Divine King of All Directions - สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ 1399- 1402
ตอนที่ 1399
เลือดสีแดงสดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ดวงวิญญาณของฟานเจิ้งเย่แหลกสลายหายไป
“นี่มัน…..แข็งแกร่งมากๆ ! ”
“นี่มันคืออาวุธที่สร้างขึ้นจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาล ?! นี่มัน……..”
“น่ากลัวจริงๆ ! ”
หลายๆคนได้แต่พากันสั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงเพราะไม่คิดเลยว่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะจะถูกบดขยี้จนตายทั้งเป็น
นี่มันเป็นพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก !
อย่างไรก็ตามมันเป็นตอนนี้เองที่พวกเขาได้แต่สั่นสะท้านไปพลางคิดถึงอีกเรื่องหนึ่ง……..ฟานเจิ้งเย่ได้ถูกสังหาร !
“ฟานเจิ้งเย่นั้นเป็นถึงน้องชายแท้ๆของ…ผู้นำตระกูลฟาแต่เขากลับลงมือฆ่าแบบนั้นเลย ?! ”
หลายๆคนได้แต่พากันสั่นสะท้านไป
เป็นเพราะว่าตระกูลฟานนั้นถือเป็นตระกูลใหญ่ที่แข็งแกร่งอย่างมากและเรียกได้ว่าอยู่ในจุดสูงสุดของชนชั้นเพราะพวกเขามีแม้กระทั่งอาวุธนิรันดร์แท้จริงประจำตระกูลทำให้ไม่มีใครกล้ามีปัญหากับพวกเขาทว่าตอนนี้สายเลือดคนสำคัญของพวกเขากลับถูกหลินเทียนสังหารลงอย่างเลือดเย็น
นี่มันเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมากๆ !
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทางตระกูลฟานจะต้องโกรธจนตัวสั่นอย่างแน่นอน
และความโกรธของพวกเขาจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นความน่าสะพรึงกลัว !
“นี่มัน…”
นี่ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้แต่สั่นสะท้านไป
แม้กระทั่งผู้อาวุโสใหญ่นิกายไท่หลิงเองก็ยังได้แต่ผงะไปจนถึงตอนที่ตระหนักได้ว่าฟานเจิ้งเย่ได้ตกตายลงด้วยเงื้อมมือของหลินเทียนไปแล้ว
“เจ้า……อวดดีเกินไปแล้ว ! กล้าสังหารน้องชายของผู้นำตระกูลฟานแบบนี้เจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับหายนะ ! ”
เขาส่งเสียงสั่นๆออกมา
หลินเทียนหันมองออกไปทางฝ่ายตรงข้ามพร้อมทั้งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอก ห่วงตัวเองเถอะ ”
เขาหันมองออกไปก่อนที่ศิลาหินและเจดีย์ราชันอมตะจะพุ่งกลับเข้ามาหาเขาพร้อมทั้งก้าวเดินออกไป
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาของหลินเทียนแล้วอีกฝ่ายก็ได้แต่รู้สึกขนหัวลุกไปทันที
ในตอนที่หลินเทียนเข้าใกล้อีกฝ่ายแล้วก็ทำเพียงแค่กดทับเจดีย์ราชันอมตะเข้าใส่โดยทันที
อีกฝ่ายได้แต่รู้สึกขวัญผวาไปพร้อมทั้งรีบสังเวยอาวุธออกไปรับเอาไว้เพราะไม่สามารถเบี่ยงหลบออกไปได้
กระบี่อาวุธวิญญาณที่รายล้อมไปด้วยอักขระมากมายส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมา
หลังจากนั้นเองที่การโจมตีของทั้งสองได้อัดเข้าใส่กันอย่างจัง
“เปรี้ย ~! ”
เสียงปริแตกถูกส่งออกมาพร้อมๆกับปรากฏรอยร้าวขึ้นที่ใบกระบี่ก่อนที่มันจะถูกกระแทกปลิวออกไปไกล
หลังจากนั้นเองที่เจดีย์ราชันอมตะได้กดทับลงไปอัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างจังทำให้เหลือไว้เพียงแค่ดวงวิญญาณที่กำลังพุ่งหนีไปด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นเท่านั้น
ไม่มีทางเลยที่หลินเทียนจะปล่อยอีกฝ่ายไปดังนั้นถึงได้อัดพลังลงไปพร้อมทั้งสูบเอาดวงวิญญาณของอีกฝ่ายเข้ามาเก็บไว้ภายในเจดีย์ราชันอมตะของเขา
“ปล่อยข้า ! ”
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างดัง
“ฝันไปเถอะ ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เขาส่งความคิดออกไปพร้อมทั้งทำให้เจดีย์ราชันอมตะส่องประกายแสงสีม่วงเข้มออกมาบดขยี้ดวงวิญญาณที่อยู่ภายใน
พริบตานี้เองที่สถานที่แห่งนี้ได้กลับสู่ความสงบอีกครั้ง
“ทุกคน……”
หลายๆคนได้แต่ส่งเสียงสั่นๆออกมา
ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะสามคนกลับถูกหลินเทียนสังหารลงทั้งหมดซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นถึงน้องชายของผู้นำตระกูลฟาน
แม้กระทั่งวิหกเพลิงและเหลาเหลาเองก็ผงะไปไม่ต่างกัน
เวลามันเพิ่งผ่านไปนานขนาดไหนกัน ทว่าผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนกลับตกตายลงทั้งหมด
หลินเทียนที่อยู่ห่างออกไปได้หันมองออกไปยังกระบี่วิญญาณพลางโบกมือคว้ามันกลับมาเพราะแม้ว่ามันจะได้รับความเสียหายจนปริแตกทว่าการซ่อมมันก็ไม่ใช่เรื่องยากนัก
เขาลบตราประทับของอีกฝ่ายออกไปก่อนที่จะเก็บไว้ภายในร่างของตัวเอง
ระหว่างนี้ก็ได้เก็บเอาเจดีย์ราชันอมตะและศิลาหินกลับไปก่อนที่จะเหาะออกไปหาทางเหลาเหลา
“สุดยอด ! แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ! ”
เหลาเหลาได้ส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายก่อนที่จะพูดต่อว่า
“ขอโทษที่สร้างปัญหาให้เจ้า ”
