Divine King of All Directions 1410-1421
ตอนที่ 1410
ประกายสายฟ้าสีเงินอันทรงพลังอาบร่างของเขาเอาไว้อย่างเข้มข้น
นี่ทำให้กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตู้มม ~!
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังจากทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าหมุนวนอยู่ภายในร่างขณะที่เขาหลับตาลงทำให้พลังแห่งสัจธรรมกระเพื่อมออกไปเป็นระลอกๆส่งผลให้ประกายแสงที่อาบร่างของเขายิ่งเจิดจรัสขึ้นไปอีก
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนเต็ม
หนึ่งเดือนมานี้กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นถึงขีดสุดแถมประกายสายฟ้าที่อาบร่างของเขาเอาไว้ยังให้ความรู้สึกเสมือนว่าเขาเป็นผู้ปกครองเหนือทัณฑ์สวรรค์ทั้งปวง
ระดับพลังของเขาพุ่งสูงถึงเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตตอนปลายและอีกเพียงแค่ครึ่งก้าวก็สามารถก้าวข้ามไปได้แล้ว
มันเป็นตอนนี้เองที่เขาได้ลืมตากลับขึ้นมาด้วยแววตาที่ส่องประกายกระแสไฟฟ้า
เขาใช้เวลาเรียนรู้อยู่กว่าสองเดือนเต็มทำให้พอเข้าใจความจริงเกี่ยวกับทักษะนี้ว่ามันถือเป็นทักษะสังหารระดับสุดยอดเลยก็ว่าได้เพราะมันมีความสามารถในการควบคุมสายฟ้าทั้งปวงส่งผลให้ช่วยแทรกแซงพลังทำลายล้างของทัณฑ์สวรรค์ได้
“ถึงเวลาที่ควรจะกลับออกไปได้แล้ว ”
เป็นเพราะเขาได้รับทักษะนี้มาแล้วก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป
ยิ่งกว่านั้นเหลาเหลาเองก็รอเขาอยู่ด้านนอก
เขายืนขึ้นก่อนที่จะก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
สถานที่แห่งนี้ยังคงรายล้อมไปด้วยคลื่นสายฟ้าอันเข้มข้นที่สามารถสังหารทุกคนที่เข้าใกล้ได้อย่างง่ายดายไม่เว้นแม้กระทั่งเขตแดนนิรันดร์แท้จริง
เขาก้าวเดินออกไปโดยที่ไม่ได้รับแรงกดดันใดๆแม้แต่น้อยแถมยิ่งเขาที่เพิ่มสำเร็จทักษะสายฟ้ามาเองก็ทำให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้นไปอีกเพราะนอกจากจะไม่ได้รับแรงกดดันแล้วกลับผ่อนคลายเสมือนกำลังแช่บ่อน้ำพุร้อน
ไม่นานเขาก็ได้ก้าวเดินออกไปจนถึงพื้นที่ด้านนอกของสถานที่แห่งนี้
ตู้มมม ~!
มันเป็นตอนนี้เองที่กลิ่นอายอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาจากสถานที่ๆอยู่ห่างออกไปพร้อมทั้งก้าวเข้ามา
หลินเทียนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเองก็ได้แต่หันมองออกไปยังอีกฝ่ายพร้อมทั้งหยุดเท้าลง
เพราะแม้ว่านี่จะเป็นการพบกันครั้งแรกแต่เขาก็พอเดาที่มาของอีกฝ่ายได้ดี
“คนตระกูลฟาน ”
เขาพึมพำออกมา
เป็นเพราะสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยของอีกฝ่ายว่ามันมีกลิ่นอายแบบเดียวกันกับฟานเจิ้งเย่และผู้นำตระกูลฟานดังนั้นถึงได้ยืนยันสถานะของอีกฝ่ายได้ทันที
แน่นอนว่าร่างทั้งสามร่างนี้ล้วนเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลฟานที่อยู่ในเขตแดนกึ่งอนันตกาลซึ่งหลังจากที่ได้ยินเสียงของหลินเทียนแล้วพวกเขาก็ต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยทันที
“นี่เจ้ายังไม่ตายอีกงั้นรึ ?! ”
เป็นเพราะผู้นำตระกูล น้องชายผู้นำตระกูลและผู้อาวุโสอีกหลายคนได้ตกตายลงด้วยเงื้อมมือของหลินเทียนทำให้ทั้งตระกูลฟานถึงกับโกรธจัดซึ่งพวกเขาเองก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่าหลินเทียนได้เดินทางเข้ามาที่นี่ถึงได้แห่กันมาเพื่อฆ่าหลินเทียนไปพร้อมๆกับเก็บเกี่ยวเอาทักษะล้ำค่าที่อยู่ที่นี่
พวกเขามาถึงที่นี่เมื่อหนึ่งเดือนก่อนและได้ยินมาว่าหลินเทียนได้ก้าวเข้าไปภายในทะเลสายฟ้าแถมยังมีความเป็นไปได้ที่จะตกตายลงไปแล้วดังนั้นถึงได้รออยู่กว่าหนึ่งเดือนเต็มซึ่งหลินเทียนก็ยังไม่กลับออกมาทำให้พวกเขาต่างคิดว่าหลินเทียนได้ตกตายลงไปแล้วจริงๆ
ช่วงหนึ่งเดือนที่พวกเขาทำการสำรวจนี้ก็สามารถเข้าใกล้ทะเลสายฟ้าในระยะประชิดได้ด้วยเขตแดนอนันตกลได้สำเร็จและเพิ่งได้ก้าวเข้ามา
แต่ไม่คิดเลยว่าก้าวแรกที่เข้ามาถึงจะได้พบกับฆาตกรที่สังหารผู้นำตระกูลของตัวเอง
นี่ทำให้พวกเขาได้แต่ผงะไปก่อนที่แววตาจะส่องประกายความเย็นยะเยือกถึงขีดสุดออกมา
ระหว่างนี้เองที่ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบเองก็ได้แต่ผงะไปหลังจากที่เห็นท่าทางแปลกๆของผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามพลางหันมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงยิ่งกว่าเก่าไม่เว้นแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสองนิกายใหญ่
“นี่เขา….ยังมีชีวิตอยู่ ?! ยังไม่ตาย ! ”
ดูเหมือนว่าเขากำลังจะกลับออกมา ? นี่คงไม่ใช่ว่า…เขาได้รับทักษะนั้นไปแล้ว ?!
“นี่…..”
หลายๆคนที่อยู่ห่างออกไปได้แต่จ้องมองเข้าไปด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมาก
“ไม่เป็นอะไรจริงๆด้วย ! ”
เหลาเหลาเองก็ได้แต่แสดงท่าทางที่มีความสุขออกมา
แม้ว่านางจะเชื่ออยู่เต็มอกว่าหลินเทียนจะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอนแต่หลังจากที่ได้ยินบทสนทนาของผู้คนในช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี้ก็ทำให้นางอดเป็นห่วงเขาไม่ได้จนในที่สุดก็โล่งอกเสียที
หลินเทียนที่เพิ่งก้าวออกไปได้สบสายตากับผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามคนด้วยสีหน้าที่ราบเรียบอย่างมาก
“พวกเจ้าอยากจะฆ่าข้า ? ”
เขาหันมองออกไปเนื่องจากสัมผัสถึงจิตสังหารได้อย่างชัดเจน
แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาก็รู้ถึงเป้าหมายการมาของอีกฝ่ายดีว่าอย่างแรกก็เพื่อทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าและฆ่าเขา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนได้ส่งเสียงออกมาว่า
“พวกข้ามาเด็ดหัวเจ้า ! ”
หลังจากที่พูดจบแล้วพวกเขาก็ยังคงยืนอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหนทว่ากลับโบกมือสังเวยทักษะเทวะอันทรงพลังออกมากดทับเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่ปราณี
มันเป็นทักษะที่ลึกลับและทรงพลังอย่างมากถึงขั้นสามารถสังหารทุกคนที่อยู่ภายใต้เขตแดนอนันตกาลได้สบายๆ
ทว่าหลินเทียนก็ยังคงยืนอยู่กับที่โดยที่ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย เขาทำเพียงแค่หมุนวนทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าเล็กน้อยทำให้สถานที่แห่งนี้สั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมๆกับสร้างคลื่นสายฟ้าออกไปทำลายทักษะทั้งหมดไป
คลื่นพลังทำลายของประกายสายฟ้าเหล่านั้นยังคงพุ่งผ่านออกไปโอบร่างของผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามคนเอาไว้อย่างฉับพลัน
พุฟ ~ !
พุฟ !
พุฟฟ !
ร่างของผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามคนได้ถูกกระแทกลอยเคว้งออกไปด้านนอกอาณาเขตด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือดที่ไหลทะลักออกมาไม่หยุด
ตอนที่ 1411
ภาพเหล่านี้ทำให้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“เมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้น ?! ”
พวกเขาเห็นเพียงแค่ภาพของผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามคนที่สังเวยทักษะเทวะออกมาอัดเข้าใส่ทางหลินเทียนก่อนที่การโจมตีของพวกเขาจะแหลกสลายหายไปพร้อมๆกับร่างที่ถูกกระแทกปลิวออกไปไกล
“ทะเลสาย….ฟ้านั่นกำลังปกป้องเขาด้วยตัวมันเอง ?! ”
กลุ่มคนเหล่านี้ไม่รู้ว่ามันเป็นหลินเทียนที่ควบคุมคลื่นสายฟ้าเหล่านี้เพื่อกระแทกร่างของอีกฝ่ายไปทำให้ได้แต่ผงะไปไม่เว้นแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสองนิกายใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป
หลินเทียนเองก็ตระหนักได้ถึงความตกตะลึงในสายตาของคนรอบข้างได้อย่างดีแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรพร้อมทั้งก้าวเดินออกไปอย่างสบายอารมณ์
สายตาของเขากวาดเข้าหากลุ่มคนเหล่านี้ก่อนที่จะหยุดอยู่ที่ร่างของผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามของตระกูลฟานที่อยู่ห่างไกลออกไป
“นี่บรรพบุรุษของพวกเจ้าไม่คิดจะมาฆ่าข้าด้วยตัวเอง ? ”
เขาถามออกมา
ผู้อาวุโสสูงสุดที่อาบไปด้วยเลือดทั้งสามคนได้พยุงตัวเองกลับขึ้นมาอย่างยากลำบากพร้อมๆกับแววตาที่ส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาเมื่อได้ยินคำถามนี้
“มดปลวกอย่างเจ้าน่ะหรอต้องถึงมือท่านบรรพบุรุษ ! ตลกหน่า ! เจ้ามันก็ไม่เท่าไหร่หรอก ! ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา
หลินเทียนหันมองออกไปทางชายคนนั้นพร้อมทั้งตวัดนิ้วใส่โดยที่ไม่ได้พูดอะไร
ปรากฏคลื่นสายฟ้าสีเงินอันเข้มข้นขึ้นจากด้านหลังของอีกฝ่ายพร้อมทั้งกระแทกเข้าใส่อย่างไม่ปราณี
พุฟฟ ~!
กองเลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ร่างกายและดวงวิญญาณของชายคนนั้นแตกสลายหายไปอย่างฉับพลัน
“นี่มัน ?! ”
“คลื่นสายฟ้านั่นมัน……..”
“นั่นน่ะเขตแดนกึ่งอนันตกาลเลยนะ ! แต่กลับ…..”
หัวใจของหลายๆคนสั่นสะท้านไม่หยุด
ประกายแสงนั้นมันทรงพลังเกินไปไหม ?! ถึงขั้นสามารถสังหารเขตแดนกึ่งอนันตกาลได้ง่ายๆแบบนั้น ?!
ระหว่างนี้ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆเองก็ระลึกได้ถึงบางสิ่งนั่นคือการตวัดนิ้วของหลินเทียน
“นี่เขา…สามารถควบคุมประกายสายฟ้าเหล่านี้ได้ ?! ”
หนึ่งในผู้คนส่งเสียงสั่นๆออกมา
ผู้อาวุโสสูงสุดที่หนึ่งและสองที่อยู่ที่นี่เองก็อดสั่นไปไม่ได้เพราะว่าน้องสามของพวกเขาที่อยู่ในเขตแดนกึ่งอนันตกาลกลับตกตายลงแบบนี้
“เจ้า…..”
พวกเขาได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่โกรธและหวาดกลัวไปในเวลาเดียวกัน
หลินเทียนไม่เพียงแค่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากคลื่นสายฟ้าแถมยังควบคุมมันได้ดั่งใจนึก !
“เจ้าใช้ทักษะที่ได้รับมาจากภายในสถานที่แห่งนี้ควบคุมสายฟ้านี่ ?! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดที่หนึ่งได้ส่งเสียงกัดฟันพูดออกมา
คำพูดนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบได้แต่สั่นสะท้านไปด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนสี
“นี่มัน……..คือทักษะควบคุมสายฟ้าอันไร้เทียมทานจริงๆ ?! ”
สายตาของทุกคนล้วนหยุดอยู่ที่ร่างของหลินเทียนเพราะนี่เขาได้ถือครองทักษะในตำนานนั้นจริงๆ ?!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาของกลุ่มคนที่อยู่โดยรอบนั้นสีหน้าของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
“พูดแล้วก็น่าเสียดายจริงๆเพราะหากว่าบรรพบุรุษของเจ้ามาที่นี่ด้วยก็คงจะสนุกกว่านี้ ”
เขาหันมองออกไปพร้อมทั้งตวัดนิ้วเข้าใส่
ปรากฏคลื่นสายฟ้าสีเงินขึ้นด้านหลังของอีกฝ่ายพร้อมทั้งอัดเข้าใส่ร่างของผู้อาวุโสสูงสุดที่หนึ่งโดยทันที
“อ๊ากก ~! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดที่หนึ่งได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนก่อนที่ร่างกายและดวงวิญญาณจะดับสูญไป
“ผู้อาวุโสสูงสุดที่หนึ่งที่แข็งแกร่งเป็นรองแค่บรรพบุรุษตระกูลฟานกลับ……”
“ตวัดนิ้วง่ายๆกลับ… นี่เขาต้องถือครองทักษะล้ำค่านั้นอย่างแน่นอนถึงได้สามารถควบคุมมันได้แบบนี้ ! ”
“นี่…..”
หัวใจของผู้คนสั่นไหวอย่างรุนแรง
“ได้รับทักษะนั้น ?! เจ้านี่…ไม่ธรรมดาจริงๆ ”
ดวงตาของเหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปเปล่งประกายออกมา
ผู้อาวุโสสูงสุดที่เหลืออยู่คนสุดท้ายได้แต่สั่นสะท้านไม่หยุดเพราะว่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งอนันตกาลสามคนที่มาที่นี่กลับตกตายลงไปถึงสองคนในชั่วพริบตา
แถมคนที่สังหารพวกเขายังเป็นเพียงเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าเท่านั้น
เมื่อมองไปทางหลินเทียนแล้วหัวใจของเขาได้แต่เต้นระรัวก่อนที่จะรีบก้าวถอยกลับไป
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบอย่างเคย
“หากว่าบรรพบุรุษของเจ้ามาที่นี่ก็คงจะดี ข้าจะได้เก็บกวาดไปพร้อมๆกัน ”
เป็นเพราะเขาถือครองทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าแถมที่นี่ยังก่อตัวขึ้นจากทักษะนี้ดังนั้นเขาถึงได้สามารถควบคุมสายฟ้าเหล่านี้ได้ดั่งใจนึกดังนั้นต่อให้เขตแดนนิรันดร์แท้จริงมาที่นี่ก็ยังสามารถสังหารลงได้อย่างง่ายดายแถมยังเป็นการจัดการปัญหาในอนาคตอีกด้วย
เป็นเพราะเขามั่นใจอย่างมากว่าบรรพบุรุษของอีกฝ่ายจะต้องโผล่ออกมาไล่ล่าเขาแน่ๆและหากว่าไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะต่อกรกับอีกฝ่ายแม้จะเชี่ยวชาญทักษะนี้ก็ตามทีเพราะถึงอย่างไรความต่างชั้นระหว่างพวกเขาก็สูงเกินไป
“เจ้าเองก็ตายได้แล้วล่ะ ”
เขาหันมองออกไปพร้อมทั้งตวัดนิ้วช้าๆ
เป้าหมายของผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามคนนี้มาเพื่อสังหารเขาดังนั้นเขาจึงไม่มีทางปราณีอย่างเด็ดขาด
“ฟิ้วว ~! ”
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังพุ่งผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะอัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายพร้อมทั้งเผาผลาญดวงวิญญาณจนวอดวายไปท่ามกลางเสียงกรีดร้องอันโหยหวน
นี่ทำให้สถานที่แห่งนี้ตกสู่ความเงียบสงบอย่างสมบูรณ์
ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งอนันตกาลสามคนของตระกูลฟานกลับถูกเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่า..สังหารลงได้ภายในพริบตา !
