Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 994-998
ตอนที่ 994 แบ่งเป็นตายชั่วพริบตา
“ข้าลุยเอง!”
สิ้นเสียงหนานกงหั่ว ชายที่กร้าวแกร่งหาใดเปรียบคนหนึ่งพุ่งออกมา
ผิวเขาราวหล่อจากสำริด ร่างปราดเปรียวเปี่ยมพลังทำลายล้าง นัยน์ตาเฉียบคมชวนประหวั่นดั่งอินทรี
ตูม!
หลังเขาออกเคลื่อนไหว ห้วงอากาศถูกเงาร่างเขาฉีกกระชากหนักหน่วง ส่งเสียงครวญเสียดหู
ชั่วพริบตาราวเสือดาวดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่งออกจู่โจม อานุภาพปราดเปรียวฮึกเหิมนั่น แค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่คนที่ผู้สืบทอดสำนักทั่วไปสามารถเทียบเคียง
นี่ก็คือเซียวเจิง!
หนึ่งในศิษย์สืบทอดแท้จริงแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ผู้กล้าระดับกระบวนแปรจุติที่เก่งกล้าสามารถด้านการศึก ภายในร่างเลือดนักรบไหลวน ทรงพลังเหลือประมาณ
‘เจ้าหมอนี่ได้เจอโศกนาฏกรรมแน่’ พวกหนานกงหั่วเห็นดังนั้นต่างเผยสีหน้าเวทนา
ในบรรดาศิษย์สืบทอดแท้จริงแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ เซียวเจิงอาจไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่สุด พรสวรรค์ก็ไม่ได้เลิศล้ำ แต่กลับเป็นคนคลั่งการต่อสู้ยิ่ง!
พวกที่ถูกเขาเห็นเป็นคู่ต่อสู้ บัดนี้ล้วนกลายเป็นซากกระดูกสูญหายจากโลกชั่วนิรันดร์!
“หลินสวิน ศิษย์พี่ฉู่เคยบอกว่าต้องระวังเจ้า คิดว่าเจ้าคือบุคคลที่รับมือยาก ข้ากลับเฝ้ารอยิ่งว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเท่าไหร่กัน”
เสียงเซียวเจิงราวเป็นอีกคน ก้องกังวานดั่งทวนทองกระทบ แผ่ไอสังหารเสียดกระดูกทำเอาห้วงอากาศครวญเป็นระลอก
“แสดงฝีมือที่แกร่งที่สุดของเจ้าออกมา ไม่เช่นนั้นหัวเจ้าจะถูกข้าเด็ดลงมาทำเป็นจอกเหล้า!” มุมปากเขาเผยความหลงระเริงวูบหนึ่ง จ้องหลินสวินดุจเพ่งเล็งเหยื่อ
หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่งด้วยสีหน้าสงบ กล่าวเนิบช้า “หากรับมือกับเจ้า ยังคงไม่มีคุณสมบัติพอให้ข้าใช้ฝีมือที่แข็งแกร่งสุด”
เซียวเจิงแววตาดุจอสนี ผมยาวพลิ้วไหว หัวเราะร่ากล่าว “บ้าดีนัก! หวังว่าตอนเจ้าตายจะระห่ำได้เช่นนี้!”
ตูม!
ขณะกล่าวเขาก้าวสู่ห้วงอากาศ เงาร่างดุจอสนีไวว่อง พุ่งสังหารไปทางหลินสวิน
ตัวคนยังมาไม่ถึง จิตสังหารเข้มข้นดุดันคาวโลหิตก็บีบกดดั่งคลื่นซัดโถมกระหน่ำ พาให้ผู้คนรู้สึกปิ่มจะหายใจไม่ออก
ไหนเลยจะเหมือนคนผู้หนึ่ง ชัดแจ้งว่าเหมือนเทพสังหารที่พุ่งออกจากภูเขาศพทะเลเลือด!
‘จิตสังหารของศิษย์น้องเซียวเจิงนับวันยิ่งอัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ’ พวกหนานกงหั่วต่างกำลังอัศจรรย์ใจ
ตึง!
การจู่โจมของเซียวเจิงเรียบง่ายยิ่ง นิ้วมือดั่งคมดาบผ่าลงไป เห็นได้ว่าป่าเถื่อนนัก
แต่ขอแค่ตาดีหน่อยก็สามารถมองออกว่า การโจมตีของเซียวเจิงมีอานึภาพยิ่งใหญ่เผด็จการ พลังฝ่ามือครอบคลุมทั่วทิศ ทำให้ผู้คนรู้สึกหมดหนทางยากเลี่ยงหนี ไม่อาจหลบหลีก
แม้แต่หลินสวินยังแปลกใจอย่างอดไม่อยู่ ดูออกว่าเซียวเจิงนี่เป็นยอดบุคคลที่มีฝีมือจริงๆ แค่การโจมตีนี้ก็สามารถมองออกว่าเขามีความเชี่ยวชาญลึกซึ้งที่เรียกได้ว่าล้ำเลิศบนวิถียุทธ์
น่าเสียดาย สำหรับหลินสวินแล้วการโจมตีนี้กลับยังไม่พอสร้างภัยคุกคาม
เขาซัดฝ่ามือออกไปเช่นกัน เรียบง่ายสบายอารมณ์ดั่งวาดเขียนตามสะดวก ไม่ลึกลับซับซ้อน
ตูม!
ทั้งสองปะทะกัน ฟ้าสะเทือนดินสะท้าน
จากนั้นก็เห็นพลังฝ่ามือเซียวเจิงถูกกำจัดทีละน้อย ระเบิดออกเป็นละอองแสงเจิดจรัส
เขาตกใจยกใหญ่ สัมผัสได้อย่างแจ่มชัดว่าฝ่ามือนี้ของตนราวถูกหุบเหวปกคลุม จวนจะถูกกลืนกิน!
“ประทับรบมังกร!”
เซียวเจิงตะโกนลั่น ร่างปราดเปรียวกำยำสาดแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้า พลานุภาพดุดันยิ่งกว่าเดิม เขาโบกแขนทั้งสองข้าว ก้าวย่างอย่างมั่นคงหมายสลายการโจมตีหลินสวิน
แต่ผลกลับทำเขาใจสะท้าน พลังฝ่ามือของอีกฝ่ายยิ่งใหญ่ราวหุบเหว คล้ายสามารถกลืนกินสรรพสิ่ง ไม่อาจสั่นคลอนแม้แต่น้อย
กร๊อบ!
เวลาต่อมาเขารู้สึกได้เพียงว่าความเจ็บปวดสาหัสแล่นผ่าน เอ็นกระดูกนิ้วแตกละเอียด โลหิตซ่านเซ็น
แย่แน่!
เขามีประสบการณ์กรำศึกมากมาย รู้ว่าไม่เข้าทีก็ปลีกตัวถอยโดยไม่ลังเล
ไหนเลยจะคาดคิด เวลานี้หลินสวินแปรฝ่ามือเป็นกรงเล็บพุ่งเข้าตะปบทันใด ประดุจกรงขังปกฟ้าที่มาเยือนจากนภา
กร๊อบ!
เสียงเอ็นกระดูกแตกดังสนั่นอีกครั้ง
เซียวเจิงไม่ทันได้ร้องโอดโอยก็ถูกมือใหญ่นั่นบิดคอ
กระทั่งก่อนตาย เขายังถลึงตาโกรธท่าทางยากจะเชื่อ เด็กหนุ่มจากโลกชั้นล่างคนหนึ่ง ทำไมแข็งแกร่งขนาดนี้
ทุกอย่างพูดแล้วดูช้า อันที่จริงตั้งแต่เซียวเจิงออกจู่โจมกระทั่งถูกหลินสวินหักคอ การเคลื่อนไหวทั้งหมดปิดฉากในชั่วพริบตา
เร็วเกินไปแล้ว!
เร็วจนทุกคนตรงนั้นล้วนไม่ทันได้ตอบสนอง!
“นี่…”
ความเวทนาบนหน้าพวกหนานกงหั่วพลันค้างแข็งราวกับถูกสายฟ้าฟาด
ก่อนหน้านี้จากมุมมองทุกคน ครั้งนี้หากหลินสวินไม่ตายอย่างน้อยก็ต้องถูกถลกหนัง
แต่บัดนี้พวกเขาแทบร้องเสียงหลง เซียวเจิงเพิ่งออกโจมตี แค่ชั่วพริบตาก็ถูกหักคอ?
นี่น่าตกตะลึงไปแล้ว หากไม่รู้คงต่างคิดว่าหลินสวินกำลังเชือดไก่ฆ่าลิง
แต่พวกหนานกงหั่วล้วนรู้ดีว่าเซียวเจิงแข็งแกร่งยิ่ง! ในฐานะที่เป็นหนึ่งในศิษย์สืบทอดแท้จริงของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ อยู่ในระดับกระบวนแปรจุติยังกล้าไปท้าทายระดับกึ่งราชันด้วยซ้ำ!
ทว่าปัจจุบันกลับตายลงเช่นนี้…
ถูกบีบตายคามือหลินสวินอย่างปวกเปียกเยี่ยงสุนัขตัวหนึ่ง…
“แม้การโจมตีเดียวของข้ายังต้านไม่อยู่ ยังกล้าแหกปากว่าจะเอาหัวข้าไปเป็นจอกเหล้า ตายไปก็ไม่น่าเสียดายจริงๆ”
หลินสวินโยนศพเซียวเจิงทิ้งลวกๆ ดั่งทิ้งขยะ
เฮือก!
เสียงสูดหายใจดังขึ้น สีหน้าเหล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง สายตาที่มองหลินสวินเจือความตระหนกขุ่นเคือง และแฝงความเคร่งขรึมจริงจังอย่างไม่เคยมีมาก่อน
พวกเขาเพิ่งตระหนักได้ว่า เจ้าหนุ่มตรงหน้าหาใช่ผู้ที่พวกเขาสามารถรังแกได้แต่แรก!
แม้แต่กู้อวิ๋นถิงยังตะลึงงัน คิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปี เด็กหนุ่มที่ปีนั้นไม่ถูกตนเห็นในสายตาจะเติบโตถึงขั้นนี้
เขา…
หลายปีมานี้ผ่านอะไรมากันแน่
“เจ้าๆๆ… ถึงกับกล้าฆ่าคนรึ” หนานกงหั่วสีหน้าคล้ำเขียว ตะโกนร้องเสียงหลง
คำพูดโง่เขลาเช่นนี้ยังหลุดออกมาได้ เท่านี้ก็ดูออกว่าเขาเองถูกฉากนี้ทำเอาตระหนก จิตใจปั่นป่วนไม่หยุด
“ทำไมข้าจะไม่กล้าฆ่าคน เพราะพวกเจ้าคือผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์หรือ”
เงาร่างหลินสวินสูงสง่า ยืนสันโดษเหนือยอดเขา บุคลิกดั่งเมฆาเคลื่อน เรียบเฉยพ้นโลกีย์ หาได้มีพลังข่มขวัญมากนัก
แต่เมื่อคำพูดนี้ของเขาดังออกมา กลับทำเอาพวกหนานกงหั่วใจสั่น
เดิมที่สิ่งที่พวกเขาพึ่งพิงก็คือกำลังคน ทั้งมั่นใจว่าจะสามารถจับตายหลินสวินได้
แต่การตายของเซียวเจิงกลับทำให้พวกเขารู้ซึ้งว่าคู่ต่อสู้ครานี้น่าหวาดกลัวเพียงใด คงไม่ง่ายเหมือนที่พวกเขาคิดไว้แน่
ที่ทำพวกเขาใจสั่นที่สุดคืออีกฝ่ายไม่หวั่นกลัวแม้แต่น้อย แม้รู้ว่าพวกเขามาจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ก็ยังกล้าจู่โจมสังหารโดยไม่ลังเล ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนท่าทีนิ่งสงบ นี่มันน่าสะพรึงเกินไปแล้ว
จอมมารที่ฆ่าคนตาไม่กะพริบเป็นเช่นนี้นี่เอง!
“กลับไปบอกฉู่เป่ยไห่ ข้าไม่อยากมีเรื่องกับแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ครั้งนี้เป็นเพียงบทลงโทษเล็กน้อย แต่หากพวกเจ้ายังอยากเป็นศัตรูกับข้า เช่นนั้นก็ลองคิดดูว่าจะแบกรับเพลิงโทสะข้าไหวหรือไม่”
หลินสวินพูดจบก็หันหลังจากไป
ไปแล้ว?