แน่นอนว่านางหมายถึงเรื่องของฟานเจิ้งเย่เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็หมายตามาที่นางแต่แรกซึ่งหลินเทียนเป็นฝ่ายที่ก้าวออกมาปกป้องนางจนสุดท้ายก็ลงมือสังหารอีกฝ่ายไปทำให้หลินเทียนล่วงเกินตระกูลฟานที่แข็งแกร่ง
หลินเทียนแสยะยิ้มออกมาก่อนที่จะเขกศีรษะของนางแล้วพูดว่า
“จะเกรงใจไปทำไมกัน เราเป็นคู่หูกันไม่ใช่หรือไงและอีกอย่างต่อให้ไม่ใช่คนที่ข้ารู้จักแต่ข้าก็จะยื่นมือเข้าช่วยเหลืออยู่ดี ”
สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริงเพราะคนที่ทำลายความบริสุทธิ์ของผู้อื่นนั้นมีค่าไม่ต่างจากสวะในสายตาของเขาดังนั้นตราบเท่าที่เขาพอช่วยได้ก็จะลงมือเพราะนี่คือคุณธรรมของเขา
“ข้าบอกแล้วไงว่าข้ามีวิสัยทัศน์ที่ดีถึงได้บอกว่าเจ้าเป็นคนที่ดีมากๆ ”
เหลาเหลาได้ส่งเสียงออกมา
หลินเทียนหัวเราะและไม่ได้ตอบกลับอะไรก่อนที่จะหันมองกลับไปทางผนังหินพร้อมทั้งส่งคลื่นพลังสีทองออกไปลบล้างอักขระเหล่านั้น
เป็นเพราะว่ามันเป็นอักขระที่อัดแน่นไปด้วยพลังที่เข้มข้นและไม่ธรรมดาทำให้คนปกติไม่มีทางทำความเข้าใจได้และจะได้รับอันตรายเพราะหลายๆคนเองก็ตกตายลงไปแล้ว
“ทำลายมันนั่นแหละดีแล้ว ”
เหลาเหลาพึมพำออกมาเพราะนางเองก็เกือบจะตกตายลงเพราะมัน
หลินเทียนไม่ได้พูดอะไรและทำเพียงแค่หันมองออกไปทางวิหกเพลิงเพื่อบอกลามัน
วิหกเพลิงได้พยักหน้าให้กับเขาก่อนที่จะตอบกลับด้วยจิตสัมผัสว่า
“ลาก่อน ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือก่อนหน้านี้ ”
“ไม่ต้องเกรงใจ ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เขาตอบกลับไป
หลังจากนั้นก็หันหลังแล้วก้าวเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้
กลุ่มคนที่อยู่รอบๆเองก็ได้แต่จ้องมองไปยังแผ่นหลังของหลินเทียนที่กำลังเดินจากไปด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
“เป็น.คนที่น่ากลัวจริงๆ ”
หลายๆคนพึมพำอยู่กับตัวเอง
……..
หลินเทียนเดินนำเหลาเหลาออกไปจากสถานที่แห่งนี้ด้วยดวงตาที่ส่องประกายแสงออกมาเล็กน้อยขณะที่กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องของอักขระบนผนังหินก่อนหน้านี้
“กำลังคิดเรื่องอักขระนั่น ? เป็นไงบ้างล่ะ ? ”
นางถามออกมาหลังจากที่เห็นว่าเขากำลังคิดบางอย่าง
เป็นเพราะว่าแม้ทุกคนจะไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้ทว่ามีเพียงหลินเทียนเท่านั้นที่ทำได้จึงทำให้นางรู้สึกสงสัยอย่างมาก
ตอนที่ 1400
เมื่อฟังจากคำพูดของเหลาเหลาแล้วหลินเทียนก็ได้ตอบกลับไปว่า
“ยังไม่ได้ประโยชน์อะไรเป็นชิ้นเป็นอันแต่ก็ยืนยันได้บางเรื่องอย่างเรื่องที่ว่าที่นี่มันมีทักษะอัสนีที่แข็งแกร่งในตำนานถูกซ่อนเอาไว้จริงๆ ”
ที่ผนังเมื่อครู่นั้นไม่มีแม้แต่เคล็ดวิชาบ่มเพาะทำให้เขาไม่สามารถเรียนรู้มันได้แถมเมื่อทำความเข้าใจมันแล้วก็ยังไม่ได้ประโยชน์อะไรทว่าการที่มันอัดแน่นไปด้วยพลังสายฟ้านั้นยืนยันได้แล้วว่าภายในสถานที่แห่งนี้จะต้องมีทักษะล้ำค่านั้นอยู่อย่างแน่นอน
“หื้ม ? ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ ? ”
เหลาเหลาถามออกมาด้วยความสงสัย
หลินเทียนหันมองออกไปทางนางที่ยิ่งสงสัยมากกว่าเก่าพร้อมทั้งตอบกลับไปว่า
“เป็นเพราะแม้ว่าเจ้าจะไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้ทว่าอย่างน้อยๆก็สัมผัสได้ถึงพลังของทัณฑ์สวรรค์ที่ไหลเวียนอยู่ภายในผนังใช่ไหม ? ”
“พลังของทัณฑ์สวรรค์ ? ไม่เห็นจะสัมผัสได้เลย ”
เหลาเหลาได้แต่ผงะไป
นี่ทำให้สีหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนไปโดยทันที นี่นางไม่สามารถสัมผัสได้ ?
“สัมผัสไม่ได้จริงๆ ? ”
“แล้วข้าจะโกหกเจ้าไปทำไมกัน ? ”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อว่า
“ระหว่างทำความเข้าใจก็ทำให้แก่นพลังของข้าได้รับความเสียหายอย่างหนักก็จริงแต่ก็ไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายทัณฑ์สวรรค์ได้เลย ”
คิ้วของหลินเทียนขมวดเข้าหากันเพราะดูเหมือนว่านางจะไม่สามารถสัมผัสถึงมันได้จริงๆ
แล้วคนอื่นๆ ?
หรือว่าจะไม่สามารถสัมผัสได้เช่นกัน ?
นี่ทำให้เขาคิดว่ากลุ่มคนก่อนหน้านี้เองก็คงอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับนางและไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังแห่งสายฟ้า
เป็นเพราะว่ากลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้ตกตายลงดังนั้นหากสัมผัสได้ถึงสายฟ้าแล้วก็คงจะต้องมีใครสักคนเปิดเผยเรื่องนี้ขึ้นมาและคงจะไม่จบลงแบบนี้
เขายังคงจดจำสีหน้าของผู้คนก่อนหน้านี้ได้เป็นอย่างดี
เมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้แล้วเขาก็ได้แต่โง่งมไป
“นี่”
เหลาเหลาแตะเขาพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“มันอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งทัณฑ์สวรรค์จริงๆ ? ”
นางรู้สึกสงสัยอย่างมากเพราะถึงอย่างไรนั่นก็เกี่ยวข้องกับทักษะควบคุมอัสนีในตำนาน !
