Divine King of All Directions - สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ 1387- 1398

 ตอนที่ 1387

 

ดาวจี่หยานนั้นมีพื้นที่ๆกว้างใหญ่อย่างมากดังนั้นหลังจากที่หลินเทียนออกมาจากสุสานแล้วเขาก็ได้มั่งหน้าออกไปตามเส้นทางที่ตัวเองต้องการอย่างรวดเร็ว

ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ได้พบกับถ้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างไกลออกไป

“ที่นี่ก็พอใช้ได้ ”

เขาเข้าไปภายในถ้ำแห่งนั้นพร้อมๆกับวางข่ายอาคมปิดกั้นเอาไว้โดยรอบก่อนที่เอายาทิพย์จักรพรรดิว่างเปล่าออกมา

มันเป็นยาทิพย์ห้าสีที่รายล้อมไปด้วยพลังแห่งดวงดาวและพลังสัจธรรมอันเข้มข้นซึ่งกลิ่นหอมของมันถึงขั้นทำให้ร่างกายของเขารู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว

เขาได้หมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันของตัวเองก่อนที่จะกลับสู่สภาวะที่สมบูรณ์ที่สุดอีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ทานมันลงไป

นาทีที่เขากลืนมันลงท้องไปนั้นมันก็ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นความอบอุ่นที่ไหลลงสู่ลำคอของเขา

คลื่นพลังอันหนักหน่วงไหลทะลักออกมาจากภายในขณะที่พลังอันเข้มข้นแผดกระจายตัวออกไปทั่วร่างของเขา

พริบตาร่างทั้งร่างของเขาก็ได้สั่นไหวอย่างรุนแรง

“เป็นผลลัพธ์จากการรวมเอาพลังจากหมู่ดาว พลังฉี พลังสัจธรรมทั้งหลายและสมุนไพรมากมายที่ดีจริงๆ ”

หลินเทียนพึมพำอยู่กับตัวเอง

เป็นเพราะตัวเขาเองก็เชี่ยวชาญทักษะปรุงยาดังนั้นหลังจากที่ทานมันลงไปแล้วถึงได้แยกองค์ประกอบของมันได้อย่างง่ายดาย

“บึ้สส ~! ”

เขาได้หมุนวนพลังให้เร็วมากยิ่งขึ้นก่อนที่จะหลอมพลังเหล่านี้เข้าไปทำให้ร่างกายของเขายิ่งเปล่งประกายแสงสีทองออกมาอย่างเข้มข้น

………………….

บนภูเขานิรันดร์แห่งหนึ่งมีตำหนักที่รายล้อมไปด้วยมนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหลตั้งอยู่

แน่นอนว่านี่คือที่ตั้งของขุมพลังระดับ 2 ของดาวดวงนี้อย่างนิกายไท่หลิง

ได้ยินมาว่าบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งนิกายแห่งนี้เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลที่มีแม้กระทั่งอาวุธอนันตกาลตอนปลาย

“ว่าไงนะ ?! หลายชายของผู้อาวุโสสูงสุดถูกสังหาร ?! ”

ภายในสถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปมีคลื่นพลังเทวะอันหนักหน่วงระเบิดออกมาอย่างรุนแรง

คนที่อยู่ภายในตำหนักนี้ได้รับข่าวเรื่องที่ว่าเฉินซวนได้ถูกสังหารลงภายในสุสานแห่งหนึ่งได้แต่แสดงสีหน้าที่โกรธจัดถึงขีดสุดออกมา

“เป็นฝีมือของใครกัน ?! แล้วผู้อาวุโสเฮ่ยนั่นไปทำอะไรอยู่กัน ?! ”

ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะทั้งหมดดังนั้นคลื่นพลังที่พวกเขาส่งออกมาถึงได้ทำให้สถานที่แห่งนี้สั่นไหวอย่างรุนแรง

เป็นเพราะว่าหลายชายของผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขาได้ถูกสังหารลง !

“ได้ยินมาว่าเป็นฝีมือของรุ่นเยาว์คนหนึ่ง ผู้อาวุโสเฮ่ยเองก็……..”

หลายๆคนได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกต่ำออกมาอย่างมาก

เป็นเพราะมีคนที่อวดดีถึงขั้นสังหารหลานชายของผู้อาวุโสสูงสุดพวกเขา

“กล้านักนะ ! ไอ้ชาติชั่ว ! ”

ดวงตาของจ้าวนิกายถึงกับส่องประกายความเย็นยะเยือกถึงขีดสุดออกมาก่อนที่จะส่งเสียงคำรามออกมาว่า

“ออกคำสั่งให้ผู้อาวุโสที่สาม สี่ ห้า หก เจ็ดและแปด ออกไปตามล่ามันโดยเอาค้อนอัคคีออกไปจับตัวมันกลับมาให้ได้ก่อนที่ท่านผู้อาวุโสสูงสุดจะลืมตาตื่นขึ้นแล้วให้ท่านเป็นคนจัดการมันด้วยตัวเอง ! ”

เป็นเพราะผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขากำลังเก็บตัวบ่มเพาะเพื่อพยายามตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลอยู่และหากว่าสำเร็จแล้วขุมพลังของพวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้นถึงขั้นทิ้งขุมพลังอื่นไว้เบื้องหลังและกลายเป็นขุมพลังระดับ 1 แบบเดียวกันกับขุมพลังทั้งสาม

ทว่าตอนนี้หลายชายของท่านผู้นั้นกลับถูกสังหารลงด้านนอกแบบนี้มันทำให้จ้าวนิกายถึงกับอยู่ไม่สุขพร้อมทั้งปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างบ้าคลั่ง

…..

หลินเทียนยังคงอยู่ภายในถ้ำที่มีต้นไม้รายล้อมอยู่ด้านนอก

บึ้สสส ~!

ประกายแสงสีทองส่องประกายอยู่ภายในถ้ำขณะที่พลังสัจธรรมพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่กลิ่นอายของเขาเองก็พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก

สรรพคุณของยาทิพย์ตัวนี้โอบร่างของเขาเอาไว้ทั่วทุกอณู

เขายังคงสงบสติขณะที่หมุนวนพลังอย่างรวดเร็วเพื่อดูดกลืนพลังงานของมัน

ไม่นานประกายแสงที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างของเขาก็ยิ่งเข้มขึ้นๆขณะที่กลิ่นอายพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง

พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าครึ่งเดือน

ตู้มม ! !

วันนี้เป็นวันที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาจากร่างของเขาอย่างรุนแรง

คลื่นพายุที่รุนแรงซัดออกไปรอบทิศทาง

หลังจากนั้นเขาก็ได้ลืมตากลับขึ้นมาด้วงแววตาที่ส่องประกายออกมา

“เขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลาย ”

เขาพึมพำออกมา

เขากำหมัดเอาไว้เล็กน้อยพร้อมทั้งสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเองพร้อมพบว่าแข็งแกร่งขึ้นอย่างน้อยเป็นเท่าตัว

เขาได้แต่พยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนที่จะหลับตาลงพร้อมทั้งหมุนวนพลังเพื่อปรับสมดุลของร่างกายอีกครั้ง

พริบตาเวลาก็ได้ล่วงเลยไปอีกกว่าเจ็ดวันเต็ม

วันนี้เป็นวันที่เขาได้ลืมตากลับขึ้นมาด้วยระดับพลังที่สมดุลอย่างมากถึงขั้นที่ไม่สามารถสั่นคลอนได้

“หลังจากนั้นก็เขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะ นิรันดร์อมตะตอนต้น ตอนกลางและตอนปลาย …….หวังว่าจะสามารถบุกเข้าไปภายในส่วนลึกของหุบเขากลืนนิรันดร์เพื่อเก็บกู้เอาเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่กลับมาให้ได้ ”

เขาพึมพำกับตัวเองพร้อมทั้งพูดต่อว่า

“ยิ่งไปกว่านั้นก็คงหวังให้ใช้พลังของศิลาหินรับทัณฑ์สวรรค์เอาไว้อย่างเดียวไม่ได้ คงต้องหาวิธีอื่นเพิ่ม ”

เป็นเพราะว่าเขาได้ใช้ศิลาหินในการต้านทัณฑ์สวรรค์เขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าไว้แล้วมันถึงไม่เป็นอะไรทว่าทัณฑ์สวรรค์เขตแดนนิรันดร์อมตะนั้นจะทรงพลังกว่ามากและไม่ใช่อะไรที่อาวุธอนันตกาลชิ้นเดียวจะรับมือได้ อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นอาวุธนิรันดร์ที่แท้จริงถึงจะเพียงพอหรือไม่ก็ต้องใช้วิธีการอื่นร่วมด้วย

“น่าปวดหัวจริงๆ ”

เมื่อคิดถึงเรื่องทัณฑ์สวรรค์แล้วเขาก็อดปวดหัวไปไม่ได้

เป็นเพราะตั้งแต่เขตแดนจักรพรรดินภามานี้ทุกการตัดผ่านของเขาจะต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์อันรุนแรงซึ่งเขาได้แต่กังวลเกี่ยวกับมัน

“ช่างก่อนเถอะ ”

เขาถอนหายใจออกมา

เป็นเพราะกังวลไปก็ไม่ได้อะไร ควรคิดเพียงแค่ว่าจะรับมืออย่างไรกับมันน่าจะดีกว่า

เขาโบกมือทำลายข่ายอาคมปิดกั้นด้านหน้าพร้อมทั้งก้าวเดินออกไปภายในป่าใหญ่อย่างรวดเร็ว

ตู้มมม ~!

กลิ่นอายอสูรอันเข้มข้นระเบิดออกมาขณะที่มีฝูงหมาป่าไล่ล่าหญิงสาวชุดม่วงคนหนึ่งด้วยพลังทำลายที่บดขยี้ต้นไม้สองข้างทางได้อย่างง่ายดายขณะที่หญิงสาวได้แต่ส่งเสียงโห่ร้องออกมา

 

 

 


ตอนที่ 1388

 

หญิงสาวคนนี้มีใบหน้าที่งดงามอย่างมากแถมยังมีรูปร่างที่ผอมบางสมส่วนอายุประมาณ 18 ปีทว่ากลับมีระดับพลังที่ไม่ธรรมดาเพราะอยู่ในเขตแดนจักรพรรดินภาซึ่งถือว่าแข็งแกร่งไม่เบา

อย่างไรก็ตามหมาป่าเหล่านั้นเป็นถึงสัตว์อสูรเขตแดนปลุกพลังตอนปลายที่แข็งแกร่งกว่านางมากดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายแล้วนางทำได้เพียงแค่วิ่งหนีไปพลางส่งเสียงโห่ร้องออกมาเป็นพักๆ

ความเร็วของนางต่างชั้นกับหมาป่าทั้งหลายอย่างมากซึ่งเพียงแค่ชั่วพริบตาอีกฝ่ายก็เข้าประชิดร่างของนาง

หมาป่าทั้งหลายที่มีดวงตาสีแดงก่ำต่างพากันคว้ากรงอันแหลมคมเข้าใส่ร่างของนาง

หลินเทียนที่มองอยู่ห่างๆเองก็ได้หยุดเท้าลงเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวออกไปทางนาง

การที่ได้พบกับหญิงสาวอายุ 18 ปีอยู่คนเดียวในป่าใหญ่และตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้จะให้เขาปล่อยไปเฉยๆก็คงไม่ได้เพราะมันไม่เข้ากับนิสัยของเขา

เขาพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่สูงถึงขั้นปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของนางในชั่วพริบตาก่อนที่จะเหวี่ยงฝ่ามือตบไปยังอสูรเหล่านั้น

มันเป็นตอนนี้เองที่จี้ห้อยคอของนางได้ส่องประกายแสงเจ็ดสีออกมาอย่างเบาบางก่อนที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงจะกวาดออกไปกระแทกร่างของอสูรเหล่านั้นด้วยความเร็วที่สูงกว่าฝ่ามือของเขา

พุฟฟ !

อสูรทั้งสามตัวถึงกับแหลกสลายหายไปด้วยพลังทำลายนี้โดยที่ไม่หลงเหลือเศษชิ้นส่วนแม้แต่น้อย

สีหน้าของหลินเทียนถึงกับเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงพลางจ้องมองไปยังจี้ห้อยคอของนางด้วยท่าทางที่ผงะไป

เป็นเพราะว่ามันกำลังส่องประกายแสงเจ็ดสีออกมาซึ่งมันเป็นกลิ่นอายที่เขาคุ้นเคยอย่างมาก

หญิงสาวได้ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะรีบวิ่งมาหาเขาพร้อมทั้งพูดออกมาว่า

“ขอบคุณมากๆ ”

แม้ว่าอสูรทั้งสามจะตกตายลงภายใต้พลังทำลายของจี้ห้อยคอตัวเองทว่านางก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลินเทียนได้ก้าวออกมาช่วยเหลือนางเอาไว้ดังนั้นถึงได้แสดงความขอบคุณกลับไป

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ข้าไม่ได้ช่วยอะไรเลยด้วยซ้ำ ”

หลังจากนั้นเขาก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมมองไปยังจี้ห้อยคอของนางแล้วถามออกมาว่า

“มันเป็นจี้ของเจ้า ? ”

เป็นเพราะว่ามันมีกลิ่นอายที่กระบี่เทวะที่เขาคุ้นเคยอย่างมากดังนั้นถึงได้รู้สึกสนใจมันอย่างเลี่ยงไม่ได้

“นี่ ? ”

นางก้มหน้าลงพร้อมทั้งพูดต่อว่า

“เปล่าหรอก เป็นของที่ท่านปู่หลอมขึ้นจากแร่ที่อยู่ใกล้ๆกลุ่มก้อนแสงศักดิ์สิทธิ์ให้มาเอาไว้เพื่อปกป้องร่างกายของข้า ”

ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาพร้อมทั้งถามต่อว่า

“กลุ่มก้อนนั้นมันส่องประกายแสงเจ็ดสี ? ”

“น่าจะใช่ ”

นางตอบกลับพร้อมทั้งพูดออกมาว่า

“มันเป็นกลุ่มก่อนประกายแสงที่พิเศษอย่างมากเพราะแม้ว่าจะไม่ได้ส่งกลิ่นอายอันทรงพลังออกมาทว่ากลับสามารถสยบสัจธรรมทั้งปวงได้อย่างง่ายดายดังนั้นผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายถึงไม่สามารถเข้าใกล้มันได้ด้วยซ้ำ ”

นี่ทำให้ดวงตาของหลินเทียนยิ่งเปล่งประกายขึ้นไปอีกและยืนยันได้เลยว่าประกายแสงที่นางพูดถึงต้องเป็นเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่แน่ๆซึ่งแร่ที่อีกฝ่ายนำมาหลอมก็คงได้รับประโยชน์จากการอาบประกายแสงเจ็ดสีเอาไว้ทำให้มันวิวัฒนาการจึงสามารถส่องประกายแสงเจ็ดสีออกมาได้

นี่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างมากเพราะไม่คิดเลยว่าจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเศษเสี้ยวกระบี่จากนาง

“เจ้ารู้ไหมว่ามันอยู่ที่ไหน ? ”

เขาถามออกมาพร้อมกับพูดว่า

“นำข้าไปหน่อยได้ไหม ? ”

นางที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็ไม่ได้ประหลาดใจอะไรมากเพราะกลุ่มก้อนพลังนั้นมันพิเศษอย่างมาก

“รู้สิแต่ไม่สามารถนำเจ้าไปได้ ”

นางพูดออกมา

“ทำไม ? ”

คิ้วของหลินเทียนขมวดเข้าหากัน

“เป็นเพราะว่ามันไม่ได้อยู่ในดาวดวงนี้ ”

นางพูดออกมาพร้อมกับพูดต่อว่า

“มันอยู่ในหมู่ดาวตงเฮิง”

“ว่าไงนะ ?! ”

หลินเทียนได้แต่ผงะไปเพราะว่าเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ที่นางพูดถึงมันอยู่ในอีกหมู่ดาว ?

“แล้วเจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน ? ที่นี่มันไม่ใช่หมู่ดาวตงเฮิงแต่เป็นหมู่ดาวจี่หยานนะ ”

คิ้วของเขายิ่งขมวดเข้าหากัน

เป็นเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อหมู่ดาวตงเฮิงเนื่องจากผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนที่เคยต้องการจะชิงเอาแก่นสังสารวัฏของเขาเองก็อยู่ในหมู่ดาวตงเฮิงเช่นกัน

“เป็นเพราะว่าข้าเป็นคนของหมู่ดาวนั้น ! ข้าแอบหนีออกมาเที่ยวเล่นแล้วเผลอเหยียบลงบนข่ายอาคมเคลื่อนย้ายเลยมาโผล่ในโลกบ้าบอนี้ไง ”

นางได้แต่กัดฟันพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ตกต่ำอย่างมาก

หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็อดผงะไปไม่ได้

“เจ้าแน่ในนะว่าเจ้าพูดความจริง ”

เขาที่ได้ยินเช่นนั้นอดผงะไปไม่ได้

“แล้วข้าจะโกหกเจ้าให้ได้อะไรล่ะ ? ”

นางจ้องมองกลับมาทางเขา

หลินเทียนได้แต่มองไปทางนางพร้อมทั้งตระหนักได้ว่านางกำลังพูดความจริงทำให้เขาอดแสดงสีหน้าที่หมดคำพูดออกมาไม่ได้

“ออกมาเที่ยวเล่นข้ามหมู่ดาวนี่เจ้านี่มันสุดๆไปเลยนะ ”

เขาพูดออกมา

นางที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจว่า

“โทษข้าได้ ? ข้าจะทำอะไรได้ ? ข้าเองก็สิ้นหวังเหมือนกัน ! ”

การที่หญิงสาวตัวน้อยต้องถูกส่งออกไปยังโลกที่ไม่รู้จักอันไกลโพ้นจากครอบครัวแบบนี้มันทำให้นางรู้สึกตกต่ำอย่างถึงที่สุด

หลินเทียน

“………….”

เมื่อมองไปทางนางแล้วเขาถึงกับพูดไม่ออกไปทันที

“นี่ ข้าเองก็ไม่มีที่จะไปอยู่พอดีแถมไม่รู้จักใครด้วยดังนั้นข้าขอติดตามเจ้าได้ไหม ? ”

นางถามออกมาพลางคว้าแขนเสื้อของเขาเอาไว้

“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะเอาเจ้าไปขายหรือไง ? ”

เขาถามออกมาด้วยสีหน้าป่วยๆ

อันที่จริงแล้วเมื่อได้ฟังเรื่องราวของนางก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขและตลกถึงขั้นที่อดหยอกล้อออกมาไม่ได้

“ข้าไม่ได้โง่ สายตาอันแหลมคมของข้าบ่งบอกว่าเจ้าเป็นคนที่ดี ไม่มีทางทำเรื่องมิดิมิร้ายกับข้าอย่างแน่นอน ”

นางพูดออกมา

หลินเทียน

“……….”

