Divine King of All Directions - สิบย่านฟ้าราชาสวรรค์ 1310 - 1327
1310
มันเป็นครั้งที่สองของเขาในการมาเยือนโลกใบนี้ซึ่งหากมองออกไปรอบๆแล้วจะเห็นได้ว่ามันยังคงเป็นสถานที่ๆเต็มไปด้วยป่าที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายยมโลกอันเข้มข้นก่อตัวขึ้นเป็นชั้นหมอกสีน้ำเงินเข้มสร้างความรู้สึกที่เย็นเสียดกระดูกให้กับผู้คน
“นี่เป็นช่องทางที่จ้าวสวรรค์ของอีกฝ่ายขุดไปยังโลกอีกฝั่งด้วยตัวเอง ”
เขาได้กวาดสายตาออกไปรอบๆด้วยดวงตาที่เป็นประกายออกมา
มันเป็นสถานที่รกร้างหรือเรียกว่าอยู่ห่างไกลผู้คนก็ว่าได้เพราะไม่สามารถสัมผัสถึงสัญญาณชีวิตได้แม้แต่น้อยดังนั้นเขาถึงได้หันมองกลับไปยังห้วงมิติด้านหลังก่อนที่จะเหาะออกไปตามทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
มันเป็นสถานที่ตั้งของตำหนักยมโลกซึ่งเขาได้รับมาจากการอ่านความทรงจำของจักรพรรดิโกลาหลคนหนึ่งซึ่งภายในนั้นจะเต็มไปด้วยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งจ้าวสวรรค์มากมายรวมถึงตัวตนระดับจ้าวสวรรค์ตอนปลายที่น่าสะพรึงกลัว
ทัณฑ์สวรรค์ครั้งก่อนของเขาไม่กล้าชักนำไปที่ตำหนักยมโลกแห่งนี้เพราะว่ามันเป็นสถานที่ๆอันตรายจนเกินไปแต่ตอนนี้เขาตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์มาได้แล้วดังนั้นทัณฑ์สวรรค์ในครั้งนี้มันทรงพลังกว่าครั้งก่อนอยู่มากดังนั้นจึงคิดจะใช้ที่นั่นเป็นใจกลางการทำลายล้าง
“ไม่ได้ไกลมากนัก ”
เขาพึมพำออกมา
หลังจากที่พูดจบแล้วร่างกายของเขาก็เปล่งประกายแสงสีทองออกมาพลางพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่สูงขึ้น
ด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้แล้วสามารถทิ้งระยะห่างจากจุดที่อยู่ก่อนหน้านี้ไปได้ไกลมากๆพร้อมพบกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเผ่ายมโลกที่รวมตัวกันตามสถานที่ต่างๆ
แน่นอนว่าอีกฝ่ายเองก็ค้นพบเขาเช่นกันและเขาก็ไม่ได้ปิดบังตัวตนแม้แต่น้อยพลางพุ่งผ่านออกไปอย่างรวดเร็ว
“มนุษย์ ?! ”
“มนุษย์มันเข้ามาที่นี่ได้อย่างไรกัน ? ”
“จับตัวมันเอาไว้ ! ”
ที่นี่คืออาณาเขตที่เจ็ดของเผ่ายมโลกซึ่งหลินเทียนเองก็เหาะต่อไปโดยที่ไม่ได้ปิดบังตัวตนแม้แต่น้อยส่งผลให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่อยู่ในเขตแดนปลุกพลังขึ้นไปพากันไล่ตามหลังเขามาอย่างรวดเร็ว
ตู้มมม ! คลื่นพลังอันหนักหน่วงถูกส่งออกมาขณะที่ฝ่ายตรงข้ามคว้าฝ่ามือเข้าใส่ทางเขาด้วยสีหน้าที่เย็นยะเยือก
“ทักษะ…..”
“พุฟฟ ! ”
ยังไม่ทันจะได้พูดจบร่างกายของอีกฝ่ายก็สั่นสะท้านไม่หยุดก่อนที่จะระเบิดออกเป็นชิ้นๆ
หลินเทียนไม่ได้ทำอะไรแม้แต่น้อยโดยที่ยังคงพุ่งต่อไปอย่างไม่สนใจ
ด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้แล้วเขาสามารถสังหารเขตแดนจ้าวสวรรค์ได้อย่างง่ายดายดังนั้นการที่เขตแดนปลุกพลังโผล่ออกมาโจมตีใส่เขาแบบนี้มันไม่ต่างกับการรนหาที่ตายชัดๆ
การจะสังหารคนระดับนี้เขาไม่จำเป็นต้องขยับเลยด้วยซ้ำดังนั้นเพียงแค่แผดกลิ่นอายออกไปก็เพียงพอจะสังหารอีกฝ่ายแล้ว
นี่มัน ?!
“เมื่อครู่นี้มันอะไรกัน ?! ”
“ยังไม่เห็นเจ้ามนุษย์นั่นเคลื่อนไหวอะไรเลยนะ ! ”
สีหน้าของเผ่ายมโลกหลายๆคนเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
คนเหล่านี้ได้แต่มองออกไปยังพวกพ้องเขตแดนปลุกพลังที่แปรเปลี่ยนกลายเป็นกองเลือดไปโดยที่หลินเทียนไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย
“นี่มัน…….”
หลายๆคนพากันแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจสุดๆออกมา
ทันใดนั้นเองที่สีหน้าของหนึ่งในพวกเขาได้เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“ชายคนนี้มัน………หน้าตาคล้ายๆกับคนที่สร้างหายนะในอาณาเขตที่หนึ่งเลยนะ ! ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงออกมา
“อะไรนะ ?! ”
“ชายที่ท่านบรรพบุรุษสูงสุดออกคำสั่งให้จับเป็นกลับมาให้ได้จากเมื่อสองปีก่อนน่ะรึ ?! ”
“นี่มันเป็น…….กายสังสารวัฏ ?! ”
นี่ทำให้สีหน้าของเหล่าผู้เชี่ยวชาญพากันเปลี่ยนไปอีกครั้ง
เรื่องที่หลายปีก่อนหน้านี้หลินเทียนได้บุกเข้ามาภายในดินแดนแห่งนี้พร้อมทั้งนำพาทัณฑ์สวรรค์อันทรงพลังทำลายล้างเมืองทั้งเมืองนั้นได้แพร่สะพัดไปทั่วดินแดนพร้อมทั้งทำให้พวกเขารู้ว่าหลินเทียนเป็นผู้ครอบครองกายสังสารวัฏซึ่งก่อนหน้านี้จ้าวสวรรค์ 11 คนเองก็นำกองกำลังรุกรานไปยังโลกอีกฝั่งก็เพื่อจะจับตัวเขากลับมาและแม้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะไม่ใช่กองกำลังเหล่านั้นแต่ก็รับรู้เรื่องราวเป็นอย่างดี
“นี่มัน……….”
“เป็นเจ้า…มนุษย์คนนั้นจริงๆ ?! จักรพรรดิ……..กายสังสารวัฏเขตแดนจักรพรรดิโกลาหล ?! ”
“รีบไปรายงานให้ท่านเจ้าเมืองทราบโดยเร็ว ! นี่คือมนุษย์ที่ท่านบรรพบุรุษสูงสุดออกคำสั่งให้จับเป็นให้ได้ ! ”
หลังจากที่จดจำใบหน้าของหลินเทียนได้แล้วทุกคนต่างพากันแสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมาและไม่มีใครกล้าบุกออกมาขวางทางซึ่งๆหน้า
หลายๆคนพากันรีบส่งรายงานให้กับจ้าวเมืองที่เจ็ดอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าหลินเทียนที่กำลังทำสิ่งเหล่านี้ยังคงมีสีหน้าที่ราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลงพลางพุ่งผ่านออกไปอย่างเคย
“วิ้สส ~! ”
พริบตานี้เองที่มีเสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่ปรากฏร่างหลายสิบร่างออกมาขวางทางของเขาเอาไว้
อีกฝ่ายนำมาโดยเขตแดนจักรพรรดิโกลาหล เขตแดนกึ่งจักรพรรดิตอนปลายรวมถึงเขตแดนกึ่งจักรพรรดิ
“เป็นเจ้าจริงๆเจ้ามนุษย์ ! ”
จ้าวเมืองที่เจ็ดที่อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลระดับ 4 ส่งเสียงออกมาด้วยแววตาที่เย็นยะเยือกพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“จับตัวมันกลับไปเป็นๆให้ได้ ! ”
แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากๆแต่ก็รู้ดีว่าหลินเทียนนั้นไม่ได้อ่อนแอเลยแถมยังได้รับคำสั่งเด็ดขาดจากบรรพบุรุษสูงสุดให้จับตัวหลินเทียนกลับไปให้ได้ดังนั้นจึงได้เกณฑ์กองกำลังมากมายออกมาเพื่อจับตัวหลินเทียนกลับไป
ตู้มม ~! ทั้งสิบกว่าคนต่างลงมือเข้าประจำตำแหน่งพร้อมทั้งปรากฏตราอักขระมากมายขึ้นกลางอากาศและสร้างคลื่นแรงกดดันอันหนักหน่วงออกไป
“จงสยบ ! ”
จ้าวเมืองที่เจ็ดส่งเสียงออกมาอย่างดังพร้อมทั้งโถมคลื่นพลังอัดเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างไม่ปราณี
นี่ทำให้มิติโดยรอบถูกปิดกั้นเอาไว้ทั้งหมดขณะที่คลื่นพลังกดทับเข้าใส่ร่างของหลินเทียน
หลินเทียนได้หยุดเท้าของเขาลงพลางหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่ได้สนใจมากนักก่อนที่จะมีเสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังพร้อมๆกับคลื่นกระบี่มากมายที่พวยพุ่งออกไปรอบทิศทาง
พุฟฟ !
พุฟ !
พุฟฟฟ !
กองเลือดสาดกระจายออกไปทั่วพื้นที่ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายตกตายลงภายในชั่วพริบตา
ร่างกายของจ้าวเมืองระเบิดออกเหลือไว้เพียงดวงวิญญาณที่แตกร้าวและได้แต่มองไปยังหลินเทียนด้วยสายตาที่หวาดหวั่นพลางส่งเสียงสั่นๆออกมาว่า
“จะ….เจ้า…. ”
จนถึงตอนนี้ สีหน้าของเขาที่กำลังมองไปยังหลินเทียนในตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
เขารวมพลังของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายเข้าสยบหลินเทียนด้วยกันแต่กลับถูกทำลายลงได้อย่างง่ายดายแถมพวกพ้องยังถูกสังหารลงในชั่วพริบตาส่วนเขากลับอยู่ในสภาพกึ่งตาย
นี่ทำให้เหล่าเผ่ายมโลกที่อยู่ห่างกันออกไปพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกัน
“นี่มัน ……..”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
“ท่านจ้าวเมืองถึงขั้นใช้ข่ายอาคมผสานทว่ากลับ…….”
ผู้คนพากันส่งเสียงออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
หลินเทียนที่อยู่บนฟากฟ้าเองก็ยังคงมีสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงอย่างเคย
เขาหันมองออกไปยังดวงวิญญาณที่แตกร้างของอีกฝ่ายพร้อมทั้งตวัดนิ้วออกไปเบาๆ
“พุฟฟ ! ”
ประกายแสงที่ส่งออกไปได้บดขยี้ดวงวิญญาณของอีกฝ่ายสลายหายไปทันที
นี่ทำให้เผ่ายมโลกที่อยู่เบื้องล่างพากันสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว
“ท่าน…จ้าวเมือง……”
“ตะ….ตายแล้ว ?! ”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
หลายๆคนพากันส่งเสียงออกมาด้วยสายตาที่หวาดหวั่นพร้อมทั้งก้าวถอยหลังกลับไป
เป็นเพราะผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลระดับ 4 ของพวกเขากลับถูกสังหารลงได้ง่ายๆแบบนี้
หลินเทียนที่ยืนอยู่กลางฟากฟันได้หันหน้ากลับไปพร้อมทั้งเหาะต่อไปยังเส้นทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ร่างกายของเขาได้เปล่งประกายแสงสีทองออกมาพร้อมทั้งส่งคลื่นกระบี่นับไม่ถ้วนโหมกระหน่ำลงไปสังหารผู้คนที่อยู่เบื้องล่างทั้งหมด
มันเป็นคลื่นกระบี่ธรรมดาๆก็จริงแต่กลับอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่สามารถสังหารจักรพรรดิโกลาหลได้สบายๆ
หลังจากนั้นคลื่นกระบี่เหล่านี้ก็ตกกระทบลงกับกลุ่มคนที่อยู่เบื้องล่าง
นี่ทำให้กองเลือดมากมายระเบิดออกมาพร้อมๆกับเสียงกรีดร้องโหยหวนขณะที่ตัวเมืองพังถล่มลงมา
“อ๊ากก ~! ”
“ช่วยด้วย ! ”
“ไม่ ! ”
กลุ่มคนพากันส่งเสียงกรีดร้องออกมาไม่หยุด
หลินเทียนไม่ได้สนใจอะไรและยังคงส่งคลื่นกระบี่มากมายออกไประหว่างที่เหาะต่อไปเรื่อยๆก่อนที่เมืองๆนี้จะแปรเปลี่ยนกลายเป็นทะเลเลือดที่สามารถพบเห็นกองซากศพได้จากทุกทิศทาง
ระหว่างทางที่เขามุ่งหน้าออกไปยังตำหนักยมโลกเองก็ผ่านตามอาณาเขตต่างๆซึ่งทุกคนล้วนพยายามจับกุมตัวเขากลับไปแต่ท้ายที่สุดก็จบลงที่การตายลองคนทั้งเมือง
สิ่งเหล่านี้สร้างแสงสั่นสะเทือนไปทั่วดินแดนแห่งนี้โดยทันที
1311
ข่าวเรื่องที่ชายเพียงคนเดียวที่ทำลายทุกชีวิตที่อยู่ในเส้นทางของเขาโดยที่ไม่มีใครคนไหนสามารถหยุดยั้งได้แม้แต่น้อยได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งดินแดนแห่งนี้ส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วพื้นที่
“นี่มัน……..”
“เป็นเจ้ามนุษย์คนนั้นจริงๆ ?! เจ้ากายสังสารวัฏ ?! มันมาที่นี่อีกแล้ว ?! ”
“ไม่มีใครในเผ่าพันธุ์เราสามารถขวางทางมันได้เลย ? จ้าวเมืองถูกสังหารไปแล้วกี่คนกัน ? นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ? ”
ผู้เชี่ยวชาญเผ่ายมโลกพากันส่งเสียงออกมาด้วยความตกตะลึง
และมันเป็นตอนนี้เองที่หลินเทียนก็ยังคงพุ่งผ่านออกไปโดยที่ไม่มีใครสามารถขวางทางของเขาได้จนไปถึงห้องโถงขนาดใหญ่
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่ามันเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ค่อนข้างมืดส่งกลิ่นอายเก่าแก่ออกมา
“ตำหนักยมโลก ”
หลินเทียนแสยะยิ้มออกมา
เขาก้าวเดินออกไปจนถึงพื้นที่ด้านหน้าของตำหนักแห่งนี้
สามารถเรียกได้เลยว่าสถานที่แห่งนี้เป็นหัวใจสำคัญของเผ่ายมโลกเนื่องจากเป็นที่อยู่ของกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดเพราะอ่อนแอที่สุดก็อยู่ในเขตแดนกึ่งจ้าวสวรรค์แล้ว
วิ้สส ~!
วิ้ส !
วิ้สสส !
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่ปรากฏร่างหลายสิบร่างที่รายล้อมไปด้วยกลิ่นอายอันเข้มข้น
คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนระดับกึ่งจ้าวสวรรค์ที่พากันปรากฏตัวออกมาทันทีหลังจากที่ตระหนักได้ถึงการมาของหลินเทียน
แน่นอนว่าพวกเขารู้จักหลินเทียนเป็นอย่างดี
“เจ้ามนุษย์กายสังสารวัฏ ! กล้านักนะถึงกล้าบุกมาที่นี่ ! ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา
“จับมัน ! ”
อีกคนส่งเสียงออกมาเช่นกัน
พริบตาที่สิ้นเสียงนี้พวกเขาทั้งหมดต่างพากันกระโจนเข้าใส่อย่างไม่รอช้า
แน่นอนว่าสำหรับพวกเขาแล้วหลินเทียนก็ไม่ต่างอะไรไปกับศัตรูคู่อาฆาต
อีกอย่างหลินเทียนก็เปรียบเสมือนเหยื่อชั้นดีเนื่องจากมันเป็นคำสั่งสูงสุดของบรรพบุรุษที่ให้จับตัวหลินเทียนไปให้ได้
ดังนั้นเมื่อเห็นว่าหลินเทียนปรากฏตัวออกมาแบบนี้แล้วพวกเขาจึงไม่ลังเลเลยที่จะลงมือเปิดฉากโจมตี
“จัดการมันให้เร็วที่สุด ! ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงออกมา
เสียง ตู้มม ~! ถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายพากันสังเวยทักษะมากมายออกมาจากรอบทิศทาง
หลินเทียนหันมองออกไปทางกลุ่มคนเหล่านี้ด้วยสีหน้าที่ราบเรียบโดยที่ไม่ได้ขยับไปไหนแม้แต่น้อยพลางตวัดมือออกไป
แกร๊ง ! เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นกระบี่อันทรงพลังพุ่งผ่านอากาศเข้าทำลายทุกสิ่งพร้อมทั้งกระแทกร่างเหล่าศัตรูปลิวออกไปไกลขณะที่ศัตรูที่อยู่ใกล้ที่สุดถึงกับตกตายลงอย่างสมบูรณ์
“นี่มัน……..เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
เหล่ากึ่งจ้าวสวรรค์ที่ถูกกระแทกกลับไปไกลได้แต่พากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาถึงขีดสุด
พวกเขาแต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนระดับกึ่งจ้าวสวรรค์กันหมดแถมยังลงมือพร้อมๆกันแบบนี้แต่กลับถูกหลินเทียนตวัดมือเพียงครั้งเดียวกระแทกกลับมาหมดโดยที่มีหนึ่งในนั้นตกตายลงกับที่ !
นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว !
“เจ้า…..”
ทันใดนั้นเองที่เหล่ากึ่งจ้าวสวรรค์ต่างรู้สึกขนหัวลึกไปตามๆกัน
หลินเทียนหันมองออกไปเล็กน้อยพร้อมทั้งส่งคลื่นกระบี่อันทรงพลังออกไปยังผู้พูดคนนั้น
แกร๊ง !
คลื่นกระบี่สีทองอร่ามพวยพุ่งผ่านอากาศออกไปพร้อมๆกับเสียงกระบี่คำรามดังสนั่นหวั่นไหว
อีกฝ่ายถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากพร้อมทั้งรีบพยายามสร้างม่านพลังขึ้นมาป้องกันเอาไว้พร้อมทั้งสังเวยสัจธรรมออกมารับคลื่นกระบี่นี้
เป็นเพราะคลื่นกระบี่ของหลินเทียนมันทรงพลังเกินไปทำให้ทักษะเทวะและการป้องกันทั้งหมดของอีกฝ่ายสลายหายไปก่อนที่จะทะลวงผ่านม่านพลังพร้อมทะลุผ่านหน้าผากของอีกฝ่ายไป
พุฟฟ ~!
เลือดสาดกระจายออกมารอบทิศทางก่อนที่ดวงวิญญาณของอีกฝ่ายจะระเบิดออกไม่เหลือชิ้นดี
พริบตานี้กึ่งจ้าวสวรรค์ก็ได้ตกตายลงแล้วอีกคน
และมันเป็นเพียงแค่การโจมตีเดียวเท่านั้น
“นี่……”
สายตาที่เคยเย็นยะเยือกของกึ่งจ้าวสวรรค์ที่ยังเหลืออยู่ถูกแทนที่ไปด้วยความหวาดหวั่นถึงขั้วหัวใจพร้อมทั้งอดก้าวถอยหลังไปไม่ได้
หลินเทียนหันมองออกไปทางพวกเขาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบพลางตวัดนิ้วออกไปยังชายอีกคน
ตอนนี้ระดับพลังของเขาสูงกว่าคนเหล่านี้อยู่มากแถมยังเป็นกายสังสารวัฏที่แข็งแกร่งที่สุดดังนั้นการโจมตีของเขาถึงได้สามารถสังหารกึ่งจ้าวสวรรค์ลงได้สบายๆไม่ต่างกับตัดหญ้าด้วยซ้ำ
แกร๊ง !
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่คลื่นกระบี่สีทองพวยพุ่งผ่านอากาศเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายพร้อมบดขยี้ร่างของมันอย่างเฉียบพลัน
ครั้งนี้เองที่เหล่ากึ่งจ้าวสวรรค์ได้แต่พากันสั่นสะท้านไปทั้งตัว
เพียงแค่ตวัดนิ้วก็สามารถสังหารเขตแดนกึ่งจ้าวสวรรค์ได้นี่มันไม่ใช่พลังที่พวกเขาจะสามารถต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย
หลินเทียนตวัดนิ้วออกไปทางอีกคนก่อนที่คลื่นกระบี่จะถูกส่งออกไป
“เหอะ ! “
เสียงแสยะอันเย็นยะเยือกถูกส่งออกมาขณะที่ปรากฏร่างของชายชราหน้าคนขึ้นตรงหน้าของเขา
ทั้งห้าคนนี้ล้วนแล้วแต่ส่งกลิ่นอายอันทรงพลังออกมาซึ่งบ่งบอกได้เลยว่าอยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์กันทุกคน
ระหว่างนี้ที่ด้านหลังของพวกเขาเองก็รายล้อมไปด้วยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งจ้าวสวรรค์หลายสิบคน
“ท่านบรรพบุรุษ ! ”
เหล่ากึ่งจ้าวสวรรค์พากันส่งเสียงออกมาด้วยใบหน้าที่มีความสุขพร้อมทั้งโค้งคำนับเพื่อทำความเคารพ
หลินเทียนหันมองออกไปยังร่างทั้งห้าร่างนี้ก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย
เขาเคยพบกับทั้งห้าคนนี้มาก่อนเมื่อสองปีก่อนหน้านี้ซึ่งแต่ละคนเองก็แข็งแกร่งไม่น้อย
“กล้าโผล่ออกมาด้วยตัวเองแบบนี้นี่เก่งจริงๆเลยนะเจ้ามนุษย์ ! ”
หนึ่งในบรรพบุรุษส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา
เมื่อสองปีก่อนหน้านี้พวกเขาสูญเสียพรรคพวกเขตแดนจ้าวสวรรค์ไปกว่า 11 คนและทั้งห้าคนนี้ล้วนไม่สามารถก้าวข้ามไปช่วยได้เนื่องจากผนึกที่หลินเทียนได้สร้างเอาไว้
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะฝีมือของหลินเทียนดังนั้นการที่ได้พบกับอีกครั้งแถมยังพบว่าหลินเทียนเป็นฝ่ายบุกมาที่นี่เองแบบนี้แล้วจะให้รู้สึกดีได้อย่างไรกัน นี่ทำให้แววตาของพวกเขาต่างส่องประกายจิตสังหารอันเข้มข้นออกมา
อย่างไรก็ตามมันก็เป็นแววตาที่ต่างกันออกไปเพราะว่าหลินเทียนนั้นเป็นถึงกายสังสารวัฏที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติที่ทุกคนรอคอย……..หากว่าได้รับแก่นสังสารวัฏมาแล้วจะต้องแข็งแกร่งและได้ประโยชน์ในหลายๆด้าน !
หลินเทียนที่กำลังเผชิญหน้าอยู่กับอีกฝ่ายนั้นได้แต่จ้องมองไปยังสายตาที่มองมาเสมือนว่าเขาเป็นเหยื่อของมัน
“เป็นสายตาที่น่ารังเกียจจริงๆ ”
เขาส่งเสียงออกมา
เมื่อสองปีก่อนหน้านี้แม้จะอยู่ห่างกันคนละห้วงมิติทว่าเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงความร้ายกาจของอีกฝ่ายได้อย่างดีถึงขั้นที่ว่ามันทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายทว่าตอนนี้มันต่างออกไปแล้วเพราะเขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันเลยด้วยซ้ำ
แววตาของชายชราบรรพบุรุษสูงสุดยิ่งส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมา
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงออกมา
“กล้าบุกมาที่นี่ด้วยตัวคนเดียวแบบนี้ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมตัวตายไว้แล้วสินะ ”
“ก็จริงที่เตรียมตัวไว้แล้ว ”
หลินเทียนได้ตอบกลับไปพลางพูดว่า
“แต่เตรียมที่จะส่งพวกเจ้าไปลงนรก ”
น้ำเสียงของเขาฟังดูราบเรียบอย่างน่าเหลือเชื่อ
นี่ทำให้สีหน้าของฝ่ายตรงข้ามตกต่ำลงยิ่งกว่าเก่าโดยทันที
“ปากดีนักนะ ! ”
น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของอีกฝ่ายปรากฏขึ้นตรงหน้าของหลินเทียนพร้อมทั้งพูดว่า
“ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าก่อนที่จะสูบเอาแก่นสังสารวัฏออกมาแต่อย่าหวังเลยว่าจะได้อยู่ดี ”
เมื่อคำพูดของเขาได้สิ้นสุดลงแล้วก็เหวี่ยงฝ่ามืออันทรงพลังอัดเข้าใส่หน้าของหลินเทียนเพื่อที่จะเหยียดหยามเขา
มันเป็นฝ่ามือที่ทรงพลังถึงขั้นทำให้ห้วงมิติสั่นไหวอย่างรุนแรง
หลินเทียนไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยพร้อมทั้งแสยะออกมาก่อนที่จะโบกมือซ้ายออกไปจับฝ่ามือของอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมทั้งเหวี่ยงมือขวาตบกลับไป
“เพรี้ย ~!! ”
เสียงตบดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ฝ่ามือของเขากระแทกเข้าใส่ใบหน้าของอีกฝ่ายจนร่างลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือด
นี่ทำให้สีหน้าของอีกฝ่ายถึงกับเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
เหล่าบรรพบุรุษล้วนพากันส่งเสียงออกมาด้วยความตกตะลึง
บรรพบุรุษของเขาคนนี้อยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 2 แถมยังเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อนทว่ากลับถูกป้องกันเอาไว้ได้ยังไม่พอ นี่ยังสามารถตบสวนกลับมาได้ทำให้ฟันหลายซี่กระเด็นกระดอนไปทั่ว
นี่ทำให้บรรพบุรุษที่อยู่รอบข้างต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่เว้นแม้แต่ชายชราบรรพบุรุษสูงสุดเขตแดนจ้าวสวรรค์ตอนปลาย
“ตู้มม ~! ”
กลิ่นอายยมโลกอันทรงพลังระเบิกออกมาจากชายชราที่ถูกตบปลิวออกไปด้วยสีหน้าที่โกรธถึงขีดสุด
“เจ้ามนุษย์ ! ”
เขาส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง
ตัวเขาที่เป็นถึงตัวตนระดับจ้าวสวรรค์กลับถูกตบหน้าท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย !
1312
สายตาของบรรพบุรุษที่ 16 ในตอนนี้อัดแน่นไปด้วยโทสะและจิตสังหารอันเข้มข้นถึงขีดสุด
“ข้าประมาทเกินไปหน่อย ไม่คิดเลยนะว่าเจ้ามด……..”
เขาได้พูดออกมาระหว่างที่กำลังจ้องมองไปทางหลินเทียนก่อนที่จะเงียบไป
เพราะถึงอย่างไรเขาที่เพิ่งโดนตบหน้ามาจังๆก็ไม่สามารถพูดคำที่น่าอายนี้ออกมาได้
อย่างไรก็ตามหลินเทียนเป็นฝ่ายพูดต่อให้ว่า
“หมายถึงโดนตบงั้นรึ ? ”
คำพูดนี้เป็นการตั้งใจให้สีหน้าของอีกฝ่ายเดือดดาลขึ้นยิ่งกว่าเก่า
“เจ้ามดปลวก ! ”
ชายชรากัดฟันพูดออกมาก่อนที่จะกระโจนเข้าใส่ด้วยร่างกายที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายยมโลกอันเข้มข้นพลางสังเวยทักษะเทวะออกมาปกคลุมม่านฟ้าพร้อมกดทับลงมาอย่างไม่ปราณี
“ข้าจะฉีกปากเจ้าออกเป็นชิ้นๆ ! ”
หลินเทียนหันมองออกไปพลางแสยะออกมาพร้อมทั้งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกฝ่ายภายในชั่วพริบตา
ภาพเหล่านี้ส่งผลให้สีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงถึงขั้นที่อุทานออกมาว่า
“นี่เจ้า…….”
“เพรี้ย ! ”
เสียงตบดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาอีกครั้งขณะที่ฝ่ามือนี้กระแทกเข้าเต็มแก้มของอีกฝ่าย
ชายชราลอยเคว้งออกไปไกลอีกครั้งด้วยสภาพที่เลือดโชกไปทั้งใบหน้า
“นี่มัน ?! ”
“ท่านบรรพบุรุษเขา…….”
“มัน…..เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญพากันส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมาก
บรรพบุรุษที่แข็งแกร่งเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 2 ของพวกเขากลับถูกตบแล้วตบอีกจนอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ขนาดนี้
บรรพบุรุษคนอื่นๆเองก็ถึงกับมีดวงตาที่หดเล็กลงอย่างมากไม่เว้นแม้กระทั่งบรรพบุรุษสูงสุดที่กำลังจ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่ล้ำลึกเพราะหากบอกว่าก่อนหน้านี้ที่ถูกตบเป็นเพราะไม่ระวังทว่าครั้งนี้มันใช้ข้ออ้างนี้ไม่ได้แล้วเพราะว่าตัวของหลินเทียนนั้นแข็งแกร่งมากๆ !
“ตู้มม ! ”
กลิ่นอายทำลายล้างอันทรงพลังระเบิดออกมาจากร่างของบรรพบุรุษที่ 16 ขณะที่ดวงตาของเขาอัดแน่นไปด้วยเปลวเพลิงโทสะ
เขาที่เป็นถึงตัวตนระดับจ้าวสวรรค์ใช้ชีวิตมาอย่างเนิ่นนานกลับถูกตบซ้ำติดๆกันถึงสองครั้ง ! ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคนๆเดียวกัน !
นี่มันเป็นความอับอายขนาดไหนกัน !
