Divine King of All Directions - สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ 1371- 1386

 ตอนที่ 1371

 

เสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาพร้อมปรากฏกลุ่มเมฆสีดำทมิฬรายล้อมไปด้วยม่านสายฟ้าอันทรงพลังเสมือนดั่งมังกรยักษ์ที่กำลังกู่ร้องคำรามเพื่อต้องการทำลายล้างโลกใบนี้

นี่ทำให้พื้นที่โดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงโดยทันที

“ทึ้มม! ”

เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องก่อนที่คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังจะแผดขยายออกไปปกคลุมโลกทั้งใบ

หลินเทียนได้ตั้งสติของเขาก่อนที่จะหันมองออกไปยังคลื่นสายฟ้าสีแดงฉานที่ให้ความรู้สึกเหมือนดวงตาอันโหดเหี้ยมที่กำลังจ้องมองมาทางเขาเพื่อจบชีวิตของเขา

ตู้มมม !

คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังผ่าลงมาปกคลุมร่างของเขาเอาไว้

พลังทำลายอันหนักหน่วงต้องการจะบดขยี้ร่างของเขาออกเป็นชิ้นๆ

ดาวดวงนี้เป็นดาวที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตซึ่งเขาเองก็สัมผัสได้ถึงความร้ายกาจของคลื่นสายฟ้าเหล่านี้ดีแต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมาแม้แต่น้อย

“บึ้สสส ! ”

ปรากฏเจดีย์ราชันอมตะขึ้นเหนือศีรษะของเขาก่อนที่มันจะส่องประกายแสงสีม่วงออกมาโอบร่างของเขาเอาไว้

“มา ! ”

เขาแหงนมองขึ้นไปพร้อมทั้งส่งเสียงอันราบเรียบออกมา

ตู้มมม !

เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอีกครั้งเสมือนว่าสัมผัสได้ถึงการยั่วยุของหลินเทียนทำให้พลังทำลายของมันเพิ่มสูงขึ้นไปอีก

ทัณฑ์สายฟ้าระลอกแรงได้ผ่าลงมาอย่างไม่ปราณี

มันเป็นลำแสงสายฟ้าอันทรงพลังความกว้างกว่าหลายเมตรกดทับลงมา

พลังทำลายของมันได้บดขยี้ห้วงมิติที่อยู่โดยรอบสลายหายไปอย่างสิ้นเชิงพร้อมทั้งทำให้โลกใบนี้สั่นไหวอย่างไม่หยุดยั้ง

หลินเทียนที่สัมผัสได้ถึงพลังทำลายของมันเองก็ยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบอยู่อย่างเคยพลางส่งความคิดออกไปพร้อมทั้งสังเวยเอาศิลาหินออกมาและส่งถ่ายพลังลงไป

จากการเก็บตัวฝึกฝนอยู่กว่าสามปีของเขาทำให้พบว่ามันเป็นสมบัติสวรรค์ของเขตแดนอนันตกาลซึ่งการที่ใช้มันจะสามารถรับการโจมตีของทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ได้สบายๆ

และเป็นเพราะอย่างนั้นเขาถึงไม่จำเป็นต้องเตรียมการอะไรในการก้าวข้ามครั้งนี้แถมยังแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมา

ตู้มมม ~!

เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังกดทับลงมาอยู่เหนือศีรษะของเขาด้วยพลังทำลายที่ลบล้างได้ทุกสิ่ง

ม่านของศิลาหินได้ปกป้องร่างกายของเขาเอาไว้โดยที่เขาไม่ได้ขยับเลยด้วยซ้ำ

การที่มีมันคอยปกป้องร่างกายเอาไว้ทำให้เขาไม่ต้องเป็นกังวลเลยแม้แต่น้อยแถมยังอาศัยทัณฑ์สวรรค์นี้เป็นเครื่องช่วยหล่อหลอมอาวุธวิญญาณของเขาให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีก

ม่านฟ้าได้สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่เขาส่งเอาเจดีย์ราชันอมตะออกไปรับการโจมตีเอาไว้ก่อนที่คลื่นสายฟ้าทั้งหลายจะถูกเจดีย์ดูดซับไปจนหมด

เจดีย์ราชันอมตะที่ดูดซับคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังเข้าไปทำให้ประกายแสงสีม่วงสวดส่องออกไปรอบทิศทาง

ท้ายที่สุดมันก็ปริแตกจนแหลกสลายหายไป

หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาพร้อมทั้งหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อให้มันก่อตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

บึ้สส !

เจดีย์ที่ก่อตัวขึ้นมาใหม่ได้ส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมาอย่างเข้มข้นขึ้นกว่าเก่าแถมยังมีประกายสายฟ้ารายล้อมอยู่เป็นพักๆซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่ามันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่า

“ดี ”

หลินเทียนพยักหน้าของเขาอย่างมีความสุข

เขาได้ส่งเจดีย์ออกไปรับทัณฑ์สายฟ้าระลอกแรกเอาไว้โดยที่ไม่ได้ป้องกันอะไรแม้แต่น้อยก็เพื่ออยากจะให้มันแหลกสลายลงภายใต้การโจมตีนี้เพื่ออาศัยคลื่นสายฟ้าในการหล่อหลอมมันให้แข็งแกร่งมากขึ้นไปอีกไม่งั้นแล้วเขาก็คงสามารถรับการโจมตีของทัณฑ์สายฟ้าระลอกนี้ได้สบายๆ

เพราะถึงอย่างไรแม้มันจะน่าสะพรึงกลัวแต่ก็ยังห่างไกลกับคำว่าไม่สามารถต่อต้านได้ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงเจดีย์ราชันอมตะที่สร้างขึ้นจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลที่ตัดผ่านเขตแดนอาวุธบรรพบุรุษไปแล้วจึงสามารถต่อกรได้กับทัณฑ์สายฟ้าระลอกนี้และอีกสามระลอกได้อีกสบายๆ

เขาได้แต่มองกลับขึ้นไปพร้อมทั้งส่งเสียงออกมาว่า

“มาต่อ ”

ตู้มมม !

ม่านฟ้าสั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังปกคลุมเหนือม่านฟ้าเอาไว้พร้อมทั้งกดทับลงมาอย่างไม่ปราณี

มันเป็นคลื่นพลังทำลายล้างที่ทรงพลังและเข้าประชิดร่างของหลินเทียนภายในชั่วพริบตาเท่านั้น

หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ไม่ได้ขยับไปไหนพร้อมทั้งใช้เจดีย์รับการโจมตีเอาไว้อย่างเคย

เจดีย์ได้ระเบิดออกหลังจากที่รับการโจมตีของคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังอีกครั้ง

เป็นเพราะมันไม่ได้ต่อต้านหรือป้องกันอะไรถึงได้ถูกบดขยี้ออกโดยทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สองจนแหลกเป็นเสี่ยงๆขณะที่มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปไม่มีเหลือพร้อมๆกับคลื่นพลังที่กดทับเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่ปราณี

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางของมันเอาไว้ได้ถูกทำลายไปจนสิ้น

ศิลาหินเหนือศีรษะของหลินเทียนส่องประกายแสงออกมาอย่างทรงพลัง

ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สองได้ระเบิดออกเป็นชิ้นๆภายใจชั่วพริบตาเท่านั้น

“แข็งแกร่งจริงๆ ”

หลินเทียนพึมพำอยู่กับตัวเอง

เป็นเพราะแม้จะรู้อยู่ก่อนแล้วว่ามันเป็นสิ่งของที่ไม่ธรรมดาเพราะถึงขั้นสามารถสยบได้แม้กระทั่งราชันวิหกทว่าการที่สามารถบดขยี้ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สองได้ง่ายๆก็ยังทำให้เขารู้สึกตกตะลึงไม่น้อย

อย่างไรก็ตามมันเป็นเพียงความรู้สึกชั่วครู่ก่อนที่จะหันมองไปยังเศษซากเจดีย์อีกครั้ง

ประกายแสงสีทองสาดส่องออกมาพร้อมๆกับเจดีย์ที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

กลิ่นอายที่มันแผดออกมาทรงพลังมากขึ้นกว่าเก่า

ตู้มม ! !

ตู้ม !

ตู้มมม !

เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ฝนสายฟ้าโหมกระหน่ำลงมาจากเบื้องบน

มันเป็นเพียงสายฟ้าธรรมดาๆทว่าหลินเทียนก็ยังไม่ปล่อยมันเอาไว้เฉยๆและใช้มันหล่อหลอมเจดีย์ต่อไปซ้ำแล้วซ้ำอีกทำให้ประกายแสงสีม่วงที่ส่องประกายออกมายิ่งเข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทึ้มม !

ม่านฟ้าได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะปรากฏมังกรสายฟ้าอันทรงพลังขึ้นมาด้วยความยาวกว่าหลายกิโลเมตรส่งพลังทำลายอันหนักหน่วงกดทับลงมาทั่วพื้นที่

หลังจากนั้นมันก็ได้ส่งเสียงกู่ร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธพร้อมทั้งพุ่งทะยานเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่รอช้า

เปรี้ย !

เปรี้ย !

เปรี้ย !

เสียงปริแตกถูกส่งออกมาขณะที่มิติโดยรอบถูกบดขยี้แหลกสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง

คลื่นพลังทำลายอันหนักหน่วงได้กวาดออกไปโดยรอบและแม้ว่าตัวมังกรสายฟ้าจะยังคงไม่กระแทกเข้ากับพื้นทว่าพื้นดินกลับเริ่มทรุดตัวลงอย่างรุนแรงเพราะไม่สามารถรับแรงกดดันของมันได้

หลินเทียนที่ยืนอยู่ท่ามกลางการโจมตีเหล่านี้ยังคงมีสีหน้าที่ราบเรียบไม่ได้เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

เขาส่งเจดีย์ราชันอมตะออกไปโดยที่ไม่ได้ป้องกันอะไรอย่างเคย

มันเป็นอาวุธที่สร้างขึ้นจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลซึ่งตราบเท่าที่เขายังไม่ตายมันก็จะไม่มีวันถูกทำลายลง

ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรแม้แต่น้อยและยิ่งมันถูกผ่ามากขึ้นเท่าไหร่มันก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้นไปอีก

ตู้มม !

มังกรสายฟ้าอันทรงพลังได้โอบตัวเจดีย์เอาไว้พร้อมทั้งผ่าเข้าใส่อย่างไม่ปราณี

คลื่นสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนได้บดขยี้มันออกเป็นชิ้นๆ

หลังจากนั้นมังกรสายฟ้าก็ได้เข้าประชิดร่างของหลินเทียนอย่างฉับพลัน

หลินเทียนอาศัยศิลาหินปกป้องร่างกายเอาไว้พร้อมทั้งบดขยี้ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สามไปได้อย่างง่ายดายพร้อมทั้งก่อสร้างเจดีย์ราชันอมตะขึ้นมาอีกครั้งซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าอักขระที่รายล้อมมันเอาไว้ดูเจิดจรัสมากขึ้นกว่าเก่า

จากการที่แบกรับทัณฑ์สายฟ้าไปถึงสามระลอกพร้อมๆกันแบบนี้ทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่ามาก

“มาต่อ ! ”

เขาส่งเสียงออกมาระหว่างที่แหงนหน้ามองไปยังท้องฟ้า

ม่านฟ้าได้สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังของทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สี่ได้ก่อตัวขึ้นพร้อมทั้งกดทับลงมาด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัว

หลินเทียนที่ยืนอยู่ท่ามกลางพลังทำลายล้างนี้ยังคงมีสีหน้าที่ราบเรียบพร้อมทั้งใช้เจดีย์ราชันอมตะออกไปรับการโจมตีนี้เอาไว้อีกครั้ง

เขาเหวี่ยงมันออกไปรับเอาไว้ขณะที่ใช้ศิลาหินปกป้องร่างกายเอาไว้อย่างเคย

อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรทว่าพื้นที่โดยรอบได้ถูกทำลายออกเป็นเสี่ยงๆโดยที่มีลาวาไหลทะลักออกมาจากพื้นดินโดยรอบ

เจดีย์ราชันอมตะได้แหลกสลายหายไปอีกครั้งพร้อมทั้งปลิวว่อนไปกับสายลมเสมือนดั่งเศษฝุ่นสีม่วงที่ดูงดงามอย่างมาก

หลินเทียนหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันพร้อมทั้งก่อสร้างมันขึ้นมาใหม่อีกครั้งด้วยกลิ่นอายที่สูงขึ้นกว่าเก่าแถมยังรายล้อมไปด้วยประกายสายฟ้าเสมือนดั่งว่ามันคืออาวุธของเทพอัสนี

หลินเทียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจเพราะว่าจากการหล่อหลอมครั้งนี้มันทำให้อาวุธของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก

ตู้มมม !

คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังแผดขยายออกไปอีกครั้งพร้อมๆกับเสียงฟ้าร้องคำรามที่ถูกส่งออกมาอย่างดัง

ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่ห้าได้ก่อตัวขึ้นแล้ว

หลินเทียนยังคงปกป้องร่างกายเอาไว้ด้วยศิลาหินพร้อมทั้งเหวี่ยงเจดีย์ออกไปรับมันเอาไว้

เวลาได้ผ่านไปอย่างต่อเนื่องขณะที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่ หก เจ็ด แปด ถูกทำลายลงพร้อมๆกับทำให้พื้นที่โดยรอบแหลกสลายหายไปไม่มีเหลือ

เป็นเพราะดาวดวงนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตไม่งั้นแล้วก็คงตอบไม่ได้เลยว่าจะมีกี่ชีวิตที่ต้องตกตายลงอย่างน่าอนาถ

“ทึมมม ! ”

คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังถูกส่งออกมาขณะที่ม่านฟ้าแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีดำทมิฬ

ปรากฏคลื่นสายฟ้าสีดำขึ้นกลางอากาศด้วยกลิ่นอายทำลายล้างที่ให้ความรู้สึกเสมือนสามารถทำลายได้ทุกสิ่ง

ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่เก้าได้ก่อตัวขึ้นแล้ว !

หลินเทียนแหวนหน้ามองขึ้นไปด้วยดวงตาที่เปล่งประกายพลางพูดว่า

“เหมือนว่าจะเป็นระลอกสุดท้ายแล้วสินะ ”

 

 

 


ตอนที่ 1372

 

สำหรับเขาที่ต้องแบกรับทัณฑ์สวรรค์นั้นสามารถสัมผัสถึงมันได้เป็นอย่างดีและรู้สึกได้ว่ามันกำลังจะจบลง

“ทัณฑ์สวรรค์ของเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่ามีเก้าระลอก มันน้อยกว่าของเขตแดนจ้าวสวรรค์และจักรพรรดิโกลาหลอยู่มาก ”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเองเพราะว่าตอนที่เขาตัดผ่านทั้งสองเขตแดนนั้นเขาต้องแบกรับทัณฑ์สายฟ้าไปมากกว่าเก้ารอบ

อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรพวกนี้มากนักและได้แต่ยืนรอการมาถึงของทัณฑ์สายฟ้าระลอกนี้

ตู้มม ~!

ม่านฟ้าได้ถูกฉีกออกขณะที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่เก้าได้ก่อตัวขึ้นกลายเป็นกองอัศวิน ยางฟ้า ภูตผีปีศาจและอสูรมากมายรายล้อมอยู่รอบท้องฟ้า

มันเป็นภาพร่างที่ก่อตัวขึ้นจากสายฟ้าทั้งหลายที่ส่งกลิ่นอายทำลายล้างอันทรงพลังออกมาทำให้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายเองก็ยังต้องหวาดหวั่นอย่างแน่นอน

“ดูเหมือนว่าช่วงที่ผ่านมานี้ทัณฑ์สายฟ้าระลอกสุดท้ายจะพิเศษออกไป ”

เขาได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากัน

หลังจากนั้นก็ได้แต่มองออกไปด้วยดวงตาที่เปล่งประกายก่อนที่สุดท้ายจะส่ายศีรษะของเขา

เขารู้สึกสงสัยเกี่ยวกับทัณฑ์สายฟ้าระลอกสุดท้ายในช่วงหลายครั้งนี้มาก่อนแต่ไม่ว่าจะพยายามคิดอย่างไรก็ไม่เป็นผลดังนั้นถึงได้เลิกสนใจมันเพราะต่อให้สนใจไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรอยู่ดี

ทึ้มม ~!

เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่เก้าได้กดทับลงมาอย่างรุนแรง

ภาพร่างอันทรงพลังทั้งหลายล้วนพุ่งทะยานเข้าใส่ทางเขาพร้อมๆกัน

หลินเทียนในตอนนี้มีศิลาหินคอยปกป้องร่างกายเอาไว้ดังนั้นถึงไม่ได้สนใจอะไรมากนักพร้อมทั้งซัดเอาเจดีย์ออกไปรับเอาไว้เพื่อหล่อหลอมให้มันแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก

เปรี้ย !

เปรี้ยยย !

เปรี้ย !

เสียงปริแตกถูกส่งออกมาก่อนที่เจดีย์จะแหลกสลายหายไปไม่มีเหลือ

เศษฝุ่นสีม่วงกระจัดกระจายไปทั่วทิศทางพร้อมทั้งแปรเปลี่ยนกลายเป็นกลิ่นอายโกลาหล สีม่วงอันเข้มข้น

ทันใดนั้นเองที่เหล่าภาพร่างทั้งหลายต่างพากันโถมเข้าใส่ทางหลินเทียนพร้อมๆกัน

ตู้มมม !

โลกทั้งใบแหลกสลายขณะที่พื้นดินแยกออกเผยให้เห็นลาวาที่ไหลทะลักออกมาไม่หยุด

กลุ่มหมอกควันฟุ้งกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ม่านสายฟ้าค่อยๆสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อหมอกควันเบื้องล่างได้สลายหายไปแล้วจึงเผยให้เห็นร่างของหลินเทียนที่กำลังยืนอยู่กับที่โดยที่มีศิลาหินปกป้องร่างกายเอาไว้และไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย

“ขอบคุณมากๆ ”

เขาเผยรอยยิ้มออกมาขณะที่มองออกไปยังศิลาหินเหนือศีรษะของเขา

หากว่าไม่ได้เป็นเพราะมันแล้วเขาก็คงจะไม่มีทางก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน

บึ้สสส ~!

ประกายแสงเจ็ดสีส่องประกายออกมาจากม่านฟ้าก่อนที่จะตกกระทบลงบนร่างของเขาเสมือนเป็นการป้อนพลังเข้าสู่ร่างอย่างรวดเร็ว

มันเป็นประกายแสงที่อัดแน่นไปด้วยพลังฉีอันเข้มข้นเสียยิ่งกว่าเส้นชีพจรมังกรบรรพกาล

หลินเทียนไม่ลังเลเลยที่จะหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันของตัวเองเพื่อดูกลืนพลังเหล่านี้

นี่ทำให้ประกายแสงที่แผดออกมาจากร่างของเขายิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีกแถมกลิ่นอายยังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาได้แต่มองออกไปยังกลุ่มก้อนกลิ่นอายโกลาหลสีม่วงที่กระจายตัวอยู่ในอากาศก่อนที่จะส่งถ่ายพลังออกไปเพื่อก่อสร้างมันขึ้นมาเป็นเจดีย์ราชันอมตะอีกครั้ง

ณ ตอนนี้อักขระที่รายล้อมมันเอาไว้ส่องประกายแสงบริสุทธิ์ออกมาอย่างเข้มข้นแถมยังมีคลื่นสายฟ้ารายล้อมร่างของมันเอาไว้ทำให้กลิ่นอายของมันเพิ่มสูงขึ้นไปอีกขั้น

“ดีมากๆ ! ”

ดวงตาของเขาส่องประกายออกมาโดยทันที

เป็นเพราะว่าแม้หลังจากที่ก่อสร้างมันขึ้นมาใหม่แล้วมันจะยังอยู่ในระดับอาวุธบรรพบุรุษทว่าพลังทำลายของมันเทียบได้พอๆกับอาวุธวิญญาณสมบัติเลยก็ว่าได้

เมื่อก่อสร้างมันขึ้นมาแล้วเขาก็อาบประกายแสงเจ็ดสีไปพร้อมๆกับมัน

บึ้สสส ~!