แม้กระทั่งผู้อาวุโสของทั้งสองขุมพลังใหญ่ที่อยู่ที่นี่เองก็ยังได้แต่รู้สึกขนหัวลุกโดยที่ไม่กล้าปริปากออกมาแม้แต่น้อย
หลินเทียนหันมองออกไปยังกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายพร้อมทั้งเหาะออกไปอยู่ตรงหน้าของเหลาเหลาอย่างรวดเร็ว
“สุดยอดเกินไปแล้ว ! ไม่คิดเลยว่าจะสามารถควบคุมสายฟ้าเหล่านี้ได้ นี่เจ้าได้รับทักษะนั่นจริงๆ ?! ”
นางได้แต่มองมาทางเขาด้วยดวงตาอันงดงามที่เปล่งประกาย
หลินเทียนยิ้มตอบโดยที่ไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธไป
“ไปกันเถอะ ”
เขาพูดออกมา
เป็นเพราะว่าเป้าหมายในการมาที่นี่ได้บรรลุไปแล้วดังนั้นจึงทำให้เขาหมดห่วงเรื่องทัณฑ์สวรรค์ที่กำลังจะตามมาไปเปราะหนึ่งเพราะเชื่อว่าด้วยทักษะและร่างกายที่แข็งแกร่งจะต้องรับมือมันได้แน่ๆ
ตอนที่ 1412
“จะไปแล้ว ? ”
เมื่อเห็นสีหน้าของหลินเทียนและฟังจากคำพูดของเขาแล้วเหลาเหลาก็ถึงกับมีดวงตาที่เปล่งประกายออกมาเพราะตระหนักได้ถึงบางสิ่งพร้อมพูดว่า
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะค้นพบทักษะนั่นแล้วจริงๆสินะ สุดยอดไปเลย ! ”
“งั้นๆแหละ ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้มพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“ไปกันเถอะ ”
เป็นเพราะว่าทักษะที่จะช่วยเขาก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ก็ได้รับมาแล้วจึงไม่มีความจำเป็นอะไรต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกแล้ว
นี่ทำให้เขาเดินนำเหลาเหลาออกไปยังสถานที่ห่างไกลอย่างรวดเร็ว
“ชายคนนั้น……”
“ไม่ผิดแน่ จากสถานการณ์นี้แล้วเขาต้องได้รับทักษะนั่นไปแล้วแน่ๆ ! ”
“หากว่ารวมเจดีย์ที่สร้างจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลและอาวุธอนันตกาลตอนปลายแล้วเขานี่มัน…….ไม่ต่างไปจากขุมสมบัติเคลื่อนที่เลยนะ ! ”
กลุ่มคนได้แต่จ้องมองไปยังแผ่นหลังของหลินเทียนที่กำลังเดินจากไปโดยที่อดหัวใจเต้นไม่ได้
“พูดก็พูดนี่ตระกูลฟานย่อยยับด้วยเงื้อมมือของเขาเลยก็ว่าได้ ”
“ใช่ ! ฟานเจิ้งเย่เขตแดนนิรันดร์อมตะ ผู้อาวุโสเขตแดนเดียวกันอีกสี่คน ผู้นำตระกูลเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายและผู้อาวุโสสูงสุดเขตแดนกึ่งอนันตกาลอีกสามคน ตั้งแต่ก่อตั้งตระกูลฟานมาคงไม่เคยสูญเสียขนาดนี้ด้วยซ้ำ ”
“ข้าเดาได้เลยว่าบรรพบุรุษของพวกเขาคงจะอยากฆ่าตัวตายหลังจากที่ได้ยินข่าวเหล่านี้แน่ๆ ! ”
“ไร้สาระ เกิดเรื่องขนาดนี้ขึ้นแล้วคิดว่าเขาจะยังอยู่เฉยได้อีกงั้นรึ ?! บอกได้เลยว่าต้องรีบโผล่ออกมาอย่างแน่นอน ! ”
“นั่นน่ะเป็นถึงตัวตนระดับอนันตกาลเลยนะ ต่อให้ชายคนนั้นจะแข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ขนาดไหนก็ยังเป็นเพียงแค่เขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าเท่านั้น มันต่างชั้นกันอยู่มาก ”
“มันแน่นอนอยู่แล้วเพราะการที่เขาสามารถสังหารผู้นำตระกูลฟานและคนอื่นๆได้นั้นมันก็มีลับลมคมในบางอย่างส่วนการที่สามารถสังหารผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามได้ก็เพราะอาศัยพลังของพื้นที่แห่งนี้ หากวัดตามความแข็งแกร่งปกติแล้วเขาไม่สามารถต่อกรกับผู้นำตระกูลฟานได้ด้วยซ้ำดังนั้นไม่ต้องพูดถึงบรรพบุรุษเขตแดนอนันตกาลเลยก็ว่าได้ ”
“มันก็ยังไม่แน่หรอกนะ มั่นใจได้อย่างไรว่าเขาไม่มีวิธีการรับมือกับเขตแดนอนันตกาลกัน ? ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงที่ลึกลับและให้ความรู้สึกที่อันตรายอย่างมาก ไม่สามารถตัดสินเขาด้วยตรรกะธรรมดาๆได้หรอกนะ ”
“ก็จริงอย่างที่ว่านะ ”
“อย่างเดียวที่ข้ารู้คือเขาเป็นเหมือนกับขุมสมบัติเคลื่อนที่เลยล่ะ ! ”
ผู้เชี่ยวชาญบางคนส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายอย่างมากพร้อมทั้งอยากจะกลืนกินร่างหลินเทียนเข้าไปทั้งตัวเนื่องจากสมบัติที่เขาถือครองนั้นเพียงพอที่จะรับประกันเส้นทางบ่มเพาะในอนาคตให้กับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
ผู้อาวุโสของสองขุมพลังใหญ่เองก็ได้แต่จ้องมองออกไปยังเส้นทางที่หลินเทียนจากไป
“ต้องรีบรายงามเรื่องนี้ให้ท่านบรรพบุรุษทราบ ”
ผู้อาวุโสนิกายเฉินเจียวส่งเสียงออกมา
ผู้อาวุโสนิกายจี่หยานเองก็หันไปพูดกับผู้อาวุโสอีกคนว่า
“กลับกัน ! ”
เขาพูดออกมาสั้นๆแต่อีกฝ่ายเองก็รู้ถึงความหมายของคำพูดนี้เป็นดีว่า……มันคือการกลับไปเพื่อรายงานเรื่องทั้งหมดของหลินเทียนให้กับเบื้องบน
เป็นเพราะว่าหลินเทียนนั้นถือว่าไม่ธรรมดาเลยเพราะถือครองอาวุธที่สร้างจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลแถมยังได้รับทักษะไร้เทียมทานจากที่นี่ไป
พวกเขาจำเป็นต้องรายงานเรื่องเหล่านี้ไปให้กับเบื้องบนทั้งหมดเพื่อให้อีกฝ่ายตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรต่อ
……..
หลินเทียนเดินนำเหลาเหลาออกไปด้วยความเร็วที่ไม่ได้สูงมากก่อนที่จะไปถึงขุนเขาบรรพกาลแห่งหนึ่ง
โร๊วว ~~!
เสียงสัตว์อสูรคำรามถูกส่งออกมาเป็นพักๆ
พวกเขาพากันเดินเท้าผ่านสถานที่แห่งนี้ไปอย่างรวดเร็ว
“จะไปจากที่แบบนี้ได้หรือยัง ? ”
เหลาเหลาได้ถามออกมาเพราะนางไม่อยากจะอยู่ภายในสวนสวรรค์นี้อีกต่อไปแล้วเนื่องจากได้รับอันตรายมามากมาย
“รีบร้อนไปทำไมกัน เดินสำรวจที่นี่ก่อนเพราะบางทีอาจจะได้เก็บเกี่ยวเพิ่มมากขึ้นก็ได้ ”
หลินเทียนได้ตอบกลับไป
เป็นเพราะว่าพวกเขาก็ไม่ได้มีเรื่องด่วนอะไรต้องไปจัดการแถมที่นี่ยังเป็นสถานที่ปิดผนึกมาตั้งแต่อดีตดังนั้นแล้วก็คงจะให้กำเนิดสมบัติอยู่มากมายซึ่งเขาเองก็อยากจะสำรวจให้ทั่วเสียก่อน
เหลาเหลาได้เผยรอยยิ้มออกมาเพราะแม้ว่าไม่อยากจะอยู่ที่นี่เอามากๆแต่ในเมื่อหลินเทียนพูดแบบนี้แล้วนางก็ไม่ขัดข้องอะไรแถมสิ่งที่หลินเทียนพูดเองก็ยังเป็นความจริงอีกด้วย
“ตู้มม ~! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นจากทางทิศเหนือของสถานที่แห่งนี้พร้อมๆกับกลิ่นอายโอสถอันเข้มข้นที่พวยพุ่งออกมา
“นี่มัน..”
สีหน้าของเหลาเหลาได้เปลี่ยนไปทันทีพร้อมๆกับส่งเสียงออกมาว่า
“เป็นกลิ่นอายโอสถที่เข้มข้นมากๆแถมยังมีพลังฉีที่หนาแน่นแบบนี้ หรือว่ามันเพิ่งจะถือกำเนิดกัน ? ”
ไม่เพียงแค่นางเท่านั้นเพราะแม้แต่หลินเทียนเองก็ยังมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปหลังจากที่สัมผัสได้ถึงความหนาแน่นระดับนี้
“เพิ่งพูดถึงโอกาสไม่ทันไร โอกาสก็มาถึงแล้ว ”
ดวงตาของเขาหรี่เล็กลงโดยทันที
“ไปกันเถอะ ! ”
เขาพูดออกมาพร้อมทั้งห่อหุ้มร่างของนางเอาไว้ด้วยประกายแสงสีทองก่อนที่จะเหาะไปอย่างรวดเร็ว
เขามั่นใจอย่างมากว่าสถานที่แห่งนั้นจะต้องมีสมบัติถูกซ่อนเอาไว้และหากว่าได้มันมาก็จะทำให้เขาตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะได้อย่างแน่นอน
ความเร็วของเขาสูงเป็นอย่างมากพร้อมทั้งไปถึงสถานที่แห่งนั้นภายในชั่วพริบตาเท่านั้น
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้กับกลุ่มหมอกที่ใจกลางของมันมีหลุมขนาดใหญ่และกลิ่นอายโอสถที่ไหลทะลักออกมาจากใต้พื้นดินแห่งนั้น
“นี่……ไม่คิดเลยว่าจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย ! ”
“เป็นกลิ่นอายโอสถที่เข้มข้นมากๆ ด้านใต้นี้จะต้องมีสมบัติอยู่แน่ๆ ! ”
“รีบไปกันเร็ว ! ”
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่แห่กันมาถึงต่างพากันส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายพร้อมทั้งพุ่งลงไปอย่างไม่รอช้า
พริบตาผู้เชี่ยวชาญกว่าร้อยก็พากันกระโดดลงไป
แถมยังมีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญพากันแห่มาที่นี่หลังจากที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายโอสถอันเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง
“เราเองก็ไปกันเถอะ ”
หลินเทียนหันไปพูดกับเหลาเหลาก่อนที่จะกระโดดลงไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อลงมาถึงโลกใต้ดินแล้วเขาก็พบว่ามันมีความกว้างที่น่าเหลือเชื่ออย่างมากแถมยังเต็มไปด้วยภูเขาและพืชพันธุ์มากมายไม่ได้ต่างไปจากโลกใบเล็กเลยก็ว่าได้
“แปลกมากๆ ก่อนหน้านี้ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายโอสถที่เข้มข้นมากๆแต่ทำไมพอลงมาแล้วมันถึงได้เบาบางแบบนี้ ?”
เหลาเหลาส่งเสียงกระซิบออกมา
ที่นี่น่าจะมีสมุนไพรชั้นเลิศอยู่จริงๆแต่เป็นเพราะว่ามันกักเก็บพลังงานเอาไว้มากเกินไปถึงได้ระเบิดออกมาและเป็นเพราะว่าพื้นดินได้ระเบิดออกทำให้กลิ่นอายเหล่านั้นพวยพุ่งขึ้นไปจนหมดจึงไม่แปลกที่เมื่อลงมาแล้วมันจะเบาบางกว่ามาก
หลินเทียนพูดออกมา
เขาหันมองออกไปด้วยดวงตาที่รายล้อมไปด้วยตรามังกรเพื่อสำรวจสถานที่แห่งนี้พลางก้าวเดินออกไป
……….
ตระกูลฟาน…….
“ว่าไงนะ ?! ”
เสียงคำรามที่อัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้นถูกส่งออกมาจากภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้
ผู้นำตระกูลฟาน ผู้อาวุโสสี่คน และฟานเจิ้งเย่ถูกสังหารไปยังไม่พอ ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดเขตแดนกึ่งอนันตกาลทั้งสามคนยังตกตายลงนี่ทำให้ผู้อาวุโสคนอื่นๆได้แต่สั่นสะท้านไปส่วนบรรพบุรุษตระกูลฟานถึงกับส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง
“ไอ้ชาติชั่ว !!! ”
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของบรรพบุรุษตระกูลฟานพุ่งไปยังสวนสวรรค์ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
……………..
ภายในโลกใต้ดิน………
หลินเทียนยังคงเดินสำรวจพื้นที่ภายในไปพร้อมๆกับเหลาเหลาโดยที่ก้าวผ่านขุนเขาไปมากมาย
“เจ้าแน่ใจหรือว่ามันจะมีสมบัติอยู่จริงๆ ? ”
เหลาเหลาถามออกมา
“มี ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขา
เป็นเพราะความเชี่ยวชาญด้านทักษะฝังมังกรทำให้เขารู้ดีว่าสมบัติถูกซ่อนเอาไว้ตรงจุดไหน
แม้ว่าเทือกเขาแห่งนี้จะไม่ได้สูงมากแต่กลับมีอยู่มากมายซึ่งสีของมันมีทั้งออกดำ ออกน้ำตาลเข้มแถมยังรายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอก
เขาและเหลาเหลาเดินเข้ามาถึงที่นี่ก่อนที่จะพบกับซากโครงกระดูกของสัตว์อสูรมากมาย
เมื่อมาถึงที่นี่แล้วเขากลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอสูรที่คุ้นเคยซึ่งผสมผสานไปด้วยกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงจึงทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยทันที
“นี่น่า….จะเป็นกลิ่นอายของอสูรที่อยู่ภายในถ้ำก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ว่ามันกำลังตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริงหรือไงกัน ทำไมถึงได้มีกลิ่นอายของมันอยู่ที่นี่ ? หรือเพราะเหนื่อยเกินไปจึงมาผ่อนคลายที่นี่ ? ”
ตอนที่ 1413
เจียงเหลาเหลาได้แต่คอหดไปขณะที่หลินเทียนเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่น้อยเพราะว่ามันมีกลิ่นอายของอสรพิษร้ายที่กำลังตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริงอยู่ แล้วนี่มันมาทำอะไรที่นี่กัน ?
“หากว่ามันกำลังตัดผ่านก็น่าจะอยู่ที่ถ้ำนั่นและไม่น่าจะมาที่นี่ถึงจะถูก หรือว่ามันตัดผ่านได้แล้วถึงได้มาที่นี่กัน ? ”
เขาคิดอยู่ภายในใจก่อนที่จะส่ายศีรษะของเขาเพราะว่ามันมีความเป็นไปได้อยู่ต่ำมากๆ
จากสถานการณ์ที่เขาเห็นนั้นอีกฝ่ายมันไม่สามารถตัดผ่านได้ง่ายแบบนั้น
“ตู้มม ~! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่กลิ่นอายอสูรอันเข้มข้นได้ระเบิดออกมาพร้อมๆกับปรากฏงูหลามยักษ์ที่มีสายตาที่ล้ำลึกรายล้อมไปด้วยเปลาเพลิงปีศาจบรรพกาลเสมือนว่ากำลังสังเวยทักษะที่แข็งแกร่งออกมา
“เป็น……มันจริงๆด้วย ! ”
เหลาเหลาถึงกับโง่งมไปทันที
หลินเทียนเองก็ประหลาดใจไม่น้อยเพราะว่าอีกฝ่ายมาที่นี่จริงๆด้วย
“ดูเหมือนว่ามันกำลังพยายามทำลายข่ายอาคมบางอย่าง เรารีบหนีกันเร็ว ! ”
เหลาเหลากลืนน้ำลายของตัวเองกลับไปพร้อมทั้งส่งเสียงออกมา
เมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้พวกเขาได้ล่อผู้นำตระกูลฟานและคนอื่นๆเข้าไปภายในถ้ำของมันเพื่ออาศัยพลังของอีกฝ่ายในการฆ่าล้างศัตรูแต่มันก็เป็นการรบการการตัดผ่านของอีกฝ่ายดังนั้นหากว่าอีกฝ่ายพบพวกเขาเข้าก็คงจะต้องตกตายลงอย่างแน่นอน
หลินเทียนพยักหน้าของเขาและไม่ได้พูดอะไรก่อนที่จะหันหลังจากไป
พลังอสูรอันเข้มข้นที่ผสมผสานไปด้วยกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงถูกส่งออกมาและแทบจะในเวลาเดียวกันนี้เองที่สายตาของมันได้จับจ้องไปที่ร่างของหลินเทียนและเหลาเหลา
“เจ้ามนุษย์ ! เป็นเจ้า ! ”
มันได้ส่งเสียงออกมาด้วยแววตาที่ไม่แยแสพร้อมทั้งตวัดหางส่งประกายแสงอันทรงพลังเข้าใส่ทางหลินเทียนด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
เมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้มันอุส่ากำลังจะตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริงทว่าเป็นเพราะการชี้นำของหลินเทียนได้ล่อเอาผู้บุกรุกเข้าไปภายในถ้ำทำให้มันจดจำใบหน้าของเขาได้อย่างดี
ณ ตอนนี้หลังจากที่ได้พบกับหลินเทียนอีกครั้งก็ได้ส่งคลื่นพลังอัดเข้าใส่ทางเขาอย่างไม่ลังเล
มันเป็นการโจมตีของเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงที่ผสมผสานจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวเอาไว้ถึงขั้นที่ต่อให้เป็นเขตแดนอนันตกาลก็ไม่มีทางรับมือได้
สีหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนไปโดยทันทีถึงขั้นที่ท้องไส้ของเขาปั่นป่วนอย่างรุนแรง
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้สั่นกลัวพร้อมรีบสังเวยก้าวย่างแห่งสวรรค์และทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าออกมาเพื่อเบี่ยงหลงการโจมตีนี้
วิ้สส ~!
