Divine King of All Directions - สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ 1371- 1386
ตอนที่ 1371
เสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาพร้อมปรากฏกลุ่มเมฆสีดำทมิฬรายล้อมไปด้วยม่านสายฟ้าอันทรงพลังเสมือนดั่งมังกรยักษ์ที่กำลังกู่ร้องคำรามเพื่อต้องการทำลายล้างโลกใบนี้
นี่ทำให้พื้นที่โดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงโดยทันที
“ทึ้มม! ”
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องก่อนที่คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังจะแผดขยายออกไปปกคลุมโลกทั้งใบ
หลินเทียนได้ตั้งสติของเขาก่อนที่จะหันมองออกไปยังคลื่นสายฟ้าสีแดงฉานที่ให้ความรู้สึกเหมือนดวงตาอันโหดเหี้ยมที่กำลังจ้องมองมาทางเขาเพื่อจบชีวิตของเขา
ตู้มมม !
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังผ่าลงมาปกคลุมร่างของเขาเอาไว้
พลังทำลายอันหนักหน่วงต้องการจะบดขยี้ร่างของเขาออกเป็นชิ้นๆ
ดาวดวงนี้เป็นดาวที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตซึ่งเขาเองก็สัมผัสได้ถึงความร้ายกาจของคลื่นสายฟ้าเหล่านี้ดีแต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมาแม้แต่น้อย
“บึ้สสส ! ”
ปรากฏเจดีย์ราชันอมตะขึ้นเหนือศีรษะของเขาก่อนที่มันจะส่องประกายแสงสีม่วงออกมาโอบร่างของเขาเอาไว้
“มา ! ”
เขาแหงนมองขึ้นไปพร้อมทั้งส่งเสียงอันราบเรียบออกมา
ตู้มมม !
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอีกครั้งเสมือนว่าสัมผัสได้ถึงการยั่วยุของหลินเทียนทำให้พลังทำลายของมันเพิ่มสูงขึ้นไปอีก
ทัณฑ์สายฟ้าระลอกแรงได้ผ่าลงมาอย่างไม่ปราณี
มันเป็นลำแสงสายฟ้าอันทรงพลังความกว้างกว่าหลายเมตรกดทับลงมา
พลังทำลายของมันได้บดขยี้ห้วงมิติที่อยู่โดยรอบสลายหายไปอย่างสิ้นเชิงพร้อมทั้งทำให้โลกใบนี้สั่นไหวอย่างไม่หยุดยั้ง
หลินเทียนที่สัมผัสได้ถึงพลังทำลายของมันเองก็ยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบอยู่อย่างเคยพลางส่งความคิดออกไปพร้อมทั้งสังเวยเอาศิลาหินออกมาและส่งถ่ายพลังลงไป
จากการเก็บตัวฝึกฝนอยู่กว่าสามปีของเขาทำให้พบว่ามันเป็นสมบัติสวรรค์ของเขตแดนอนันตกาลซึ่งการที่ใช้มันจะสามารถรับการโจมตีของทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ได้สบายๆ
และเป็นเพราะอย่างนั้นเขาถึงไม่จำเป็นต้องเตรียมการอะไรในการก้าวข้ามครั้งนี้แถมยังแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมา
ตู้มมม ~!
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังกดทับลงมาอยู่เหนือศีรษะของเขาด้วยพลังทำลายที่ลบล้างได้ทุกสิ่ง
ม่านของศิลาหินได้ปกป้องร่างกายของเขาเอาไว้โดยที่เขาไม่ได้ขยับเลยด้วยซ้ำ
การที่มีมันคอยปกป้องร่างกายเอาไว้ทำให้เขาไม่ต้องเป็นกังวลเลยแม้แต่น้อยแถมยังอาศัยทัณฑ์สวรรค์นี้เป็นเครื่องช่วยหล่อหลอมอาวุธวิญญาณของเขาให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีก
ม่านฟ้าได้สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่เขาส่งเอาเจดีย์ราชันอมตะออกไปรับการโจมตีเอาไว้ก่อนที่คลื่นสายฟ้าทั้งหลายจะถูกเจดีย์ดูดซับไปจนหมด
เจดีย์ราชันอมตะที่ดูดซับคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังเข้าไปทำให้ประกายแสงสีม่วงสวดส่องออกไปรอบทิศทาง
ท้ายที่สุดมันก็ปริแตกจนแหลกสลายหายไป
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาพร้อมทั้งหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อให้มันก่อตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
บึ้สส !
เจดีย์ที่ก่อตัวขึ้นมาใหม่ได้ส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมาอย่างเข้มข้นขึ้นกว่าเก่าแถมยังมีประกายสายฟ้ารายล้อมอยู่เป็นพักๆซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่ามันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่า
“ดี ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขาอย่างมีความสุข
เขาได้ส่งเจดีย์ออกไปรับทัณฑ์สายฟ้าระลอกแรกเอาไว้โดยที่ไม่ได้ป้องกันอะไรแม้แต่น้อยก็เพื่ออยากจะให้มันแหลกสลายลงภายใต้การโจมตีนี้เพื่ออาศัยคลื่นสายฟ้าในการหล่อหลอมมันให้แข็งแกร่งมากขึ้นไปอีกไม่งั้นแล้วเขาก็คงสามารถรับการโจมตีของทัณฑ์สายฟ้าระลอกนี้ได้สบายๆ
เพราะถึงอย่างไรแม้มันจะน่าสะพรึงกลัวแต่ก็ยังห่างไกลกับคำว่าไม่สามารถต่อต้านได้ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงเจดีย์ราชันอมตะที่สร้างขึ้นจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลที่ตัดผ่านเขตแดนอาวุธบรรพบุรุษไปแล้วจึงสามารถต่อกรได้กับทัณฑ์สายฟ้าระลอกนี้และอีกสามระลอกได้อีกสบายๆ
เขาได้แต่มองกลับขึ้นไปพร้อมทั้งส่งเสียงออกมาว่า
“มาต่อ ”
ตู้มมม !
ม่านฟ้าสั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังปกคลุมเหนือม่านฟ้าเอาไว้พร้อมทั้งกดทับลงมาอย่างไม่ปราณี
มันเป็นคลื่นพลังทำลายล้างที่ทรงพลังและเข้าประชิดร่างของหลินเทียนภายในชั่วพริบตาเท่านั้น
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ไม่ได้ขยับไปไหนพร้อมทั้งใช้เจดีย์รับการโจมตีเอาไว้อย่างเคย
เจดีย์ได้ระเบิดออกหลังจากที่รับการโจมตีของคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังอีกครั้ง
เป็นเพราะมันไม่ได้ต่อต้านหรือป้องกันอะไรถึงได้ถูกบดขยี้ออกโดยทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สองจนแหลกเป็นเสี่ยงๆขณะที่มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปไม่มีเหลือพร้อมๆกับคลื่นพลังที่กดทับเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่ปราณี
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางของมันเอาไว้ได้ถูกทำลายไปจนสิ้น
ศิลาหินเหนือศีรษะของหลินเทียนส่องประกายแสงออกมาอย่างทรงพลัง
ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สองได้ระเบิดออกเป็นชิ้นๆภายใจชั่วพริบตาเท่านั้น
“แข็งแกร่งจริงๆ ”
หลินเทียนพึมพำอยู่กับตัวเอง
เป็นเพราะแม้จะรู้อยู่ก่อนแล้วว่ามันเป็นสิ่งของที่ไม่ธรรมดาเพราะถึงขั้นสามารถสยบได้แม้กระทั่งราชันวิหกทว่าการที่สามารถบดขยี้ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สองได้ง่ายๆก็ยังทำให้เขารู้สึกตกตะลึงไม่น้อย
อย่างไรก็ตามมันเป็นเพียงความรู้สึกชั่วครู่ก่อนที่จะหันมองไปยังเศษซากเจดีย์อีกครั้ง
ประกายแสงสีทองสาดส่องออกมาพร้อมๆกับเจดีย์ที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
กลิ่นอายที่มันแผดออกมาทรงพลังมากขึ้นกว่าเก่า
ตู้มม ! !
ตู้ม !
ตู้มมม !
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ฝนสายฟ้าโหมกระหน่ำลงมาจากเบื้องบน
มันเป็นเพียงสายฟ้าธรรมดาๆทว่าหลินเทียนก็ยังไม่ปล่อยมันเอาไว้เฉยๆและใช้มันหล่อหลอมเจดีย์ต่อไปซ้ำแล้วซ้ำอีกทำให้ประกายแสงสีม่วงที่ส่องประกายออกมายิ่งเข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทึ้มม !
ม่านฟ้าได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะปรากฏมังกรสายฟ้าอันทรงพลังขึ้นมาด้วยความยาวกว่าหลายกิโลเมตรส่งพลังทำลายอันหนักหน่วงกดทับลงมาทั่วพื้นที่
หลังจากนั้นมันก็ได้ส่งเสียงกู่ร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธพร้อมทั้งพุ่งทะยานเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่รอช้า
เปรี้ย !
เปรี้ย !
เปรี้ย !
เสียงปริแตกถูกส่งออกมาขณะที่มิติโดยรอบถูกบดขยี้แหลกสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
คลื่นพลังทำลายอันหนักหน่วงได้กวาดออกไปโดยรอบและแม้ว่าตัวมังกรสายฟ้าจะยังคงไม่กระแทกเข้ากับพื้นทว่าพื้นดินกลับเริ่มทรุดตัวลงอย่างรุนแรงเพราะไม่สามารถรับแรงกดดันของมันได้
หลินเทียนที่ยืนอยู่ท่ามกลางการโจมตีเหล่านี้ยังคงมีสีหน้าที่ราบเรียบไม่ได้เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
เขาส่งเจดีย์ราชันอมตะออกไปโดยที่ไม่ได้ป้องกันอะไรอย่างเคย
มันเป็นอาวุธที่สร้างขึ้นจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลซึ่งตราบเท่าที่เขายังไม่ตายมันก็จะไม่มีวันถูกทำลายลง
ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรแม้แต่น้อยและยิ่งมันถูกผ่ามากขึ้นเท่าไหร่มันก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้นไปอีก
ตู้มม !
มังกรสายฟ้าอันทรงพลังได้โอบตัวเจดีย์เอาไว้พร้อมทั้งผ่าเข้าใส่อย่างไม่ปราณี
คลื่นสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนได้บดขยี้มันออกเป็นชิ้นๆ
หลังจากนั้นมังกรสายฟ้าก็ได้เข้าประชิดร่างของหลินเทียนอย่างฉับพลัน
หลินเทียนอาศัยศิลาหินปกป้องร่างกายเอาไว้พร้อมทั้งบดขยี้ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สามไปได้อย่างง่ายดายพร้อมทั้งก่อสร้างเจดีย์ราชันอมตะขึ้นมาอีกครั้งซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าอักขระที่รายล้อมมันเอาไว้ดูเจิดจรัสมากขึ้นกว่าเก่า
จากการที่แบกรับทัณฑ์สายฟ้าไปถึงสามระลอกพร้อมๆกันแบบนี้ทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่ามาก
“มาต่อ ! ”
เขาส่งเสียงออกมาระหว่างที่แหงนหน้ามองไปยังท้องฟ้า
ม่านฟ้าได้สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังของทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สี่ได้ก่อตัวขึ้นพร้อมทั้งกดทับลงมาด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัว
หลินเทียนที่ยืนอยู่ท่ามกลางพลังทำลายล้างนี้ยังคงมีสีหน้าที่ราบเรียบพร้อมทั้งใช้เจดีย์ราชันอมตะออกไปรับการโจมตีนี้เอาไว้อีกครั้ง
เขาเหวี่ยงมันออกไปรับเอาไว้ขณะที่ใช้ศิลาหินปกป้องร่างกายเอาไว้อย่างเคย
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรทว่าพื้นที่โดยรอบได้ถูกทำลายออกเป็นเสี่ยงๆโดยที่มีลาวาไหลทะลักออกมาจากพื้นดินโดยรอบ
เจดีย์ราชันอมตะได้แหลกสลายหายไปอีกครั้งพร้อมทั้งปลิวว่อนไปกับสายลมเสมือนดั่งเศษฝุ่นสีม่วงที่ดูงดงามอย่างมาก
หลินเทียนหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันพร้อมทั้งก่อสร้างมันขึ้นมาใหม่อีกครั้งด้วยกลิ่นอายที่สูงขึ้นกว่าเก่าแถมยังรายล้อมไปด้วยประกายสายฟ้าเสมือนดั่งว่ามันคืออาวุธของเทพอัสนี
หลินเทียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจเพราะว่าจากการหล่อหลอมครั้งนี้มันทำให้อาวุธของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก
ตู้มมม !
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังแผดขยายออกไปอีกครั้งพร้อมๆกับเสียงฟ้าร้องคำรามที่ถูกส่งออกมาอย่างดัง
ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่ห้าได้ก่อตัวขึ้นแล้ว
หลินเทียนยังคงปกป้องร่างกายเอาไว้ด้วยศิลาหินพร้อมทั้งเหวี่ยงเจดีย์ออกไปรับมันเอาไว้
เวลาได้ผ่านไปอย่างต่อเนื่องขณะที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่ หก เจ็ด แปด ถูกทำลายลงพร้อมๆกับทำให้พื้นที่โดยรอบแหลกสลายหายไปไม่มีเหลือ
เป็นเพราะดาวดวงนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตไม่งั้นแล้วก็คงตอบไม่ได้เลยว่าจะมีกี่ชีวิตที่ต้องตกตายลงอย่างน่าอนาถ
“ทึมมม ! ”
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังถูกส่งออกมาขณะที่ม่านฟ้าแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีดำทมิฬ
ปรากฏคลื่นสายฟ้าสีดำขึ้นกลางอากาศด้วยกลิ่นอายทำลายล้างที่ให้ความรู้สึกเสมือนสามารถทำลายได้ทุกสิ่ง
ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่เก้าได้ก่อตัวขึ้นแล้ว !
หลินเทียนแหวนหน้ามองขึ้นไปด้วยดวงตาที่เปล่งประกายพลางพูดว่า
“เหมือนว่าจะเป็นระลอกสุดท้ายแล้วสินะ ”
ตอนที่ 1372
สำหรับเขาที่ต้องแบกรับทัณฑ์สวรรค์นั้นสามารถสัมผัสถึงมันได้เป็นอย่างดีและรู้สึกได้ว่ามันกำลังจะจบลง
“ทัณฑ์สวรรค์ของเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่ามีเก้าระลอก มันน้อยกว่าของเขตแดนจ้าวสวรรค์และจักรพรรดิโกลาหลอยู่มาก ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเองเพราะว่าตอนที่เขาตัดผ่านทั้งสองเขตแดนนั้นเขาต้องแบกรับทัณฑ์สายฟ้าไปมากกว่าเก้ารอบ
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรพวกนี้มากนักและได้แต่ยืนรอการมาถึงของทัณฑ์สายฟ้าระลอกนี้
ตู้มม ~!
ม่านฟ้าได้ถูกฉีกออกขณะที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่เก้าได้ก่อตัวขึ้นกลายเป็นกองอัศวิน ยางฟ้า ภูตผีปีศาจและอสูรมากมายรายล้อมอยู่รอบท้องฟ้า
มันเป็นภาพร่างที่ก่อตัวขึ้นจากสายฟ้าทั้งหลายที่ส่งกลิ่นอายทำลายล้างอันทรงพลังออกมาทำให้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายเองก็ยังต้องหวาดหวั่นอย่างแน่นอน
“ดูเหมือนว่าช่วงที่ผ่านมานี้ทัณฑ์สายฟ้าระลอกสุดท้ายจะพิเศษออกไป ”
เขาได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากัน
หลังจากนั้นก็ได้แต่มองออกไปด้วยดวงตาที่เปล่งประกายก่อนที่สุดท้ายจะส่ายศีรษะของเขา
เขารู้สึกสงสัยเกี่ยวกับทัณฑ์สายฟ้าระลอกสุดท้ายในช่วงหลายครั้งนี้มาก่อนแต่ไม่ว่าจะพยายามคิดอย่างไรก็ไม่เป็นผลดังนั้นถึงได้เลิกสนใจมันเพราะต่อให้สนใจไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรอยู่ดี
ทึ้มม ~!
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่เก้าได้กดทับลงมาอย่างรุนแรง
ภาพร่างอันทรงพลังทั้งหลายล้วนพุ่งทะยานเข้าใส่ทางเขาพร้อมๆกัน
หลินเทียนในตอนนี้มีศิลาหินคอยปกป้องร่างกายเอาไว้ดังนั้นถึงไม่ได้สนใจอะไรมากนักพร้อมทั้งซัดเอาเจดีย์ออกไปรับเอาไว้เพื่อหล่อหลอมให้มันแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก
เปรี้ย !
เปรี้ยยย !
เปรี้ย !
เสียงปริแตกถูกส่งออกมาก่อนที่เจดีย์จะแหลกสลายหายไปไม่มีเหลือ
เศษฝุ่นสีม่วงกระจัดกระจายไปทั่วทิศทางพร้อมทั้งแปรเปลี่ยนกลายเป็นกลิ่นอายโกลาหล สีม่วงอันเข้มข้น
ทันใดนั้นเองที่เหล่าภาพร่างทั้งหลายต่างพากันโถมเข้าใส่ทางหลินเทียนพร้อมๆกัน
ตู้มมม !
โลกทั้งใบแหลกสลายขณะที่พื้นดินแยกออกเผยให้เห็นลาวาที่ไหลทะลักออกมาไม่หยุด
กลุ่มหมอกควันฟุ้งกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ม่านสายฟ้าค่อยๆสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อหมอกควันเบื้องล่างได้สลายหายไปแล้วจึงเผยให้เห็นร่างของหลินเทียนที่กำลังยืนอยู่กับที่โดยที่มีศิลาหินปกป้องร่างกายเอาไว้และไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย
“ขอบคุณมากๆ ”
เขาเผยรอยยิ้มออกมาขณะที่มองออกไปยังศิลาหินเหนือศีรษะของเขา
หากว่าไม่ได้เป็นเพราะมันแล้วเขาก็คงจะไม่มีทางก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน
บึ้สสส ~!
ประกายแสงเจ็ดสีส่องประกายออกมาจากม่านฟ้าก่อนที่จะตกกระทบลงบนร่างของเขาเสมือนเป็นการป้อนพลังเข้าสู่ร่างอย่างรวดเร็ว
มันเป็นประกายแสงที่อัดแน่นไปด้วยพลังฉีอันเข้มข้นเสียยิ่งกว่าเส้นชีพจรมังกรบรรพกาล
หลินเทียนไม่ลังเลเลยที่จะหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันของตัวเองเพื่อดูกลืนพลังเหล่านี้
นี่ทำให้ประกายแสงที่แผดออกมาจากร่างของเขายิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีกแถมกลิ่นอายยังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาได้แต่มองออกไปยังกลุ่มก้อนกลิ่นอายโกลาหลสีม่วงที่กระจายตัวอยู่ในอากาศก่อนที่จะส่งถ่ายพลังออกไปเพื่อก่อสร้างมันขึ้นมาเป็นเจดีย์ราชันอมตะอีกครั้ง
ณ ตอนนี้อักขระที่รายล้อมมันเอาไว้ส่องประกายแสงบริสุทธิ์ออกมาอย่างเข้มข้นแถมยังมีคลื่นสายฟ้ารายล้อมร่างของมันเอาไว้ทำให้กลิ่นอายของมันเพิ่มสูงขึ้นไปอีกขั้น
“ดีมากๆ ! ”
ดวงตาของเขาส่องประกายออกมาโดยทันที
เป็นเพราะว่าแม้หลังจากที่ก่อสร้างมันขึ้นมาใหม่แล้วมันจะยังอยู่ในระดับอาวุธบรรพบุรุษทว่าพลังทำลายของมันเทียบได้พอๆกับอาวุธวิญญาณสมบัติเลยก็ว่าได้
เมื่อก่อสร้างมันขึ้นมาแล้วเขาก็อาบประกายแสงเจ็ดสีไปพร้อมๆกับมัน
บึ้สสส ~!