ประกายแสงเจิดจรัสส่องประกายออกมาขณะที่ตัวเจดีย์ส่งกลิ่นอายโกลาหลและคลื่นสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์อันเข้มข้นออกมาอย่างต่อเนื่อง

ดวงตาของหลินเทียนเปล่งประกายออกมาพร้อมทั้งพบว่าภายในพลังเหล่านั้นผสมผสานไปด้วยประกายแสงสีขาวบริสุทธิ์

มันเป็นพลังที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยนแต่กลับศักดิ์สิทธิ์

“พลังแห่งความเชื่อ ”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง

สามปีมานี้เขาได้ใช้เซียนเซียนเผยแพร่คำสอนไปทั่วโลกทั้งใบทำให้ได้รับผู้ศรัทธามาเป็นจำนวนมากซึ่งพลังเหล่านั้นได้ถูกพลังโกลาหลปกป้องเอาไว้ทำให้แม้เจดีย์ราชันอมตะตะแหลกสลายหายไปแต่พลังแห่งความเชื่อก็ยังคงอยู่

“ด้วยพลังแห่งความเชื่อที่มีอยู่นี้ก็น่าจะเพียงพอต่อการรับทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ศิลาหินเลยด้วยซ้ำ ”

เป็นเพราะว่าพลังความเชื่อนั้นมีอยู่อย่างเข้มข้นไม่ต่างกับมหาสมุทรดังนั้นเขาเชื่อว่ามันเพียงพอที่จะทำให้เขาสามารถรับมือกับทัณฑ์สวรรค์นี้ได้แม้จะไม่ได้ทำได้ง่ายๆเหมือนอย่างศิลาหินก็ตาม

เขาถอนหายใจออกมาก่อนที่หล่อหลอมร่างกายและเจดีย์ราชันอมตะต่อไปพร้อมๆกัน

ไม่นานหลังจากนั้นหมู่เมฆประกายแสงเจ็ดสีก็ได้สลายหายไปอย่างช้าๆ

ประกายแสงที่อาบร่างของเขาได้จางหายไปพลางกำหมัดลงเล็กน้อยพร้อมสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งของเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าซึ่งการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำลายห้วงมิติรอบข้างได้อย่างสบายๆ

ณ ตอนนี้หากว่าต้องเผชิญหน้ากับราชันวิหกอีกครั้งเขาก็สามารถสังหารอีกฝ่ายได้อย่างสบายๆ

เจดีย์ราชันอมตะส่องประกายแสงออกมาพร้อมทั้งหลอมรวมเข้ากับร่างของเขาอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นเขาได้แหงนมองกลับขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง

“หลังจากที่ตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าก็สามารถดึงเอาพลังจากหมู่ดาวมาหล่อหลอมร่างกายได้ทำให้มันอยู่ในระดับที่คงกระพันเพื่อตัดผ่านเขตแดนนิรันด์อมตะอย่างแท้จริง ”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง

เมื่อมองออกไปแล้วเขาได้นั่งขัดสมาธิลงเล็กน้อยพร้อมทั้งหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อสื่อสารกับห้วงจักรวาลทำให้ประกายแสงสีเงินจากหมู่ดาวส่องประกายออกมา

ประกายแสงจากหมู่ดาวส่องประกายลงมาพร้อมทั้งไหลซึมเข้าไปภายในร่างของเขา

หลังจากนั้นเขาก็ได้ดูดกลืนมันเข้ามาหล่อหลอมร่างกายของตัวเอง

นี่ทำให้เลือดเนื้อทุกอณูของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมๆกับส่งถ่ายความร้อนออกมาเสมือนกำลังถูกแผดเผาอย่างบ้าคลั่ง

แม้กระทั่งมันทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดในการเริ่มหล่อหลอมร่างกายในครั้งแรกเลยด้วยซ้ำ

“เส้นทางการบ่มเพาะคือการหล่อหลอมร่างกายต่อๆไปจนท้ายที่สุดก็หล่อหลอมจนกลายเป็นนิรันด์ที่แท้จริง ”

เขาพึมพำออกมา

หลังจากที่ตั้งสติได้แล้วเขาก็ได้หมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันพร้อมทั้งดูดกลืนเอาพลังจากหมู่ดาวเข้าไปมหาศาล

“บึ้สสส ~! ”

ประกายแสงสีเงินห้อมล้อมร่างกายของเขาเอาไว้ขณะที่ร่างกายของเขาส่องประกายแสงสีทองออกมา

พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปนานกว่าหนึ่งเดือน

หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เขาได้หยุดยั้งการดูดซึมพลังของเขาก่อนที่จะยืนกลับขึ้นมา

ณ ตอนนี้เขาสามารถสัมผัสได้เลยว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหลายเท่าตัวและเพียงการกำหมัดเล็กน้อยก็ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัวแล้ว

นี่ทำให้เขาอดพยักหน้าอย่างมีความสุขไม่ได้เพราะการหล่อหลอมร่างกายด้วยพลังจากหมู่ดาวกว่าหนึ่งเดือนนี้มันทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นมาก

“ถึงเวลาที่ต้องกลับไปแล้ว ”

เขาพูดออกมา

เป็นเพราะว่าเขาเองก็ก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์มาได้แล้วดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องอยู่ต่อแล้ว

เขาหันมองออกไปรอบๆพื้นที่ๆพังทลายไม่มีเหลือก่อนที่จะเหาะออกไปอยู่กลางห้วงอวกาศอย่างรวดเร็ว

มันเป็นห้วงจักรวาลอันมืดมิดทว่ากลับมีประกายแสงสีเงินระยิบระยับถูกส่งออกมาให้ความรู้สึกที่น่าหลงใหลอย่างมาก

เขาเหาะออกไปทางโลกอย่างรวดเร็ว

ณ ตอนนี้โลกมันไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่มากนักทว่ากลับไม่มีดาวดวงไหนที่เทียบเคียงความงดงามของมันได้เลยแม้แต่น้อย

หลินเทียนได้เหาะเข้าไปในโลกอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเข้าใกล้แล้วคิ้วของเขาถึงกับขมวดเข้าหากันเพราะเขาพบกับสถานการณ์บางอย่าง

เป็นเพราะว่าดาวเทียมที่อยู่ในวงโคจรทั้งหลายได้ถูกทำลายลงจนหมด

แถมยังหลงเหลือกลิ่นอายของพลังเทวะอยู่ด้วย

“ผู้บ่มเพาะเป็นคนทำลายมัน ”

คิ้วของเขาได้ขมวดเข้าหากันเพราะว่ามีผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งมาเยือนโลกใบนี้แถมยังทำลายดาวเทียมเหล่านี้ ?

เขายืนอยู่ท่ามกลางอวกาศพร้อมทั้งแผดจิตสัมผัสอันเข้มข้นออกไปโดยที่ไม่พบกับกลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆพลางพุ่งลงไปยังโลกอย่างรวดเร็ว

มันเป็นตอนนี้เองที่สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปอีกครั้งเพราะพบว่าดาวเทียมที่ถูกทำลายไปนั้นมีกลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญหลงเหลืออยู่มากกว่าหนึ่งคน แถมยังแข็งแกร่งมากๆ

“มีผู้เชี่ยวชาญจากดินแดนอื่นรุกล้ำเข้าไปในโลก ? ”

คิ้วของเขายิ่งขมวดเข้าหากัน

เขาพุ่งผ่านอากาศออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งมุ่งหน้าไปยังสำนักนิรันด์อย่างไม่รอช้า

ตัวเขาไม่ได้ปิดบังกลิ่นอายอะไรแม้แต่น้อยทำให้เซียนเซียนและพยัคฆ์ขาวสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว

หลายๆคนที่เห็นว่าหลินเทียนกลับมาแล้วต่างแสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาและตระหนักดีว่าเขาก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ไปได้แล้ว

และมันเป็นตอนนี้เองที่สีหน้าของพวกเขาได้แสดงให้เห็นถึงความเคร่งเครียดออกมา

“ท่านอาจารย์คะ มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว ภูเขาไท่ได้ถูกกองกำลังผู้เชี่ยวชาญภายนอกที่แข็งแกร่งยึดไปทำให้มีผู้เสียชีวิตอยู่มากมาย ”

เซียนเซียนได้ส่งเสียงที่กระวนกระวายออกมา

 

 

 


ตอนที่ 1373

 

เมื่อฟังจากคำพูดของเซียนเซียนแล้วสีหน้าของหลินเทียนก็ถึงกับเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง

เป็นเพราะว่าเขาพบร่องรอยกลิ่นอายพลังเทวะจากดาวเทียมที่ถูกทำลายอยู่นอกโลกดังนั้นถึงได้เดาว่ามีผู้เชี่ยวชาญจากดินแดนอื่นรุกล้ำเข้ามายังโลกใบนี้แต่ก็ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นความจริง

ภูเขาไท่ได้ถูกพวกมันยึดเอาไว้ ?!

“รายละเอียดที่แน่ชัดเป็นอย่างไร ? ”

เขาถามออกไป

เซียนเซียนรีบเรียบเรียงคำพูดพร้อมทั้งอธิบายออกมาว่า

“ประมาณหนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้านี้มีคนหลายสิบคนปรากฏตัวขึ้นที่ภูเขาไท่พร้อมทั้งฆ่าล้างนักท่องเที่ยวทั้งหมดส่งผลให้กองกำลังติดอาวุธพากันยกโขยงไปที่นั่นแต่สุดท้ายก็ตกตายลงกันหมดและนี่รวมถึงกองกำลังผู้เชี่ยวชาญของทั้งขุมพลังดินแดนศูนย์กลางและดินแดนตะวันตกก็ด้วย ”

“จากคำพูดของพวกมันแล้วบ่งบอกได้เลยว่าไม่ใช่คนของโลกใบนี้ซึ่งแต่ละคนเองก็แข็งแกร่งอย่างมาก ”

พยัคฆ์ขาวได้ส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดว่า

“ดูเหมือนว่า…..พวกมันจะรู้ว่าภูเขาไท่นี้คือช่องทางที่เชื่อมต่อไปยังดินแดนนิรันดร์ดังนั้นถึงได้อยากจะคลายผนึกนั้น ”

หลายสิบคนเหล่านั้นได้สังหารผู้คนไปมากมายทำให้ไม่ว่าจะเป็นผู้บ่มเพาะหรือมนุษย์ธรรมดาก็ต่างรู้สึกหวาดหวั่นไปตามๆกัน

สีหน้าของหลินเทียนถึงกับตกต่ำลงอย่างมากพร้อมๆกับแววตาที่ส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมา

“ข้าไปเอง ”

เขาพูดออกมา

เขาหันมองออกไปทางภูเขาไท่พร้อมทั้งก้าวเท้าหายไปก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าภูเขาแห่งนั้น

สามารถมองเห็นได้เลยว่าบนภูเขาความสูงหลายพันเมตรนั้นเต็มไปด้วยกองซากศพมากมายส่งผลให้พื้นที่แห่งนี้ถูกชโลมไปด้วยเลือดและกลิ่นคาวที่เหม็นคละคลุ้ง

เมื่อมองออกไปยังภาพเหล่านี้แล้วมันยิ่งทำให้สายตาของเขาเย็นยะเยือกขึ้นมากกว่าเก่า

เขาก้าวเดินออกไปพร้อมทั้งเหยียบย้ำลงบนพื้นดินสีเลือดที่เปียกชุ่ม

เศษชิ้นส่วนมนุษย์กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นไม่ว่าจะเป็นของมนุษย์ธรรมดาหรือผู้บ่มเพาะ

“ยังมีพวกมดปลวกกล้ามาที่นี่อีกงั้นรึ หรือว่าวีรกรรมที่พวกเราสร้างมันมันยังไม่เพียงพออีก ? ”

น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกถูกส่งออกมา

ปรากฏร่างของชายชราร่างผอมบางกำลังมองมาทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เหมือนว่ากำลังมองมดปลวก

“ตาย ! ”

เขาได้ตวัดนิ้วพร้อมทั้งส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังเข้าใส่ทางหลินเทียน

มิติโดยรอบแหลกสลายด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัว

พริบตาคลื่นกระบี่นี้ก็เข้าประชิดร่างของหลินเทียน

เปรี้ย ~!

เสียงปริแตกถูกส่งออกมาก่อนที่คลื่นกระบี่ที่พุ่งเข้าใกล้หลินเทียนจะแหลกสลายหายไป

หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่โดยที่ไม่ได้รับความเสียหายใดๆเลยแม้แต่น้อยแถมดวงตาของเขายังส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมา

นี่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่ผงะไปด้วยความประหลาดใจ

“เป็นไปได้อย่างไรกัน ? ”

เมื่อจ้องมองไปทางหลินเทียนแล้วสีหน้าของเขาถึงกับตกต่ำลงโดยทันทีเพราะว่าเขานั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าดังนั้นแม้จะเป็นคลื่นกระบี่ธรรมดาๆทว่าพลังทำลายของมันก็ไม่ใช่น้อยๆทว่าอีกฝ่ายกลับสามารถทำลายมันลงได้ง่ายๆ

อย่างไรก็ตามนี่มันเป็นเพียงแค่ชั่วครู เท่านั้นก่อนที่จะสีหน้าของเขาจะยิ่งเย็นชาขึ้นกว่าเก่า

“ไม่คิดเลยว่าดาวดวงนี้จะมีคนที่พอมีความสามารถอยู่ด้วย ”

หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้ส่งการโจมตีออกมาอีกครั้ง

แกร๊ง ! คลื่นกระบี่อันทรงพลังอัดแน่นไปด้วยจิตสังหารได้พุ่งผ่านอากาศออกมาด้วยพลังทำลายที่ต้องการจะบดขยี้โลกใบนี้

คลื่นกระบี่นี้ได้เข้าประชิดร่างของหลินเทียนอีกครั้ง

และมันเป็นตอนนี้เองที่คลื่นกระบี่ของมันก็ได้สลายหายไปอีกครั้งโดยที่หลินเทียนยังไม่ได้รับความเสียหายอะไรแม้แต่น้อย

“เป็นไปไม่ได้ ! ”

ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆที่อยู่ที่นี่เองก็ได้แต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป

เป็นเพราะพลังทำลายที่ส่งออกมาเมื่อครู่คือพลังทั้งหมดกว่าเจ็ดในสิบส่วนของเขาทว่ากลับยังไม่สามารถทำอะไรได้

พลังกว่าเจ็ดในสิบกลับถูกทำลายลงทั้งๆที่หลินเทียนไม่ได้เครื่องไหวแม้แต่น้อย

หลินเทียนหันมองออกไปยังกลุ่มซากศพก่อนที่จะหันมองกลับไปยังกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น

เขาก้าวเท้าออกไปก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกฝ่ายพร้อมทั้งเหวี่ยงฝ่ามือตบอย่างจัง

อีกฝ่ายถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปพร้อมทั้งอุทานออกมาว่า

“เจ้า….”

พุฟฟ !

เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ร่างของอีกฝ่ายเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนต้นแหลกสลายหายไปพร้อมๆกับดวงวิญญาณ

เซียนเซียนและพยัคฆ์ขาวที่อยู่ห่างออกไปไกลและเพิ่งมาถึงเพราะความเป็นห่วงได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา

“นี่มัน…..เป็นไปได้ ?! ”

พยัคฆ์ขาวได้แต่สั่นสะท้านไป

เป็นเพราะว่ามันได้เห็นภาพของผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าถูกหลินเทียนตบตายลงในพริบตา

“นี่….แข็งแกร่งมากๆ ! ”

เซียนเซียนเองก็ใจสั่นไปทันที

พวกเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าหลินเทียนสามารถตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่ามาได้แต่หลังจากที่ได้เห็นภาพตรงหน้าแล้วก็ยังอดผงะไปไม่ได้

เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนเดียวกันแต่กลับถูกหลินเทียนตบตายในการโจมตีเดียว

นี่มันเป็นความแข็งแกร่งระดับไหนกัน ?!

“วิ้สส ~! ”

“วิ้ส ! ”

“วิ้สส ! ”

เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาก่อนที่ร่างสามร่างจะพากันพุ่งมาที่นี่ด้วยกลิ่นอายที่ทรงพลังอย่างมาก

พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนต้นที่สัมผัสได้ถึงการผันผวนของพลังอย่างรุนแรงถึงได้พากันมาที่นี่

หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้พบกับร่างของหลินเทียนแต่ไม่พบกับร่างของชายชราผอมโซ

“ไอ้มดจากดาวขยะกล้าบุกมาที่นี่งั้นรึ ! ”

หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาก่อนที่จะพูดต่อว่า

“ข้าขอถามเจ้าว่าคน….”

“แกร๊ง ! ”

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่หลินเทียนโบกมือส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งเข้าใส่ทางหลินเทียน

หลังจากนั้นคลื่นกระบี่อันทรงพลังก็ได้เข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายภายในชั่วพริบตา

พุฟฟ !

เสียงฉีกขาดถูกส่งออกมาขณะที่คลื่นกระบี่พุ่งทะลวงผ่านหน้าผากและบดขยี้ดวงวิญญาณของอีกฝ่ายสลายหายไป

นี่ทำให้พยัคฆ์ขาวและเซียนเซียนได้แต่สั่นสะท้านไป

“นี่มัน….ผิดมนุษย์เกินไปแล้ว ! ”

พยัคฆ์ขาวได้แต่กลืนน้ำลายกลับลงไป

จักรพรรดิว่างเปล่ากลับถูกหลินเทียนสังหารลงอย่างง่ายดาย

นี่มันเป็นพลังที่ทำให้พวกเขาได้แต่ผงะไป

 

 

 


ตอนที่ 1374

 

ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนต่างพากันหันมองมาทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุด“เจ้าเป็นใครกัน ?! ”

หนึ่งในพวกเขานั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าแต่กลับถูกสังหารลงภายในการโจมตีเดียว

หลินเทียนหันมองออกไปทางทั้งสองคนด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกพร้อมทั้งพุ่งออกไปเข้าประชิดร่างของอีกฝ่าย

พวกเขาต่างพากันแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาและหวาดกลัวไปกับความเร็วของหลินเทียน

“เจ้า……”

“บึ้สส ! ”

หลินเทียนโบกมือของเขาขณะที่เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาพร้อมๆกับฝ่ามืออันทรงพลังบดขยี้ร่างกายและดวงวิญญาณของอีกฝ่ายไป

หลังจากนั้นเขาก็ได้หันมองออกไปทางอีกคนพร้อมทั้งคว้าร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่จะตรวจความทรงจำของมัน

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้รับรู้มาว่าอีกฝ่ายมีอยู่ทั้งหมด 16 คนซึ่งเป็นคนของดวงดาวจี่หยานซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าขึ้นไปโดยที่มีคนหนึ่งอยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันด์อมตะที่อีกเพียงก้าวเดียวก็สามารถตัดผ่านไปได้แล้ว

พวกเขาล้วนเป็นพี่น้องร่วมสาบานซึ่งกันและกันและได้ค้นพบบันทึกเก่าแก่เกี่ยวกับภูเขาไท่ที่อยู่บนโลกใบนี้ว่ามันเป็นเส้นทางไปยังดินแดนนิรันดร์ทำให้พวกเขาต่างพากันแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาพลางเตรียมการทุกอย่างเพื่อค้นหาดาวโลกดวงนี้

หลังจากที่มาถึงโลกใบนี้แล้วก็รับรู้มาว่ามันเป็นโลกอันเปราะบางถึงได้มุ่งหน้ามาที่นี่พร้อมทั้งสังหารทุกคนแล้วยึดมันเป็นของตัวเองแต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะมีคนกล้ามาขัดจังหวะของพวกเขา

หลังจากนั้นไม่นานเหล่าขุมพลังทั้งหลายที่ได้ยินข่าวเช่นนี้ก็พากันแห่กันมาช่วยเหลือแต่ก็ถูกพวกเขาฆ่าตายไปจนหมดโดยเหลือเพียงพระสัตตะปาปาที่หนีรอดกลับไปได้

“กล้าดีนักนะ ! ”

หลินเทียนส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา

เป็นเพราะว่ามีสมบัติล้ำค่าปรากฏขึ้นที่โลกใบนี้ทำให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นในอดีตส่งผลให้กองกำลังผู้เชี่ยวชาญมากมายแห่กันมาที่นี่และแทบจะตกตายลงทั้งหมดและคนที่ยังเหลือรอดไปได้เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนานก็ได้ค้นพบผนึกของภูเขาไท่ก่อนที่จะชักนำคนของดาวจี่หยานมาที่นี่

เขาได้คว้าคอของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่ร่างกายของเขาจะเปล่งประกายแสงออกมาเพื่อต้องการจะสังหารอีกฝ่าย

ทว่ามันเป็นตอนนี้เองที่สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปเพราะว่าเขาได้พบกับบางสิ่งภายในความทรงจำของมัน

“ประกายแสงเจ็ดสีภายในหุบเขากลืนวิญญาณนิรันด์ ”

