Divine King of All Directions - สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ 1345 - 1354
ตอนที่ 1345
ฝ่ามือของหลินเทียนได้ตบร่างของอีกฝ่ายลอยเคว้งออกไปไกลขณะที่ถูเซียนเซียนได้แต่แสดงสีหน้าที่ตื่นเต้นออกมา
“แข็งแกร่ง…..มาก ”
ผู้นำขุนเขาคุนหลุนส่งเสียงออกมา
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่อยู่ห่างออกไปพากันจ้องมองไปทางพยัคฆ์ขาวที่ปลิวออกไปไกล
พลังอสูรอันเข้มข้นได้ระเบิดออกมาก่อนที่จะพยัคฆ์ขาวตัวนั้นจะลุกกลับขึ้นมา
“ไอ้ระยำเอ้ย ! กล้าลอบทำร้ายปู่เสือคนนี้งั้นรึ ! ยังมีความเป็นคนอยู่อีกรึเปล่ากัน ?! ”
มันส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังขณะที่จ้องมองมาทางหลินเทียนด้วยความโกรธ
หลินเทียน
“……….”
ทำไมมันถึงให้ความรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นพวก ‘สุดๆไปเลย ’กับเขากัน ?
ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆที่ยืนอยู่เองก็อดอ้าปากค้างกันไปไม่ได้เพราะว่าตอนนี้อสูรร้ายที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสำนักเทียนฉีผนึกเอาไว้กำลังพูดคำว่า ‘ความเป็นคน’
พยัคฆ์ขาวได้แต่จ้องมองมาทางหลินเทียนก่อนที่จะหันมองไปทางเซียนเซียนด้วยดวงตาที่เปล่งประกายออกมา
“สาวสวย ! สวยล่มเมือง ! อยากจะไปท่องโลกกว้างกับเสือคนนี้ไหม ? ”
มันจ้องมองไปทางนางพร้อมทั้งพูดต่อโดยที่ไม่รอให้นางตอบแม้แต่น้อย
“อะไรนะ ? เจ้าต้องการ ? ข้ารู้อยู่แล้วเชียว ข้าจะไปรับเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ ”
เมื่อสิ้นสุดคำพูดมันก็ได้กระโจนเข้าใส่นางโดยทันที
นี่ทำให้นางได้แต่อ้าปากค้างเพราะว่าพยัคฆ์ขาวตัวนี้มันเป็นเสือหื่นชัดๆ !
หลินเทียนเองก็ถึงกับหมดคำพูดไปทันทีพลางคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต่างไปจากหลิงหยุนเลยด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นว่ามันกำลังพุ่งเข้ามาใกล้แล้วเขาเลยเหวี่ยงฝ่ามือตบออกไปอีกครั้ง
เพรี้ยย ~!
เสียงตบอย่างดังถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของมันลอยเคว้งออกไปไกล
“ถ้าจะให้พูดนี่เวลาจับมันรู้สึกดีจริงๆ ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เซียนเซียนที่อยู่ด้านหลังและได้ยินเช่นนี้เองก็ถึงกับมีดวงตาที่เปล่งประกายออกมาพลางเผยให้เห็นหางขนปุยทั้งห้าของนาง
“ท่านอาจารย์ หางข้านุ่มกว่าแถมยังอบอุ่นด้วย มันต้องดีกว่าการจับเจ้าเสือหื่นนั่นแน่ๆ ท่านจะลองดูไหมคะ ? ”
นางส่งเสียงออกมา
หลินเทียน
“……”
สมองนางกำลังคิดอะไรอยู่กัน ?
ตู้มม ~!!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่พลังอสูรอันเข้มข้นระเบิดออกไปรอบทิศทาง
“ไอ้ชาติชั่ว ข้าอุส่าไม่ตอบโต้เจ้าแต่เจ้ากลับยังกล้าลอบโจมตีข้าอีกงั้นรึ ! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงโห่ร้องออกมาพลางระเบิดคลื่นพลังอสูรอันเข้มข้นออกมาพร้อมคว้ากรงเล็บเข้าใส่ทางหลินเทียน
หลินเทียนเหวี่ยงฝ่ามือตบออกไปอีกครั้ง
ร่างกายของอีกฝ่ายลอยเคว้งออกไปไกลก่อนที่จะกระแทกเข้ากับก้อนหินขนาดใหญ่จนระเบิดไม่มีเหลือ
“ไอ้เด็กเวร ! ลุงเสืออุส่าออมมือให้ เจ้ายังกล้างั้นรึ ?! ”
มันส่งเสียงออกมา
“ตู้มม ~! ”
หลินเทียนเหวี่ยงมือตบมันปลิวออกไปไกล
“ลุงเสือไม่แยกเขี้ยวหน่อยเจ้าคิดว่าข้าเป็นแมวป่วยงั้นรึ ! ”
มันส่งเสียงออกมาพลางกระโจนเข้าใส่อีกครั้ง
ตู้มม !
“ไอ้หนู ข้าโกรธแล้วนะ ! ”
ตู้มม !
“เจ้าทำให้ข้าโกรธจริงๆแล้ว ! ”
ตู้มม !
อีกฝ่ายได้แต่ถูกกระแทกปลิวออกไปไกลซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยใบหน้าที่ฟกช้ำไปทั่ว
แน่นอนว่านี่เป็นการยั้งมือของหลินเทียนเนื่องจากรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นมีความคล้ายคลึงกับหลิงหยุนจึงไม่ได้ลงมือฆ่าโดยทันที
แถมเขาเองก็ยังเห็นว่าพลังผนึกเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากซึ่งแสดงให้เห็นว่าบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งไม่ได้ตั้งใจผนึกมันเอาไว้ตลอดไปแต่อยากจะขังมันเอาไว้เป็นเวลาหนึ่งเท่านั้น
ดังนั้นเขาพอเดาได้เลยว่าอีกฝ่ายไม่ใช่พวกที่เลวร้ายอะไรไม่งั้นก็คงจะไม่ผนึกมันเอาไว้ชั่วคราวแต่คงผนึกไว้ตลอดไป
พยัคฆ์ขาวที่อยู่ห่างออกไปได้แต่อ้าปากค้างและไม่ได้กระโจนเข้าใส่อีกครั้งเพราะตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของหลินเทียนเป็นอย่างดี
หลังจากนั้นมันก็เริ่มหันหลังหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้พลางพูดออกมาว่า
“ไอ้หนู แข็งแกร่งดีหนิแต่ข้าอารมณ์ดีดังนั้นข้าจะปล่อยเจ้าไปแล้วกัน ไว้สู้กันวันหลังล่ะ ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วมันทำให้ผู้นำขุนเขาทั้งหลายได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่โง่งมออกมาตามๆกัน เจ้าเสือตัวนี้นี่มันสุดๆไปเลย !
“นี่คืออสูรร้ายที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งผนึกเอาไว้ ?”
ผู้นำสำนักเทียนฉีส่งเสียงออกมาด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า
เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายมันไม่ต่างจากพวกนักเลงบ้าๆบอๆเลยแม้แต่น้อย
“นี่มัน…….หน้าไม่อายจริงๆ ! ”
เซียนเซียนส่งเสียงออกมา
ความเร็วของพยัคฆ์ขาวเองก็ถือว่าสูงมากๆถึงขั้นที่พุ่งไปยังขอบของดินแดนลับนี้ได้อย่างรวดเร็ว
หลินเทียนหันมองออกไปพลางส่งความคิดสร้างม่านพลังสัจธรรมขวางกันมันเอาไว้พร้อมกระแทกร่างของมันกลับมาอยู่ตรงหน้าของเขา
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่คลื่นพลังสีทองได้แผดออกไปกดทับร่างของอีกฝ่ายจมดินไปอย่างจัง
“เห้ย !!! หยุดนะ ! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงโห่ร้องออกมาหลังจากที่ได้รับความเจ็บปวดอย่างรุนแรง
หลินเทียนไม่ได้สนใจอะไรขณะที่พลังนี้ยังคงกดทับอย่างหนังส่งผลให้ร่างกายที่ใหญ่โตของพยัคฆ์ขาวหดเล็กลงจากสิบเมตรเหลือหกเมตรและลงมาเหลือสามเมตร
“หยุดสิโว้ย !!! ”
“หยุด ! ”
“เลิกทับลงมาได้แล้ว ข้าจะตายแล้ว ! ”
“แม่………. หยุด ! ข้าจะแหลกเป็นเสี่ยงๆแล้วนะ ! ”
“หยุดๆๆ ข้ายอมแพ้ๆ ! !!! ”
มันส่งเสียงโห่ร้องออกมา
นี่ทำให้ผู้คนโดยรอบได้แต่หมดคำพูดไปด้วยความตกตะลึงอย่างมากเพราะไม่คิดเลยว่าอสูรที่แข็งแกร่งกลับถูกหลินเทียนสยบลงได้ง่ายๆแบบนี้
หลินเทียนไม่ได้สนใจอะไรพร้อมทั้งเก็บเอาพลังกลับมาพร้อมมองลงไปยังพยัคฆ์ขาวตัวน้อยขนาดไม่กี่เซนติเมตรก่อนที่จะย่อตัวลงแล้วสร้างแว่นขยายขึ้นมาด้วยพลังเทวะแล้วพูดว่า
“เหมือนแมวป่วยหรือยังล่ะ ? ”
พยัคฆ์ขาวได้แต่มองไปยังรูปร่างของตัวเองในตอนนี้จนเกือบจะกระอักเลือดออกมา …….. เพราะมันไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะย้อนคำพูดก่อนหน้านี้ของมัน
เซียนเซียนเองก็ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างดังและเป็นเพราะว่ายืนอยู่ข้างๆหลินเทียนจึงไม่ได้กลัวมันแม้แต่น้อยพลางยื่นนิ้วไปจิ้มมันแล้วหยอกล้อออกมาว่า
“ไหนๆลองร้องเหมียวๆสิ ”
พยัคฆ์ขาว
“@#¥……”
หลินเทียนโบกเอาแว่นขยายออกไปพร้อมทั้งส่งพลังเทวะไปห่อหุ้มร่างของมันขึ้นมายืนอยู่บนฝ่ามือของเขาแล้วพูดว่า
“เอาล่ะอย่าเห่าหอนอยู่เลย ”
เขามองไปก่อนที่จะพูดต่อว่า
“ทำไมถึงได้ถูกผนึกอยู่ที่นี่กัน ? ”
คำถามของเขาทำให้ผู้คนทั้งหลายอดพากันหันมองไปทางมันไม่ได้โดยเฉพาะผู้อาวุโสสูงสุดสำนักเทียนฉีเพราะถึงอย่างไรนี่ก็คืออสูรร้ายที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งของพวกเขาผนึกเอาไว้
พยัคฆ์ขาวไม่ได้หนีไปไหนเพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คู่มือของหลินเทียนดังนั้นถึงได้พูดออกมาว่า
“ไอ้แก่นั่นมันบ้า ก่อนหน้านี้เป็นเพราะว่าออกไปท่องโลกกว้างกับสาวๆที่ข้าเชิญมาแต่มันกลับบอกว่าข้าทำผิดศีลธรรม จิตใจสกปรกจึงได้จับตัวข้ามาไว้ที่นี่เพื่อบำบัดให้ข้ากลับมาปกติด้วยยาทิพย์ของมัน……..”
หลินเทียนได้ขัดคำพูดของมันพลางถามออกมาว่า
“เจ้าบอกว่าเชิญ ? แต่ใจนะว่าเชิญ ? หญิงสาวพวกนั้นยินยอม ? ”
พยัคฆ์ขาวกระแอ่มออกมาพร้อมกับพูดว่า
“อย่าไปสนใจรายละเอียดมันนักเลย ”
แน่นอนว่าหลินเทียนรู้ดีว่ามันไม่ใช่การเชิญธรรมดาๆอย่างแน่นอนถึงได้เหวี่ยงมือตบไปทางมัน
“เจ้าไม่ได้ทำอะไรพวกนางใช่ไหม ? ”
เขาถามออกมาขณะที่จ้องมองไปทางมัน
“ไอ้หนู ความคิดสกปรกจริงๆเลยนะ ! คิดว่าลุงเสือเป็นใครกัน ? ก็แค่พูดคุยกับพวกนางเท่านั้น ”
พยัคฆ์ขาวแสดงสีหน้าที่ดูถูกออกมา
หลินเทียนพยักหน้าของเขาและไม่ได้สงสัยในคำตอบนี้แม้แต่น้อยเพราะว่าหากอีกฝ่ายกล้าล่วงละเมิดคนเหล่านั้นแล้วบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสำนักเทียนฉีก็คงไม่ให้มันมาบำบัดและอยู่ข้างกายแต่คงจะฆ่ามันไปนานแล้ว
“เล่าต่อ ”
เขาพูดออกมา
พยัคฆ์ขาวไม่ได้พูดอะไรมากก่อนที่จะแสดงสีหน้าป่วยๆออกมาว่า
“เป็นเพราะว่าข้าถูกตาแก่นั่นกักตัวไว้ที่นี่เพื่อบำบัดด้วยยาทิพย์ของมัน ลุงเสือผู้เป็นที่ชื่นชอบของ…….”
หลินเทียนยกมือตบมันพร้อมทั้งพูดว่า
“เล่าใจความสำคัญมา ”
พยัคฆ์ขาวแสยะยิ้มออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
“ข้าอาศัยช่วงที่ตาแก่เผลอแล้วฉีกทำลายเคล็ดวิชาหม้อยาทิพย์นพเก้าของมันไปก่อนที่จะทำลายห้องกลั่นยาทั้งห้องรวมถึงยาทิพย์สวรรค์นพเก้าอะไรนั่นด้วยถึงได้ถูกเอามาปล่อยไว้ที่นี่ไงล่ะ ”
หลินเทียนและคนอื่นๆ
“…………..”
พวกเขาได้แต่จ้องมองไปทางมันด้วยสีหน้าที่โง่งมอย่างมากเพราะว่าไอ้เวรนี่มันสร้างเรื่องขนาดนี้เอาไว้ในอดีต ?!
ต้องรู้ก่อนนะว่าบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งอย่างจางเต๋าหลิงนั้นฝ่าฟันอันตรายมากมายกว่าจะได้รับเคล็ดวิชานั้นมาแถมยังใช้เวลากว่าเก้าปีในภูเขาหลงฮูเพื่อสร้างห้องกลั่นยาที่ตั้งอยู่เหนือเส้นชีพจรวิญญาณและใช้เวลาสามปีกลั่นยาทิพย์สวรรค์นพเก้าได้สองเม็ดที่ถือว่ามีสรรพคุณอันล้ำเลิศเหนือคำบรรยาย
ทว่าไอ้เวรนี่มันทำลายเคล็ดวิชาเก้าหม้อทิพย์นพเก้า ทำลายห้องกลั่นยาและยาทิพย์สวรรค์นพเก้าไป
“การที่ผนึกเจ้าไว้สองพันปีโดยที่ไม่ฆ่าเจ้านี่เป็นความเมตตาที่เกินไปจริงๆ ”
หลินเทียนอยากจะเหวี่ยงหมัดต่อยมันอย่างมาก
พยัคฆ์ขาวแสยะยิ้มออกมาพร้อมทั้งพูดด้วยสีหน้าป่วยๆว่า
“มันได้รับผลกรรมจากการกระทำของมันไงล่ะ ”
หลินเทียนได้แต่จ้องมองไปยังเสือเวรตรงหน้าที่แม้จะถูกผนึกอยู่กว่าสองพันปีแต่มันก็ไม่ได้มีท่าทีสำนึกผิดขึ้นมาแม้แต่น้อย
“อ่อใช่ ระดับพลังของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งอยู่ในเขตแดนไหนกัน ? ”
เขาถามออกมา
“ไม่รู้ ไม่สามารถเข้าใจได้ ”
มันแสยะยิ้มตอบกลับ
หลินเทียนไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งต่อก่อนที่จะถามขึ้นว่า
“รู้เรื่องเกี่ยวกับภูเขาไท่นี้ไหม ? ทำไมมันถึงได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นแบบนี้กัน ? ”
เป้าหมายหลักที่เขามาที่นี่ก็เพราะคิดว่ามันอาจมีความเป็นไปได้ที่อสูรร้ายที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งผนึกเอาไว้อาจจะรู้ความลับนี้
ตอนที่ 1346
“เจ้าหนูรู้ด้วยงั้นรึว่าภูเขาไท่ได้เปลี่ยนไป ? ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเทียนแล้วพยัคฆ์ขาวถึงกับแสดงสีหน้าที่พึงพอใจออกมาก่อนที่จะพูดต่อว่า
“เอาล่ะ แม้จะไม่รู้ว่าเจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกันแต่เจ้าถามถูกคนแล้วล่ะเพราะต่อให้เป็นไอ้วัวแก่จางเต๋าหลิงก็ไม่มีทางรู้เรื่องนี้เท่าข้าเพราะหากเทียบกันตามหลักอายุแล้วข้าแก่กว่ามันอีก ”
เมื่อได้ยินคำตอบนี้ถึงกับทำให้ดวงตาของหลินเทียนเปล่งประกายออกมาโดยทันที
“พูดมา ! ”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
พยัคฆ์ขาวที่เห็นว่าหลินเทียนต้องการจะรู้เรื่องนี้มากๆได้โอดครวญออกมาพลางแสดงสีหน้าที่ยิ่งผยองว่า
“อยากรู้ ? ไหนลองนวดไหล่นวดหลังให้ข้าหน่อยสิแล้วบางทีถ้าข้าอารมณ์ดีก็อาจจะเล่าให้เจ้าฟังก็ได้ ”
หลินเทียนได้หรี่ตาของเขาลงก่อนที่จะโบกมือสังเวยวงเวทย์หยินหยางออกมาเหนือศีรษะพลางพูดต่อว่า
“พูดมาดีๆไม่งั้นบางทีถ้าข้าอารมณ์ไม่ดีก็อาจจะผนึกเจ้าเอาไว้ที่นี่ตลอดกาลก็ได้ ”
“แม่งเอ้ย !! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงก่นด่าออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะพูดต่อว่า
“เอามันออกไปไกลๆเลย ให้ข้าใช้เวลาเรียบเรียงข้อมูลก่อน ”
หลินเทียนได้ตอบรับก่อนที่จะเก็บเอาวงเวทย์หยินหยางกลับไป
พยัคฆ์ขาวได้ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเริ่มพูดออกมาว่า
“จริงๆแล้วจะพูดว่าภูเขาไท่เกิดการเปลี่ยนแปลงมันก็ไม่ถูก ต้องพูดว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับโลกนี้น่าจะถูกกว่า”
มันมองไปทางหลินเทียนพร้อมกับพูดว่า
“เจ้าคงจะรู้สินะว่าโลกใบนี้เป็นหนึ่งในดวงดาวที่อยู่ในห้วงจักรวาล ? จริงๆแล้วในยุคก่อกำเนิดมันมีชื่อว่าดวงดาวจักรพรรดิทางช้างเผือกซึ่งถือเป็นที่รู้จักกันไปทั่วทั้งจักรวาลและมีขนาดกว้างใหญ่ถึงขั้นที่มีน้อยดวงจะเทียบเคียงได้ ”
สีหน้าของหลินเทียนในตอนนี้เปลี่ยนไปโดยทันทีไม่ใช่เพราะการที่ได้รู้ว่าโลกนี้เป็นหนึ่งในดวงดาวที่อยู่ในห้วงจักรวาลเพราะต่อให้เป็นเด็กทารกก็รู้เรื่องพวกนี้แต่ตะลึงไปกับชื่อดวงดาวจักรพรรดิทางช้างเผือกที่มีดาวน้อยดวงจะเทียบเคียงได้เนื่องจากนี่มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องเหล่านี้
“มีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย ?! โลกเคยเป็นที่รู้จักขนาดนั้นเลย ? ”
เซียนเซียนส่งเสียงออกมา
เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ด้านหลังเองก็ต่างผงะไปเพราะเขาไม่เคยได้ยินเรื่องราวเช่นนี้มาก่อนเช่นกัน
หลินเทียนได้ถามออกมาว่า
“แต่โลกในตอนนี้มันไม่ได้ใหญ่มากถึงขั้นที่ว่าไม่สามารถเทียบกับหมู่ดาวอื่นได้เลยด้วยซ้ำ ”
เป็นเพราะว่าต่อให้เป็นคนธรรมดาก็รู้ได้จากเทคโนโลยีว่าโลกใบนี้มันยังมีขนาดเล็กกว่าดวงดาวหลายๆดวง
“ฟังข้าก่อนสิ ก็บอกแล้วไงว่ามันเป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว ”
พยัคฆ์ขาวได้พูดต่อว่า
“ในยุคนั้นโลกนี้มันกว้างใหญ่มีพลังฉีอันเข้มข้นรวมถึงผู้เชี่ยวชาญที่มากมายแต่มันได้เกิดสงครามครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นถึงขั้นที่แทบจะทำลายล้างโลกใบนี้เลยก็ว่าได้ ”
หลังจากนั้นมันก็ได้พูดต่อว่า
“หลังจากสงครามครั้งนั้นได้จบลงแล้วพื้นที่กว่าเก้าในสิบส่วนได้ถูกทำลายหายไปรวมถึงขุนเขาที่โด่งดังอย่างภูเขาไท่และอื่นๆเองก็แหลกสลายไม่มีเหลือและแม้ว่าเส้นชีพจรวิญญาณจะไม่ได้ถูกทำลายไปอย่างสิ้นเชิงทว่ามันก็ยิ่งเหือดแห้งไปตามกาลเวลาทำให้พลังฉีและสัจธรรมในโลกนี้ยิ่งแผ่วลงจนถึงขั้นที่ไม่เหมาแก่การบ่มเพาะ ”
หลังจากนั้นก็พูดต่อว่า
“แน่นอนว่าข้าเองก็รู้เรื่องนี้มาจากในบันทึกโบราณเก่าแก่แต่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วยเพราะว่าคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นมันตายกันเกือบหมดแล้วดังนั้นเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้ ”
นี่ทำทำให้สีหน้าของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะเคยเกิดสงครามครั้งใหญ่ขนาดนั้นขึ้นบนโลกใบนี้ด้วย ?
