Divine King of All Directions - สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ 1341 - 1344

 

ตอนที่ 1341

 

จากในบันทึกของหน้าประวัติศาสตร์นั้นบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งตระกูลจิ้งจอกครามนั้นคือจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางที่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลซึ่งควรจะทิ้งมรดกพวกเคล็ดวิชาและทักษะเทวะเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลเอาไว้บ้างถึงจะถูกทว่าเขากลับพบว่านางไม่ได้เรียนรู้มันมาเลยแม้แต่น้อยทว่ากลับเชี่ยวชาญทักษะเทวะและเคล็ดวิชาบ่มเพาะธรรมดาๆเท่านั้น

นี่ทำให้เขารู้สึกสงสัยอย่างมาก

“เจ้าไม่รู้ ? ”

ถูเซียนเซียนได้ส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อว่า

“ช่วงที่ประเทศจีนของเราโดนบุกนั้นเกิดการปะทะกันของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทำให้ขุมพลังศูนย์กลางทั้งหลายได้รับความเสียหายอย่างหนักและส่งผลให้มรดกทั้งหลายสูญสิ้นไปจนเกือบหมดและเหลือไว้เพียงบางส่วนที่ไม่สมประกอบทำให้ไม่สามารถฝึกฝนได้ ”

นางหันมองมาทางเขาด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจพลางพูดต่อว่า

“นี่เป็นความรู้พื้นฐานของผู้บ่มเพาะเลยนะ ”

คำตอบนี้ทำให้สีหน้าของหลินเทียนถึงกับเปลี่ยนไปอีกครั้งเพราะว่าเขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดการต่อสู้ระหว่างผู้บ่มเพาะขึ้นด้วย

เขาพยักหน้าก่อนที่จะหันมองไปทางนางพร้อมทั้งพูดต่อว่า

“แม่หนูน้อย พยายามดึงเอาศักยภาพออกมาทั้งหมด”

เป็นเพราะว่าเขาเองก็พอจะตระหนักได้ว่าแม้นางจะสังเวยปรากฏการณ์ทะเลความรู้ออกมาแล้วแต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมดของนาง ด้วยระดับพลังและพรสวรรค์ของนางแล้วมันยังพัฒนาได้มากกว่านี้

นางที่ตระหนักได้ถึงความเหนือชั้นของหลินเทียนเองก็รู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คู่มือของอีกฝ่ายทว่าหลังจากที่ได้ยินหลินเทียนผู้ซึ่งมีรูปลักษณ์ที่ยังดูหนุ่มแต่กลับเรียกนางว่าหนูน้อยแล้วมันทำให้นางเปิดฉากโจมตีออกไปอย่างไม่รอช้า

“ตู้มม ~! ”

พลังอสูรอันเข้มข้นระเบิดออกมาจากร่างของนางทำให้มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรง

มันเป็นกลิ่นอายที่ทรงพลังขึ้นกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าตัว

หลินเทียนพยักหน้าของเขาเล็กน้อยและยังคงรับการโจมตีเอาไว้ด้วยนิ้วๆเดียวก่อนที่จะเริ่มสร้างแรงกดดันให้กับนางเพื่อเค้นเอาศักยภาพทั้งหมดของนางออกมา

ระหว่างขั้นตอนนี้เขาก็ยังคงนั่งอยู่กับที่ขณะที่นางฟาดฟันเข้าใส่เขาโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้

“นี่มัน………”

“แข็งแกร่งเกินไปไหม ? ”

“นี่มีรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งขนาดนี้อยู่ด้วย ? เป็นใครกัน ?! ”

หลายๆคนพากันส่งเสียงออกมา

ผู้อาวุโสสูงสุดของคุนหลุนเองก็ได้แต่แข็งค้างไปกับที่ขณะที่จับจ้องไปทางหลินเทียนโดยที่ไม่สามารถตรวจวัดความแข็งแกร่งของเขาได้แม้แต่น้อย

ตู้มม ~!

ตู้ม !

ตู้มมม !

พลังอสูรอันเข้มข้นระเบิดออกมารอบทิศทางขณะที่ถูเซียนเซียนกัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งฟาดฟันคลื่นกระบีที่ทรงพลังกว่าเก่าออกไป

น่าเสียดายที่เมื่ออยู่ต่อหน้าของหลินเทียนแล้วก็ยังเปล่าประโยชน์

“ดีมาก ”

เขาส่งเสียงออกมา

ณ ตอนนี้นางได้แสดงศักยภาพทั้งหมดที่มีออกมาจนถึงขีดสุดแล้วทำให้เขาไม่ได้ใช้นิ้วๆเดียวรับมือกับนางทว่ากลับใช้ทั้งห้านิ้วประทับตราส่องประกายแสงเจิดจรัสออกไป

ร่างกายของถูเซียนเซียนที่กำลังฟาดฟันกระบี่ได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงพร้อมทั้งจ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ

ด้วยระดับความสามารถของนางแล้วเข้าใจได้อย่างดีว่าประกายแสงที่หลินเทียนส่งออกมานั้นอาจดูเหมือนเป็นการโจมตีเข้าใส่นางทว่าแก่นแท้จริงๆของมันคือการกลบเกลื่อนการถ่ายทอดวิชา

“เจ้า…..”

นางได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา

“ตั้งใจเรียนรู้มัน ”

หลินเทียส่งเสียงออกมา

เป็นเพราะว่าแม้นางนั้นจะเป็นอสูรแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายแถมยังมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาถึงขั้นที่หากว่าอยู่ในสวรรค์สิบชั้นแล้วก็จะต้องเป็นระดับแนวหน้าอย่างแน่นอนซึ่งการที่ไม่มีเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับสูงก็จะเป็นการจำกัดเส้นทางการบ่มเพาะของนางในอนาคตเพราะถึงอย่างไรแล้วเคล็ดวิชาบ่มเพาะก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญกับผู้บ่มเพาะมากๆถึงขั้นที่สำคัญยิ่งกว่าพลังฉีหลายเท่าตัวเพราะเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งจะสามารถสร้างเส้นทางบ่มเพาะที่ไกลมากยิ่งขึ้น

แม้ว่าพรสวรรค์ของนางจะสูงส่งถึงขั้นที่เรียกว่าเมล็ดพันธุ์แห่งนิรันดร์ทว่าก็จะถูกกลบเอาไว้ที่นี่ทำให้ไม่สามารถก้าวไปได้ไกลนักซึ่งการที่เมล็ดพันธุ์ชั้นดีต้องถูกฝังที่นี่มันทำให้เขารู้สึกเสียดายอย่างมากดังนั้นถึงได้เริ่มการถ่ายทอดเคล็ดวิชาบ่มเพาะของตระกูลยมโลกอย่างเคล็ดวิชาเก้าทักษะยมโลก

มันเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะเขตแดนจ้าวสวรรค์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความลึกลับที่ถือได้ว่าเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะล้ำค่า

แถมแก่นแท้ของพลังยมโลกและพลังอสูรเองก็เหมือนๆกันดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่เหมาะกับนางมากๆ

ถูเซียนเซียนที่เห็นว่าหลินเทียนแข็งแกร่งกว่านางและกำลังกลบเกลื่อนเพื่อถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้ทำให้นางได้สติกลับมาพร้อมทั้งเริ่มการเรียนรู้มันขณะที่ฟาดฟันกระบี่ออกไป

หลังจากนั้นไม่นานร่างกายของนางก็ได้แต่สั่นสะท้านไปเพราะเพียงแค่ชั่วพริบตาที่เริ่มเรียนรู้ก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนของเคล็ดวิชานี้ที่เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดเคล็ดวิชาชั้นเลิศทำให้สายตาของนางได้แต่สั่นสะท้านไป

