Divine King of All Directions - สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ 1407-1409
ตอนที่ 1407
เมื่อเห็นการปรากฏตัวของหลินเทียนแล้วเหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่อยู่โดยรอบต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะว่าวีรกรรมของหลินเทียนนั้นโด่งดังอย่างมาก
แม้กระทั่งเรื่องนี้เองก็ยังแพร่สะพัดไปถึงหูของนิกายจี่หยานและนิกายเฉินเจียวเพราะว่าตัวตนระดับผู้อาวุโสนั้นถือว่ามีความสำคัญอย่างมากและถึงแม้จะเพิ่งเสียพวกเขาไปแต่ก็พากันหันมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่หรี่เล็กลง
ผู้นำตระกูลฟานนั้นถือเป็นตัวตนระดับเดียวกันกับพวกเขาดังนั้นจึงเรียกได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่ของดาวดวงนี้แต่การที่กล้าลงมือสังหารตัวตนระดับนั้นก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ให้พวกเขาไม่ให้ความสนใจ
“กึ่งนิรันดร์อมตะ ”
หลายๆคนได้แต่มองไปทางหลินเทียนพร้อมกับสีหน้าที่หม่นหมองลง
เป็นเพราะว่าด้วยระดับพลังเพียงเท่านี้มันจะไปสามารถสังหารผู้นำตระกูลฟานในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายได้อย่างไรกัน ?
“แปลกมาก แม้ว่าเขาจะมีอาวุธอนันตกาลตอนปลายรวมถึงเจดีย์ที่สร้างจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลอยู่แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับเขตแดนนิรันดร์อมตะได้อย่างแน่นอน ”
หลายๆคนได้แต่แสดงสีหน้าแปลกๆออกมา
หลินเทียนเองก็สัมผัสได้ถึงสายตาของพวกเขาดีแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรพร้อมทั้งก้าวเดินออกไปอย่างช้าๆ
แม้ว่ามันจะมีความรู้สึกเสมือนว่ามันไม่สามารถทำอะไรเขาได้แต่ก็ไม่กล้ากระโจนเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าอยู่ดี
เขาก้าวเดินเข้าไปพร้อมทั้งสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันทรงพลังที่ให้ความรู้สึกเสมือนกับภูเขาสายฟ้าที่สามารถทำลายได้ทุกสรรพสิ่ง
ทว่าสิ่งที่ต่างออกไปนั้นคือแม้ตัวเขาจะสัมผัสถึงแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้นทุกครั้งที่ยิ่งเข้าใกล้แต่กลับไม่ได้รับแรงกดดันใดๆแม้แต่น้อย
เขาก้าวเดินเข้าไปใกล้ระยะสามสิบเมตรก่อนที่จะใกล้เข้าไปๆจนถึงระยะสามเมตรโดยที่ไม่ได้รับการต่อต้านใดๆเลยแม้แต่น้อยพร้อมทั้งหยุดอยู่ที่ขอบของคลื่นสายฟ้านี้
ระยะประชิด !
“นี่….”