หนานกงหั่วสีหน้าแปรปรวนไม่หยุด ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ครั้งนี้เขามาแก้แค้นล้างอัปยศอย่าง แต่ไม่คิดว่าเพิ่งเริ่มดำเนินการก็ปราชัยเช่นนี้ นี่ทำให้เขาอัดอั้นจนแทบกระอักเลือด
ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คนอื่นๆ ก็เช่นกัน
เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นว่าในอาณาเขตของตน ถึงกับมีคนกล้าสังหารคนของพวกเขาดั่งเชือดไก่ ท่าทางสบายอารมณ์เช่นนั้นกระเทือนจิตใจพวกเขาอย่างไม่เคยมีมาก่อน
มีเพียงกู้อวิ๋นถิงที่ทอดถอนใจ รู้ว่าหลินสวินกล่าววาจาพวกนี้ไปก็เปล่าประโยชน์ ภายในเขตแคว้นกู่ชาง ไม่ว่าเพื่อแก้แค้นแทนเซียวเจิงหรือด้วยมูลเหตุอื่น แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ไม่มีทางให้เขาจากไปทั้งเป็นแน่!
จริงดังคาด หลินสวินเพิ่งจากไป ขอบฟ้าที่ห่างไกลก็เผยเงาร่างกลุ่มหนึ่งตะบึงมา ผู้ที่นำอยู่นั่นกลับเป็นหนานกงสุ่ย
ส่วนเบื้องหลังเขาคือผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งราชันที่พลังน่าตกตะลึงยิ่งกลุ่มหนึ่ง มีทั้งชายหญิง รูปร่างหน้าตาต่างกันไป แต่พลานุภาพล้วนแข็งแกร่งเหลือประมาณ
เมื่อรู้ถึงการตายของเซียวเจิง หนานกงสุ่ยก็อดหงุดหงิดไม่ได้ ตีอกกระทืบเท้ากล่าว “มาช้าไปก้าวหนึ่ง เป็นอย่างที่ศิษย์พี่ฉู่บอกไว้จริงๆ!”
พวกหนานกงหั่วตะลึงงัน อดถามไม่ได้ “ศิษย์พี่ฉู่คาดเดาเรื่องทั้งหมดอยู่ก่อนแล้ว?”
หนานกงสุ่ยกล่าว “ตอนข้ามาศิษย์พี่ฉู่ได้ข่าวส่วนหนึ่งเกี่ยวกับหลินสวิน ถึงรู้ว่าคนผู้นี้น่ากลัวกว่าที่คิด หลายวันก่อนเคยก่อเรื่องที่แดนฐิติประจิม…”
เขาเล่าข่าวลือส่วนหนึ่งเกี่ยวกับหลินสวินที่แดนฐิติประจิมออกมาจนหมด
เมื่อได้รู้ว่าชื่อเสียงหลินสวินแพร่สะพัดทั่วแดนฐิติประจิมนานแล้ว พวกเขาต่างสูดหายใจเย็นอย่างอดไม่อยู่ มือเท้าพลันเย็นเยียบ
เทพมารหลิน?
เจ้าหมอนี่ถึงกับเป็นคนร้ายกาจเช่นนี้!
“ดังนั้นศิษย์พี่ฉู่จึงสั่งให้ข้าและเหล่าอาจารย์ลุงอาจารย์อารีบมาช่วยเหลือ คิดไม่ถึงว่ายังมาช้าไปก้าวหนึ่ง” หนานกงสุ่ยถอนใจ
“เช่นนั้นศิษย์พี่ฉู่ยังกำชับเรื่องอื่นอีกหรือไม่” กู้อวิ๋นถิงอดถามไม่ได้
“มี” ที่เอ่ยปากครานี้คือชายชราเปี่ยมกำลังวังชาผมเหลืองผู้หนึ่ง เขากล่าวเสียงขรึม “ไม่ต้องคำนึงถึงค่าตอบแทนใด ต้องปลิดชีพเด็กนี่ให้ได้!”
“อีกทั้งพวกเราได้รายงานทางสำนักแล้วว่าจะเคลื่อนพลให้มากขึ้น วางตาข่ายดักทั่วแคว้นกู่ชาง ทำให้เด็กนี่ต่อให้ติดปีกก็หนีไม่รอด!”
ได้ยินแผนการนี้กู้อวิ๋นถิงพลันตกใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพื่อสังหารหลินสวิน แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คิดเอาจริงแล้ว!
ทว่าแม้หลินสวินจะแข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ตัวคนเดียว จำเป็นต้องทำเช่นนี้จริงหรือ
กู้อวิ๋นถิงไม่เข้าใจนัก
คนอื่นเองก็ตะลึงงัน แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คือสำนักโบราณแห่งหนึ่ง หากถูกคนทั่วไปรู้ว่าเพื่อสังหารเทพมารหลินคนเดียว ถึงกับวางตาข่ายดักแน่นหนาโดยไม่คำนึงถึงอะไร คงได้ถูกผู้คนเยาะเย้ยแน่
“นั่นเพราะพวกเจ้าไม่รู้มูลค่าของเด็กนี่ บนตัวเขาซ่อนมหาศุภโชค อย่าว่าแต่พวกเรา หากถูกขุมอำนาจอื่นรู้เข้าก็คงจับเขาโดยไม่คำนึงถึงค่าตอบแทนใด”
ชายชราผมเหลืองสีหน้าเรียบเฉย “และเพราะเหตุนี้ เด็กนี่ถึงถูกขุมอำนาจมากมายในแดนฐิติประจิมตามล่า ภายใต้สถานการณ์บีบบังคับจึงต้องลี้ภัยมาแดนชัยบูรพา”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้”
ทุกคนต่างพลันกระจ่าง
“เวลาไม่คอยท่า เริ่มดำเนินการเถอะ!”
…
ขณะเดียวกันหลินสวินหน้านิ่วคิ้วขมวด
สาเหตุที่เขาจากมาก่อนไม่ใช่เพราะใจดี เดิมทีคิดลงมือกำจัดพวกที่ตามล่าเขาในคราเดียว
ใครเล่าจะคาดคิด ว่ากลับสังเกตเห็นกลิ่นอายซึ่งทรงพลังยิ่งกว่าเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว เพื่อความรอบคอบจึงตัดสินใจเลือกจากมา
ก่อนหน้านี้ส่งพวกสวะอย่างหนานกงหั่วมาตามล่าตน บางทีอาจยังไม่รู้ศักยภาพและรากฐานของตนแน่ชัด
แต่ตอนนี้… เกรงว่าคงต่างออกไปแล้ว!
หลินสวินแน่ใจว่าเรื่องราวเกี่ยวกับตนที่แดนฐิติประจิม ขอแค่มีใจไปสืบเสาะต้องสามารถรู้เรื่องได้แน่
อาศัยฐานะและความสามารถของฉู่เป่ยไห่ คิดอยากได้ข่าวพวกนี้ก็แค่ขยับปากเท่านั้น
‘สถานการณ์คงยุ่งยากกว่าที่คิด…’ หลินสวินมีลางสังหรณ์อย่างหนึ่ง ว่าบนหนทางต่อจากนี้ต้องมีพายุม้วนซัดมาเยือนอย่างไม่อาจคาดเดา
หากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อนหลินสวินคงกังวลและวิตกเรื่องนี้ และใคร่ครวญหาวิธีรอดอย่างเต็มกำลัง
แต่บัดนี้เขาต่างจากอดีต ต่อให้เจอสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันก็มีความกล้าเข้าประลองกับอีกฝ่าย!
สิ่งเดียวที่ทำให้หลินสวินรู้สึกตึงมือคือ หากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ระดมกำลังจัดการตนเต็มที่ คงชักนำให้เกิดความวุ่นวายและเคราะห์สังหารมากเกินจำเป็นแน่
ตอนที่ 995 ทะเลทรายหลอมมรณา
ซูม!
หลินสวินเรียกยานขนส่งอวกาศออกมาโดยไม่ลังเล เดินทางไปเมืองวายุทรายเต็มอัตรา
อีกฝ่ายตรึงกำลังสะกดรอยเข้มงวดยิ่ง ทั้งยังเป็นนายเหนือหัวในอาณาเขตแคว้นกู่ชาง หากรอฝ่ายตรงข้ามเตรียมการพร้อมสรรพ คิดออกจากแคว้นกู่ชางอีกคงลำบากอยู่บ้าง
สรุปง่ายๆ คือ หลินสวินในตอนนี้ไม่กลัวภัยคุกคาม แต่ไม่อยากเสียเวลากับเรื่องวุ่นวายไม่จบสิ้น
เขายังมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ
ตัวอย่างเช่น ไปเยือนสำนักกระบี่เทียมฟ้าสักรอบ!
…
เมืองวายุทราย
ตั้งอยู่ในอาณาเขตทะเลทรายไพศาลแห่งหนึ่งบนแคว้นกู่ชาง
เล่าลือว่าทะเลทรายผืนนี้เดิมคือแดนมงคลบำเพ็ญเซียนแห่งหนึ่ง ทิวทัศน์งดงามไอวิญญาณปกคลุม แต่ภายหลังกลับประสบเคราะห์ใหญ่ ถูกมหาอริยะบรรพกาลผู้หนึ่งใช้ยอดศาสตรามารในมือทำลาย!
ต่อมาทิวทัศน์ดับสลาย แม่น้ำแห้งขอด ผืนดินแตกระแหง ตามเวลาซึ่งล่วงเลยที่แห่งนี้ก็ปรากฏทะเลทรายกว้างใหญ่ไพศาล
เนื่องด้วยจวบจนปัจจุบันทะเลทรายยังอบอวลไอสังหารชวนสยอง ประหนึ่งไอมารอมตะไม่เคยสลาย จึงถูกผู้บำเพ็ญเพียรเรียกว่า ‘ทะเลทรายหลอมมรณา’
เมืองวายุทรายตั้งอยู่ใกล้ทะเลทรายหลอมมรณานี้
สวบ!
เงาร่างหนึ่งโฉบมาแต่ไกล แปลงเป็นชายวัยกลางคนเคราโค้งคนหนึ่ง ทะยานลงพื้นดินมุ่งหน้าสู่เมืองวายุทราย
คนผู้นี้คือหลินสวินที่ปลอมแปลงกาย
‘หืม?’
ทว่าเพิ่งมาถึงนอกประตูเมือง หลินสวินก็เห็นบนประตูเมืองนั่นแปะภาพประกาศจับ บนภาพเหมือนคือเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง
ใต้ภาพมีเนื้อหาประกาศจับ ‘คนผู้นี้นามหลินสวิน ฉายาเทพมารหลิน เหี้ยมโหดป่าเถื่อน เลื่องชื่อโจษจัน หากใครสามารถแจ้งเบาะแสของเขา รับรางวัลหนึ่งหมื่นแกนวิญญาณขั้นสูง!’
ขณะนี้มีผู้ฝึกปราณมากมายมุงดู วิพากษ์วิจารณ์ประกาศจับนี่
“เด็กนี่ถึงกับถูกแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ประกาศจับ ต้องเป็นจอมมารก่อกรรมทำชั่วแน่!”
“ไม่รู้ว่าเขาทำเรื่องสวรรค์พิโรธคนเคียดแค้นอะไรกันถึงได้ถูกประกาศจับเช่นนี้”
ผู้คนวิจารณ์เซ็งแซ่
หลินสวินในใจครัดเคร่ง คิดไม่ถึงสักนิดว่าการเคลื่อนไหวของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์จะเร็วเช่นนี้
เขาถึงขั้นสงสัยว่า ไม่เพียงเมืองวายุทรายตรงหน้า เกรงว่าแม้แต่เมืองอื่นๆ ของแคว้นกู่ชางคงเริ่มปรากฏประกาศจับแบบนี้แล้ว!
‘หากเพียงเพื่อแก้แค้น ไม่มีทางทำให้สำนักโบราณแห่งหนึ่งระดมพลเช่นนี้แน่ พวกเขาทำเช่นนี้… เห็นชัดว่ามีแผนการอื่น!’
หลินสวินใคร่ครวญพลางมุ่งสู่กลางเมืองไปด้วย
ใจกลางเมือง แท่นบูชาเก่าแก่คร่ำคร่าประทับกลิ่นอายแห่งยุคสมัยตั้งเด่นตระหง่าน ด้านบนอบอวลพลังผนึกต้องห้ามเร้นลับอัศจรรย์
นี่ก็คือค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ!
