Divine King of All Directions - สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ 1403-1406
ตอนที่ 1403
อสูรเขตแดนอนันตกาลนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวอย่างมากเพราะเพียงแค่เสียงคำรามของมันก็สามารถทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ถึงขั้นที่แทบจะตกตายลงกับที่
หลินเทียนที่เตรียมการเอาไว้ก่อนแล้วได้สังเวยวงเวทย์สัจธรรมสังสารวัฏและอาวุธอื่นๆออกมาป้องกันเอาไว้แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสเสมือนว่าร่างกายกำลังจะแหลกสลายอยู่ดี
เขากัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งพุ่งพ่านออกไปจากสถานที่แห่งนี้ด้วยความเร็วที่สูงถึงขีดสุดซึ่งสิ่งที่เขาไม่คาดคิดคืออสูรตัวนั้นกลับไม่ได้เปิดฉากโจมตีเข้าใส่ทางเขา
จนถึงตอนที่เขาพุ่งผ่านออกไปแล้วก็ได้แต่หันหลังกลับไปพร้อมทั้งพบว่าอสูรที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้รายล้อมไปด้วยประกายแสงศักดิ์สิทธิ์อันเข้มข้นไม่ต่างจากทวยเทพ
“มันไม่ได้จำศีลทว่ากำลัง..ตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริง ?! ”
หัวใจของเขาถึงกับสั่นไหวอย่างรุนแรง !
แววตาของเขาหดเล็กลงอย่างมากหลังจากที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงที่ปั่นป่วน
“การโจมตีเมื่อครู่นั้นเป็นเพราะว่ากำลังตัดผ่านเขตแดนอยู่ถึงไม่สามารถเปิดฉากโจมตีได้จึงไม่ได้โจมตีใส่เราอย่างเต็มกำลังแล้วปล่อยให้เราหนีออกมาได้…..”
พริบตานี้เขาก็เข้าใจสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์
เหลาเหลาที่ได้รับการปกป้องเองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกันแต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร นางได้หันมองกลับเข้าไปภายในและเมื่อยืนยันบางสิ่งได้แล้วนางก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
“นี่มันกำลังตัดผ่านเขตแดน ?! ”
นางส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ
ผู้นำตระกูลฟานและคนอื่นๆที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ยังมีชีวิตรอดเองก็ได้แต่จ้องมองไปยังอสูรที่อยู่ภายในส่วนลึกด้วยสายตาที่หวาดหวั่น
“ท่าน…ผู้อาวุโส…พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะก่อกวนท่าน ได้โปรดอภัยให้เราด้วย ! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิงได้ส่งเสียงสั่นๆออกมาเพราะว่าเพียงแค่กลิ่นอายที่อสูรตรงหน้าส่งออกมาก็ทำให้ดวงวิญญาณของพวกเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรงแล้ว
นี่น่ะคือตัวตนระดับอนันตกาลตอนปลายที่กำลังจะตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริงดังนั้นถึงได้ไร้เทียมทานภายใต้เขตแดนนิรันดร์แท้จริงเลยก็ว่าได้และนี่ทำให้แม้แต่ผู้นำตระกูลฟานเองก็ยังหวาดหวั่น
“ได้…โปรด…..อภัยให้กับความอวดดีของพวกเราที่รบกวนท่าน พวกเราจะรีบกลับออกไปโดยทันที ! ”
ผู้นำตระกูลฟานส่งเสียงออกมาพลางทำความเคารพแล้วก้าวถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว
ณ ตอนนี้กลิ่นอายนิรันดร์ที่ส่งออกมาก็ยังคงปั่นป่วนขณะที่สายตาของมันจับจ้องไปทางทั้งสองคนด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกเพราะการโจมตีเมื่อครู่สร้างผลกระทบให้กับมันไม่น้อย
“โร๊วว ~! ”
มันหันมองออกไปทางพวกเขาพร้อมๆกับส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังเนื่องจากไม่สามารถส่งการโจมตีออกมาได้
คลื่นเสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาอย่างรุนแรง
“อ๊ากก ~!”
เสียงกรีดร้องถูกส่งตามออกมาขณะที่ร่างกายของผู้อาวุโสสี่คนของตระกูลฟานที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักได้ระเบิดออกก่อนที่ดวงวิญญาณจะสูญสิ้นไป
ผู้อาวุโสสูงสุดและคนอื่นๆที่อยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายยังคงรักษาชีวิตเอาไว้ได้แต่ร่างกายของพวกเขาก็แหลกสลายหายไปเช่นเดียวกันส่วนดวงวิญญาณเองก็แตกร้าวไปทั่ว
“น่ากลัวจริงๆ นี่ขนาดแค่เสียงคำรามนะ……… ”
เหลาเหลาที่อยู่ด้านนอกได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกา
หลินเทียนเองก็ผงะไปไม่ต่างกันพลางพบว่ากลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงของมันยิ่งปั่นป่วนขึ้นไปอีกและนี่แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายเองก็ได้รับผลกระทบมากยิ่งขึ้นไปอีก
อสูรร้ายที่อยู่ภายในส่วนลึกได้กวาดสายตาอันเย็นยะเยือกเข้าใส่ทางหลินเทียนเล็กน้อยก่อนที่ร่างของมันจะเลือนรางหายไป
หลินเทียนได้แต่รู้สึกขนหัวลุกเพราะสายตาเมื่อครู่นั้นมันทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัวโดยทันที
อย่างไรก็ตามดวงตาของเขาก็ได้ส่องประกายออกมาพร้อมทั้งพึมพำว่า
“ภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้จะต้องมีข่ายอาคมที่แข็งแกร่งอยู่แน่ๆไม่งั้นก็คงไม่มีทางที่จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากการโจมตีเมื่อครู่ ”
ในตอนนี้เองที่มีเสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหลายต่างถูกกระแทกปลิวออกมาไกลด้วยอาการบาดเจ็บที่ยากจะรักษา
หลินเทียนหันมองตามออกไปยังสภาพที่ได้รับบาดเจ็บของอีกฝ่ายพร้อมทั้งแสยะออกมาพลางก้าวเดินออกไป