“เจ้ามนุษย์ ! ”
เขาได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่โกรธจัดถึงขีดสุดพลางกำหมัดเอาไว้แน่นก่อนที่จะก้าวออกไปด้วยร่างกายที่อัดแน่นไปด้วยจิตสังหาร
“พอได้แล้ว อย่าเสียเวลา ”
น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกถูกส่งออกมาจากทางบรรพบุรุษสูงสุดก่อนที่จะก้าวเข้าหาทางหลินเทียน
นี่ทำให้บรรพบุรุษที่ 16 ได้แต่กัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งหยุดเท้าลงเพราะดูเหมือนว่าบรรพบุรุษสูงสุดตั้งใจจะจับตัวหลินเทียนด้วยตัวเอง
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เหล่ากึ่งจ้าวสวรรค์ทั้งหลายเองก็ต่างมองออกไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายออกมา
“ท่านบรรพบุรุษสูงสุดจะจัดการด้วยตัวเอง ! เจ้านั่นต้องถูกสยบแน่ๆ ! ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ! ”
“ท่านเป็นถึงจ้าวสวรรค์ตอนปลาย ไม่มีใครเทียบเคียงท่านได้อย่างแน่นอน ! ”
เหล่ากึ่งจ้าวสวรรค์พากันหันมองไปทางหลินเทียนพร้อมทั้งแสยะออกมาเสมือนว่ากำลังมองไปยังศพที่ยังมีชีวิต
สายตาของชายชราบรรพบุรุษสูงสุดในตอนนี้ล้ำลึกถึงขีดสุดเสมือนว่าสามารถเข้าใจได้ทุกสรรพสิ่งพลางก้าวเท้าออกไป
มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงเนื่องจากไม่สามารถแบกรับแรงกดดันเหล่านี้เอาไว้ได้
หลินเทียนหรี่ตาของเขาลงเล็กน้อยเพราะเขาเองก็สัมผัสได้ถึงพลังอันหนักหน่วงที่ส่งออกมา
อีกฝ่ายยังคงจ้องมองมาทางเขาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบก่อนที่ร่างของอีกฝ่ายจะมาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเขาอย่างฉับพลันพร้อมทั้งซัดฝ่ามือเข้าใส่โดยที่มิติโดยรอบถูกปิดกั้นเอาไว้ทั้งหมด
มันเป็นการโจมตีที่รวดเร็วและทรงพลังอย่างมากแต่สีหน้าของหลินเทียนกลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อยเพราะเขาเองก็ได้เตรียมการเอาไว้ก่อนแล้วเนื่องจากเขารู้ดีว่าจ้าวสวรรค์ตอนปลายมันแข็งแกร่งขนาดไหน
“ทึ้มม ~!! ”
เขาไม่เสียเวลาแม้แต่น้อยพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลกลับออกไปด้วยดวงตาที่ส่องประกายตรามังกรออกมา
หมัดนี้เป็นหมัดที่อัดแน่นไปด้วยพลังทั้งหมดของเขาก่อนที่มันจะปะทะเข้ากับฝ่ามือของชายชราอย่างจัง
ตู้มมม ~! มิติโดยรอบระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
ร่างกายของบรรพบุรุษสูงสุดสั่นสะท้านไปก่อนที่ฝ่ามือของเขาจะถูกกระแทกกลับมา
ทางฝ่ายหลินเทียนเองก็รู้สึกชาไปทั้งตัวถึงขั้นที่เลือดลมติดขัดอยู่ในร่าง
“จ้าวสวรรค์ตอนปลายมันน่ากลัวจริงๆแหะ ”
เขาส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะเขาสัมผัสได้เลยว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้สำแดงพลังออกมาถึงสามในสิบส่วนด้วยซ้ำทว่าเขากลับจำเป็นต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อต่อต้านการโจมตีนี้แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บก็ตามที
ชายชรายังคงมองมาทางเขาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบพลางพูดต่อว่า
“เก่งมากที่สามารถรับฝ่ามือนี้ได้ สมแล้วจริงๆที่เป็นถึงกายที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ! ”
เขาพูดออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายก่อนที่กลิ่นอายจะพุ่งสูงขึ้นๆจนถึงเขตแดนจ้าวสวรรค์ตอนปลายพร้อมทั้งพูดขึ้นว่า
“ข้าจะไม่เปิดโอกาสให้เจ้าได้ทำอะไรอีกต่อไป ”
ตู้มม ! โลกทั้งใบสั่นสะท้านอย่างรุนแรงขณะที่มิติที่รายล้อมอยู่ได้ถูกผนึกเอาไว้อย่างสมบูรณ์โดยที่แม้แต่สัจธรรมเองก็ยังสั่นไหว
แน่นอนว่าเขาเองก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทำลายล้างที่รุนแรงจากแรงกดดันนี้ถึงขั้นที่ปวดไปทั่วร่างเสมือนมีภูเขายักษ์กำลังกดทับลงมาเหนือศีรษะอย่างไรอย่างนั้น
“ดี เป็นอะไรที่ทรงพลังไม่เบา ! ”
เขาส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่ยังคงราบเรียบพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“งั้นข้าเองก็คงจะต้องแสดงสุดฝีมือเหมือนกัน ”
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ปลดผนึกการยับยั้งพลังของตัวเองโดยทันที
ตู้มมม ~! เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาพร้อมๆกับประกายแสงสีทองเจิดจรัสที่สาดส่องออกมาจากร่างของเขาทำให้ระดับพลังของเขาตัดผ่านไปยังเขตแดนใหม่ที่สูงขึ้น
“นี่มัน ?! ”
“เขตแดนจ้าวสวรรค์ ?! ”
เหล่าบรรพบุรุษทั้งหลายต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เหล่ากึ่งจ้าวสวรรค์ที่อยู่โดยรอบเองก็ต่างมีสีหน้าที่โง่งมออกมาตามๆกัน
“นี่มันตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ได้แล้ว ?! ”
“ไม่แปลกใจจริงๆว่าทำไมก่อนหน้านี้พวกเราถึงไม่สามารถทำอะไรมันได้แถมยังสามารถสังหารพวกเราได้ถึงสามคนได้อย่างง่ายดาย ! ”
“ที่แท้ปกปิดระดับพลังของตัวเองนี่เอง ! ”
เหล่ากึ่งจ้าวสวรรค์ต่างมีสีหน้าที่น่าเกลียดเป็นอย่างมาก
ระหว่างนี้เองที่บรรพบุรุษที่ 16 เองก็ได้แต่มีสีหน้าที่ตกต่ำถึงขีดสุดพลางสบถออกมาว่า
“ไอ้ระยำเอ้ย ! ”
ก่อนหน้านี้เขายังดูถูกว่าหลินเทียนเป็นเพียงแค่มดปลวกทว่าตอนนี้หลินเทียนกลับอยู่ในเขตแดนเดียวกันกับเขา
ในตอนนี้ร่างกายของหลินเทียนรายล้อมไปด้วยประกายแสงสีทองเจิดจรัสอย่างเข้มข้น
มันเป็นพลังที่อัดแน่นไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว !
แววตาของบรรพบุรุษสูงสุดยังคงแสดงให้เห็นถึงสีหน้าที่ราบเรียบระหว่างที่พูดออกมาว่า
“ไม่แปลกใจจริงๆที่สามารถรับฝ่ามือของข้าได้ ”
หลังจากนั้นเขาก็ได้พูดต่อด้วยสีหน้าที่ราบเรียบเช่นเคยว่า
“แต่จ้าวสวรรค์ระดับ 1 มันจะไปทำอะไรได้ ต่อให้เจ้าเป็นกายสังสารวัฏที่แข็งแกร่งที่สุดแต่ด้วยความต่างชั้นนี้แล้วผลลัพธ์เดียวของเจ้าในตอนนี้คือการพ่ายแพ้เท่านั้น ”
ระหว่างที่พูดแรงกดดันที่เขาส่งออกมาก็ยิ่งทรงพลังขึ้นไปอีกขั้น
“งั้นรึ ? ”
หลินเทียนแสยะออกมา
เมื่อสิ้นเสียงของเขาแล้วเสียงฟ้าร้องคำรามดังสนั่นหวั่นไหวก็ถูกส่งตามออกมา
“ทึ้มม ~! ”
พริบตานี้เองที่โลกทั้งใบได้ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุดขณะที่กลิ่นอายทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวกดทับลงมาจากฟากฟ้าทำให้ร่างกายของผู้คนทั้งหมดสั่นไหวไปตามๆกัน
เมื่อมองขึ้นไปแล้วจะพบได้กับเกลียวคลื่นสายฟ้าที่ก่อตัวขึ้นกลายเป็นวังน้ำวนขนาดใหญ่เสมือนมังกรที่พิโรธกำลังส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความต้องการที่จะทำลายล้างโลกใบนี้ “นี่มัน….ทัณฑ์สวรรค์ ?! ”
ราชายมโลกทั้งหลายถึงกับโง่งมไปทันที
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่บรรพบุรุษที่เหลือเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่ต่างกันถึงขั้นที่ขนาดบรรพบุรุษสูงสุดเองก็ยังต้องสั่นสะท้านไป
“ตู้มมม ~! ”
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่พื้นที่แห่งนี้มืดสนิทอย่างสมบูรณ์
เกลียวคลื่นสายฟ้าที่โลดแล่นผ่านอากาศกลายเป็นภาพแห่งการทำลายล้างที่ให้ความรู้สึกน่าสยดสยอง
“นี่มันตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ก็ยังนำพามาซึ่งทัณฑ์สวรรค์อีกงั้นรึ ?! ไม่ใช่ว่ามีเพียงแค่เขตแดนวิญญาณนิรันด์หรือไงกัน ?! ”
หลายๆคนส่งเสียงออกมา
“ก็เป็นเพราะว่ามันเป็นกายสังสารวัฏยังไงล่ะ ! ”
“ก่อนหน้านี้ตอนมันตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลเองก็ยังนำพาทัณฑ์สวรรค์มาเช่นกัน ”
“ระยำเอ้ย นี่มัน………จงใจชักนำทัณฑ์สวรรค์มาที่นี่ ?! มันคิดจะทำลายล้างที่นี่ ! ”
เหล่าชายชราพากันส่งเสียงออกมาด้วยร่างกายที่สั่นไม่หยุด
เป็นเพราะคลื่นสายฟ้า ณ ตอนนี้มันทรงพลังถึงขั้นที่ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากหลุมดำขยาดใหญ่ที่สามารถบดขยี้ดวงวิญญาณของพวกเขาลงได้ง่ายๆ
ขนาดบรรพบุรุษสูงสุดเองก็ยังรู้สึกขนหัวลุกไปไม่ต่างกัน
“หนีเร็ว ! รีบหนีออกจากระยะของทัณฑ์สวรรค์นี้ ! ”
ชายชราส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งพยายามพุ่งหนีไปหลังจากที่สัมผัสได้ถึงอันตรายนี้เพราะแม้เขาจะอยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ตอนปลายแต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความตายที่กำลังเข้ามาใกล้
“คิดหนี ? สายไปแล้ว ! ”
หลินเทียนแสยะออกมา
เมื่อคำพูดของเขาจบลงนั้นคลื่นสายฟ้าระลอกแรกก็ได้ผ่าลงมา
ลำแสงสายฟ้าขนาดใหญ่และยาวกว่าหลายกิโลเมตรปกคลุมพื้นที่แถบนี้เอาไว้ทั้งหมด
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้ว่าสภาพพื้นที่ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นทะเลสายฟ้าไปแล้ว
มิติรอบข้างแหลกสลายไม่มีเหลือขณะที่ตำหนักยมโลกถูกบดขยี้กลายเป็นซากปรักหักพัง
“มาดื่มด่ำไปกับงานเลี้ยงฉลองทัณฑ์สายฟ้าไปด้วยกันเถอะ ! ”
หลินเทียนส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างดัง
1313
หลินเทียนหนังมองออกไปยังชายคนนี้พร้อมทั้งโบกมือออกไปส่งคลื่นสายฟ้าสีแดงฉานอัดเข้าใส่โดยทันที
มันไม่ใช่เพราะเขาสามารถควบคุมทัณฑ์สวรรค์ได้แต่เป็นเพราะว่าเขาสามารถใช้กลิ่นอายตัวเองเป็นเหมือนสายล่อฟ้าที่ทำให้มันผ่าลงมาได้
ตู้มม ~!
คลื่นสายฟ้าจำนวนมากผ่าลงมาอัดเข้าใส่ร่างของกึ่งจ้าวสวรรค์และแม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวกระแสไฟฟ้าแต่ก็ยังเป็นพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัวเพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นทัณฑ์สวรรค์ของกายสังสารวัฏเขตแดนจ้าวสวรรค์
อีกฝ่ายได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งรีบสังเวยทักษะทั้งหมดออกมาเพื่อพยายามป้องกันเอาไว้
“ไม่ !!! ”
เสียงกรีดร้องอย่างสิ้นหวังถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของชายชราคนนี้ถูกคลื่นสายฟ้าโถมเข้าใส่ก่อนที่ร่างกายและดวงวิญญาณจะแหลกสลายหายไป
ตู้มม ~!
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังได้ปกคลุมพื้นที่กว่าหลายพันกิโลเมตรเอาไว้ภายในชั่วพริบตา
ที่นี่คือใจกลางของตำหนักยมโลกดังนั้นจึงมีความแข็งแรงเป็นอย่างมากทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ของหลนเทียนแล้วกลับดูเปราะบางไม่ต่างจากเศษแก้วที่แตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ
อ๊ากก ~~~!
เสียงกรีดร้องดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาไม่หยุดขณะที่ตัวตนระดับกึ่งจ้าวสวรรค์ตกตายลงคนแล้วคนเล่า
ณ ตอนนี้มันยังเป็นเพียงกระแสไฟฟ้าธรรมดาๆเท่านั้นแต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ต่ำกว่าเขตแดนจ้าวสวรรค์แล้วมันเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
“ไม่ ~~! ”
เสียงกรีดร้องด้วยความสิ้นหวังถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่กึ่งจ้าวสวรรค์อีกคนได้ตกตายลงอย่างสมบูรณ์
“ระยำเอ้ย ! ”
บรรพบุรุษที่ 16 ส่งเสียงคำรามออกมาขณะที่กำลังจ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่โกรธจัดเพราะพวกเขาได้สูญเสียกึ่งจ้าวสวรรค์ไปกว่าสี่คนภายในระยะเวลาสั้นๆซึ่งนี่ถือเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เพราะต้องรู้ก่อนนะว่าตราบเท่าที่ใช้เวลาก็จะมีโอกาสได้ตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ดังนั้นมันไม่ต่างจากการที่พวกเขาได้เสียเมล็ดพันธุ์เจ้าสวรรค์ไปถึงสี่คน
“ไอ้ชาติชั่ว ! ”
เขาส่งเสียงกู่ร้องออกมาด้วยความโกรธ
แต่ในเวลาเดียวกันนี้เขาก็ต้องพยายามเบี่ยงตัวหลบการโจมตีของคลื่นสายฟ้ามากมายเพราะแม้เขาจะอยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ก็จริงแต่มันก็เป็นการโจมตีที่ทรงพลังเกินไป
เปรี้ยง ~!
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาขณะที่สายฟ้าที่กำลังฟาดลงมายิ่งรุนแรงขึ้นกว่าเก่า
พริบตาโลกแห่งความมืดมิดนี้ก็ถูกปกคลุมไปด้วยคลื่นสายฟ้าสีแดงสดพร้อมๆกับวังน้ำวนที่ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากหลุมดำที่พร้อมจะกลืนกินทุกสรรพสิ่ง
หลินเทียนที่อยู่ใจกลางคลื่นสายฟ้าเหล่านี้ได้แสยะยิ้มออกมาโดยทันที
เขาแหงนมองกลับขึ้นไปก่อนที่จะหยิบเอายาทิพย์เสริมกำลังออกมาทานเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งกว่าห้าเท่าในระยะเวลาสั้นๆ
“ตู้มม ~! ”
กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัวภายในชั่วพริบตา
เขาแสยะยิ้มออกมาพลางหันมองออกไปทางบรรพบุรุษที่ 16 โดยทันที
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาของหลินเทียนแล้วมันทำให้อีกฝ่ายได้แต่สั่นสะท้านไปทันทีเพราะมันให้ความรู้สึกไม่ต่างจากกำลังถูกจ้องมองโดยปีศาจทำให้เขาอดก้าวถอยหลังกลับไปไม่ได้
“นี่เจ้าคิดจะทำอะไรกัน ?! ”
หลินเทียนแสยะออกมาก่อนที่จะพุ่งออกไปปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกฝ่ายภายในชั่วพริบตา
ตอนนี้เขาตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์มาอย่างแท้จริงแล้วทำให้ระดับพลังในตอนนี้ไม่สามารถเทียบได้กับก่อนหน้านี้เลยด้วยซ้ำ
ชายชราได้แต่สั่นสะท้านไปพลางพุ่งถอยหลังกลับแล้วพูดว่า
“เจ้า……….”
“ลาขาด ! ”
หลินเทียนเหวี่ยงฝ่ามือของเขาตบอัดออกไป
ฝ่ามือนี้อัดแน่นไปด้วยอักขระอันทรงพลังและการเคลื่อนไหวของเขายังนำพาทัณฑ์สวรรค์มาเช่นกัน
นี่ทำให้บรรพบุรุษที่ 16 ได้แต่ส่งเสียงกู่ร้องคำรามออกมาพร้อมทั้งสังเวยทักษะเทวะอันทรงพลังออกมารับการโจมตีของหลินเทียนอย่างสุดความสามารถ
แต่ก็ยังเปล่าประโยชน์
“ไม่~~~! ”
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ร่างกายของบรรพบุรุษที่ 16 ระเบิดออกเป็นกองเลือดและดวงวิญญาณได้ปะทะเข้ากับอักขระเทวะทำให้มันถูกบดขยี้ลงทันที
“ท่านบรรพบุรุษ ! ”
“น้องสิบหก ! ”
เหล่าบรรพบุรุษและราชายมโลกพากันส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก
“เจ้ามนุษย์ ! ”
บรรพบุรุษทั้งหลายส่งเสียงคำรามพลางระเบิดคลื่นพลังอันรุนแรงที่ให้ความรู้สึกขนหัวลุกออกมา
บรรพบุรุษสูงสุดได้เหวี่ยงฝ่ามือตบคลื่นสายฟ้าเหล่านี้จนสลายหายไปด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกถึงขีดสุดเพราะว่าบรรพบุรุษที่ 16 ของพวกเขากลับถูกสังหารลงด้วยเงื้อมมือของหลินเทียน !
ร่างกายของหลินเทียนในตอนนี้รายล้อมไปด้วยคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังมากมายขณะที่ก้าวเดินออกมาด้วยสีหน้าที่เย้ยหยันอย่างมาก
“เมื่อสองปีก่อนข้ายังไม่มีความสามารถพอดังนั้นข้าถึงได้บอกว่าหลังจากที่ข้าตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ได้แล้วจะมาหาพวกเจ้าเอง ”
เขาพูดต่อว่า
“ตอนนี้ก็อย่างที่ข้าได้พูดเอาไว้ ข้าจะมาส่งพวกเจ้าไปลงนรกพร้อมกันให้หมด ”
สิ้นเสียงของเขาแล้วคลื่นสายฟ้าที่ปกคลุมอยู่รอบทิศทางก็ยิ่งทรงพลังขึ้นมากกว่าเก่า
เพียงชั่วพริบตานี้เองที่มันได้แผดขยายออกไปกว่าหลายพันกิโลเมตร
ทึ้มม ~!!
เสียงฟ้าร้องคำรามดังกึกก้องถูกส่งออกมา
นี่ทำให้ทุกชีวิตที่อยู่ภายในดินแดนแห่งนี้ต่างสั่นผวาไปด้วยความกลัว
“กลิ่นอายนี้มัน…..”
“มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกัน ?! ”
“นี่มัน…..อะไรกัน ?! ”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญเผ่ายมโลกพากันส่งเสียงที่หวาดหวั่นออกมา
ดินแดนแห่งนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่มากก็จริงทว่าตอนนี้ทุกชีวิตสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทำลายล้างได้อย่างชัดเจน
“เปรี้ยงง ~! ”
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาโดยที่แต่ละการโลดแล่นจะทำลายห้วงมิติที่อยู่โดยรอบไปอย่างง่ายดาย
หลินเทียนที่ยืนอยู่เหนือตำหนักยมโลกได้กวาดสายตามองออกไปยังกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเผ่ายมโลกทั้งหลายที่อยู่ภายใต้คลื่นสายฟ้าเหล่านี้
“วันนี้อย่าหวังเลยว่าจะมีใครรอดชีวิตออกไปได้ ”
เขาพูดออกมา
เมื่อคำพูดของเขาได้สิ้นสุดลงนั้นคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังมากมายก็ได้ถูกส่งออกไปยังเหล่าราชายมโลกทั้งหลายที่อยู่ตรงหน้า
คนเหล่านี้เปรียบเสมือนหัวใจหลักของเผ่าพันธุ์อย่างแท้จริงและตราบเท่าที่สังหารพวกมันทั้งหมดแล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องภัยอันตรายของเผ่าพันธุ์นี้อีกต่อไป
เปรี้ยงง ~!
ฟ้าร้องคำรามออกมาอย่างดังขณะที่ม่านฟ้าแหลกสลายหายไปก่อนที่คลื่นสายฟ้ามากมายจะตกกระทบลงมายังร่างของราชายมโลกเขตแดนกึ่งจ้าวสวรรค์เหล่านี้
แน่นอนว่ามันเองก็ผ่าเข้าใส่บรรพบุรุษคนอื่นๆในเวลาเดียวกัน
อ๊ากก ! !
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างน่าสังเวชเพราะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของหลินเทียนแล้วทำให้กึ่งจ้าวสวรรค์ถึงกับตกตายลงโดยทันที
“ช่วยพวกเราด้วยขอรับท่านบรรพบุรุษ ! ”
“ไม่ !! ”
“ช่วยเราด้วย ! ”
เหล่าราชายมโลกพากันส่งเสียงกรีดร้องออกมาขณะที่ร่างกายระเบิดออกเป็นชิ้นๆโดยที่ไม่สามารถพุ่งหนีไปไหนได้เนื่องจากรัศมีของพลังทำลายล้างมันกินพื้นที่ไปกว่าหลายพันกิโลเมตรทำให้ไม่มีทางเลยที่จะสามารถออกจากระยะของมัน
พริบตากึ่งจ้าวสวรรค์กว่าหลายสิบคนก็ได้ระเบิดออกเป็นกองเลือดก่อนที่ดวงวิญญาณของพวกเขาจะแหลกสลายหายไป
“ไอ้ชาติชั่ว ! ”
บรรพบุรุษที่ 15 ส่งเสียงคำรามออกมาด้วยดวงตาสีแดงก่ำ
เวลาเพิ่งผ่านไปเพียงไม่นานทว่าทางฝ่ายของพวกเขากลับสูญเสียกำลังหลักไปกว่า 21 คนซึ่งนี่ยังมีจ้าวสวรรค์รวมอยู่ด้วยหนึ่งคน
หลินเทียนหันมองออกไปยังฝ่ายตรงข้ามด้วยสีหน้าที่แสยะออกมาพลางส่งคลื่นสายฟ้าเข้าใส่โดยทันที
อีกฝ่ายได้แต่สั่นสะท้านไปไม่หยุดพร้อมทั้งรีบพุ่งถอยหลังกลับด้วยความรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนอย่างรุนแรง
“ไสหัวไปไกลๆ ! ”
เขาส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังขณะที่พุ่งหนีไปเพราะกลัวว่าหลินเทียนที่เป็นต้นตอแห่งหายนะจะเข้าใกล้เนื่องจากมันจะส่งผลให้จุดๆนั้นกลายเป็นศูนย์กลางแห่งการทำลายล้างไปทันที
หลินเทียนแสยะออกมาขณะที่พุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“ข้าจะส่งเจ้าไปอยู่กับบรรพบุรุษที่ 16 แล้วกัน ”
เขาได้พูดออกมา
ตู้มมม ~! เขาชักนำคลื่นสายฟ้ามากมายให้ผ่าลงมาพร้อมๆกับซัดฝ่ามือที่รายล้อมไปด้วยอักขระเทวะออกไป
อีกฝ่ายพยายามต่อต้านอย่างสุดกำลังโดยการสังเวยทักษะเทวะทั้งหมดออกมา
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่บรรพบุรุษสูงสุดและคนอื่นๆเองก็ต่างพากันกระโจนออกมาเพื่อให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
1314
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาจากรอบทิศทางขณะที่คลื่นสายฟ้าถล่มลงมาไม่ต่างจากห่าฝน
หลินเทียนซัดฝ่ามือขวาออกไปอัดเข้าใส่ร่างของบรรพบุรุษที่ 15 พร้อมๆกับคลื่นสายฟ้าอันไร้ที่สิ้นสุด
“อย่าหวังไปหน่อยเลย ! ”
บรรพบุรุษสูงสุดและคนอื่นๆพุ่งเข้ามาใกล้ก่อนที่จะสังเวยการโจมตีทั้งหมดออกมาช่วยเหลือบรรพบุรุษที่ 15 เอาไว้พร้อมซัดการโจมตีสวนเข้าใส่ทางหลินเทียน
นี่คือการโจมตีผสานพลังของจ้าวสวรรค์หลายคนโดยเฉพาะจ้าวสวรรค์ตอนปลายดังนั้นจึงถือได้ว่าเป็นการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
หลินเทียนที่กำลังซัดฝ่ามือออกไปไม่ได้สนใจอะไรแม้แต่น้อยพร้อมทั้งส่งเสียงแสยะออกมา
และมันเป็นตอนนี้เองที่ม่านฟ้าได้ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมาอีกครั้งขณะที่ปรากฏลำแสงสายฟ้าขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นกลางฟากฟ้า
นี่คือทัณฑ์สายฟ้าระลอกแรกที่ผ่าลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว !
พลังทำลายอันหนักหน่วงของมันปกคลุมร่างของบรรพบุรุษทั้งหลายเข้าด้วยกัน
“รู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าต้องโผล่ออกมา ก็ดี ”
หลินเทียนหัวเราะออกมาอย่างดังพลางพูดต่อว่า
“มาแบ่งๆทัณฑ์สายฟ้ากันเถอะ ! ”
เขาที่เป็นผู้รับทัณฑ์สายฟ้านั้นรู้ดีว่ามันจะผ่าลงมาตอนไหนดังนั้นหากว่าเขาเปิดฉากโจมตีบรรพบุรุษที่ 15 แล้วคนอื่นๆก็จะต้องพยายามให้ความช่วยเหลืออย่างแน่นอนดังนั้นเขาจึงเลือกจังหวะที่เหมาะเจาะพร้อมทั้งเปิดฉากโจมตีเข้าใส่และรับการโจมตีจากทัณฑ์สายฟ้าระลอกแรกไปพร้อมๆกัน
“นี่เจ้ากล้าเล่นลูกไม้กับพวกข้างั้นรึ ! ”
บรรพบุรุษทั้งสามคนส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธเพราะพวกเขาจะไม่เข้าใจความหมายของหลินเทียนได้อย่างไรกัน
“แล้วไงล่ะ”
หลินเทียนตอบกลับไป
“เจ้า……..”
“ตู้มม ~! ”
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาขณะที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกแรกอันทรงพลังผ่าลงมาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
กลิ่นอายทำลายล้างได้ปกคลุมรอบพื้นที่อย่างสมบูรณ์
“อ๊ากก ~! ”
“ไม่ !!! ”
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ร่างกายของบรรพบุรุษที่ 15 และ 14 แหลกสลายหายไปก่อนที่ดวงวิญญาณจะค่อยๆแหลกสลาย
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่บรรพบุรุษสูงสุดถึงกับกระอักเลือดออกมาคำโตด้วยสภาพที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
หลินเทียนที่เตรียมตัวเอาไว้ก่อนแล้วจึงอาศัยวงเวทย์หยินหยางรับการโจมตีนี้เอาไว้
ในหมู่ห้าผู้เชี่ยวชาญนี้มีเขาเพียงคนเดียวที่ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
“น่าสังเวชจริงๆ ”
เขาหันมองออกไปยังร่างของบรรพบุรุษที่ 15 และ 14 ที่แหลกสลายหายไปขณะที่บรรพบุรุษสูงสุดกระอักเลือดออกมาคำโตส่วนบรรพบุรุษที่ 3 ที่ร่างแหลกไปกว่าครึ่งด้วยใบหน้าที่เย้ยหยัน
“เจ้ามนุษย์! ”
บรรพบุรุษที่ 3 ส่งเสียงคำรามออกมาด้วยดวงตาสีแดงก่ำ
เป็นเพราะว่าทัณฑ์สายฟ้าระลอกแรกนี้ได้ทำลายผู้เชี่ยวชาญของพวกเขาไปถึงสองคน
“เหอะ ! ”
หลินเทียนแสยะออกมาก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลออกไปอัดเข้าใส่อย่างไม่ปราณี
ในเวลาเดียวกันนี้เขาเองก็ส่งกลิ่นอายออกไปชักนำคลื่นสายฟ้าให้ผ่าลงมาพร้อมๆกัน
“พุฟฟ ! ”
บรรพบุรุษที่ 3 ผู้ที่ยังไม่ทันจะได้ฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้ถูกบดขยี้กลางเป็นกองเลือดไปทันที
อ๊ากก ~!
อีกฝ่ายส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังขณะที่กองเลือดและเศษชิ้นเนื้อรวมตัวขึ้นเป็นกายหยาบอีกครั้ง
มันเป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่หลินเทียนได้ส่งการโจมตีสังหารเข้าใส่อีกครั้ง
ทึ้มมม ~!
เสียงฟ้าร้องคำรามและคลื่นพลังหมัดอันหนักหน่วงได้อัดเข้าใส่ด้วยพลังทำลายที่บดขยี้มิติรอบข้างสลายหายไป
บรรพบุรุษที่ 3 ได้เหวี่ยงหมัดออกไปรับเอาไว้
ครั้งนี้เสียงแตกร่างได้ถูกส่งออกมาขณะที่ร่างกายของบรรพบุรุษที่ 3 สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่หมัดของเขาจะระเบิดออกเป็นชิ้นๆตามด้วยแขนที่ขาดสะบั้นพร้อมๆกับรอยร้าวที่แผดขยายไปทั่วทั้งตัวส่งผลให้เลือดพุ่งกระฉูดออกมาจากทั่วร่าง
“แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งตามออกมาขณะที่หลินเทียนส่งคลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์อัดเข้าใส่อย่างไม่ปราณี
มันเป็นกระบี่สังหารที่ทรงพลังและพุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายอย่างฉับพลัน
ชายชราได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงพร้อมทั้งรีบพุ่งเบี่ยงหลบออกไปแต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากกระบี่นี้มีความเร็วที่สูงเกินไป
“พุฟฟ ~! ”
คลื่นกระบี่พุ่งผ่านร่างของเขาไปพร้อมทั้งเปลี่ยนร่างของเขากลายเป็นกองเลือดในชั่วพริบตา
ตู้มมม ~!