มิติโดยรอบได้แหลกสลายหายไปขณะที่จุดที่หลินเทียนและเหลาเหลาเคยอยู่ได้กลายเป็นผุยผงอย่างฉับพลัน
อีกฝ่ายได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาไม่น้อย
เป็นเพราะมันอยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงแล้วและแม้การโจมตีเมื่อครู่จะเป็นการโจมตีธรรดมาๆทว่าความเร็วของมันนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างมากแต่ก็ไม่คิดเลยว่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าจะสามารถหลบได้
หลังจากนั้นมันก็สังเกตเห็นประกายสายฟ้าสีเงินที่รายล้อมร่างของหลินเทียนเอาไว้ทำให้ร่างกายของมันได้แต่สั่นสะท้านอย่างไม่หยุดหย่อน
“นี่มัน ?! ”
ดวงตาของมันแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อและได้แต่จับจ้องไปทางหลินเทียนอย่างไม่วางตา
หลินเทียนที่นำเหลาเหลาหลบการโจมตีนี้ไปไม่กล้าที่จะอยู่ต่อพร้อมทั้งเร่งความเร็วของเขาขึ้นไปอีก
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่ทักษะทั้งสองผสานเข้าด้วยกันทำให้ความเร็วของเขาทวีคูณมากขึ้นไปอีก
“หยุดก่อนเจ้ามนุษย์ ! ”
น้ำเสียงนี้ถูกส่งออกมาจากอสรพิษตัวนี้ขณะที่มันพุ่งออกมาขวางร่างของหลินเทียนเอาไว้พร้อมทั้งใช้พลังอสูรปิดกั้นพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้
“ตาย ตาย ! ตายแน่ๆ ! ข้าบอกแล้วว่าที่นี่มันเป็นดินแดนปีศาจชัดๆ ! ”
เหลาเหลาอยากจะร้องไห้ออกมา
หลินเทียนเองก็รู้สึกขนหัวลุกไปไม่น้อยเช่นกัน เขาเสียดายอย่างมากที่ไม่ได้ไปจากที่นี่หลังจากที่ได้รับทักษะล้ำค่ามาทำให้ต้องมาพบกับอสูรร้ายตัวนี้อีกครั้ง …….นั่นน่ะอสูรเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานแล้วจะให้เขาต่อต้านได้อย่างไรกัน ?!
“เจ้ามนุษย์ เจ้าได้รับมรดกของเทพฟาง ?! ”
เสียงนี้ถูกส่งออกมาขณะที่อสรพิษร้ายจับจ้องอยู่ที่ร่างของเขา
ณ ตอนนี้แววตาของมันไม่ได้แฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกอีกต่อไปแต่กลับอัดแน่นไปด้วยความตื่นเต้นและประหลาดใจ
หลินเทียนเองก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีความเป็นปฏิปักษ์ต่อเขาอีกต่อไปแถมยังให้ความรู้สึกเสมือนกำลังคาดหวังบางอย่าง
เขาได้นิ่งไปก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ข้าไม่รู้ว่าเทพฟางที่เจ้าว่าคืออะไรแต่ข้าได้รับทักษะควบคุมสายฟ้าที่แข็งแกร่งเมื่อไม่นานมานี้ ”
“ใช่แล้ว เป็นมรดกของเทพในตำนานผู้นั้น ! เจ้า…ได้รับมันมาจริงๆ ! ประกายแสงสายฟ้าของเจ้ามันเป็นแบบเดียวกันกับที่เทพฟางทิ้งเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าและคนอื่นๆออกไปจากที่นี่ ! ”
อีกฝ่ายส่งเสียงออกมาด้วยความตื่นเต้นถึงขีดสุดแม้ว่ามันจะเป็นอสูรที่มีชีวิตอยู่มาเนิ่นนานทว่าในตอนนี้กลับตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัว
สีหน้าของหลินเทียนได้เปลี่ยนไปอีกครั้งพร้อมทั้งหันมองไปทางมันแล้วพูดว่า
“มีพลังที่มองไม่เห็นปิดกั้นไม่ให้พวกเจ้าออกไปจากดินแดนแห่งนี้ ? ”
มันทำให้เขาระลึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของเหลาเหลาที่ว่าเป็นเพราะเหตุผลบางอย่างทำให้อสูรตัวนี้ไม่สามารถไล่ตามนางออกไปจากสวนแห่งนี้ได้แต่ที่แท้มันคือข่ายอาคมสายฟ้า ?
“ใช่แล้ว มันเป็นข่ายอาคมที่มีมาเนิ่นนานซึ่งทุกชีวิตที่เกิดและเติบโตขึ้นที่นี่จะได้รับผลกระทบนี้ทำให้ไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ ”
อีกฝ่ายได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยดวงตาที่เปล่งประกายพลางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวังว่า
“เจ้ามนุษย์ได้โปรดช่วยข้าออกไปทีเถอะ ! มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถปลดปล่อยข้าได้ ! ”
ตอนที่ 1414
ไม่รู้เลยว่ามันผ่านไปนานขนาดไหนตั้งแต่ที่เกิดมาจนถึงตอนตัดผ่านเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงนี้ แม้ว่าจะรู้ว่าโลกภายนอกมันกว้างใหญ่อย่างมากและแม้จะรู้ว่าตัวเองแข็งแกร่งแต่ก็ยังไม่สามารถไปจากที่นี่ได้ นี่มันเป็นการทรมานที่ร้ายแรงอย่างมาก
ตอนนี้หลินเทียนที่ได้รับมรดกนั้นไปแล้วทำให้มันเชื่อว่าหลินเทียนจะต้องสามารถช่วยมันหนีออกไปจากคุกนรกแห่งนี้ทำให้ดวงตาของมันจุดประกายความหวังขึ้น
“ได้โปรดเถอะเจ้ามนุษย์ ”
มันส่งเสียงออกมาขณะที่พลังอสูรที่แผดออกมาสงบลงส่งผลให้มิติโดยรอบกลับเป็นปกติอีกครั้ง
หลินเทียนเองก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่รุนแรงของอีกฝ่ายได้อย่างดีเสมือนว่าเขาเป็นเพียงฟางเส้นสุดท้ายที่มันสามารถคว้าเอาไว้ได้
เขาได้เงียบไปก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ให้ข้าสำรวจดูก่อน ”
เขายืนอยู่กับที่พร้อมทั้งหมุนวนเคล็ดวิชาเบญจอัสนีสะท้านฟ้าพร้อมทั้งกวาดจิตสัมผัสออกไปรอบๆก่อนที่จะโอบร่างของอีกฝ่ายเอาไว้
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปครู่หนึ่งพร้อมๆกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขาเพราะเขาเองก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแบบเดียวกันที่ปกคลุมไปทั่วสถานที่แห่งนี้แถมยังมีพลังในการสะกดไม่ให้สิ่งมีชีวิตใดๆหนีออกไปและเขาเองก็สัมผัสได้ว่าด้วยทักษะที่เขาถือครองมันสามารถช่วยอีกฝ่ายออกไปได้จริงๆ
“เป็นไง ? ”
เหลาเหลาได้ถามออกมา
“เป็นอย่างที่มันพูดจริงๆ พลังสายฟ้านี่สะกดทุกชีวิตอยู่อยู่ภายในดินแดนแห่งนี้ไม่ให้สามารถหนีออกไปได้และทักษะที่ข้าได้รับมาสามารถช่วยพวกเขาได้ ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เหลาเหลาที่ได้ยินเช่นนี้ได้แต่ผงะไป นี่มันจะดี ?
อสรพิษที่เห็นเช่นนั้นเองก็ได้แต่สั่นสะท้านไปเพราะตอนที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแบบเดียวกันจากหลินเทียนก็ทำให้มันเชื่อว่าหลินเทียนจะต้องสามารถช่วยมันได้แน่ๆทว่าหลังจากที่ได้ยินคำยืนยันของหลินเทียนแล้วมันก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีกพลางส่งเสียงอ้อนวอนออกมาว่า
“ได้โปรดเถอะเจ้ามนุษย์ ช่วยข้าด้วย ! ”
มันเกิดและเติบโตขึ้นที่นี่จนถึงกึ่งเขตแดนนิรันดร์แท้จริงในตอนนี้ดังนั้นเมื่อมีโอกาสที่จะออกไปจากที่นี่แล้วมันก็ต้องพยายามคว้าเอาไว้
หลินเทียนได้เงียบไปก่อนที่จะพูดว่า
“ไม่มีปัญหา ข้าจะช่วยทว่าเจ้าเองก็ต้องช่วยข้าทำเรื่องสองเรื่องเป็นการแลกเปลี่ยน ”
เขาพูดอย่างต่อเนื่องว่า
“เรื่องสองเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเจ้าเลย ก็แค่ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งกับข้าและอีกเรื่องก็คือการช่วยข้าหาตำแหน่งของดาวดวงหนึ่งในห้วงจักรวาลนี้ ”
เป็นเพราะว่าในหุบเขากลืนนิรันดร์นั้นมีเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อยู่ซึ่งต่อให้เป็นเขตแดนอนันตกาลเองก็ยังถือว่าอันตรายที่จะรุกล้ำเข้าไปดังนั้นด้วยระดับพลังของเขาจึงจำเป็นต้องอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายเสียก่อนถึงจะเข้าไปได้ทว่าการที่มีเพื่อนร่วมเดินทางเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงแบบนี้เขาก็เชื่อว่าด้วยความสามารถของมันจะต้องนำเขาเข้าไปเอาเศษเสี้ยวกระบี่นั่นได้แน่นอน
ส่วนเรื่องค้นหาที่อยู่ของดาวก็แน่นอนว่ามันคือที่อยู่ของดาวสวรรค์สิบชั้นเพราะเขาอยากจะกลับไปที่นั่นมากๆเนื่องจากมันเป็นที่อยู่ของคนสำคัญทั้งหมดของเขา
“แค่นี้ ? ”
ด้วยระดับพลังของมันแล้วคำขอของหลินเทียนไม่ได้ถือว่ายากเย็นอะไรเลยจริงๆ
“ใช่แล้ว สองเรื่องนี้เท่านั้น ”
หลินเทียนตอบกลับไป
จริงๆแล้วตอนแรกเขาก็ไม่อยากจะให้อีกฝ่ายเข้าไปภายในหุบเขากลืนนิรันดร์เป็นเพื่อนเขาเพราะมันเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากและกลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดไม่ซื่อและลงมือกับเขาเพื่อชิงมัน
อย่างไรก็ตามความคิดนี้ก็ถูกทิ้งไปอย่างรวดเร็วเพราะอีกฝ่ายเองก็รู้ดีว่าเขาควบคุมทักษะที่สามารถช่วยมันออกไปได้ดังนั้นมันจะต้องซื่อสัตย์กับเขาเนื่องจากด้วยระดับพลังของมันในตอนนี้แล้วสามารถบังคับเขาได้ตั้งแต่แรกทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ทำมันแต่ยอมลดตัวลงมาขอร้องแบบนี้ก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่ามันไม่ได้เป็นอสูรที่มีนิสัยชั่วร้ายอะไร
“ได้ ไม่มีปัญหา ! ข้าขอสาบานด้วยเกียรติของข้าว่าตราบเท่าที่ข้าออกไปจากที่นี่ได้ก็จะช่วยทำความความประสงค์ของเจ้า ! ”
อีกฝ่ายส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะหากเทียบกับเรื่องคำขอของหลินเทียนแล้วมันเป็นเรื่องที่ถือว่าง่ายมากๆ
“อื้ม เอาตามนั้นแล้วกัน ! ”
หลินเทียนพูดออกมา
เพราะเอาจริงๆแล้วการช่วยอีกฝ่ายก็ไม่ใช่เรื่องที่ลำบากสำหรับเขาเช่นกัน
อีกฝ่ายได้แต่แสดงท่าทางที่ตื่นเต้นออกมาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะสงบสติลงได้พร้อมทั้งแปรเปลี่ยนกลายเป็นร่างของชายวัยกลางคน
“ข้าพบว่าใต้พื้นดินนี้มีหยกนิรันดร์สุดขั้วที่มีประโยชน์ต่อการตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริงของข้าอยู่ ข้าอยากจะเก็บมันก่อนแล้วค่อยไปได้ไหม ? ”
ระดับพลังของมันแข็งแกร่งถึงขั้นที่สามารถปกครองดาวดวงนี้ได้ก็จริงทว่าท่าทางที่มันปฏิบัติต่อหลินเทียนกลับเต็มไปด้วยความนอบน้อมอย่างมาก
“หยกนิรันดร์สุดขั้ว ?! ”
สีหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนไปโดยทันทีเพราะเขาเองก็รู้จักมันเป็นอย่างดีว่ามันเป็นหยกที่สร้างขึ้นจากการรวมตัวกันของพลังสัจธรรมที่ถือเป็นสมบัติชั้นเลิศสำหรับผู้ที่จะตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริง
นี่ทำให้เขาเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมอีกฝ่ายที่ควรจะอยู่ภายใต้ถ้ำกับถ่อมาที่นี่ก็เพราะว่ามันสัมผัสได้ถึงสมบัตินี้
หลังจากนั้นเขาก็ได้ระลึกถึงบางสิ่งพร้อมทั้งพูดออกมาว่า
“อ่อใช่ ต้องขอโทษสำหรับเรื่องที่ข้าล่อลวงศัตรูเข้าไปหาเจ้าเมื่อครั้งก่อนด้วย เจ้าน่าจะได้รับผลกระทบไม่น้อย ”
เป็นเพราะการกระทำของเขาเป็นการรบกวนการบ่มเพาะของอีกฝ่ายซึ่งมันถือว่าเขาเป็นฝ่ายผิดอย่างแท้จริง
อีกฝ่ายได้โบกมือของมันพร้อมทั้งพูดว่า
“ช่างมันเถอะ แม้ว่ามันจะมีผลกระทบไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร ข้าเองก็เก็บตัวบ่มเพาะเพื่อตัดผ่านมานานแต่ก็ไม่สำเร็จเสียทีดังนั้นต่อให้ไม่เกิดเรื่องเมื่อสองเดือนก่อนขึ้นข้าก็ไม่มีทางตัดผ่านได้เหมือนเดิม ยิ่งไปกว่านั้นข้าเองก็เปิดฉากโจมตีเข้าใส่เจ้าและคุณหนูคนนี้ดังนั้นก็ถือว่าหายกันนะ ”
มันกลัวมากกว่าการโจมตีเมื่อครู่ของมันจะทำให้หลินเทียนโกรธซึ่งหากว่าเมื่อครู่หลินเทียนได้ตกตายลงแล้วมันก็คงจะต้องเสียใจไปทั้งชีวิตเนื่องจากเขาเป็นเพียงความหวังเดียวที่จะให้มันออกไปจากที่นี่ได้
“อื้ม ”
หลินเทียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มพร้อมกับพูดว่า
“งั้นผู้อาวุโสก็ไปจัดการเรื่องของท่านก่อนแล้วเราค่อยไปกัน รุ่นเยาว์เองก็มาที่นี่เพื่อเอาสมบัติบางสิ่งเช่นกัน ”
แค่มองก็พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายมีอายุอยู่เป็นแสนๆปีแล้วดังนั้นการที่เรียกอีกฝ่ายว่าผู้อาวุโสก็ไม่ผิดอะไร
แถมเขาเองก็ยังใช้ตรามังกรตรวจสอบแล้วว่าภายในสถานที่แห่งนี้มีสมบัติล้ำค่าที่สามารถทำให้เขาตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะอยู่อย่างแน่นอน
“สมบัติล้ำค่า ? ”
อีกฝ่ายได้ถามออกมาด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิดก่อนที่จะพูดต่อว่า
“หรือว่ากลิ่นอายโอสถที่มันทะลักออกมาก่อนหน้านี้ ? ”
หลินเทียนถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปพร้อมถามกลับว่า
“ผู้อาวุโสรู้ด้วย ? ”
เหลาเหลาเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกันเพราะเกรงว่าสิ่งที่พวกเขาค้นหาจะเป็นสิ่งเดียวกันกับของอีกฝ่าย
อีกฝ่ายได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
“อื้ม ระหว่างที่ข้าพบหยกนิรันด์สุดขั้วเองก็พบว่าข้างๆของมันมีสมุนไพรหลากสีโตอยู่ข้างๆแถมยังส่งกลิ่นอายโอสถที่เข้มข้นออกมาแต่มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับข้าเลยไม่ได้สนใจแต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นของที่เพื่อนตัวน้อยค้นหาอยู่สินะ ”
นี่ทำให้พลังอสูรของมันพวยพุ่งออกมาห่อหุ้มร่างของหลินเทียนและเหลาเหลาเอาไว้ก่อนที่ร่างของพวกเขาจะปรากฏตัวขึ้นภายในหุบเขาอันมืดมิด
เมื่อมองเข้าไปแล้วจะพบว่ามันเต็มไปด้วยโครงกระดูกมากมายอากาศอันเย็นยะเยือกแถมพื้นดินยังเป็นสีดำสนิท
“ตรงนั้นแหละ ”
อีกฝ่ายส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งชี้ออกไปยังมุมๆหนึ่ง
หลินเทียนหันมองตามออกไปพร้อมทั้งพบกับสมุนไพรต้นเล็กๆที่ส่องประกายแสงห้าสีออกมาให้ความรู้สึกเสมือนว่าเป็นนกฟินิกซ์ที่กำลังจะโบยบิน
“ฟินิกซ์หลากสี ! ”
ดวงตาของหลินเทียนเปล่งประกายออกมาเพราะเขาเองก็เคยอ่านบันทึกเกี่ยวกับมันมาก่อนว่าสามารถช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะตัดผ่านได้ทันที
“งดงามจริงๆ ! ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมา
ประสบการณ์ของนางไม่ได้มากมายเท่าหลินเทียนจึงไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่รู้ว่ามันงดงามอย่างมาก
อสรพิษม่วงได้หันมองมาทางหลินเทียนพร้อมกับพูดว่า
“เพื่อนตัวน้อยเอามันไปเถอะ มันไม่มีประโยชน์กับข้าอยู่แล้วส่วนข้าจะเก็บเอาหยกนิรันดร์สุดขั้วก่อน มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณสามวัน ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งไม่ลังเลเลยที่จะก้าวออกไปเพราะมันไม่มีประโยชน์ต่ออสรพิษม่วงจริงๆ
เขาก้าวออกไปตรงหน้าสมุนไพรก่อนที่จะใช้ทักษะพิเศษเก็บมันขึ้นมาแล้วค่อยๆเก็บกลับไปในแหวนมิติอย่างระมัดระวัง
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส ”
หลินเทียนหันมองออกไปพร้อมพูดออกมา
อีกฝ่ายได้โบกมือให้กับเขาพร้อมพูดว่า
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เพื่อนตัวน้อยสุภาพจริงๆเลยนะ ”
หลังจากที่พูดจบแล้วมันก็ได้พูดต่อว่า
“เพื่อนตัวน้อยถอยออกไปก่อน ข้าจะ……”
“บึ้สส ~! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่สถานที่แห่งนี้ได้สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่ประกายแสงสีเงินพวยพุ่งออกมาจากด้านใต้พร้อมทั้งพุ่งหนีไปด้วยความเร็วที่สูงจนน่าเหลือเชื่อ
“แย่แล้วสิ ! มันเปิดภูมิปัญญาแล้วและคิดจะหนีไปจากที่นี่ !”