ผู้นำตระกูลฟานและคนอื่นๆที่กำลังฟื้นฟูอาการและเห็นว่าหลินเทียนกำลังเดินเข้ามาใกล้เองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่โกรธจัดออกมา
“เจ้าตั้งใจจะล่อพวกเราเข้าไป ?! ”
ผู้นำตระกูลฟานส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังเพราะเชื่อว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่หลินเทียนจะบังเอิญเข้าไปเนื่องจากพวกเขาล้วนไม่ใช่คนโง่
“แล้วไง ”
หลินเทียนแสยะออกมา
ผู้นำตระกูลฟานได้แต่แสดงสีหน้าที่โกรธจัดออกมาเพราะว่าการที่หลินเทียนล่อพวกเขามาที่นี่นั้นทำให้ต้องสูญเสียผู้อาวุโสของตระกูลไปถึงสี่คนแถมเขาเองก็ยังเกือบตายลงไปด้วย
“ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ ! ”
อีกฝ่ายส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนพร้อมซัดฝ่ามือที่รายล้อมไปด้วยประกายแสงเจิดจรัสอย่างจัง
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่จะยกเท้าถีบอัดเข้ากลางหน้าอกของเขาอย่างไม่ปราณี
นี่ทำให้ผู้นำตระกูลฟานได้แต่กระอักเลือดออกมาคำโตขณะที่ร่างของเขาลอยเคว้งออกไปไกล
“ด้วยสภาพของเจ้าในตอนนี้แล้วต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนต้นก็สามารถสังหารเจ้าได้ง่ายๆ ยังกล้ากระโดดเข้ามาหาข้าด้วยตัวเองอีก ? ”
หลินเทียนแสยะออกมา
“เจ้า !! ”
อีกฝ่ายส่งเสียงออกมาด้วยความโกรธ
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายเฮอเฉินและนิกายไท่หลิงเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเช่นกันเพราะพวกเขาต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสทว่าหลินเทียนในตอนนี้มีพลังอยู่เหนือกว่าพวกเขามาก !
ณ ตอนนี้พวกเขาต่างรีบหันหลังพร้อมทั้งพุ่งหนีไปด้วยความเร็วที่สูงถึงขีดสุด
ระหว่างนี้ผู้นำตระกูลฟานเองก็ไม่รอช้าที่จะพุ่งตามไปเพราะแม้ว่าเขาจะอยากฆ่าหลินเทียนขนาดไหนแต่ก็รู้ถึงสถานการณ์ ณ ปัจจุบันของตัวเองดีว่าหากยังคงรั้นอยู่ต่อก็จะเป็นเขาที่ตกตายลงด้วยเงื้อมมือของหลินเทียน
ตอนที่ 1404
ผู้นำตระกูลฟานและคนอื่นๆนั้นต่างพากันหันหลังพุ่งหนีไปด้วยความเร็วที่สูงอย่างมากแถมยังพุ่งผ่านอากาศออกไปอย่างรวดเร็วเพราะพวกเขารู้ดีว่าด้วยสภาพของพวกเขาในตอนนี้ไม่มีทางต่อต้านหลินเทียนได้แน่ๆ
หลินเทียนเองก็ยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาขณะที่คลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งผ่านอากาศออกไป
ตู้มม ~! ตู้ม ~! ตู้มม ~!
เสียงนี้ถูกส่งออกมาขณะที่มันกระแทกเข้ากับร่างของทั้งสามคนอย่างจัง
“พวกเจ้าสามผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายกลับหันหลังหนีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่า ? ”
เขาหันมองออกไปก่อนที่จะก้าวเข้าหาทั้งสามคนอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้ปิดบังจิตสังหารเลยแม้แต่น้อย
ณ ตอนนี้ทั้งสามคนล้วนแล้วแต่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักกันทั้งหมดแถมยังใกล้จะตายกันแล้วด้วยทำให้ระดับพลังของหลินเทียนในตอนนี้อยู่สูงกว่าทั้งสามคนมาก
“อย่าอวดดีให้มันมากนักนะ ! ต่อให้พวกข้าจะได้รับบาดเจ็บหนักแต่ก็อย่าหวังว่าจะฆ่าเราได้ง่ายๆ ! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิงได้กัดฟันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
“งั้นรึ ? ”
หลินเทียนตอบกลับไปก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกฝ่ายพร้อมทั้งเหวี่ยงเท้าเตะอัดกระแทกร่างของอีกฝ่ายลงกับพื้น
ผู้อาวุโสสูงสุดได้แต่กระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธพลางส่งเสียงกู่ร้องออกมาว่า
“ไอ้ระ……”
หลินเทียนยกเท้าขึ้นมากระทืบใส่ร่างของอีกฝ่ายเพื่อขัดจังหวะคำพูดนี้แล้วพูดต่อว่า
“ไอ้แก่เอ้ย ! ”
“เจ้า……”
“บึ้สส ~! ”
ศิลาหินส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมาขณะที่หลินเทียนส่งถ่ายพลังออกไปเพื่อควบคุมมันอย่างเต็มกำลัง
“สำหรับข้าในตอนนี้แล้วการจะฆ่าเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรมากนัก ”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
หลังจากที่พูดจบแล้วศิลาหินอันทรงพลังก็ได้กดทับเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างไม่ปราณี
พุฟฟ ~! เสียงนี้ถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของชายชราได้ระเบิดออกเป็นชิ้นๆ
“อ๊ากก ~! ”
ดวงวิญาณของอีกฝ่ายยังไม่ได้แตกดับทำให้ได้แต่ส่งเสียงกู่ร้องออกมาด้วยความโกรธก่อนที่จะพุ่งหนีไปพร้อมๆกับเศษชิ้นเนื้อของตัวเองเพื่อพยายามรักษาตัวอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนพุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายเพราะเขาไม่มีทางเปิดโอกาสให้มันได้ตั้งตัวอยู่แล้ว เปลวเพลิงหยางบริสุทธิ์ลุกโชนขึ้นภายในฝ่ามือของเขาก่อนที่จะถูกซัดออกไปพร้อมๆกับวงเวทย์สังสารวัฏอัดเข้าใส่ทางชายชราอย่างจัง
“ไม่ ~~~ ”
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนถูกส่งตามออกมาอย่างต่อเนื่องก่อนที่ร่างกายของชายชราจะถูกแผดเผาจนวอดวายส่วนดวงวิญญาณก็แตกดับกลายเป็นประกายระยิบระยับไปอย่างสมบูรณ์
สูญสิ้นอย่างแท้จริง !
“สังหารเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลาย ! ”
เหลาเหลาได้แต่ผงะไป
แม้นางจะรู้ว่าอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บอย่างหนักก็จริงทว่าการที่หลินเทียนสามารถสังหารอีกฝ่ายลงได้ก็ยังทำให้นางรู้สึกตกตะลึงไม่น้อย
เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงตัวตนที่แข็งแกร่งอย่างมาก
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ผู้นำตระกูลฟานและผู้อาวุโสสูงสุดนิกายเฮอเฉินเองก็ได้แต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
เสียง วิ้ส วิ้ส ถูกส่งออกมาหลังจากที่พวกเขาทั้งสองหันหลังพุ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งโบกมือส่งคลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์พวยพุ่งออกไปขัดขวางการเคลื่อนไหวของพวกเขา
“พวกเจ้าหนีไปไหนไม่พ้นหรอก ”
เขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา
บึ้สส ~!
ประกายแสงสีทองแปรเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่ที่ส่องประกายระยิบระยับอยู่ในมือของเขาซึ่งมันอัดแน่นไปด้วยพลังของศิลาหินที่ทรงพลังถึงขั้นสามารถทำลายได้ทุกสรรพสิ่งก่อนที่เขาจะก้าวเดินเข้าไปหาทั้งสองคน
มันเป็นกลิ่นอายอันแข็งแกร่งที่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงเพราะด้วยสภาพของพวกเขาในตอนนี้แล้วมันเพียงพอที่จะเป็นอันตรายต่อชีวิตของทั้งสองคน
“สหาย ข้าไม่ได้มีความคิดจะฆ่าเจ้าหรือแม้แต่แสดงจิตสังหารออกมาแม้แต่น้อยเพียงแค่หลงผิดไปชั่วขณะเท่านั้น โปรดเมตตาข้าได้รึไม่ ? ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างงามไม่ว่าเจ้าจะต้องการอะไรทางเราก็จะรีบสนองให้เจ้าอย่างรวดเร็ว ! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายเฮอเฉินได้ส่งเสียงออกมา
“เมตตา ? ”
หลินเทียนหันมองออกไปพร้อมทั้งถามว่า
“เจ้าคิดว่ามันเป็นไปได้ ? ”
พวกเขาถูกกำหนดให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องตายตั้งแต่ที่อีกฝ่ายต้องการจะชิงเอาเจดีย์ราชันอมตะของเขาแล้ว
เขาไม่ลังเลเลยที่จะฟาดฟันกระบี่ในมือออกไป
พุฟฟ ~! ร่างกายของอีกฝ่ายระเบิดออกเป็นชิ้นๆทำให้เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทาง
ดวงวิญญาณของนางที่ยังไม่ดับสลายได้แต่ส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธและหวาดกลัวว่า
“เจ้า……..”
“ตาย ! ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งกดทับศิลาหินเข้าใส่ร่างของนางอย่างจัง
พริบตานี้เองที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายได้ตกตายลงไปอีกคนและเหลือไว้เพียงแค่ผู้นำตระกูลฟานเท่านั้น
หลินเทียนยกกระบี่ในมือขึ้นพร้อมทั้งก้าวเดินออกไปทางอีกฝ่ายอย่างไม่รอช้า
“ถึงเวลาของเจ้าแล้ว ”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
อีกฝ่ายที่มีสีหน้าซีดเผือดเองก็ได้แต่หันหลังแล้วพุ่งหนีต่อไป
ทว่าตอนนี้ความเร็วของเขาเพิ่มสูงขึ้นมากแถมกลิ่นอายเองก็ยังแข็งแกร่งขึ้นเสมือนว่าได้สังเวยทักษะต้องห้ามบางอย่างออกมา
“วิ้สส ~! ”
พริบตาเขาก็พุ่งหายลับขอบฟ้าไป
“เร็วมาก ! ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมา
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบขณะที่โอบร่างของนางเอาไว้ด้วยประกายแสงสีทองพร้อมทั้งพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ความเร็วของทักษะก้าวย่างแห่งสวรรค์ของเขานั้นถือว่าสูงอย่างมากแถมยังไล่ตามหลังอีกฝ่ายไปอย่างรวดเร็วพลางสังเวยทักษะสุริยันปรินิพพานเพื่อจุดประกายเปลวเพลิงสีแดงฉานขึ้นมารักษาอาการบาดเจ็บ
“ก่อนหน้านี้ไล่ล่าข้ากันสนุกหนิ ถึงคราวของข้าบ้างล่ะ ”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาขณะที่นำร่างของเหลาเหลาพุ่งไล่หลังของอีกฝ่ายไปพลางฟาดฟันคลื่นกระบี่อย่างต่อเนื่อง