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สองได้ก่อตัวขึ้นด้วยกลิ่นอายทำลายล้างที่ทรงพลังยิ่งกว่าเก่า
นี่ทำให้พื้นที่โดยรอบปกคลุมไปด้วยคลื่นสายฟ้าอันน่าสะพรึงกลัวขณะที่กลิ่นอายทำลายล้างอันทรงพลังกดทับลงมาจากม่านฟ้า
“อ๊ากก ~! ”
“ท่านบรรพบุรุษช่วยข้าด้วย ! ”
“ไม่ ~~~! ”
เสียงร้องโหยหวนถูกส่งออกมาจากปากของราชายมโลกทั้งสามคนก่อนที่ร่างกายของพวกเขาจะแหลกสลายหายไป
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังนี้ไม่ใช่กระแสไฟฟ้าธรรมดาๆแต่มันคือทัณฑ์สายฟ้าที่ผู้เชี่ยวชาญที่ต่ำกว่าเขตแดนจ้าวสวรรค์ไม่สามารถต่อกรได้แม้แต่น้อย
ดังนั้นแล้วหลังจากที่ต้องเผชิญหน้ากับพลังทำลายล้างนี้อย่างต่อเนื่องก็ทำให้พวกเขาตกตายลงทันที
หลินเทียนหันมองออกไปยังร่างของราชายมโลกที่แหลกสลายหายไปก่อนที่จะก้าวออกไป
“แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาขณะที่คลื่นกระบี่พวยพุ่งออกไปเบื้องหน้า
ณ ตอนนี้บรรพบุรุษที่ 3 ที่ยังไม่ทันจะได้ฟื้นฟูร่างกายกลับขึ้นมาจึงทำได้เพียงแค่หอบร่างวิญญาณของตัวเองพุ่งหนีไปด้วยความเร็วที่สูงที่สุดพร้อมทั้งพยายามก่อสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่ในเวลาเดียวกัน
นี่ทำให้บรรพบุรุษสูงสุดรีบพุ่งออกมาเพราะเขาไม่มีทางปล่อยให้หลินเทียนสังหารบรรพบุรุษที่ 3 ลงได้ง่ายๆ
“หลีกไป อย่ามาขวางทาง ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้ส่งคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังมากมายผ่าเข้าใส่ร่างของบรรพบุรุษสูงสุดอย่างไม่รอช้า
ตู้มม ! ตู้มม ! เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่คลื่นสายฟ้ามากมายผ่าใส่ร่างของบรรพบุรุษสูงสุด
มันเป็นคลื่นสายฟ้าที่ต่อให้เป็นเขตแดนจ้าวสวรรค์ก็ยังได้รับความเสียหายไม่น้อย
“แกร๊ง ! ”
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่หลินเทียนพุ่งเข้าประชิดร่างวิญญาณของบรรพบุรุษที่ 3 พร้อมทั้งส่งคลื่นกระบี่ออกไป
อีกฝ่ายที่เพิ่งก่อสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่เองก็รีบสังเวยทักษะเทวะออกมารับเอาไว้อย่างไม่รอช้า
การปะทะกันของพวกเขาสร้างคลื่นพลังทำลายล้างกระจายตัวออกไปรอบทิศทาง
หลังจากนั้นทักษะเทวะก็ได้สลายหายไปขณะที่คลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์ทั้งเก้าเล่มสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมทั้งแหลกสลายลงไปถึงแปดเล่มเหลือเอาไว้เพียงหนึ่งเล่มที่พุ่งออกไปด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัว
“พุฟฟ ~! ”
เลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทางขณะที่คลื่นกระบี่นี้พุ่งทะลวงผ่านหน้าอกและบดขยี้หัวใจของอีกฝ่ายจนกลายเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ที่ให้ความรู้สึกน่าสยดสยอง
ชายชรากระอักเลือดและเศษชิ้นเนื้อของหัวใจออกมาขณะที่ก้าวถอยหลังกลับไป
หลินเทียนแสยะออกมาพร้อมทั้งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายอย่างไม่รอช้า
“ทึ้มม ~! ”
หมัดจักรพรรดิโกลาหลถูกซัดออกไป
จากการที่เขาได้ใช้เวลากว่าหนึ่งปีในการทำความเข้าใจทักษะต่างๆนี้ทำให้หมัดจักรพรรดิโกลาหลของเขาทรงพลังขึ้นกว่าเก่ามากพร้อมทั้งแรงกดดันที่ไม่ต่างจากการกดทับของห้วงจักรวาลออกมา
ชายชราได้แต่พยายามสังเวยทักษะเทวะของเผ่ายมโลกออกมาป้องกันเอาไว้
พริบตานี้เองที่การโจมตีของทั้งสองได้อัดเข้าใส่กันอีกครั้ง
“ฟึ้บบ ! ”
“ฟึ้บ ! ”
“ฟึ้บบ ! ”
เสียงนี้ถูกส่งออกมาขณะที่ทักษะเทวะทั้งหมดของอีกฝ่ายแหลกสลายหายไปอย่างต่อเนื่อง
หมัดจักรพรรดิโกลาหลยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังได้กระแทกเข้ากลางหน้าอกของชายชราอย่างจัง
พุฟฟ !
ร่างกายของชายชราระเบิดออกเป็นชิ้นๆขณะที่เลือดสาดกระจายออกไปทั่วพื้นที่โดยเหลือไว้เพียงดวงวิญญาณที่พุ่งหนีไปด้วยสภาพที่ย่ำแย่ถึงขีดสุด
หลินเทียนหันมองออกไปเล็กน้อยพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดซ้ำออกไป
ดวงวิญญาณของอีกฝ่ายสั่นสะท้านอย่างรุนแรงขณะที่พยายามก่อสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่พร้อมทั้งสังเวยทักษะเทวะและสัจธรรมออกมาต่อต้านเอาไว้
ตู้มม ~!
ตู้ม !
ตู้มมม ~!
การปะทะกันอย่างรุนแรงถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องกว่าร้อยกระบวนท่า
ท้ายที่สุดเสียงระเบิดอย่างดังก็ได้ถูกส่งออกมาพร้อมๆกับร่างของชายชราที่ลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่แหลกไปทั้งตัว
“ระยำเอ้ย ! ข้าเป็นถึงจ้าวสวรรค์ระดับ 7 แต่เจ้าเป็นเพียงจ้าวสวรรค์ระดับ 1 เท่านั้น มันเป็นไปได้อย่างไรกันที่จะสามารถสร้างความเสียหายให้กับข้า ?! นี่มันเป็นไปไม่ได้ ! ”
ชายชราส่งเสียงคำรามออกมาเพราะระดับพลังของเขาอยู่เหนือกว่าหลินเทียนถึงหกระดับแต่กลับไม่สามารถต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย
หลินเทียนที่รายล้อมไปด้วยคลื่นสายฟ้าและสีหน้าที่เย้ยหยันได้ก้าวออกไปอีกครั้ง
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครกัน คิดว่ากายสังสารวัฏที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นเพียงคำพูดเล่นๆ ? ข้าน่ะรับทัณฑ์สวรรค์มาตั้งแต่ตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดินภาจนถึงตอนนี้ด้วยสภาพที่กึ่งตาย คิดว่ามันผ่ามาเปล่าๆ ? ”
เขาส่งเสียงออกมา
ตัวเขานั้นแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับเดียวกันอยู่มากแถมด้วยทัณฑ์สวรรค์ที่ผ่านมากว่าเจ็ดครั้งทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นมากผนวกกับยาทิพย์เสริมกำลังห้าเท่าดังนั้นแล้วอีกฝ่ายจะเป็นคู่มือของเขาได้อย่างไรกัน
นี่ทำให้บรรพบุรุษที่ 3 ได้แต่กัดฟันเอาไว้แน่นด้วยสายตาที่ดุร้ายถึงขีดสุดขณะที่พยายามก่อสร้างร่างกายขึ้นมาอีกครั้ง
“เหอะ ! ”
หลินเทียนแสยะออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสพลางพุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายด้วยก้าวย่างแห่งสวรรค์
นี่ทำให้อีกฝ่ายได้แต่ตกตะลึงไปกับความเร็วระดับนี้ก่อนที่จะอุทานออกมาว่า
“นี่เจ้า……”
“ตาย ! ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมาก่อนที่จะสรรสร้างการโจมตีมากมายทั้งหลายทั้งปวงออกมาโอบร่างของอีกฝ่ายเอาไว้
1315
จากการใช้เวลาทำความเข้าใจกว่าหนึ่งปีเต็มทำให้หลินเทียนเชี่ยวชาญทักษะการสรรสร้างแห่งสวรรค์ชั้นมากส่งผลให้พลังทำลายของมันเรียกได้ว่าอยู่ในจุดที่น่าสะพรึงกลัวเลยก็ว่าได้
……………
ร่างกายของบรรพบุรุษสูงสุดที่ 3 ได้แต่สั่นสะท้านอย่างหนักขณะที่เขาสัมผัสได้ถึงความตายเป็นครั้งแรกจึงได้ส่งเสียงกู่ร้องออกมาอย่างดังพร้อมทั้งพยายามต่อต้านอย่างสุดกำลัง
เมื่อเทียบกับการสรรสร้างของหลินเทียนแล้วมันกลับดูเปราะบางอย่างมากเพราะมันแทบจะแหลกสลายลงทันที
ตู้มม !
การสรรสร้างมากมายกดทับลงมา
“ไม่ ~~~ ! ”
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่การสรรสร้างมากมายเข้าบดขยี้ร่างกายและดวงวิญญาณของเขา
ตกตายลงอย่างสมบูรณ์ !
“น้องสาม ! ”
บรรพบุรุษสูงสุดที่กำลังเผชิญหน้ากับคลื่นสายฟ้ามากมายได้แต่สั่นสะท้านไปทั้งตัว
“เจ้ามนุษย์ ! ”
เขาส่งเสียงคำรามออกมาด้วยดวงตาสีแดงก่ำ
สองปีก่อนหน้านี้จ้าวสวรรค์ 11 คนได้ตกตายลงทั้งหมดแล้วตอนนี้จ้าวสวรรค์อีกห้าคนที่ยังเหลืออยู่กลับถูกสังหารไปกว่าสี่คนจนเหลือเพียงเขาแค่คนเดียว !
“ไม่ต้องรีบร้อนไป เดี๋ยวข้าจะส่งเจ้าตามไปอยู่กับพวกเขาเอง ”
หลินเทียนหันมองออกไป
ร่างกายของเขาในตอนนี้รายล้อมไปด้วยคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังอย่างมากพลางก้าวเข้าหาทางบรรพบุรุษสูงสุด
การเคลื่อนไหวของเขาส่งผลให้คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังไล่ติดตามกลายเป็นภาพอันน่าสะพรึงกลัว
“อ๊ากก ~! ”
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาจากกึ่งจ้าวสวรรค์ที่ได้รับผลกระทบจากพลังทำลายนี้ขณะที่ร่างของอีกฝ่ายถูกสายฟ้าผ่าจนกลายเป็นเถ้าธุลีไป
หลินเทียนไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยและยังคงก้าวเดินต่อไปเพื่อเข้าใกล้ร่างของบรรพบุรุษสูงสุด
“ตู้มม ~! ”
ร่างของเขาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของอีกฝ่ายอย่างฉับพลันขณะที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สองได้ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์พร้อมผ่าลงมาอย่างไม่ปราณี
อีกฝ่ายได้แต่สั่นสะท้านอย่างหนักหลังจากที่สัมผัสได้ถึงพลังทำลายล้างนี้ทำให้แม้แต่เขาที่อยูในเขตแดนจ้าวสวรรค์ตอนปลายยังรู้สึกขนหัวลุก
เขากัดฟันเอาไว้แน่นขณะที่แววตาส่องประกายจิตสังหารอันเข้มข้นออกมาเสมือนต้องการจะฉีกร่างของหลินเทียนออกเป็นชิ้นๆก่อนที่จะก้าวถอยกลับไปเพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับหลินเทียน
ตอนนี้หลินเทียนเปรียบเสมือนดั่งศูนย์กลางแห่งการทำลายล้างดังนั้นหากว่าเขาอยู่ใกล้ก็จะได้รับผลกระทบของทัณฑ์สายฟ้าเช่นเดียวกัน
“คิดจะถอยหนี ?ไม่ได้บอกว่าข้าอยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 1 เท่านั้นไม่ใช่ ? ทำไมถึงได้ถอยกันล่ะ ? ”
เขาได้ถามออกมา
น้ำเสียงที่ราบเรียบนี้กลับแฝงไปด้วยความเย้ยหยันถึงขีดสุด
นี่ทำให้สีหน้าของอีกฝ่ายตกต่ำลงอย่างมากขณะที่จิตสังหารพวยพุ่งออกมาไม่หยุดแต่ก็ยังคงพุ่งถอยออกไป
“เหอะ ”
หลินเทียนแสยะออกมาก่อนที่จะไล่ตามออกไปด้วยก้าวย่างแห่งสวรรค์ของเขา
ระหว่างนี้เองที่เขาได้โบกมือขวาเพื่อเปิดการทำงานของข่ายอาคมสังหารปกคลุมพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้โดยทันที
จิตสังหารอันเข้มข้นพวยพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่องก่อนที่ลำแสงสังหารอันทรงพลังจะโถมเข้าใส่ร่างของบรรพบุรุษสูงสุด
เป็นเพราะเขาได้เตรียมการเอาไว้ก่อนแล้วดังนั้นการโจมตีของลำแสงสังหารจากข่ายอาคมสังหารสามชั้นจึงไม่ใช่การโจมตีธรรมดาๆส่งผลให้อีกฝ่ายไม่สามารถเมินเฉยได้และที่สำคัญที่สุดคือมันเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถถอยหนีได้อีก
“รับทัณฑ์สายฟ้าไปอีกรอบแล้วกัน ! ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
เมื่อสิ้นเสียงของเขาแล้วคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังจากทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สองก็ได้ผ่าลงมายังร่างของเขาและบรรพบุรุษสูงสุดพร้อมๆกัน
คลื่นพลังทำลายล้างอันหนักหน่วงที่รุนแรงยิ่งกว่าระลอกแรกหลายเท่าได้กดทับลงมา
“เปรี้ย ! ”
“เปรี้ยยย ! ”
“เปรี้ย ~! ”
เสียงแตกร้าวถูกส่งออกมาจากมิติโดยรอบก่อนที่มันจะระเบิดออกไม่มีเหลือพร้อมๆกับแสงสว่างจ้าที่สาดส่องออกไปรอบทิศทางอยู่นาน
“เจ้ามนุษย์ ~!!! ”
เสียงกู่ร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่บรรพบุรุษสูงสุดที่ต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สายฟ้าระลอกนี้ได้รับความเสียหายอย่างหนักถึงขั้นที่มีหลายจุดเนื้อหลุดออกไปจนเผยให้เห็นกระดูกภายใน
“สมแล้วจริงๆที่เป็นถึงจ้าวสวรรค์ตอนปลาย ขนาดโดนลำแสงสังหารไปด้วยแล้วร่างยังไม่แหลกไปอีก ”
หลินเทียนแสยะออกมาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบโดยที่ตัวเขาไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลยแม้แต่น้อย
เป็นเพราะระหว่างที่ส่งลำแสงสังหารเข้าใส่ทางฝ่ายตรงข้ามนั้นเขาก็ได้สังเวยเอาการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาปกป้องร่างกายตัวเองเอาไว้ถึงไม่ได้รับความเสียหายอะไร
บรรพบุรุษสูงสุดกระอักเลือดออกมาอย่างหนักด้วยสายตาที่อัดแน่นไปด้วยจิตสังหารอันเข้มข้น
หลินเทียนที่กำลังสบสายตาอยู่ได้เผยรอยยิ้มอันเย็นยะเยือกออกมาก่อนที่จะพุ่งเข้าใกล้ร่างของอีกฝ่ายอย่างไม่รอช้า
การเคลื่อนไหวของเขานำพามาซึ่งคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังที่ผ่าเข้าใส่ร่างของบรรพบุรุษสูงสุดไปพร้อมๆกับหมัดจักรพรรดิโกลาหล
ทึ้มม ~! มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปด้วยพลังทำลายของหมัดๆนี้
แต่ในเวลาเดียวกันนี้เองที่คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังได้ผสานเข้ากับหมัดอันหนักหน่วงพร้อมทั้งผ่าเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างจัง
“เปรี้ยย ~! ”
มิติแตกออกเป็นเสี่ยงๆพร้อมเผยให้เห็นความว่างเปล่าที่อยู่ภายใน
มันเป็นการโจมตีสังหารที่ทรงพลังถึงขั้นที่ขนาดจ้าวสวรรค์ตอนปลายเองก็ยังต้องรู้สึกหวาดหวั่น
“ผนึกลึกล้ำ ! ”
ชายชราส่งเสียงคำรามพลางสังเวยทักษะอันทรงพลังออกมาโดยที่ไม่มีเวลาสนใจที่จะฟื้นฟูร่างกายเลยด้วยซ้ำ
การปะทะกันของการโจมตีทั้งสองได้สร้างแรงระเบิดที่รุนแรงขึ้น
“พุฟฟ ~! ”
“พุฟ ~! ”
กึ่งจ้าวสวรรค์ที่อยู่ใกล้ๆและได้รับแรงปะทะถึงกับแหลกสลายหายไปอย่างสมบูรณ์
เป็นเพราะนี่คือการปะทะกันของจ้าวสวรรค์ดังนั้นตัวตนระดับนี้ถึงไม่สามารถแบกรับพลังทำลายของมันได้
บรรพบุรุษสูงสุดที่เห็นภาพเหล่านี้ได้แต่ส่งเสียงกู่ร้องออกมาด้วยความโกรธเพราะว่ากึ่งจ้าวสวรรค์ของเขาได้ตกตายลงไปอีกถึงสองคน
“ระยำเอ้ย ! ”
เขาส่งเสียงคำรามออกมา
ก่อนหน้านี้ตำหนักยมโลกนั้นมีจ้าวสวรรค์เหลืออยู่ห้าคนและกึ่งจ้าวสวรรค์อีกกว่าสามสิบคนทว่าในตอนนี้กลับเหลือเขาและกึ่งจ้าวสวรรค์อยู่เพียงแค่สี่คนภายในเวลาไม่นานเท่านั้น
“โร๊ว ~! ”
เสียงร้องคำรามด้วยความโกรธถูกส่งออกมาเพราะแม้เขาที่อยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ตอนปลายจะมีจิตใจที่มั่นคงอย่างไรทว่าการที่ต้องสูญเสียกำลังหลักไปกว่าเก้าในสิบส่วนนี่มันทำให้เขาแทบจะกลายเป็นบ้าไปทันที
หลินเทียนแสยะออกมาพลางเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลของเขาออกไปก่อนที่ทั้งสองคนจะต่างถูกกระแทกกลับไปพลางใช้ก้าวย่างแห่งสวรรค์พุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายเพื่อต่อยซ้ำเข้าไปอีกครั้ง
ทึ้มม ~!
คลื่นพลังทำลายอันหนักหน่วงส่งเสียงกู่ร้องของมังกรและนกฟินิกซ์ออกมาอย่างดัง
ชายชราพยายามเบี่ยงหลบและต่อต้านอย่างสุดกำลังขณะที่ร่างกายกว่าครึ่งได้รับบาดเจ็บ
“เจ้ามนุษย์ ! ”
ชายชราส่งเสียงคำรามออกมาพร้อมทั้งระเบิดคลื่นพลังอันหนักหน่วงออกไปรอบทิศทางก่อนที่จะก่อสร้างร่างกายขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งสังเวยทักษะเทวะอันทรงพลังอัดเข้าใส่ทางหลินเทียน
มันเป็นการโจมตีที่ร้ายกาจอย่างมากถึงขั้นที่สามารถสังหารเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 8 ลงได้ง่ายๆ
“เหอะ ! ”
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างไม่สนใจระหว่างที่เหวี่ยงหมัดออกไปอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาได้ส่งความคิดออกไปควบคุมลำแสงสังหารมากมายพุ่งผ่านอากาศเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายพร้อมๆกัน
การปะทะกันของพวกเขาทั้งสองสร้างแรงระเบิดและส่องแสงสว่างออกมาเป็นระลอกๆ
“อ๊ากก ~! ”
ชายชรากระอักเลือดออกมาไม่หยุดขณะที่ร่างของเขาลอยเคว้งออกไปไกล
ทางหลินเทียนเองก็ถูกกระแทกถอยกลับไปพร้อมๆกับเลือดที่ไหลซิบออกมาจากมุมปาก
“สมแล้วจริงๆที่เป็นถึงจ้าวสวรรค์ตอนปลาย แข็งแกร่งจนเทียบกับคนอื่นๆไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ”
หลินเทียนแสยะออกมา
ระหว่างที่พูดเขาก็ได้หันมองไปยังกลุ่มคลื่นสายฟ้ามากมายพลางกระโจนเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายด้วยก้าวย่างแห่งสวรรค์เพื่อเปิดฉากโจมตีอีกครั้ง
วิ้สส ~!
เขานำพาเอากระแสไฟฟ้ามากมายพุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายอย่างฉับพลัน
“ตาย ! ”
เขาส่งเสียงออกมาอย่างดังพลางเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลที่สร้างพลังทำลายอันน่าสะพรึงกลัวออกไป
ชายชราบรรพบุรุษสูงสุดที่เพิ่งจะพยุงตัวเองกลับขึ้นมาได้ด้วยดวงตาสีแดงก่ำและร่างกายที่แหลกเหลวได้สังเวยเอาทักษะเทวะออกมารับเอาไว้
การปะทะกันของพวกเขาอัดเข้าใส่กันอีกครั้ง
“อั๊ก ~! ”
ชายชราสำลักเลือดออกมาไม่หยุดด้วยกลิ่นอายที่แผ่วลงอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่ร่างของเขาจะปลิวออกไปไกล
หลินเทียนแสยะออกมาและไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พักหายใจแม้แต่น้อยพร้อมพุ่งออกไปเหวี่ยงหมัดอัดกระแทกหน้าของชายชราจนปลิวออกไปไกลสุดขอบฟ้า
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สามได้ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกดทับลงมาอย่างไม่รอช้า
ชายชราที่ถูกต่อยปลิวออกไปถึงกับรู้สึกสั่นสะท้านไปถึงดวงวิญญาณหลังจากที่สัมผัสได้ถึงพลังทำลายนี้
เขาที่อยู่ใจกลางของการทำลายล้างนี้ไม่สามารถหลบได้ทัน !
แม้ว่ามันจะพุ่งเป้าไปที่หลินเทียนแต่เขาก็จะโดนลูกหลงไปด้วย !
“ไอ้ระยำเอ้ย ! ไอ้ชาติชั่ว ! ”
เขาส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธและร่างกายที่อ่อนล้าถึงขั้นที่แทบจะไม่สามารถสังเวยทักษะป้องกันออกมาได้หลังจากที่ต้องเผชิญหน้ากับคลื่นการโจมตีของหลินเทียน
“ข้าอุส่าส่งเจ้าขึ้นไปใกล้ๆทัณฑ์สายฟ้าจะได้สัมผัสมันใกล้ๆไง ไม่ต้องขอบคุณหรอกนะ ”
หลินเทียนแสยะออกมา
เขาส่งความคิดออกไปควบคุมลำแสงสังหารมากมายพวยพุ่งผ่านอากาศเข้ามาปกป้องร่างของเขาเอาไว้
ระหว่างนี้เองที่ทัณฑ์สายฟ้าอันทรงพลังก็ได้ผ่าลงมากลางร่างของชายชราอย่างรุนแรง
“อร๊ากกก ~~! ”
ชายชราส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวชก่อนที่ร่างกายของเขาจะแหลกสลายกลายเป็นกองเลือด
ไม่นานหลังจากนั้นลำแสงสายฟ้าอันทรงพลังก็ได้กดทับลงมายังร่างของเขา
1316
คลื่นสายฟ้าในระลอกนี้ได้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้ด้วยกลิ่นอายทำลายล้างอันทรงพลัง
“ฟึ้บบ ! !”
“ฟึ้บ ! ”
“ฟึ้บบบ ! ”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่ข่ายอาคมที่ปกป้องร่างกายของเขาเอาไว้ได้แหลกสลายหายไป
สายตาของเขาถึงกับหดเล็กลงพร้อมทั้งรีบผสานมือเข้าหากันเพื่อสังเวยเอาวงเวทย์หยินหยางออกมารับเอาไว้
ตู้มม ~!
คลื่นพลังทำลายล้างได้กดทับลงมาใจกลางวงเวทย์นี้ก่อนที่มันจะระเบิดออกอย่างรุนแรง
พริบตานี้พื้นที่ในรัศมีกว่าหลายกิโลเมตรก็ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นซากปรักหักพังไปโดยทันที
เศษฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วจนถึงช่วงที่ผ่านไปสักระยะถึงจะสามารถมองเห็นสิ่งรอบข้างได้อย่างชัดเจน
หลินเทียนที่ยืนอยู่ใจกลางดินแดนที่ล่มสลายนี้มีเลือดไหลซิบออกมาจากปากของเขา
แม้กระทั่งเขาที่แข็งแกร่งขนาดนี้แถมยังเสริมพลังกว่าห้าเท่าพร้อมอาศัยข่ายอาคมสังหารและวงเวทย์หยินหยางก็ยังได้รับบาดเจ็บจากทัณฑ์สายฟ้าระลอกนี้
“นี่เป็นเพียงแค่ระลอกที่สามเท่านั้น แล้วยังจะเหลืออีกกี่ระลอกกัน ? จะรุนแรงขนาดไหน ? ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
ม่านฟ้าได้ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุดพร้อมๆกับคลื่นสายฟ้าอันบ้าคลั่ง
ตู้มม ~!
คลื่นพลังยมโลกอันหนักหน่วงระเบิดออกมาอย่างรุนแรงพร้อมทั้งปรากฏร่างของบรรพบุรุษสูงสุดขึ้นด้วยใบหน้าที่ซีดลงอย่างมากแถมกลิ่นอายเองก็แผ่วลงอย่างเห็นได้ชัด
หลินเทียนหันมองออกไปพร้อมทั้งพูดขึ้นว่า
“สมแล้วจริงๆที่เป็นถึงจ้าวสวรรค์ตอนปลาย ขนาดไม่สามารถป้องกันได้เต็มที่แต่ก็ยังสามารถเอาชีวิตรอดมาได้อีกนี่ไม่ธรรมดาเลยนะ ”
เขาพูดออกมาแบบนี้ก็จริงแต่ลึกๆแล้วเขาก็ไม่ได้ประหลาดใจอะไรมากนักเพราะเขารู้ดีอยู่แล้วว่าตัวตนระดับนั้นมันไม่สามารถตายลงได้ง่ายๆอยู่แล้ว
อีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งอย่างมากแถมยังมีจิตใจที่เข้มแข็งทว่าหลังจากที่ต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สายฟ้าเหล่านี้ไปก็ทำให้จิตใจของเขาพังทลายลงและได้แต่จ้องมองมาทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่โกรธจัดเสมือนต้องการจะฉีกร่างของหลินเทียนออกเป็นชิ้นๆ
“ไอ้คนชาติชั่ว ! ”
เขาส่งเสียงออกมาพลางกำหมัดเอาไว้แน่น
เป็นเพราะว่าหลินเทียนได้คำนวณเวลาเอาไว้หมดแล้วถึงได้กระแทกร่างของเขาออกไปรับทัณฑ์สายฟ้าเอาไว้ก่อนจนเกือบจะตกตายลงด้วยซ้ำ
“ชาติชั่ว ? ข้าคิดว่าเจ้าควรจะใช้คำว่าหลักแหลมมากกว่า ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เมื่อคำพูดของเขาได้สิ้นสุดลงแล้วเขาก็ได้พุ่งเข้าประชิดร่างของอีกฝ่ายพลางเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลอัดเขาใส่อย่างไม่ปราณี
ทึ้มม ~!
หมัดอันทรงพลังได้บดขยี้ห้วงมิติออกเป็นเสี่ยงๆ
ชายชราได้เหวี่ยงฝ่ามือออกมาต้านทานเอาไว้ด้วยพลังทำลายที่ทำให้พื้นที่โดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรง
การโจมตีของพวกเขาได้อัดเข้าใส่กันอย่างจัง
พุฟฟ ~!
เลือดพุ่งกระฉูดออกมาจากท่อนแขนของชายชราขณะที่ร่างของเขาลอยเคว้งออกไปไกลหลังจากที่ได้รับการโจมตีของหลินเทียน
เสียงกรีดร้องถูกส่งออกมาระหว่างที่กึ่งจ้าวสวรรค์ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ต่างพากันตกตายลงอย่างน่าอนาถ
หลินเทียนไม่ได้สนใจยิ่งเหล่านี้แม้แต่น้อยพร้อมทั้งุ่งเข้าประชิดร่างของชายชราอย่างรวดเร็ว
ทึ้มมม ~!
ม่านฟ้าได้สั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้งขณะที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สี่ได้ก่อตัวขึ้นทำให้โลกทั้งใบหยุดนิ่ง
ปรากฏมังกรสายฟ้าสีดำทมิฬขึ้นกลางหมู่เมฆด้วยความยาวกว่าหลายกิโลเมตรให้ความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด
การปรากฏตัวของมังกรสายฟ้านี้ทำให้รัศมีของทัณฑ์สวรรค์ได้แผดขยายออกไปมากขึ้นกว่าเก่าถึงขั้นที่กินพื้นที่กว่าแสนกิโลเมตรพร้อมทั้งส่งแรงกดดันที่ทรงพลังขึ้นกว่าเก่าหลายสิบเท่ากดทับลงมา
ร่างกายของหลินเทียนถึงกับสั่นไหวไปอย่างรุนแรงพร้อมทั้งแหงนมองกลับขึ้นไปบนฟากฟ้า
เป็นเพราะว่าทัณฑ์สายฟ้าระลอกนี้สร้างแรงกดดันให้เขาอย่างใหญ่หลวง
ตู้มม ~!
มังกรสายฟ้าทมิฬท่ามกลางฟากฟ้าส่งกลิ่นอายทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
พลังทำลายระดับนี้ทำให้ร่างกายของชายชราเขตแดนจ้าวสวรรค์ตอนปลายสั่นสะท้านไปไม่หยุดก่อนที่จะพยายามรีบพุ่งถอยออกห่างจากร่าของหลินเทียนเนื่องจากไม่อยากโดนลูกหลงไปด้วย
หลินเทียนที่เห็นเช่นนั้นเองก็หันมองกลับขึ้นไปอีกครั้ง
มันเป็นทัณฑ์สายฟ้าที่ทรงพลังอย่างมากถึงขั้นที่เขาไม่มีเวลาพอจะไปไล่ตามอีกฝ่ายได้ดังนั้นจึงได้หมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมาสมบูรณ์พร้อมทั้งพยายามต้านทานการโจมตีอย่างสุดกำลัง
ตู้มมม ~!
ทัณฑ์สายฟ้าอันทรงพลังกดทับลงมาอย่างรวดเร็ว
ร่างกายของหลินเทียนได้สั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่จะปรากฏคลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์และวงเวทย์หยินหยางออกมา
ทึ้มมม !