แถมโลกยังกว้างใหญ่กว่านี้มากถึงขั้นที่ถูกทำลายพื้นที่ไปกว่าเก้าในสิบส่วน ?!
เหตุผลที่พลังฉีและพลังสัจธรรมในโลกเบาบางก็เพราะว่าสงครามครั้งนั้น ?
“นี่…..เรากำลังใช้ชีวิตอยู่บนดาวที่แตกดับ ? ”
ผู้นำขุนเขาคุนหลุนส่งเสียงออกมา
“อื้มมม หากว่าเป็นจริงอย่างที่บันทึกว่าเอาไว้ก็ถูกแล้วล่ะ ”
พยัคฆ์ขาวพยักหน้าของมัน
นี่ทำให้ทุกคนพากันแสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมาเพราะว่าเรื่องพวกนี้มันน่าเหลือเชื่อเอามากๆ
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายระยิบระยับออกมาเพราะเขาเองก็เคยได้เห็นภาพความทรงจำของโลกใบนี้จากเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่มาก่อนแล้วซึ่งเขาเองก็เดาไว้แล้วว่าโลกนี้มันเคยกว้างใหญ่กว่านี้แต่ไม่คิดเลยว่าจะแม่นยำขนาดนี้
เขาหันมองไปทางมันก่อนที่จะถามต่อว่า
“บันทึกที่เจ้าว่ามันอยู่ไหนกัน ข้าอยากจะอ่านมัน ”
“ไม่รู้เหมือนกัน ข้าเคยเห็นมันเมื่อประมาณสองหมื่นปีก่อนนู้น ใครจะไปรู้กันล่ะ ”
มันได้แสยะยิ้มออกมาก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“แต่ในอดีตมันเองก็เคยเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นภายในภูเขาไท่เช่นกันเพราะมันเคยมีศิลาหินปรากฏขึ้นจากใต้ภูเขาและก่อให้เกิดสงครามแย่งชิงกันและสุดท้ายเจ้าพวกมีปีกจากทางตะวันตกก็ได้มันไป หากว่าอยากจะค้นหาความจริงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้ก็ลองไปเอาศิลาหินนั่นมาสิ มันมีเบาะแสถูกทิ้งเอาไว้มากมาย ”
“มีศิลาหินผุดขึ้นมาจากใต้ภูเขาไท่ ? ”
คิ้วของหลินเทียนได้ขมวดเข้าหากันพร้อมทั้งพูดว่า
“เป็นเหมือนกับบันทึกเก่าแก่นั่น ? ”
“อื้ม ข้าเห็นมันกับตาตัวเอง ”
พยัคฆ์ขาวได้พูดออกมาพร้อมกับพูดว่า
“แต่ศิลานั่นมันก็แปลกๆเพราะมันรายล้อมไปด้วยอักขระลึกลับไม่เหมือนกับข่ายอาคมแต่มันซับซ้อนกว่ามาก ที่สำคัญที่สุดคือความแข็งแกร่งของมันที่แม้จะได้รับผลกระทบจากการปะทะกันของฝูงผู้เชี่ยวชาญทว่ามันก็ยังไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อยถึงขั้นที่พลังเทวะที่เข้าใกล้ได้ถูกมันดูดไปทั้งหมดภายในชั่วพริบตา ”
คิ้วของหลินเทียนได้ขมวดเข้าหากันเพราะพยัคฆ์ขาวนั้นอยู่ในเขตแดนปรินิพพานระดับ 5 แล้วดังนั้นในเมื่อมันยังเรียกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งดังนั้นอย่างน้อยๆก็ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลหรืออาจจะมีแม้กระทั่งจ้าวสวรรค์ทว่าพลังของคนเหล่านั้นกลับไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับศิลานั่นได้
“ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
หลังจากนั้นดวงตาของเขาก็ได้เปล่งประกายออกมาเล็กน้อย
“พวกชาวตะวันตกเองก็กำลังจะเตรียมรุกรานที่นี่อยู่เหมือนกัน งั้นก็ไปดูหน่อยแล้วกันเพราะหากยังอยู่ที่พวกมันก็จะได้ชิงเอากลับมา ”
เขาพูดออกมา
เป็นเพราะว่าตอนนี้อีกฝ่ายได้เตรียมแผนการรุกรานดินแดนศูนย์กลางเพื่อชิงเอาภูเขาที่โด่งดังทั้งหลายและตัวเขาเองก็เตรียมตัวจะบุกไปยังทวีปตะวันตกด้วยอยู่แล้วดังนั้นหลังจากที่ได้ยินเรื่องราวพวกนี้แล้วเขาก็ตัดสินใจทันทีเลยว่าจะต้องไปฆ่าขุมพลังทั้งหมดของชาวตะวันตกแล้วชิงเอาศิลากลับมาให้ได้
เพราะถึงอย่างไรเขาก็เกิดและเติบโตขึ้นที่โลกใบนี้ดังนั้นเขาถึงได้สนใจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมากและอยากจะยืนยันเรื่องราวทั้งหมดแถมศิลานั่นก็เคยเป็นของดินแดนศูนย์กลางแล้วจะปล่อยให้คนอื่นยึดไปได้อย่างไรกัน
ถูเซียนเซียนที่อยู่ข้างๆถึงกับมีดวงตาที่เปล่งประกายออกมาพลางพูดว่า
“ท่านอาจารย์อยากจะไปรุนรานดินแดนตะวันตก ? เอาข้าไปด้วย ! ”
“ไม่ ! ”
หลินเทียนตอบกลับ
“ไม่นะท่านอาจารย์ ! ข้าอยากหาประสบการณ์เหมือนกันแถมหากว่าท่านเหนื่อยล้าข้าก็สามารถนวดไหล่นวดหลังให้หรือเป็นเพื่อนคุยให้ได้ นี่มันมีไม่มีผลเสียด้านไหนเลยด้วยซ้ำ ! อีกอย่างหางของเซียนเซียนเองก็นุ่มฟูมากๆถ้าไม่เชื่อท่านก็ลองจับดูสิ ”
ถูเซียนเซียนได้พูดออกมาเพราะจากคำพูดก่อนหน้านี้ของหลินเทียนก็ทำให้นางคิดว่าหลินเทียนน่าจะชอบพวกขนปุยๆดังนั้นถึงได้กวัดแกว่งหางทั้งห้าของตัวเองไปทั่ว
หลินเทียนได้แต่แสดงสีหน้าที่หมดคำจะพูดออกมา
พยัคฆ์ขาวหันมองไปทางเซียนเซียนก่อนที่จะส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างว่า
“ไหนลุงเสือลองจับดูหน่อยสิ! ”
“ไปไกลๆเลยไปไอ้หื่น ! ”
เซียนเซียนได้ยกเท้าขึ้นมาถีบอัดร่างของพยัคฆ์ขาวตัวน้อยปลิวออกไปไกลกว่าหลายเมตร
นี่ทำให้ผู้นำขุนเขาต่างๆรวมถึงผู้นำตระกูลจิ้งจอกครามเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่อับอายออกมาเพราะดูเหมือนว่าองค์หญิงของพวกเขาจะยิ่งมีความกล้าบ้าบิ่นขึ้นไปอีกถึงขั้นที่กล้าเตะแม้กระทั่งอสูรร้ายขนาดนี้
เซียนเซียนพยายามอ้อนวอนหลินเทียนทุกวิถีทางพลางแสดงท่าทางเหมือนเด็กเสียคนทำให้หลินเทียนได้แต่โง่งมอยู่กับที่ก่อนที่สุดท้ายจะยอมให้นางติดตามไปด้วยพลางหันมองไปทางพยัคฆ์ขาวแล้วพูดว่า
“เจ้าเองก็ต้องไปด้วย ”
เป็นเพราะพยัคฆ์ขาวเองก็ไม่ใช่พวกชั่วช้าอะไรแต่เป็นเพียงแค่พวกหื่นกามเท่านั้นและในเมื่อผนึกมันได้คลายออกแล้วเขาจึงคิดว่าอีกฝ่ายก็คงจะกลับไปทำเรื่องแบบเดิมๆดังนั้นจึงตัดสินใจว่าจะเอามันไว้ข้างกายสักพักหนึ่งเพื่อไม่ให้มันทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง
อีกอย่างมันเองก็เคยได้เห็นศิลาที่ผุดขึ้นมาจากใต้ภูเขาไท่แล้วด้วยดังนั้นการเอามันไปด้วยก็สามารถช่วยสัมผัสถึงกลิ่นอายของศิลานั้นได้ง่ายขึ้น
“ไม่ไปโว้ย ! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงโห่ร้องออกมาพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“ข้ายังต้องไปเชิญสาวๆไปท่องโลกอีก ”
มันส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
หลินเทียนถึงกับรู้สึกอยากตั้นหน้ามันสักครั้ง
เขาหันมองไปทางมันก่อนที่จะโบกมือคว้าเอาผลไม้วิญญาณส่องประกายแสงที่สามารถช่วยเพิ่มระดับพลังของทุกคนที่อยู่ต่ำกว่าเขตแดนกึ่งจักรพรรดิอย่างผลไม้หมื่นวิญญาณขึ้นมาพลางพูดว่า
“ตามข้ามาแล้วมันจะเป็นของเจ้า ”
ผลไม้นี้เป็นสิ่งที่ทุกคนในเขตแดนต่ำกว่ากึ่งจักรพรรดิเฝ้าฝันก็จริงทว่ามันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขา
“นี่มัน ?! ”
“ผลไม้หมื่นวิญญาณในตำนาน ?! สามารถเพิ่มระดับพลังของทุกคนที่อยู่ภายใต้เขตแดนกึ่งจักรพรรดิได้ ! ”
“นี่…….”
ผู้นำขุมพลังทั้งหลายต่างแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาหลังจากที่เห็นว่าหลินเทียนสามารถคว้าเอาสมบัติล้ำค่าขนาดนี้ออกมาได้ง่ายๆโดยที่ไม่มีท่าทางเสียดายแม้แต่น้อย
ดวงตาของพยัคฆ์ขาวถึงกับเบิกกว้างขณะที่น้ำลายไหลย้อยออกมาพลางคว้ามือเข้าใส่อย่างรวดเร็ว
เป็นเพราะหากว่ามีผลไม้นี้มันสามารถตัดผ่านเขตแดนปรินิพพานระดับ 7 ได้โดยทันที !
มันรีบเก็บกลับไปเพราะกลัวว่าหลินเทียนจะคืนคำพลางกระแอ่มออกมาว่า
“ข้าบอกก่อนเลยนะว่าข้าไม่ได้ยอมตกลงก็เพราะว่าผลไม้นี้แต่เป็นเพราะว่าข้าที่เป็นผู้อาวุโสเองก็ควรจะตอบรับคำขอของรุ่นเยาว์เท่านั้นถึงได้ตัดสินใจติดตามเจ้า”
หลินเทียนได้มองมันด้วยหางตาเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไรออกมา
หลังจากนั้นเขาก็รีบบอกลาคนอื่นๆพร้อมทั้งจากไปพร้อมๆกับเซียนเซียนและพยัคฆ์ขาวอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 1347
หลังจากที่กลับออกมาจากภูเขาหลงฮูแล้วหลินเทียนก็ได้ออกเดินทางไปพร้อมๆกับเซียนเซียนและพยัคฆ์ขาวไปโดยการเดินเท้าไม่ได้เหาะเหินไป
หลังจากนั้นไม่นานเวลากว่าหลายสิบวันก็ได้ผ่านพ้นไป
วันนี้เป็นวันที่มีนกส่งสารจากตระกูลจิ้งจอกครามบินเข้าหาถูเซียนเซียนก่อนที่จะทะลวงเข้าใส่ทะเลความรู้ของนางก่อนที่สีหน้าของนางจะเปลี่ยนไปอย่างมาก
“ท่านอาจารย์ พวกผู้เชี่ยวชาญชาวตะวันตกกว่า 700 คนก้าวข้ามชายแดนมาแล้วและกำลังมุ่งหน้าไปทางขุนเขาคุนหลุน ”
นางส่งเสียงออกมา
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมา
“ไปกัน ”
เขาส่งเสียงก่อนที่ร่างกายจะแผดคลื่นพลังสีทองออกมาโอบร่างของทั้งสองเอาไว้แล้วพุ่งผ่านออกไปอย่างเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของภูเขาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
เมื่อมองออกไปแล้วจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่น่าเกรงขามอย่างมากแถมยังมีกลุ่มหมอกที่ให้ความรู้สึกพิศวง
แน่นอนว่านี่คือขุนเขาคุนหลุน
“คุนหลุน ”
หลินเทียนพึมพำออกมา
มันเป็นขุนเขาที่เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นบรรพบุรุษแห่งภูเขาทั้งปวงที่มีตำนานว่าเคยเป็นที่อยู่ของทวยเทพ
เขาได้หันมองออกไปพลางเบิกเนตรแห่งสัจธรรมขึ้นมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายพร้อมทั้งสัมผัสถึงกลิ่นอายของสัจธรรม
มันเป็นสัจธรรมที่ไม่ได้หนาแน่นแต่กลับยิ่งใหญ่อย่างมากถึงขั้นทำให้รู้สึกเสมือนว่าพวกเขาได้มาถึงเป้าหมายในชีวิตแล้ว
“ไม่ธรรมดาจริงๆ ”
หลินเทียนคิดอยู่ภายในใจ
ถูเซียนเซียนที่อยู่ข้างๆและเห็นว่าเขากำลังจ้องมองออกไปได้ถามออกมาว่า
“ท่านอาจารย์จะขึ้นไปไหม ? ”
“ตอนนี้ยังก่อน ”
เขาส่ายศีรษะพร้อมๆกับพูดแก้ต่างออกมาว่า
“ยิ่งกว่านั้นข้าเองก็ไม่ใช่อาจารย์ของเจ้าด้วย อย่าเรียกข้าว่าอาจารย์อีก ”
ถูเซียนเซียนได้พยักหน้าอย่างเชื่อฟังพร้อมตอบว่า
“ได้ค่ะท่านอาจารย์ ข้ารู้แล้วท่านอาจารย์ ”
หลินเทียน
“…….”
ท้ายที่สุดเขาก็ได้แต่หันมองออกไปพร้อมทั้งหันไปพูดกับทั้งสองคนแล้วก้าวเดินเข้าไปทางพื้นที่กว้างที่อยู่ห่างออกไป
ไม่นานพวกเขาก็ได้เดินทางไปเป็นระยะทางกว่าหลายกิโลเมตร
สถานที่แห่งนี้มีพื้นที่ๆกว้างใหญ่อย่างมากแต่กลับไม่มีสิ่งมีชีวิตแม้กระทั่งพืชพันธุ์เองหาดูได้ยาก
หลินเทียนได้หยุดลงตรงนี้พร้อมทั้งมองออกไปด้านหน้า
ไม่นานพลังเทวะตรงหน้าของเขาก็ได้เกิดการผันผวน
หลังจากนั้นเองก็ปรากฏร่างของผู้คนกว่าหลายร้อยคนที่รายล้อมไปด้วยกลิ่นอายอันทรงพลัง มีทั้งคนที่รายล้อมไปด้วยประกายแสงสีดี คนที่กำลังขี่อสูรวิหกที่แข็งแกร่งเอาไว้ซึ่งพวกเขาหลานๆคนเองก็ต่างสวมชุดเกราะพร้อมรบด้วยกันทั้งหมด
นี่ทำให้อุณหภูมิโดยรอบดิ่งลงอย่างเฉียบพลัน
“ไอ้พวกเวรจากสเปนและตุรกีมันกล้ามาอวดเบ่งภายในดินแดนศูนย์กลางของพวกเรางั้นรึ อวดดีไม่เบาหนิ ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
“อวดดีมากๆ ! ”
เซียนเซียนส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่าไม่นานมานี้พวกมันก็เพิ่งรุกรานเข้ามาและหากว่าไม่ได้เป็นเพราะหลินเทียนแล้วขุมพลังทั้งหลายก็คงจะถูกสังหารลงทั้งหมดดังนั้นหลังจากที่เห็นว่าอีกฝ่ายยังกล้าส่งกองกำลังมารุกรานภูเขาที่ขึ้นชื่อแบบนี้แล้วก็อดทำให้รู้สึกไม่สบอารมณ์ไม่ได้
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาพร้อมๆกับหันมองออกไปเล็กน้อย
อีกฝ่ายมีกองกำลังจำนวนกว่า 700 คนซึ่งพวกเขาเองก็มองเห็นหลินเทียนที่กำลังยืนขวางกั้นกันอยู่ดีดังนั้นถึงได้แสดงสีหน้าที่เย็นชาออกมา
“ผู้เชี่ยวชาญดินแดนศูนย์กลาง ? พวกมันรู้ว่าพวกเราจะบุกมา ? ”
“รู้แล้วไง ตอนนี้พวกมันอ่อนแอจะตาย ”
“นี่พวกมันคิดจะมาหยุดยั้งพวกเรา ? ”
“สามคนเนี่ยนะ ? บ้าหรือเปล่า ? ”
“บดพวกมันซะ ! ”
กองกำลังกว่า 700 คนพากันส่งเสียงอันไม่แยแสออกมาซึ่งพวกเขาแต่ละคนก็ล้วนมาจากขุมพลังที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานทำให้มีความหยิ่งผยองอย่างมาก
ผู้คนหลายคนพากันก้าวออกมาพร้อมทั้งส่งเสียงภาวนาบางอย่างด้วยร่างกายที่รายล้อมไปด้วยประกายแสงสีดำทมิฬ
“ขอวิงวอนแก่ดวงวิญญาณดาบศักดิ์สิทธิ์ โปรดมอบพลังให้กับพวกเราและส่งลำแสงสังหารเข้าใส่ศัตรูของข้า ! ”
ทั้งหลายสิบคนพากันส่งเสียงออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
“แกร๊ง ! ”
“แกร๊ง !”