สีหน้าของอีกฝ่ายในตอนนี้ดูน่าเกลียดถึงขีดสุดขณะที่ต้องพยายามเบี่ยงหลบการโจมตีของหลินเทียนและหนีไปพร้อมๆกัน
ณ ตอนนี้เขาได้สังเวยทักษะต้องห้ามของตระกูลที่จะช่วยเพิ่มระดับความสามารถชั่วขณะแล้วหลังจากนั้นกลิ่นอายของเขาก็จะแผ่วลงถึงขีดสุดดังแถมระดับพลังของเขาในตอนนี้ยังไม่สามารถเทียบเคียงกับสภาวะที่สมบูรณ์ที่สุดได้อีกดังนั้นแม้จะรู้สึกโกรธกับคำพูดของหลินเทียนแต่ก็ไม่กล้าที่จะหยุดเท้าลง
หลินเทียนยังคงไล่ตามหลังของอีกฝ่ายไปขณะที่กวัดแกว่งกระบี่ในมือของเขาอย่างต่อเนื่อง
ผู้นำตระกูลฟานได้แต่กัดฟันเอาไว้แน่นขณะที่พุ่งหนีไปด้วยร่างกายที่ชโลมไปด้วยเลือด
พริบตาพวกเขาก็พุ่งผ่านภูเขามากมายหลายลูกพร้อมๆพบเจอกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญมากมาย
“นั่นมัน ?! ”
“ผู้นำตระกูลฟาน ?……ส่วนนั่นมันคนที่สังหารฟานเจิ้งเย่และผู้อาวุโสทั้งสองไป ”
“ชายโฉดคนนั้นมัน…..กำลังไล่ล่าผู้นำตระกูลฟาน ?! ”
“ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ผู้นำตระกูลฟานเป็นฝ่ายไล่ล่าเขาหรือไงกัน ? ทำไมถึงได้กลายเป็นฝ่ายถูกไล่ล่าซะเองได้ ?! ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีผู้อาวุโสคุ้มกันหรือแม้กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดของอีกสองนิกายอีก คนพวกนั้นหายไปไหนกัน ? ”
“จากสถานการณ์ตรงหน้านี้แล้วมันดูเหมือนว่าผู้อาวุโสทั้งหลายและผู้อาวุโสสูงสุดของสองนิกายน่าจะถูกชายคนนั้น……สังหารไปหมดแล้ว ?! ”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! อีกฝ่ายนั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายแถมผู้อาวุโสตระกูลฟานทั้งสี่คนก็เป็นนิรันดร์อมตะตอนต้นที่แข็งแกร่ง มันจะไปถูกชายคนนั้นสังหารได้อย่างไรกัน ? แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์ขนาดไหนแต่ก็เป็นเพียงเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายเท่านั้น มันจะไปต่อกรกับอีกฝ่ายได้ไงกัน ? ”
“แต่…….ตอนนี้ไม่ใช่ผู้นำตระกูลฟานที่กำลังถูกไล่ล่างั้นรึ แถมคนอื่นๆเองก็สูญหายไปดังนั้นนอกจากการที่ถูกชายคนนั้นสังหารไปแล้วยังมีความเป็นไปได้อื่นอยู่อีก ? ”
“นี่…..”
หลายๆคนได้แต่พากันผงะไป
แกร๊ง !
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่หลินเทียนฟาดฟันคลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งผ่านอากาศเข้าใส่ร่างของอีกฝ่าย
ผู้นำตระกูลฟานพยายามเบี่ยงหลบอย่างเต็มกำลังแต่ก็ไม่สามารถหลบได้พ้นก่อนที่หน้าท้องจะถูกทะลวงผ่านทำให้เลือดสาดกระจายออกไปทั่ว
สีหน้าของเขาซีดเผือดเป็นอย่างมากขณะที่พยายามหนีและฟื้นฟูอาการบาดเจ็บไปในตัวก่อนที่จะส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังว่า
“สหายทั้งหลายโปรดช่วยข้าจัดการเจ้าคนชั่วช้านี่ด้วยแล้วหลังจากนี้ทางตระกูลของเราจะซาบซึ้งอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะ อาวุธวิญญาณ ทักษะเทวะหรืออื่นๆพวกเราก็มอบให้ได้ ! ”
คำพูดของเขาทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงขณะที่หลายๆคนมีดวงตาที่เปล่งประกายออกมาเพราะว่าหากให้การช่วยเหลือผู้นำตระกูลฟานแล้วก็จะเป็นการผูกไมตรีกับทั้งตระกูลทำให้เส้นทางบ่มเพาะในอนาคตไปได้ไกลขึ้น
แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่สีหน้าของพวกเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแถมยังไม่มีใครกล้าขยับแม้แต่น้อยเพราะถึงอย่างไรชื่อเสียงของหลินเทียนในช่วงหลายวันมานี้ก็โด่งดังเป็นอย่างมาก ชายผู้ที่ถือครองอาวุธอนันตกาลสามารถสังหารเขตแดนนิรันดร์อมตะได้แบบนี้แล้วใครจะกล้าล่วงเกิน ?
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครก้าวออกมาช่วยแล้วใบหน้าของผู้นำตระกูลฟานก็ยิ่งซีดลงไปอีก
และมันเป็นตอนนี้เองที่ร่างของหลินเทียนได้พุ่งเข้าประชิดอย่างรวดเร็ว
“เจ้า…..”