เขาได้แต่ผงะไป

เป็นเพราะว่าจากความทรงจำของอีกฝ่ายนั้นเขาได้พบว่าภายในส่วนลึกที่สุดหุบเขากลืนวิญญาณนิรันด์ที่เป็นหนึ่งในดินแดนต้องห้ามของอีกฝ่ายนั้นมีประกายแสงเจ็ดสีสาดส่องออกมาเป็นพักๆด้วยพลังอันแข็งแกร่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญมากมายต้องการมัน

แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปเอามันออกมาเพราะว่าพวกเขารู้ซึ่งถึงความอันตรายของสถานที่แห่งนั้นเป็นอย่างดีว่าขนาดผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลที่เข้าไปเองก็ยังต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ

ดวงตาของเขาได้เปล่งประกายออกมาพลางพูดว่า

“เศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ ?! ”

เขาไม่สามารถยืนยันเรื่องนี้ได้แต่มันมีความเป็นไปได้อยู่สูงมากๆ

เขายังคงค้นหาเกี่ยวกับความทรงจำของอีกฝ่ายรวมถึงที่ตั้งของดาวดวงนั้นอย่างละเอียด

อีกฝ่ายได้แต่สั่นสะท้านไปพร้อมๆกับส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นว่า

“ไว้ชีวิต……..ข้าเถอะ ”

“อย่าฝันไปหน่อยเลย ”

หลินเทียนตอบกลับไป

เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายได้สังหารผู้คนบริสุทธิ์ไปแล้วมากมายแล้วจะให้เขาปล่อยมันไปได้อย่างไรกัน พลังเทวะของเขาได้สั่นไหวพร้อมทั้งบดขยี้ร่างกายและดวงวิญญาณของอีกฝ่ายสลายหายไป

เขาหันมองออกไปยังยอดเขาก่อนที่จะเหาะขึ้นไปพร้อมพบกับบันไดที่ชโลมไปด้วยเลือด

เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่าที่ยอดเขาเองก็ยังเต็มไปด้วยเลือดรวมถึงร่าง 12 ร่างที่กำลังรายล้อมข่ายอาคมที่ส่องประกายแสงเจิดจรัสเอาไว้ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่ากำลังทำพิธีบางอย่าง

เมื่อมองออกไปยังทั้ง 12 คนแล้วอีกฝ่ายเองก็มองเห็นเขาเช่นกัน

“ไอ้พวกขยะนี่มันยังกล้ามาที่นี่อีก ? ”

“แล้วน้อง 15 และคนอื่นๆทำอะไรกันอยู่ ? ปล่อยให้มดปลวกพวกนี้ขึ้นมาที่นี่ ? ”

“ฆ่ามันเร็วๆเถอะ ”

หลายๆคนส่งเสียงออกมาพลางหันมองออกไปบนม่านฟ้าเสมือนว่ากำลังรอคอยบางสิ่ง

หนึ่งในพวกเขาโบกมือส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งผ่านอากาศเข้าใส่ทางหลินเทียนเสมือนว่าเขาเป็นเพียงหญ้าข้างทางเท่านั้น

หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาโดยปล่อยให้คลื่นกระบี่เหล่านั้นพุ่งเข้ามาใกล้ก่อนที่มันจะถูกทำลายลงเมื่อปะทะเข้ากับร่างกายของเขา

“อื้ม ? ”

อีกฝ่ายที่เห็นเช่นนั้นเองก็อดหันมองด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจไม่ได้ว่า

“เจ้ามดนี่มัน..”

“แกร๊ง ! ”

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่หลินเทียนโบกมือของเขาออกไปพร้อมทั้งส่งคลื่นกระบี่พุ่งทะลวงผ่านหน้าอกของอีกฝ่ายไปอย่างฉับพลัน

พุฟฟ ! ร่างของอีกฝ่ายได้ระเบิดออกก่อนที่ดวงวิญญาณของเขาเองก็จะแหลกสลายหายไปโดยที่ไม่ทันจะได้ตอบสนอง

นี่ทำให้ทั้ง 11 คนที่เหลือต่างผงะไป

“น้องสิบสอง ! ”

อีกฝ่ายที่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่ากลับถูกสังหารลงได้ง่ายๆนี่ทำให้คนที่เหลือได้แต่ประหลาดใจและโกรธจัดไปในเวลาเดียวกัน

“เจ้ามันรนหาที่ตาย ! ”

หนึ่งในพวกเขาได้ส่งเสียงออกมาอย่างดังก่อนที่น้องที่แปดในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางจะคว้ามือเข้าใส่ทางหลินเทียน

มิติโดยรอบส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมาขณะที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงกวาดเข้าใส่ทางหลินเทียน

“คนที่รนหาที่ตายมันเป็นพวกเจ้าต่างหาก ”

หลินเทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส

เขาโบกมือของเขาออกไปคว้าแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่จะบดขยี้แขนของมันลงแล้วอัดร่างของอีกฝ่ายจนระเบิดออกเป็นกองเลือด

วิ้สส !

เหลือเพียงดวงวิญญาณของมันที่พุ่งหนีออกไปด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นเป็นอย่างมาก

หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่เย็นชาก่อนที่เปลวเพลิงหยางบริสุทธิ์ของเขาจะโอบร่างของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างรวดเร็ว

“อ๊ากกก ~! ”

มันได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาพลางพยายามดิ้นพล่านก่อนที่ดวงวิญญาณจะดับสูญไป

 

 

 


ตอนที่ 1375

 

บนยอดภูเขาไท่นั้นสีหน้าของผู้คนทั้งหลายต่างพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะไม่คิดเลยว่าจะมีตัวตนที่สามารถสังหารได้แม้กระทั่งจักรพรรดิว่างเปล่าอยู่บนโลกใบนี้แถมยังเป็นการสังหารในชั่วพริบตาอีกด้วย

พยัคฆ์ขาวและเซียนเซียนที่อยู่ห่างออกไปเองก็ได้แต่มองมาทางนี้ด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงไม่ต่างกัน

“เจ้าหนูนี่มัน…….”

พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา

จักรพรรดิว่างเปล่าตอนต้นกลับถูกสังหารลงง่ายๆแบบนั้นนี่มันต้องแข็งแกร่งถึงขนาดไหนกัน ?!

หลินเทียนหันมองออกไปด้านหน้าพร้อมจ้องไปยังชายกว่า 11 คนที่ส่งกลิ่นอายอันทรงพลังของเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนต้นสองคน ตอนกลางสี่คน ตอนปลายอีกสามคนและกึ่งนิรันด์อมตะอีกหนึ่งคนออกมา

สายตาของเขายังคงความไม่แยแสไม่ได้สนใจอะไรก่อนที่จะก้าวเดินออกไปทางพวกเขา

“อย่าอวดดีให้มันมากนักนะเจ้าคนชั้นต่ำ ! ”

สายตาของทั้งสิบเอ็ดคนต่างผงะไปก่อนที่จะส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมา

ตู้มมม ! ทั้งสามคนพากันกระโจนออกมาพร้อมทั้งสังเวยทักษะเทวะอันทรงพลังอัดเข้าใส่อย่างไม่รอช้า

คลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งผ่านอากาศเข้าใส่ทำให้มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะแตกออกเป็นชิ้นๆ

“ตาย ! ”

ทั้งสามคนส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาระหว่างที่ทักษะเทวะอันทรงพลังพุ่งเข้าใส่ทางหลินเทียนพร้อมๆกัน

หลินเทียนโบกมือสังเวยเอาศิลาหินออกมาจากร่างเพื่อปกป้องภูเขาไท่แห่งนี้เอาไว้

หลังจากนั้นเขายังคงก้าวออกไปพร้อมทั้งเหวี่ยงฝ่ามือออกไปรับการโจมตีของอีกฝ่ายเอาไว้

“ฟึ้บบ ! ”

“ฟึ้บ ! ”

“ฟึ้บบ ! ”

เสียงนี้ถูกส่งออกมาขณะที่การโจมตีของทั้งสามคนได้แหลกสลายลงในฝ่ามือของเขา

แค่ความแข็งแกร่งทางร่างกายก็ยังทรงพลังได้ถึงขนาดนี้ !

“เป็นไปไม่ได้ ! ”

ทั้งสามคนได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาจนใบหน้าเปลี่ยนสีไปและอดก้าวถอยกลับไปไม่ได้

เป็นเพราะว่าทักษะเทวะอันทรงพลังที่พวกเขาสังเวยออกมาล้วนแล้วแต่ถูกทำลายลงด้วยการเหวี่ยงมือตบธรรมดาๆเท่านั้น

หลินเทียนก้าวเดินออกไปด้วยความเร็วที่สูงขึ้นอย่างมากก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของพวกเขาอย่างรวดเร็ว

“ทึ้มมม ~! ”

เขาเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังอัดเข้าใส่ศัตรูตรงหน้าพร้อมทั้งโบกมือออกไปคว้าร่างวิญญาณอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่จะซัดอักขระบดขยี้ดวงวิญญาณของมันลงอย่างง่ายดาย

เป็นการสังหารอย่างหมดจด !

“ไอ้ระยำ ! ”

ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายส่งเสียงออกมาอย่างดังด้วยดวงตาที่ส่องประกายความเย็นยะเยือกถึงขีดสุดออกมาพลางสังเวยเอาสัจธรรมมากมายออกมาโอบร่างของหลินเทียนเอาไว้

มิติโดยรอบได้ระเบิดออกอย่างรุนแรงและหากว่าไม่ได้เป็นเพราะภูเขาไท่ได้ถูกหลินเทียนปกป้องเอาไว้แล้วก็คงจะถล่มลงมานานแล้ว

หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบพลางเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังเข้าใส่อย่างจัง

พลังแห่งสัจธรรมอันเข้มข้นถูกบดขยี้สลายหายไปด้วยหมัดๆนี้

นี่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่ส่งเสียงอุทานออกมาว่า

“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”

เขานั้นอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายแถมยังใช้พลังกว่าแปดในสิบส่วนทว่าก็ยังถูกหมัดๆเดียวทำลายลงได้ง่ายๆ !

หลินเทียนก้าวออกไปด้วยความเร็วที่สูงอย่างมากพร้อมทั้งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลเข้าใส่อย่างไม่ปราณี

“โร๊วว ! ”

“กรี้ ~~! ”

เสียงมังกรและฟินิกซ์กู่ร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ภาพร่างของสัตว์เทวะทั้งสองพวยพุ่งอัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

พุฟฟ ! ร่างของมันได้แหลกสลายหายไปเหลือไว้เพียงดวงวิญญาณที่พุ่งหนีไปด้วยสภาพที่น่าอนาถเท่านั้น

หลินเทียนพุ่งตามออกไปด้วยก้าวย่างแห่งสวรรค์พร้อมทั้งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าดวงวิญญาณของมัน

“เจ้า…..”

“ตาย ! ”

เขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาพร้อมทั้งซัดอักขระเข้าใส่อย่างจัง

“อ๊ากก ~~! ”

อักขระอันทรงพลังแปรเปลี่ยนกลายเป็นทักษะเทวะที่หลอมวิญญาณของอีกฝ่ายลงได้ง่ายๆขณะที่มันพยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่สีหน้าของผู้รุกรานทั้งหลายต่างพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงพร้อมทั้งกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนเพราะไม่มีทางที่จะปล่อยให้เขาฆ่าพวกพ้องตนเองลงแบบนี้

หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ไม่ได้ขยับไปไหนพร้อมทั้งส่งความคิดออกไปแล้วสร้างทะเลเปลวเพลิงหยางบริสุทธิ์ขึ้นรอบตัวของเขาเพื่อเผาทำลายทุกสรรพสิ่งให้วอดสาย

นี่ทำให้การโจมตีของทุกคนที่ส่งเขามาปะทะเข้ากับเปลวเพลิงอย่างจัง

“อ๊ากก ~~~ ! ”

เสียงกรีดร้องโหยหวนถูกส่งตามออกมาขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าที่ถูกเปลวเพลิงคลอกได้ถูกเผาจนร่างแหลกสลายขณะที่ดวงวิญญาณกำลังเผาไหม้โดยที่ไม่สามารถต่อต้านได้แม้แต่น้อย

เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาจากจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายในมือของหลินเทียนเช่นเดียวกันก่อนที่ดวงวิญญาณของมันจะแหลกสลายหายไป

นี่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่ยังเหลือรอดอยู่มีเพียงเจ็ดคนสุดท้ายเท่านั้น

“ไอ้ระยำ ! ”

เสียงคำรามด้วยความโกรธถูกส่งออกมาพร้อมๆกับจิตสังหารอันเข้มข้น

ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันด์อมตะได้เคลื่อนไหวพร้อมทั้งดึงเอาพลังจากหมู่ดาวเข้ามาทำลายล้างเปลวเพลิงของเขาก่อนที่จะสร้างกระบี่ดวงดาวขึ้นแล้วฟาดฟันเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่ปราณี

สีหน้าของหลินเทียนยังคงราบเรียบแต่ก็ไม่สามารถประมาทได้เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงตัวตนระดับกึ่งนิรันด์อมตะ

เขาประสานมือเข้าหากันพร้อมทั้งดึงเอาพลังจากหมู่ดาวเข้ามาพลางสังเวยวงเวทย์หยินหยางออกไปรับการโจมตีของอีกฝ่ายเอาไว้

การโจมตีของพวกเขาทั้งสองคนได้อัดเข้าใส่กันอย่างจัง

สถานที่แห่งนี้ได้สั่นไหวอย่างต่อเนื่องขณะที่มิติระเบิดออกเหลือไว้เพียงห้วงความโกลาหลเท่านั้น

ไม่นานประกายแสงทั้งหลายก็สลายหายไปขณะที่ทักษะเทวะของอีกฝ่ายแหลกสลายลง

“สามารถรับการโจมตีของพี่ใหญ่ได้ ?! ”

หลายๆคนต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะว่าพี่ใหญ่ของพวกเขาอยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันด์อมตะทว่าตอนนี้อีกฝ่ายกลับสามารถทำลายการโจมตีระดับนี้ได้

พยัคฆ์ขาวและเซียนเซียนที่อยู่ห่างออกไปเองก็ตกตะลึงไม่น้อยเพราะว่าหลินเทียนที่เพิ่งตัดผ่านกลับสามารถต่อกรกับคนระดับนี้ได้?!

“เพิ่งตัดผ่านมาแท้ๆแต่กลับกลายเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานภายใต้เขตแดนนิรันด์อมตะไปแล้ว ?! ”

พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมาด้วยความรู้สึกขนหัวลุก

ชายวัยกลางคนชุดดำที่อยู่ห่างออกไปซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มศัตรูเองก็ได้แต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเพราะไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะสามารถรับการโจมตีอันทรงพลังของหมู่ดาวนั้นได้

เขาได้แต่มองมาทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกยิ่งกว่าเก่าขณะที่พลังเทวะพวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่งพร้อมทั้งสังเวยเอาเตาพลังวิญญาณสีดำเข้มออกมา

เตานี้รายล้อมไปด้วยอักขระมากมายส่องประกายแสงอันทรงพลังออกมา

“เตาพลังวิญญาณหวานฮุนของพี่ใหญ่ ! ”

“ใช้แกนดาวมาเป็นวัตถุดิบในการหลอมอยู่กว่า 7749 วัน จนได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในอาวุธบรรพบุรุษ ! ”

เหล่าผู้คนพากันส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเพราะว่านี่คืออาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดในมือของพี่ใหญ่พวกเขา

สีหน้าของพยัคฆ์ขาวและเซียนเซียนที่อยู่ห่างออกไปเองก็เปลี่ยนไปไม่น้อย

ชายวัยกลางคนชุดดำคนนี้หันมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกก่อนที่จะพูดขึ้นว่า

“ข้าจะเอาเลือดเจ้าสังเวยวิญญาณให้กับน้องทั้งเก้าของข้า ! ”

เตาพลังวิญญาณเหนือศีรษะของเขาได้ส่องประกายแสงสีดำอันทรงพลังออกมาพุ่งเข้าใส่ทางหลินเทียนด้วยพลังที่หม่นหมองไม่ต่างจากถูกส่งออกมาจากดวงวิญญาณนับหมื่นจากขุมนรก

เปรี้ยย ~!

มิติโดยรอบได้แหลกสลายหายไปไม่มีเหลือพร้อมเผยให้เห็นห้วงความโกลาหลที่อยู่ภายใน

หลินเทียนเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลของเขาออกไปอัดกระแทกเข้ากับการโจมตีนี้

ตู้มม !

ตู้ม !

ตู้มมม !

หมัดและเตาพลังวิญญาณอัดเข้าใส่กันอย่างต่อเนื่องทำให้ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมา

เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วขณะที่เขารู้สึกชาอยู่ที่มือเพราะต้องยอมรับเลยว่าเตาพลังวิญญาณของอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งมากๆและสมแล้วจริงๆที่ได้ชื่อว่าเป็นราชันในหมู่อาวุธบรรพบุรุษ

อีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองมาทางเขาเองก็ได้ส่งเสียงออกมาว่า

“การที่สามารถต่อกรกับเตาพลังวิญญาณหวานฮุนได้แบบนี้เจ้าแข็งแกร่งไม่เบาหนิ ”

เป็นเพราะว่ามันคือไพ่ตายของเขาเพราะต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายก็ไม่สามารถต้านทานได้ทว่าหลินเทียนกลับยังต่อต้านได้นานขนาดนี้

เมื่อมองออกไปทางหลินเทียนแล้วเขาก็อดแสยะออกมาไม่ได้ก่อนที่จะปลดปล่อยคลื่นพลังที่หนักหน่วงกว่าเก่าออกมา

เตาพลังวิญญาณหวานฮุนได้ส่องประกายแสงออกมาอย่างเข้มข้นขณะที่กลิ่นอายของมันพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

กลิ่นอายทำลายล้างระดับนี้ทำให้ผู้คนได้แต่สั่นด้วยความกลัว

“รุมมันเร็วๆ อย่าให้มันทำให้การก้าวข้ามไปยังดินแดนนิรันดร์ของเราช้าลง ”

ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายที่อยู่ห่างออกไปได้ส่งเสียงออกมาพลางกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียน

หลายคนเข้าประชิดร่างของหลินเทียนก่อนที่จะสังเวยทักษะเทวะอันทรงพลังออกมาอัดเข้าใส่ทางเขาจากทุกทิศทาง

“ท่านอาจารย์ ! ”

เซียนเซียนที่อยู่ห่างออกไปอดส่งเสียงกรีดร้องออกมาไม่ได้เพราะแรงกดดันที่หลายคนส่งออกมานั้นรุนแรงอย่างมากถึงขั้นที่ไม่สามารถเทียบได้กับก่อนหน้านี้เลยด้วยซ้ำ

ตู้มมม !

คลื่นพลังอันหนักหน่วงถูกส่งออกมาอย่างรุนแรงพร้อมทั้งบดขยี้มิติโดยรอบออกเป็นชิ้นๆ

“ตาย ! ”

ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายพากันส่งเสียงออกมาขณะที่หัวหน้ากลุ่มพวกเขาส่งพลังทำลายล้างที่รุนแรงยิ่งกว่าเก่าออกมา

หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบก่อนที่จะสังเวยเอาเจดีย์ราชันอมตะออกมาจากร่างพร้อมทั้งรับการโจมตีของทุกคนเอาไว้

นี่คืออาวุธวิญญาณของเขาที่สร้างขึ้นจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลและผ่านการหล่อหลอมจากทัณฑ์สายฟ้ามาหลายครั้งทำให้อักขระของมันส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมาอย่างเข้มข้น

เปรี้ย ~!

เสียงปริแตกถูกส่งออกมาหลังจากที่อาวุธทั้งสองได้ปะทะเข้าใส่กันและกันก่อนที่เตาพลังวิญญาณจะแตกสลายหายไป

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เจดีย์ราชันอมตะได้สั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่จะบดขยี้ทักษะเทวะของอีกฝ่ายพร้อมทั้งสังหารสองคนในหมู่พวกเขาลงอย่างฉับพลัน

 

 

 


ตอนที่ 1377

 

รอยแยกยังคงส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมาอย่างเข้มข้น

มันเป็นประกายแสงที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายแห่งนิรันดร์ซึ่งบ่งบอกเลยว่าเป็นเส้นทางไปสู่ดินแดนนิรันดร์ในตำนานที่ถูกผนึกเอาไว้ที่นี่

อย่างไรก็ตามหลินเทียนและคนอื่นๆไม่ได้ขยับไปไหนและได้แต่จ้องมองไปทางมันด้วยสายตาแปลกๆ

เพราะก่อนหน้านี้ศัตรูทั้งสองคนที่พุ่งเข้าไปต่างพากันส่งเสียงกรีดร้องออกมาเสมือนว่าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องที่อันตรายเข้าและตกตายลงที่นั่น

พวกเขารู้ดีว่ามันเป็นเส้นทางที่ผู้เชี่ยวชาญในอดีตได้ผนึกเอาไว้แต่ใครจะกล้าก้าวข้ามไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้ากัน ?!