“ขนาดผู้อาวุโสของนิกายทั้งสองเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้นที่ถือครองอาวุธวิญญาณอันแข็งแกร่งเองก็ยังเข้าใกล้ได้เพียงแค่สามเมตรเท่านั้น ทว่าตอนนี้เขากลับ……”
“เข้าประชิดได้ขนาดนั้น ?! ”
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากไม่เว้นแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสองนิกายใหญ่
ในสายตาของพวกเขาแล้วไม่เห็นเลยว่าหลินเทียนใช้การป้องกันใดๆเสมือนว่าเขาก้าวเดินออกไปอย่างสบายอารมณ์และนี่ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนว่ากำลังเพ้อฝันไปด้วยซ้ำ
“เจ้านี่ ?! สายฟ้าพวกนั้นไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ? ”
เหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปเองก็เห็นภาพนี้อย่างดีและอดอ้าปากค้างไปไม่ได้
หลังจากนั้นเองที่สีหน้าของนางได้เปลี่ยนไปอีกครั้งหลังจากที่ระลึกได้ถึงบางสิ่งอย่างเช่นการที่มีเพียงหลินเทียนคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำความเข้าใจอักขระหินได้ส่วนคนอื่นๆที่มองมันจะได้รับบาดเจ็บอย่างหนักซึ่งหลินเทียนเองก็เคยพูดเอาไว้ว่ามันเป็นผนังที่อัดแน่นไปด้วยพลังทัณฑ์สวรรค์ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับทักษะสายฟ้าในตำนานอย่างแน่นอน
ทว่าตอนนี้มันยืนยันได้แล้วว่าที่นี่สถานที่เก็บสมบัตินั้นและต่อให้เป็นเขตแดนนิรันดร์อมตะเองก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้ได้แต่หลินเทียนกลับเดินทอดน่องไปอย่างสบายใจทำให้นางอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
“นี่มันคงไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเขา ? ”
นางประหลาดใจสุดๆ
หลินเทียนที่อยู่ตรงหน้าของทะเลสายฟ้านั้นได้แต่แสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาก่อนที่คลื่นสายฟ้าจะเข้มข้นขึ้นอย่างฉับพลัน
ภาพเหล่านี้ทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบได้แต่สั่นสะท้านไปและอดก้าวถอยออกห่างไปไม่ได้ไม่เว้นแม้กระทั่งเหล่าผู้อาวุโสจากทั้งสองนิกายใหญ่เพราะเกรงว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย
แต่หลินเทียนที่อยู่ใกล้มากๆกลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆแม้แต่น้อย
“นี่ ?! กลิ่นอายสายฟ้านั่นมันสามารถสังหารได้แม้กระทั่งเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้นเลยนะ แต่เขากลับไม่เป็นอะไรเลย ?! ”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
“นี่มันไม่น่าเป็นไปได้ ! ”
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญพากันส่งเสียงออกมาด้วยความตกตะลึง
เป็นเพราะว่าเมื่อครู่ผู้อาวุโสของสองนิกายใหญ่ที่เข้าใกล้ระยะเพียงแค่สามเมตรยังถูกคลื่นสายฟ้าซัดเข้าใส่จนกลายเป็นผุยผงไปทว่าตอนนี้คลื่นสายฟ้าที่เข้มข้นขึ้นกว่าห้าเท่ากลับไม่สามารถทำอะไรหลินเทียนได้เลยแม้แต่น้อย
และที่สำคัญที่สุดคือหลินเทียนไม่ได้ป้องกันอะไรเลยแม้แต่น้อย
นี่มันแปลกเกินไปแล้ว !
“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามันกำลังร่าเริงกับการมาของเขากัน ?”
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญได้ส่งเสียงออกมาพร้อมๆกับผวาไปกับความคิดนี้เพราะว่านี่มันเป็นเรื่องที่บ้ามากๆ
“ตู้มม ~! ”
คลื่นสายฟ้าห้าสีเสมือนต้องการจะทำลายล้างโลกใบนี้แผดกลิ่นอายอันทรงพลังออกไปรอบทิศทาง
หลินเทียนที่อยู่สุดขอบเองก็สัมผัสได้ถึงพลังทำลายของมันดีแต่กลับไม่ได้รับแรงกดดันใดๆเลยแม้แต่น้อย
มันแปลกจริงๆ
อย่างไรก็ตามสิ่งเดียวที่เขารู้คือมันไม่ใช่เรื่องที่เป็นสิ่งไม่ดีสำหรับเขา
เขาที่อยู่สุดขอบได้สูดหายใจเข้าลึกเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวออกไป
“ก้าวไปแล้ว ! ”
“นี่เขา…ไม่เป็นอะไร ?! ”
“คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังนี่มัน………ไม่ได้โจมตีเขา ? ”
กลุ่มคนที่เห็นเช่นนั้นเองก็ได้แต่สั่นสะท้านไปด้วยความตกตะลึงเพราะว่าหลินเทียนที่อยู่ท่ามกลางคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังกลับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆแม้แต่น้อยแถมคลื่นสายฟ้าเหล่านั้นยังรายล้อมร่างของเขาเอาไว้เสมือนข้ารับใช้
“นี่มัน…..”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ”
ตอนที่ 1408
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงถึงขีดสุด
เป็นเพราะว่าขนาดผู้อาวุโสเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้นของสองนิกายใหญ่นั้นไม่แม้แต่จะสามารถเข้าใกล้สถานที่แห่งนั้นได้ทว่าหลินเทียนกลับเข้าใกล้ได้อย่างง่ายดายแถมยังไม่ได้รับบาดเจ็บมดๆนี่ทำให้พวกเขาได้แต่โง่งมไปทันที
“นี่เจ้านี่มัน..เป็นใครกันแน่ ?”
เหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปถึงกับอ้าปากค้างพร้อมทั้งพึมพำออกมา
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ด้วยร่างกายที่รายล้อมไปด้วยประกายสายฟ้าอันเข้มข้นที่สามารถสังหารได้แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลหรือแม้กระทั่งเขตแดนนิรันดร์แท้จริงลงได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตามเขากลับไม่ได้รับแรงกดดันใดๆเลยแม้แต่น้อย
เขายังคงยืนอยู่กับที่อยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหันมองออกไปทางเหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปไกลเล็กน้อยแล้วก้าวเดินเข้าไปภายในใจกลางของสถานที่แห่งนี้
“นี่เขา…กำลังเข้าไปภายในแล้ว ! ”
“ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลยแม้แต่น้อย นี่มัน….”
“หรือว่าตราบเท่าที่สามารถเข้าไปได้แล้วจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ ? ”
“นี่….ดูไม่น่าจะใช่ ”
“ข้าเองก็คิดว่าไม่น่าจะใช่ ”
“แล้วทำไมเขาถึงได้…..”
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่อยู่รอบนอกได้แต่พากันส่งเสียงออกมา
แม้กระทั่งผู้อาวุโสของทั้งสองนิกายใหญ่เองก็ยังได้แต่มองไปทางหลินเทียนด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
“เจ้าหนูนี่มัน……แปลกมากๆ ! ”
ผู้อาวุโสนิกายเฉินเจียวได้ส่งเสียงออกมา
หลินเทียนก้าวเดินเข้าไปภายในก่อนที่จะพบว่าแม้คลื่นสายฟ้าพวกนี้จะทรงพลังอย่างมากแต่ก็ไม่ได้ทำลายพื้นที่ภายในเลยแม้แต่น้อย
นี่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรพร้อมทั้งก้าวเดินออกไปพลางกวาดสายตาไปรอบๆโดยที่มีเสียงคลื่นสายฟ้าถูกส่งออกมาเป็นพักๆ
“เงิน คราม ม่วง แดง ดำ ”
เขาหันมองออกไปยังคลื่นสายฟ้าหลากสีที่อัดแน่นไปด้วยคลื่นพลังอันหนักหน่วงซึ่งสายฟ้าสีเงินนั้นมีพลังทำลายด้อยที่สุดและสีดำเป็นสายฟ้าที่ทรงพลังที่สุด
ทว่าแม้จะเป็นคลื่นสายฟ้าที่เบาบางที่สุดสีเงินก็เพียงพอที่จะสังหารเขตแดนอนันตกาลลงได้ง่ายๆ
“บอกได้เลยว่าอย่างน้อยๆผู้ที่คิดค้นทักษะนี้จะต้องมีระดับพลังอยู่ในเขตแดนิรันดร์แท้จริงอย่างแน่นอน ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เมื่อคิดถึงจุดนี้แล้วเขาก็ได้หันมองออกไปรอบๆก่อนที่จะหยุดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก้าวเดินต่อไป
ยิ่งเขาก้าวเดินเข้าไปเท่าไหร่คลื่นสายฟ้าทั้งหลายก็พากันแหวกทางออกให้เขาเสมือนว่ามีสติปัญญาเป็นของตัวเอง
นี่ทำให้เขาได้แต่แสดงสีหน้าแปลกๆออกมาแต่ก็ยังก้าวเดินต่อเข้าไป
ไม่นานเขาก็ได้ไปถึงพื้นที่ใจกลางของสถานที่แห่งนี้อย่างแท้จริง
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับแท่นหินอยู่ตรงกลางขนาดไม่ใหญ่มาก เหมาะสำหรับที่นั่งขัดสมาธิแถมยังรายล้อมไปด้วยเศษฝุ่นที่ไม่รู้เลยว่าคงอยู่มาเนิ่นนานขนาดไหน
สายตาของเขาได้หยุดอยู่ที่มันก่อนที่ดวงวิญญาณของเขาจะสั่นไหวอย่างรุนแรง
เป็นเพราะว่าที่แท่นหินนั้นแฝงไปด้วยเจตจำนงแห่งสายฟ้า !
