Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 914-919
ตอนที่ 914 ปะทะอวี่หลิงคง
พรูด!
หลินสวินไม่ทันตั้งตัว แม้อาศัยก้าวย่างชือน้ำแข็งหลีกหลบหวุดหวิด แต่ยังถูกกวาดโดนไหล่ โลหิตแดงสดสาดกระจาย
เขาถึงเห็นว่าคู่ต่อสู้คือซางเจี่ย ทั่วร่างอีกฝ่ายจิตต่อสู้เร้าระทึก มือถือทวนสุวรรณเล่มหนึ่ง ข่มขู่ผู้คนดุจเทพสงคราม
เล่าลือว่าซางเจี่ยพรสวรรค์โดดเด่นแต่กำเนิด กลางฝ่ามือมีลายมรรคสีทองปริศนา ทวนสุวรรณในมือก็วิวัฒน์จากลายมรรคนี้ เป็นที่เลื่องลือว่าไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้ เฉียบคมหาใดเปรียบ
การประลองกับอวี่หลิงคงก่อนหน้า ซางเจี่ยก็แสดงศักยภาพไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขากลับหันปลายทวนจ่อหลินสวิน
“หาเรื่องรึ” นัยน์ตาหลินสวินวาบไอสังหาร เจ้าหมอนี่จู่โจมกะทันหันจนไหล่ตนปอกเปิก ทำให้เขาบันดาลโทสะ
“หากเป็นไปดังคาด หลังเทศกาลโคมกถามรรคสิ้นสุด เผ่าข้าจะไปสู่ขอกับเผ่าหงส์เขียวให้ชิงเหลียนเอ๋อร์มาเป็นภรรยาข้า ตอนนี้สังหารเจ้าแล้วก็สามารถนำมาเป็นสินสอด แสดงความจริงใจของข้าได้”
คำตอบของซางเจี่ยง่ายดายนัก เฉยชาและอำมหิต
“ที่แท้เพื่อชิงเหลียนเอ๋อร์” หลินสวินกล่าวกับตนเอง
ไม่ช้าทั้งสองก็รบพุ่งเปิดฉากต่อสู้
ตูม!
การต่อสู้ดุเดือดเริ่มขึ้น ทว่าผ่านไปไม่นานซางเจี่ยก็หลั่งโลหิต ถูกดาบหักเฉือนบ่า ตัดแขนเขาข้างหนึ่งเกือบขาด
ทว่าชั่วพริบตาอาการบาดเจ็บของซางเจี่ยก็ฟื้นคืนดังเดิม แสดงพลังฟื้นฟูอันน่าพรั่นพรึงหาใดเปรียบ
แววตาหลินสวินลุ่มลึกเยียบเย็น ตระหนักได้ว่านี่คือคู่ต่อสู้ที่ถูกประเมินต่ำเกินไป ความแกร่งของพลังเทียบกับพวกมู่เจี้ยนถิง จงหลีอู๋จี้ ซาหลิวฉานแล้วมีแต่จะเหนือกว่า
“หากเจ้ามีฝีมือเพียงเท่านี้ ประเดี๋ยวก็ฆ่าเจ้าได้แน่!”
ซางเจี่ยไม่สู้ต่อ เลือกที่จะถอย ปีนป่ายสู่ยอดแท่นมรรคจากอีกฝั่ง เขารู้ดีว่าไม่อาจสังหารหลินสวินในเวลาอันสั้น ด้วยเหตุนี้จึงไม่คิดถูกรั้งอยู่ที่นี่
“บ้าระห่ำเสียจริง…” แววตาหลินสวินเยียบเย็น สะกดข่มความวู่วามอยากไล่ล่า อีกฝ่ายไม่คิดเซ้าซี้ เขาก็ไม่อยากถูกถ่วงเวลาเช่นกัน
ศุภโชคอันดับหนึ่งอยู่บนยอดแท่นมรรค เปรียบเทียบกันแล้วเรื่องอื่นล้วนเป็นเรื่องเล็ก
ไม่นานนักหลินสวินก็พบ ‘คนคุ้นเคย’ อีกคน…
มู่เจี้ยนถิง!
เมื่อเห็นหลินสวินเข้ามาใกล้ มู่เจี้ยนถิงพลันหน้าเปลี่ยนสี ไม่รอหลินสวินลงมือก็ถอยหลีกห่างไกล
เห็นชัดว่าการปราชัยในมือหลินสวินครั้งก่อนทำให้เขาเกิดเงามืด หวาดกลัวหาใดเปรียบ ไม่กล้าเผชิญหน้าหลินสวินสักนิด
หลินสวินไม่ใส่ใจผู้พ่ายแพ้คนนี้ มุ่งหน้าต่อไป
นี่คือเส้นทางโลหิตสู่ศุภโชคอันดับหนึ่งโดยไม่ต้องสงสัย บุคคลแห่งยุคทั้งหมดกำลังเข่นฆ่าโรมรัน เปิดฉากศึกนองเลือด
ระหว่างทางแม้แต่ตัวหลินสวินยังเปื้อนโลหิตอย่างไม่อาจเลี่ยง แค่คิดก็รู้ว่าการต่อสู้บ้าระห่ำระดับใด
สุดท้ายหลินสวินก็ก้าวสู่เบื้องบน แต่แรงกดดันกลับมากขึ้น เพราะแทบจะในเวลาเดียวกัน เหล่าบุคคลแห่งยุคอย่างอวี่หลิงคง จี้ซิงเหยา ซางเจี่ย ซื่ออวิ๋นก็ทยอยมาถึง
แต่เมื่อถึงยอดแท่นมรรคเข้าจริง ความขัดแย้งกลับยุติลงชั่วคราว ต่างฝ่ายต่างรีบคุมเชิง ระมัดระวังตัว
โต๊ะเก่าแก่ตั้งอยู่ใจกลาง วางระฆังสำริดไว้ด้านบน ประทับลายมหามรรคแน่นขนัด แสงเขียวเจิดจรัสไหลเวียน
นี่ก็คือศุภโชคอันดับหนึ่ง มีแรงดึงดูดที่ทำให้ผู้ฝึกปราณคนใดในโลกหล้าต่างไม่อาจต้านทาน
แต่เช่นเดียวกัน หากหมายช่วงชิงศุภโชค ก็ต้องเผชิญกับอันตรายถึงชีวิต
แทบทุกคนต่างรู้ดี ใครกล้าพุ่งออกไปเป็นคนแรก ต้องตกเป็นเป้าถูกผู้แข็งแกร่งอื่นรุมโจมตี!