“ก็เอาตามนั้นแล้วกัน ”

เขาพูดออกมาพลางพูดต่อว่า

“อย่าลืมนำข้าไปในที่ๆมีประกายแสงเจ็ดสีส่งออกมาภายในหมู่ดาวตงเฮิงล่ะ ”

เป็นเพราะถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็อยู่ตัวคนเดียวอยู่แล้วดังนั้นการที่มีเพื่อนร่วมเดินทางแบบนี้ก็ถือว่าช่วยแก้เบื่อเขาได้เหมือนกัน

และที่สำคัญที่สุดคือเป็นเพราะว่านางมีข้อมูลเกี่ยวกับเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ดังนั้นจึงกะว่าจะนำนางกลับไปที่หมู่ดาวตงเฮิงเพื่อค้นหามันและส่งนางกลับไปหาครอบครัว

 

 

 


ตอนที่ 1389

 

เมื่อได้ยินว่าหลินเทียนยอมให้นางติดตามไปด้วยแบบนี้แล้วนางจึงแสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาเพราะอย่างน้อยๆนางก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลกที่ไม่รู้จักนี้แถมยังดูออกว่าหลินเทียนไม่ใช่คนไม่ดีอะไร

“แล้วเราจะไปที่ไหนกันดี ? ”

นางถามออกมาขณะที่ยืนอยู่ข้างเขาไม่ต่างกับข้ารับใช้

หลินเทียนก้าวเดินออกไปพร้อมกับพูดว่า

“ก็ไปเรื่อยๆ หาที่เหมาะๆแก่การบ่มเพาะ ”

เขาพูดออกมาก่อนที่จะถามต่อว่า

“แล้วเจ้ามีชื่อว่าอะไร ? ”

“เจียงเหลาเหลา ”

หญิงสาวตอบพร้อมถามกลับว่า

“แล้วเจ้าล่ะ ? ”

“หลินเทียน ”

เขาตอบกลับไป

ตัวเขาได้เดินนำทางไปอยู่กว่าสี่ชั่วโมงก่อนที่จะออกจากสถานที่แห่งนี้ไป

และมันเป็นตอนนี้เองที่กลิ่นอายอันทรงพลังที่ต่างกันออกไปหกรูปแบบได้พุ่งเข้ามาจากรอบทิศทางพร้อมทั้งเผยให้เห็นร่างหกร่างที่แผดกลิ่นอายเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะออกมาพร้อมๆกับจิตสังหารอันเข้มข้น

“นี่มัน ?! ”

เหลาเหลาถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยทันที

หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาพลางพูดว่า

“พวกมาสร้างปัญหา ”

เขาหันมองออกไปพร้อมทั้งสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยแบบเดียวกันกับชายชราชุดเทาที่เป็นผู้คุ้มกันของเฉินซวนเนื่องจากอีกฝ่ายบ่มเพาะด้วยเคล็ดวิชาพื้นฐานเดียวกัน

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกมันมาเพราะเรื่องที่เฉินซวนได้ถูกสังหารไป

“สร้างปัญหาให้กับเจ้า ? ”

เหลาเหลาผงะไปพร้อมทั้งพูดต่อว่า

“พวกนี้มันอยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะเลยนะ เจ้าไปทำอะไรกันถึงได้ล่วงเกินพวกมันได้ ? แล้วจะรับมือไหว ? ”

“หลายชายของผู้อาวุโสสูงสุดพวกมันอยากจะชิงเอาสมบัติของข้ายังไม่พอแล้วยังกล้าคิดจะสังหารข้าและครอบครัวของข้าดังนั้นมันถึงได้ตายไปแล้ว ”

หลินเทียนพูดต่อว่า

“ส่วนพวกมันน่ะรึ แค่พวกไส้เดือนดินเท่านั้นแหละ ”

“เขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะเนี่ยน่ะไส้เดือนดิน ?”

เหลาเหลาได้แต่จ้องมองมาทางเขา

“อย่างน้อยๆในสายตาข้าพวกมันก็เป็นเพียงไส้เดือนเท่านั้น ”

หลินเทียนตอบกลับไป

เหลาเหลาได้แต่จ้องมองตาค้างไปเพราะแม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับกึ่งนิรันดร์อมตะพร้อมๆกันถึงหกคนทว่าหลินเทียนก็ยังมีความมั่นใจขนาดนี้

ทั้งหกคนที่กำลังจ้องมองมาทางเขานั้นมาจากนิกายไท่หลิงจริงๆซึ่งพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นผู้อาวุโสที่สามถึงแปดของนิกายซึ่งได้รับมอบหมายให้มาจับตัวหลินเทียนกลับไปทว่าหลังจากที่ได้ยินคำพูดของหลินเทียนแล้วมันทำให้สีหน้าของพวกเขายิ่งเย็นยะเยือกขึ้นไปอีก

“กล้าสังหารหลานชายของท่านผู้อาวุโสสูงสุดแบบนี้เจ้าอย่าหวังเลยว่าจะได้ผุดได้เกิดอีก ! ”

หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง

“ไม่ต้องไปเสียเวลากับมัน รีบๆจับตัวมันกลับไปรอให้ท่านผู้อาวุโสสูงสุดจัดการกับมันด้วยตัวเอง ”

อีกคนส่งเสียงอันเย็นชาออกมา

เมื่อคำพูดของเขาได้จบลงแล้วกลิ่นอายอันทรงพลังก็ได้ปะทุออกมาพลางโถมเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างรวดเร็ว

ฟึ้บบ ~!

มิติโดยรอบได้แหลกสลายหายไปภายในชั่วพริบตา

หลินเทียนยังคงยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่ราบเรียบก่อนที่ตรามังกรจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่มังกรที่ฟาดฟันเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างฉับพลัน

แกร๊ง !

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ผู้อาวุโสที่เจ็ดที่เป็นผู้ลงมือก็ได้ถูกกระแทกถอยกลับไปโดยทันที

เหลาเหลาได้แต่ผงะไปเพราะนางไม่เชื่อในคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาว่าทั้งหกคนนี้เป็นเพียงไส้เดือนดินเท่านั้นแต่หลังจากที่เห็นเขาสามารถกระแทกร่างอีกฝ่ายถอยกลับไปได้ง่ายๆแบบนี้แล้วนางก็เชื่ออย่างสุดใจโดยทันที

“เจ้านี่แข็งแกร่งจริงๆ ”

นางพึมพำออกมา

อีกฝ่ายเองก็ได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ตกต่ำลงอย่างมาก

ในตอนนี้เองที่ผู้อาวุโสอีกห้าคนที่อยู่ที่นี่ต่างผงะไปเหมือนๆกัน

พวกเขารู้อยู่แล้วว่าหลินเทียนนั้นสามารถสังหารผู้อาวุโสเฮ่ยเขตแดนเดียวกันกับพวกเขาได้แต่ก็ไม่คิดเลยว่าการโจมตีธรรมดาๆของหลินเทียนจะสามารถกระแทกร่างของผู้อาวุโสที่เจ็ดไปได้ง่ายๆแบบนี้

หลินเทียนหันมองกลับไปพร้อมทั้งพูดออกมาว่า

“เฉินซวนและผู้คุ้มกันของมันสมควรตายแล้ว อย่าหาว่าข้าไม่ให้โอกาสพวกเจ้าดังนั้นรีบๆกลับไปซะแล้วข้าจะไว้ชีวิต หากว่ายังกล้าลงมืออีกข้ารับประกันเลยว่าพวกเจ้าจะได้ตายกันทั้งหมด ”

เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบทว่ากลับทำให้สีหน้าของทั้งหกคนยิ่งตกต่ำลงไปอีก

ผู้อาวุโสที่สามที่ร่างกายรายล้อมไปด้วยประกายแสงเจิดจรัสได้ส่งเสียงอันเย็นชาออกมาว่า

“เรารู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่าเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะทว่าแล้วมันยังไงล่ะ เจ้ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นแต่เรามีถึงหกคน ! อย่างเจ้าน่ะรึคิดจะรับมือกับพวกเราพร้อมกันหกคน ? ”

“ต่อให้มีมดมากมายขนาดไหนก็ไม่มีทางสั่นคลอนต้นไม้ใหญ่ได้ ”

หลินเทียนตอบกลับด้วยสีหน้าที่ไม่แยแส

คำตอบของเขายิ่งทำให้จิตสังหารที่ทั้งหกคนปลดปล่อยออกมาพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว

เป็นเพราะว่าหลินเทียนกำลังดูถูกพวกเขา !

“อวดดีนักนะ ! ”

“จับมันเร็ว ! ”

“รุมมัน ! ”

ทั้งหกคนต่างพากันสังเวยทักษะอันทรงพลังออกมาโจมตีอัดเข้าใส่ทางหลินเทียนไปพร้อมๆกับเหลาเหลา

พลังของมันทำให้มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงจะกวาดออกไปรอบทิศทาง

เหลาเหลาที่อยู่ข้างๆเขาแม้จะรู้ว่าเขาแข็งแกร่งมากแต่ก็อดคอหดไปไม่ได้

เพราะถึงอย่างไรทักษะเทวะที่ทั้งหกคนสังเวยออกมานั้นมันทรงพลังอย่างมาก

หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่โดยไม่ขยับไปไหนก่อนที่ร่างกายจะเปล่งประกายแสงสีทองออกมาปกป้องเหลาเหลาเอาไว้

เขาหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“ข้าให้โอกาสพวกเจ้าแล้วแต่น่าเสียดายที่พวกเจ้าไม่คว้ามันเอาไว้ งั้นก็ตายๆไปแล้วกัน ”

เขากระทืบเท้าขวาลงไปทำให้ตรามังกรมากมายพวยพุ่งออกมา

โร๊วว ~~~!

เสียงมังกรคำรามดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่ตรามังกรมากมายแปรเปลี่ยนกลายเป็นมังกรยักษ์ที่ตวัดหางเข้าใส่ทั้งหกคนอย่างไม่ปราณี

ฟึ้บบ ~!

ทักษะเทวะที่ทั้งหกคนสังเวยออกมาได้แหลกสลายหายไปก่อนที่พวกเขาแต่ละคนจะถูกกระแทกลอบเคว้งกลับหลังไปพร้อมทั้งกระอักเลือดออกมาคำโต

“โร๊วว ~! ”

มังกรยักษ์ส่งเสียงคำรามออกมาอีกครั้งก่อนที่จะพุ่งผ่านอากาศกระแทกเข้าใส่ร่างของพวกเขาอย่างจัง

“อ๊ากกก ~~~! ”

ผู้อาวุโสที่เจ็ดที่ถูกกระแทกเข้าได้ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาก่อนที่ร่างกายและดวงวิญญาณของเขาจะถูกกลืนกินเข้าไป

 

 

 


ตอนที่ 1390

 

เลือดสีแดงสดสาดกระจายออกไปรอบทิศทาง

“นี่มัน……………”

เหลาเหลาได้แต่ผงะไป

ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะกลับถูกสังหารลงได้ง่ายๆแบบนี้

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ผู้อาวุโสนิกายไท่หลิงทั้งห้าคนที่เหลืออยู่ต่างพากันแสดงสีหน้าที่เปลี่ยนไปออกมาเพราะว่าหนึ่งในพวกเขาได้ถูกสังหารลงอย่างง่ายดาย

นี่มันเป็นความแข็งแกร่งที่ทำให้พวกเขาได้แต่อดใจสั่นไปไม่ได้แถมสีหน้าเองก็ยังเย็นยะเยือกยิ่งขึ้นไปอีก

หลินเทียนได้หันมองออกไปทางพวกเขาทั้งห้าคนพร้อมกับพูดว่า

“ถึงเวลาของพวกเจ้าแล้วล่ะ ”

เมื่อครึ่งเดือนก่อนนั้นระดับพลังของเขายังอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางและสามารถสังหารกึ่งนิรันดร์อมตะได้ง่ายๆอยู่แล้วทว่าตอนนี้เขาที่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายนี้มันแข็งแกร่งกว่าตอนกลางอย่างมากทำให้สามารถสังหารกึ่งนิรันดร์อมตะได้ง่ายยิ่งขึ้นถึงขั้นที่แม้จะเป็นเขตแดนนิรันดร์อมตะเอาก็ยังต่อการได้

เขายังยืนอยู่กับที่โดยที่ไม่ได้ขยับไปไหนพร้อมทั้งแผดตรามังกรออกไปรอบทิศทางเพื่อสร้างเป็นมังกรขนาดใหญ่

“โร๊วว ~! ”

มังกรอันทรงพลังได้ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมๆกับกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว

ผู้อาวุโสอีกห้าคนที่เหลืออยู่ต่างพากันแสดงสีหน้าที่ดุร้ายออกมาตามๆกัน

“สังเวยค้อนอัคคีแล้วฆ่ามันซะ “

หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงออกมา

มันเป็นตอนนี้เองที่พลังเทวะอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาจากร่างของพวกเขาก่อนที่จะปรากฏค้อนขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยอักขระมากมายส่องประกายเปลวเพลิงอันโชติช่วงและแรงกดดันอันเข้มข้นออกมา

“ฆ่า ! ”

พวกเขาทั้งห้าคนได้ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง

ตู้มมม ~!

คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงขณะที่ค้อนอัคคีขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเป็นสิบๆเท่า

นี่ทำให้มิติโดยรอบได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่อุณหภูมิโดยรอบจะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงขั้นที่แทบจะหลอมละลายทุกสิ่งก่อนที่จะกดทับลงมาไม่ต่างจากลูกอุกกบาตขนาดใหญ่ที่ต้องการจะทำลายล้างโลกใบนี้

มันเป็นพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก !

“นี่คืออาวุธวิญญาณตอนปลายที่พวกเราทั้งห้าคนรวมพลังเข้าด้วยกันทำให้พลังทำลายของมันไม่ใช่อาวุธวิญญาณธรรมดาจะสามารถเทียบได้เพราะมันไม่ต่างกับการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะดังนั้นต่อให้เจ้ามีอาวุธวิญญาณแบบเดียวกันก็เปล่าประโยชน์เพราะมันไม่มีทางต่อการกับพวกข้าได้ ! ”

ทั้งห้าคนได้ส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาหลังจากที่ตระหนักได้ถึงระดับพลังของหลินเทียนในตอนนี้ว่าอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายเท่านั้น

เขาถูกเรียกได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์อันสูงส่งเลยก็ว่าได้ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับนิรันดร์อมตะที่แท้จริงแล้วก็ไม่มีทางต่อกรได้อย่างแน่นอนเนื่องจากว่าความต่างชั้นอันยิ่งใหญ่นั้นมันห่างกันเกินไป

ตอนนี้พวกเขาที่รวมพลังเข้าด้วยกันสังเวยการโจมตีนี้ออกไปมันมีพลังทำลายพอๆกับการโจมตีของเขตแดนนิรันดร์อมตะดังนั้นพวกเขาถึงได้คิดว่าไม่มีทางเลยที่หลินเทียนจะรับมือได้

ตู้มมม ~!

คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้กดทับลงมา

“ตอนนี้พวกเราจะไว้ชีวิตเจ้าเอาไว้ก่อนแล้วปล่อยให้ท่านผู้อาวุโสสูงสุดเป็นคนตัดสินชีวิตของเจ้าด้วยตัวเอง ! ”

หนึ่งในพวกเขาได้ส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา

ค้อนเปลวเพลิงได้กดทับลงมาด้วยพลังทำลายที่บดบังพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับค้อนเปลวเพลิงนี้แล้วหลินเทียนก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังทำลายที่แข็งแกร่งของมันได้อย่างดีแต่สีหน้าของเขาก็ยังคงราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลง

มังกรขนาดใหญ่ที่รายล้อมร่างของเขาเอาไว้ได้พุ่งออกไปปะทะเข้ากับมันอย่างจัง

หลังจากนั้นเขาก็ได้กำหมัดพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลออกไปอัดด้านหน้า

ตู้มมม ~!

ค้อนอัคคีได้ถูกซัดปลิวออกไปไกลก่อนที่จะกระแทกเข้ากับภูเขาจนระเบิดออก

นี่ทำให้สีหน้าของผู้คนที่อยู่โดยรอบพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงโดยทันที

“เจ้า………..”

ผู้อาวุโสทั้งห้าได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะว่าพวกเขาที่รวมพลังกันสังเวยอาวุธชิ้นนี้จนมีพลังทำลายเทียบเท่าการโจมตีของเขตแดนนิรันดร์อมตะกลับถูกหมัดของหลินเทียนกระแทกปลิวออกไปไกล

“นี่มัน….เป็นไปไม่ได้ ! ”

ทั้งห้าคนได้แต่สั่นสะท้านไป

พวกเขากัดฟันเอาไว้แน่นก่อนที่จะโบกมือสังเวยเอาทักษะเทวะอันทรงพลังออกมาเพื่อเรียกเอาค้อนอัคคีที่อยู่ห่างออกไปไกลกลับมา

และมันเป็นตอนนี้เองที่หลินเทียนได้พุ่งออกไปโดยที่ให้เหลาเหลายืนอยู่ที่เดิมพลางพุ่งเข้าประชิดร่างของหนึ่งในศัตรูแล้วเหวี่ยงฝ่ามือตบเข้าใส่อย่างจัง

“เจ้า….”

“พุฟฟ ! ”

มือขวาของเขาที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างได้อัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างจัง

แถมภายในฝ่ามือนี้ยังเต็มไปด้วยอักขระหลอมวิญญาณมากมายที่กลืนกินร่างของอีกฝ่ายลงภายในชั่วพริบตา

อีกสี่คนได้แต่สั่นสะท้านไปไม่หยุดพร้อมทั้งอดรู้สึกขนหัวลุกไปไม่ได้พลางซัดค้อนอัคคีเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างบ้าคลั่ง

หลินเทียนใช้ความเร็วสูงถึงขีดสุดพุ่งเข้าประชิดร่างหนึ่งในพวกเขาอีกคนก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลอันทรงพลังอัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายจนแหลกสลายหายไปไม่มีเหลือ

ระหว่างนี้เขาก็ได้โบกมือขวาของเขาเหวี่ยงหมัดกระแทกเข้าใส่ค้อนอัคคีจนปลิวออกไปไกลอีกครั้ง

นี่ทำให้อีกสามคนที่ยังมีชีวิตรอดได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมาเพราะไม่คิดเลยว่าชายตรงหน้าของพวกเขาจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้

หลินเทียนหันมองออกไปเล็กน้อยพร้อมทั้งโบกมือส่งคลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์เข้าใส่

แกร๊ง ! ”

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังก่อนที่คลื่นกระบี่อันทรงพลังจะพุ่งผ่านหน้าผากของหนึ่งในพวกเขาไปทำให้ร่างกายและดวงวิญญาณสูญสลายหายไป

นี่ทำให้ผู้อาวุโสที่เหลือรอดอยู่เพียงแค่สองคนได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุดออกมา

พวกเขาก้าวถอยกลับไปพร้อมทั้งสังเวยทักษะอันทรงพลังออกมาอัดเข้าใส่ทางหลินเทียนพร้อมทั้งพุ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว

“หนีไป ? ”

เหลาเหลาได้แต่ผงะไป

หลินเทียนหันมองออกไปทางทั้งสองคนที่กำลังพุ่งหนีไปพร้อมทั้งโบกมือทำลายการโจมตีของอีกฝ่ายก่อนที่จะพุ่งออกไปขวางร่างของพวกเขาเอาไว้ด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า

“อุส่าบอกให้หนีไปแต่แรกก็ไม่เชื่อ ตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องหนีแล้วล่ะ ตายอยู่ที่นี่ให้หมดแล้วกัน ”

เขาพูดออกมาพร้อมทั้งสรรสร้างการโจมตีมากมายออกมารอบทิศทาง

นี่ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองที่ยังรอดชีวิตอยู่ได้แต่สั่นสะท้านไปด้วยสายตาที่หวาดหวั่นอย่างมาก

“ไม่……….อย่าฆ่าเราเลย ! ”

พวกเขาพากันส่งเสียงอ้อนวอนออกมา

หลินเทียนตอบกลับด้วยสีหน้าที่ราบเรียบอย่างมากว่า

“ข้าให้โอกาสพวกเจ้าแล้วแต่พวกเจ้าไม่เห็นค่ามันเอง ”

หลังจากที่พูดจบแล้วการสรรสร้างมากมายก็ได้กดทับลงไปโอบร่างของทั้งสองเอาไว้อย่างรวดเร็ว

พวกเขาได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุดออกมาพลางสังเวยทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดออกมารับเอาไว้

ทว่าน่าเสียดายที่มันเป็นเพียงการดิ้นรนอย่างเปล่าประโยชนเพราะว่าการสรรสร้างนั้นอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่บดขยี้ทุกทักษะที่พวกเขาส่งออกมา

“พุฟฟ ! ”

“พุฟ ! ”

ร่างกายของพวกเขาได้ระเบิดออกเป็นชิ้นๆก่อนที่ดวงวิญญาณจะสลายหายไป

นี่ทำให้สถานที่แห่งนี้กลับสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว

“พระเจ้าช่วย ! ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะกลับถูกสังหารลงได้ทั้งหมดเลย ?! ”

เหลาเหลาได้ถามออกมาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมาก

“ก็บอกไปแล้วว่าพวกมันไม่ต่างจากไส้เดือนเท่านั้น ”

หลินเทียนตอบกลับ

เขาหันมองออกไปยังค้อนอัคคีที่อยู่ห่างออกไปไกลพลางโบกมือขวาของเขาออกไปทำลบล้างตราประทับของอีกฝ่ายออกด้วยวงเวทย์หยินหยางก่อนที่จะเก็บเอาไว้

มันเป็นเพราะว่าอาวุธระดับนี้มันมีมูลค่าไม่ใช่น้อยๆ

“ไปกันเถอะ ”

เขาหันไปพูดกับเหลาเหลาก่อนที่จะเดินออกไปเพื่อเตรียมหาที่บ่มเพาะเหมาะๆและใช้เวลาคิดว่าควรจะรับมือกับทัณฑ์สวรรค์รอบต่อไปอย่างไร

เหลาเหลาเดินตามหลังเขามาก่อนที่จะใช้นิ้วที่เรียวยาวของนางจิ้มที่ไหล่ของเขาพลางพูดออกมาว่า

“ข้าเองก็เคยเห็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่ามาแล้วมากมายและอย่างน้อยๆก็มีอายุหลายพันปีดังนั้นเจ้าเองก็น่าจะเป็นตาเฒ่าที่มีอายุไม่น้อยกว่าหลายพันปีหรือหลายหมื่นปีใช่ไหม ? ”

หลินเทียนดีดหน้าผากของนางพร้อมกับตอบว่า

“ตาเฒ่าที่ไหนกัน ? ข้าอายุไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ ”

“ร้อยปี ? ร้อยปีตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลาย ? เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! อาจารย์เจ้าเป็นปีศาจตนไหนกันถึงได้สามารถให้กำเนิดสัตว์ประหลาดอย่างเจ้า ?! ”

เหลาเหลาได้แต่ผงะไป

ใบหน้าของหลินเทียนถึงกับตกต่ำลงพร้อมทั้งเขกศีรษะของนางเนื่องจากก่อนหน้านี้เขายังเป็นเพียงแค่ตาเฒ่าทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว

เหลาเหลาที่กำลังกุมหน้าผากของนางเอาไว้ได้แต่ส่งเสียงโอดครวญออกมาว่า

“ท่านแม่บอกข้าว่าเป็นบุรุษต้องรู้จักอ่อนโยนนะ ! ”

“หยุดพูดได้แล้ว ”

หลินเทียนได้หันมองไปทางนางเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวเดินต่อไป

เหลาเหลาได้แต่กุมศีรษะของนางเอาไว้พร้อมทั้งหันหน้าหนีแล้วเดินตามหลังเขาไป

ไม่นานพวกเขาก็ได้เดินทางกันออกไปไกลมากๆ

………….