แม้กระทั่งหลินเทียนเองก็ยังได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกต่ำออกมา

เขาหันมองออกไปพร้อมทั้งคว้านกที่อยู่ห่างออกไปแล้วโยนเข้าใส่

วินาทีที่นกตัวนั้นหลุดเข้าไปภายในรอยแยกก็ได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างดังก่อนที่จะสงบลง

แน่นอนว่ามันตกตายลงอย่างเห็นได้ชัด

เขาได้หยุดพักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะโยนมันเข้าไปอีกหลายๆครั้งแต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ได้ต่างกัน

ทุกตัวตกตายลงทั้งหมด

“ด้านหลังรอยแยกนี้มันคืออะไรกัน ……..”

เซียนเซียนได้แต่สั่นสะท้านไป

เป็นเพราะว่ากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถตัดสินอะไรได้ว่ามันนำทางไปยังดินแดนนิรันดร์หรือขุมนรกกันแน่

หลินเทียนได้แต่จ้องมองไปทางมันด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันยิ่งกว่าเก่าและไม่กล้าก้าวออกไป

“บึ้สสส ! ”

มันเป็นตอนนี้เองที่กระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขาได้สั่นไหวเล็กน้อยพร้อมทั้งชี้นำไปยังสถานที่ตรงหน้า

นี่ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยทันทีเพราะว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มันหมายความว่ากระบี่เทวะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่

มันแสดงให้เห็นว่าด้านหลังนี้มีเศษเสี้ยวกระบี่อยู่ !

“นี่……”

มันทำให้ดวงตาของเขาส่องประกายออกมา

เซียนเซียนที่อยู่ข้างๆและตระหนักได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเขาก็ได้ถามออกมาว่า

“ท่านอาจารย์ ท่านเป็นอะไรไป ? ”

พยัคฆ์ขาวเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน

หลินเทียนได้แต่มองออกไปยังรอยแยกตรงหน้าที่ส่องประกายแสงออกมาอย่างเรือนรางโดยที่แม้แต่จิตสัมผัสของเขาก็มิอาจตรวจสอบได้

“เจ้าเฝ้าอยู่ด้านนอกก่อนแล้วกัน ข้าจะเข้าไปหาบางสิ่งและดูว่ามันเป็นเส้นทางที่นำไปสู่ดินแดนนิรันดร์หรือไม่ แล้วข้าจะกลับมาบอก ”

เขาหันไปพูดกับทั้งสองคน

เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วอีกสองคนก็ได้แต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก

“ท่านอาจารย์โปรดคิดดูดีๆเพราะมันเป็นสถานที่ๆอันตรายมากๆ ! ”

เซียนเซียนส่งเสียงออกมาด้วยความเป็นห่วง

เป็นเพราะถึงขนาดที่ว่าจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายสองคนเองก็ยังได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาก็แสดงให้เห็นถึงความอันตรายที่รออยู่เบื้องหลังสถานที่แห่งนี้แล้วทำให้นางไม่อยากให้หลินเทียนต้องพบเจอกับชะตากรรมแบบเดียวกัน

“ไม่เป็นไรหรอก ข้าจะระมัดระวัง ”

หลินเทียนพูดออกมา

เป็นเพราะว่ากระบี่เทวะภายในร่างได้ตอบสนองดังนั้นถึงอย่างไรเขาก็จำเป็นต้องไปอยู่ดี

“แต่ว่า….”

เซียนเซียนแสดงสีหน้าที่เป็นกังวลออกมา

“ไม่ต้องกังวล ”

หลินเทียนโบกมือเรียกเอาศิลาหินกลับมาพร้อมทั้งใช้มันปกป้องร่างกายเอาไว้ก่อนที่จะก้าวเดินออกไป

มันเป็นรอยแยกความกว้างประมาณสิบเมตรรายล้อมไปด้วยประกายแสงเจิดจรัสขณะที่เขาก้าวผ่านเข้าไปอย่างช้าๆ

ทันใดนั้นเองที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้โถมเข้ามาจากรอบทิศทางพร้อมๆกับกลิ่นอายแห่งความตายอันเข้มข้น

ร่างกายของเขาได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงพร้อมทั้งรู้สึกเสมือนว่ากำลังถูกฟาดเข้าที่หน้าอกอย่างจังทำให้เขากระอักเลือดออกมาด้วยใบหน้าที่ตกต่ำอย่างมากก่อนที่จะรีบหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อเปิดการทำงานของศิลาหินเพื่อปกป้องร่างกายของเขาเอาไว้

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาสามารถมองเห็นภาพเรือนรางที่อยู่รอบทิศทางได้อย่างชัดเจน

เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับสถานที่ๆเต็มไปด้วยกลุ่มหมอกสีขาวและกองซากศพจำนวนมหาศาล

“นี่มัน ?! ”

เขาได้แต่อดสั่นสะท้านไปไม่ได้

เป็นเพราะมันเป็นกองภูเขาซากศพมากมายที่ส่งกลุ่มหมอกที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายอันเข้มข้นออกมาเสมือนว่าเพียงแค่เศษเสี้ยวของมันก็เพียงพอจะกัดกร่อนทุกสิ่ง

เขาหันมองออกไปพร้อมทั้งพบกับโครงกระดูกตรงหน้าที่ดูเหมือนว่าเพิ่งจะตกตายลงพลางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยของผู้รุกรานทั้งสองคนและฝูงนกที่เขาโยนเข้ามาก่อนหน้านี้

“พวกมันตกตายลงเพราะสิ่งนี้ ?! ”

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยทันทีก่อนที่จะหันมองออกไปยังกลุ่มหมอกแล้วพูดออกมาว่า

“โครงกระดูกพวกนี้เป็นของผู้เชี่ยวชาญที่เข้าร่วมสงครามในอดีต ? ”

เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงถึงขีดสุดออกมาเพราะว่าด้วยจำนวนโครงกระดูกนี้มันมีไม่ต่ำกว่าล้านคนอย่างแน่นอน

ต้องรู้ก่อนนะว่ามันเป็นสงครามทำลายล้างที่ทำลายพื้นที่ดาวโลกไปกว่าเก้าในสิบส่วน

นี่ทำให้เขาไม่สามารถประมาณการณ์จำนวนผู้เสียชีวิตได้เลยด้วยซ้ำ

มันจะต้องเป็นจำนวนที่มหาศาลจนน่ากลัว !

“ทึ้มมม ~! ”

มิติโดยรอบได้สั่นไหวก่อนที่กลุ่มหมอกที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายจะพากันรวยล้อมร่างของเขาเอาไว้เสมือนว่าต้องการจะกัดกร่อนร่างของเขาไป

หลินเทียนได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงเพราะแม้จะมีอาวุธอนันตกาลคอยปกป้องร่างกายเอาไว้แต่ก็ยังอดรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนไม่ได้

เป็นเพราะว่าศพที่อยู่ที่นี่มันมีมากเกินไปแถมก่อนตายยังเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งอย่างมากดังนั้นกลิ่นอายแห่งความตายที่ส่งออกมาถึงได้ทรงพลังจนน่ากลัว

เขาพยายามหมุนวนพลังถึงขีดสุดเพื่ออาศัยศิลาหินปกป้องร่างเอาไว้พร้อมๆกับสังเวยเอาเจดีย์ราชันอมตะออกมา

แม้ว่าตอนนี้มันจะยังเทียบชั้นกับศิลาหินไม่ได้ทว่ามันถูกหลอมขึ้นจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลดังนั้นถึงได้พอจะสามารถต่อต้านกลิ่นอายแห่งความตายด้วยกลิ่นอายโกลาหลได้

 

 

 


ตอนที่ 1378

 

โครงกระดูกมากมายเรียงรายกันอยู่รอบทิศทางขณะที่กลุ่มหมอกแห่งความตายที่เบาบางแต่กลับให้ความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัวถูกปลดปล่อยออกมา

แม้หลินเทียนจะใช้ศิลาหินและเจดีย์ราชันอมตะปกป้องร่างกายเอาไว้แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกขนหัวลุกได้อยู่ดี

“น่ากลัวจริงๆ ”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง

กลิ่นอายแห่งความตายภายในสถานที่แห่งนี้มันรุนแรงเกินไปทำให้หัวใจของเขาได้แต่สั่นไหวอย่างรุนแรง

เขาได้ตั้งสติเล็กน้อยก่อนที่จะจ้องมองออกไปยังกองซากศพตรงหน้าที่ชี้นำไปยังสถานที่ๆลึกลับ

บึ้สส !

กระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขาสั่นไหวอีกครั้งขณะที่ประกายแสงเจ็ดสีถูกส่งออกมาเพื่อชี้นำเขาไปยังเส้นทางด้านหน้า

เขาได้นิ่งไปพักหนึ่งก่อนที่จะเริ่มก้าวเดินออกไป

การตอบสนองของกระบี่เทวะบ่งบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันค้นพบเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อยู่เบื้องหน้า

เขาก้าวเดินผ่านกองซากศพมากมายพร้อมทั้งมีเสียงกระดูกแตกหักถูกส่งออกมาพักๆขณะที่กลุ่มหมอกพากันโถมเข้าใส่ร่างของเขาด้วยพลังที่สามารถทำลายได้ทุกสรรพสิ่ง

เขาปกป้องร่างกายเอาไว้ด้วยอาวุธทั้งสองขณะที่ก้าวเดินต่อไปด้วยสีหน้าที่จริงจังและระมัดระวังอย่างมาก

พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสิบห้านาทีและมันเป็นตอนนี้เองที่กระบี่เทวะภายในร่างของเขาได้สั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมทั้งปลดปล่อยประกายแสงที่ทรงพลังยิ่งกว่าเก่าออกมา

หลังจากนั้นเองที่มิติตรงหน้าได้ปริแตกก่อนที่รอยแยกจะขยายตัวออกอย่างรวดเร็ว

เปรี้ยย ~!

ท้ายที่สุดมิติตรงหน้าก็แหลกสลายพร้อมเผยให้เป็นประกายแสงสีม่วงที่อยู่ภายใน

กลุ่มก้อนพลังงานเจ็ดสีพุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว

“พบแล้ว ”

ดวงตาของเขาเปล่งประกายออกมาโดยทันที

เป็นเพราะว่าของสิ่งนี้มันมีความสำคัญกับเขามากๆดังนั้นการที่ได้พบมันที่นี่ถึงได้ทำให้เขามีความสุขอย่างมากเพราะถึงอย่างไรการที่เขาได้ก้าวเดินบนเส้นทางบ่มเพาะนี้ก็เพราะมันจึงคาดหวังที่จะให้มันสมบูรณ์แบบอีกครั้ง

เมื่อมันกลับมาสมบูรณ์อีกครั้งแล้วเขาเชื่ออย่างสุดในเลยว่ามันจะสามารถทำลายได้ทุกสิ่งอย่างแน่นอน

เขามองออกไปยังกลุ่มก้อนพลังเล็กน้อยก่อนที่จะยื่นมือขวาของเขาออกไปจับมันเอาไว้

เศษเสี้ยวกระบี่ได้สั่นไหวก่อนที่จะส่องประกายแสงเจ็ดสีออกมา

หลังจากนั้นไม่นานมันก็ได้ไหลซึมเข้าสู่ร่างของเขาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะพุ่งตรงไปยังกระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขา

ไม่นานมันก็ผสานเข้ากับตัวกระบี่เทวะพร้อมทั้งส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมา

บึ้สสส !

ประกายแสงนี้แผดกระจายออกไปทั่วทะเลความรู้ของเขาอย่างรวดเร็ว

หลินเทียนที่คุ้นเคยอยู่กับเรื่องแบบนี้อยู่แล้วก็รีบหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งหล่อหลอมพลังที่อยู่ภายในร่างของเขา

นี่ทำให้ร่างกายของเขาเริ่มเปล่งประกายแสงสีทองออกมาอย่างเข้มข้นและหลังจากนั้นกลิ่นอายของเขาก็เริ่มพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

บึ้สสส ~!

ประกายแสงสีทองส่องประกายเจิดจรัสออกมา

พริบตาเวลาก็ได้ผ่านพ้นไปกว่าสามวันเต็มและมันเป็นวันนี้เองที่พลังทั้งหมดได้ถูกเขาหล่อหลอมอย่างสมบูรณ์ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นมากถึงขั้นที่แทบจะตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางได้แล้ว

เพราะถึงอย่างไรการที่จะตัดผ่านระดับกลางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยแม้แต่น้อย

เขาหยุดการหมุนวนก่อนที่จะกวาดจิตสัมผัสออกไปรอบๆพร้อมพบว่าอักขระที่รายล้อมกระบี่เทวะเอาไว้ยิ่งดูชัดเจนมากยิ่งขึ้นแม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้าใจมันได้ก็ตามที

“ยังมีอยู่กว่าสองในห้าส่วนที่ยังเรือนลาง คาดหวังให้วันที่เจ้าสมบูรณ์มาถึงไวๆจริงๆ ”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง

อักขระที่รายล้อมกระบี่เทวะของดูลึกลับซับซ้อนอย่างมากและทุกครั้งที่เศษเสี้ยววิญญาณของมันผสานเข้าด้วยกันแล้วก็จะทำให้มันชัดเจนมากยิ่งขึ้นและหากว่าถึงวันที่มันสมบูรณ์แล้วเขาก็เชื่อว่ามันจะต้องเป็นอาวุธเทวะที่ทรงพลังมากที่สุดอย่างแน่นอน

เขาสำรวจมันด้วยจิตสัมผัสก่อนที่ดวงตาของเขาจะเปล่งประกายออกมา

ไม่นานหลังจากนั้นประกายแสงสีทองที่แผดออกมาจากร่างของเขาก็สลายหายไปอย่างรวดเร็วก่อนที่สายตาของเขาจะจับจ้องไปเบื้องหน้าอีกครั้ง

“มันนำพาเราไปยังดินแดนนิรันดร์ ? ”

เขาเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะก้าวออกไป

ดินแดนนิรันดร์นั้นเป็นสถานที่ในตำนานที่อยู่เหนือห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่ๆเหล่าผู้บ่มเพาะต่างโหยหา

มันเป็นสถานที่ในตำนานที่เขาเองก็ให้ความสำคัญไม่น้อยและอยากจะรู้ว่าเส้นทางนี้มันจะนำพาไปถึงไหน

เขาก้าวเดินออกไปตามเส้นทางที่รายล้อมไปด้วยซากศพเป็นเวลาอยู่นานขณะที่ความเข้มข้นของกลิ่นอายแห่งความตายยิ่งพุ่งสูงขึ้นถึงขั้นที่แม้จะมีอาวุธทั้งสองคอยปกป้องเอาไว้ก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่หนักหน่วง

อย่างไรก็ตามสำหรับเขาแล้วมันไม่ถือว่าเป็นปัญหามากนักเพราะเขาเองก็ยังสามารถอดทนและก้าวต่อไปได้

พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปถึงสามวันเต็ม

วันนี้เป็นวันที่กลิ่นอายแห่งความตายพุ่งสูงถึงขีดสุด

แต่มันเป็นเวลาเดียวกันที่เขาพบว่าตรงหน้าของเขาไม่มีเส้นทางใดๆอีกต่อไป

“นี่มัน….”

สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปโดยทันที

เป็นเพราะว่าภาพตรงหน้าของเขาก็ไม่ได้ต่างไปจากปกติ

เขาหมุนวนเคล็ดวิชาฝังมังกรก่อนที่จะส่งมันออกไปยังกลุ่มหมอกตรงหน้าทว่ามันกลับถูกกลืนกินไปอย่างสมบูรณ์โดยที่ไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้

แต่แม้จะมันจะไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังสัจธรรมแห่งนิรันด์อันเข้มข้น

“สัจธรรมแห่งนิรันด์…….ด้านหลังกลุ่มหมอกพวกนี้คือดินแดนแห่งนิรันดร์ในตำนาน ? ”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเองพร้อมทั้งตั้งข้อสงสัยว่า

“เป็นเพราะว่าสมบัติสวรรค์ได้ตกลงมาที่โลกใบนี้ดังนั้นม่านพลังที่ขวางกั้นระหว่างสองดินแดนถึงได้ถูกทำลายลงและเกิดเป็นช่องว่างมิติที่เชื่อมต่อระหว่างดาวจักรพรรดิทางช้างเผือกและดินแดนนิรันดร์ซึ่งหลังจากที่ผนึกอยู่นานช่องว่างระหว่างพวกมันก็ได้รักษาตัวมันเอง ? ”


 

 

 


ตอนที่ 1379

 

สำหรับเรื่องสมบัติสวรรค์ที่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าเมื่อครั้งอดีตมันทำให้เขารู้สึกสนใจอย่างมากเพราะถึงอย่างไรมันก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญมากมายสังหารเพื่อแย่งชิงมันถึงขั้นที่ดวงดาวแทบจะแหลกสลายไปทั้งดวง

เขาได้แต่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะส่ายศีรษะพร้อมทั้งไม่ได้สนใจอะไรต่อเพราะว่าต่อให้สนใจไปก็ไม่สามารถคาดเดาได้อยู่ดี

ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาดังนั้นถึงไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรด้วยซ้ำ

“ดินแดนนิรันดร์ ”

เขาได้แต่มองออกไปเบื้องหน้าและไม่ได้คิดจะก้าวข้ามไปเพราะว่ายังเป็นไปไม่ได้เนื่องจากอันตรายตรงหน้าที่เข้มข้นเกินไปถึงขั้นที่ว่าต่อให้เป็นเขตแดนอนันตกาลก็ไม่มีทางรับมือได้

เขายืนอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินกลับออกไป

เศษเสี้ยวกระบี่เทวะที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้ก็ได้ผสานเข้ากับร่างของเขาไปแล้วทำให้เขาไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ทีนี่อีกต่อไป

เขาปกป้องร่างกายเอาไว้ด้วยอาวุธทั้งสองก่อนที่จะก้าวเดินกลับออกไปทางเก่าจนปรากฏตัวขึ้นหน้าภูเขาไท่อย่างรวดเร็ว

“ท่านอาจารย์ ! ”

เซียนเซียนและพยัคฆ์ขาวที่อยู่ด้านนอกและเห็นการกลับมาของเขาต่างรีบก้าวออกมาต้อนรับ

“ท่านอาจารย์เป็นอย่างไรบ้าง ? ”

นางถามออกมาด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นอะไร ”

หลินเทียนส่ายศีรษะตอบกลับไป

เซียนเซียนและพยัคฆ์ขาวที่เห็นเช่นนั้นเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่หมดห่วงออกมา

“แล้วสถานการณ์ภายในเป็นอย่างไรบ้าง ? เป็นดั่งที่ตำนานว่าเอาไว้จริงๆ ? ”

พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา

เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วเซียนเซียนเองก็ได้แต่จ้องมองมาทางเขาด้วยสีหน้าที่รู้สึกสนใจไม่ต่างกัน

เพราะถึงอย่างไรตำนานที่ว่าเอาไว้คือมันเป็นเส้นทางไปยังดินแดนนิรันดร์

“ตำนานไม่ได้เป็นเรื่องโกหก ด้านหลังนั้นเป็นเส้นทางไปสู่ดินแดนนิรันดร์จริงๆแต่มันถูกทำลายลง ”

หลินเทียนพูดออกมา

เขาไม่ได้ปิดบังอะไรพร้อมทั้งอธิบายถึงสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นให้กับทั้งสองคน

แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องของเศษเสี้ยวกระบี่เทวะ

“เป็นเส้นทางไปสู่ดินแดนนิรันดร์จริงๆงั้นรึ ”

พยัคฆ์ขาวพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เหม่อลอย

“น่าเสียดายที่มันถูกทำลายไปแล้ว ไม่เหลือคุณค่าอะไรอยู่อีกแล้ว ”

เซียนเซียนพูดออกมา

เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเทียนแล้วพวกเขาก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจและผิดหวังออกมาพร้อมๆกับเพราะได้รู้ว่าเส้นทางในตอนนี้ได้ถูกทำลายไปแล้วทำให้ไม่สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้

“แล้วจะเอายังไงกับรอยแยกนี้ดีล่ะ ? ”

พยัคฆ์ขาวได้ถามออกมา

“ก็ผนึกมันอีกครั้ง ”

หลินเทียนตอบกลับไป

หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้ประสานมือเข้าหากันพร้อมทั้งสังเวยวงเวทย์หยินหยางทั้งหกชั้นขึ้นมาพลางโบกออกไปปกคลุมรอยแยกเหล่านั้นเอาไว้

หลังจากนั้นไม่นานรอยแยกก็ได้สลายหายไปขณะที่ท้องฟ้ากลับเป็นแบบเก่าอีกครั้ง

“ไม่คิดเลยว่าเส้นทางไปยังดินแดนนิรันดร์จะไม่มีเหลืออยู่อีกต่อไป ”

พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา

“หายไปก็ไม่เห็นเป็นอะไรเพราะมันไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถก้าวข้ามไปยังดินแดนนิรันดร์ได้ ”

หลินเทียนพูดออกมา

พวกเขาต่างยืนอยู่บนภูเขาไท่แห่งนี้และได้แต่มองลงไปยังพื้นที่ๆเต็มไปด้วยเลือดเจิ่งนองอยู่รอบทิศทาง

เป็นเพราะว่ามีผู้คนมากมายที่ตกตายลงที่นี่

“จิ้งจอกน้อย เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้กับขุมพลังทั้งหลายว่าสถานที่แห่งนี้กลับสู่สภาวะปกติแล้ว”

หลินเทียนพูดออกมา

ช่วงหลายปีมานี้ขุมพลังสำนักนิรันด์ของเขาได้ก้าวขึ้นเป็นขุมพลังอันดับหนึ่งของโลกไม่ใช่เพียงแค่ด้านผู้บ่มเพาะแต่มันรวมถึงเส้นสายทั้งทางสังคมและทางทหาร

“ค่ะท่านอาจารย์ ”

เซียนเซียนตอบกลับ

หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งส่งมอบหน้าที่ให้กับคนอื่นๆส่วนตัวเองก็เดินลงจากภูเขาไป

“ท่านอาจารย์จะไปไหน ? ไม่กลับไปที่สำนัก ?”