ดังนั้นจึงไม่มีคนกล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
“ข้ามีข้อเสนอ สังหารหลินสวินก่อน จากนั้นพวกเราค่อยแข่งชิงระฆังสำริด ทุกท่านเห็นว่าเป็นอย่างไร”
ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด อวี่หลิงคงเอ่ยปาก กวาดมองเหล่าผู้กล้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย สุดท้ายจึงมองไปยังหลินสวิน
เพียงชั่วขณะสายตาบุคคลแห่งยุคอย่างมู่เจี้ยนถิง ซางเจี่ย หลี่ชิงฮวนต่างเปลี่ยนเป็นลุ่มลึก คล้ายเห็นด้วยอยู่บ้าง
“แน่นอนว่าพวกเราไม่คัดค้าน”
เวลานี้นอกจากอวี่หลิงคง ยังมีผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะสามคนรวมไป๋หลิงซีอยู่ด้วย เมื่อได้ยินข้อเสนอของอวี่หลิงคง สองคนในนั้นก็รับคำโดยไม่ลังเล
ส่วนไป๋หลิงซีกลับเม้มริมฝีปากแดงอวบอิ่มไม่เอื้อนเอ่ย ดวงหน้างามประณีตผุดผ่องคล้ายนิ่งสงบ แท้จริงภายในใจกลับวิตกกังวลอย่างที่สุด
นางนึกไม่ถึงว่าทันทีที่ขึ้นสู่แท่นมรรค อวี่หลิงคงก็ชิงหาเรื่องหลินสวิน ซ้ำยังคิดร่วมมือกับคนอื่นมาจัดการหลินสวิน!
และยังมีบางคนที่เงียบสนิท เฉกเช่นพวกจี้ซิงเหยา ลั่วเจีย ซื่ออวิ๋น
แต่ไม่ว่าอย่างไร เพราะประโยคเดียวของอวี่หลิงคง เพียงชั่วขณะก็ผลักหลินสวินมาถึงปากเหว สถานการณ์อันตรายยิ่ง
“ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะมีน้ำยาแค่นี้หรือ สังหารข้าหลินสวินคนเดียวยังต้องยืมมือคนอื่น ดูท่าเจ้าอวี่หลิงคงก็ไม่เท่าไหร่”
หลินสวินยิ้มเยาะ นัยน์ตาดำขลับล้ำลึกเยียบเย็น
“ไร้เดียงสา! ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าถ่วงเวลาชิงศุภโชคของทุกคนก็เท่านั้น” อวี่หลิงคงสวมชุดหยกทั้งตัว ผมดำแผ่สยาย แววตาเย็นชาไร้ปรานี
“ไร้สาระ หากไม่ใช่ว่าเจ้าอวี่หลิงคงเกรงกลัว ยังต้องเสนอความคิดไร้ยางอายเช่นนี้ออกมาด้วยหรือ” หลินสวินไม่ปกปิดการดูแคลนของตนแม้แต่น้อย
ทั้งสองต่างฝ่ายต่างคุมเชิง สุดท้ายก็ปะทะกัน!
คนหนึ่งคือเอกบุคคลรุ่นเยาว์แห่งแดนพิสุทธิ์อมตะในแดนกาฬทักษิณ ชื่อเสียงเลื่องลืออยู่ก่อนแล้ว รากฐาน พลังต่อสู้ ฝีมือ ล้วนเรียกได้ว่าเหนือยุคสมัย ข่มคนรุ่นเดียวกันจนโงหัวไม่ขึ้น
อีกคนคือเทพมารหลินผู้เพิ่งผงาดกร้าวจากทางสังหารนองโลหิตในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เคยกำราบผู้กล้ามากมาย สำแดงพลานุภาพยิ่งใหญ่
ไม่ต้องสงสัยเลย การเผชิญหน้าของบุคคลแห่งยุคทั้งสองนี้เป็นที่จับตามองอย่างยิ่ง
เคร้ง!
อวี่หลิงคงดีดนิ้วใส่กระบี่มรรคในมือเบาๆ คมกระบี่แววกระจ่างดุจหยกเปล่งแสงเจิดจ้า เยียบเย็นบาดตา น่าพรั่นพรึงหาใดเปรียบ
“ในเมื่อเจ้าคิดเช่นนี้ ตอนนี้ข้าก็จะฆ่าเจ้าซะ เลี่ยงไม่ให้เจ้าตายตาไม่หลับ” อวี่หลิงคงเอ่ยปาก ราบเรียบนิ่งสงบ ไม่มีคลื่นความรู้สึกแม้เศษเสี้ยว
เขาโดดเด่นอย่างแท้จริง สภาวะจิตดั่งหินผา นี่คือความทะนงตนที่เก็บซ่อนไว้ คือความสง่างามผงาดง้ำอันไร้คู่ต่อกร
บรรยากาศบนแท่นมรรคกดดันตึงเครียด จิตใจทุกคนล้วนถูกดึงดูด
ต่อหน้าศุภโชคอันดับหนึ่ง อวี่หลิงคงกลับเพ่งเล็งหลินสวินหมายสยบกำราบ นี่ช่างเกินคาดหมาย แต่ลองคิดดูโดยละเอียดก็สมเหตุสมผล
เพราะเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ดำเนินมาถึงช่วงเวลาสุดท้ายของการแบ่งแยกแพ้ชนะแล้ว
อีกทั้งตอนแรกที่ริมฝั่งทะเลปรวนแปร อวี่หลิงคงเคยออกปากเองว่าจะสังหารหลินสวินกับมือ!
“ว่ากันตามจริง ข้าทนเจ้ามานานแล้ว ยั่วยุกันครั้งแล้วครั้งเล่า คิดหรือว่าตนสูงส่งไร้คู่ต่อกร สามารถทำตามอำเภอใจได้”
หลินสวินสีหน้าเรียบเฉยเช่นกัน อีกทั้งน้ำเสียงจริงจังอย่างยิ่ง “ในเมื่อเจ้าส่งตัวเองมาถึงที่ เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าสมปรารถนา ส่งเจ้าสู่ทางมรณา”
ฟุ่บ!
ห้วงอากาศสั่นระรัวรุนแรง อวี่หลิงคงไม่พูดมากความอีก กระชับกระบี่มรรคซึ่งเปี่ยมกลิ่นอายโบราณพุ่งสังหารเข้ามา
เสมือนสายฟ้าเจิดจ้าสายหนึ่งสาดส่องฟ้าดิน
พลังเจตจำนงแห่งมรรคไร้สิ้นสุดดั่งกระแสวารี ในเจตกระบี่อันดุดันสะท้อนลักษณ์ประหลาดสะเทือนใต้หล้ามากมาย ชวนประหวั่นไร้ขอบเขต
เจตกระบี่สายหนึ่ง ทันทีที่ออกจู่โจมก็มีพลังช่วงชิงฟ้าดิน สง่างามไร้เทียมทาน พาให้สรรพสิ่งต่างหม่นมัว!
แววตาหลินสวินลุ่มลึก พลังขับเคลื่อนพลังทั่วร่างโคจร เขาในตอนนี้ผลักดันพลังแห่งตนถึงขีดสุด ใช้ดาบหักมารับศึก
ปัง!