สีหน้าของอสรพิษม่วงเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
ตอนที่ 1415
ประกายแสงเจิดจรัสถูกส่งอออกมาก่อนที่จะพุ่งผ่านออกไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
“นั่นมันคือหยกนิรันดร์สุดขั้ว ? ”
สีหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนไปโดยทันทีเพราะว่าความเร็วของมันสูงเป็นอย่างมากแถมยังผสมผสานกลิ่นอายของนิรันดร์แท้จริงเอาไว้ด้วย
เขาได้แต่คิดว่าการที่สมันไพรฟินิกซ์หลากสีถือกำเนิดขึ้นที่นี่น่าจะเป็นเพราะมันอย่างแน่นอน
ตู้มม ~!
คลื่นพลังอสูรอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาจากร่างของอสรพิษม่วงก่อนที่จะปิดกั้นพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายหนีไปไหนได้
น่าเสียดายที่ผลลัพธ์ของมันไม่ได้ดีอย่างที่คิดไว้เพราะว่ามันสามารถเคลื่อนที่ผ่านม่านพลังทั้งหลายออกไปโดยที่ไม้ได้รับผลกระทบใดๆแม้แต่น้อย
“นี่ขนาดผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงเองก็ยังไม่สามารถจับมันได้ ?! ”
เหลาเหลาได้แต่ผงะไป
“มันกำเนิดขึ้นที่นี่แถมยังมีสติปัญญาเป็นของตัวเองดังนั้นถึงได้คิดจะดึงเอาพลังของอาณาเขตโดยรอบเพื่อหนีไปทำให้พลังธรรมดาไม่สามารถขวางกั้นมันได้และหากว่าใช้กำลังจับมันก็จะส่งผลให้สรรพคุณของมันลดน้อยลงอย่างมาก ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
หลังจากที่พูดจบแล้วตรามังกรมากมายก็ได้แผดขยายออกไปรอบทิศทาง
นี่ทำให้หยกนิรันดร์สุดขั้วที่กำลังพุ่งหนีไปรู้สึกปั่นป่วนอย่างมากแถมความเร็วเองก็ยังลดลงกว่าร้อยเท่า
“ผู้อาวุโสรีบจับมันเร็ว ! ”
เขาหันไปพูดกับอสรพิษม่วง
อีกฝ่ายนั้นมีความแข็งแกร่งอย่างมากดังนั้นเขาเองก็ตระหนักได้ดีว่าหยกนิรันดร์สุดขั้วกำลังอ่อนแรงดังนั้นจึงไม่ลังเลเลยที่จะแผดคลื่นพลังอสูรออกมาสร้างเป็นกรงเล็บขนาดใหญ่คว้าเข้าใส่มัน
“ได้มา….แล้ว !! ”
อีกฝ่ายส่งเสียงออกมาด้วยความตื่นเต้นเพราะว่าหยกนิรันดร์สุดขั้วที่มีสติปัญญานั้นมีค่ามากกว่าแบบปกติมาก การดูดกลืนมันสามารถทำให้เขาตัดผ่านไปยังเขตแดนนิรันดร์แท้จริงได้เร็วมากยิ่งขึ้นจึงได้หันมองไปทางหลินเทียนพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ซาบซึ้งว่า
“ขอบคุณสหายตัวน้อยมากๆ ! ”
หากว่าไม่ได้หลินเทียนช่วยเอาไว้แล้วก็คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจับมัน
ระหว่างนี้มันก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาไม่หยุดพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าขนาดข้าที่อยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงยังไม่สามารถจับมันได้แต่เจ้าที่อยู่ในเขตแดนกึ่งนิรัดร์อมตะกลับสามารถแทรกแซงความสามารถของมันนี่…….สมแล้วจริงๆที่เป็นถึงผู้สืบทอดของคนๆนั้น ! ”
มันได้แต่มองมาทางหลินเทียนด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
“เป็นเพราะรุ่นเยาว์บังเอิญได้ฝึกฝนทักษะเกี่ยวกับอาณาเขตพื้นที่มาถึงได้ใช้ประโยชน์จากมันในครั้งนี้ ”
หลินเทียนตอบกลับไป
หยกนิรันดร์สุดขั้วนั้นเป็นอะไรที่ชาญฉลาดอย่างมากเพราะมันคิดจะหนีไปจากที่นี่โดยอาศัยอาณาเขตที่รายล้อมอยู่รอบทิศทางแถมการใช้กำลังจับมันมาก็จะทำให้สรรพคุณลดลงดังนั้นแม้ว่าอสรพิษม่วงจะแข็งแกร่งมากก็จริงแต่ก็ยั้งมือเอาไว้เพราะไม่เชี่ยวชาญด้านนี้
แต่เขานั้นต่างออกไปเพราะเขาเชี่ยวชาญทักษะฝังมังกรที่สามารถแทรกแซงการทำงานของอาณาเขตนี้ได้ดังนั้นถึงได้ทำให้อสรพิษม่วงสามารถจับมันได้
“สุดยอดไปเลย ”
อสรพิษม่วงส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งขอบคุณเขาอีกครั้ง
เป็นเพราะเมื่อครู่มันได้เตรียมใจยอมรับความเสี่ยงที่จะทำให้สรรพคุณของสมบัติชิ้นนี้ลดลงแต่ก็ไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะมีทักษะที่สามารถกักขังมันได้และทำให้เขาได้รับหยกนิรันดร์สุดขั้วอย่างสมบูรณ์ทำให้มันซาบซึ้งอย่างมาก
หลินเทียนได้โบกมือของเขาเพื่อไม่ให้เกรงใจ
“แล้วเรื่องที่นี่เสร็จหรือยัง ? แล้วจะไปกันเลยไหม ? ”
เหลาเหลาได้ถามออกมาเพราะนางไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานนัก
หลินเทียนพยักหน้าของเขาตอบเพราะว่าสมุนไพรนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะได้แล้วจึงไม่จำเป็นต้องอยู่อีกต่อไป
ณ ตอนนี้มันถึงเวลาที่เขาควรจะไปจากที่นี่พร้อมๆกับอสรพิษม่วงเพื่อให้อีกฝ่ายติดตามเขาไปยังหุบเขากลืนนิรันดร์เพื่อเอาเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่และค้นหาที่อยู่ของดวงดาวสวรรค์สิบชั้น
ณ ตอนนี้เขาอยากจะกลับไปที่นั่นอย่างมาก
เมื่อคิดถึงจุดนี้แล้วเขาก็ได้หันมองไปยังอสรพิษม่วงโดยทันที
“ข้าสามารถไปได้ทุกเมื่อ ”
อีกฝ่ายได้พูดออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเพราะว่ามันเองก็รู้สึกคาดหวังเป็นอย่างมากเนื่องจากตัวเองติดอยู่ที่นี่มานานแสนนาน
“อื้ม งั้นก็ไปกัน ”
หลินเทียนพูดออกมา
นี่ทำให้พวกเขาพากันหันหลังเหาะออกไปจากสถานที่แห่งนี้โดยทันที
พริบตาพวกเขาก็เหาะไปไกลมากแล้ว
“นี่มัน ? ใช่แล้ว…..เป็นคนๆนั้น ! ”
“คนที่สังหารผู้นำตระกูลฟานเดินทอดน่องแบบนี้เลย ?! นี่เขาไม่รู้หรือไงว่าบรรพบุรุษตระกูลฟานกำลังหาตัวเขาให้บ้าอยู่ ?! ”
“นี่…..”
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่อยู่โดยรอบได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
“ได้ยินมาว่าบรรพบุรุษของนิกายจี่หยานและนิกายเฉินเจียวเองก็มาที่นี่เช่นกัน ”
“นี่ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของสามขุมพลังใหญ่ต่างมาที่นี่กันหมด ? คิดจะทำอะไรกัน ? ”
“ทำอะไร ? ยังมองไม่ออกอีก ? แน่นอนว่ามาเพื่อชายคนนั้นอยู่แล้ว ! ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ได้รับทักษะในตำนานแถมยังถือครองอาวุธที่สร้างจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลอีก ! ”
หลายๆคนพากันส่งเสียงออกมา
แม้ว่าเสียงพวกเขาจะเป็นเพียงเสียงกระซิบทว่าหลินเทียนก็ยังได้ยินอย่างดี
“บรรพบุรุษของทั้งสามตระกูลออกมาควานหาตัวเรา ? ”
ดวงตาของเขาส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาโดยทันที
อสรพิษม่วงที่อยู่ข้างๆเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาพลางพูดว่า
“นี่เจ้าได้รับคริสตัลโกลาหลบรรพกาลในตำนานนั่น ?! ”
เป็นเพราะมันเองก็รู้จักแร่นี้เป็นอย่างดีว่ามันหาได้ยากยิ่งแต่ไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะหามันพบเพราะว่ามูลค่าของมันไม่อาจประเมินได้ด้วยซ้ำ
“โชคข้าดีน่ะถึงได้มา ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
เรื่องที่เขาถือครองสิ่งนี้เป็นที่รู้จักกันไปทั่วอยู่แล้วดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร
“ตู้มมม ~! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่คลื่นพลังเทวะอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาอย่างดังพร้อมทั้งปรากฏร่างของชายชราที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายถึงขั้นทำให้มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปโดยทันที
“บรรพบุรุษตระกูลฟาน ! ”
สีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
ตอนที่ 1416
ร่างกายของบรรพบุรุษตระกูลฟานในตอนนี้รายล้อมไปด้วยประกายแสงสีทองเจิดจรัสเสมือนดั่งว่าเป็นสัตว์ประหลาดยักษ์ที่กำลังกระโจนเข้ามาจากพื้นที่ห่างไกล
พริบตาร่างของอีกฝ่ายก็อยู่ไม่ไกลจากพวกเขาขณะที่สายตาจับจ้องมาที่ร่างของหลินเทียนอย่างไม่วางตา
ความเย็นยะเยือกในอากาศแผดออกไปรอบทิศทาง
ผู้คนทั้งหลายที่อยู่โดยรอบถึงกับอดผงะไปไม่ได้เพราะว่าบรรพบุรุษตระกูลฟานนั้นเป็นถึงตัวตนระดับอนันตกาลที่แข็งแกร่งซึ่งสำหรับคนทั่วไปแล้วมันไม่ได้ต่างไปจากเทพเจ้าเลยด้วยซ้ำ
บรรพบุรุษตระกูลฟานนั้นใช้ชีวิตอยู่มาเนิ่นนานจึงทำให้ดวงตาของเขาส่องประกายความล้ำลึกออกมาแถมกลิ่นอายที่ส่งออกมายังทรงพลังถึงขั้นที่ไม่ต่างไปจากหุบเหวที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเกรงกลัว
“ไอ้ระยำ ! ”
อีกฝ่ายได้แต่จับจ้องมาที่ร่างของหลินเทียนขณะที่จิตสังหารอันเข้มข้นพวยพุ่งออกมาไม่หยุด
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ขณะที่ต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายพลางสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่หนักหน่วงเสมือนว่าเขาเป็นเพียงเรือเล็กๆที่อยู่ท่ามกลางพายุใหญ่ซึ่งพร้อมจะล่มลงได้ทุกเมื่อ
อย่างไรก็ตามสีหน้าของเขาก็ยังคงราบเรียบอยู่เช่นเคย
“ตาเฒ่า มาด้วยท่าทางข่มขู่แบบนี้จะตายเอาได้นะ ”
เหลาเหลาได้ส่งเสียงกระซิบออกมา
นางสามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายที่อีกฝ่ายส่งออกมาได้อย่างดีแต่ก็ไม่ได้มีสีหน้าที่หวาดหวั่นอยู่เลยแม้แต่น้อย
เมื่อฟังจากคำพูดของนางแล้วผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆเองก็ได้แต่ผงะไป
“นี่นาง…พูดว่าอะไรนะ ? ”
“บรรพบุรุษตระกูลฟาน….จะตาย ?”
“นี่มัน….พูดล้อเล่น ? ”
บรรพบุรุษตระกูลฟานนั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลที่แข็งแกร่งถึงขั้นที่อยู่เหนือผู้คนทั้งหมู่ดาวซึ่งถือเป็นหนึ่งในสามผู้ปกครองแห่งดาวดวงนี้ทว่าตอนนี้หญิงสาวเขตแดนจักรพรรดินภากลับบอกว่าการไล่ล่าหลินเทียนแบบนี้จะต้องตกตายลงอย่างแน่นอน
นี่ทำให้ผู้คนโดยรอบได้แต่แสดงสีหน้าที่หมดคำพูดออกมาพลางหันมองออกไปทางเหลาเหลาด้วยความคิดที่ว่านางน่าจะหวาดกลัวจนเพ้อไป
บรรพบุรุษตระกูลฟานเองก็ยังคงแผดกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกออกมาโดยที่ไม่ได้สนใจคำพูดของนางแม้แต่น้อย
จิตสังหารที่เขาแผดออกมายิ่งทรงพลังมากขึ้นไปอีก
หลินเทียนที่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเดินเข้ามาเองก็ไม่ได้สนใจอะไรแม้แต่น้อย
มันเป็นตอนนี้เองที่เขาได้ถอนสายตาจากอีกฝ่ายพร้อมทั้งหันมองออกไปยังสองทิศทางที่อยู่ห่างออกไป
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาทำให้ท้องฟ้าสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะปรากฏร่างของชายชราสองคนที่แผดกลิ่นอายที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าบรรพบุรุษตระกูลฟานออกมา
“บรรพบุรุษนิกายเฉินเจียวและบรรพบุรุษนิกายจี่หยาน ”
ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก
พวกเขาไม่คิดเลยว่านอกจากบรรพบุรุษตระกูลฟานแล้วยังมีกลุ่มคนเหล่านี้
สายตาของชายชราทั้งสองคนที่เพิ่งมาถึงได้แต่จับจ้องอยู่ที่ร่างของหลินเทียนด้วยแววตาที่ส่องประกายเสมือนว่ากำลังมองไปยังขุมสมบัติเคลื่อนที่
พวกเขาล้วนเป็นตัวตนระดับเดียวกันกับตระกูลฟานที่มักจะไม่ออกจากนิกายตัวเองทว่าหลังจากที่ได้ยินเรื่องราวของหลินเทียนแล้วก็พากันแห่ออกมาเนื่องจากสิ่งที่หลินเทียนถือครองอยู่มันไม่ธรรมดาไม่ว่าจะเป็นอาวุธคริสตัลโกลาหลบรรพกาลหรือจะเป็นทักษะสายฟ้าในตำนาน
ขนาดบรรพบุรุษตระกูลฟานที่โกรธจัดเรื่องที่ต้องสูญเสียผู้นำตระกูลและคนอื่นๆไปเองก็ยังคิดอยู่ภายในใจเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เพราะว่ามันไม่สามารถประเมินค่าได้ถึงขั้นที่คิดว่าถ้าได้มาแล้วต่อให้ผู้เสียผู้นำตระกูลและคนอื่นๆไปก็ยังถือว่าคุ้มค่าอยู่ดี
“บึ้สส !! ”
ประกายแสงเจิดจรัสส่องประกายออกมาขณะที่กลิ่นอายอนันตกาลอันทรงพลังได้ปิดกั้นพื้นที่โดยรอบเอาไว้
หลินเทียนหันมองออกไปทางฝ่ายตรงข้ามเล็กน้อยขณะที่พลังเทวะอันเข้มข้นปิดกั้นทางหนีของพวกเขาทั้งหมดเอาไว้
บรรพบุรุษนิกายเฉินเจียวและนิกายจี่หยานหันมองไปทางกันและกันก่อนที่จะหันมองไปทางบรรพบุรุษตระกูลฟานด้วยสายตาที่ล้ำลึก
“ชีวิตของมันข้าขอยกให้ตระกูลฟานส่วนสมบัตินั่นค่อยมาคิดกันอีกที ”
บรรพบุรุษนิกายเฉินเจียวส่งเสียงออกมา
“ได้ ”
บรรพบุรุษนิกายจี่หยานได้พยักหน้าของเขา
น้ำเสียงอันราบเรียบนี้ถูกส่งออกมาเสมือนว่าไม่ได้เห็นหลินเทียนอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
“พวกเจ้า ! ”
เหลาเหลาที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับโกรธจัดพร้อมทั้งส่งเสียงก่นด่าออกมาว่า
“ถึงอย่างไรก็เป็นถึงบรรพบุรุษของสองขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในดาวแต่กลับกล้าทำเรื่องชั่วช้าแบบนี้หน้าไม่อายบ้างหรือไงกัน ? ไม่กลัวว่าจะเป็นขี้ปากของผู้คน ? ”
ถึงอย่างไรบรรพบุรุษตระกูลฟานนั้นก็มีความแค้นกับพวกเขาทว่าสองคนนี้ล้วนแล้วไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อยแต่กลับตกลงเรื่องการฆ่าหลินเทียนแบบนี้มันทำให้นางรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมากถึงขั้นอยากจะกัดพวกเขาให้ตายทั้งเป็น
ชายชราทั้งสองที่ได้ยินเช่นนั้นไม่ได้สนใจอะไรแม้แต่น้อยเพราะว่าพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นถึงตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วใครจะกล้าติติงพวกเขา ?