ระหว่างที่มังกรสายฟ้าทมิฬกำลังกดทับลงมานั้นฟินิกซ์สายฟ้าสีแดงฉานได้ก่อตัวขึ้นภายในวังน้ำวนสายฟ้ากลายเป็นทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่ห้าที่กดทับลงมาพร้อมๆกัน
นี่ทำให้พื้นที่โดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยคลื่นสายฟ้าโดยทันที
“ฟึ้บบ ~! ”
“ฟึ้บบ ! ”
“ฟึ้บบ ~! ”
การป้องกันทั้งหมดของเขาสลายหายไปก่อนที่พลังทำลายจะกดทับเข้าใส่ร่างของเขาอย่างจัง
เขาได้แต่กัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งสรรสร้างการป้องกันมากมายออกมาพลางเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลออกไป
อย่างไรก็ตามพลังทำลายล้างของทัณฑ์สายฟ้าสองระลอกนั้นร้ายกาจกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากเพราะแม้เขาจะเสริมพลังมากขึ้นถึงห้าเท่าแต่ก็ยังไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย
“พุฟฟ ~! ”
“พุฟ ~ ”
“พุฟฟ ~ ”
เลือดสาดกระจายออกมาจากทั่วร่างของเขาขณะที่ร่างกายของเขาค่อยๆแหลกสลายไปทีละส่วน
บรรพบุรุษสูงสุดที่อยู่ห่างออกไปได้แต่มองไปยังร่างของหลินเทียนที่แหลกสลายเป็นชิ้นๆด้วยดวงตาที่ส่องประกายออกมาพลางภาวนาว่าหลินเทียนจะตกตายลงภายใต้พลังทำลายนี้
ที่เขาหวังเช่นนั้นเนื่องจากหลินเทียนได้ทำลายล้างขุมพลังของเขาไปกว่าเก้าในสิบส่วนทำให้เขาโกรธแค้นเป็นอย่างมากและการตายของหลินเทียนก็จะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นแถมตัวหลินเทียนเองก็แข็งแกร่งมากๆดังนั้นหากว่าเอาชีวิตรอดมาได้เข้าก็ไม่มั่นใจเลยว่าจะสามารถเอาชนะได้รึไม่ อีกใจหนึ่งเขาก็ไม่อยากจะให้หลินเทียนต้องตกตายลงเนื่องจากเขาก็จะเสียโอกาสสูบเอาแก่นสังสารวัฏของหลินเทียนไป
ตู้มมม !
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังสร้างแสงสั่นสะเทือนออกไปทั่วพื้นที่
พื้นที่เบื้องล่างได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นซากปรักหักพังขณะที่ทัณฑ์สายฟ้าทั้งสองระลอกได้ระเบิดออกอย่างรุนแรง
ร่างกายของหลินเทียนได้แหลกสลายกลายเป็นชิ้นๆขณะที่เศษชิ้นส่วนกระจัดกระจายออกไปทั่วพื้นที่
อย่างไรก็ตามเขายังไม่ได้ตายลงดังนั้นเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นถึงได้รวมตัวเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งจุดประกายเปลวเพลิงสีแดงฉานขึ้น
เมื่อร่างกายของเขาฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แล้วจะเห็นได้เลยว่าใบหน้าของเขาซีดลงอย่างมาก
เป็นเพราะว่าทัณฑ์สายฟ้าทั้งสองระลอกนี้มันทรงพลังเกินไปถึงขั้นที่รุนแรงกว่าระลอกที่สามเป็นสิบๆเท่าทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสซึ่งแม้ว่าจะฟื้นฟูร่างกายกลับมาใหม่แต่ภายในนั้นย่ำแย่ถึงขั้นที่ดวงวิญญาณแตกร้าวและแก่นสังสารวัฏมัวหมองลง
“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้วสิ ”
เขากัดฟันเอาไว้
แม้ว่าเขาจะเสริมพลังกว่าห้าเท่าแล้วแต่กลับได้รับบาดเจ็บสาหัสภายใต้ทัณฑ์สายฟ้าสองระลอกนี้มันเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ดีอย่างมากเพราะระลอกต่อไปจะรุนแรงยิ่งกว่านี้แล้วเขาจะรับมือได้อย่างไรกัน ?
เป็นความโชคร้ายจริงๆ !
ทึ้มม ~!
ม่านฟ้าได้สั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้ง
ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่หกได้ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
นี่ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเพราะระลอกก่อนเพิ่งจะผ่าลงมาได้ไม่กี่ลมหายใจแต่นี่กลับจะผ่าลงมาอีกครั้ง มันไม่มีเวลาพอให้เขาได้พักหายใจแม้แต่น้อย
“ระยำเอ้ย ! ”
เขากัดฟันก่นด่าออกมาพร้อมทั้งหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันอย่างเต็มที่เพื่อสังเวยเอาวงเวทย์สังสารวัฏออกมารับเอาไว้
มันเป็นเขตแดนราชันที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาผสานกับพลังห้าเท่าทำให้กลิ่นอายที่ทรงออกมาทรงพลังอย่างมาก
อย่างไรก็ตามทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่ห้าเองก็แข็งแกร่งจนเกินไปพร้อมทั้งบดขยี้วงเวทย์ของเขาสลายหายไปก่อนที่จะทะลวงเข้าใส่ร่างของเขาทำให้ร่างของเขาระเบิดออกและกระจัดกระจายออกไปทั่วพื้นที่
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่พื้นที่โดยรอบได้ระเบิดออกอย่างรุนแรงถึงขั้นที่ไม่เหลือความสมบูรณ์อีกต่อไป
เศษชิ้นเนื้อและหมอกเลือดฟุ้งกระจายอยู่ทั่วพื้นที่
บึ้สส ~!
เปลวเพลิงสีแดงได้ถูกจุดประกายขึ้นขณะที่เศษชิ้นเนื้อและกองเลือดก่อตัวขึ้นเป็นร่างของเขาอีกครั้งพลางหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันอย่างสุดความสามารถ
“อั๊ก ~! ”
เขาที่เพิ่งก่อสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่ถึงกับกระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรงพร้อมทั้งทรุดลงกับพื้น
เป็นเพราะว่าทัณฑ์สายฟ้าระลอกนี้เกือบที่จะสามารถสังหารเขาลงได้ !
แม้ว่าร่างกายจะกลับมาสมบูรณ์แต่ภายในยับเยินถึงขีดสุดถึงขั้นที่อวัยวะแหลกเหลวจนไม่สามารถฟื้นตัวได้ในระยะเวลาสั้นๆและดวงวิญญาณเองก็ยิ่งแตกร้าวไปทั่ว
เขาแหงนหน้ากลับขึ้นไปมองม่านฟ้าที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างอีกครั้ง
นี่ทำให้เขาได้แต่กัดฟันเอาไว้พร้อมทั้งรีบหมุนวนพลังเพื่อพยุงอาการให้เร็วที่สุด
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสิบลมหายใจและเป็นตอนที่อาการของเขาทรงตัวขึ้นเล็กน้อย
แต่มันก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่เสียงฟ้าร้องคำรามได้ถูกส่งออกมาอย่างดัง
ทึ้มมม ~!
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังก่อตัวขึ้นกลายเป็นขุนเขาขนาดใหญ่ความสูงกว่าหลายกิโลเมตรที่ส่งกลิ่นอายทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่เจ็ดได้กดทับลงมาแล้ว !
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สายฟ้าระลอกนี้มันทำให้เขาถึงกับรู้สึกขนหัวลุกไปทั้งตัวพร้อมทั้งรีบสังเวยพลังที่มีทั้งหมดออกมาต้านทานเอาไว้
1317
ภูเขาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สร้างขึ้นจากการรวมตัวกันของกระแสไฟฟ้าจำนวนมากที่แต่ละลูกอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้าง
มันเป็นกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้แม้แต่จ้าวสวรรค์ตอนปลายเองก็ยังได้แต่สั่นไป
“ทึ้มม ~! ”
ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่เจ็ดอย่างขุนเขาสายฟ้าได้กดทับลงมาด้วยพลังทำลายที่สามารถบดขยี้ทุกสรรพสิ่ง
หลินเทียนที่อยู่ใจกลางการทำลายล้างนี้ถึงกับรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนอย่างรุนแรงขณะที่อันตรายถึงชีวิตเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
เขากัดฟันเอาไว้แน่นก่อนที่จะโบกมือส่งข่ายอาคมสังหารอนันตกาลอีกสิบชั้นออกมาพร้อมทั้งผสานมันเข้าด้วยกันกลายเป็นวงเวทย์ขนาดใหญ่
“บึ้สส ~! ”
วงเวทย์อันทรงพลังทั้งสิบชั้นนี้ได้ปกป้องร่างของเขาเอาไว้อย่างสมบูรณ์
และมันเป็นตอนนี้เองที่ทัณฑ์สายฟ้าได้เข้าประชิดร่างของเขาก่อนที่จะปกคลุมทุกอย่างที่อยู่เบื้องล่างเอาไว้
มิติโดยรอบแหลกสลายหายไปไม่มีเหลือขณะที่พื้นดินแตกออกพร้อมๆกับลาวาที่ไหลทะลักออกมาไม่หยุด
ข่ายอาคมทั้งสิบชั้นที่หลินเทียนสังเวยออกมาทรงพลังอย่างมากแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังทำลายล้างของขุนเขานับพันแล้วมันกลับสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะแหลกสลายหายไปไม่มีเหลือ
เพียงแค่ชั่วพริบตาขุนเขาอันทรงพลังก็ได้ถูกทำลายจนสิ้น !
แต่พลังทำลายล้างของมันก็ได้ถูกบั่นทอนลงไปเช่นเดียวกัน
แม้ว่ามันจะไม่ได้มากก็ตามที
หลินเทียนผสานมือเข้าหากันพร้อมทั้งโบกมือส่งวงเวทย์สังสารวัฏออกไปรับการโจมตีเอาไว้
พริบตานี้เองที่วงเวทย์สังสารวัฏและขุนเขาสายฟ้าได้ปะทะเข้าใส่กันอย่างจัง
ตู้มมม ~!
คลื่นพลังทำลายล้างอันหนักหน่วงได้ระเบิดออกมาอย่างดังทำให้พื้นที่โดยรอบแหลกสลายไม่มีเหลือและเปลี่ยนกลายเป็นผุยผงไปทันที
วงเวทย์สังสารวัฏได้แหลกสลายหายไปขณะที่ขุนเขามากมายเหลืออยู่เพียงแค่เก้าลูกและได้กดทับลงมาอัดเข้าใส่ร่างของหลินเทียนอย่างจัง
จนถึงตอนนี้เองที่เมื่อทัณฑ์สายฟ้าระลอกนี้ได้สลายหายไปม่านฟ้าก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง
บรรพบุรุษสูงสุดที่อยู่ห่างออกไปไกลกำลังรักษาอาการบาดเจ็บของเขาและจ้องมองไปยังภาพตรงหน้าอย่างไม่วางตา
หลินเทียนที่ถูกกดทับอยู่ใต้สถานที่แห่งนั้นยังคงไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยถึงขั้นที่ไม่สามารถสัมผัสถึงสัญญาณชีวิตได้เลยด้วยซ้ำ
“ตายแล้ว ? ไม่ มันยังไม่ตาย ! ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เป็นเพราะม่านฟ้าก็ยังคงรายล้อมไปด้วยกลุ่มเมฆสีดำทมิฬซึ่งไม่มีท่าทีว่าจะสลายหายไปแม้แต่น้อย
ในเมื่อมันยังคงอยู่ก็แสดงให้เห็นว่าหลินเทียนยังคงมีชีวิตอยู่เช่นกัน
ตู้มม ~!
ประกายแสงสีทองพุ่งผ่านอากาศขึ้นไปบนฟากฟ้าเสมือนว่าต้องการจะทะลวงผ่านห้วงจักรวาลขึ้นไป
หลินเทียนได้พุ่งกลับขึ้นมาด้วยร่างกายที่รายล้อมไปด้วยรอยแตกร้าวและเลือดที่ไหลทะลักออกมาจากปาก
ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่เจ็ดนี้ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บย่างหนักขณะที่อวัยวะภายในอยู่ในสภาพที่สาหัสและดวงวิญญาณเองก็แตกร้าวไปทั้งดวง
เขาสูดหายใจเข้าลึกพร้อมทั้งหมุนวนทักษะสุริยันปรินิพพานอย่างรวดเร็วพลางกลืนยาทิพย์ระดับ 9 หลายเม็ดลงไปเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของร่างกาย
บึ้สส ~!
ประกายแสงสีทองยังคงสาดส่องออกมาจากร่างของเขาอย่างเข้มข้นขณะที่อาการบาดเจ็บฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
และมันเป็นตอนนี้เองที่มีเสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังอีกครั้ง
วังน้ำวนสายฟ้าสั่นไหวก่อนที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่แปดจะก่อตัวขึ้นกลายเป็นฝนสายฟ้าที่กดทับลงมาโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ตั้งตัวแม้แต่น้อย
เขาได้แต่กัดฟันเอาไว้แน่นและไม่กล้าประมาทพร้อมทั้งรีบระเบิดพลังออกมาพลางประสานมือเข้าหากันเพื่อปลดปล่อยพลังแห่งสัจธรรมออกมา
สัจธรรมของเขาดูเลือนรางแต่กลับอัดแน่นไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้ม่านฟ้าสั่นไหวถึงขั้นที่สายตาของชายชราที่อยู่ห่างออกไปยังต้องหดเล็กลง
“นี่มันสัจธรรมอะไรกันแน่ ?! ”
เขาที่อยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ตอนปลายยังอดสงสัยออกมาไม่ได้เพราะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันกล้าแกร่งที่พวยพุ่งออกมาแต่กลับไม่สามารถจำแนกชนิดของมันได้
หลินเทียนที่อยู่ท่ามกลางพลังทำลายล้างพยายามต่อต้านอย่างสุดกำลังเพราะเขาสัมผัสได้ถึงความร้ายกาจและรุนแรงของทัณฑ์สายฟ้าระลอกนี้เป็นอย่างดีว่าทักษะเทวะธรรมดาๆไม่มีทางต้านทานได้
ฟึ้บบ ~!
ฟึ้บ !
ฟึ้บบ !
เสียงนี้ถูกส่งออกมาขณะที่คลื่นสายฟ้ามากมายได้สั่นไหวก่อนที่จะถูกบดขยี้ไป
ทว่ามันเป็นเวลาเดียวกันนี้เองที่ท้องฟ้าได้สั่นไหวพร้อมทั้งส่งเสียงระเบิดออกมาอย่างดัง
ปรากฏร่างขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากสายฟ้าหลายสิบร่างซึ่งแต่ละร่างล้วนอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายที่สามารถบดขยี้จ้าวสวรรค์ลงได้ง่ายๆ
ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่เก้า !
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงถึงขั้นที่อดกัดฟันเอาไว้แน่นไม่ได้
“ระยำเอ้ย ! ”
เขาก่นด่าออกมาเพราะระลอกที่แปดเพิ่งจะผ่านพ้นไปทว่าระลอกที่เก้ากลับตามมาติดๆ
และที่สำคัญที่สุดคือมันเป็นลางสังหรณ์ที่ทำให้เขารู้สึกว่านี่ไม่ใช่ระลอกสุดท้ายและยังมีทัณฑ์สายฟ้าที่จะตามมา….มากกว่านี้ !
ตู้มมม !!
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ทัณฑ์สายฟ้ารูปร่างมนุษย์หลายสิบร่างกระโจนเข้าใส่ทางหลินเทียนอย่างบ้าคลั่ง
หลินเทียนกัดฟันเอาไว้แน่นด้วยร่างกายที่อาบไปด้วยประกายแสงสีทองพลางสังเวยวงเวทย์สังสารวัฏออกมาและผสานมันเข้ากับสัจธรรมของเขา
วงเวทย์สัจธรรมสังสารวัฏที่อยู่เหนือศีรษะของเขาอาบไปด้วยประกายแสงฟ้าขณะที่พุ่งออกไปปะทะเข้ากับการโจมตีของอีกฝ่าย
ทึ้มม ~ !
ทึ้มม !
ทึ้มม !
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาหลังจากที่เขาเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลออกไป
พลังทำลายของทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่เก้านี้สูงกว่าระลอกที่แปดอย่างมากทำให้ชิ้นส่วนตามร่างกายของเขาแหลกสลายลงภายในพริบตาก่อนที่ร่างของเขาจะถูกกระแทกลอยเคว้งออกไปไกลด้วยร่างกายที่โชกไปด้วยเลือด
บรรพบุรุษสูงสุดที่อยู่ห่างออกไปถึงกับใจสั่นอย่างรุนแรงเพราะถึงขนาดตัวเขาเองก็ยังรู้สึกหวั่นเกรงกับทัณฑ์สายฟ้าระลอกนี้
ตู้มม !
ม่านฟ้าได้สั่นไหวขณะที่เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมา
ปรากฏทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สิบขึ้นกลางฟากฟ้าก่อนที่มันจะก่อตัวขึ้นกลายเป็นฝูงอสูรสายฟ้าอันน่าสะพรึงกลัว
หลังจากนั้นไม่นานพวกมันก็ต่างพากันกดทับลงมาอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนที่กำลังยืนอยู่กับที่ด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านได้แต่ส่งเสียงออกมาว่า
“มากกว่าเก้าระลอกจริงๆด้วย ! ”
ณ ตอนนี้เขารู้สึกขนหัวลุกอย่างมากขณะที่ความรู้สึกเจ็บปวดถูกส่งออกมาจากอวัยวะภายในแต่กลับไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวอยู่แม้แต่น้อย
วงเวทย์สัจธรรมสังสารวัฏยังคงปกคลุมอยู่เหนือศีรษะขณะที่หมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลการสรรสร้างทั้งหลายและคลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์ออกไปเบื้องหน้า
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาลุกโชนขึ้นขณะที่ส่งพลังทำลายเข้ากระแทกร่างของมนุษย์สายฟ้าพร้อมทั้งพุ่งทะยานเข้าใส่ทางอสูรสายฟ้าที่อยู่ห่างออกไป
อย่างไรก็ตามพลังทำลายล้างของทัณฑ์สายฟ้าทั้งสามระลอกนี้มันน่าสะพรึงกลัวอย่างมากดังนั้นร่างกายของเขาถึงได้เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวไม่ต่างจากกระเบื้องที่พร้อมจะแหลกสลายไปทุกเมื่อ
ทึ้มมม !!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่คลื่นสายฟ้าได้ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
ม่านฟ้าได้สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่หมู่เมฆขยายตัวออกอย่างรวดเร็ว
ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สิบเอ็ดได้ก่อตัวขึ้นกลายเป็นลูกบอลสายฟ้าขนาดใหญ่ไม่ต่างจากก้อนอุกกาบาต
มันมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 400 เมตรแถมยังอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่ทำให้รู้สึกหวาดหวั่นกดทับเข้าใส่ทางหลินเทียนด้วยคลื่นพลังที่ฉีกมิติโดยรอบออกเป็นชิ้นๆ
มันเป็นภาพอันน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้บรรพบุรุษสูงสุดเองก็ยังได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมา
ใครมันจะไปสามารถรับมือกับการโจมตีนี้ได้กัน ?!
“นี่คือกายสังสารวัฏในตำนาน มัน……เป็นที่จงเกลียดจงชังของสวรรค์จริงๆ ? ”
ชายชราส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังทำลายล้างระดับนี้แล้วต่อให้เป็นเขาเองก็ยังคิดเลยว่าไม่มีทางที่จะสามารถรับมือได้
หากว่าเผชิญซึ่งๆหน้าก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น !
ตู้มม ~!
ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สิบเอ็ดได้กดทับลงมากลางร่างของหลินเทียนพร้อมๆกับระลอกอื่นๆ
หลินเทียนกัดฟันเอาไว้แน่นขณะที่ส่งถ่ายพลังทั้งหมดเข้าไปภายในวงเวทย์สัจธรรมสังสารวัฏ
ฟึ้บบ ~!
การป้องกันของเขาถูกทำลายภายในชั่วพริบตาก่อนที่แขนทั้งสองข้างของเขาจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นกองเลือดไป
ทัณฑ์สายฟ้าทั้งสี่ระลอกได้กดทับลงมาอย่างไม่ปราณี
“พุฟฟ ~! ”
เลือดและเศษชิ้นเนื้อกระจัดกระจายไปทั่ว
อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงไม่ได้ตกตายลงจริงๆเพราะก้อนเนื้อทั้งหลายได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
ใบหน้าของเขาซีดเป็นกระดาษขณะที่เลือดไหลย้อยออกมาตามมุมปากพลางหันมองกลับขึ้นไปบนฟากฟ้า
มันก็ยังคงปกคลุมไปด้วยความมืดมิดเช่นเคย
ทึ้มม ~!
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอีกครั้งขณะที่กลิ่นอายทำลายล้างได้กดทับลงมา
เขากัดฟันเอาไว้แน่นพลางกำหมัดก่อนที่ร่างกายของเขาจะเปล่งประกายแสงสว่างออกมา
“ฆ่า ! ”
เขาส่งเสียงกู่ร้องออกมาอย่างดัง
ประกายแสงสีทองอร่ามส่องประกายออกไปรอบทิศทางก่อนที่เขาจะเหวี่ยงหมัดจักรพรรดิโกลาหลออกไปอีกครั้ง
หมัดนี้เป็นการรวมพลังทั้งหมดของเขาดังนั้นมันถึงได้พุ่งอัดกระแทกเข้าใส่ม่านสายฟ้าอันทรงพลังก่อนที่เลือดจะสายกระจายออกมาจากร่างของเขา
ทึ้มม ~!
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอีกครั้งก่อนที่ร่างกายของเขาจะรวมตัวกลับขึ้นมาใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่นานหลังจากที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สิบสองกำลังกดทับลงมานั้นระลอกที่สิบสามก็ได้กดทับลงมาเช่นเดียวกัน
มิติโดยรอบได้ถูกปิดกั้นเอาไว้ขณะที่กลิ่นอายทำลายล้างได้แผดขยายออกไปทั่วพื้นที่
หลังจากนั้นทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สิบสี่สิบห้าและสิบหกก็ได้ฉีกร่างของเขาออกเป็นชิ้นๆก่อนที่จะแปรเปลี่ยนสภาพพื้นที่โดยรอบกลายเป็นซากปรักหักพังอย่างสมบูรณ์
พุฟฟฟ ~!
มันเป็นครั้งที่ 21 ที่ร่างกายของเขาได้แหลกสลายกลายเป็นกองเลือดขณะที่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สิบหกได้สลายหายไป
ร่างกายของเขาได้ก่อตัวขึ้นด้วยกันอย่างช้าๆอีกครั้ง
“นี่มันเป็นปีศาจหรือไงกัน ?……..แข็งแกร่งขนาดนี้ ?! ”
บรรพบุรุษสูงสุดที่อยู่ห่างออกไปได้แต่ส่งเสียงสั่นๆออกมา
เป็นเพราะเขาสัมผัสได้ตั้งแต่ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่เก้าแล้วว่าหากตัวเองโดนเข้าจังๆก็จะกลายเป็นอดีตไปทันทีทว่าเขาได้เห็นหลินเทียนเผชิญหน้ากับมันกับตาตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนถึงระลอกที่สิบหกแต่ก็ยังไม่ตาย ความแข็งแกร่งระดับนี้มันทำให้เขาได้แต่รู้สึกหวาดหวั่น
ต้องรู้ก่อนนะว่าหลินเทียนนั้นเพิ่งตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์เท่านั้น !
ชายที่เพิ่งก้าวข้ามมาระดับนี้กลับแข็งแกร่งได้ขนาดนี้นี่มันเป็นความน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน ?
หลินเทียนที่ยืนอยู่ใจกลางการทำลายล้างด้วยร่างกายที่โชกไปด้วยเลือดได้หันมองกลับขึ้นไปบนฟากฟ้า
มันก็ยังคงเป็นสีดำทมิฬอยู่อย่างเคย
ทึ้มมม ~ !
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดัง
ในหมู่วังวนสายฟ้านี้ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สิบเจ็ดได้ก่อตัวขึ้นก่อนที่จะกลายเป็นหมู่ดาวสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วน
กลิ่นอายทำลายล้างของมันทำให้เขาได้แต่สั่นสะท้านไปไม่หยุดถึงขั้นที่ปวดร้าวไปทั่วทั้งตัว
เขากัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันถึงขีดสุด
ทึ้มม !!
ม่านฟ้าได้สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมา
หลินเทียนที่อยู่ใจกลางการทำลายล้างนี้ได้ร่วงหล่นลงจากฟากฟ้าหลังจากที่ต้องเผชิญหน้ากับกลิ่นอายทำลายล้างอันทรงพลัง
อั๊ก ~!
เขากระอักเลือดออกมาคำโตด้วยร่างกายที่แตกร้าว
ตัวเขาพยายามดิ้นรนกลับขึ้นมาแต่กลับไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่แม้แต่น้อยถึงขั้นที่พลังเทวะภายในร่างหมดสิ้นอย่างสมบูรณ์
ทึ้มมม ~!
ทัณฑ์สายฟ้าระลอกนี้ได้กดทับลงมาด้วยพลังทำลายที่สามารถบดขยี้ทุกสรรพสิ่ง
1318
ท้องฟ้าได้ถูกปกคลุมไปด้วยหมู่ดาวสายฟ้าจากทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สิบเจ็ดอันน่าสยดสยองพลางกดทับคลื่นพลังทำลายล้างอันหนักหน่วงลงมาจากฟากฟ้า
“ขยับสิ !!! ”
หลินเทียนส่งเสียงคำรามอยู่ภายในใจและพยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถแต่ก็ยังไม่สามารถขยับตัวได้
ตอนนี้พลังเทวะของเขาได้ถูกเผาผลาญไปอย่างสมบูรณ์แล้วดังนั้นกลิ่นอายของเขาถึงได้แผ่วเบาถึงขีดสุดถึงขั้นที่แม้แต่แก่นสังสารวัฏเองก็หมองลงทำให้ขนาดผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจ้าวแห่งเต๋าธรรมดาๆก็สามารถสังหารเขาลงได้ง่ายๆ
ตู้มมม !
ม่านฟ้าได้สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่หมู่ดาวกดทับลงมาอย่างช้าๆซึ่งทุกที่ๆมันเคลื่อนผ่านได้ถูกทำลายล้างอย่างสมบูรณ์
หลินเทียนที่อยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังนี้ได้แต่มองไปยังคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังที่กำลังกดทับลงมาโดยที่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็สามารถขยับได้
เป็นเพราะบาดแผลที่เขาได้รับจากทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สิบหกนั้นมันรุนแรงจนเกินไปทำให้ทำได้เพียงจ้องมองไปยังการโจมตีเหล่านั้นอย่างหมดสภาพ
วินาทีนี้เองที่เขาตระหนักขึ้นได้
“จบแล้วสินะ ”
เขาส่งเสียงอันขมขื่นออกมา
การบ่มเพาะหลายสิบปีที่ผ่านมานี้เขาต้องเผชิญหน้ากับอันตรายมามากมายและแต่ละครั้งก็สามารถผ่านพ้นมาไดแต่ครั้งนี้เขาสิ้นหวังอย่างแท้จริง
พลังเทวะภายในร่างได้ถูกใช้ไปจนหมดทำให้ไม่สามารถขยับไปไหนได้แต่ต้องเผชิญหน้ากับพลังทำลายขนาดนี้
เลือดไหวทะลักออกมาจากปากของเขาอย่างต่อเนื่องซึ่งเขาเองก็รู้ดีอยู่แต่แรกแล้วว่ามันเป็นทัณฑ์สายฟ้าที่ทรงพลังอย่างมากแต่วินาทีนี้เขารู้สึกหมดหวังแล้วจริงๆ
ไม่สามารถก้าวข้ามได้……..ต้องตายแน่ๆ
ไม่มีใครอยากตายและเขาเองก็เช่นกัน เขายังมีหลายสิ่งที่ยังไม่สำเร็จแล้วจะตายตอนนี้ได้อย่างไรกัน ?
เขานึกถึงภาพของน้องสาวอย่างหลินซี่ จี่หยู เสวี่ยเย่ ไป่เฉียวและซูชูวขึ้นมา เขาจะยอมแพ้ได้อย่างไรกัน ? เขาได้นึกถึงภาพของไป่จี่ฉี หลิงหยุน ฟานหยิงซ่ง จระเข้เบญจธาตุ เสี่ยวไท่ชู พญานาค ย่าเอ๋อรวมถึง เฒ่าขี้เมา จี่จิงหลิงและอื่นๆเพราะหากว่าเขาตายลงแล้วก็จะไม่มีทางได้พบกับพวกเขาอีก
หลังจากนั้นร่างๆหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นกลางจิตใจของเขา
“หวูยี่…..คุ้นเคยจริงๆ…..ข้า…..ลืมอะไรไปกัน…….”
เลือดยังคงไหลรินออกจากปากของเขา
เมื่อคิดถึงนางทีไรเขาก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจเสมือนว่าหลงลืมบางสิ่งที่สำคัญ
ตู้มมม ~!
สายฟ้าอันทรงพลังกดทับลงมาท่ามกลางโลกอันมืดมิด
บรรพบุรุษสูงสุดที่อยู่ห่างออกไปได้แต่สั่นสะท้านอยู่กับที่ก่อนที่จะรีบทิ้งระยะห่างออกไป
“ตายแน่ๆ ”
เขามองไปยังร่างของหลินเทียนที่หมดสภาพอยู่กับพื้นพลางกัดฟันพูดออกมาไม่ได้
การตายของหลินเทียนจะช่วยบันดาลโทสะให้กับเขาแต่หากว่าตกตายลงแล้วเขาก็จะสูญเสียแก่นสังสารวัฏไปทำให้เป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
“ระยำเอ้ย ! ”
เขากัดฟันพูดออกมาด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไปหมด
ตู้มมม ~!
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดัง
ความรุนแรงของสายฟ้านี้ได้ปกคลุมไปทั่วพื้นที่อย่างสมบูรณ์
หลินเทียนที่ร่างอาบไปด้วยเลือดมีสายตาที่เลือนรางได้แต่มองไปยังคลื่นสายฟ้าที่กดทับลงมา
ภาพร่างของผู้คนมากมายปรากฏขึ้นภายในจิตใจของเขาเสมือนว่าสามารถได้ยินเสียงของคนเหล่านั้น
“ข้ายังไม่อยากตาย ”
เขาส่งเสียงออกมาด้วยสายตาที่เลือนรางและปากที่กลบไปด้วยเลือด
เสียงฟ้าร้องคำรามยังคงถูกส่งออกมาขณะที่การโจมตีอันทรงพลังเข้าประชิดร่างของเขา
เขาได้แต่มองไปทางมันอย่างสิ้นหวังพร้อมทั้งหลับตาลงช้าๆ
บึ้สสส ~!
มันเป็นตอนนี้เองหน้าผากของเขาได้ส่องประกายแสงเจ็ดสีออกมาพร้อมทั้งปกคลุมร่างของเขาเอาไว้
กระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขาได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะปรากฏออกมาตรงหน้าของเขา
ปรากฏกระบี่เทวะที่รายล้อมไปด้วยอักขระลึกลับมากมาย
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังได้ถูกหยุดยั้งลงด้วยม่านพลังอันแข็งแกร่งทำให้ไม่สามารถกดทับลงมาได้ก่อนที่จะแหลกสลายหายไป
ระหว่างนี้เองที่ม่านฟ้าได้เกิดการสั่นไหวอย่างหนักหน่วง
บึ้สส ~!