“แกร๊ง ! ”
เสียงร้องคำรามดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่คลื่นลำแสงอันทรงพลังพุ่งผ่านอากาศออกไปรอบทิศทาง
“ท่านอาจารย์ นั่นคือตระกูลอาเทอร์จากชาวตะวันตก พวกมันมีดาบศักดิ์สิทธิ์ลึกลับที่อัดแน่นไปด้วยวิญญาณที่แข็งแกร่งมากๆ ”
เซียนเซียนได้ส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อว่า
“พวกมันสามารถอาศัยพลังของดาบนี้เพื่อขอยืมเอาพลังของมันมา ได้ยินมาว่าสามารถสังหารได้แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าได้อย่างง่ายดาย ! ”
ด้วยความที่เป็นถึงผู้มีพรสวรรค์ที่สุดของขุมพลังดินแดนศูนย์กลางในคนรุ่นนี้ทำให้นางมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศัตรูอย่างมาก
“ปู่เสือคิดว่าดาบเล่มนั้นน่าจะเป็นอาวุธสวรรค์อย่างแน่นอน ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
“แกร๊ง ”
“แกร๊ง ”
“แกร๊งง ”
เสียงคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่การโจมตีมากมายโถมเข้าใส่จากทุกทิศทาง
“คลื่นดาบสังหารทวยเทพ ! ”
ผู้เชี่ยวชาญตระกูลอาเทอร์ส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาขณะที่ชูมือขวาขึ้นแล้วฟาดฟันลงไปทางหลินเทียนและคนอื่นๆ
มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงเสมือนว่ากำลังถูกคลื่นการโจมตีที่หนักหน่วงทะลวงผ่าน
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่โดยที่ไม่ขยับไปไหนก่อนที่คลื่นพลังของเขาจะแผดออกไปรอบทิศทาง
นี่ทำให้ลำแสงสังหารของอีกฝ่ายสั่นสะท้านอย่างรุนแรงก่อนที่จะเด้งกลับเข้าใส่ทางผู้ใช้งานอย่างกะทันหัน
“พุฟฟ ! ”
“พุฟ! ”
“พุฟฟ ! ”
กองเลือดระเบิดออกมารอบทิศทางขณะที่ผู้เชี่ยวชายตระกูลอาเทอร์แปรเปลี่ยนกลายเป็นหมอกเลือดไปอย่างฉับพลัน
นี่ทำให้สายตาของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายถึงกับหดเล็กลงอย่างมากก่อนที่จะส่องประกายความเย็นยะเยือกยิ่งกว่าเก่าออกมา
“ความตายจงเป็นพลังแก่ข้า ตรึงวิญญาณ ! ”
ชายชราสภาพใกล้ตายได้ก้าวออกมาพร้อมทั้งส่งเสียงบาดหูอย่างดัง
เมื่อคำพูดของเขาได้จบลงนั้นกลุ่มหมอกสีดำเข้มก็ได้ไหลทะลักออกมาพร้อมทั้งเป็นกองกำลังทหารหยินที่กำลังถือโซ่ตรวนสีแดงฉานเสมือนว่าก้าวออกมาจากขุมนรกและต้องการจะจับดวงวิญญาณกลับไป
“ท่านอาจารย์ พวกมันคือคนของดินแดนทมิฬ ”
เซียนเซียนส่งเสียงออกมา
“แคร๊ง ~~ ! ”
เสียงโลหะเสียดสีกันถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องซึ่งชายชราคนนี้ที่อยู่ในเขตแดนกึ่งปลุกพลังได้สั่งการกองกำลังทั้งหลายโถมเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างปราณี
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาก่อนที่จะโบกมือของเขาส่งเปลวเพลิงหยางบริสุทธิ์ออกไปโอบร่างของอีกฝ่ายเอาไว้
“อ๊ากกก ~~! ”
ชายชราส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างน่าสยดสยองระหว่างที่กำลังพยายามดิ้นรนอย่างเปล่าประโยชน์ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนกลายเป็นผุยผงไป
“ท่านผู้อาวุโส ! ”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญพากันส่งเสียงออกมาหลังจากที่ได้เห็นภาพของชายชราแปรเปลี่ยนกลายเป็นกองเพลิงด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุด
เป็นเพราะว่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งปลุกพลังกลับ….ถูกสังหารลงได้ง่ายๆแบบนี้ !
ตอนที่ 1348
ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งปลุกพลังกลับถูกหลินเทียนสังหารลงได้ง่ายๆนี่ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายพากันแสดงสีหน้าที่หวาดผวาออกมาตามๆกันโดยทันที
“ไม่ต้องกลัวมันไป รัศมีของข้าส่องประกายไปทุกสารทิศ ไม่มีผู้ใดสามารถขวางทางของข้าได้ ! ”
ชายชราคนหนึ่งที่รายล้อมไปด้วยประกายแสงได้ส่งเสียงออกมาขณะที่อักขระมากมายพุ่งเป้าไปทางหลินเทียนพลางพูดต่อว่า
“ข้าในนามพระผู้เป็นเจ้าขอลงทัณฑ์เจ้า ! ”
“ตู้มมม ~! ”
แสงสว่างอันทรงพลังปรากฏขึ้นจากรอบทิศทาง
หลังจากนั้นเองที่มันได้รวมตัวกันขึ้นกลายเป็นวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยม่านสายฟ้าอันทรงพลังและน่าสะพรึงกลัว
“ท่านอาจารย์ เจ้าพวกนี้มันคือคนของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ ! เป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของชาวตะวันตก พวกมันแข็งแกร่งมากๆ ! ”
เซียนเซียนส่งเสียงออกมา
ตู้มม ~!
ประกายแสงอันทรงพลังที่แผดออกมาจากร่างของชายชรายิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีกพร้อมๆกับกลิ่นอายทำลายล้างที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
“โลกแห่งแสง ! ”
ชายชราส่งเสียงออกมาอย่างดังพร้อมๆกับกระแทกไม้เท้าลงกับพื้นทำให้วงเวทย์สายฟ้าอันทรงพลังได้กดทับลงมาใส่ทางหลินเทียนโดยทันที
มันเป็นวงเวทย์ที่หนักหน่วงถึงขั้นสามารถสลายอากาศที่อยู่รอบทิศทางได้อย่างง่ายดาย
หลินเทียนโบกมือออกไปส่งคลื่นกระบี่สีทองอันทรงพลังพุ่งผ่านอากาศเข้าใส่ทางหน้าผากของชายชราอย่างจัง
“อ๊ากก ~!! ”
ชายชราส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างดังก่อนที่ร่างและดวงวิญญาณของเขาจะแหลกสลายหายไป
“นี่มัน…….น่ากลัวจริงๆ ! ”
เซียนเซียนถึงกับมีดวงตาที่เปล่งประกายออกมาเพราะแม้จะรู้อยู่แล้วว่าหลินเทียนนั้นแข็งแกร่งมากๆแต่การที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนปลุกพลังถูกสังหารลงได้ง่ายๆแบบนี้มันก็ยังอดทำให้นางตกตะลึงไปไม่ได้
“นี่…….”
“ท่าน…บาทหลวง ! ”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
เหล่านักบุญทั้งหลายที่ติดตามมาด้วยพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกันเพราะว่าบาทหลวงที่อยู่ในเขตแดนปลุกพลังของพวกเขาซึ่งถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในกองกำลังเหล่านี้กลับถูกศัตรูสังหารลงได้ง่ายๆ
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่กองกำลังผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบเองก็ได้แต่พากันสั่นสะท้านไปด้วยความกลัวหลังจากที่สัมผัสได้ถึงความร้ายกาจของหลินเทียนที่เปรียบเสมือนคนที่พวกเขาไม่สามารถล่วงเกินได้
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ? ทำไมดินแดนศูนย์กลางถึงได้มีผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งอยู่แบบนี้กัน ?! ”
ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งปลุกพลังของตระกูลมิลเลอร์อดส่งเสียงสั่นๆออกมาไม่ได้
“ใช้ทักษะต้องห้ามจัดการกับมันซะ ! ”
ชายคนนี้ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังเพราะแม้ว่าเขาจะอ่อนแอกว่าตัวตนระดับปลุกเมื่อครู่ทว่าก็แข็งแกร่งเป็นอันดับที่สองของทั้งกองกำลังแห่งนี้
นี่ทำให้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญกว่าเจ็ดร้อยคนพากันก้าวออกมาพร้อมทั้งส่งเสียงสวดภาวนาที่ดังกึกก้องไปทั่วพื้นที่
หลังจากนั้นเองที่มิติโดยรอบได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะปรากฏอักขระสังหารขึ้นมารายล้อมพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้
ชายชราได้ส่งเสียงอันไม่แยแสออกมาว่า
“โปรดประทานพลังให้กับข้า ด้วยพลังแห่งแสง……”
“น่ารำคาน ! ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมาขัดจังหวะของอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมทั้งแผดคลื่นพลังแห่งสัจธรรมอันเข้มข้นออกไปรอบทิศทาง
ฟึ้บบบ ~!
ประกายแสงอันศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกลบล้างสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
“อ๊ากกก ~! ”
ชายชราส่งเสียงกรีดร้องออกมาขณะที่ร่างกายของเขาค่อยๆถูกย่อยสลายหายไปและกลายเป็นเพียงผุยผงเท่านั้น
พลังแห่งสัจธรรมนี้ยังคงพุ่งผ่านออกไปบดขยี้ร่างของผู้คนทั้งหลายอย่างไม่หยุดยั้ง
กองเลือดระเบิดอยู่ทั่วพื้นที่แห่งนี้
“นี่มัน…..”
“เป็นไปไม่ได้ ! ”
“นี่มัน…เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน ? ! ”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายพากันส่งเสียงออกมาด้วยใบหน้าที่หวาดหวั่นเพราะชายคนนี้มันเป็นใครกัน ทำไมถึงได้สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งของพวกเขาลงได้ง่ายๆไม่ต่างกับตัดหญ้าเลยด้วยซ้ำ
“รีบถอยกลับเร็ว ! ”
ชายชราเขตแดนกึ่งปลุกพลังอีกคนที่สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของหลินเทียนได้ส่งเสียงออกมา
ณ ตอนนี้กองกำลังชาวตะวันตกได้แต่พากันสั่นสะท้านไปก่อนที่จะรีบหันหลังแล้วพุ่งหนีไปด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุด
“คิดจะหนี ? คิดว่าที่นี่เป็นที่ๆจะมาก็มา จะไปก็ไปได้ ? ”
หลินเทียนส่งเสียงอันทุ้มต่ำออกมา
เขาก้าวออกไปพร้อมๆกับตรามังกรที่แผดออกไปรอบทิศทางอย่างรวดเร็ว
พุฟฟ !
“พุฟฟ ~! ”
“พุฟ ! ”
กองกำลังกว่าครึ่งของพวกเขาได้ระเบิดออกกลายเป็นกองเลือดอย่างฉับพลัน
“เป็นพวกชาวตะวันตกแต่กลับกล้าคิดจะชิงเอาภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา อวดดีจริงๆเลยนะ ”
เขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาก่อนที่จะก้าวเท้าออกไป
ตรามังกรมากมายได้สั่นไหวพร้อมทั้งส่งผลให้พื้นที่โดยรอบสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
“พุฟฟ ~! ”
“พุฟ ! ”
“พุฟฟฟ ~! ”
เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่กองกำลังพากันตกตายลงโดยทันที
“แข็งแกร่งจริงๆ ! ท่านอาจารย์สุดยอดไปเลย ! ”
ดวงตาของเซียนเซียนเปล่งประกายออกมาด้วยสีหน้าที่สรรเสริญอย่างมาก
หลินเทียนก้าวเดินออกไปถึงก้าวที่สามทำให้พื้นที่โดยรอบสั่นไหวอีกครั้งก่อนที่ร่างของกองกำลังทั้งหลายจะระเบิดออกเป็นชิ้นๆ
ผู้เชี่ยวชาญหลายร้อยคนกลับเหลือรอดอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นทำให้พวกเขาได้แต่หวาดหวั่นไปเพราะไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ ?
หลินเทียนได้ก้าวที่สี่ออกไปทำให้กองกำลังกลุ่มใหญ่ระเบิดออกเป็นชิ้นๆอีกครั้ง
“ไอ้ระยำเอ้ย ! อย่าอวดดีให้มันมากไปนะ ! อีกเดี๋ยวกองกำลังที่แข็งแกร่งกว่าพวกเราก็จะตามมา นี่เป็นเพียงการรุกรานระลอกแรกเท่านั้น พวกเจ้าจะต้องถูกกวาดล้างจนสิ้นซาก ! ”
ผู้เชี่ยวชาญของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งเสียงออกมา
“เดี๋ยวข้าก็จะส่งพวกมันตามไปอยู่กับพวกเจ้าอยู่ดีนั่นแหละ ”
หลินเทียนตอบกลับพร้อมทั้งก้าวเท้าที่ห้าออกไป
พุฟฟ ~!
พุฟ !
พุฟฟ !
เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายพากันแหลกสลายกลายเป็นกองเลือดกันทั้งหมด
นี่ทำให้สถานที่แห่งนี้ได้กลับสู่ความสงบอีกครั้งและเหลือเอาไว้เพียงกองเลือดที่เจิ่งนองไปทั่วทิศทาง
“ท่านอาจารย์แข็งแกร่งสุดๆไปเลย ”
เซียนเซียนส่งเสียงออกมา
“ไม่ได้ลำบากอะไรเลย ”
หลินเทียนตอบกลับเพราะว่ากลุ่มผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นเพียงเขตแดนปลุกพลังเท่านั้น สำหรับเขาแล้วมันไม่ได้ต่างไปจากมดด้วยซ้ำ
เขาได้หันมองออกไปทางขุนเขาคุนหลุนเล็กน้อยก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินจากไป
“ไปกัน ”
เขาหันไปพูดกับเซียนเซียนและพยัคฆ์ขาวที่อยู่ด้านหลัง
“รุกรานชาวตะวันตก ! ท่านอาจารย์สุดยอดไปเลย ! ”
เซียนเซียนได้ส่งเสียงอันตื่นเต้นออกมาอย่างดัง
เป็นเพราะว่าผู้บ่มเพาะของทางตะวันตกนั้นรุกรานเข้ามายังดินแดนศูนย์กลางหลายต่อหลายครั้งแถมยังชิงเอาสมบัติและทำลายอาณาเขตของพวกเขาไปมากมายดังนั้นการที่กองกำลังเหล่านี้ได้ถูกสังหารไปก็ช่วยให้คลายความโกรธแค้นลงได้บ้างแต่การที่หลินเทียนจะรุกรานไปยังดินแดนตะวันตกนี้ก็ทำให้เลือดทั้งตัวสูบฉีดอย่างบ้าคลั่ง
“หากว่ามาดีพวกเราก็ยินดีต้อนรับแต่หากว่ามาร้ายก็ฆ่าทิ้งซะให้หมด ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
น้ำเสียงของเขาฟังดูราบเรียบขณะที่มุ่งหน้าออกไปยังทิศตะวันตกอย่างรวดเร็ว
ไม่นานพวกเขาก็ได้ไปถึงที่พรมแดนของดินแดนแห่งนี้ก่อนที่มิติตรงหน้าจะสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมๆกับกลิ่นอายทำลายล้างที่ทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ปรากฏร่างของผู้คนนับพันขึ้นมาซึ่งในหมู่พวกเขามีแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญเขตแดนปลุกพลังตอนปลายอยู่ด้วย
กองกำลังรุกรานระลอกที่สองได้มาถึงแล้ว !
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาขณะที่โบกมือฟาดฟันคลื่นกระบี่สีทองออกไป
“แกร๊ง ~~! ”
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ร่างนับพันได้ระเบิดออกพร้อมๆกับกองเลือดที่สาดกระจายออกไปรอบทิศทาง
เพียงแค่การโจมตีเดียวแต่กลับทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดตกตายลงอย่างสมบูรณ์
“เฮือก…. ”
เซียนเซียนถึงกับสูดหายใจเข้าลึกเพราะว่าการโจมตีที่สามารถสังหารผู้คนมากมายรวมถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนปลุกพลังตอนปลายหลายคนได้ในพริบตานี่มันทำให้นางได้แต่โง่งมไปทันที
“ไปกัน ”
หลินเทียนได้ส่งเสียงออกมา
ระหว่างที่กำลังเดินทางออกไปก็บังเอิญได้พบกับกองกำลังรุกรานระลอกที่สามที่มีคนกว่าสองพันคน
แน่นอนว่าหลินเทียนไม่ได้เสียเวลาแม้แต่น้อยก่อนที่จะส่งการโจมตีสังหารออกไปอย่างไม่ปราณี
“อ๊ากก ~~~! ”
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างดัง
“คนของดินแดนศูนย์กลาง ! ”
“เจ้า………”
“ไม่ ! ”
พวกเขาแต่ละคนได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความรู้สึกที่หวาดหวั่นถึงขีดสุด
ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนปลุกพลังทั้งหลายส่งจิตสัมผัสอันทรงพลังพุ่งผ่านม่านฟ้าออกไปยังสถานที่ๆห่างไกลออกไปก่อนที่จะตกตายลง
หลินเทียนได้หันมองไปยังคลื่นจิตสัมผัสเหล่านั้นโดยที่ไม่ได้ขัดขวางอะไรพร้อมทั้งฟาดฟันกระบี่เข้าใส่ทางศัตรูตรงหน้าต่อไป
พุฟฟ !
พุฟ !
พุฟฟฟ !
กองเลือดระเบิดออกไปรอบทิศทางขณะที่เสียงกรีดร้องระงมถูกส่งออกมาไม่หยุดก่อนที่กองกำลังทั้งหมดจะตกตายลง
หลินเทียนได้กวาดสายตาออกไปยังสถานที่ๆโชกไปด้วยเลือดก่อนที่จะก้าวผ่านออกไป
……………..
โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ในดินแดนตะวันตก
“ว่าไงนะ ?! กองกำลังทั้งหมดได้ถูกสังหารโดยรุ่นเยาว์เพียงแค่คนเดียว ?! ”
ผู้มีอำนาจภายในโบสถ์ที่ได้รับข่าวนี้ถึงกับลุกขึ้นจากที่นั่ง
เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างมากทว่าตอนนี้ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยสีหน้าที่น่าเกลียดอย่างมากขณะที่กลิ่นอายทำลายล้างส่งผลให้มิติโดยรอบบิดตัวอย่างรุนแรง
“ท่าน……หัวหน้าบาทหลวง….เองก็ ”
ผู้เชี่ยวชาญส่งเสียงอันสั่นกลัวออกมา
เป็นเพราะว่าไม่นานมานี้กองกำลังรุกรานระลอกที่สามได้ส่งคลื่นจิตสัมผัสกลับมาที่นี่พร้อมทั้งปรากฏภาพที่เลือนรางของหลินเทียนขณะที่สังหารผู้คนจึงรีบมารายงาน
“ระยำเอ้ย ! มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ! ”
ผู้มีอำนาจส่งเสียงออกมาด้วยความโกรธ
นี่ทำให้เขาหันหลังแล้วเดินหายเข้าไปภายในพื้นที่ส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว
ไม่นานข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วพื้นที่ดินแดนตะวันตก
“กองกำลังรุกรานที่สามเองก็ยัง…….ถูกสังหารโดยผู้เชี่ยวชาญหนุ่มทั้งหมด ?! นี่มัน…….”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ได้ยินมาว่าในกองกำลังที่สามนั้นมีแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญเขตแดนปลุกพลังตอนปลาย ! แต่ละคนเองก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งอย่างมาก มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
“ข้าได้ยินมาว่ามันกำลังมุ่งหน้ามายังดินแดนแห่งนี้ ! ”
“ว่าไงนะ?! ฆ่าล้างกองกำลังของเราแล้วยังกล้ามาที่นี่ ?! ”
“อวดดีเกินไปแล้ว ! นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ ! ”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายพากันส่งเสียงที่ตกตะลึงออกมา
หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้รับรู้ข่าวที่ว่ากองกำลังทั้งสามอาจจะถูกกวาดล้างโดยชายคนเดียวกัน
“ไอ้ระยำเอ้ย ! มันอวดดีจริงๆเลยนะที่กล้าล่วงเกินพวกเรา ! ”
เสียงคำรามด้วยความโกรธถูกส่งออกมาอย่างดัง
………..
ในตอนนี้หลินเทียนและคนอื่นๆเองก็ได้ย่ำลงบนพื้นที่ดินแดนตะวันตกแล้วเช่นเดียวกัน
“ท่านอาจารย์ เราจะไปที่ไหนกันก่อน ? ”
ถูเซียนเซียนได้ถามออกมา
“กรุงเอเธนส์ ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่าที่นั่นเป็นหนึ่งในเมืองแห่งการบ่มเพาะอันขึ้นชื่อแถมยังเต็มไปด้วยตำนานมากมาย
เป็นเพราะว่าระยะทางระหว่างจุดที่เขาอยู่กับกรุงเอเธนส์ไม่ได้ไกลกันมากนักซึ่งที่นั่นเป็นที่ตั้งของตระกูลอาเทอร์และตระกูลมิลเลอร์ที่แข็งแกร่งซึ่งเข้าร่วมการรุกรานในครั้งนี้จึงวางแผนไปเยี่ยมเสียหน่อย
ตอนที่ 1349
กรุงเอเธนส์นั้นตั้งอยู่ในประเทศกรีซซึ่งถือเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยเมืองเก่าแก่ที่เป็นตำนานมากมาย
หลินเทียนได้เดินทางเข้าไปภายในกรุงเอเธนส์พร้อมๆกับเซียนเซียนและพยัคฆ์ขาวอย่างรวดเร็วก่อนที่จะไปถึงตรงหน้าปราสาทขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
เมื่อมองเข้าไปแล้วจะพบว่ามันกินพื้นที่กว้างอย่างมากแถมยังส่งกลิ่นอายที่น่าเกรงขามออกมาอย่างเข้มข้น
“สืบเชื้อสายกันมาอย่างยาวนานจริงๆ ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่ากลิ่นอายแห่งความเก่าแก่ของสถานที่แห่งนี้มันบ่งบอกได้เลยว่าอย่างน้อยๆก็คงอยู่มาไม่ต่ำกว่าแสนปี
เขาได้แต่ยืนอยู่กับที่อยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะก้าวออกไปด้านหน้า
“ท่านมีเรื่องอะไรมิทราบ ? ที่นี่จำกัดการเข้าถึงนะ ”
ยามเฝ้าที่อยู่ด้านนอกปราสาทได้ส่งเสียงออกมาหลังจากที่เห็นว่าหลินเทียนได้เดินเข้ามาใกล้สถานที่แห่งนี้
หลินเทียนเองก็ตระหนักดีว่าคนเหล่านี้นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญแถมยังอยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะ
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อขณะที่ดวงตาของเขาส่องประกายแสงออกมาทำให้อีกฝ่ายได้แต่แข็งค้างไปก่อนที่จะก้าวเดินผ่านเข้าไปภายในโดยที่ไม่มีใครกล้าขวางทางของเขา
ไม่นานเขาก็ได้เดินเข้าไปถึงภายในปราสาทของตระกูลอาเทอร์อย่างรวดเร็ว
ภายในสถานที่แห่งนี้มีพื้นที่กว้างอย่างมากแถมยังอัดแน่นไปด้วยพลังฉีอันเข้มข้น
“ใครกัน ?! ”
เหล่าศิษย์ของตระกูลที่สัญจรไปมาและบังเอิญพบกับหลินเทียนที่กำลังเดินทอดน่องอยู่ภายในปราสาทแห่งนี้ได้ส่งเสียงออกมา
อย่างไรก็ตามสีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงก่อนที่จะก้าวถอยหลังกลับไปหลังจากที่เห็นใบหน้าของหลินเทียน
“เป็น….เจ้า ! ”
ชายคนนี้ได้ชี้ออกไปทางหลินเทียนด้วยร่างกายที่อดสั่นไปไม่ได้
เป็นเพราะไม่นานมานี้มีข่าวจากโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่แพร่สะพัดไปทั่วว่ามีคนจากดินแดนศูนย์กลางได้สังหารกองกำลังรุกรานของพวกเขาทั้งหมดไปดังนั้นเมื่อได้เห็นหน้าของหลินเทียนแล้วศิษย์คนนี้ถึงได้นึกออกได้ทันที
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ศิษย์ทั้งหลายเองก็ต่างพากันหันมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“เจ้า……กล้าบุกเข้ามาภายในตระกูลของพวกเรางั้นรึ ! ”
พวกเขาพากันส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธ
ศิษย์ทั้งหลายต่างพากันส่งเสียงออกมาด้วยกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาเพราะหลายๆคนนั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนผู้รอบรู้ทั้งหมดซึ่งถือว่าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งสำหรับโลกใบนี้มากๆ
พวกเขาต่างพากันจ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่ดุร้ายและอัดแน่นไปด้วยจิตสังหาร
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะแข็งแกร่งถึงขั้นสามารถสังหารทั้งกองกำลังได้ด้วยตัวคนเดียว ! ”
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญเขตแดนผู้รอบรู้ตอนปลายส่งเสียงออกมาอย่างดังพลางฟาดฟันกระบี่เข้าใส่ทางหลินเทียน
แกร๊ง ! เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ทักษะอันทรงพลังฟาดฟันเพื่อหมายที่จะเอาชีวิตของเขา
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ขณะที่คลื่นกระบี่และร่างกายของผู้โจมตีแหลกสลายหายไปกลายเป็นเพียงกองเลือดเท่านั้น
นี่ทำให้ผู้คนทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้พากันสั่นกลัวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“เจ้า……กล้าสังหารคนภายในตระกูลของพวกเรางั้นรึ ! ”
“ไอ้ปีศาจ ! ”
“เจ้าจะต้องถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ ! ”
ศิษย์ทั้งหลายพากันส่งเสียงออกมา
เซียนเซียนถึงกับแสยะยิ้มออกมาพลางพูดว่า
“พวกเจ้ามันหน้าไม่อายหรือไงกัน ? บุกไปยังดินแดนศูนย์กลางของพวกเราเพื่อรุกรานเองดังนั้นการที่เราทำแบบนี้ก็มีแต่ต้องโทษตัวเองทั้งนั้น ยังกล้าพูดว่าจะได้รับทัณฑ์สวรรค์อีกงั้นรึ ?! ”
“แม่หนูน้อยยังอ่อนประสบการณ์สินะ ต้องรู้ก่อนนะว่าพวกคนชั่วๆมันมักจะมีนิสัยแบบๆเดียวกันนี่แหละ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
หลินเทียนไม่ได้พูดอะไรพลางแผดกลิ่นอายอันทรงพลังออกไปรอบทิศทาง
ตึ้งงง ~!
เสียงนี้ถูกส่งออกมาขณะที่ศิษย์ทั้งหลายต่างพากันถูกกระแทกปลิวออกไปไกล
หลายๆคนถึงกับกระอักเลือดออกมาคำโตด้วยใบหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุด
“รีบ..ไปรายงานท่านผู้นำตระกูลและผู้อาวุโสเร็ว ! ไอ้ปีศาจจากดินแดนศูนย์กลางมันบุกมาที่นี่แล้ว ! ”
หลายๆคนส่งเสียงออกมา
“ว่าใครเป็นปีศาจกันนะ ?! พวกเจ้านั่นแหละปีศาจ ตระกูลเจ้านั่นแหละปีศาจ ! ”
เซียนเซียนส่งเสียงออกมาพลางฟาดฟันกระบี่เข้าใส่ทางศีรษะของศิษย์คนนั้น
นางนั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนวิญญาณนิรันด์ที่มีพรสวรรค์อย่างมากทำให้ศิษย์ธรรมดาเหล่านี้ไม่มีทางเลยที่จะสามารถต่อต้านนางได้
“เรียกเอาสาวงามที่สุดของพวกเจ้าออกมาต้อนรับปู่เสือเดี๋ยวนี้ ! ข้าต้องการจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนาง ! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่าระหว่างทางที่เดินทางมาที่นี่มันก็ได้เรียนรู้วัฒนะธรรมใหม่ๆรวมถึงคำพูดของคนในยุคนี้
นี่ทำให้ศิษย์ทั้งหลายพากันสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธถึงขีดสุด
“พวกเจ้า……รอก่อนเถอะ ! ”
หนึ่งในผู้คนส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งรีบพุ่งเข้าไปภายในพื้นที่ส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่โดยที่ไม่ได้ขยับไปไหนแม้แต่น้อย
“เออนี่เจ้าหนู ข้าจะบอกไว้ก่อนเลยนะว่าพวกมันเป็นตระกูลที่สืบเชื้อสายกันมาอย่างยาวนานทำให้มีไพ่ตายอยู่มากมาย เจ้ามั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับมันได้ ? ”
พยัคฆ์ขาวได้ส่งเสียงออกมา
“ไม่ต้องกังวลไป ”
หลินเทียนตอบกลับ
เขาในตอนนี้สังหารผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจ้าวสวรรค์มาแล้วมามากดังนั้นสำหรับเขาแล้วตระกูลนี้มันไม่อยู่ในสายตาของเขาด้วยซ้ำ
เขายังคงยืนอยู่กับที่อยู่พักหนึ่งก่อนที่ร่างหลายร่างจะพากันพุ่งออกมาจากพื้นที่ส่วนลึกด้วยร่างกายที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายอันทรงพลังและมีชายวัยกลางคนเขตแดนกึ่งปรินิพพานเป็นผู้นำส่วนชายชราทั้งหลายที่อยู่เบื้องหลังเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าตอนปลายกันทั้งหมด
“ท่านผู้นำตระกูล ท่านผู้อาวุโส ! ”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่เห็นเช่นนั้นจึงพากันส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ
นี่ทำให้สายตาของพวกเขาพากันจับจ้องไปทางหลินเทียนด้วยความดุร้ายโดยทันที
“ไอ้คนจากดินแดนศูนย์กลาง เจ้าอวดดีไม่เบาหนิ ! ”
ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่หน้าสุดซึ่งเป็นผู้นำตระกูลในรุ่นนี้ได้ส่งเสียงออกมา
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่อีกแปดคนที่เหลือก็ต่างพาจ้องมองมาทางเขาด้วยสายตาที่ดุร้าย
หลินเทียนหันมองออกไปก่อนที่จะหยุดอยู่ที่ร่างของผู้นำตระกูลแล้วพูดว่า
“แล้วการที่พวกเจ้าส่งกองกำลังรุกรานไปยังดินแดนศูนย์กลางล่ะ ? อยากจะตายกัน ? หรืออยากถูกฆ่าล้างตระกูลไหม ? ”
น้ำเสียงของเขาฟังดูราบเรียบแต่กลับทำให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างพากันแสดงสีหน้าที่โกรธจัดถึงขีดสุดออกมา
“อวดดีนักนะ ! กล้าพูดแบบนี้กับท่านผู้นำตระกูลงั้นรึ ! ”
“ไอ้คนสามหาว ! ”
“ฆ่ามันเลย ! ”
ศิษย์ทั้งหลายพากันส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง
หลินเทียนที่ยังคงยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่ราบเรียบได้พูดต่อว่า
“จิ้งจอกน้อย ฆ่าทุกคนที่ส่งเสียงออกมาให้หมด ”
“ได้ค่ะท่านอาจารย์ ”
เซียนเซียนตอบรับพร้อมทั้งฟาดฟันกระบี่อันทรงพลังเข้าใส่ทางศิษย์ทั้งหลายที่ส่งเสียงออกมาทั้งหมด
นี่ทำให้เลือดมากมายสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่เหล่าศิษย์พากันตกตายลงตามๆกัน
“อ๊ากก !! ”
“ระยำเอ้ย ! ”
“ช่วยเราด้วยท่านผู้นำตระกูล ! ”
แม้ว่าศิษย์เหล่านี้จะแข็งแกร่งไม่ธรรมดาทว่าหากเทียบกับเซียนเซียนแล้วมันยังห่างชั้นกันอยู่มากทำให้ทุกคนล้วนแล้วแต่ตกตายลงภายใต้คมกระบี่ของนางอย่างรวดเร็ว
“รนหาที่ตายนักนะ ! ”
ดวงตาของผู้นำตระกูลส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาพร้อมทั้งก้าวเดินออกไปแล้วซัดการโจมตีเข้าใส่ทางเซียนเซียน
ทว่ามันเป็นตอนนี้เองที่เสียงตบดังสนั่นหวั่นไหวได้ถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของผู้นำตระกูลที่เพิ่งก้าวออกมาได้ลอยเคว้งออกไปไกล
นี่ทำให้ผู้คนทั้งหมดภายในสถานที่แห่งนี้ต่างพากันแสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมาตามๆกัน
“ท่านผู้นำตระกูล ! ”
เป็นเพราะว่าผู้นำตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขากลับถูกตบปลิวไปง่ายๆแบบนี้ !
แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าทั้งแปดคนเองก็ยังมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงออกมาขณะที่หันมองไปทางหลินเทียนว่า
“เป็นฝีมือของเจ้า ?! เจ้ากล้า…….”
เพรี้ย !
เสียงตบดังสนั่นถูกส่งออกมาอีกครั้งขณะที่ผู้พูดลอยเคว้งออกไปไกลโดยที่ยังไม่ทันจะได้พูดจบด้วยซ้ำ
นี่ทำให้ศิษย์ทั้งหลายได้แต่ผวาไปโดยที่หลายๆคนเองถึงขั้นที่สั่นไม่หยุด
“นี่……..”