กลางอากาศราวกับมีอสนีเทพระเบิดออก แท่นมรรคสั่นคลอนส่งเสียงกระหึ่ม เจตกระบี่และแสงดาบชวนประหวั่นแผ่คลุม เต็มไปด้วยปรากฏการณ์ทำลายล้าง
พริบตานั้นทั้งสองห้ำหั่นกันราวตะวันจันทราแข่งกันเจิดจ้า ทั้งคล้ายคีรีเทพดึกดำบรรพ์ปะทะกันหนักหน่วง
ผู้แข็งแกร่งคนอื่นต่างนัยน์ตาหดรัดลง ถอยหลีกตามสัญชาตญาณ ไม่อยากถูกดึงเข้าไปเอี่ยว
ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะสองคนนั้นเตรียมพร้อมจู่โจม ตั้งท่าคอยจังหวะ คล้ายอยากเข้าไปร่วมมือกับอวี่หลิงคงสังหารหลินสวิน
แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ได้บุกโจมตี เพราะพวกเขาเชื่อมั่นว่า ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาช่วยอวี่หลิงคงก็สามารถกำจัดหลินสวินได้อย่างง่ายดาย
พวกเขารู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของอวี่หลิงคงดี ทั่วแดนกาฬทักษิณล้วนเรียกได้ว่าเป็นบุคคลแห่งยุคผู้เจิดจรัสที่สุด
เมื่อเห็นอวี่หลิงคงออกโจมตีเพียงคนเดียว ไป๋หลิงซีก็ลอบเป่าปากโล่งอก แต่ไม่ทันไรนางก็อดห่วงไม่ได้ เป็นกังวลเพราะนางรู้ว่าอวี่หลิงคงน่ากลัวระดับใด หลินสวิน… จะสามารถรับมือได้จริงหรือ
จี้ซิงเหยาในชุดกระโปรงสีพื้น เยียบเย็นดุจหิมะ รูปร่างสง่าไร้มลทิน นัยน์ตากระจ่างของนางอบอวลประกายอัศจรรย์ชวนประหวั่น จ้องมองสองคนที่กำลังประลองกัน บนหน้างามสง่าหาใดเปรียบราบเรียบไร้คลื่นอารมณ์
อีกฟากหนึ่ง ลั่วเจียยืนนิ่ง ทั่วร่างนางไหลบ่าด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ดุจหงส์เซียน เหนือศีรษะแจกันวิเศษลอยเด่น ประกายอัศจรรย์อบอวลอาบไล้ร่างนาง พาให้คนยำเกรง
นอกจากนี้คนอื่นๆ อย่างซางเจี่ยผู้ที่มีพรสวรรค์แปลกประหลาด กลางฝ่ามือแฝงลายมรรคสีทองแต่กำเนิด ซื่ออวิ๋นผู้กล้าแห่งยุคเผ่ามารรัตติกาล หลี่ชิงฮวน มู่เจี้ยนถิง ต่างกำลังจับจ้องพร้อมตะครุบ แววตาดุจอสนี
ทว่าที่พวกเขาใส่ใจมากกว่าคือศุภโชคอันดับหนึ่งบนโต๊ะซึ่งอยู่ไม่ไกล!
เวลานี้อวี่หลิงคงประลองกับหลินสวิน ทั้งคู่ต่างไร้เวลามาสนใจ นี่คือโอกาสดีในการช่วงชิงศุภโชคโดยไม่ต้องสงสัย
ตูม!
ศึกใหญ่กำลังระอุ หลินสวินกร้าวแกร่งผงาดผยองดุจเทพมารอุบัติโลก ดาบหักถูกกระตุ้นจนขาวเจิดจ้าดั่งภาพฝัน ไอสังหารมืดฟ้ามัวดิน
แต่อวี่หลิงคงแข็งแกร่งยิ่งกว่า เขาราวถอดแบบอริยเทพ ระหว่างขยับตัวเจตกระบี่ครวญคร่ำ คมกระบี่ฉายแสงเจิดจ้าแสบตาถึงขีดสุด
เวลานี้ในที่สุดก็มีคนลงมืออย่างอดไม่อยู่ เป็นซื่ออวิ๋นเผ่ามารรัตติกาล หมายฉวยโอกาสชิงศุภโชคอันดับหนึ่ง
สวบ!
แทบจะในเวลาเดียวกัน จี้ซิงเหยาก็ขยับก้าวพลิ้วไหว ไม่เจือกลิ่นอายธุลีแม้เศษเสี้ยว ว่องไวยิ่งกว่าซื่ออวิ๋น
แต่ระหว่างทางนางก็ถูกขัดขวาง
เป็นมู่เจี้ยนถิงและหลี่ชิงฮวน ทั้งคู่ไม่ได้ช่วงชิงศุภโชคแต่ตีขนาบจี้ซิงเหยาจากต่างทิศ
นัยน์ตากระจ่างของจี้ซิงเหยาหดรัด เพียงพริบตาก็มองออก เจ้าสองคนนี้เห็นชัดว่าร่วมมือกับซื่ออวิ๋นอยู่ก่อนแล้ว ให้ซื่ออวิ๋นไปชิงศุภโชค ส่วนพวกเขารับหน้าที่ขวางคนอื่น!
“ลงมือ!”
แต่จี้ซิงเหยาไม่ลนลาน มุมปากกลับปรากฏความเยียบเย็น
เมื่อนางเอ่ยปาก ลั่วเจียที่ยืนนิ่งมาตลอดเงาร่างพลันวาบไหว เคลื่อนย้ายกลางอากาศดุจหงส์เซียนทะยานนภา พุ่งจากด้านหลังเข้ามาขัดขวางซื่ออวิ๋น!
เห็นชัดว่าจี้ซิงเหยาและลั่วเจียก็แอบร่วมมือกัน
การเปลี่ยนแปลงไม่คาดฝันเกิดขึ้นต่อเนื่องไม่หยุด สามารถทำให้ใครก็ตามตกตะลึงอ้าปากค้าง ใครเล่าจะคาดคิด เหล่าบุคคลแห่งยุคต่างเลือกร่วมมือกันโดยไม่ได้นัดหมาย?
เท่านี้ก็เห็นแล้วว่าสถานการณ์ล่อแหลมเกิดคาดระดับใด หากพลาดเพียงก้าวก็มีโอกาสพบจุดจบ ร่างแหลกกระดูกป่น กายสิ้นมรรคสลาย!
ตอนที่ 915 การประลองแห่งยุค
ตูม!