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ผู้นำขุมพลังต่างๆเองก็ได้แต่ผงะไปเพราะพวกเขาเองก็ตระหนักได้ดีว่าหลินเทียนกำลังทำการกลบเกลื่อนระหว่างที่ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้กับนางและแม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันคือเคล็ดวิชาอะไรแต่ก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่และล้ำลึกของมันอย่างดี

ผู้อาวุโสสูงสุดขุนเขาคุนหลุนเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าได้แต่สั่นสะท้านไปหลังจากที่สัมผัสได้ถึงพลังแห่งสัจธรรมที่ส่งออกมาจากร่างของหลินเทียนซึ่งเป็นเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยได้เห็นมาในชั่วชีวิตนี้

สายตาของผู้นำตระกูลจิ้งจอกครามเองก็ส่องประกายออกมาเช่นเดียวกัน นางผงะไปหลังจากที่เห็นว่าผู้ที่บุกไปฆ่าคนในสาขาของตระกูลนั้นแข็งแกร่งได้ขนาดนี้แต่ก็มีความสุขเพราะเห็นว่าเขากำลังถ่ายทอดบางสิ่งให้กับผู้มีพรสวรรค์ของตระกูลนางนี่มันทำให้นางรู้สึกเหมือนว่ากำลังฝันไปด้วยซ้ำ

กู่จี่ซวนและผู้มีพรสวรรค์คนอื่นๆที่สัมผัสได้ว่าหลินเทียนกำลังถ่ายทอดเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งให้กับถูเซียนเซียนเองก็ได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่อิจฉาตาร้อนออกมา

หลินเทียนยังคงนั่งอยู่บนก้อนหินขณะที่ประทับมือข้างเดียวออกไปเพื่อถ่ายทอดเคล็ดวิชาเก้าทักษะยมโลกให้กับนาง

นางตั้งใจเรียนรู้มันอย่างมากและยิ่งทำความเข้าใจนางก็ยิ่งมีสีหน้าที่ตกตะลึงยิ่งกว่าเก่าเพราะตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของเคล็ดวิชานี้พลางแสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมา

นี่ทำให้นางแสดงสีหน้าที่จริงจังยิ่งกว่าเก่าออกมาขณะที่ร่างกายของนางเปล่งประกายแสงที่เข้มข้นมากขึ้นพร้อมๆกับกลิ่นอายที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ดี ”

ดวงตาของหลินเทียนเป็นประกายออกมาพลางพยักหน้าเล็กน้อย

เป็นเพราะว่าเขาที่ได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาแต่ละส่วนให้กับนางซึ่งสามารถจดจำและทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็วนี่เรียกได้ว่าเป็นความสามารถที่ไม่ธรรมดาถึงขั้นที่ก้าวข้ามผู้มีพรสวรรค์ไปไกลมากๆ

มันเป็นตอนนี้เองที่มิติภายในสถานที่แห่งนี้ได้สั่นไหวก่อนที่จะมีร่างหลายร่างปรากฏขึ้นมาด้วยรูปลักษณ์ของชาวตะวันตกที่แผดกลิ่นอายอันทรงพลังออกมาให้ความรู้สึกไม่ต่างกับหุบเหวลึกอันน่าสะพรึงกลัว

หลินเทียนที่กำลังนั่งอยู่กับที่เองก็ได้แสยะออกมาเล็กน้อยเพราะดูเหมือนว่าผู้เชี่ยวชาญชาวตะวันตกจะบุกเข้ามาที่นี่จริงๆ

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกัน

“ผู้เชี่ยวชาญชาวตะวันตก ? บุกเข้ามาที่นี่ได้อย่างไรกัน ! ”

ผู้อาวุโสสูงสุดขุนเขาคุนหลุนส่งเสียงออกมา

“คนที่กำลังจะตายไม่ต้องรู้อะไรมากหรอก พวกข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมดแล้วชิงเอาขุนเขาทั้งหลายไป นี่คือพระบัญชาขององค์เทพ ”

ชายชราชาวตะวันตกได้ส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบไม่ต่างจากเครื่องจักรสังหารก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างมากหลังจากที่มองไปทางหลินเทียน

“เป็นเจ้า ! ”

เป็นเพราะไม่นานมานี้มีผู้เชี่ยวชาญตะวันตกคนหนึ่งถูกส่งมาเพื่อค้นหาที่อยู่ของดินแดนลับแห่งนี้และหลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ได้สังเวยยันต์เพื่อส่งข้อมูลที่ตัวเองถูกหลินเทียนสังหารกลับไปซึ่งยันต์นี้ไม่เพียงแค่บ่งบอกที่อยู่ของดินแดนลับทว่ามันรวมไปถึงรูปลักษณ์ของหลินเทียนเพื่อให้พรรคพวกช่วยล้างแค้นให้กับตัวเอง

“คนของข้าตายลงด้วยเงื้อมมือของเจ้าสินะ ”

ชายชราส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกว่า

“ฆ่ามันซะ ! ”

เมื่อสิ้นสุดคำพูดแล้วสายตาของชายชราทั้งสามคนเองก็ได้หันมองออกไปทางหลินเทียนด้วยแววตาที่อัดแน่นไปด้วยจิตสังหารพลางฟาดฟันอาวุธในมือเข้าใส่

มันเป็นอาวุธที่ทรงพลังกว่าอาวุธนิรันดร์อยู่มาก

นี่ทำให้สีหน้าของถูเซียนเซียนเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะมันเป็นการโจมตีที่ทรงพลังอย่างมาก

“ไม่ต้องไปสนใจพวกมัน ตั้งใจเรียนรู้เคล็ดวิชาต่อไป ”

หลินเทียนพูดออกมา

เขายังคงนั่งอยู่กับที่ขณะที่ส่งคลื่นกระบี่สีทองอร่ามออกไป

คลื่นกระบี่นี้ได้พุ่งอัดเข้าใส่อาวุธทั้งสามจนแหลกสลายเป็นผุยผงก่อนที่จะทะลวงผ่านหน้าผากของชายชราทั้งสามคนและแปรเปลี่ยนพวกเขากลายเป็นกองเลือดไปอย่างฉับพลัน

นี่ทำให้ร่างกายของผู้คนโดยรอบพากันสั่นไหวไปอย่างรุนแรง

“นี่มัน………..”

สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้คนโดยรอบพากันแข็งค้างไปตามๆกันเพราะว่าผู้เชี่ยวชาญตะวันคนนั้นถือว่าแข็งแกร่งอย่างมากแถมอาวุธที่ใช้ยังทรงพลังกว่าอาวุธนิรันดร์อีกทว่ากลับถูกทำลายและสังหารลงโดยการตวัดนิ้วเบาๆของหลินเทียนเท่านั้น

นี่มันเป็นความแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ?!

“เจ้าพวกผู้รุกรานจากชาวตะวันตก กล้าดีนักนะที่คิดจะชิงเอาภูเขาขึ้นชื่อทั้งหลายจากดินแดนศูนย์กลางของพวกเรา ! ”

เขาหันมองออกไปพร้อมทั้งส่งเสียงอันราบเรียบออกมา

นี่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญตะวันตกทั้งหลายพากันผงะไปเพราะไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะแข็งแกร่งถึงขั้นสามารถสังหารคนของเขาลงได้ง่ายๆแบบนี้

ชายชราที่มีรูปลักษณ์ที่ไม่ต่างกับศพแต่ส่งกลิ่นอายอันทรงพลังออกมาได้ส่งเสียงออกมาว่า

“ข้าฆ่ามันเอง ! ”

เขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาพลางคว้าเอาตำราเก่าแก่ที่สร้างลำแสงอันทรงพลังส่งเข้าใส่ทางหลินเทียน

“พระเจ้าบอกว่าจะนำเจ้าไปสู่แสงสว่าง ”

ประกายแสงอันอบอุ่นนี้อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวถึงขั้นทำให้แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดขุนเขาคุนหลุนยังต้องมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก

“พระเจ้าบอกว่าจะนำข้าไปสู่แสงสว่าง , ข้าบอกว่าเจ้าจะต้องมลายสิ้น ”

หลินเทียนส่งเสียงอันไม่แยแสออกมาพร้อมทั้งหันไปพูดกับชายชราขณะที่ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้กับถูเซียนเซียน

เขาไม่ได้ขยับแม้แต่น้อยทว่าพลังแห่งสัจธรรมอันเข้มข้นได้บดขยี้ลำแสงสังหารนั้นพร้อมทั้งๆฉีกร่างของชายชราออกเป็นชิ้นๆ

 

 

 


ตอนที่ 1342

 

เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่ร่างกายของชายชราแหลกสลายหายไปกลายเป็นผุยผง

“นี่มัน……..”