พวกเขารู้ดีอยู่แล้วว่ามันเป็นฝีมือของหลินเทียนทว่ากลับไม่มีใครมองเห็นการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย พวกเขาล้วนเห็นว่าหลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่โดยที่ไม่ได้ขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำ
“เจ้าหนู ! ปู่เสือเองก็ไม่เห็นเจ้าเคลื่อนไหวเลยนะ ! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมาเพราะมันเองก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนปรินิพพานระดับ 6 แล้วแต่กลับไม่สามารถมองตามการเคลื่อนไหวของหลินเทียนได้ทัน
มันเป็นความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก
ผู้นำตระกูลที่อยู่ห่างออกไปได้พยุงตัวเองกลับขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงและดุร้ายถึงขีดสุด
“”
“แข็งแกร่งจริงๆ ดูเหมือนว่ากองกำลังทั้งหมดจะตกตายลงด้วยเงื้อมมือของเจ้าสินะ ! อย่างไรก็ตามเจ้าคิดว่าที่นี่คือที่ไหนกัน กล้าก้าวย่ำเข้ามาแบบนี้ต่อให้เจ้ามีความสามารถขนาดไหนก็ต้องตายอยู่ดี ! ”
เขาส่งเสียงออกมาพร้อมๆกับประสานมือเข้าหากัน
ไม่นานตัวปราสาทก็ได้สั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมๆกับปรากฏอักขระขึ้นมากมายรายล้อมพื้นที่แห่งนี้เอาไว้พร้อมสร้างเป็นลำแสงสังหารอันทรงพลังขึ้นนับไม่ถ้วน
“ข่ายอาคมสังหารเขตแดนจักรพรรดิโกลาหล ! ”
สีหน้าของพยัคฆ์ขาวเปลี่ยนไปโดยทันที
เซียนเซียนที่เพิ่งสังหารเหล่าศิษย์ทั้งหลายไปเองก็มีสีหน้าที่ตกตะลึงไม่ต่างกัน
“ตู้มม ~! ”
มิติโดยรอบได้สั่นไหวก่อนที่ลำแสงสังหารอันทรงพลังจะเปลี่ยนสีของม่านฟ้าไปทันที
“ข่ายอาคมสังหาร ! ”
“ข่ายอาคมพิทักษ์ตระกูลเรา ! ”
“เมื่ออยู่ต่อหน้าข่ายอาคมของเราแล้วมันก็เป็นเพียงแค่ฝุ่นผงเท่านั้นแหละ ! ”
เหล่าศิษย์พากันส่งเสียงออกมาอย่างตื่นเต้น
เป็นเพราะตระกูลของพวกเขาสืบเชื้อสายกันมาอย่างยาวนานทำให้มีผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลได้วางข่ายอาคมสังหารครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของตระกูลเอาไว้ด้วยพลังทำลายที่บดขยี้มิติโดยรอบได้อย่างง่ายดาย
“เมื่ออยู่ต่อหน้ามันแล้วเจ้ามันก็แค่เถ้าธุลีเท่านั้น ! ”
ผู้นำตระกูลส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา
เมื่อสิ้นสุดคำพูดแล้วอักขระก็ได้สั่นไหวก่อนที่ลำแสงสังหารมากมายจะกดทับเข้าใส่ทางหลินเทียนจากรอบทิศทาง
มิติโดยรอบถูกลบหายไปอย่างฉับพลัน
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสแม้แต่น้อยพลางยื่นมือออกไปรับเอาไว้เบาๆ
เสียงปริแตกถูกส่งออกมาจากพื้นที่โดยรอบขณะที่ข่ายอาคมทั้งหลายแตกร้าวและสลายหายไปขณะที่ลำแสงสังหารทั้งหมดถูกบดขยี้ลงอย่างสมบูรณ์
ตอนที่ 1350
หลังจากที่ทำลายการโจมตีทั้งหมดไปแล้วสถานการณ์ภายในสถานที่แห่งนี้ก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง
นี่ทำให้ทุกคนที่อยู่โดยรอบต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงโดยทันที
“นี่มัน……….สุดยอดไปเลย ! ท่านอาจารย์แข็งแกร่งสุดๆ ! ”
เซียนเซียนส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง
เป็นเพราะว่าข่ายอาคมสังหารเขตแดนจักรพรรดินั้นมันครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดนี้เอาไว้ทว่ากลับถูกทำลายลงได้ง่ายๆแบบนี้
พยัคฆ์ขาวเองก็อดสั่นไปด้วยความกลัวไม่ได้
เหล่าผู้คนภายในตระกูลทั้งหลายต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“นี่มัน…….เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
พวกเขาพากันส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่าข่ายอาคมพิทักษ์อันแข็งแกร่งของพวกเขากลับถูกทำลายลงได้ง่ายๆแบบนี้นี่มันเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากมากๆ
อย่างไรก็ตามแม้จะยอมรับได้ยากแต่มันก็คือความจริงที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขา
“ระยำเอ้ย ! ”
ผู้นำตระกูลส่งเสียงอันโกรธจัดออกมา
ข่ายอาคมสังหารเขตแดนจักรพรรดินั้นมีความสำคัญอย่างใหญ่หลวงทว่าตอนนี้กลับถูกทำลายลงแล้วมันถือเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เลยก็ว่าได้
“ทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณดาบศักดิ์สิทธิ์ออกมาสังหารมัน ! ”
หนึ่งในผู้อาวุโสส่งเสียงออกมา
“ฆ่ามัน ! ”
หลายๆคนเองก็พากันส่งเสียงออกมาแบบเดียวกัน
“ต้องฆ่ามันให้ได้ ”
ผู้นำตระกูลส่งเสียงคำรามอย่างดัง
นี่ทำให้เขาและคนอื่นๆพากันท่องบทสวดภวนาออกมาพร้อมๆกันด้วยสีหน้าที่ดุร้ายถึงขีดสุด
หลังจากนั้นเองที่ทั้งตัวปราสาทได้เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมๆกับกลิ่นอายทำลายล้างอันหนักหน่วงที่แผดออกมาจากส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ก่อนที่จะปรากฏดาบหินที่มีความยาวสองฟุตรายล้อมไปด้วยอักขระอันทรงพลัง
“มีอะไรกัน ? ”
น้ำเสียงอันราบเรียบถูกส่งออกมาจากมัน
ตัวดาบรายล้อมไปด้วยประกายแสงสีดำอัดแน่นไปด้วยพลังปีศาจอันเข้มข้น
“ท่านดาบศักดิ์สิทธิ์ ไอ้พวกคนจากดินแดนศูนย์กลางมันได้บุกรุกเข้ามาภายในตระกูลของเราแถมยังทำลายข่ายอาคมสังหารเขตแดนจักรพรรดิไป ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย ! ”
ผู้นำตระกูลได้คุกเข่าลงก่อนที่จะทำความเคารพอย่างจริงจังเสมือนว่ากำลังคำนับให้กับทวยเทพ
“ได้โปรดช่วยสังหารศัตรูของพวกเราด้วย ! ”
ผู้อาวุโสและศิษย์ทั้งหลายเองก็พากันทำความเคารพออกมา
ดาบปีศาจที่รายล้อมไปด้วยกลิ่นอายอันเข้มข้นได้หันมองไปทางหลินเทียนเสมือนว่ามีดวงตาเป็นของตัวเอง
“การที่สามารถทำลายข่ายอาคมสังหารได้นี่ก็พอใช้ได้ ดวงวิญญาณของเจ้าต้องพอมีประโยชน์ไม่น้อย ”
มันได้ส่งเสียงอันราบเรียบออกมาเสมือนดั่งเสียงของเทพปีศาจ
คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้กวาดออกไปรอบทิศทางทำให้มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปโดยทันที
พยัคฆ์ขาวได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุดออกมา
เซียนเซียนเองก็อดคอหดไปไม่ได้พร้อมทั้งส่งเสียงกระซิบออกมาว่า
“ท่านอาจารย์สามารถจัดการดาบเล่มนี้ได้ไหมคะ ? ”
แม้ว่านางจะอยู่ในเขตแดนวิญญาณนิรันด์ทว่าก็ตระหนักได้ถึงความร้ายกาจของอาวุธนี้ดีเนื่องจากมันอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายจักรพรรดิที่เข้มข้นถึงขั้นทำให้ดวงวิญญาณของนางสั่นไหวและพร้อมจะแหลกสลายไปได้ทุกเมื่อ
“เศษหินเท่านั้นแหละ ข้าจะทำลายวิญญาณของมันแล้วยกให้เจ้าไปเป็นที่ตะใบเล็บแล้วกัน ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
คำพูดนี้ทำให้ผู้คนทั้งสถานที่แห่งนี้พากันแสดงสีหน้าที่โกรธจัดออกมาตามๆกัน
“อวดดีนักนะ ! ”
“กล้าสามหาวต่อหน้าวิญญาณเทพของตระกูลเรางั้นรึ ! ”
“ต้องฆ่าล้างตระกูลมันให้หมด ! ”
เหล่าศิษย์พากันส่งเสียงออกมา
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ดาบศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งเสียงแสยะอันเย็นยะเยือกออกมาขณะที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้กวาดออกไปรอบทิศทาง
“ไอ้เด็กอวดดี ”
มันส่งเสียงอันเย็นชาออกมา
หลินเทียนไม่พูดพร่ำทำเพลงพร้อมทั้งโบกมือซ้ายออกไปคว้าร่างของมันเอาไว้ในมือ
นี่ทำให้ตัวดาบได้แต่สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่มันส่งเสียงอันตกตะลึงออกมาว่า
“เจ้า….ปล่อยข้า ! ”
มันส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังขณะที่พลังปีศาจอันเข้มข้นระเบิดออกมาเพื่อพยายามจะดิ้นให้หลุดออกจากมือของหลินเทียน
ทว่าไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ยังเปล่าประโยชน์เพราะมือของหลินเทียนยังคงจับเอาไว้แน่นเสมือนดั่งอาวุธสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ว่าจะต่อต้านอย่างไรก็ไม่สามารถดิ้นหลุดได้
หลินเทียนจับมันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งตวัดนิ้วเข้าใส่มันเล็กน้อยขณะที่วงเวทย์หยินหยางผสานเข้ากับตัวดาบ
อ๊ากกก~!
เสียงกรีดร้องโหยหวนถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องก่อนที่ตัวดาบจะสงบลงในไม่ช้า
เป็นเพราะดวงวิญญาณที่อยู่ภายในได้ถูกทำลายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว
“เอาไปตะใบเล็บแล้วกัน ”
หลินเทียนพูดออกมาก่อนที่จะโบกมือโยนมันให้กับเซียนเซียน
เซียนเซียนที่รับดาบนี้เอาไว้ได้แต่สั่นสะท้านไปทั้งตัวถึงขั้นที่เกือบจะทำมันหลุดมือไป
เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้หลินเทียนเพิ่งพูดว่าจะทำลายวิญญาณมันแล้วยกให้นางเพื่อใช้ตะใบเล็บแต่ไม่คิดเลยว่าจะสามารถทำลายมันได้ง่ายๆแบบนี้
นางได้แต่จ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและไม่อยากจะเชื่อ
มันเป็นเพราะว่านี่คือดวงวิญญาณอาวุธสวรรค์ทว่ากลับถูกหลินเทียนขจัดไปได้อย่างง่ายดายแบบนี้
นี่มันต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกันถึงจะทำได้ขนาดนี้ ?!
“นี่…..ให้ข้าจริงๆ ?”
ดวงตาของนางยังคงเป็นประกายออกมาขณะที่ถามออกไปอย่างระมัดระวังเพราะถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่อาวุธสมบัติธรรมดาๆทว่าเป็นอาวุธระดับเขตแดนจักรพรรดิอย่างอาวุธสวรรค์ที่แม้ดวงวิญญาณจะถูกทำลายไปแต่ก็ยังอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายเพียงแค่ไม่สามารถใช้ความสามารถหลักของมันได้เท่านั้น
หลินเทียนพยักหน้าของเขาและไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะสำหรับเขาแล้วอาวุธสวรรค์ขั้นต้นมันก็ไม่ได้ถือว่ามีค่าด้วยซ้ำ
เซียนเซียนได้ส่งเสียงออกมาด้วยท่าทางที่มีความสุขอย่างมากว่า
“ขอบคุณค่ะท่านอาจารย์ ! ”
นางถือมันเอาไว้อย่างระมัดระวังเพราะว่ามูลค่าของมันนั้นไม่สามารถประเมินค่าได้เลยด้วยซ้ำ
พยัคฆ์ขาวที่กำลังจ้องมองด้วยความตกตะลึงได้ส่งเสียงโห่ร้องออกมาว่า
“ไอ้หนูไม่เท่าเทียมเลย ! ข้าเองก็อยากได้เหมือนกัน ! ”
หลินเทียนได้หันมองไปทางมันก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“รีบร้อนไปทำไมกัน ยังมีตระกูลมิลเลอร์อยู่อีกนะ ไม่ใช่ว่ามันมีกระบองจักรพรรดิอยู่หรือไง เดี๋ยวข้าค่อยไปชิงมาให้เจ้าแล้วกัน ”
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้หันมองกลับไปทางคนอื่นๆ
“เจ้า…..”
ผู้นำตระกูลได้แต่สั่นสะท้านไปไม่หยุดขณะที่ผู้อาวุโสและเหล่าศิษย์พากันแสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมา
อาวุธสวรรค์ที่เป็นไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขากลับถูกชิงไปได้ง่ายๆแบบนี้ !
นี่มันไม่ต่างกับฝันร้ายเลยด้วยซ้ำ !
“เจ้า….คิดจะทำอะไรกันแน่ ?! ”
เมื่อเห็นว่าหลินเทียนกำลังก้าวเดินเข้ามาก็ทำให้ผู้นำตระกูลรีบก้าวถอยหลังกลับไปด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นอย่างมาก
หลินเทียนยกมือของเขาขึ้นมาพร้อมทั้งพูดว่า
“พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไรในการรุกรานดินแดนศูนย์กลางเพื่อชิงเอาภูเขาทั้งหลาย ”
เป็นเพราะว่าเขารู้สึกประหลาดใจไปกับการกระทำของอีกฝ่ายอย่างมาก
ผู้นำตระกูลได้สั่นสะท้านไปก่อนที่จะตอบกลับว่า
“เพื่อ…….บุญสวรรค์ ! ”
“บุญสวรรค์ ? บุญอะไรกัน ? ”
คิ้วของหลินเทียนขมวดเข้าหากัน
“ไม่…ไม่รู้ ”
ผู้นำตระกูลส่งเสียงออกมา
หลินเทียนจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกยิ่งกว่าเก่าพร้อมถามต่อว่า
“ไม่รู้ ? ”
นี่ทำให้เหงื่อของผู้นำตระกูลท่วมไปทั้งตัวก่อนที่จะพูดออกมาด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุดว่า
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร ! เป็นเพราะว่ามีหัวหน้าบาทหลวงของขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์มาที่นี่และบอกว่าโลกนี้กำลังจะเปลี่ยนแปลงซึ่งภูเขาที่โด่งดังนั้นหลายนั้นคือบุญสวรรค์ดังนั้นถึงได้ต้องการให้พวกเรารวมพลังกันไปรุกรานพวกเจ้า ! ข้ารู้มาแค่นี้จริงๆ ! ”
คิ้วของหลินเทียนได้ขมวดเข้าหากันยิ่งกว่าเก่าขณะที่ส่งจิตสัมผัสออกไปอ่านความทรงจำของอีกฝ่ายและพบว่าเขาไม่ได้โกหกจริงๆ
เขาส่งเสียงแสยะออกมาก่อนที่คลื่นพลังเทวะจะซัดออกไปบดขยี้ร่างของอีกฝ่ายออกเป็นชิ้นๆ
“ท่าน…ผู้นำตระกูล ! ”
ศิษย์ทั้งหลายพากันส่งเสียงกรีดร้องออกมา
“ดินแดนศูนย์กลางมันไม่ใช่ที่ๆอยากจะรุกรานก็ทำได้ ในเมื่อเจ้ากล้ายื่นมือข้ามมาก็ต้องชดใช้ ”
หลินเทียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้โบกมือส่งคลื่นกระบี่ออกไปสังหารผู้อาวุโสทั้งหลายรวมถึงทำลายเส้นชีพจรวิญญาณที่อยู่ใต้ดินพลางสร้างวงเวทย์หยินหยางครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้
บึ้สสส ~!
วงเวทย์หยินหยางได้สั่นไหวก่อนที่ประกายแสงเจิดจรัสจะแทรกซึมเข้าไปในร่างของศิษย์ทั้งหลาย
แม้ว่าภายนอกจะไม่ได้รับความเสียหายอะไรทว่าทุกคนกลับพากันสั่นสะท้านไปตามๆกัน
“ระดับ…..พลังของข้า……”
“สลายหายไป ! พลังฉีของข้า…….หายไปหมดแล้ว ! ”
“เจ้า……ทำลายการบ่มเพาะของพวกเรา !? ”
พวกเขาพากันส่งเสียงสั่นๆออกมา
เป็นเพราะสูญเสียพลังทั้งหมดไปแถมรากฐานของตระกูลเองก็ยังถูกทำลายดังนั้นต่อให้มีสมบัติสวรรค์ก็ไม่มีทางสร้างเส้นทางบ่มเพาะให้พวกเขาได้อีก ทำให้พวกเขากลายเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น
พยัคฆ์ขาวและเซียนเซียนได้แต่ผงะไปเพราะการที่สามารถทำลายการบ่มเพาะของทุกคนที่นี่ในพริบตานั้นมันเป็นอะไรที่น่าตกตะลึงอย่างมาก
“โหดเหี้ยมดีจริงๆเจ้าหนู ! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
“โหดเหี้ยม ?! ”
หลินเทียนแสยะออกมาก่อนที่จะพูดต่อว่า
“ที่ข้าไม่ฆ่าล้างตระกูลพวกมันก็ถือเป็นความเมตตาแล้ว ”
ไม่ว่าจะเป็นโลกไหนเกียรติยศของประเทศนั้นคือทุกสิ่ง การที่อีกฝ่ายพยายามแย่งชิงเอาภูเขาที่โด่งดังทั้งหลายของดินแดนศูนย์กลางไปนั้นมันเป็นการหยามเกียรติของพวกเขา การกระทำเช่นนี้จะต้องชดใช้
“อ๊ากก ~! ”
“ไอ้ปีศาจ ! ”
“ชาติชั่ว ! ”
เหล่าศิษย์พากันส่งเสียงอันสิ้นหวังออกมา
“สมควรแล้วล่ะที่กล้าคิดรุกรานดินแดนของพวกเรา”
เซียนเซียนส่งเสียงออกมา
หลินเทียนหันมองไปเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปพูดกับนางและพยัคฆ์ขาวพร้อมทั้งหันหลังเดินจากไป
“ท่านอาจารย์ ท่านนี่สุดยอดไปเลย ”
เซียนเซียนที่กำลังกอดดาบศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ได้ส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
“แล้วอาจารย์ปู่เป็นใครกัน ? ทำไมถึงได้สามารถฝึกท่านให้แข็งแกร่งขนาดนี้ได้ ! ”
“ก็บอกแล้วว่าข้าไม่ใช่อาจารย์ของเจ้า อาจารย์ของข้าก็ไม่ใช่อาจารย์ปู่ของเจ้า ”
หลินเทียนหันมองไปทางนางพร้อมทั้งพูดว่า
“ยิ่งไปกว่านั้นคำว่าฝึกมันดูแปลกๆยังไงชอบกล ”
“ท่านอาจารย์ไม่ต้องรู้สึกเขินที่รับศิษย์ที่น่ารักแบบข้าก็ได้ ”
นางแสดงท่าทางของเด็กเสียคนออกมาอย่างหน้าด้านหน้าทน
หลินเทียนถึงกับหมดคำพูดไปและไม่ได้พูดอะไรต่อก่อนที่จะก้าวเดินออกไปยังทิศทางที่ต่างกันออกไป
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงเต็ม
ณ ตอนนี้มันเป็นตอนที่หลินเทียนได้นำเซียนเซียนและพยัคฆ์ขาวมาถึงที่ปราสาทเก่าแก่อีกหลังซึ่งคล้ายคลึงกับปราสาทของตระกูลอาเทอร์อย่างมาก
“ตระกูลมิลเลอร์ เจ้าหนูอย่าลืมล่ะว่าอาวุธสวรรค์ของมันเป็นของข้า ! ”
ดวงตาของพยัคฆ์ขาวส่องประกายออกมา
เป็นเพราะว่าตระกูลนี้เองก็เข้าร่วมการรุกรานไม่ต่างกันดังนั้นหลินเทียนถึงได้ก้าวเดินเข้าไปภายในอย่างไม่รอช้า
ตอนที่ 1351
ตระกูลมิลเลอร์และตระกูลอาเทอร์นั้นเป็นหนึ่งในขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนตะวันตกซึ่งแน่นอนว่าต้องมียามคอยเฝ้าอยู่ด้านหน้าและหลังจากที่เห็นว่าหลินเทียนกำลังเดินเข้ามาใกล้ก็ได้ก้าวออกมาพร้อมพูดว่า
“หยุดก่อน ที่นี่เป็นเขตหวงห้าม ”
“ปู่เสือและพวกพ้องมาถึงที่นี่แล้ว รีบไปแจ้งผู้นำตระกูลของเจ้าพร้อมทั้งบอกให้มันเอาอาวุธสวรรค์ออกมาด้วยล่ะ ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงอันอวดดีออกมา
นี่ทำให้สีหน้าของยามเฝ้าประตูถึงกับเปลี่ยนไปก่อนที่จะส่งเสียงออกมาว่า
“เจ้า…….”
หลินเทียนไม่พูดพร่ำทำเพลงพร้อมทั้งส่งคลื่นพลังออกไปกระแทกร่างของอีกฝ่ายปลิวออกไปไกลก่อนที่จะทำลายประตูทางเข้าของพวกเขา
นี่ทำให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่อยู่ภายในต่างตกตะลึงไปตามๆกัน
“ใครกัน ?! ใครมันกล้าทำลายประตูทางข้าวของพวกเรากัน ?! ”
“รนหาที่ตาย ! ”
“จะเป็นใครก็ช่าง มันต้องตาย ! ”
ผู้คนพากันส่งเสียงออกมาด้วยความโกรธ
อย่างไรก็ตามมันเป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่สีหน้าของพวกเขาได้เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“เจ้า ! เจ้าคนจากดินแดนศูนย์กลาง ! ”
การตอบสนองของพวกเขาไม่ได้ต่างจากเหล่าศิษย์ตระกูลอาเทอร์แม้แต่น้อย
“เจ้า……กล้าบุกมาที่นี่แถมยังกล้าทำลายประตูทางเข้าของพวกเรา ! เจ้ามันรนหาที่ตาย ! ”
พวกเขาพากันส่งเสียงออกมาด้วยความโกรธถึงขีดสุด
หลินเทียนยังคงก้าวเดินออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบขณะที่ประกายแสงสีทองกวาดออกไปรอบทิศทางพร้อมทั้งกระแทกร่างของพวกเขาปลิวออกไปไกล
หลังจากนั้นไม่นานร่างของเขาก็ได้รายล้อมไปด้วยคลื่นกระบี่สีทองอร่ามที่พุ่งผ่านเข้าไปภายในพื้นที่ส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้
ตู้มมม ~!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่ตำหนักใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในพังทลายลงมา
“ใครกัน ?! ”
น้ำเสียงเย็นชาถูกส่งออกมาอย่างดังพร้อมๆกับปรากฏร่างหลายร่างที่ส่งกลิ่นอายอันเข้มข้นออกมาซึ่งอ่อนแอที่สุดอยู่ในเขตแดนจ้าวแห่งเต๋า
“ท่านผู้นำตระกูล ท่านผู้อาวุโส ! ชายคนนี้มันเป็นคนในข่วงลือที่ฆ่าล้างกองกำลังรุกรานของพวกเราไปจนหมดขอรับ ! ”
หนึ่งในศิษย์ส่งเสียงออกมา
นี่ทำให้สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งหลายเปลี่ยนไปอย่างมากก่อนที่จะพากันจับจ้องไปยังร่างของหลินเทียนเพราะไม่คิดเลยว่าตัวตนที่กวาดล้างกองกำลังจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่
ผู้นำตระกูลได้ส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาว่า
“เจ้ากล้า…..”
“แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งทะลวงผ่านหน้าผากและดับชีวิตของเขาไปอย่างเฉียบพลัน
“ท่าน…ผู้นำตระกูล ! ”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างพากันแสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมาถึงขั้นที่สั่นไปด้วยความกลัว
เป็นเพราะว่าผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาในเขตแดนกึ่งปรินิพพานกลับถูกสังหารลงได้ง่ายๆแบบนี้
“เจ้า……..”
เหล่าผู้อาวุโสพากันส่งเสียงสั่นๆออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
“พวกเจ้าเองก็มีส่วนในการรุกรานไปยังดินแดนศูนย์กลางของข้าดังนั้นก็ต้องแบกรับการลงโทษนี้เช่นกัน ”
หลินเทียนพูดออกมา
เมื่อคำพูดของเขาได้สิ้นสุดลงนั้นคลื่นกระบี่อันทรงพลังก็ได้ส่งเสียงกู่ร้องออกมาก่อนที่ผู้อาวุโสทั้งหลายจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นกองเลือดไปโดยที่ยังไม่ทันจะได้ส่งเสียงออกมา
นี่ทำให้เหล่าศิษย์ที่อยู่โดยรอบพากันสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว
เป็นเพราะว่ากลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลพวกเขากลับถูกสังหารลงภายในชั่วพริบตาเท่านั้น
“เจ้าหนู อย่าลืมชิงเอาอาวุธสวรรค์ของมันล่ะ ! ”
หลินเทียนหันมองเข้าไปภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้ก่อนที่จะโบกมือคว้าเข้าใส่กระบองศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะทำลายดวงวิญญาณของมันแล้วโยนให้กับพยัคฆ์ขาว
มันเป็นอาวุธสวรรค์ขั้นต้นเหมือนๆกันซึ่งไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขาแม้แต่น้อย
“เจ้าหนูนี่ซื่อสัตย์ใช้ได้หนิ หลังจากนี้ข้าจะเป็นพวกเจ้าแล้วกัน ! ”
พยัคฆ์ขาวที่กำลังกำอาวุธเอาไว้ในมือได้ส่งเสียงหัวเราะออกมา
หลินเทียนหันมองออกไปก่อนที่จะโบกมือของเขาทำลายข่ายอาคมทั้งหลายรวมถึงเส้นชีพจรวิญญาณก่อนที่จะสร้างวงเวทย์หยินหยางโอบสถานที่แห่งนี้เอาไว้
ไม่นานวงเวทย์ผนึกขนาดใหญ่ก็ได้ครอบคลุมพื้นที่แถบนี้เอาไว้ทั้งหมดก่อนที่จะทำลายการบ่มเพาะของทุกคนทำให้สีหน้าของเหล่าศิษย์เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“พลังของข้า ?! การบ่มเพาะของข้า ?! ”
เหล่าศิษย์พากันส่งเสียงโห่ร้องออกมาเนื่องจากไม่สามารถสัมผัสถึงพลังฉีที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างได้แม้แต่น้อย
หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันหันมองไปทางหลินเทียนเป็นสายตาเดียวกัน
“เจ้า……ทำลายการบ่มเพาะของพวกเรา ?! ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงสั่นๆออกมา
หลินเทียนเหลือบมองพวกเขาด้วยหางตาก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าหนูน้อยตระกูลมิลเลอร์ทั้งหลาย ปู่เสือขอตัวล่ะ ไม่ต้องลำบากไปส่งนะ ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงหัวเราะออกมา
เป็นเพราะมันที่ด้ำรับอาวุธสวรรค์แบบนี้มามันมีความสุขอย่างมาก
ทว่าเหล่าศิษย์กลับมีสีหน้าที่เสมือนว่ากำลังตายทั้งเป็นด้วยใบหน้าที่สิ้นหวังถึงขีดสุดเพราะผู้นำตระกูลและผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งของพวกเขาได้ถูกสังหารไป อาวุธสวรรค์ก็ถูกชิงไปแถมข่ายอาคมสังหารเขตแดนจักรพรรดิและเส้นชีพจรวิญญาณก็ยังสลายหายไปไม่มีเหลือโดยที่พวกเขาแต่ละคนถูกทำลายการบ่มเพาะทำให้ตระกูลของพวกเขาล่มสลายลงอย่างสมบูรณ์
หลินเทียนยังคงก้าวเดินออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองแม้แต่น้อย
เขาก้าวเดินทอดน่องออกไปอย่างสบายใจก่อนที่จะออกไปจากรุงเอเธนส์แห่งนี้เพื่อมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ไม่นานเขาก็ได้ไปถึงเมืองๆหนึ่งที่เป็นที่ตั้งของขุมพลังอย่างดินแดนทมิฬและโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์
เขาได้เข้าไปภายในเมืองนี้พร้อมทั้งกวาดจิตสัมผัสอันทรงพลังออกไปโดยรอบเพื่อค้นหาที่อยู่ของทั้งสองขุมพลังอย่างรวดเร็วก่อนที่จะทำแบบเดียวกันกับสองขุมพลังก่อนหน้านี้
“ไม่ !!! ”
“การบ่มเพาะของข้า ! เอามันคืนมา ! ”
“ไอ้ปีศาจ ! เจ้ามันเป็นปีศาจ ! พระเจ้าจะต้องไม่อภัยให้เจ้าแน่ ! ”
เหล่าศิษยพากันส่งเสียงออกมาด้วยความสิ้นหวังถึงขีดสุด
หลินเทียนไม่ได้สนใจอะไรก่อนที่จะเดินนำทางพยัคฆ์ขาวและเซียนเซียนกลับออกไป
เขาออกมาจากเมืองนี้ก่อนที่จะค้นหาขุมพลังทั้งหลายที่มีส่วนร่วมในการรุกรานทั้งหมดก่อนที่จะสังหารผู้นำระดับสูงของพวกเขาแล้วทำลายการบ่มเพาะของทุกคนรวมถึงรากฐานของขุมพลังเช่นกัน
พริบตาเดียวเขาก็ได้ทำลายล้างขุมพลังไปกว่าแปดแห่ง
“ท่านอาจารย์ เราจะไปที่ไหนกันต่อ ? ”
ถูเซียนเซียนถามออกมา
“ขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์ ”
หลินเทียนพูดออกมา
“เราจะเดินไป ? มันไกลมากๆเลยนะ ”
เซียนเซียนถามต่อ
“ไม่เป็นไร เรายังมีเวลาเหลืออีกเยอะ ”
หลินเทียนพูดออกมา
เซียนเซียนพยักหน้าของนางก่อนที่จะพูดว่า
“เอาตามที่ท่านอาจารย์ว่าแล้วกัน ”
หลังจากนั้นนางก็ได้เรียกเอาหางทั้งห้าของนางออกมาพร้อมทั้งถามต่อว่า
“ท่านอาจารย์อยากลองสัมผัสดูไหมคะ ? มันนุ่มมากๆเลยนะ ”
หลินเทียน
“…………..”
เขารู้สึกหมดคำพูดอย่างมากก่อนที่จะก้าวเดินออกไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากนั้นไม่นานข่าวเรื่องที่เขาทำลายขุมพลังทั้งหลายก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วดินแดนตะวันตกแห่งนี้
“ขุม…พลังกว่าแปดแห่งถูกทำลายโดยคนๆเดียว……?! ”
“นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
“ในหมู่ขุมพลังเหล่านั้นมีแม้กระทั่งตระกูลอาเทอร์ ตระกูลมิลเลอร์ ดินแดนทมิฬและโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ว่าพวกเขาล้วนมีข่ายอาคมสังหารเขตแดนจักรพรรดิและอาวุธสวรรค์อยู่หรือไง แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรกัน ?! นี่มัน…เป็นไปไม่ได้ ! ”
ผู้เชี่ยวชาญพากันส่งเสียงออกมา
หลายๆคนที่ไม่เชื่อในข่าวนี้ถึงกับยอมเดินทางไปพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อนที่จะพบกับสภาพที่น่าสังเวชของขุมพลังต่างๆที่ผู้นำระดับสูงล้วนถูกสังหารจนสิ้นเหลือไว้เพียงซากปรักหักพัง
“ขุมพลังทั้งแปด…..ถูกทำลายแล้วจริงๆด้วย ! ”
หนึ่งในผู้คนส่งเสียงสั่นๆออกมา
“มันแข็งแกร่งขนาดนั้นเลย ?! ถึงขั้นสามารถ…….”
“ในกองกำลังรุกรานครั้งล่าสุดเองก็มีคนของขุมพลังเหล่านี้อยู่ด้วย นี่…..หรือว่าคิดจะมาล้างแค้น ?! ”
“ไม่หรอกมั้ง…..เขาคิดจะฆ่าล้างขุมพลังทั้งหมดของดินแดนตะวันตกเลยงั้นรึ ?! ”
“มันจะเกิดหายนะกับดินแดนของเรา ?! ”
“นี่มัน…….”
เหล่าผู้คนพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากเพราะไม่คิดเลยว่าดินแดนของพวกเขาจะชักนำตัวตนระดับหายนะอันใหญ่หลวงนี้มาซึ่งความแข็งแกร่งของเขาสามารถบดขยี้ขุมพลังทั้งแปดได้ภายในชั่วพริบตานี่มันสร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างใหญ่หลวงให้กับพวกเขาโดยทันที
ทันใดนั้นเองที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างพากันนอนหลับไม่เต็มอิ่ม
…………….
ภายในมิติอันลึกลับแห่งหนึ่งในดินแดนตะวันตก
ภายในสถานที่แห่งนี้มีตำหนักเก่าแก่ตั้งอยู่ใจกลางโลกใบเล็กอันกว้างใหญ่
“ว่าไงนะ ?! “
เสียงคำรามถูกส่งออกมาอย่างดัง
ภายในตำหนักแห่งนี้มีร่างคนยืนอยู่กว่าสิบคนซึ่งหลังจากที่ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับหลินเทียนแล้วสีหน้าของพวกเขาพากันตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่คิดเลยว่ามันจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ มันเกินกว่าที่พวกเราจินตนาการเอาไว้อีก ! ”
“การที่พวกมันตกตายลงแบบนี้มันสิ้นเปลืองดวงวิญญาณโลหิตจริงๆ การกระทำของมันสร้างผลกระทบร้ายแรงให้กับแผนการของเราอย่างมาก ข้าไม่คิดเลยว่า…….”
“ไอ้ระยำนี่มันโผล่ออกมาจากที่ไหนกัน ข้าตรวจสอบดินแดนศูนย์กลางหมดแล้วไม่เห็นพบข้อมูลเกี่ยวกับมันแม้แต่น้อย ! ”
หลายสิบคนพากันส่งเสียงออกมาขณะที่ร่างกายรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายอันทรงพลัง
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาว่า
“ก็ต้องโทษที่ว่าดินแดนศูนย์กลางมันมีผู้เชี่ยวชาญอยู่ไม่เพียงพอทำให้เราไม่สามารถรวบรวมดวงวิญญาณโลหิตเหล่านั้นได้ไม่งั้นแล้วมันจะเป็นปัญหาถึงขนาดนี้ได้อย่างไรกัน ”
หลายๆคนพากันเงียบไป
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปหลายลมหายใจ
“ถึงอย่างไรก็คงไม่สามารถสังเกตการณ์อยู่เฉยๆได้แล้ว ต้องลงมือจัดการ ! ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงออกมาพร้อมกับพูดว่า
“ส่งคนไปขัดขวางมันซะและให้ความสำคัญกับทางขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์ด้วย ห้ามเกิดข้อผิดพลาดโดยเด็ดขาด ! ”
………………
หลินเทียนได้ใช้เวลาเดินทางไปยังขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์พร้อมๆกับพยัคฆ์ขาวและเซียนเซียนอยู่กว่าเจ็ดวัน
เจ็ดวันมานี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญตะวันตกทั้งหลายก็ยังอยู่ในสถานการณ์ที่หวาดหวั่นอย่างมาก
แน่นอนว่าเขาเองก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ดีแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปอีกกว่าสามวันและมันเป็นตอนนี้เองที่ระยะห่างระหว่างเขาและจุดหมายมันเหลือไม่ไกลมากแล้ว
“ตู้มมม ~~! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่มีร่างๆหนึ่งพุ่งเข้ามาจากสถานที่ๆห่างไกลออกไป
อีกฝ่ายเป็นชายชราสวมชุดคลุมสีขาวร่างกายรายล้อมไปด้วยกลิ่นอายที่ทรงพลังถึงขั้นทำให้มิติโดยรอบส่งเสียงออกมา
“ท่านอาจารย์ ! นั่นมันผู้นำ…….ตำหนักเนตรศักดิ์สิทธิ์ ! ”
สีหน้าของเซียนเซียนเปลี่ยนไปโดยทันที
เป็นเพราะนางเป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับสูงของตระกูลดังนั้นถึงได้จดจำรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบอย่างเคย
“วิ้สสส ~! ”
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่อีกฝ่ายเองก็มองเห็นเขาเช่นกันดังนั้นถึงได้พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่สูงขึ้นกว่าเก่า
พยัคฆ์ขาวได้หันมองออกไปขณะที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันร้ายกาจจนทำให้มันรู้สึกขนลุกซู่ไปทันที
“ไอ้หนู ตาเฒ่านี่มันไม่ธรรมดาเลยนะ ! ”
หลินเทียนยังคงก้าวออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบก็จริงทว่าภายในจิตใจกลับรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นอยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 1
“ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะมีตัวตนระดับนี้อยู่ด้วย ”
เขาพึมพำออกมา
เมื่อพูดจบแล้วสีหน้าของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย
เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นเพียงเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 1 แถมยังดูเหมือนว่าเพิ่งตัดผ่านได้ไม่นานดังนั้นจึงไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยด้วยซ้ำเพราะต่อให้ตรงหน้าเขาเป็นจ้าวสวรรค์ระดับ 9 ก็ยังเปราะบางไม่ต่างจากเต้าหู้อยู่ดี
“สหายจากดินแดนศูนย์กลาง ข้ามาดีนะ ได้โปรดรับฟังคำพูดของข้าก่อนเพราะการรุกรานดินแดนศูนย์กลางมันไม่ใช่ความต้องการของทางเรา มันเป็นความเข้าใจผิด ! เป็นแผนการของใครบางคน ! ”
ทันใดนั้นเองที่ผู้นำขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งเสียงออกมาอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 1352
เมื่อฟังจากคำพูดของผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์แล้วคิ้วของหลินเทียนถึงกับขมวดเข้าหากันโดยทันที
“ไม่เกี่ยวกับเจ้า ? ในกองกำลังรุกรานเองก็มีคนของเจ้าอยู่ด้วยแถมทางตระกูลอาเทอร์เป็นคนบอกข้าเองว่าหัวหน้าบาทหลวงของพวกเจ้าเป็นคนไปหาพวกเขาเพื่อชี้นำให้เริ่มการรุกรานนี้”
เขาหันมองออกไปก่อนที่จะพูดต่อด้วยสีหน้าที่เคร่งครึมว่า
“แล้วเจ้าจะบอกว่านี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้า ? ”
เขาเคยได้อ่านความทรงจำของตระกูลอาเทอร์มาแล้วดังนั้นจึงได้เห็นภาพของหัวหน้าบาทหลวงจริงๆ
“เจ้ากลัวงั้นรึตาแก่ ?! ”
พยัคฆ์ขาวได้ส่งเสียงออกมาแม้มันจะเกรงกลัวอีกฝ่ายก็ตาม
“กลัวแน่ๆ ! ”
เซียนเซียนเองก็ส่งเสียงออกมาเช่นเดียวกัน
อีกฝ่ายได้แต่พูดออกมาด้วยท่าทางที่สุภาพเรียบร้อยว่า
“สหายทั้งหลายจากดินแดนศูนย์กลางโปรดฟังคำอธิบายของข้าก่อนและให้โอกาสข้าได้ขออภัย แม้ว่าการรุกรานนี้จะถูกชี้นำโดยคนของทางเราทว่าจริงๆแล้วมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาแต่เป็นเพียงคนส่วนหนึ่งเท่านั้น ข้าขอเป็นตัวแทนในการขอโทษแทนพวกเขาแล้วกัน ! ”
หลังจากนั้นเขาก็ได้พูดต่อว่า
“มันเป็นความผิดพลาดจริงๆ ”
เมื่อพูดจบแล้วเขาก็ได้เปิดโลกใบเล็กขึ้นมาพร้อมทั้งคว้าเอาร่างของชายวัยกลางคนโยนออกมา
ชายคนนี้มีผมสีทองยาวสลัวรูปร่างสมส่วนดูสุขภาพดีแต่ตอนนี้กลับถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยผนึก
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่เย็นยะเยือกก่อนที่จะพบว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นหัวหน้าบาทหลวงที่เป็นคนชี้นำขุมพลังจากตะวันตกของขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
อีกฝ่ายได้ส่งเยงออกมาว่า
“นี่คือหัวหน้าบาทหลวงของพวกเรา เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ข้าอยู่ในช่วงเก็บตัวบ่มเพาะถึงได้ยกหน้าที่ทั้งหมดให้เขาเป็นคนดูแลแต่ไม่คิดเลยว่าระหว่างจะเกิดเรื่องอย่าง……”
เขาพูดออกมาพลางพูดต่อ
“การที่เขาถูกทำลายดวงวิญญาณและชิงเอากายหยาบไป ……..”