แจกันวิเศษหยกขาวที่ลั่วเจียเรียกมามีแสงศักดิ์สิทธิ์สีเงินบาดตาพรั่งพรู ประหนึ่งธารดาราไหลบ่าลงมา ความน่าหวาดกลัวแห่งอานุภาพทำเอาซื่ออวิ๋นหน้าเปลี่ยนสี จำต้องทิ้งศุภโชคหันมาโต้กลับ
ฟุ่บ!
ขณะเดียวกัน บุคคลแห่งยุคอย่างพวกมู่เจี้ยนถิงออกเคลื่อนไหว ต่างหมายฉวยโอกาสชิงศุภโชคอันดับหนึ่งบนโต๊ะ
ทันใดนั้นทั่วบริเวณโกลาหล เกิดการสู้รบพัลวันดุเดือดหาใดเปรียบ
รุนแรงและอลหม่านเหลือประมาณ บุคคลแห่งยุคมากมายไม่เพียงต่างสำแดงความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุด ยังลอบสร้างพันธมิตร ทำให้สถานการณ์ไม่น่าไว้ใจและล่อแหลมอันตราย
แต่หากกล่าวถึงความดุเดือดเลือดพล่าน ต้องยกให้การประลองของหลินสวินและอวี่หลิงคง
ทั้งคู่ต่างปรากฏไอสังหาร หมายฆ่าอีกฝ่ายโดยเร็ว ทันทีที่เปิดศึกก็ใช้กระบวนท่าสังหารแล้ว
ผู้แข็งแกร่งอื่นแม้กำลังต่อสู้ชุลมุน แต่เมื่อเห็นว่าไม่อาจชิงศุภโชคอันดับหนึ่งในทันที ล้วนต่างระวังตัว ออมแรงไว้อยู่บ้าง ด้วยห่วงว่าจะเกิดเรื่องอย่างการถูกมือที่สามชุบมือเปิบหลังต่อสู้กันจนบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย
เมื่อเห็นการประลองของหลินสวินและอวี่หลิงคงกับตา ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยแทบอยากให้ทั้งคู่สู้กันจนตายไปข้าง บาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ครืน…
ระหว่างทั้งคู่ แสงศักดิ์สิทธิ์ครวญคร่ำ พลังเจตจำนงแห่งมรรคแผ่คลุม โรมรันห้ำหั่น เปิดฉากการประลองแห่งยุค
“เทพมารหลินอะไรกัน ไม่เห็นจะแน่เท่าไหร่!” อวี่หลิงคงส่งเสียงเฉยชา อำมหิตไร้ปรานีดุจเซียนกระบี่ไร้เทียมทาน กระบี่มรรคสว่างดุจหิมะทะลวงเมฆา ฟันแสงกระบี่บาดตาลงมา
แสงกระบี่นั้นเปี่ยมเจตจำนงแห่งมรรคลุ่มลึก เผยปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่น่ากลัวถึงขีดสุด ตัดเส้นผมหลินสวินออกมา ทำผิวหนังแสบร้อน
หลินสวินใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งเคลื่อนหลบการจู่โจม ควบคุมดาบหักสำแดงศาสตร์ลับแห่งหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้า สะท้านกลับหนักหน่วง
ที่แห่งนี้ปราณกระบี่โลดแล่นไปทั่ว แสงดาบตัดสลับ สั่นสะท้านฟ้าดิน
ผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งละแวกใกล้เคียงล้วนจำต้องถอยหนี เพราะการปะทะเช่นนี้สะเทือนใต้หล้าเกินไป อาจถูกลูกหลงได้
ตูม!
ขณะเดียวกันหลินสวินเผยเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ พุ่งทะยานเข้าไป พลังหมัดเรียบง่ายดุจว่างเปล่า ส่องประกายลานตา พุ่งเข้าหาอวี่หลิงคงอย่างดุดันหาใดเปรียบ ไม่มีสิ่งใดไม่ทลาย
อวี่หลิงคงนัยน์ตาฉายแววเจิดจ้า คล้ายหยามเหยียดอย่างที่สุด ไม่หลบหนีแต่ปะทะเข้าไป
ฝ่ามือเขาดั่งคมดาบ ฟาดผ่าฉับพลัน
ฟุ่บ!
ดาบฝ่ามือสีม่วงโฉบออกมา บ้าบิ่นน่าหวาดกลัว ส่องแสงมรรคชวนประหวั่น
ผู้แข็งแกร่งมากมายที่อยู่ใกล้เคียงในใจสั่นสะท้าน สายตาถูกดึงดูด ตระหนักได้ว่านี่คือวิชามรรคอย่างหนึ่ง น่าสะพรึงไร้ขอบเขต
ดาบแสงม่วงมังกรโลกันตร์!
ท่ามกลางความเลือนราง ประดุจมีมังกรฟ้าสีม่วงตัวหนึ่งทะยานจากขุมนรกโลกันตร์ แผดเสียงมังกรคำราม สลัดพันธนาการฟ้าดิน กรงเล็บมังกรกุมภูผาธารา พลานุภาพสะท้านทั่วสรรพทิศ
นี่คือวิชาลับที่สืบทอดในตระกูลอวี่ ผสานมหามรรคมังกรศึกและคัมภีร์ยอดมังกรม่วงอย่างสมบูรณ์แบบ รวมเป็นวิชามรรคไร้เทียมทานนี้
บัดนี้ทันทีที่สำแดงกระบวนท่า แสงม่วงทะลวงเมฆาเผยลักษณ์มังกรทะยานฟ้า สะท้านทุกผู้คนโดยพลัน
หลินสวินนัยน์ตาหดรัด รับรู้ถึงความน่ากลัวของการโจมตีนี้ เห็นชัดว่าคู่ต่อสู้มีความรู้ในวิถียุทธ์เหนือธรรมดา วิถีกระบี่ไม่เพียงน่าอัศจรรย์ ยังครองวิชามรรคชั้นยอดมากมาย
ระยะห่างประชิดเกินไป ไม่อาจหลีกหลบโดยสิ้นเชิง
ก็เห็นทั่วร่างหลินสวินส่งเสียงกัมปนาท ระเบิดพลังเจตจำนงแห่งมรรคไร้สิ้นสุดมาต้านทาน
เพียงชั่วพริบตา ในพลังหมัดของเขาโคจรความเร้นลับแห่งเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ทั้งมวล อานุภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
ตูม!
ห้วงอากาศดั่งผืนผ้าที่ไม่อาจทานทน ถูกฉีกกระชากทรุดลงฉับพลัน เสียงครวญคร่ำอึกทึกกึกก้อง ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยหน้าเปลี่ยนสี ถอยหลบอีกครา
การปะทะครั้งนี้น่าตกตะลึงและน่าหวาดกลัวเกินไป แค่เพียงกลิ่นอายก็ชวนให้รู้สึกใจสั่นระรัว ขนพองสยองเกล้า
แม้แต่พวกจี้ซิงเหยา ลั่วเจียล้วนเผยสีหน้าตระหนก ในฐานะผู้ดำรงอยู่ในระดับเดียวกัน พวกนางสัมผัสได้ว่าอานุภาพของการโจมตีบรรลุถึงขั้นยอดมกุฎแล้ว!