ประกายแสงเจิดจรัสส่องประกายออกมาขณะที่ตัวเจดีย์ส่งกลิ่นอายโกลาหลและคลื่นสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์อันเข้มข้นออกมาอย่างต่อเนื่อง
ดวงตาของหลินเทียนเปล่งประกายออกมาพร้อมทั้งพบว่าภายในพลังเหล่านั้นผสมผสานไปด้วยประกายแสงสีขาวบริสุทธิ์
มันเป็นพลังที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยนแต่กลับศักดิ์สิทธิ์
“พลังแห่งความเชื่อ ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
สามปีมานี้เขาได้ใช้เซียนเซียนเผยแพร่คำสอนไปทั่วโลกทั้งใบทำให้ได้รับผู้ศรัทธามาเป็นจำนวนมากซึ่งพลังเหล่านั้นได้ถูกพลังโกลาหลปกป้องเอาไว้ทำให้แม้เจดีย์ราชันอมตะตะแหลกสลายหายไปแต่พลังแห่งความเชื่อก็ยังคงอยู่
“ด้วยพลังแห่งความเชื่อที่มีอยู่นี้ก็น่าจะเพียงพอต่อการรับทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ศิลาหินเลยด้วยซ้ำ ”
เป็นเพราะว่าพลังความเชื่อนั้นมีอยู่อย่างเข้มข้นไม่ต่างกับมหาสมุทรดังนั้นเขาเชื่อว่ามันเพียงพอที่จะทำให้เขาสามารถรับมือกับทัณฑ์สวรรค์นี้ได้แม้จะไม่ได้ทำได้ง่ายๆเหมือนอย่างศิลาหินก็ตาม
เขาถอนหายใจออกมาก่อนที่หล่อหลอมร่างกายและเจดีย์ราชันอมตะต่อไปพร้อมๆกัน
ไม่นานหลังจากนั้นหมู่เมฆประกายแสงเจ็ดสีก็ได้สลายหายไปอย่างช้าๆ
ประกายแสงที่อาบร่างของเขาได้จางหายไปพลางกำหมัดลงเล็กน้อยพร้อมสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งของเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าซึ่งการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำลายห้วงมิติรอบข้างได้อย่างสบายๆ
ณ ตอนนี้หากว่าต้องเผชิญหน้ากับราชันวิหกอีกครั้งเขาก็สามารถสังหารอีกฝ่ายได้อย่างสบายๆ
เจดีย์ราชันอมตะส่องประกายแสงออกมาพร้อมทั้งหลอมรวมเข้ากับร่างของเขาอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นเขาได้แหงนมองกลับขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง
“หลังจากที่ตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าก็สามารถดึงเอาพลังจากหมู่ดาวมาหล่อหลอมร่างกายได้ทำให้มันอยู่ในระดับที่คงกระพันเพื่อตัดผ่านเขตแดนนิรันด์อมตะอย่างแท้จริง ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เมื่อมองออกไปแล้วเขาได้นั่งขัดสมาธิลงเล็กน้อยพร้อมทั้งหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อสื่อสารกับห้วงจักรวาลทำให้ประกายแสงสีเงินจากหมู่ดาวส่องประกายออกมา
ประกายแสงจากหมู่ดาวส่องประกายลงมาพร้อมทั้งไหลซึมเข้าไปภายในร่างของเขา
หลังจากนั้นเขาก็ได้ดูดกลืนมันเข้ามาหล่อหลอมร่างกายของตัวเอง
นี่ทำให้เลือดเนื้อทุกอณูของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมๆกับส่งถ่ายความร้อนออกมาเสมือนกำลังถูกแผดเผาอย่างบ้าคลั่ง
แม้กระทั่งมันทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดในการเริ่มหล่อหลอมร่างกายในครั้งแรกเลยด้วยซ้ำ
“เส้นทางการบ่มเพาะคือการหล่อหลอมร่างกายต่อๆไปจนท้ายที่สุดก็หล่อหลอมจนกลายเป็นนิรันด์ที่แท้จริง ”
เขาพึมพำออกมา
หลังจากที่ตั้งสติได้แล้วเขาก็ได้หมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันพร้อมทั้งดูดกลืนเอาพลังจากหมู่ดาวเข้าไปมหาศาล
“บึ้สสส ~! ”
ประกายแสงสีเงินห้อมล้อมร่างกายของเขาเอาไว้ขณะที่ร่างกายของเขาส่องประกายแสงสีทองออกมา
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปนานกว่าหนึ่งเดือน
หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เขาได้หยุดยั้งการดูดซึมพลังของเขาก่อนที่จะยืนกลับขึ้นมา
ณ ตอนนี้เขาสามารถสัมผัสได้เลยว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหลายเท่าตัวและเพียงการกำหมัดเล็กน้อยก็ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัวแล้ว
นี่ทำให้เขาอดพยักหน้าอย่างมีความสุขไม่ได้เพราะการหล่อหลอมร่างกายด้วยพลังจากหมู่ดาวกว่าหนึ่งเดือนนี้มันทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นมาก
“ถึงเวลาที่ต้องกลับไปแล้ว ”
เขาพูดออกมา
เป็นเพราะว่าเขาเองก็ก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์มาได้แล้วดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องอยู่ต่อแล้ว
เขาหันมองออกไปรอบๆพื้นที่ๆพังทลายไม่มีเหลือก่อนที่จะเหาะออกไปอยู่กลางห้วงอวกาศอย่างรวดเร็ว
มันเป็นห้วงจักรวาลอันมืดมิดทว่ากลับมีประกายแสงสีเงินระยิบระยับถูกส่งออกมาให้ความรู้สึกที่น่าหลงใหลอย่างมาก
เขาเหาะออกไปทางโลกอย่างรวดเร็ว
ณ ตอนนี้โลกมันไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่มากนักทว่ากลับไม่มีดาวดวงไหนที่เทียบเคียงความงดงามของมันได้เลยแม้แต่น้อย
หลินเทียนได้เหาะเข้าไปในโลกอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเข้าใกล้แล้วคิ้วของเขาถึงกับขมวดเข้าหากันเพราะเขาพบกับสถานการณ์บางอย่าง
เป็นเพราะว่าดาวเทียมที่อยู่ในวงโคจรทั้งหลายได้ถูกทำลายลงจนหมด
แถมยังหลงเหลือกลิ่นอายของพลังเทวะอยู่ด้วย
“ผู้บ่มเพาะเป็นคนทำลายมัน ”
คิ้วของเขาได้ขมวดเข้าหากันเพราะว่ามีผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งมาเยือนโลกใบนี้แถมยังทำลายดาวเทียมเหล่านี้ ?
เขายืนอยู่ท่ามกลางอวกาศพร้อมทั้งแผดจิตสัมผัสอันเข้มข้นออกไปโดยที่ไม่พบกับกลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆพลางพุ่งลงไปยังโลกอย่างรวดเร็ว
มันเป็นตอนนี้เองที่สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปอีกครั้งเพราะพบว่าดาวเทียมที่ถูกทำลายไปนั้นมีกลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญหลงเหลืออยู่มากกว่าหนึ่งคน แถมยังแข็งแกร่งมากๆ
“มีผู้เชี่ยวชาญจากดินแดนอื่นรุกล้ำเข้าไปในโลก ? ”
คิ้วของเขายิ่งขมวดเข้าหากัน
เขาพุ่งผ่านอากาศออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งมุ่งหน้าไปยังสำนักนิรันด์อย่างไม่รอช้า
ตัวเขาไม่ได้ปิดบังกลิ่นอายอะไรแม้แต่น้อยทำให้เซียนเซียนและพยัคฆ์ขาวสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว
หลายๆคนที่เห็นว่าหลินเทียนกลับมาแล้วต่างแสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาและตระหนักดีว่าเขาก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ไปได้แล้ว
และมันเป็นตอนนี้เองที่สีหน้าของพวกเขาได้แสดงให้เห็นถึงความเคร่งเครียดออกมา
“ท่านอาจารย์คะ มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว ภูเขาไท่ได้ถูกกองกำลังผู้เชี่ยวชาญภายนอกที่แข็งแกร่งยึดไปทำให้มีผู้เสียชีวิตอยู่มากมาย ”
เซียนเซียนได้ส่งเสียงที่กระวนกระวายออกมา
ตอนที่ 1373
เมื่อฟังจากคำพูดของเซียนเซียนแล้วสีหน้าของหลินเทียนก็ถึงกับเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
เป็นเพราะว่าเขาพบร่องรอยกลิ่นอายพลังเทวะจากดาวเทียมที่ถูกทำลายอยู่นอกโลกดังนั้นถึงได้เดาว่ามีผู้เชี่ยวชาญจากดินแดนอื่นรุกล้ำเข้ามายังโลกใบนี้แต่ก็ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นความจริง
ภูเขาไท่ได้ถูกพวกมันยึดเอาไว้ ?!
“รายละเอียดที่แน่ชัดเป็นอย่างไร ? ”
เขาถามออกไป
เซียนเซียนรีบเรียบเรียงคำพูดพร้อมทั้งอธิบายออกมาว่า
“ประมาณหนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้านี้มีคนหลายสิบคนปรากฏตัวขึ้นที่ภูเขาไท่พร้อมทั้งฆ่าล้างนักท่องเที่ยวทั้งหมดส่งผลให้กองกำลังติดอาวุธพากันยกโขยงไปที่นั่นแต่สุดท้ายก็ตกตายลงกันหมดและนี่รวมถึงกองกำลังผู้เชี่ยวชาญของทั้งขุมพลังดินแดนศูนย์กลางและดินแดนตะวันตกก็ด้วย ”
“จากคำพูดของพวกมันแล้วบ่งบอกได้เลยว่าไม่ใช่คนของโลกใบนี้ซึ่งแต่ละคนเองก็แข็งแกร่งอย่างมาก ”
พยัคฆ์ขาวได้ส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดว่า
“ดูเหมือนว่า…..พวกมันจะรู้ว่าภูเขาไท่นี้คือช่องทางที่เชื่อมต่อไปยังดินแดนนิรันดร์ดังนั้นถึงได้อยากจะคลายผนึกนั้น ”
หลายสิบคนเหล่านั้นได้สังหารผู้คนไปมากมายทำให้ไม่ว่าจะเป็นผู้บ่มเพาะหรือมนุษย์ธรรมดาก็ต่างรู้สึกหวาดหวั่นไปตามๆกัน
สีหน้าของหลินเทียนถึงกับตกต่ำลงอย่างมากพร้อมๆกับแววตาที่ส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมา
“ข้าไปเอง ”
เขาพูดออกมา
เขาหันมองออกไปทางภูเขาไท่พร้อมทั้งก้าวเท้าหายไปก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าภูเขาแห่งนั้น
สามารถมองเห็นได้เลยว่าบนภูเขาความสูงหลายพันเมตรนั้นเต็มไปด้วยกองซากศพมากมายส่งผลให้พื้นที่แห่งนี้ถูกชโลมไปด้วยเลือดและกลิ่นคาวที่เหม็นคละคลุ้ง
เมื่อมองออกไปยังภาพเหล่านี้แล้วมันยิ่งทำให้สายตาของเขาเย็นยะเยือกขึ้นมากกว่าเก่า
เขาก้าวเดินออกไปพร้อมทั้งเหยียบย้ำลงบนพื้นดินสีเลือดที่เปียกชุ่ม
เศษชิ้นส่วนมนุษย์กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นไม่ว่าจะเป็นของมนุษย์ธรรมดาหรือผู้บ่มเพาะ
“ยังมีพวกมดปลวกกล้ามาที่นี่อีกงั้นรึ หรือว่าวีรกรรมที่พวกเราสร้างมันมันยังไม่เพียงพออีก ? ”
น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกถูกส่งออกมา
ปรากฏร่างของชายชราร่างผอมบางกำลังมองมาทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เหมือนว่ากำลังมองมดปลวก
“ตาย ! ”
เขาได้ตวัดนิ้วพร้อมทั้งส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังเข้าใส่ทางหลินเทียน
มิติโดยรอบแหลกสลายด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัว
พริบตาคลื่นกระบี่นี้ก็เข้าประชิดร่างของหลินเทียน
เปรี้ย ~!
เสียงปริแตกถูกส่งออกมาก่อนที่คลื่นกระบี่ที่พุ่งเข้าใกล้หลินเทียนจะแหลกสลายหายไป
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่โดยที่ไม่ได้รับความเสียหายใดๆเลยแม้แต่น้อยแถมดวงตาของเขายังส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมา
นี่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่ผงะไปด้วยความประหลาดใจ
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ? ”
เมื่อจ้องมองไปทางหลินเทียนแล้วสีหน้าของเขาถึงกับตกต่ำลงโดยทันทีเพราะว่าเขานั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าดังนั้นแม้จะเป็นคลื่นกระบี่ธรรมดาๆทว่าพลังทำลายของมันก็ไม่ใช่น้อยๆทว่าอีกฝ่ายกลับสามารถทำลายมันลงได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตามนี่มันเป็นเพียงแค่ชั่วครู เท่านั้นก่อนที่จะสีหน้าของเขาจะยิ่งเย็นชาขึ้นกว่าเก่า
“ไม่คิดเลยว่าดาวดวงนี้จะมีคนที่พอมีความสามารถอยู่ด้วย ”
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้ส่งการโจมตีออกมาอีกครั้ง
แกร๊ง ! คลื่นกระบี่อันทรงพลังอัดแน่นไปด้วยจิตสังหารได้พุ่งผ่านอากาศออกมาด้วยพลังทำลายที่ต้องการจะบดขยี้โลกใบนี้
คลื่นกระบี่นี้ได้เข้าประชิดร่างของหลินเทียนอีกครั้ง
และมันเป็นตอนนี้เองที่คลื่นกระบี่ของมันก็ได้สลายหายไปอีกครั้งโดยที่หลินเทียนยังไม่ได้รับความเสียหายอะไรแม้แต่น้อย
“เป็นไปไม่ได้ ! ”
ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆที่อยู่ที่นี่เองก็ได้แต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
เป็นเพราะพลังทำลายที่ส่งออกมาเมื่อครู่คือพลังทั้งหมดกว่าเจ็ดในสิบส่วนของเขาทว่ากลับยังไม่สามารถทำอะไรได้
พลังกว่าเจ็ดในสิบกลับถูกทำลายลงทั้งๆที่หลินเทียนไม่ได้เครื่องไหวแม้แต่น้อย
หลินเทียนหันมองออกไปยังกลุ่มซากศพก่อนที่จะหันมองกลับไปยังกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น
เขาก้าวเท้าออกไปก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกฝ่ายพร้อมทั้งเหวี่ยงฝ่ามือตบอย่างจัง
อีกฝ่ายถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปพร้อมทั้งอุทานออกมาว่า
“เจ้า….”
พุฟฟ !
เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ร่างของอีกฝ่ายเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนต้นแหลกสลายหายไปพร้อมๆกับดวงวิญญาณ
เซียนเซียนและพยัคฆ์ขาวที่อยู่ห่างออกไปไกลและเพิ่งมาถึงเพราะความเป็นห่วงได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
“นี่มัน…..เป็นไปได้ ?! ”
พยัคฆ์ขาวได้แต่สั่นสะท้านไป
เป็นเพราะว่ามันได้เห็นภาพของผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าถูกหลินเทียนตบตายลงในพริบตา
“นี่….แข็งแกร่งมากๆ ! ”
เซียนเซียนเองก็ใจสั่นไปทันที
พวกเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าหลินเทียนสามารถตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่ามาได้แต่หลังจากที่ได้เห็นภาพตรงหน้าแล้วก็ยังอดผงะไปไม่ได้
เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนเดียวกันแต่กลับถูกหลินเทียนตบตายในการโจมตีเดียว
นี่มันเป็นความแข็งแกร่งระดับไหนกัน ?!
“วิ้สส ~! ”
“วิ้ส ! ”
“วิ้สส ! ”
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาก่อนที่ร่างสามร่างจะพากันพุ่งมาที่นี่ด้วยกลิ่นอายที่ทรงพลังอย่างมาก
พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนต้นที่สัมผัสได้ถึงการผันผวนของพลังอย่างรุนแรงถึงได้พากันมาที่นี่
หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้พบกับร่างของหลินเทียนแต่ไม่พบกับร่างของชายชราผอมโซ
“ไอ้มดจากดาวขยะกล้าบุกมาที่นี่งั้นรึ ! ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาก่อนที่จะพูดต่อว่า
“ข้าขอถามเจ้าว่าคน….”
“แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่หลินเทียนโบกมือส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งเข้าใส่ทางหลินเทียน
หลังจากนั้นคลื่นกระบี่อันทรงพลังก็ได้เข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายภายในชั่วพริบตา
พุฟฟ !
เสียงฉีกขาดถูกส่งออกมาขณะที่คลื่นกระบี่พุ่งทะลวงผ่านหน้าผากและบดขยี้ดวงวิญญาณของอีกฝ่ายสลายหายไป
นี่ทำให้พยัคฆ์ขาวและเซียนเซียนได้แต่สั่นสะท้านไป
“นี่มัน….ผิดมนุษย์เกินไปแล้ว ! ”
พยัคฆ์ขาวได้แต่กลืนน้ำลายกลับลงไป
จักรพรรดิว่างเปล่ากลับถูกหลินเทียนสังหารลงอย่างง่ายดาย
นี่มันเป็นพลังที่ทำให้พวกเขาได้แต่ผงะไป
ตอนที่ 1374
ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนต่างพากันหันมองมาทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุด“เจ้าเป็นใครกัน ?! ”
หนึ่งในพวกเขานั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าแต่กลับถูกสังหารลงภายในการโจมตีเดียว
หลินเทียนหันมองออกไปทางทั้งสองคนด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกพร้อมทั้งพุ่งออกไปเข้าประชิดร่างของอีกฝ่าย
พวกเขาต่างพากันแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาและหวาดกลัวไปกับความเร็วของหลินเทียน
“เจ้า……”
“บึ้สส ! ”
หลินเทียนโบกมือของเขาขณะที่เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาพร้อมๆกับฝ่ามืออันทรงพลังบดขยี้ร่างกายและดวงวิญญาณของอีกฝ่ายไป
หลังจากนั้นเขาก็ได้หันมองออกไปทางอีกคนพร้อมทั้งคว้าร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่จะตรวจความทรงจำของมัน
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้รับรู้มาว่าอีกฝ่ายมีอยู่ทั้งหมด 16 คนซึ่งเป็นคนของดวงดาวจี่หยานซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าขึ้นไปโดยที่มีคนหนึ่งอยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันด์อมตะที่อีกเพียงก้าวเดียวก็สามารถตัดผ่านไปได้แล้ว
พวกเขาล้วนเป็นพี่น้องร่วมสาบานซึ่งกันและกันและได้ค้นพบบันทึกเก่าแก่เกี่ยวกับภูเขาไท่ที่อยู่บนโลกใบนี้ว่ามันเป็นเส้นทางไปยังดินแดนนิรันดร์ทำให้พวกเขาต่างพากันแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาพลางเตรียมการทุกอย่างเพื่อค้นหาดาวโลกดวงนี้
หลังจากที่มาถึงโลกใบนี้แล้วก็รับรู้มาว่ามันเป็นโลกอันเปราะบางถึงได้มุ่งหน้ามาที่นี่พร้อมทั้งสังหารทุกคนแล้วยึดมันเป็นของตัวเองแต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะมีคนกล้ามาขัดจังหวะของพวกเขา
หลังจากนั้นไม่นานเหล่าขุมพลังทั้งหลายที่ได้ยินข่าวเช่นนี้ก็พากันแห่กันมาช่วยเหลือแต่ก็ถูกพวกเขาฆ่าตายไปจนหมดโดยเหลือเพียงพระสัตตะปาปาที่หนีรอดกลับไปได้
“กล้าดีนักนะ ! ”
หลินเทียนส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา
เป็นเพราะว่ามีสมบัติล้ำค่าปรากฏขึ้นที่โลกใบนี้ทำให้เกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นในอดีตส่งผลให้กองกำลังผู้เชี่ยวชาญมากมายแห่กันมาที่นี่และแทบจะตกตายลงทั้งหมดและคนที่ยังเหลือรอดไปได้เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนานก็ได้ค้นพบผนึกของภูเขาไท่ก่อนที่จะชักนำคนของดาวจี่หยานมาที่นี่
เขาได้คว้าคอของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่ร่างกายของเขาจะเปล่งประกายแสงออกมาเพื่อต้องการจะสังหารอีกฝ่าย
ทว่ามันเป็นตอนนี้เองที่สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปเพราะว่าเขาได้พบกับบางสิ่งภายในความทรงจำของมัน
“ประกายแสงเจ็ดสีภายในหุบเขากลืนวิญญาณนิรันด์ ”
เขาได้แต่ผงะไป
เป็นเพราะว่าจากความทรงจำของอีกฝ่ายนั้นเขาได้พบว่าภายในส่วนลึกที่สุดหุบเขากลืนวิญญาณนิรันด์ที่เป็นหนึ่งในดินแดนต้องห้ามของอีกฝ่ายนั้นมีประกายแสงเจ็ดสีสาดส่องออกมาเป็นพักๆด้วยพลังอันแข็งแกร่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญมากมายต้องการมัน
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปเอามันออกมาเพราะว่าพวกเขารู้ซึ่งถึงความอันตรายของสถานที่แห่งนั้นเป็นอย่างดีว่าขนาดผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลที่เข้าไปเองก็ยังต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ
ดวงตาของเขาได้เปล่งประกายออกมาพลางพูดว่า
“เศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ ?! ”
เขาไม่สามารถยืนยันเรื่องนี้ได้แต่มันมีความเป็นไปได้อยู่สูงมากๆ
เขายังคงค้นหาเกี่ยวกับความทรงจำของอีกฝ่ายรวมถึงที่ตั้งของดาวดวงนั้นอย่างละเอียด
อีกฝ่ายได้แต่สั่นสะท้านไปพร้อมๆกับส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นว่า
“ไว้ชีวิต……..ข้าเถอะ ”
“อย่าฝันไปหน่อยเลย ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายได้สังหารผู้คนบริสุทธิ์ไปแล้วมากมายแล้วจะให้เขาปล่อยมันไปได้อย่างไรกัน พลังเทวะของเขาได้สั่นไหวพร้อมทั้งบดขยี้ร่างกายและดวงวิญญาณของอีกฝ่ายสลายหายไป
เขาหันมองออกไปยังยอดเขาก่อนที่จะเหาะขึ้นไปพร้อมพบกับบันไดที่ชโลมไปด้วยเลือด
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่าที่ยอดเขาเองก็ยังเต็มไปด้วยเลือดรวมถึงร่าง 12 ร่างที่กำลังรายล้อมข่ายอาคมที่ส่องประกายแสงเจิดจรัสเอาไว้ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่ากำลังทำพิธีบางอย่าง
เมื่อมองออกไปยังทั้ง 12 คนแล้วอีกฝ่ายเองก็มองเห็นเขาเช่นกัน
“ไอ้พวกขยะนี่มันยังกล้ามาที่นี่อีก ? ”
“แล้วน้อง 15 และคนอื่นๆทำอะไรกันอยู่ ? ปล่อยให้มดปลวกพวกนี้ขึ้นมาที่นี่ ? ”
“ฆ่ามันเร็วๆเถอะ ”
หลายๆคนส่งเสียงออกมาพลางหันมองออกไปบนม่านฟ้าเสมือนว่ากำลังรอคอยบางสิ่ง
หนึ่งในพวกเขาโบกมือส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งผ่านอากาศเข้าใส่ทางหลินเทียนเสมือนว่าเขาเป็นเพียงหญ้าข้างทางเท่านั้น
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาโดยปล่อยให้คลื่นกระบี่เหล่านั้นพุ่งเข้ามาใกล้ก่อนที่มันจะถูกทำลายลงเมื่อปะทะเข้ากับร่างกายของเขา
“อื้ม ? ”
อีกฝ่ายที่เห็นเช่นนั้นเองก็อดหันมองด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจไม่ได้ว่า
“เจ้ามดนี่มัน..”
“แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่หลินเทียนโบกมือของเขาออกไปพร้อมทั้งส่งคลื่นกระบี่พุ่งทะลวงผ่านหน้าอกของอีกฝ่ายไปอย่างฉับพลัน
พุฟฟ ! ร่างของอีกฝ่ายได้ระเบิดออกก่อนที่ดวงวิญญาณของเขาเองก็จะแหลกสลายหายไปโดยที่ไม่ทันจะได้ตอบสนอง
นี่ทำให้ทั้ง 11 คนที่เหลือต่างผงะไป
“น้องสิบสอง ! ”
อีกฝ่ายที่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่ากลับถูกสังหารลงได้ง่ายๆนี่ทำให้คนที่เหลือได้แต่ประหลาดใจและโกรธจัดไปในเวลาเดียวกัน
“เจ้ามันรนหาที่ตาย ! ”
หนึ่งในพวกเขาได้ส่งเสียงออกมาอย่างดังก่อนที่น้องที่แปดในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางจะคว้ามือเข้าใส่ทางหลินเทียน
มิติโดยรอบส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมาขณะที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงกวาดเข้าใส่ทางหลินเทียน
“คนที่รนหาที่ตายมันเป็นพวกเจ้าต่างหาก ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส
เขาโบกมือของเขาออกไปคว้าแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่จะบดขยี้แขนของมันลงแล้วอัดร่างของอีกฝ่ายจนระเบิดออกเป็นกองเลือด
วิ้สส !
เหลือเพียงดวงวิญญาณของมันที่พุ่งหนีออกไปด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นเป็นอย่างมาก
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่เย็นชาก่อนที่เปลวเพลิงหยางบริสุทธิ์ของเขาจะโอบร่างของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“อ๊ากกก ~! ”
มันได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาพลางพยายามดิ้นพล่านก่อนที่ดวงวิญญาณจะดับสูญไป
ตอนที่ 1375
บนยอดภูเขาไท่นั้นสีหน้าของผู้คนทั้งหลายต่างพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะไม่คิดเลยว่าจะมีตัวตนที่สามารถสังหารได้แม้กระทั่งจักรพรรดิว่างเปล่าอยู่บนโลกใบนี้แถมยังเป็นการสังหารในชั่วพริบตาอีกด้วย
พยัคฆ์ขาวและเซียนเซียนที่อยู่ห่างออกไปเองก็ได้แต่มองมาทางนี้ด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงไม่ต่างกัน
“เจ้าหนูนี่มัน…….”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
จักรพรรดิว่างเปล่าตอนต้นกลับถูกสังหารลงง่ายๆแบบนั้นนี่มันต้องแข็งแกร่งถึงขนาดไหนกัน ?!
หลินเทียนหันมองออกไปด้านหน้าพร้อมจ้องไปยังชายกว่า 11 คนที่ส่งกลิ่นอายอันทรงพลังของเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนต้นสองคน ตอนกลางสี่คน ตอนปลายอีกสามคนและกึ่งนิรันด์อมตะอีกหนึ่งคนออกมา
สายตาของเขายังคงความไม่แยแสไม่ได้สนใจอะไรก่อนที่จะก้าวเดินออกไปทางพวกเขา
“อย่าอวดดีให้มันมากนักนะเจ้าคนชั้นต่ำ ! ”
สายตาของทั้งสิบเอ็ดคนต่างผงะไปก่อนที่จะส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมา
ตู้มมม ! ทั้งสามคนพากันกระโจนออกมาพร้อมทั้งสังเวยทักษะเทวะอันทรงพลังอัดเข้าใส่อย่างไม่รอช้า
คลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งผ่านอากาศเข้าใส่ทำให้มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะแตกออกเป็นชิ้นๆ
“ตาย ! ”
ทั้งสามคนส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาระหว่างที่ทักษะเทวะอันทรงพลังพุ่งเข้าใส่ทางหลินเทียนพร้อมๆกัน
หลินเทียนโบกมือสังเวยเอาศิลาหินออกมาจากร่างเพื่อปกป้องภูเขาไท่แห่งนี้เอาไว้
หลังจากนั้นเขายังคงก้าวออกไปพร้อมทั้งเหวี่ยงฝ่ามือออกไปรับการโจมตีของอีกฝ่ายเอาไว้
“ฟึ้บบ ! ”
“ฟึ้บ ! ”
“ฟึ้บบ ! ”
เสียงนี้ถูกส่งออกมาขณะที่การโจมตีของทั้งสามคนได้แหลกสลายลงในฝ่ามือของเขา
แค่ความแข็งแกร่งทางร่างกายก็ยังทรงพลังได้ถึงขนาดนี้ !
“เป็นไปไม่ได้ ! ”
ทั้งสามคนได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาจนใบหน้าเปลี่ยนสีไปและอดก้าวถอยกลับไปไม่ได้
เป็นเพราะว่าทักษะเทวะอันทรงพลังที่พวกเขาสังเวยออกมาล้วนแล้วแต่ถูกทำลายลงด้วยการเหวี่ยงมือตบธรรมดาๆเท่านั้น
หลินเทียนก้าวเดินออกไปด้วยความเร็วที่สูงขึ้นอย่างมากก่อนที่จะปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“ทึ้มมม ~! ”
เขาเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังอัดเข้าใส่ศัตรูตรงหน้าพร้อมทั้งโบกมือออกไปคว้าร่างวิญญาณอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่จะซัดอักขระบดขยี้ดวงวิญญาณของมันลงอย่างง่ายดาย
เป็นการสังหารอย่างหมดจด !
“ไอ้ระยำ ! ”
ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายส่งเสียงออกมาอย่างดังด้วยดวงตาที่ส่องประกายความเย็นยะเยือกถึงขีดสุดออกมาพลางสังเวยเอาสัจธรรมมากมายออกมาโอบร่างของหลินเทียนเอาไว้
มิติโดยรอบได้ระเบิดออกอย่างรุนแรงและหากว่าไม่ได้เป็นเพราะภูเขาไท่ได้ถูกหลินเทียนปกป้องเอาไว้แล้วก็คงจะถล่มลงมานานแล้ว
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบพลางเหวี่ยงหมัดอันทรงพลังเข้าใส่อย่างจัง
พลังแห่งสัจธรรมอันเข้มข้นถูกบดขยี้สลายหายไปด้วยหมัดๆนี้
นี่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่ส่งเสียงอุทานออกมาว่า
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
เขานั้นอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายแถมยังใช้พลังกว่าแปดในสิบส่วนทว่าก็ยังถูกหมัดๆเดียวทำลายลงได้ง่ายๆ !
หลินเทียนก้าวออกไปด้วยความเร็วที่สูงอย่างมากพร้อมทั้งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลเข้าใส่อย่างไม่ปราณี
“โร๊วว ! ”
“กรี้ ~~! ”
เสียงมังกรและฟินิกซ์กู่ร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ภาพร่างของสัตว์เทวะทั้งสองพวยพุ่งอัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
พุฟฟ ! ร่างของมันได้แหลกสลายหายไปเหลือไว้เพียงดวงวิญญาณที่พุ่งหนีไปด้วยสภาพที่น่าอนาถเท่านั้น
หลินเทียนพุ่งตามออกไปด้วยก้าวย่างแห่งสวรรค์พร้อมทั้งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าดวงวิญญาณของมัน
“เจ้า…..”
“ตาย ! ”
เขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาพร้อมทั้งซัดอักขระเข้าใส่อย่างจัง
“อ๊ากก ~~! ”
อักขระอันทรงพลังแปรเปลี่ยนกลายเป็นทักษะเทวะที่หลอมวิญญาณของอีกฝ่ายลงได้ง่ายๆขณะที่มันพยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่สีหน้าของผู้รุกรานทั้งหลายต่างพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงพร้อมทั้งกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนเพราะไม่มีทางที่จะปล่อยให้เขาฆ่าพวกพ้องตนเองลงแบบนี้
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ไม่ได้ขยับไปไหนพร้อมทั้งส่งความคิดออกไปแล้วสร้างทะเลเปลวเพลิงหยางบริสุทธิ์ขึ้นรอบตัวของเขาเพื่อเผาทำลายทุกสรรพสิ่งให้วอดสาย
นี่ทำให้การโจมตีของทุกคนที่ส่งเขามาปะทะเข้ากับเปลวเพลิงอย่างจัง
“อ๊ากก ~~~ ! ”
เสียงกรีดร้องโหยหวนถูกส่งตามออกมาขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าที่ถูกเปลวเพลิงคลอกได้ถูกเผาจนร่างแหลกสลายขณะที่ดวงวิญญาณกำลังเผาไหม้โดยที่ไม่สามารถต่อต้านได้แม้แต่น้อย
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาจากจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายในมือของหลินเทียนเช่นเดียวกันก่อนที่ดวงวิญญาณของมันจะแหลกสลายหายไป
นี่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่ยังเหลือรอดอยู่มีเพียงเจ็ดคนสุดท้ายเท่านั้น
“ไอ้ระยำ ! ”
เสียงคำรามด้วยความโกรธถูกส่งออกมาพร้อมๆกับจิตสังหารอันเข้มข้น
ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันด์อมตะได้เคลื่อนไหวพร้อมทั้งดึงเอาพลังจากหมู่ดาวเข้ามาทำลายล้างเปลวเพลิงของเขาก่อนที่จะสร้างกระบี่ดวงดาวขึ้นแล้วฟาดฟันเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่ปราณี
สีหน้าของหลินเทียนยังคงราบเรียบแต่ก็ไม่สามารถประมาทได้เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงตัวตนระดับกึ่งนิรันด์อมตะ
เขาประสานมือเข้าหากันพร้อมทั้งดึงเอาพลังจากหมู่ดาวเข้ามาพลางสังเวยวงเวทย์หยินหยางออกไปรับการโจมตีของอีกฝ่ายเอาไว้
การโจมตีของพวกเขาทั้งสองคนได้อัดเข้าใส่กันอย่างจัง
สถานที่แห่งนี้ได้สั่นไหวอย่างต่อเนื่องขณะที่มิติระเบิดออกเหลือไว้เพียงห้วงความโกลาหลเท่านั้น
ไม่นานประกายแสงทั้งหลายก็สลายหายไปขณะที่ทักษะเทวะของอีกฝ่ายแหลกสลายลง
“สามารถรับการโจมตีของพี่ใหญ่ได้ ?! ”
หลายๆคนต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะว่าพี่ใหญ่ของพวกเขาอยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันด์อมตะทว่าตอนนี้อีกฝ่ายกลับสามารถทำลายการโจมตีระดับนี้ได้
พยัคฆ์ขาวและเซียนเซียนที่อยู่ห่างออกไปเองก็ตกตะลึงไม่น้อยเพราะว่าหลินเทียนที่เพิ่งตัดผ่านกลับสามารถต่อกรกับคนระดับนี้ได้?!
“เพิ่งตัดผ่านมาแท้ๆแต่กลับกลายเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานภายใต้เขตแดนนิรันด์อมตะไปแล้ว ?! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมาด้วยความรู้สึกขนหัวลุก
ชายวัยกลางคนชุดดำที่อยู่ห่างออกไปซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มศัตรูเองก็ได้แต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเพราะไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะสามารถรับการโจมตีอันทรงพลังของหมู่ดาวนั้นได้
เขาได้แต่มองมาทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกยิ่งกว่าเก่าขณะที่พลังเทวะพวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่งพร้อมทั้งสังเวยเอาเตาพลังวิญญาณสีดำเข้มออกมา
เตานี้รายล้อมไปด้วยอักขระมากมายส่องประกายแสงอันทรงพลังออกมา
“เตาพลังวิญญาณหวานฮุนของพี่ใหญ่ ! ”
“ใช้แกนดาวมาเป็นวัตถุดิบในการหลอมอยู่กว่า 7749 วัน จนได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในอาวุธบรรพบุรุษ ! ”
เหล่าผู้คนพากันส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเพราะว่านี่คืออาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดในมือของพี่ใหญ่พวกเขา
สีหน้าของพยัคฆ์ขาวและเซียนเซียนที่อยู่ห่างออกไปเองก็เปลี่ยนไปไม่น้อย
ชายวัยกลางคนชุดดำคนนี้หันมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“ข้าจะเอาเลือดเจ้าสังเวยวิญญาณให้กับน้องทั้งเก้าของข้า ! ”
เตาพลังวิญญาณเหนือศีรษะของเขาได้ส่องประกายแสงสีดำอันทรงพลังออกมาพุ่งเข้าใส่ทางหลินเทียนด้วยพลังที่หม่นหมองไม่ต่างจากถูกส่งออกมาจากดวงวิญญาณนับหมื่นจากขุมนรก
เปรี้ยย ~!
มิติโดยรอบได้แหลกสลายหายไปไม่มีเหลือพร้อมเผยให้เห็นห้วงความโกลาหลที่อยู่ภายใน
หลินเทียนเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลของเขาออกไปอัดกระแทกเข้ากับการโจมตีนี้
ตู้มม !
ตู้ม !
ตู้มมม !
หมัดและเตาพลังวิญญาณอัดเข้าใส่กันอย่างต่อเนื่องทำให้ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมา
เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วขณะที่เขารู้สึกชาอยู่ที่มือเพราะต้องยอมรับเลยว่าเตาพลังวิญญาณของอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งมากๆและสมแล้วจริงๆที่ได้ชื่อว่าเป็นราชันในหมู่อาวุธบรรพบุรุษ
อีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองมาทางเขาเองก็ได้ส่งเสียงออกมาว่า
“การที่สามารถต่อกรกับเตาพลังวิญญาณหวานฮุนได้แบบนี้เจ้าแข็งแกร่งไม่เบาหนิ ”
เป็นเพราะว่ามันคือไพ่ตายของเขาเพราะต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายก็ไม่สามารถต้านทานได้ทว่าหลินเทียนกลับยังต่อต้านได้นานขนาดนี้
เมื่อมองออกไปทางหลินเทียนแล้วเขาก็อดแสยะออกมาไม่ได้ก่อนที่จะปลดปล่อยคลื่นพลังที่หนักหน่วงกว่าเก่าออกมา
เตาพลังวิญญาณหวานฮุนได้ส่องประกายแสงออกมาอย่างเข้มข้นขณะที่กลิ่นอายของมันพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
กลิ่นอายทำลายล้างระดับนี้ทำให้ผู้คนได้แต่สั่นด้วยความกลัว
“รุมมันเร็วๆ อย่าให้มันทำให้การก้าวข้ามไปยังดินแดนนิรันดร์ของเราช้าลง ”
ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายที่อยู่ห่างออกไปได้ส่งเสียงออกมาพลางกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียน
หลายคนเข้าประชิดร่างของหลินเทียนก่อนที่จะสังเวยทักษะเทวะอันทรงพลังออกมาอัดเข้าใส่ทางเขาจากทุกทิศทาง
“ท่านอาจารย์ ! ”
เซียนเซียนที่อยู่ห่างออกไปอดส่งเสียงกรีดร้องออกมาไม่ได้เพราะแรงกดดันที่หลายคนส่งออกมานั้นรุนแรงอย่างมากถึงขั้นที่ไม่สามารถเทียบได้กับก่อนหน้านี้เลยด้วยซ้ำ
ตู้มมม !
คลื่นพลังอันหนักหน่วงถูกส่งออกมาอย่างรุนแรงพร้อมทั้งบดขยี้มิติโดยรอบออกเป็นชิ้นๆ
“ตาย ! ”
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายพากันส่งเสียงออกมาขณะที่หัวหน้ากลุ่มพวกเขาส่งพลังทำลายล้างที่รุนแรงยิ่งกว่าเก่าออกมา
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบก่อนที่จะสังเวยเอาเจดีย์ราชันอมตะออกมาจากร่างพร้อมทั้งรับการโจมตีของทุกคนเอาไว้
นี่คืออาวุธวิญญาณของเขาที่สร้างขึ้นจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลและผ่านการหล่อหลอมจากทัณฑ์สายฟ้ามาหลายครั้งทำให้อักขระของมันส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมาอย่างเข้มข้น
เปรี้ย ~!
เสียงปริแตกถูกส่งออกมาหลังจากที่อาวุธทั้งสองได้ปะทะเข้าใส่กันและกันก่อนที่เตาพลังวิญญาณจะแตกสลายหายไป
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เจดีย์ราชันอมตะได้สั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่จะบดขยี้ทักษะเทวะของอีกฝ่ายพร้อมทั้งสังหารสองคนในหมู่พวกเขาลงอย่างฉับพลัน
ตอนที่ 1377
รอยแยกยังคงส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมาอย่างเข้มข้น
มันเป็นประกายแสงที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายแห่งนิรันดร์ซึ่งบ่งบอกเลยว่าเป็นเส้นทางไปสู่ดินแดนนิรันดร์ในตำนานที่ถูกผนึกเอาไว้ที่นี่
อย่างไรก็ตามหลินเทียนและคนอื่นๆไม่ได้ขยับไปไหนและได้แต่จ้องมองไปทางมันด้วยสายตาแปลกๆ
เพราะก่อนหน้านี้ศัตรูทั้งสองคนที่พุ่งเข้าไปต่างพากันส่งเสียงกรีดร้องออกมาเสมือนว่าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องที่อันตรายเข้าและตกตายลงที่นั่น
พวกเขารู้ดีว่ามันเป็นเส้นทางที่ผู้เชี่ยวชาญในอดีตได้ผนึกเอาไว้แต่ใครจะกล้าก้าวข้ามไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้ากัน ?!