และการที่ได้รับสมบัติเหล่านั้นมาก็จะทำให้ขุมพลังของพวกเขาแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นไปอีก
“เอาไง ? ”
บรรพบุรุษนิกายเฉินเจียวส่งเสียงออกมาเนื่องจากบรรพบุรุษนิกายจี่หยานได้ตอบตกลงแล้ว
บรรพบุรุษตระกูลฟานได้พยักหน้าตอบกลับไปว่า
“ได้ ”
หลินเทียนนั้นเป็นผู้ที่สังหารผู้นำตระกูลและคนของเขาดังนั้นการที่ได้สิทธิ์นี้ก็ถือว่าเป็นการระบายความแค้นที่ดีส่วนเรื่องการแจกแจงสมบัติก็ค่อยตกลงกันทีหลังเพื่อกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งกันเองแล้วนำไปสู่สงครามระหว่างขุมพลัง
“งั้นก็เอากันเลย ”
บรรพบุรุษนิกายเฉินเจียวส่งเสียงออกมา
บรรพบุรุษนิกายจี่หยานและตระกูลฟานต่างพยักหน้าพลางก้าวเดินเข้าไปหาทางหลินเทียน
“นี่มัน……..”
“เขตแดนอนันตกาลถึงสามคนกลับ……”
“ชายคนนั้นตายแน่ๆ ! ”
หลายๆคนได้แต่ผงะไป
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีว่าหลินเทียนนั้นแข็งแกร่งอย่างมากแต่ต่อให้มีพรสวรรค์อย่างไรก็ยังเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะเท่านั้น ด้วยระดับพลังเพียงแค่นี้มันไม่มีทางต่อต้านเขตแดนอนันตกาลได้เลยด้วยซ้ำ
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ด้วยสีหน้าที่ราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
“ท่านผู้อาวุโส คงต้องขอรบกวนท่านแล้ว ”
เขาหันไปพูดกับอสรพิษม่วงที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ไม่ต้องเกรงใจ ”
อสรพิษม่วงพยักหน้าของมัน
เป็นเพราะว่าการที่จะออกไปจากที่นี่ต้องพึ่งพาหลินเทียนเท่านั้นทว่าอีกฝ่ายที่ต้องการจะฆ่าหลินเทียนแบบนี้มันทำให้มันรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่แต่แรกแล้ว
“ไอ้ชาติชั่ว ! ข้าจะให้เจ้าได้ตายทั้งเป็น”
บรรพบุรุษตระกูลฟานส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาพร้อมทั้งคว้ามือเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่ปราณี
เสียงระเบิดถูกส่งตามออกมาขณะที่มิติโดยรอบแหลกสลายลงด้วยการโจมตีนี้
ฝ่ามือของอีกฝ่ายได้พุ่งเข้าประชิดร่างของหลินเทียนภายในชั่วพริบตาเท่านั้น
แต่หลินเทียนก็ยังคงยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่ราบเรียบไม่ได้เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
และมันเป็นตอนนี้เองที่อสรพิษม่วงที่อยู่ข้างๆเขาได้เคลื่อนไหวพร้อมทั้งซัดฝ่ามืออันทรงพลังสวนกลับออกไป
กลิ่นอายอสูรอันเข้มข้นได้บดขยี้ฝ่ามือของอีกฝ่ายไปก่อนที่ฝ่ามือนี้จะคว้าเข้าใส่ศีรษะของบรรพบุรุษตระกูลฟานแล้วบดขยี้มันจนแหลกเป็นเสี่ยงๆเหลือไว้เพียงดวงวิญญาณที่พยายามพุ่งหนีไปอย่างยากลำบากขณะที่หันมองกลับมาทางอสรพิษม่วงด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่น
อสรพิษม่วงแสยะออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่จะส่งลำแสงอสูรอันเข้มข้นพุ่งผ่านออกไปอย่างไม่ปราณี
“ไม่ ~~~! ”
ดวงวิญญาณของบรรพบุรุษตระกูลฟานส่งเสียงกรีดร้องออกมาก่อนที่จะแหลกสลายหายไป
ตกตายลงอย่างสมบูรณ์ !
“นี่มัน ?! ”
“บรรพบุรุษตระกูลฟาน….ตะ…ตาย !? ”
“นี่เขา…….”
กลุ่มคนที่อยู่โดยรอบได้แต่จ้องมองไปทางอสรพิษม่วงด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมาก
เหลาเหลาเองก็ถึงกับคอหดไปไม่น้อยเพราะแม้จะรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายแต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะสามารถสังหารเขตแดนอนันตกาลตอนต้นลงได้ง่ายๆแบบนี้
“โหดเหี้ยมจริงๆ ! ”
นางส่งเสียงกระซิบออกมา
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่บรรพบุรุษของสองขุมพลังที่เหลือเองก็ได้แต่สั่นสะท้านไปทั้งตัว
“เขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริง เจ้า……..”
พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนที่มีความสามารถและแม้ว่าอีกฝ่ายจะลงมือภายในชั่วพริบตาแต่ก็ยังสามารถสัมผัสถึงระดับพลังของอสรพิษม่วงได้อย่างดีว่าอีกเพียงครึ่งก้าวอสรพิษม่วงก็จะตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริงได้แล้ว
พวกเขาได้แต่จ้องมองออกไปด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านไม่หยุดพร้อมทั้งหันมองออกไปทางหลินเทียนอีกครั้ง
ที่พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อชิงเอาเจดีย์ราชันอมตะและทักษะในตำนานโดยที่คิดว่าด้วยระดับพลังของตัวเองก็เพียงพอแล้วแต่ไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะมีผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงคอยหนุนหลัง
พวกเขาไม่เห็นเคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน !
“วิ้สส ~! ”
“วิ้ส ~! ”
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่พวกเขาไม่ลังเลเลยที่จะหันหลังพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นตัวตนที่อยู่เหนือช่วงชีวิตทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับคนที่แข็งแกร่งกว่าแล้วก็ยังสามารถถูกทำลายดวงวิญญาณได้และจะตกตายลงไม่ต่างจากบรรพบุรุษตระกูลฟาน
“ไม่ใช่ว่าจะมาชิงสมบัติหรือไงกัน เมื่อครู่ยังอวดดีอยู่เลยแล้วตอนนี้เป็นอะไรแล้วล่ะ ? ”
เหลาเหลาส่งเสียงเยาะเย้ยออกมา
หลินเทียนไม่ได้พูดอะไรและยังคงยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่ราบเรียบ
อสรพิษม่วงเองก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมากนักและทำเพียงแค่แผดคลื่นพลังอสูรอันหนักหน่วงออกไปปิดกั้นพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้
ตอนที่ 1417
กลิ่นอายอสูรอันเข้มข้นได้ปิดกั้นพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้แล้ว
นี่ทำให้ร่างของชายชราทั้งสองถูกกระแทกเด้งกลับมาด้านหลังด้วยสภาพที่น่าสังเวชโดยทันที
“เจ้า…….”
พวกเขาได้แต่พยุงตัวเองกลับขึ้นมาพลางหันมองกลับไปทางอสรพิษม่วงด้วยหน้าผากที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
“เจ้าเป็นใครกัน ?! ”
บรรพบุรุษนิกายเฉินเจียวส่งเสียงสั่นๆออกมา
บรรพบุรุษนิกายจี่หยานที่อยู่ข้างๆเองก็สั่นสะท้านไปไม่ต่างกันเพราะว่าอีกฝ่ายมันแข็งแกร่งถึงขั้นที่ทำให้พวกเขาได้แต่หวาดหวั่น
“ตอนนี้รู้จักกลัวกันแล้ว ? ไม่มีความแค้นอะไรต่อกันแต่กลับกล้าหน้าไม่อายแบกหน้ามาแย่งชิงสมบัติของคนอื่นมันไปไหนหมดแล้ว ? ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมา
หลินเทียนไม่ได้พูดอะไรแต่หันมองไปทางพวกเขาเล็กน้อย
อสรพิษม่วงเองก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกันก่อนที่จะคว้ามือเข้าใส่ร่างของทั้งสองคน
กลิ่นอายอสูรอันเข้มข้นได้บดบังม่านฟ้าเอาไว้โดยทันที
นี่ทำให้ชายชราทั้งสองได้แต่ผวาไปพร้อมทั้งรีบสังเวยทักษะเทวะทั้งหมดออกมาป้องกันเอาไว้
ตู้มมม ~!
คลื่นพลังเทวะระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
หลังจากนั้นเองที่ประกายแสงได้สลายหายไปขณะที่ร่างของชายชราทั้งสองถูกกระแทกปลิวออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือด
“เขตแดนอนันตกาลสองคนกลับ……”
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ไกลออกไปเองก็ได้แต่จ้องมองไปทางอสรพิษม่วงด้วยสายตาที่สั่นสะท้าน
ฝ่ามือเดียวกลับตบอัดร่างของสองเขตแดนอนันตกาลลอยเคว้งไปแบบนี้นี่มันต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ?!
นี่ทำให้สายตาของพวกเขาหันกลับไปหยุดอยู่ที่ร่างของหลินเทียนอีกครั้ง
“เขามีเบื้องหลังอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้มีผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งอยู่ข้างกายแบบนี้กัน ?! ”
ร่างกายของใครหลายคนสั่นไหวไม่หยุด
ชายชราทั้งสองที่ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บกลับมาเองก็ได้แต่จ้องมองออกไปด้วยสีหน้าที่หวั่นเกรง
พวกเขาต่างก้าวถอยกลับไปพร้อมทั้งพุ่งหนีไปอีกครั้งโดยที่ไม่กล้าต่อต้านเพราะรู้ดีอยู่เต็มอกว่าการกระทำเช่นนั้นมันไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้
อสรพิษม่วงแสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมๆกับปลดปล่อยคลื่นพลังอสูรออกไปกระแทกเข้าใส่ร่างของพวกเขาอีกครั้ง
ตู้มม ~!
ตู้ม !
อีกฝ่ายได้แต่กระอักเลือดออกมาไม่หยุดขณะที่ตกลงมากระแทกกับพื้น
ไม่นานพวกเขาก็ได้แต่จ้องมองกลับไปทางอสรพิษม่วงด้วยสีหน้าที่หวั่นเกรงถึงขีดสุด
“สหาย โปรดเมตตาด้วย ! ”
บรรพบุรุษนิกายเฉินเจียวได้ส่งเสียงออกมาระหว่างที่ป้องมือด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
บรรพบุรุษนิกายจี่หยานเองก็หันมองไปทางหลินเทียนพร้อมทั้งพูดว่า
“สะ…..สหายตัวน้อย พวกเรามันหน้ามืดตามัวไปกับสมบัติเหล่านั้น ต้องขออภัยที่ล่วงเกินเจ้าจริงๆ ได้โปรดเมตตาพวกเราด้วย ! เราจะชดใช้ให้อย่างสมน้ำสมเนื้ออย่างแน่นอน ! ”
ณ ตอนนี้พวกเขารู้อยู่เต็มอกว่าอสรพิษม่วงนั้นลงมือแทนหลินเทียนดังนั้นหากว่าหลินเทียนยินดีที่จะไกล่เกลี่ยแล้วอสรพิษม่วงก็จะไม่แตะต้องพวกเขา
“คิดว่าตัวเองไร้เทียมทานแล้วกล้าแย่งชิงเอาสมบัติของคนอื่นๆยังไม่พอ ตอนนี้ยังหน้าไม่อายขอความเมตตาอีกงั้นรึ หากว่าข้าเป็นเจ้าก็คงจะคว้านท้องตัวเองตายไปแล้ว ”
เหลาเหลาเย้ยหยันออกมาอย่างไม่ไว้หน้า
นี่ทำให้สีหน้าของชายชราทั้งสองซีดลงยิ่งกว่าเก่าแต่ก็ไม่กล้าเถียงอะไรเนื่องจากเหลาเหลานั้นเป็นเพื่อนของหลินเทียนแต่ชีวิตของพวกเขาอยู่ในมือของหลินเทียน
“ได้โปรดเมตตาเราด้วย ! ”
บรรพบุรุษนิกายเฉินเจียวส่งเสียงออกมาด้วยท่าทางที่นอบน้อมอย่างมาก
หลินเทียนหันมองไปทางพวกเขาเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เป็นเพราะว่าเขาเองก็รู้สึกรังเกียจสองคนนี้แบบเดียวกับเหลาเหลาที่ชั่วช้าเสียยิ่งกว่าตระกูลฟานแล้วคิดว่าจะให้อสรพิษม่วงเมตตาพวกมัน ?
อสรพิษม่วงหันมองมาทางหลินเทียนเล็กน้อยพร้อมทั้งเข้าใจถึงความหมายของสายตานี้ดีจึงได้ซัดฝ่ามือออกไป
“ตู้มมม ~! ”
กลิ่นอายอสูรอันเข้มข้นที่ผสมผสานกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงเอาไว้ได้โอบร่างของชายชราทั้งสองเอาไว้โดยทันที
นี่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่สั่นสะท้านไปด้วยความกลัวพร้อมทั้งสังเวยทักษะออกมาป้องกันอย่างสุดความสามารถ
ทว่ามันก็เป็นเพียงการดิ้นรนอย่างเปล่าประโยชน์เท่านั้น
ฟึ้บบ ~! ทักษะป้องกันของพวกเขาแหลกสลายหายไปขณะที่ฝ่ามือยักษ์ได้บดขยี้ร่างกายของพวกเขาไปจนเหลือไว้เพียงแค่ดวงวิญญาณที่พุ่งหนีไปอย่างยากลำบากทว่ามันก็เป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่ลำแสงพลังอสูรอันเข้มข้นได้ฉีกดวงวิญญาณของพวกเขาไป
นับจากนี้บรรพบุรุษทั้งสามของขุมพลังใหญ่ล้วนตกตายลงภายใต้เงื้อมมือของอสรพิษม่วงด้วยกันทั้งหมด
“ตะ…….ตายหมด ”
ผู้คนได้แต่สั่นสะท้านไป
มันผ่านไปนานขนาดไหนกันทว่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลสามคนกลับถูกสังหารลงได้อย่างง่ายดาย นี่มันทำให้พวกเขาได้แต่รู้สึกสยดสยอง
“ทำตัวเองแท้ๆ ”
เหลาเหลาแสยะออกมา
หลินเทียนหันมองออกไปยังกองเลือดเหล่านั้นพร้อมทั้งหันมองกลับไปทางอสรพิษม่วงแล้วพูดว่า
“ต้องรบกวนท่านจริงๆ ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ”
มันโบกมือตอบ
เป็นเพราะสำหรับมันแล้วการจะสังหารเขตแดนอนันตกาลนั้นไม่ได้ใช้แรงเลยด้วยซ้ำ
หลินเทียนยิ้มจางๆอออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
“งั้นเราก็ไปกันเถอะ ”
เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายอยากจะออกไปจากที่นี่มากๆ
“อื้ม ! ดีมากๆ ! ไปกันเลย ! ”
อสรพิษม่วงส่งเสียงออกมาโดยที่ไม่สามารถบดบังความตื่นเต้นในสายตาได้แม้แต่น้อย
พวกเขาพากันก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็วจนไปถึงสุดขอบของอาณาเขตสวนสวรรค์แห่งนี้
เมื่อมาถึงที่นี่แล้วร่างกายของอสรพิษม่วงได้แต่สั่นสะท้านไปเสมือนว่าถูกไฟฟ้าช็อตเข้าใส่
หลินเทียนที่ตระหนักได้ถึงจุดนี้เองก็พอเดาได้ว่ามันน่าจะเป็นการสะกดที่มองไม่เห็นของคลื่นพลังสายฟ้าที่ขวางกั้นไม่ให้อสรพิษม่วงออกไปจากที่นี่
“ผู้อาวุโสไม่ต้องกังวล ”
หลินเทียนพูดออกมาพร้อมทั้งหมุนวนทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งส่งคลื่นสายฟ้าออกไปโอบร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่จะแทรกซึมเข้าไปในดวงวิญญาณของมัน
นี่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่สั่นสะท้านไปก่อนที่ดวงตาของมันจะส่องประกายความตื่นเต้นออกมา
เป็นเพราะมันสัมผัสได้แล้วว่าแรงกดดันที่ได้รับกำลังแผ่วลงอย่างมาก
“ไปกันเถอะท่านผู้อาวุโส ”
หลินเทียนพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
เขาโอบดวงวิญญาณของอสรพิษม่วงเอาไว้ด้วยคลื่นสายฟ้าขณะที่ใช้พลังเทวะห่อหุ้มร่างของเหลาเหลาเพื่อเหาะออกไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 1418
สวนสวรรค์นั้นตั้งอยู่ในทะเลของดวงดาวจี่หยานซึ่งหลินเทียนเองก็นำทางอสรพิษม่วงและเหลาเหลาออกไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว
ที่นี่เป็นสถานที่ๆเต็มไปด้วยคลื่นทะเลที่พัดเอากลิ่นอายเค็มเข้ามา
อสรพิษม่วงที่กำลังหันมองออกไปรอบๆได้แต่สั่นสะท้านไปทั้งตัว
“นี่ข้า…..ออกมาได้แล้ว ?! ข้าออกมาแล้ว! ข้าออกมาแล้ว ! ”
มันส่งเสียงสั่นๆออกมา
เป็นเพราะว่ามันเกิดและเติบโตขึ้นภายในสวนสวรรค์จนระดับพลังอยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงทว่าตอนนี้มันสามารถออกมายังโลกภายนอกได้แล้วทำให้มันไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยด้วยซ้ำ มันแทบจะกระโดดโลดเต้นไม่ต่างกับเด็กเลยก็ว่าได้
“ยินดีกับผู้อาวุโสด้วย ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะเขาเองก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายว่าที่นี่มันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากคุกดีๆซึ่งการที่ต้องถูกขังเอาไว้เป็นเวลาเนิ่นนานและในที่สุดก็ออกมาได้นั้นมันน่าตื่นเต้นขนาดไหน
อสรพิษม่วงได้หันมองมาทางเขาด้วยสายตาที่ซาบซึ้งพลางพูดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า
“ขอบคุณเพื่อนตัวน้อยมากๆ ! ขอบคุณจริงๆ ! ”
แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับหลินเทียนมากนักทว่ามันก็ยังรู้สึกซาบซึ้งอยู่ดี
“ท่านผู้อาวุโสก็สุภาพเกินไป ก่อนหน้านี้เพิ่งได้ท่านช่วยมาจากเงื้อมมือของสามอนันตกาลนั่นแถมยังต้องให้ท่านช่วยหลังจากที่ออกไปจากที่นี่”
หลินเทียนพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ยังไงก็ต้องแสดงความขอบคุณอยู่ดีเพราะสำหรับข้าแล้วมันเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ! ”
อสรพิษม่วงได้ส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งหันมองออกไปรอบๆอยู่นานก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“อ่อใช่ แล้วเพื่อนตัวน้อยอยากจะไปที่ไหนก็ไปได้เลยแล้วหลังจากนั้นเจ้าอยากจะหาตำแหน่งของดาวดวงไหนก็บอกมาได้เลย หากว่ายังมีอะไรให้ช่วยอีกก็รบกวนได้เสมอ ตราบเท่าที่ข้าทำได้ข้าก็จะไม่ปฏิเสธ ”
หลินเทียนนั้นเป็นคนช่วยมันออกมาจากคุกแห่งนี้ทำให้มันรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณอย่างมาก
“ขอบคุณท่านมากๆแต่ไม่ต้องรีบขนาดนั้น รุ่นเยาว์คิดจะเก็บตัวบ่มเพาะเสียหน่อยเพื่ออาศัยสมุนไพรฟินิกซ์หลากสีในการตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะ ”
หลังจากนั้นเขาก็ได้พูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า
“หลังจากนั้นเราก็ควรจะไปเยี่ยมขุมพลังที่มันต้องการจะฆ่าเราเมื่อครู่เพราะพวกมันได้เสียบรรพบุรุษไปหมดแล้วแถมภายในขุมพลังยังเต็มไปด้วยสมบัติมากมายดังนั้นเราก็ควรจะไปชิงมันมาให้หมดเพราะถึงอย่างไรหลังจากที่ท่านตัดผ่านแล้วก็ยังจำเป็นต้องใช้สมบัตินิรันดร์แท้จริงอยู่ดี ”
เขาไม่ใช่คนที่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่แล้ว ในเมื่อตระกูลฟานไล่ล่าเขาแถมนิกายเฉินเจียวและนิกายจี่หยานที่ไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเขายังกล้าลงมือดังนั้นเขาจึงไม่มีทางปล่อยให้มันจบไปเฉยๆแน่นอน เขาคิดเอาไว้ว่าหลังจากนี้จะไปปล้นพวกมันให้หมดไม่ให้เหลืออะไรเอาไว้แม้แต่น้อย
แล้วหลังจากที่กลับไปยังดาวสวรรค์สิบชั้นแล้วก็สามารถเอาทรัพยากรเหล่านี้ไปขยายขุมพลังของตัวเองเพิ่มขึ้นอีก
อสรพิษม่วงที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็ได้หัวเราะออกมาก่อนที่จะพูดต่อว่า
“มีบุญคุณต้องทดแทนมีแค้นต้องชดใช้ นี่แหละสิ่งที่ควรเป็น ! เอาตามที่เจ้าว่าแล้วกัน หลังจากเจ้าตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะได้แล้วเราไปกันเลย ! ”
มันเป็นคนตรงไปตรงมาอยู่แล้วดังนั้นการที่บรรพบุรุษของขุมพลังทั้งสามไล่ล่าหลินเทียนแบบนี้ก็สมควรที่จะต้องเอาคืนอยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นมันก็เป็นอย่างที่หลินเทียนว่าเอาไว้ด้วยว่าหลังจากที่ตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริงแล้วมันก็จำเป็นต้องมีอาวุธนิรันดร์แท้จริงอยู่ด้วย การที่ติดตามหลินเทียนไปปล้นขุมพลังเหล่านี้เพื่ออาวุธนิรันดร์แท้จริงแล้วก็ถือเป็นข้อเสนอที่ดีมากๆ
“นี่มัน….”