ในระดับกระบวนแปรจุติ นี่คือการประลองชั้นยอดแห่งยุคสมัยโดยไม่ต้องสงสัย เป็นตัวแทนของระดับสูงสุดที่ผู้ฝึกปราณรุ่นเดียวกันสามารถบรรลุถึง
ในที่นั้นหลินสวินและอวี่หลิงคงต่างถอยร่น ฝ่ายแรกร่างซวนเซ ผิวสั่นสะท้านเล็กน้อย ฝ่ายหลังผมดำแผ่สยาย บนหน้าหล่อเหลางามสง่าแดงเรื่อเลือดลมตีกลับ
เห็นชัดว่าการปะทะครั้งนี้ไม่มีใครได้เปรียบ
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ยังพาให้สั่นสะท้าน เทพมารหลินแข็งแกร่งถึงขั้นสามารถต่อกรกับอวี่หลิงคงแล้วหรือ
นี่ทำให้ผู้คนยากจะเชื่อ!
ดาบแสงม่วงมังกรโลกันตร์พลังสังหารน่าทึ่งยากป้องกัน แต่คราวนี้กลับถูกหลินสวินสยบคลี่คลาย นี่น่าตกตะลึงยิ่งนัก
แต่ไม่ว่าสำหรับหลินสวินหรืออวี่หลิงคง การประลองครั้งนี้ต่างทำให้พวกเขาประหลาดใจสงสัย ต่อมาไอสังหารภายในใจพลันเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม
ฟุ่บ!
กลางนภากาศ กระบี่มรรคและดาบหักยังประชันขันแข่ง แต่อวี่หลิงคงกลับชิงลงมือก่อน เงาร่างดุจศรพ้นเกาทัณฑ์ ระเบิดแสงมรรคศักดิ์สิทธิ์สีม่วง รวบนิ้วกำหมัดโจมตีลงมาจากกลางเวิ้งฟ้า
พริบตานั้นเขาสำแดงวิชามรรคไร้เทียมทานอีกอย่าง พลังหมัดห้อมล้อมอสนีสีม่วงส่องสว่าง ทลายแหวกห้วงอากาศ ไอสังหารสะเทือนใต้หล้า
นี่…
ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยอ้าปากค้าง
“หมัดสยบอัมพรม่วง!” ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะต่างฮึกเหิม แววตาเผยความชื่นชม
นี่คือยอดวิชามรรคของแดนพิสุทธิ์อมตะ หลอมเจตจำนงแห่งมรรคอสนีม่วงไว้ในพลังหมัด มีพลังทำลายล้างทะลวงหยินหยาง ดับทำลายสรรพวิญญาณ
เหล่าผู้กล้าใจสั่นสะท้าน อวี่หลิงคงน่ากลัวเกินไปแล้ว เบื้องลึกเบื้องหลังน่าอัศจรรย์ดังคาด!
ไม่ว่าดาบแสงม่วงมังกรโลกันตร์หรือหมัดสยบอัมพรม่วง ล้วนแต่เป็นวิชามรรคยิ่งใหญ่เหนือกาลเวลา เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน บุคคลแห่งยุคทั่วไปครอบครองเพียงหนึ่งก็สามารถผงาดเหนือโลกหล้าแล้ว
แต่บัดนี้ล้วนถูกอวี่หลิงคงยึดกุม ด้วยเหตุนี้จึงเห็นได้ถึงความน่าสะพรึงของอวี่หลิงคง
ตูม!
ห้วงอากาศทรุดตัวลง แปรปรวนแตกซ่าน ทั่วร่างอวี่หลิงคงแสงม่วงแผ่ปกคลุม พลังหมัดห้อมล้อมด้วยแสงอสนีคดโค้งเป็นประกาย พิฆาตหลินสวินจากเบื้องบน
แข็งแกร่ง
ดุดัน
ผงาดผยอง!
นัยน์ตาดำของหลินสวินเยียบเย็น ก้าวออกไปหนึ่งก้าว ชือน้ำแข็งที่ขาวดุจหิมะก็ทะยานนภา ชวนประหวั่นหาใดเปรียบ ขณะเดียวกันเขายังสำแดงผนึกป้าเซี่ยและประทับปี้อั้นไปพร้อมกัน
ความเร้นลับของสองวิชาลับหลอมรวมเข้าด้วยกัน มีแก่นอัศจรรย์แห่งการผนึกสรรพสิ่ง ทั้งมีอานุภาพทลายฟ้าดิน
ยามอยู่ในเขตขีดจำกัด การฝึกยุทธ์ของเขาเกิดการแปรสภาพพลิกฟ้าพลิกดิน ยกระดับจากขั้นสูงสุดถึงขั้นสมบูรณ์ สำหรับความเร้นลับในวิชามรรคที่ตนครอบครองล้วนเข้าใจปรุโปร่งนานแล้ว ใช้ได้อย่างชำนาญ แฝงท่วงทำนองสูงสุดคืนสู่สามัญ เปลี่ยนสิ่งไร้ค่าเป็นอัศจรรย์
เสียงครืนดังสนั่น ทั้งสองประลองกันอีกครั้ง ชั่วพริบตาก็สู้กันมาแล้วกว่าร้อยกระบวนท่า ต่อมาต่างฝ่ายต่างถูกกระเทือนถอยแยกออกจากกันกลางอากาศ
ใบหน้าหมดจดของหลินสวินซีดเผือด
ส่วนอวี่หลิงคงเองก็ซวนเซโงนเงน หน้าผากเผยเส้นเลือดดำเด่นชัด
ทั้งสองต่างตกตะลึง!
เพราะพวกเขาต่างสำแดงกระบวนสังหาร แต่ผลยังสูสีอย่างคาดไม่ถึง นี่ทำให้พวกเขาต่างเปลี่ยนเป็นจริงจัง ต่างฝ่ายต่างสบตา ไอสังหารชวนประหวั่นยิ่งกว่าเดิม
“มรรคาแห่งมกุฎแม้เรียกได้ว่าราชันแห่งระดับ แต่บนหนทางนี้ เจ้าสู้ข้าไม่ได้!” หว่างคิ้วอวี่หลิงคงเปี่ยมความเย็นชาหยิ่งผยอง
ขณะกล่าว สองมือของเขาทำมุทราออกมาเป็นประทับฝ่ามือสีม่วงดูคล้ายดอกบัว แฝงท่วงทำนองแห่งมรรคแปลกประหลาด เคลื่อนกวาดออกมา
วู้ม…
ประทับฝ่ามือดั่งบรรพต ราวสามารถบดอัดสรรพสิ่ง
นี่คือยอดวิชามรรคอีกแขนง!