“บึ้สส ~! ”
หลินเทียนได้สังเวยเอาวงเวทย์สังสารวัฏออกมาผสานพลังเข้ากับศิลาหินพร้อมทั้งกดทับเข้าใส่ไปพร้อมๆกับวงเวทย์หยินหยางทั้งหกชั้น
อีกฝ่ายได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาขณะที่วงเวทย์หยินหยางทะลวงเข้าใส่ทะเลความรู้ของตัวเอง
เขาพยายามดิ้นรนพร้อมๆกับส่งเสียงกู่ร้องออกมาว่า
“เจ้าคิดจะทำอะไรกัน หยุดนะ ! ได้โปรด ~~~ ”
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาครู่หนึ่งก่อนที่แววตาของเขาจะหม่นหมองลงขณะที่ดวงวิญญาณแหลกสลายหายไปและเหลือไว้เพียงกายหยาบเปล่าๆเท่านั้น
ตอนที่ 1405
กายหยาบยังถูกเก็บเอาไว้อย่างสมบูรณ์และมีเพียงดวงวิญญาณเท่านั้นที่แตกดับซึ่งแน่นอนว่านี่คือความตั้งใจของหลินเทียนเพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นถึงกายหยาบของผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายที่สามารถใช้กับทักษะหล่อหลอมร่างกายของเขาได้ทำให้อย่างน้อยๆระดับพลังของเขาก็จะตัดผ่านไปยังกึ่งนิรันดร์อมตะได้
“เจ้าเก็บศพมันเอาไว้ทำไมกัน ? ”
เหลาเหลาถามออกมาด้วยสีหน้าที่สงสัย
“มันมีประโยชน์ ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบก่อนที่จะโอบร่างของนางด้วยพลังงานสีทองแล้วเหาะจากไป
ไม่นานพวกเขาก็ทิ้งระยะออกจากสถานที่แห่งนี้ไปไกลมากแล้ว
ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบเองก็ยังคงแข็งค้างไปด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงไม่หาย
“ผู้นำตระกูลฟาน..”
หลายๆคนส่งเสียงพึมพำออกมา
เป็นเพราะตระกูลฟานนั้นถือเป็นขุมพลังระดับที่หนึ่งของดาวซึ่งสืบเชื้อสายกันมาอย่างยาวนานทำให้ไม่มีใครกล้าหือกับพวกเขา
ทว่าตอนนี้ผู้นำตระกูลของอีกฝ่ายกลับถูกสังหารลงภายในสถานที่แห่งนี้
“ชายคนนั้นมัน…..เป็นใครกัน ?! ทำไมถึงได้กล้าขนาดนี้ ?! ถึงขั้นกล้าสังหารผู้นำตระกูลฟาน ?! ”
“ผู้อาวุโสตระกูลฟานและผู้อาวุโสสูงสุดคนอื่นๆเองก็คงจะถูกเขาสังหารลงไปแล้วเช่นกัน ”
“นี่มัน……บ้าเกินไปแล้ว ! ”
“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิงและนิกายเฮอเฉินถูกสังหารก่อนเลยเพราะหลังจากนี้ทั้งสองขุมพลังจะต้องเกรงกลัวชายคนนั้นแน่ๆแต่ตระกูลฟานต้องไม่ยอมจบเรื่องนี้อย่างแน่นอนเพราะถึงอย่างไรผู้นำตระกูลก็เป็นตัวแทนของเกียรติยศแต่กลับถูกสังหารลงแบบนี้แล้วพวกเขาจะอยู่ต่ออย่างไร ?! ”
“ตระกูลฟานนั้นมีผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลคอยประจำการแถมยังมีอาวุธนิรันดร์แท้จริงอยู่ด้วย ข้าเดาว่าชายคนนั้น……..จะต้องไม่รอดแน่ๆ ! ”
หลายๆคนได้แต่ผงะไป
……..
หลินเทียนนำทางเหลาเหลาออกมาไกลมากๆพร้อมทั้งค้นหาสถานที่ปลอดภัยพลางวางข่ายอาคมปิดกั้นแล้วหยิบเอาร่างของผู้นำตระกูลฟานออกมา
เขาสังเวยทักษะหล่อหลอมร่างกายอยู่กว่าครึ่งเดือนทำให้ระดับพลังของเขาตัดผ่านไปยังเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะได้ในที่สุดและอีกเพียงครึ่งก้าวก็ตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริงได้แล้ว
“ร่างกาย พลังเทวะและดวงวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่ามาก ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เขาหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันอย่างรวดเร็วเพื่อปรับสมดุลของร่างกายอยู่อีกกว่าครึ่งเดือนถึงจะได้สติกลับมาแล้วนำเหลาเหลาไปจากที่นี่
“โร๊วว ~! ”
เสียงกู่ร้องคำรามของสัตว์อสูรยังคงถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้พื้นดินสั่นไหวเป็นพักๆ
หลินเทียนและเหลาเหลาพากันออกเดินทางไปอยู่หลายวันก่อนที่จะได้ยินข่าวลือที่ว่ามีการค้นพบสถานที่แห่งหนึ่งตั้งอยู่ใจกลางของสวนสวรรค์แห่งนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปตามๆกัน
“โบราณสถาน ?! ”
“นั่นมัน……….”