มีเพียงอริยะที่ครอบครองศาสตร์ลับห้วงอากาศชั้นสูงจึงจะสามารถวางค่ายกลเคลื่อนย้ายเช่นนี้ได้ ทำให้ผู้ฝึกปราณสามารถเคลื่อนย้ายข้ามห้วงอากาศไร้ขอบเขต ไปปรากฏตัวนอกระยะพันหมื่นลี้ในชั่วพริบตา
ในอดีตที่ผ่านมาบริเวณค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณแห่งนี้คึกคักยิ่ง ผู้ฝึกปราณมากมายอาศัยค่ายกลโบราณนี้มุ่งสู่สถานที่อื่นในแดนชัยบูรพา
แต่วันนี้ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณกลับถูกปิดล้อมรอบด้าน!
กองกำลังผู้ฝึกปราณกลุ่มแล้วกลุ่มเล่ารักษาการณ์รอบค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณดั่งกำแพงสำริดผนังเหล็ก แม้แต่เหนือท้องฟ้ายังมีผู้ฝึกปราณควบคุมดูแล
“มีสิทธิ์อะไรมาบอกจะปิดก็ปิด ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณนี้คือของสำคัญที่อริยะในอดีตหลงเหลือไว้ เกื้อกูลมาทุกยุคสมัย สร้างสุขแก่มวลชน เหตุใดไม่ให้พวกเราใช้งาน”
มีผู้ฝึกปราณกล่าวเดือดดาล
“แค่เทพมารหลินที่ไม่รู้ความเป็นมาคนหนึ่งก็ถึงกับต้องปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ ไม่ใช่ว่าต่อจากนี้ยามใดที่มีจอมมารโผล่มาอีกล้วนต้องทำเช่นนี้หรือ”
ผู้ฝึกปราณอื่นๆ ส่วนหนึ่งโวยวายตาม
เห็นชัดว่าผู้ฝึกปราณเหล่านี้เป็นเหมือนหลินสวิน หมายอาศัยค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณออกเดินทาง แต่บัดนี้กลับถูกปฏิเสธอยู่นอกประตู แน่นอนว่าต้องไม่พอใจยิ่ง
“เรื่องนี้เป็นความต้องการของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ หากพวกเจ้าไม่พอใจก็ไปโต้แย้งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ หากยังร้องแรกแหกกระเชออีก เชื่อหรือไม่ว่าจะจับพวกเจ้าเสียให้สิ้น!” บนอากาศ ชายชราอาจหาญคนหนึ่งตวาดลั่น เสียงราวฟ้าร้องสะเทือนทั่วทิศ
ทันใดนั้นเสียงไม่พอใจเหล่านั้นพลันเงียบกริบ
“แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ไม่สมควรเผด็จการเช่นนี้ ให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง เปิดค่ายกลนี้ซะ!” หลินสวินเอ่ยปากพลางก้าวไปข้างหน้า เบื้องหน้าคือโอกาสหนีเพียงหนึ่งเดียว หากรอกำลังพลของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ไล่ตามมา เช่นนั้นทุกอย่างคงสายไปแล้ว
“เจ้านับเป็นตัวอะไร กล้าข่มขู่ข้ารึ” ชายชราอาจหาญสีหน้าขรึมลงทันที พลานุภาพไร้รูปแผ่กระจายสยบทั่วทั้งลาน
เขาคือเจ้าเมืองวายุทราย นามหยางเฉิงปอ ครอบครองปราณระดับกึ่งราชัน พลานุภาพหนักหน่วง
ตูม!
หลินสวินก้าวขึ้นห้วงอากาศ เงาร่างพลันมาถึงหน้าหยางเฉิงปอ ยื่นแขนออกคว้า นิ้วดั่งพญามังกรออกจากหุบเหว ประกายเจิดจรัสห่อหุ้มปกคลุมลงมา
หยางเฉิงปอโกรธจัดจนยิ้มออกมา คาดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิงว่าชายวัยกลางคนนี่จะระห่ำเช่นนี้ แค่เห็นต่างก็ถึงกับกระโดดออกมาลงมือกับตน หรือเขาสะกดคำว่าตายไม่เป็น
“ไสหัวไป!” หยางเฉิงปอตวาดลั่น ปะทะกลับหนักหน่วง
แต่เหนือความคาดหมาย การโจมตีของเขายังไม่ทันได้สำแดงอานุภาพก็ถูกสลายกระเจิง ส่วนมือใหญ่นั่นก็ตะปบลงมาอย่างทรงพลัง ไม่อาจต้านทาน
แย่แล้ว!
หยางเฉิงปอพลันหน้าเปลี่ยนสี แต่ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว ถูกหลินสวินคว้าคอเหวี่ยงทุ่มกลางอากาศเต็มแรงราวทิ้งขยะ
เสียงปึงดังสนั่น หยางเฉิงปอหน้าคะมำกระแทกลงพื้นแข็งอย่างหนักหน่วงจนเกิดหลุมใหญ่ เศษหินกระจัดกระจาย
เขาโลหิตกบจมูกปาก ร่างกระตุกส่งเสียงโอดครวญ
ทั้งลานเงียบสงัด เงียบกริบไร้สุ้มเสียง ทุกคนต่างอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ชั่วพริบตาหยางเฉิงปอซึ่งเป็นราชันกึ่งระดับที่มีชื่อเสียงนานปี ถูกกำราบลงเช่นนี้อย่างคาดไม่ถึง
กร๊อบ!
หลินสวินลงมาจากฟ้า เท้าย่ำลงบนร่างหยางเฉิงปอ สีหน้าเยียบเย็น “ข้าขอบอกเป็นครั้งสุดท้าย เปิดค่ายกลนี้ซะ!”
“สหายยุทธ์โปรดระงับโทสะ!”
หยางเฉิงปอยิ่งแก่ยิ่งมากประสบการณ์ ไหนเลยจะไม่รู้ว่าคราวนี้เตะถูกแผ่นเหล็กเข้าแล้ว จึงก้มหัวยอมจำนนในบัดดล “เพียงแต่ตอนนี้ไม่อาจเปิดค่ายกลได้”
“ยันต์ที่ใช้เปิดค่ายกลไม่อยู่กับเจ้าหรือ” หลินสวินมุ่นคิ้ว
“ใช่แล้ว!”
หยางเฉิงปอรีบกล่าว “นับแต่ตัดสินใจปิดผนึกที่แห่งนี้ ยันต์ผนึกต้องห้ามของค่ายกลก็ถูกส่งไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ทันที”
ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณคือสิ่งที่อริยะในอดีตหลงเหลือไว้ แน่นอนว่าไม่อาจเปิดใช้ตามสะดวก
มีเพียงยึดกุมยันต์ผนึกต้องห้ามที่ตอบสนองกับมันจึงจะสามารถเปิดใช้และควบคุมค่ายกลนี้ได้ ประเด็นนี้หลินสวินซึ่งเป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณคนหนึ่งย่อมเข้าใจดี
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดพวกเจ้ายังต้องปิดล้อมที่นี่อีก ไม่ใช่ว่าทำเรื่องเกินจำเป็นหรือ” หลินสวินสีหน้าเยียบเย็น ไอสังหารแผ่ออกมาโดยไม่ปกปิด
หยางเฉิงปอสั่นไปทั้งตัว ทั่วร่างหนาวสั่น แค่จากไอสังหารนี้ก็ทำให้เขารับรู้ได้แล้วว่า นี่คือคนอำมหิตที่กล้าสังหารตนโดยไม่ลังเล!
“นี่เป็นความต้องการของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ เพื่อล่อเทพมารหลินนั่นออกมาค่อยจับตัวเขา…” พูดถึงตรงนี้หยางเฉิงปอคล้ายตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนยกใหญ่ กล่าวเสียงหลง “เจ้า… เจ้าคงไม่ใช่…”
ปึง!
ไม่รอให้เขากล่าวออกมาก็ถูกเท้าข้างหนึ่งของหลินสวินเตะสลบไปกับพื้น
พอมองไปรอบๆ ผู้ฝึกปราณทั้งหมดต่างอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ท่าทางหวาดกลัวสุดขีด
หลินสวินยังไม่ตัดใจ ทำการซักไซ้ผู้ฝึกปราณส่วนหนึ่งที่ปิดล้อมค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ แต่ทุกคนล้วนแสดงออกชัดว่าสิ่งที่หยางเฉิงปอกล่าวเป็นความจริง ยันต์ผนึกต้องห้ามของค่ายกลโบราณไม่อยู่แล้ว
ยุ่งแล้ว!
หลินสวินทอดถอนใจ
แคว้นกู่ชางมีค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณแค่สามแท่น แท่นหนึ่งตั้งอยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ อีกหนึ่งตั้งอยู่ในเมืองวายุทราย ส่วนอีกแท่นอยู่ที่เมืองรุกขดิถี
แต่หลินสวินรู้ดีว่าสถานการณ์เมืองรุกขดิถีก็คงเป็นแบบเดียวกัน ไร้หนทางสิ้นเชิง
‘แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คิดวางตาข่ายดักทั่วหล้า ปิดตายข้าในแคว้นกู่ชางนี่งั้นหรือ’ หลินสวินเกิดจิตสังหารที่ไม่อาจระงับภายในใจ
ไม่มียันต์เปิดใช้ค่ายกลโบราณ ต่อให้หลินสวินมีฐานะเป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณก็ไม่อาจเปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณได้
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสิ่งที่อริยะในอดีตหลงเหลือไว้ เกี่ยวเนื่องถึงศาสตร์ลับต้องห้ามเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถตีความได้
‘ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะดูว่าการปิดล้อมของพวกเจ้าจะสามารถขวางหนทางของข้าหลินสวินได้จริงหรือไม่!’
สวบ!
หลินสวินเงาวูบไหว ทะยานอากาศจากไป
ที่แห่งนี้ไม่เหมาะจะอยู่นาน
“คนผู้นี้เป็นใคร น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“เพิ่งมีปราณระดับกระบวนแปรจุติ แต่สามารถเอาชนะราชันกึ่งระดับในชั่วดีดนิ้วมือ ทำไมบนโลกนี้ถึงมีคนทรงพลังเช่นนี้”
กระทั่งหลินสวินจากไป บรรยากาศกดดันในลานจึงสลายลง ผู้ฝึกปราณมากมายเป่าปากโล่งใจเฮือกใหญ่ อดส่งเสียงพิศวงไม่ได้
“ยังจะมีใครอีก ต้องเป็นเทพมารหลินนั่นปลอมตัวมาแน่!”
“ไม่ผิด ต้องเป็นเขาแน่ เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะแข็งแกร่งเช่นนี้ มิน่าถึงทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ให้ความสำคัญ ออกประกาศจับทั่วแผ่นดินแคว้นกู่ชางโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดเช่นนี้”
“คาดเดาจากจุดนี้ ต่อให้คนผู้นี้เหี้ยมโหดยิ่งกว่านี้ เกรงว่าใช้เวลาไม่นานคงถูกลงโทษ อย่างไรเสียอิทธิพลของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาคนเดียวสามารถต้านทานได้”
ฟุ่บๆๆ
ไม่นานนักแสงห้อทะยานของผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ก็มาเยือน กดอัดพยับเมฆพุ่งเข้ามา มืดฟ้ามัวดินดุจกองทัพตั๊กแตน
พลานุภาพปิดฟ้าคลุมดิน สะท้านทั่วทิศ!
หลังทราบเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ หนานกงหั่วพลันฉุนเฉียว “ปล่อยให้มันหนีได้อีกแล้ว!”
“หนีไปไหนแล้ว”
“คันฉ่องกักวิญญาณสองลักษณ์ฉายว่าเขาหนีไปทางทะเลทรายหลอมมรณา”
“ระดมกำลังทั้งหมดปิดล้อมทะเลทรายหลอมมรณา!”