นามรอยประทับสมบัติสมประสงค์ แสงเรืองรองเจิดจรัส ไม่มีสิ่งใดที่ไม่อาจทำลาย
เหล่าผู้กล้าที่กำลังรบพุ่งห่างออกไปในใจสั่นสะท้านยิ่งกว่าเดิม ไม่อาจจินตนาการว่าหากตนประลองกับอวี่หลิงคงจะสามารถเป็นคู่ต่อกรเขาได้หรือไม่
เจ้าหมอนี่เรียกได้ว่าพลิกฟ้า เจิดจรัสรุ่งโรจน์!
ขณะนี้หลินสวินกลับเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบ ในใจเขาว่างเปล่าดุจโลกีย์ไม่อาจแปดเปื้อน ผ่อนคลายร่างกาย เผยความเร้นลับแห่งมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรและเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์
ทุกกระบวนท่าล้วนเรียบง่ายธรรมดา แต่กลมกลืนกับธรรมชาติ สอดคล้องกับมรรค ก่อเกิดอิทธิพลยิ่งใหญ่แห่งฟ้าดิน
ทั้งคู่ห้ำหั่นกันอีกครั้ง ห้วงอากาศ ณ ที่นั้นอลหม่าน ปรากฏลักษณ์ประหลาดสะเทือนใต้หล้านานัปการ สั่นสะท้านจิตใจคน
“ไม่มีทาง!”
อวี่หลิงคงในใจเดือดดาล ต่อสู้มานานแต่ไม่อาจเผด็จศึก ทำเอาเขารู้สึกเสียหน้า แค่เด็กหนุ่มจากโลกชั้นล่างคนหนึ่งเท่านั้น แต่กลับต่อสู้กับเขาได้ถึงป่านนี้ หากแพร่งพรายออกไปผู้คนจะคิดอ่านเยี่ยงไร
ตูม!
แค่ชั่วพริบตาเขาเผยวิชามรรคนานัปการ ทั่วร่างถูกแสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงอบอวล มีท่วงท่าแหวกสังหารทศทิศ กวาดล้างเก้าชั้นฟ้า
อวี่หลิงคงที่เดือดดาลพลังอำนาจชวนประหวั่นยิ่งกว่าเดิม ประดุจเทพเซียนจากสวรรค์ พลานุภาพครอบคลุมทั่วบริเวณ ไม่มีสิ่งใดเทียบเทียม
แต่ขณะเดียวกัน พลังทั่วร่างหลินสวินก็เกิดการเปลี่ยนแปลง โคจรวิชาลับโทสะหยาจื้อ พลังต่อสู้พลันทะยานขึ้นอีกช่วงใหญ่!
พริบตานั้นทั้งตัวเขาประดุจเตาหลอมผลาญพิภพ กดกำราบลงมา ทำลายแนวป้องกันของอวี่หลิงคงอย่างแกร่งกร้าว
ปึง!
แขนขวาอวี่หลิงคงชาไปหมด แม้ต้านทานการโจมตีได้ แต่อาภรณ์ช่วงแขนกลับแหลกกระจุยฉับพลัน พื้นผิวทุกอณูฉีกขาดหลั่งโลหิต เจ็บปวดสาหัสยากอธิบาย แขนขวาเกือบแหลกละเอียด!
ผู้แข็งแกร่งคนอื่นต่างตกตะลึง เทพมารหลินถึงกับทำอวี่หลิงคงบาดเจ็บก่อน?
ตั้งแต่เริ่มเปิดศึก การต่อสู้ระหว่างทั้งคู่พอฟัดพอเหวี่ยงสูสีกันตลอด แต่ทว่ามาบัดนี้ กลับเป็นเทพมารหลินที่ชิงขึ้นนำ ทำร้ายอวี่หลิงคงบาดเจ็บ!
แม้เป็นการบาดเจ็บแค่ผิวเผิน ไม่อาจกระทบพลังต่อสู้ของอวี่หลิงคงได้ แต่กลับเผยให้เห็นว่าในการต่อสู้นี้เทพมารหลินได้เปรียบอยู่เสี้ยวหนึ่ง
นี่ทำให้ผู้คนยากจะเชื่อยิ่งกว่าเดิม
อวี่หลิงคงมีชาติกำเนิดจากตระกูลอริยะ ฝากตนเป็นศิษย์แดนพิสุทธิ์อมตะ ตั้งแต่เด็กก็ครองมหาโชคเจิดจรัสรุ่งโรจน์ ฝึกปราณถึงบัดนี้ไม่เคยพ่าย ประหนึ่งเทพปกรณัมไร้คู่ต่อกร
แต่สำหรับเทพมารหลิน กลับมาจากโลกชั้นล่างที่แร้นแค้นเกินทน ไร้ที่พึ่งพิง ไร้สำนักไร้สังกัด โดดเดี่ยวตัวคนเดียว กล่าวถึงฐานะ ตำแหน่ง ชาติกำเนิด ล้วนไม่อาจเทียบอวี่หลิงคงอยู่โข เรียกได้ว่าฟ้ากับเหว
แต่ตอนนี้กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น!
นี่จะไม่ให้ผู้คนตกตะลึงได้อย่างไร
แม้แต่จี้ซิงเหยาและลั่วเจียเองในใจต่างสะเทือนรุนแรง
“เจ้าทำข้าหลั่งโลหิต?”
อวี่หลิงคงคล้ายยากจะเชื่ออยู่บ้าง ต่อมาสีหน้าเขาเย็นชายิ่งกว่าเดิม เห็นชัดว่าเดือดดาลถึงที่สุด ผมดำทั้งศีรษะสยายพลิ้ว แหงนหน้าแผดคลื่นเสียงดั่งฟ้าคำราม สะเทือนจิตวิญญาณจนสั่นระรัว
เพียงชั่วพริบตา ลักษณะพลังเขาแปรเปลี่ยนอีกครา นัยน์ตาทั้งคู่กลายเป็นสีทองอร่าม รอยสลักลึกลับอัศจรรย์ชวนประหวั่นทะลึกล้น
ตูม!
รอบกายเขาปรากฏป้ายหินสีดำหกหลัก พื้นผิวต่างสลักลายมรรคสีทองที่บิดเบี้ยวแปลกประหลาด ทันทีที่ปรากฏออกมา กลิ่นอายน่าสะพรึงกดดันฟ้าดินก็ตลบอบอวล
“ศิลาผนึกมารหกประสาน!”
จี้ซิงเหยานัยน์ตาหดรัด นี่คือสมบัติโบราณที่แปลกประหลาดและน่ากลัวชุดหนึ่ง ครอบคลุมทั่วทิศ ได้รับการกล่าวขานว่าสามารถล้อมสังหารหมื่นวิญญาณ
ผู้แข็งแกร่งคนอื่นพลันหวาดผวา จิตวิญญาณต่างรู้สึกกดดัน แม้พวกเขาไม่รู้ความเป็นมาของศิลาผนึกมารหกประสานนี้ แต่สามารถตัดสินได้ว่าอานุภาพของมันต้องน่ากลัวเหนือจินตนาการแน่!