“หรือจะเป็นสถานที่เก็บมรดกอย่างทักษะชั้นเลิศนั่น ?! ”
ระหว่างทางก็ได้ยินเสียงสนทนาของผู้เชี่ยวชาญมากมาย
หลินเทียนและเหลาเหลาเองก็ได้ยินข่าวลือเหล่านี้ดีทำให้สีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปเช่นกัน
“ไปสำรวจมันกัน ”
หลินเทียนได้ส่งเสียงออกมาก่อนที่ร่างกายของเขาจะเปล่งประกายแสงออกมาโอบร่างของนางเอาไว้แล้วพุ่งผ่านออกไปด้วยความเร็วที่สูงอย่างมาก
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้นำเหลาเหลาไปถึงใจกลางของสถานที่แห่งนี้พร้อมพบกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญมากมายที่แต่ละคนล้วนแผดกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาออกมาและกำลังมุ่งหน้าตรงไปยังเนินเขาที่แห้งแล้งแห่งหนึ่ง
ที่นั่นไม่มีพืชพันธุ์เจริญเติบโตอยู่แม้แต่น้อยทว่ากลับมีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ภายในซึ่งผู้เชี่ยวชาญที่มาถึงที่นี่ต่างก็พากันกรูเข้าไปอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนเองก็ไม่ลังเลเลยที่จะเดินนำเหลาเหลาผ่านเข้าไปเช่นกัน
ภายในถ้ำแห่งนี้ค่อนข้างมืดซึ่งเขาและเหลาเหลาเองก็เดินตามเส้นทางต่อไป
ไม่นานก็จะพบว่ามันยิ่งกว้างขึ้นๆก่อนที่จะสัมผัสได้ว่าพวกเขาเข้ามาอยู่ภายในมิติพิเศษแห่งหนึ่งและพบกับทะเลทรายขนาดใหญ่พร้อมๆกับเสียงกู่ร้องอย่างดังที่ส่งออกมาจากภายในส่วนลึก
หลินเทียนหันมองตามเสียงออกไปพร้อมทั้งพบว่ากลุ่มผู้เชี่ยวชาญกำลังพากันมุ่งหน้าไปทางนั้นพลางสัมผัสได้ถึงพลังสายฟ้าที่เข้มข้นเหมือนๆกับที่สลักอยู่บนผนังหินอันก่อนหน้านี้ทว่ามันเข้มข้นกว่าหลายเท่าตัว
ดวงตาของเขาส่องประกายออกมาพลางก้าวเดินออกไปด้วยความเร็วที่สูงมากยิ่งขึ้น
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่าพื้นที่โดยรอบได้ถูกเผาจนไหม้เกรียมขณะที่มันรายล้อมไปด้วยประกายสายฟ้าสีแดง ดำ ม่วง ฟ้าและเงินกำลังโลดแล่นไปมาเสมือนเป็นฝูงมังกรสายฟ้า
“นี่มัน ?! ”
เหลาเหลาถึงกับแข็งค้างไป
เป็นเพราะภาพตรงหน้าของนางมันน่าตกตะลึงอย่างมากเพราะมันไม่ต่างกับทะเลสายฟ้าเลยก็ว่าได้
ไม่เพียงแค่นางเท่านั้นเพราะแม้กระทั่งหลินเทียนเองก็ยังอดมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ได้
“อ๊ากก ~! ”
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาจากผู้เชี่ยวชาญเขตแดนปรินิพพานที่เข้าใกล้มันก่อนที่จะถูกกลิ่นอายอันทรงพลังบดขยี้ไปทั้งดวงวิญญาณ
“สายฟ้าพวกนี้มัน…”
“ขนาดเขตแดนปรินิพพานที่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ก็ยังถูกสังหารลงทั้งเป็นแบบนี้นี่มัน…….ใครจะไปสามารถทนได้กัน ?! ”
“หรือว่ามันจะเป็นสถานที่ๆเกี่ยวข้องกับทักษะสายฟ้าในตำนาน ?! ”
“ข้าบอกได้เลยว่ามันต้องใช่แน่นอน ! ”
“ใช่แน่ๆ ! ”
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายพากันจับจ้องไปยังภาพตรงหน้าของพวกเขา
หลังจากนั้นไม่นานก็มีผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจ้าวสวรรค์ก้าวออกไปโดยที่กำอาวุธสวรรค์ตอนปลายเอาไว้ในมือทว่าผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่ได้ต่างไปจากผู้เชี่ยวชาญเขตแดนปรินิพพานคนก่อนหน้านี้แม้แต่น้อยเพราะเมื่อเข้าใกล้แล้วคลื่นสายฟ้าทั้งหลายก็ได้บดขยี้ร่างกายและดวงวิญญาณของอีกฝ่ายไปพร้อมๆกับอาวุธสวรรค์ในมือที่กลายเป็นผุยผง
“ขนาดเขตแดนจ้าวสวรรค์ก็ยัง ………”
หลายๆคนพากันสูดหายใจเข้าลึก
พวกเขาต่างรีบถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนที่กำลังสำรวจอยู่ห่างออกไปเองก็ผงะไปไม่น้อยเพราะขนาดเขาเองก็ยังรู้สึกตึงเครียดเช่นกัน
เขาสัมผัสได้เลยว่าต่อให้เป็นเขตแดนอนันตกาลก็ไม่มีทางรับมือกับคลื่นพลังทำลายนี้ได้แน่ๆ
ตอนที่ 1406
อมทั้งสัมผัสได้ว่าประกายสายฟ้าทั้งหลายนั้นสามารถสังหารเขตแดนอนันตกาลลงได้ง่ายๆเสมือนดั่งว่ามันเป็นประสงค์ของโลก
“ดูเหมือนว่ามรดกอย่างทักษะสายฟ้านั่นน่าจะอยู่ภายในจริงๆ แต่ด้วยสภาพแบบนี้ใครจะเข้าไปเอามันได้กัน ? ”
เหลาเหลาถามออกมา
แม้ว่านางจะไม่ได้แข็งแกร่งมากแต่ก็สัมผัสได้ดีว่ามันเป็นคลื่นสายฟ้าที่ทรงพลังอย่างมาก
วิ้สส !
วิ้ส !
วิ้สสส !
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่ร่างสามร่างที่แผดกลิ่นอายอันทรงพลังปรากฏตัวขึ้น
“นั่นมันผู้อาวุโสที่ห้า หกและเจ็ดของนิกายเฉินเจียวที่อยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้นหนิ ! ”
มีผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งจดจำใบหน้าของพวกเขาได้
หลังจากนั้นเองก็มีเสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาอีกครั้งขณะที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเขตแดนเดียวกันของนิกายจี่หยานปรากฏตัวขึ้นมา
“นั่นมัน……..ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้นจากนิกายจี่หยานถึงสามคน ! ”
หลายๆคนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“ไม่คิดเลยว่าคนของขุมพลังระดับ 1 ทั้งสองขุมพลังจะมาที่นี่ หรือว่าคนของตระกูลฟานก็มาด้วย ? ”
“ไม่มาแล้วหรอก น้องชายของผู้นำตระกูลฟานและผู้อาวุโสทั้งหลายรวมถึงผู้นำตระกูลเองก็ถูกสังหารไปหมดแล้ว ”
“อ่อใช่ เกือบลืมไปเลย ”
“ไม่รู้เลยว่าชายคนนั้นเป็นใครกันแน่ ? แข็งแกร่งเกินไปแล้วแถมยังกล้าบ้าบิ่นมากๆที่กล้าสังหารแม้กระทั่งคนของขุมพลังระดับนี้…….”