เซียนเซียนถามออกมา

หลินเทียนส่ายศีรษะของเขาพร้อมกับพูดว่า

“เที่ยวไปเรื่อย อีกสักพักข้าจะกลับไป ”

เซียนเซียนได้ตอบรับกลับมาและได้แต่มองไปยังร่างของหลินเทียนที่ค่อยๆเดินจากไปจนจางหายไปพลางหันมองไปทางพยัคฆ์ขาวแล้วเริ่มจัดการสิ่งต่างๆ

“อ่อใช่ เราสามารถแปลงภาพจิตสัมผัสตอนที่ท่านอาจารย์ต่อสู้ลงภายในอุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อใช้มันในการเพิ่มความน่าเลื่อมใสของสำนักเรา ”

ดวงตาของเซียนเซียนเปล่งประกายออกมาโดยทันที

ในตอนนี้แม้ว่านางจะเป็นผู้บ่มเพาะก็จริงทว่านางก็เป็นคนยุคใหม่ดังนั้นถึงได้เข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีเป็นอย่างดี

“เป็นความคิดที่ดีเพราะถึงอย่างไรผู้คนทั้งหลายก็เป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องภูเขาไท่นี่ หากว่ารู้ว่าเจ้าหนูหลินได้สังหารศัตรูตัวร้านทั้งหลายลงได้แล้วผู้ศรัทธาคงมีเพิ่มมากขึ้นแน่ๆ ”

พยัคฆ์ขาวได้ส่งเสียงออกมา

แม้ว่ามันไม่ได้เกิดในยุคนี้ทว่าหลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่หลายปีก็เริ่มปรับตัวเข้ากับยุคสมัยได้

“ข้าฉลาดจริงๆเลย ”

ดวงตาของเซียนเซียนส่องประกายออกมา

นางและพยัคฆ์ขาวต่างพากันรีบออกเดินทางไปอย่างรวดเร็ว

…………..

หลินเทียนที่กลับออกมาจากภูเขาไท่เองก็มุ่งหน้าไปยังภูเขาคุนหลุนอย่างรวดเร็ว

เขาไม่ได้แจ้งข่าวให้กับคนของขุนเขาทว่ากลับก้าวขึ้นไปเพื่อสัมผัสถึงเสน่ห์ของมัน

“ไม่ได้ด้อยไปกว่าภูเขาไท่เลย ”

เขาใช้เวลาอยู่กับสถานที่แห่งนี้อยู่นานหลายวันเพื่อสัมผัสถึงเสน่ห์ของมัน

“หากว่าไม่ได้เกิดสงครามขึ้นแล้วภูเขาคุนหลุมนี่มันจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน ? น่าจะยิ่งใหญ่พอๆกับโลกทั้งใบ ? ”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง

ตัวเขายังคงนั่งอยู่นานพร้อมทั้งหลับตาลงเพื่อสัมผัสถึงเสน่ห์ของมันพลางหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อดูดกลืนพลังจากหมู่ดาวเข้ามาผสานกับเสน่ห์ของมันทำให้ร่างกายของเขาสั่นไหวพร้อมๆกับกลิ่นอายที่พุ่งสูงขึ้นๆ

พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าครึ่งเดือน

ครึ่งเดือนมานี้เขาได้ลืมตากลับขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่จะผสานเสน่ห์ของคุนหลุนเข้ากับร่างอย่างสมบูรณ์ทำให้ร่างกายและพลังของเขาเพิ่มสูงขึ้นไปอีกระดับ

ดวงตาของเขาส่องประกายออกมาก่อนที่จะหันมองไปเล็กน้อยแล้วก้าวออกไป

“ขุนเขาเพ็งไล่ ขุนเขาหลูฉาน ขุนเขา……..”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเองก่อนที่จะเริ่มการออกเดินทางไปยังภูเขาถัดไป

ดาวดวงนี้ได้ชื่อว่าเป็นดาวจักรพรรดิทางช้างเผือกอันโด่งดังซึ่งภูเขาอันโด่งดังมากมายล้วนแล้วแต่คงอยู่มาจากยุคบรรพกาลดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าจะไปดูดซับเสน่ห์ของพวกมัน

ไม่นานเขาก็ได้ไปถึงภูเขาเพ็งไล่พร้อมทั้งก้าวเดินออกไปก่อนที่จะนั่งทำสมาธิเพื่อดูดกลืนเสน่ห์ของมันกว่าครึ่งเดือนแล้วจากไปโดยที่ไม่ได้แจ้งใคร

หลังจากนั้นไม่นานก็มุ่งหน้าต่อไปยังภูเขาหยิงจ้าวและต่อๆไปเพื่อเรียนรู้เสน่ห์ของมันทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นไปอีก

และระหว่างที่เขากำลังออกเดินทางไปยังภูเขาต่างๆนั้นเซียนเซียนก็ได้เผยแพร่ภาพการต่อสู้ของเขาไปยังทั่วทั้งโลกทำให้จำนวนผู้ศรัทธาเพิ่มสูงขึ้นไปอีกถึงขั้นที่ก้าวข้ามขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์ไปอย่างรวดเร็วและได้ชื่อว่าเป็นราชันอมตะที่อยู่ท่ามกลางจิตใจของผู้คนทั้งโลก

ช่วงแรกเขาเองก็รู้สึกประหลาดใจไปกับพลังที่ไหลท่วมเข้ามาก่อนที่จะตระหนักได้ถึงการกระทำของเซียนเซียนและอดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้

“เป็นจิ้งจอกน้อยที่มีไหวพริบจริงๆ ”

เขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

หลังจากนั้นก็ทำการนั่งขัดสมาธิลงไปเพื่อสัมผัสถึงเสน่ห์ของภูเขาต่อไป

ไม่นานเขาก็ได้ก้าวออกมาจากภูเขาลูกหนึ่งก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังขุนเขาที่โด่งดังอื่นๆ

พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปอีกกว่าสองปี

“ตู้มม ~! ”

มันเป็นตอนนี้เองที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง

หลังจากนั้นเองที่หลินเทียนได้พุ่งขึ้นมาจากก้นมหาสมุทรแปซิฟิกด้วยร่างกายที่อาบไปด้วยประกายแสงสีทองอร่าม

“เขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลาง ”

สองปีมานี้เขาใช้เวลาอยู่กับการเรียนรู้ถึงเสน่ห์ต่างๆของภูเขาเทวะทั้งหลายผสานกับพลังแห่งความเชื่อที่ทำให้เขาตัดผ่านเขตแดนนี้มาได้

เขาก้าวเดินออกไปด้วยสายตาที่เปล่งประกายออกมา

“ถึงเวลาต้องออกเดินทาง ”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง

 

 

 


ตอนที่ 1380

 

เขาใช้เวลาอยู่ที่โลกนี้กว่าเจ็ดปีแล้วแถมยังเก็บกู้เอาเศษเสี้ยวกระบี่ทั้งหมดกลับมารวมถึงการก่อสร้างขุมพลังที่แข็งแกร่งเพื่อเก็บเกี่ยวพลังแห่งความเชื่อดังนั้นการอยู่ต่อไปก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไร

เป็นเพราะว่าพลังฉีและสัจธรรมที่โลกใบนี้มันเบาบางเกินไปทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้แม้จะมีพลังแห่งความเชื่อก็ตามทีดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปยังโลกที่กว้างใหญ่กว่านี้

เขายืนอยู่บนผิวน้ำก่อนที่จะหันมองออกไปยังสำนักนิรันดร์ที่อยู่ห่างออกไปพร้อมทั้งฉีกมิติตรงหน้าออกแล้วหายตัวไปทันที

ไม่นานร่างของเขาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นภายในสำนักนิรันด์อย่างรวดเร็ว

“จิ้งจอกน้อย เฉินหลิน เสือโง่ มาหาข้าที่ตำหนักราชันอมตะ ”

เขาส่งเสียงออกมา

เซียนเซียน เฉินหลินและพยัคฆ์ขาวที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็ต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยทันที

“ท่านอาจารย์กลับมาแล้ว ! ”

เซียนเซียนแสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาพร้อมทั้งรีบก้าวออกมาพร้อมๆกับเฉินหลินอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ผ่านมากว่าสามปีนี้ทำให้นางตัดผ่านเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าระดับ 2 ได้แล้ว

ระหว่างนี้นางเองก็ดูแลเฉินหลินเป็นอย่างดีทำให้แม้นคนที่มีพรสวรรค์ธรรมดาๆยังสามารถตัดผ่านเขตแดนวิญญาณนิรันดร์ระดับ 7 ได้

พยัคฆ์ขาวในตอนนี้อยู่ในเขตแดนปรินิพพานระดับ 9 แล้วและมุ่งหน้าไปยังตำหนักราชันอมตะพร้อมๆกันคนอื่น

ไม่นานพวกเขาก็ก้าวเข้าไปภายในตำหนักแห่งนี้

“ไงเจ้าหนู ไม่เจอกันตั้งสามปีดูแข็งแรงขึ้นหนิ ”

พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจหลังจากที่สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของหลินเทียน

“ก็งั้นๆแหละ ”

หลินเทียนตอบกลับไป

เขาหันมองออกไปทางทั้งสามคนพร้อมทั้งแจ้งข่าวเรื่องที่เขากำลังจะไปจากโลกนี้

ทั้งสามคนที่ได้ยินเช่นนั้นต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยทันที

“ท่าน…..จะไปจริงๆ ?”

เซียนเซียนแสดงสีหน้าที่อาลัยอาวอนออกมา

หลินเทียนพยักหน้าของเขาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับพูดว่า

“โลกใบนี้มันไม่เพียงพอต่อความต้องการของข้า ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังมีสิ่งสำคัญที่ต้องออกไปตามหาในห้วงจักรวาลอยู่อีก ”

เขาพูดออกมาก่อนที่จะโบกมือสลักอักขระอันทรงพลังลงไปภายในตำหนักแห่งนี้

“ในอนาคตพลังแห่งความเชื่อส่วนหนึ่งจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ พวกเจ้าสามารถใช้มันในการบ่มเพาะได้ ”

เขาพูดออกมา

หลังจากนั้นเขาก็ได้มอบสมบัติต่างๆให้กับทั้งสามคนเพื่อสำหรับการเพิ่มระดับพลังของพวกเขา

“จิ้งจอกน้อย หลังจากนี่ข้าจากไปแล้วก็ขอฝากสำนักเราด้วยล่ะ ”

เขาหันไปพูดกับนาง

“ท่านอาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เซียนเซียนจะพยายามทำให้สำนักของเราแข็งแกร่งกว่านี้และมีผู้ศรัทธามากยิ่งขึ้นไปอีก ! ”

เซียนเซียนพูดออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง

หลินเทียนพยักหน้าพร้อมกับหันมองไปยังพยัคฆ์ขาวและเฉินหลินพลางพูดว่า

“เสือโง่ เฉินหลิน พวกเจ้าก็ช่วยเป็นพลังให้กับจิ้งจอกน้อยด้วยล่ะ ”

“ไม่ต้องเป็นห่วง ”

“อื้ม ”

ทั้งสองคนตอบรับอย่างจริงจัง

เซียนเซียนได้หันมองมาทางเขาพร้อมกับถามว่า

“ท่านอาจารย์ ท่านจะกลับมาอีกรึไม่ ? ”

หลินเทียนลูบศีรษะของนางก่อนที่จะตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“แน่นอนอยู่แล้ว ถึงอย่างไรลูกศิษย์ที่น่ารักของข้าก็อยู่ที่นี่หนิ ”

เซียนเซียนแสดงสีหน้าที่ร่าเริงออกมาพร้อมทั้งพูดออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายว่า

“เซียนเซียนจะพยายามตั้งใจบ่มเพาะและเมื่อเซียนเซียนแข็งแกร่งขึ้นแล้วหากว่าท่านไม่กลับมาศิษย์ก็จะออกไปเดินตามรอยเท้าของท่าน ! ”

หลินเทียนได้แต่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

“เอาล่ะ ”

เขาพูดออกมา

วันนี้เป็นวันที่เขาสนทนากับคนอื่นๆเล็กน้อยก่อนที่จะโบกมือลาและพุ่งผ่านออกไปยังม่านฟ้า

“ท่านอาจารย์ เดินทางปลอดภัยนะคะ ! ”

เซียนเซียนโบกมือของนางให้กับเขา

หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็อดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้ก่อนที่จะพุ่งผ่านอากาศออกไปอย่างรวดเร็ว

“โลก , ดาวจักรพรรดิทางช้างเผือก ”

เขายืนอยู่ท่ามกลางอวกาศพร้อมๆกับหันมองออกไปเล็กน้อยก่อนที่จะพุ่งหายไปไกล

ห้วงจักรวาลนั้นกว้างใหญ่แถมยังรายล้อมไปด้วยประกายแสงสีเงินส่องประกายระยิบระยับออกมาอย่างงดงาม

เขาพุ่งผ่านออกไปยังเส้นทางที่แน่ชัด

เป็นเพราะว่าเขาได้อ่านความทรงจำของผู้รุกรานเมื่อหลายปีก่อนทำให้รู้จักกับดวงดาวจี่หยานเข้าให้และรู้มาว่าอาจจะมีเศษเสี้ยวกระบี่เทวะอยู่ที่นั่นดังนั้นถึงได้ค้นหาเส้นทางของมันแล้วมุ่งหน้าไปอย่างไม่รอช้า

ความเร็วของเขาพุ่งผ่านอากาศออกไปเสมือนคลื่นสายฟ้าอันรวดเร็วแต่ก็ต้องใช้เวลาอยู่นาน

เพราะถึงอย่างไรความยิ่งใหญ่ของดวงดาวแต่ล่ะดวงก็ถือว่าสูงมากๆ

“ด้วยความเร็วของเราในตอนนี้แม้จะเหาะต่อไปแบบนี้อย่างน้อยๆกว่าจะถึงก็กินเวลาประมาณสองปีเต็มๆ หากว่าหยุดพักก็คงไม่ต่ำกว่าสามปี ”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง

เป็นเพราะดาวจี่หยานนั้นอยู่ในหมู่ดาวอื่นซึ่งห่างจากหมู่ดาวที่เขาอยู่ไกลแสนไกลดังนั้นแม้จะด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้ก็ยังต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเดินทางไปถึงได้

ร่างกายของเขารายล้อมไปด้วยประกายแสงสีทองขณะที่พุ่งผ่านอากาศออกไปอย่างรวดเร็ว

ระหว่างที่กำลังออกเดินทางนั้นเขาก็ดึงเอาพลังจากหมู่ดาวทั้งหลายมาหล่อหลอมร่างกายของตัวเองไปในเวลาเดียวกัน

บึ้สสส !

เมื่อเขาดึงเอาพลังจากหมู่ดาวเข้ามาจึงทำให้ประกายแสงอันเข้มข้นโอบร่างของเขาเอาไว้จนแทบจะเปลี่ยนร่างของเขาเป็นมนุษย์สีเงินขณะที่มันหล่อหลอมร่างกายของเขาให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

เวลาได้ผ่านไปอีกกว่าสามปีอย่างรวดเร็ว

วันนี้เป็นวันที่เขาออกมาจากหมู่ดาวทางช้างเผือกและมาถึงหมู่ดาวแห่งใหม่ที่เป็นที่อยู่ของดาวจี่หยาน

เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับดวงดาวจี่หยานขนาดใหญ่ที่หากเทียบกับดาวดวงอื่นๆแล้วมันเป็นเหมือนกับภูเขายักษ์แต่ดาวเหล่านั้นกลับเป็นเหมือนก้อนกรวดที่ไม่สามารถเทียบเคียงกันได้ทว่าหากเอาดาวเหล่านั้นมาเทียบกับโลกแล้วก็ยังถือว่าใหญ่กว่าหลายเท่าตัวนัก

“ถึงแล้ว ”

เขาได้แต่มองออกไปด้วยดวงตาที่ส่องประกายออกมา

 

 

 


ตอนที่ 1381

 

ดาวจี่หยานนั้นอยู่ในใจกลางหมู่ดาวจี่หยานแห่งนี้ซึ่งมีสถานะที่สูงส่งอย่างมากเหมือนๆกับดาวจักรพรรดิทางช้างเผือกที่อยู่ในหมู่ดาวทางช้างเผือก

หลินเทียนที่ยืนอยู่ท่ามกลางห้วงจักรวาลได้จ้องมองออกไปพร้อมรู้สึกยอมรับเลยว่ามันเป็นดาวดวงที่ไม่ธรรมดาจริงๆ

“อยู่ภายในหมู่ดาวจี่หยานแล้วยังมีชื่อว่าดาวจี่หยานอีกนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆนั่นแหละ ”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง

หลังจากนั้นเขาก็ได้แต่มองออกไปยังหมู่ดาวมากมายที่โคจรอยู่รอบตัวมันเสมือนดั่งเหล่าผู้คนที่รายล้อมจักรพรรดิอย่างไรอย่างนั้น

หลินเทียนได้หยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะก้าวเดินออกไป

ตู้มม !