ภาพเหล่านี้ทำให้ผู้คนทั้งหลายได้แต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเพราะพวกเขาล้วนไม่มีใครเห็นว่าหลินเทียนเคลื่อนไหวแม้แต่น้อยทว่าเพียงแค่คำพูดไม่กี่คำกลับทำลายการโจมตีที่ทรงพลังและสังหารอีกฝ่ายลงได้อย่างง่ายๆ

“ใช้สัจธรรมเป็นคำพูดนี่มัน……”

หลายๆคนพากันสั่นสะท้านไป

ถูเซียนเซียนที่ตกตะลึงถึงขีดสุดเองไม่ก็คิดเลยว่าหลินเทียนจะสามารถสังหารศัตรูทั้งสี่คนลงได้ง่ายๆทำให้ตระหนักได้ว่าความแข็งแกร่งของเขาเกินกว่าที่นางจะจินตนาการเอาไว้มาก

ผู้เชี่ยวชาญชาวตะวันตกทั้งหลายเองก็พากันแสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมาเพราะว่าหนึ่งในผู้นำของพวกเขากลับถูกสังหารลงได้ง่ายๆ

อย่างไรก็ตามมันเป็นตอนนี้เองที่สีหน้าของพวกเขายิ่งเย็นยะเยือกเข้าไปอีก

“ไอ้พวกคนแปลกแยกพวกเจ้าจะต้องได้รับการลงทัณฑ์จากทวยเทพ ! ”

ชายชราผมสีน้ำตาลส่งเสียงออกมา

ตู้มม !!

คลื่นพลังอันหนักหน่วงของเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าระดับ 3 แผดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่พลังสัจธรรมอันเข้มข้นทำให้มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรง

“แกร๊ง ~! ”

เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาจากพลังสัจธรรมที่แปรเปลี่ยนกลายเป็นหอกสายฟ้าอันแข็งแกร่ง

นี่คือการผสานของพลังเทวะและสัจธรรมอย่างไม่สมบูรณ์จากลายเป็นทักษะเทวะที่ทรงพลังถึงขั้นทำให้หัวใจของผู้คนโดยรอบสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว

แม้กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดขุนเขาคุนหลุนเองก็ยังได้แต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง

“ตาย ! ”

ชายชราผมสีน้ำตาลได้ส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาพลางส่งหอกสายฟ้าอัดเข้าใส่ทางหลินเทียนด้วยพลังทำลายที่ฉีกมิติโดยรอบออกเป็นชิ้นๆ

หลินเทียนที่กำลังถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้กับถูเซียนเซียนเองก็ยังไม่ได้ขยับแม้แต่น้อยก่อนที่หอกสายฟ้าจะพุ่งเข้าประชิดร่างของเขาอย่างรวดเร็ว

ฟึ้บบบ ~!

เสียงนี้ถูกส่งออกมาขณะที่มันแหลกสลายหายไปตรงหน้าของเขา

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ประกายแสงสีทองถูกส่งออกมาจากร่างของเขาพุ่งเข้าใส่ทางฝ่ายตรงข้าม

พุฟฟ ~!

ชายชราผมสีน้ำตาลได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นหมอกเลือดโดยที่ไม่มีโอกาสจะได้ส่งเสียงกรีดร้องด้วยซ้ำ

นี่ทำให้สีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงอีกครั้ง

“เขตแดนจ้าวแห่งเต๋าระดับ 3 กลับ….”

“นี่….พระเจ้าช่วย…..”

“เขาเป็นบรรพบุรุษคนไหนกัน ?! ”

เหล่าผู้เชี่ยวชาญพากันส่งเสียงออกมา

เป็นเพราะผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจ้าวแห่งเต๋ากลับถูกสังหารลงได้ง่ายๆโดยที่ไม่สามารถส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยซ้ำ

ต้องรู้ก่อนนะว่าผู้เชี่ยวชาญระดับนี้สามารถเดินเบ่งไปทั่วโลกทั้งใบได้อย่างง่ายดาย

“นี่มัน…….เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญจากยุคกาลก่อนที่ยังมีชีวิตหรือไงกัน ?! ”

ผู้คนพากันกลืนน้ำลายกลับลงไป

ถูเซียนเซียนเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมายิ่งกว่าเก่าเพราะว่าชายตรงหน้าของนางแข็งแกร่งถึงขั้นที่สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าได้ทั้งๆที่นั่งอยู่เฉยๆทว่าก่อนหน้านี้นางกลับเพิ่งท้าเขาประลองแถมยังต้องการจะตีก้นของหลินเทียนหากว่าเป็นฝ่ายชนะนี่มันทำให้คอของนางหดลงด้วยความกลัวโดยทันที

ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้นางก็พบว่าท่าทางของหลินเทียนในตอนนี้เปลี่ยนไปจากช่วงที่สู้กับนางอย่างใหญ่หลวงเพราะตอนนี้เขาให้ความรู้สึกไม่ต่างจากเทพปีศาจจากยุคบรรพกาลเลยก็ว่าได้

เหล่าผู้เชี่ยวชาญชาวตะวันตกทั้งหลายที่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากพากันก้าวถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว

ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจ้าวแห่งเต๋ากลับถูกสังหารลงได้ง่ายๆแบบนี้แถมในยังอยู่ในสถานการณ์ที่หลินเทียนไม่ได้ลุกขึ้นยืนเลยด้วยซ้ำ

“เจ้า…….เป็นใครกัน ?! ”

หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา

หลินเทียนส่งเสียงอันราบเรียบออกมาว่า

“ข้าเป็นใครเจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรู้เรื่องนั้น”

เมื่อคำพูดของเขาได้สิ้นสุดลงแล้วมิติโดยรอบได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่ร่างกายและดวงวิญญาณของผู้พูดจะแหลกสลายหายไป

นี่ทำให้ร่างกายของผู้เชี่ยวชาญชาวตะวันตกที่อยู่โดยรอบพากันสั่นสะท้านไปยิ่งกว่าเก่า

“สังเวยอาวุธเทวะ ! ”

ชายชราชุดเทาส่งเสียงกัดฟันพูดออกมาอย่างรวดเร็ว

เขาคนนี้อยู่ในเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าระดับ 4

เมื่อคำพูดของเขาได้สิ้นสุดลงแล้วก็สังเวยเอาอาวุธอันทรงพลังที่รายล้อมไปด้วยประกายแสงศักดิ์สิทธิ์อันเข้มข้นออกมา

มันคืออาวุธเทวะที่ส่งกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวออกมาโดยรอบ

มันส่งผลให้สถานที่แห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดภายในชั่วพริบตา

ตู้มมม ~!

ปรากฏวังน้ำวนสีดำเข้มรายล้อมไปด้วยคลื่นสายฟ้าขึ้นกลางม่านฟ้าด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่ได้ต่างไปจากทัณฑ์สวรรค์ซึ่งกลิ่นอายทำลายล้างของมันทรงพลังกว่าหอกสายฟ้าก่อนหน้านี้ตั้งไม่รู้กี่เท่าตัว

เป็นเพราะว่ามันเป็นการสังเวยการโจมตีโดยอาศัยพลังของทุกคน

หลังจากนั้นเองที่อาวุธเทวะอันทรงพลังนี้ได้กดทับเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่รอช้า

เปรี้ยยย !