อีกฝ่ายได้รีบอธิบายเรื่องที่ว่าหัวหน้าบาทหลวงได้ถูกชิงเอาดวงวิญญาณและร่างกายไปพร้อมทั้งทำหน้าที่แทนเขาในระหว่างที่เก็บตัวบ่มเพาะถึงนั้นที่วางผนึกเอาไว้โดยที่ไม่ให้ใครเข้าใกล้และใช้เหตุผลว่าผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์นั้นกำลังเก็บตัวก่อนที่จะอาศัยตำแหน่งของตัวเองไปชี้นำขุมพลังอื่นๆ
จนถึงวันที่เขาสามารถทำลายผนึกได้นั้นระดับพลังของเขาก็ได้ตัดผ่านมายังเขตแดนใหม่และหลังจากที่ได้รับรู้เรื่องเหล่านี้แล้วก็รีบไปหาตัวของหัวหน้าบาทหลวงคนนี้พร้อมทั้งพบถึงความแปลกประหลาดถึงได้รีบออกมาตามหาหลินเทียนด้วยตัวเอง
พยัคฆ์ขาวได้ส่งเสียงออกมาว่า
“ตาเฒ่า เจ้าพูดแบบนี้ก็เพื่อจะโยนความรับผิดชอบ ? ”
“ไม่ใช่ ข้าไม่ได้โกหกแม้แต่คำเดียวอย่างแน่นอน ! แม้ว่าในกองกำลังรุกรานจะมีคนของเราอยู่ด้วยทว่ามันไม่ใช่ความต้องการของพวกเราจริงๆ มันเป็นเพราะว่าไอ้ปีศาจที่อยู่เบื้องหลังแผนการนี้ ! พวกมันอยู่ในเงามืดและดูเหมือนว่าจะไม่สามารถเปิดเผยตัวคนออกมาได้ ไม่มีใครรู้จักพวกมันแถมพวกมันกำลังดำเนินแผนการครั้งใหญ่อย่างแน่นอน ! ”
ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อว่า
“เพื่อเป็นการพิสูจน์เจ้าสามารถตรวจสอบความทรงจำของข้าได้เลย ”
ระหว่างที่พูดเขาก็ได้ก้าวออกมาก่อนที่หน้าผากของเขาจะส่องประกายแสงโดยที่ไม่ได้ป้องกันอะไรแม้แต่น้อย
“นี่มัน ?! ”
พยัคฆ์ขาวได้แต่ผงะไป
เป็นเพราะว่าการกระทำเช่นนี้มันเป็นสิ่งที่อันตรายต่อตัวเองมากๆเพราะว่าสิ่งที่อยู่ในทะเลความรู้นั้นมีอยู่มากมายไม่เว้นดวงวิญญาณก็ด้วย การที่ไม่ป้องกันอะไรและปล่อยให้คนอื่นเข้าไปในทะเลความรู้ของตัวเองนั้นมันจะทำให้ความลับมากมายหลุดรอดออกไปได้และที่อันตรายที่สุดคือหากว่าอีกฝ่ายเปิดฉากโจมตีเข้าใส่ดวงวิญญาณโดยที่ไม่ได้มีการป้องกันใดๆแล้วก็จะตกตายลงทันที
หลินเทียนได้แต่มองออกไปด้วยดวงตาที่หดเล็กลงโดยทันที
“ข้าเชื่อใจสหายที่ยอมต่อสู้เพื่อประเทศ โปรดพิสูจน์สิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไปและความบริสุทธิ์ของพวกเราด้วย ”
ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งเสียงออกมาขณะที่มองไปยังหลินเทียนแล้วพูดต่อว่า
“หลังจากนั้นเราก็จะมีศัตรูคนเดียวกันและควรจะร่วมมือกันเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่อยู่ในมุมมืด”
ดวงตาของหลินเทียนเป็นประกายออกมาเล็กน้อยเพราะจากที่ดูๆแล้วอีกฝ่ายเหมือนไม่ได้โกหกแม้แต่น้อยซึ่งเขาเองก็ไม่อยากจะตัดสินเพียงเพราะเปลือกนอกเท่านั้นถึงได้ก้าวออกไปแล้วพูดว่า
“ได้ ข้าจะตรวจสอบมันเอง ”
หลังจากที่พูดจบแล้วจิตสัมผัสของเขาได้สั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่จะไหลซึมเข้าไปภายในทะเลความรู้ของอีกฝ่ายโดยทันที
หลังจากนั้นไม่นานสายตาของเขาก็ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นเย็นยะเยือกขณะที่ถอนเอาจิตสัมผัสกลับมา
“เป็นไงบ้างเจ้าหนู ? ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
เซียนเซียนเองก็หันมองมาทางเขาเช่นกัน
“ไม่ได้โกหก ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่าเขาใช้พลังจิตสัมผัสตรวจสอบความทรงจำทั้งหมดพร้อมทั้งพบว่ามันเป็นอย่างที่อีกฝ่ายได้พูดเอาไว้จริงๆ
พยัคฆ์ขาวและเซียนเซียน
“นี่มัน……”
นี่มีคนที่กล้าควบคุมขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของชาวตะวันตก ? ใครมันกล้าขนาดนี้กัน ?!
ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงไม่ได้ป้องกันทะเลความรู้ของตัวเองแม้แต่น้อยพร้อมทั้งพูดกับทั้งสองคนว่า
“สหายทั้งสองคนที่เหลือเองก็สามารถตรวจสอบทะเลความรู้ของข้าได้ตามสบาย โปรดเชื่อว่าพวกเรา……..”
ตู้มม ~!
มันเป็นตอนนี้เองที่พลังเทวะอันหนักหน่วงได้ถูกส่งออกมาจากสถานที่ห่างไกลพร้อมทั้งขัดคำพูดของเขาไปทันที
ปรากฏชายวัยกลางคนที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่สูงอย่างมากก่อนที่จะหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขาด้วยร่างกายที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งสัจธรรม
“คนจากดินแดนศูนย์กลาง ? หื้ม……..พระสันตะปาปาเนตรศักดิ์สิทธิ์ ?! เจ้าทำลายผนึกได้แล้วงั้นรึ ?! ”
ชายวัยกลางคนชุดคลุมคนนี้ได้แต่มองออกไปก่อนที่จะหยุดอยู่ที่ร่างของหัวหน้าบาทหลวงที่ถูกผนึกเอาไว้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้ถึงบางสิ่งแล้วสินะ ! ”
คำพูดนี้ทำให้สายตาของหลินเทียนเย็นยะเยือกไปทันทีขณะที่สีหน้าของคนอื่นๆเปลี่ยนไปอย่างมาก
พวกเขาไม่ใช่คนโง่ดังนั้นจากคำพูดพวกนี้ก็รู้ได้เลยว่าชายตรงหน้านั้นเป็นหนึ่งในคนของขุมพลังที่ชิงเอาร่างและดวงวิญญาณของหัวหน้าบาทหลวงไปโดยอาศัยร่างของอีกฝ่ายชักใยอยู่เบื้องหลังขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์
“ไอ้คนชาติชั่ว ! เราจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ๆ ! ”
ผู้นำขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งเสียงออกมาด้วยความโกรธจัด
ตู้มมม ~!
กลิ่นอายอันทรงพลังระเบิดออกมาจากร่างของเขาพร้อมทั้งปิดกั้นมิติโดยรอบทั้งหมดเอาไว้
แน่นอนว่ามันเป็นการเปิดเผยพลังทั้งหมดของเขาออกมา
“จะ……จ้าวสวรรค์ ?! ”
พยัคฆ์ขาวถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยทันที
เซียนเซียนเองก็ได้แต่ส่งเสียงออกมาด้วยความตกตะลึงว่า
“นี่คือความแข็งแกร่งของผู้นำที่แข็งแกร่งที่สุดจากขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์ ?! นี่………มีตัวตนระดับจ้าวสวรรค์อยู่ด้วย ?! ”
นางได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะไม่คิดเลยว่าชาวตะวันตกจะมีตัวตนที่แข็งแกร่งขนาดนี้
อีกฝ่ายหันมองไปทางผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจเล็กน้อยว่า
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้สามารถทำลายผนึกออกมาได้ ที่แท้ก็ตัดผ่านได้แล้วนี่เอง ”
เมื่อสิ้นสุดคำพูดเขาก็ยังคงพูดต่อด้วยสีหน้าที่ราบเรียบว่า
“แต่แล้วยังไงล่ะ ? ก็ไม่เท่าไหร่ ! ”
เมื่อคำพูดของเขาได้จบลงแล้วกลิ่นอายอันทรงพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าได้ระเบิดออกมาทำให้มิติโดยรอบถึงกับบิดตัวอย่างรุนแรง
นี่ทำให้สีหน้าของทุกคนที่อยู่ที่นี่ยกเว้นหลินเทียนเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“เขตแดนจ้าวสวรรค์…….ระดับ 3 ?! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมาด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
พริบตาก็มีตัวตนระดับจ้าวสวรรค์อยู่ตรงหน้าพวกเขาถึงสองคน !
มันเป็นระดับพลังที่แข็งแกร่งและน่ากลัวขนาดไหน !
อีกฝ่ายแสดงสีหน้าที่เย็นชาออกมาก่อนที่จะพูดว่า
“ข้ากะว่าจะมาสังหารคนที่ทำให้แผนการของพวกข้าติดขัดแต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าเองก็จะมาที่นี่ด้วยแถมยังรู้เรื่องบางอย่างของพวกเรางั้นก็ตายไปด้วยแล้วกัน อย่างไรก็ตามเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพราะข้าจะเก็บร่างของเจ้าเอาไว้เพราะถึงอย่างไรชื่อเสียงของเจ้ามันโด่งดังและง่ายในการชักใยอยู่เบื้องหลังมากๆ หากว่าได้ร่างเจ้ามาและออกคำสั่งในนามพระสันตะปาปาแล้วล่ะก็ มันจะยิ่งง่ายขึ้นไปอีก ! ”
เมื่อพูดจบแล้วเขาก็ได้ก้าวออกไปพร้อมๆกับกลิ่นอายที่แผดไปรอบทิศทางพลางมองไปยังหลินเทียนและคนอื่นๆก่อนที่จะพูดว่า
“พวกเจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่ ความต้องการอันยาวนานของพวกเรามันไม่ใช่อะไรที่……..”
“เพรี้ย ~! ”
เสียงตบดังสนั่นถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของชายคนนั้นร่วงหล่นลงจากฟากฟ้า
นี่ทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบไม่เว้นแม้กระทั่งผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
เซียนเซียนได้หันมองลงไปพร้อมทั้งพูดออกมาว่า
“ก่อนหน้านี้……เขาถูกตบ ?! ”
“ตบแบบล่องหนนี่มัน………….”
พยัคฆ์ขาวได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาก่อนที่จะหันมองมาทางหลินเทียนแล้วพูดว่า
“ฝีมือเจ้างั้นรึ…..เจ้าหนู ? ”
เป็นเพราะว่าผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์เองก็ยังคงแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาและนี่อธิบายได้ว่าไม่ได้เป็นฝีมือของอีกฝ่ายซึ่งเซียนเซียนเองก็ไม่มีทางทำได้ดังนั้นมันถึงได้ระลึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นภายในตระกูลอาเทอร์จึงพอเดาได้
“นี่มัน…..เป็นไปได้ ? ”
มันได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะต้องรู้ก่อนนะว่าอีกฝ่ายเป็นถึงจ้าวสวรรค์ระดับ 3 แต่กลับถูกตบจนปลิว ?
ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีใครเห็นการเคลื่อนไหวของเขาแม้แต่น้อย
เมื่อฟังจากคำพูดเหล่านี้แล้วทำให้ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์เองก็หันมองมาทางเขาก่อนที่จะถามออกมาว่า
“สหายจากดินแดนศูนย์กลาง เป็นฝีมือของเจ้า ? ”
เขาได้แต่ผงะไปเพราะเขาเองก็ไม่เห็นหลินเทียนขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ตู้มมม !
เสียงระเบิดถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่อีกฝ่ายระเบิดกลิ่นอายอันทรงพลังออกมาด้วยความโกรธพร้อมทั้งจ้องมองมาทางหลินเทียนแล้วส่งเสียงคำรามออกมาว่า
“เป็นฝีมือเจ้างั้นรึ !? ”
“ไสหัวไปไกลๆ ! ”
หลินเทียนส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาก่อนที่พลังแห่งสัจธรรมอันเข้มข้นจะสร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงพร้อมทั้งกระแทกเข้ากับร่างของอีกฝ่ายทำให้ตกลงมาอยู่แทบเท้าของเขา
อีกฝ่ายได้แต่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“เจ้า…….”
“ตู้มม ! ”
หลินเทียนยกเท้ากระทืบลงไปกลางหน้าอกของอีกฝ่ายส่งผลให้มันกระอักเลือดออกมาคำโตโดยที่ไม่ทันจะได้พูดจบ
ตอนที่ 1353
อีกฝ่ายได้แต่กระอักเลือดออกมาไม่หยุดพร้อมๆกับส่งเสียงกรีดร้องออกมาขณะที่ซี่โครงกำลังจะแหลกสลาย
นี่ทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างพากันโง่งมไปตามๆกัน
“นี่……”
ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่าเมื่อครู่เขาไม่สามารถมองตามการเคลื่อนไหวระหว่างที่อีกฝ่ายถูกตบลงมาจากฟากฟ้าได้และหลังจากที่ได้ยินคำพูดของพยัคฆ์ขาวแล้วจึงรู้ว่าเป็นฝีมือของหลินเทียนทว่าหลังจากที่ได้เห็นภาพที่หลินเทียนกระแทกร่างอีกฝ่ายพร้อมทั้งกระทืบอยู่แทบเท้าตัวเองแล้วเขาก็อดแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาไม่ได้
ต้องรู้ก่อนนะว่าอีกฝ่ายเป็นถึงจ้าวสวรรค์ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเทียนแล้วกลับดูเปราะบางเหลือเกิน
“ระยำเอ้ย ! ไสหัวไปไกลๆ ! ”
ชายชุดดำส่งเสียงออกมาขณะที่กลิ่นอายอันทรงพลังระเบิดออกมาจากร่างอย่างบ้าคลั่งทำให้ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ได้แต่สั่นสะท้านไป
หลินเทียนยังคงก้มมองลงไปยังร่างของอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกและไม่ได้สนใจกลิ่นอายที่อีกฝ่ายแผดออกมาแม้แต่น้อยก่อนที่จะกระทืบเท้าขวาลงไปอย่างจัง
“อ๊ากก ~! ”
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่เลือดไหลทะลักออกมาจากปากของอีกฝ่ายอย่างไม่หยุดยั้ง
ภาพเหล่านี้ทำให้คนอื่นๆได้แต่สั่นสะท้านไปตามๆกัน
“ท่านอาจารย์…….แข็งแกร่งสุดๆไปเลย ! ”
เซียนเซียนได้ส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงไม่แพ้กัน
“ไอ้หนูนี่มัน…..แข็งแกร่งขนาดไหนกัน ?! ”
แม้กระทั่งผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์เองก็ยังมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอีกครั้ง
เป็นเพราะตัวตนระดับจ้าวสวรรค์ระดับ 3 กลับอยู่ในสภาพไม่ต่างกับสุนัขที่โดนน้ำร้อนกำลังดิ้นพล่านอยู่กับพื้น
อีกฝ่ายส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาไม่หยุดขณะที่ทักษะเทวะอันทรงพลังถูกบดขยี้เป็นชิ้นๆ
“เจ้า……”
เขาได้แต่สั่นสะท้านไปขณะที่ส่งเสียงกำรามออกมาด้วยแววตาที่แสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคนที่ขัดขวางแผนการอันยาวนานของพวกเขาจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดที่ว่าเขาก็ยังไม่สามารถขัดขืนได้แม้แต่น้อย
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาก่อนที่จะส่งพลังจิตสัมผัสทะลวงเข้าใส่ทะเลความรู้ของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
นี่ทำให้ภาพความทรงจำมากมายปรากฏขึ้นต่อหน้าของเขา
“เทือกเขาโอลิมปัส นิกายเทพวิหกและดวงวิญญาณโลหิต…….”
เขาอ่านความทรงจำทั้งหลายของอีกฝ่าย
ขุมพลังของพวกมันมีชื่อว่านิกายเทพวิหกซึ่งเป็นขุมพลังระดับสูงที่ไม่ได้เปิดเผยตัวตนต่อโลกภายนอกทำให้ไม่มีใครรู้ว่ามีขุมพลังเช่นนี้อยู่ภายในเทือกเขาโอลิมปัสแม้แต่น้อย
พวกมันอยากจะทำการสังเวยดวงวิญญาณโดยการอาศัยดวงวิญญาณโลหิตของผู้เชี่ยวชาญจากดินแดนศูนย์กลางทว่าเป็นเพราะกองกำลังของพวกเขามีอยู่น้อยเกินไปทำให้ดวงวิญญาณเหล่านี้ไม่เพียงพอดังนั้นถึงได้คิดแผนการอื่นอย่างเช่นการใช้บุญสวรรค์เป็นเหยื่อล่อให้ดินแดนศูนย์กลางและดินแดนตะวันตกฆ่าฟันกันแล้วพวกเขาค่อยใช้ทักษะพิเศษดูดเอาดวงวิญญาณเหล่านั้นไปสำหรับการสังเวย
ทว่าการที่จะชี้นำคนเหล่านี้ได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆเนื่องจากพวกเขาเองก็ไม่ได้มีชื่อเสียงแถมยังไม่ได้เปิดเผยตัวตนต่อโลกภายนอกทำให้ขุมพลังตะวันตกไม่มีทางเชื่อใจพวกเขาดังนั้นถึงได้วางแผนการชักใยขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์โดยอาศัยชื่อเสียงของพวกเขาซึ่งตราบเท่าที่บอกว่ามีบุญสวรรค์อยู่ภายในดินแดนศูนย์กลางแล้วก็จะทำให้ฝูงผู้เชี่ยวชาญชาวตะวันตกแห่ไปรุกรานอย่างแน่นอน
ดังนั้นแล้วพวกเขาถึงได้เริ่มลงมือตามแผนการโดยใช้ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งจ้าวสวรรค์สังหารหัวหน้าบาทหลวงไปแล้วชิงเอาร่างกายของอีกฝ่ายแล้วผนึกไม่ให้ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้โดยที่ไม่ให้ใครเข้าใกล้สถานที่บ่มเพาะก่อนที่จะใช้ชื่อของขุมพลังในการล่อลวงขุมพลังอื่นๆโดยการใช้เหยื่อเป็นบุญสวรรค์
ในการที่จะทำเรื่องเช่นนี้ได้นั้นพวกเขาได้ทำการสืบสวนข้อมูลทั้งหมดทำให้รู้ว่าผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของแต่ละขุมพลังอยู่ในระดับไหนโดยที่คิดว่าแผนการจะต้องสำเร็จลุล่วงแต่ไม่คิดเลยว่าจะมีตัวตนอย่างกายสังสารวัฏอย่างหลินเทียนปรากฏตัวขึ้นแถมยังทำลายแผนการทั้งหมดของพวกเขาทำให้ต้องส่งชายชุดดำคนนี้มาขัดขวางหลินเทียนเอาไว้
“ตระกูลอาเทอร์ ดินแดนทมิฬและพวกโง่นี่มันถูกใช้เป็นเครื่องสังเวยกันหมดแล้ว ”
พยัคฆ์ขาวได้กัดฟันพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงว่า
“แต่นิกายเทพวิหกเองก็โหดเหี้ยมไม่เบาเลยนะถึงขั้นที่กล้าวางแผนให้ผู้เชี่ยวชาญตะวันตกรุกรานดินแดนศูนย์กลางเพื่อใช้เป็นเครื่องสังเวยซึ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ชาวตะวันตกรุกรานไปก่อนทว่าหลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญภายในดินแดนศูนย์กลางได้ตกตายลงหมดแล้วมนุษย์ธรรมดาๆก็คงจะหนีไม่พ้นเหมือนกัน ท้ายที่สุดทุกชีวิตภายในดินแดนศูนย์กลางก็จะกลายเป็นเครื่องสังเวยของมัน”
“ไอ้พวกชั่ว! ”
ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่ตกต่ำลงอย่างมาก
เซียนเซียนเองก็ได้แต่ผงะไปเพราะไม่คิดเลยว่าจะมีแผนการที่ร้ายกาจขนาดนี้อยู่เบื้องหลัง
นี่จะทำให้ดินแดนศูนย์กลางทั้งหมดถูกกวาดล้าง !