ทันใดนั้นกองทัพใหญ่อันเกรียงไกรก็ไม่ชักช้า ออกเคลื่อนพลอีกครา โฉบผ่านเหนือเมืองวายุทรายไปทางทะเลทรายหลอมมรณา
วันนี้แคว้นกู่ชางสั่นสะเทือน ประกาศจับหนึ่งฉบับของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ทำเอาผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนตื่นตระหนก ชักนำมาซึ่งเสียงฮือฮาไม่รู้เท่าไหร่
‘เทพมารหลินนี่เป็นใคร’
นี่คือข้อสงสัยของผู้ฝึกปราณส่วนมาก เพราะแต่ก่อนพวกเขาแทบไม่เคยได้ยินว่าบนโลกยังมีบุคคลเช่นนี้ด้วย
แต่ไม่จำเป็นต้องสงสัย นับจากวันนี้ไปเด็กหนุ่มที่ถูกเห็นเป็น ‘เทพมารหลิน’ ได้เริ่มเข้าสู่สายตาผู้คนแล้ว
ขุมอำนาจมากมายต่างเคลื่อนไหว ฟังคำสั่งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ในแคว้นกู่ชางเปิดการปิดผนึกชั้นแล้วชั้นเล่า
เพียงชั่วขณะ ทุกเมืองในแคว้นกู่ชางต่างเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียดทุกหนแห่ง ดุจดั่งมรสุมกำลังมา
เนื่องจากการเคลื่อนไหวยิ่งใหญ่เกิน ทำให้ผู้ฝึกปราณทั้งหมดต่างรับรู้ขึ้นเรื่อยๆ ว่า ครั้งนี้แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คงตั้งใจมั่นจะขุดรากถอนโคนเทพมารหลินแน่!
ในทะเลทรายไร้ขอบเขต หลินสวินกำลังท่องทะยาน
เริ่มระมัดระวังไม่ใช่ยานขนส่งอวกาศ หนึ่งเพราะสมบัตินี้ผลาญแกนวิญญาณจำนวนมาก
สองเพราะมันสะดุดตาเกินไป ถึงอย่างไรก็เป็นสมบัติอริยะชิ้นหนึ่ง แม้เสียหายอย่างหนักแต่ทันทีที่ปรากฏออกมา ไม่แน่ว่าอาจล่อให้พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันเกิดความละโมบ!
ตอนที่ 996 ดาบเดียวสะท้านกู่ชาง
ยานขนส่งอวกาศใช้หนีตายยามฉุกเฉินจึงจะสามารถเกิดประโยชน์สูงสุด หากใช้ตอนนี้เห็นได้ว่าสิ้นเปลืองเกินไป
ก่อนหน้าที่มุ่งสู่เมืองวายุทราย เพื่อทำเวลาหลินสวินจึงใช้ยานขนส่งอวกาศ
แต่ปัจจุบันค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณไม่อาจเปิดใช้
ที่หลินสวินใคร่ครวญตอนนี้คือจะทะลวงผ่านตาข่ายที่แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์วางไว้โดยปลอดภัยอย่างไร ถึงจะบรรลุเป้าหมายหนีออกจากแคว้นกู่ชาง!
…
ทว่าหลินสวินกลับคิดไม่ถึง เพิ่งเข้าสู่ทะเลทรายหลอมมรณาไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็เจออุปสรรคแล้ว
“เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้น!” ผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่งจัดขบวนขวางกั้นหนทางข้างหน้า แต่ละคนสีหน้าเยียบเย็น
เมื่อเห็นเงาร่างหลินสวินพุ่งมา ชายร่างผอมดั่งต้นไผ่คนหนึ่งตวาดเสียงกร้าว “ยอมรับการตรวจตราเสียโดยดี หากไม่ทำตามฆ่าไม่ละเว้น!”
“ฆ่าไม่ละเว้น?”
หลินสวินกล่าวกับตัวเอง ปราดเดียวก็มองออกว่าผู้ฝึกปราณเหล่านี้ไม่ใช่คนของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ น่าจะเป็นขุมอำนาจอื่นที่รับคำสั่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์
“ถูกต้อง ทะเลทรายหลอมมรณานี้ถูกปิดผนึกไว้แล้ว อย่าว่าแต่เจ้า แม้แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดบินผ่าน!” ชายหุ่นไม้ไผ่กล่าวเสียงขรึม
หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่งก็มุ่งหน้าต่อ มองผู้ฝึกปราณเหล่านี้ดั่งสิ่งไร้ค่า ตั้งท่าราวจะทะลวงฝ่าออกไป
“ช่างจองหองนัก ลงมือ!” ชายหุ่นไม้ไผ่อึ้งงัน จากนั้นระเบิดเสียงตวาด
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
เหล่าผู้ฝึกปราณที่ตั้งท่าพร้อมสรรพทะยานเข้ามาล้อมกรอบหลินสวินในบัดดล
พวกเขาไม่ใช่พวกธรรมดา ต่างเป็นพวกร้ายกาจใบดาบลิ้มรสเลือดทั้งสิ้น
น่าเสียดายที่คราวนี้พวกเขาเจอหลินสวิน
ตูม!
ยังไม่รอให้เข้าประชิด ทั่วร่างหลินสวินพลันแผ่พลานุภาพชวนประหวั่นออกมา
ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นรู้สึกเพียงเบื้องหน้าพร่ามัว ทั้งร่างดั่งถูกพายุที่กระชากเวิ้งฟ้าม้วนกลืน จากนั้นจึงถูกเหวี่ยงกระเด็นออกไปเต็มแรง
เวลาต่อมาเสียงตึงๆ ดังระงมไม่ขาดหู เหล่าผู้ฝึกปราณล้มระเนระนาด เบื้องหน้าสับสนมึนงง
ยามมองหาหลินสวินอีกครา ไหนเลยจะยังมีเงาเขาอยู่
น่าสะพรึงนัก!
เหล่าผู้ฝึกปราณสีหน้าแปรเปลี่ยนยกใหญ่ หากเมื่อครู่อีกฝ่ายลงมือโหดเหี้ยม ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่มีแม้แต่แรงต้านทานหรือ
บนหนทางต่อจากนั้น หลินสวินพบเจอการปิดล้อมและขัดขวางอีกหลายครั้ง แต่อุปสรรคเช่นนี้ก็หยุดเขาไม่อยู่ทั้งสิ้น
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ทำให้หลินสวินรู้สึกยุ่งยากอยู่บ้าง
หากเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วคงเกิดเรื่องแน่!
เขาตัดสินใจเปลี่ยนแผนเล็กน้อย
…
บนทะเลทรายไร้ขอบเขต ตะวันเจิดจ้าลอยเด่นร้อนแรงหาใดเปรียบ
หุ่นทรายหน้าหลายหลาก รูปร่างต่างกันไปมากมายราวกองทัพรักษาการณ์อยู่ตรงนั้น
หุ่นทราย แท้จริงคือหุ่นกระบอกประเภทหนึ่ง หลอมด้วยวิชาลับ อาศัยเพียงแกนวิญญาณก็สามารถทำตามคำสั่งผู้ฝึกปราณได้
เช่นการต่อสู้ ขุดเหมือง ปลูกโอสถ… เป็นอาทิ
ยิ่งหุ่นทรายคุณภาพสูงก็ยิ่งทรงพลัง
เหมือนดั่งกองทัพหุ่นทรายขบวนนี้ก็คือหุ่นทรายต่อสู้ แต่ละตัวต่างมูลค่ามหาศาล ครองพลังต่อสู้ระดับกระบวนแปรจุติ!
“เจ้าสำนัก ครั้งนี้เราระดมกำลังเกินไปหรือไม่ หุ่นทรายต่อสู้พวกนี้คือรากฐานสำนักเรา หากเป็นอะไรไปสักตัวเช่นนั้นคงเสียหายยกใหญ่”
ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ห่างออกไป คลางแคลงอยู่บ้าง เขาไม่เข้าใจยิ่งว่าเหตุใดครั้งนี้ทางสำนักถึงลงแรงมากเช่นนี้
“เจ้าไม่เข้าใจ หากครั้งนี้สามารถจับกุมเทพมารหลินได้ สูญเสียหุ่นทรายต่อสู้ส่วนหนึ่งก็คุ้มค่า”
ชายวัยกลางคนสองมือไพล่หลัง หว่างคิ้วเปี่ยมความน่าเกรงขาม เขามีนามว่าชวีซิวเฉิง เป็นเจ้าสำนักสำนักหุ่นทราย
“คุ้มค่าอย่างไรหรือขอรับ” ชายหนุ่มอดถามไม่ได้
“แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์บอกแล้วว่า ขอแค่จับตัวเทพมารหลินได้ จะแบ่งถ้ำสวรรค์แดนมงคลฟากหนึ่งในแคว้นกู่ชางให้เป็นรางวัล!”
กล่าวถึงถ้ำสวรรค์แดนมงคล ในดวงตาชวีซิวเฉิงฉายแววเร่าร้อนวูบหนึ่งอย่างอดไม่อยู่
หลายพันปีที่ผ่านมา พวกเขาสำนักหุ่นทรายอาศัยอยู่กลางทะเลทรายแร้นแค้นนี่มาตลอด หากสามารถย้ายสำนักไปอยู่ในถ้ำสวรรค์แดนมงคลแห่งหนึ่งได้ เช่นนั้นคงเป็นมหาศุภโชคที่ยากจะหาใดเปรียบ
ที่น่าเสียดายคือ ถ้ำสวรรค์แดนมงคลของแคว้นกู่ชางเกือบทั้งหมดถูกแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ยึดครอง ทำให้ชวีซิวเฉิงหาโอกาสพลิกสถานการณ์ไม่ได้สักที
แต่ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว!
“เมื่อก่อนพวกเราหลอมหุ่นทราย สามารถหาวัตถุดิบไม่สิ้นสุดจากทะเลทรายนี่ แต่ตอนนี้อิทธิพลสำนักเรามาถึงจุดคอขวดแล้ว หมายจะบุกทะลวงต่อก็ต้องฮึดสู้กันหน่อย!”
ชวีซิวเฉิงสีหน้ามุ่งมั่น “ฉะนั้นครานี้ ไม่ว่าเทพมารหลินหรือเทพมารหลี่ ขอแค่กล้าปรากฏตัวก็ต้องหนีไม่พ้น!”
ชายหนุ่มอึ้งงัน ในใจเขายังไม่เข้าใจอยู่บ้าง คุ้มค่าจริงหรือ
ฟุ่บ!
ไม่นานนักตรงเส้นขอบฟ้ามีเงาร่างสูงสง่าทะยานมา ผมดำแผ่สยาย ท่วงท่าหลุดพ้นโลกีย์ นั่นคือหลินสวิน ทว่าครั้งนี้เขาไม่ปิดบังรูปพรรณสัณฐานแล้ว
“เทพมารหลิน!”
ชายหนุ่มตะโกนลั่น นัยน์ตาหดรัด คิดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิงว่าคนที่แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ประกาศจับจะถูกพวกเขาล้อมกรอบจริง
“เทพมารหลิน เจ้าไม่มีทางถอยแล้ว หยุดเสียเถอะ!” ชวีซิวเฉิงตวาดลั่น หว่างคิ้วเขายากปกปิดความตื่นเต้น
เขาชี้ไปที่ห่างไกล “เห็นหรือยัง เพื่อจัดการเจ้า ข้านำหุ่นทรายต่อสู้แปดร้อยตัวออกมาจนหมด อย่าว่าแต่เจ้า ต่อให้ราชันกึ่งระดับมาเองก็ไม่อาจหลุดพ้น!”
หลินสวินเงยมองไป ก็เห็นบนทะเลทรายมีหุ่นทรายแน่นขนัดเรียงราย เด่นตระหง่านราวกองทัพใหญ่ แต่ละตัวกระเหี้ยนกระหือรือดั่งกองทัพประชิดพรมแดน มีกลิ่นอายกดดันปะทะใบหน้า
หุ่นทรายพวกนี้บ้างคล้ายพยัคฆ์เสือดาว บ้างราวสกุณา บ้างถือสมบัติอย่างดาบทวนง้าวกระบี่ ดูเหมือนไร้ชีวิต แต่กลับแผ่กลิ่นอายไม่ด้อยไปกว่าผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติ
“เจ้าแน่ใจหรือว่าของพรรค์นี้จะขวางข้าได้” หลินสวินถาม
“แน่นอน!” ชวีซิวเฉิงมั่นใจเต็มเปี่ยม
แต่ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างกลับเกิดสังหรณ์ไม่ดีในใจ เพราะหลินสวินนิ่งสงบและสุขุมเกินไป นับจากปรากฏตัวถึงตอนนี้ไม่เคยเผยความตระหนกแม้เศษเสี้ยว
ประหนึ่งในสายตาเขา กองทัพหุ่นทรายต่อสู้แปดร้อยตัวนี้ไม่ดำรงอยู่แต่แรก!