ภายในตำหนักที่ตั้งอยู่บนขุนเขาที่รายล้อมไปด้วยพลังฉีอันเข้มข้น

“ว่าไงนะ ?! ”

เสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่ดวงตาของจ้าวนิกายแทบจะลุกเป็นไฟ

เป็นเพราะว่าเขาได้รับรายงานมาว่าตะเกียงวิญญาณของผู้อาวุโสทั้งหมดที่ถูกส่งออกไปจับตัวหลินเทียนได้ดับลงอย่างสมบูรณ์ซึ่งนี่หมายความว่าพวกเขาล้วนตกตายลงหมดแล้ว

“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ทั้งหกคนที่มีอาวุธวิญญาณกลับถูกสังหารลงทั้งหมด ?! ”

ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสที่สองที่อยู่ภายในตำหนักนี้เองก็ต่างพากันแสดงสีหน้าที่โกรธจัดออกมา

“ไอ้ระยำเอ้ย ! ”

จ้าวนิกายส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง

ขุมพลังของเขานั้นมีผู้อาวุโสอยู่ทั้งหมดเก้าคน ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสที่สองนั้นอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะกันส่วนที่เหลือลงไปนั้นอยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะกันทั้งหมดทว่าตอนนี้ผู้อาวุโสที่สามถึงเก้าล้วนถูกสังหารลงจนหมดนี่เท่ากับพวกเขาสูญเสียกึ่งนิรันดร์มอมตะไปกว่าเจ็ดคนเต็มๆ !

แถมหลานชายของผู้อาวุโสสูงสุดยังถูกสังหารไปทำให้ดวงตาของเขาส่องประกายจิตสังหารออกมาอย่างเข้มข้น

“ผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสที่สอง พวกเจ้าออกไปจับตัวมันกลับมาให้ได้ ! ”

เขาส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง

……….

หลินเทียนยังคงเดินนำเหลาเหลาตัดผ่านป่าข้ามภูเขาต่อไป

“ทัณฑ์สวรรค์ ”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง

เป็นเพราะว่าอีกเพียงครึ่งก้าวเขาก็ตัดผ่านเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะได้แล้วดังนั้นจึงต้องเตรียมการก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์เอาไว้เนิ่นๆแต่แม้จะคิดอยู่นานก็ยังไม่พบวิธีรับมือกับมันแม้แต่น้อย

“ว่าไงนะ ? นี่สวนสวรรค์ได้เปิดออกแล้ว ?! ไม่มีใครสามารถเปิดมันได้เลย ?! ”

“ใช่แล้ว ไม่มีใครสามารถเปิดมันได้เลยแม้แต่น้อย ได้ยินว่ามันมีอาคมขวางกั้นอยู่รอบทิศทางทำให้ไม่มีใครเข้าไปได้แถมตอนนี้กองกำลังผู้เชี่ยวชาญเองก็แห่ไปที่นั่นกันมากมาย ”

“ได้ยินมาว่ามันเป็นสถานที่ฝึกตนในตำนานซึ่งเป็นจุดกำเนิดของทักษะอัสนีที่เกิดจากการเรียนรู้ทัณฑ์สวรรค์แล้วยังมีข่าวลืออยู่ว่าภายในที่นั่นมีทักษะนี้หลับใหลอยู่ด้วย! ”

เหล่าผู้เชี่ยวชาญตามถนนส่งเสียงสนทนาออกมา

 

 

 


ตอนที่ 1391

 

หลินเทียนที่กำลังเดินอยู่กับเหลาเหลาและได้ยินเรื่องราวเหล่านี้เองก็ได้แต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป

เป็นทักษะที่เกิดจากการเรียนรู้ทัณฑ์สวรรค์ ?! เมื่อคิดถึงจุดนี้แล้วมันอดทำให้ดวงตาของเขาเปล่งประกายออกมาไม่ได้เลย

หากว่ามันเป็นอย่างที่ว่างไว้จริงๆแล้วหากได้รับมันมาก็จะเป็นตัวช่วยสำหรับเขาในอนาคต

“เหลาเหลา เราจะไปที่สวนสวรรค์นั่นกัน ”

เขาหันไปพูดกับนาง

“โอ้ว ”

นางได้ส่งเสียงตอบรับเล็กน้อยเพราะไม่ว่าหลินเทียนจะไปที่ไหนนางก็จะติดตามไปกับหลินเทียนด้วยอยู่แล้ว

ผู้เชี่ยวชาญตามเส้นทางนี้มีอยู่มากมายและกำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกันดังนั้นหลินเทียนถึงไม่จำเป็นต้องรู้ถึงที่อยู่ของสวนสวรรค์นั้นเลยด้วยซ้ำและก้าวเดินตามหลังกลุ่มคนเหล่านี้ไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อมองออกไปแล้วเขาจะพบได้กับพื้นที่กว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำทะเลและใจกลางของมันมีเกาะขนาดใหญ่เกาะหนึ่งตั้งอยู่โดยที่บนตัวเกาะเต็มไปด้วยขุนเขาสูงเสียดฟ้ามากมายส่งกลิ่นอายที่น่าเกรงขามออกมา

“นั่นคือสวนสวรรค์ ?! ”

เหลาเหลาได้แต่จ้องมองออกไปยังพื้นที่ด้านหน้าของนาง

หลินเทียนหันมองไปยังท่าทางที่สงสัยของนางพร้อมถามออกมาด้วยท่าทางสงสัยว่า

“เจ้ารู้จักที่นี่ด้วย ? ดูเหมือนว่าเจ้าจะคุ้นเคยกับมัน ? หรือว่าถูกส่งมาที่นี่ ? ”

“ใช่ ! ข้าถูกส่งมาตกลงบนเกาะนั่นแหละ ! ”

นางส่งเสียงออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ว่า

“มันเป็นสวนสวรรค์ตรงไหนกัน !? นั่นน่ะมันรังปีศาจชัดๆ ! มันเต็มไปด้วยสัตว์อสูรเขตแดนปรินิพพาน จักรพรรดิโกลาหลและแม้กระทั่งเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าก็ยังมี ข้าเกือบจะตายอยู่ที่นั่นด้วยซ้ำ ! ”

นางได้แต่จ้องมองออกไปด้วยสีหน้าที่ยังโกรธไม่หาย

หลินเทียนได้แต่ผงะไปกับคำพูดของนางพร้อมกับพูดว่า

“นี่เจ้า….ตกลงบนเกาะนั่นจริงๆ ? ”

เป็นเพราะว่าเขาได้ยินจากคำพูดของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายดีว่ามันมีอักขระรายล้อมเกาะเอาไว้ทำให้ไม่มีใครสามารถก้าวข้ามไปได้แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญจากขุมพลังใหญ่ทว่าเหลาเหลากลับตกไปอยู่ที่นั่นแถมยังก้าวผ่านผนึกออกมาได้ง่ายๆ ?!

“ใช่ แถมยังถูกฝูงสัตว์อสูรไล่ล่าด้วย ! ”

เหลาเหลากัดฟันของนางพลางพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ถูกรังแกว่า

“เจ้ารู้บ้างไหมว่าข้าที่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดินภาแต่กลับต้องเผชิญหน้ากับฝูงสัตว์อสูรและหากว่าไม่ได้เป็นเพราะจี้ที่ท่านปู่ให้เอาไว้ก็คงไม่รู้ว่าจะตายไปกี่รอบแล้ว ”

หลินเทียนได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งพูดขึ้นว่า

“จากที่ผู้เชี่ยวชาญพวกนี้เล่ากันมันอธิบายได้ว่ารอบๆเกาะมันมีผนึกที่แข็งแกร่งอยู่ตั้งแต่อดีตโดยที่ไม่มีใครฝ่าเข้าไปได้แต่อยู่ดีๆมันก็สลายหายไปแบบนี้นี่หรือว่า…….มันคงไม่ได้เป็นฝีมือของเจ้าหรอกใช่ไหม ? ”

เหลาเหลาที่ได้ยินเช่นนี้ได้แต่ส่งเสียงออกมาด้วยความไม่พอใจว่า

“พูดอะไรกัน ! ข้าตัวหนักขนาดนั้นเลย ?! รูปร่างของข้าออกจะผอมบางสมส่วน ! ”

หลินเทียน

“………..”

เขาได้แต่ชี้ไปยังจี้ห้อยคอของนางพร้อมกับพูดว่า

“ข้าหมายความว่าระหว่างที่เจ้าร่วงหล่นลงจากฟากฟ้าลงไปยังสวนแห่งนั้นจี้ห้อยคอของเจ้าอาจจะทำลายผนึกที่ปิดกั้นสวนเอาไว้”

เป็นเพราะว่ารอบนอกเกาะนั้นเต็มไปด้วยผนึกมากมายตั้งแต่ยุคอดีตทำให้ไม่มีใครที่สามารถฝ่าหรือมองเห็นด้านในได้ทว่าหลังจากที่เหลาเหลาได้ร่วงหล่นลงไปกลางเกาะแห่งนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่ระหว่างนั้นจี้ห้อยคอที่ส่องประกายแสงเจ็ดสีออกมาจะทำลายผนึกรอบนอกของมัน

“เป็นเพราะจี้นี่ ? ”

เหลาเหลาได้แต่มองไปยังจี้ห้อยคอของนางพร้อมๆกับพูดว่า

“อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้เพราะมันมีความสามารถในการทะลุทะลวงอย่างมากเนื่องจากก่อนหน้านี้ข้าเองก็สามารถฝ่าเข้าไปภายในโบราณสถานที่มีผนึกแข็งแกร่งถึงขั้นที่ผู้เชี่ยวชาญก็ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้เหมือนกัน ”

หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็ยืนยันได้ทันทีว่าการที่ผนึกรอบนอกเกาะแห่งนี้ได้สลายหายไปต้องเป็นเพาะฝีมือของนางอย่างแน่นอน

“วิ้สส ! ”

“วิ้ส ! ”

“วิ้สสส ! ”

เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญพากันพุ่งเข้าไปทางเกาะแห่งนั้น

เป็นเพราะข่าวลือหนาหนูเกี่ยวกับทักษะอัสนีอันแข็งแกร่งรวมถึงสมบัติมากมายที่แพร่สะพัดไปทั่วนั้นมีความยั่วยวนอย่างมาก

“พวกเราก็ไปกันเถอะ ”

หลินเทียนพูดออกมาพลางก้าวออกไป

“ไม่ ! ”

เหลาเหลาได้ส่งเสียงออกมาพลางคว้าร่างของเขาเอาไว้แล้วพูดออกมาว่า

“อย่าไปนะ ! ด้านในมันอันตรายมากๆ ! สัตว์อสูรเต็มไปหมดแถมยังมีแม้กระทั่งปีศาจเขตแดนอนันตกาลอยู่ด้วย ! ”

“นี่มันมีแม้กระทั่งเขตแดนอนันตกาลอยู่ด้วย ?! ”

หลินเทียนถึงกับแข็งค้างไป

“มีสิ ! ข้าเคยเห็นอยู่สองตัว ! พวกมันแข็งแกร่งมากๆถึงขั้นที่แม้จะมีจี้ห้อยคอของข้าแต่ก็ยังสามารถสังหารข้าได้ง่ายๆ ”

เหลาเหลาพูดออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจังอย่างมาก

หลินเทียนได้แต่มองออกไปเพราะไม่คิดเลยเหมือนกันว่าภายในจะมีแม้กระทั่งอสูรเขตแดนอนันตกาลอยู่ด้วย

การที่อยู่ในระดับนั้นได้มันจะต้องแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าผู้เชี่ยวชาญมนุษย์ระดับเดียวกันด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเช่นนั้นแต่เขาก็ยังต้องไปอยู่ดี

เป็นเพราะว่าหากมันเป็นอย่างที่ข่าวลือว่าเอาไว้แล้วมันก็จะเป็นประโยชน์ต่อการก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ของเขามากๆ

“ยังไงข้าก็ต้องไป ”

เขาหันไปพูดกับนาง

เหลาเหลาได้แต่ผงะไปพร้อมกับแสดงสีหน้าที่หมดหนทางออกมา

“งั้นก็ไปสิไป ”

นางหันมองออกไปทางเกาะด้านหน้า

หลินเทียนเผยรอยยิ้มออกมาก่อนที่จะลูบศีรษะของนางแล้วพูดว่า

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ข้าจะปกป้องเจ้าเอง ”

หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้หันมองออกไปพร้อมทั้งถามว่า

“หรือว่าเจ้าจะหาที่ปลอดภัยซ่อนตัวอยู่แถวนี้ก่อนไหม เอาไว้ข้ากลับออกมาแล้วจะไปหาเจ้า ? ”

“พูดอะไรกัน ! จะให้คนตรงๆอย่างข้าอยู่ที่นี่เฉยๆมองดูเจ้าเข้าไปภายในสถานที่อันตรายได้อย่างไรกัน ? จะไปก็ต้องไปด้วยกัน ”

เหลาเหลาส่งเสียงออกมา

“พูดได้ดีหนิ แต่มันเกี่ยวอะไรกับคนตรงๆกัน มันควรจะพูดว่าเป็นคนที่ซื่อสัตย์มากกว่าหรือเปล่า ? ”

หลินเทียนพูดออกมา

เหลาเหลาแสยะออกมาพลางตอบกลับว่า

“เหมือนกันนั่นแหละ !!! ”

หลินเทียนได้แต่เผยรอยยิ้มออกมาพร้อมทั้งก้าวเดินออกไป

สวนสวรรค์นั้นอยู่ในใจกลางของเกาะตรงหน้าดังนั้นแม้ว่าความเร็วของเขาจะสูงมากๆแต่ก็ใช้เวลาไม่น้อยกว่าจะไปถึง

“โร๊วว ~~! ”

ระหว่างทางก็มักจะมีเสียงสัตว์อสูรกู่ร้องคำรามออกมาเป็นพักๆ

“ก่อนหน้านี้ยังไม่มีเสียงพวกนี้เลยแม้แต่น้อยแล้วทำไมพอเข้ามาถึงได้ยินกัน ? หรือว่าเสียงไม่สามารถเล็ดลอดออกไปได้ ? ”

หลินเทียนผงะไป

“น่าจะเป็นเช่นนั้นแหละ ”

เหลาเหลาที่กำลังคอหดได้พูดต่อว่า

“อีกอย่างมันดูเหมือนว่าอสูรพวกนี้ไม่สามารถออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้ด้วย มันน่าจะถูกพลังบางอย่างสะกดเอาไว้ภายในสถานที่แห่งนี้ ”

เสียงอสูรกู่ร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่กลิ่นอายอันหนักหน่วงแผดออกไปรอบทิศทาง

ตู้มมม !

คลื่นพายุอันทรงพลังได้พัดพาเข้ามาจากสถานที่ๆอยู่ห่างไกลออกไปขณะที่ปรากฏอสูรร่างยักษ์ถึงขั้นบดบังดวงอาทิตย์ขึ้นกลางฟากฟ้า

หลินเทียนได้แต่ผงะไปเพราะว่าวิหกตัวนี้มันมีขนาดใหญ่มากถึงขั้นที่เมื่อกางปีกแล้วมันมีความยาวกว่าหลายร้อยเมตร

“เขตแดนจ้าวสวรรค์ ! ”

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที

ทึ้มมม ~!

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่วานรตัวใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปได้ปรากฏตัวออกมา

ห่างออกไปไม่ไกลก็ปรากฏอสูรรูปร่างเหมือนเต่าผสมงูขึ้นมาสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนโดยรอบ

“อ๊ากก ~~! ”

เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่ผู้เชี่ยวชาญมากมายพากันถูกฉีกร่างออกแล้วกัดกินเป็นอาหาร

“ไม่ ~~~! ”

“ช่วย…ด้วย ! ”

“อ๊ากก ! ”

เสียงกรีดร้องยังคงถูกส่งออกมาไม่หยุด

ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนที่เข้ามาภายในสถานที่แห่งนี้พากันตกตายลงไปมากมายภายใต้คมเคี้ยวของเหล่าสัตว์อสูร

พริบตาสถานที่แห่งนี้ก็คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดอันเข้มข้นขณะที่มีผู้เคราะห์ร้ายกว่าร้อยคน

“ที่นี่คือสวนสวรรค์หรือรังอสูรกันแน่ ? ”

หลินเทียนได้แต่มองออกไป

เป็นเพราะว่าสภาพร่างกายของผู้เสียชีวิตทั้งหลายล้วนน่าอนาถอย่างมาก

“ข้าบอกแล้วไงว่ามันใช่สวนสวรรค์ที่ไหนกัน นี่มันรังปีศาจ ! ”

เหลาเหลาได้ส่งเสียงออกมา

วิหกยักษ์เขตแดนจ้าวสวรรค์ที่อยู่บนฟากฟ้ายังคงกระพือปีกสร้างคลื่นพายุอันทรงพลังอัดลงมาเบื้องล่างเสมือนว่าพวกเขาเป็นเพียงแค่เหยื่อของมันเท่านั้น

หลินเทียนได้จูงเหลาเหลาเข้ามาใกล้ก่อนที่จะพุ่งหลบการโจมตีของอีกฝ่ายไป

“เจ้าอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายไม่ใช่หรือไง กระบี่เดียวก็ฆ่ามันได้แล้วจะหนีทำไม ? ”

เหลาเหลาถามออกมาด้วยสีหน้าที่สงสัย

“เป็นเพราะว่าอสูรที่อยู่รอบข้างมันมีมากเกินไป หากว่าข้าลงมือสังหารมันแล้วก็อาจจะดึงดูดความสนใจของตัวอื่นมาที่เราได้ หากว่าไม่ได้จำเป็นจริงๆข้าก็ไม่อยากจะลงมือ “

หลินเทียนตอบกลับ

 

 

 


ตอนที่ 1392

 

“ฮื้ม ? ”

เมื่อฟังจากคำพูดของหลินเทียนแล้วเหลาเหลาก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“ข้าเองก็คิดว่าเจ้าเองก็แข็งแกร่งมากๆแต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนที่มีความคิดแบบนี้ด้วย”

“เจ้าคิดว่าข้าจะเป็นแบบเดียวกับเจ้าหรือไงที่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดินภาแท้ๆแต่กลับติ๊งต๊องถึงขั้นก้าวข้ามข่ายอาคมเคลื่อนย้ายจนมาอยู่ที่หมู่ดาวอื่นแบบนี้ ? ”

หลินเทียนหันมองไปทางนาง

“เจ้า…..”