กระบี่เทวะสั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่ประกายแสงเจ็ดสีจะห่อหุ้มร่างของหลินเทียนเอาไว้พร้อมทั้งฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว
ตัวเขาเองก็สัมผัสได้ถึงจุดนี้ถึงได้ลืมตากลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“นี่มัน………”
เขาได้แต่มองไปยังกระบี่เทวะตรงหน้าด้วยนัยน์ตาที่เบิกกว้างขึ้น
เป็นเพราะว่ากระบี่นี้กำลังปกป้องเขาเอาไว้ !
“นี่……”
มันทำให้เขาหมดคำพูดไปทันที
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ประกายแสงเจ็ดสีได้ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเขาอย่างรวดเร็วถึงขั้นที่ดวงวิญญาณที่แตกร้าวกลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์อีกครั้ง
พลังภายในร่างกลับมาสู่จุดสูงสุดทำให้เขายืนกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง
“บึ้สส ~! ”
ประกายแสงเจ็ดสีที่โอบร่างเอาไว้ทำให้มิติโดยรอบบิดตัวอย่างรุนแรง
เมื่อมองออกไปยังกระบี่ตรงหน้าแล้วดวงตาของเขาถึงกับส่องประกายออกมา
ระหว่างนี้บรรพบุรุษสูงสุดที่อยู่ห่างออกไปถึงกับแข็งค้างไปโดยทันที
“นี่มัน ?! เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
เมื่อมองออกไปแล้วร่างกายของเขาอดสั่นไปไม่ได้
แม้จะอยู่ห่างออกมาไกลแต่ก็ยังเห็นภาพที่กระบี่เทวะทำลายล้างคลื่นพลังทำลายของทัณฑ์สายฟ้าลงได้อย่างง่ายดายถึงขั้นทำให้โลกทั้งใบสั่นสะท้านเพราะหลินเทียนไม่เพียงแค่เป็นกายสังสารวัฏที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นแต่กลับเป็นผู้ครอบครองอาวุธที่เหนือกว่าระดับอาวุธสวรรค์อยู่อย่างเทียบกันไม่ได้ !
“นี่มัน นี่มัน…….”
ร่างกายของเขาได้แต่สั่นไปด้วยความตกตะลึงถึงขีดสุดก่อนที่จะเผยให้เห็นความโลภในสายตาของเขา
เขาที่แข็งแกร่งขนาดนี้ไม่มีทางมองผิดไปแน่ว่ากระบี่เล่มนั้นมันเหนือกว่าอาวุธสวรรค์อยู่มากและหากว่าเขาได้มันมาก็จะถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่อย่างแน่นอน !
หลินเทียนที่อยู่ใจกลางการทำลายล้างนี้ได้แต่มองไปยังกระบี่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจก่อนที่จะตระหนักได้ถึงสายตาของชายชราจึงหันมองกลับไป
เมื่อต้องสบสายตากับหลินเทียนแล้วมันทำให้ร่างของอีกฝ่ายอดสั่นไปไม่ได้ถึงขั้นที่ต้องก้าวถอยหลังกลับไป
“นี่เจ้า……….”
เป็นเพราะเมื่อเผชิญหน้ากับหลินเทียนแล้วมันทำให้เขาได้แต่รู้สึกขนหัวลุกอย่างฉับพลัน
หลินเทียนแสยะยิ้มออกมาพลางหันมองกลับไปยังกระบี่ตรงหน้าของเขา
“ได้เจ้าช่วยไว้แล้วสิ ”
เขาพึมพำออกมา
เป็นเพราะกระบี่เล่มนี้เป็นอะไรที่เขาไม่เคยควบคุมมันได้เลยและหากว่าไม่ได้เป็นเพราะมันออกมาปกป้องเขาเอาไว้เขาก็คงจะตายไปนานแล้ว
เมื่ออยู่ท่ามกลางความสิ้นหวังมันจะออกมาช่วยเขาเสมอ
บึ้สส !
กระบี่เทวะส่องประกายแสงออกมาอย่างเคยโดยที่ไม่ได้กลับเข้าไปภายในทะเลความรู้ของเขา
เขาได้แต่มองไปทางมันก่อนที่จะหันมองกลับไปทางชายชราที่อยู่ห่างออกไปแล้วยื่นมือไปคว้าด้ามจับของมันเอาไว้
อักขระที่รายล้อมไปด้วยแสงเจ็ดสีส่องประกายออกมาเล็กน้อยก่อนที่มือของเขาจะคว้าจับมันโดยที่ไม่ได้รับการต่อต้านใดๆ
นี่ทำให้ร่างกายของเขาได้สั่นสะท้านไปอย่างฉับพลันเพราะมันให้ความรู้สึกเสมือนกำลังกำกระบี่สังหารเทพที่สามารถฟาดฟันม่านฟ้าออกเป็นเสี่ยงๆได้อย่างง่ายดาย
เมื่อกำกระบี่นี้เอาไว้มันทำให้เขารู้สึกได้เลยว่าสามารถทำได้ทุกสิ่ง
เขาได้แหงนมองกลับขึ้นไปบนฟากฟ้าซึ่งทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สิบแปดกำลังก่อตัวขึ้นโดยที่ยังต้องใช้เวลาบ่มอยู่อีกสักระยะ
เขากำกระบี่เอาไว้พร้อมทั้งหันมองออกไปทางบรรพบุรุษสูงสุดที่อยู่ห่างออกไป
“เจ้า……”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตานี้แล้วอีกฝ่ายก็ได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงพลางรีบก้าวถอยกลับไปแล้วพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
เป็นเพราะเขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันเข้มข้นที่ส่งออกมาจากทางหลินเทียนทำให้เขาต้องรีบหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
กระบี่ในมือของหลินเทียนมันทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่น !
วิ้สส ~!
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของชายชราพุ่งหายไปอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนไม่ได้ไล่ตามไปแต่ทำเพียงแค่ฟาดฟันกระบี่เทวะในมือออกไปทางนั้น
เสียงอากาศฉีกขาดถูกส่งออกมาก่อนที่คลื่นกระบี่เจ็ดสีอันทรงพลังได้ฉีกดินแดนแห่งนี้ออกเป็นสองส่วน
“พุฟฟ !”
ร่างของชายชราที่อยู่ห่างออกไปไกลได้ระเบิดออกกลายเป็นกองเลือดก่อนที่กลิ่นอายของเขาจะสลายหายไปโดยที่ไม่ทันจะได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยซ้ำ
หนึ่งกระบี่สังหาร !
หลินเทียนถอนสายตาของเขากลับมาก่อนที่จะหยุดสายตาอยู่ที่กระบี่ในมือ
“แข็งแกร่งมาก ”
ดวงตาของเขาส่องประกายออกมาและแม้จะรู้อยู่ก่อนนานแล้วว่ามันเป็นกระบี่ที่ทรงพลังแต่ก็ยังอดผงะไปไม่ได้
เป็นเพราะเมื่อครู่นี้เขาไม่ได้ใส่พลังเทวะลงไปในการโจมตีแม้แต่น้อยทว่ากลับฉีกร่างและดวงวิญญาณของชายชราออกเป็นชิ้นๆโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันจะได้รู้สึกตัวด้วยซ้ำ
นี่มันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนกัน ? !
ทึ้มม !!
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดังขณะที่ความมืดเข้าปกคลุมดินแดนผนึกยุคบรรพกาลเอาไว้เกือบทั้งหมด
ณ ตอนนี้ทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่ 18 ได้ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์และสร้างเป็นกองกำลังอัศวินไร้ศีรษะ ฝูงผีร้าย และอสูรอันกระหายเลือด
นี่ทำให้สัจธรรมที่ปกคลุมอยู่ทั่วพื้นที่สั่นไหวอย่างรุนแรงเสมือนว่าโลกใบนี้กำลังจะถึงกาลอวสาน
1319
ปรากฏร่างหลายร่างเรียงรายกันอยู่คนหมู่เมฆสีดำทมิฬที่อยู่บนฟากฟ้าซึ่งแต่ละร่างล้วนอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างอันทรงพลังที่สามารถบดขยี้ห้วงจักรวาลลงได้ง่ายๆส่งผลให้ดวงวิญญาณของทุกผู้คนที่อยู่ภายในดินแดนแห่งนี้สั่นไหวอย่างรุนแรง
“นี่มัน ……ทำไมท้องฟ้าถึงได้กลายเป็นแบบนี้ ?! ”
“มันเกิด…..อะไรขึ้น ?! ”
“กลิ่นอาย….นี้มัน……”
ทุกชีวิตพากันหวาดหวั่น
กลิ่นอายทำลายล้างที่แผดขยายไปทั่วทั้งดินแดนแห่งนี้ให้ความรู้สึกไม่ต่างกับวันสิ้นโลกอย่างแท้จริง
เหล่าผู้เชี่ยวชาญเผ่ายมโลกที่รอดชีวิตเหลืออยู่ต่างพากันสั่นไปด้วยความกลัว
ทึ้มม ~!
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอย่างดัง
ภาพคลื่นสายฟ้าอันน่าสะพรึงกลัวนี้สร้างความหวาดหวั่นให้กับผู้คนอย่างมาก
หลินเทียนที่ยืนอยู่ใจกลางดินแดนที่ล่มสลายนี้หันมองออกไปยังร่างเงาที่ให้ความรู้สึกเสมือนสร้างขึ้นจากสัจธรรมของโลกใบนี้
“เหมือนครั้งที่สาม”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เป็นเพราะเขาเองก็ก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์มาแล้วหลายๆครั้งและภาพที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่ต่างจากทัณฑ์สวรรค์รอบที่สามของเขาเลยด้วยซ้ำ
แต่แน่นอนว่าพลังทำลายของมันยิ่งใหญ่กว่าจนเทียบกันไม่ได้
ทึ้มม ~!
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาอีกครั้งขณะที่คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังส่งแรงกดดันลงมาจากฟากฟ้า
มันเป็นเพียงประกายสายฟ้าที่เกิดจากทัณฑ์สายฟ้าระลอกนี้ทว่ากลับอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่หนักหน่วงไม่ได้ด้อยไปกว่าทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่สิบเจ็ดแม้แต่น้อย
ร่างกายของหลินเทียนในตอนนี้ยังคงรายล้อมไปด้วยประกายแสงเจ็ดสีที่เข้มข้นเสมือนสวมเกราะเอาไว้ก่อนที่คลื่นสายฟ้าเหล่านั้นจะสลายหายไปโดยที่ไม่สามารถแตะต้องร่างของหลินเทียนได้
ตู้มมม ~!
คลื่นสายฟ้าอันทรงพลังส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมาอีกครั้งสร้างความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัวให้กับผู้คนโดยรอบ
และมันเป็นตอนนี้เองที่ภาพร่างเหล่านั้นได้ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์โดยที่แต่ละร่างล้วนแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาแต่กลับให้ความรู้สึกไม่ต่างจากต้นตอแห่งการทำลายล้างที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าทัณฑ์สายฟ้าระลอกที่ 17 กว่าหลายร้อยเท่า
ฟึ้บบ !
ฟึ้บ !
ฟึ้บบ ~!
หมู่นางฟ้าที่เคลื่อนตัวลงมาได้บดขยี้มิติที่อยู่รอบข้างออกเป็นชิ้นๆเสมือนว่าแปรเปลี่ยนกลายเป็นความว่างเปล่าโดยที่ไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ง่ายๆ
หลินเทียนที่กำลังกำกระบี่เอาไว้ด้วยมือขวาได้โบกมือซ้ายออกไปเพื่อส่งลำแสงเจ็ดสีออกไปเบื้องหน้า
นี่ทำให้ภาพร่างของนางฟ้าได้สั่นไหวไปอย่างรุนแรงก่อนที่จะแหลกสลายหายไปอย่างสมบูรณ์
เป็นเพราะว่าพลังอำนาจของประกายแสงเจ็ดสีนี้แข็งแกร่งกว่ามาก !
ตู้มม ~!
เสียงดังกึกก้องถูกส่งออกมาจากม่านฟ้าขณะที่คลื่นสายฟ้ามากมายโลดแล่นออกไปทั่วทิศทาง
ม่านฟ้าที่แปรเปลี่ยนกลายเป็นทะเลแห่งการทำลายล้างได้กดทับลงมา
หลินเทียนที่ยืนอยู่ท่ามกลางดินแดนที่ล่มสลายนี้ได้ใช้ประกายแสงเจ็ดสีปกป้องร่างกายเอาไว้ได้โดยที่ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
สายฟ้าเหล่านี้มิอาจแตะต้องร่างของเขาได้ !
“มาสิ ! ”
เขาแหงนหน้ามองขึ้นไปพร้อมทั้งส่งเสียงออกมา
เสมือนว่าหมู่เมฆนี้มีสติปัญญาเป็นของตัวเองและสัมผัสได้ถึงการยั่วยุของหลินเทียนทำให้มันระเบิดคลื่นสายฟ้าอันทรงพลังออกมาส่งผลให้พลังทำลายพุ่งสูงขึ้นกว่าเก่าเป็นสิบๆเท่า
เปรี้ยงง ~!
เปรี้ยง !
เปรี้ยงง !
เสียงฟ้าร้องคำรามถูกส่งออกมาพร้อมๆกับแรงกดดันอันทรงพลังที่กดทับลงมาเบื้องล่าง
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เหล่าร่างเงาทั้งหลายที่รวมตัวกันอยู่บนฟากฟ้าได้โถมลงมาพร้อมๆกันด้วยพลังทำลายที่พร้อมจะบดขยี้ดินแดนแห่งนี้
มันทำให้โลกทั้งใบสั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่กลิ่นอายทำลายล้างแผดขยายออกไปทั่วพื้นที่
“ระลอกสุดท้ายแล้ว ”
หลินเทียนพึมพำออกมา
เขาที่ยืนอยู่ท่ามกลางศูนย์กลางทำลายล้างนี้สัมผัสได้ถึงพลังทำลายล้างที่พร้อมจะบดขยี้ร่างของเขาด้วยสีหน้าที่ไม่ได้หวาดหวั่นแม้แต่น้อย
ตู้มม !
เคล็ดวิชาดวงใจสุริยันหมุนวนอย่างรวดเร็วก่อนที่จะส่องสว่างออกไปรอบทิศทาง
“ใช้เจ้าล่ะนะ”
เขามองไปยังกระบี่เทวะในมือก่อนที่จะส่งถ่ายพลังเทวะลงไปพร้อมทั้งฟาดฟันขึ้นไปยังม่านสายฟ้าที่กำลังกดทับลงมา
แกร๊ง !
เสียงกระบี่คำรามถูกส่งออกมาอย่างดังถึงขั้นที่พลังทำลายอันรุนแรงนี้ก้าวข้ามดินแดนแห่งนี้ไปยังโลกอีกฝั่งทำให้ทุกชีวิตต่างสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว
กระบี่เทวะสั่นไหวพร้อมทั้งส่งคลื่นพลังอันหนักหน่วงพวยพุ่งขึ้นไปบนฟากฟ้า
ฟึ้บบบ ~!
ฟึ้บ !
ฟึ้บบบ !
คลื่นกระบี่อันทรงพลังได้บดขยี้ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในเส้นทางของมันไม่ว่าจะเป็นนางฟ้า อัศวิน ผีร้าย อสูรหรืออื่นๆโดยที่ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดยั้งมันได้
คลื่นกระบี่ยังคงพวยพุ่งออกไปฟาดฟันเข้าใส่ม่านฟ้าพร้อมทั้งบดขยี้หมู่เมฆสีดำทมิฬลงด้วยพลังทำลายที่ส่องประกายแสงเจ็ดสีสว่างไสวไปทั่วทิศทาง
เปรี้ย ~!
เสียงปริแตกถูกส่งออกมาอย่างดังกึงก้อง
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่าหมู่เมฆได้แหลกสลายหายไปขณะที่ปรากฏรอยปริแตกที่สุดของฟ้าพร้อมๆกับประกายแสงลึกลับที่รั่วไหลออกมา
มันเป็นประกายแสงที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายอันทรงพลังแต่กลับให้ความรู้สึกที่อ่อนโยนเสมือนศูนย์รวมแห่งความหวัง
ร่างกายของหลินเทียนถึงกับสั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงเพราะเมื่อมองออกไปแล้วจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ใช่ของโลกใบนี้
“นี่มัน…..”
ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นอย่างฉับพลัน
กลิ่นอายที่ไหลทะลักออกมานี้มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะเป็นของสวรรค์ชั้นที่หนึ่งถึงเก้าเสมือนว่ามันเป็นต้นตอแห่งความเป็นไปได้ทั้งปวง
พลังฉีที่สัมผัสได้มันเข้มข้นยิ่งกว่าสถานที่ไหนๆภายในโลกใบนี้ถึงขั้นทำให้ดวงวิญญาณของเขาสั่นสะท้านไม่หยุดหย่อน
นี่ทำให้เขาสรุปได้เลยว่าเบื้องหลังรอยแยกนั้นจะต้องเป็นสถานที่ๆยิ่งใหญ่กว่าสวรรค์ชั้นที่เก้า
“ด้านหลังนั้นมัน…..สวรรค์ชั้นที่สิบ ?! ”
ดวงตาของเขาได้หดเล็กลงขณะที่หัวใจเต้นถี่ขึ้น
เขาเชื่อในลางสังหรณ์ของตัวเองเป็นอย่างดีว่านั่นจะต้องเป็นสวรรค์ชั้นที่สิบอย่างแน่นอน !
กระบี่เจ็ดสีของเขาได้ฟาดฟันม่านพลังของสวรรค์ชั้นที่สิบออก !
รอยแยกที่ส่องประกายแสงอันลึกลับออกมาค่อยๆรักษาตัวเองอย่างช้าๆ
นี่ทำให้ร่างกายของเขาสั่นไหวไปอีกครั้งก่อนที่จะกัดฟันเอาไว้แน่นแล้วพุ่งออกไปอย่างไม่ลังเล
วิ้สสส ~!
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่เขาใช้ทักษะก้าวย่างแห่งสวรรค์จนถึงขีดสุด
รอยแยกขนาดเจ็ดฟุตค่อยๆรักษาตัวอย่างช้าๆจนเหลือหกฟุต ห้าฟุต สี่ฟุต สามฟุต สองฟุตและปิดลงอย่างสมบูรณ์
รอบตัวเขาในตอนนี้รายล้อมไปด้วยความมืดมิดขณะที่กลิ่นอายของเขาหายไปจากดินแดนผนึกยุคบรรพกาลอย่างสมบูรณ์
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหนก่อนที่จะพบกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แห่งความมืดนี้ก่อนที่สายลมอ่อนๆจะพัดพาความเย็นอันอ่อนโยนมาสู่ร่างของเขา
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับต้นหญ้ามากมายที่มีความสูงประมาณหนึ่งฟุตรายล้อมไปด้วยก้อนหินและบรรยากาศที่เงียบสงบ
หลินเทียนหันมองออกไปยังภาพที่อยู่ตรงหน้าของเขา
พื้นที่แห่งนี้ไม่มีภูเขาใหญ่ ไม่มีสัตว์อสูรแต่มีเพียงพื้นดินราบอันกว้างใหญ่เท่านั้น
เขาที่ยืนอยู่ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ได้ถูกสายลมอ่อนๆพัดเข้าใส่ทำให้เสื้อผ้าและผมสีดำยาวของเขาปลิวไสว
“นี่คือสวรรค์ชั้นที่สิบ ? ”
เขาได้แต่ผงะไป
เป็นเพราะเขาเคยจินตนาการภาพของสวรรค์ชั้นนี้เอาไว้มากมายว่าจะต้องเป็นดินแดนที่เก่าแก่มีขุนเขาและแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่มากมายทว่าภาพตรงหน้าของเขากลับต่างออกไปอย่างมากเพราะนอกจากดินแดนอันกว้างใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังฉีแล้วมันก็ไม่มีอะไรอีกเลยยกเว้นความรกร้าง
“บึ้สส ~!”
อากาศโดยรอบสั่นไหวเล็กน้อย
ปรากฏหมู่เมฆเจ็ดสีขึ้นเหนือศีรษะของเขาก่อนที่ประกายแสงอันอ่อนโยนจะโอบอุ้มร่างของเขาเอาไว้
1320
ทัณฑ์สวรรค์เขตแดนจ้าวสวรรค์ได้สลายหายไปจากการโจมตีก่อนหน้านี้ของเขาและแม้เขาจะออกมาจากดินแดนผนึกยุคบรรพกาลแล้วแต่สัจธรรมทั้งหลายก็ยังรับรู้ถึงที่อยู่ของเขาได้ดังนั้นจึงได้ส่งเมฆเจ็ดสีนี้มา
ร่างกายของเขาได้สั่นไหวเล็กน้อยขณะที่แหงนหน้ามองขึ้นไปยังหมู่เมฆพร้อมทั้งตั้งสติของตัวเองแล้วหมุนวนพลังเพื่อดูดซับพลังทั้งหมดเข้ามาในร่างของเขา
นี่ทำให้ประกายแสงที่ส่องออกมาจากร่างของเขายิ่งส่องประกายเจิดจรัสขึ้นยิ่งกว่าเก่า
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงขณะที่ประกายแสงที่ลุกโชนออกมาจากร่างของเขาทำให้มิติโดยรอบถูกย้อมไปด้วยแสงสีทอง
ตู้มม ~!
กลิ่นอายอันหนักหน่วงระเบิดออกมาจากร่างของเขาและกวาดออกไปรอบทิศทาง
ด้วยความสามารถของพลังอันเข้มข้นนี้ทำให้เขาตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 2 ไปได้
แถมพลังของมันยังคงไม่ลดน้อยลงและทำให้กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จนถึงช่วงที่ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมงกลิ่นอายของเขาจึงสงบลงและอยู่ในสภาวะที่สมบูรณ์ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 2 ตอนปลาย
เขากำหมัดเล็กน้อยเพื่อสัมผัสถึงพลังของตัวเองและตระหนักได้เลยว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนมากแถมยังไม่จำเป็นต้องปรับสภาพความสมดุลของรากฐานแม้แต่น้อย
“เยี่ยมจริงๆ ”
เขาพึมพำออกมา
นี่คือประโยชน์ที่ได้รับหลังจากผ่านทัณฑ์สวรรค์มาได้ซึ่งยิ่งมันรุนแรงเท่าไหร่ประโยชน์ก็จะยิ่งมากตามไปเท่านั้น
ฟึ้บบ ~!
เสียงนี้ถูกส่งออกมาก่อนที่หมู่เมฆจะสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนหันมองตามออกไปก่อนที่จะถอนสายตาของเขากลับมาแล้วกวาดสายตาไปรอบๆ
เขาสำรวจสถานที่แห่งนี้ทั่วทุกหนทุกแห่งและพบว่ามันปกคลุมไปด้วยต้นหญ้าและพลังฉีที่เข้มข้นเท่านั้น
“สวรรค์ชั้นนี้เป็นแบบนี้เอง ”
เขาพึมพำออกมา
ตัวเขาไม่พบเห็นขุนเขาขนาดใหญ่หรือแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อยแต่ก็ยืนยันได้เลยว่าที่นี่คือสวรรค์ชั้นที่สิบเนื่องจากเขาสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของสถานที่แห่งนี้ดีว่าอย่างน้อยๆก็ใหญ่กว่าสวรรค์ชั้นที่เก้าเป็นร้อยๆเท่าและส่วนที่สำคัญที่สุดคือกลิ่นอายที่แตกต่างกันออกไป
กระบี่เทวะพุ่งกลับเข้าไปภายในทะเลความรู้ของเขาก่อนที่เขาจะเริ่มก้าวเท้าออกไป
ฟู้วว ~!
ระหว่างที่ก้าวเดินอยู่นั้นสายลมอ่อนๆก็พัดผ่านเข้ามาโดยให้ความรู้สึกไม่ต่างจากเกลียวคลื่นของมหาสมุทร
เมื่อมองออกไปรอบๆแล้วจะพบว่าแม้จะเดินทางไปไกลแค่ไหนแต่แทบจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆแม้แต่น้อย
เขาก้าวเดินออกไปอย่างนุ่มนวลโดยที่เสื้อผ้าและผมสีดำยาวของเขาโบกสะบัดไปตามสายลม
แม้ว่าเขาจะเดินทางมาไกลขนาดไหนก็ยังไม่สามารถพบเห็นขุนเขาหรืออื่นๆแม้กระทั่งเสียงร้องของสัตว์อสูรหรือเสียงกระพือปีกของแมลงก็ไม่สามารถพบได้
“ทั้งโลกมีอยู่แค่นี้ ”
เขาได้แต่โง่งมอยู่กับที่
เป็นเพราะว่าสวรรค์ชั้นนี้มันช่างเรียบง่ายจริงๆ
บึ้สส ~!
มันเป็นตอนนี้เองที่กระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขาได้สั่นไหวพร้อมทั้งชี้นำเขาไปยังทิศทางตะวันออกของสถานที่แห่งนี้
นี่ทำให้เขาหยุดเท้าลงก่อนที่จะหันมองตามออกไป
“ตะวันออก ”
เป็นเพราะว่าตราบใดที่กระบี่เทวะนี้ตอบสนองต่อสิ่งใดแล้วจะต้องไม่ใช่อะไรที่ธรรมดาๆอย่างแน่นอน
ในเมื่อครั้งนี้มันตอบสนองและชี้นำไปยังทิศตะวันออกเขาจึงไม่ลังเลเลยที่จะพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เขาไม่ได้เหาะไปแต่ใช้การเดินเท้าด้วยความเร็วที่สูงไม่ต่างกับสายฟ้าโดยที่ทิ้งไว้เพียงภาพติดตาเท่านั้น
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสองชั่วโมง
สายลมอ่อนๆยังคงพัดผ่านโลกแห่งนี้ซึ่งมันเป็นเวลาเดียวกันกับตอนที่เขาได้หยุดเท้าลง
เป็นเพราะว่าห่างออกไปจากจุดที่เขายืนอยู่มันมีศิลาหินขนาดใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายอันเก่าแก่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า
“นี่มัน ?! ”
เมื่อมองออกไปแล้วสีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง
เพราะไม่รู้เลยว่ามันคงอยู่มาเนิ่นนานขนาดไหนเสมือนว่ามีมาตั้งแต่ที่โลกนี้ได้ถูกสร้างขึ้นและอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายแห่งกาลเวลาที่น่าเกรงขามทำให้จิตใจของเขาต้องสั่นไหวโดยที่มันสลักตัวอักษรโบราณอันวิจิตรงดงามเอาไว้
“เขตแดนหล่อหลอมร่างกาย ชีพจรเทวะ ผู้รอบรู้ จักรพรรดินภา วิญญาณนิรันดร์ ปลุกพลัง ปรินิพพานและจักรพรรดิโกลาหล……..”
ด้านใต้ของศิลานี้สลักตัวอักษรเหล่านี้เอาไว้ก่อนที่จะหันมองต่อไปพร้อมทั้งส่งเสียงออกมาว่า
“จักรพรรดิแห่งความว่างเปล่า นิรันดร์อมตะ อนันตกาล นิรันดร์ที่แท้จริง นิรันดร์ทองคำ นิรันดร์ล้ำลึก นิรันดร์สวรรค์ ราชาแห่งนิรันดร์ เทพที่แท้จริง เทพสวรรค์ ราชาเทพ มหาเทพ และจักรพรรดิแห่งทวยเทพ ”
“นี่มัน……..”
เมื่อมองออกไปยังคำจาลึกเหล่านี้แล้วเขาก็ได้แต่ผงะไป
นี่คือชื่อเขตแดนทั้งหมดของเส้นทางบ่มเพาะ ?!
“เขตแดนหล่อหลอมร่างกาย ชีพจรเทวะ ผู้รอบรู้ จักรพรรดินภา วิญญาณนิรันดร์ ปลุกพลัง ปรินิพพานและจักรพรรดิโกลาหล…….จักรพรรดิแห่งความว่างเปล่า นิรันดร์อมตะ อนันตกาล นิรันดร์ที่แท้จริง นิรันดร์ทองคำ นิรันดร์ล้ำลึก นิรันดร์สวรรค์ ราชาแห่งนิรันดร์ เทพที่แท้จริง เทพสวรรค์ ราชาเทพ มหาเทพและจักรพรรดิแห่งทวยเทพ”
เขามองออกไปยังคำจาลึกเหล่านี้พร้อมทั้งส่งเสียงออกมาว่า
“หลังจากเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลแล้วยังมีอีก 13 เขตแดนใหญ่ ?! ”
“นี่มัน…ใครเป็นคนจาลึกเอาไว้กัน ?! ”
เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
เป็นเพราะว่าตัวอักษรเหล่านี้อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายที่แข็งแกร่งอย่างมากทำให้เขาตระหนักดีว่าทุกตัวอักษรถูกสลักด้วยนิ้วเนื่องจากเขาพบรอยนิ้วมือที่จุดตัดของคำว่า ‘จักรพรรดิแห่งทวยเทพ’ แถมยังมีรอยเล็กๆเสมือนว่าอยากจะจาลึกอะไรบางอย่างลงไปแต่ท้ายที่สุดก็ยกเลิกความคิดนี้ไป
1321
เมื่อมองไปยังศิลาตรงหน้านี้และตัวอักษรทุกตัวแล้วเขาได้แต่ผงะไปเพราะว่านี่คือรายชื่อของทุกเขตแดนในเส้นทางบ่มเพาะแล้วนี่จะไม่ให้เขาตกตะลึงได้อย่างไรกัน ?
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเส้นทางบ่มเพาะของผู้คนจะลึกล้ำได้ขนาดนี้
บ่มเพาะกว่าหลายสิบปีจนถึงเขตแดนจ้าวสวรรค์ทว่ากลับยังไม่ถึงครึ่งของเส้นทางที่แท้จริงเลยด้วยซ้ำ
“ใครเป็นผู้ที่จาลึกมันเอาไว้กัน ?! ”
ดวงตาของเขาหดเล็กลงอย่างมาก
การที่สามารถจาลึกสิ่งเหล่านี้เอาไว้ได้นั้นอย่างน้อยๆก็แสดงให้เห็นแล้วว่าอีกฝ่ายต้องอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิแห่งทวยเทพและเขาเองก็ยังคิดไปถึงเรื่องที่ว่าเขตแดนทั้งหมดที่มีอยู่นั้นเป็นยิ่งที่คนๆนี้ได้บัญญัติขึ้น
“นี่…..”
เขาแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงถึงขีดสุดออกมา
เป็นเพราะว่าศิลาจาลึกแห่งนี้มันอัดแน่นไปด้วยโลกแห่งการบ่มเพาะ !
เมื่ออยู่ต่อหน้ามันแล้วก็อดทำให้เขาแข็งค้างไปไม่ได้
ผู้ที่สลักมันเอาไว้จะต้องอยู่ในเขตแดนจักรพรรดิแห่งทวยเทพอย่างแน่นอนและอาจจะเป็นผู้บุกเบิกเส้นทางการบ่มเพาะทั้งหลายด้วยตัวเองแล้วจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ? ยิ่งไปกว่านั้นมันยังถูกตั้งเอาไว้ที่สวรรค์ชั้นที่ 10 นี้ก็แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นคนจากสวรรค์สิบชั้น ?!