แต่เมื่อชายหนุ่มหมายกล่าวเตือนก็ไม่ทันเสียแล้ว
ชิ้ง!
หลินสวินลงมือแล้ว ดาบหักราวรุ้งเทพเจิดจ้าทะลวงเมฆา ลำนำดาบดั่งมังกรคำรามกระหึ่มเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
พริบตานั้นในสายตาชายหนุ่ม หลินสวินที่อยู่ตรงหน้าราวกลายเป็นเทพมารองค์หนึ่ง ทั่วร่างห้อมล้อมด้วยแสงกระจ่าง กลิ่นอายพลันเปลี่ยนเป็นน่าสะพรึงไร้สิ้นสุด เสมือนหุบเหวลึกวางขนานกลางฟ้าดิน หมายกลืนกินสรรพสิ่ง!
แย่แล้ว!
ชายหนุ่มตระหนกจนใจแทบกระโดดออกจากลำคอ
ขณะเดียวกันสีหน้าชวีซิวเฉิงพลันแปรเปลี่ยน สะบัดแขนเสื้อเอ่ยตวาด “ไป!”
ตูม!
หุ่นทรายต่อสู้แปดร้อยตัวออกจู่โจมดั่งกองทัพทันใด บุกสังหารหลินสวินจากทั่วสารทิศ
บ้างพ่นเพลิงวายุอสนีบาต
บ้างกางกรงเล็บแหวกอากาศ
บ้างโบกสะบัดสมบัติสำแดงวิชาลับการต่อสู้ชวนประหวั่น
…ทอดสายตามองไป หุ่นทรายต่อสู้มากมายประหนึ่งแกล้วกล้าไม่กลัวตาย ต่างโหมปล่อยพลังหลายหลากกลบผืนฟ้าปฐพี พลานุภาพน่าพรั่นพรึงยิ่งยวด
เหมือนที่ชวีซิวเฉิงกล่าวไว้ก่อนหน้า ภายใต้การตีโอบเช่นนี้ แม้เปลี่ยนเป็นราชันกึ่งระดับต่างไม่อาจรอดพ้น
แต่หลินสวินซึ่งเผชิญหน้าเหตุการณ์นี้กลับไม่ร้อนรนกระวนกระวาย สะบัดมือลวกๆ ฟันการโจมตีที่เตรียมไว้พร้อมนานแล้วออกมา
ฟุ่บ!
ดาบหักเจิดจ้าดั่งฝันเสมือนมายา ขณะนี้เจิดจรัสดั่งดวงตะวัน เฉือนแหวกอากาศเป็นรุ้งเทพคมศาสตรายาวหลายพันจั้งสายหนึ่ง
เงียบเชียบไร้สุ้มเสียง ฟ้าดินคืนความสงัด ทุกสรรพเสียงดุจหายลับจากไป มีเพียงพลังฟาดฟันสะท้านใต้หล้าที่กลายเป็นแสงริ้วหนึ่งเดียวกลางฟ้าดิน
ฟุ่บๆๆ
หุ่นทรายต่อสู้ที่เทียบเท่าผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติมากมายราวทำจากระดาษ ถูกบดขยี้เป็นจุณ ถูกทำลายล้าง สูญสลาย กระจัดกระจายภายใต้กระบวนเฉือนเดียว!
แค่ชั่วพริบตา กองทัพหุ่นทรายที่พุ่งเข้ามาถูกฟันแยกออกจากกันอย่างแข็งกร้าว!
รอยร้าวเหยียดยาวจากห้วงอากาศถึงปฐพี ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้ ไร้สรรพสิ่งขวางกั้น
หุ่นทรายต่อสู้ที่กระจายอยู่ใกล้ ต่างประหนึ่งถูกมือใหญ่ไร้รูปหนึ่งลบออกดั่งลบรอยด่างบนผ้าวาด!
ใจชายหนุ่มพลันเย็นเยียบ ทั่วร่างหนาวสั่น แม้เหนือศีรษะตะวันเจิดจ้าลอยเด่น แต่ตัวเขาดั่งตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง
การโจมตีเดียวทำลายหุ่นทรายต่อสู้หนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดตัว!
นี่ต่อให้ราชันกึ่งระดับออกจู่โจมก็เกรงว่าจะทำไม่ได้!
ชวีซิวเฉิงทั่วร่างแข็งทื่ออึ้งงันอยู่ตรงนั้น ความตื่นเต้นในใจเลือนหายไปนานแล้ว หุ่นทรายแต่ละตัวล้วนเป็นกายใจของเขา หลอมยากเหลือประมาณ
แต่บัดนี้ยังไม่ทันสำแดงอานุภาพก็ถูกทำลายไปร้อยกว่าตัว!
การโจมตีนี้มากเหลือเกิน ทำเอาเบื้องหน้าเขามืดมัวแทบกระอักเลือด
“ขวางได้ไหม”
หลินสวินเก็บดาบหัก ทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้ จากนั้นโฉบพุ่งห่างไปโดยไม่แม้แต่จะมองพวกชวีซิวเฉิง
ขวางได้ไหม
ประโยคเรียบๆ ง่ายๆ หนึ่งประโยค กลับราวมีดเล่มหนึ่งเสียบแทงใจชวีซิวเฉิงอย่างหนักหน่วง ทำให้สีหน้าเขารวดร้าว สูญสิ้นจิตวิญญาณ
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจจินตนาการ ว่าเทพมารหลินที่ยังอายุน้อยทำไมถึงน่าหวาดกลัวเช่นนี้!
“เจ้าสำนัก เทพมารหลินนั่นออมมือแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยปลอบใจ “อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้กำจัดจนสิ้นซาก”
ชวีซิวเฉิงสีหน้าเศร้าหมอง พึมพำกล่าว “ใช่ ทั้งหมดต้องโทษพวกเราที่ไม่เจียมตัวเกินไป…”
ไม่ช้าเขาก็สูดหายใจลึก กล่าวมุ่งมั่นเด็ดขาด “ป่าวประกาศเหตุการณ์เมื่อครู่ออกไป ความเสียเปรียบนี่พวกเรารู้ซึ้งแล้ว ไม่อาจให้ผู้ร่วมวิถีคนอื่นๆ ซ้ำรอยอีก บางที… นี่อาจเป็นสิ่งเดียวที่พวกเราทำได้”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำสั่ง
เขามีสังหรณ์ว่าที่อีกฝ่ายไม่ทำลายทิ้งจนหมด คงคิดอาศัยมือพวกเขากระจายข่าวทุกอย่างนี้ออกไป
การทำเช่นนี้ไม่เพียงเป็นการสร้างบารมี ยังเป็นการเตือนเหล่าขุมกำลังที่ฟังคำสั่งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์นั่นด้วย!
…
จริงดังคาด ทันทีที่ข่าวแพร่สะพัดก็ก่อให้เกิดความโกลาหลไม่น้อยในแคว้นกู่ชาง
สุดท้ายจึงทำให้ขุมอำนาจอื่นๆ รับรู้ ว่าคู่ต่อสู้ที่ประกาศจับคราวนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่พวกเขาคิดแต่แรก
ตรงกันข้าม นี่คือเด็กหนุ่มที่น่าพรั่นพรึงรับมือยากยิ่งคนหนึ่ง!
ใครคิดจัดการเขา ล้วนต้องชั่งน้ำหนักดูก่อนว่าตนสามารถแบกรับการโต้กลับของอีกฝ่ายได้หรือไม่!
ส่วนผู้ฝึกปราณที่ไม่ได้เข้าร่วมขบวนการต่างลอบพิศวง ไม่ใช่มังกรแกร่งไม่ข้ามลำน้ำ เทพมารหลินนี่ช่างทรงพลังจนทำเอาสับสนอลหม่าน
ทว่าหลินสวินแสดงออกเช่นนี้ กลับจุดชนวนให้แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์บันดาลโทสะ ส่งพลกำลังมือฉมังยิ่งกว่าออกไล่ล่าในวันนั้น
ในเขตอิทธิพลของตน หากไม่อาจจับตายเจ้าหนุ่มนี่ เช่นนั้นหน้าของพวกเขาแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์จะเอาไปไว้ที่ไหน
เหล่าผู้ฝึกปราณจะมองพวกเขาเช่นไร
เรื่องนี้เกี่ยวพันกับศักดิ์ศรีของสำนักโบราณแห่งหนึ่ง คราวนี้แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เอาจริงแล้ว!
ตอนที่ 997 ชายกลางคนชุดดำ
แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เอาจริงแล้ว!
หลายวันต่อมาหลินสวินสังเกตเห็นจุดนี้ได้อย่างแจ่มแจ้ง
หลังข้ามทะเลทรายหลอมมรณาคือทุ่งหญ้ารกร้างที่มีหนองบึงกระจายตัว
หมอกควันชื้นแฉะปกคลุมฟ้าดิน
หลินสวินท่องทะยานอยู่ในนั้น
ยามนี้เขากลายร่างเป็นชายหนุ่มดุดันคนหนึ่ง สวมชุดนักพรตน้ำค้างดาราของผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์
เจ้าของร่างนี้นามซินชิว ผู้สืบทอดสายในของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ มีปราณระดับกระบวนแปรจุติ เชี่ยวชาญวิชาสะกดรอย
บทบาทที่เขาสวมครานี้น่าจะเป็น ‘หน่วยสอดแนม’ ก่อนหน้าไม่นานเคยเข้าประชิดหลินสวินอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง ทั้งวางแผนส่งสัญญาณเรียกพวกพ้องมาจับหลินสวินด้วยกัน
น่าเสียดาย เขาประเมินความแข็งแกร่งด้านพลังจิตวิญญาณของหลินสวินต่ำไป ถูกหลินสวินที่สังเกตเห็นนานแล้วชิงปลิดชีพก่อนก้าวหนึ่ง
จากนั้นหลินสวินชิงเสื้อผ้าและป้ายคำสั่งของเขา เดินป้อกรีดกรายจำแลงร่างเป็นคนผู้นี้
หลุมบึงเปี่ยมไอพิษร้ายแรง หมอกขมุกขมัวปกคลุมฟ้าดิน
หลินสวินมุ่งหน้าพลางใช้จิตรับรู้สัมผัสภายในเจดีย์สมบัติไร้อักษร
ธนูวิญญาณไร้แก่นสารแผ่คลื่นคลุมเครือซ่อนเร้นข่มลูกศรน้ำเงินเข้มดอกหนึ่ง ทำให้มันไม่อาจขยับ
หลินสวินอดพิศวงในใจไม่ได้ ศรน้ำเงินเข้มดอกนี้มาจากมือสิงอี่เทียน
ตอนนั้นขณะประลองกับสิงอี่เทียนบุคคลแห่งยุคเผ่าปีกอสนีที่ก้นทะเลสาบหาดดาราขจรนั่น ศรนี้เคยระเบิดแสนยานุภาพน่าสะพรึงในมือสิงอี่เทียน
หากไม่ใช่อาศัยพลังของธนูวิญญาณไร้แก่นสาร หลินสวินก็คงไม่อาจเก็บมันมาได้
แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ศรน้ำเงินเข้มนี่ก็ถูกธนูวิญญาณไร้แก่นสารกำราบจนวันนี้ถึงไม่ดิ้นรนอีก เหมือนยอมจำนนแล้ว
เวลานี้เองหลินสวินจึงเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของศรนี้อย่างชัดเจนในที่สุด
มันยาวประมาณสองฉื่อ เล็กบางดั่งตะเกียบไผ่ สีน้ำเงินเข้มถ้วนทั่ว แวววาวโปร่งแสงดุจตีหลอมขึ้นมาจากหินหยกน้ำเงินบริสุทธิ์
ปลายศรดั่งจันทร์เสี้ยว บนนั้นสลักลายมรรคบิดเบี้ยวแปลกประหลาดแน่นขนัด ส่วนปลายควบรวมเป็นเจตจำนงฮึกเหิมทิ่มแทงคน
ที่ทำหลินสวินไหวหวั่นอย่างแท้จริงคือ ส่วนปลายลูกศรสลักอักษรบรรพกาลสองคำ แม้ตัวอักษรสึกกร่อนจนเลือนรางและพร่ามัวยิ่ง แต่กลับยังสามารถมองออกได้ว่า…
‘นิรันดร์!’