เปรี้ย !

เปรี้ย !

มิติโดยรอบปริแตกขณะที่คลื่นพลังทำลายล้างโถมเข้าใส่อย่างหนักหน่วง

หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาก่อนที่จะโบกมือส่งคลื่นกระบี่สีทองพวยพุ่งผ่านอากาศออกไปบดขยี้อาวุธเทวะชิ้นนี้ลง

“นี่มัน…..เป็นไปไม่ได้ ? ! ”

“อาวุธเทวะ….กลับถูกทำลาย ?! นี่มัน…..พระเจ้าชัดๆ ! ”

“อาวุธเทวะที่ผสานการโจมตีของจ้าวแห่งเต๋าถึงสามคนกลับ……..”

ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์กลางพากันใจสั่นอย่างรุนแรง

ระหว่างนี้ผู้เชี่ยวชาญชาวตะวันตกทั้งหลายได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุดเพราะไม่คิดเลยว่าจะมีตัวตนระดับนี้ปรากฏตัวขึ้นภายในสถานที่แห่งนี้

“หนีเร็ว ! ”

หนึ่งในผู้นำของพวกเขาส่งเสียงออกมาขณะที่ทั้งห้าคนหันหลังพุ่งหนีไป

“ในเมื่อมาแล้วก็อย่าหวังเลยว่าจะหนีรอดกลับไปได้ ”

หลินเทียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

เป้าหมายในการมาของเขาก็เพื่อดักรอกลุ่มคนเหล่านี้

การที่กล้ามาอวดดีภายในดินแดนศูนย์กลางมันต้องสังหารให้เกลี้ยง !

เขายังคงนั่งอยู่กับที่ก่อนที่คลื่นกระบี่สีทองอันทรงพลังจะพวยพุ่งออกไปรวบทิศทาง

“ระยำเอ้ย ! รอก่อนเถอะ พวกเราจะส่งกองกำลังมาบดขยี้ดินแดนศูนย์กลางของพวกเจ้าให้สิ้นซาก พวกเจ้าทั้งหมดต้องตาย ! ”

พวกเขาตระหนักดีว่าตัวเองต้องตายอย่างแน่นอนถึงได้ส่งเสียงคำรามออกมา

“งั้นรึ ? ในเมื่อพวกเจ้าอวดดีกันขนาดนี้งั้นข้าขอเอาอย่างบ้างแล้วกัน ข้าจะไปฆ่าล้างผู้เชี่ยวชาญชาวตะวันตกให้สิ้นซากเช่นกัน ”

หลินเทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

หลังจากที่คำพูดของเขาได้จบลงแล้วคลื่นกระบี่อันทรงพลังก็ได้ฉีกร่างและดวงวิญญาณของอีกฝ่ายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

กองกำลังผู้เชี่ยวชาญชาวตะวันตกได้ตกตายลงอย่างสมบูรณ์ทำให้สถานที่แห่งนี้ตกอยู่ในความเงียบสงบโดยทันที

นี่ทำให้สายตาของทุกผู้คนหยุดอยู่ที่ร่างของหลินเทียนเป็นสายตาเดียวกัน

“อึกกก ”

พวกเขาพากันกลืนน้ำลายกลับลงไปด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมาก

ไม่เว้นแม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดขุนเขาคุนหลุนเองก็ไม่ต่างกัน

ถูเซียนเซียนได้แต่จ้องมองไปยังร่างของหลินเทียนด้วยความรู้สึกที่หวั่นเกรง

เป็นเพราะศัตรูที่บุกเข้ามาเมื่อครู่ล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งกันทุกคนถึงขั้นติดอาวุธเทวะเข้ามาด้วยทว่ากลับถูกสังหารลงด้วยเงื้อมมือของหลินเทียนทั้งหมด

มันเป็นความแข็งแกร่งที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก

“แม่หนูน้อย บอกแล้วไงว่าอย่าเสียสมาธิ ตั้งใจเรียนรู้เคล็ดวิชานี้ ”

หลินเทียนส่งเสียงออกมา

เขายังคงนั่งอยู่กับที่พร้อมทั้งสังหารเหล่าศัตรูระหว่างที่ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้กับนางไปด้วยโดยที่ไม่ได้ขยับไปไหนแม้แต่น้อย

“โอ้ ~~ ”

นางพยักหน้าซ้ำๆพร้อมๆกับตอบรับอย่างเชื่อฟัง

หลังจากนั้นนางก็ตั้งใจไปกับการเรียนรู้เคล็ดวิชาต่างๆอยู่ภายในทะเลความรู้ของตัวเอง

นี่ทำให้พลังอสูรของนางยิ่งเข้มข้นและพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

หลินเทียนพยักหน้าของเขาเพราะต้องยอมรับเลยว่าพรสวรรค์ของนางนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ

“บึ้สส ~! ”

ประกายแสงอันเข้มข้นที่ผสมผสานไปด้วยพลังสัจธรรมได้โถมเข้ามา

ถูเซียนเซียนที่กำลังทำความเข้าใจเคล็ดวิชานี้ทำให้กลิ่นอายของนางพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง

ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบต่างพากันจ้องมองไปทางนางด้วยสายตาที่อิจฉาจาพูดไม่ถูก

เป็นเพราะพวกเขาล้วนตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของหลินเทียนที่สามารถสังหารศัตรูลงได้ง่ายๆนี่มันไม่ต่างจากผู้เชี่ยวชาญจากยุคกาลก่อนหรือแม้กระทั่งอาจจะแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำทำให้เรียกได้ว่าเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานในยุคปัจจุบันซึ่ง ณ ตอนนี้การที่ตัวตนระดับนี้กำลังถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้กับถูเซียนเซียนด้วยตัวเองนั้นมันเป็นเหมือนความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง

“สหายถู ดูเหมือนว่าองค์หญิงของตระกูลเจ้านี่จะมีโชคชะตาที่น่าอิจฉาจริงๆเลยนะที่สามารถได้รับความโปรดปรานขนาดนี้ ”

ผู้อาวุโสสูงสุดขุนเขาคุนหลุนส่งเสียงออกมา

ผู้นำตระกูลจิ้งจอกครามเองก็ได้แต่ส่งเสียงสั่นๆออกมาว่า

“โชคชะตา ! ……..โชคดีจริงๆ ! ”

เป็นเพราะว่าความแข็งแกร่งของหลินเทียนนั้นเหนือกว่าพวกเขาทุกคนที่อยู่ที่นี่จนอยู่ในระดับที่เรียกว่าน่ากลัวเลยก็ว่าได้ทว่าตอนนี้ตัวตนระดับนั้นกำลังถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้กับผู้มีพรสวรรค์ของตระกูลนางด้วยตัวเองนี่ทำให้นางรู้สึกเหมือนฝันไปเลยก็ว่าได้

“บึ้สส ~! ”

ประกายแสงส่องสว่างออกไปรอบทิศทางขณะที่นางทำความเข้าใจกับเคล็ดวิชาที่หลินเทียนถ่ายทอดให้อย่างตั้งใจทำให้กลิ่นอายพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง

ไม่นานหลังจากนั้นคลื่นพลังอันหนักหน่วงก็ได้ระเบิดออกมาจากร่างของนางขณะที่นางตัดผ่านเขตแดนวิญญาณนิรันดร์

นี่ทำให้มิติโดยรอบเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมๆกับทัณฑ์สวรรค์ที่เริ่มก่อตัวขึ้นเหนือม่านฟ้า

เป็นเพราะว่าการตัดผ่านของนางนำพามาซึ่งทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้

“เปรี้ยงง ~! ”

เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่กลิ่นอายทำลายล้างแผดขยายไปทั่วพื้นที่

มันเป็นกลิ่นอายทำลายล้างที่ทำให้แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดขุนเขาคุนหลุนเองก็ยังได้แต่สั่นกลัว