ตอนที่ 916 อริยะมายา
“เฉือน!”
แทบจะในชั่วขณะที่อวี่หลิงคงใช้ศิลาผนึกมารหกประสาน หลินสวินพลันตะโกนก้อง ก็เห็นกลางห้วงอากาศดาบหักขาวเจิดจ้าระเบิดแสงโชติช่วง สำแดงนัยเร้นลับแห่งกระบวนเฉือนเผาตะวัน
กระบี่มรรคเล่มนั้นถูกผ่าเป็นสองท่อนในชั่วพริบตา เสียงเคร้งดังสนั่น ร่วงหล่นลงพื้นดิน
เฮือก!
เสียงสูดหายใจดังก้องกลางที่นั้น
ไม่ต้องสงสัย ดาบหักนั่นคือศาสตราจิตแห่งยุค แม้แต่กระบี่มรรคของอวี่หลิงคงยังถูกหักสะบั้น คมกริบไร้ขอบเขต
สีหน้าอวี่หลิงคงเฉยชายิ่งกว่าเดิม แต่เขาไม่สนใจไยดี ป้ายหินสีดำหกหลักที่ลอยอยู่รอบกายระเบิดลายมรรคสีทองออกมา ถักทอกลางอากาศ บดอัดครืนสนั่นทั่วทิศ
หลินสวินควบคุมดาบหักเข้าต้านทาน ทั้งสองปะทะกัน เกิดเสียงโลหะกระทบเสียดหูหาใดเปรียบ พาให้จิตวิญญาณของทุกผู้คนเจ็บปวดเป็นระลอก
ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดต่างเผยสีหน้าจริงจัง ทั้งสองปะทะกันจนถึงตอนนี้เปลี่ยนความสามารถการศึกไม่หยุด พลานุภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกการโจมตีล้วนเรียกได้ว่าสะเทือนใต้หล้า ชวนให้รู้สึกสะท้าน
ไม่ต้องสงสัยแม้แต่น้อย ในระดับกระบวนแปรจุติทั้งคู่ต่างเค้นศักยภาพแฝงของตนออกมาถึงที่สุด ก้าวสู่มกุฎมรรคาอันแข็งแกร่งที่สุดแล้ว เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของระดับ
การปะทะคราวนี้ หลินสวินถูกบีบจนถอยร่นฝีเท้าซวนเซ ศิลาผนึกมารหกประสานนั่นเปี่ยมพลังพิฆาตน่าหวาดหวั่น เทียบกับยอดศาสตรามรรคราชันแล้วแกร่งกว่าอยู่บ้าง
อวี่หลิงคงเองก็ดูทุลักทุเลเช่นกัน ดาบหักแหลมคมหาใดเปรียบ มีอานุภาพทำลายทุกสิ่ง ทำให้บนร่างเขามีรอยเลือดทิ้งไว้หลายรอย โลหิตแดงสดแผ่ซึม
ทั้งสองต่างบาดเจ็บ!
แต่พลังของทั้งคู่ยิ่งน่ากลัวกว่าเดิม รบพุ่งกันอีกครั้งราวภูเขาไฟสองลูกกำลังปะทุ สารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณทั่วร่างพลุ่งพล่าน กลายเป็นแสงสว่างชวนประหวั่น
พวกเขาบุกตะลุยโรมรัน ต่างฝ่ายต่างเผยวิชาไร้เทียมทาน ประหนึ่งเทพและมารที่แท้จริงกำลังชิงชัย ทำเอาลมเมฆเปลี่ยนสี ห้วงอากาศครวญคร่ำ
เหล่าผู้กล้ายังต่อสู้ชุลมุน แต่จิตใจต่างถูกการต่อสู้นี้ชักนำให้ออมแรง พวกเขาต่างรู้ว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อย่าคิดแค่เพียงช่วงชิงศุภโชคอันดับหนึ่งอย่างเดียว
ไม่ว่าใครไปแย่งชิง ก็ต้องพบเจอการจู่โจมเต็มกำลังของผู้อื่น!
“ฮึ!”
สีหน้าอวี่หลิงคงอึมครึมอยู่บ้าง ป้ายหินสีดำหกหลักลอยคว้างกลางอากาศกดกำราบต่อเนื่อง โชติช่วงไร้จำกัด
แต่สุดท้ายยังไม่อาจพิฆาตหลินสวิน
นี่ทำให้อวี่หลิงคงจำต้องรับความจริง ว่าในระดับกระบวนแปรจุตินี้ แม้ตัวเขาหยิ่งทะนงเชื่อมั่น แต่ก็จำต้องยอมรับว่าคู่ต่อสู้มีรากฐานและพลังต่อสู้ที่ไม่ด้อยไปกว่าเขาโดยสิ้นเชิง!
‘เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว…’ อวี่หลิงคงแววตาเยียบเย็นและล้ำลึก
หากการต่อสู้ยืดเยื้อต่อเนื่อง แม้สุดท้ายสามารถสังหารศัตรู แต่คงเสียโอกาสดีในการชิงศุภโชคอันดับหนึ่งนั่น
กระทั่งเป็นไปได้สูงว่าจะถูกผู้แข็งแกร่งอื่นตัดหน้า!
ตูม!
แค่ชั่วพริบตา ทั้งตัวอวี่หลิงคงเปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์ มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์โหมปล่อยเต็มกำลัง แสงอัศจรรย์ทั่วร่างไหลบ่าดั่งน้ำตก นัยน์ตาทองอร่ามสาดแสงรอยสลักลับ
ห้วงอากาศรอบตัวเขาต่างกำลังทรุดตัวดิ่งลง สภาพการณ์น่าพรั่นพรึง
ท่ามกลางความเลือนราง เขาประดุจเทวบุตรแห่งสวรรค์มาเยือนโลกา ผงาดง้ำใต้หล้า
ฟุ่บ!