แรงต้านของดาวดวงนี้รุนแรงถึงขั้นที่แม้เขาจะปกป้องร่างกายเอาไว้ด้วยพลังเทวะทว่าก็ยังจุดประกายเปลวเพลิงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้เข้าไปถึงพื้นที่ภายในดาวดวงนี้

กลุ่มเมฆสีขาวล่องลอยอยู่ตามอากาศขณะที่เขายืนอยู่บนฟากฟ้าที่มีอากาศอบอุ่น

เมื่อมองลงไปแล้วจะพบได้กับโลกขนาดใหญ่ที่ไม่รู้เลยว่ายิ่งใหญ่กว่าดินแดนสวรรค์สิบชั้นกี่เท่าแถมยังมีพลังฉีอันเข้มข้นกว่าเป็นไหนๆ

“สมแล้วจริงๆที่เป็นถึงแกนกลางของหมู่ดาวจี่หยาน ”

ดวงตาของเขาส่องประกายออกมา

โลกอันกว้างใหญ่นี้เหมะแก่การบ่มเพาะอย่างมาก

เขายืนอยู่บนฟากฟ้าอยู่นานก่อนที่จะเหาะกลับลงไปที่พื้น

ไม่นานเขาก็ได้ไปถึงพื้นผิวบนดาวก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงพลังฉีที่เข้มข้นมากยิ่งกว่าเก่า

ภูเขามากมายเรียงรายกันออกไปสุดลูกหูลูกตาขณะที่ต้นไม้เจริญงอกงามอยู่ทุกหนแห่งให้ความรู้สึกที่ไม่ธรรมดาจริงๆ

นี่ทำให้เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาเพราะว่าดาวดวงนี้มันยิ่งใหญ่จริงๆ

“ไปที่หุบเขากลืนนิรันดร์ก่อนแล้วกัน ”

เขาพึมพำออกมา

หลายปีก่อนหน้านี้เขาได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับหุบเขาแห่งนี้มาว่าภายในส่วนลึกของมันมีประกายแสงเจ็ดสีถูกส่งออกมาเป็นระลอกๆซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมากๆที่มันจะเป็นเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ของเขา

ดังนั้นแล้วการที่เขามาที่นี่ก็เพื่อจะตามหามันโดยทันที

เขาอาศัยการสอบถามผู้เชี่ยวชาญตามเส้นทางจนได้ที่ตั้งที่ชัดเจนของมันและไม่ลังเลเลยที่จะเหาะออกไปอย่างรวดเร็วและระหว่างนั้นก็ฉีกมิติออกเป็นพักๆจนไปถึงที่นั่นได้ภายในไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

ต้องบอกเลยว่ามันเป็นไม่เหมาะกับชื่อหุบเขาเลยก็ว่าได้เพราะขนาดอันยิ่งใหญ่ของมันนั้นตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขามากมายส่งกลุ่มหมอกแห่งความตายสีดำทมิฬออกมาเสมือนว่าเป็นดินแดนยมโลกเลยก็ว่าได้

เขามาถึงที่นี่ก่อนที่จะหันมองออกไปพร้อมทั้งอดรู้สึกขนหัวลุกไปไม่ได้


“ที่นี่คือหุบเขากลืนนิรันดร์……..ดูอันตรายจริงๆ ”

เขาคิดอยู่ภายในใจ

ระดับพลังของเขาในตอนนี้อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางแถมยังเชี่ยวชาญทักษะฝังมังกรดังนั้นถึงได้เข้าใจถึงสภาพพื้นที่แห่งนี้เป็นอย่างดีว่ามันไม่ใช่หุบเขาธรรมดาๆทว่ากลับเกิดการก่อตัวขึ้นของอาณาเขตสังหารที่ทรงพลังทำให้มันแทบจะกลายเป็นดินแดนสังหารเลยก็ว่าได้

“ด้วยระดับพลังของเราในตอนนี้น่าจะเพียงพอที่จะเข้าไปภายในส่วนลึก ”

เขาพึมพำออกมา

เป็นเพราะสถานที่แห่งนี้มันอันตรายเกินไป !

เขายืนอยู่กับที่พร้อมทั้งเบิกเนตรสัจธรรมขึ้นมาพลางกัดฟันแล้วก้าวเดินออกไป

ที่นี่ไม่มีผู้คนอยู่เลยแม้แต่น้อยซึ่งเขาเองก็ก้าวเดินเข้าไปจากมุมๆหนึ่ง

และในเวลาเดียวกันนี้เองที่เมื่อเท้าของเขาย่างก้าวเข้าไปก็ทำให้กระบี่เทวะภายในร่างสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะส่องประกายแสงเจ็ดสีออกมา

เส้นทางที่มันชี้นำออกไปคือพื้นที่ด้านหน้าของเขา

นี่ทำให้ร่างกายของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมๆกับดวงตาที่เปล่งประกายออกมา

“ภายในมันมีเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อยู่จริงๆด้วย ”

เขากำหมัดเอาไว้

เนื่องจากการตอบสนองนี้มันเป็นอะไรที่เขาคุ้นเคยอย่างมาก

เขาจ้องมองออกไปก่อนที่จะจะนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วก้าวเดินออกไป

การตอบสนองอย่างประกายแสงเจ็ดสีนี้มันทำให้เขายืนยันได้ทันทีว่าภายในจะต้องมีเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อยู่แน่นอน

“ฟู้วว ~! ”

สายลมอ่อนๆพัดผ่านกลุ่มหมอกสีดำผ่านไป

อากาศภายในสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างเปียกชื้นซึ่งหลินเทียนเองก็ก้าวเดินออกไปอย่างช้าๆเพราะเขายืนยันได้แล้วว่ามีเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อยู่ในสถานที่แห่งนี้

เขาก้าวเดินเหยียบลงไปบนพื้นที่เปียกแฉะอย่างนุ่มนวล

ณ ตอนนี้กลุ่มหมอกเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆก่อนที่พื้นดินจะสั่นไหวพร้อมทั้งปรากฏงูยักษ์ที่ร่างกายรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายขึ้นจากพื้นพลางกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียน

หลินเทียนโบกมือของเขาเหวี่ยงตบอัดมันก่อนที่จะมีเสียงโลหะปะทะกันอย่างดังถูกส่งกลับออกมา

“นี่…..”

มันทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยทันที

เป็นเพราะเขาในตอนนี้อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางแล้วแถมยังเป็นกายสังสารวัฏที่แข็งแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่าเขตแดนนิรันดร์อมตะทว่าฝ่ามือของเขากลับไม่สามารถทำอันตรายอีกฝ่ายลงได้

งูยักษ์ได้เกระโจนเข้าใส่ทางเขาอีกครั้ง

ครั้งนี้เขาไม่ได้ออมแรงแม้แต่น้อยแถมยังส่งคลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์อันทรงพลังพุ่งผ่านออกไป

แกร๊ง !

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังก่อนที่ร่างของอีกฝ่ายจะฉีกออกเป็นชิ้นๆ

“แข็งแกร่งพอๆกับเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายเลยก็ว่าได้ ”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง

เมื่อมองออกไปยังเศษซากศพของมันแล้วเขาก็ก้าวเดินต่อไปภายในอย่างรวดเร็ว

ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ก็จะยิ่งไปว่ากลุ่มหมอกมันยิ่งหนาและเย็นขึ้น

ห่างออกไปไม่ไกลจะพบกับร่างมนุษย์กำลังยืนอยู่ด้วยร่างกายที่รายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอกสีดำโดยที่ไม่ขยับไปไหนให้ความรู้สึกที่น่าขนหัวลุกมากๆ

“นี่มัน?! ”

เขาสำรวจมันด้วยเนตรสัจธรรมก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง

 

 

 


ตอนที่ 1382

 

เนตรแห่งสัจธรรมของเขาได้ส่องประกายออกมาขณะที่หลินเทียนมองออกไปยังร่างทั้งหลายที่อยู่หลังกลุ่มหมอกเหล่านั้นพร้อมพบว่าพวกเขาล้วนเป็นเพียงแค่ซากศพเท่านั้น

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดเพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องที่พวกเขาล้วนแผดกลิ่นอายอันทรงพลังของสัจธรรมแห่งนิรันดร์ออกมาซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์ที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะปลดปล่อยออกมาได้

“คนเหล่านี้…ก่อนที่จะตายล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนระดับนิรันดร์ที่แท้จริง ?! ”

หัวใจของเขาสั่นไหวไม่หยุดโดยทันที

อากาศภายในสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างอับชื้นขณะที่กลุ่มหมอกล่องลอยอยู่ในอากาศพร้อมๆกับร่างหลายร่างที่ยืนอยู่โดยที่มีกลิ่นอายแห่งความตายรายล้อมร่างของพวกเขาเอาไว้

มันเป็นตอนนี้เองที่ชายชราหนึ่งในพวกเขาได้หันมองมาทางหลินเทียน

หลินเทียนได้แต่สั่นสะท้านไปเพราะเมื่อต้องสบสายตากับอีกฝ่ายแล้วเขาก็ได้แต่รู้สึกขนหัวลุกอย่างมากเสมือนว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับเทพแห่งความตายที่พร้อมจะเก็บเกี่ยวชีวิตของเขาไปได้ทุกเมื่อ

ณ ตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะหยุดอยู่เฉยพร้อมทั้งรีบพุ่งหนีออกไปด้วยก้าวย่างแห่งสวรรค์อย่างไม่รอช้า

ชายชราที่กำลังมองมาทางเขาเองก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างของเขาโดยที่ไม่ได้ขยับไปไหน

หลินเทียนรีบพุ่งถอยกลับมาและเมื่อยืนยันได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ไล่ตามเขามาแล้วก็ได้หยุดเท้าลงด้วยหัวใจที่เต้นระรัว

เขาพักหายใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะดึงสติกลับมาได้

เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นน่ากลัวจนเกินไป เพียงแค่การจ้องมองก็เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกเสมือนว่าดวงวิญญาณกำลังจะแหลกสลายแล้ว

แถมตัวตนระดับนั้นยังยืนรวมอยู่ด้วยกันมากมายนี่ทำให้เขาได้แต่สั่นสะท้านไป

“ดูเหมือนว่าแม้เราจะเป็นกายสังสารวัฏแต่อย่างน้อยๆก็ต้องอยู่ในเขตแดนนิรันด์อมตะตอนปลายถึงจะเข้าไปภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ได้ ”

เมื่อมองออกไปแล้วเขาก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ไม่ยอมแพ้ออกมาแต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้แล้วมันไม่เพียงพอต่อการที่จะบุกเข้าไปภายในพื้นที่ส่วนลึกได้อย่างแน่นอน

เป็นเพราะว่าหากบุกเข้าไปก็จะมีแต่ตายกับตายเท่านั้น

ณ ตอนนี้เขาได้หนีกลับมายังพื้นที่ทางเข้าของสถานที่แห่งนี้ก่อนที่จะรีบกลับออกไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่าสถานที่แห่งนี้มีพื้นที่กว้างมากๆแถมยังรายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอกไม่ต่างกับดินแดนทมิฬ

“สถานที่แห่งนี้เหมาะแก่การบ่มเพาะมากๆ หลังจากที่ตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายได้แล้วก็ค่อยกลับมาเอามันแล้วกัน ”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง

หลังจากนั้นก็ได้ยืนขึ้นพร้อมทั้งหันมองไปรอบๆก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป

เขาได้เหาะออกไปจากหุบเขาแห่งนี้ก่อนที่จะเข้าไปภายในภูเขาแห่งหนึ่ง

มันเป็นภูเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้เก่าแก่มากมายซึ่งไม่รู้เลยว่ามีอายุอยู่มานานขนาดไหน

โร๊วว !

เสียงสัตว์คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังพร้อมทั้งปรากฏสัตว์อสูรมีดวงตาขนาดใหญ่ร่างกายรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายที่ทรงพลังกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่รอช้า

“วานรมังกร ? ”

สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตเก่าแก่ที่มีความแข็งแกร่งอย่างมากซึ่งเขาเองก็รู้มาว่ามันมีอยู่น้อยมากๆแต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะได้มาพบมันที่นี่

อีกฝ่ายกระโจนเข้าใส่ทางเขาด้วยร่างกายที่ใหญ่โตมโหฬารมีพลังทำลายพื้นดินที่อยู่โดยรอบไปจนหมดด้วยระดับพลังเขตแดนปรินิพพานของมันก่อนที่จะคว้ามือเข้าใส่ทางหลินเทียน

กรงเล็บอันแหลมคมไม่ต่างจากอาวุธเทวะได้ฟาดฟันเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างรวดเร็ว

หลินเทียนไม่ได้สนใจอะไรพร้อมทั้งโบกมือของเขาออกไปอัดกระแทกร่างของมันปลิวออกไปกระแทกต้นไม้หลายต้นก่อนที่จะยืนกลับขึ้นมาด้วยความกลัวถึงขีดสุด

แน่นอนว่าด้วยระดับพลังของมันในตอนนี้นั้นมันมีสติปัญญาอยู่ก่อนแล้วดังนั้นการที่การโจมตีธรรมดาๆของหลินเทียนกลับสามารถอัดร่างของมันลอยเคว้งออกไปแบบนี้ได้นั้นมันจึงรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คู่มือของหลินเทียนอย่างแน่นอน

“หลังจากนี้ก็อย่าไปโจมตีใครเขาสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะ ”

หลินเทียนหันมองไปทางมันเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้ลงมือสังหารมันแล้วเดินจากไป

อีกฝ่ายที่เห็นว่าหลินเทียนไว้ชีวิตมันเองก็ได้แต่โค้งศีรษะด้วยความซาบซึ้ง

หลินเทียนที่กำลังเดินผ่านออกไปและเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรก็ได้แต่เผยรอยยิ้มออกมาและยังคงก้าวเดินต่อไป

เขาก้าวเดินออกไปกว่าสองชั่วโมงก่อนที่จะก้าวออกไปสู่ถนนแห่งหนึ่ง

มันเป็นถนนกว้างๆที่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากแถมแต่ละคนเองยังมีกลิ่นอายที่ทรงพลังไม่น้อย

“ข่าวลือที่ว่าเป็นความจริง ? ได้ยินมาว่าค้นพบสุสานที่เต็มไปด้วยยาทิพย์จักรพรรดิว่างเปล่าที่สามารถเพิ่มระดับพลังของผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ต่ำกว่าเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายได้อย่างไม่มีเงื่อนไขแถมยังมีแม้กระทั่งอาวุธวิญญาณอยู่ด้วย ?! ”

“เชื่อถือได้แน่นอน ! ได้ยินมาว่ามันเป็นสุสานของผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งในยุคอดีตที่ได้ชื่อว่าราชันนิรันดร์ไม่เพียงแค่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้เขตแดนอนันตกาลเท่านั้นแต่เขายังเชี่ยวชาญด้านการปรุงยาอีกด้วย ! ”

“นี่…”

กลุ่มคนทั้งหลายที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลพากันส่งเสียงสนทนาออกมา

แม้ว่าพวกเขาจะส่งเสียงกระซิบเบาๆแต่หลินเทียนก็ได้ยินเสียงของพวกเขาเป็นอย่างดี

“ยาทิพย์จักรพรรดิว่างเปล่าที่สามารถเพิ่มระดับพลังของผู้เชี่ยวชาญต่ำกว่าเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลาย ? ”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเองก่อนที่ดวงตาของเขาจะส่องประกายออกมา

“ลองไปดูหน่อยแล้วกัน”

หลินเทียนพูดออกมาและเขาเองก็ได้ยินบทสนทนาได้อย่างชัดเจนซึ่งแม้ว่าของที่ล้ำค่าที่สุดจะเป็นอาวุธวิญญาณทว่าเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะเขาเองก็มีศิลาหินและเจดีย์ราชันอมตะอยู่แล้วดังนั้นสิ่งที่ทำให้เขาสนใจจริงๆก็มีเพียงแต่ยาทิพย์เหล่านั้น

เป็นเพราะว่าตอนนี้เขาจำเป็นต้องเพิ่มระดับพลังของตัวเองให้ถึงเขตแดนนิรันด์อมตะตอนปลายให้เร็วที่สุดเพื่อไปเก็บกู้เอาเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่กลับมา

ระหว่างนี้เขาก็ต้องหาตำแหน่งที่แน่ชัดของดวงดาวสวรรค์สิบชั้นเนื่องจากมันเป็นที่อยู่ของครอบครัวและคนรักของเขา

เขาก้าวเดินตามกลุ่มคนเหล่านั้นออกไปเพื่อมุ่งหน้าไปยังสุสานที่ว่าอย่างรวดเร็ว


 

 

 


ตอนที่ 1383

 

หลินเทียนได้ติดตามกลุ่มคนเหล่านั้นไปด้วยความเร็วที่คงที่ก่อนที่จะถึงในประมาณหนึ่งชั่วโมง

พื้นที่ด้านหน้าของเขาเป็นป่าที่มีขนาดใหญ่ไม่น้อยแถมยังเต็มไปด้วยต้นไม้เหี่ยวเฉารวมถึงก้อนหินขนาดใหญ่ซึ่งสายตาของทุกผู้คนล้วนจับจ้องไปในทิศทางเดียวกัน

มันมีหลุมขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้าและลึกลงไปจะพบกับประตูหินที่รายล้อมไปด้วยข่ายอาคมมากมาย

“ข่ายอาคมเขตแดนนิรันดร์อมตะ ”

หลินเทียนที่กำลังมองออกไปถึงกับมีดวงตาที่เปล่งประกายออกมาโดยทันที

“ประตูหินนี่มันค่อยข้างเป็นปัญหาไม่น้อยเลยนะ แม้ว่าข่ายอาคมจะอ่อนแรงลงตามกาลเวลาทว่าการที่จะปลดผนึกมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายอยู่ดี ”

“เพราะถึงอย่างไรมันก็เป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะวางเอาไว้นะ ”

“สุสานของผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายมันหาได้ยากมากๆ ไม่รู้เลยว่าจะได้พบกับสมบัติมากมายขนาดไหน ”

หลายๆคนพากันส่งเสียงออกมาขณะที่จ้องมองไปยังพื้นที่ด้านหน้า

“ตู้มมม ! ”

คลื่นพลังเทวะอันหนักหน่วงระเบิดออกมาจากพื้นที่ๆอยู่ห่างออกไปก่อนที่ประกายแสงเจิดจรัสจะสาดส่องออกมาจากร่างของคนๆหนึ่งที่กำลังก้าวเข้ามา

“นายน้อยตำหนักกระบี่ทมิฬ ”

ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะตะลึงออกมา

เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำมีสายตาที่แหลมคมให้ความรู้สึกเสมือนว่าตัวเขาเป็นกระบี่อันคมกริบ

“ได้ยินว่าตัดผ่านเขตแดนกึ่งจักรพรรดิได้แล้ว เป็นคนที่แข็งแกร่งมากๆ ! ”

หนึ่งในผู้คนได้ส่งเสียงออกมา

มันเป็นตอนนี้เองที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ได้มีคลื่นพลังอันหนักหน่วงระเบิดออกมาพร้อมๆกับปรากฏฝูงสัตว์อสูรที่รายล้อมไปด้วยกลิ่นอายอสูรอันเข้มข้นทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้แต่ผงะไปก่อนที่จะปรากฏภาพของอสูรเขตแดนปรินิพพานที่มีร่างๆหนึ่งยืนอยู่บนศีรษะของมันเสมือนว่าเป็นจ้าวแห่งอสูร

“นายน้อยของขุนเขาหมื่นอสูร ได้ยินว่าเขาเองก็เชี่ยวชาญทักษะหมื่นอสูรอย่างมากแถมยังตัดผ่านเขตแดนกึ่งจักรพรรดิแล้วด้วย เขาสามารถใช้อสูรทั้งหลายเป็นกำลังให้กับตัวเองทำให้ถือว่าเป็นศัตรูที่รับมือได้ยากมากๆ ”

ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆพากันใจสั่นไป

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่มีร่างอีกเจ็ดร่างปรากฏตัวขึ้นมาจากทิศทางที่ต่างกันออกไปซึ่งแต่ละคนล้วนแล้วแต่รายล้อมไปด้วยกลิ่นอายที่ทรงพลังแถมส่งกลิ่นอายของจักรพรรดิอันเบาบางออกมาทำให้รู้ได้ว่าพวกเขาล้วนอยู่ในเขตแดนกึ่งจักรพรรดิ

“นิกายเสวี่ยหยุน นิกายฮุนหยวน นิกายจิ่วเจียนเต๋า นิกายหยูหวู นิกายฮานปิง นิกายเหลาฮวนและนิกายเหล่ยหลานต่างส่งนายน้อยของพวกเขามากันทั้งหมด ! ”

ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา

หลินเทียนที่เพิ่งมาถึงดาวดวงนี้เองก็เรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ภายในดาวมาจากความทรงจำของหนึ่งในผู้รุกรานมาก่อนแล้วดังนั้นจึงรู้จักคนเหล่านี้เป็นอย่างดี

หากพูดกันตามปกติแล้วขุมพลังภายในดาวจะแบ่งออกเป็นสามระดับใหญ่ๆซึ่งระดับแรกนั้นเป็นของนิกายจี่หยาน นิกาย เฉินเจียว ตระกูลฟานซึ่งเรียกได้ว่าเป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดโดยที่มีผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลคอนประจำการ

หลังจากนั้นก็ระดับที่สองอย่างขุมพลังอีกห้าแห่งซึ่งแยกออกเป็นนิกายเฮอฮ้วน นิกายไท่หลิง นิกายซวนหยุน นิกายเชียนคุน และนิกายเฮอเฉินที่ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลาย

หลังจากนั้นก็เป็นขุมพลังทั้งเก้าของทั้งเก้านายน้อยก่อนหน้านี้ที่มีผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะ

“ได้ยินมาว่านายน้อยทั้งหลายจะมาที่นี่แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาจริงๆ ”

“ถึงอย่างไรนี่มันก็เป็นถึงสุสานของผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายเลยนะ ไม่ใช่มีแค่ยาทิพย์ที่สามารถเพิ่มระดับพลังของเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าได้เท่านั้นแต่ยังมีอาวุธอยู่อีกมากมาย การที่พวกเขาจะแห่กันมาที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ”

“ใช่”

“ข้าได้ยินมาว่าคนของขุมพลังระดับ 2 เองก็ส่งคนใหญ่คนโตมาเช่นกัน ”

“ว่าไงนะ ? มีเรื่องแบบนี้ด้วย ? เจ้าแน่ใจ ? ”