เหลาเหลาได้แต่แสดงท่าทางไม่พอใจเสมือนโดนเหยียบหางเข้าให้พร้อมทั้งส่งเสียงออกมาว่า

“เจ้าคนไม่ดี ! ”

หลินเทียนหัวเราะออกมาเพราะการที่มีคนคอยให้หยอกล้อระหว่างท่องโลกก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหายเบื่อได้มาก

เขานำเหลาเหลาหลบผ่านกลุ่มอสูรมากมายเพื่อค้นหาร่องรอยของขุมสมบัติ

“มันอยู่ที่ไหนกัน ”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง

เมื่อมองออกไปแล้วสวนสวรรค์แห่งนี้มันกว้างใหญ่อย่างมากถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นอาณาเขตอันไกลโพ้นดังนั้นการจะหาร่องรอยของทักษะสายฟ้าก็เป็นเรื่องที่ยากไม่น้อย

“มันเป็นเพียงตำนานเท่านั้น หากว่าเป็นเรื่องโกหกต่อให้หาไปทั้งชีวิตก็ไม่เจออยู่ดี ”

เหลาเหลาส่งเสียงออกมา

หลินเทียนได้แต่ดีดหน้าผากของนางพร้อมกับพูดว่า

“การดับฝันของคนอื่นมันเป็นเรื่องไม่ดีนะ ”

เหลาเหลาได้แต่กุมหน้าผากของนางเอาไว้ด้วยความเจ็บปวดถึงขั้นที่เกือบเสียน้ำตา

พวกเขาพากันก้าวเดินออกไประยะเวลาหนึ่งซึ่งระหว่างนั้นก็ตีตัวออกห่างจากฝูงสัตว์อสูรพลางแผดจิตสัมผัสอันทรงพลังออกไปค้นหาสถานที่ๆพิเศษตามจุดต่างๆ

เสียงสัตว์อสูรกู่ร้องยังคงถูกส่งออกมาเป็นพักๆก่อนที่จะมีคลื่นลมพายุอันรุนแรงถูกซัดออกมาเนื่องจากการกระพือปีกของสัตว์อสูรบางตัว

“นั่นมัน…..ยาอายุวัฒนะ ! สามารถช่วยยืดอายุขัยได้อีกกว่าสองพันปี ! ”

“หยกสมบัติเทวะ วัตถุดิบสำหรับหลอมอาวุธสวรรค์ ! ”

“ผลไม้วิญญาณที่สามารถเพิ่มระดับพลังของผู้เชี่ยวชาญในเขตแดนปลุกพลัง ”

แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยอันตรายมากมายแต่นี่ก็รวมถึงสมบัติล้ำค่าเช่นกันเพราะมักจะมีเสียงโห่ร้องของผู้เชี่ยวชาญถูกส่งออกมาเป็นพักๆหลังจากที่ใครหลายคนได้พบเข้ากับสมบัติชั้นเลิศ

หลินเทียนที่กำลังเดินนำเหลาเหลาออกไปหาร่องรอยของทักษะเทวะเองก็ได้รับยาอายุวัฒนะช่วยเพิ่มอายุขัยกว่าห้าพันปีและคริสตัลวิญญาณอีกมากมาย

ไม่นานพวกเขาก็พากันเดินทางเข้าไปถึงสถานที่ๆเต็มไปด้วยต้นไม้เก่าแก่มากมายแถมยังมีกลิ่นอายอสูรที่เข้มข้นกว่าก่อนหน้านี้มาก

“ตู้มมม ! ”

คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้กวาดเข้ามาจากพื้นที่ด้านหน้าก่อนที่จะปรากฏร่างวิหกขนาดใหญ่รายล้อมไปด้วยเปลวเพลิงไม่ต่างจากนกฟินิกซ์ที่แผดเผาห้วงมิติโดยรอบจนหลอมละลาย

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยทันทีเพราะว่าเขาสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายนั้นอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าก็จริงแต่ความแข็งแกร่งเทียบเท่าได้พอๆกับผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะเลยด้วยซ้ำ

“สถานที่แห่งนี้คงอยู่มานานและหลังจากที่ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานโดยที่ไม่มีใครรบกวนก็ถือกำเนิดสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งขึ้นมามากมาย ”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง

หลังจากนั้นก็ได้หันมองออกไปยังกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่กำลังจ้องมองออกไปยังรังนกขนาดใหญ่บนยอดเขา

“ไอ้นกนั่นมันไปแล้ว รังมันยังมีลูกนกอยู่กว่าสามตัวดังนั้นรีบไปชิงมาแล้วค่อยมาแบ่งกันทีหลัง ”

หนึ่งในพวกเขาได้ส่งเสียงออกมา

เป็นเพราะว่าวิหกเพลิงนั้นตราบเท่าที่เจริญเติบโตแล้วก็จะแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าเป็นอย่างน้อยดังนั้นหากว่าสามารถชุบเลี้ยงมันตั้งแต่ยังเล็กได้ก็เปรียบได้ว่าจะมีอสูรคู่กายที่แข็งแกร่งในอนาคต

หลายๆคนได้พยักหน้าก่อนที่จะพุ่งออกไปยังรังของมันอย่างรวดเร็ว

นกน้อยทั้งสามตัวที่เห็นมนุษย์เข้าใกล้ต่างพากันส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนกพลางพ่นเปลวเพลิงอันร้อนระอุออกไป

“รีบจับตัวมันมาเร็ว ”

หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงออกมา

คนอื่นๆเองก็รีบคว้ามือเข้าใส่ลูกนกเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว

หลินเทียนหันมองออกไปพร้อมทั้งอดส่ายศีรษะไปไม่ได้เพราะว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้เป็นเพียงเขตแดนวิญญาณนิรันดร์เท่านั้นทว่ากลับกล้าริอาจกระตุกหนวดอสูรเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่านี่ถือว่ามีความกล้าไม่ธรรมดาเลย

และมันเป็นตอนนี้เองที่มีเสียงกู่ร้องคำรามถูกส่งออกมาจากสถานที่ๆห่างไกลออกไปซึ่งหลังจากที่วิหกเพลิงเห็นว่ามนุษย์กำลังเข้าใกล้ลูกของมันก็พ่นเปลวเพลิงออกมาโดยทันที

“แย่แล้วสิ ! ”

“หนีเร็ว ! ”

หลายๆคนพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง

อย่างไรก็ตามมันเป็นเปลวเพลิงที่รวดเร็วอย่างมากพร้อมทั้งโอบร่างของพวกเขาเอาไว้อย่างฉับพลัน

“อ๊ากก ~~~ ! ”

ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างดังก่อนที่ร่างกายของพวกเขาจะแหลกสลายหายไป

“นี่มัน….น่ากลัวจริงๆ ! ”

หลายๆคนพากันคอหดไปตามๆกัน

“ถึงอย่างไรก็เป็นถึงอสูรเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่า ของแค่นี้ถือว่าเฉยๆด้วยซ้ำ ”

หลินเทียนพูดออกมา

หลังจากนั้นเขาก็หันไปพูดกับเหลาเหลาเล็กน้อยแล้วเดินจากไป

ทว่ามันเป็นตอนนี้เองที่สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะว่าใต้เศษซากหุบเขาที่พังทลายลงจากการโจมตีของวิหกเพลิงนั้นเผยให้เห็นอักขระมากมาย

“นั่นมัน ?! ”

เขาได้หยุดเท้าลงพร้อมทั้งหันมองออกไปก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงพลังแห่งสัจธรรมอันเข้มข้น

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันคือสัจธรรมอะไรทว่ามันอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งสายฟ้าที่ไม่ต่างจากทัณฑ์สวรรค์เลยแม้แต่น้อย

นี่ทำให้เขาคว้าร่างของเหลาเหลาพร้อมทั้งพุ่งเข้าใกล้สถานที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว

ยิ่งเข้าใกล้เขาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงพลังอันเข้มข้นของมันที่ทรงพลังเสมือนว่าสามารถบดขยี้โลกทั้งใบลงได้อย่างง่ายดาย

ตู้มม ~!

คลื่นพลังอันหนักหน่วงระเบิดออกมาอย่างรุนแรง

วิหกเพลิงที่อยู่ห่างออกไปได้หันมองมาทางเขาด้วยสายตาที่โกรธจัดก่อนที่จะคว้ากรงเล็บเข้าใส่ทางพวกเขา

นี่ทำให้มิติโดยรอบบิดตัวอย่างรุนแรงก่อนที่จะแหลกสลายหายไป

หลินเทียนโบกมือของเขาออกไปตบร่างของมันปลิวออกไปกระแทกกับต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปไกล

“โร๊วว ~~! ”

มันส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธก่อนที่จะพุ่งขึ้นท้องฟ้าไปพร้อมทั้งพ่นเปลวเพลิงลงมาใส่ทางหลินเทียน

หลินเทียนโบกมือจุดประกายเปลวเพลิงหยางบริสุทธิ์ออกมากลืนกินเปลวเพลิงทั้งหมดของมันไปอย่างสมบูรณ์

“อย่ามาขวางทางข้า ข้าไม่ได้คิดจะทำอะไรลูกเจ้า อย่ามารบกวนข้าอีก ”

เขาหันมองออกไปทางอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนที่จะหันมองกลับมายังผนังหินที่รายล้อมไปด้วยอักขระเพื่อศึกษามัน

วิหกเพลิงได้ผงะไปเล็กน้อยซึ่งด้วยระดับพลังของมันแล้วเทียบได้พอๆกับผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะทว่าการโจมตีที่รุนแรงของมันกลับถูกทำลายลงได้ง่ายๆ

มันได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนโดยที่ไม่ได้เปิดฉากโจมตีอีกก่อนที่จะบินกลับไปปกป้องลูกๆที่อยู่ในรังและมองกลับไปทางหลินเทียนด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเล็กน้อย

หลินเทียนไม่ได้สนใจอะไรมันแม้แต่น้อยและยังคงจับจ้องผนังตรงหน้าอย่างตั้งใจ

มันเป็นผนังขรุขระที่รายล้อมไปด้วยอักขระและให้ความรู้สึกเสมือนเป็นบ่อกำเนิดแห่งทัณฑ์สวรรค์เลยก็ว่าได้

“นี่คือ….ทักษะสายฟ้า ?! มันเป็นอักขระที่ผู้คิดค้นทักษะนี้สลักเอาไว้ ? ”

ดวงตาของเขาเปล่งประกายขึ้นมาทันที

มันเป็นพลังที่เขาไม่สามารถใช้ฝึกฝนได้ทว่าพลังสายฟ้าที่อัดแน่นอยู่นั้นเข้มข้นจนน่าสะพรึงกลัว

มันเป็นตอนนี้เองที่มีมือสั่นๆของเหลาเหลามาคว้าเสื้อของเขาเอาไว้ด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านไม่หยุดแถมกลิ่นอายยังปั่นป่วนเสมือนว่ากำลังจะแหลกสลายไปได้ทุกเมื่อ

“เจ้าเป็นอะไรไป ?! ”

หลินเทียนถามออกมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก

เขารีบสังเวยทักษะสุริยันปรินิพพานออกมาโอบร่างของนางเอาไว้แต่เขากลับพบว่าอาการบาดเจ็บของนางนั้นรุนแรงถึงขั้นที่ดวงวิญญาณแตกร้าวไปทั่ว

นี่ทำให้เขาได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งใช้พลังทั้งหมดภายในร่างอัดใส่ร่างของนางอย่างเต็มที่จนหลังจากนั้นไม่นานอาการบาดเจ็บก็เริ่มดีขึ้น

“เกิดอะไรขึ้น ? ”

เขาถามออกมาด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน

เป็นเพราะอยู่ดีๆนางก็ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักนี่มันทำให้เขาได้แต่ผงะไป

เหลาเหลาที่มีใบหน้าซีดเผือดได้แต่อดสั่นไปไม่ได้พร้อมทั้งจับแขนเสื้อเขาเอาไว้พลางชี้ออกไปยังอักขระตรงหน้าแล้วพูดออกมาว่า

“ข้า…เพียงแค่.จ้องมองมัน…..”

นางซุกศีรษะลงที่ร่างของหลินเทียนพลางชี้ออกไปโดยที่ไม่กล้าหันมองไปยังผนังตรงหน้า

หลินเทียนได้แต่ผงะไปเพราะว่าอาการบาดเจ็บร้ายแรงของนางเกิดจากการมองผนังหินเท่านั้น ?!

นี่ทำให้เขาตระหนักได้ถึงบางสิ่งโดยทันที

“คงเป็นเพราะมันกักเก็บพลังที่แข็งแกร่งเกินไปทำให้ด้วยระดับพลังของเจ้ามันไม่เพียงพอจะทำความเข้าใจมัน ”

เป็นเพราะว่าอักขระนี้อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งสัจธรรมอันเข้มข้นถึงขั้นที่คนที่อ่อนแอเกินไปจะได้รับบาดเจ็บเพียงแค่จ้องมองมัน

เหลาเหลาส่ายศีรษะของนางพร้อมกับพูดว่า

“มันไม่เกี่ยวกับระดับพลังของข้า….”

นางพูดออกมาพลางพูดต่อว่า

“ดูเหมือนว่ามันจะต่อต้านดวงวิญญาณและแก่นชีวิตของข้า”

“ว่าไงนะ ?”

คิ้วของหลินเทียนถึงกับขมวดเข้าหากัน

ณ ตอนนี้เองที่มีเสียงร้องโหยหวนถูกส่งออกมาจากวิหกเพลิงที่อยู่ห่างออกไปก่อนที่มันจะกระอักเลือดออกมาด้วยกลิ่นอายที่ปั่นป่วนถึงขีดสุดท่ามกลางเสียงโห่ร้องอันตื่นตระหนกของเหล่าลูกนก

 

 

 


ตอนที่ 1393

 

หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง

เป็นเพราะว่าวิหกเพลิงตัวนี้อยู่ในสภาพเดียวกันกับเหลาเหลาไม่มีผิด

เขาได้นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะก้าวเดินออกไป

“กรี้ ~~~! ”

ลูกนกน้อยที่เห็นว่าเขากำลังเดินเข้าไปใกล้ต่างพากันส่งเสียงร้องออกมาอย่างหวาดหวั่น

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่วิหกเพลิงเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าที่กำลังกระอักเลือดและดิ้นรนอยู่กันพื้นเองก็ได้แสดงท่าทางเป็นปฏิปักษ์ออกมาเสมือนว่าพร้อมที่จะเปิดฉากโจมตีเข้าใส่ทางหลินเทียนแท้พลังอสูรภายในร่างจะปั่นป่วนก็ตามที

“ข้าไม่ได้คิดจะทำร้ายเจ้าแต่ถ้าจะให้พูดแล้วมันเป็นการช่วยเจ้าเสียมากกว่า ข้าเพียงแค่สนใจอาการของเจ้าเท่านั้นถึงได้อยากจะตรวจสอบดู ”

หลินเทียนพูดออกมา

เป็นเพราะสภาพของมันไม่ต่างจากเหลาเหลาดังนั้นถึงได้ทำให้เขารู้สึกสนใจอย่างมาก

อีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองมาทางเขาด้วยสายตาที่พร่ามัวนั้นได้ลดความเป็นปฏิปักษ์ไม่ได้เป็นเพราะว่ามันเชื่อคำพูดคนอื่นง่ายๆแต่เป็นเพราะจากการต่อสู่ของหลินเทียนก่อนหน้านี้นั้นมันตระหนักดีว่าตัวเองไม่ใช่คู่มือของเขาดังนั้นตอนที่มันได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างนี้แล้วหลินเทียนไม่จำเป็นต้องโกหกมันแม้แต่น้อย

หลินเทียนที่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ออกมาแล้วได้ก้าวเข้าไปก่อนที่จะหมุนวนเคล็ดวิชาสุริยันปรินิพพานทำให้เปลวเพลิงสีแดงฉานลุกโชนขึ้นก่อนที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วพลางส่งจิตสัมผัสเข้าไปภายในทะเลความรู้ของมันแล้วพบว่าดวงวิญญาณของมันเองก็แตกร้าวไม่ต่างจากของเหลาเหลาเลยแม้แต่น้อย

“เมื่อครู่เจ้าเองก็จ้องมองอักขระที่ผนังนั่นก่อนที่จะได้รับการต่อต้าน ? ”

เขาถามออกมาขณะที่ทักษะหมุนวนต่อไปเพื่อช่วยฟื้นฟูพลังของอีกฝ่าย

อีกฝ่ายเองก็ได้แต่ผงะไปกับความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมาเพราะมันรู้ดีว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บอย่างหนักทว่าหลินเทียนกลับสามารถรักษามันได้อย่างรวดเร็วนี่มันเป็นอะไรที่น่าทึ่งอย่างมากดังนั้นด้วยบุญคุณครั้งนี้จึงทำให้มันไม่สามารถเลี่ยงคำตอบได้แล้วส่งจิตสัมผัสกลับไปว่า

“ใช่ ”

หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้แค่ขมวดคิ้วเข้าหากันพลางรักษามันต่อไปแล้วหันมองกลับไปทางผนังเล็กน้อย

เป็นเพราะว่าเหลาเหลาที่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดินภาได้รับบาดเจ็บก็จริงทว่าอีกฝ่ายเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าทว่าดวงวิญญาณของมันก็ยังถูกต่อต้านนี่ทำให้เขาสงสัยอย่างมาก

“ข้าบอกแล้วไงล่ะว่ามันเป็นสวนสวรรค์บ้าบออะไรกัน นี่มันรังปีศาจชัดๆ ! แค่มองผนังยังเกือบตาย ! ”

เหลาเหลาที่เห็นว่าเขาไม่ได้ต่อสู้กับวิหกเพลิงได้รีบก้าวเข้ามาทางเขา

หลินเทียนได้แต่ขมวดคิ้วขณะที่อาการบาดเจ็บของวิหกเพลิงฟื้นตัวได้เก้าในสิบส่วนหยุดมือลงแล้วหันมองไปทางผนังหินพลางพูดว่า

“แล้วทำไมข้าถึงไม่เป็นอะไร ? ”

“เป็นเพราะว่าเจ้าเป็นสัตว์ประหลาดไงล่ะ ”

เหลาเหลาส่งเสียงกระซิบออกมา

หลินเทียนยกมือของเขาขึ้นมาเขกศีรษะของนางพลางพูดว่า

“สัตว์ประหลาดอะไร ? ใช่เรื่องที่ควรพูดไหม ? ”

“อายุไม่ถึงร้อยปีแต่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายซึ่งสามารถสังหารเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะได้เพียงแค่โบกมือนี่ไม่ให้เรียกว่าสัตว์ประหลาดแล้วจะให้เรียกว่าอะไร ”

เหลาเหลาส่งเสียงโห่ร้องออกมา

หลินเทียนได้เขกศีรษะของนางอีกครั้งพร้อมกับพูดว่า

“ใช้คำว่ามีพรสวรรค์ไร้ที่ติอะไรแบบนี้ก็ได้ไหม อาจารย์ของข้าเองก็ได้ฉายานี้เหมือนกัน ”

วิหกเพลิงที่อยู่ข้างๆและได้ยินเรื่องราวเหล่านี้เองก็อดสั่นสะท้านพลางหันมองไปทางหลินเทียนไม่ได้เพราะว่ามนุษย์ตรงหน้าของมันเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่านั้นบ่มเพาะมาไม่ถึงร้อยปี ?!

ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสังหารเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะได้ง่ายๆ ?

“อื้ม ? มีผนังแปลกๆอยู่ด้วยล่ะ ”

“หือ ดูไม่ธรรมดาจริงๆนั่นแหละ ”

“ใช่ๆ มันเป็นอักขระโบราณที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญได้ทิ้งเอาไว้ ? ”

“มีความเป็นไปได้ ”

“รีบไปดูกันเร็ว ”

ผู้เชี่ยวชาญที่รุกล้ำเข้ามาภายในสวนสวรรค์นี้มีอยู่มากมายดังนั้นหลังจากที่เห็นผนังอักขระนี้แล้วก็ต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปก่อนที่กองกำลังผู้เชี่ยวชาญจะแห่กันมาเป็นฝูง

“ไม่นะ อย่ามอง ! มันอันตราย ! ”

เหลาเหลาส่งเสียงเตือนออกไป

หลายคนที่ได้ยินเช่นนั้นต่างพากันหันมองไปทางนางก่อนที่จะพากันมีดวงตาเป็นประกายเพราะความงดงามของนาง

อย่างไรก็ตามหลังจากที่มองเห็นวิหกเพลิงที่อยู่ข้างๆแล้วก็ได้แต่ผงะไปเพราะว่าพลังอสูรที่มันส่งออกมานั้นยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

“นี่มัน……..”

พวกเขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาเพราะว่าวิหกเพลิงนั้นเป็นอสูรโบราณเก่าแก่ดังนั้นถึงได้ยิ่งรู้สึกสงสัยในตัวของเหลาเหลาโดยที่ไม่มีใครสนใจในตัวของหลินเทียนเลยแม้แต่น้อย

วิหกเพลิงได้หันมองออกไปทางกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกแต่ก็สงบนิ่งเพราะหากว่าเป็นช่วงก่อนหน้านี้มันก็คงออกไปขับไล่กลุ่มคนเหล่านี้ไปแล้วแต่เป็นเพราะได้รับการช่วยเหลือของหลินเทียนถึงได้ทำให้ความเป็นปฏิปักษ์ที่มีต่อมนุษย์ลดน้อยลง

ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนที่เห็นว่าวิหกเพลิงไม่คิดจะทำอะไรพวกเขาต่างพากันพูดออกมาด้วยสีหน้าที่นอบน้อมว่า

“พวกข้าต้องการแค่จะมาสำรวจผนังหินนี่เท่านั้นแล้วจะรีบกลับออกไปโดยทันที ”

“ใช่ๆ หลังจากที่ทำความเข้าใจได้แล้วจะไปทันที ”

ผู้เชี่ยวชาญอีกคนส่งเสียงสะท้อนออกมาแบบเดียวกัน

กลุ่มคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เกรงกลัววิหกเพลิงเนื่องจากพลังอสูรที่มันแผดออกมานั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

หลังจากที่พูดจบแล้วพวกเขาก็พากันก้าวเข้าไปหาทางผนังหินโดยทันที

“นี่ ! บอกว่าอย่ามองไงล่ะ มันอันตรายจริงๆนะ ”

เหลาเหลาส่งเสียงออกมา

แต่สิ่งเหล่านี้จะไปเป็นประโยชน์ได้อย่างไรกันเพราะว่าพวกเขาต่างพากันหันมองออกไปทางผนังหินอย่างตั้งใจ

พริบตานี้เองที่ร่างกายของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายล้วนแล้วแต่สั่นไหวอย่างรุนแรง

อ๊ากก ~~!

หลายๆคนร่วงหล่นลงจากฟากฟ้า

หลายๆคนส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวชขณะที่กลิ่นอายของพวกเขาอยู่ในสภาวะปั่นป่วน

ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนที่อ่อนแอส่งเสียงกรีดร้องออกมาก่อนที่ดวงวิญญาณจะแตกสลายหายไป

“อย่ามองมัน มันอันตรายจริงๆ ! ”

ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนส่งเสียงโห่ร้องออกมา

เป็นเพราะว่าดวงวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนได้แหลกสลายหายไปทำให้ร่างของพวกเขาล้มลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว

คนกว่าครึ่งหนึ่งได้ตกตายลงขณะที่อีกครึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นที่ดวงวิญญาณแตกร้าวทำให้กลิ่นอายแผ่วเบาลงอย่างเห็นได้ชัด

หลินเทียนที่ยืนอยู่ห่างออกไปได้แต่แสดงสีหน้าที่ผงะไปออกมา

เป็นเพราะว่าคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีสภาพแบบเดียวกันกับเหลาเหลาและวิหกเพลิงจึงทำให้เขายิ่งรู้สึกสงสัยอย่างมากว่ามันมีเพียงเขาคนเดียวที่สามารถทำความเข้าใจมันได้ ?

“รีบถอยห่างออกไปเร็ว ! ”

ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนส่งเสียงออกมาพลางถอยห่างออกจากผนังอันชั่วร้ายนี้

อย่างไรก็ตามมันเป็นตอนนี้เองที่เกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้น กลุ่มกองกำลังผู้เชี่ยวชาญอันแข็งแกร่งก้าวออกมาจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบต่างพากันแสดงสีหน้าที่หวั่นเกรงออกมา

ร่างกายของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้แผดกลิ่นอายอันทรงพลังออกมาโดยเฉพาะชายวัยกลางคนที่อยู่กึ่งกลางที่ให้ความรู้สึกเหมือนมิอาจเข้าใจได้

“นั่นมัน…คนของตระกูลฟาน ! ไม่คิดเลยว่าจะส่งผู้เชี่ยวชาญมาที่นี่ด้วย ! ”

“ตรงกลางนั่นมันฟานเจิ้งเย่ ! เขาเป็นน้องชายแท้ๆของผู้นำตระกูลฟาน ! ”

“ได้ยินว่าเขาอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะแล้วด้วย ! ”

ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนพากันส่งเสียงออกมาขณะที่หันมองออกไปทางชายวัยกลางคนที่อยู่กึ่งกลางด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นพลางก้าวถอยกลับไปเพราะว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไรแถมยังเป็นพวกบ้ากามที่โหดเหี้ยมและไม่รู้เลยว่าทำลายสตรีไปมากมายขนาดไหนทว่าเป็นเพราะคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งทำให้ไม่มีใครกล้าทำอะไรเขา

ฟานเจิ้งเย่ที่อยู่กึ่งกลางได้เผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่ ? ”

ฟานเจิ้งเย่ส่งเสียงออกมา

“ที่ผนังหินนั่นมันมีอักขระลึกลับรายล้อมอยู่มากมายแต่ไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้และผู้ที่จ้องมองมันจะได้รับบาดเจ็บสาหัสขอรับ ”

ผู้ติดตามของเขาได้ส่งเสียงออกมา

“แน่ใจ ? ”

“ขอรับ ”

อีกฝ่ายส่งเสียงตอบรับเพราะแม้จะมาถึงได้ไม่นานแต่ก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดดี

“น่าสนใจ ”

ฟานเจิ้งเย่ได้หรี่ตาลงพร้อมทั้งหันมองออกไปทางผนังหินก่อนที่จะอดหันมองไปทางหลินเทียนแล้วหยุดสายตาอยู่ที่ร่างของเหลาเหลาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงไม่ได้

เป็นเพราะตั้งแต่บ่มเพาะมาหลายปีนี้เขาแย่งชิงสตรีมามากมายแต่ก็เพิ่งเคยเห็นคนที่งดงามถึงเพียงนี้

“เอาตัวมา ”

เขาส่งเสียงออกมา

อีกฝ่ายได้แต่พยักหน้าก่อนที่จะก้าวเดินออกไปทางหลินเทียนอย่างรวดเร็ว

ชายคนนี้เป็นชายชุดดำที่มีสีหน้าราบเรียบอยู่ในเขตแดนปรินิพพานทว่ากลับไม่ได้สนใจหลินเทียนหรือวิหกเพลิงแม้แต่น้อยพลางคว้ามือเข้าใส่เหลาเหลาด้วยท่าทางที่ชำนาญอย่างมาก

“คิดจะทำอะไรน่ะ ?! ”

เหลาเหลาส่งเสียงออกมาเพราะการกระทำของอีกฝ่ายมันทำให้นางอดมีน้ำโหไม่ได้

หลินเทียนที่อยู่ข้างๆเองก็ได้แต่ยกเท้าขึ้นมาถีบอัดร่างของอีกฝ่ายปลิวออกไปไม่ได้

“อ๊ากก ~~ ”

อีกฝ่ายส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างดังก่อนที่ร่างของเขาจะลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือด

 

 

 


ตอนที่ 1394

 

เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ร่างของชายชุดดำลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือดทั้งตัว

“เจ้ากล้างั้นรึ ! ”

เขาส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธ

เขาที่เป็นถึงคนของตระกูลฟานและติดตามน้องชายผู้นำตระกูลฟานมานานนั้นเคยทำเรื่องแบบนี้มามากมายนักแถมยังไม่มีใครกล้าหือแม้แต่น้อยเพราะแม้ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าเขาทว่าก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรเพราะว่านั่นหมายถึงการตั้งตนเป็นศัตรูกับฟานเจิ้งเย่และตระกูลฟาน !

ทว่าตระกูลฟานนั้นเป็นถึงตระกูลเก่าแก่ที่แข็งแกร่งถึงขั้นมีบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งเป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์แท้จริงซึ่งได้ยินมาว่าได้ก้าวข้ามไปยังดินแดนแห่งนิรันดร์แล้วโดยทิ้งอาวุธนิรันดร์แท้จริงเอาไว้ปกป้องตระกูลจึงไม่ใครมีใครกล้าต่อต้านพวกเขาแม้แต่น้อย !

ดังนั้นแล้วแม้ว่าจะเห็นว่าหลินเทียนและสัตว์อสูรที่อยู่ข้างๆจะแข็งแกร่งมากแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรและก้าวออกไปเพื่อพยายามจับตัวเหลาเหลาโดยทันทีแต่ก็ไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะเปิดฉากโจมตีใส่เขาอย่างรุนแรง

“เจ้ามันรนหาที่ตาย ! ”

เขาส่งเสียงคำรามออกไปทางหลินเทียนอย่างดัง

หลินเทียนได้ตวัดนิ้วของเขาส่งประกายแสงสีทองเข้าใส่ทางฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่รอช้า

คลื่นกระบี่อันทรงพลังทะลวงร่างของอีกฝ่ายพร้อมทั้งลากร่างของมันพุ่งออกไปเสียบอยู่กับภูเขาที่อยู่ห่างออกไปไกล

“อ๊ากก ~! ”

เสียงกรีดร้องโหยหวนได้ถูกส่งออกมาอย่างดัง

นี่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่อยู่โดยรอบได้แต่พากันสั่นสะท้านไปอย่างรุนแรง

“นี่เขากล้าลงมือกับคนตระกูลฟานถึงสองครั้ง ?! แถมยังเป็นผู้ติดตามของฟานเจิ้งเย่นี่มัน…”

นี่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้แต่ผงะไปเพราะว่าฟานเจิ้งเย่นั้นมีชื่อเสียงด้านความโหดเหี้ยมอย่างมากแถมยังมีระดับพลังที่แข็งแกร่งทำให้การล่วงเกินผู้ติดตามของอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องที่ดีเอามากๆ

ฟานเจิ้งเย่ที่อยู่ห่างออกไปได้หันมองไปทางหลินเทียนพลางหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมทั้งหันไปพูดกับผู้ติดตามที่เหลือว่า

“พวกเจ้าไปเด็ดหัวมันแล้วชิงตัวแม่นางนั่นมา ”

การที่มีคนกล้าต่อต้านเขาแบบนี้มันถือว่าเป็นครั้งแรกเลยด้วยซ้ำ

ทั้งสามคนที่อยู่ข้างๆต่างพยักหน้าพร้อมทั้งก้าวออกไปทางหลินเทียนอย่างรวดเร็ว

พวกเขาล้วนแล้วแต่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลซึ่งส่งกลิ่นอายที่ทรงพลังกว่าคนก่อนหน้านี้มาก

สีหน้าของพวกเขาดูราบเรียบขณะที่จิตสังหารพวยพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง

วิหกเพลิงที่อยู่ข้างๆได้แต่หันมองออกไปทางทั้งสามคนด้วยสีหน้าที่เย็นชาอย่างมากก่อนที่จะส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมทั้งปลดปล่อยแรงกดดันออกไปรอบทิศทาง

เป็นเพราะว่าหลินเทียนช่วยรักษามันเมื่อครู่ดังนั้นการที่อีกฝ่ายคิดจะทำอันตรายต่อหลินเทียนถึงได้ทำให้จิตสังหารของมันพวยพุ่งออกมา

เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันนี้แล้วทำให้ร่างกายของทั้งสามคนถึงกับอดสั่นสะท้านไปไม่ได้

ทว่ามันเป็นเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นก่อนที่สีหน้าของพวกเขาจะยิ่งไม่แยแส

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าดังนั้นข้าขอแนะนำว่าอย่าเขามายุ่งดีกว่า ”

หนึ่งในพวกเขาได้ส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งพูดต่อว่า

“แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งก็จริงทว่าตระกูลฟานของข้าไม่ใช่อะไรที่เจ้าจะล่วงเกินได้ ”

หลังจากที่พูดจบแล้วทั้งสามคนก็ได้ก้าวเข้าหาทางหลินเทียนโดยที่ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย

“อวดดีเกินไปแล้ว ! ”

เหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปถึงกับกัดฟันไว้แน่น

หลินเทียนได้หันมองออกไปทางทั้งสามคนด้วยสีหน้าที่ราบเรียบอย่างมาก

“อย่าหาว่าข้าไม่เตือนแล้วกัน เก็บเอาจิตสังหารของเจ้ากลับไปไม่งั้นตาย ! ”

เขาพูดออกมา

สีหน้าของทั้งสามคนที่กำลังเดินเข้ามาก็ยังคงไม่แยแสแม้แต่น้อย

“อย่าคิดว่าจัดการเขตแดนปรินิพพานได้แล้วมันยิ่งใหญ่นักเลย ! พวกเราไม่ใช่ระดับเดียวกันมันแถมเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ? อยู่ต่อหน้าตระกูลฟานของพวกข้าแล้วยังกล้าต่อต้าน ? รู้ไหมว่ามันต้องถูกประหารเก้าชั่วโครต ?! ”

หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงอันทุ้มต่ำออกมา

พวกเขายังคงก้าวเดินเข้าหาทางหลินเทียนโดยที่ไม่ได้ปิดบังจิตสังหารแม้แต่น้อย

หลินเทียนเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อพลางโบกมือส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งผ่านออกไป

มันเป็นพลังทำลายที่ทำให้สีหน้าของทั้งสามคนพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง

“เจ้า…..”

“พุฟฟ ! ”

“พุฟ ! ”

“พุฟฟ ”

กองเลือดระเบิดออกมาอย่างรุนแรงขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลทั้งสามคนสลายหายไปอย่างสมบูรณ์

นี่ทำให้สีหน้าของผู้คนที่อยู่โดยรอบพากันเปลี่ยนไปอีกครั้ง

“ตะ…….ตาย ?! ”

“จักรพรรดิโกลาหลสามคนกลับ……….”

“แต่นั่นน่ะคนตระกูลฟานเลยนะแถมยังเป็นผู้ติดตามของฟานเจิ้งเย่ นี่เขา…….”

ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนต่างผงะไปกับความแข็งแกร่งและความกล้าของหลินเทียน

ฟานเจิ้งเย่ที่อยู่ห่างออกไปได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกขึ้นอย่างมากพร้อมทั้งปลดปล่อยแรงกดดันออกมา

มันเป็นแรงกดดันที่ทรงพลังถึงขั้นทำให้ร่างกายของผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบสั่นสะท้าน

“นี่มัน……..แรงกดดันของนิรันดร์อมตะ ! ”

“นี่……”

“นี่เขาคิดจะลงมือด้วยตัวเอง ?!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันทรงพลังนี้แล้วทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนต่างพากันแสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมา

ขนาดวิหกเพลิงที่อยู่ข้างๆเองก็ยังสั่นสะท้านไปเช่นเดียวกัน

เพราะถึงอย่างไรแรงกดดันของนิรันดร์อมตะก็เป็นอะไรที่ทรงพลังอย่างมาก

ฟานเจิ้งเย่ได้มองออกไปทางหลินเทียนขณะที่แรงกดดันของห้วงจักรวาลกดทับเข้าใส่ทางเขาพลางก้าวเดินออกไปแล้วพูดว่า

“กล้าขัดขวางความสุขของข้าแถมยังสังหารคนของข้าเจ้านี่มีความกล้าไม่เบาหนิ คนแบบเจ้า…..”

เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาซึ่งการที่ร่างของหลินเทียนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเขาได้ขัดจังหวะคำพูดของเขาไปอย่างฉับพลัน

สีหน้าของฟานเจิ้งเย่นั้นเปลี่ยนไปอย่างมากเพราะเขาไม่เห็นการเคลื่อนไหวของหลินเทียนเลยแม้แต่น้อย

“เจ้า….”

“เพรี้ยย ~! ”

เสียงตบดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่ฝ่ามือของหลินเทียนได้กระแทกหน้าของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง

ร่างของฟานเจิ้งเยได้ร่วงหล่นลงจากฟากฟ้าก่อนที่จะเด้งกระดอนออกไปโค่นต้นไม้ที่อยู่ห่างไกลออกไป

“นี่มัน ?! ”

“ตบหน้าฟานเจิ้งเย่ ?! ”

“นั่นน่ะผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะเลยนะ นี่เขา………”

สีหน้าของผู้เชี่ยวชาญโดยรอบพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง

วิหกเพลิงและเหลาเหลาเองก็ยังมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกันเพราะว่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะกลับถูกตบแบบนี้ ?! แถมยังไม่สามารถมองตามการเคลื่อนไหวของหลินเทียนได้เลยแม้แต่น้อย

ตู้มม ~!

เสียงระเบิดอย่างดังถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของฟานเจิ้งเย่พุ่งกลับขึ้นมาพร้อมๆกับแรงกดดันอันหนักหน่วง

สายตาของเขาในตอนนี้เย็นชาถึงขีดสุด

เขาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะน้องชายแท้ๆของผู้นำตระกูลฟานกลับถูกคนอื่นตบหน้าอย่างจัง !

“รนหาที่ตายนักนะ ! ”

เขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาขณะที่จิตสังหารอันเข้มข้นปะทุอย่างรุนแรง

นี่ทำให้ม่านฟ้าฉีกขาดออกจากกันโดยทันที

มันเป็นแรงกดดันที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบได้แต่สั่นสะท้านไปตามๆกันพร้อมทั้งรีบถอยห่างออกจากรัศมีนี้

แม้กระทั่งวิหกเพลิงเองก็ยังได้แต่ผงะไปเพราะว่ามันเป็นกลิ่นอายที่ทรงพลังจริงๆ

มีเพียงหลินเทียนคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่ราบเรียบอย่างมาก

“หุบปากหน่าไอ้ขยะ หลายปีมานี้คงทำลายความบริสุทธิ์ของหญิงสาวไปมากมายสินะ ? อย่าให้กลิ่นปากเน่าๆของเจ้าเป็นพิษต่อโลกนี้อีกเลย ”

หลินเทียนพูดออกมาพลางพูดต่อว่า

“ยิ่งไปกว่านั้นอย่าคิดว่าตระกูลฟานของเจ้ายิ่งใหญ่นักเลย ตระกูลของเจ้ามันก็เป็นเพียงตระกูลขยะของพวกกระจอกเท่านั่นแหละ ”

เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่กลับผสมผสานไปด้วยความเย้ยหยันอย่างมาก

“นี่…..”