“ข้าเดาได้เลยว่ามันจะต้องทำให้บรรพบุรุษตระกูลฟานโกรธจนคลั่งอย่างแน่นอน ”
หลายๆคนส่งเสียงออกมา
ณ ตอนนี้หลินเทียนและเหลาเหลาล้วนยืนอยู่ในมุมๆหนึ่งที่ห่างออกไปทำให้ไม่มีใครพบตัวพวกเขา
“ไอ้แก่ตระกูลฟานนั่นจะโผล่ออกมา ? ตาเฒ่าเขตแดนอนันตกาลมันน่ากลัวมากๆเลยนะ”
เหลาเหลาได้ส่งเสียงออกมาหลังจากที่ได้ยินบทสนทนาของกลุ่มคนโดยรอบ
“มันจะมาได้ไหมไม่รู้แต่ข้าเดาว่าผู้อาวุโสสูงสุดของพวกมันต้องแห่มากันแน่เพราะถึงอย่างไรผู้นำตระกูลของพวกมันก็ตกตายลงที่นี่ ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
การที่ผู้นำตระกูลถูกสังหารลงพร้อมๆกับคนอื่นๆภายในสถานที่ๆมีมรดกของทักษะสายฟ้านั้นไม่ว่าจะวิเคราะห์ด้านไหนแล้วอีกฝ่ายก็จะต้องส่งกองกำลังมาอย่างแน่นอน
ระหว่างที่พูดสีหน้าของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยพร้อมทั้งจ้องมองออกไปยังพื้นที่ด้านหน้า
สถานที่ด้านหน้ายังคงรายล้อมไปด้วยประกายสายฟ้าห้าสีที่ปกคลุมพื้นที่โดยรอบเอาไว้พร้อมส่งเสียงคลื่นสายฟ้าออกมาเป็นพักๆ
เขาจ้องมองออกไปพร้อมทั้งสัมผัสได้ว่ามันเป็นพลังงานแบบเดียวกันกับที่แฝงอยู่ภายในอักขระบนผนังหินเพียงแค่ในตอนนี้เขาสามารถสัมผัสได้มากยิ่งขึ้น
“คนของนิกายเฉินเจียวและนิกายจี่หยานก้าวออกไปแล้ว ”
น้ำเสียงหนึ่งถูกส่งออกมา
เมื่อมองออกไปแล้วจะเห็นว่าผู้อาวุโสของทั้งสองต่างก้าวเดินออกไปพร้อมทั้งสังเวยอาวุธวิญญาณออกมา
นี่ทำให้สายตาของพวกเขาต่างพากันจับจ้องไปยังทั้งสองคนโดยทันที
เป็นเพราะว่าผู้เชี่ยวชาญของทั้งสองขุมพลังล้วนอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้นซึ่งไม่นานพวกเขาก็อยู่ห่างจากทะเลสายฟ้าไม่ถึงสิบเมตรเท่านั้น
“เข้าใกล้ได้มากกว่าเขตแดนจ้าวสวรรค์คนก่อนหน้านี้อีก สมแล้วจริงๆที่เป็นถึงเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้น ! ”
เป็นเพราะว่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจ้าวสวรรค์คนก่อนหน้านี้ได้ตกตายลงที่ระยะห่างสิบห้าเมตรทว่าทั้งสองคนนั้นกลับสามารถเข้าใกล้ระยะสิบเมตรได้นี่ทำให้ทุกคนต่างพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาแต่มันก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้นเพราถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นตัวตนระดับนิรันดร์อมตะที่แข็งแกร่งกว่าจ้าวสวรรค์จนเทียบไม่ได้
“ไม่รู้เลยว่าจะเข้าใกล้ได้ขนาดไหนกัน ”
“อย่างน้อยๆก็ยืนยันได้แล้วว่าภายในจะต้องมีมรดกทักษะสายฟ้าอยู่อย่างแน่นอนและตราบเท่าที่ได้รับมันมาแล้วขุมพลังแห่งนั้นจะต้องแข็งแกร่งขึ้นมากแน่ๆ ! ”
“นั่นก็ยังไม่แน่หรอกนะ ต้องดูก่อนว่าจะสามารถรับมือกับคลื่นสายฟ้าเหล่านี้ได้หรือเปล่า ”
ผู้เชี่ยวชาญพากันส่งเสียงสนทนาออกมาขณะที่จ้องมองออกไปทางผู้อาวุโสทั้งหลาย
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ผู้อาวุโสคนอื่นๆเองก็ต่างจ้องมองไปยังพวกพ้องของตัวเองอย่างระมัดระวังพลางแผดคลื่นพลังออกมาจากร่างเพื่อเตรียมฉุดเอาพวกพ้องกลับมาหากเดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
“พวกเขาแข็งแกร่งก็จริงแต่ทำไมข้าถึงคิดว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าใกล้ได้กัน ”
เหลาเหลาที่กำลังมองออกไปได้แต่ส่งเสียงออกมาพลางส่ายศีรษะของนาง
หลินเทียนไม่ได้ออกความเห็นอะไรแม้แต่น้อยถึงขั้นที่ไม่ได้ให้ความสนใจอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำและได้แต่จับจ้องไปยังคลื่นสายฟ้าที่อยู่ตรงหน้า
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปหลายชั่วลมหายใจ
ผู้อาวุโสทั้งสองที่กำลังเดินเข้าไปใกล้ได้แต่สั่นสะท้านไปขณะที่อาวุธวิญญาณเหนือศีรษะสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมทั้งแตกร้าวอย่างรวดเร็ว
คลื่นสายฟ้าที่อยู่ด้านหน้าเองก็แผดคลื่นพลังทำลายล้างอันหนักหน่วงออกมาอย่างรุนแรง
นี่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองได้แต่สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่อาวุธวิญญาณจะแหลกสลายหายไปส่งผลให้พวกเขาต่างกระอักเลือดออกมาคำโตด้วยร่างกายที่แตกร้าวไปเท่า