“ใช่ ”
หลินเทียนได้อธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาทั้งหมดให้นางได้ฟัง
นี่ทำให้นางได้แต่แสดงสีหน้าที่ยิ่งประหลาดใจออกมา
“หากว่าเป็นตามที่เจ้าพูดแล้วผนังนั่นก็น่าจะเป็นมรดกหลังจากการสร้างทักษะนั้นจากยุคกาลก่อนจริงๆ ”
เหลาเหลาได้พูดออกมาพลางหันมองไปทางเขาแล้วพูดต่อด้วยสีหน้าแปลกๆว่า
“แต่ทำไมถึงได้มีเจ้าเพียงคนเดียวที่สามารถทำความเข้าใจมันได้ ? แถมพลังสายฟ้าเองก็มีเจ้าที่สัมผัสได้นี่มันแปลกๆไหม ? ”
หลินเทียนส่ายศีรษะของเขาเพราะเขาเองก็สงสัยเหมือนกันแต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบได้
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากพร้อมทั้งเดินนำทางนางไปยังศูนย์กลางของสวนสวรรค์แห่งนี้
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหกชั่วโมงเต็มซึ่งพวกเขาก็ได้ก้าวผ่านพื้นที่ไปมากมาย
“พบแล้ว ? ”
ระหว่างที่กำลังออกเดินทางนั้นหลินเทียนก็ได้แผดจิตสัมผัสออกไปรอบๆดังนั้นเหลาเหลาถึงได้เอ่ยปากถามออกมา
ตัวนางเองก็ช่วยเหลือเขาเช่นกันแต่ก็ไม่ได้อะไร
“ไม่”
หลินเทียนตอบกลับ
เขากวาดจิตสัมผัสออกไปรอบๆพร้อมทั้งก้าวเดินต่อไป
และมันเป็นตอนนี้เองที่มีข่าวลือมากมายแพร่กระจายไปทั่วสถานที่แห่งนี้เนื่องจากการที่หลินเทียนที่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่ากลับสามารถสังหารผู้อาวุโสสองคนของนิกายไท่หลิงและน้องชายผู้นำตระกูลฟานลงแต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกตกตะลึงที่สุดก็คงจะเป็นเจดีย์ราชันอมตะของเขาที่สร้างขึ้นจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาล !
“นี่เขาหามันพบแล้วยังเอาไปหลอมอาวุธ ?! ”
เป็นเพราะว่าคริสตัลโกลาหลบรรพกาลนั้นได้ชื่อว่าเป็นวัสดุชั้นยอดที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ดังนั้นต่อให้เทพในตำนานได้เห็นมันก็คงไม่มีทางอยู่สุขได้
“ตอนนี้ภายในเกาะแห่งนี้มีตัวอ่อนของอาวุธเทวะอยู่ ! ”
หัวใจของใครหลายคนสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง
ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งหลายๆคนถึงกับอยู่ไม่สุขพร้อมทั้งปรากฏความคิดมากมายขึ้นภายในจิตใจของพวกเขา
ระหว่างนี้ข่าวลือเหล่านี้ก็ได้แพร่กระจายออกไปยังโลกภายนอกด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
ตระกูลฟาน…….
ตระกูลของพวกเขาสืบเชื้อสายกันมาอย่างยาวนานและมีที่ตั้งอยู่บนขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ไม่ต่างจากขุมพลังอื่นๆซึ่งตัวตำหนักล้วนแล้วแต่ผสมผสานไปด้วยทองคำและอัญมณีมากมาย
“ว่าไงนะ ?! ”
เสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาหลังจากที่ผู้นำตระกูลฟานได้รับข่าวการตายของน้องชายตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าเท่านั้น
“ไอ้ชาติชั่ว ! ”
เขาส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งพุ่งตรงไปทางสวนสวรรค์อย่างไม่รอช้า
ระหว่างนี้ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้นของตระกูลก็ติดตามเขาไปหลายคน
ฟานเจิ้งเย่ที่ได้รับมอบหมายให้ไปค้นหาทักษะในตำนานกลับถูกสังหาร !
มีใครในดาวดวงนี้บ้างที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนของตระกูลฟาน ? แถมยังเป็นน้องชายผู้นำตระกูล ! ต่อให้เป็นผู้นำขุมพลังต่างๆก็ยังต้องคิดแล้วคิดอีกหากจะลงมือกับฟานเจิ้งเย่ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายกลับถูกสังหารลงอย่างเลือดเย็น !
“รนหาที่ตาย ! ”
ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนส่งเสียงคำรามออกมา
และแทบจะในเวลาเดียวกันนี้เองที่ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิงที่กลับออกมาจากการบ่มเพาะได้รับรู้ข่าวการตายของหลานชายตัวเองและคนอื่นๆทำให้ความโกรธปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ไอ้ระยำ ! ”
เขาส่งเสียงคำรามออกมาพร้อมๆกับพุ่งออกไปจากตัวตำหนักอย่างรวดเร็ว
…………..
ภายในสวนสวรรค์ที่มีท้องฟ้าสีครามและแสงอาทิตย์อันอบอุ่น
หลินเทียนเดินนำทางเหลาเหลามุ่งหน้าไปยังสถานที่ต่างๆแต่ก็ยังไม่พบสถานที่ๆเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย
ตัวหลินเทียนไม่ได้รีบร้อนอะไรมากนักเพราะเขารู้ดีว่าการที่จะค้นหามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆอยู่แล้ว
เขาเดินนำเหลาเหลาข้ามผ่านภูเขาไปมากมายก่อนที่จะพบกับอุโมงค์ขนาดใหญ่
“หยุดก่อน ! ”
เหลาเหลาได้เปิดปากพูดออกมาพร้อมทั้งคว้าแขนของเขาเอาไว้ขณะที่จ้องมองเข้าไปด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
หลินเทียนได้แต่แสดงสีหน้าที่สงสัยออกมาก่อนที่จะหันมองไปทางนาง
“อย่าเข้าไปใกล้มัน ภายในนั้นมีอสูรเขตแดนอนันตกาลอยู่ ! ข้าเคยเห็นมันมาก่อนแล้ว ! ”
เหลาเหลาส่งเสียงกระซิบออกมา
หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็ได้แต่ผงะไป
เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้นางเคยพูดเอาไว้ว่าช่วงที่เพิ่งตกลงมาถึงที่นี่นั้นก็ได้พบกับสัตว์อสูรเขตแดนอนันตกาลสองตัว นี่พวกมันอยู่ในอุโมงค์ด้านหน้านี้ ?
“สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอสูรบางๆเท่านั้น ”
คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่ามันไม่สามารถมองเห็นภายในส่วนลึกได้แถมยังแทบไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายอสูรได้เลยแม้แต่น้อย
“ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้มันจะอยู่ในสภาวะจำศีลซึ่งตอนที่ข้าบังเอิญผ่านมาก็สัมผัสได้ถึงพลังอสูรที่มันแผดออกมา นั่นจะต้องเป็นของเขตแดนอนันตกาลขึ้นไปอย่างแน่นอน ! ”
เหลาเหลาส่งเสียงกระซิบออกมาพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“เป็นเพราะหากว่าเป็นอสูรปกติแล้วจะต้องไม่มีกลิ่นอายอสูรทะลักออกมาช่วงจำศีลอย่างแน่นอน ”
หลินเทียนเองก็เข้าใจอย่างดีและไม่ได้พูดอะไรต่อก่อนที่จะจูงมือนางถอยกลับออกไป
หลังจากนั้นไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปถึงเจ็ดวันเต็มซึ่งเขาและเหลาเหลาก็ยังคงมุ่งหน้าค้นหาทักษะในตำนานนั้นต่อไป
“มันซ่อนอยู่ที่ไหนกัน ”
เหลาเหลาพึมพำออกมา
“ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก ค่อยๆหาก็ได้ ระหว่างนี้จะได้สัมผัสถึงธรรมชาติไง ”
หลินเทียนตอบกลับ
นี่ทำให้เขามุ่งหน้าเดินต่อไปยังภูเขาที่อยู่ห่างออกไป
“วู้สส ~! ”
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่ลูกศรสังหารอันทรงพลังทะลวงผ่านม่านมิติเข้าใส่หน้าผากของหลินเทียน
สีหน้าของหลินเทียนถึงกับเปลี่ยนไปโดยทันทีเพราะมันเป็นลูกศรที่ทรงพลังถึงขั้นสามารถสังหารเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้นได้สบายๆทำให้เขารู้สึกปวดร้าวไปทั่วหน้าผากเสมือนมีมีดกำลังคว้านผ่านร่างของเขาแม้มันจะยังไม่เข้าปะทะ
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเช่นนั้นทว่ามันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการตอบสนองของเขาแม้แต่น้อย เขารีบคว้าร่างของเหลาเหลาเอาไว้พร้อมทั้งเบี่ยงหลบออกไปไกลด้วยก้าวย่างแห่งสวรรค์
ตู้มม ~!
ลูกศรสังหารอันทรงพลังพุ่งทะลวงผ่านพื้นดินลงไปสร้างหลุมลึกขนาดใหญ่ไม่ต่างจากหลุมดำ
“ฮื้ม ”
อีกฝ่ายได้ส่งเสียงออกมาเพราะว่าเขาที่ลงมือโจมตีทีเผลอนั้นรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยก่อนที่จะเหาะออกมาจากภูเขาโดยที่มือซ้ายกำคันธนูที่รายล้อมไปด้วยอักขระมากมายซึ่งแน่นอนว่าเป็นอาวุธวิญญาณตอนปลาย
แถมกลิ่นอายของเขาเองก็ยังแข็งแกร่งถึงขั้นที่อยู่ในเขตแดนนิรันด์อมตะตอนต้นที่กำลังจะตัดผ่าน
“มีอยู่น้อยคนในเขตแดนนิรันดร์อมตะนักที่จะสามารถหลบการโจมตีเมื่อครู่ได้ ใช้ได้หนิเจ้าหนู ”
เขาหันมองออกไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจและเย็นชาพลางพูดต่อว่า
“ส่งเจดีย์และศิลาหินนั่นมาซะ ! ”
ตอนที่ 1401
หลังจากการต่อสู้กับฟานเจิ้งเย่ไปแล้วข่าวเรื่องที่เขาครอบครองอาวุธอนันตกาลตอนปลายและอาวุธที่สร้างขึ้นจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลก็ได้แพร่ออกไปทั่วทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนรู้สึกตกตะลึงและอิจฉาตาร้อน
แน่นอนว่าชายวัยกลางคนชุดดำนี้เป็นหนึ่งในคนที่อิจฉาซึ่งแม้ว่าเขาอาจจะดูเหมือนมีอายุเพียงแค่สี่ห้าสิบปีแต่จริงๆแล้วอย่างน้อยๆก็อยู่มานานกว่าหลายพันปีซึ่งการที่เขาออกค้นหาตัวหลินเทียนก็เพื่อคิดจะชิงเอาสมบัติทั้งสองนี้
“ส่งมันมาแต่โดยดีแล้วข้าอาจจะปล่อยเจ้าไปแต่หากว่าขัดขืนเจ้าเองก็คงจะรู้ว่ามันจะจบอย่างไร ”
อีกฝ่ายได้ส่งเสียงออกมาอย่างราบเรียบ
“เจ้าคิดว่าจะสามารถสังหารข้าได้ ? ”
หลินเทียนหันมองออกไป
อีกฝ่ายได้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแสว่า
“อย่าคิดว่าใช้อาวุธพวกนั้นสังหารเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้นได้แล้วมันยิ่งใหญ่นักเลย แม้ว่าเจ้าจะสามารถต่อกรกับมันได้แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านิรันดร์อมตะตอนต้นขั้นปลายแล้วเจ้ามันไม่อยู่ในสายตาของข้าด้วยซ้ำ ”
“งั้นรึ เดี๋ยวก็รู้เอง ”
หลินเทียนตอบกลับไป
แต่ความจริงแล้วเขาเองก็สามารถสัมผัสถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดีว่าแม้เขาจะมีอาวุธอนันตกาลอยู่ในมือแต่ก็ยังไม่ใช่คู่มือของมันแต่ก็ไม่สามารถแสดงความอ่อนแอออกไปได้
“อุส่าให้โอกาสแล้วแต่เจ้าไม่คว้ามันไว้เองนะ ”
อีกฝ่ายส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาก่อนที่จะก้าวเดินออกไปพร้อมทั้งส่งการโจมตีเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่รอช้า
แกร๊ง !