‘ที่แท้คือศรนี่!’
หลินสวินนึกออกทันใด ตอนที่อยู่ในสมรภูมิกระหายเลือดของจักรวรรดิจื่อเย่า ราชินีกระหายเลือดจ้าวซิงเย่เคยเอ่ยชื่อศรนี้
สมัยบรรพกาล เผ่าต้าอี้ครองศรเทพเก้าดอกที่ทำให้ใต้หล้าอกสั่นขวัญแขวน แบ่งออกเป็นนภาคราม ยมโลก อมฤตาลัย นิรันดร์ เขี้ยวลำนำ แสงโชค เสี้ยวปีก อธิจิต ไร้พ่าย!
ศรเทพแต่ละดอกต่างอัศจรรย์คนละแบบ ครองอานุภาพชวนประหวั่นเหนือจินตนาการ
อานุภาพของศรนภาครามหลินสวินรู้อยู่ก่อนแล้ว ปัจจุบันถูกเขาเก็บอยู่ในเจดีย์สมบัติไร้อักษร
แม้ศรนภาครามนี้เสียหายรุนแรง แต่กลับเคยประสานกับธนูวิญญาณไร้แก่นสาร และถูกจ้าวซิงเย่ใช้บุกสังหารสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันหลายคน
และตอนนี้ตามการวินิจฉัยของหลินสวิน ศรนิรันดร์นี้คงไม่ด้อยไปกว่าศรนภาครามแน่ ทั้งยังมีความอัศจรรย์อื่น พลานุภาพเกินคาดเดา
ถึงอย่างไรแม้แต่ธนูวิญญาณไร้แก่นสารยังต้องรอจนถึงวันนี้จึงจะกำราบศรนี่ลงได้ แค่คิดก็รู้ว่ามันไม่ธรรมดาระดับใด
‘แม่ทัพจ้าวซิงเย่เคยกล่าวว่าศรเทพทั้งเก้าของเผ่าต้าอี้คือยอดสมบัติไร้เทียมทาน เล่าลือกันว่าหากสามารถนำเก้าศรรวมเป็นหนึ่งจะค้นพบศุภโชคชั้นยอดที่เกี่ยวพันกับวิถีธนู ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ…’
หลังสังเกตศรนิรันดร์น้ำเงินเข้มที่ราวกับหล่อขึ้นจากหินหยกน้ำเงินเสร็จ ในใจหลินสวินเกิดความฮึกเหิม อยากใช้ธนูวิญญาณไร้แก่นสารลองศรนี่ว่ามีอานุภาพระดับใด
‘หืม?’
ทันใดนั้นหลินสวินก็หยุดความคิด เก็บจิตรับรู้ สังเกตเห็นว่ามีคนเข้ามาใกล้
“ซินชิว ยังไม่พบร่องรอยเป้าหมายหรือ คันฉ่องกักวิญญาณสองลักษณ์เผยว่าปัจจุบันเจ้าเด็กนี่อยู่ในหนองบึงแถบนี้”
ชายกลางคนชุดดำโฉบเข้ามา เงียบเชียบไร้สุ้มเสียงดั่งพญาวิหคถลาร่อน ไม่ก่อเสียงทลายอากาศแม้เพียงเสี้ยว
“ไม่มีขอรับ” หลินสวินผงะในใจวูบหนึ่ง
ชายกลางคนชุดดำนี่คือราชันกึ่งระดับผู้หนึ่ง กลิ่นอายซ่อนคม ดูเหมือนไม่มีพลานุภาพชวนตะลึงเท่าไหร่นัก แต่กลับทำให้หลินสวินสัมผัสถึงกลิ่นอายอันตรายเสี้ยวหนึ่ง
“เด็กนี่เจ้าเล่ห์ดั่งจิ้งจอก นับแต่เมืองเพลิงมรกต ศิษย์ของเราแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ก็ล้มตายด้วยมือเด็กนี่ไม่ต่ำกว่าสิบกว่าคน ภายในนั้นยังมีศิษย์สืบทอดแท้จริงคนหนึ่ง ความเสียหายนี่ไม่น้อยเลย”
ชายกลางคนชุดดำมุ่นคิ้ว สองมือไพล่หลัง หยุดเท้าแผ่วเบาห่างจากหลินสวินสามจั้ง
สามจั้ง เป็นระยะที่ไม่สะดุดตา แต่กลับทำให้หลินสวินต้องข่มกลั้นการเคลื่อนไหว
เพราะเขารู้ดีว่าแม้จู่โจมกะทันหัน ระยะสามจั้งนี้ก็เพียงพอให้อีกฝ่ายตอบสนองทันควัน
ไม่จำเป็นต้องสงสัย นี่คือคู่ต่อสู้ที่ผ่านการกรำศึกมานาน ทรงพลังรอบคอบยิ่งคนหนึ่ง!
“ซินชิว เมื่อวานพี่ชายถามถึงเจ้า” จู่ๆ ชายกลางคนชุดดำเอ่ยปาก สายตามองหลินสวิน “เขายังห่วงความปลอดภัยเจ้า โน้มน้าวข้าให้ส่งเจ้ากลับไป”
หลินสวินชะงักงัน ในใจพลันผุดลางสังหรณ์ไม่ดี หรือตาแก่นี่กำลังหยั่งเชิงตน? ไม่เช่นนั้นเหตุใดถึงกล่าววาจาเช่นนี้ออกมาตอนนี้
ตูม!
เวลานี้เองชายกลางคนชุดดำพลันบุกจู่โจม
เร็วจนน่าเหลือเชื่อ เหมือนเตรียมพร้อมทุกเมื่อนานแล้ว ทั้งตัวราวแสงทมิฬสายหนึ่ง กรงเล็บหนึ่งปกคลุมลงมาที่ศีรษะหลินสวิน
เพราะเป็นการจู่โจมกะทันหันของราชันกึ่งระดับ ซ้ำมีระยะห่างแค่สามจั้ง เปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณอื่นคงไม่ทันได้ตอบสนอง
ทว่าสิ่งนี้ไม่ยากเกินมือหลินสวิน ก็เห็นเงาร่างเขาวูบไหวประหนึ่งชือน้ำแข็งเคลื่อนตัว หลบการโจมตีนี้โดยพลัน
“ฮึ! เป็นเจ้าดังคาด!” ชายชุดดำสีหน้าเยียบเย็น เงาร่างดุจภูตผี พลิกมือฟันผ่าไปทางหลินสวิน
ร่างกายเขาแผ่แสงทมิฬชวนประหวั่น นิ้วทั้งห้ารายล้อมด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์แสบตา ดั่งกรงเล็บมังกรแหลมคมไร้เทียมทาน ฉีกกระชากแหวกอากาศ
เสียงปึงดังสนั่น หลินสวินซัดกลับหนักหน่วง แม้สลายการโจมตีได้แต่ยังทำเอาเลือดลมเขาตีกลับ
นี่ทำให้เขาอดประหลาดใจไม่ได้ ราชันกึ่งระดับที่ตายในมือเขามีนับไม่ถ้วน แต่เขาเพิ่งเคยเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้เป็นครั้งแรก
ไม่จำเป็นต้องสงสัย ความเป็นมาของชายกลางคนชุดดำนี่ต้องไม่ธรรมดา มีโอกาสสูงที่จะเป็นพวกร้ายกาจคนหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์!
ชายกลางคนชุดดำไม่ปล่อยโอกาสให้หลินสวินพักหายใจ พุ่งทะยานมาอีกครา ไอสังหารทั่วร่างปกคลุมฟ้าดิน ทลายชั้นเมฆทั่วสารทิศ
“ดรรชนีแกนสวรรค์ปราบมาร!”
เหนือศีรษะชายกลางคนชุดดำ เมฆทมิฬพลิกม้วนบดบังฟ้าคลุมตะวัน ท้องฟ้าทั้งแถบขณะนี้ต่างครึ้มลง พลังมหามรรคน่าหวาดกลัวอัดแน่นกลางฟ้าดิน ก่อเสียงครืนครั่นราวฟ้าคำราม
แค่ชั่วพริบตา นิ้วมือสีดำยาวประมาณร้อยจั้งอุบัติกลางห้วงอากาศประหนึ่งเสาค้ำฟ้า!
บนนิ้วมหึมานั่นประทับลายลึกลับนานัปการ แสงทมิฬแผ่คลุม ทันทีที่ก่อลักษณ์ก็ทำเอาห้วงอากาศพันจั้งทรุดตัวลง ส่งเสียงครวญคร่ำ
การโจมตีนี้น่าหวาดกลัวยิ่ง ประดุจนิ้วเทพมารโบราณกาลอุบัติขึ้นในปัจจุบัน แฝงการสังหารและความดุดันไร้สิ้นสุด
ร่างชายกลางคนชุดดำหยัดยืนอยู่ภายใน ทำให้พลานุภาพเขายิ่งใหญ่ดั่งทวยเทพ
‘พลังแก่นมรรค! วิชามรรคชั้นยอด! ไอ้แก่นี่ไม่ใช่ราชันกึ่งระดับธรรมดาดังคาด!’ หลินสวินนัยน์ตาหดรัด สัมผัสถึงแรงกดดันยากจะเอ่ย
ตูม!
เขาไม่กล้าเก็บงำศักยภาพอีก สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณพลุ่งพล่านโหมกระหน่ำดั่งเตาหลอม พริบตานั้นหมัดเรียบง่ายมหึมาหมัดหนึ่งออกทลายอากาศ
ฟ้าดินพลันสั่นสะเทือน ใต้หล้าเปลี่ยนสี ถูกพลังหมัดนี้สั่นคลอน แสงมรรคโชติช่วงเจิดจรัสควบรวมบนหมัด ทำให้มันมีพลังโหมซัดที่ทลายได้ทุกสิ่ง
เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ที่ประทับพลังแก่นมรรคธาตุน้ำ!
ทั้งสองปะทะกัน หนองบึงแถบนี้เหือดระเหยชั่วพริบตา ผืนดินแตกระแหงเกิดรอยแยกร้าวน่าตะลึงนับไม่ถ้วน
แสงมรรคและประกายศักดิ์สิทธิ์ชวนประหวั่นม้วนแผ่กระจาย เกิดเสียงครั่นครืนประหนึ่งอสนีเทพเก้าสวรรค์สะท้านโลกา เกิดปรากฏการณ์ราวทำลายล้างสรรพสิ่ง
การปะทะเช่นนี้หากเกิดในตัวเมืองคงชักนำหายนะที่ไม่อาจคาดเดาแน่!
ครืน…
ในการปะทะดุเดือด เงาร่างทั้งสองต่างกระเด็นออกไป
หลินสวินนัยน์ตาพลันหรี่ลง พลังของชายกลางคนชุดดำแข็งแกร่งเหนือความคาดหมาย เปลี่ยนเป็นราชันกึ่งระดับคนอื่นคงถูกสังหารไปง่ายๆ นานแล้ว
“ถึงกับสามารถต้านทานได้? สมเป็นเทพมารหลินที่ป่วนแดนฐิติประจิมจนวุ่นวายทุกหย่อมหญ้า ในหมู่ผู้กล้ารุ่นเยาว์ซึ่งก้าวสู่ขอบเขตมกุฎ เจ้าเองก็นับเป็นบุคคลชั้นหนึ่ง น่าเสียดายที่ครั้งนี้เจ้ามาเจอข้า!”
ชายกลางคนชุดดำสีหน้าเย็นชา ในดวงตาสาดส่องประกาย กลิ่นอายน่าพรั่นพรึงเหลือประมาณ
ตูม!
เขาบุกจู่โจมอีกครั้งโดยไม่ลังเล
แค่ชั่วพริบตาทั้งสองห้ำหั่นพัลวัน จากปฐพีสู่เบื้องฟ้า รบพุ่งทั่วสารทิศ ผลัดเปลี่ยนสมรภูมิไม่หยุด
ชายกลางคนชุดดำพลานุภาพดั่งทวยเทพ สำแดงยอดวิชามรรค สามารถเห็นนิ้วมหึมาขวางฟ้าสายแล้วสายเล่าอย่างชัดเจน บดอากาศแหลกละเอียด ฟ้าสะเทือนดินสะท้าน
นี่คือดรรชนีแกนสวรรค์ปราบมาร เมื่อกดนิ้วหนึ่งลงมา ก็ถล่มฟ้าทลายดินสรรพสิ่งขาดสะบั้น เป็นภาพที่ทำให้ผู้คนตกตะลึง
การต้านทานของหลินสวินก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน ทั่วร่างล้อมด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สีเขียว เจิดจรัสดั่งสุริยันมรกต สำแดงวิชาแห่งตน ไม่มีสัญญาณถูกกำราบอันใด
ชิ้ง!