“เขตแดนวิญญาณนิรันดร์ ”

ผู้นำตระกูลจิ้งจอกครามส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจเพราะว่าตอนที่ถูเซียนเซียนอยู่ในเขตแดนจักรพรรดินภานั้นสามารถเอาชนะผู้อาวุโสสูงสุดเขตแดนวิญญาณนิรันดร์ได้แล้วตอนนี้ที่ตัดผ่านเขตแดนวิญญาณนิรันดร์ไปได้แล้วจะแข็งแกร่งถึงขนาดไหนกัน ?! เมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้นางตื่นเต้นขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตามตอนนี้นางก็อดแสดงสีหน้าที่เป็นกังวลออกมาไม่ได้เพราะว่าทัณฑ์สวรรค์ที่ถูเซียนเซียนนำพามานั้นมันทรงพลังอย่างมาก

“เยี่ยม ”

หลินเทียนส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งอดพยักหน้าให้ไม่ได้

เป็นเพราะว่าทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้มันทรงพลังถึงขั้นที่คนธรรมดาไม่สามารถเทียบเคียงได้เลยด้วยซ้ำซึ่งนี่เป็นการยืนยันถึงความมีพรสวรรค์ของนาง

เป็นเพราะยิ่งมีพรสวรรค์ก็ยิ่งชักนำทัณฑ์สวรรค์ที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้น

 

 

 


ตอนที่ 1343

 

คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างได้กดทับลงมาจากฟากฟ้าส่งผลให้ผู้คนโดยรอบต่างพากันแสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมา

ถูเซียนเซียนได้แต่สั่นสะท้านไปไม่หยุดพร้อมทั้งสัมผัสได้ถึงอันตรายถึงชีวิต

เพราะถึงอย่างไรมันก็พุ่งเป้ามาที่นาง

นางกำกระบี่เอาไว้แน่นพร้อมทั้งเตรียมตัวรับทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้

“ไม่ต้องไปสนใจมัน ตั้งใจเรียนรู้เคล็ดวิชาเหล่านี้ไป ”

หลินเทียนส่งเสียงออกมา

ระหว่างที่กำลังถ่ายทอดเคล็ดวิชาอยู่นั้นเขาก็ได้ตวัดนิ้วส่งคลื่นพลังสีทองพุ่งทะลวงชั้นฟ้าไปอย่างเฉียบพลัน

ฟึ้บบ ~! เสียงนี้ถูกส่งออกมาก่อนที่หมู่เมฆสายฟ้าจะสลายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

นี่ทำให้ผู้คนทั้งหลายที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้พากันอ้าปากค้างไปเพราะทัณฑ์สวรรค์อันทรงพลังกลับถูกทำลายลงด้วยการตวัดนิ้วเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ระลึกถึงภาพการสังหารหมู่เมื่อครู่แล้วพวกเขาก็ต่างพากันถอนหายใจออกมาเพราะถึงอย่างไรขนาดจ้าวแห่งเต๋ายังตกตายลงได้ง่ายๆดังนั้นการทำลายทัณฑ์สวรรค์ก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรมากนัก

ถูเซียนเซียนผงะไปครู่หนึ่งก่อนที่จะตั้งใจไปกับการเรียนรู้เคล็ดวิชาอีกครั้ง

หลินเทียนที่เห็นว่านางว่านอนสอนง่ายเองก็ถ่ายทอดทักษะเทวะมากมายให้กับนาง

ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ

ณ ตอนนี้เขาได้ถอนมือของตัวเองกลับมาก่อนที่จะยืนขึ้นและหยุดการถ่ายทอดทักษะให้กับนาง

ร่างกายของถูเซียนเซียนในตอนนี้รายล้อมไปด้วยประกายแสงเจิดจรัสขณะที่กลิ่นอายพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ไม่นานนางก็ตัดผ่านไปยังเขตแดนวิญญาณนิรันดร์ระดับ 2 อย่างรวดเร็ว

หลินเทียนพยักหน้าเล็กน้อยเพราะว่าพรสวรรค์ของนางถือว่าโดดเด่นจริงๆ

ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วก่อนที่นางจะได้สติกลับมาพร้อมๆกับเก็บกลิ่นอายทั้งหมดกลับไป

นางก้มลงมองไปที่มือทั้งสองก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเองด้วยความประหลาดใจพลางเก็บเอากระบี่นิรันดร์กลับไปแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าของหลินเทียน

“ท่านอาจารย์ เซียนเซียนขอคาราวะ ”

ดวงตาของนางในตอนนี้เปล่งประกายออกมาด้วยท่าทางที่เชื่อฟังอย่างมาก

“แค่ถ่ายทอดทักษะให้เท่านั้น ไม่ได้รับเป็นศิษย์ ”

หลินเทียนโบกมือส่งพลังเทวะออกไปหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของนางเอาไว้

“ไม่ได้ ! มีคำพูดมาแต่โบราณเอาไว้ว่าผู้ให้ความรู้คืออาจารย์ ท่านถ่ายทอดทักษะให้แล้วดังนั้นต้องเป็นอาจารย์ ! ”

ถูเซียนเซียนส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย

หลินเทียนส่ายศีรษะของเขาเพราะตัวเขาเองก็มีลูกศิษย์อยู่แล้วดังนั้นจึงไม่มีแผนว่าจะรับเพิ่มอีกต่อไป

“ไม่ได้ ! ”

นางกระโดดมาข้างๆเขาพร้อมทั้งคว้ามือเอาไว้แล้วแกว่งไปมาพลางพูดออกมาด้วยท่าทางของเด็กเสียคนว่า

“ท่านรับข้าเป็นศิษย์เถอะนะ เซียนเซียนจะเป็นเด็กดี จะซักผ้าเตรียมอาหารพับผ้าปูที่นอน นวดไหล่นวดเท้า เซียนเซียนจะกตัญญูต่อท่าน ! ”

เป็นเพราะความรู้สึกตกตะลึงไปกับเคล็ดวิชาที่หลินเทียนมอบให้ดังนั้นอย่างน้อยๆหลินเทียนก็แข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญในยุคกาลก่อนหรือเรียกได้ว่าเป็นผู้ไร้เทียมทานในยุคนี้ดังนั้นหากว่าสามารถติดตามหลินเทียนได้แล้วก็จะทำให้เส้นทางการบ่มเพาะของนางไปได้ไกลมากขึ้นแล้วจะปล่อยโอกาสนี้ไปได้อย่างไรกันถึงได้กล้าทำหน้าหนาเกาะแขนของหลินเทียนเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

นี่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบต่างพากันแสดงสีหน้าที่อับอายออกมาตามๆกันเพราะผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งสามารถสังหารศัตรูทั้งหมดรวมถึงทำลายอาวุธเทวะได้อย่างง่ายดายกลับถูกเซียนเซียนคว้ามือเอาไว้พร้อมทั้งแกว่งไปมานี่มันทำให้พวกเขาต่างพากันคอหดไปเพราะไม่คิดเลยว่านางจะกล้าขนาดนี้

“ปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะเซียนเซียน ! อย่าเสียมารยาท !”