“เขา…”

“กล้าพูดว่าตระกูลฟาน……”

สีหน้าของผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่อยู่โดยรอบพากันเปลี่ยนไปอีกครั้ง

ฟานเจิ้งเย่ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะกลับถูกเรียกว่าขยะแถมตระกูลฟานอันแข็งแกร่งที่มีบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งเป็นถึงนิรันดร์แท้จริงกลับถูกเรียกว่าตระกูลกระจอกนี่ทำให้พวกเขารู้สึกจนหัวลุกไปตามๆกัน

มีเพียงเหลาเหลาเท่านั้นที่ส่งเสียงออกมาว่า

“เจ้าพวกขยะ ! ”

แม้ว่านางจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของขุมพลังในโลกใบนี้ดีก็ตามทว่าก็ไม่ได้สนใจอะไรแถมหลินเทียนเองก็เป็นคนทำเพื่อนางดังนั้นถึงได้ส่งเสียงสะท้อนแบบเดียวกันเพื่อสนับสนุนคำพูดของเขา

คำพูดนี้ทำให้ผู้คนทั้งหลายพากันกลืนน้ำลายกลับลงไปทันที

“คนบ้าพวกนี้มัน…….”

ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้แต่คิดว่าความกล้าของทั้งสองคนนี้มันยิ่งใหญ่เกินไปแล้วถึงขั้นที่ด่าทอตระกูลฟานอันแข็งแกร่ง

เส้นเลือดที่หน้าผากของฟานเจิ้งเย่ถึงกับปูดโปนออกมาอย่างเห็นได้ชัดเพราะหลินเทียนกลับกล้าด่าทอตระกูลของเขาต่อหน้าเขา !

“ข้าจะให้เจ้าได้ตายทั้งเป็น ! ”

เขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา

ตู้มมม ~!

แรงกดดันอันหนักหน่วงระเบิดออกมาจากร่างของเขาพร้อมทั้งแผดออกไปรอบทิศทาง

หลังจากนั้นเองที่เขาได้สังเวยเอาทักษะอันทรงพลังออกมาคว้าเข้าใส่ทางหลินเทียนขณะที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงพุ่งเข้าใส่ทางเหลาเหลาพร้อมๆกัน

นี่ทำให้มิติโดยรอบบิดตัวอย่างรุนแรง

หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งระเบิดคลื่นพลังสีทองและแรงกดดันของจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าฝ่ายตรงข้ามออกมาพลางบดขยี้การโจมตีของอีกฝ่ายไป

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาได้เหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลอันทรงพลังออกไปสวนกลับเข้าใส่ทางฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่รอช้า

 

 

 


ตอนที่ 1395

 

ประกายแสงสีทองส่องประกายออกมารอบทิศทางขณะที่หมัดจักรพรรดิโกลาหลอันทรงพลังพุ่งผ่านอากาศออกไปบดขยี้ม่านสวรรค์ออกเป็นเสี่ยงๆ ส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบได้แต่สั่นสะท้านไปด้วยความสะพรึงกลัว

“นี่มัน….แข็งแกร่งมากๆ ! กลิ่นอายระดับนี้มัน….”

สีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง

หมัดนี้มันน่าสะพรึงกลัวเสมือนว่าสามารถทำลายได้ทุกสิ่งเลยก็ว่าได้

น่าตกตะลึง ~

ระหว่างนี้เหลาเหลาและวิหกเพลิงเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะว่าการโจมตีที่หลินเทียนส่งออกมาในตอนนี้มันแข็งแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่าการโจมตีของฟานเจิ้งเย่เลยแม้แต่น้อย

แม้กระทั่งตัวของฟานเจิ้งเย่เองก็ยังได้แต่ผงะไปเพราะว่าเขาเองก็ตระหนักดีว่าหลินเทียนนั้นอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายเท่านั้นทว่าแรงกดดันและพลังทำลายล้างที่ส่งออกมามันไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวเขาเลย

และมันเป็นตอนนี้เองที่การโจมตีของเขาได้ปะทะเข้ากับฝ่ามือของฟานเจิ้งเย่อย่างจัง

เสมอกัน !

ฟานเจิ้งเย่ถึงกับแข็งค้างไปพร้อมทั้งสังเวยเอาการโจมตีที่รุนแรงยิ่งกว่าเก่าออกมาซึ่งมันคือทักษะเทวะของเขตแดนนิรันดร์อมตะอันทรงพลัง

หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบไม่แยแสขณะที่เขาเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังอัดเข้าใส่อีกครั้ง

“ตู้มม ! ”

ตู้มม ~!

ตู้ม !

หมัดและฝ่ามืออันทรงพลังอัดเข้าใส่กันอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งส่งเสียงดังกึกก้องออกไปรอบทิศทาง

ภาพเหล่านี้ทำให้ผู้คนโดยรอบได้แต่สั่นสะท้านไป

“นี่เขา…สามารถรับมือฟานเจิ้งเย่ได้ ?! ”

“ไม่คิดเลยว่าจะสามารถต่อกรกับฟานเจิ้งเย่ได้ด้วยเขตแดนนิรันดร์อมตะแบบนี้ นี่มัน……”

“เป็นไปได้….อย่างไรกัน ?! ”

แรงกดดันนี้หลินเทียนส่งออกมานั้นทำให้คนโดยรอบตระหนักดีว่าเขาอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าทว่าด้วยระดับพลังนี้กลับสามารถต่อกรกับฟานเจิ้งเย่ที่อยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะนี่มัน…

“แข็งแกร่งมากๆ ! ”

เหลาเหลาเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน

นางรู้ดีอยู่แล้วว่าหลินเทียนนั้นแข็งแกร่งมากถึงได้ให้ฉายาเขาว่าสัตว์ประหลาดทว่าก็ไม่คิดเลยว่าด้วยเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายกลับสามารถต่อกรกับนิรันดร์อมตะตอนต้นได้ มันทำให้ดวงตาของนางเบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมา

เป็นเพราะว่าความต่างชั้นของสองเขตแดนมันยิ่งใหญ่อย่างมากถึงขั้นที่เรียกได้ว่าอยู่คนละโลกกันเลยก็ว่าได้ทว่าตอนนี้หลินเทียนกลับสามารถรับมือโดยที่ไม่ได้เป็นฝ่ายเสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย

“ตู้มม ! ”

“ตู้ม ! ”

“ตู้มม ! ”

เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดัง

ฟานเจิ้งเย่ที่มีสีหน้าที่เย็นชาได้เหวี่ยงฝ่ามือของเขาออกไปสร้างการโจมตีสังหารขึ้นบดบังม่านฟ้าเอาไว้แต่ก็ยังไม่สามารถแตะต้องร่างของหลินเทียนได้เลยแม้แต่น้อย

“ก็ดี ! ใช้ได้หนิ ! ”

เขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา

หลินเทียนที่เหวี่ยงหมัดสวนกลับมาได้ตอบกลับไปว่า

“เจ้าเองก็ไม่เห็นเท่าไหร่หนิ เขตแดนนิรันดร์อมตะแต่กลับทำได้แค่นี้ คิดว่าตัวเองไร้เทียมทานหรือไงกัน ? กล้าทำลายความบริสุทธิ์ของผู้หญิงแล้วยังอวดเบ่งไปทั่วนี่คิดว่าไม่มีใครทำอะไรเจ้าได้ ? หรือคิดว่ามีตระกูลฟานหนุนหลังเลยคิดว่าไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้า ? ”

“อวดดีนักนะ ! ”

ฟานเจิ้งเย่ส่งเสียงคำรามออกมาพลางโบกมือขวาของเขาซัดฝ่ามือที่รายล้อมไปด้วยอักขระอันหนักหน่วงเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่ปราณี

ฟึ้บบ ~!

มิติโดยรอบถูกลบหายไปอย่างสิ้นเชิงพร้อมทั้งเผยให้เห็นห้วงความโกลาหลที่อยู่ภายใน

แน่นอนว่านี่คือการโจมตีที่ทรงพลังอย่างมาก !

“ทักษะแกนหลักของตระกูลฟาน ทักษะกลืนหัวใจ ! ”

“หากว่าสัมผัสเข้ากับอักขระพวกนั้นแล้วทุกสรรพสิ่งจะตกตายลงทันที ! ”

“มันเป็นทักษะสังหารเขตแดนนิรันดร์อมตะ ! ”

เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่อยู่โดยรอบต่างรู้จักทักษะนี้เป็นอย่างดี

สำหรับพวกเขาแล้วหากว่าสำแดงทักษะนี้แล้วจะต้องสามารถสยบได้ทุกสรรพสิ่งอย่างแน่นอน

ตู้มม ~!

ทักษะสังหารอันทรงพลังได้กดทับเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างรวดเร็ว

“ตาย ! ”

ฟานเจิ้งเย่ส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาขณะที่อักขระมากมายสั่นไหวพร้อมทั้งแผดพลังที่สูงยิ่งกว่าเก่าออกมา

หลินเทียนที่สัมผัสได้ถึงพลังทำลายที่แข็งแกร่งของมันยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบไม่แยแสออกมาอย่างเคย

“แกร๊ง ! ”

เสียงกระบี่คำรามดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งตามกลับออกมาขณะที่คลื่นกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนพวยพุ่งออกไปรับการโจมตีเอาไว้

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาได้เหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลส่องประกายแสงเจิดจรัสออกไปพร้อมๆกัน

โร๊วว ~~~!

กรี้ ~~!

เสียงกู่ร้องคำรามของมังกรและฟินิกซ์ดังกึงก้องถูกส่งออกมาขณะที่ภาพร่างของสัตว์เทวะพวยพุ่งเข้าใส่ทางฟานเจิ้งเย่ภายในชั่วพริบตา

ตู้มมม ~!

คลื่นพลังทำลายอันหนักหน่วงได้บดขยี้ทุกสิ่งอย่างที่อยู่ระหว่างทางของมัน

คลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์อันทรงพลังได้ทำลายอักขระทั้งหลายลงขณะที่หมัดจักรพรรดิโกลาหลอัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่าย

ตู้มม !

ร่างของฟานเจิ้งเย่ร่วงหล่นลงจากฟากฟ้าโดยทันที

สายตาของอีกฝ่ายยังคงความเย็นยะเยือกถึงขีดสุดขณะที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงพวยพุ่งออกมาจากร่างพร้อมทั้งแปรเปลี่ยนกลายเป็นกระบี่ที่ฟาดฟันเข้าใส่ทางศีรษะของหลินเทียน

หลินเทียนที่ยืนอยู่กับที่ทำเพียงแค่เหวี่ยงหมัดสวนกลับไปเท่านั้น

แกร๊งง ~!

หมัดของเขาได้อัดกระแทกเข้ากับกระบี่ของอีกฝ่ายพร้อมทั้งส่งเสียงโลหะปะทะกันออกมา

“ ฆ่า ! ”

ฟานเจิ้งเย่ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างเย็นชา

ตู้มม ~!

กระบี่ในมือของเขาได้สั่นไหวพร้อมทั้งส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังนับไม่ถ้วนออกมา

มันเป็นคลื่นกระบี่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างเสมือนว่าแต่ละเล่มสามารถบดขยี้ได้ทุกสิ่ง

แน่นอนว่านี่ก็ถื่อเป็นหนึ่งในทักษะเทวะของตระกูลฟานซึ่งหากพูดกันแล้วมันแข็งแกร่งกว่าทักษะกลืนหัวใจเสียอีก

คลื่นกระบี่มากมายปิดกั้นพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้

แน่นอนว่าหลินเทียนก็ยังคงยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อยพลางเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลออกไป

“ตู้มม ~! ”

คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้บดขยี้คลื่นกระบี่เหล่านั้นออกเล่มแล้วเล่มเล่า

ไม่นานทักษะเทวะของฟานเจิ้งเย่ก็ได้สลายหายไป

“นี่มัน………”

“สามารถต่อกรกับการโจมตีของนิรันดร์อมตะได้ด้วยเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่านี่มัน….”

“พรสวรรค์ไร้เทียมทานเกินไปแล้ว ! ”

เหล่าผู้เชี่ยวชาญพากันสั่นสะท้านไปตามๆกัน

เหลาเหลาเองก็ได้แต่ผงะไปพลางส่งเสียงออกมาว่า

“นี่มัน….แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ! ”

“ตู้มม ~! ”

คลื่นพลังอันหนักหน่วงระเบิดออกมาเป็นระลอกๆขณะที่การโจมตีของทั้งสองอัดเข้าใส่กันอย่างต่อเนื่อง

สายตาของฟายเจิ้งเย่จ้องเขม็งไปที่ร่างของหลินเทียนขณะที่จิตสังหารอันเข้มข้นพวยพุ่งออกมา

“คิดจริงๆรึว่าด้วยระดับพลังของเจ้ามันสามารถรับมือกับข้าได้ ?! อย่าอวดดีให้มันมาก ! ”

เขาส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง

ตู้มม ~! สิ้นสุดคำพูดของเขาแล้วเตาพลังวิญญาณอันทรงพลังได้ถูกสังเวยออกมาจากร่างของเขาพร้อมส่องประกายแสงเจิดจรัสออกไปรอบทิศทาง

“นี่มัน…….อาวุธวิญญาณ ! ”

สีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปโดยทันที

ฟานเจิ้งเย่ได้สังเวยอาวุธวิญญาณออกมาด้วยพลังทำลายที่สามารถบดขยี้ได้ทุกสิ่ง

“สำหรับข้าแล้วยังไงเจ้าก็ต้องตาย ! ”

น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกถูกส่งออกมาขณะที่เตาพลังวิญญาณส่องประกายแสงพร้อมแผดแรงกดดันอันหนักหน่วงออกมา

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาได้สังเวยเอาทักษะเทวะที่แข็งแกร่งออกมาปิดกั้นพื้นที่โดยรอบเอาไว้พร้อมทั้งกดทับเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่รอช้า

คลื่นพลังทำลายล้างที่อัดแน่นไปด้วยแรงกดดันที่หนักหน่วงกวาดเข้าใส่ทางหลินเทียนทำให้มิติโดยรอบไม่สามารถฟื้นตัวได้

“คิดว่าเจ้ามีอาวุธวิญญาณอยู่คนเดียว ? ”

หลินเทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

แกร๊ง !

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่เขาสังเวยเอากระบี่ที่ได้รับมาจากสุสานก่อนหน้านี้ออกมาพลางสังเวยเพลงกระบี่ศุกลสวรรค์ออกไป

“กระบี่อาวุธวิญญาณ ! ”

ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนได้แต่ผงะไป

แกร๊ง !

ด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้แล้วต่อให้เขายังไม่สามารถสำแดงพลังทั้งหมดของมันออกมาได้แต่ก็ยังน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

เขาก้าวออกไปพร้อมทั้งฟาดฟันกระบี่อัดเข้าใส่เตาพลังวิญญาณของอีกฝ่ายอย่างจัง

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาได้สังเวยวงเวทย์สังสารวัฏที่ส่องประกายแสงและกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ออกมากดทับเข้าใส่พร้อมๆกัน

การโจมตีผสานนี้ได้บดขยี้ทุกสิ่งอย่างที่ขวางทางของเขาเอาไว้

ตู้มมม ~!

ร่างกายของฟานเจิ้งเย่ได้ถูกวงเวทย์สังสารวัฏอัดกระแทกจนปลิวออกไปไกล

“นี่เขา……..สามารถสร้างบาดแผลให้กับฟานเจิ้งเย่ได้ ?! ด้วยเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่า ?! …….”

ผู้เชี่ยวชาญพากันโห่ร้องออกมาด้วยความตกตะลึง

หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาขณะที่ใช้ก้าวย่างแห่งสวรรค์พุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่าย

“ไอ้ชาติชั่ว ในที่สุดก็หาเจ้าพบ ! ”

มันเป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่มีเสียงอันเย็นยะเยือกถูกส่งออกมา

ห่างออกไปไม่ไกลปรากฏร่างสองร่างที่รายล้อมไปด้วยกลิ่นอายอันทรงพลังกำลังจ้องมองมาทางหลินเทียนด้วยสายตาที่อัดแน่นไปด้วยจิตสังหารอันเข้มข้นก่อนที่พวกเขาจะคว้ามือเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่รอช้า

 

 

 


ตอนที่ 1396

 

ร่างสองร่างพุ่งเข้ามาจากพื้นที่ๆอยู่ห่างไกลออกไปก่อนที่จะซัดฝ่ามืออันทรงพลังเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่รอช้า

นี่ทำให้สีหน้าของผู้คนโดยรอบพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงโดยทันที

“นี่มัน……..นิรันดร์อมตะ ?! แถมยังมีถึงสองคน ! ”

หลายๆคนได้แต่ผงะไป

ฝ่ามือทั้งสองนั้นอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมากถึงขั้นที่ว่าทำให้มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปโดยทันที

สีหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนที่จะทิ้งความสนใจจากฟานเจิ้งเย่พร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลอันทรงพลังกลับไปรับการโจมตีเอาไว้

“ตู้มม ~! ”

การโจมตีทั้งสองได้อัดเข้าใส่กันก่อนที่จะเกิดแรงระเบิดอันหนักหน่วงกระจายตัวออกไปรอบทิศทาง

“นิกายไท่หลิง ดูเหมือนว่ายังตายกันไม่พอสินะ ”

หลินเทียนส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาพลางหันมองออกไปทางผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคน

เป็นเพราะว่าเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแบบเดียวกันของกึ่งนิรันดร์อมตะที่เขาเคยสังหารไปก่อนหน้านี้

แน่นอนว่าทั้งสองคนนี้คือคนของนิกายไท่หลิงซึ่งเป็นผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสที่สองที่อยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้นที่กำลังแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะสามารถรับการโจมตีเมื่อครู่ของพวกเขาได้

ต้องรู้ก่อนนะว่าพวกเขาล้วนอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะทว่าหลินเทียนกลับรับการโจมตีทั้งสองคนพร้อมๆกันได้

หลังจากนั้นสีหน้าของพวกเขาก็ยิ่งเย็นยะเยือกขึ้นไปอีกก่อนที่ดวงตาจะส่องประกายจิตสังหารอันเข้มข้นออกมา

“ข้าจะให้เจ้าได้ตายทั้งเป็น ! ”

จิตสังหารอันรุนแรงพวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่งพร้อมทั้งกดทับเข้าใส่หลินเทียน

หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาขณะที่เผชิญหน้ากับทั้งสองคนด้วยหมัดจักรพรรดิโกลาหลโดยที่ไม่ได้หลบไปไหน

พลังเทวะของอีกฝ่ายปะทุออกมาอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะยิ่งแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงกว่าเก่าออกมาเพราะว่าการโจมตีผสานของทั้งสองคนนั้นใช้อย่างเต็มกำลังเพราะต้องการจะจับตัวหลินเทียนกลับไปให้เร็วที่สุดแต่หลินเทียนก็ยังสามารถต่อต้านได้

“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”

พวกเขาได้แต่แสดงสีหน้าที่โง่งมออกมา

หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้กัดฟันเอาไว้แน่นก่อนที่จะสังเวยทักษะอันทรงพลังยิ่งกว่าเก่าออกมา

นี่ทำให้มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะแหลกสลายหายไป

“ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสที่สองของนิกายไท่หลิงเขา……..ลงมือกับชายคนนั้น ?! นี่มัน….”