“ยังยืนยันไม่ได้แต่มีความเป็นไปได้สูงมากๆ ”

หลินเทียนได้หันมองไปทางกลุ่มนายน้อยเหล่านั้นเล็กน้อยก่อนที่จะหันมองออกไปทางประตูที่อยู่ห่างออกไปเพราะแม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ธรรมดาแต่ก็ยังไม่อยู่ในสายตาของเขา

เพราะถึงอย่างไรตอนนี้เขาอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางแล้วดังนั้นต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาก็ยังไม่สามารถทำอะไรเขาได้ทำให้สำหรับเขาแล้วคนกลุ่มนี้ก็เป็นเพียงแค่รุ่นเยาว์เท่านั้น

หลายๆคนพากันส่งการโจมตีมากมายกระแทกเข้าใส่ประตูหินที่อยู่ห่างออกไปอย่างบ้าคลั่ง

ณ ตอนนี้เองที่มีเสียงดังสนั่นถูกส่งออกมาก่อนที่จะปรากฏรอยแตกร้าวลามออกไปทั่วทั้งประตู

หลังจากนั้นประตูหินก็ได้แตกออกพร้อมๆกับเผยให้เห็นทางเข้าอันมืดมิด

“เปิดแล้ว ! ”

หนึ่งในผู้คนส่งเสียงอันตื่นเต้นออกมา

เมื่อประตูได้เปิดออกพวกเขาก็ต่างพากันกระโจนเข้าไปด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า

อย่างไรก็ตามมันเป็นตอนนี้เองที่มีหลายๆคนพากันส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวชทำให้ผู้คนที่รออยู่ด้านนอกต่างพากันหวาดหวั่น

“นี่มัน ?! ”

“มัน…..เสียงอะไรกัน ? เกิดอะไรขึ้น ? นี่เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากัน ? ”

“ดูเหมือนว่าน่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น ! ”

หลายๆคนพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป

“ตู้มม ! ”

เสียงคำรามอย่างดังถูกส่งออกมาพร้อมๆกับคลื่นพลังอันหนักหน่วงที่กวาดออกไปรอบทิศทาง

ปรากฏกลุ่มหมอกสีดำทมิฬพวยพุ่งออกมาจากทางเข้าด้านหน้าพร้อมพุ่งทะลวงขึ้นสู่ท้องฟ้าทำให้มันถูกย้อมกลายเป็นสีดำ

เสียงกู่ร้องดังสนั่นได้ถูกส่งออกมามากขึ้นกว่าเก่าพร้อมๆกับเสียงโลหะเสียดสีกันอย่างต่อเนื่อง

“กลิ่นอายหยิน ? ทหารหยิน ! มีแม้กระทั่งวิญญาณร้ายพวกนี้อยู่ด้วย ?! ”

“ไม่คิดเลยจริงๆ ! ”

“ลืมไปเลยว่าภายในสุสานของผู้เชี่ยวชาญระดับนี้จะต้องมีอันตรายไม่น้อย ”

หลายๆคนพากันแสดงสีหน้าที่เปลี่ยนไปออกมา

หลังจากนั้นเองที่มีเสียงดังสนั่นถูกส่งออกมาอีกครั้งขณะที่กองกำลังทหารหยินที่แผดจิตสังหารอันเข้มข้นก้าวเดินออกมา

กลุ่มหมอกรายล้อมร่างกายของพวกเขาเอาไว้ขณะที่แต่ละร่างล้วนมีดวงตาสีแดงก่ำกำลังถือกระบี่และอาวุธอื่นๆสร้างความรู้สึกที่เย็นยะเยือกให้กับผู้คนโดยรอบ

“ทหารหยินพวกนี้มันแข็งแกร่งมากๆ ! ”

หลายคนส่งเสียงออกมา

“แข็งแกร่งจริงๆนั่นแหละแต่มันก็เป็นเพียงทหารหยินเท่านั้น ”

“ใช่ ”

“ฆ่าพวกมันซะ ”

เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ที่นี่ต่างแข็งแกร่งไม่ธรรมดาดังนั้นจึงไม่มีใครหวาดหวั่นไปกับกองกำลังทหารเหล่านี้พร้อมทั้งรีบสังเวยการโจมตีมากมายออกมาฟาดฟันเข้าใส่ศัตรูอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามมันเป็นตอนนี้เองที่มีหลายๆคนส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวชก่อนที่ร่างของพวกเขาจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ

หลินเทียนได้หันมองตามออกไปพร้อมทั้งพบว่าอีกฝ่ายนั้นถูกสังหารโดยผีปราชญ์เขตแดนปรินิพพานที่รวมกลุ่มอยู่กับกองกำลังทหารหยิน

“อ๊ากก ~! ”

เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาหลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าถูกเขมือบเข้าไปทั้งตัว

“ระยำเอ้ย ! ”

หลายๆคนส่งเสียงโห่ร้องออกมา

ไม่นานเสียงกรีดร้องก็ถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่กลุ่มผีปราชญ์พากันกระโจนเข้าใส่ทางกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ

เป็นเพราะว่ามันไม่ใช่อะไรที่พวกเขาจะสามารถรับมือได้ง่ายๆ

“ตู้มม ! ”

กลุ่มหมอกสีดำทมิฬพวยพุ่งขึ้นเหนือฟ้าก่อนที่คลื่นพลังทำลายล้างอันทรงพลังจะบดขยี้ทุกสรรพสิ่งทำให้พวกเขาได้แต่หวาดผวาไป

และที่สำคัญที่สุดคือในกลุ่มกองกำลังเหล่านี้เต็มไปด้วยผีปราชญ์มากมาย

“อ๊ากก ! ”

เสียงกรีดร้องอย่างน่าสังเวชถูกส่งออกมาไม่หยุดขณะที่เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทาง

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ไม่ใช่คนธรรมดาๆทว่ากองกำลังทหารหยินเหล่านี้มันเต็มไปด้วยผีปราชญ์จำนวนมากทำให้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะรับมือ

“ถอยกลับ รีบถอยเร็ว ! ”

หลายๆคนส่งเสียงโห่ร้องออกมา

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเริ่มพากันถอยห่างออกไปเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถรับมือกับผีปราชญ์จำนวนมากได้

“เหอะ ! ”

เสียงแสยะถูกส่งออกมาอย่างเย็นชา

นายน้อยนิกายกระบี่ทมิฬก้าวออกมาพร้อมๆกับโบกมือส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งฉีกร่างของศัตรูตรงหน้าออกพลางพุ่งกระโจนออกไปทางประตูหินอย่างรวดเร็ว

“ไสหัวไปไกลๆ ! ”

นายน้อยขุนเขาหมื่นอสูรส่งเสียงออกมาก่อนที่กองกำลังอสูรจะพุ่งเข้าฉีกร่างของศัตรูทั้งหลายออกแล้วไล่ตามนายน้อยนิกายกระบี่ทมิฬไป

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่นายน้อยคนอื่นๆก็ต่างพากันเปิดทางของพวกเขาเข้าไปภายในได้อย่างง่ายดาย

“นี่มัน….แข็งแกร่งจริงๆ ! ”

หลายๆคนพากันส่งเสียงออกมาด้วยความตกตะลึง

“ผีปราชญ์ถูกสังหารจนหมด ! ”

“ช่วยกันจัดการฝูงทหารหยินเร็ว ! ”

หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญส่งเสียงโห่ร้องออกมา

หลินเทียนที่กำลังยืนอยู่ห่างออกไปได้พุ่งผ่านเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ภายในสถานที่แห่งนี้นั้นสองข้างผนังต่างรายล้อมไปด้วยอักขระมากมาย

เขามองไปทางมันก่อนที่จะหยุดสายตาอยู่ที่อักขระปรุงยาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป

“นี่มัน…….อักขระเฉพาะของทักษะปรุงยา ! ”

เขาได้แต่ผงะไป

 

 

 


ตอนที่ 1384

 

ด้านหลังประตูทางเข้านั้นมีพื้นที่กว้างมากๆแถมตามผนังยังรายล้อมไปด้วยอักขระเก่าแก่ไม่ต่ำกว่าแสนๆปีมากมาย

สายตาของหลินเทียนได้หยุดอยู่ที่อักขระเหล่านี้พร้อมทั้งอดมีดวงตาที่เปล่งประกายออกมาไม่ได้

เป็นเพราะว่ามันคืออักขระเฉพาะของทักษะปรุงยาที่ไม่ได้เป็นของเคล็ดวิชาปรุงยาแขนงอื่น

“นี่มัน….”

เขาได้แต่คิดถึงเรื่องที่ได้ยินมาก้อนหน้านี้ว่าเจ้าของสุสานแห่งนี้บังเอิญได้พบกับตำราปรุงยาที่ไม่สมบูรณ์เข้าทำให้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในด้านนี้แต่เมื่อได้เห็นตัวอักขระเหล่านี้แล้วเขาก็อดมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ได้เพราะว่าสิ่งที่อีกฝ่ายได้รับไปคือโครงร่างของทักษะปรุงยา ?

“หากว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆก็แสดงให้เห็นว่าหลังจากที่จ้าวโอสถออกมาจากสวรรค์สิบชั้นแล้วก็บังเอิญทิ้งตำราเอาไว้ก่อนที่เจ้าของสุสานคนนี้จะไปพบเข้า ? ”

เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา

เป็นเพราะว่าจ้าวสวรรค์จากสวรรค์สิบชั้นนั้นเป็นที่รู้จักกันดีซึ่งเขาเคยคิดว่าเคล็ดวิชาของคนเหล่านั้นล้วนอยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ด้วยกันทั้งหมดทว่าหลังจากที่เขาออกเดินทางอยู่กว่าหลายปีก็ยิ่งเรียนรู้ได้ว่าทักษะเหล่านี้ล้วนแล้วแต่พัฒนาตัวเองไปอย่างต่อเนื่องทำให้เขาพบว่าความเข้าใจของเขาเป็นสิ่งที่ผิดและทักษะเหล่านี้ก้าวข้ามระดับจ้าวสวรรค์ไปไกลมากแล้ว

จ้าวโอสถนั้นถือเป็นหนึ่งในเก้าจ้าวสวรรค์ซึ่งแม้ว่าสิ่งที่เขาทิ้งเอาไว้จะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของมันเท่านั้นแต่มันก็ยังถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของแก่นแท้ของทักษะ

การที่เขาได้พบกับโครงร่างของทักษะนี้ภายในสุสานแหล่งนี้ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากเพราะคิดไม่ออกเลยว่ามันมาอยู่ได้อย่างไรกัน

เมื่อมองไปแล้วเขาได้แต่พบว่ามันเป็นอักขระที่ดูยุ่งเหยิงอย่างมากทำให้แม้จะมองมันก็ยังไม่สามารถเรียนรู้ได้

“วิ้สสส ! ”

เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาก่อนที่ผู้คนหลายคนจะพุ่งฝ่ากองกำลังทหารหยินเข้าไปภายใน

หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ก่อนที่จะหันหลังเดินเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว

ความเร็วของเขาไม่ได้ถือว่าสูงมากแต่ก็ไม่ได้ช้าซึ่งยิ่งก้าวลึกเข้าไปก็จะสัมผัสได้ถึงความเย็นในอากาศที่กำลังสูงขึ้น

ปรากฏปีศาจกรงเล็บขนาดใหญ่คว้าเข้าใส่ทางเขาจากที่มืดด้วยพลังทำลายที่ทำให้แม้แต่มิติโดยรอบยังบิดตัวอย่างรุนแรง

หลินเทียนไม่หลบไม่หลีกแม้แต่น้อยพร้อมทั้งก้าวต่อไปโดยที่ทำเพียงแค่แผดคลื่นพลังออกมาเบาๆเท่านั้น

“พุฟฟ ! ”

กรงเล็บของมันได้สลายหายไปก่อนที่จะแปรเปลี่ยนกลายเป็นกองเลือดที่กระจายไปทั่วพื้นที่

เสียงกรีดร้องดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งตามออกมาขณะที่ผีร้ายหันหลังพุ่งหนีไปด้วยความกลัว

ทว่าอีกฝ่ายก็ได้แต่สั่นสะท้านไปเนื่องจากคลื่นพลังที่หลินเทียนส่งออกมายังคงพุ่งตามมันไปแม้ว่าจะทำลายกรงเล็บของมันไปก่อนหน้านี้

ร่างกายของมันได้ระเบิดออกเป็นชิ้นๆอย่างฉับพลัน

หลินเทียนก้าวเดินต่อไปด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสก่อนที่จะต้องเผชิญหน้ากับฝูงผีร้ายมากมายแต่ก็ถูกสังหารโดยกลิ่นอายของเขาทั้งหมด

เขาก้าวเดินผ่านทางแยกไปมากมายพร้อมทั้งมาถึงสถานที่ๆอัดแน่นไปด้วยพลังหยินอันเข้มข้น

สีหน้าของเขายังคงราบเรียบขณะที่ก้าวเดินต่อเข้าไปภายในส่วนลึกแห่งนี้

ไม่นานก็มีแม้กระทั่งผีร้ายเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลโผล่ออกมาแต่ก็ยังไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาอยู่ดี ทุกตัวล้วนถูกสังหารจนสิ้น

เขาใช้เวลาอยู่กว่าหนึ่งชั่วโมงเต็มถึงจะได้ยินเสียงกรีดร้องดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาจากพื้นที่ด้านหน้า

เขาก้าวเดินต่อไปพร้อมทั้งพบกับห้องโถงกว้างๆที่เต็มไปด้วยทางแยกมากมายและเมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่กำลังรับมืออยู่กับกองกำลังทหารหยินที่กำลังกระโจนเข้าใส่ทางผู้เชี่ยวชาญอย่างบ้าคลั่งซึ่งหนึ่งในพวกมันไม่แม้แต่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นแต่ยังกินแม้กระทั่งพวกของตัวเอง

“ผีร้ายเขตแดนจ้าวสวรรค์ ”

หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะไม่คิดเลยว่าจะมีผีร้ายระดับนี้อยู่ด้วย

อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่ดีเพราะถึงอย่างไรแล้วมันก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา

“อ๊ากก ~! ”

เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่ผู้เชี่ยวชาญตกตายลงอย่างรวดเร็ว

นายน้อยขุมพลังต่างๆเองก็อยู่ที่นี่และแม้พวกเขาจะอยู่ในเขตแดนกึ่งจักรพรรดิแต่ก็ยังไม่สามารถสังหารผีร้ายระดับนี้ได้เช่นกันและทำได้เพียงการรักษาชีวิตของตัวเองไว้เท่านั้น

“พวกไร้ค่า กับขยะพวกนี้ยังทำอะไรไม่ได้ ”

น้ำเสียงนี้ถูกส่งออกมา

เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับชายหนุ่มอายุประมาณ 15 ปีกำลังมองมาทางกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้วยสีหน้าที่ดูถูกและหยิ่งผยอง

ด้านหลังของเขามีชายชราชุดเทาที่ส่งกลิ่นอายอันทรงพลังออกมา

“กึ่งนิรันดร์อมตะ ”

หลินเทียนหันมองออกไปพร้อมทั้งสัมผัสได้ถึงระดับพลังของอีกฝ่ายโดยทันที

ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนตกตายลงเนื่องจากการโจมตีของกองกำลังทหารหยินและผีร้ายเขตแดนจ้าวสวรรค์ซึ่งพวกเขาต่างพากันหันมองไปทางชายหนุ่มคนนั้นด้วยความโกรธทว่าหลังจากที่เห็นหน้าชัดๆของอีกฝ่ายแล้วความโกรธแค้นก็ได้สลายหายไปเหลือไว้เพียงความหวาดกลัวไม่เว้นแม้กระทั่งนายน้อยของขุมพลังระดับสามทั้งเก้าคน

“หลานชายแท้ๆของผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิง เหล็งเฉินซวน ”

 

 

 


ตอนที่ 1385

 

นิกายไท่หลิงนั้นเป็นขุมพลังระดับ 2 ของดาวดวงนี้ซึ่งผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขาอยู่ในเขตแดนนิรันด์อมตะตอนหลายและหลานชายคนนี้ก็เป็นหลานชายที่เขาเอ็นดูอย่างมากทำให้ผู้คนทั้งหลายรู้สึกหวั่นเกรงถึงขีดสุด

หลินเทียนหันมองออกไปทางเฉินซวนเล็กน้อยอย่างไม่สนใจก่อนที่จะก้าวเดินต่อเข้าไปภายในเส้นทางที่รายล้อมไปด้วยอักขระมากมายซึ่งมีเพียงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งจักรพรรดิตอนปลายเท่านั้นถึงจะสามารถฝ่าเข้าไปได้

ภายในสถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายหยินอันเข้มข้นขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนพากันหันหลังวิ่งหนีกลับไปทางเก่าเพราะเกรงกลัวกองกำลังวิญญาณร้ายที่อยู่ตรงหน้าโดยเฉพาะซากศพที่อยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ที่สังหารผู้คนได้ไม่ต่างกับเครื่องจักรสังหาร

หลินเทียนก้าวเดินออกไปยังพื้นดินที่เต็มไปด้วยเลือดด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสแม้แต่น้อย

ณ ตอนนี้เองที่มีเสียง วิ้ส ถูกส่งออกมาก่อนที่ศพสวมเกราะสีม่วงจะคว้ากรงเล็บเข้าใส่ทางเขาด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัว

หลินเทียนยังคงก้าวเดินต่อไปภายในด้วยสีหน้าที่ราบเรียบก่อนที่จะโบกมือของเขาออกไปเล็กน้อย

ตู้มมม ~!

ร่างของอีกฝ่ายลอยเคว้งออกไปไกลก่อนที่จะปะทะเข้ากับผนังหินที่อยู่ห่างไกลออกไปโดยที่ไม่สามารถลุกกลับขึ้นมาได้อีก

นี่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกัน

เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นถึงตัวตนที่แม้แต่เขตแดนกึ่งจักรพรรดิก็ยังทำเพียงได้แค่เบี่ยงหลบเท่านั้นทว่ากลับถูกตบปลิวด้วยการโจมตีเดียวเท่านั้น

“ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่ได้มีแต่ขยะสินะ ”

ชายหนุ่มชุดม่วงได้หันมองไปทางหลินเทียนพร้อมกับพูดว่า

“แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าขุมพลังของข้าแล้วก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร ”

หลินเทียนหันมองออกไปทางอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวเดินต่อไปภายในพลางโบกมือทำลายล้างอักขระที่ขวางกั้นเอาไว้

มันเป็นข่ายอาคมเขตแดนนิรันดร์อมตะที่แข็งแกร่งทว่าหลังจากที่กาลเวลาผ่านไปเนิ่นนานถึงได้ทำให้พลังของมันถูกบั่นทอนไปจึงสามารถทำลายลงได้ง่ายๆ

เขาโบกมือเบิกประตูหินเข้าไปก่อนที่พลังหยินอันเข้มข้นจะทะลักกลับออกมาพร้อมๆกับกองกำลังทหารหยินจำนวนนับไม่ถ้วน

มันเป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมากทำให้ผู้คนที่อยู่ห่างออกไปได้แต่สั่นสะท้านไปตามๆกัน

หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาก่อนที่ร่างกายของเขาจะปลดปล่อยคลื่นพลังออกมาฉีกร่างของศัตรูทั้งหลายออกทั้งหมดพลางแผดเผาจนวอดวาย

“เพียงแค่ตวัดมือก็สามารถตบผีร้ายที่แข็งแกร่งปลิวไปได้ง่ายๆ ประตูที่ไม่สามารถทำลายได้ก็สามารถเปิดออกได้ง่ายๆแถมยังสามารถกำจัดกองกำลังทหารหยินได้ทั้งๆที่ไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย….”