เหลาเหลาที่อยู่ข้างๆได้แต่มองไปยังทั้งสองคนพร้อมทั้งอดคอหดไปไม่ได้พลางคิดอยู่ในใจว่าสองคนนี้เป็นคนที่ชั่วร้าวจริงๆถึงขั้นคิดจะปล้นสามขุมพลังใหญ่ทั้งหมด
“ไปกัน ”
หลินเทียนพูดออกมา
เขากวาดสายตาออกไปรอบๆก่อนที่จะรีบเหาะจากไปทางทิศใต้จนพบกับดินแดนที่เต็มไปด้วยทะเลทราย
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้กับทะเลทรายขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายชีวิตได้แม้แต่น้อย
“สถานที่แห่งนี้มันไม่เหมาะจะทำอะไรด้วยซ้ำ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ ? ”
เหลาเหลาได้ถามออกมา
เป็นเพราะหากพูดตามปกติแล้วการจะดูดกลืนสมุนไพรล้ำค่านั้นจำเป็นต้องเลือกสถานที่ๆเหมาะสม มีพลังฉีที่หนาแน่นทว่าตอนนี้หลินเทียนกลับมุ่งตรงมายังทะเลทรายที่แห้งแล้งไร้ผู้คนนี่มันทำให้นางผงะไปทันที
ไม่เพียงแค่นางเท่านั้นเพราะแม้กระทั่งอสรพิษม่วงเองก็ยังประหลาดใจไม่ต่างกัน
“เดี๋ยวก็รู้เองล่ะ ”
หลินเทียนพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อพร้อมทั้งเดินไปยังใจกลางของสถานที่แห่งนี้ก่อนที่จะนั่งขัดสมาธิลง
อุณหภูมิภายในสถานที่แห่งนี้ถือว่าสูงมากก็จริงแต่ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา ระหว่างที่กำลังหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันอยู่นั้นเขาก็ได้คว้าเอาสมุนไพรฟินิกซ์หลากสีออกมา
มันเป็นสมุนไพรที่มีใบหลากสีส่องประกายแสงและกลิ่นหอมที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายออกมาอย่างเข้มข้น
บึ้สส ~!
เขาไม่ลังเลเลยที่จะเริ่มการหล่อหลอมมันเพื่อดูดกลืนพลังงานเหล่านี้
นี่ทำให้ร่างกายของเขาเปล่งประกายแสงสีทองออกมาอย่างเข้มข้นเสมือนดั่งคบเพลิงเลยก็ว่าได้
กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นถึงขีดสุดและยังคงพุ่งต่อไป
“จากสถานการณ์นี้แล้วน่าจะอีกประมาณสามวันก็น่าจะตัดผ่านได้แล้ว ”
อสรพิษม่วงที่อยู่ไกลออกไปได้ส่งเสียงออกมา
“การบ่มเพาะของเจ้านี่มันเร็วเกินไปแล้ว ตอนพบกันยังเป็นเพียงเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายเท่านั้นแต่ไม่กี่เดือนก็ตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะได้แล้วนี่มัน……”
เหลาเหลาได้แต่พึมพำออกมา
หลินเทียนยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่กับที่ขณะที่เคล็ดวิชาหมุนวนต่อไป
“บึ้สส ~! ”
ประกายแสงที่แผดออกมาจากร่างของเขายิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีก
ตระกูลฟาน……
“วะ…..ว่าไงนะ ?! ท่านบรรพบุรุษสิ้นแล้ว ?! ”
เสียงโห่ร้องถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ผู้อาวุโสเขตแดนนิรันดร์อมตะคนนั้นได้แต่สั่นไป
เป็นเพราะไม่นานมานี้มีข้อมูลถูกส่งกลับมาว่าบรรพบุรุษของพวกเขาที่บุกไปยังสวนสวรรค์เพื่อสังหารหลินเทียนได้ถูกสังหารลงด้วยการโจมตีเดียวอย่างง่ายดายและในเวลาเดียวกันนั้นเองที่ผู้ดูแลหอตะเกียงวิญญาณได้มาแจ้งว่าตะเกียงวิญญาณของบรรพบุรุษได้ดับลง
“นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
“ท่านบรรพบุรุษ…..”
“ไม่ นี่มันไม่ใช่ความจริง ! ”
ผู้คนตระกูลฟานพากันหวาดหวั่นไปตามๆกัน
เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลพวกเขาซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเสาหลักของตระกูลก็ว่าได้แต่ตอนนี้กลับถูกสังหารลงแล้ว !
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่อีกสองขุมพลังใหญ่เองก็ได้รับข้อมูลแบบเดียวกันทำให้ผู้มีอำนาจทั้งหลายได้แต่หวาดหวั่น
“นี่มัน…..เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ไง ! ”
“ไม่ใช่ว่าข้างกายมันมีเพียงเด็กสาวที่ยังไม่อยู่ในเขตแดนวิญญาณนิรันดร์หรือไง ทำไมอยู่ดีๆถึงได้มีกึ่งนิรันดร์แท้จริงโผล่ออกมาได้ ?! ”
“ท่านบรรพบุรุษ …….”
ผู้เชี่ยวชาญของทั้งสองขุมพลังต่างพากันส่งเสียงสั่นๆออกมาเพราะว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาได้ตกตายลงแล้ว !
………….
ทะเลทรายที่ห่างไกลผู้คน……..
บึ้สสส ~!
หลินเทียนที่อยู่ใจกลางสถานที่แห่งนี้เปล่งประกายแสงแห่งสัจธรรมออกมาอย่างเข้มข้น
ระหว่างนี้กลิ่นอายของเขาก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและเข้าใกล้เขตแดนนิรันดร์อมตะอย่างรวดเร็ว
เขาสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้อย่างชัดเจนทำให้เขายิ่งจดจ่ออยู่กับการหล่อหลอมพลังภายในร่าง
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสามวันเต็ม
วันนี้เป็นวันที่สมุนไพรฟินิกซ์หลากสีได้ถูกดูดกลืนจนหมดพร้อมๆกับคลื่นพลังที่แผดออกมาจากร่างของเขาอย่างรุนแรง
“เขตแดนนิรันดร์อมตะ ”
อสรพิษม่วงที่อยู่ห่างออกไปได้ส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายความสุขออกมา
“เร็วจริงๆ ”
เหลาเหลาเองก็ได้แต่มองออกไปด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมาก
หลินเทียนที่อยู่ใจกลางสถานที่แห่งนี้ได้ลืมตากลับขึ้นมาหลังจากที่สัมผัสได้ว่าตัวเองตัดผ่านแล้ว
เขากำหมัดเล็กน้อยพร้อมทั้งสัมผัสถึงพลังที่อัดแน่นอยู่ภายในร่างว่ามันเหนือชั้นกว่าตอนอยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะกันจนเทียบไม่ได้
“เยี่ยม ! ”
เขาพึมพำกับตัวเองด้วยดวงตาที่ส่องประกายออกมา
และมันเป็นตอนนี้เองที่ม่านฟ้าได้สั่นไหวพร้อมๆกับการก่อตัวของคลื่นสายฟ้าอันทรงพลัง
ม่านฟ้าได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีดำทมิฬปกคลุมพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้ด้วยกลิ่นอายทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัว
ตอนที่ 1419
เสียงฟ้าร้องคำรามดังสนั่นหวั่นไหวสั่นสะท้านไปทั่วทิศทางขณะที่หมู่เมฆแผดขยายตัวออกสร้างเป็นคลื่นพายุสายฟ้าอันทรงพลัง
“นี่มัน…..ทัณฑ์สวรรค์ ?! ”
สีหน้าของอสรพิษม่วงเปลี่ยนไปโดยทันที
“นี่มีคนตัดผ่านเขตแดนวิญญาณนิรันดร์แถวนี้ถึงได้นำพามันมา ? แต่ที่นี่….ไม่มีใครหนิ ”
เหลาเหลาได้ถามออกมาด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจพลางพูดต่อว่า
“ยิ่งไปกว่านั้นพลังทำลายของมัน…….ใช่ระดับที่เขตแดนวิญญาณนิรันดร์จะสามารถชักนำมาได้ ?! ”
ทึ้มม ~!
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาขณะที่โลกทั้งใบถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด
อสรพิษม่วงกวาดตามองออกไปรอบๆด้วยดวงตาที่หดเล็กลงหลังจากที่เห็นว่าคลื่นพายุเหล่านั้นก่อตัวขึ้นเหนือศีรษะของหลินเทียน
“นี่มัน…”
ท่าทางของมันเปลี่ยนไปอย่างมาก
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เหลาเหลาเองก็ตระหนักได้ว่าทัณฑ์สวรรค์นี้พุ่งเป้าไปทางหลินเทียน
หลินเทียนที่ยืนอยู่ใจกลางสถานที่แห่งนี้ได้ลุกกลับขึ้นมาพร้อมทั้งหันมองออกไปแล้วพูดว่า
“ท่านผู้อาวุโส ช่วยถอยห่างออกไปหน่อย รุ่นเยาว์กำลังจะก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์”
หลังจากที่คำพูดของเขาได้จบลงแล้วเสียงฟ้าร้องคำรามอย่างดังก็ได้ถูกส่งออกมาอีกครั้ง
“นี่มัน…..เป็นทัณฑ์สวรรค์ของเจ้าจริงๆ ?! ”
“นี่…….”
เหลาเหลาและอสรพิษม่วงเองก็ได้แต่ผวาไปเพราะแม้จะสัมผัสได้ว่าพลังทำลายล้างของมันพุ่งเป้าไปที่หลินเทียนแต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วก็ยังอดผงะไปไม่ได้
ด้วยเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่ากลับสามารถนำพามาซึ่งทัณฑ์สวรรค์ได้ ?!
นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ !
ตู้มม ~!
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอีกครั้งพร้อมๆกับความรู้สึกอันตรายที่ทำลายได้ทุกสิ่ง
ม่านสายฟ้าทั้งหลายแผดขยายออกไปรอบทิศทาง
ตู้มม !
กลิ่นอายทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวได้ปกคลุมพื้นที่โดยรอบเอาไว้ขณะที่พื้นดินรอบข้างแหลกสลายเป็นชิ้นๆ
เหลาเหลาได้แต่สั่นสะท้านไปเพราะว่าพลังทำลายล้างระดับนี้มันสามารถบดขยี้ได้ทุกสิ่งเลยก็ว่าได้
แม้กระทั่งอสรพิษม่วงเองก็ยังมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกัน
ตอนนี้มันเข้าใจแล้วว่าทำไมหลินเทียนถึงได้เลือกตัดผ่านที่นี่เพราะเขารู้ดีอยู่แล้วว่าหลังจากที่ตัดผ่านแล้วจะชักนำทัณฑ์สวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวนี้มาและกังวลว่ามันจะทำให้คนอื่นติดร่างแหไปด้วย
ทึ้มม ~!
โลกทั้งใบมืดสนิทลงภายในชั่วพริบตา
กลิ่นอายทำลายล้างยังคงก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
“พลังทำลายล้างระดับนี้มัน……..”
ร่างกายของเหลาเหลาได้แต่สั่นสะท้านไม่หยุดเพราะว่าต่อให้เป็นเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายก็ไม่มีทางต้านได้อย่างแน่นอน
“เพื่อนตัวน้อย ข้าจะช่วยเจ้าเอง ”
อสรพิษม่วงได้ส่งเสียงออกมา
มันตระหนักได้ถึงพลังทำลายของทัณฑ์สวรรค์นี้เป็นอย่างดีว่าสามารถสังหารได้แม้กระทั่งเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่หลินเทียนจะตัดผ่านได้
เพราะถึงอย่างไรแม้หลินเทียนจะไม่ธรรมดาแต่ก็เพิ่งตัดผ่านเท่านั้น
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสมากๆแต่ไม่จำเป็น ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เขาแหงนมองขึ้นไปพลางสัมผัสถึงพลังทำลายของมันโดยที่ไม่ได้แสดงสีหน้าที่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย
เขาสูดหายใจเข้าลึกเล็กน้อยพร้อมทั้งหมุนวนทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าสร้างคลื่นสายฟ้าสีเงินขึ้นมาปกคลุมร่างกายเอาไว้
มันเป็นกลิ่นอายที่ทรงพลังถึงขั้นทำให้ม่านฟ้าสั่นไหวอย่างรุนแรง
วังน้ำวนสายฟ้าที่กำลังก่อตัวเหมือนจะได้รับผลกระทบไม่น้อย
“ใช้ทักษะสายฟ้าในตำนานที่ได้มาแทรกแซงทัณฑ์สวรรค์ ?! ”
ดวงตาของอสรพิษม่วงถึงกับเบิกกว้างขึ้น
มันที่อยู่ห่างออกไปได้แต่จ้องมองไปยังร่างของหลินเทียนพร้อมทั้งถอยกลับไป
ในตอนที่หลินเทียนได้สังเวยทักษะนี้ออกมามันทำให้กลิ่นอายของหลินเทียนเปลี่ยนไปอย่างมากเสมือนว่าเป็นเทพอัสนีที่กำลังแผดกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
“ก้าวข้ามได้แน่ๆ ”
อสรพิษม่วงส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายอย่างมาก
อย่างไรก็ตามแม้มันจะรู้สึกแบบนั้นแต่ก็ยังคงจับจ้องอย่างระมัดระวังเพราะหากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นก็จะสามารถยื่นมือเข้าช่วยได้ทันท่วงที
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังรายล้อมร่างของหลินเทียนเอาไว้เสมือนว่าเขาเป็นราชันแห่งสายฟ้าที่กำลังแหงนมองกลับขึ้นไปยังทัณฑ์สวรรค์
“มา ”
เขาส่งเสียงออกมา
ทึ้มม ~!