แม้กระทั่งหลินเทียนเองก็ยังได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกต่ำออกมา
เขาหันมองออกไปพร้อมทั้งคว้านกที่อยู่ห่างออกไปแล้วโยนเข้าใส่
วินาทีที่นกตัวนั้นหลุดเข้าไปภายในรอยแยกก็ได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างดังก่อนที่จะสงบลง
แน่นอนว่ามันตกตายลงอย่างเห็นได้ชัด
เขาได้หยุดพักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะโยนมันเข้าไปอีกหลายๆครั้งแต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ได้ต่างกัน
ทุกตัวตกตายลงทั้งหมด
“ด้านหลังรอยแยกนี้มันคืออะไรกัน ……..”
เซียนเซียนได้แต่สั่นสะท้านไป
เป็นเพราะว่ากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถตัดสินอะไรได้ว่ามันนำทางไปยังดินแดนนิรันดร์หรือขุมนรกกันแน่
หลินเทียนได้แต่จ้องมองไปทางมันด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันยิ่งกว่าเก่าและไม่กล้าก้าวออกไป
“บึ้สสส ! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่กระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขาได้สั่นไหวเล็กน้อยพร้อมทั้งชี้นำไปยังสถานที่ตรงหน้า
นี่ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยทันทีเพราะว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มันหมายความว่ากระบี่เทวะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่
มันแสดงให้เห็นว่าด้านหลังนี้มีเศษเสี้ยวกระบี่อยู่ !
“นี่……”
มันทำให้ดวงตาของเขาส่องประกายออกมา
เซียนเซียนที่อยู่ข้างๆและตระหนักได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเขาก็ได้ถามออกมาว่า
“ท่านอาจารย์ ท่านเป็นอะไรไป ? ”
พยัคฆ์ขาวเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน
หลินเทียนได้แต่มองออกไปยังรอยแยกตรงหน้าที่ส่องประกายแสงออกมาอย่างเรือนรางโดยที่แม้แต่จิตสัมผัสของเขาก็มิอาจตรวจสอบได้
“เจ้าเฝ้าอยู่ด้านนอกก่อนแล้วกัน ข้าจะเข้าไปหาบางสิ่งและดูว่ามันเป็นเส้นทางที่นำไปสู่ดินแดนนิรันดร์หรือไม่ แล้วข้าจะกลับมาบอก ”
เขาหันไปพูดกับทั้งสองคน
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วอีกสองคนก็ได้แต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก
“ท่านอาจารย์โปรดคิดดูดีๆเพราะมันเป็นสถานที่ๆอันตรายมากๆ ! ”
เซียนเซียนส่งเสียงออกมาด้วยความเป็นห่วง
เป็นเพราะถึงขนาดที่ว่าจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายสองคนเองก็ยังได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาก็แสดงให้เห็นถึงความอันตรายที่รออยู่เบื้องหลังสถานที่แห่งนี้แล้วทำให้นางไม่อยากให้หลินเทียนต้องพบเจอกับชะตากรรมแบบเดียวกัน
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าจะระมัดระวัง ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่ากระบี่เทวะภายในร่างได้ตอบสนองดังนั้นถึงอย่างไรเขาก็จำเป็นต้องไปอยู่ดี
“แต่ว่า….”
เซียนเซียนแสดงสีหน้าที่เป็นกังวลออกมา
“ไม่ต้องกังวล ”
หลินเทียนโบกมือเรียกเอาศิลาหินกลับมาพร้อมทั้งใช้มันปกป้องร่างกายเอาไว้ก่อนที่จะก้าวเดินออกไป
มันเป็นรอยแยกความกว้างประมาณสิบเมตรรายล้อมไปด้วยประกายแสงเจิดจรัสขณะที่เขาก้าวผ่านเข้าไปอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นเองที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้โถมเข้ามาจากรอบทิศทางพร้อมๆกับกลิ่นอายแห่งความตายอันเข้มข้น
ร่างกายของเขาได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงพร้อมทั้งรู้สึกเสมือนว่ากำลังถูกฟาดเข้าที่หน้าอกอย่างจังทำให้เขากระอักเลือดออกมาด้วยใบหน้าที่ตกต่ำอย่างมากก่อนที่จะรีบหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อเปิดการทำงานของศิลาหินเพื่อปกป้องร่างกายของเขาเอาไว้
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาสามารถมองเห็นภาพเรือนรางที่อยู่รอบทิศทางได้อย่างชัดเจน
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับสถานที่ๆเต็มไปด้วยกลุ่มหมอกสีขาวและกองซากศพจำนวนมหาศาล
“นี่มัน ?! ”
เขาได้แต่อดสั่นสะท้านไปไม่ได้
เป็นเพราะมันเป็นกองภูเขาซากศพมากมายที่ส่งกลุ่มหมอกที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายอันเข้มข้นออกมาเสมือนว่าเพียงแค่เศษเสี้ยวของมันก็เพียงพอจะกัดกร่อนทุกสิ่ง
เขาหันมองออกไปพร้อมทั้งพบกับโครงกระดูกตรงหน้าที่ดูเหมือนว่าเพิ่งจะตกตายลงพลางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยของผู้รุกรานทั้งสองคนและฝูงนกที่เขาโยนเข้ามาก่อนหน้านี้
“พวกมันตกตายลงเพราะสิ่งนี้ ?! ”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยทันทีก่อนที่จะหันมองออกไปยังกลุ่มหมอกแล้วพูดออกมาว่า
“โครงกระดูกพวกนี้เป็นของผู้เชี่ยวชาญที่เข้าร่วมสงครามในอดีต ? ”
เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงถึงขีดสุดออกมาเพราะว่าด้วยจำนวนโครงกระดูกนี้มันมีไม่ต่ำกว่าล้านคนอย่างแน่นอน
ต้องรู้ก่อนนะว่ามันเป็นสงครามทำลายล้างที่ทำลายพื้นที่ดาวโลกไปกว่าเก้าในสิบส่วน
นี่ทำให้เขาไม่สามารถประมาณการณ์จำนวนผู้เสียชีวิตได้เลยด้วยซ้ำ
มันจะต้องเป็นจำนวนที่มหาศาลจนน่ากลัว !
“ทึ้มมม ~! ”
มิติโดยรอบได้สั่นไหวก่อนที่กลุ่มหมอกที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายจะพากันรวยล้อมร่างของเขาเอาไว้เสมือนว่าต้องการจะกัดกร่อนร่างของเขาไป
หลินเทียนได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงเพราะแม้จะมีอาวุธอนันตกาลคอยปกป้องร่างกายเอาไว้แต่ก็ยังอดรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนไม่ได้
เป็นเพราะว่าศพที่อยู่ที่นี่มันมีมากเกินไปแถมก่อนตายยังเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งอย่างมากดังนั้นกลิ่นอายแห่งความตายที่ส่งออกมาถึงได้ทรงพลังจนน่ากลัว
เขาพยายามหมุนวนพลังถึงขีดสุดเพื่ออาศัยศิลาหินปกป้องร่างเอาไว้พร้อมๆกับสังเวยเอาเจดีย์ราชันอมตะออกมา
แม้ว่าตอนนี้มันจะยังเทียบชั้นกับศิลาหินไม่ได้ทว่ามันถูกหลอมขึ้นจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลดังนั้นถึงได้พอจะสามารถต่อต้านกลิ่นอายแห่งความตายด้วยกลิ่นอายโกลาหลได้
ตอนที่ 1378
โครงกระดูกมากมายเรียงรายกันอยู่รอบทิศทางขณะที่กลุ่มหมอกแห่งความตายที่เบาบางแต่กลับให้ความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัวถูกปลดปล่อยออกมา
แม้หลินเทียนจะใช้ศิลาหินและเจดีย์ราชันอมตะปกป้องร่างกายเอาไว้แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกขนหัวลุกได้อยู่ดี
“น่ากลัวจริงๆ ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
กลิ่นอายแห่งความตายภายในสถานที่แห่งนี้มันรุนแรงเกินไปทำให้หัวใจของเขาได้แต่สั่นไหวอย่างรุนแรง
เขาได้ตั้งสติเล็กน้อยก่อนที่จะจ้องมองออกไปยังกองซากศพตรงหน้าที่ชี้นำไปยังสถานที่ๆลึกลับ
บึ้สส !
กระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขาสั่นไหวอีกครั้งขณะที่ประกายแสงเจ็ดสีถูกส่งออกมาเพื่อชี้นำเขาไปยังเส้นทางด้านหน้า
เขาได้นิ่งไปพักหนึ่งก่อนที่จะเริ่มก้าวเดินออกไป
การตอบสนองของกระบี่เทวะบ่งบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันค้นพบเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อยู่เบื้องหน้า
เขาก้าวเดินผ่านกองซากศพมากมายพร้อมทั้งมีเสียงกระดูกแตกหักถูกส่งออกมาพักๆขณะที่กลุ่มหมอกพากันโถมเข้าใส่ร่างของเขาด้วยพลังที่สามารถทำลายได้ทุกสรรพสิ่ง
เขาปกป้องร่างกายเอาไว้ด้วยอาวุธทั้งสองขณะที่ก้าวเดินต่อไปด้วยสีหน้าที่จริงจังและระมัดระวังอย่างมาก
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสิบห้านาทีและมันเป็นตอนนี้เองที่กระบี่เทวะภายในร่างของเขาได้สั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมทั้งปลดปล่อยประกายแสงที่ทรงพลังยิ่งกว่าเก่าออกมา
หลังจากนั้นเองที่มิติตรงหน้าได้ปริแตกก่อนที่รอยแยกจะขยายตัวออกอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยย ~!
ท้ายที่สุดมิติตรงหน้าก็แหลกสลายพร้อมเผยให้เป็นประกายแสงสีม่วงที่อยู่ภายใน
กลุ่มก้อนพลังงานเจ็ดสีพุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว
“พบแล้ว ”
ดวงตาของเขาเปล่งประกายออกมาโดยทันที
เป็นเพราะว่าของสิ่งนี้มันมีความสำคัญกับเขามากๆดังนั้นการที่ได้พบมันที่นี่ถึงได้ทำให้เขามีความสุขอย่างมากเพราะถึงอย่างไรการที่เขาได้ก้าวเดินบนเส้นทางบ่มเพาะนี้ก็เพราะมันจึงคาดหวังที่จะให้มันสมบูรณ์แบบอีกครั้ง
เมื่อมันกลับมาสมบูรณ์อีกครั้งแล้วเขาเชื่ออย่างสุดในเลยว่ามันจะสามารถทำลายได้ทุกสิ่งอย่างแน่นอน
เขามองออกไปยังกลุ่มก้อนพลังเล็กน้อยก่อนที่จะยื่นมือขวาของเขาออกไปจับมันเอาไว้
เศษเสี้ยวกระบี่ได้สั่นไหวก่อนที่จะส่องประกายแสงเจ็ดสีออกมา
หลังจากนั้นไม่นานมันก็ได้ไหลซึมเข้าสู่ร่างของเขาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะพุ่งตรงไปยังกระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขา
ไม่นานมันก็ผสานเข้ากับตัวกระบี่เทวะพร้อมทั้งส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมา
บึ้สสส !
ประกายแสงนี้แผดกระจายออกไปทั่วทะเลความรู้ของเขาอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนที่คุ้นเคยอยู่กับเรื่องแบบนี้อยู่แล้วก็รีบหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งหล่อหลอมพลังที่อยู่ภายในร่างของเขา
นี่ทำให้ร่างกายของเขาเริ่มเปล่งประกายแสงสีทองออกมาอย่างเข้มข้นและหลังจากนั้นกลิ่นอายของเขาก็เริ่มพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
บึ้สสส ~!
ประกายแสงสีทองส่องประกายเจิดจรัสออกมา
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านพ้นไปกว่าสามวันเต็มและมันเป็นวันนี้เองที่พลังทั้งหมดได้ถูกเขาหล่อหลอมอย่างสมบูรณ์ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นมากถึงขั้นที่แทบจะตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางได้แล้ว
เพราะถึงอย่างไรการที่จะตัดผ่านระดับกลางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยแม้แต่น้อย
เขาหยุดการหมุนวนก่อนที่จะกวาดจิตสัมผัสออกไปรอบๆพร้อมพบว่าอักขระที่รายล้อมกระบี่เทวะเอาไว้ยิ่งดูชัดเจนมากยิ่งขึ้นแม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้าใจมันได้ก็ตามที
“ยังมีอยู่กว่าสองในห้าส่วนที่ยังเรือนลาง คาดหวังให้วันที่เจ้าสมบูรณ์มาถึงไวๆจริงๆ ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
อักขระที่รายล้อมกระบี่เทวะของดูลึกลับซับซ้อนอย่างมากและทุกครั้งที่เศษเสี้ยววิญญาณของมันผสานเข้าด้วยกันแล้วก็จะทำให้มันชัดเจนมากยิ่งขึ้นและหากว่าถึงวันที่มันสมบูรณ์แล้วเขาก็เชื่อว่ามันจะต้องเป็นอาวุธเทวะที่ทรงพลังมากที่สุดอย่างแน่นอน
เขาสำรวจมันด้วยจิตสัมผัสก่อนที่ดวงตาของเขาจะเปล่งประกายออกมา
ไม่นานหลังจากนั้นประกายแสงสีทองที่แผดออกมาจากร่างของเขาก็สลายหายไปอย่างรวดเร็วก่อนที่สายตาของเขาจะจับจ้องไปเบื้องหน้าอีกครั้ง
“มันนำพาเราไปยังดินแดนนิรันดร์ ? ”
เขาเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะก้าวออกไป
ดินแดนนิรันดร์นั้นเป็นสถานที่ในตำนานที่อยู่เหนือห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่ๆเหล่าผู้บ่มเพาะต่างโหยหา
มันเป็นสถานที่ในตำนานที่เขาเองก็ให้ความสำคัญไม่น้อยและอยากจะรู้ว่าเส้นทางนี้มันจะนำพาไปถึงไหน
เขาก้าวเดินออกไปตามเส้นทางที่รายล้อมไปด้วยซากศพเป็นเวลาอยู่นานขณะที่ความเข้มข้นของกลิ่นอายแห่งความตายยิ่งพุ่งสูงขึ้นถึงขั้นที่แม้จะมีอาวุธทั้งสองคอยปกป้องเอาไว้ก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่หนักหน่วง
อย่างไรก็ตามสำหรับเขาแล้วมันไม่ถือว่าเป็นปัญหามากนักเพราะเขาเองก็ยังสามารถอดทนและก้าวต่อไปได้
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปถึงสามวันเต็ม
วันนี้เป็นวันที่กลิ่นอายแห่งความตายพุ่งสูงถึงขีดสุด
แต่มันเป็นเวลาเดียวกันที่เขาพบว่าตรงหน้าของเขาไม่มีเส้นทางใดๆอีกต่อไป
“นี่มัน….”
สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปโดยทันที
เป็นเพราะว่าภาพตรงหน้าของเขาก็ไม่ได้ต่างไปจากปกติ
เขาหมุนวนเคล็ดวิชาฝังมังกรก่อนที่จะส่งมันออกไปยังกลุ่มหมอกตรงหน้าทว่ามันกลับถูกกลืนกินไปอย่างสมบูรณ์โดยที่ไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้
แต่แม้จะมันจะไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังสัจธรรมแห่งนิรันด์อันเข้มข้น
“สัจธรรมแห่งนิรันด์…….ด้านหลังกลุ่มหมอกพวกนี้คือดินแดนแห่งนิรันดร์ในตำนาน ? ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเองพร้อมทั้งตั้งข้อสงสัยว่า
“เป็นเพราะว่าสมบัติสวรรค์ได้ตกลงมาที่โลกใบนี้ดังนั้นม่านพลังที่ขวางกั้นระหว่างสองดินแดนถึงได้ถูกทำลายลงและเกิดเป็นช่องว่างมิติที่เชื่อมต่อระหว่างดาวจักรพรรดิทางช้างเผือกและดินแดนนิรันดร์ซึ่งหลังจากที่ผนึกอยู่นานช่องว่างระหว่างพวกมันก็ได้รักษาตัวมันเอง ? ”
ตอนที่ 1379
สำหรับเรื่องสมบัติสวรรค์ที่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าเมื่อครั้งอดีตมันทำให้เขารู้สึกสนใจอย่างมากเพราะถึงอย่างไรมันก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญมากมายสังหารเพื่อแย่งชิงมันถึงขั้นที่ดวงดาวแทบจะแหลกสลายไปทั้งดวง
เขาได้แต่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะส่ายศีรษะพร้อมทั้งไม่ได้สนใจอะไรต่อเพราะว่าต่อให้สนใจไปก็ไม่สามารถคาดเดาได้อยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาดังนั้นถึงไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรด้วยซ้ำ
“ดินแดนนิรันดร์ ”
เขาได้แต่มองออกไปเบื้องหน้าและไม่ได้คิดจะก้าวข้ามไปเพราะว่ายังเป็นไปไม่ได้เนื่องจากอันตรายตรงหน้าที่เข้มข้นเกินไปถึงขั้นที่ว่าต่อให้เป็นเขตแดนอนันตกาลก็ไม่มีทางรับมือได้
เขายืนอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินกลับออกไป
เศษเสี้ยวกระบี่เทวะที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้ก็ได้ผสานเข้ากับร่างของเขาไปแล้วทำให้เขาไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ทีนี่อีกต่อไป
เขาปกป้องร่างกายเอาไว้ด้วยอาวุธทั้งสองก่อนที่จะก้าวเดินกลับออกไปทางเก่าจนปรากฏตัวขึ้นหน้าภูเขาไท่อย่างรวดเร็ว
“ท่านอาจารย์ ! ”
เซียนเซียนและพยัคฆ์ขาวที่อยู่ด้านนอกและเห็นการกลับมาของเขาต่างรีบก้าวออกมาต้อนรับ
“ท่านอาจารย์เป็นอย่างไรบ้าง ? ”
นางถามออกมาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไร ”
หลินเทียนส่ายศีรษะตอบกลับไป
เซียนเซียนและพยัคฆ์ขาวที่เห็นเช่นนั้นเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่หมดห่วงออกมา
“แล้วสถานการณ์ภายในเป็นอย่างไรบ้าง ? เป็นดั่งที่ตำนานว่าเอาไว้จริงๆ ? ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วเซียนเซียนเองก็ได้แต่จ้องมองมาทางเขาด้วยสีหน้าที่รู้สึกสนใจไม่ต่างกัน
เพราะถึงอย่างไรตำนานที่ว่าเอาไว้คือมันเป็นเส้นทางไปยังดินแดนนิรันดร์
“ตำนานไม่ได้เป็นเรื่องโกหก ด้านหลังนั้นเป็นเส้นทางไปสู่ดินแดนนิรันดร์จริงๆแต่มันถูกทำลายลง ”
หลินเทียนพูดออกมา
เขาไม่ได้ปิดบังอะไรพร้อมทั้งอธิบายถึงสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นให้กับทั้งสองคน
แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องของเศษเสี้ยวกระบี่เทวะ
“เป็นเส้นทางไปสู่ดินแดนนิรันดร์จริงๆงั้นรึ ”
พยัคฆ์ขาวพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เหม่อลอย
“น่าเสียดายที่มันถูกทำลายไปแล้ว ไม่เหลือคุณค่าอะไรอยู่อีกแล้ว ”
เซียนเซียนพูดออกมา
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเทียนแล้วพวกเขาก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจและผิดหวังออกมาพร้อมๆกับเพราะได้รู้ว่าเส้นทางในตอนนี้ได้ถูกทำลายไปแล้วทำให้ไม่สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้
“แล้วจะเอายังไงกับรอยแยกนี้ดีล่ะ ? ”
พยัคฆ์ขาวได้ถามออกมา
“ก็ผนึกมันอีกครั้ง ”
หลินเทียนตอบกลับไป
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้ประสานมือเข้าหากันพร้อมทั้งสังเวยวงเวทย์หยินหยางทั้งหกชั้นขึ้นมาพลางโบกออกไปปกคลุมรอยแยกเหล่านั้นเอาไว้
หลังจากนั้นไม่นานรอยแยกก็ได้สลายหายไปขณะที่ท้องฟ้ากลับเป็นแบบเก่าอีกครั้ง
“ไม่คิดเลยว่าเส้นทางไปยังดินแดนนิรันดร์จะไม่มีเหลืออยู่อีกต่อไป ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
“หายไปก็ไม่เห็นเป็นอะไรเพราะมันไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถก้าวข้ามไปยังดินแดนนิรันดร์ได้ ”
หลินเทียนพูดออกมา
พวกเขาต่างยืนอยู่บนภูเขาไท่แห่งนี้และได้แต่มองลงไปยังพื้นที่ๆเต็มไปด้วยเลือดเจิ่งนองอยู่รอบทิศทาง
เป็นเพราะว่ามีผู้คนมากมายที่ตกตายลงที่นี่
“จิ้งจอกน้อย เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้กับขุมพลังทั้งหลายว่าสถานที่แห่งนี้กลับสู่สภาวะปกติแล้ว”
หลินเทียนพูดออกมา
ช่วงหลายปีมานี้ขุมพลังสำนักนิรันด์ของเขาได้ก้าวขึ้นเป็นขุมพลังอันดับหนึ่งของโลกไม่ใช่เพียงแค่ด้านผู้บ่มเพาะแต่มันรวมถึงเส้นสายทั้งทางสังคมและทางทหาร
“ค่ะท่านอาจารย์ ”
เซียนเซียนตอบกลับ
หลินเทียนพยักหน้าของเขาพร้อมทั้งส่งมอบหน้าที่ให้กับคนอื่นๆส่วนตัวเองก็เดินลงจากภูเขาไป
“ท่านอาจารย์จะไปไหน ? ไม่กลับไปที่สำนัก ?”