“แท่นหินนั่นจะต้องเป็นสถานที่ๆผู้เชี่ยวชาญคนนั้นคิดค้นทักษะนี้ขึ้นอย่างแน่นอน ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
หลังจากนั้นก็ก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว
พริบตานี้เองที่เขาได้สัมผัสถึงกลิ่นอายสายฟ้าอันหนักหน่วงเสมือนว่าเคยมีเทพสายฟ้านั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหน้านี้
ดวงตาของเขาส่องประกายออกมาก่อนที่จะนั่งขัดสมาธิลงกับที่
“ถึงอย่างไรก็ต้องเรียนรู้มันให้ได้ ! ”
หลังจากที่ขัดสมาธิลงแล้วจิตสัมผัสอันทรงพลังของเขาก็ได้กวาดออกไปรอบทิศทางพร้อมทั้งเริ่มการสำรวจมรดกที่ถูกทิ้งเอาไว้
คลื่นสายฟ้าทั้งหลายส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมาก่อนที่จะพากันโถมเข้าใส่ร่างของเขาอย่างมีความสุข
ไม่นานหลังจากนั้นพวกมันก็พากันโคจรอยู่รอบตัวของเขาอย่างช้าๆ
แน่นอนว่าเขาเองก็สัมผัสได้ถึงจุดนี้ถึงได้ลืมตากลับขึ้นมา
“นี่……”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยทันที
จิตสัมผัสของเขาหยุดนิ่งทว่าคลื่นสายฟ้าเหล่านี้ก็ยังรายล้อมร่างของเขาเอาไว้
เขานั่งขัดสมาธิลงพร้อมทั้งจ้องมองออกไปพลางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันหนักหน่วงที่แฝงอยู่ภายใน
“บึ้สส ~! ”
ประกายแสงสาดส่องออกมาจากร่างของเขาเสมือนว่าเป็นเสียงสะท้อนของคลื่นสายฟ้า
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ดวงวิญญาณของเขาได้ส่องประกายออกมาพร้อมก่อกำเนิดคลื่นประกายสายฟ้าที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายของทัณฑ์สวรรค์ออกมา
ตู้มม ~!
ตู้มม ~!
ตู้ม ~!
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังส่งผลให้มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรง
หลังจากนั้นเองที่พวกมันต่างพากันไหลซึมเข้าสู่ร่างของหลินเทียน
นี่ทำให้หลินเทียนได้แต่รู้สึกขนหัวลุกเพราะต่อให้เปลี่ยนเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนิรันดร์แท้จริงคนอื่นก็คงจะตกตายลงไม่เหลือซากไปแล้วแถมก่อนหน้านี้เขาก็เกือบที่จะลุกหนีไปแล้วด้วยซ้ำ
เขาปรับสภาพอารมณ์อย่างรวดเร็วก่อนที่ร่างกายจะรายล้อมไปด้วยประกายสายฟ้าอย่างเข้มข้น
คลื่นสายฟ้าห้าสีส่องประกายแสงแห่งสัจธรรมออกมาพลางพุ่งทะลวงผ่านทะเลความรู้ของเขาไป
ร่างกายของหลินเทียนได้สั่นไหวขณะที่คลื่นสายฟ้าทั้งหลายทะลวงผ่านทะเลความรู้ออกไปยังดวงวิญญาณของเขาและเริ่มโคจรอยู่รอบๆมันเสมือนว่าเป็นผู้พิทักษ์มังกรสายฟ้า
ยิ่งเวลาผ่านไปคลื่นสายฟ้าที่ทะลวงเข้าสู่ร่างของเขาก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีกและส่งผลให้ทะเลความรู้ของเขาสั่นไหวด้วยความตื่นเต้น
ตู้มม !