หลายๆคนได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาเพราะพวกเขาล้วนรู้จักชายชราทั้งสองคนเป็นอย่างดี

มีเพียงเหลาเหลาเท่านั้นที่รู้เรื่องที่หลินเทียนได้ลงมือสังหารหลานชายของผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิงรวมถึงผู้เชี่ยวชาญกึ่งนิรันดร์อมตะอีกกว่าโหลดังนั้นอีกฝ่ายถึงได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะมาจับตัวเขากลับไปและมันอดทำให้นางเป็นกังวลไม่ได้เพราะถึงอย่างไรแม้หลินเทียนจะแข็งแกร่งก็จริงทว่าการที่ต้องเผชิญหน้ากับทั้งสองคนหลังจากที่สู้กับฟานเจิ้งเย่แล้วมันเท่ากับว่าเขากำลังเผชิญหน้านิรันดร์อมตะพร้อมกันถึงสามคน

จักรพรรดิว่างเปล่ากลับต้องเผชิญหน้ากับนิรันดร์อมตะถึงสามคนแบบนี้ ต่อให้มีพรสวรรค์ขนาดไหนก็เป็นไปได้ยากที่จะรอดกลับไปได้

“ตู้มม ~! ”

พลังเทวะอันหนักหน่วงระเบิดออกมาเป็นระลอกๆขณะที่สายตาของฟานเจิ้งเย่ที่อยู่ห่างออกไปยิ่งเย็นยะเยือกขึ้นไปอีกพร้อมทั้งกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนโดยที่ไม่สนใจชายชราอีกสองคน

“หลีกไป ! ”

เขาส่งเสียงออกมาพร้อมๆกับส่งถ่ายพลังลงไปภายในเตาพลังวิญญาณเพื่อกดทับมันเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่รอช้า

ฟึ้บบ ~!

มิติโดยรอบสลายหายไปขณะที่คลื่นพลังทำลายอันหนักหน่วงโถมเข้าใส่หลินเทียน

“สหายตระกูลฟาน ! ”

“เรามารวมพลังกันจัดการไอ้ระยำนี่เถอะ ! ”

ชายชราทั้งสองคนนั้นรู้จักฟานเจิ้งเย่ดีดังนั้นถึงได้ส่งเสียงออกมาอย่างสุภาพเพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงคนของตระกูลฟานที่แข็งแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่าขุมพลังของพวกเขา

ฟานเจิ้งเย่ไม่ได้ตอบกลับอะไรและทำเพียงแค่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่ดุร้ายอย่างมาก

ชายชราทั้งสองไม่ได้ว่าอะไรกับความหยิ่งผยองของฟานเจิ้งเย่เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายมีคุณสมบัตินั้นดังนั้นถึงไม่ได้พูดอะไรต่อพร้อมทั้งรวมพลังทั้งหมดเข้าด้วยกันเพื่อจัดการกับหลินเทียน

คลื่นพลังอันหนักหน่วงไม่ต่างจากการกดทับของห้วงจักรวาลได้อัดเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่ปราณี

มันเป็นการโจมตีสังหารที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

“การโจมตีผสานของผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะสามคนเพื่อจัดการเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าคนเดียวนี่มัน………”

ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอีกครั้ง

“ตู้มม ! ”

“ตู้ม ! ”

“ตู้มม ! ”

การโจมตีที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งสัจธรรมอันเข้มข้นได้บดขยี้ห้วงมิติจนแหลกสลายหายไปไม่มีเหลือ

ร่างกายของหลินเทียนยังคงรายล้อมไปด้วยประกายแสงสีทองอร่ามแต่การที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูพร้อมกันแบบนี้ก็ตึงมือเขาเช่นกันดังนั้นถึงได้ถูกกระแทกถอยกลับไปแต่สีหน้าของเขาก็ยังคงราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลงก่อนที่จะสังเวยเอาการสรรสร้างต่างๆและคลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์ออกมา

การโจมตีอันทรงพลังของเขาพวยพุ่งออกไปสุดขอบฟ้า

“ด้วยเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่ากลับสามารถรับการโจมตีผสานของสามนิรันดร์อมตะได้นี่มัน……”

หลายๆคนพากันส่งเสียงออกมา

ระหว่างนี้แม้หลินเทียนจะถูกกระแทกถอยกลับไปทีละก้าวๆแต่ก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆแม้แต่น้อย

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ! นี่มัน….สัตว์ประหลาดชัดๆ ”

หลายๆคนพากันจับจ้องไปทางหลินเทียนพร้อมทั้งพึมพำออกมา

เขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าแต่กลับสามารถรับมือกับสามนิรันดร์อมตะได้ !

นี่มันต้องมีพรสวรรค์ขนาดไหนกัน ?!

“ตู้มม ! ”

“ตู้ม ! ”

“ตู้มม ! ”

คลื่นพลังอันหนักหน่วงระเบิดออกมาทำลายมิติโดยรอบหายไปทันที

ทั้งสามคนยังคงเปิดฉากโจมตีจากรอบทิศทางเพื่อสังหารหลินเทียนให้จงได้และแม้หลินเทียนจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบแต่ก็ไม่สามารถสยบเขาลงได้ง่ายๆทำให้สีหน้าของพวกเขายิ่งเย็นชาขึ้นกว่าเก่า

“สังเวยอาวุธวิญญาณ ! ”

ผู้อาวุโสใหญ่ส่งเสียงออกมา

หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้สังเวยเอากระบี่โลหิตออกมาจากร่างของเขา

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ผู้อาวุโสที่สองเองก็ได้สังเวยเอาตราโบราณออกมาเช่นเดียวกัน

“ฆ่า ! ”

ฟานเจิ้งเย่ได้ส่งเสียงออกมาขณะที่รวบรวมพลังของเขาอัดเข้าไปภายในเตาพลังวิญญาณพร้อมทั้งส่งการโจมตีผสานทักษะเทวะและสัจธรรมเข้าใส่ทางหลินเทียน

ผู้อาวุโสนิกายไท่หลิงทั้งสองคนเองก็เปิดฉากโจมตีพร้อมๆกัน

การโจมตีสังหารของผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนแทบจะฉีกม่านฟ้าออกเป็นเสี่ยงๆ

มันเป็นภาพที่ให้ความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก !

“นี่มัน………..”

“ไม่สามารถต้านได้อย่างแน่นอน แม้ว่าจะเก่งกาจขนาดไหนก็ไม่มีทางรับการโจมตีนี้ได้แน่ๆ ”

“จบแล้วล่ะ ”

หลายๆคนถอนหายใจออกมา

พวกเขาล้วนแล้วแต่ตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งและพรสวรรค์อันสูงส่งของหลินเทียนเป็นอย่างดีแต่ก็ไม่มีทางรับมือกับการโจมตีผสานของอาวุธวิญญาณในมือนิรันดร์อมตะถึงสามคนได้อย่างแน่นอน

เหลาเหลาได้แต่แสดงสีหน้าที่เป็นกังวลออกมาแต่ก็ทำได้เพียงแค่นี้เท่านั้น

“จะทำอย่างไรดี ! ”

นางส่งเสียงออกมา

วิหกเพลิงเองก็อยากจะยื่นมือเข้าช่วยหลินเทียนเช่นเดียวกันแต่ก็หมดหนทางไม่ต่างกันเพราะแม้ว่ามันจะแข็งแกร่งแต่ก็เทียบเท่ากึ่งนิรันดร์อมตะเท่านั้นดังนั้นเมื่ออยู่ต่อให้ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้แล้วมันเป็นเพียงแค่ฝุ่นธุลีเท่านั้น

ตู้มม ~!

คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง

“ก็บอกแล้วว่าเจ้าไม่มีทางขัดขืนได้ ความตายของเจ้ามันถูกกำหนดมาแต่แรกอยู่แล้ว ! ”

ฟานเจิ้งเย่ได้ส่งเสียงออกมาขณะที่กดทับการโจมตีเข้าใส่ทางหลินเทียน

ชายชราทั้งสองเองก็ใส่พลังอย่างเต็มที่

“สหายเจิ้งเย่โปรดอย่าเพิ่งฆ่ามันก่อนเพราะไอ้เวรนี่มันกล้าลงมือสังหารหลานชายแท้ๆของผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเราดังนั้นได้โปรดอนุญาตให้พวกเรานำตัวมันกลับไปเพื่อลงทัณฑ์ด้วยเถิด ”

ผู้อาวุโสใหญ่ส่งเสียงออกมา

ฟานเจิ้งเย่ที่กำลังส่งการโจมตีออกไปเองก็ได้แต่หรี่ตาลงก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ได้ยินมาว่านิกายไท่หลิงเองก็มีวิธีการทรมานที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ก็ดี ข้าจะยกมันให้พวกเจ้าแต่ข้าต้องได้เห็นมันส่งเสียงร้องโหยหวนกับตาตัวเอง ! ”

“แน่นอนว่าไม่ขัดข้อง เรารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ต้อนรับสหาย”

ผู้อาวุโสใหญ่ส่งเสียงตอบกลับ

หลังจากที่พูดจบแล้วการโจมตีอันหนักหน่วงก็ได้ถูกส่งออกมา

การโจมตีผสานของทั้งสามคนปิดกั้นพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง

หลินเทียนที่กำลังเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ถึงกับสัมผัสได้ถึงอันตรายถึงชีวิต

เพราะถึงอย่างไรระดับพลังของเขาก็ต่างชั้นกับทั้งสามคนนี้อย่างมากดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะรับการโจมตีนี้เอาไว้แม้จะมีวงเวทย์สังสารวัฏก็ตามที

อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเช่นนั้นแต่สีหน้าของเขาก็ยังคงราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

หลังจากนั้นเองที่ร่างกายของเขาได้ส่องประกายแสงสีทองออกมาก่อนที่กระบี่วิญาณจะถูกเก็บกลับเข้าไปภายในร่างของเขา

“นี่มัน……ทำไมถึงได้เก็บอาวุธวิญญาณกัน ? ”

“นี่……”

“หรือว่าเขาไม่คิดจะต่อต้านแล้ว ? ”

เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา

 

 

 


ตอนที่ 1397

 

เป็นเพราะหลินเทียนกลับเลือกที่จะเก็บอาวุธกลับไปทั้งๆที่ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีผสานของอาวุธวิญญาณสามชิ้นในมือของนิรันดร์อมตะถึงสามคนนี่ทำให้ผู้คนโดยรอบแม้กระทั่งเหลาเหลาเองก็ยังผงะไป

“ล้มเลิกความคิดที่จะต่อต้านแล้วยื่นคอขึ้นเขียงด้วยตัวเอง ? ”

ฟานเจิ้งเย่ได้แสยะออกมา

“ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าง่ายๆหรอก นิกายของเรามีวิธีการทรมานอยู่มากมายนับไม่ถ้วนแต่ข้าจะให้เข้าได้เผชิญหน้ากับการทรมานที่ร้ายแรงที่สุด ! ”

ผู้อาวุโสใหญ่นิกายไท่หลิงส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา

ผู้อาวุโสที่สองไม่ได้พูดอะไรออกมาและทำเพียงแต่กดทับอาวุธวิญญาณของเขาเข้าใส่ด้วยสีหน้าที่เย็นยะเยือกอย่างมาก

ทันใดนั้นเองที่มีเสียงระเบิดถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่พลังทำลายถูกส่งเข้ามาจากสามทิศทาง

คลื่นพลังทำลายอันน่าสะพรึงกลัวได้กดทับเข้าใส่อย่างรุนแรง

“ตาย ตาย ไม่ไหวแน่ๆ ! ”

ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนพากันส่ายศีรษะของพวกเขา

เป็นเพราะการโจมตีระดับนี้มันไม่มีทางที่จะรับมือได้อย่างแน่นอน

เหลาเหลาได้แต่แสดงสีหน้าที่กังวลออกมาถึงขั้นที่ใบหน้าเปลี่ยนสีไปทันที

หลังจากนั้นเองที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้เข้าประชิดร่างของหลินเทียนอย่างรวดเร็ว

“ข้าทนรอที่จะได้ยินเสียงเจ้ากรีดร้องโหยหวนไม่ไหวแล้วสิ ”

ฟานเจิ้งเย่ส่งเสียงแสยะออกมา

หลินเทียนหันมองออกไปพร้อมกับพูดว่า

“เจ้าเพ้อฝันเกินไปหน่อยนะ ”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีเหล่านี้แล้วสีหน้าของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อยก่อนที่ร่างกายของเขาจะเปล่งประกายแสงพร้อมปรากฏศิลาหินที่ส่องแสงเจิดจรัสขึ้นมาอยู่เหนือศีรษะของเขา

“ฟึ้บบ ~! ”

ประกายแสงอันเข้มข้นได้บดขยี้พลังทำลายล้างจากรอบทิศทางโดยทันที

“เป็นไปไม่ได้ ! ”

สีหน้าของฟานเจิ้งเย่ถึงกับเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง

“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”

ผู้อาวุโสทั้งสองคนเองก็มีสีหน้าที่ไม่ต่างกัน

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบได้แต่ผงะไป

การโจมตีผสานของนิรันดร์อมตะสามคนกลับถูกหลินเทียนทำลายลง

ท้ายที่สุดสายตาของพวกเขาก็ได้หยุดอยู่ที่ศิลาหินเหนือศีรษะของหลินเทียน

ศิลาหินนี้รายล้อมไปด้วยอักขระลึกลับมากมายส่องประกายแสงศักดิ์สิทธิ์อันเข้มข้นออกมาห่อหุ้มร่างกายของหลินเทียนเอาไว้

“อาวุธ……อนันตกาล ! ”

หลายๆคนอดส่งเสียงโห่ร้องออกมาไม่ได้

นี่ทำให้สีหน้าของผู้คนโดยรอบพากันเปลี่ยนไปอีกครั้ง

อาวุธอนันตกาลนั้นทรงพลังถึงขั้นที่เรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดภายใต้อาวุธนิรันดร์แท้จริง

“นี่เจ้านี่มีแม้กระทั่งอาวุธระดับนี้ ?! ”

เหลาเหลาได้แต่ผงะไปพร้อมๆกับความกังวลที่สลายหายไป

ศิลาหินเหนือศีรษะของหลินเทียนนั้นคือศิลาหินที่ผุดออกมาจากใต้ภูเขาไท่บนโลกซึ่งเป็นอาวุธอนันตกาลตอนปลายที่สามารถช่วยเขารับทัณฑ์สวรรค์ได้ง่ายง่ายดายดังนั้นการสังเวยมันออกมาในตอนนี้ถึงได้ทำให้มิติโดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวอย่างฉับพลัน

“เจ้ามีสมบัติระดับนี้อยู่ด้วยงั้นรึ ! ”

ผู้อาวุโสใหญ่นิกายไท่หลิงส่งเสียงกัดฟันออกมา

“ระยำเอ้ย ! ”

ผู้อาวุโสที่สองเองก็มีสีหน้าที่น่าเกลียดอย่างมาก

พวกเขานั้นเป็นถึงคนของขุมพลังที่สืบเชื้อสายกันมาอย่างยาวนานและได้ชื่อว่าเป็นขุมพลังระดับ 2 ในหมู่ดาวนี้ทว่าอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลพวกเขายังเป็นเพียงแค่อาวุธอนันตกาลตอนกลางทว่าหลินเทียนกลับครอบครองอาวุธอนันตกาลตอนปลายนี่มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก

แม้กระทั่งฟานเจิ้งเย่เองก็มีสีหน้าที่น่าเกลียดไม่น้อยไปกว่ากันเพราะว่าเขาที่เป็นถึงน้องชายของผู้นำตระกูลที่แข็งแกร่งยังถือครองได้เพียงแค่อาวุธวิญญาณตอนปลายเท่านั้นทว่าหลินเทียนที่ดูไม่มีเบื้องหลังอะไรกลับถือครองอาวุธอนันตกาลตอนปลายนี่มันเป็นเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกทำตัวไม่ถูกโดยทันที

บึ้สส ~!

ประกายแสงเจิดจรัสแผดออกไปรอบทิศทาง

ศิลาหินเหนือศีรษะของหลินเทียนได้ส่องประกายแสงออกมาก่อนที่จะโถมเข้าใส่ทางพวกเขาทั้งสามคน

“พวกเจ้าคงสนุกกับการรุมข้ามากสินะ ”

เขาส่งเสียงออกมา

ด้วยระดับพลังของเขาแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรับมือทั้งสามคนพร้อมๆกันแต่เมื่อมีอาวุธอนันตกาลอยู่ในมือแล้วมันต่างกันออกไป

เขาก้าวออกไปก่อนที่ศิลาหินเหนือศีรษะจะแผดคลื่นพลังออกไปซัดเข้าใส่ทางทั้งสามคน

“อย่าคิดว่ามีอาวุธอนันตกาลแล้วจะเอาชนะเราได้ ! ”

ผู้อาวุโสใหญ่นิกายไท่หลิงส่งเสียงออกมาอย่างดัง

“ฆ่า! ”

ผู้อาวุโสที่สองส่งเสียงออกมา

พวกเขาล้วนส่งถ่ายพลังอันแข็งแกร่งลงไปภายในอาวุธของตัวเองก่อนที่จะสังเวยทักษะเทวะอันน่าสะพรึงกลัวออกมา

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ฟานเจิ้งเย่เองก็ซัดเตาพลังวิญญาณเข้าใส่ทางหลินเทียนเช่นเดียวกัน

การโจมตีจากทั้งสามทิศทางเพิ่มแรงกดดันเข้าไปกว่าหลายเท่าตัว

มันส่งผลให้มิติโดยรอบถึงกับสั่นไหวอย่างต่อเนื่องเสมือนว่ากำลังจะสลายหายไปได้ทุกเมื่อ

หลินเทียนที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับการโจมตีเหล่านี้ทำเพียงแค่แผดคลื่นพลังออกไปจากศิลาหินพร้อมทั้งขจัดการโจมตีทั้งหลายลงอย่างง่ายดาย

สิ่งเหล่านี้ทำให้สีหน้าของทั้งสามคนเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะว่าการโจมตีของพวกเขากลับถูกทำลายลงได้ง่ายๆแบบนี้

หลินเทียนก้าวออกไปก่อนที่ประกายแสงจากศิลาหินจะบีบอัดเข้าใส่กำปั้นของเขา

หลังจากนั้นเขาก็ได้เหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลออกไปอย่างไม่รอช้า

“ตู้มม ! ”

“ตู้ม ! ”

“ตู้มม ~~! ”

ฟานเจิ้งเย่และคนอื่นๆถูกกระแทกปลิวออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือดโดยทันที

นี่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบได้แต่พากันผงะไปเพราะว่านิรันดร์อมตะสามคนกลับได้รับบาดเจ็บภายในชั่วพริบตา

“นี่คือพลังของอาวุธอนันตกาล ? ขนาดอยู่ในมือของจักรพรรดิว่างเปล่ายังแข็งแกร่งขนาดนี้ ! ”

“พูดผิดแล้ว นี่ไม่ใช่จักรพรรดิว่างเปล่าธรรมดาๆเสียหน่อย ! ”

“ใช่แล้ว แม้ว่าจะอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าเท่านั้นแต่ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่านิรันดร์อมตะตอนต้นเลยด้วยซ้ำ ”

หลายๆคนส่งเสียงออกมา

วิหกเพลิงที่อยู่ห่างออกไปและกำลังปกป้องลูกนกน้อยทั้งสามเอาไว้เองก็มีสีหน้าที่ประหลาดใจไม่ต่างกัน

“กระทืบมันเลย ! ”

เหลาเหลาส่งเสียงออกมาอย่างดัง

เป็นเพราะเมื่อคิดถึงช่วงที่หลินเทียนได้รับอันตรายก่อนหน้านี้แล้วทว่าตอนนี้กลับเป็นฝ่ายสร้างความเสียหายให้อีกฝ่ายได้มันทำให้นางตื่นเต้นอย่างมาก

หลินเทียนที่กำลังควบคุมศิลาหินอยู่ได้ส่งมันกดทับเข้าใส่ทางทั้งสามคนโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวแม้แต่น้อย

ตู้มม ~!

คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ขย้ำเข้าใส่ร่างของพวกเขา

ฟานเจิ้งเย่และคนอื่นๆได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาพร้อมทั้งรีบโบกอาวุธวิญญาณในมือออกไปรับเอาไว้

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอาวุธอนันตกาลตอนปลายแล้วอาวุธในมือของพวกเขามันดูไร้ความสามารถไปโดยทันที

หลินเทียนหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อส่งถ่ายพลังให้กับศิลาหินทำให้มันส่งคลื่นพลังออกมาอย่างต่อเนื่อง

คลื่นพลังเป็นระลอกๆถูกส่งออกมาอัดเข้าใส่ร่างของทั้งสามคนด้วยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัว

พุฟ !