เซียนเซียนถามออกมา
หลินเทียนส่ายศีรษะของเขาพร้อมกับพูดว่า
“เที่ยวไปเรื่อย อีกสักพักข้าจะกลับไป ”
เซียนเซียนได้ตอบรับกลับมาและได้แต่มองไปยังร่างของหลินเทียนที่ค่อยๆเดินจากไปจนจางหายไปพลางหันมองไปทางพยัคฆ์ขาวแล้วเริ่มจัดการสิ่งต่างๆ
“อ่อใช่ เราสามารถแปลงภาพจิตสัมผัสตอนที่ท่านอาจารย์ต่อสู้ลงภายในอุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อใช้มันในการเพิ่มความน่าเลื่อมใสของสำนักเรา ”
ดวงตาของเซียนเซียนเปล่งประกายออกมาโดยทันที
ในตอนนี้แม้ว่านางจะเป็นผู้บ่มเพาะก็จริงทว่านางก็เป็นคนยุคใหม่ดังนั้นถึงได้เข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีเป็นอย่างดี
“เป็นความคิดที่ดีเพราะถึงอย่างไรผู้คนทั้งหลายก็เป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องภูเขาไท่นี่ หากว่ารู้ว่าเจ้าหนูหลินได้สังหารศัตรูตัวร้านทั้งหลายลงได้แล้วผู้ศรัทธาคงมีเพิ่มมากขึ้นแน่ๆ ”
พยัคฆ์ขาวได้ส่งเสียงออกมา
แม้ว่ามันไม่ได้เกิดในยุคนี้ทว่าหลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่หลายปีก็เริ่มปรับตัวเข้ากับยุคสมัยได้
“ข้าฉลาดจริงๆเลย ”
ดวงตาของเซียนเซียนส่องประกายออกมา
นางและพยัคฆ์ขาวต่างพากันรีบออกเดินทางไปอย่างรวดเร็ว
…………..
หลินเทียนที่กลับออกมาจากภูเขาไท่เองก็มุ่งหน้าไปยังภูเขาคุนหลุนอย่างรวดเร็ว
เขาไม่ได้แจ้งข่าวให้กับคนของขุนเขาทว่ากลับก้าวขึ้นไปเพื่อสัมผัสถึงเสน่ห์ของมัน
“ไม่ได้ด้อยไปกว่าภูเขาไท่เลย ”
เขาใช้เวลาอยู่กับสถานที่แห่งนี้อยู่นานหลายวันเพื่อสัมผัสถึงเสน่ห์ของมัน
“หากว่าไม่ได้เกิดสงครามขึ้นแล้วภูเขาคุนหลุมนี่มันจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน ? น่าจะยิ่งใหญ่พอๆกับโลกทั้งใบ ? ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
ตัวเขายังคงนั่งอยู่นานพร้อมทั้งหลับตาลงเพื่อสัมผัสถึงเสน่ห์ของมันพลางหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อดูดกลืนพลังจากหมู่ดาวเข้ามาผสานกับเสน่ห์ของมันทำให้ร่างกายของเขาสั่นไหวพร้อมๆกับกลิ่นอายที่พุ่งสูงขึ้นๆ
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าครึ่งเดือน
ครึ่งเดือนมานี้เขาได้ลืมตากลับขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่จะผสานเสน่ห์ของคุนหลุนเข้ากับร่างอย่างสมบูรณ์ทำให้ร่างกายและพลังของเขาเพิ่มสูงขึ้นไปอีกระดับ
ดวงตาของเขาส่องประกายออกมาก่อนที่จะหันมองไปเล็กน้อยแล้วก้าวออกไป
“ขุนเขาเพ็งไล่ ขุนเขาหลูฉาน ขุนเขา……..”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเองก่อนที่จะเริ่มการออกเดินทางไปยังภูเขาถัดไป
ดาวดวงนี้ได้ชื่อว่าเป็นดาวจักรพรรดิทางช้างเผือกอันโด่งดังซึ่งภูเขาอันโด่งดังมากมายล้วนแล้วแต่คงอยู่มาจากยุคบรรพกาลดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าจะไปดูดซับเสน่ห์ของพวกมัน
ไม่นานเขาก็ได้ไปถึงภูเขาเพ็งไล่พร้อมทั้งก้าวเดินออกไปก่อนที่จะนั่งทำสมาธิเพื่อดูดกลืนเสน่ห์ของมันกว่าครึ่งเดือนแล้วจากไปโดยที่ไม่ได้แจ้งใคร
หลังจากนั้นไม่นานก็มุ่งหน้าต่อไปยังภูเขาหยิงจ้าวและต่อๆไปเพื่อเรียนรู้เสน่ห์ของมันทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นไปอีก
และระหว่างที่เขากำลังออกเดินทางไปยังภูเขาต่างๆนั้นเซียนเซียนก็ได้เผยแพร่ภาพการต่อสู้ของเขาไปยังทั่วทั้งโลกทำให้จำนวนผู้ศรัทธาเพิ่มสูงขึ้นไปอีกถึงขั้นที่ก้าวข้ามขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์ไปอย่างรวดเร็วและได้ชื่อว่าเป็นราชันอมตะที่อยู่ท่ามกลางจิตใจของผู้คนทั้งโลก
ช่วงแรกเขาเองก็รู้สึกประหลาดใจไปกับพลังที่ไหลท่วมเข้ามาก่อนที่จะตระหนักได้ถึงการกระทำของเซียนเซียนและอดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้
“เป็นจิ้งจอกน้อยที่มีไหวพริบจริงๆ ”
เขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นก็ทำการนั่งขัดสมาธิลงไปเพื่อสัมผัสถึงเสน่ห์ของภูเขาต่อไป
ไม่นานเขาก็ได้ก้าวออกมาจากภูเขาลูกหนึ่งก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังขุนเขาที่โด่งดังอื่นๆ
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปอีกกว่าสองปี
“ตู้มม ~! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
หลังจากนั้นเองที่หลินเทียนได้พุ่งขึ้นมาจากก้นมหาสมุทรแปซิฟิกด้วยร่างกายที่อาบไปด้วยประกายแสงสีทองอร่าม
“เขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลาง ”
สองปีมานี้เขาใช้เวลาอยู่กับการเรียนรู้ถึงเสน่ห์ต่างๆของภูเขาเทวะทั้งหลายผสานกับพลังแห่งความเชื่อที่ทำให้เขาตัดผ่านเขตแดนนี้มาได้
เขาก้าวเดินออกไปด้วยสายตาที่เปล่งประกายออกมา
“ถึงเวลาต้องออกเดินทาง ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
ตอนที่ 1380
เขาใช้เวลาอยู่ที่โลกนี้กว่าเจ็ดปีแล้วแถมยังเก็บกู้เอาเศษเสี้ยวกระบี่ทั้งหมดกลับมารวมถึงการก่อสร้างขุมพลังที่แข็งแกร่งเพื่อเก็บเกี่ยวพลังแห่งความเชื่อดังนั้นการอยู่ต่อไปก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไร
เป็นเพราะว่าพลังฉีและสัจธรรมที่โลกใบนี้มันเบาบางเกินไปทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้แม้จะมีพลังแห่งความเชื่อก็ตามทีดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปยังโลกที่กว้างใหญ่กว่านี้
เขายืนอยู่บนผิวน้ำก่อนที่จะหันมองออกไปยังสำนักนิรันดร์ที่อยู่ห่างออกไปพร้อมทั้งฉีกมิติตรงหน้าออกแล้วหายตัวไปทันที
ไม่นานร่างของเขาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นภายในสำนักนิรันด์อย่างรวดเร็ว
“จิ้งจอกน้อย เฉินหลิน เสือโง่ มาหาข้าที่ตำหนักราชันอมตะ ”
เขาส่งเสียงออกมา
เซียนเซียน เฉินหลินและพยัคฆ์ขาวที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็ต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยทันที
“ท่านอาจารย์กลับมาแล้ว ! ”
เซียนเซียนแสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาพร้อมทั้งรีบก้าวออกมาพร้อมๆกับเฉินหลินอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ผ่านมากว่าสามปีนี้ทำให้นางตัดผ่านเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าระดับ 2 ได้แล้ว
ระหว่างนี้นางเองก็ดูแลเฉินหลินเป็นอย่างดีทำให้แม้นคนที่มีพรสวรรค์ธรรมดาๆยังสามารถตัดผ่านเขตแดนวิญญาณนิรันดร์ระดับ 7 ได้
พยัคฆ์ขาวในตอนนี้อยู่ในเขตแดนปรินิพพานระดับ 9 แล้วและมุ่งหน้าไปยังตำหนักราชันอมตะพร้อมๆกันคนอื่น
ไม่นานพวกเขาก็ก้าวเข้าไปภายในตำหนักแห่งนี้
“ไงเจ้าหนู ไม่เจอกันตั้งสามปีดูแข็งแรงขึ้นหนิ ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจหลังจากที่สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของหลินเทียน
“ก็งั้นๆแหละ ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เขาหันมองออกไปทางทั้งสามคนพร้อมทั้งแจ้งข่าวเรื่องที่เขากำลังจะไปจากโลกนี้
ทั้งสามคนที่ได้ยินเช่นนั้นต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยทันที
“ท่าน…..จะไปจริงๆ ?”
เซียนเซียนแสดงสีหน้าที่อาลัยอาวอนออกมา
หลินเทียนพยักหน้าของเขาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับพูดว่า
“โลกใบนี้มันไม่เพียงพอต่อความต้องการของข้า ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังมีสิ่งสำคัญที่ต้องออกไปตามหาในห้วงจักรวาลอยู่อีก ”
เขาพูดออกมาก่อนที่จะโบกมือสลักอักขระอันทรงพลังลงไปภายในตำหนักแห่งนี้
“ในอนาคตพลังแห่งความเชื่อส่วนหนึ่งจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ พวกเจ้าสามารถใช้มันในการบ่มเพาะได้ ”
เขาพูดออกมา
หลังจากนั้นเขาก็ได้มอบสมบัติต่างๆให้กับทั้งสามคนเพื่อสำหรับการเพิ่มระดับพลังของพวกเขา
“จิ้งจอกน้อย หลังจากนี่ข้าจากไปแล้วก็ขอฝากสำนักเราด้วยล่ะ ”
เขาหันไปพูดกับนาง
“ท่านอาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เซียนเซียนจะพยายามทำให้สำนักของเราแข็งแกร่งกว่านี้และมีผู้ศรัทธามากยิ่งขึ้นไปอีก ! ”
เซียนเซียนพูดออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง
หลินเทียนพยักหน้าพร้อมกับหันมองไปยังพยัคฆ์ขาวและเฉินหลินพลางพูดว่า
“เสือโง่ เฉินหลิน พวกเจ้าก็ช่วยเป็นพลังให้กับจิ้งจอกน้อยด้วยล่ะ ”
“ไม่ต้องเป็นห่วง ”
“อื้ม ”
ทั้งสองคนตอบรับอย่างจริงจัง
เซียนเซียนได้หันมองมาทางเขาพร้อมกับถามว่า
“ท่านอาจารย์ ท่านจะกลับมาอีกรึไม่ ? ”
หลินเทียนลูบศีรษะของนางก่อนที่จะตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
“แน่นอนอยู่แล้ว ถึงอย่างไรลูกศิษย์ที่น่ารักของข้าก็อยู่ที่นี่หนิ ”
เซียนเซียนแสดงสีหน้าที่ร่าเริงออกมาพร้อมทั้งพูดออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายว่า
“เซียนเซียนจะพยายามตั้งใจบ่มเพาะและเมื่อเซียนเซียนแข็งแกร่งขึ้นแล้วหากว่าท่านไม่กลับมาศิษย์ก็จะออกไปเดินตามรอยเท้าของท่าน ! ”
หลินเทียนได้แต่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“เอาล่ะ ”
เขาพูดออกมา
วันนี้เป็นวันที่เขาสนทนากับคนอื่นๆเล็กน้อยก่อนที่จะโบกมือลาและพุ่งผ่านออกไปยังม่านฟ้า
“ท่านอาจารย์ เดินทางปลอดภัยนะคะ ! ”
เซียนเซียนโบกมือของนางให้กับเขา
หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็อดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้ก่อนที่จะพุ่งผ่านอากาศออกไปอย่างรวดเร็ว
“โลก , ดาวจักรพรรดิทางช้างเผือก ”
เขายืนอยู่ท่ามกลางอวกาศพร้อมๆกับหันมองออกไปเล็กน้อยก่อนที่จะพุ่งหายไปไกล
ห้วงจักรวาลนั้นกว้างใหญ่แถมยังรายล้อมไปด้วยประกายแสงสีเงินส่องประกายระยิบระยับออกมาอย่างงดงาม
เขาพุ่งผ่านออกไปยังเส้นทางที่แน่ชัด
เป็นเพราะว่าเขาได้อ่านความทรงจำของผู้รุกรานเมื่อหลายปีก่อนทำให้รู้จักกับดวงดาวจี่หยานเข้าให้และรู้มาว่าอาจจะมีเศษเสี้ยวกระบี่เทวะอยู่ที่นั่นดังนั้นถึงได้ค้นหาเส้นทางของมันแล้วมุ่งหน้าไปอย่างไม่รอช้า
ความเร็วของเขาพุ่งผ่านอากาศออกไปเสมือนคลื่นสายฟ้าอันรวดเร็วแต่ก็ต้องใช้เวลาอยู่นาน
เพราะถึงอย่างไรความยิ่งใหญ่ของดวงดาวแต่ล่ะดวงก็ถือว่าสูงมากๆ
“ด้วยความเร็วของเราในตอนนี้แม้จะเหาะต่อไปแบบนี้อย่างน้อยๆกว่าจะถึงก็กินเวลาประมาณสองปีเต็มๆ หากว่าหยุดพักก็คงไม่ต่ำกว่าสามปี ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เป็นเพราะดาวจี่หยานนั้นอยู่ในหมู่ดาวอื่นซึ่งห่างจากหมู่ดาวที่เขาอยู่ไกลแสนไกลดังนั้นแม้จะด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้ก็ยังต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเดินทางไปถึงได้
ร่างกายของเขารายล้อมไปด้วยประกายแสงสีทองขณะที่พุ่งผ่านอากาศออกไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างที่กำลังออกเดินทางนั้นเขาก็ดึงเอาพลังจากหมู่ดาวทั้งหลายมาหล่อหลอมร่างกายของตัวเองไปในเวลาเดียวกัน
บึ้สสส !
เมื่อเขาดึงเอาพลังจากหมู่ดาวเข้ามาจึงทำให้ประกายแสงอันเข้มข้นโอบร่างของเขาเอาไว้จนแทบจะเปลี่ยนร่างของเขาเป็นมนุษย์สีเงินขณะที่มันหล่อหลอมร่างกายของเขาให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
เวลาได้ผ่านไปอีกกว่าสามปีอย่างรวดเร็ว
วันนี้เป็นวันที่เขาออกมาจากหมู่ดาวทางช้างเผือกและมาถึงหมู่ดาวแห่งใหม่ที่เป็นที่อยู่ของดาวจี่หยาน
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับดวงดาวจี่หยานขนาดใหญ่ที่หากเทียบกับดาวดวงอื่นๆแล้วมันเป็นเหมือนกับภูเขายักษ์แต่ดาวเหล่านั้นกลับเป็นเหมือนก้อนกรวดที่ไม่สามารถเทียบเคียงกันได้ทว่าหากเอาดาวเหล่านั้นมาเทียบกับโลกแล้วก็ยังถือว่าใหญ่กว่าหลายเท่าตัวนัก
“ถึงแล้ว ”
เขาได้แต่มองออกไปด้วยดวงตาที่ส่องประกายออกมา
ตอนที่ 1381
ดาวจี่หยานนั้นอยู่ในใจกลางหมู่ดาวจี่หยานแห่งนี้ซึ่งมีสถานะที่สูงส่งอย่างมากเหมือนๆกับดาวจักรพรรดิทางช้างเผือกที่อยู่ในหมู่ดาวทางช้างเผือก
หลินเทียนที่ยืนอยู่ท่ามกลางห้วงจักรวาลได้จ้องมองออกไปพร้อมรู้สึกยอมรับเลยว่ามันเป็นดาวดวงที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
“อยู่ภายในหมู่ดาวจี่หยานแล้วยังมีชื่อว่าดาวจี่หยานอีกนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆนั่นแหละ ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
หลังจากนั้นเขาก็ได้แต่มองออกไปยังหมู่ดาวมากมายที่โคจรอยู่รอบตัวมันเสมือนดั่งเหล่าผู้คนที่รายล้อมจักรพรรดิอย่างไรอย่างนั้น
หลินเทียนได้หยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะก้าวเดินออกไป
ตู้มม !
แรงต้านของดาวดวงนี้รุนแรงถึงขั้นที่แม้เขาจะปกป้องร่างกายเอาไว้ด้วยพลังเทวะทว่าก็ยังจุดประกายเปลวเพลิงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้เข้าไปถึงพื้นที่ภายในดาวดวงนี้
กลุ่มเมฆสีขาวล่องลอยอยู่ตามอากาศขณะที่เขายืนอยู่บนฟากฟ้าที่มีอากาศอบอุ่น
เมื่อมองลงไปแล้วจะพบได้กับโลกขนาดใหญ่ที่ไม่รู้เลยว่ายิ่งใหญ่กว่าดินแดนสวรรค์สิบชั้นกี่เท่าแถมยังมีพลังฉีอันเข้มข้นกว่าเป็นไหนๆ
“สมแล้วจริงๆที่เป็นถึงแกนกลางของหมู่ดาวจี่หยาน ”
ดวงตาของเขาส่องประกายออกมา
โลกอันกว้างใหญ่นี้เหมะแก่การบ่มเพาะอย่างมาก
เขายืนอยู่บนฟากฟ้าอยู่นานก่อนที่จะเหาะกลับลงไปที่พื้น
ไม่นานเขาก็ได้ไปถึงพื้นผิวบนดาวก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงพลังฉีที่เข้มข้นมากยิ่งกว่าเก่า
ภูเขามากมายเรียงรายกันออกไปสุดลูกหูลูกตาขณะที่ต้นไม้เจริญงอกงามอยู่ทุกหนแห่งให้ความรู้สึกที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
นี่ทำให้เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาเพราะว่าดาวดวงนี้มันยิ่งใหญ่จริงๆ
“ไปที่หุบเขากลืนนิรันดร์ก่อนแล้วกัน ”
เขาพึมพำออกมา
หลายปีก่อนหน้านี้เขาได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับหุบเขาแห่งนี้มาว่าภายในส่วนลึกของมันมีประกายแสงเจ็ดสีถูกส่งออกมาเป็นระลอกๆซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมากๆที่มันจะเป็นเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ของเขา
ดังนั้นแล้วการที่เขามาที่นี่ก็เพื่อจะตามหามันโดยทันที
เขาอาศัยการสอบถามผู้เชี่ยวชาญตามเส้นทางจนได้ที่ตั้งที่ชัดเจนของมันและไม่ลังเลเลยที่จะเหาะออกไปอย่างรวดเร็วและระหว่างนั้นก็ฉีกมิติออกเป็นพักๆจนไปถึงที่นั่นได้ภายในไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
ต้องบอกเลยว่ามันเป็นไม่เหมาะกับชื่อหุบเขาเลยก็ว่าได้เพราะขนาดอันยิ่งใหญ่ของมันนั้นตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขามากมายส่งกลุ่มหมอกแห่งความตายสีดำทมิฬออกมาเสมือนว่าเป็นดินแดนยมโลกเลยก็ว่าได้
เขามาถึงที่นี่ก่อนที่จะหันมองออกไปพร้อมทั้งอดรู้สึกขนหัวลุกไปไม่ได้
“ที่นี่คือหุบเขากลืนนิรันดร์……..ดูอันตรายจริงๆ ”
เขาคิดอยู่ภายในใจ
ระดับพลังของเขาในตอนนี้อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางแถมยังเชี่ยวชาญทักษะฝังมังกรดังนั้นถึงได้เข้าใจถึงสภาพพื้นที่แห่งนี้เป็นอย่างดีว่ามันไม่ใช่หุบเขาธรรมดาๆทว่ากลับเกิดการก่อตัวขึ้นของอาณาเขตสังหารที่ทรงพลังทำให้มันแทบจะกลายเป็นดินแดนสังหารเลยก็ว่าได้
“ด้วยระดับพลังของเราในตอนนี้น่าจะเพียงพอที่จะเข้าไปภายในส่วนลึก ”
เขาพึมพำออกมา
เป็นเพราะสถานที่แห่งนี้มันอันตรายเกินไป !