ผู้นำตระกูลจิ้งจอกครามได้ส่งเสียงคำรามออกมาพลางหันไปทางหลินเทียนแล้วทำความเคารพ

“คาราวะท่านผู้อาวุโส ! ขอขอบคุณในความเมตตาของท่านที่ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้กับเซียนเซียน”

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ผู้นำขุมพลังต่างๆรวมถึงผู้อาวุโสสูงสุดขุนเขาคุนหลุนเองก็ต่างพากันคาราวะให้กับเขาพร้อมพูดว่า

“คาราวะท่านผู้อาวุโส ! ”

“ไม่ๆ ข้าไม่ได้มีอายุมากเท่าพวกเจ้าดังนั้นข้ารับการคาราวะนี้ไว้ไม่ได้หรอก ”

หลินเทียนส่งเสียงออกมาพลางโบกมือส่งพลังเทวะออกไปหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของทุกคนเอาไว้

“ไม่ได้อายุเยอะเท่าพวกเรา ? ”

ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสพากันแสดงสีหน้าที่สงสัยออกมาก่อนที่จะพยายามสัมผัสถึงพลังชีวิตของหลินเทียนก่อนที่จะแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะจากกลิ่นอายของหลินเทียนมันแสดงให้เห็นว่าเขายังมีอายุไม่กี่สิบปีเท่านั้น

อย่างไรก็ตามมันก็ยิ่งทำให้พวกเขาตื่นตระหนกเข้าไปใหญ่เพราะว่าการที่มีอายุไม่กี่ปีแต่กลับอยู่ในระดับนี้ เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาอันล้ำค่าแถมยังสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าลงได้ง่ายๆนั้นมันน่ากลัวขนาดไหนกัน ?!

นี่ทำให้งานรวมตัวกันไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ขณะที่ผู้นำขุมพลังต่างๆพากันให้การต้อนรับหลินเทียนอย่างอบอุ่น

ระหว่างนี้ถูเซียนเซียนก็เกาะติดหนึบอยู่กับเขาเพราะกลัวว่าเขาจะหนีไป

หลินเทียนไม่ได้สนใจอะไรมากนักและไม่ได้ว่าอะไรก่อนที่จะหันไปถามกับผู้นำขุมพลังต่างๆว่า

“มีใครรู้ไหมบ้างว่าทำไมภูเขาไท่ถึงได้อยู่ในสภาพนี้กัน ? เกิดอะไรขึ้นกับมัน ? ”

เป็นเพราะว่าภูเขาไท่นั้นเคยยิ่งใหญ่อย่างมากซึ่งคนเหล่านี้อาจจะรู้ถึงความลับในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

อย่างไรก็ตามเขาก็ได้แต่ผิดหวังไปเพราะว่าเหล่าผู้นำขุมพลังทั้งหลายพากันส่ายศีรษะของพวกเขาไม่เว้นแม้กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดขุนเขาคุนหลุนเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าก็ยังไม่ทราบ

“นี่……..”

เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ผิดหวังออกมาเพราะขนาดคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่นี่ก็ยังไม่รู้

ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อพร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกลุ่มคนเหล่านี้

แน่นอนว่ามันคือการแนะแนวทางให้กับคนเหล่านี้เพราะถึงอย่างไรระดับพลังของเขาในตอนนี้มันห่างชั้นกับคนเหล่านี้อยู่มาก

ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงก่อนที่ผู้คนทั้งหลายจะพากันโค้งคำนับให้กับเขา

“ขอบคุณท่านมากๆ ! ”

“พวกเราซาบซึ้งจริงๆ ! ”

“ขอบคุณท่านมากๆ ! ”

ดวงตาของพวกเขาต่างเปล่งประกายออกมาเพราะตลอดสองชั่วโมงที่ได้รับการแนะแนวทางจากหลินเทียนนี้เป็นการจุดประกายความคิดให้กับพวกเขาที่มีประโยชน์ยิ่งกว่าการบ่มเพาะเป็นเวลาหลายร้อยปีทำให้เส้นทางการบ่มเพาะของพวกเขาดูสว่างมากยิ่งขึ้น

หลินเทียนโบกมือของเขาอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร

“เรามีเรื่องบางอย่างอยากขอให้ท่านช่วยเหลือ ”

ผู้นำสำนักเทียนฉีได้ส่งเสียงออกมาพลางโค้งคำนับแล้วพูดต่อว่า

“เป็นเพราะว่าภายในดินแดนลับของเราได้มีอสูรร้ายถูกผนึกเอาไว้โดยบรรพบุรุษของเราซึ่งดูเหมือนว่าผนึกในตอนนี้จะไม่สามารถรับมือกับมันได้อีกแล้ว ”

ภายในดินแดนลับของสำนักเทียนฉีนั้นเต็มไปด้วยอสูรร้ายมากมายซึ่งผนึกของมันเริ่มจะอ่อนแรงลงในช่วงหลายเดือนก่อนส่งผลให้มีกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวไหลทะลักออกมาเป็นช่วงๆทำให้แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขาเองก็ยังไม่สามารถผนึกมันกลับไปได้และประมาณการณ์เอาไว้ว่าอีกประมาณหนึ่งเดือนอสูรร้ายก็จะหลุดออกมา

“หากว่าปล่อยให้มันหลุดออกมาได้แล้วก็จะกลายเป็นหายนะอย่างแน่นอน ไม่ใช่เพียงแค่ขุนเขาของเราเท่านั้นแต่มันจะทำให้ผู้คนธรรมดาติดร่างแหไปด้วยดังนั้นได้โปรดช่วยพวกเราด้วย ! ”

ผู้นำสำนักเทียนฉีวัยกลางคนได้พูดออกมาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลอย่างมาก

ความเป็นจริงแล้วเขาได้เตรียมที่จะแจ้งเรื่องนี้ให้กับคนอื่นๆทันทีหลังจากที่งานรวมตัวได้จบลงเพื่อขอให้พวกเขาให้การช่วยเหลือแต่ไม่คิดเลยว่าตัวตนที่ไร้เทียมทานอย่างหลินเทียนจะบังเอิญปรากฏตัวออกมาทำให้เขาเอ่ยปากขอร้องไปทันที

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยงั้นรึ ?! ”

เมื่อฟังคำพูดเหล่านี้แล้วมันทำให้ผู้นำขุนเขาทั้งหลายต่างพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกัน

เป็นเพราะว่าขุมพลังนี้มีหน้าที่ในการผนึกและสยบเหล่าอสูรร้ายดังนั้นผู้นำในแต่ละรุ่นจะผนึกอสูรทั้งหลายเอาไว้ซึ่งผู้นำขุมพลังทั้งหลายในที่นี้นั้นรู้ดีอสูรร้ายที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งผนึกเอาไว้นั้นแข็งแกร่งถึงขั้นที่ไม่สามารถจินตนาการได้เลยด้วยซ้ำ

“บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสำนักเทียนฉีผนึกอสูรร้ายเอาไว้ ? ”

หลินเทียนแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาเล็กน้อย

เป็นเพราะว่าขุมพลังนี้เก่าแก่อย่างมากซึ่งแน่นอนว่าบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งของพวกเขามีชื่อเสียงที่สุดเพราะไม่เพียงแต่เป็นที่รู้จักกันในหมู่ผู้บ่มเพาะเท่านั้นทว่ามันกลับรวมถึงในหมู่คนธรรมดาซึ่งได้ชื่อว่าเป็นมือปราบมารผู้โด่งดังอย่างจางเต๋าเหลิง

การที่คนดังขนาดนั้นผนึกอสูรร้ายเอาไว้มันอดทำให้เขาปล่อยไปเฉยๆไม่ได้

“ข้าจะไปลองดูหน่อยแล้วกัน ”

เขาตอบกลับไป

เป็นเพราะจากคำอธิบายที่ได้รับมานั้นหากว่าอีกฝ่ายหลุดออกมาได้ก็ไม่ใช่อะไรที่คนเหล่านี้จะรับมือได้เลยดังนั้นในเมื่อเขาได้รับรู้เรื่องนี้แล้วจึงไม่สามารถปล่อยเอาไว้ได้

ยิ่งไปกว่านั้นการที่สามารถถูกผนึกโดยบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งอย่างจางเต๋าหลิงได้นั้นก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความพิเศษของอสูรตัวนี้เพราะอย่างน้อยๆก็อาจจะรู้ความลับเกี่ยวกับภูเขาไท่นี้ก็เป็นได้

เมื่อได้ยินว่าหลินเทียนยอมตกลงแบบนี้แล้วทำให้ผู้นำสำนักเทียนฉีได้แต่แสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมา

“ขอบคุณท่านมากๆ ! ขอบคุณท่านจริงๆ ! ”

เป็นเพราะว่าพวกเขาล้วนรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของหลินเทียนเป็นอย่างดีดังนั้นหากว่าหลินเทียนลงมือแล้วจะต้องสามารถจัดการอสูรร้ายตัวนี้ได้แน่นอน

“ข้าขอติดตามไปด้วยจะเป็นอะไรไหม ? ”

เหล่าผู้นำขุมพลังทั้งหลายพากันถามออกมา

“แน่นอนว่าไม่มีปัญหา ”

ผู้นำสำนักเทียนฉีตอบกลับไป

นี่ทำให้หลินเทียนและพวกเขาพากันมุ่งหน้าไปยังดินแดนลับของสำนักเทียนฉีที่ตั้งอยู่ในภูเขาหลงฮูอย่างรวดเร็ว

 

 

 


ตอนที่ 1344

 

หลินเทียนและผู้นำขุนเขาต่างๆพากันเดินทางมาถึงด้านหน้าของภูเขาหลงฮูพร้อมๆกับผู้นำสำนักเทียนฉีพร้อมทั้งมองออกไปยังภูเขาหลายลูกที่มีความสูงกว่าหลายร้อยเมตรและเต็มไปด้วยพืชพันธุ์มากมายให้ความรู้สึกที่สบายตาอย่างมาก

“เชิญท่าน ”

ผู้นำสำนักเทียนฉีได้ส่งเสียงออกมาพลางก้าวเดินนำพวกเขาเข้าไปภายในสถานที่ส่วนลึก

แม้จะบอกว่าขุมพลังของเขาตั้งอยู่ภายในภูเขาแห่งนี้ก็จริงแต่จริงๆแล้วมันเป็นดินแดนลับที่อยู่ภายในภูเขานี้ถึงจะถูกทำให้คนธรรมดาไม่สามารถเข้าไปได้

ขณะที่ผู้นำสำนักได้ก้าวเข้าไปนั้นกลุ่มหมอกก็ได้สลายตัวออกขณะที่เขาประสานมือเข้าหากันทำให้ปรากฏประตูมิติอันลึกลับขึ้นตรงหน้าพลางก้าวเดินเข้าไป

พริบตาหลังจากนั้นสภาพแวดล้อมรอบตัวของพวกเขาก็พากันเปลี่ยนไปอีกครั้งก่อนที่จะพบกับสถานที่ๆเป็นพื้นราบไม่มีภูเขาให้เห็นแต่มีตำหนักอันเก่าแก่ตั้งตระหง่านอยู่ด้วยกลิ่นอายที่ผันพวน

“นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาสำนักเทียนฉีเหมือนกัน ”

ถูเซียนเซียนได้ส่งเสียงออกมาระหว่างที่ติดตามหลินเทียนมาด้วยเพราะกลัวว่าเขาจะแอบหนีไป

หลินเทียนหันมองออกไปยังพื้นที่อันกว้างใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังฉีอันเข้มข้นต่างจากโลกภายนอกอย่างลิบลับ

ระหว่างนี้เขาก็ได้พบกับศิษย์ของสำนักที่แต่ละคนล้วนมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาแม้แต่น้อย

ตู้มมม ~!

ทันใดนั้นเองที่มิติโดยรอบได้สั่นสะท้านอย่างรุนแรงขณะที่พลังอสูรอันเข้มข้นระเบิดออกมาจากภายในส่วนลึกสุดของสถานที่แห่งนี้

เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับกลุ่มหมอกสีเทาที่ส่งออกมาจากรอยแยกมิติที่บิดเบี้ยวเสมือนว่ามันกำลังจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ

“นี่มัน ?! ”

“นี่…..เป็นพลังอสูรที่เข้มข้นมากๆ ! ”

“นี่คืออสูรร้ายที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสำนักเทียนฉีเป็นคนผนึกเอาไว้ ?! กลิ่นอายนี้มัน…….”

ผู้นำขุนเขาทั้งหลายที่อยู่ที่นี่รวมถึงผู้อาวุโสสูงสุดเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าของขุนเขาคุนหลุนเองก็ยังใจสั่นไปไม่น้อย

“นี่มัน……น่ากลัวจริงๆ ! ”

ถูเซียนเซียนได้ส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งเดินเข้าใกล้หลินเทียนมากกว่าเก่าเพราะกลิ่นอายนี้มันร้ายกาจจริงๆ

หลินเทียนมองเข้าไปก่อนที่จะส่งเสียงออกมาว่า

“เขตแดนปรินิพพาน ”

อสูรเขตแดนปรินิพพานนั้นได้ชื่อว่าเป็นปราชญ์อสูรก็จริงทว่าสำหรับเขาแล้วก็ไม่ได้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

“รีบถอยห่างเร็ว ! ”

“ไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ! ”

“รีบไปกันเร็ว ! ”

ผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งของสำนักพากันส่งเสียงออกมาเพื่อสั่งการให้ผู้คนพากันถอยออกไปเพื่อไม่ให้ได้รับบาดเจ็บจากพลังอสูรนี้

ผู้นำขุนเขาเทียนฉีที่กำลังมองไปยังภาพตรงหน้าได้แต่แสดงสีหน้าที่เป็นกังวลออกมาพลางหันมองไปทางหลินเทียนแล้วพูดว่า

“สหาย ท่านเองก็เห็นว่าสถานการณ์มันเป็นอย่างไร ช่วงนี้มันพยายามทำลายผนึกอย่างต่อเนื่องและข้าเกรงว่าจะไม่สามารถกักขังมันเอาไว้ได้อีกแล้ว ”

หลังจากที่พูดจบแล้วก็ได้โค้งคำนับให้กับหลินเทียนพลางพูดว่า

“ทั้งหมดขึ้นอยู่กับท่านแล้ว ”

“ไม่ต้องเป็นห่วง ”

หลินเทียนตอบกลับไป

เขาสั่งการให้อีกฝ่ายเดินนำทางเข้าไปภายในพื้นที่ส่วนลึกอย่างรวดเร็ว

มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่อยู่ภายในและอัดแน่นไปด้วยพลังอสูรอย่างเข้มข้นก่อนที่จะพบกับชายชราเจ็ดคนสวมชุดคลุมเอาไว้กำลังประสานมือเมื่อสร้างตราประทับอันลึกลับสำหรับการทำให้ผนึกกลับมาสมดุลและจะเห็นได้ว่าหนึ่งในพวกเขานั้นเป็นคนที่มีอายุอย่างมากและเขาคือผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักแห่งนี้

ผู้นำขุนเขาได้เดินนำหลินเทียนและคนอื่นๆมาถึงที่นี่ก่อนที่จะเรียกรวมผู้เชี่ยวชาญทั้งเจ็ดคนทำให้พวกเขาต่างพากันก้าวเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ”

ผู้นำขุนเขาส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งแนะนำตัวหลินเทียนให้กับอีกฝ่ายพลางพูดว่า

“สหายคนนี้แข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญจากยุคกาลก่อนดังนั้นเขาจะต้องสามารถช่วยเราได้อย่างแน่นอน ”

ผู้อาวุโสสูงสุดสำนักแห่งนี้ที่มีดวงตาที่หลนลึกเข้าไปได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น

“แข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญจากยุคกาลก่อน ?! ”

สายตาของเขาได้หันมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อเพราะว่ารูปลักษณ์ของหลินเทียนนั้นยังดูหนุ่มอย่างมากแต่กลับแข็งแกร่งขนาดนั้น ?

“ตาเฒ่า อย่าได้สงสัยในความแข็งแกร่งของอาจารย์ข้า ! ”

ถูเซียนเซียนได้ส่งเสียงอันภาคภูมิออกมา

“ข้าไม่ใช่อาจารย์ของเจ้า”

หลินเทียนส่งเสียงแก้ตัวออกมา

ถูเซียนเซียนได้แต่ขยิบตาใส่เขาพร้อมทั้งพูดต่อว่า

“การสั่งสอนถือว่าเป็นอาจารย์แล้วนี่คือความเป็นจริงนะท่านอาจารย์ ”

หลินเทียน

“…………..”