พุฟ !

พุฟฟ !

ร่างของทั้งสามคนระเบิดออกโดยทันที

หมอกเลือดฟุ้งกระจายอยู่ท่ามกลางม่านฟ้า

“ระยำเอ้ย ! ”

เสียงกู่ร้องถูกส่งออกมาจากดวงวิญญาณของทั้งสามคนก่อนที่ร่างของพวกเขาจะก่อตัวขึ้นอีกครั้งพลางจ้องเขม็งไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่โกรธจัด

หลินเทียนไม่ได้สนใจอะไรก่อนที่จะโบกศิลาหินเข้าใส่ทางทั้งสามคนอย่างต่อเนื่อง

ตู้มม ! คลื่นพลังทำลายอันหนักหน่วงที่ทำให้ทั้งสามคนได้แต่รู้สึกขนหัวลุกนี้ส่งผลให้พวกเขาต่างพากันรีบพุ่งถอยกลับไปอย่างไม่รอช้า

อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ก็ยังไม่สามารถหลบได้พ้นก่อนที่ร่างของพวกเขาทั้งสามคนจะถูกกระแทกปลิวออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือด

ตู้มมม ~!

ทั้งสามคนส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นพลังอันเข้มข้นปะทุออกมาเพื่อรักษาบาดแผลภายในร่าง

“ฆ่า ! ”

ทั้งสามคนยังคงส่งเสียงกู่ร้องอย่างดังพร้อมทั้งสังเวยทักษะอันทรงพลังออกมา

อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเช่นนั้นทว่าอาวุธอนันตกาลในมือของหลินเทียนมันแข็งแกร่งเกินไปทำให้อาวุธวิญญาณของพวกเขาถูกกระแทกออกไปไกลพร้อมๆกับคลื่นพลังที่อัดเข้าใส่ร่างของพวกเขาอย่างจังทำให้ร่างกายของพวกเขาแหลกสลายหายไปอีกครั้ง

“นี่มัน…. น่ากลัวเกินไปแล้ว ! ”

เหล่าผู้เชี่ยวชาญต่างพากันสั่นสะท้านไปตามๆกัน

“สุดยอดไปเลย ! ”

ดวงตาของเหลาเหลาเปล่งประกายออกมา

มิติโดยรอบส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขณะที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ปะทุออกมาจากร่างของทั้งสามคนพร้อมๆกับก่อสร้างกายหยาบขึ้นมาอีกครั้ง

ทั้งสามคนกัดฟันเอาไว้แน่นด้วยสีหน้าที่น่าเกลียดเป็นอย่างมากก่อนที่จะหันหลังพุ่งหนีไป

พวกเขาตระหนักดีว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าอาวุธของหลินเทียนแล้วพวกเขาไม่สามารถต่อกรได้

“อย่าหวังเลยว่าจะหนีไปได้ ”

หลินเทียนส่งเสียงอันราบเรียบออกมา

เป็นเพราะเขาไม่มีทางปราณีศัตรูของตัวเองเด็ดขาด

เขาก้าวออกไปก่อนที่จะสร้างม่านพลังขนาดใหญ่กดทับเข้าใส่ทางทั้งสามคนพร้อมๆกับส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังเข้าใส่อย่างไม่รอช้า

“เจ้า….”

“พุฟฟ ! ”

“พุฟ ! ”

“พุฟฟ ! ”

เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ร่างกายของทั้งสามคนระเบิดออกเป็นชิ้นๆ

“อ๊ากก ~! ”

ทั้งสามคนส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังก่อนที่ร่างกายของพวกเขาจะก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามวินาทีที่พวกเขาได้ก่อสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่นั้นคลื่นกระบี่อันทรงพลังก็ได้บดขยี้ร่างของพวกเขาไปอีกครั้ง

“ระยำเอ้ย ! ”

พวกเขาส่งเสียงกู่ร้องออกมาด้วยความโกรธขณะที่ร่างกายพยายามก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง

หลินเทียนยังคงมีสีหน้าที่ราบเรียบระหว่างที่เขาพุ่งเข้าใส่ทางผู้อาวุโสที่สองอย่างรวดเร็ว

อีกฝ่ายที่กำลังก่อสร้างร่างกายขึ้นมากว่าครึ่งแล้วพบว่าหลินเทียนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าก็ได้แต่ใบหน้าที่เปลี่ยนสีไปทันที

“เจ้า….”

“ตาย ! ”

หลินเทียนส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาก่อนที่จะหมุนวนพลังถึงขีดสุดพร้อมทั้งกดทับศิลาหินเข้าใส่

พริบตานี้เองที่คลื่นพลังทำลายได้โอบร่างของผู้อาวุโสที่สองเอาไว้อย่างสมบูรณ์

อีกฝ่ายเองก็พยายามต่อต้านโดยการสังเวยทักษะเทวะอย่างสุดกำลัง

อย่างไรก็ตามมันก็เป็นได้เพียงความพยายามที่เปล่าประโยชน์เพราะว่าพลังทำลายของอาวุธอนันตกาลตอนปลายนั้นแม้หลินเทียนจะไม่ได้ใช้ทักษะเทวะเขตแดนอนันตกาลแต่ทว่ามันก็ทรงพลังมากพอที่จะบดขยี้การป้องกันของผู้อาวุโสที่สองลงได้ง่ายๆ

“ไม่นะ เมตตา ~~~~ ”

“พุฟฟ ! ”

กองเลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางก่อนที่ร่างของผู้อาวุโสที่สองจะระเบิดออกไปพร้อมๆกับดวงวิญญาณที่สูญสิ้น

 

 

 


ตอนที่ 1398

 

เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ร่างกายและดวงวิญญาณของผู้อาวุโสที่สองได้แหลกสลายหายไป

ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะกลับตกตายลงเยี่ยงนี้

“ไอ้ชาติชั่ว ! ”

เสียงคำรามถูกส่งออกมาจากทางผู้อาวุโสใหญ่ขณะที่เขาได้ก่อสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่อีกครั้งเพราะนับจนถึงตอนนี้แล้วพวกเขาได้สูญเสียกึ่งนิรันดร์อมตะไปกว่าเจ็ดคน หลานชายของผู้อาวุโสสูงสุดและนิรันดร์อมตะอีกคน !

หากว่านับรวมตัวตนระดับนิรันดร์อมตะทั้งนิกายแล้วพวกเขามีเพียงแค่สี่คนเท่านั้นแต่ตอนนี้กลับต้องสูญเสียไปหนึ่งคน !

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ฟานเจิ้งเย่ได้ก่อสร้างร่างกายของเขากลับขึ้นมาด้วยสายตาที่ดุร้ายถึงขีดสุด

หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาอย่างไม่สนใจอะไรก่อนที่ศิลาหินจะส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมา

ตู้มม ~!

เสียงระเบิดถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่มิติโดยรอบแหลกสลายหายไป

เขาได้สังเวยเพลงกระบี่ศุกลสวรรค์ออกมาโอบร่างของผู้คนทั้งหมดเอาไว้โดยทันที

มันเป็นคลื่นกระบี่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างถึงขั้นสามารถบดขยี้เขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าได้ง่ายๆ

ตอนนี้ใบหน้าของทั้งสองคนถึงกับบิดเบี้ยวเป็นอย่างมากเพราะพวกเขาไม่กล้าประมาทการโจมตีอันรุนแรงของหลินเทียนแม้แต่น้อยก่อนที่จะสังเวยทักษะที่ทรงพลังออกไปต้านเอาไว้

ตู้มม ~!

ตู้มม ~!

คลื่นกระบี่สีทองพุ่งผ่านอากาศออกไปบดขยี้การป้องกันของพวกเขาพร้อมทั้งกระแทกร่างของทั้งสองคนปลิวออกไปไกล

หลินเทียนก้าวออกไปก่อนที่จะผสานพลังกับศิลาหินเพื่อส่งคลื่นกระบี่มากมายรุมขย้ำทั้งสองอย่างต่อเนื่อง

ระหว่างนี้ตัวเอาก็ได้ลบล้างตราประจับของตราสมบัติอาวุธวิญญาณของผู้อาวุโสที่สองไปแล้วเก็บกลับเข้าไปในร่างของเขา

แกร๊ง

แกร๊ง

แกร๊ง

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งอย่างต่อเนื่องขณะที่คลื่นกระบี่พุ่งเข้าใส่จากรอบทิศทาง

แม้ว่าทั้งสองคนจะแข็งแกร่งมากแถมยังถือครองอาวุธวิญญาณก็จริงทว่าก็ยังไม่สามารถต่อต้านได้แม้แต่น้อย อาวุธวิญญาณของพวกเขาล้วนถูกกระแทกปลิวออกไปขณะที่ร่างกายของพวกเขาแหลกสลายหายไป

“นี่มัน…..แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! ”

“ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลยด้วยซ้ำ ! นี่….อย่างน้อยๆก็มีเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะที่ถือของอาวุธอนันตกาลเท่านั้นถึงจะต่อต้านได้ ”

“นี่….”

หลายๆคนส่งเสียงออกมา

พลังเทวะอันหนักหน่วงกวาดออกไปไม่หยุดส่งผลให้ภูเขาใหญ่หลายลูกถล่มลงมาเนื่องจากไม่สามารถรับพลังทำลายของการปะทะกันได้

ตู้มม !

ตู้ม !

ร่างกายของฟานเจิ้งเย่และผู้อาวุโสใหญ่ได้ถูกกระแทกปลิวออกไปด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือดอีกครั้ง

หลินเทียนยังคงมีสีหน้าที่ราบเรียบขณะที่ก้าวออกไปพร้อมทั้งสังเวยการโจมตีทรงพลังที่สุดออกมาสร้างเป็นแรงกดดันอันหนักหน่วงไม่ต่างจากห้วงจักรวาลกดทับเข้าใส่ทั้งสองคนตรงหน้า

นี่คือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา !

วิ้สสส ~!

มันเป็นตอนนี้เองที่เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาอย่างดัง

เตาพลังวิญญาณของฟานเจิ้งเย่ได้พุ่งเข้าใส่ทางเขาด้วยความเร็วที่สูงถึงขีดสุด

พริบตานี้เองที่มันได้ส่องประกายเจิดออกมาพร้อมๆกับกลิ่นอายที่ปั่นป่วนอย่างมาก

กลิ่นอายทำลายล้างกวาดออกมาโอบร่างของหลินเทียนเอาไว้

“นี่มัน ?! เขาคิดจะ..ให้อาวุธวิญญาณทำลายตัวเอง ?! ”

ผู้คนโดยรอบได้แต่ผงะไป

มันเป็นเพราะว่าการทำลายตัวเองของอาวุธวิญญาณนั้นทรงพลังถึงขั้นสามารถเป็นอันตรายต่อนิรันดร์อมตะตอนกลางเลยก็ว่าได้

แน่นอนว่าสีหน้าของหลินเทียนเองก็เปลี่ยนไปเช่นกันเพราะเขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายถึงขั้นยอมทำลายอาวุธของตัวเองในตอนนี้ทำให้เขาไม่สามารถเบี่ยงหลบได้ทัน

“คิดว่ามีอาวุธอนันตกาลตอนปลายแล้วจะสามารถเอาชนะได้ ? อวดดีนักนะ ! การต่อสู้นี้มันวัดกันที่ความแข็งแกร่งและประสบการณ์ แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งไม่น้อยแต่ยังด้อยประสบการณ์นัก ! ”

ฟานเจิ้งเย่ส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อว่า

“ตอนนี้ก็ตายๆไปซะแล้วศิลาหินนั่นจะต้องเป็นของข้า ! ”

เขาแอบส่งอาวุธวิญญาณของตัวเองเข้าใกล้หลินเทียนเพื่อให้มันระเบิดตัวเองทำให้หลินเทียนไม่สามารถสังหารพวกเขาได้แถมยังเป็นเพราะว่ารัศมีทำลายล้างที่อยู่ระยะประชิดทำให้หลินเทียนไม่สามารถป้องกันได้ทันดังนั้นด้วยการระเบิดครั้งนี้มันเพียงพอที่จะลบล้างได้แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนกลางเลยก็ว่าได้

แม้ว่าหลินเทียนจะแข็งแกร่งมากแต่ด้วยพลังทำลายระดับนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรอดกลับมาได้และหลังจากที่หลินเทียนตกตายลงแล้วศิลาหินก็จะกลายเป็นของเขาดังนั้นการที่ต้องเสียสละอาวุธวิญญาณไปก็ยังถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าอยู่ดี

แน่นอนว่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องที่จะจับหลินเทียนเป็นๆเพื่อส่งมอบให้นิกายไท่หลิงเอากลับไปทรมานอีกต่อไปแล้ว

ตู้มมม ~!

มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะเกิดเป็นคลื่นพายุทำลายล้างขนาดใหญ่ลบล้างทุกสิ่งอย่างที่อยู่ในรัศมีของมันโดยไม่หลงเหลือกลิ่นอายของหลินเทียนเอาไว้แม้แต่น้อย

นี่ทำให้สีหน้าของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายเปลี่ยนไปโดยทันที

“หลินเทียน ! ”

เหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากพร้อมทั้งอดส่งเสียงกรีดร้องออกมาไม่ได้

เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับหลุมลึกขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถมองเห็นก้นหลุมได้แถมกลางอากาศยังเต็มไปด้วยเศษฝุ่นที่บดบังทัศนวิสัย

“ตายแล้ว ? ”

ผู้อาวุโสใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปได้แต่จ้องมองออกไปเพราะไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของหลินเทียนได้แม้แต่น้อย

“นั่นน่ะเป็นทักษะทำลายตัวเองของตระกูลข้า โดนไประยะประชิดขนาดนั้นแล้วมันจะรอดได้อย่างไรกัน ? ”

ฟานเจิ้งเย่ได้ส่งเสียงแสยะออกมาเพราะไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของหลินเทียนได้อีกต่อไปทำให้สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ศิลาหินที่อยู่กลางอากาศพลางพูดต่อว่า

“อาวุธอนันตกาลนั่นเป็นของข้า ! ”

เป็นเพราะว่ามูลค่าของมันนั้นไม่สามารถประเมินค่าได้ !

แกร๊ง !

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาจากภายในกลุ่มหมอกอย่างดัง

พุฟฟ ! แขนของฟานเจิ้งเย่ที่กำลังยื่นเข้าหาศิลาหินได้ขาดสะบั้นโดยทันที

นี่ทำให้กลุ่มคนได้แต่พากันหันมองกลับไปยังทิศทางที่คลื่นกระบี่ถูกส่งออกมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป

เมื่อฝุ่นได้สลายหายไปแล้วมันเผยให้เห็นเจดีย์ที่ส่องประกายแสงสีม่วงโอบร่างของหลินเทียนเอาไว้อย่างเข้มข้น

“นี่ยัง..ไม่ตายอีก แถมยังไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ! ”

กลุ่มคนพากันส่งเสียงออกมา

หลังจากนั้นเองที่สายตาของพวกเขาได้พากันหันมองออกไปยังเจดีย์เหนือศีรษะของหลินเทียนที่ส่องประกายแสงสีม่วงอันเข้มข้นออกมาด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน

“นั่นมัน..กลิ่นอายโกลาหล ?! ”

“นี่มัน……กลิ่นอายโกลาหลจริงๆ ! แถมยังเข้มข้นมากๆ ! มันเหมือนกลิ่นอายที่ส่งออกมาจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลในตำนานไม่มีผิด ! ”

“คริสตัลโกลาหลบรรพกาล ?! ”

“นี่เขา……..ค้นพบมัน ?! แถมยังเอามาหลอมเป็นเจดีย์สมบัติ ?! ”

“นี่มัน….”

ผู้เชี่ยวชาญพากันส่งเสียงออกมา

เป็นเพราะว่ามันสามารถวิวัฒนาการตัวเองได้อย่างไร้ขีดจำกัดแถมยังไม่สามารถทำลายได้ดังนั้นถึงได้ชื่อว่าเป็นตัวอ่อนของอาวุธเทวะเลยก็ว่าได้ !

สมบัติระดับนี้ขนาดผู้เชี่ยวชาญในตำนานเองก็ยังต้องอิจฉาตาร้อน !

เหลาเหลาที่เห็นว่าหลินเทียนยังอยู่ดีเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่มีความสุขและตกตะลึงออกมาพร้อมๆกัน

“เจ้านี่มีสมบัติระดับนี้อยู่ด้วย ?! ที่กลิ่นอายหายไปก็เป็นเพราะม่านพลังโกลาหลที่เจดีย์นั่นสร้างขึ้น ? ”

นางได้แต่มองออกไปด้วยสายตาที่ประหลาดใจ

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ฟานเจิ้งเย่และผู้อาวุโสใหญ่เองก็ได้แต่สั่นสะท้านไป

“นี่เจ้า…….”

ฟานเจิ้งเย่ได้ก่อสร้างแขนขึ้นมาใหม่ขณะที่จับจ้องไปทางหลินเทียนด้วยความโกรธและอิจฉาเพราะไม่คิดเลยว่านอกจากจะถือครองอาวุธอนันตกาลตอนปลายแล้วหลินเทียนยังมีแม้กระทั่งอาวุธที่สร้างขึ้นจากสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่มีมูลค่ามากกว่าอาวุธอนันตกาลตอนปลายหลายเท่าตัว !

หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบและเป็นเพราะว่าการระเบิดตัวเองอย่าไม่คาดคิดของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่สามารถดึงเอาศิลาหินกลับมาปกป้องตัวเองได้ทันดังนั้นถึงได้ต้องสังเวยเอาเจดีย์ราชันอมตะออกมา

นี่คืออาวุธที่แข็งแกร่งอย่างมากทำให้เขาเชื่อว่ามันจะต้องสามารถรับมือกับการทำลายตัวเองได้อย่างแน่นอน

“เจ้าเองก็แข็งแกร่งไม่น้อยแต่ยังด้อยประสบการณ์นัก ”

หลินเทียนหันมองออกไปทางฟานเจิ้งเย่ก่อนที่จะพูดออกมา

หลังจากนั้นเขาก็ได้โบกมือส่งเจดีย์ราชันอมตะกดทับเข้าใส่อีกฝ่ายโดยทันที

ตู้มม ~!

กลิ่นอายโกลาหลอันทรงพลังได้ปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่ง

พลังทำลายอันหนักหน่วงได้โอบล้อมมิติโดยรอบทั้งหมดเอาไว้

ฟานเจิ้งเย่ได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นพร้อมทั้งสังเวยทักษะเทวะออกมาป้องกันเอาไว้

หลินเทียนแสยะออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาพลางส่งถ่ายพลังงานออกไปทำให้กลิ่นอายทำลายล้างพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก

ฟึ้บบ ~!

มันเป็นตอนนี้เองที่ทักษะทั้งหมดของอีกฝ่ายได้แหลกสลายหายไป

หลังจากนั้นคลื่นพลังทำลายที่หนักหน่วงก็ยังคงกดทับเข้าใส่ร่างของฟานเจิ้งเย่อย่างไม่ปราณี

ฟานเจิ้งเย่ที่มีสีหน้าหวาดหวั่นและสัมผัสได้ถึงความอันตรายนี้ได้แต่ส่งเสียงโห่ร้องออกมาว่า

“ไม่นะ ! หยุด ~~~ ! ”

หลินเทียนยังคงจ้องมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบก่อนที่จะส่งเสียงออกมาว่า

“ตาย ”

สิ้นเสียงของเขาแล้วเจดีย์ราชันอมตะก็ได้กดทับใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างจัง

“อ๊ากก ~~~! ”

ฟานเจิ้งเย่ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาก่อนที่ร่างกายของเขาจะแหลกเหลวไปพร้อมๆกับดวงวิญญาณที่แตกสลาย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)