เขายืนอยู่กับที่พร้อมทั้งเบิกเนตรสัจธรรมขึ้นมาพลางกัดฟันแล้วก้าวเดินออกไป
ที่นี่ไม่มีผู้คนอยู่เลยแม้แต่น้อยซึ่งเขาเองก็ก้าวเดินเข้าไปจากมุมๆหนึ่ง
และในเวลาเดียวกันนี้เองที่เมื่อเท้าของเขาย่างก้าวเข้าไปก็ทำให้กระบี่เทวะภายในร่างสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะส่องประกายแสงเจ็ดสีออกมา
เส้นทางที่มันชี้นำออกไปคือพื้นที่ด้านหน้าของเขา
นี่ทำให้ร่างกายของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมๆกับดวงตาที่เปล่งประกายออกมา
“ภายในมันมีเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อยู่จริงๆด้วย ”
เขากำหมัดเอาไว้
เนื่องจากการตอบสนองนี้มันเป็นอะไรที่เขาคุ้นเคยอย่างมาก
เขาจ้องมองออกไปก่อนที่จะจะนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วก้าวเดินออกไป
การตอบสนองอย่างประกายแสงเจ็ดสีนี้มันทำให้เขายืนยันได้ทันทีว่าภายในจะต้องมีเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อยู่แน่นอน
“ฟู้วว ~! ”
สายลมอ่อนๆพัดผ่านกลุ่มหมอกสีดำผ่านไป
อากาศภายในสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างเปียกชื้นซึ่งหลินเทียนเองก็ก้าวเดินออกไปอย่างช้าๆเพราะเขายืนยันได้แล้วว่ามีเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่อยู่ในสถานที่แห่งนี้
เขาก้าวเดินเหยียบลงไปบนพื้นที่เปียกแฉะอย่างนุ่มนวล
ณ ตอนนี้กลุ่มหมอกเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆก่อนที่พื้นดินจะสั่นไหวพร้อมทั้งปรากฏงูยักษ์ที่ร่างกายรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายขึ้นจากพื้นพลางกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียน
หลินเทียนโบกมือของเขาเหวี่ยงตบอัดมันก่อนที่จะมีเสียงโลหะปะทะกันอย่างดังถูกส่งกลับออกมา
“นี่…..”
มันทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยทันที
เป็นเพราะเขาในตอนนี้อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางแล้วแถมยังเป็นกายสังสารวัฏที่แข็งแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่าเขตแดนนิรันดร์อมตะทว่าฝ่ามือของเขากลับไม่สามารถทำอันตรายอีกฝ่ายลงได้
งูยักษ์ได้เกระโจนเข้าใส่ทางเขาอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาไม่ได้ออมแรงแม้แต่น้อยแถมยังส่งคลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์อันทรงพลังพุ่งผ่านออกไป
แกร๊ง !
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังก่อนที่ร่างของอีกฝ่ายจะฉีกออกเป็นชิ้นๆ
“แข็งแกร่งพอๆกับเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายเลยก็ว่าได้ ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เมื่อมองออกไปยังเศษซากศพของมันแล้วเขาก็ก้าวเดินต่อไปภายในอย่างรวดเร็ว
ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ก็จะยิ่งไปว่ากลุ่มหมอกมันยิ่งหนาและเย็นขึ้น
ห่างออกไปไม่ไกลจะพบกับร่างมนุษย์กำลังยืนอยู่ด้วยร่างกายที่รายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอกสีดำโดยที่ไม่ขยับไปไหนให้ความรู้สึกที่น่าขนหัวลุกมากๆ
“นี่มัน?! ”
เขาสำรวจมันด้วยเนตรสัจธรรมก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
ตอนที่ 1382
เนตรแห่งสัจธรรมของเขาได้ส่องประกายออกมาขณะที่หลินเทียนมองออกไปยังร่างทั้งหลายที่อยู่หลังกลุ่มหมอกเหล่านั้นพร้อมพบว่าพวกเขาล้วนเป็นเพียงแค่ซากศพเท่านั้น
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดเพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องที่พวกเขาล้วนแผดกลิ่นอายอันทรงพลังของสัจธรรมแห่งนิรันดร์ออกมาซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์ที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะปลดปล่อยออกมาได้
“คนเหล่านี้…ก่อนที่จะตายล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนระดับนิรันดร์ที่แท้จริง ?! ”
หัวใจของเขาสั่นไหวไม่หยุดโดยทันที
อากาศภายในสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างอับชื้นขณะที่กลุ่มหมอกล่องลอยอยู่ในอากาศพร้อมๆกับร่างหลายร่างที่ยืนอยู่โดยที่มีกลิ่นอายแห่งความตายรายล้อมร่างของพวกเขาเอาไว้
มันเป็นตอนนี้เองที่ชายชราหนึ่งในพวกเขาได้หันมองมาทางหลินเทียน
หลินเทียนได้แต่สั่นสะท้านไปเพราะเมื่อต้องสบสายตากับอีกฝ่ายแล้วเขาก็ได้แต่รู้สึกขนหัวลุกอย่างมากเสมือนว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับเทพแห่งความตายที่พร้อมจะเก็บเกี่ยวชีวิตของเขาไปได้ทุกเมื่อ
ณ ตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะหยุดอยู่เฉยพร้อมทั้งรีบพุ่งหนีออกไปด้วยก้าวย่างแห่งสวรรค์อย่างไม่รอช้า
ชายชราที่กำลังมองมาทางเขาเองก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างของเขาโดยที่ไม่ได้ขยับไปไหน
หลินเทียนรีบพุ่งถอยกลับมาและเมื่อยืนยันได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ไล่ตามเขามาแล้วก็ได้หยุดเท้าลงด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
เขาพักหายใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะดึงสติกลับมาได้
เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นน่ากลัวจนเกินไป เพียงแค่การจ้องมองก็เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกเสมือนว่าดวงวิญญาณกำลังจะแหลกสลายแล้ว
แถมตัวตนระดับนั้นยังยืนรวมอยู่ด้วยกันมากมายนี่ทำให้เขาได้แต่สั่นสะท้านไป
“ดูเหมือนว่าแม้เราจะเป็นกายสังสารวัฏแต่อย่างน้อยๆก็ต้องอยู่ในเขตแดนนิรันด์อมตะตอนปลายถึงจะเข้าไปภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ได้ ”
เมื่อมองออกไปแล้วเขาก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ไม่ยอมแพ้ออกมาแต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้แล้วมันไม่เพียงพอต่อการที่จะบุกเข้าไปภายในพื้นที่ส่วนลึกได้อย่างแน่นอน
เป็นเพราะว่าหากบุกเข้าไปก็จะมีแต่ตายกับตายเท่านั้น
ณ ตอนนี้เขาได้หนีกลับมายังพื้นที่ทางเข้าของสถานที่แห่งนี้ก่อนที่จะรีบกลับออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่าสถานที่แห่งนี้มีพื้นที่กว้างมากๆแถมยังรายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอกไม่ต่างกับดินแดนทมิฬ
“สถานที่แห่งนี้เหมาะแก่การบ่มเพาะมากๆ หลังจากที่ตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายได้แล้วก็ค่อยกลับมาเอามันแล้วกัน ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
หลังจากนั้นก็ได้ยืนขึ้นพร้อมทั้งหันมองไปรอบๆก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป
เขาได้เหาะออกไปจากหุบเขาแห่งนี้ก่อนที่จะเข้าไปภายในภูเขาแห่งหนึ่ง
มันเป็นภูเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้เก่าแก่มากมายซึ่งไม่รู้เลยว่ามีอายุอยู่มานานขนาดไหน
โร๊วว !
เสียงสัตว์คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังพร้อมทั้งปรากฏสัตว์อสูรมีดวงตาขนาดใหญ่ร่างกายรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายที่ทรงพลังกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่รอช้า
“วานรมังกร ? ”
สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตเก่าแก่ที่มีความแข็งแกร่งอย่างมากซึ่งเขาเองก็รู้มาว่ามันมีอยู่น้อยมากๆแต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะได้มาพบมันที่นี่
อีกฝ่ายกระโจนเข้าใส่ทางเขาด้วยร่างกายที่ใหญ่โตมโหฬารมีพลังทำลายพื้นดินที่อยู่โดยรอบไปจนหมดด้วยระดับพลังเขตแดนปรินิพพานของมันก่อนที่จะคว้ามือเข้าใส่ทางหลินเทียน
กรงเล็บอันแหลมคมไม่ต่างจากอาวุธเทวะได้ฟาดฟันเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนไม่ได้สนใจอะไรพร้อมทั้งโบกมือของเขาออกไปอัดกระแทกร่างของมันปลิวออกไปกระแทกต้นไม้หลายต้นก่อนที่จะยืนกลับขึ้นมาด้วยความกลัวถึงขีดสุด
แน่นอนว่าด้วยระดับพลังของมันในตอนนี้นั้นมันมีสติปัญญาอยู่ก่อนแล้วดังนั้นการที่การโจมตีธรรมดาๆของหลินเทียนกลับสามารถอัดร่างของมันลอยเคว้งออกไปแบบนี้ได้นั้นมันจึงรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คู่มือของหลินเทียนอย่างแน่นอน
“หลังจากนี้ก็อย่าไปโจมตีใครเขาสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะ ”
หลินเทียนหันมองไปทางมันเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้ลงมือสังหารมันแล้วเดินจากไป
อีกฝ่ายที่เห็นว่าหลินเทียนไว้ชีวิตมันเองก็ได้แต่โค้งศีรษะด้วยความซาบซึ้ง
หลินเทียนที่กำลังเดินผ่านออกไปและเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรก็ได้แต่เผยรอยยิ้มออกมาและยังคงก้าวเดินต่อไป
เขาก้าวเดินออกไปกว่าสองชั่วโมงก่อนที่จะก้าวออกไปสู่ถนนแห่งหนึ่ง
มันเป็นถนนกว้างๆที่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากแถมแต่ละคนเองยังมีกลิ่นอายที่ทรงพลังไม่น้อย
“ข่าวลือที่ว่าเป็นความจริง ? ได้ยินมาว่าค้นพบสุสานที่เต็มไปด้วยยาทิพย์จักรพรรดิว่างเปล่าที่สามารถเพิ่มระดับพลังของผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ต่ำกว่าเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายได้อย่างไม่มีเงื่อนไขแถมยังมีแม้กระทั่งอาวุธวิญญาณอยู่ด้วย ?! ”
“เชื่อถือได้แน่นอน ! ได้ยินมาว่ามันเป็นสุสานของผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งในยุคอดีตที่ได้ชื่อว่าราชันนิรันดร์ไม่เพียงแค่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้เขตแดนอนันตกาลเท่านั้นแต่เขายังเชี่ยวชาญด้านการปรุงยาอีกด้วย ! ”
“นี่…”
กลุ่มคนทั้งหลายที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลพากันส่งเสียงสนทนาออกมา
แม้ว่าพวกเขาจะส่งเสียงกระซิบเบาๆแต่หลินเทียนก็ได้ยินเสียงของพวกเขาเป็นอย่างดี
“ยาทิพย์จักรพรรดิว่างเปล่าที่สามารถเพิ่มระดับพลังของผู้เชี่ยวชาญต่ำกว่าเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลาย ? ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเองก่อนที่ดวงตาของเขาจะส่องประกายออกมา
“ลองไปดูหน่อยแล้วกัน”
หลินเทียนพูดออกมาและเขาเองก็ได้ยินบทสนทนาได้อย่างชัดเจนซึ่งแม้ว่าของที่ล้ำค่าที่สุดจะเป็นอาวุธวิญญาณทว่าเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะเขาเองก็มีศิลาหินและเจดีย์ราชันอมตะอยู่แล้วดังนั้นสิ่งที่ทำให้เขาสนใจจริงๆก็มีเพียงแต่ยาทิพย์เหล่านั้น
เป็นเพราะว่าตอนนี้เขาจำเป็นต้องเพิ่มระดับพลังของตัวเองให้ถึงเขตแดนนิรันด์อมตะตอนปลายให้เร็วที่สุดเพื่อไปเก็บกู้เอาเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่กลับมา
ระหว่างนี้เขาก็ต้องหาตำแหน่งที่แน่ชัดของดวงดาวสวรรค์สิบชั้นเนื่องจากมันเป็นที่อยู่ของครอบครัวและคนรักของเขา
เขาก้าวเดินตามกลุ่มคนเหล่านั้นออกไปเพื่อมุ่งหน้าไปยังสุสานที่ว่าอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 1383
หลินเทียนได้ติดตามกลุ่มคนเหล่านั้นไปด้วยความเร็วที่คงที่ก่อนที่จะถึงในประมาณหนึ่งชั่วโมง
พื้นที่ด้านหน้าของเขาเป็นป่าที่มีขนาดใหญ่ไม่น้อยแถมยังเต็มไปด้วยต้นไม้เหี่ยวเฉารวมถึงก้อนหินขนาดใหญ่ซึ่งสายตาของทุกผู้คนล้วนจับจ้องไปในทิศทางเดียวกัน
มันมีหลุมขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้าและลึกลงไปจะพบกับประตูหินที่รายล้อมไปด้วยข่ายอาคมมากมาย
“ข่ายอาคมเขตแดนนิรันดร์อมตะ ”
หลินเทียนที่กำลังมองออกไปถึงกับมีดวงตาที่เปล่งประกายออกมาโดยทันที
“ประตูหินนี่มันค่อยข้างเป็นปัญหาไม่น้อยเลยนะ แม้ว่าข่ายอาคมจะอ่อนแรงลงตามกาลเวลาทว่าการที่จะปลดผนึกมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายอยู่ดี ”
“เพราะถึงอย่างไรมันก็เป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะวางเอาไว้นะ ”
“สุสานของผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายมันหาได้ยากมากๆ ไม่รู้เลยว่าจะได้พบกับสมบัติมากมายขนาดไหน ”
หลายๆคนพากันส่งเสียงออกมาขณะที่จ้องมองไปยังพื้นที่ด้านหน้า
“ตู้มมม ! ”
คลื่นพลังเทวะอันหนักหน่วงระเบิดออกมาจากพื้นที่ๆอยู่ห่างออกไปก่อนที่ประกายแสงเจิดจรัสจะสาดส่องออกมาจากร่างของคนๆหนึ่งที่กำลังก้าวเข้ามา
“นายน้อยตำหนักกระบี่ทมิฬ ”
ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะตะลึงออกมา
เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำมีสายตาที่แหลมคมให้ความรู้สึกเสมือนว่าตัวเขาเป็นกระบี่อันคมกริบ
“ได้ยินว่าตัดผ่านเขตแดนกึ่งจักรพรรดิได้แล้ว เป็นคนที่แข็งแกร่งมากๆ ! ”
หนึ่งในผู้คนได้ส่งเสียงออกมา
มันเป็นตอนนี้เองที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ได้มีคลื่นพลังอันหนักหน่วงระเบิดออกมาพร้อมๆกับปรากฏฝูงสัตว์อสูรที่รายล้อมไปด้วยกลิ่นอายอสูรอันเข้มข้นทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้แต่ผงะไปก่อนที่จะปรากฏภาพของอสูรเขตแดนปรินิพพานที่มีร่างๆหนึ่งยืนอยู่บนศีรษะของมันเสมือนว่าเป็นจ้าวแห่งอสูร
“นายน้อยของขุนเขาหมื่นอสูร ได้ยินว่าเขาเองก็เชี่ยวชาญทักษะหมื่นอสูรอย่างมากแถมยังตัดผ่านเขตแดนกึ่งจักรพรรดิแล้วด้วย เขาสามารถใช้อสูรทั้งหลายเป็นกำลังให้กับตัวเองทำให้ถือว่าเป็นศัตรูที่รับมือได้ยากมากๆ ”
ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆพากันใจสั่นไป
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่มีร่างอีกเจ็ดร่างปรากฏตัวขึ้นมาจากทิศทางที่ต่างกันออกไปซึ่งแต่ละคนล้วนแล้วแต่รายล้อมไปด้วยกลิ่นอายที่ทรงพลังแถมส่งกลิ่นอายของจักรพรรดิอันเบาบางออกมาทำให้รู้ได้ว่าพวกเขาล้วนอยู่ในเขตแดนกึ่งจักรพรรดิ
“นิกายเสวี่ยหยุน นิกายฮุนหยวน นิกายจิ่วเจียนเต๋า นิกายหยูหวู นิกายฮานปิง นิกายเหลาฮวนและนิกายเหล่ยหลานต่างส่งนายน้อยของพวกเขามากันทั้งหมด ! ”
ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
หลินเทียนที่เพิ่งมาถึงดาวดวงนี้เองก็เรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ภายในดาวมาจากความทรงจำของหนึ่งในผู้รุกรานมาก่อนแล้วดังนั้นจึงรู้จักคนเหล่านี้เป็นอย่างดี
หากพูดกันตามปกติแล้วขุมพลังภายในดาวจะแบ่งออกเป็นสามระดับใหญ่ๆซึ่งระดับแรกนั้นเป็นของนิกายจี่หยาน นิกาย เฉินเจียว ตระกูลฟานซึ่งเรียกได้ว่าเป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดโดยที่มีผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลคอนประจำการ
หลังจากนั้นก็ระดับที่สองอย่างขุมพลังอีกห้าแห่งซึ่งแยกออกเป็นนิกายเฮอฮ้วน นิกายไท่หลิง นิกายซวนหยุน นิกายเชียนคุน และนิกายเฮอเฉินที่ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลาย
หลังจากนั้นก็เป็นขุมพลังทั้งเก้าของทั้งเก้านายน้อยก่อนหน้านี้ที่มีผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะ
“ได้ยินมาว่านายน้อยทั้งหลายจะมาที่นี่แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาจริงๆ ”
“ถึงอย่างไรนี่มันก็เป็นถึงสุสานของผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายเลยนะ ไม่ใช่มีแค่ยาทิพย์ที่สามารถเพิ่มระดับพลังของเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าได้เท่านั้นแต่ยังมีอาวุธอยู่อีกมากมาย การที่พวกเขาจะแห่กันมาที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ”
“ใช่”
“ข้าได้ยินมาว่าคนของขุมพลังระดับ 2 เองก็ส่งคนใหญ่คนโตมาเช่นกัน ”
“ว่าไงนะ ? มีเรื่องแบบนี้ด้วย ? เจ้าแน่ใจ ? ”
“ยังยืนยันไม่ได้แต่มีความเป็นไปได้สูงมากๆ ”
หลินเทียนได้หันมองไปทางกลุ่มนายน้อยเหล่านั้นเล็กน้อยก่อนที่จะหันมองออกไปทางประตูที่อยู่ห่างออกไปเพราะแม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ธรรมดาแต่ก็ยังไม่อยู่ในสายตาของเขา
เพราะถึงอย่างไรตอนนี้เขาอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนกลางแล้วดังนั้นต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาก็ยังไม่สามารถทำอะไรเขาได้ทำให้สำหรับเขาแล้วคนกลุ่มนี้ก็เป็นเพียงแค่รุ่นเยาว์เท่านั้น
