยัง ? ”
เหลาเหลาถามออกมา
หลินเทียนพยักหน้าของเขาเพราะถึงอย่างไรของมีค่าก็ถูกเก็บกลับมาหมดแล้วก็คงถึงเวลาต้องไปเสียที
เขาหันไปพูดกับนางก่อนที่จะเหาะออกไปจากสถานที่แห่งนี้พร้อมทั้งตวัดมือส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังทำลายพื้นที่แห่งนี้ทั้งหมดแล้วมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกจนไปถึงภูเขาใหญ่แห่งหนึ่ง
มันเป็นตอนที่ๆเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างมากมายส่งกลิ่นอายที่น่าเกรงขามและล้ำลึกออกมา
เมื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้แล้วพวกเขาก็พากันก้าวเดินเข้าไปท่ามกลางสายตาที่หวาดหวั่นของเหล่าศิษย์ทำให้กลุ่มผู้มีอำนาจพากันออกมาขวางทางเอาไว้
“สังหารบรรพบุรุษของเราไปไม่พอยังกล้าบุกมาที่นี่งั้นรึ คิดว่านิกายเฉินเจียวของพวกเราเป็นอะไร ?! ต่อให้มีกึ่งนิรันดร์แท้จริงเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี ! ”
“อวดดีนะไอ้สัตว์ชั้นต่ำ ”
“เจดีย์ที่ท่านบรรพบุรุษเอามาไม่ได้แต่เจ้ากลับนำมันมามอบให้พวกเรากับมือตัวเองแบบนี้ ก็ดี ดีจริงๆ ! ”
ผู้เชี่ยวชาญพากันส่งเสียงออกมา
ผู้อาวุโสสูงสุดที่หนึ่งได้ส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาว่า
“เปิดการทำงานของข่ายอาคมพิทักษ์และอันเชิญกระบี่นิรันดร์ออกมาฆ่านังนั่นและสัตว์อสูรตัวนั้นซะ ”
หลังจากนั้นก็หันมองไปทางหลินเทียนแล้วพูดว่า
“ส่วนมันให้เก็บเอาไว้ก่อน หลังจากที่ชิงเอาเจดีย์และทักษะสายฟ้าจากมันได้แล้วค่อยฉีกมันเป็นชิ้นๆ ! ”
เมื่อสิ้นสุดคำพูดลงแล้วผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายก็พากันลงมือเปิดการทำงานของข่ายอาคมและสังเวยเอาอาวุธนิรันดร์แท้จริงออกมาจากภายในส่วนลึกของนิกายซึ่งรายล้อมไปด้วยอักขระลึกลับมากมายส่องประกายแสงและความเย็นยะเยือกออกมาเสมือนว่าสามารถฟาดฟันได้ทุกสรรพสิ่ง
ตู้มม ~!
กระบี่นิรันดร์นี้เป็นอาวุธนิรันดร์แท้จริงซึ่งเมื่อผสานเข้ากับข่ายอาคมพิทักษ์แล้วจะยิ่งทรงพลังขึ้นไปอีก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น