เสียงกระบี่คำรามดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาทำลายพื้นที่โดยรอบทั้งหมด
หลินเทียนเองก็รีบสังเวยเอาศิลาหินที่ส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมาปกป้องร่างกายของเขาเอาไว้โดยทันที
ตู้มม ~!
การปะทะกันของทั้งสองได้อัดเข้าใส่กันอย่างรุนแรง
พลังทำลายของมันได้บดขยี้ขุนเขาที่อยู่รอบข้างไปมากมายถึงขั้นที่ขนาดม่านฟ้าเองก็ยังฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ
“เป็นอาวุธอนันตกาลตอนปลายจริงๆ ! ”
ชายชุดดำส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งพูดต่อด้วยสายตาที่เปล่งประกายว่า
“เอามันมา ! ”
เขาตวัดคันธนูในมือของตัวเองออกไป
หลินเทียนที่สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันหนักหน่วงนี้ตระหนักได้เลยว่าหากว่าไม่ได้เป็นเพราะกายราชันและอาวุธอนันตกาลแล้วเขาก็คงจะถูกบดขยี้เป็นชิ้นๆไปนานแล้ว
สีหน้าของเขายังคงราบเรียบไม่ได้เปลี่ยนแปลงก่อนที่ศิลาหินจะยิ่งส่องประกายแสงเจิดจ้าออกมามากกว่าเก่า
ตู้มม ~!
คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้บดขยี้มิติโดยรอบไปพร้อมๆกับขุนเขา
พลังทำลายของมันกวาดออกไปไกลแสนไกล
นี่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ห่างออกไปไกลหลายคนถึงกับผวาไปพร้อมทั้งหันมองไปยังทิศทางเดียวกัน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ”
“เหมือนว่ากำลังมีคนสู้กันอยู่ ? ”
“นี่มัน….เป็นพลังทำลายที่แข็งแกร่งจริงๆ ”
“ไปดูกันเถอะ ! ”
“ไปกันเร็ว ”
หลายๆคนพากันเหาะออกไป
ไม่นานพวกเขาก็ได้เข้าใกล้ระยะการต่อสู้ของหลินเทียนและชายชุดดำก่อนที่จะพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
“นั่นมัน……ชายที่สังหารฟานเจิ้งเย่และผู้อาวุโสทั้งสองไปเมื่อก่อนหน้านี้หนิ ”
สายตาของพวกเขาหยุดอยู่ที่ร่างของหลินเทียนโดยทันที
“ใช่จริงๆด้วย ! เป็นเขาจริงๆ ! ”
พวกเขาได้แต่สั่นสะท้านไป
เป็นเพราะเรื่องที่เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วพื้นที่แล้วดังนั้นแม้ว่าจะเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นแต่ก็ได้เห็นภาพร่างจิตสัมผัสกันหมดทำให้สามารถจดจำใบหน้าของหลินเทียนได้
“อีกคนนั่นมันใครกัน ? ”
“เขตแดนนิรันดร์อมตะ ………”
“เขาคิดจะสู้กับชายคนนั้นจริงๆ ? ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คนของตระกูลฟานหรือนิกายไท่หลิงนะ ”
“น่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเร่ร่อนเท่านั้น…….คงมาเพื่อสมบัติของคนโหดนั่น….”
“เจดีย์ที่สร้างจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาล ”
ความคิดเหล่านี้ผุดขึ้นมาในสมองของพวกเขาโดยทันที
ตู้มม ~!
ตู้ม !
ตู้มม ~!
ประกายแสงเจิดจรัสส่องประกายออกไปรอบทิศทาง
หลินเทียนและชายชุดดำยังคงอัดเข้าใส่กันอย่างบ้าคลั่งและแม้จะสัมผัสได้ถึงกลุ่มคนที่อยู่รอบๆแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
มีเพียงชายชุดดำเท่านั้นที่มีสายตาที่หรี่เล็กลงเพราะว่าเขาอุส่าหาตัวหลินเทียนได้อย่างยากลำบากดังนั้นถึงไม่อยากจะถูกล้อมโดยกลุ่มคนจำนวนมากเพราะมันจะยิ่งชักนำผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งกว่ามาเพิ่มและหากว่าอีกฝ่ายอยากจะแย่งชิงกับเขาแล้วก็จะกลายเป็นปัญหาไม่น้อย
“ต้องรีบจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด ! ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
ตู้มมม ~!
คันธนูในมือของเขาได้สั่นไหวก่อนที่จะหลอมรวมกันเป็นลูกศรสังหารที่ทรงพลังพวยพุ่งเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างบ้าคลั่ง
พลังทำลายของมันได้บิดห้วงมิติโดยรอบออกก่อนที่จะฉีกมันออกเป็นชิ้นๆทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ห่างออกไปได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมา
ศิลาหินยังคงล่องลอยอยู่เหนือศีรษะของหลินเทียนพลางสังเวยเอาวงเวทย์หยินหยางหกชั้นออกมา
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาได้คว้าเอากระบี่อาวุธวิญญาณที่เต็มไปด้วยรอยปริแตกออกมา
เขารับการโจมตีของชายวัยกลางคนเอาไว้ด้วยศิลาหินและวงเวทย์หยินหยางก่อนที่จะสังเวยทักษะพิเศษออกมาทำให้กลิ่นอายของกระบี่นี้ปั่นป่วนอย่างรุนแรง
กลิ่นอายทำลายล้างได้กวาดออกไปรอบทิศทางระหว่างที่ตัวกระบี่พุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่าย
นี่ทำให้สีหน้าของผู้คนโดยรอบพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
อีกฝ่ายเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาพลางโห่ร้องอย่างดังว่า
“นี่เจ้า……ให้อาวุธวิญญาณทำลายตัวเอง ?! ”
กระบี่นี้เป็นสินสงครามที่ได้มาหลังจากที่สังหารผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิงและแม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยรอยแตกร้าวทว่าก็ยังถือเป็นอาวุธวิญญาณอยู่ดีดังนั้นเขาที่รู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถต่อกรกับอีกฝ่ายได้จึงเลือกใช้วิธีการทำลายตัวเองของอาวุธในมือ
เป็นเพราะว่าตัวเขาได้ปกป้องร่างกายเอาไว้ก่อนแล้วทำให้มีเพียงฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นที่ไม่สามารถตอบสนองได้ทันและได้แต่แสดงสีหน้าที่น่าเกลียดออกมา
“ระเบิด ! ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
ตู้มม ~~~!
ตัวกระบี่ได้ระเบิดออกอย่างรุนแรงขณะที่คลื่นพลังทำลายล้างกวาดออกไปรอบทิศทาง
อ๊ากก ~~~!