หลายๆคนพากันส่งการโจมตีมากมายกระแทกเข้าใส่ประตูหินที่อยู่ห่างออกไปอย่างบ้าคลั่ง
ณ ตอนนี้เองที่มีเสียงดังสนั่นถูกส่งออกมาก่อนที่จะปรากฏรอยแตกร้าวลามออกไปทั่วทั้งประตู
หลังจากนั้นประตูหินก็ได้แตกออกพร้อมๆกับเผยให้เห็นทางเข้าอันมืดมิด
“เปิดแล้ว ! ”
หนึ่งในผู้คนส่งเสียงอันตื่นเต้นออกมา
เมื่อประตูได้เปิดออกพวกเขาก็ต่างพากันกระโจนเข้าไปด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า
อย่างไรก็ตามมันเป็นตอนนี้เองที่มีหลายๆคนพากันส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวชทำให้ผู้คนที่รออยู่ด้านนอกต่างพากันหวาดหวั่น
“นี่มัน ?! ”
“มัน…..เสียงอะไรกัน ? เกิดอะไรขึ้น ? นี่เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากัน ? ”
“ดูเหมือนว่าน่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น ! ”
หลายๆคนพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“ตู้มม ! ”
เสียงคำรามอย่างดังถูกส่งออกมาพร้อมๆกับคลื่นพลังอันหนักหน่วงที่กวาดออกไปรอบทิศทาง
ปรากฏกลุ่มหมอกสีดำทมิฬพวยพุ่งออกมาจากทางเข้าด้านหน้าพร้อมพุ่งทะลวงขึ้นสู่ท้องฟ้าทำให้มันถูกย้อมกลายเป็นสีดำ
เสียงกู่ร้องดังสนั่นได้ถูกส่งออกมามากขึ้นกว่าเก่าพร้อมๆกับเสียงโลหะเสียดสีกันอย่างต่อเนื่อง
“กลิ่นอายหยิน ? ทหารหยิน ! มีแม้กระทั่งวิญญาณร้ายพวกนี้อยู่ด้วย ?! ”
“ไม่คิดเลยจริงๆ ! ”
“ลืมไปเลยว่าภายในสุสานของผู้เชี่ยวชาญระดับนี้จะต้องมีอันตรายไม่น้อย ”
หลายๆคนพากันแสดงสีหน้าที่เปลี่ยนไปออกมา
หลังจากนั้นเองที่มีเสียงดังสนั่นถูกส่งออกมาอีกครั้งขณะที่กองกำลังทหารหยินที่แผดจิตสังหารอันเข้มข้นก้าวเดินออกมา
กลุ่มหมอกรายล้อมร่างกายของพวกเขาเอาไว้ขณะที่แต่ละร่างล้วนมีดวงตาสีแดงก่ำกำลังถือกระบี่และอาวุธอื่นๆสร้างความรู้สึกที่เย็นยะเยือกให้กับผู้คนโดยรอบ
“ทหารหยินพวกนี้มันแข็งแกร่งมากๆ ! ”
หลายคนส่งเสียงออกมา
“แข็งแกร่งจริงๆนั่นแหละแต่มันก็เป็นเพียงทหารหยินเท่านั้น ”
“ใช่ ”
“ฆ่าพวกมันซะ ”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ที่นี่ต่างแข็งแกร่งไม่ธรรมดาดังนั้นจึงไม่มีใครหวาดหวั่นไปกับกองกำลังทหารเหล่านี้พร้อมทั้งรีบสังเวยการโจมตีมากมายออกมาฟาดฟันเข้าใส่ศัตรูอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามมันเป็นตอนนี้เองที่มีหลายๆคนส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวชก่อนที่ร่างของพวกเขาจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
หลินเทียนได้หันมองตามออกไปพร้อมทั้งพบว่าอีกฝ่ายนั้นถูกสังหารโดยผีปราชญ์เขตแดนปรินิพพานที่รวมกลุ่มอยู่กับกองกำลังทหารหยิน
“อ๊ากก ~! ”
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาหลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าถูกเขมือบเข้าไปทั้งตัว
“ระยำเอ้ย ! ”
หลายๆคนส่งเสียงโห่ร้องออกมา
ไม่นานเสียงกรีดร้องก็ถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่กลุ่มผีปราชญ์พากันกระโจนเข้าใส่ทางกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ
เป็นเพราะว่ามันไม่ใช่อะไรที่พวกเขาจะสามารถรับมือได้ง่ายๆ
“ตู้มม ! ”
กลุ่มหมอกสีดำทมิฬพวยพุ่งขึ้นเหนือฟ้าก่อนที่คลื่นพลังทำลายล้างอันทรงพลังจะบดขยี้ทุกสรรพสิ่งทำให้พวกเขาได้แต่หวาดผวาไป
และที่สำคัญที่สุดคือในกลุ่มกองกำลังเหล่านี้เต็มไปด้วยผีปราชญ์มากมาย
“อ๊ากก ! ”
เสียงกรีดร้องอย่างน่าสังเวชถูกส่งออกมาไม่หยุดขณะที่เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทาง
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ไม่ใช่คนธรรมดาๆทว่ากองกำลังทหารหยินเหล่านี้มันเต็มไปด้วยผีปราชญ์จำนวนมากทำให้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะรับมือ
“ถอยกลับ รีบถอยเร็ว ! ”
หลายๆคนส่งเสียงโห่ร้องออกมา
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเริ่มพากันถอยห่างออกไปเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถรับมือกับผีปราชญ์จำนวนมากได้
“เหอะ ! ”
เสียงแสยะถูกส่งออกมาอย่างเย็นชา
นายน้อยนิกายกระบี่ทมิฬก้าวออกมาพร้อมๆกับโบกมือส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งฉีกร่างของศัตรูตรงหน้าออกพลางพุ่งกระโจนออกไปทางประตูหินอย่างรวดเร็ว
“ไสหัวไปไกลๆ ! ”
นายน้อยขุนเขาหมื่นอสูรส่งเสียงออกมาก่อนที่กองกำลังอสูรจะพุ่งเข้าฉีกร่างของศัตรูทั้งหลายออกแล้วไล่ตามนายน้อยนิกายกระบี่ทมิฬไป
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่นายน้อยคนอื่นๆก็ต่างพากันเปิดทางของพวกเขาเข้าไปภายในได้อย่างง่ายดาย
“นี่มัน….แข็งแกร่งจริงๆ ! ”
หลายๆคนพากันส่งเสียงออกมาด้วยความตกตะลึง
“ผีปราชญ์ถูกสังหารจนหมด ! ”
“ช่วยกันจัดการฝูงทหารหยินเร็ว ! ”
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญส่งเสียงโห่ร้องออกมา
หลินเทียนที่กำลังยืนอยู่ห่างออกไปได้พุ่งผ่านเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ภายในสถานที่แห่งนี้นั้นสองข้างผนังต่างรายล้อมไปด้วยอักขระมากมาย
เขามองไปทางมันก่อนที่จะหยุดสายตาอยู่ที่อักขระปรุงยาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“นี่มัน…….อักขระเฉพาะของทักษะปรุงยา ! ”
เขาได้แต่ผงะไป
ตอนที่ 1384
ด้านหลังประตูทางเข้านั้นมีพื้นที่กว้างมากๆแถมตามผนังยังรายล้อมไปด้วยอักขระเก่าแก่ไม่ต่ำกว่าแสนๆปีมากมาย
สายตาของหลินเทียนได้หยุดอยู่ที่อักขระเหล่านี้พร้อมทั้งอดมีดวงตาที่เปล่งประกายออกมาไม่ได้
เป็นเพราะว่ามันคืออักขระเฉพาะของทักษะปรุงยาที่ไม่ได้เป็นของเคล็ดวิชาปรุงยาแขนงอื่น
“นี่มัน….”
เขาได้แต่คิดถึงเรื่องที่ได้ยินมาก้อนหน้านี้ว่าเจ้าของสุสานแห่งนี้บังเอิญได้พบกับตำราปรุงยาที่ไม่สมบูรณ์เข้าทำให้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในด้านนี้แต่เมื่อได้เห็นตัวอักขระเหล่านี้แล้วเขาก็อดมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ได้เพราะว่าสิ่งที่อีกฝ่ายได้รับไปคือโครงร่างของทักษะปรุงยา ?
“หากว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆก็แสดงให้เห็นว่าหลังจากที่จ้าวโอสถออกมาจากสวรรค์สิบชั้นแล้วก็บังเอิญทิ้งตำราเอาไว้ก่อนที่เจ้าของสุสานคนนี้จะไปพบเข้า ? ”
เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา
เป็นเพราะว่าจ้าวสวรรค์จากสวรรค์สิบชั้นนั้นเป็นที่รู้จักกันดีซึ่งเขาเคยคิดว่าเคล็ดวิชาของคนเหล่านั้นล้วนอยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ด้วยกันทั้งหมดทว่าหลังจากที่เขาออกเดินทางอยู่กว่าหลายปีก็ยิ่งเรียนรู้ได้ว่าทักษะเหล่านี้ล้วนแล้วแต่พัฒนาตัวเองไปอย่างต่อเนื่องทำให้เขาพบว่าความเข้าใจของเขาเป็นสิ่งที่ผิดและทักษะเหล่านี้ก้าวข้ามระดับจ้าวสวรรค์ไปไกลมากแล้ว
จ้าวโอสถนั้นถือเป็นหนึ่งในเก้าจ้าวสวรรค์ซึ่งแม้ว่าสิ่งที่เขาทิ้งเอาไว้จะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของมันเท่านั้นแต่มันก็ยังถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของแก่นแท้ของทักษะ
การที่เขาได้พบกับโครงร่างของทักษะนี้ภายในสุสานแหล่งนี้ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากเพราะคิดไม่ออกเลยว่ามันมาอยู่ได้อย่างไรกัน
เมื่อมองไปแล้วเขาได้แต่พบว่ามันเป็นอักขระที่ดูยุ่งเหยิงอย่างมากทำให้แม้จะมองมันก็ยังไม่สามารถเรียนรู้ได้
“วิ้สสส ! ”
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาก่อนที่ผู้คนหลายคนจะพุ่งฝ่ากองกำลังทหารหยินเข้าไปภายใน
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ก่อนที่จะหันหลังเดินเข้าไปภายในอย่างรวดเร็ว
ความเร็วของเขาไม่ได้ถือว่าสูงมากแต่ก็ไม่ได้ช้าซึ่งยิ่งก้าวลึกเข้าไปก็จะสัมผัสได้ถึงความเย็นในอากาศที่กำลังสูงขึ้น
ปรากฏปีศาจกรงเล็บขนาดใหญ่คว้าเข้าใส่ทางเขาจากที่มืดด้วยพลังทำลายที่ทำให้แม้แต่มิติโดยรอบยังบิดตัวอย่างรุนแรง
หลินเทียนไม่หลบไม่หลีกแม้แต่น้อยพร้อมทั้งก้าวต่อไปโดยที่ทำเพียงแค่แผดคลื่นพลังออกมาเบาๆเท่านั้น
“พุฟฟ ! ”
กรงเล็บของมันได้สลายหายไปก่อนที่จะแปรเปลี่ยนกลายเป็นกองเลือดที่กระจายไปทั่วพื้นที่
เสียงกรีดร้องดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งตามออกมาขณะที่ผีร้ายหันหลังพุ่งหนีไปด้วยความกลัว
ทว่าอีกฝ่ายก็ได้แต่สั่นสะท้านไปเนื่องจากคลื่นพลังที่หลินเทียนส่งออกมายังคงพุ่งตามมันไปแม้ว่าจะทำลายกรงเล็บของมันไปก่อนหน้านี้
ร่างกายของมันได้ระเบิดออกเป็นชิ้นๆอย่างฉับพลัน
หลินเทียนก้าวเดินต่อไปด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสก่อนที่จะต้องเผชิญหน้ากับฝูงผีร้ายมากมายแต่ก็ถูกสังหารโดยกลิ่นอายของเขาทั้งหมด
เขาก้าวเดินผ่านทางแยกไปมากมายพร้อมทั้งมาถึงสถานที่ๆอัดแน่นไปด้วยพลังหยินอันเข้มข้น
สีหน้าของเขายังคงราบเรียบขณะที่ก้าวเดินต่อเข้าไปภายในส่วนลึกแห่งนี้
ไม่นานก็มีแม้กระทั่งผีร้ายเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลโผล่ออกมาแต่ก็ยังไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาอยู่ดี ทุกตัวล้วนถูกสังหารจนสิ้น
เขาใช้เวลาอยู่กว่าหนึ่งชั่วโมงเต็มถึงจะได้ยินเสียงกรีดร้องดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาจากพื้นที่ด้านหน้า
เขาก้าวเดินต่อไปพร้อมทั้งพบกับห้องโถงกว้างๆที่เต็มไปด้วยทางแยกมากมายและเมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่กำลังรับมืออยู่กับกองกำลังทหารหยินที่กำลังกระโจนเข้าใส่ทางผู้เชี่ยวชาญอย่างบ้าคลั่งซึ่งหนึ่งในพวกมันไม่แม้แต่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นแต่ยังกินแม้กระทั่งพวกของตัวเอง
“ผีร้ายเขตแดนจ้าวสวรรค์ ”
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะไม่คิดเลยว่าจะมีผีร้ายระดับนี้อยู่ด้วย
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่ดีเพราะถึงอย่างไรแล้วมันก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา
“อ๊ากก ~! ”
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่ผู้เชี่ยวชาญตกตายลงอย่างรวดเร็ว
นายน้อยขุมพลังต่างๆเองก็อยู่ที่นี่และแม้พวกเขาจะอยู่ในเขตแดนกึ่งจักรพรรดิแต่ก็ยังไม่สามารถสังหารผีร้ายระดับนี้ได้เช่นกันและทำได้เพียงการรักษาชีวิตของตัวเองไว้เท่านั้น
“พวกไร้ค่า กับขยะพวกนี้ยังทำอะไรไม่ได้ ”
น้ำเสียงนี้ถูกส่งออกมา
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับชายหนุ่มอายุประมาณ 15 ปีกำลังมองมาทางกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้วยสีหน้าที่ดูถูกและหยิ่งผยอง
ด้านหลังของเขามีชายชราชุดเทาที่ส่งกลิ่นอายอันทรงพลังออกมา
“กึ่งนิรันดร์อมตะ ”
หลินเทียนหันมองออกไปพร้อมทั้งสัมผัสได้ถึงระดับพลังของอีกฝ่ายโดยทันที
ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนตกตายลงเนื่องจากการโจมตีของกองกำลังทหารหยินและผีร้ายเขตแดนจ้าวสวรรค์ซึ่งพวกเขาต่างพากันหันมองไปทางชายหนุ่มคนนั้นด้วยความโกรธทว่าหลังจากที่เห็นหน้าชัดๆของอีกฝ่ายแล้วความโกรธแค้นก็ได้สลายหายไปเหลือไว้เพียงความหวาดกลัวไม่เว้นแม้กระทั่งนายน้อยของขุมพลังระดับสามทั้งเก้าคน
“หลานชายแท้ๆของผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิง เหล็งเฉินซวน ”
ตอนที่ 1385
นิกายไท่หลิงนั้นเป็นขุมพลังระดับ 2 ของดาวดวงนี้ซึ่งผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขาอยู่ในเขตแดนนิรันด์อมตะตอนหลายและหลานชายคนนี้ก็เป็นหลานชายที่เขาเอ็นดูอย่างมากทำให้ผู้คนทั้งหลายรู้สึกหวั่นเกรงถึงขีดสุด
หลินเทียนหันมองออกไปทางเฉินซวนเล็กน้อยอย่างไม่สนใจก่อนที่จะก้าวเดินต่อเข้าไปภายในเส้นทางที่รายล้อมไปด้วยอักขระมากมายซึ่งมีเพียงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งจักรพรรดิตอนปลายเท่านั้นถึงจะสามารถฝ่าเข้าไปได้
ภายในสถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายหยินอันเข้มข้นขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนพากันหันหลังวิ่งหนีกลับไปทางเก่าเพราะเกรงกลัวกองกำลังวิญญาณร้ายที่อยู่ตรงหน้าโดยเฉพาะซากศพที่อยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ที่สังหารผู้คนได้ไม่ต่างกับเครื่องจักรสังหาร
หลินเทียนก้าวเดินออกไปยังพื้นดินที่เต็มไปด้วยเลือดด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสแม้แต่น้อย
ณ ตอนนี้เองที่มีเสียง วิ้ส ถูกส่งออกมาก่อนที่ศพสวมเกราะสีม่วงจะคว้ากรงเล็บเข้าใส่ทางเขาด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัว
หลินเทียนยังคงก้าวเดินต่อไปภายในด้วยสีหน้าที่ราบเรียบก่อนที่จะโบกมือของเขาออกไปเล็กน้อย
ตู้มมม ~!
ร่างของอีกฝ่ายลอยเคว้งออกไปไกลก่อนที่จะปะทะเข้ากับผนังหินที่อยู่ห่างไกลออกไปโดยที่ไม่สามารถลุกกลับขึ้นมาได้อีก
นี่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกัน
เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นถึงตัวตนที่แม้แต่เขตแดนกึ่งจักรพรรดิก็ยังทำเพียงได้แค่เบี่ยงหลบเท่านั้นทว่ากลับถูกตบปลิวด้วยการโจมตีเดียวเท่านั้น
“ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่ได้มีแต่ขยะสินะ ”
ชายหนุ่มชุดม่วงได้หันมองไปทางหลินเทียนพร้อมกับพูดว่า
“แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าขุมพลังของข้าแล้วก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร ”
หลินเทียนหันมองออกไปทางอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวเดินต่อไปภายในพลางโบกมือทำลายล้างอักขระที่ขวางกั้นเอาไว้
มันเป็นข่ายอาคมเขตแดนนิรันดร์อมตะที่แข็งแกร่งทว่าหลังจากที่กาลเวลาผ่านไปเนิ่นนานถึงได้ทำให้พลังของมันถูกบั่นทอนไปจึงสามารถทำลายลงได้ง่ายๆ
เขาโบกมือเบิกประตูหินเข้าไปก่อนที่พลังหยินอันเข้มข้นจะทะลักกลับออกมาพร้อมๆกับกองกำลังทหารหยินจำนวนนับไม่ถ้วน
มันเป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมากทำให้ผู้คนที่อยู่ห่างออกไปได้แต่สั่นสะท้านไปตามๆกัน
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาก่อนที่ร่างกายของเขาจะปลดปล่อยคลื่นพลังออกมาฉีกร่างของศัตรูทั้งหลายออกทั้งหมดพลางแผดเผาจนวอดวาย
“เพียงแค่ตวัดมือก็สามารถตบผีร้ายที่แข็งแกร่งปลิวไปได้ง่ายๆ ประตูที่ไม่สามารถทำลายได้ก็สามารถเปิดออกได้ง่ายๆแถมยังสามารถกำจัดกองกำลังทหารหยินได้ทั้งๆที่ไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย….”
“แข็งแกร่งมากๆ ! ”
“เขาเป็นใครกัน ดูยังหนุ่มอยู่เลยแท้ๆทว่าความแข็งแกร่งนี้มัน……”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงถึงขีดสุด
นี่รวมถึงเหล่านายน้อยของขุมพลังระดับ 3 ทั้งเก้าคนที่ได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
หลินเทียนไม่ได้สนใจการตอบสนองของกลุ่มคนเหล่านี้แม้แต่น้อยพลางก้าวเดินออกไป
“ไปกันเร็ว ! ”
“เราจะตามไปด้วย ! ”
“รีบไปกันเร็ว ! ”
ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนส่งเสียงออกมาก่อนที่จะฝ่ากองกำลังทหารหยินเพื่อไล่ตามหลังหลินเทียนไป
“ข้าไม่ไป มันอันตรายเกินไป ”
“ข้า ”
“ด้วยระดับพลังของข้าแล้วคงไม่มีทางได้รับอะไรอยู่แล้ว ”
ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนได้แต่จ้องมองเข้าไปด้วยสีหน้าที่เสียดายพร้อมอยากจะถอยกลับเนื่องจากระหว่างทางที่มาที่นี่ก็ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายมากมายและหากว่ายังคงเดินหน้าต่อไปก็อาจจะเสียแม้กระทั่งชีวิตของพวกเขา
แน่นอนว่าผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ยังคงเลือกที่จะมุ่งหน้าต่อไปเพราะว่าสุสานแห่งนี้มันไม่ใช่สถานที่ธรรมดาๆดังนั้นภายในจะต้องเต็มไปด้วยสมบัติมากมาย
“อาวุธวิญญาณตอนปลายยาทิพย์จักรพรรดิว่างเปล่าต้องเป็นของข้า ”
เฉินซวนได้ส่งเสียงออกมาก่อนที่จะก้าวเดินเข้าไปภายในพร้อมๆกับชายชราชุดเทา
……..