“แข็งแกร่งมากๆ ! ”

“เขาเป็นใครกัน ดูยังหนุ่มอยู่เลยแท้ๆทว่าความแข็งแกร่งนี้มัน……”

เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงถึงขีดสุด

นี่รวมถึงเหล่านายน้อยของขุมพลังระดับ 3 ทั้งเก้าคนที่ได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา

หลินเทียนไม่ได้สนใจการตอบสนองของกลุ่มคนเหล่านี้แม้แต่น้อยพลางก้าวเดินออกไป

“ไปกันเร็ว ! ”

“เราจะตามไปด้วย ! ”

“รีบไปกันเร็ว ! ”

ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนส่งเสียงออกมาก่อนที่จะฝ่ากองกำลังทหารหยินเพื่อไล่ตามหลังหลินเทียนไป

“ข้าไม่ไป มันอันตรายเกินไป ”

“ข้า ”

“ด้วยระดับพลังของข้าแล้วคงไม่มีทางได้รับอะไรอยู่แล้ว ”

ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนได้แต่จ้องมองเข้าไปด้วยสีหน้าที่เสียดายพร้อมอยากจะถอยกลับเนื่องจากระหว่างทางที่มาที่นี่ก็ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายมากมายและหากว่ายังคงเดินหน้าต่อไปก็อาจจะเสียแม้กระทั่งชีวิตของพวกเขา

แน่นอนว่าผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ยังคงเลือกที่จะมุ่งหน้าต่อไปเพราะว่าสุสานแห่งนี้มันไม่ใช่สถานที่ธรรมดาๆดังนั้นภายในจะต้องเต็มไปด้วยสมบัติมากมาย

“อาวุธวิญญาณตอนปลายยาทิพย์จักรพรรดิว่างเปล่าต้องเป็นของข้า ”

เฉินซวนได้ส่งเสียงออกมาก่อนที่จะก้าวเดินเข้าไปภายในพร้อมๆกับชายชราชุดเทา

……..

หลินเทียนที่ก้าวเดินนำเข้าไปต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มหมอกพลังหยินที่เข้มข้นรวมถึงกองกำลังผีร้ายที่มักจะโผล่ออกมาโจมตีเขาแต่ก็ถูกสังหารลงได้ง่ายๆ

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ตามหลังเขาทั้งหลายได้แต่จ้องมองออกไปด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมาก

“นี่เขา…เป็นใครกัน ?! ”

หลายๆคนพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา

แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยสมบัติมากมายแต่นี่ก็รวมถึงอันตรายที่ไม่น้อยไปกว่ากันทว่าเมื่อพวกเขาตามหลังหลินเทียนแล้วก็ได้พบกับภาพของอันตรายมากมายทว่ากลับถูกหลินเทียนสังหารลงได้ง่ายๆนี่มันอดทำให้พวกเขาพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาไม่ได้

หลินเทียนที่กำลังก้าวเดินออกไปด้านหน้าได้ใช้เวลาอยู่กว่าหนึ่งชั่วโมงจนไปถึงห้องโถงขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยสมบัติมากมายส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมา

“นี่มัน….”

“อาวุธเทวะ ! อาวุธปราชญ์แถมมีแม้กระทั่ง….อาวุธสวรรค์ ! ”

“นั่นมัน…ยาอายุวัฒนะที่ช่วยเพิ่มอายุได้ถึง 3000 ปี ! ”

“อัญมณีหยกมังกร วัตถุดิบสำหรับหลอมอาวุธสวรรค์ ! ”

“นี่มัน…..”

“นี่คือห้องของเจ้าของสุสาน ! ”

เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ด้านหลังได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาขณะที่กวาดสายตามองออกไปรอบๆด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นอย่างมาก

“นั่นัมน….”

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญได้แต่จ้องมองออกไปยังขวดหยกที่อยู่มุมห้องด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านถึงขีดสุด

เป็นเพราะว่าที่ขวดหยกนี้มันสลักตัวอักษรเอาไว้ว่า…….จักรพรรดิว่างเปล่า

“ยาทิพย์จักรพรรดิว่างเปล่า ?! ”

กลุ่มคนได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา

หลินเทียนเองก็มองเห็นมันได้อย่างชัดเจนก่อนที่ดวงตาของเขาจะเปล่งประกายออกมา

“มียาทิพย์แบบนี้อยู่จริงๆด้วยงั้นรึ ”

เขาพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่สูงมากๆก่อนที่จะเข้าประชิดขวดหยกนั้นพร้อมทั้งสำรวจมันด้วยจิตสัมผัสและพบว่ามันมียาทิพย์สองเม็ดส่องประกายแสงห้าสีที่อัดแน่นไปด้วยพลังฉีและสัจธรรมออกมาอย่างเข้มข้น

“น่าจะใช่มันจริงๆ และด้วยระดับพลังของเราในตอนนี้แล้วจะต้องสามารถตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายได้แน่นอน ”

เขาได้คิดอยู่ภายในใจ

ตัวเขานั้นเชี่ยวชาญทักษะปรุงยาดังนั้นถึงได้เล็งเห็นความพิเศษของตัวยานี้ดี

เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายเองก็ได้แต่มองออกไปด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากเพราะว่ายาทิพย์ล้ำค่านั้นได้ตกอยู่ในมือของคนอื่นเสียแล้ว

อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมองออกไปยังสมบัติมากมายพร้อมทั้งเริ่มการแย่งชิงสมบัติกัน

หลินเทียนที่ถือยาทิพย์เอาไว้ในมือเองก็ไม่ได้สนใจสิ่งอื่นอีกต่อไปเพราะว่าอาวุธสวรรค์มันไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาก่อนที่จะหันมองออกไปทางหีบศพหิน

มันเป็นหีบศพที่สร้างด้วยวัสดุที่ไม่ธรรมดาอย่างแร่นิรันดร์ร่วงหล่นที่หาได้ยากยิ่งแถมยังแข็งแกร่งถึงขั้นที่อาวุธบรรพบุรุษยังไม่สามารถทำลายได้

“นี่มันน่าจะเป็นหีบศพของเจ้าของสุสาน ”

เขาก้าวออกไปตรงหน้าหีบศพนั้น

จากข่าวลือที่ได้ยินมานั้นเจ้าของสุสานไม่ได้มีดีเพียงแค่ยาทิพย์เท่านั้นแต่มันยังรวมถึงอาวุธวิญญาณซึ่งเขากลับไม่พบมันที่นี่ดังนั้นถึงได้เดาว่ามันน่าจะถูกเก็บอยู่ในหีบนี้

สำหรับเขาแล้วมันก็ยังไม่ได้อยู่ในสายตาเพราะถึงอย่างไรเขาก็มีศิลาหินที่เป็นอาวุธอนันตกาลและเจดีย์ราชันอมตะแต่มูลค่าของอาวุธวิญญาณก็ไม่ใช่น้อยๆดังนั้นแม้ว่าจะไม่ได้สนใจแต่เก็บเอาไว้ก็สามารถยกมันให้กับหลินซี่หรือคนอื่นๆได้

เขาก้าวเดินออกไปก่อนที่มือขวาของเขาจะคว้าไปบนหีบศพนี้

ภายในหีบศพเผยให้เห็นภาพของโครงกระดูกที่มีกระบี่สั้นเล่มหนึ่งวางอยู่บนหน้าอกแถมยังรายล้อมไปด้วยอักขระมากมายพลางฟาดฟันเข้าใส่ทางหลินเทียน

แกร๊ง !

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบได้แต่สั่นสะท้านไปตามๆกัน

“นี่มัน…….อาวุธวิญญาณ ”

เมื่อจ้องมองออกไปแล้วผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายก็ได้แต่ผงะไป

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เฉินซวนที่อยู่ห่างออกไปเองก็ได้แต่จับจ้องไปยังกระบี่สั้นเล่มนั้นด้วยดวงตาที่ส่องประกายออกมา

“แกร๊ง ! ”

กระบี่สั้นนี้ฟาดฟันเข้าใส่ทางหลินเทียนด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาเพราะแม้ว่ามันจะเป็นคลื่นกระบี่ที่ทรงพลังมากๆแต่ก็ยังไม่สามารถทำอันตรายอะไรเขาได้

เขาโบกมือของเขาส่งประกายแสงสีทองออกไปครอบคลุมกระบี่นั้นและทำให้มันสงบลง

“เป็นอย่างที่ว่าเอาไว้ไม่มีผิด ที่นี่มีอาวุธวิญญาณตอนปลายอยู่จริงๆ ไม่เสียแรงที่มาที่นี่จริงๆ ”

เสียงดังสนั่นถูกส่งออกมาก่อนที่จะมีน้ำเสียงที่เย็นชาส่งตามออกมาจากปากของเฉินซวนว่า

“ส่งมาให้ข้า ”

 

 

 


ตอนที่ 1386

 

เฉินซวนได้แสดงสีหน้าที่เย็นชาและหยิ่งผยองขณะที่สั่งการให้หลินเทียนส่งมอบอาวุธวิญญาณให้กับเขาเสมือนว่าหลินเทียนเป็นข้ารับใช้ของตัวเอง

“นี่……”

หลายๆคนที่อยู่ห่างออกไปต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเพราะว่าอีกฝ่ายกลับสั่งการให้หลินเทียนส่งมอบอาวุธวิญญาณให้ด้วยท่าทีสั่งการแบบนี้

หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสก่อนที่จะเก็บเอากระบี่แล้วเริ่มสำรวจหีบศพ

หลังจากที่เขาได้รับสมบัติที่ต้องการมาแล้วเขาก็อยากจะรู้ว่าภายในมีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับทักษะปรุงยาหรือไม่เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญอย่างมาก

เขาจ้องมองไปยังร่างของศพและแม้ว่าร่างกายจะรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายแต่ก็ไม่ได้แปรสภาพกลายเป็นวิญญาณร้ายทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อยก่อนที่จะพบว่ามันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทักษะปรุงยาเลยแม้แต่น้อย

เขาส่ายศีรษะเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะถึงอย่างไรตัวเขาเองก็เชี่ยวชาญทักษะปรุงยาอยู่ก่อนแล้วดังนั้นแม้จะไม่พบอะไรก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อเขาอยู่ดี

ประกายแสงสีทองส่องประกายออกมาก่อนที่เขาจะปิดหีบศพอีกครั้งแล้วหันหลังก้าวเดินออกไป

เป้าหมายในการมาของเขาได้บรรลุแล้วดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกจึงคิดว่าควรจะไปหาที่ปลอดภัยเก็บตัวหลอมฤทธิ์ของยาทิพย์

“หยุด ! ไม่ได้ยินที่นายน้อยคนนี้พูดหรือไงกัน ! ”

เฉินซวนได้ส่งเสียงออกมาพลางก้าวออกมาขวางเอาไว้ด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า

“ส่งมันมา ! ”

ณ ตอนนี้สายตาของเขาส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาอย่างมากเพราะหลินเทียนได้ทำเป็นไม่สนใจคำพูดก่อนหน้านี้ของตัวเองทำให้ดวงตาของเขาส่องประกายจิตสังหารออกมาอย่างเข้มข้น

หลินเทียนไม่สนใจแม้แต่น้อยพลางก้าวเดินต่อไป

“เขา…..ไม่ได้สนใจเฉินซวนคนนั้นเลยแม้แต่น้อย ”

ผู้คนทั้งหลายได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะว่าแม้ว่าเฉินซวนจะยังหนุ่มแถมยังไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากเพราะอยู่ในเขตแดนผู้รอบรู้เท่านั้นทว่ากลับมีสถานะที่สูงส่งอย่างมากเนื่องจากเขาเป็นถึงหลานรักของผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิงทว่าตอนนี้หลินเทียนกลับไม่ได้สนใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

เฉินซวนได้แสดงสีหน้าที่เย็นชายิ่งกว่าเก่าออกมาเพราะการกระทำของหลินเทียนมันทำให้เขาเสียหน้าอย่างมาก

“รนหาที่ตายนักนะ ! ”

เขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา

ชายชราที่อยู่ด้านหลังเองก็พุ่งออกมาขวางทางหลินเทียนเอาไว้

“ชิงเอากระบี่มันมาแล้วฆ่ามันซะ ”

เฉินซวนออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่ชั่วร้ายเพราะการกระทำเช่นนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“นี่……”

“กล้าทำให้เฉินซวนโมโห………”

“จบแล้วแน่ๆ ”

เหล่าผู้คนพากันหันมองไปทางหลินเทียนพลางส่ายศีรษะตามๆกัน

“ผู้ติดตามของเฉินซวนนั้นเป็นผู้อาวุโสของนิกายไท่หลิงที่อยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะและแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากๆก็ไม่มีทางเป็นคู่มือของตัวตนระดับนั้นได้แน่ๆ นี่มัน……เห้ออ ”

หลายๆคนอดถอนหายใจออกมาไม่ได้

ชายชราที่ขวางทางของหลินเทียนเอาไว้ได้หันมองทางเข้าด้วยสายตาที่ล้ำลึกก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ส่งกระบี่นั่นมาแล้วฆ่าตัวตายซะ ”

เขาส่งเสียงที่ไม่แยแสออกมาเสมือนว่าไม่เห็นหลินเทียนอยู่ในสายตาด้วยซ้ำเพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะ

หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบพร้อมกับพูดว่า

“หลีกไป ”

“อยู่ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญระดับนี้แล้วเขาก็ยัง…….มีท่าทางแบบนั้น ?! ”

ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนต่างพากันแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา

ชายชราชุดเทาหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบอย่างมากพลางพูดว่า

“ข้าอุส่าให้โอกาสเจ้าแล้วแต่ในเมื่อเจ้าเห็นกงจักรเป็นดอกบัวงั้นข้าก็จะสนองให้ ”

หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้คว้ามือเข้าใส่ทางหลินเทียนโดยทันที

เป็นเพราะว่าพวกเขาอยู่ใกล้กันมากดังนั้นฝ่ามือของอีกฝ่ายถึงได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของหลินเทียนโดยทันที

“ตายแน่ๆ ! ”

หลายๆคนพากันถอนหายใจออกมา

อย่างไรก็ตามมันเป็นตอนนี้เองที่สีหน้าของทุกๆคนเปลี่ยนไปอย่างมาก

หลินเทียนได้ยกมือของเขาขึ้นมาคว้ามือของอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมทั้งยกเท้าถีบอัดหน้าอกอย่างจัง

ตู้มม ! ร่างของชายชราลอยเคว้งออกไปไกลก่อนที่จะกระแทกเข้ากับผนังที่อยู่ห่างออกไป

“นี่มัน…. ?! ”

เหล่าผู้คนที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้ต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะว่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะกลับถูกเตะปลิวออกไปได้ง่ายๆแบบนี้

“นี่เขา……แข็งแกร่งกว่าที่ข้าจินตนาการเอาไว้มากเลยนะ ! ”

หลายๆคนส่งเสียงออกมา

เฉินซวนเองก็แสดงสีหน้าที่แปลกใจออกมาไม่น้อยก่อนที่สีหน้าของเขาจะตกต่ำลงยิ่งกว่าเก่าพลางหันมองไปทางชายชราแล้วพูดออกมาว่า

“ผู้อาวุโสเฮ่ย อย่าได้ประมาทเมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรู รีบๆฆ่ามันแล้วชิงเอากระบี่มาได้แล้ว ”

อีกฝ่ายนั้นมีชื่อว่าเฮ่ยโม่ซึ่งเขาเองก็รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของชายชราคนนี้เป็นอย่างดีถึงได้คิดว่าคงเป็นเพราะอีกฝ่ายประมาทเกินไปถึงได้ถูกหลินเทียนเตะปลิวไปก่อนหน้านี้

หลินเทียนยังคงก้าวเดินต่อไปด้วยท่าทางที่ไม่สนใจทว่าหลังจากที่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายแล้วเขาก็ได้คว้ามือเข้าใส่ร่างของเฉินซวนไว้ในกำมือตัวเองทันที

“เคยได้ยินคำว่าก่อนที่จะฆ่าใครก็ต้องเตรียมใจถูกฆ่าไหม ? ”

เขาคว้าลำคอของอีกฝ่ายเอาไว้พลางส่งเสียงออกมา

เฉินซวนได้แต่ผงะไปและเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาของหลินเทียนแล้วเขาก็อดสั่นไปไม่ได้

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ชายชราได้ลุกกลับขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากพลางระเบิดคลื่นพลังอันหนักหน่วงแล้วส่งเสียงคำรามอย่างดังว่า

“ปล่อยนายน้อยเดี๋ยวนี้ ! ”

ความหวาดกลัวของเฉินซวนที่อยู่ในกำมือของหลินเทียนได้สลายหายไปอย่างฉับพลัน

“ได้ยินไหมล่ะ ! รีบๆปล่อยข้าไม่งั้นเจ้าต้องตายและครอบครัวของเจ้าก็ต้องตายไปด้วย ”

เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก

นี่ทำให้สายตาของหลินเทียนยิ่งเย็นชาขึ้นกว่าเก่าพลางส่งเสียงออกมาว่า

“ข้าเกลียดเวลาที่คนอื่นข่มขู่ข้าแต่ที่เกลียดที่สุดคือข่มขู่คนที่ข้าห่วงใย ”

เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกถึงขั้นทำให้พื้นที่โดยรอบสั่นสะท้านอย่างรุนแรงและอุณหภูมิที่ต่ำลงอย่างรวดเร็ว

ถึงขั้นที่ชายชราเองก็ยังมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากเพราะว่าความเย็นยะเยือกที่หลินเทียนส่งออกมานั้นทำให้เขารู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนอย่างรุนแรง

ใบหน้าของเฉินซวนถึงกับซีดลงอย่างเห็นได้ชัดและเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจิตสังหารของหลินเทียนแล้วใบหน้าที่หยิ่งผยองก็ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นความหวาดกลัวไปอย่างเฉียบพลัน

“อย่าทำเรื่อง…..”

“พุฟฟ ! ”

หลินเทียนได้ระเบิดคลื่นพลังเทวะออกไปฉีกร่างของอีกฝ่ายกลายเป็นผุยผงไปทันที

กองเลือดสาดกระจายออกไปทั่วทิศทาง

มันเป็นตอนนี้เองที่ผู้คนโดยรอบได้แต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง

“ฆะ……ฆ่า…….เฉินซวนไปแล้ว ! นี่มัน….”

หลายๆคนได้แต่สั่นสะท้านไปเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นถึงหลานชายของผู้อาวุโสสูงสุดที่ถึงขั้นส่งผู้ติดตามเป็นผู้อาวุโสที่อยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะมาคอยปกป้องทว่าตอนนี้กลับมีคนกล้าลงมือสังหารชายคนนั้น

“นี่มัน…….เรื่องใหญ่แล้วสิ ! ”

หลายๆคนได้แต่สั่นไป

เป็นเพราะว่าผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายไท่หลิงนั้นอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายดังนั้นการที่หลานชายถูกสังหารไปแบบนี้คิดว่าเขาจะยอม ?

“ระยำ !!! ”

ชายชราชุดเทาได้ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมๆกับปลดปล่อยจิตสังหารอันเข้มข้นพลางกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนด้วยทักษะเทวะที่ทรงพลังอย่างมาก

เป็นเพราะว่าผู้อาวุโสสูงสุดได้มอบหมายหน้าที่ในการปกป้องเฉินซวนให้กับเขาทว่าตอนนี้อีกฝ่ายกลับถูกหลินเทียนสังหารลงไป หากว่าผู้อาวุโสสูงสุดรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่ก็จะต้องระบายความโกรธกับเขาอย่างแน่นอน

เพียงแค่ชั่วพริบตานี้เองที่อีกฝ่ายได้กระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนเพื่อพยายามจะฆ่าเขา

บึ้สสส ~!

ฝ่ามืออันทรงพลังของอีกฝ่ายที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งสัจธรรมกดทับออกไปอย่างไม่ปราณี

“อายุเพียงแค่ 15 ปีแต่อาศัยคนหนุนหลังจนทำให้กลายเป็นคนที่ชั่วช้าได้ขนาดนี้หากว่าโตไปต้องการเป็นหายนะอย่างแน่นอนดังนั้นมันสมควรจะตายไปนานแล้ว ”

เขาหันมองไปทางชายชราพร้อมทั้งโบกมือขวาเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลอันทรงพลังออกไปอัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างจัง

หมัดอันทรงพลังได้ทำลายล้างทุกสิ่งตรงหน้า

พุฟฟ !

ร่างของชายชราระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆก่อนที่ดวงวิญญาณจะถูกหลินเทียนคว้าเอาไว้

“เจ้า..”

อีกฝ่ายได้แต่ส่งเสียงออกมาด้วยความกลัวถึงขีดสุด

หลินเทียนที่กำลังคว้าร่างวิญญาณของอีกฝ่ายเอาไว้ทำเพียงแค่โบกมือส่งอักขระออกไปบดขยี้ดวงวิญญาณในมือ

“ตะ..ตาย ?! ”

“นี่มัน….เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”

“นั่นน่ะ……ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะเลยนะ ! แต่กลับ………”

เหล่าผู้คนพากันส่งเสียงออกมาด้วยความรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก

แม้กระทั่งเหล่านายน้อยของขุมพลังทั้งหลายเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมาด้วยดวงตาที่หดเล็กลงอย่างมาก

การเหวี่ยงหมัดก็สามารถสังหารเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะได้นั้นมันเป็นความแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ?!

หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินจากไป

“หาที่ปลอดภัยไว้สำหรับการหล่อหลอมยาทิพย์ก่อนแล้วกัน ”

เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)