ตู้ม !
ตู้มมม ! !
ตู้ม !
ตู้ม !
เสียงฟ้าร้องคำรามดังสนั่นอย่างต่อเนื่องห้าครั้งถูกส่งออกมาก่อนที่คลื่นสายฟ้าห้าสีจะพากันแปรเปลี่ยนกลายเป็นอักขระโบราณที่รายล้อมไปด้วยกลิ่นอายสายฟ้าอันเข้มข้น
ร่างกายของหลินเทียนได้สั่นสะท้านไปเพราะว่าเขาเคยเห็นอักขระเหล่านี้ที่ผนังหินมาก่อนแล้ว
ตู้มม ~!
อักขระสายฟ้าทั้งหลายส่องประกายแสงออกมาก่อนที่จะส่งเสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่งทะเลความรู้ของเขา
หลินเทียนในตอนนี้กำลังแบกรับความเจ็บปวดจากการฟาดฟันของคลื่นสายฟ้าทั้งห้าสีก่อนที่จะปรากฏข้อมูลอันเลือนรางขึ้นภายในทะเลความรู้ของเขา
“ทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้า ”
“ตู้มม ~! ”
อักขระทั้งห้ายิ่งส่องประกายออกมาอย่างเข้มข้น
หลังจากนั้นเองที่มันได้ทะลวงผ่านเข้าไปยังดวงวิญญาณของเขาอย่างรวดเร็ว
มันทำให้ดวงวิญญาณของเขาได้สั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมๆกับความเจ็บปวดที่แผดขยายไปทั่วร่างของเขาทำให้เขาอดส่งเสียงโอดครวญออกมาไม่ได้
ระหว่างนี้เองที่ภาพความทรงจำอันเลือนรางได้ปรากฏขึ้นภายในทะเลคามรู้ของเขา มันเป็นภาพร่างของคนๆหนึ่งที่อาบไปด้วยเลือดขณะที่ผ่านพ้นทัณฑ์สวรรค์ไปก่อนที่จะอาบแสงเจ็ดสีและแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เวลาได้ผ่านไปพร้อมๆกับภาพที่แปรเปลี่ยน เขาได้เห็นภาพร่างๆนั้นก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์รอบที่สอง รอบที่สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด และเก้า…….
“นี่มัน ?! ”
ภาพเหล่านี้ทำให้ร่างกายของเขาถึงกับสั่นสะท้านไปอย่างรุนแรง
เป็นเพราะมีคนที่ต้องแบกรับทัณฑ์สวรรค์ทั้งแต่เขตแดนจักรพรรดินภาเหมือนเขา
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้เห็นภาพของร่างๆนั้นก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ไปทั้งหมดถึงสิบแปดครั้ง
“18 ครั้ง…….”
หัวใจของเขาสั่นไหว
การที่สามารถก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์กว่าสิบแปดครั้งได้นี่แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิแห่งทวยเทพ ?!
ภาพเหล่านั้นแสดงให้เห็นช่วงที่ร่างๆนั้นฉีกคลื่นสายฟ้าออกเป็นเสี่ยงๆก่อนที่จะอาบประกายแสงเจ็ดสีพร้อมทั้งออกเดินทางข้ามผ่านภูเขาและแม่น้ำไปมากมายก่อนที่จะเปิดโลกใบเล็กแล้วนั่งทำสมาธิอยู่ภายใน
ไม่รู้เลยว่าใช้เวลานานขนาดไหนก่อนที่ร่างๆนั้นจะลืมตากลับขึ้นมาอีกครั้งด้วยแววตาที่ผสมผสานคลื่นสายฟ้า
หลินเทียนที่กำลังจ้องมองดวงตาอันล้ำลึกนั้นได้แต่รู้สึกสั่นสะท้านไป
พริบตานี้เองที่ภาพเหล่านี้ก็ได้เปลี่ยนไปและเผยให้เห็นถึงช่วงที่ร่างๆนั้นพุ่งทะลวงผ่านห้วงจักรวาลและม่านมิติทั้งหลายไปเพื่อเผชิญหน้ากับเนตรอมตะอันราบเรียบและโหดเหี้ยมขนาดใหญ่คู่หนึ่ง
ตอนที่ 1409
ภาพดวงตาคู่นั้นภายในทะเลความรู้ของเขานั้นมีขนาดใหญ่เสียยิ่งกว่าดวงดาวเลยด้วยซ้ำ มันให้ความรู้สึกเสมือนว่าคงอยู่มานานแสนนานตราบชั่วกาลอวสาน
ร่างกายของเขาได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างรุนแรง
“นี่มัน ?! ”
ดวงตาคู่นี้มันเคยปรากฏขึ้นในทะเลความรู้ของเขามาก่อนแล้วและเขาไม่มีทางลืมมันเด็ดขนาด
และตอนนี้มันก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง !
ฟึ้บบ ~!
เสียงนี้ถูกส่งออกมาขณะที่ภาพร่างทั้งหลายได้แหลกสลายหายไป
“เกิดอะไรขึ้นกัน ?! ”
ภาพที่ปรากฏขึ้นภายในสถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นภาพของผู้สร้างทักษะนี้ก่อนที่เขาจะทะลวงผ่านม่านฟ้าออกไป
หลังจากนั้นก็ได้พบกับดวงตาขนาดใหญ่คู่นั้นซึ่งมันเป็นดวงตาแบบเดียวกันกับที่เขาเคยเห็นก่อนหน้านี้ซึ่งนี่ทำให้เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อไปโดยทันที
เป็นเพราะเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่ามันคืออะไรถึงขั้นที่ว่ามันเป็นตัวอะไรทว่าตอนนี้หลังจากที่ได้เห็นภาพเมื่อครู่ไปเขาก็ยืนยันได้แล้วว่ามันมีอยู่จริงๆและผู้ที่สร้างทักษะนี้ก็ได้มุ่งหน้าไปหามัน
เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร ไม่รู้ว่าทำไมผู้สร้างทักษะนี้ถึงได้มุ่งหน้าไปหามันรวมถึงเรื่องที่ว่าทำไมถึงได้ปรากฏภาพของมันซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนอย่างมาก
“ตู้มม ~! ”
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังทำให้เขาได้สติกลับมา
คลื่นสายฟ้าทั้งห้าสีส่งผลให้ทะเลความรู้ของเขาสั่นไหวด้วยความตื่นเต้นขณะที่กลิ่นอายอันทรงพลังแผดออกมาไม่หยุด
พวกมันผสานเข้ากับดวงวิญญาณของเขาพร้อมทั้งแผดคลื่นพลังอันหนักหน่วงออกมา
หลินเทียนสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดภายในดวงวิญญาณของเขาเนื่องจากการผสานกันของดวงวิญญาณและคลื่นสายฟั้นน่าสะพรึงกลัวเหล่านี้
“ทักษะเบญจอัสนีสะท้านฟ้า เงิน คราม ม่วง แดงและดำถือกำเนิด ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
อักขระมากมายผสานเข้ากับดวงวิญญาณของเขาอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะสมบูรณ์อย่างรวดเร็ว
“มันเป็นทักษะสายฟ้าที่ไร้เทียมทานซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญที่ก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์กว่าสิบแปดครั้งเป็นคนสร้างขึ้น เป็นเพราะว่าเรารับทัณฑ์สวรรค์มาตั้งแต่เขตแดนจักรพรรดินภาถึงได้มีความเข้ากันกับทักษะนี้จึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆระหว่างที่ก้าวเข้ามา ? และนี่เป็นเหตุผลที่เราเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถทำความเข้าใจผนังหินได้ ? ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
ตู้มม ~!