ชายวัยกลางคนส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวชก่อนที่ร่างของเขาจะถูกกระแทกปลิวออกไปไกล
มิติโดยรอบได้แหลกสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
“เจ้านี่…..ถึงขั้นยอมทำลายอาวุธวิญญาณตอนปลายเลยงั้นรึ ! ”
เหลาเหลาเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่น้อย
ตู้มม ~!
กลิ่นอายทำลายล้างได้ปกคลุมพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้
จนถึงช่วงที่ผ่านไปได้พักหนึ่งแล้วกลิ่นอายทำลายล้างก็ได้สลายหายไปและเผยให้เห็นภาพพื้นดินที่แหลกสลายกลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่รวมถึงชายวัยกลางคนที่เหลืออยู่เพียงแค่ดวงวิญญาณเท่านั้น
กลุ่มคนที่อยู่โดยรอบได้แต่สั่นสะท้านไปตามๆกันเพราะพวกเขาไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะตัดสินใจทำลายอาวุธในมือของตัวเองทำให้ร่างของผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะระเบิดออกเป็นชิ้นๆถึงขั้นที่กลิ่นอายแผ่วเบาจนแทบจะดับสลาย
“คิดว่าฆ่าข้าได้ ?”
หลินเทียนก้าวเดินออกไปพร้อมทั้งถามออกมาระหว่างที่คลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์ก่อตัวขึ้นในมือของเขา
อีกฝ่ายได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะรีบหันหลังแล้วพุ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต
เป็นเพราะโชคช่วงถึงได้ทำให้เขารอดจากการระเบิดเมื่อครู่มาได้ดังนั้นในตอนนี้มันไม่มีทางเลยที่เขาจะเอาชนะหลินเทียนได้
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งส่งคลื่นกระบี่พุ่งผ่านออกไปอย่างไร้ความปราณี
อีกฝ่ายได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาว่า
“ไม่นะ ได้โปรด…….”
ฟึ้บบ ~!
เสียงนี้ถูกส่งออกมาก่อนที่ดวงวิญญาณของชายวัยกลางคนจะแตกดับลง
“ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะ…….”
ผู้คนโดยรอบพากันส่งเสียงสูดหายใจเข้าลึกออกมา
นี่ทำให้หลายๆคนอดก้าวถอยกลับไปไม่ได้
หลินเทียนเหาะออกไปหาเหลาเหลาก่อนที่จะพูดว่า
“ไปกันเถอะ ”
เขาไม่ชอบการถูกล้อมเอาไว้แบบนี้ถึงได้คิดจะไปจากที่นี่
“คิดจะไปแบบนี้ ? อย่าหวังไปหน่อยเลย ! ”
น้ำเสียงนี้ถูกส่งออกมา
น้ำเสียงอันยั่วยวนถูกส่งออกมาจากหญิงสาวที่สวมชุดที่เปิดเผยส่วนโค้งเว้าในร่างก้าวเดินออกมา
อีกฝ่ายได้พุ่งเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก
เขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลาย !
“นี่มันผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายเฮอเฉิน ตัวตนระดับนี้ยังมาเลย ?! ”
หลายๆคนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยทันที
เป็นเพราะว่านิกายเฮอเฉินนั้นถือเป็นขุมพลังระดับ 2 ของดาวดวงนี้ซึ่งแน่นอนว่าผู้อาวุโสสูงสุดที่โด่งดังก็เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป
สีหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนไปโดยทันทีเพราะว่าอีกฝ่ายสร้างความรู้สึกอันตรายให้กับเขา
“ไอ้หนู ส่งมันมาแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป ”
อีกฝ่ายที่มีชีวิตอยู่มาเนิ่นนานทว่ายังคงรูปลักษณ์ของหญิงสาวเอาไว้ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่าหลงใหล
นี่ทำให้สีหน้าของผู้คนโดยรอบพากันเปลี่ยนไปโดยทันทีเพราะว่าเป้าหมายของนางนั้นก็เพื่อศิลาหินและเจดีย์ของหลินเทียน
แน่นอนว่าหลินเทียนเองก็เข้าใจเป็นอย่างดีถึงได้ตอบกลับไปว่า
“อย่าหวังไปหน่อยเลย ”
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะส่งมอบมันให้กับอีกฝ่ายพลางคว้าร่างของเหลาเหลาเอาไว้เพื่อจะไปจากที่นี่
“งั้นก็คงต้องชิงมาเท่านั้นสินะ ”
อีกฝ่ายได้ส่งเสียงออกมาพลางหรี่ตาลงพร้อมทั้งก้าวเดินเข้าหาเขา
กลิ่นอายอันทรงพลังได้กดทับเข้าใส่ร่างของเขา
และมันเป็นตอนนี้เองที่มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาพร้อมๆกับกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว
“ไอ้ชาติชั่ว ! ”
เสียงคำรามอย่างดังที่อัดแน่นไปด้วยจิตสังหารถูกส่งออกมา
แทบจะในเวลาเดียวกันนี้เองที่มีร่างห้าร่างพุ่งเข้ามาทางเขาโดยที่มีชายวัยกลางคนเป็นผู้นำ
“ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิง…….ผู้นำตระกูลฟานและผู้อาวุโสทั้งสี่คน….”
สีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ตอนที่ 1402
เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้แต่พากันผงะไปเพราะไม่คิดเลยว่าผู้อาวุโสสูงสุดของสองขุมพลังจะปรากฏตัวออกมาพร้อมๆกันแถมยังมีแม้กระทั่งผู้นำตระกูลฟานและคนอื่นๆดังนั้นถึงได้ต่างคิดว่าหลินเทียนต้องตายลงอย่างแน่นอน
หลินเทียนเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่น้อยเช่นกันเพราะเขารู้ดีว่าคนเหล่านี้ไม่ได้มาดี ไม่มาเพราะสมบัติที่เขาถือครองก็มาเพื่อชำระความแค้นซึ่งไม่ว่าจะเป็นอันไหนก็ล้วนเป็นหายนะสำหรับเขา
เขาไม่ลังเลเลยที่จะคว้ามือของเหลาเหลาพุ่งผ่านออกไปด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้นแล้วเขายังพอรับมือได้ด้วยการทำลายตัวเองของอาวุธวิญญาณทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าคนเหล่านี้แล้วเขาก็ทำได้เพียงแค่หันหลังหนีไปเท่านั้น
“นี่……”
“เร็ว….มาก ! เร็วจริงๆ ! ”
“แค่ความเร็วของเขาก็เทียบได้พอๆกับเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายแล้วนะ ! นี่เขายังเป็นคนอยู่อีก?! ”
หลายๆคนได้แต่ประหลาดใจไปกับความเร็วของหลินเทียน
“คิดจะหนี ? อย่าหวังไปหน่อยเลย ! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิงได้ส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งพุ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
ผู้นำตระกูลฟานและคนอื่นๆเองก็ต่างพุ่งไล่ตามหลังหลินเทียนไปพร้อมๆกัน
ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายเฮอเฉินพุ่งผ่านออกไปด้วยทักษะที่ทิ้งภาพดอกบัวเอาไว้ไล่ตามหลินเทียนไปด้วยความเร็วที่ทิ้งท้ายคนอื่นๆไปไกล
พริบตาพวกเขาต่างก็พากันพุ่งหายไปไกล
“ตู้มม ~! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิงได้สังเวยทักษะสังหารอันทรงพลังออกมาบดขยี้ห้วงมิติที่อยู่ตรงหน้าจนแหลกสลายหายไปโดยทันที
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ผู้นำตระกูลฟานและคนอื่นๆเองก็เปิดฉากโจมตีสังหารเช่นเดียวกัน
ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายเฮอเฉินได้ระเบิดกลิ่นอายอันแข็งแกร่งออกมาจากร่างของนางออกไปรอบทิศทาง
พลังทำลายอันหนักหน่วงได้กวาดออกไปโดยรอบพร้อมทั้งบดทำลายพื้นที่ทั้งหมดที่อยู่รอบข้าง
หลินเทียนที่กำลังจูงเหลาเหลาไปเองก็สัมผัสได้ถึงพลังทำลายที่หนักหน่วงนี้เป็นอย่างดีเพราะมันทำให้เขาถึงกับรู้ขนหัวลุกเพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการโมตีของผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายถึงสามคน
เขาปกป้องร่างกายเอาไว้ด้วยศิลาหินระหว่างที่พุ่งหนีไปโดยที่ไม่ได้เบี่ยงหลบการโจมตีเหล่านั้นทำให้เขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
เป็นเพราะว่าคนที่กำลังไล่ตามเขามันแข็งแกร่งคนเกินไปดังนั้นด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้แม้จะมีอาวุธอนันตกาลอยู่ในมือก็ยังไม่สามารถป้องกันความเสียหายได้
“หลินเทียน เจ้าทิ้งข้าไว้แล้วหนีไปซะ ”
เหลาเหลาได้ส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะแม้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของหลินเทียนจะสูงมากระหว่างที่จูงนางหนีไปทว่ามันก็ไม่สามารถเทียบกับความเร็วสูงสุดของเขาได้ดังนั้นหากว่าทิ้งนางไปแล้วก็น่าจะเพิ่มความเร็วให้กับเขาได้อีก
หลินเทียนได้ส่ายศีรษะของเขาเพราะแม้ว่าจะสามารถเพิ่มความเร็วให้กับเขาได้แต่จะให้เขาทิ้งนางไปได้อย่างไรกันเพราะนั่นไม่ต่างจากการฆ่านางทั้งเป็น
“หากว่ายังปล่อยไว้แบบนี้พวกเราจะตายทั้งคู่ ทิ้งข้าไปเพราะอย่างน้อยเจ้าก็สามารถเอาชีวิตรอดได้ ”
เหลาเหลาได้ส่งเสียงออกมา
หลินเทียนส่ายศีรษะของเขาเพราะไม่มีทางเลยที่เขาจะทำเช่นนั้น
คลื่นพลังเทวะอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว
“ขนาดน้องชายของผู้นำตระกูลเราเจ้าก็ยังกล้าแตะต้อง รนหาที่ตายนักนะ ! ”
ผู้อาวุโสตระกูลฟานส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา
ผู้นำตระกูลฟานเองก็ยังคงไล่ตามหลังของหลินเทียนมาด้วยดวงตาที่อัดแน่นไปด้วยจิตสังหารอันเข้มข้น
“ตาย ! ”
ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิงส่งเสียงกู่ร้องออกมา
นางด้านผู้อาวุโสสูงสุดนิกายเฮอเฉินเองก็ไล่ตามมาเช่นกันแต่ทว่าแววตาของนางกลับไม่มีจิตสังหารแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อยเพราะนางกำลังรอโอกาสที่จะแย่งชิงเอาสมบัติในมือของหลินเทียน
หลินเทียนปกป้องร่างกายเอาไว้ด้วยศิลาหินไปพร้อมๆกับเหลาเหลาซึ่งระหว่างนี้เขาก็ได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่อยู่ระหว่างทางเองก็ได้แต่อดแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจและตกตะลึงออกมาไม่ได้
“นั่นมัน….ชายที่ลงมือสังหารผู้อาวุโสทั้งสองคนของนิกายไท่หลิงและฟานเจิ้งเย่น้องชายผู้นำตระกูลฟานหนิ เขา…กำลังถูกไล่ล่า ! ”
“นั่นมันผู้นำตระกูลฟานและผู้อาวุโสทั้งสี่คน ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิงและผู้อาวุโสสูงสุดนิกายเฮอเฉิน ! ”
“แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนแต่ก็…..”
หลายๆคนได้แต่สั่นไป
หลินเทียนยังคงพุ่งผ่านออกไปด้วยร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บมากยิ่งขึ้นแถมระยะห่างระหว่างพวกเขาเองก็ยิ่งลดน้อยลงๆแต่แววตาของเขาก็ยังคงส่องประกายความแน่วแน่ออกมาขณะที่พุ่งออกไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
“กล้านักนะที่สังหารหลานชายของข้า ต่อให้หนีไปสุดขอบโลกก็อย่าหวังเลยว่าจะรอด”
ผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิงได้ส่งเสียงออกมาพลางโบกมือส่งการโจมตีออกไป
เหล่าผู้เชี่ยวชาญตระกูลฟานเองก็ลงมือเปิดฉากโจมตีอย่างเต็มกำลังเช่นเดียวกัน
นี่ทำให้ปากของหลินเทียนถึงกับมีเลือดไหลซิบออกมาไม่หยุดเพราะแม้จะมีอาวุธอนันตกาลแต่มันก็ยังไม่เพียงพอจะปกป้องร่างกายของเขา
อย่างไรก็ตามความเร็วของเขาก็ยังคงไม่ลดน้อยลง
“ตายแน่ ”
“สภาพแบบนั้นไม่มีทางรอดได้แน่ๆ ”
“ยังไงก็คงต้องตาย ”
ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนที่เห็นเช่นนั้นต่างพากันส่ายศีรษะของพวกเขา
“ไม่รู้เลยว่าสุดท้ายแล้วสมบัตินั่นจะตกเป็นของใคร ”
หนึ่งในผู้คนส่งเสียงออกมา
หลินเทียนยังคงพุ่งผ่านออกไปด้วยความเร็วที่สูงมากๆจนมองเห็นอุโมงค์แห่งหนึ่งที่ดูมืดสนิทจนไม่สามารถมองเห็นภายในได้
เขาได้มาถึงที่นี่พร้อมทั้งพุ่งเข้าไปภายในโดยทันที
“หลินเทียน ที่นี่มัน ?! ”
เหลาเหลาถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเช่นกัน
เป็นเพราะปลายอุโมงค์แห่งนี้มันเป็นที่อยู่ของอสูรเขตแดนอนันตกาลและแม้หลินเทียนจะรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้วแต่ก็ยังมุ่งหน้าไปทางนั้น
“เจ้าคิด….”