ม่านฟ้าได้สั่นไหวขณะที่กลิ่นอายทำลายล้างยิ่งทวีคูณความรุนแรงขึ้นไปอีก
เสมือนว่าสัมผัสได้ถึงการยั่วยุของหลินเทียนทำให้ทัณฑ์สายฟ้าระลอกแรกผ่าลงมาอย่างไม่ปราณี
ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ระหว่างเส้นทางของมันได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นอดีตไปอย่างฉับพลัน
หลินเทียนยังคงยืนรับมืออยู่กับที่ไม่ได้ขยับไปไหนพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดที่รายล้อมไปด้วยสายฟ้าออกไป
ตู้มมม ~!
คลื่นพลังทำลายอันหนักหน่วงได้อัดเข้ากับลำแสงสายฟ้าทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงออกไปรอบทิศทาง
เสียงฟึ้บ ~! ถูกส่งออกมาก่อนที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกแรกจะแหลกสลายหายไป
“หมัดเดียวสามารถทำลายทัณฑ์สายฟ้านั่นได้…..”
เหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปอดสั่นไปไม่ได้
แม้กระทั่งอสรพิษม่วงเองก็ได้แต่อ้าปากค้างไปเพราะมันตระหนักถึงพลังทำลายของทัณฑ์สายฟ้าระลอกนี้ดีทว่าหลินเทียนกลับสามารถทำลายมันลงได้ง่ายๆ
หลินเทียนที่ยืนอยู่ใจกลางสถานที่แห่งนี้ได้ก้มมองกำปั้นที่อัดแน่นไปด้วยสายฟ้าของตัวเองด้วยแววตาที่เปล่งประกาย……การโจมตีเมื่อครู่ของเขาทำให้คลื่นสายฟ้าปั่นป่วนอย่างมากทำให้สามารถทำลายมันลงได้ง่ายๆแถมเมื่อหมุนวนทักษะนี้แล้วมันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีความน่าเกรงขามแบบเดียวกันกับทัณฑ์สวรรค์ไม่มีผิด
“ใช้ได้จริงๆ ”
ก่อนหน้านี้หลังจากที่เขารู้ว่าทักษะนี้มีผลช่วยบั่นทอนพลังทำลายของทัณฑ์สวรรค์นั้นเขาก็เชื่อว่ามันจะต้องเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับเขาในอนาคตแน่ๆและตอนนี้เขาก็ยืนยันความคิดของตัวเองได้แล้ว
“มาอีก ”
เขาส่งเสียงออกมาอย่างดัง
“ทึ้มม ~! ”
แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่เขาพูดจบลงแล้วคลื่นสายฟ้าก็ได้สั่นไหวก่อนที่จะแปรเปลี่ยนกลายเป็นฝนสายฟ้าที่โหมกระหน่ำลงมาโจมตีเข้าใส่ร่างของเขา
“เปรี้ย ! ”
“เปรี้ยย ~~! ”
“เปรี้ย ! ”
มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปพร้อมทั้งเผยให้เห็นการไหลเวียนของมิติที่อยู่ภายใน
สายลมอันรุนแรงได้พัดผ่านสถานที่แห่งนี้ทำให้มันก่อตัวขึ้นเป็นพายุทะเลทรายอันน่าสะพรึงกลัว
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ขณะที่ผมสีดำยาวของเขาโบกสะบัดไปมาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
ดวงตาของเขาส่องประกายแสงสีเงินออกมาเล็กน้อยขณะที่หมุนวนทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าส่งคลื่นสายฟ้าสีเงินขึ้นไปรับการโจมตีนี้เอาไว้
“ตู้มม ~! ”
“ตู้ม ! ”
“ตู้มมม ! ”
การปะทะกันอย่างรุนแรงได้ระเบิดทุกสิ่งทุกอย่างสลายหายไป
พริบตาทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สองก็ถูกขจัดไปอย่างง่ายดาย
เขากำหมัดเอาไว้เล็กน้อยพร้อมทั้งแหงนหน้ามองขึ้นไปยังม่านฟ้าขณะที่ร่างกายส่งเสียงสายฟ้าร้องคำรามออกมา
“ทึ้มม ~! ”
ม่านฟ้าได้สั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้ง
ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สามได้ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งแปรเปลี่ยนกลายเป็นคลื่นสายฟ้าอันน่าสะพรึงกลัว
และมันเป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สี่และห้าได้ก่อตัวขึ้นพร้อมๆกันก่อนที่จะผ่าลงมาพร้อมๆกับระลอกที่สามสร้างเป็นภูเขาสายฟ้าที่พร้อมจะทำลายดาวดวงนี้ด้วยพลังทำลายที่น่าสยดสยอง
เหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปถึงกับอดสูดหายใจเข้าลึกไปไม่ได้เพราะว่านางสัมผัสได้ถึงความอันตรายนี้เป็นอย่างดีและรู้ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าพลังทำลายระดับนี้แล้วต่อให้เป็นเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายก็จะสูญสิ้นลงภายในชั่วพริบตา
ขนาดดวงตาของอสรพิษม่วงเองก็ยังหรี่เล็กลงอย่างมาก
เป็นเพราะว่าทัณฑ์สายฟ้าระลอกนี้ถึงขั้นสร้างแรงกดดันให้กับมันที่อยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงได้และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือหลินเทียนไม่เพียงแต่จะนำพาทัณฑ์สวรรค์มาในตอนที่ตัดผ่านทว่ากลับนำพาทัณฑ์สวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้
“ตู้มม ~! ”
ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สามได้กดทับลงมาอย่างรุนแรง
หลินเทียนยังคงยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่ราบเรียบไม่ได้หวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย
เขาประสานมือเข้าหากันเพื่อหมุนวนทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าเพื่อส่งคลื่นสายฟ้าออกไปปะทะกับมัน
ฟึ้บบ ~!
ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สามได้ส่งเสียงออกมาก่อนที่จะถูกบดขยี้แหลกสลายหายไป
หลังจากนั้นระลอกที่สี่และห้าก็ได้สั่นไหวพร้อมทั้งแหลกสลายหายไปตามๆกัน
“เจ้านี่มันสามารถใช้ทักษะนั่นทำลายทัณฑ์สายฟ้าพวกนี้ได้ง่ายๆแบบนี้นี่มันจะน่ากลัวเกินไปไหม ? ”
เหลาเหลาได้แต่จ้องมองไปยังร่างของหลินเทียนที่รายล้อมไปด้วยประกายสายฟ้าสีเงินพร้อมทั้งระลึกถึงบางสิ่งพลางพูดออกมาว่า
“หรือว่าที่ถ่อไปที่สวนสวรรค์ก็เพื่อชิงเอาทักษะนี้สำหรับการรับมือทัณฑ์สวรรค์ ?! ”
ตอนที่ 1420
ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สี่และห้าได้ถูกทำลายสลายหายไปส่งผลให้เหลาเหลาได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมาก
“นี่เจ้านี่มัน….แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ! ทักษะนั่นมันถึงขั้นสามารถแทรกแซงทัณฑ์สวรรค์ได้นี่….”
นางสั่นไปไม่หยุด
เป็นเพราะว่าทัณฑ์สวรรค์นั้นเป็นอะไรที่ลึกลับและน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่มันเป็นสัจธรรมที่พิเศษทว่าทักษะของหลินเทียนกลับมีความสามารถยับยั้งทัณฑ์สวรรค์ได้ส่วนหนึ่งนี่มันทำให้นางได้แต่แสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมา
“ตู้มม ~! ”
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังแผดกระจายตัวออกไปรอบทิศทาง
ม่านฟ้าในตอนนี้รายล้อมไปด้วยคลื่นสายฟ้าที่ส่งกลิ่นอายทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
หลินเทียนที่ยืนอยู่ใจกลางของสถานที่แห่งนี้ด้วยร่างกายที่รายล้อมไปด้วยประกายสายฟ้าสีเงินได้แหงนหน้ามองกลับขึ้นไปเล็กน้อย
“มา ”
เขาส่งเสียงออกมา
เขาอาศัยทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าปกป้องร่างกายเอาไว้แล้วทำให้เขาไม่ได้รู้สึกเคร่งเครียดเหมือนการก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ในครั้งก่อนๆ
“ตู้มม ~! ”
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังส่งเสียงคำรามออกมาอีกครั้ง
เสมือนว่ารับรู้ได้ถึงการยั่วยุของหลินเทียนถึงได้ทำให้มันรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมากพลางก่อตัวขึ้นกลายเป็นทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่หกที่อัดแน่นไปด้วยแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ระหว่างเส้นทางของม่านฟ้าและหลินเทียนได้แหลกสลายหายไป
หลินเทียนที่ยืนอยู่เบื้องร่างด้วยร่างกายที่รายล้อมไปด้วยสายฟ้าก็ยังคงมีสีหน้าที่ราบเรียบอย่างเคย
บึ้สสส !
ประกายสายฟ้าที่อาบร่างของเขาเอาไว้ยิ่งส่องประกายแสงออกมาอย่างเข้มข้นก่อนที่จะก่อตัวขึ้นกลายเป็นง้าวสายฟ้าอันทรงพลัง
“ง้าวอัสนี ! ”
เขาคว้ามือออกไปพร้อมทั้งซัดง้าวอัสนีพุ่งผ่านอากาศขึ้นไปเหนือม่านฟ้า
วิ้สสส ~!
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังส่งเสียงมังกรคำรามดังสนั่นหวั่นไหวออกมาก่อนที่อัดกระแทกเขข้าใส่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่หกทำให้เกิดแรงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวตามมา
ฟึ้บบบ ~!
ทัณฑ์สายฟ้าได้แหลกสลายหายไปหลังจากที่คลื่นแรงระเบิดได้กระตายตัวออกไปรอบๆ
“นี่มัน..แข็งแกร่งจริงๆ ”
เหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปอดสูดหายใจเข้าลึกไปไม่ได้
มันเป็นเพราะว่าพลังทำลายระดับนี้มันสามารถสังหารเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายได้ง่ายๆทว่าหลินเทียนกลับสามารถทำลายมันลงได้
แม้กระทั่งอสรพิษม่วงเองก็ยังตกตะลึงไม่น้อยเพราะว่าความแข็งแกร่งของหลินเทียนและทักษะของเขามันน่าเหลือเชื่ออย่างมาก
ทึ้มมม ~! ~!
ม่านฟ้าได้สั่นไหวอีกครั้งขณะที่คลื่นสายฟ้าสีแดงฉานยิ่งก่อตัวขึ้นอย่างหนาแน่น
ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่หกเพิ่งจะแหลกสลายหายไปได้ไม่นานทว่าวังวนสายฟ้ากลับสั่นไหวพร้อมทั้งก่อตัวขึ้นเป็นระลอกที่เจ็ดรูปร่างเสมือนขุนเขาสายฟ้าที่กดทับลงมาอย่างรวดเร็ว
และในเวลาเดียวกันนี้เองที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่แปดและเก้าก็ได้ก่อตัวขึ้นพร้อมๆกัน
ตู้มมม ~!
ม่านสวรรค์สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่กลิ่นอายทำลายล้างแผดออกไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
ณ ตอนนี้สถานที่เบื้องล่างได้แต่สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะแตกร้าวออกไปไม่ต่างกับใยแมงมุมก่อนที่พื้นดินจะทรุดตัวลงอย่างบ้าคลั่ง
แน่นอนว่ามันเป็นพลังทำลายที่ร้ายกาจอย่างมาก
หลินเทียนที่ยืนอยู่ใจกลางสถานที่แห่งนี้ด้วยเสื้อผ้าที่ปลิวไสวสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันเล็กน้อย
ทว่าสีหน้าของเขาก็ยังคงราบเรียบไม่หวาดหวั่นแม้แต่น้อย
เป็นเพราะหลังจากที่เชี่ยวชาญทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าแล้วมันทำให้ความต้านทานต่อทัณฑ์สวรรค์ของเขามีเพิ่มขึ้นมาก
ตู้มมม ~!
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาขณะที่ร่างกายของเขายิ่งปลดปล่อยสายฟ้าสีเงินออกมา
หลังจากนั้นเองที่ได้ปรากฏภาพร่างของพยัคฆ์ขาวความสูงหลายสิบเมตรขึ้นด้านหลังของเขาพร้อมๆกับกระบี่สายฟ้าสีเงินที่ส่งกลิ่นอายอันทรงพลังออกมา
“พยัคฆ์ขาวฟาดฟัน ! ”
น้ำเสียงอันทุ้มต่ำถูกส่งออกมาขณะที่ภาพร่างเหล่านั้นพวยพุ่งขึ้นไปในอากาศเสมือนว่าเป็นภาพของพยัคฆ์ขาวที่กำลังฟาดฟันกระบี่สายฟ้าออกไปยังม่านฟ้า
พริบตานี้เองที่คลื่นพลังทำลายของเขาได้อัดเข้ากับคลื่นทัณฑ์สายฟ้าที่กำลังกดทับลงมา
ฟึ้บบ ~!
ฟึ้บ ~!
ฟึ้บ !
เสียงนี้ถูกส่งออกมาขณะที่แรงระเบิดอันทรงพลังได้บดขยี้ทัณฑ์สายฟ้าทั้งสามลงอย่างง่ายดาย
เหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปเองก็ได้แต่อ้าปากค้างโดยที่ไม่สามารถหาคำมาพูดได้อีก
เป็นเพราะว่าพลังทำลายของทัณฑ์สายฟ้าทั้งสามระลอกนี้รุนแรงกว่าระลอกที่หกอย่างน้อยๆเป็นสองเท่าทว่าตอนนี้กลับถูกหลินเทียนทำลายลงได้ง่ายๆแบบนี้
“สุดยอดไปเลย ! ”
อสรพิษม่วงเองก็อดชมออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายไม่ได้
และมันเป็นตอนนี้เองที่ม่านฟ้าได้สั่นไหวอีกครั้งโดยที่หมู่เมฆเองก็ไม่ได้สลายหายไปไหนพลางสร้างเป็นคลื่นสายฟ้าที่ส่งเสียงร้องคำรามดังออกไปรอบทิศทางเสมือนว่าโลกนี้กำลังจะแหลกสลายลง
“โดยปกติแล้วยังไงทัณฑ์สวรรค์มันก็มีแค่เก้าระลอกไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงได้มีระลอกที่สิบกัน ?! ”
เหลาเหลามีสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยทันที
อสรพิษม่วงเองก็แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจไม่น้อยไปกว่ากันออกมาแต่หลังจากนั้นก็สงบสติลงเพราะเพียงแค่เรื่องการตัดผ่านแล้วนำพามาซึ่งทัณฑ์สวรรค์ก็น่าสะพรึงกลัวมากพอแล้วดังนั้นจึงไม่สามารถวัดมันด้วยตรรกะธรรมดาๆได้
“ทึ้มม ~! ”
ม่านสายฟ้าอันทรงพลังสั่นไหวออกไปรอบทิศทางพร้อมทั้งกดทับลงมายังร่างของหลินเทียนอย่างไม่ปราณี
นี่ทำให้เกิดคลื่นพายุอันทรงพลังขึ้นมาพัดพาพลังทำลายออกไปโดยรอบพื้นที่แห่งนี้
หลินเทียนที่กำลังแหงนหน้ามองท้องฟ้าพร้อมทั้งสัมผัสถึงพลังทำลายของมันรู้สึกได้ถึงแรงกดดันไม่น้อย
อย่างไรก็ตามสีหน้าของเขาก็ยังคงราบเรียบขณะที่หมุนวนทักษะเพราะรับมันเอาไว้ด้วยคลื่นสายฟ้าสีเงิน
ตู้มม ~! ~!
การโจมตีของทั้งสองได้อัดกระแทกเข้าใส่กันทำให้พื้นที่โดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรง
หลังจากนั้นไม่นานเมื่อสิ้นสุดการปะทะลงแล้วทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สิบก็ได้สลายหายไปขณะที่เสื้อผ้าตามร่างกายของหลินเทียนฉีกขาดพร้อมๆกับเลือดที่ไหลซิบออกมาจากมุมปาก
แม้ว่าจะมีทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าคอยปกป้องร่างกายเอาไว้แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บอยู่อย่างเคย
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้ถือว่าร้ายแรงอะไรมากนัก
‘ต่อกันเลย ”
เขาส่งเสียงออกมาพร้อมๆกับรักษาบาดแผลภายในร่างก่อนที่จะแหงนมองกลับขึ้นไปบนฟากฟ้า
แน่นอนว่าระหว่างที่กำลังรับทัณฑ์สวรรค์อยู่นี่เขาก็รู้ดีว่ามันจะยังไม่จบเพียงแค่ระลอกที่สิบเท่านั้น
ทึ้มมม ~! ~! แทบจะในเวลาเดียวกันนี้เองที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สิบเอ็ดได้ก่อตัวขึ้นด้วยพลังทำลายที่หนักหน่วงอย่างมาก
เหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปถึงกับมีใบหน้าเปลี่ยนสีไปโดยทันที
“นี่…ระลอกที่สิบเอ็ด ?! ”
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกไปรอบทิศทางส่งผลให้มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง
ก่อนที่มันจะแหลกสลายกลายเป็นผุยผง
หลินเทียนแหงนหน้ามองกลับขึ้นไปด้วยใบหน้าที่จริงจังก่อนที่จะหมุนวนทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าอย่างรวดเร็ว
ตู้มม ~!
คลื่นสายฟ้าสีเงินอันเข้มข้นได้ห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้ก่อนที่จะก่อตัวขึ้นเป็นกระบี่ยาวพลางฟาดฟันมันออกไป
การปะทะกันของสองการโจมตีนี้ก่อให้เกิดแรงระเบิดอันทรงพลังกระจายตัวออกไปโดยรอบส่งผลให้มิติรอบข้างบิดตัวอย่างรุนแรงก่อนที่จะแหลกสลายหายไปอีกครั้ง
“อั๊ก ~! ”
หลินเทียนกระอักเลือดออกมาขณะที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สิบเอ็ดกระแทกกลางหน้าอกของเขาแล้วระเบิดออกอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตามสีหน้าของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงพร้อมทั้งพยายามใช้ทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าป้องกันมันเอาไว้
หลังจากนั้นไม่นานทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สิบสองก็ได้ถูกเขาบดขยี้ไปด้วยร่างกายที่ชโลมไปด้วยเลือด
และแทบจะในเวลาเดียวกันนี้เองที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สิบสามได้ก่อตัวขึ้น
หลินเทียนใช้ทักษะสุริยันปรินิพพานรักษาบาดแผลตามร่างกายก่อนที่จะใช้ทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าออกไปรับการโจมตีนี้เอาไว้
คลื่นพลังทำลายทั้งสองอัดเข้าใส่กันอย่างจัง
ตู้มม ~~~!