ร่างกายของเขาได้สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่แก่นแท้ของทักษะนี้ถูกสลักลงภายในหัวใจของเขา
เขาตั้งสติของตัวเองและทิ้งความคิดทั้งหมดไปพลางเริ่มนั่งขัดสมาธิพร้อมประทับมือออกไป
ร่างกายของเขาได้สั่นไหวเล็กน้อยพร้อมทั้งปรากฏคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังขึ้นมา
คลื่นสายฟ้านี้เป็นสายฟ้าสีเงินที่อัดแน่นไปด้วยคลื่นพลังอันหนักหน่วงเสมือนดั่งสัจธรรมแห่งสายฟ้าทว่าแก่นแท้ของมันต่างออกไปเพราะมันอยู่ในระดับที่เหนือกว่ามาก
“ตู้มม ~! ”
เมื่อเขาสามารถเรียนรู้ทักษะนี้ได้แล้วกลิ่นอายสายฟ้าอันรุนแรงก็ได้ระเบิดออกมาจากร่างของเขาอย่างต่อเนื่องก่อนที่ร่างกายของเขาจะอาบไปด้วยคลื่นสายฟ้าสีเงิน
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปอีกกว่าหนึ่งเดือนเต็ม
หนึ่งเดือนมานี้คลื่นสายฟ้าที่โลดแล่นอยู่ทั่วร่างของเขายิ่งทวีคูณความรุนแรงขึ้นไปอีก
เขาเองก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ดีแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรก่อนที่จะเริ่มทำความเข้าใจกับแก่นแท้ของมันอย่างตั้งใจ
………..
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ด้านนอกเองก็ได้แต่จ้องมองเข้าไปภายในไม่เว้นแม้กระทั่งผู้อาวุโสหลายๆคนของนิกายใหญ่ทั้งสอง
“ชายคนนั้นเข้าไปกว่าหนึ่งเดือนเต็มแล้วทำไมยังไม่กลับออกมา ? หรือว่า……ตายอยู่ด้านในแล้ว ? ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะคลื่นสายฟ้าอันเข้มข้นทำให้พวกเขามองเห็นได้เพียงแค่ภาพของม่านสายฟ้าที่รายล้อมพื้นที่แห่งนี้เอาไว้
“เจ้านั่นจะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน ! ”
เจียงเหลาเหลาพึมพำอยู่กับตัวเองพลางกำหมัดเอาไว้เพราะเชื่อว่าหลินเทียนจะต้องกลับมาแน่ๆ
“วิ้สส !”
“วิ้ส ! ”
“วิ้สส ! ”
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่ร่างสามร่างที่รายล้อมไปด้วยกลิ่นอายที่หนักหน่วงพุ่งเข้ามาทางนี้
เขตแดนกึ่งอนันตกาล !
“นั่นมัน……ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสามคนของตระกูลฟานที่แข็งแกร่งเป็นรองเพียงแค่บรรพบุรุษของตระกูลเท่านั้น พวกเขามาที่นี่ทุกคนเลยเนี่ยนะ ! ”
ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนที่รู้จักร่างทั้งสามนี้ได้แต่ผงะไปไม่เว้นผู้อาวุโสของสองขุมพลังใหญ่เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็แข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก
เหลาเหลาที่ซ่อนตัวอยู่ห่างออกไปและได้ยินเช่นนั้นเองก็ได้แต่มองออกไปด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากเพราะมันเป็นอย่างที่หลินเทียนว่าเอาไว้ว่าทางตระกูลฟานจะต้องส่งคนออกมาแน่นอน
นางยิ่งยับยั้งกลิ่นอายของตัวเองเอาไว้โดยที่ไม่กล้าขยับเขยื้อนเพราะกลัวว่าจะถูกพวกมันค้นพบเข้าให้ไม่งั้นนางจะต้องตกตายลงอย่างแน่นอนหรือแม้กระทั่งถูกใช้เป็นตัวล่อสำหรับหลินเทียน
นางเชื่อว่าหลินเทียนจะต้องกลับออกมาได้แน่นอนดังนั้นถึงไม่อยากสร้างปัญหาให้เขาเพิ่ม
………
หลินเทียนยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ท่ามกลางคลื่นสายฟ้ามากมายที่ยิ่งเข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกลางเป็นสายฟ้าสีเงินเข้มจากสีเงินจางๆ
“บึ้สส ~! ”
กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเริ่มก้าวข้ามไปสู่เขตแดนนิรันดร์อมตะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น