ขณะต่อสู้ชายกลางคนชุดดำเรียกกระบี่วิญญาณสีขาวเงินเล่มหนึ่งออกมา ฟาดผ่าต่อเนื่อง คดเคี้ยวดั่งอสนี
นี่คือยอดศาสตรามรรคราชันที่แท้จริงเล่มหนึ่ง พลานุภาพชวนประหวั่น พราวพร่างดั่งธารดารา ออกพิฆาตกลางฟ้าดิน
ฉัวะ… กระบี่เงินแหวกอากาศ ฉายแสงน่าอัศจรรย์ ว่องไวจนคาดไม่ถึง โฉบผ่านหลินสวินและเฉือนเส้นผมเข้าปอยหนึ่ง
จากนั้นภูเขาสูงพันจั้งลูกหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลถูกผ่าเป็นสองซีกอย่างแข็งกร้าว ทรุดตัวสนั่นหวั่นไหว
‘ทำไมไอ้แก่นี่ถึงแข็งแกร่งเช่นนี้’ หลินสวินอดหวาดหวั่นไม่ได้ เรียกดาบหักออกมาโดยไม่ลังเล
เคร้ง!
ดาบหักเจิดจ้าดุจหิมะเข้าประจัญกระบี่เงิน ระเบิดเสียงอึกทึกดับโสตประสาท ทำเอาห้วงอากาศฟ้าดินแตกทลาย
หลินสวินรู้ว่าคราวนี้เจอคู่ต่อสู้ที่แท้จริงแล้ว เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าราชันกึ่งระดับที่พลังต่อสู้เหนือธรรมดาคนหนึ่ง
ทั้งสองโรมรันทั่วทิศ ฟาดฟันจนพลิกฟ้าพลิกดิน ทุกหนแห่งที่พาดผ่านภูผาสูงพังทลาย แม่น้ำแห้งเหือด บนพื้นดินฝากรอยแยกตัดสลับหลายสาย
ระหว่างต่อสู้ชายกลางคนชุดดำตะลึงยิ่งกว่า ระดับของเขาเหนือกว่าอีกฝ่าย ทั้งยังอยู่ในระดับกึ่งราชัน กวาดสายตาทั่วแดนชัยบูรพาเรียกได้ว่ามีศัตรูเพียงบางตา
แต่ตอนนี้กลับทำได้แค่พอฟัดพอเหวี่ยงกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง นี่เห็นได้ว่าน่าเหลือเชื่อนัก!
ตูม!
การปะทะครั้งใหญ่อุบัติขึ้นอีกครา อานุภาพชายกลางคนชุดดำน่าสะพรึงยิ่งกว่าเดิม ชี้เวหาฟาดพสุธาบีบกดเวิ้งฟ้า ส่วนหลินสวินเองก็มีแสงสมบัติคลุมกาย ต้านทานรอบด้าน
คราวนี้ต่างจากที่ผ่านมา หลินสวินต้องเปลืองแรงเช่นนี้เป็นครั้งแรก แต่การต่อสู้ทำให้เขาโลหิตเดือดพล่าน เจตจำนงต่อสู้พวยพุ่งโหมกระหน่ำเช่นกัน
ฆ่า!
นัยเร้นลับโทสะหยาจื้อโคจรกู่ก้องในร่างหลินสวิน ทำให้อานุภาพของเขาพลันยกระดับขึ้นอีกยกใหญ่ พุ่งทะยานเดือดคลั่ง
และเบื้องหน้า ดาบหักที่คล้ายแสงเคลื่อนกวาดทะลวงอากาศรอบด้าน ตวัดวิถีโคจรน่าพิศวงเฉือนผ่าใต้นภาคราม
กระบวนเฉือนนภาสงัด!
ฟ้าดินคืนความสงบ หมื่นชีวิตสั่นระรัว กลิ่นอายว่างเปล่าเงียบเชียบดับสิ้นสรรพสิ่งแผ่กระจายฝังกลบทั่วบริเวณ
ตอนที่ 998 สัญญาณเลื่อนขั้น
ฉัวะ!
ดาบหักดั่งมายาสงัด ว่างเปล่าสลายภาพฝัน
ชายกลางคนชุดดำตื่นตระหนก หลีกหลบไวว่องกลายเป็นแสงทมิฬส่องระยับ
ในใจเขาสั่นสะท้าน คิดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิงว่าทำไมแค่ชั่วพริบตาอานุภาพของอีกฝ่ายถึงแข็งแกร่งขึ้นมาอีกยกใหญ่ ช่างราวกับสัตว์ประหลาดที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์!
ต้องรู้ว่ากรำศึกถึงบัดนี้ เขาทุ่มแรงพลังทั้งหมดแล้ว หาได้เก็บงำไว้อีก!
ตูม!
คมดาบเฉือนแยก ตัดผ่าเขาลูกหนึ่ง รอยตัดที่ตัวภูเขาราบเรียบเกลี้ยงเกลา ทลายพินาศครั่นครืนฝุ่นควันกระจายไร้สิ้นสุด
แม้หลบหลีกเต็มกำลังแต่ชายกลางคนชุดดำยังอนาถหาใดเปรียบ ถูกกระบวนเฉือนนี้ฝากรอยเลือดไว้บนแผ่นหลัง ผิวแตกเลือดอาบกระดูกขาวโผล่เลือนราง โลหิตแดงสดหลั่งริน
ภายใต้ความเจ็บปวดทำเอาเขาอดคร่ำครวญไม่ได้ สีหน้าพลันบิดเบี้ยว
“เฉือน!”
หลินสวินจู่โจมถนัดมือ ก้าวแหวกอากาศโดยไม่ล่าช้า เงาร่างดุจเซียนอบอวลแสงศักดิ์สิทธิ์สีเขียว และดาบหักก็โฉบพุ่งออกไปอีกครา
“น่าชังนัก!”
ชายกลางคนชุดดำตวาดลั่น กระบี่เงินพุ่งโฉบกลางอากาศส่องแสงเรืองจรัส พลังแก่นมรรคที่โชติช่วงหาใดเปรียบไหลเอ่อ พุ่งเข้าปะทะดาบหัก
เคร้ง!
เสียงปะทะดั่งฟ้าคำราม บริเวณนี้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ คมศาสตราพลุ่งพล่าน กลิ่นอายสะท้านฟ้า รัศมีแสงบาดตากลบฟ้าดิน
สุดท้ายกระบี่เงินถูกฟาดกระเด็น บนคมกระบี่เผยรอยบิ่นหนึ่ง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
นี่เป็นถึงยอดศาสตรามรรคราชันแท้จริง แต่ตอนนี้กลับถูกทำลาย!
ชายกลางคนชุดดำตระหนก เขาไม่อาจไปสนใจความเจ็บปวดบนร่างกายได้อีก ความแข็งแกร่งของหลินสวินเหนือการคาดเดาของเขาโดยสิ้นเชิง
เดิมทีครั้งนี้แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ส่งเขาออกโจมตี ก็เพราะรู้ว่าคู่ต่อสู้คราวนี้เป็นเด็กหนุ่มที่ก้าวสู่มกุฎคนหนึ่ง หาใช่ผู้ที่คนธรรมดาสามารถเทียบเทียม มีเพียงส่งเขาออกจู่โจมจึงจะมีโอกาสกำราบอีกฝ่าย
ไหนเลยจะคาดคิด พวกเขาดูแคลนความน่ากลัวของเด็กนี่เกินไป!
“เฉือนอีก!”
หลินสวินนัยน์ตาฉายแววเย็นเยียบ เงาร่างดั่งหุบเหวใหญ่พาดกลางฟ้าดิน แผ่พลานุภาพที่ทำให้ฟ้าดินหวาดผวา
ชายกลางคนชุดดำนี่รับมือยากยิ่ง หากไม่ฉวยโอกาสนี้สังหารเขาคงกลายเป็นปัญหาใหญ่
ชั่วพริบตาทั้งคู่ประมือกันมากกว่าร้อยกระบวน ต่อสู้จนมืดฟ้ามัวดิน ฝุ่นทรายตลบคลุ้ม
แต่สถานการณ์ผกผันแล้ว ชายกลางคนชุดดำถูกกำราบโดยสมบูรณ์ กระอักเลือดไม่หยุด บาดแผลทั่วร่างมากขึ้นเรื่อยๆ
ปึง!
ไม่นานนักยอดศาสตรามรรคราชันในมือเขาก็ถูกทำลายสิ้น กลายเป็นละอองแสงลอยล่อง
แต่อานุภาพพลังของหลินสวินกลับเหมือนรุ้งสังหารเด็ดขาด ไม่ปล่อยโอกาสให้ชายกลางคนชุดดำพักหายใจ
ไอ้แก่นี่แข็งแกร่งเกินไปแล้ว เขาเพิ่งเคยพบราชันกึ่งระดับที่รับมือยากเช่นนี้เป็นครั้งแรก นี่ทำให้ในใจหลินสวินตึงเครียด รับรู้ได้ว่าแม้แต่ในหมู่ราชันกึ่งระดับก็มีแบ่งแยกสูงต่ำ
เฉกเช่นชายกลางคนชุดดำนี่ ต้องเป็นยอดบุคคลในหมู่ราชันกึ่งระดับแน่!
“เฉือน!”
หลินสวินตวาดลั่น เงาร่างส่องประกายยิ่งกว่าเดิม แฝงพลังอาจหาญดั่งเทพมารอหังการ เคลื่อนกวาดศัตรูกลางอากาศ
แต่ชายกลางคนชุดดำนั่นคล้ายสังเกตเห็นว่าไม่เข้าที ถอนตัวหนีโดยไม่ลังเล หลบลี้ห่างออกไปในบัดดล
ยามหลินสวินหมายจะไล่ล่าก็พลันสังเกตได้ว่า ตรงขอบฟ้าที่ห่างออกไปมีกลิ่นอายทรงพลังจำนวนมากพุ่งตะบึงมาทางนี้
เห็นชัดว่าล้วนเป็นขุมกำลังแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ที่เร่งมาสมทบ
นี่ทำให้นัยน์ตาดำของหลินสวินหดรัดลงเล็กน้อย ในใจแม้ไม่ยินยอม แต่สุดท้ายยังคงอดกลั้น
เวลานี้ยังไม่ใช่โอกาสเหมาะที่จะเปิดศึกรอบด้านกับฝ่ายตรงข้าม หากถูกล้อมกรอบ ผลที่ตามมาคงไม่อาจจะคิด
“เจอกันครั้งหน้าจะเด็ดหัวเจ้าซะ!” ทิ้งประโยคนี้แล้วหลินสวินก็ใช้ยานขนส่งอวกาศโฉบพุ่งห่างไปไกลโดยไม่ลังเล
ชายกลางคนชุดดำหน้าคล้ำเขียว ดวงตาคั่งโลหิต จ้องทิศทางที่หลินสวินจากไปเขม็ง ในใจเปี่ยมโทสะและอับอาย
ด้วยฐานะของเขา กลับถูกคนรุ่นหลังผู้หนึ่งสยบ ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส แน่นอนว่านี่คือความอัปยศครั้งใหญ่
“อาจารย์อาเหวิน!”
“ทำไมถึง…”
ไม่นานนักผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์กลุ่มหนึ่งก็มาถึง เมื่อเห็นชายกลางคนชุดดำที่ทั่วร่างอาบโลหิต ท่าทางบาดเจ็บสาหัส ก็ล้วนตื่นตกใจยากจะเชื่อ
ชายกลางคนชุดดำนามเหวินสิงโจว เป็นยอดบุคคลที่ชื่อเสียงโด่งดังในแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ผู้หนึ่ง ในหมู่ราชันกึ่งระดับยุคปัจจุบันของแดนชัยบูรพา สามารถจัดอยู่ในสามสิบอันดับแรก!