“ไอ้หนู ไอ้การสังเวยไร้สาระนั่นมันคืออะไรกัน !”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
เมื่อฟังจากคำพูดนี้แล้วชายวัยกลางคนได้แต่สั่นสะท้านไปพร้อมๆกับส่งเสียงออกมาว่า
“หยุดนะ ! ทำแบบนั้นไม่ได้ ”
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบไม่แยแสออกมาก่อนที่จะบดขยี้ขาขวาของอีกฝ่ายทำให้มันได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างดัง
จิตสัมผัสของเขาได้ทะลวงผ่านทะเลความรู้ของอีกฝ่ายก่อนที่จะค้นหาเรื่องเกี่ยวกับการสังเวยนี้
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้พบกับอักขระมากมายที่รายล้อมอยู่ภายใน
มันอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างที่ทำให้รู้สึกขนหัวลุก
“อักขระทำลายล้าง ! ”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากพร้อมทั้งรีบดึงเอาจิตสัมผัสของตัวเองกลับออกมาพร้อมทั้งกระแทกร่างของทุกคนปลิวออกไปไกล
พยัคฆ์ขาวได้แต่ขมวดคิ้วพร้อมๆกับส่งเสียงออกมาว่า
“เจ้าหนู นี่เจ้า……”
“ตู้มมม ~! ”
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวได้ขัดคำพูดของมันเอาไว้ขณะที่ร่างกายของชายวัยกลางคนชุดดำข้างๆหลินเทียนได้ระเบิดออก
คลื่นทำลายล้างได้พุ่งตรงเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่รอช้า
นี่ทำให้สีหน้าของพยัคฆ์ขาวถึงกับเปลี่ยนไปก่อนที่จะส่งเสียงออกมาว่า
“ไอ้เวรนั่นมันระเบิดทะเลความรู้ของตัวเอง ?! ”
“ท่านอาจารย์ ! ”
เซียนเซียนส่งเสียงโห่ร้องออกมา
สีหน้าของผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์เองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
คลื่นพลังทำลายล้างได้สลายหายไปก่อนที่จะเผยให้เห็นหลุมขนาดใหญ่กว่าหลายร้อยเมตร
เศษฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วพื้นที่ขณะที่ร่างของหลินเทียนยืนอยู่กลางอากาศด้วยร่างกายที่รายล้อมไปด้วยอักขระมากมายโดยที่เสื้อผ้าของเขาขาดยับเยิน
“ท่านอาจารย์ ! ”
เซียนเซียนรีบเหาะเข้ามาใกล้และหลังจากที่เห็นว่าไม่ได้เป็นอะไรมากถึงได้ถอนหายใจออกมา
ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ที่ระลึกถึงพลังทำลายเมื่อครู่ก็ได้แต่ผงะไปก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ขอบคุณที่ช่วยเหลือเมื่อครู่ ”
หากว่าไม่ได้เป็นเพราะหลินเทียนผลักเขาออกไปแล้วพวกเขาก็คงจะตายกันหมดไปนานแล้ว
ระหว่างนี้เขาก็ได้แต่ยิ่งรู้สึกตกตะลึงเข้าไปอีกเพราะการระเบิดตัวเองของอีกฝ่ายนั้นสร้างพลังทำลายล้างที่ทรงพลังอย่างมากซึ่งหลินเทียนที่อยู่ใกล้ๆกลับไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแม้แต่น้อย นี่มันต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ?!
“การที่ขนาดจ้าวสวรรค์ระดับ 3 ยังมีอักขระทำลายล้างนี่ก็เพื่อปิดบังเกี่ยวกับการสังเวย ? ไม่แปลกใจจริงๆที่ก่อนหน้านี้มันถึงได้แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมา ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมาพร้อมๆกับพูดต่อว่า
“แล้วไอ้การสังเวยบ้านั่นจะเอายังไง ? ทำเพื่ออะไร ? ”
เซียนเซียนที่อยู่ข้างๆเขาเองก็พยายามปัดเศษฝุ่นตามร่างของเขา
ประกายแสงสีทองเปล่งประกายออกมาจากร่างของเขาก่อนที่เสื้อผ้าที่ฉีกขาดจะกลับมาเหมือนใหม่อีกครั้ง
เขาหันมองออกไปทางเทือกเขาโอลิมปัสเล็กน้อย
“สหาย โปรดให้ข้าได้ติดตามเจ้าไปลงทัณฑ์พวกมันด้วยเถอะ”
ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์เองก็ตระหนักได้ว่าหลินเทียนต้องการจะมุ่งหน้าไปที่ไหน
“ไม่จำเป็นหรอก ”
หลินเทียนพูดออกมา
สายตาของเขาส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาก่อนที่จะหันมองออกไปพร้อมๆกับแผดคลื่นพลังออกมาโอบร่างของพยัคฆ์ขาวและเซียนเซียนเอาไว้และหายตัวไปอย่างฉับพลัน
ผู้นำเนตรศักดิ์สิทธิ์ได้แต่มองออกไปด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมากเพราะไม่สามารถมองตามการเคลื่อนไหวของหลินเทียนได้แม้แต่น้อย
“ดินแดนศูนย์กลางนี่แข็งแกร่งจริงๆ ”
เขาพึมพำออกมา
……….
ไม่นานหลินเทียนและคนอื่นๆก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในสถานที่อีกแห่ง
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับภูเขาขนาดใหญ่ที่ไม่มีพืชพันธุ์เจริญเติบโตแม้แต่น้อยแถมยังเต็มไปด้วยหิมะหนาเตอะ
ที่นี่คือเทือกเขาโอลิมปัสที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศกรีซ
“นิกายเทพวิหกอยู่ที่นี่ ? อยู่ไหนกัน ? ”
พยัคฆ์ขาวหันมองออกไปรอบๆ
“น่าจะเป็นที่ดินแดนลับ ”
เซียนเซียนส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่าขุมพลังส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นดินแดนศูนย์กลางหรือตะวันตกก็ล้วนตั้งอยู่ในดินแดนลับกันหมด
หลินเทียนที่ยืนอยู่ด้านนอกได้เบิกเนตรแห่งสัจธรรมขึ้นมาก่อนที่จะพบกับทางเข้ามิติลับพร้อมทั้งใช้ตรามังกรฉีกมันออกแล้วก้าวเดินเข้าไป
หลังจากนั้นไม่นานสภาพแวดล้อมโดยรอบก็ได้เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงพร้อมพบกับพื้นที่โลกใบเล็กที่เต็มไปด้วยภูเขาสูงมากมาย
“เป็นดินแดนลับที่ใหญ่มากๆ”
เซียนเซียนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยทันที
“ไม่ธรรมดาจริงๆ ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมาก่อนที่จะจ้องมองเข้าไปภายในส่วนลึกพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เจ้าหนู จำเรื่องศิลาหินที่ผุดขึ้นมาจากใต้ภูเขาไท่ที่ข้าเคยพูดก่อนหน้านี้ได้ใช่ไหม ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยของมันจากที่นี่”
ตอนที่ 1354
เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้วมันทำให้สีหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนไปโดยทันทีก่อนที่ดวงตาของเขาจะเปล่งประกายออกมา
“เจ้าแน่ใจ ? ”
เขาถามออกมา
เป็นเพราะว่าเป้าหมายในการมายังดินแดนตะวันตกของเขาก็เพื่อเอาศิลาหินนั้นกลับไป
“แน่ใจ มันจะต้องอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน ”
พยัคฆ์ขาวได้ส่งเสียงออกมา
มันเคยได้เห็นศิลานั้นมากับตาตัวเองแล้วดังนั้นถึงได้จดจำกลิ่นอายของมันได้เป็นอย่างดี
ดวงตาของหลินเทียนเปล่งประกายออกมาก่อนที่จะรีบก้าวเดินออกไปตามเส้นทางที่พยัคฆ์ขาวชี้ไป
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้พบกับตำหนักมากมายที่ส่งกลิ่นอายสัจธรรมอันเข้มข้นออกมา
พยัคฆ์ขาวได้หรี่ตาของมันลงเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า
“นี่คือที่อยู่ของนิกายเทพวิหกสินะ ? ”
“อื้ม ”
หลินเทียนตอบกลับเพราะจากความทรงจำที่ได้มานั้นเขารู้ดีอยู่แล้วว่าที่นี่เป็นที่ตั้งของตำหนัก
เขาหันมองออกไปด้วยเนตรแห่งสัจธรรมก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงการผันผวนอย่างรุนแรงภายในส่วนลึกของสถานที่แห่งนี้เสมือนว่ามีอสูรร้ายเก่าแก่อยู่ภายใน
มันเป็นสัญชาตญาณที่บอกเขาว่าที่นั่นมีตัวตนที่อยู่ในระดับเดียวกับเขา
“เป็นอะไรไปงั้นรึท่านอาจารย์ ? ”
เซียนเซียนส่งเสียงออกมา
หลินเทียนส่ายศีรษะของเขาพร้อมทั้งตอบกลับไปว่า
“เปล่าหรอก ”
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้หันไปพูดกับนางและพยัคฆ์ขาวเล็กน้อยก่อนที่จะพากันก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ด้านหน้าตำหนักเหล่านี้ไม่ได้มีคนเฝ้ายามซึ่งถือว่าต่างออกไปจากขุมพลังอื่นๆเพราะที่นี่ซ่อนอยู่ภายในดินแดนลับดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีคนเฝ้า
หลินเทียนที่มาถึงที่นี่ได้เดินนำเข้าไปภายในก่อนที่ร่างกายของเขาจะส่งคลื่นกระบี่สีทองออกไป
“แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามดังสนั่นหวั่นไหวพุ่งออกไปด้านหน้า
ตู้มม ~~!
ประตูด้านหน้าของนิกายได้แหลกสลายหายไปขณะที่ฝุ่นควันฟุ้งไปทั่วทิศทาง
นี่ทำให้กลุ่มคนที่อยู่ภายในต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“ใครกัน ! ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงออกมา
อีกฝ่ายเป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนปลุกพลังที่กวาดจิตสัมผัสอันแข็งแกร่งออกไปรอบทิศทางก่อนที่จะค้นพบหลินเทียน
“เป็นเจ้า ! ”
สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปก่อนที่จะส่งเสียงออกมาว่า
“เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไรกัน ?! ”
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่คนอื่นๆเองก็ต่างพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาไม่แพ้กัน
เป็นเพราะว่าหลินเทียนได้ทำลายแผนการของพวกเขาไปทำให้พวกเขารู้จักหลินเทียนเป็นอย่างดีแต่ก็ยังประหลาดใจที่ได้พบกับเขาที่นี่เพราะว่ามันคือดินแดนลับของพวกเขาแถมยังมีผู้อาวุโสของนิกายถูกส่งออกไปจัดการหลินเทียนดังนั้นหากว่ายึดตามหลักนี้แล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำที่หลินเทียนจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่
“ผู้อาวุโสที่สามคือไอ้ชุดคลุมดำนั่น ? มันไปดื่มชาอยู่กับยมบาลแล้ว ”
พยัคฆ์ขาวได้ส่งเสียงออกมา
“ว่าไงนะ?! ”
“เป็นไปไม่ได้ ! ”
“ผู้อาวุโสที่สามอยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 3 มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน ! ”
พวกเขาพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงก่อนที่จะส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง
“เหอะๆ ”
พยัคฆ์ขาวได้แสยะออกมาด้วยท่าทางที่เย้ยหยัน
หลินเทียนก้าวออกไปก่อนที่คลื่นกระบี่สีทองอันทรงพลังจะพุ่งผ่านออกไปรอบทิศทาง
“พุฟฟ ~! ”
“พุฟ ! ”
“พุฟฟ ! ”
กองเลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่เหล่าศิษย์พากันตกตายลงอย่างต่อเนื่อง
สีหน้าของหลินเทียนยังคงความราบเรียบขณะที่ก้าวเดินผ่านเข้าไปภายในสถานที่แห่งนี้
“แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังก่อนที่คลื่นกระบี่ของเขาจะพุ่งเข้าสังหารศิษย์ที่อยู่โดยรอบจนสิ้น
“เจ้าคนจากดินแดนศูนย์กลาง ! ”
“เจ้ากล้า……..”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรืออสูรเองก็ต่างพากันตกตายลงอย่างต่อเนื่อง
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบไม่แยแสออกมาแม้แต่น้อยเพราะว่าอีกฝ่ายที่พยายามจะสร้างเครื่องสังเวยด้วยชีวิตของผู้คนมากมายนี้มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปราณีดังนั้นตราบเท่าที่เป็นคนของนิกายเทพวิหกแล้วพวกมันต้องตาย
วิ้สสส
วิ้ส
วิ้สสส
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาพร้อมๆกับปรากฏร่างสามร่างที่รายล้อมไปด้วยกลิ่นอายที่ทรงพลัง
“ท่านจ้าวนิกาย ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ท่านผู้อาวุโสที่สอง”
เมื่อมองไปยังทั้งสามร่างนี้แล้วกลุ่มคนทั้งหลายต่างพากันแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาก่อนที่ร่างของพวกเขาจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นกองเลือดไป
พยัคฆ์ขาวและเซียนเซียนที่อยู่ด้านหลังของหลินเทียนต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากเพราะพวกเขาเองก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งได้จากกลิ่นอายของอีกฝ่ายเป็นอย่างดีว่าแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าชายวัยกลางคนชุดดำก่อนหน้านี้เสียอีก
“จ้าวสวรรค์ ?! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
นี่นิกายเทพวิหกมันแข็งแกร่งขนาดนี้เลย ?!
หลินเทียนได้ผงะไปก่อนที่จะหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบไม่แยแสแม้แต่น้อย
ทั้งสามคนเองก็ต่างจ้องมองมาทางเขาเป็นสายตาเดียวกัน
“เจ้าคนจากดินแดนศูนย์กลาง เจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไรกัน ? ”
จ้าวนิกายของพวกเขาส่งเสียงออกมาเพราะว่าก่อนหน้านี้เขาเพิ่งสั่งการให้ผู้อาวุโสที่สามออกไปขัดขวางหลินเทียนที่สร้างปัญหาให้กับแผนการวกเขาอย่างมากแต่ไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่และมันทำให้เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างมากเนื่องจากการปรากฏตัวนี้บ่งชี้ว่าคนที่เขาส่งไปคงโชคร้ายยิ่งกว่าโชคร้ายและแผนการของพวกเขาเองก็อาจจะรั่วไหลออกไปแล้วไม่งั้นหลินเทียนจะมาโผล่อยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน ?
หลินเทียนหันมองออกไปทางคนเหล่านี้ด้วยสีหน้าที่ราบเรียบอย่างเคยก่อนที่จะหันมองเข้าไปภายในส่วนลึกที่สุดของสถานที่แห่งนี้
แกร๊ง !
เสียงกระบี่คำรามดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาก่อนที่คลื่นกระบี่อันทรงพลังจะพวยพุ่งผ่านอากาศเข้าไปภายในตำหนักเก่าแก่
ไม่นานคลื่นกระบี่อันทรงพลังก็ได้บดขยี้ตำหนักแห่งนี้จนแหลกสลายกลายเป็นซากปรักหักพัง
“ไอ้ระยำ ! เจ้ากล้านักนะ ! ”
จ้าวนิกายส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธเพราะว่าที่นั่นมันเป็นที่อยู่ของผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงของขุมพลังนี้
“ตู้มมม ! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่ร่างสามร่างได้เหาะขึ้นมาจากซากปรักหักพังแห่งนั้น
มันเป็นร่างของมนุษย์สามคนทว่าด้านหลังของพวกเขากลับมีปีกสีเทาขนาดใหญ่และเนตรที่สามกลางหน้าผาก ผมสีเงินและหูที่แหลม
สายตาของพวกเขาต่างล้ำลึกขณะที่ร่างกายรายล้อมไปด้วยพลังที่แข็งแกร่ง
“คาราวะท่านทวยเทพ ! ”
วินาทีที่คนเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้นมาก็ทำให้กลุ่มคนทั้งหลายพากันแสดงความเคารพออกมา
ทั้งสามคนนี้คือผู้ก่อตั้งนิกายของพวกเขาที่ถือว่าเป็นบรรพบุรุษที่เปรียบเสมือนเทพผู้พิทักษ์
“เป็นพวกมัน ! ”
พยัคฆ์ขาวได้ส่งเสียงโห่ร้องออกมา
เซียนเซียนที่สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้เองก็ได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งถามออกมาว่า
“รู้จักด้วย ? ”
“แน่นอนว่ารู้จักเพราะพวกมันนี่แหละคนที่แย่งชิงเอาศิลาที่ผุดออกมาจากใต้ภูเขาไท่ไป ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
หลินเทียนไม่ได้พูดอะไรเนื่องจากเขาสัมผัสได้เพียงแค่กลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาดังนั้นถึงได้ส่งการโจมตีออกไปทำลายตำหนักนั้นทันทีก่อนที่จะจ้องมองไปทางพวกเขา
ท้ายที่สุดสายตาของเขาก็จับจ้องอยู่ที่ชายที่อยู่หน้าสุด
เป็นเพราะว่าชายคนนี้สร้างความรู้สึกกดดันให้กับเขา
ทั้งสามคนเองก็ต่างจับจ้องมาทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ราบเรียบไม่แยแสแม้แต่น้อย
หนึ่งในพวกเขาได้ส่งเสียงออกมาว่า
“ถู นี่คือคนจากดินแดนศูนย์กลางที่เจ้าว่า ? ”
นี่คือชื่อของจ้าวนิกายซึ่งสายตาที่เขากำลังมองไปทางหลินเทียนนั้นไม่ได้ต่างกับกำลังมองมดอันด้อยค่าแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าจ้าวนิกายเองก็ได้รายงานเรื่องของหลินเทียนให้กับพวกเขาก่อนแล้ว
“ขอรับท่าน……เป็นมันนั่นแหละที่ขัดขวางแผนการของพวกเรา ”
จ้าวนิกายส่งเสียงออกมาก่อนที่จะพูดต่อว่า
“ได้โปรดวางใจ เราจะจัดการมันเดี๋ยวนี้ ”
เมื่อสิ้นสุดคำพูดแล้วเขาก็ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายอันทรงพลังออกมาพร้อมทั้งก้าวเข้าไปหาทางหลินเทียน
“ไม่ต้อง ”
หนึ่งในมนุษย์ปีกได้ส่งเสียงออกมาพร้อมกับพูดว่า
“กล้าขัดขวางแผนการอันเนิ่นนานของพวกเรา ข้าจะสังหารมันเอง ”
เขาได้กระพือปีกอันงดงามออกไปก่อนที่จะแผดกลิ่นอายอันทางพลังออกมา
“กึ่ง……จักรพรรดิว่างเปล่า ?! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
เซียนเซียนเองก็มีสีหน้าที่ตกตะลึงไม่ต่างกันขณะที่ร่างกายของนางสั่นสะท้านไม่หยุดเพราะไม่คิดเลยว่าโลกนี้จะมีตัวตนในตำนานแบบนี้อยู่ด้วย
กลับกัน , ทางฝ่ายศิษย์นิกายทั้งหลายต่างแสดงสีหน้าที่ตื่นเต้นออกมาด้วยกันทั้งหมด
พวกเขาพากันหันมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกถึงขีดสุดเสมือนกำลังมองไปยังร่างที่ไร้วิญญาณ
“ในเมื่อท่านทวยเทพลงมือด้วยตัวเองแบบนี้มันต้องตายอย่างแน่นอน ”
“ถูกต้องที่สุด ! ”
“เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านผู้นู้นแล้วมันก็เป็นเพียงแค่ฝุ่นผงเท่านั้น ”
เหล่าศิษย์พากันส่งเสียงออกมา
“บึ้สสส ~! ”
มิติโดยรอบได้สั่นไหวก่อนที่หนึ่งในพวกเขาจะพุ่งเข้าประชิดร่างของหลินเทียน
สีหน้าของอีกฝ่ายยังคงราบเรียบขณะที่ปรากฏกระบี่เทวะขึ้นเหนือศีรษะพลางพูดต่อว่า
“ข้าจะมอบความตายให้แก่เจ้า ”
ฟึ้บบ ~!
มิติโดยรอบสลายหายไปก่อนที่กระบี่อันทรงพลังจะฟาดฟันลงใส่ร่างของหลินเทียน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น