เกิดระเบิดอันรุนแรงขึ้นเหนือม่านสวรรค์ชั้นฟ้า
ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สิบสี่ สิบห้า สิบหก สิบเจ็ดก็ได้ถูกทำลายหายไปอย่างต่อเนื่อง
ทึ้มมม ~!
หลังจากระลอกที่สิบเจ็ดได้แหลกสลายหายไปนั้นเสียงคำรามดังสนั่นก็ได้ถูกส่งออกมาอีกครั้งขณะที่ระลอกที่สิบแปดได้ก่อตัวขึ้น
ปรากฏภาพร่างของเหล่านางฟ้า อัศวินไร้ศีรษะ สัตว์อสูรและผีร้ายที่ก่อตัวขึ้นจากสายฟ้ายืนเรียงรายกันอยู่กลางม่านฟ้าด้วยกลิ่นอายทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว
และหลังจากนั้นเองที่แรงกดดันอันทรงพลังได้กดทับลงมา
หลินเทียนที่อาบไปด้วยเลือดเพราะถึงแม้จะเชี่ยวชาญทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้าก็จริงแต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บถึงขั้นที่ร่างกายแหลกเหลวไปหลายครั้งทำให้พลังเทวะที่เหลืออยู่มีอยู่อย่างจำกัด
ทว่าเขาก็ยังไม่มีสีหน้าที่หวาดหวั่นแม้แต่น้อยพร้อมทั้งรับแรงกดดันทั้งหมดเอาไว้ด้วยสายตาที่ส่องประกายความแน่วแน่ออกมา
“ระลอกสุดท้าย ! ”
ดวงตาของเขาส่องประกายขณะที่หมุนวนทักษะอย่างบ้าคลั่งพร้อมทั้งสังเวยเอาวงเวทย์สัจธรรมสังสารวัฏออกมาพลางเหวี่ยงมันออกไปพร้อมๆกับคลื่นสายฟ้าของเขา
การโจมตีทั้งสองได้อัดเข้าใส่กันอย่างจังพร้อมทั้งสร้างคลื่นพลังงานอันหนักหน่วงกวาดออกไปรอบทิศทาง
คลื่นพายุที่ทรงพลังกวาดออกไปรอบทิศทางส่งผลให้พื้นดินแหลกสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
มันแทบจะเรียกได้ว่าเป็นพลังทำลายที่ทำให้โลกทั้งใบสั่นไหวไม่หยุด
หลังจากนั้นไม่นานฝุ่นก็จางหายไปพร้อมๆกับกลุ่มเมฆอันน่าสะพรึงกลัว
แสงสว่างกลับมาเยือนโลกใบนี้อีกครั้งขณะที่ประกายสายฟ้ากระจายตัวออกไปรอบๆพื้นที่
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่าสถานที่แห่งนี้แทบจะถูกทำลายลงทั้งหมดพร้อมพบกับหลุมลึกขนาดใหญ่ที่ไหม้เกรียมเป็นเถ้าถ่านโดยที่มีร่างๆหนึ่งยืนอยู่ใจกลางด้วยสภาพร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักถึงขั้นที่เผยให้เห็นอวัยวะภายใน
“ผ่านมาได้แล้ว ”
เขามองกลับขึ้นไปบนฟากฟ้าพร้อมทั้งเผยรอยยิ้มออกมา
ตอนที่ 1421
สถานที่แห่งนี้ได้ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์ไม่มีเหลือขณะที่หลินเทียนผู้ซึ่งอยู่ใจกลางนั้นยังคงยืนแสยะยิ้มอยู่กับที่ด้วยร่างกายที่โชกเลือด
ด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้และทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้ามันเพียงพอที่จะทำให้เขาตัดผ่านทัณฑ์สวรรค์นี้ไปได้โดยที่ไม่ได้ใช้อาวุธเลยด้วยซ้ำ
“ลืมเอาเจดีย์ราชันอมตะออกมาหล่อหลอมด้วยเลยสิ ”
เขาเพิ่งนึกได้ถึงจุดนี้
บึ้สสส~!
ม่านฟ้าได้สั่นไหวพร้อมทั้งปรากฏกลุ่มหมอกแสงเจ็ดสีส่องประกายแสงระยิบระยับลงมากระทบร่างของเขา
ไม่นานบาดแผลทั้งหมดก็ได้สลายหายไปขณะที่กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
เหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปได้แต่ถอนหายใจออกมา
“ในที่สุดก็ผ่านไปได้เสียที ”
ทัณฑ์สายฟ้าทั้งสิบแปดรอบที่ผ่านมานี้มันน่าสะพรึงกลัวอย่างมากถึงขั้นที่แม้หลินเทียนจะเชี่ยวชาญทักษะสายฟ้าก็ยังคงได้รับบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีกทำให้ร่างกายแหลกสลายหายไปหลายครั้งส่งผลให้นางรู้สึกกังวลอย่างมากแต่หลังจากที่ได้เห็นกลุ่มเมฆเจ็ดสีนี้แล้วนางก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกโดยทันที
หลินเทียนที่อยู่ใจกลางสถานที่แห่งนี้ได้หมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันของเขาเพื่อดูดกลืนพลังงานเหล่านี้เข้าไปภายในร่างอย่างรวดเร็ว
พริบตาร่างกายของเขาก็กลับมาสมบูรณ์แบบอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่กลิ่นอายของเขาได้พุ่งสูงถึงขีดสุดเสมือนว่าเป็นเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ
“เขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้น ”
เขาพึมพำกับตัวเองด้วยดวงตาที่เปล่งประกายออกมาเพราะสามารถสัมผัสได้เลยว่าร่างกาย ดวงวิญญาณและทะเลความรู้ของเขาพัฒนาขึ้นมาก
ที่พิเศษที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของเขาที่ทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวแถมยังอัดแน่นไปด้วยพลังงานที่ลึกลับเสมือนว่าต่อให้หมดชั่วอายุขัยของเขาไปแล้วร่างกายก็จะไม่มีวันแห้งเหี่ยว
“นี่คือเขตแดนนิรันดร์อมตะ ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเองด้วยดวงตาที่เปล่งประกายออกมา
เป็นเพราะว่าเขตแดนนี้คือเขตแดนที่ร่างกายได้ตัดผ่านไปยังระดับที่ไม่มีวันแตกดับได้แล้วซึ่งความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้มันก็เป็นอย่างที่ว่าเอาไว้จริงๆ
เขากำหมัดเล็กน้อยพลางเหวี่ยงออกไปส่งผลให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมาพร้อมๆกับห้วงมิติที่บิดตัวอย่างรุนแรง
มันเป็นการโจมตีที่ทรงพลังอย่างมาก
“สุดยอด ! ”
อสรพิษม่วงที่อยู่ห่างออกไปได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาเพราะสัมผัสได้เลยว่าความแข็งแกร่งทางร่างกายของหลินเทียนในตอนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขตแดนอนันตกาลตอนต้นเลยด้วยซ้ำ
“นี่มัน……..”
มันได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยดวงตาที่ส่องประกายออกมา
เป็นเพราะว่าโดยปกติแล้วจะมีเพียงเขตแดนวิญญาณนิรันดร์เท่านั้นที่ชักนำทัณฑ์สวรรค์มาได้ทว่าหลินเทียนที่ตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะกลับนำพามันมายังไม่พอ ทั้งๆที่มันควรจะมีแค่เก้าระลอกกลับมีมากถึงสิบแปดระลอกแล้วหลังจากที่ก้าวข้ามมาได้แล้วความแข็งแกร่งทางร่างกายกลับเทียบเท่าเขตแดนอนันตกาลตอนต้นนี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
หลินเทียนที่อยู่ใจกลางสถานที่แห่งนี้ได้เหวี่ยงหมัดออกไปเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวเดินออกไปหาเหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไป
“ยินดีด้วยที่ก้าวข้ามมาได้ ! ”
เหลาเหาได้ส่งเสียงออกมาพร้อมๆกับพูดว่า
“เจ้านี่มันเป็นสัตว์ประหลาดอย่างที่ข้าคิดเอาไว้จริงๆเลยนะ ขนาดตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะยังนำพาทัณฑ์สวรรค์มาได้แบบนี้แถมยังน่าสะพรึงกลัวถึงขนาดนี้นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ ข้าล่ะคิดว่าสวรรค์คงไม่สบอารมณ์กับเจ้ามากหรอกนะ ”
หลินเทียน
“………”
“ข้าเองก็รู้สึกแบบเดียวกันและนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนพูดแบบนี้กับข้า ทุกครั้งที่ข้าก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ก็จะมีคนพูดประโยคนี้เสมอ ”
เขาตอบกลับไป
คำพูดนี้ทำให้อสรพิษม่วงและเหลาเหลาได้แต่แข็งค้างไป
“นี่เจ้าก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์มาแล้วกี่ครั้งกัน ? นี่มัน……หมายความว่าไง ? ”
นางผงะไปพร้อมทั้งถามต่อว่า
“ไม่ใช่ว่าเจ้าควรจะรับทัณฑ์สวรรค์ในตอนที่ตัดผ่านเขตแดนวิญญาณนิรันดร์ ? ”
นางและอสรพิษม่วงนั้นไม่ใช่คนโง่ถึงได้เข้าใจความหมายของคำพูดหลินเทียนได้เป็นอย่างดี
“มันไม่ได้แย่ขนาดที่เจ้าว่าหรอก ”
หลินเทียนตอบกลับไปอย่างสบายอารมณ์ว่า
“ข้าไม่ได้ถูกทัณฑ์สวรรค์ลงทัณฑ์ในตอนที่ตัดผ่านเขตแดนวิญญาณนิรันดร์แต่เริ่มตั้งแต่เขตแดนจักรพรรดินภาแล้ว ”
มันไม่ใช่ความลับอะไรดังนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องนี้
“ว่าไงนะ ?! ”
เหลาเหลาและอสรพิษม่วงถึงกับตาค้างไปทันที
เป็นเพราะจากคำพูดของหลินเทียนนี่มันแสดงให้เห็นว่าเขาน่าจะรับทัณฑ์สวรรค์มาตั้งแต่เขตแดนวิญญาณนิรันดร์แล้วแต่ไม่คิดเลยว่าจะถึงขั้นที่ต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ในเขตแดนจักรพรรดินภา
“นี่เจ้ายังเป็นคนอยู่อีก ? ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมา
หลินเทียน
“…….”
“เพื่อนตัวน้อย เจ้านี่มัน…”
ขนาดตัวตนระดับกึ่งนิรันดร์แท้จริงเองก็ยังได้แต่ฝืนยิ้มออกมา
ต้องใช้เวลาอยู่พักหนึ่งกว่าเหลาเหลาจะสงบสติลงได้
“สมแล้วจริงๆที่ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ประหลาด ”
เหลาเหลาส่งเสียงกระซิบออกมา
นี่ทำให้หลินเทียนยกมือเขกศีรษะของนางทำให้นางได้แต่ส่งเสียงร้องออกมา
หลังจากนั้นเขาได้หันมองไปทางอสรพิษม่วงก่อนที่จะพูดว่า
“ท่านผู้อาวุโส เราไปเยี่ยมขุมพลังทั้งหลายกันดีกว่า ”
เป็นเพราะตอนนี้เขาก็ได้ตัดผ่านมาแล้วดังนั้นก็ถึงเวลาที่จะต้องจัดการเรื่องของสามขุมพลังใหญ่ของดาวนี้เพื่อชิงเอาสมบัติทั้งหลายของพวกมัน
อสรพิษม่วงได้หัวเราะออกมาอย่างดังพลางพูดว่า
“ได้ ไปกันเลย ! ”
ณ ตอนนี้พวกเขาถึงได้พากันเหาะออกไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ไปถึงขุนเขาศักดิ์สิทธิ์อันกว้างใหญ่ไร้ขีดจำกัด
เมื่อมองออกไปแล้วจะเห็นได้ว่ามันเป็นเทือกเขาอันกว่างใหญ่ที่ทอดยาวออกไปไกลแถมยังมีสิ่งก่อสร้างอย่างตำหนักและเจดีย์มากมายที่สร้างขึ้นจากอัญมณีและทองคำล้ำค่าขณะที่นกกระเรียงบินอยู่กลางฟากฟ้า
“นิกายจี่หยาน ”
หลินเทียนหรี่ตาของเขาลงเล็กน้อย
เป็นเพราะว่านิกายนี้ นิกายเฉินเจียวและตระกูลฟานนั้นถือเป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของดาวดวงนี้ดังนั้นที่ตั้งของพวกมันถึงไม่ได้เป็นความลับอะไร
“ได้ยินมาว่าบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งของพวกเขาเป็นตัวตนระดับนิรันดร์แท้จริงทำให้มีข่ายอาคมสังหารเขตแดนนิรันดร์แท้จริงคอยพิทักษ์ขุมพลัง เราเข้าไปแบบนี้จะไม่เป็นอะไรแน่ ? ”
เหลาเหลาได้ถามออกมาเบาๆ
เป็นเพราะว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาคืออสรพิษม่วงเขตแดนกึ่งนิรันดร์แท้จริงซึ่งตามสถานการณ์ปกติแล้วสามารถเดินเบ่งไปทั่วดาวดวงนี้ได้แล้วทว่าอีกฝ่ายนั้นมีข่ายอาคมพิทักษ์และอาวุธนิรันดร์แท้จริงอยู่ดังนั้นจึงถือว่าเป็นอันตรายต่อชีวิตเอามากๆ
“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าเองก็เชี่ยวชาญด้านข่ายอาคมดังนั้นหากว่าได้รับพลังของท่านผู้อาวุโสคอยสนับสนุนแล้วข่ายอาคมพวกนั้นมันไม่เท่าไหร่หรอก ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่าเขาเองก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนแล้วแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะหากว่าได้รับการถ่ายทอดพลังของกึ่งนิรันดร์อมตะแล้วมันก็เพียงพอที่จะทำลายข่ายอาคมนี้ลงได้ง่ายๆ
“ข้าเชื่อในความสามารถของเพื่อนตัวน้อยดังนั้นเราเข้าไปกันเลยเถอะ ! ”
อสรพิษม่วงส่งเสียงหัวเราะออกมา
“ไปกัน ”
หลินเทียนเองก็แสยะยิ้มออกมา
ณ ตอนนี้พวกเขาต่างพากันเหาะออกไปทางนิกายจี่หยานอย่างไม่แยแสสิ่งใดแม้แต่น้อย
“ใครกัน ?! ”
เหล่าศิษย์เฝ้าประตูด้านหน้านิกายที่ถือหอกแหลมและเห็นว่ากลุ่มของหลินเทียนกำลังพุ่งเข้ามาใกล้ต่างชี้ปลายหอกเหล่านั้นเข้าใส่ทางพวกเขา
อย่างไรก็ตามมันเป็นตอนนี้เองที่สีหน้าของหนึ่งในพวกเขาได้เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงหลังจากที่ได้เห็นใบหน้าของหลินเทียน
“เป็น…เจ้า…..”
เขาได้ส่งเสียงสั่นๆออกมา
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่ศิษย์เฝ้าประตูคนอื่นๆก็ได้แต่สั่นไป
เป็นเพราะว่าไม่นานมานี้ข่าวลือเรื่องที่บรรพบุรุษเขตแดนอนันตกาลของสามขุมพลังใหญ่ได้ตกตายลงด้วยเงื้อมมือของหลินเทียนนั้นแพร่สะพัดไปทั่วทำให้ศิษย์เหล่านี้ล้วนคุ้นเคยกับใบหน้าของเขา
หลินเทียนไม่ได้พูดอะไรขณะที่ก้าวเดินเข้าไปโดยที่มีอสรพิษม่วงและเหลาเหลาเดินตามหลัง
“เจ้า…….”
เหล่าศิษย์พากันส่งเสียงสั่นๆออกมาพลางก้าวถอยหลังกลับไป
โดยปกติแล้วคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่จะเป็นพวกที่หยิ่งผยองทว่าตอนนี้กลับแสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมาไม่หยุดเพราะรู้ดีว่าหลินเทียนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือใคร
เป็นเพราะบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาได้ตกตายลงด้วยเงื้อมมือของคนเหล่านี้แล้วจะไม่ให้พวกเขาหวาดกลัวได้ไงกัน ?
พริบตาพวกเขาก็ได้แต่มองไปยังร่างของหลินเทียนที่กำลังเดินผ่านเข้าไปภายใน
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่าสถานที่แห่งนี้มีพื้นที่กว้างมากๆแถมพลังฉีเองก็ยังเข้มข้นถึงขีดสุด
“สมแล้วจริงๆที่เป็นถึงขุมพลังที่ผู้ก่อตั้งเป็นถึงเขตแดนนิรันดร์แท้จริง”
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมา
เป็นเพราะก้าวแรกที่ได้แตะพื้นเขาก็สัมผัสได้ถึงความพิเศษของสถานที่แห่งนี้ว่ามันเป็นขุมพลังที่ก้าวข้ามขุมพลังอื่นๆไปไกลมาก
เหล่าศิษย์เองก็มีอยู่มากมายซึ่งหลายๆคนเองก็ตระหนักได้ถึงการรุกล้ำเข้ามาของหลินเทียนก่อนที่สีหน้าของพวกเขาจะเปลี่ยนไปหลังจากที่เห็นใบหน้าชัดๆของหลินเทียน
“เจ้า…..”
กลุ่มศิษย์ได้แต่สั่นสะท้านไปเพราะว่าคนที่สังหารบรรพบุรุษของพวกเขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ !
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น