“ถอยกลับมา ! ”
ผู้อาวุโสคนอื่นๆที่ยืนรออยู่ห่างออกไปได้ส่งเสียงออกมาอย่างดังพร้อมทั้งพากันเหวี่ยงโซ่ที่สร้างขึ้นจากพลังเทวะออกไปลากร่างพรรคพวกตัวเองกลับมา
“ตู้มม ~! ”
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังเสมือนดั่งทัณฑ์สวรรค์ได้กระเพื่อมออกมาอย่างรุนแรง
“อ๊ากก ~! ”
“ไม่ ~~! ”
ผู้อาวุโสของทั้งสองขุมพลังที่อยู่ภายในคลื่นสายฟ้าต่างพากันส่งเสียงโห่ร้องออกมาก่อนที่จะถูกลบหายไปอย่างฉับพลัน
ไม่เพียงแค่ร่างกายเท่านั้นแต่ดวงวิญญาณเองก็สูญสิ้นเช่นกัน
“นี่มัน…………”
“ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะกลับตกตายลงแบบนี้โดยที่ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ?! ”
“นี่ต้องมีระดับพลังสูงขนาดไหนกันถึงจะเข้าไปได้ ? ”
ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบได้แต่แข็งค้างไป
ผู้อาวุโสของทั้งสองขุมพลังที่อยู่รอบนอกได้แต่มีสีหน้าที่น่าเกลียดอย่างมากเพราะพวกเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่ามันอันตรายถึงได้ระมัดระวังอย่างมากและตราบเท่าที่คนของพวกเขาได้รับอันตรายก็จะรีบฉุดร่างกลับมาทว่าก็คิดไม่ถึงเลยว่าคลื่นพลังอันหนักหน่วงจะถูกซัดออกมาบดขยี้ร่างของผู้อาวุโสทั้งสองโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ฉุดร่างพวกเขากลับมา
“ข้าบอกแล้วว่าพวกเขาไม่มีหวังตั้งแต่แรก ”
เหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปได้ส่งเสียงกระซิบออกมา
หลินเทียนที่อยู่ข้างๆเองก็ได้แต่จ้องมองออกไปยังคลื่นสายฟ้าด้านหน้าด้วยแววตาที่ส่องประกายแสงสีทองออกมาอย่างเข้มข้นเสมือนว่ามีทัณฑ์สวรรค์กำลังก่อตัวขึ้นภายในม่านตาของเขา
“ข้าจะก้าวออกไปหน่อย ระหว่างที่ข้ายังไม่กลับออกมาเจ้าก็หาที่ซ่อนตัวก่อนแล้วกัน ”
เขาหันไปพูดกับนาง
“ว่าไงนะ ?! ”
เหลาเหลาได้แต่อ้าปากค้างพร้อมทั้งคว้าแขนของเขาเอาไว้แล้วพูดว่า
“ใจเย็นๆสิ ข้ารู้ว่าเจ้าอยากได้มันมากแต่มันอันตรายเกินไป ! ”
“เจ้าเองก็เห็นแล้วว่าขนาดเขตแดนนิรันดร์อมตะยังไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เลยด้วยซ้ำแถมยังหนีไม่รอดอีก แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งแถมมีอาวุธอนันตกาลและอาวุธที่สร้างจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลก็จริงแต่ก็ไม่มีทางรับมือกับความน่าสะพรึงกลัวของมันได้แน่ๆ หากว่าเข้าใกล้เจ้าจะต้องถูกคลื่นสายฟ้าที่ต่อให้เป็นเขตแดนนิรันดร์แท้จริงก็ไม่มีทางต้านได้ขย้ำโดยทันที”
หลินเทียนเองก็รู้ว่านางเป็นห่วงเขาดังนั้นถึงได้พูดออกมาว่า
“ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ข้าจะระวังตัว ”
หลังจากที่เขาได้ทำการสำรวจอย่างตั้งใจแล้วก็ตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของคลื่นสานฟ้านี้ดีทว่ายิ่งเวลาผ่านไปความอันตรายก็ยิ่งแผ่วลงถึงขั้นทำให้เขารู้สึกแปลกๆเสมือนว่า…….แม้จะไม่ป้องกันอะไรก็สามารถเดินทอดน่องผ่านไปได้ง่ายๆ
มันเป็นความรู้สึกที่ทะลักออกมาถึงขั้นที่แก่นชีวิตของเขาสั่นไหวไม่หยุดเสมือนว่ามันกำลังเรียกหาเขา
เขาพูดออกมาอีกครั้งเพื่อให้นางหาที่ซ่อนตัวเพราะว่าหากว่าผู้เชี่ยวชาญตระกูลฟานมาที่นี่และพบตัวนางเข้าระหว่างที่เขาอยู่ภายในก็จะเป็นอันตรายกับนางมากๆ
เหลาเหลาได้แต่มองออกไปทางหลินเทียนที่มีสายตาแน่วแน่และดูเหมือนว่าจะมั่นใจมากๆจึงได้พยักหน้าพลางพูดว่า
“เจ้าก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน ! ”
นางพูดออกมาพร้อมทั้งสยบกลิ่นอายของตัวเองเอาไว้แล้วก้าวออกไปยังพื้นที่ๆปลอดภัยอย่างรวดเร็ว
สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ๆคนมักจะไม่ให้ความสนใจมากนัก
หลินเทียนที่กำลังหันมองออกไปได้พยักหน้าให้กับนางเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“นี่มัน ?! ”
“นั่นมันคนโฉดที่สังหารผู้นำตระกูลฟาน ?! มาที่นี่ด้วย !? ”
“นี่มาเพื่อทักษะนั่น ? คิดจะฝ่ามันไปจริงๆ ?! ”
ผู้เชี่ยวชาญโดยรอบพากันส่งเสียงออกมาด้วยความตกตะลึง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น