หลินเทียนที่ก้าวเดินนำเข้าไปต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มหมอกพลังหยินที่เข้มข้นรวมถึงกองกำลังผีร้ายที่มักจะโผล่ออกมาโจมตีเขาแต่ก็ถูกสังหารลงได้ง่ายๆ
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ตามหลังเขาทั้งหลายได้แต่จ้องมองออกไปด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมาก
“นี่เขา…เป็นใครกัน ?! ”
หลายๆคนพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยสมบัติมากมายแต่นี่ก็รวมถึงอันตรายที่ไม่น้อยไปกว่ากันทว่าเมื่อพวกเขาตามหลังหลินเทียนแล้วก็ได้พบกับภาพของอันตรายมากมายทว่ากลับถูกหลินเทียนสังหารลงได้ง่ายๆนี่มันอดทำให้พวกเขาพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาไม่ได้
หลินเทียนที่กำลังก้าวเดินออกไปด้านหน้าได้ใช้เวลาอยู่กว่าหนึ่งชั่วโมงจนไปถึงห้องโถงขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยสมบัติมากมายส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมา
“นี่มัน….”
“อาวุธเทวะ ! อาวุธปราชญ์แถมมีแม้กระทั่ง….อาวุธสวรรค์ ! ”
“นั่นมัน…ยาอายุวัฒนะที่ช่วยเพิ่มอายุได้ถึง 3000 ปี ! ”
“อัญมณีหยกมังกร วัตถุดิบสำหรับหลอมอาวุธสวรรค์ ! ”
“นี่มัน…..”
“นี่คือห้องของเจ้าของสุสาน ! ”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ด้านหลังได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาขณะที่กวาดสายตามองออกไปรอบๆด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นอย่างมาก
“นั่นัมน….”
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญได้แต่จ้องมองออกไปยังขวดหยกที่อยู่มุมห้องด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านถึงขีดสุด
เป็นเพราะว่าที่ขวดหยกนี้มันสลักตัวอักษรเอาไว้ว่า…….จักรพรรดิว่างเปล่า
“ยาทิพย์จักรพรรดิว่างเปล่า ?! ”
กลุ่มคนได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
หลินเทียนเองก็มองเห็นมันได้อย่างชัดเจนก่อนที่ดวงตาของเขาจะเปล่งประกายออกมา
“มียาทิพย์แบบนี้อยู่จริงๆด้วยงั้นรึ ”
เขาพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่สูงมากๆก่อนที่จะเข้าประชิดขวดหยกนั้นพร้อมทั้งสำรวจมันด้วยจิตสัมผัสและพบว่ามันมียาทิพย์สองเม็ดส่องประกายแสงห้าสีที่อัดแน่นไปด้วยพลังฉีและสัจธรรมออกมาอย่างเข้มข้น
“น่าจะใช่มันจริงๆ และด้วยระดับพลังของเราในตอนนี้แล้วจะต้องสามารถตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าตอนปลายได้แน่นอน ”
เขาได้คิดอยู่ภายในใจ
ตัวเขานั้นเชี่ยวชาญทักษะปรุงยาดังนั้นถึงได้เล็งเห็นความพิเศษของตัวยานี้ดี
เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายเองก็ได้แต่มองออกไปด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากเพราะว่ายาทิพย์ล้ำค่านั้นได้ตกอยู่ในมือของคนอื่นเสียแล้ว
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมองออกไปยังสมบัติมากมายพร้อมทั้งเริ่มการแย่งชิงสมบัติกัน
หลินเทียนที่ถือยาทิพย์เอาไว้ในมือเองก็ไม่ได้สนใจสิ่งอื่นอีกต่อไปเพราะว่าอาวุธสวรรค์มันไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาก่อนที่จะหันมองออกไปทางหีบศพหิน
มันเป็นหีบศพที่สร้างด้วยวัสดุที่ไม่ธรรมดาอย่างแร่นิรันดร์ร่วงหล่นที่หาได้ยากยิ่งแถมยังแข็งแกร่งถึงขั้นที่อาวุธบรรพบุรุษยังไม่สามารถทำลายได้
“นี่มันน่าจะเป็นหีบศพของเจ้าของสุสาน ”
เขาก้าวออกไปตรงหน้าหีบศพนั้น
จากข่าวลือที่ได้ยินมานั้นเจ้าของสุสานไม่ได้มีดีเพียงแค่ยาทิพย์เท่านั้นแต่มันยังรวมถึงอาวุธวิญญาณซึ่งเขากลับไม่พบมันที่นี่ดังนั้นถึงได้เดาว่ามันน่าจะถูกเก็บอยู่ในหีบนี้
สำหรับเขาแล้วมันก็ยังไม่ได้อยู่ในสายตาเพราะถึงอย่างไรเขาก็มีศิลาหินที่เป็นอาวุธอนันตกาลและเจดีย์ราชันอมตะแต่มูลค่าของอาวุธวิญญาณก็ไม่ใช่น้อยๆดังนั้นแม้ว่าจะไม่ได้สนใจแต่เก็บเอาไว้ก็สามารถยกมันให้กับหลินซี่หรือคนอื่นๆได้
เขาก้าวเดินออกไปก่อนที่มือขวาของเขาจะคว้าไปบนหีบศพนี้
ภายในหีบศพเผยให้เห็นภาพของโครงกระดูกที่มีกระบี่สั้นเล่มหนึ่งวางอยู่บนหน้าอกแถมยังรายล้อมไปด้วยอักขระมากมายพลางฟาดฟันเข้าใส่ทางหลินเทียน
แกร๊ง !
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบได้แต่สั่นสะท้านไปตามๆกัน
“นี่มัน…….อาวุธวิญญาณ ”
เมื่อจ้องมองออกไปแล้วผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายก็ได้แต่ผงะไป
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เฉินซวนที่อยู่ห่างออกไปเองก็ได้แต่จับจ้องไปยังกระบี่สั้นเล่มนั้นด้วยดวงตาที่ส่องประกายออกมา
“แกร๊ง ! ”
กระบี่สั้นนี้ฟาดฟันเข้าใส่ทางหลินเทียนด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาเพราะแม้ว่ามันจะเป็นคลื่นกระบี่ที่ทรงพลังมากๆแต่ก็ยังไม่สามารถทำอันตรายอะไรเขาได้
เขาโบกมือของเขาส่งประกายแสงสีทองออกไปครอบคลุมกระบี่นั้นและทำให้มันสงบลง
“เป็นอย่างที่ว่าเอาไว้ไม่มีผิด ที่นี่มีอาวุธวิญญาณตอนปลายอยู่จริงๆ ไม่เสียแรงที่มาที่นี่จริงๆ ”
เสียงดังสนั่นถูกส่งออกมาก่อนที่จะมีน้ำเสียงที่เย็นชาส่งตามออกมาจากปากของเฉินซวนว่า
“ส่งมาให้ข้า ”
ตอนที่ 1386
เฉินซวนได้แสดงสีหน้าที่เย็นชาและหยิ่งผยองขณะที่สั่งการให้หลินเทียนส่งมอบอาวุธวิญญาณให้กับเขาเสมือนว่าหลินเทียนเป็นข้ารับใช้ของตัวเอง
“นี่……”
หลายๆคนที่อยู่ห่างออกไปต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเพราะว่าอีกฝ่ายกลับสั่งการให้หลินเทียนส่งมอบอาวุธวิญญาณให้ด้วยท่าทีสั่งการแบบนี้
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสก่อนที่จะเก็บเอากระบี่แล้วเริ่มสำรวจหีบศพ
หลังจากที่เขาได้รับสมบัติที่ต้องการมาแล้วเขาก็อยากจะรู้ว่าภายในมีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับทักษะปรุงยาหรือไม่เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญอย่างมาก
เขาจ้องมองไปยังร่างของศพและแม้ว่าร่างกายจะรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายแต่ก็ไม่ได้แปรสภาพกลายเป็นวิญญาณร้ายทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อยก่อนที่จะพบว่ามันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทักษะปรุงยาเลยแม้แต่น้อย
เขาส่ายศีรษะเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะถึงอย่างไรตัวเขาเองก็เชี่ยวชาญทักษะปรุงยาอยู่ก่อนแล้วดังนั้นแม้จะไม่พบอะไรก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อเขาอยู่ดี
ประกายแสงสีทองส่องประกายออกมาก่อนที่เขาจะปิดหีบศพอีกครั้งแล้วหันหลังก้าวเดินออกไป
เป้าหมายในการมาของเขาได้บรรลุแล้วดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกจึงคิดว่าควรจะไปหาที่ปลอดภัยเก็บตัวหลอมฤทธิ์ของยาทิพย์
“หยุด ! ไม่ได้ยินที่นายน้อยคนนี้พูดหรือไงกัน ! ”
เฉินซวนได้ส่งเสียงออกมาพลางก้าวออกมาขวางเอาไว้ด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า
“ส่งมันมา ! ”
ณ ตอนนี้สายตาของเขาส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาอย่างมากเพราะหลินเทียนได้ทำเป็นไม่สนใจคำพูดก่อนหน้านี้ของตัวเองทำให้ดวงตาของเขาส่องประกายจิตสังหารออกมาอย่างเข้มข้น
หลินเทียนไม่สนใจแม้แต่น้อยพลางก้าวเดินต่อไป
“เขา…..ไม่ได้สนใจเฉินซวนคนนั้นเลยแม้แต่น้อย ”
ผู้คนทั้งหลายได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะว่าแม้ว่าเฉินซวนจะยังหนุ่มแถมยังไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากเพราะอยู่ในเขตแดนผู้รอบรู้เท่านั้นทว่ากลับมีสถานะที่สูงส่งอย่างมากเนื่องจากเขาเป็นถึงหลานรักของผู้อาวุโสสูงสุดนิกายไท่หลิงทว่าตอนนี้หลินเทียนกลับไม่ได้สนใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
เฉินซวนได้แสดงสีหน้าที่เย็นชายิ่งกว่าเก่าออกมาเพราะการกระทำของหลินเทียนมันทำให้เขาเสียหน้าอย่างมาก
“รนหาที่ตายนักนะ ! ”
เขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา
ชายชราที่อยู่ด้านหลังเองก็พุ่งออกมาขวางทางหลินเทียนเอาไว้
“ชิงเอากระบี่มันมาแล้วฆ่ามันซะ ”
เฉินซวนออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่ชั่วร้ายเพราะการกระทำเช่นนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“นี่……”
“กล้าทำให้เฉินซวนโมโห………”
“จบแล้วแน่ๆ ”
เหล่าผู้คนพากันหันมองไปทางหลินเทียนพลางส่ายศีรษะตามๆกัน
“ผู้ติดตามของเฉินซวนนั้นเป็นผู้อาวุโสของนิกายไท่หลิงที่อยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะและแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากๆก็ไม่มีทางเป็นคู่มือของตัวตนระดับนั้นได้แน่ๆ นี่มัน……เห้ออ ”
หลายๆคนอดถอนหายใจออกมาไม่ได้
ชายชราที่ขวางทางของหลินเทียนเอาไว้ได้หันมองทางเข้าด้วยสายตาที่ล้ำลึกก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ส่งกระบี่นั่นมาแล้วฆ่าตัวตายซะ ”
เขาส่งเสียงที่ไม่แยแสออกมาเสมือนว่าไม่เห็นหลินเทียนอยู่ในสายตาด้วยซ้ำเพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะ
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบพร้อมกับพูดว่า
“หลีกไป ”
“อยู่ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญระดับนี้แล้วเขาก็ยัง…….มีท่าทางแบบนั้น ?! ”
ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนต่างพากันแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา
ชายชราชุดเทาหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบอย่างมากพลางพูดว่า
“ข้าอุส่าให้โอกาสเจ้าแล้วแต่ในเมื่อเจ้าเห็นกงจักรเป็นดอกบัวงั้นข้าก็จะสนองให้ ”
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้คว้ามือเข้าใส่ทางหลินเทียนโดยทันที
เป็นเพราะว่าพวกเขาอยู่ใกล้กันมากดังนั้นฝ่ามือของอีกฝ่ายถึงได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของหลินเทียนโดยทันที
“ตายแน่ๆ ! ”
หลายๆคนพากันถอนหายใจออกมา
อย่างไรก็ตามมันเป็นตอนนี้เองที่สีหน้าของทุกๆคนเปลี่ยนไปอย่างมาก
หลินเทียนได้ยกมือของเขาขึ้นมาคว้ามือของอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมทั้งยกเท้าถีบอัดหน้าอกอย่างจัง
ตู้มม ! ร่างของชายชราลอยเคว้งออกไปไกลก่อนที่จะกระแทกเข้ากับผนังที่อยู่ห่างออกไป
“นี่มัน…. ?! ”
เหล่าผู้คนที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้ต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะว่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะกลับถูกเตะปลิวออกไปได้ง่ายๆแบบนี้
“นี่เขา……แข็งแกร่งกว่าที่ข้าจินตนาการเอาไว้มากเลยนะ ! ”
หลายๆคนส่งเสียงออกมา
เฉินซวนเองก็แสดงสีหน้าที่แปลกใจออกมาไม่น้อยก่อนที่สีหน้าของเขาจะตกต่ำลงยิ่งกว่าเก่าพลางหันมองไปทางชายชราแล้วพูดออกมาว่า
“ผู้อาวุโสเฮ่ย อย่าได้ประมาทเมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรู รีบๆฆ่ามันแล้วชิงเอากระบี่มาได้แล้ว ”
อีกฝ่ายนั้นมีชื่อว่าเฮ่ยโม่ซึ่งเขาเองก็รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของชายชราคนนี้เป็นอย่างดีถึงได้คิดว่าคงเป็นเพราะอีกฝ่ายประมาทเกินไปถึงได้ถูกหลินเทียนเตะปลิวไปก่อนหน้านี้
หลินเทียนยังคงก้าวเดินต่อไปด้วยท่าทางที่ไม่สนใจทว่าหลังจากที่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายแล้วเขาก็ได้คว้ามือเข้าใส่ร่างของเฉินซวนไว้ในกำมือตัวเองทันที
“เคยได้ยินคำว่าก่อนที่จะฆ่าใครก็ต้องเตรียมใจถูกฆ่าไหม ? ”
เขาคว้าลำคอของอีกฝ่ายเอาไว้พลางส่งเสียงออกมา
เฉินซวนได้แต่ผงะไปและเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาของหลินเทียนแล้วเขาก็อดสั่นไปไม่ได้
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ชายชราได้ลุกกลับขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากพลางระเบิดคลื่นพลังอันหนักหน่วงแล้วส่งเสียงคำรามอย่างดังว่า
“ปล่อยนายน้อยเดี๋ยวนี้ ! ”
ความหวาดกลัวของเฉินซวนที่อยู่ในกำมือของหลินเทียนได้สลายหายไปอย่างฉับพลัน
“ได้ยินไหมล่ะ ! รีบๆปล่อยข้าไม่งั้นเจ้าต้องตายและครอบครัวของเจ้าก็ต้องตายไปด้วย ”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
นี่ทำให้สายตาของหลินเทียนยิ่งเย็นชาขึ้นกว่าเก่าพลางส่งเสียงออกมาว่า
“ข้าเกลียดเวลาที่คนอื่นข่มขู่ข้าแต่ที่เกลียดที่สุดคือข่มขู่คนที่ข้าห่วงใย ”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกถึงขั้นทำให้พื้นที่โดยรอบสั่นสะท้านอย่างรุนแรงและอุณหภูมิที่ต่ำลงอย่างรวดเร็ว
ถึงขั้นที่ชายชราเองก็ยังมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากเพราะว่าความเย็นยะเยือกที่หลินเทียนส่งออกมานั้นทำให้เขารู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนอย่างรุนแรง
ใบหน้าของเฉินซวนถึงกับซีดลงอย่างเห็นได้ชัดและเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจิตสังหารของหลินเทียนแล้วใบหน้าที่หยิ่งผยองก็ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นความหวาดกลัวไปอย่างเฉียบพลัน
“อย่าทำเรื่อง…..”
“พุฟฟ ! ”
หลินเทียนได้ระเบิดคลื่นพลังเทวะออกไปฉีกร่างของอีกฝ่ายกลายเป็นผุยผงไปทันที
กองเลือดสาดกระจายออกไปทั่วทิศทาง
มันเป็นตอนนี้เองที่ผู้คนโดยรอบได้แต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“ฆะ……ฆ่า…….เฉินซวนไปแล้ว ! นี่มัน….”
หลายๆคนได้แต่สั่นสะท้านไปเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นถึงหลานชายของผู้อาวุโสสูงสุดที่ถึงขั้นส่งผู้ติดตามเป็นผู้อาวุโสที่อยู่ในเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะมาคอยปกป้องทว่าตอนนี้กลับมีคนกล้าลงมือสังหารชายคนนั้น
“นี่มัน…….เรื่องใหญ่แล้วสิ ! ”
หลายๆคนได้แต่สั่นไป
เป็นเพราะว่าผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายไท่หลิงนั้นอยู่ในเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนปลายดังนั้นการที่หลานชายถูกสังหารไปแบบนี้คิดว่าเขาจะยอม ?
“ระยำ !!! ”
ชายชราชุดเทาได้ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังพร้อมๆกับปลดปล่อยจิตสังหารอันเข้มข้นพลางกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนด้วยทักษะเทวะที่ทรงพลังอย่างมาก
เป็นเพราะว่าผู้อาวุโสสูงสุดได้มอบหมายหน้าที่ในการปกป้องเฉินซวนให้กับเขาทว่าตอนนี้อีกฝ่ายกลับถูกหลินเทียนสังหารลงไป หากว่าผู้อาวุโสสูงสุดรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่ก็จะต้องระบายความโกรธกับเขาอย่างแน่นอน
เพียงแค่ชั่วพริบตานี้เองที่อีกฝ่ายได้กระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนเพื่อพยายามจะฆ่าเขา
บึ้สสส ~!
ฝ่ามืออันทรงพลังของอีกฝ่ายที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งสัจธรรมกดทับออกไปอย่างไม่ปราณี
“อายุเพียงแค่ 15 ปีแต่อาศัยคนหนุนหลังจนทำให้กลายเป็นคนที่ชั่วช้าได้ขนาดนี้หากว่าโตไปต้องการเป็นหายนะอย่างแน่นอนดังนั้นมันสมควรจะตายไปนานแล้ว ”
เขาหันมองไปทางชายชราพร้อมทั้งโบกมือขวาเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลอันทรงพลังออกไปอัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างจัง
หมัดอันทรงพลังได้ทำลายล้างทุกสิ่งตรงหน้า
พุฟฟ !
ร่างของชายชราระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆก่อนที่ดวงวิญญาณจะถูกหลินเทียนคว้าเอาไว้
“เจ้า..”
อีกฝ่ายได้แต่ส่งเสียงออกมาด้วยความกลัวถึงขีดสุด
หลินเทียนที่กำลังคว้าร่างวิญญาณของอีกฝ่ายเอาไว้ทำเพียงแค่โบกมือส่งอักขระออกไปบดขยี้ดวงวิญญาณในมือ
“ตะ..ตาย ?! ”
“นี่มัน….เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
“นั่นน่ะ……ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะเลยนะ ! แต่กลับ………”
เหล่าผู้คนพากันส่งเสียงออกมาด้วยความรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก
แม้กระทั่งเหล่านายน้อยของขุมพลังทั้งหลายเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมาด้วยดวงตาที่หดเล็กลงอย่างมาก
การเหวี่ยงหมัดก็สามารถสังหารเขตแดนกึ่งนิรันดร์อมตะได้นั้นมันเป็นความแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ?!
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินจากไป
“หาที่ปลอดภัยไว้สำหรับการหล่อหลอมยาทิพย์ก่อนแล้วกัน ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น