เมื่อคิดได้ถึงจุดนี้แล้วเขาก็อดผงะไปไม่ได้
นี่โลกของเขามี……..ตัวตนระดับนี้ด้วย ?!
“บึ้สส ~! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่ประกายแสงเจ็ดสีภายในทะเลความรู้ได้ถูกส่งออกมาขณะที่กระบี่เทวะสั่นไหวเล็กน้อยพร้อมทั้งชี้นำเขาไปยังศิลาด้านหน้า
สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปก่อนที่จะผงะไปครู่หนึ่งแล้วก้าวเดินออกไป
เมื่อเข้าใกล้มันแล้วเขาสัมผัสได้ถึงพลังที่ยิ่งใหญ่อย่างมากแถมยังมีแรงกดดันที่น่าเกรงขามไม่ต่างจากอสูรเก่าแก่ที่ทำให้จิตใจของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
กระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขาได้สั่นไหวเล็กน้อยจนถึงช่วงที่เขาเข้าใกล้มันและอดยื่นมือออกไปสัมผัสไม่ได้ก่อนที่ร่างกายของเขาจะสั่นสะท้านไปอย่างรุนแรงไม่ต่างกับการถูกกระแสไฟฟ้าช็อต
มันเป็นตอนนี้เองที่ตัวอักษรทั้งหลายได้ส่องประกายขึ้นมาเสมือนว่ากลับมามีชีวิต
หลินเทียนได้ชะงักไปเพราะว่าประกายแสงอันเข้มข้นเหล่านี้มันทรงพลังถึงขั้นที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดที่ดวงตาขณะที่มิติโดยรอบเริ่มบิดตัวอย่างรุนแรง
อักษรทั้งหลายที่กำลังส่องประกายอยู่นี้ทำให้เขาไม่สามารถถอนมือขวาที่กำลังแตะมันอยู่กลับมาได้
“บึ้สส ~!! ”
ประกายแสงอันเข้มข้นได้บิดอากาศโดยรอบพร้อมทั้งสร้างระลอกคลื่นกระจายตัวออกไป
หลังจากนั้นเองที่เสียงปริแตกได้ถูกส่งออกมาเสมือนว่าศิลาตรงหน้ากำลังแตกร้าว
หลังจากนั้นรอยแตกร้าวก็ยิ่งกระจายตัวออกไปทั่วทั้งศิลาไม่ต่างจากใยแมงมุม
เขาได้แต่ผงะไปเพราะว่าไม่ว่าจะทำอย่างไรก็มิอาจดึงมือขวาของตัวเองกลับมาได้เสมือนว่ากำลังถูกยึดเอาไว้ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ขณะที่ศิลากำลังแตกออกอย่างต่อเนื่อง
เปรี้ย ~!
เปรี้ยย ~!
เปรี้ย !
เสียงปริแตกถูกส่งออกมาระยะหนึ่งจนท้ายที่สุดมันก็แตกออกและแหลกสลายหายไปจนกลายเป็นเพียงฝุ่นผงที่ผสานไปกับอากาศเท่านั้น
“นี่…….”
หลินเทียนผงะไป
เป็นเพราะศิลาที่แบกโลกและเส้นทางแห่งการบ่มเพาะเอาไว้กลับถูกทำลายลงตรงหน้าของเขา
บึ้สส ~!
ประกายแสงอันเข้มข้นยังคงถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่อง
นี่ทำให้เขายิ่งตกตะลึงเข้าไปอีเพราะว่าแม้ตัวศิลาจะแหลกสลายหายไปทว่าตัวอักษรทั้งหลายกลับยังคงอยู่ไม่ต่างจากการสลักเอาไว้กลางอากาศ
นี่ทำให้เขาได้แต่โง่งมไปทันทีเพราะอักษรเหล่านี้ได้แยกตัวออกจากศิลาจาลึกแต่กลับยังสามารถคงสภาพอยู่ได้โดยที่ไม่หายไปไหน !
บึ้สสส ~!
เสมือนว่าอักษรทั้งหลายที่ล่องลอยอยู่ในอากาศนั้นมีสติปัญญาเป็นของตัวเองก่อนที่จะรายล้อมร่างของเขาเอาไว้และแปรเปลี่ยนกลายเป็นพลังฉีที่ไหลซึมเข้าสู่ร่างของเขา
ร่างกายของเขาได้สั่นไหวไปอย่างรุนแรงพร้อมทั้งรีบหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อดูดกลืนพลังฉีอันเข้มข้นเหล่านี้
กลิ่นอายของเขายิ่งพุ่งสูงขึ้นด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง
นี่ทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้านไปโดยทันที
เป็นเพราะว่าอักษรเหล่านี้กำลังดึงเอาพลังฉีจากรอบทิศทางเข้าสู่ร่างของเขา
วิ้สส !
วิ้ส !
วิ้สสส !
ประกายแสงอันลึกลับและสว่างไสวพวยพุ่งเข้ามาจากรอบทิศทางพร้อมทั้งแปรเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงอันเข้มข้นที่ทะลวงเข้าใส่ร่างของเขา
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับลำแสงอันเข้มข้นนี้แล้วมันทำให้เขารู้สึกไม่ต่างกับว่ากำลังดูดกลืนเส้นชีพจรมังกรบรรพกาลเลยก็ว่าได้
หลังจากนั้นไม่นานร่างกายของเขาก็ได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะตัดผ่านไปยังเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 3 จากระดับ 2 ตอนปลาย
และเมื่อตัดผ่านมาได้แล้วกลิ่นอายของเขาก็ยังคงพุ่งสูงขึ้นไปยังเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 4 ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่การโคจรของเหล่าอักษรทั้งหลายก็ยิ่งเร็วขึ้นๆทำให้ประกายแสงที่โถมเข้ามายิ่งสว่างไสวขึ้นไปอีกก่อนที่จะพวยพุ่งทะลวงเขาไปภายในทะเลความรู้ของเขา
“นี่มัน ?! ”
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีไปโดยทันที
เป็นเพราะว่าอักษรเหล่านี้ล้วนแล้วแต่อัดแน่นไปด้วยพลังงานอันมหาศาลแต่ตอนนี้กลับทะลวงเข้าไปภายในทะเลความรู้ของเขา
“บึ้สส ~! ”
อักษรโบราณทั้งหลายที่อยู่ภายในทะเลความรู้ของเขาในตอนนี้ยังคงแผดแสงเจิดจรัสออกมาแต่มันกลับให้ความรู้สึกที่อ่อนโยนอย่างมาก
มันเป็นเหมือนดั่งตะเกียงวิญญาณที่กระตุ้นการทำงานของดอกบัวหยินหยางและทะเลวความรู้ของเขาทำให้มันส่องประกายแสงสีดำและขาวออกมาอย่างเข้มข้น
บึ้สส ~!!
ทะเลความรู้ของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง
หลังจากนั้นไม่นานอักษรโบราณทั้งหมดก็เริ่มแหลกสลายหายไปพร้อมทั้งแปรเปลี่ยนกลายเป็นประกายแสงที่กระจายตัวออกไปทั่วทะเลความรู้ของเขา
ร่างกายของเขาสั่นไหวไปอีกครั้งเพราะว่าประกายแสงเหล่านี้ให้ความรู้สึกเสมือนว่ามันกำลังทะลวงเข้าสู่สมองของเขาอย่างรุนแรง
ระหว่างนี้ก็เกิดภาพมากมายขึ้นภายในสมองของเขาเสมือนว่ามีสัจธรรมอันยิ่งใหญ่กำลังนำทางให้กับเขา
“หล่อหลอมร่างกายคือการทำให้ร่างกายสามารถแบกรับพลังฉี ”
“ชีพจรเทวะคือการสร้างจุดชีพจรทั้งเก้า ”
“ผู้รอบรู้คือการรวมพลังทั้งหมดของชีพจรทั้งเก้าเพื่อสร้างเป็นทะเลความรู้ ”
“จักรพรรดินภาคือการหล่อหลอมพลังฉีให้สามารถควบคุมความว่างเปล่า ”
“วิญญาณนิรันด์คือการแปรเปลี่ยนพลังฉีเป็นพลังเทวะและหล่อหลอมร่างกาย ”
“จ้าวแห่งเต๋าคือการทำความเข้าใจเกี่ยวกับโลกและสัจธรรมทั้งสามพันชนิด ”
“ปลุกพลังคือการทำความเข้าใจสัจธรรมและคุณธรรมอย่างถ่องแท้ ”
“ปรินิพพานคือการสละกายหยาบเพื่อเกิดใหม่ในเปลวเพลิงนกฟินิกซ์ ”
“จักรพรรดิโกลาหลคือการหล่อหลอมกลิ่นอายจักรพรรดิทั้ง 18 ระดับ 9 ระดับจักรพรรดิโกลาหลและอีก 9 ระดับจ้าวสวรรค์ ”
“จักรพรรดิแห่งความว่างเปล่าคือการดูดกลืนพลังจากหมู่ดาวเพื่อหล่อหลอมร่างกายทำให้อยู่ในจุดสูงสุดอย่างแท้จริง ”
“นิรันด์อมตะคือการสละกายหยาบอย่างแท้จริง สามารถดึงเอาพลังแห่งหมู่ดาวเพื่อหล่อหลอมดวงวิญญาณเทวะ ”
“อนันตกาลคือการที่ดวงวิญญาณไม่มีวันดับสูญ มีอายุขัยไม่ต่างจากดาวเคราะห์ ”
“นิรันด์ที่แท้จริงคือ………”
อักษรโบราณทั้งหลายที่ผสานเข้ากับทะเลความรู้ของเขาได้ส่งเสียงอยู่ในระบบประสาททำให้เขาทำความเข้าใจเกี่ยวกับแก่นแท้ของเขตแดนต่างๆ
ตั้งแต่เขตแดนหล่อหลอมร่างกายไปจนถึงจักรพรรดิโกลาหล ตั้งแต่เขตแดนจักรพรรดิแห่งความว่างเปล่าไปจนถึงจักรพรรดิแห่งทวยเทพทำให้เขาสามารถเข้าใจพวกมันได้ทั้งหมดเสมือนถูกสลักเอาไว้ภายในสมองของเขา
“เขตแดนหล่อหลอมร่างกายถึงปรินิพพานคือ 9 ขั้นบันไดเล็ก ”
“เขตแดนจักรพรรดิโกลาหลนั้นคือเขตแดนของจักรพรรดิที่มีทั้งหมด 18 ขั้น 9 ขั้นแรกคือจักรพรรดิ อีก 9 ขั้นหลังคือจ้าวสวรรค์ ”
“จักรพรรดิแห่งความว่างเปล่าถึงจักรพรรดิแห่งทวยเทพล้วนแบ่งออกเป็นเขตแดนละสามขั้น ขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นปลาย ”
เขาพึมพำออกมา
“หลังจากที่ตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลได้แล้วถือว่าหลุดพ้นจากห่วงโซ่แห่งความเป็นและความตายอย่างแท้จริง ………”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเองด้วยดวงตาที่ส่องประกายออกมา
เขตแดนอนันตกาลคือการมีชีวิตเป็นอมตะ !
มีอายุยืนนานระดับเดียวกับดาวเคราะห์ !
“อนันตกาลคือการคงอยู่ตลอดไป ”
เขาพึมพำออกมาอีกครั้ง
ระหว่างที่พูดอยู่นี้อักษรทั้งหลายก็ผสานเข้ากับทะเลความรู้ของเขาอย่างสมบูรณ์ก่อนที่เสียงแห่งสัจธรรมอันยิ่งใหญ่จะสลายหายไป
“ตู้มมม ~! ”
คลื่นพลังอันหนักหน่วงระเบิดออกมาขณะที่กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความแข็งแกร่งของเขาตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 4 จากระดับ 3 ได้แล้ว
แถมมันยังคงพุ่งสูงขึ้นโดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแม้แต่น้อย
“บึ้สสส ~! ”
มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่ประกายแสงเจิดจรัสพุ่งทะลวงเข้าใส่ร่างของเขาจากรอบทิศทาง
1322
ประกายแสงเหล่านี้ยังคงไหลเวียนเข้าสู่ร่างของเขาจากรอบทิศทางไม่ต่างจากเส้นชีพจรมังกรบรรพกาลที่ทำให้กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเสมือนดั่งภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุ
บึ้สส ~!
ร่างกายของเขายังคงรายล้อมไปด้วยประกายแสงสีทองเจิดจรัสขณะที่กลิ่นอายพุ่งสูงขึ้นไม่ต่างจากเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้อย่างบ้าคลั่งส่งผลให้มิติและต้นหญ้าโดยรอบถูกย้อมไปด้วยแสงสีทอง
เขายังคงยืนอยู่กับที่พร้อมทั้งสัมผัสได้ถึงแก่นแท้ทั้งหลายของเขตแดนใหญ่พลางหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันอย่างรวดเร็วเพื่อเพิ่มระดับพลังของตัวเอง
หลังจากนั้นกลิ่นอายของเขาก็พุ่งสูงขึ้นถึงขีดสุด
ไม่นานหลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมงกลิ่นอายอันทรงพลังก็ได้ระเบิดออกมาจากร่างของเขาขณะที่ตัดผ่านไปยังเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 5 จากระดับ 4
ระหว่างนี้ร่างกายของเขาก็ได้สั่นไหวเล็กน้อยขณะที่อักษรโบราณทั้งหลายที่ผสานเข้ากับร่างของเขาให้ความรู้สึกเสมือนว่าเขาสามารถควบคุมโลกอันกว้างใหญ่นี้ได้
สิ่งที่เขาสัมผัสได้ชัดเจนที่สุดคือม่านพลังที่ขวางกั้นสวรรค์แต่ละชั้นเอาไว้
“เป็นเพราะพลังของศิลาที่คงอยู่มาอย่างยาวนานได้ส่งผลกระทบให้กับม่านพลังของสวรรค์ทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่ามากจนถึงขั้นที่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนไหนที่สามารถทำลายมันลงได้ ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
ประกายแสงยังคงรายล้อมอยู่รอบทิศทางขณะที่ลำแสงอันทรงพลังพวยพุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
เขายังคงหมุนวนเคล็ดวิชาบ่มเพาะด้วยดวงตาที่ส่องประกายแสงแสงทองอร่ามอยู่อย่างสงบ
“บางทีข้าอาจจะสามารถทำให้ม่านพลังเหล่านี้กลับมาอยู่ในสภาพปกติได้อีกครั้ง ”
เขาพึมพำออกมา
เหตุผลที่ม่านพลังของสวรรค์ชั้นนี้แข็งแกร่งกว่าชั้นอื่นๆถึงขั้นที่จ้าวสวรรค์ก็ยังไม่สามารถทำลายมันได้ก็เพราะว่าอักษรโบราณเหล่านี้มันอัดแน่นไปด้วยพลังงานมหาศาลทำให้ม่านพลังแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่าหลายเท่าตัวแต่เมื่ออักษรโบราณเหล่านี้ผสานเข้ากับร่างของเขาทั้งหมดแล้วเขาก็สามารถชี้นำพลังเหล่านั้นให้กลับไปอยู่ในสภาวะปกติได้ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นแล้วเขตแดนกึ่งจักรพรรดิตอนปลายก็สามารถฉีกมิติข้ามมายังสวรรค์ชั้นนี้ได้แล้ว
ประกายแสงที่แผดออกมาจากร่างของเขายิ่งทรงพลังขึ้นมากกว่าเก่า
หลังจากนั้นเขาก็ได้โบกมือออกไปพร้อมทั้งประสานมือเข้าหากันเพื่อใช้ทักษะฝังมังกร
“โลกแห่งมังกร ! ”
เขาส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งปรับสมดุลพลังทั้งหมดของอักษรโบราณเหล่านี้โดยอาศัยพลังของทักษะฝังมังกรเป็นตัวกลาง
ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆม่านพลังทั้งหลายก็ยิ่งสั่นไหวอย่างรุนแรง
“ม่านพลังของสวรรค์ชั้นนี้กำลังอ่อนแรงลง ”
ดวงตาของเขาส่องประกายออกมาหลังจากที่สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้
หลังจากนั้นเขาก็ยิ่งหมุนวนทักษะฝังมังกรมากขึ้นกว่าเก่าก่อนที่จะทำให้กลิ่นอายของมันแผ่วลงอย่างรวดเร็ว
เขารู้ดีว่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่อยู่ในสวรรค์ชั้นล่างๆต่างใฝ่ฝันว่าสักวันจะสามารถก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นนี้เพื่อตัดผ่านเขตแดนที่สูงขึ้นและมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ได้แต่เป็นเพราะม่านพลังที่แข็งแกร่งอย่างมากทำให้พวกเขาได้แต่สิ้นหวังอยู่กับความตาย
ในเมื่อเขาได้ก้าวข้ามมาที่นี่และรู้เหตุผลที่ทำไมม่านพลังมันถึงได้แข็งแกร่งผิดปกติแล้วแถมยังสามารถทำให้มันกลับเป็นแบบเก่าเพื่อจุดประกายความหวังให้กับผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายแล้วเขาจึงไม่ลังเลเลยที่จะทำมันแถมครอบครัวและพวกพ้องคนสำคัญของเขาเองก็อยู่ในสวรรค์ชั้นล่างดังนั้นเพียงแค่เพราะพวกเขาก็เป็นเหตุผลมากพอที่จะทำให้เขาทำมันแกล้ว
อย่าว่าแต่เรื่องที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อเขาเลยด้วยซ้ำ
บึ้สส ~!
เขาหมุนวนทักษะฝังมังกรต่อไปขณะที่อักษรโบราณทั้งหลายค่อยๆสลายหายไปพร้อมทั้งปรับสภาพม่านพลังลงอย่างรวดเร็ว
…………..
สวรรค์ชั้นที่ 9 ………
ณ ตอนนี้อยู่ดีๆม่านฟ้าก็สว่างไสวขึ้นกว่าเก่าก่อนที่มันจะบิดตัวอย่างรุนแรงพร้อมทั้งเป็นระลอกคลื่นที่ซัดออกไปโดยรอบ
นี่ทำให้พลังฉีภายในสวรรค์ชั้นนี้พุ่งสูงขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
สายลมอ่อนๆได้พัดผ่านไปทั่วสวรรค์ชั้นนี้
นี่ทำให้สีหน้าของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“นี่มัน ?! ”
“ท้องฟ้ากำลังส่องประกาย พลังฉีที่เพิ่มสูงขึ้นนี่มัน…….”
“เกิดอะไรขึ้น ?”
ผู้เชี่ยวชาญพากันแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา
ยิ่งมีระดับพลังที่สูงเท่าไหร่ก็ยิ่งสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“ท้องฟ้ากำลังอ่อนแรงลง ”
จักรพรรดิโกลาหลคนหนึ่งส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
ประกายแสงพุ่งผ่านสวรรค์ลงมาอย่างเข้มข้นพร้อมทั้งแปรเปลี่ยนกลายเป็นคลื่นพลังฉีและสัจธรรมที่เข้มข้นขึ้นกว่าเก่า
“นี่มัน……”
“เกิดอะไรขึ้นกัน ? ”
“โลกนี้มัน…….”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญต่างพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมากับความเปลี่ยนแปลงนี้
นี่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั่วสวรรค์ชั้นนี้ต่างพากันแหงนมองขึ้นไปยังฟากฟ้า
และมันเป็นตอนนี้เองที่มีเสียงอันทรงพลังได้แพร่สะพัดไปทั่วสวรรค์ชั้นนี้รวมถึงชั้นอื่นๆที่อยู่เบื้องล่าง
“ในอนาคตนี้ม่านพลังของสวรรค์ชั้นที่ 10 จะถูกปลดออกและตราบเท่าที่ตัดผ่านเขตแดนกึ่งจักรพรรดิตอนปลายได้แล้วจะสามารถก้าวข้ามไปยังสวรรค์ชั้นที่ 10 ได้ ”
เสมือนว่าเป็นเสียงที่ถูกส่งออกมาจากอีกโลกและทำให้สีหน้าของเหล่าผู้คนทั้งหลายพากันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
โดยเฉพาะเหล่าศิษย์สำนักนิรันด์ทั้งหลายที่กำลังแหงนหน้ามองขึ้นไปด้วยดวงตาที่เปล่งประกายเนื่องจากมันเป็นเสียงของจ้าวสำนักพวกเขา
หลินซี่และคนอื่นๆที่อยู่ภายในสำนักเองก็ต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเช่นกัน
“นั่นมัน……..เสียงของท่านพี่ ! ”
หลินซี่ส่งเสียงออกมา
“ใช่แล้ว เป็นเสียงของเจ้าหนูหลินจริงๆ นี่เจ้านี่กำลังบอกว่าสวรรค์ชั้นที่ 10 กำลังจะถูกปลดผนึก ? ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่ส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงพร้อมๆกับพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากจะเชื่อว่า
“นี่เขา……อยู่ในสวรรค์ชั้นที่ 10 ?! เขา……ไม่ได้มุ่งหน้าไปยังดินแดนผนึกยุคบรรพกาลเพื่อก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ ? นี่มัน……..”
เป็นเพราะก่อนหน้านี้พวกเขายังคงกังวลเรื่องการก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ของหลินเทียนอยู่เลยแต่ก็ต้องประหลาดใจไปกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสวรรค์ชั้นนี้และไม่คิดเลยว่าจะได้ยินเสียงของหลินเทียนที่ส่งออกมาทั่วสวรรค์ทั้งชั้น
แต่ที่สำคัญที่สุดคือข้อความที่ม่านพลังของสวรรค์ชั้นที่ 10 จะถูกปลดผนึกและตราบเท่าที่อยู่ในเขตแดนกึ่งจักรพรรดิตอนปลายก็สามารถก้าวข้ามไปได้
ต้องรู้ก่อนนะว่ามันเป็นสถานที่ๆไม่ต่างจากตำนานที่เป็นศูนย์รวมความหวังของผู้คนทั้งหลายว่าสักวันหนึ่งจะสามารถก้าวข้ามไปได้แต่เป็นเพราะว่าม่านพลังที่ขวางกั้นเอาไว้มันทรงพลังจนเกินไปทำให้จ้าวสวรรค์เองก็ยังไม่สามารถทำลายมันได้แต่การที่หลินเทียนส่งข้อความออกมาว่าหลังจากนี้แค่เขตแดนกึ่งจักรพรรดิตอนปลายก็สามารถก้าวข้ามไปได้นี่มันมีความหมายที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก
“นี่เขา…..”
“เขาทำอะไรไป ?! ”
“นี่เขา……..ก้าวข้ามไปยังสวรรค์ชั้นที่ 10 ได้แล้ว ? สวรรค์ในตำนานนั่น ?! ”
ไป่เฉียวและจี่หยูต่างพากันส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ
ไป่จี่ฉี หยางฉีและคนอื่นๆต่างมีดวงตาที่หดเล็กลงขณะที่มองกลับขึ้นไปบนฟากฟ้า
ระหว่างนี้บรรพบุรุษของขุมพลังทั้งหลายทั่วสวรรค์ชั้นนี้ล้วนพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาถึงขีดสุดเพราะพวกเขาไม่มีทางลืมเสียงของหลินเทียนจากสงครามเมื่อสองปีก่อนได้
“นี่เสียงของราชันอมตะถูกส่งออกมาจากเบื่องบนของสวรรค์ชั้นที่ 9 ?! ”
“ในอนาคตม่านพลังของสวรรค์ชั้นที่ 10 จะถูกปลดผนึกและตราบเท่าที่อยู่ในเขตแดนกึ่งจักรพรรดิตอนปลายก็จะสามารถก้าวข้ามไปได้ ?! ”
“การเปลี่ยนแปลงก่อนหน้านี้เกี่ยวข้องกับราชันอมตะ ?! เป็นการปลดผนึกของเขา ? ”
“ในอนาคตข้าเองก็สามารถก้าวข้ามไปยังดินแดนในตำนานนั่นได้ ? สามารถก้าวข้ามไปยังเขตแดนที่สูงขึ้น ?! ”
เหล่าบรรพบุรุษทั้งหลายพากันสั่นสะท้านไปตามๆกัน
1323
ผู้คนทั่วทั้งสวรรค์ชั้นที่ 9 นี้ต่างพากันสั่นสะท้านไปกันหมด
“นี่ท่านราชันอมตะได้…….ก้าวข้ามไปยังสวรรค์ชั้นที่ 10 แล้ว ?! ”
เหล่าผู้คนพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกัน
สวรรค์ชั้นที่ 10 นั้นเป็นเหมือนกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สูงส่งที่สุดและเปรียบเสมือนดั่งตำนานที่เป็นเป้าหมายของผู้บ่มเพาะทุกคนซึ่ง ณ ตอนนี้มีคนสามารถก้าวข้ามไปได้แล้ว
ก้าวข้ามไปยังสถานที่ในตำนาน !
“ท่านราชันอมตะเขา….”
หัวใจของใครหลายๆคนพากันสั่นสะท้าน
“นี่ม่านพลังในสวรรค์ชั้นที่ 10 จะปลดผนึกออกมา ? ท่านราชัมอมตะเขาเป็นคนที่ปลดผนึกมัน ? ”
“เขตแดนกึ่งจักรพรรดิตอนปลายสามารถก้าวข้ามไปได้ ?! ”
“นี่มัน …..”
เหล่าผู้คนทั่วทั้งสวรรค์เก้าชั้นพากันแหงนมองกลับขึ้นไปบนฟ้าพร้อมทั้งส่งเสียงออกมาด้วยความตกตะลึง
ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนกลายเป็นความตื่นเต้น
“เป็นเสียงของท่านราชันอมตะจริงๆ ! ท่านต้องพูดความจริงอย่างแน่นอน ! ”
“เมื่อผนึกได้ถูกคลายออกแล้วเราก็มีความหวังที่จะก้าวข้ามไปยังสถานที่แห่งนั้น ! ”
“นี่มัน……ดีจริงๆ ! ”
เหล่าผู้คนพากันส่งเสียงออกมาด้วยความตื่นเต้น
ไม่เพียงแค่ผู้คนในสวรรค์ชั้นที่ 9 เท่านั้นแต่เสียงของหลินเทียนได้แพร่สะพัดไปทั่วสวรรค์แต่ละชั้น
นิกายอาทิตย์ผลาญฟ้า นิกายพิณใต้พิภพ ตระกูลไป่ สำนักหยูฮัวและอื่นๆที่มีความสัมพันธ์กับเขาต่างพากันแสดงสีหน้าที่ตื่นเต้นออกมา
“นี่ศิษย์พี่หลินได้ก้าวข้ามไปยังสวรรค์ชั้นที่ 10 ในตำนานแล้ว ?! ศิษย์สำนักของเราสามารถก้าวข้ามไปยังสวรรค์ชั้นที่ 10 ได้แล้ว ! ”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายของนิกายอาทิตย์ผลาญฟ้าพากันส่งเสียงออกมา
เป็นเพราะว่าสวรรค์ชั้นที่ 10 นั้นเปรียบเสมือนสถานที่ในตำนานซึ่งเก็บซ่อนความลับของชีวิตอันเป็นนิรันดร์เอาไว้
………
สวรรค์ชั้นที่ 10 ……..
หลินเทียนกำลังยืนอยู่กับที่ด้วยร่างกายที่รายล้อมไปด้วยประกายแสงสีทองที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น
ระหว่างนี้สายลมที่พัดผ่านเข้ามาก็ยิ่งทรงพลังขึ้นไปอีกโดยที่อักษรโบราณภายในทะเลความรู้เหลืออยู่เพียงกลิ่นอายของมันเท่านั้นและจากทักษะฝังมังกรของเขาก็ทำให้ม่านพลังของสวรรค์ชั้นนี้ค่อยๆจางหายไปอย่างช้าๆส่งผลให้มันกลับเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง
“บึ้สส ~! ”
ประกายแสงเจิดจรัสส่องสว่างไปทั่วสวรรค์ชั้นนี้ขณะพลังฉีทั้งหลายแปรเปลี่ยนกลายเป็นคลื่นพลังที่โถมเข้าใส่ร่างของเขาพร้อมทั้งส่งผลให้กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขายังคงหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันต่อไปพลางดูดกลืนพลังฉีอันเข้มข้นทั้งหมดและค่อยๆปรับสภาพม่านพลังของสวรรค์ชั้นนี้ไปในเวลาเดียวกันทำให้ม่านพลังของสวรรค์ชั้นนี้รายล้อมไปด้วยตรามังกรนับไม่ถ้วน
เขาประมาณการณ์เอาไว้ว่าขั้นตอนทั้งหมดต้องใช้เวลาประมาณสามวันเต็มๆซึ่งหลังจากที่ปลดผนึกไปแล้วก็ยังต้องใช้เวลาประมาณ 40 วันเพื่อให้ม่านพลังทรงตัวอีกครั้ง
ระหว่างนั้นเขาก็ยังคงดูดซับพลังงานอันเต็มเปี่ยมทำให้ระดับพลังของเขาพุ่งสูงขึ้นด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาได้ส่งข้อความเสียงไปทั่วสวรรค์ทุกชั้นอีกครั้งว่า
“เส้นทางการบ่มเพาะมีทั้งหมด 22 เขตแดนใหญ่ เขตแดนหล่อหลอมร่างกาย ชีพจรเทวะ ผู้รอบรู้ จักรพรรดินภา วิญญาณนิรันดร์ ปลุกพลัง ปรินิพพานและจักรพรรดิโกลาหล……”
หลังจากนั้นเขาก็ได้พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเป็นจังหวะที่ไพเราะว่า
“จักรพรรดิแห่งความว่างเปล่า นิรันดร์อมตะ อนันตกาล นิรันดร์ที่แท้จริง นิรันดร์ทองคำ นิรันดร์ล้ำลึก นิรันดร์สวรรค์ ราชาแห่งนิรันดร์ เทพที่แท้จริง เทพสวรรค์ ราชาเทพ มหาเทพและจักรพรรดิแห่งทวยเทพ ”
เขาส่งเสียงเหล่านี้ข้ามม่านพลังของสวรรค์แต่ละชั้นลงไปทั่วรวมถึงอธิบายเกี่ยวกับแก่นแท้ของเขตแดนต่างๆอย่างละเอียดทำให้ผู้คนทั้งหลายเข้าใจแนวทางการบ่มเพาะได้มากขึ้น
นี่ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วสวรรค์ทุกชั้นโดยทันที
“นี่ท่านราชันอมตะกำลังเสี้ยมสอนเราข้ามม่านสวรรค์ ?! ”
“เขตแดนหล่อหลอมร่างกาย ชีพจรเทวะ ผู้รอบรู้ จักรพรรดินภา วิญญาณนิรันดร์ ปลุกพลัง ปรินิพพานและจักรพรรดิโกลาหล…….จักรพรรดิแห่งความว่างเปล่า นิรันดร์อมตะ อนันตกาล นิรันดร์ที่แท้จริง นิรันดร์ทองคำ นิรันดร์ล้ำลึก นิรันดร์สวรรค์ ราชาแห่งนิรันดร์ เทพที่แท้จริง เทพสวรรค์ ราชาเทพ มหาเทพและจักรพรรดิแห่งทวยเทพ นี่มัน…..”
“หลังจากเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลแล้วยังมีเขตแดนอยู่อีกมากมายขนาดนี้ ?! นี่มัน……”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างพากันแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อออกมา
เป็นเพราะพวกเขาล้วนคิดว่าเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลนั้นเป็นปลายทางของเส้นทางบ่มเพาะแล้วแต่ตอนนี้กลับได้รู้ว่ายังมีอีก 13 เขตแดนใหญ่รออยู่ซึ่งเขตแดนจักรพรรดิโกลาหลนั้นยังถึงกึ่งกลางระหว่างเส้นทางบ่มเพาะด้วยซ้ำ นี่มันทำให้พวกเขาพากันโง่งมไปตามๆกัน
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่พวกเขาก็ต่างผงะไปกับคำอธิบายเกี่ยวกับเขตแดนต่างๆที่หลินเทียนป่าวประกาศออกมา
“ตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลแล้วจะสามารถมีอายุขัยเทียบเท่าดาวเคราะห์ ?!”
“นี่มัน…..คือความลับที่ซ่อนอยู่ภายในสวรรค์ชั้นที่ 10 ?! ท่านราชันอมตะได้พบกับมันหลังจากที่ก้าวข้ามไป ? ”
“พวกเราสามารถมีชีวิตเป็นอมตะได้โดยที่ไม่มีวันดับสูญ ! ”
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายพากันสั่นสะท้านไป
เป็นเพราะว่าการมีชีวิตเป็นอมตะนั้นสร้างแรงกดดันที่ใหญ่หลวงอย่างมาก
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างพากันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเป้าหมายในการเป็นอมตะแต่มนุษย์อย่างพวกเขาจะเป็นอมตะได้อย่างไรกัน ? นี่คือความสงสัยแม้จะมีข่าวลือว่าภายในสวรรค์ชั้นที่ 10 เก็บซ่อนความลับเหล่านี้เอาไว้แต่ก็ไม่มีใครเคยได้เห็นมันทำให้พวกเขาเชื่อว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น
ทว่าตอนนี้สิ่งที่หลินเทียนป่าวประกาศออกมานั้นทำให้พวกเขาได้เข้าใจแก่นแท้ของเขตแดนต่างๆรวมถึงเรื่องที่หากว่าพวกเขาตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลแล้วก็จะมีชีวิตเป็นนิรันดร์นั้นมันทำให้พวกเขาล้วนพากันแสดงสีหน้าที่ตื่นเต้นถึงขีดสุดออกมา
เป็นเพราะเรื่องนี้มันมีความหมายกับพวกเขาอย่างใหญ่หลวง
“ราชันอมตะทำลายผนึกของสวรรค์ชั้นที่ 10แล้วยังเสี้ยมสอนพวกเรานี่มัน……”
ร่างกายของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างสั่นสะท้านไปตามๆกัน
การกระทำของหลินเทียนนั้นคือเป็นบุญคุณครั้งใหญ่ของพวกเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
แม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะไม่สามารถตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลหรือแม้กระทั่งเขตแดนกึ่งจักรพรรดิตอนปลายได้ก็จริงแต่คำพูดของหลินเทียนได้จุดประกายความหวังให้กับพวกเขาว่าทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์หรือคนธรรมดาก็ล้วนเป็นอมตะได้ นี่คือการให้เป้าหมายในการบ่มเพาะแก่พวกเขา
มันเป็นแรงผลักดันอันยิ่งใหญ่
นี่จะทำให้การบ่มเพาะมีความหมายมากยิ่งขึ้น !
“ราชันอมตะ ! ”
“ราชันอมตะ ! ”
“ราชันอมตะ ! ”
ผู้คนทั้งหลายทั่วสวรรค์ทุกชั้นต่างพากันส่งเสียงสรรเสริญออกมาอย่างดัง
……………
หลินเทียนในตอนนี้ยังคงควบคุมตรามังกรมากมายเพื่อปลดผนึกม่านพลังของสวรรค์แต่ละชั้นซึ่งระหว่างที่เขากำลังถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้คนทั้งโลกใบนี้มันทำให้เขารู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขามไม่ต่างจากจักรพรรดิแห่งทวยเทพแม้แต่น้อย
พลังฉีพวยพุ่งเข้ามาจากรอบทิศทางและหลังจากนั้นเองที่ประกายแสงสีขาวบริสุทธิ์ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นก็พากันโถมเข้ามาสู่ร่างของเขาพร้อมๆกับประกายแสงเจิดจรัสทั้งหลาย
นี่ทำให้กลิ่นอายของเขายิ่งพุ่งสูงขึ้นด้วยความเร็วที่มากขึ้นไปกว่าเท่าตัว
“นี่มัน ?! ”
เขาได้แต่ผงะไปด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปโดยทันที
เป็นเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เห็นประกายแสงสีขาวนี้เพราะก่อนหน้านี้เขาก็เคยเห็นมันหลังจากที่หยุดยั้งการฆ่าล้างผู้คนของเหล่าจักรพรรดิทั้งหลายซึ่งพลังในครั้งนี้เข้มข้นและมีจำนวนมากกว่าครั้งก่อนมากแถมยังให้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่กว่าพลังฉีของทั้งโลกใบนี้ด้วยซ้ำ
แม้ว่าการปลดผนึกของเขายังไม่ได้สมบูรณ์ทำให้ไม่สามารถมองเห็นภาพในสวรรค์ชั้นอื่นๆได้แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นเขาก็สามารถสัมผัสได้เลยว่าประกายแสงเหล่านี้มันเคลื่อนที่มาจากสวรรค์แต่ละชั้น
มันเป็นประกายแสงที่เคลื่อนที่ผ่านข้ามม่านพลังในสวรรค์แต่ละชั้นมาโดยที่ไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งได้
“นี่มัน …….”
เขาได้แต่ผงะไป
เป็นเพราะว่ามันเป็นอะไรที่น่าทึ่งอย่างมาก
“เป็นเพราะการถ่ายทอดความรู้ของข้าทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายรู้สึกซาบซึ้งจึงให้กำเนิดพลังเหล่านี้ ? ”
เขาคาดเดาออกมา
เป็นเพราะว่านี่คือครั้งที่สองที่เขาได้รับมันทำให้พอมีความเข้าใจจากครั้งก่อนอยู่บ้างว่าเป็นเพราะการช่วยเหลือของเขาทำให้ผู้รอดชีวิตในครั้งก่อนรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งจนก่อให้เกิดพลังเหล่านี้
นี่ทำให้เขายิ่งประหลาดใจเข้าไปอีกหลังจากที่ตระหนักได้ถึงความน่าเหลือเชื่อและคุณค่าของมันพลางหมุนวนเคล็ดวิชาบ่มเพาะให้เร็วมากขึ้นกว่าเก่าเพื่อดูดกลืนพลังเหล่านี้เข้าไปภายในร่าง
1324
ประกายแสงสีขาวอันทรงพลังและเข้มข้นจำนวนมากโถมเข้าสู่ร่างของเขาพร้อมๆกับพลังฉีของสวรรค์ชั้นนี้ทำให้กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก
“บึ้สส ! ”
ประกายแสงสีทองอันเข้มข้นส่องประกายออกไปรอบทิศทางและทำให้อากาศโดยรอบบิดตัวอย่างรุนแรง
เขาหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันอย่างรวดเร็วทำให้ร่างกายของเขาผ่อนคลายขณะที่ปลดผนึกไปในเวลาเดียวกัน
หลังจากนั้นประกายแสงสีขาวที่ไหลเวียนเข้าสู่ร่างของเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นๆ
พริบตาระดับพลังของเขาก็ได้ไปถึงเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 5 ตอนปลาย
และมันยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดแม้แต่น้อย
เขายังคงปลดผนึกและดูดซับพลังทั้งหลายที่ส่งผ่านข้ามห้วงมิติมาอยู่กว่าสองชั่วโมงเต็มๆ
“ตู้มม ~! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่กลิ่นอายอันเข้มข้นได้ระเบิดออกมาจากร่างของเขาอีกครั้งหลังจากที่ตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 6
แน่นอนว่าเขาเองก็สัมผัสได้ถึงสิ่งเหล่านี้ดีแต่ก็ไม่ได้สนใจและยังคงพยายามปลดผนึกม่านพลังต่อไปอย่างตั้งใจในขณะที่ประกายแสงสีขาวยังคงพุ่งข้ามมิติมาจากสวรรค์แต่ละชั้นด้วยพลังที่เข้มข้นยิ่งกว่าพลังฉีจากสวรรค์ทั้งสิบชั้น
ก่อนหน้านี้เขาไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าหลังจากที่ถ่ายถอดเรื่องเหล่านี้ไปแล้วจะได้รับการตอบแทนกลับมาเช่นนี้ทำให้เขายิ่งตั้งใจขึ้นไปอีก
“เขตแดนนิรันด์ที่แท้จริงคือการมีร่างกายเป็นอมตะและดวงวิญญาณที่ไม่มีวันดับสูญ รับรู้ได้ถึงสัจธรรมแห่งนิรันด์”
“เขตแดนนิรันด์ทองคำคือเขตแดนที่สามารถควบคุมสัจธรรมแห่งนิรันด์ทั้งหลาย ”
“นิรันด์ล้ำลึกคือการเข้าใจถึงความลึกล้ำของทักษะต่างๆมีพลังที่กล้าแกร่งไร้เทียมทาน ”
เขาส่งเสียงอันราบเรียบออกไปทั่วสวรรค์ทั้งสิบชั้นให้ความรู้สึกไม่ต่างจากเสียงแห่งสัจธรรม
……….
ประกายแสงเจิดจรัสที่สาดส่องอยู่ในสวรรค์ชั้นที่เก้ายิ่งเข้มข้นขึ้นกว่าเก่าถึงขั้นแทบจะบดบังดวงอาทิตย์แต่กลับให้ความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างมาก
ในตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญทั่วสวรรค์ชั้นนี้ต่างพากันนั่งขัดสมาธิลงกับพื้นโดยที่ทิ้งทุกอย่างเอาไว้เพื่อรับฟังเสียงเหล่านี้
ระหว่างนี้ถ่อยคำทั้งหลายก็ทะลวงผ่านม่านสวรรค์ชั้นที่เก้าลงไปยังสวรรค์ชั้นที่แปดก่อนที่ผู้คนทั้งหลายจะพากันนั่งขัดสมาธิลงกับที่เพื่อรับฟังคำสอบ
ยิ่งรับฟังเท่าไหร่กลิ่นอายของพวกเขาก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น
“ตู้มม ~! ”
“ตู้ม! ”
“ตู้มม ! ”
นี่ทำให้กลิ่นอายอันทรงพลังพวยพุ่งออกมาทั่วสวรรค์ทุกชั้นอย่างต่อเนื่องขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนที่อยู่ในช่วงคอขวดต่างตัดผ่านไปยังระดับพลังใหม่
………
หลินเทียนที่อยู่ในสวรรค์ชั้นที่สิบยังคงรายล้อมไปด้วยประกายแสงสีทองอันเข้มข้น
“บึ้สส ~! ”
ประกายแสงสีขาวยิ่งเข้มข้นมากขึ้นๆพร้อมทั้งไหลซึมเข้าสู่ร่างของเขาอย่างบ้าคลั่งส่งผลให้กลิ่นอายของเขายังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เขาตั้งใจปลดผนึกม่านพลังพร้อมๆกับถ่ายทอดคำสอนต่อไป
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสามวันเต็มๆ
หลังจากที่ผ่านสามวันมานี้เขาก็ได้หยุดมือลง
“เยี่ยม ! ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
ในเวลาเดียวกันนี้ม่านพลังยังคงหนาแน่นและแข็งแรงอยู่อย่างเก่าทำให้แม้แต่เขตแดนจ้าวสวรรค์ก็ไม่สามารถก้าวข้ามมาได้ทว่ายิ่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆก็จะกลับสู่สภาวะปกติภายใน 40 วันและตราบเท่าที่อยู่ในเขตแดนกึ่งจักรพรรดิตอนปลายก็จะสามารถก้าวข้ามมาได้
“อย่างน้อยๆบ่มเพาะอยู่ที่นี่ก็จะเร็วกว่าสวรรค์ชั้นที่ 9 หลายสิบเท่า ”
เขาพึมพำออกมา
เป็นเพราะว่าสวรรค์ชั้นนี้รายล้อมไปด้วยแผ่นดินที่ราบเรียบก็จริงทว่าพลังฉีภายในสถานที่แห่งนี่มันเข้มข้นเกินคำบรรยายทำให้ช่วยเพิ่มผลลัพธ์ด้วยความพยายามเพียงแค่ครึ่งเดียว
“บึ้สส ~! ”
ร่างกายของเขายังคงแผดประกายแสงสีทองออกมาอย่างเข้มข้นขณะที่คลื่นพลังสีขาวยังคงไหลเวียนเข้าสู่ร่างของเขาจนเวลาผ่านไปกว่าครึ่งเดือนถึงจะจางลง
หลังจากนั้นอีกสามวันมันก็สลายหายไปอย่างสมบูรณ์แต่ประกายแสงจากพลังฉีของสวรรค์ชั้นนี้ยังคงโถมเข้ามาด้วยพลังที่เบาบางลงมาก
“เขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 7 ! ”
หลินเทียนได้หยุดการบ่มเพาะลงด้วยดวงตาที่ส่องประกายออกมาหลังจากที่สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเอง
ณ ตอนนี้หากว่าเขาต้องเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษสูงสุดเผ่ายมโลกอีกครั้งก็สามารถสังหารอีกฝ่ายได้ภายในการโจมตีเดียวและด้วยพลังของเขาในตอนนี้จึงเรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดภายใต้เขตแดนจักรพรรดิแห่งความว่างเปล่า
“เยี่ยม ”
เขาส่งเสียงออกมด้วยดวงตาที่ส่องประกาย
การที่บังเอิญก้าวข้ามมาในสวรรค์ชั้นนี้ทำให้เขาได้รับผลประโยชน์อย่างใหญ่หลวงไม่ว่าจะเป็นความลับแห่งความเป็นอมตะหรือแม้กระทั่งการตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 7 นี่มันทำให้เขารู้สึกเหมือนฝันไปด้วยซ้ำ
มันเป็นผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก
“เป็นความชอบของกระบี่เทวะอย่างเดียวเลยไม่งั้นก็คงไม่สามารถก้าวข้ามมาที่นี่ได้และคงตกตายลงภายใต้ทัณฑ์สายฟ้าไปแล้ว ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เขายังคงยืนอยู่กับที่พลางยิ่งคิดว่ากระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขามันทรงพลังอย่างมาก
เคล็ดวิชาดวงใจสุริยันได้หมุนวนขณะที่เขากำลังจะปรับสมดุลของรากฐานการบ่มเพาะ
“ฟู้วว ~! ”
สายลมอ่อนๆพัดผ่านสถานที่แห่งนี้
ประกายแสงไหลเวียนเข้าสู่ร่างของเขาจากรอบทิศทางแม้มันจะเบาบางลงอย่างมากก็ตาม
และมันเป็นตอนนี้เองที่ทะเลความรู้ของเขาได้สั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนที่จะปรากฏภาพร่างอันเลือนรางขึ้นภายในสมองของเขาซึ่งเหมือนว่าเคยเป็นภาพความทรงจำของสถานที่แห่งนี้
เขาได้พบกับร่างเก้าร่างที่ก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นนี้และพุ่งผ่านม่านสวรรค์ออกไป
ร่างทั้งเก้าร่างนี้อาจจะดูเลือนรางทว่ากลิ่นอายที่ส่งออกมามันทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวไปทันที
“จ้าวสวรรค์ไท่หยาง จ้าวสวรรค์ไท่หยิน จ้าวสวรรค์ฮุ่นต๊วน จ้าวสวรรค์จางหลง จ้าวสวรรค์อ้อเจียน จ้าวสวรรค์เหยาฮ้วง จ้าวสวรรค์เต๋าฮ้วง จ้าวสวรรค์เต๋าเหลินและจ้าวสวรรค์เฟิงเฉิน ”
สายตาของเขาหดเล็กลงโดยทันที
แม้ว่าทั้งเก้าร่างจะดูเลือนรางทว่ากลิ่นอายที่พวกเขาส่งออกมาล้วนแล้วแต่ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างมากเพราะเขาเชี่ยวชาญทักษะของทั้งเก้าคนเป็นอย่างดีถึงขั้นที่เคล็ดวิชาบ่มเพาะจันทราของจ้าวสวรรค์ไท่หยินที่ไป่เฉียวเป็นคนถ่ายทอดให้กับเขาด้วยมือตัวเอง
“ทั้งเก้าคนนี้ไม่ได้หายไปกับห้วงกาลเวลาและยังไม่ได้ตายลงแถมยังก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นนี้ก่อนแล้ว ?! ”
เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
เป็นเพราะการผสานของอักษรโบราณทั้งหลายกับทะเลความรู้ของเขาทำให้เขาได้รับรู้เรื่องราวที่ทำให้เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
เหล่าจ้าวสวรรค์ทั้งเก้าผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในสวรรค์สิบชั้นที่ทุกคนต่างคิดว่าตกตายลงไปโดยที่ไม่สามารถก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นที่ 10 นี้ได้
ทว่าความจริงมันกลับกัน
ทั้งเก้าคนนี้ล้วนก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นนี้กันก่อนแล้ว !
“นี่มัน…….”
เขาได้แต่ผงะไป
เป็นเพราะว่าผู้ไร้เทียมทานทั้งเก้าคนนี้แข็งแกร่งสมคำร่ำลือจริงๆ
ภาพร่างอันเลือนรางของทั้งเก้าคนค่อยๆสลายหายไปก่อนที่จะปรากฏภาพร่างใหม่ขึ้นมา
มันแปรเปลี่ยนกลายเป็นภาพร่างของหญิงสาวสวมกระโปรงสีขาวยืนอยู่ท่ามกลางสายลมอ่อนๆด้วยท่าทางที่ราบเรียบให้ความรู้สึกที่ทำให้จิตใจสงบ
“หวูยี่ ! ”
ใบหน้าของหลินเทียนเปลี่ยนสีไปทันที
เป็นเพราะจะให้เขาจดจำหญิงสาวคนนี้ไม่ได้ ได้อย่างไรกันเพราะมันเป็นคนที่เขาคุ้นเคยอย่างมาก นางเป็นจ้าวภูผาแห่งหมอกที่เป็นคนมีนิสัยเงียบๆและมักจะส่งเสียงอันไพเราะออกมาด้วยจิตสัมผัสเสมอ
หวูยี่เองก็เคยก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นนี้แล้วเช่นกัน !
ภาพนี้แสดงให้เห็นภาพที่นางพุ่งทะลุม่านสวรรค์ไปก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้นจะกลับลงมาแล้วหายไปภายในสวรรค์ชั้นนี้อย่างเงียบๆ
“นี่นางออกไปจากโลกแห่งนี้และกลับลงไปยังสวรรค์ชั้นที่ 9 อีกครั้ง ? ”
ดวงตาของหลินเทียนแสดงให้เห็นถึงความไม่อยากจะเชื่อออกมาโดยทันที
หญิงสาวที่ดูเงียบสงบและเยือกเย็นคนนั้นสามารถก้าวออกจากโลกใบนี้ได้นานแล้ว !
“บึ้สส ~! ”
ประกายแสงอันเข้มข้นได้แผ่วลงๆเสมือนว่ากำลังจะสลายหายไป
ปรากฏภาพร่างใหม่ขึ้นและเป็นภาพของชายวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้นภายในสถานที่แห่งนี้พร้อมๆกับหญิงสาวชุดกระโปรงสีครามก่อนที่จะเหาะออกไปจากโลกใบนี้
“ท่านอาจารย์ ! ท่านภรรยาอาจารย์ ! ”
สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง
ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างที่ผอมบางใบหน้าที่เอื่อยเฉื่อยนี้คือคนที่เขาเคารพนับถือที่สุดในชีวิตอย่างเฒ่าขี้เมา
หญิงสาวชุดกระโปรงสีครามเองก็เป็นที่รู้จักกันอย่างดีว่าเป็นลูกสาวของผู้อาวุโสสูงสุดนิกายอาทิตย์ผลาญฟ้าอย่าง…..ชิงชิง
“นี่มัน…..”
เขาได้แต่ผงะไป
เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เผ่ายมโลกกำลังจะบุกมานั้นเขาก็ได้ไปถามหาเฒ่าขี้เมากับผู้อาวุโสสูงสุดและได้คำตอบกลับมาว่าเฒ่าขี้เมาได้จากไปพร้อมๆกับภรรยาอาจารย์แล้วซึ่งหลังจากนั้นเขาก็พยายามหาเบาะแสเกี่ยวกับทั้งสองคนไปทั่วสวรรค์ทั้งชั้นถึงขั้นขอช่วยให้ย่าเอ๋อทำนายแต่ก็ไม่ได้ผลลัพธ์อะไรแต่เขาไม่คิดเลยว่าเฒ่าขี้เมาจะก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นที่ 10 แล้ว
1325
ความจริงที่ว่าเฒ่าขี้เมาได้ก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นนี้พร้อมๆกับชิงๆก่อนแล้วพร้อมทั้งเดินทางออกนอกโลกใบนี้ไปทำให้เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา
“ทำไมตาเฒ่านี่ถึงได้สุดยอดไปทุกเรื่องจริงๆ ”
หลินเทียนพึมพำอยู่กับตัวเอง
ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้เขาพยายามตามหาร่องรอยของอีกฝ่ายไปทั่วทั้งสวรรค์ทุกชั้นแต่ไม่คิดเลยว่าจะก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นที่ 10 ก่อนแล้ว
ประกายแสงยังคงพวยพุ่งเข้าใสจากรอบทิศทางก่อนที่จะสลายหายไปพร้อมๆกับภาพทั้งหลายอย่างช้าๆ
“ฟู้วว ~! ”
สายลมอ่อนๆพัดผ่านสถานที่แห่งนี้ทำให้ใบหญ้าโบกสะบัด
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ด้วยท่าทางที่ว่างเปล่า
จ้าวสวรรค์ทั้งเก้า หวูยี่และเฒ่าขี้เมาล้วนแล้วแต่ก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นนี้ก่อนแล้ว
เรื่องเหล่านี้มันทำให้เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
เป็นเพราะหลายปีก่อนหน้านี้พวกเขาเหล่านี้ล้วนสามารถทำลายม่านพลังมายังสวรรค์ชั้นนี้ได้
สายลมอ่อนๆพัดผ่านสถานที่แห่งนี้ทำให้ผมสีดำยาวของเขาปลิวไสวไปตามกระแสลม
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้แหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟากฟ้า
ภาพที่เขาเห็นก่อนหน้านี้นั้นเป็นการจากไปของจ้าวสวรรค์ทั้งเก้า การกลับมาของหวู่ยี่และการจากไปของเฒ่าขี้เมาและชิงชิง
“มันมีอะไรพิเศษซ่อนอยู่ ? ”
เขาแสดงสีหน้าที่สงสัยออกมา
สวรรค์ชั้นนี้มีม่านฟ้าสีครามรายล้อมอยู่รอยทิศทางให้ความรู้สึกที่ธรรมดาๆไม่ได้มีอะไรพิเศษ
อย่างไรก็ตามในเมื่อทั้งเก้าคน เฒ่าขี้เมาและชิงชิงล้วนเหาะจากไปก็แสดงให้เห็นถึงความพิเศษของมัน
นี่ทำให้เขาหยุดชะงักไปก่อนที่จะแผดพลังออกมาห่อหุ้มร่างกายเอาไว้แล้วเหาะขึ้นฟ้าไปอย่างช้าๆ
เวลาได้ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงเต็ม
มันเป็นตอนนี้เองที่ความเร็วของเขาได้เพิ่มสูงขึ้นและไม่รู้เลยว่าเหาะขึ้นมาไกลขนาดไหนก่อนที่อากาศจะเริ่มหนักขึ้นทำให้รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูด
ยิ่งสูงขึ้นแรงดึงดูดก็ยิ่งแรงขึ้นก่อนที่จะเริ่มลุกไหม้เป็นเปลวเพลิง
“นี่มัน…….”
เขาได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากัน
อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงเหาะต่อไปด้วยความเร็วที่สูงมากขึ้นกว่าเก่า
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปอีกกว่าสิบห้านาที
มันเป็นตอนนี้เองที่เขาสัมผัสได้ถึงแรงต้านมหาศาลไม่ต่างจากผนึกที่พยายามหยุดยั้งเขาเอาไว้
ทว่าแม้มันจะทรงพลังแต่ก็ไม่มีทางที่จะหยุดยั้งเขาในตอนนี้ได้
เขาส่งความคิดออกไปพร้อมทั้งทำให้ประกายแสงสีทองที่รายล้อมร่างของเขาเอาไว้ยิ่งทรงพลังขึ้นมากกว่าเก่าพร้อมทั้งทำลายผนึกนี้แล้วพุ่งทะลวงผ่านมันไปอย่างง่ายดาย
หลังจากนั้นสถานที่โดยรอบก็เริ่มมืดลงขณะที่อากาศโดยรอบให้ความรู้สึกที่หนักอึ้ง
เขาได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งหันมองออกไปรอบๆด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก
“นี่มัน ?! ”
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีไปทันที
เป็นเพราะเมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้กับภาพของดวงดาวขนาดใหญ่ที่ให้ความรู้สึกเก่าแก่เรียงรายกันอยู่มากมายให้ความรู้สึกที่งดงามอย่างมาก
หากเทียบกันกับดวงดาวเหล่านั้นแล้วจุดที่เขายืนอยู่นั้นไม่ได้แตกต่างไปจากเศษฝุ่นเลยด้วยซ้ำ
“ห้วงอวกาศ ! ”
ร่างกายของเขาสั่นไหวไม่หยุด
เป็นเพราะว่าการพุ่งทะลวงม่านฟ้าสวรรค์ชั้นที่ 10 นั้นเป็นการทะลวงผ่านออกมายังห้วงอวกาศ !
ออกมายังห้วงจักรวาล !
“นี่มัน…….”
เขาได้แต่โง่งมไปทันที
เมื่อมองออกไปยังหมู่ดาวเหล่านี้แล้วเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันไหนที่เขาสามารถออกอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้
เรื่องพวกนี้มันเป็นเหมือนเรื่องเพ้อฝันที่ทำให้เขาผู้ซึ่งอยู่ในเขตแดนที่แข็งแกร่งเองก็ยังโง่งมไม่น้อย
เขากวาดสายตาออกไปยังดวงดาวที่อยู่รอบๆส่องประกายแสงหลากสีออกมาก่อนที่จะก้มมองกลับลงไปยังดวงดาวด้านล่าง
เป็นดวงดาวขนาดใหญ่รายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอกส่งกลิ่นอายที่คุ้นเคยออกมา
“ดวงดาวสวรรค์สิบชั้น ! ”
สายตาของเขาหดเล็กลงอย่างมาก
เป็นเพราะว่าที่แท้จริงแล้วสวรรค์สิบชั้นนั้นเป็นดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ในห้วงจักรวาล !
“นี่……”
เขาได้แต่มองไปทางมันด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงอย่างมาก
จนถึงช่วงที่ผ่านไปซักระยะถึงจะสงบสติลงได้
“หากว่าผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆรู้เรื่องนี้ก็คงจะโง่งมไม่น้อย ”
เขาได้แต่เผยรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา
หลังจากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกพร้อมทั้งสำรวจดวงดาวสวรรค์สิบชั้นอย่างตั้งใจก่อนที่จะเริ่มก้าวเดินออกไปในห้วงอวกาศเพื่ออยากจะสำรวจดวงดาวดวงอื่นที่อยู่ใกล้ๆ
ตัวเขาสามารถอาศัยอยู่ในห้วงอวกาศได้ไม่ต่างจากปกติซึ่งแน่นอนว่าหากเป็นคนปกติแล้วไม่มีทางหายใจได้แน่ๆทว่าเขาต่างออกไปเพราะเขาอยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์แล้วดังนั้นต่อให้ไม่หายใจ ไม่ทานอะไรก็ไม่มีทางได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย
เขาก้าวเดินอยู่กลางห้วงอวกาศจนเหาะออกไปไกลจากดวงดาวสวรรค์สิบชั้น
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้กับห้วงจักรวาลอันมืดมิดที่รายล้อมไปด้วยหมู่ดาวและประกายแสงสีเงินมากมายอันกว้างใหญ่จนน่าสะพรึงกลัว
มนุษย์เป็นเพียงฝุ่นผงเท่านั้น
“วิ้สส ~!! ”
“วิ้สส ~! ”
“วิ้ส ~ ”
ณ ตอนนี้เองที่มีเสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่เขามองไปยังร่างสามร่างที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายอันทรงพลังกำลังพุ่งผ่านม่านฟ้าไปด้วยความเร็วที่สูงอย่างมาก
“จ้าวสวรรค์สามคน ! ”
สีหน้าของเขเปลี่ยนไปโดยทันทีเพราะไม่คิดเลยว่าก้าวแรกที่ออกมายังห้วงจักรวาลนี้จะได้พบกับผู้บ่มเพาะในเขตแดนจ้าวสวรรค์เหมือนๆกัน
“ดาวสวรรค์สิบชั้นก็ถือเป็นดาวเคราะห์สำหรับอยู่อาศัย หรือว่าพวกเขาเองก็มาจากดาวเคราะห์อื่น ? ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
ตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดว่ามันแปลกอะไรเพราะหลังจากที่รู้ว่าดาวสวรรค์สิบชั้นนั้นเป็นดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ในห้วงอวกาศแล้วดังนั้นในเมื่อมันยังเป็นสถานที่ๆมีผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งดังนั้นก็ไม่แปลกอะไรที่ดาวดวงอื่นจะมีเหมือนๆกัน
“หื้ม ? ”
ณ ตอนนี้เองที่ทั้งสามคนที่กำลังเหาะไปเองก็ตระหนักได้ถึงการคงอยู่ของเขาเช่นกันก่อนที่จะส่งเสียงออกมา
พวกเขาล้วนแล้วแต่มีรูปลักษณ์ของวัยกลางคนแต่เมื่อสัมผัสถึงกลิ่นอายของอายุแล้วจะพบว่าอย่างน้อยๆก็มีอายุมากกว่าหมื่นปี พวกเขาสวมชุดสีม่วง ดำ และน้ำตาลเอาไว้ขณะที่หันมองมาทางหลินเทียนด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
วิ้ส วิ้ส วิ้สส ! ทั้งสามคนพุ่งเข้ามาทางเขาด้วยกลิ่นอายที่ทรงพลังอย่างมาก
“กายสังสารวัฏจริงๆด้วย ! ”
หนึ่งในพวกเขาส่งเสียงที่ตกตะลึงออกมา
เมื่อมองมาทางหลินเทียนแล้วสายตาของพวกเขาบ่งบอกได้ถึงความโลภโดยทันที
สายตาของหลินเทียนหดเล็กลงเพราะดูเหมือนว่านอกจากดาวสวรรค์สิบชั้นแล้วกายราชันทั้งสิบสองเองก็เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
เขาหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจมากนักเพราะสายตาของอีกฝ่ายกำลังมองเหมือนว่าเขาเป็นเหยื่ออย่างไรอย่างนั้น
เขาแผดคลื่นพลังอันแข็งแกร่งออกไปห่อหุ้มแก่นสังสารวัฏของเขาทำให้ต่อให้เป็นจ้าวสวรรค์ที่แข็งแกร่งกว่าเขาก็ยากที่จะสัมผัสได้ถึงกายสังสารวัฏยกเว้นการใช้จิตสัมผัสกับแก่นสังสารวัฏของเขาเท่านั้น
“อื้ม ?! สามารถยับยั้งกลิ่นอายของแก่นพลังได้ ? ”
อีกฝ่ายสที่สวมชุดสีดำได้ส่งเสียงออกมาพลางจ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าแปลกๆ
ณ ตอนนี้พวกเขาล้วนพากันจับจ้องไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโลภอย่างมาก
หลินเทียนหันมองออกไปทางพวกเขาก่อนที่จะเหาะจากไป
“วิ้สส ~! ”
“วิ้ส ! ”
“วิ้สสส ! ”
เสียงพุ่งผ่านอากาศถูกส่งออกมาขณะที่ชายวัยกลางคนทั้งสามคนพุ่งเข้ามาขวางร่างของเขาเอาไว้
“คิดจะหนี ? อย่าหวังไปหน่อยเลย ! ”
ชายชุดม่วงส่งเสียงแสยะออกมา
“จัดการมัน ! ”
“ลงมือ ! ”
อีกสองคนต่างส่งเสียงออกมาพร้อมๆกับซัดฝ่ามืออันทรงพลังเข้าใส่ทางเขาด้วยเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 7 ตอนปลายเพื่อพยายามจะชิงเอาแก่นสังสารวัฏของเขา
เสียง ตู้มม ~! ถูกส่งออกมาขณะที่อักขระมากมายรายล้อมร่างของเขาเอาไว้
มันเป็นการโจมตีที่ทรงพลังอย่างมาก
แววตาของหลินเทียนส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาก่อนที่จะซัดฝ่ามือสวนกลับไป
ฝ่ามือธรรมดาๆของเขากลับอัดแน่นไปด้วยคลื่นพลังอันแข็งแกร่งที่บดขยี้ฝ่ามือของอีกฝ่ายแหลกสลายหายไปทันที
เลือดสาดกระจายออกไปทั่วทิศทางขณะที่สีหน้าของชายชุดดำเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“เจ้า……”
บึ้สส !!