ต้องรู้ว่าแดนชัยบูรพามีเขตแคว้นเรือนหมื่น สำนักเรียงราย หมื่นเผ่าพันธุ์ดำรงอยู่ จำนวนของราชันกึ่งระดับแน่นอนว่าไม่น้อย
แต่เหวินสิงโจวสามารถดันตนเองขึ้นสู่สามสิบอันดับแรกในหมู่ราชันกึ่งระดับแดนชัยบูรพา แค่คิดก็รู้ว่าพลังต่อสู้ของเขาน่าทึ่งระดับใด!
ทว่าเอกบุคคลผู้หนึ่งเช่นนี้ บัดนี้กลับบาดเจ็บ!
นี่จะให้เหล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ที่เร่งมาสมทบกล้าเชื่อได้อย่างไร
“อาจารย์อาเหวิน นี่… นี่มันเรื่องอะไรกัน” มีคนอดถามไม่ได้
“พวกเราต่างประเมินพลังต่อสู้ของเทพมารหลินต่ำไป!”
เหวินสิงโจวสูดหายใจลึก สีหน้าอึมครึมเยียบเย็น “รีบแจ้งสำนัก ถึงเวลาออกเคลื่อนพลที่แท้จริงแล้ว หากเป็นไปได้ ข้าหวังให้ศิษย์แกนหลักระดับกระบวนแปรจุติเคลื่อนพลมาด้วย”
เขาไม่อธิบายมากความเพราะมันน่าอัปยศเกินไป
แต่เมื่อได้ยินคำแนะนำของเขาก็ทำเอาคนอื่นหน้าเปลี่ยนสี ศิษย์แกนหลัก นี่เป็นถึงขุมพลังชั้นยอดที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์!
เฉกเช่นฉู่เป่ยไห่ ก็เป็นบุคคลระดับผู้นำคนหนึ่งซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มศิษย์แกนหลัก
เทียบกันแล้วศิษย์สืบทอดแท้จริงยังด้อยกว่าอยู่บ้าง!
ทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์มีศิษย์นับไม่ถ้วน แต่จำนวนของศิษย์แกนหลักแน่นอนว่านับนิ้วได้ เป็นผู้หายากดั่งขนหงส์เขากิเลนอย่างแท้จริง
“นี่… ออกจะบุ่มบ่ามไปหรือไม่” มีคนถาม
“ในระดับเดียวกันเทพมารหลินก้าวสู่ขอบเขตมกุฎแล้ว อีกทั้งพลังต่อสู้โดดเด่น การต่อสู้กับเขาสามารถใช้ขัดเกลาตัวเองได้พอดี ข้าเชื่อว่าหากเหล่าศิษย์แกนหลักรู้ว่ามีคู่ต่อสู้เช่นนี้ ต้องออกจู่โจมโดยไม่ลังเลแน่”
เหวินสิงโจวกล่าว “พวกเจ้าต้องรู้ว่ามหาสงครามจวนมาเยือนแล้ว มีเพียงประลองกับยอดบุคคลรุ่นเยาว์จึงจะสามารถขับเน้นอานุภาพของตนได้!”
…
กลางหุบเขาลึกแห่งหนึ่ง
หลินสวินนั่งสมาธิเงียบๆ
ผ่านการต่อสู้กับชายกลางคนชุดดำไปสามวันแล้ว
ช่วงสามวันนี้หลินสวินถูกดักจู่โจมและสกัดกั้นหลายครั้งตลอดทาง ทว่าส่วนใหญ่ล้วนเป็นกลุ่มรวมพลที่ฟังคำสั่งของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์
ยังไม่รอให้หลินสวินสำแดงอานุภาพ กลุ่มรวมพลพวกนี้ก็แตกฮือกระจัดกระจาย
เห็นชัดว่าพวกเขาล้วนเข้าใจความร้ายกาจของหลินสวิน สาเหตุที่ซุ่มโจมตีก็แค่ทำตามคำสั่ง ที่กล้าห้ำหั่นกับหลินสวินจริงๆ มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
สำหรับหลินสวิน การดักจู่โจมเช่นนี้แม้ไม่ถึงขั้นอันตรายแต่กลับน่ารำคาญนัก
เพราะร่องรอยของเขาล้วนแต่ทิ้งไว้ตามการซุ่มโจมตีเหล่านี้ เท่ากับเผยตัวอยู่ตลอด แทบไม่อาจสลัดการไล่ล่าได้
ทว่าในการตามล่าเช่นนี้กลับทำให้หลินสวินค้นพบพลังที่แฝงเร้น ปราณซึ่งข่มกำราบไว้นานแล้ว สุดท้ายก็มีเค้าลางทะลวงขั้น
นี่คือสัญญาณการเลื่อนสู่ขั้นสมบูรณ์อย่างหนึ่ง คล้ายวารีปิ่มจวนกระฉอก
หากเพียงเพื่อเลื่อนขั้น ขณะข้ามแม่น้ำพรมแดนก่อนหน้านี้ หลินสวินสามารถก้าวสู่ขั้นปลายของระดับกระบวนแปรจุติได้แล้ว
แต่เวลานี้หลินสวินกำลังลองเลื่อนขั้น!
ขอแค่สามารถเลื่อนขั้น ก็เท่ากับเขานำมรรคาบรรลุถึงขั้นสุดท้ายของระดับกระบวนแปรจุติ ถึงเวลานั้นพลังต่อสู้ของเขาต้องทะยานไปอีกเท่าทวีแน่
หากเจอบุคคลอย่างชายกลางคนชุดดำอีกก็ไม่เกิดภัยคุกคามอันใด
ครืนๆ
หลินสวินนั่งสมาธิเงียบๆ ภายในเสมือนมีขุนเขาลูกแล้วลูกเล่าเข้าปะทะกัน ส่งเสียงกึกก้องเลื่อนลั่น นั่นคือกลิ่นอายที่เกิดจากการโคจรพลังทั่วร่าง ยิ่งใหญ่ดั่งหุบเหว ไพศาลดั่งมหาสมุทร!
หากเทียบแค่พลังปราณและความหนาแน่นของรากฐาน กวาดตามองในยุคปัจจุบัน ผู้ที่สามารถเทียบเคียงหลินสวินได้มีน้อยนัก
ความเร็วในการเลื่อนขั้นของเขาดูเชื่องช้ามาก แต่ทุกย่างก้าวล้วนเต็มแน่นหาใดเปรียบ รากฐานที่เคี่ยวกรำออกมาต่างเผยสภาพสมบูรณ์ถึงขีดสุด
และด้วยเหตุนี้ เขาจึงสามารถซัดทลายคนในระดับเดียวกัน ข้ามระดับไปสังหารราชันกึ่งระดับได้!
วู้ม…
ประกายศักดิ์สิทธิ์สีเขียวใสหลากสายแผ่คลุมทั่วร่าง ทำให้เงาร่างหลินสวินที่นั่งสมาธิอยู่ถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอายบริสุทธิ์ดั่งภาพฝันมายาชั้นหนึ่ง
เวลาล่วงผ่าน ตะวันเคลื่อนจันทราคล้อย
ไม่ทันรู้ตัวหลินสวินก็นั่งสมาธิไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว
พลังขับเคลื่อนทั่วร่างของเขาเปี่ยมล้นยิ่งกว่าเดิม ราวกับเตาหลอมที่ลุกโชนร้อนเร่า จักระเทพภายในร่างโคจร เปล่งประกายแสงงามตระการเจิดจ้า
เป็นเวลาพลบค่ำ ตะวันคล้อยใกล้ลับแผ่นฟ้า กลางหุบเขาเงียบสงัดทั่วทั้งแถบ ในบริเวณที่ห่างออกไปไกลๆ มีเสียงสิงสาราสัตว์คำรามอยู่เลือนราง
‘เป็นเขา!’
‘เด็กนี่ช่างไม่กลัวตายจริงๆ ถึงกับกล้านั่งสมาธิฝึกตนโดยไม่ปิดบังเช่นนี้ หรือเบื่อชีวิตจนทนไม่ไหว’
‘ระวังเป็นกลลวง! รอไปแจ้งคนอื่นให้รีบมาทางนี้ก่อน!’
ตรงทางเข้าหุบเขา ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์กลุ่มหนึ่งซุ่มตัวเงียบเชียบอยู่ตรงนั้น กำลังสื่อจิตกัน
ในสายตาพวกเขาหลินสวินช่างเหิมเกริมยิ่ง นั่งฝึกตนอยู่บนหินผาแห่งหนึ่งกลางหุบเขาตามอารมณ์ ไม่กลบกลิ่นอายแม้เศษเสี้ยว ราวกับไม่กลัวว่าจะมีอันตรายเข้าจู่โจมแม้แต่น้อย
แต่เนื่องด้วยกิตติศัพท์เลื่องลือที่หลินสวินตีฝ่าออกมาในหลายวันนี้ ทำให้เหล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยพลการ คิดว่าที่แห่งนี้มีกลลวง จำต้องป้องกันไว้ก่อน
‘เหมือนเขาจะทะลวงระดับ ดูท่าเขาเองก็รับรู้ได้ถึงความไม่เข้าทีของสถานการณ์ ถึงได้อยากเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้น!’
‘หึ เขามันคิดฝันเพ้อพก วันก่อนสำนักส่งหกศิษย์แกนหลักและผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งราชันออกมากลุ่มหนึ่ง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เขาแข็งแกร่งขึ้นไปอีกก็ยังไร้ประโยชน์!’
‘ไม่ว่าอย่างไรเจ้าหมอนี่ก็น่ากลัวมาก พวกเรารออยู่ที่นี่เถอะ ต่อให้เขาไร้การป้องกัน แต่ก็ยังเป็นคนที่พวกเราไม่อาจต่อกรได้’
คนพวกนั้นสนทนา แม้คิดว่าเวลานี้คือโอกาสเหมาะในการลอบโจมตีหลินสวิน แต่สุดท้ายพวกเขาต่างอดกลั้นเอาไว้
เห็นได้ว่าความสามารถที่เผยออกมาระหว่างทางก่อนหน้านี้ของหลินสวิน ทำให้ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เหล่านี้ระวังตัวและหวาดกลัว ไม่กล้าละเลยอีกแม้แต่น้อย
รัตติกาลมาเยือนโดยไม่รู้ตัว หุบเขาถูกความมืดเข้าปกคลุมไร้ดาราจันทรา กระทั่งเสียงหรีดหริ่งเรไรล้วนไม่มี
ภายใต้บรรยากาศเงียบสงัด กลิ่นอายกดดันที่พาให้คนกระสับกระส่ายอบอวล
ทางเข้าหุบเขา ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์มารวมตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ซุ่มตัวเงียบเชียบอยู่ตรงนั้น ต่างไม่เคลื่อนไหวโดยพลการ
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นกลางอากาศที่ห่างไกล แสงอัคคีบาดตาสายหนึ่งสะท้อนออกมา สาดส่องเวิ้งฟ้าให้สว่างจ้า
เมื่อมองไปโดยละเอียด นั่นกลับเป็นเงาร่างของสตรีผู้หนึ่ง!
นางรูปร่างอ่อนช้อยสูงโปร่ง ทั่วร่างล้อมด้วยเพลิงเทพแสบตาเป็นสายๆ ก้าวบนห้วงอากาศประหนึ่งเซียนที่เยื้องจากออกมาจากเปลวเพลิง ดูสะดุดตาผิดปกติยิ่งในรัตติกาลนี้
ตูม!
ในทิศทางอื่น เงาร่างผ่าเผยหนึ่งโฉบกลางฟ้า แต่ละก้าวที่เยื้องย่างห้วงอากาศทรุดตัวราวทำจากกระดาษ ฟ้าดินสั่นสะเทือน
ทอดมองจากที่ห่างไกล เหมือนเทพเถื่อนองค์หนึ่งกำลังเยื้องเท้าผ่านใต้หล้า ทำเอาสัตว์ปีศาจที่ซุ่มอยู่บริเวณใกล้เคียงต่างตระหนกจนขวัญหนีดีฝ่อ ตัวสั่นงันงกก้มหมอบลงกับพื้น
การเคลื่อนไหวนี้ชัดเจนเกินไป พริบตาก็ทำลายความสงัดเงียบกลางหุบเขา
ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ทั้งหมดที่ซุ่มตัวตรงทางเข้าหุบเขาต่างดวงตาเป็นประกาย
มาแล้ว!
ขณะเดียวกัน หลินสวินซึ่งนั่งสมาธิอยู่กลางหุบเขาก็ลืมตาดำขลับที่ปิดสนิทคู่นั้นอย่างเงียบเชียบ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น