“ตู้มม ~! ”

พลังอสูรอันเข้มข้นระเบิดออกมาขณะที่ผนึกแห่งนี้เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง

เสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งตามออกมาขณะที่มิติเริ่มปริแตกส่งผลให้พลังอสูรอันหนักหน่วงเริ่มไหลทะลักออกไปทั่วพื้นที่แห่งนี้จึงสร้างความตกอกตกใจให้กับผู้คนโดยรอบ

สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดสำนักเทียนฉีถึงกับเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงถึงขั้นที่สามารถฉีกร่างเขาออกเป็นเสี่ยงๆได้อย่างง่ายดาย

ผู้นำขุนเขาได้หันมองไปทางหลินเทียนพร้อมทั้งพูดอย่างเร่งรีบว่า

“สหาย ท่าน………”

เป็นเพราะว่าภาพเหล่านี้มันกำลังแสดงให้เห็นว่าผนึกกำลังจะถูกทำลายลงในไม่ช้าดังนั้นจึงมีหลินเทียนเป็นที่พึ่งเดียวเท่านั้น

“ไม่ต้องกังวลไป ”

หลินเทียนตอบกลับไปเหมือนคราวแรกด้วยสีหน้าที่ราบเรียบไม่ได้แยแสแม้แต่น้อย

พลังอสูรที่รั่วไหวออกมาจากด้านหน้ายิ่งพุ่งสูงขึ้นๆอย่างต่อเนื่อง

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกลิ่นอายระดับนี้แล้วทำให้ผู้นำขุนเขาทั้งหลายพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกัน

ถูเซียนเซียนถึงกับคอหดพร้อมๆกับส่งเสียงกระซิบออกมาว่า

“เป็นอสูรร้ายจริงๆนะคะท่านอาจารย์ ”

“ก็บอกแล้วว่าข้าไม่ใช่อาจารย์ของเจ้า ”

หลินเทียนพูดแก้ตัว

“ท่านอาจารย์ ท่านต้องมีความยุติธรรมบ้างสิ ในเมื่อท่านทำแล้วท่านก็ต้องยอมรับ ในเมื่อท่านสั่งสอนข้าแล้วก็ต้องรับผิดชอบในตัวศิษย์ผู้น่ารักคนนี้ด้วย ! ”

ถูเซียนเซียนที่รู้ว่าหลินเทียนมีอายุไม่ต่างจากนางมากทำให้ความกล้าของนางยิ่งเพิ่มมากขึ้นพร้อมทั้งพยายามเกาะหนึบอยู่กับเขาไม่ปล่อยไปไหน

หลินเทียน

“………………”

“ตู้มม ~! ”

คลื่นพลังอสูรอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง

เมื่อมองออกไปแล้วจะได้พบกับอักขระผนึกมากมายรายล้อมอยู่รอบทิศทางซึ่งตัวมันเองกำลังเลือนรางลงอย่างต่อเนื่องเสมือนว่าไม่สามารถแบกรับพลังเหล่านี้เอาไว้ได้อีกต่อไป

หลังจากนั้นไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าครึ่งเดือน

วันนี้เป็นวันที่พลังอสูรได้พุ่งสูงถึงขีดสุดก่อนที่อักขระผนึกทั้งหลายจะมัวหมองลงและสลายหายไป

ตู้มมม ~!

พลังอสูรอันเข้มข้นระเบิดออกมาจากใต้พื้นดินทำให้ทั้งสถานที่แห่งนี้สั่นไหวไม่หยุด

“ออกมาได้แล้วโว้ย ! ปู่เสือคนนี้ออกมาได้แล้ว ! ”

เสียงหัวเราะดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาด้วยพลังที่ทำให้มิติโดยรอบบิดตัวอย่างรุนแรง

พลังอสูรได้เคลื่อนตัวกลับลงมาก่อนที่จะปรากฏภาพร่างสีขาวความสูงประมาณสิบเมตรกำลังยืนอยู่บนหุบเขาและหากมองดูดีๆแล้วจะพบว่ามันคือพยัคฆ์ขาวที่มีขนสีดำปะปนอยู่ด้วยแต่สิ่งที่ต่างออกไปจากพยัคฆ์ขาวปกตินั้นคือปีกของมันที่หากกางออกแล้วมันกลับมีความยาวกว่าสามเมตรแถมยังแผดพลังอสูรอันเข้มข้นไม่ธรรมดาออกมา

“เขตแดนปรินิพพานระดับ 6 ”

หลินเทียนส่งเสียงออกมา

การกระพือปีกของมันสร้างคลื่นพายุอันทรงพลังพัดพาออกไปรอบทิศทาง

นี่ทำให้ผู้นำขุนเขาทั้งหลายต่างพากันใจสั่นไปตามๆกันหลังจากที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายนี้เพราะมันทำให้เขารู้สึกเสมือนว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับภูเขาใหญ่ยักษ์อย่างไรอย่างนั้น

ผู้อาวุโสสูงสุดสำนักเทียนฉีและผู้นำสำนักเองก็ได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างรุนแรง

พยัคฆ์ขาวได้หัวเราะออกมาอย่างดังก่อนที่จะกวาดสายตาออกไปรอบๆพร้อมหยุดอยู่ที่ร่างของถูเซียนเซียนด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย

“สาวงามโว้ย !!!!! ”

มันส่งเสียงโห่ร้องออกมาพร้อมๆกับพุ่งเข้าใส่นางโดยทันที

ความเร็วของมันสร้างพายุพัดพาร่างของผู้คนทั้งหลายปลิวออกไปไกล

มีเพียงหลินเทียนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของถูเซียนเซียนเท่านั้นที่ยังหยุดอยู่กับที่

พยัคฆ์ขาวส่งเสียงโห่ร้องออกมาอย่างตื่นเต้นระหว่างที่กระโจนเข้าใส่นางอย่างไม่รอช้า

ภาพเหล่านี้ทำให้นางได้แต่ผวาไปพร้อมทั้งรีบเดินไปหลบด้านหลังของหลินเทียนอย่างรวดเร็ว

ความเร็วของพยัคฆ์ขาวเองก็สูงมากๆถึงขั้นที่เข้าประชิดร่างของหลินเทียนภายในชั่วพริบตา

และมันเป็นตอนนี้เองที่หลินเทียนเหวี่ยงฝ่ามือตบออกไป

เพรี้ยย ~!!

เสียงตบดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่ร่างอันใหญ่โตมโหฬารลอยเคว้งออกไปไกลกว่าหลายสิบเมตร

ภาพเหล่านี้ทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบได้แต่สั่นสะท้านไป

“นี่มัน…….”

พวกเขาพากันกลืนน้ำลายกลับลงไปโดยทันที

เป็นเพราะแม้จะรู้อยู่แล้วว่าหลินเทียนนั้นแข็งแกร่งมากๆแต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะสามารถตบอสูรร้ายที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งสำนักเทียนฉีผนึกเอาไว้ด้วยตัวเองปลิวไปไกลแบบนี้

ผู้อาวุโสสูงสุดสำนักเทียนฉีเองก็ได้แต่สั่นสะท้านไปเพราะเขาไม่เชื่อว่าหลินเทียนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญจากยุคกาลก่อนเนื่องจากหลินเทียนนั้นดูหนุ่มเกินไปแต่หลังจากที่เห็นภาพเหล่านี้ไปแล้วมันทำให้เขาปักใจเชื่อโดยทันที

“ท่านอาจารย์แข็งแกร่งสุดยอดไปเลย ! สุดยอดที่สุด ! ”

ถูเซียนเซียนส่งเสียงโห่ร้องออกมา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)