ห้วงจักรวาลได้สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่ฝ่ามือของหลินเทียนยังคงพุ่งต่อไปอัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายด้วยพลังทำลายที่ไม่ลดลงแม้แต่น้อย
พุฟฟ ~!
ฝ่ามืออันทรงพลังนี้ได้อัดเข้าใส่ร่างของอีกฝ่ายอย่างจังพร้อมทั้งบดขยี้ร่างกายจนแหลกสลายเหลือไว้เพียงดวงวิญญาณที่รีบพุ่งถอยห่างออกไปอย่างยากลำบาก
สายตาของหลินเทียนในตอนนี้เย็นยะเยือกอย่างมากก่อนที่จะส่งคลื่นกระบี่สีทองพุ่งทะลวงผ่านดวงวิญญาณของอีกฝ่ายทำให้มันได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาก่อนที่จะสลายหายไป
นี่ทำให้ชายวัยกลางคนอีกสองคนที่เหลืออยู่ต่างพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“เจ้า…..”
พวกเขาพากันก้าวถอยหลังกลับไปด้วยสายตาที่หวาดหวั่นถึงขีดสุด
เป็นเพราะว่าชายชุดดำนั้นอยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 7 ตอนปลายอันทรงพลังกลับถูกตบตายด้วยการโจมตีเดียว
หลินเทียนหันมองออกไปยังทั้งสองคนที่อยู่ห่างออกไป
ด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้แล้วเรียกได้เลยว่าแข็งแกร่งไร้เทียมทานภายใต้เขตแดนจักรพรรดิแห่งความว่างเปล่าดังนั้นต่อให้เป็นจ้าวสวรรค์ตอนปลายก็สามารถสังหารได้ด้วยการโจมตีเดียว
“อยากได้แก่นสังสารวัฏของข้า ? ”
เขาหันมองออกไปพร้อมทั้งส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมา
1326
เขาก้าวเดินออกไปทางทั้งสองคนด้วยสีหน้าที่ราบเรียบอย่างมาก
“เจ้า…..คิดจะทำอะไรกัน ?! ”
ทั้งสองคนได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาพลางอดก้าวถอยหลังกลับไปด้วยความหวาดกลัวไม่ได้เพราะว่าชายชุดดำที่อยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 7 ตอนปลายกลับถูกสังหารลงด้วยการโจมตีเดียวเท่านั้น !
“คิดจะชิงแก่นพลังของข้า เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรล่ะ ? ”
เขาก้าวออกไป
ชายชุดม่วงและชุดน้ำตาลได้แต่สั่นสะท้านไปก่อนที่หนึ่งในพวกเขาจะส่งเสียงออกมาว่า
“เข้าใจผิดแล้ว ! นี่เป็นการเข้าใจผิด ! ข้าและคนอื่นๆแค่รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นกายราชันในตำนานเท่านั้นถึงได้อยากจะทดสอบความแข็งแกร่งของท่าน ไม่ได้มีความคิดจะชิงเอาแก่นสังสารวัฏแม้แต่น้อย !ท่านเจ้าใจผิดแล้ว ! ”
เป็นเพราะพลังทำลายล้างที่หลินเทียนส่งออกมานั้นทำให้พวกเขาได้แต่หวาดหวั่นไม่ต่างจากกำลังเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดิแห่งความว่างเปล่าแล้วจะไปกล้ายอมรับได้อย่างไรกันล่ะว่าต้องการชิงเอาแก่นสังสารวัฏของหลินเทียน
“งั้นรึ ? งั้นข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าได้ทดสอบแล้วกัน ลิ้มรสชาติให้เต็มอิ่มล่ะ ”
เขาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกเพราะไม่มีทางเชื่อคำพูดโง่ๆของอีกฝ่ายอยู่แล้ว
น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำก่อนที่คลื่นพลังอันหนักหน่วงจะกวาดออกไปรอบทิศทาง
“ตู้มม ~! ”
“ตู้ม ! ”
ชายวัยกลางคนทั้งสองต่างถูกกระแทกปลิวออกไปไกลพร้อมๆกับกระอักเลือดออกมาคำโต
“เจ้า…. ”
พวกเขาพยายามพยุงตัวเองกลับขึ้นมาด้วยสีหน้าที่น่าเกลียดอย่างมาก
หลินเทียนก้าวออกไปด้วยร่างกายที่รายล้อมไปด้วยประกายแสงสีทองพลางถามออกมาว่า
“เป็นไง ? ไม่ต้องรีบร้อนล่ะ ”
เขาพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เรียบเรียบและไม่ได้เผยจิตสังหารออกมาแม้แต่น้อยแต่กลับทำให้หัวใจของชายวัยกลางคนทั้งสองได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างใหญ่หลวง
“หนีเร็ว ! ”
พวกเขาต่างมองไปทางกันและกันก่อนที่จะกัดฟันแล้วสังเวยทักษะเทวะออกมาเพื่อพุ่งหนีไป
“เหอะ ! ”
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่จะพุ่งไปขวางทางของพวกเขาเอาไว้พร้อมทั้งเหวี่ยงเตะเข้าใส่อย่างจัง
“ตู้มม ~! ”
“ตู้ม ! ”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่ร่างของทั้งสองคนลอยเคว้งออกไปไกลด้วยสภาพที่โชกไปด้วยเลือด
ชายชุดม่วงได้ส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาว่า
“สหาย อย่าให้มันมาเกินไปนะ พวกข้าเป็นผู้อาวุโสของนิกายสังหารเทพจากหมู่ดาวอมตะที่มีเส้นสายอยู่ทั่วหมู่ดาวแห่งนี้ หากว่าสหายสังหารเราแล้วก็คงไม่ได้รับประโยชน์อะไร ”
“หมู่ดาวอมตะ นิกายสังหารเทพ ”
หลินเทียนหันมองไปทางพวกเขา
ดูเหมือนว่าห้วงจักรวาลนี้จะแบ่งแยกอาณาเขตเป็นหมู่ดาว ?
จากชื่อก็บ่งบอกแล้วว่ามันเต็มไปด้วยดาวเคราะห์ที่อยู่อาศัยมากมาย
เขาหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบพร้อมทั้งก้าวเดินออกไป
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เขาได้ซัดฝ่ามืออันทรงพลังออกไป
นี่ทำให้สีหน้าของชายวัยกลางคนทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงพร้อมทั้งรีบสังเวยทักษะเทวะอันทรงพลังออกมารับเอาไว้
“นิกายของเราแข็งแกร่งไร้เทียมทานและมีผู้เชี่ยวชาญเขตแดนอนันตกาลคอยประจำกาล เจ้าอยากจะหาที่ตายหรือไงกัน ! ”
ชายชุดม่วงส่งเสียงออกมา
“นี่คือคำขู่ ? รู้ไหมว่าข้าไม่ชอบเวลาที่ถูกขู่มากที่สุด ! ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำพร้อมทั้งส่งการโจมตีที่รุนแรงยิ่งกว่าเก่าออกไป
เป็นเพราะเห็นว่าเขานั้นเป็นกายสังสารวัฏทำให้อีกฝ่ายเปิดฉากรุมเขาแล้วเขาจะไปเมตตาปราณีมันได้อย่างไรกัน
“บึ้สส !! ”
ประกายแสงสีทองสาดส่องออกไปทั่วทิศทางขณะที่ทักษะเทวะของอีกฝ่ายถูกทำลายลงก่อนที่ลำแสงนี้จะพุ่งทะลวงใส่ร่างของชายชุดม่วง
“พุฟฟ ! ”
เสียงกรีดร้องถูกส่งตามกลับมาขณะที่ร่างกายของอีกฝ่ายระเบิดออกเหลือไว้เพียงดวงวิญญาณที่พุ่งหนีก่อนที่จะถูกบดขยี้ลงอยู่ดี
“เจ้า…. ”
ชายชุดน้ำตาลได้แต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงพร้อมทั้งรีบพุ่งหนีไปเพราะไม่คิดเลยว่าขนาดขู่ด้วยชื่อของนิกายแล้วก็ยังไม่เป็นผลแถมการที่ชายชุดม่วงยังถูกสังหารไปด้วยการโจมตีเดียวนี่ทำให้เขาหวาดผวาไปทันที
หลินเทียนหันมองออกไปด้วยสีหน้าที่ราบเรียบก่อนที่จะเหาะออกไปพร้อมทั้งโบกมือสร้างคลื่นกระบี่สีทองขึ้นมา
ทว่ามันเป็นตอนนี้เองที่เขาได้หยุดเท้าลงด้วยคิ้วที่ยกตัวขึ้นเล็กน้อยพลางหันมองออกไปทางฝ่ายตรงข้าม
เป็นเพราะว่ามีกลิ่นอายแปลกๆกำลังโถมเข้ามาทางนี้
หลังจากนั้นเสียงแปลกๆก็ได้ถูกส่งออกมาพร้อมๆกับคลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัว
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้กับคลื่นพลังสีเงินที่กระจายตัวออกมาเป็นระลอกๆ
“นี่มัน ?”
สายตาของเขาถึงกับหดเล็กลงหลังจากที่สัมผัสได้ถึงอันตรายจากมัน
ชายชุดดำเองก็ได้แต่หันมองออกไปด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านอย่างรุนแรง
“อ๊ากก ~! ”
เขาส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“นั่นมันอะไรน่ะ ? ”
หลินเทียนถามออกมา
อีกฝ่ายได้แต่ผงะไปพร้อมทั้งทิ้งเรื่องที่หลินเทียนกำลังไล่ตามเขาไปก่อนที่จะส่งเสียงออกมาว่า
“คลื่นทำลายล้างที่เกิดจากห้วงจักรวาล หากว่าโดนเข้าต่อให้เป็นจักรพรรดิแห่งความว่างเปล่าก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรอดกลับออกมาดังนั้นถึงได้ชื่อว่าทางกลับบ้านเก่า ”
สายตาของหลินเทียนได้หดเล็กลงโดยทันที หรือนี่มันเหมือนๆกับพายุอวกาศ ?
ดูๆแล้วน่าจะรุนแรงกว่ามาก
“ตู้มมม ~! ”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวถูกส่งออกมาขณะที่ชายวัยกลางคนรีบพุ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของหลินเทียนได้เปลี่ยนไปอีกครั้งหลังจากที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายอันน่าสะพรึงกลัว
ชายวัยกลางคนเองก็ได้แต่พุ่งหนีมาด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านไม่หยุด
ความกลัวทำให้เขาหันหลังพุ่งหนีมาทางที่หลินเทียนอยู่เท่านั้น
หลินเทียนเองก็ไม่มีเวลามาสังหารอีกฝ่ายดังนั้นถึงได้รีบหันหลังแล้วพุ่งหนีไปด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า
ตู้มมม ~!
คลื่นพลังอันหนักหน่วงทำให้ดาวบางดวงถึงกับสั่นสะท้าน
ไม่นานคลื่นพลังอันหนักหน่วงนี้ก็ได้พุ่งตามหลังของชายวัยกลางคนเข้ามาเรื่อยๆ
ระยะห่างระหว่างทั้งสองยิ่งลดลงเรื่อยๆ
นี่ทำให้ชายวัยกลางคนได้แต่สั่นสะท้านไปพร้อมทั้งใช้พลังทั้งหมดไปกับการพุ่งหนีให้เร็วที่สุด
“ช่วยข้าด้วย ! ”
เขาส่งเสียงกรีดร้องออกมาพลางขอให้หลินเทียนช่วยเอาไว้โดยที่ไม่สนใจเรื่องที่หลินเทียนกำลังจะฆ่าเขาด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าหลินเทียนเองก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือนี้แต่เขาจะไปช่วยได้อย่างไรกันดังนั้นถึงได้รีบพุ่งหนีไปด้วยความเร็วที่สูงขึ้นกว่ากว่า
“อ๊ากก ~! ”
เสียงกรีดร้องอย่างน่าสังเวชถูกส่งออกมาทั่วทิศทาง
หลินเทียนหันมองกลับไปยังร่างของชายวัยกลางคนที่ถูกกลืนเขาไปภายในคลื่นพลังสีเงินขณะที่ร่างกายของอีกฝ่ายสลายหายไปพร้อมๆกับดวงวิญญาณทำให้เขารู้สึกได้ถึงอันตรายจนท้องไส้ปั่นป่วน
และที่สำคัญที่สุดคือความเร็วของคลื่นพลังนี้ที่พุ่งมาทางเขาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
เขากัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันก่อนที่จะรีบพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ความเร็วของเขาทำให้ห้วงอวกาศถึงกับบิดตัวอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตามระยะห่างระหว่างเขาและคลื่นพลังนี้กลับยิ่งเข้าใกล้กันเรื่อยๆ
เป็นเพราะว่ามันรวดเร็วกว่าความเร็วสูงสุดของเขามาก
“ตู้มมม ~! ”
คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้พุ่งเข้าตามติดร่างของเขาด้วยความเร็วอันน่าสะพรึงกลัว
นี่ทำให้ดวงวิญญาณของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรงถึงขั้นที่รู้สึกขนหัวลุกอย่างมาก
เขาสังเวยคลื่นกระบี่ศุกลสวรรค์อันทรงพลังออกมาฟาดฟันเข้าใส่ทางด้านหลัง
อย่างไรก็ตามมันกลับเป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์เพราะมันดูดเอาคลื่นกระบี่ของเขาเข้าไปไม่ต่างจากหลุมดำแม้แต่น้อย
“ตู้มมม ~! ”
คลื่นพลังยิ่งพุ่งเข้าใกล้ร่างของเขาด้วยพลังที่สามารถบิดห้วงอวกาศที่อยู่รอบๆ
เขาพยายามทำทุกวิถีทางแต่ก็ยังไม่สามารถทิ้งระยะห่างออกไปได้จนในที่สุดก็ถูกดูดเข้าไปด้วย
พริบตานี้เองที่เขาสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังอันหนักหน่วงที่ทำให้ร่างกายของเขาปริแตกในชั่วพริบตา
แรงกดดันอันหนักหน่วงซึมซับเข้าไปภายในรอยแตกนี้ทำให้อวัยวะทั่วร่างของเขาแหลกสลาย
เขาพยายามอย่างสุดความสามารถแต่ก็ยังเปล่าประโยชน์ขณะที่คลื่นพลังพยายามบดขยี้ร่างกายของเขา
“ระยำเอ้ย ! ”
เขากัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งสังเวยเอาวงเวทย์สังสารวัฏและสัจธรรมของเขาออกมา
การปรากฏตัวของวงเวทย์สัจธรรมสังสารวัฏนี้ทำให้สภาพของเขาดีขึ้นมากแต่แม้จะเป็นเช่นนั้นก็ยังไม่สามารถหลุดออกจากวังวนนี้ได้เพียงแค่ลดพลังทำลายของมันเท่านั้น
“ตู้มม ~! ”
คลื่นพลังอันหนักหน่วงได้พัดพาร่างของเขาไปยังหมู่ดาวที่ห่างไกล
เขาพยายามปกป้องร่างกายเอาไว้ขณะที่รอยปริแตกขยายตัวออกอย่างต่อเนื่อง
เขาหมุนวนเคล็ดวิชาสุริยันปรินิพพานเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บไปพร้อมๆกัน
ทว่าเป็นเพราะแรงกดดันที่หนักหน่วงนี้ยิ่งทำให้ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บมากขึ้นกว่าเก่า
ภาพรอบตัวของเขาเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่องขณะที่ร่างกายของเขาถูกซัดออกไปไกลสุดขอบจักรวาล
เขายังคงพยายามปกป้องร่างกายเอาไว้อย่างไม่ยอมแพ้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหนจนถึงตอนที่เขาหมดเรี่ยวหมดแรงทำให้การป้องกันของเขาเริ่มสลายหายไป
มันเป็นเวลาเดียวกันกับที่แรงกดดันได้จางลงทำให้ร่างกายของเขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างมาก
ร่างกายของเขาจุดประกายเปลวเพลิงสีแดงฉานขึ้นมาขณะที่รักษาอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็วพลางหันมองออกไปรอบๆ
“ที่นี่มัน……”
เขาหันมองออกไปพร้อมทั้งพบว่าที่นี่มันไม่ใช่พื้นที่อาณาเขตดวงดาวสวรรค์สิบชั้นอีกต่อไปแล้ว
1327
เป็นห้วงอวกาศอันกว่างใหญ่และมืดมิดมีแสงประกายสีเงินส่องประกายระยิบระยับออกมาจากรอบๆให้ความรู้สึกที่งดงามอย่างมาก
หลินเทียนกวาดสายตาของเขาออกไปยังดวงดาวขนาดใหญ่มากมายที่อยู่ห่างออกไป
“นี่ถูกพัดมาถึงไหนแล้วกัน ? ”
คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันโดยทันที
เมื่อมองออกไปรอบๆแล้วเขาพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในอาณาเขตของดาวสวรรค์สิบชั้นเลยแม้แต่น้อย
เขาใช้ทักษะสุริยันปรินิพพานเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเหาะออกไปเรื่อยๆ
หลังจากนั้นไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงเต็ม
หนึ่งชั่วโมงมานี้เขาได้เดินทางออกมาเป็นระยะทางที่ไกลมากๆเพื่อค้นหาตำแหน่งของดวงดาวสวรรค์สิบชั้นทว่าก็หาไม่พบแถมยังไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยได้แม้แต่น้อย
“นี่………”
คิ้วของเขายิ่งขมวดเข้าหากันมากกว่าเก่า
เป็นเพราะว่าตอนนี้เขาหาดาวของตัวเองไม่พบทำให้ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะไปหามันอย่างไร
เนื่องจากตัวเขาเองก็ไม่รู้เลยว่าดาวสวรรค์สิบชั้นนั้นนับว่าอยู่ในหมู่ดาวอะไรและไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของมันหรือเรียกได้ว่าไม่รู้อะไรเลยก็ว่าได้ทำให้ไม่ต่างจากการค้นหาเข็มในของฟางที่ต่อให้อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิแห่งความว่างเปล่าก็ไม่มีทางหาพบได้
นี่ทำให้เขาถึงกับหมดคำพูดไปด้วยสีหน้าที่ตกต่ำลงอย่างมากเพราะเขาที่เพิ่งออกมาจากดวงดาวกลับต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์แบบนี้
“ลองตั้งใจหาดูก่อนแล้วกัน ”
เขาพึมพำออกมาอย่างหมดหนทาง
เขาถูกพัดมายังสถานที่ๆไม่รู้จักเลยแม้แต่น้อยและแม้มันจะทำให้เขารู้สึกหดหู่แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากเพราะอย่างน้อยๆเขาก็เอาชีวิตรอดกลับออกมาได้
แม้ว่าตอนนี้จะไม่สามารถหาเส้นทางกลับไปได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหาไม่ได้ดังนั้นตราบเท่าที่เขาแข็งแกร่งขึ้นและอยู่ในเขตแดนอนันตกาลก็สามารถค้นหาเส้นทางกลับไปได้ไม่ยากนัก
แม้ว่าจะพูดแบบนี้แต่เขาก็ล้มเลิกการค้นหาไม่ได้ถึงได้เหาะออกไปเรื่อยๆเพื่อค้นหาดาวสวรรค์สิบชั้นต่อไประหว่างที่รักษาอาการบาดเจ็บไปในตัว
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสามวันเต็ม
สามวันมานี้เขาอาการบาดเจ็บของเขาได้ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว
อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่พบที่อยู่ของดาวสวรรค์สิบชั้นเลยแม้แต่น้อยและถึงขั้นที่ไม่มีเบาะแสเลยด้วยซ้ำ
“หาดาวบ่มเพาะใกล้ๆก่อนดีไหม ? ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เป็นเพราะว่าจากประสบการณ์ในช่วงสามวันมานี้ทำให้เขาตระหนักได้แล้วว่าตัวเองถูกซัดออกมาไกลมากๆ
คำว่าไกลนี่หมายถึงไกลมากๆถึงขั้นที่เขาในตอนนี้ไม่สามารถกลับไปได้ด้วยซ้ำ
นี่ทำให้เขาเหลือเพียงแค่การเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองให้มากขึ้นแล้วค่อยค้นหาตำแหน่งที่แน่ชัดเพื่อกลับไป
มันเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหมดหนทางอย่างมากแต่ก็ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว
“บึ้สส ~! ”
ประกายแสงเจ็ดสีถูกส่งออกมาจากกระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขาขณะที่มันสั่นไหวเล็กน้อยพร้อมทั้งชี้นำเขาไปทางตะวันออกเฉียงใต้
สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปเพราะไม่คิดเลยว่ากระบี่เทวะจะตอบสนองในตอนนี้
“มันมีอะไรในทิศทางนั้นกัน ? ”
เขาหันมองตามออกไป
เป็นเพราะการตอบสนองนี้ทำให้เขาไม่ลังเลเลยที่จะเหาะออกไป
เขาไม่ได้พบกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆระหว่างทางไปเลยแม้แต่น้อย
เวลาได้ผ่านไปกว่าเจ็ดวันอย่างรวดเร็ว
ช่วงเจ็ดวันมานี้เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองเดินทางออกมาเป็นระยะทางไกลขนาดไหนและได้หยุดเท้าลงที่นี่
เมื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้แล้วกระบี่เทวะก็ได้ชี้นำเขาไปยังดวงดาวที่อยู่ด้านหน้า
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบได้กับดวงดาวที่เต็มไปด้วยน้ำสีครามขนาดไม่ใหญ่มากถึงขั้นที่หากเทียบกับสวรรค์สิบชั้นแล้วมันเล็กกว่าหลายเท่าตัวแต่กลับให้ความรู้สึกที่น่าหลงใหลเสมือนดั่งอัญมณีที่งดงาม
“นี่มัน ?! ”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากพร้อมๆกับรีบเหาะเข้าไปไกล
มันเป็นเพราะว่าความรู้สึกอันคุ้นเคยที่ส่งออกมา
“โลก ! ”
เขาส่งเสียงอันตกตะลึงออกมา
เป็นเพราะว่าสถานที่แห่งนี้คือบ้านเกิดของเขา เขาซึ่งเป็นเด็กกำพร้าได้โตขึ้นที่นี่ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุทำให้เขาหลุดไปยังสวรรค์สิบชั้นและเริ่มต้นเส้นทางการบ่มเพาะขึ้น
เขาไม่คิดเลยว่าหลังจากที่หลงออกมาจากดาวสวรรค์สิบชั้นแล้วจะล่องลอยมาถึงที่นี่ได้
เขาได้แต่มองไปยังภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่ตกตะลึงถึงขีดสุด
ระหว่างนี้เขาก็ได้พบกับดาวเทียมในวงโคจรมากมายรายล้อมอยู่ทั่วโลกใบนี้ซึ่งสามารถส่งข้อมูลและภาพต่างๆกลับลงไปยังองกรต่างๆที่อยู่บนโลก
และมันเป็นตอนนี้เองที่เหล่านักบินอวกาศทั้งหลายต่างโง่งมไปตามๆกัน
ร่างกายของพวกเขาต่างแข็งเป็นหินด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นอย่างมากถึงขั้นที่แก้วกาแฟในมือตกลงไปกระแทกกับพื้น
หลังจากนั้นเองที่เจ้าหน้าที่ต่างๆพากันสั่นสะท้านไปตามๆกัน
“นี่มัน……อะไรกัน ?! เกิดอะไรขึ้น…… ?! ”
“มีคน…….ยืนอยู่…….นอกโลก ?! ”
“ภาพหลอน ! นี่มันเป็นภาพลวงตาแน่ๆ ! ใช่แน่ๆ ! ”
ภาพที่ดาวเทียมส่งกลับลงไปยังโลกนั้นค่อนข้างจะเลือนรางไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของหลินเทียนได้แต่สามารถบ่งบอกได้เลยว่ามันเป็นรูปร่างของมนุษย์จึงทำให้ผู้คนได้แต่สั่นสะท้านไป
นี่มีคนสามารถยืนอยู่นอกโลกได้ !
……………
หลินเทียนที่อยู่ท่ามกลางอวกาศได้แต่เหม่อไปขณะที่จ้องมองไปยังโลกใบนี้โดยที่ไม่รู้เลยว่าผู้คนมากมายกำลังตกตะลึงไปกับการปรากฏตัวของเขา
เขาได้แต่นิ่งไป
หลายปีก่อนหน้านี้เขาได้ก้าวข้ามไปยังสวรรค์สิบชั้นด้วยอุบัติเหตุและหลายปีผ่านมานี้เขาก็ได้กลับมาที่บ้านเกิดของเขาอีกครั้ง
“นี่คือ…….โชคชะตา ? ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
บึ้สส ~!
กระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขาได้สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่ประกายแสงเจ็ดสีสาดส่องออกมาพร้อมทั้งชี้นำเขาไปยังโลกตรงหน้า
เขาได้ดึงสติกลับคืนมาพร้อมทั้งสัมผัสถึงการชี้นำนี้ก่อนที่จะจ้องมองออกไปด้วยดวงตาที่เปล่งประกายออกมาเล็กน้อย
“ที่นั่นมีของที่พิเศษอยู่อย่างแน่นอน ”
เขาหันมองออกไปรอบๆ
เป็นเพราะว่าการตอบสนองของกระบี่เทวะมันทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
นี่แสดงให้เห็นว่าโลกใบนี้ต้องมีอะไรที่น่าทึ่งอยู่อย่างแน่นอนไม่งั้นแล้วกระบี่เทวะก็คงจะไม่สั่นไหวอย่างรุนแรงแบบนี้
เขาจ้องมองลงไปทางมันก่อนที่จะหันมองกลับไปด้านหลังด้วยดวงตาที่เปล่งประกายพร้อมทั้งหันกลับมามองที่โลกเบื้องหน้าอีกครั้ง
เป็นเพราะเขาไม่พบทางกลับไปยังดาวสวรรค์สิบชั้นดังนั้นจึงต้องรอให้แข็งแกร่งขึ้นกว่านี้แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะถูกกระบี่เทวะชี้นำมาที่โลกที่เป็นบ้านเกิดขอเขาดังนั้นถึงอย่างไรเขาก็ต้องกลับไปที่โลกก่อน
แม้ว่าจะไม่พูดถึงเรื่องความแข็งแกร่งหรือเรื่องสิ่งที่กระบี่เทวะชี้นำแต่เป็นเพราะเขาใช้ชีวิตและเติบโตขึ้นที่นี่กว่า 20 ปีดังนั้นเขาจึงต้องกลับไป
มันยังมีหลายๆที่ๆที่เขาอยากกลับไปดู
เมื่อมองลงไปแล้วดวงตาของเขาได้เปล่งประกายออกมาก่อนที่เขาจะเหาะลงไป
พริบตาที่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกนั้นร่างกายของเขาก็ได้เปล่งประกายแสงสีทองออกมาก่อนที่จะจุดประกายเปลวเพลิงขึ้น
“ช่วงที่ออกจากชั้นบรรยากาศของดาวสวรรค์สิบชั้นก็ไฟลุกแบบเดียวกัน ดูเหมือนว่ามันคือแรงต้านอากาศนี่เอง ”
เขานึกถึงภาพก่อนหน้านี้พลางพึมพำกับตัวเองว่า
“มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของดวงดาว ”
ตัวเขาในตอนนี้อยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์ที่แข็งแกร่งดังนั้นถึงได้สามารถเข้าใจถึงแก่นแท้ต่างๆได้อย่างง่ายดาย
เขาพุ่งผ่านชั้นบรรยากาศลงมายังโลกใบนี้ด้วยร่างกายที่ท่วมไปด้วยเปลวเพลิงที่รุนแรงขึ้นยิ่งกว่าเก่า
นี่ทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหลายในโลกต่างพากันนั่งไม่ติดเก้าอี้
หลายๆคนถึงกับมีดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นเป็นไข่ห่าน
“นี่ นี่……”
“พุ่งลงมายังโลก ?! ”
“นี่คือเทพเจ้า ?! ”
พวกเขาต่างพากันส่งเสียงออกมา
หลินเทียนยังคงพุ่งลงมาด้วยร่างกายที่รายล้อมไปด้วยเปลวเพลิง
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ผ่านชั้นบรรยากาศของโลกมาได้ทำให้เปลวเพลิงสลายหายไปพร้อมพบกับกลุ่มเมฆสีขาวที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ
เขาหยุดอยู่กับที่ก่อนที่จะก้มมองลงไปยังตึกสูงระฟ้าที่อยู่เบื้องล่าง
“กลับมาแล้ว ”
เขาพึมพำออกมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น