นางได้แต่หันมองกลับไปทางกลุ่มคนที่กำลังไล่ตามมาพร้อมทั้งตระหนักได้ถึงบางสิ่ง
“อย่าเพิ่งพูด ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
ความเร็วของเขาถือว่าสูงอย่างมากก็จริงแต่พลังเทวะก็มีขีดจำกัดดังนั้นหากว่าเอาแต่หนีก็จะต้องถูกอีกฝ่ายตามทันอย่างรวดเร็วและหากว่าต่อสู้ซึ่งๆหน้าก็ไม่มีทางต่อต้านอีกฝ่ายได้ดังนั้นจึงมีเพียงการปลุกสัตว์อสูรที่อยู่ภายในและอาศัยพลังของมันเพื่อเปิดโอกาสให้เขาหนีไป
แน่นอนว่าการกระทำเช่นนี้จะยิ่งอันตรายขึ้นไปอีกเพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ได้เป็นมิตรกับเขาดังนั้นหากว่ามันโกรธจัดก็อาจจะติดร่างแหไปด้วย
แต่ตอนนี้มันเป็นเพียงวิธีเดียวที่เขาจะรอดเท่านั้น
เขาพุ่งผ่านออกไปด้วยความเร็วที่สูงที่สุดพร้อมทะลวงผ่านอุโมงค์ขนาดใหญ่เข้าไปท่ามกลางความมืดมิดที่ไม่สามารถใช้จิตสัมผัสตรวจสอบได้
“ทางนั้น……อสูรมันอยู่ทางนั้น ”
เหลาเหลาได้ส่งเสียงกระซิบออกมา
เป็นเพราะว่านางเคยบังเอิญได้เห็นมันจึงพอจดจำตำแหน่งได้
หลินเทียนเองก็พอเดาได้ดังนั้นถึงได้หยุดเท้าลงแล้วหันมองกลับไปทางกลุ่มคนที่กำลังพุ่งตามเขามาด้วยแววตาที่อัดแน่นไปด้วยจิตสังหารก่อนที่พวกเขาจะพากันส่งการโจมตีอัดเข้าใส่ทางหลินเทียน
คลื่นพลังทำลายอันหนักหน่วงกดทับเข้าใส่ทางหลินเทียนพร้อมๆกัน
แววตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาพร้อมทั้งเบี่ยงหลบออกไปอย่างรวดเร็วทำให้คลื่นพลังการโจมตีเหล่านี้พุ่งผ่านออกไประเบิดด้านหลังของเขาอย่างรุนแรง
“ข้าเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าเจ้าจะทนได้นานแค่ไหน ! ”
ผู้นำตระกูลฟานส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาพลางก้าวเดินออกไป
คนอื่นๆเองก็ก้าวเข้าหาทางหลินเทียนพร้อมทั้งคว้ามือเข้าใส่อย่างไม่ปราณี
“ตายซะไอ้ชาติชั่ว ! ”
ผู้อาวุโสตระกูลฟานพากันเปิดฉากโจมตีออกไปด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
ทว่ามันเป็นตอนนี้เองที่มีกลิ่นอายอสูรอันเข้มข้นพวยพุ่งออกมาจากด้านหลังของหลินเทียนขณะที่อสูรร้ายได้ลืมตาตื่นขึ้นมาและเผยให้เห็นร่างที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดหนาอันน่าสะพรึงกลัวของอสรพิษร้าย
“โร๊วว ~! ”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่กลิ่นอายของอสูรอนันตกาลแผดกระจายออกไปรอบทิศทาง
เป็นเพราะว่าหลินเทียนรู้อยู่ก่อนแล้วว่ามันมีอสูรอยู่ที่นี่ถึงได้จงใจล่ออีกฝ่ายเข้ามาพร้อมทั้งอาศัยการโจมตีของศัตรูช่วยปลุกอสูรตัวนี้และหลังจากที่เห็นว่าอีกฝ่ายลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความโกรธแล้วเขาก็รีบสังเวยเอาเจดีย์ราชันอมตะออกมาสร้างม่านพลังปกป้องร่างกายของตัวเองและเหลาเหลาเอาไว้
อย่างไรก็ตามคนอื่นๆในตอนนี้นั้นไม่ได้รับรู้ถึงสถานการณ์ ณ ปัจจุบันแม้แต่น้อยทำให้พวกเขาได้แต่อ้าปากค้างด้วยดวงตาที่เบิกกว้างถึงขีดสุด
หลังจากนั้นเองที่เสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหวได้ถูกส่งออกมาพร้อมกระแทกเข้าใส่ร่างของทุกคนอย่างจัง
อ๊ากก ~!
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาขณะที่พวกเขาทั้งหมดต่างถูกกระแทกปลิวออกไปด้วยร่างกายที่ชุ่มไปด้วยเลือดแถมยังปริแตกไปทั้งตัว
หลินเทียนเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยแต่เป็นเพราะการเตรียมการป้องกันเอาไว้ก่อนแล้วทำให้มันช่วงสลายพลังทำลายของคลื่นเสียงนี้ไปส่งผลให้อาการบาดเจ็บของเขายังดีกว่าคนอื่นๆมาก
“หนีเร็ว ! ”
เขากัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งอดทนกับความเจ็บปวดแล้วหันหลังพุ่งหนีออกไปโดยที่ไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมองอสูรที่อยู่เบื้องหลังเพื่อหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น