อวี่หลิงคงเก็บศิลาผนึกมารหกประสาน เรียกกระบี่ไม้เก่าแก่คร่ำครึเล่มหนึ่งออกมา บนตัวมันยังมีร่องรอยผุพัง
แต่เมื่อกระบี่เล่มนี้ปรากฏพลันเกิดฟ้าแลบฟ้าคำราม อุบัติดาราม่วงส่องประกายมากมาย ดูประหนึ่งภาพฝันลวงตา ลอยคว้างรายรอบเรือนกระบี่ กลิ่นอายสังหารทะลวงฟ้าดินอบอวล
คราวนี้อย่าว่าแต่ผู้แข็งแกร่งอื่น แม้แต่พวกจี้ซิงเหยา ลั่วเจียเองยังไหวหวั่น นัยน์ตาฉายแววตระหนกบางๆ
กระบี่ไม้เล่มนั้นถึงกับประทับกลิ่นอายอริยะเสี้ยวหนึ่ง!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากระบี่นี้พิเศษเหนือธรรมดา เคยถูกอริยะที่แท้จริงใช้มากับมือ เจือกลิ่นอายอริยมรรค แม้แค่เศษเสี้ยวแต่ก็สามารถทำให้คนตกตะลึงแล้ว
“คิดไม่ถึงว่ามดปลวกจากโลกชั้นล่างอย่างเจ้ากลับมีพลังต่อสู้เช่นนี้ ทำให้ข้าเกินคาดหมายจริงๆ” อวี่หลิงคงเอ่ยปากเย็นชา
นี่คือการยอมรับต่อหน้าธารกำนัลโดยไม่ต้องสงสัย ว่าหลินสวินมีความสามารถใกล้เคียงกับเขาจนน่าตะลึง
“มดปลวก? แม้แต่มดปลวกอย่างข้ายังคว่ำไม่ได้ เจ้าล่ะนับเป็นตัวอะไร” หลินสวินไม่ถอยหลบแม้แต่น้อย ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
“ความอดทนของข้าถูกใช้หมดแล้ว ไม่มีเวลามาร่ำไรกับเจ้า ตอนนี้จะฆ่าเจ้าซะ ให้เจ้าเข้าใจเองว่าความต่างระหว่างเจ้ากับข้ามันมากเพียงใด!” สีหน้าอวี่หลิงคงเย็นชาอำมหิตยิ่งกว่าเดิม
กระบี่ของเขาทะลวงแหวกดังตูม อสนีบาตถักทอ แสงศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่ง ในคมกระบี่ปรากฏอริยะมายาร่างกำยำร่างหนึ่ง
คนผู้นี้เคร่งขรึมมีสง่า เลือนรางเหลือประมาณ ประหนึ่งภาพมายา แต่พลังที่แผ่ออกมากลับน่าหวาดกลัวชวนตระหนก ทันทีที่ปรากฏฟ้าดินพลันครวญคร่ำราวกำลังสวามิภักดิ์
เมื่อเห็นภาพนี้ทุกคนต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง สั่นสะท้านหาใดเปรียบ สายสนกลในอวี่หลิงคงไม่พลิกฟ้าไปหน่อยหรือ ถึงกับใช้วิชาต้องห้ามบางประการ สร้างมายาอริยบุคคลในการโจมตีเดียว!
“นี่ก็คือระยะห่างของเจ้ากับข้า หากใช้วิธีนี้แต่แรก คิดหรือว่าเจ้าจะสามารถยืดหยัดถึงป่านนี้”
อวี่หลิงคงสีหน้าเยียบเย็น เฉยเมยราวสูงส่งเหนือผู้อื่น
นี่คือหนึ่งในความสามารถก้นกรุเขา ที่ผ่านมาแทบไม่เคยใช้ เพราะอาศัยเพียงพลังต่อสู้ของเขาก็แทบไร้คู่ต่อกรแล้ว
แต่บัดนี้เพื่อสังหารหลินสวิน เขาจึงต้องนำออกมาใช้
“ยืมพลังที่ไม่ใช่ของตนมาสังหารข้า เจ้ายังมีหน้ามาพูดออกมา” ทั่วร่างหลินสวินเปล่งประกาย ภายในร่างเขาเจตจำนงแห่งมรรคอันคลุมเครือน่าประหวั่นไหลพุ่ง ทำให้ทั้งตัวเขาประหนึ่งกลายเป็นหุบเหวลึกยากหยั่งถึง
“นี่คือ?” ผู้แข็งแกร่งมากมายใจสั่นระรัว เจตจำนงแห่งมรรคทั่วร่างหลินสวินล้ำลึกโหมกระหน่ำ ประดุจหลุมดำธารดารา ราวสามารถดูดกลืนสรรพสิ่ง
“อวี่หลิงคงใช้ไพ่ตายแล้ว เขาจะไม่คิดใช้ไพ่ตายของตนเชียวหรือ หรือว่าในมือเขาไม่มีไพ่ตายอะไรแต่แรก” มีผู้แข็งแกร่งไม่น้อยประหลาดใจสงสัย
ลือกันว่าเทพมารหลินครองศุภโชค ยึดกุมสมบัติอริยะ แต่จวบจนบัดนี้ก็ไม่เคยสำแดงออกมา ทำให้ผู้คนไม่อาจไม่คลางแคลง
ตูม!
อริยะมายาปรากฏกลางคมกระบี่ สยบพิฆาตออกมา น่าพรั่นพรึงล้นฟ้า
เพียงชั่วพริบตา ทั้งตัวหลินสวินถูกเจตกระบี่แสงอริยะไร้สิ้นสุดฝังกลบสิ้น
เทพมารหลินจบเห่แล้วหรือ
ในใจทุกคนกระเพื่อมไหว กระบี่นั้นน่ากลัวเกินไป อริยะมายาประดุจก้มมองโลกหล้า มีอานุภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ทำให้ผู้คนมองจากไกลๆ ยังสัมผัสถึงความกดดันและน่าหวาดผวาหาใดเปรียบ
บัดนี้หลินสวินล้วนไม่ทันได้ขัดขืน เงาร่างก็ถูกฝังกลบ จนผู้คนไม่อาจไม่สงสัยว่าเขาคงประสบเคราะห์ถึงแก่ความตายไปแล้ว
‘เป็นไปได้อย่างไร…’ ไป๋หลิงซีเม้มปากแดงอวบอิ่มแน่น ในใจปรากฏความกังวลเหลือจะเอ่ย หลายครั้งที่คิดอยากขัดขวางและช่วยเหลือ
‘ในที่สุดเจ้าหมอนี่ก็ประสบเคราะห์’ พวกมู่เจี้ยนถิง หลี่ชิงฮวนต่างแอบเป่าปากโล่งอก พวกเขาเคยรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของหลินสวิน หากหลินสวินรอดชีวิตต่อไป คงทำให้พวกเขากินไม่ได้นอนไม่หลับแน่
“ก็บอกแล้วว่าเทพมารหลินมันไม่เท่าไหร่ ไม่คู่ควรแม้แต่จะสวมรองเท้าให้ศิษย์พี่อวี่ด้วยซ้ำ!” ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะสองคนนั้นยิ้มเยาะ
นัยน์ตากระจ่างของจี้ซิงเหยามีประกายแวววาวไหลเคลื่อน กำลังจับจ้องการต่อสู้เขม็ง เท่าที่นางรู้เจ้าคนต่ำช้าไร้ยางอายนั่นไม่มีทางถูกสังหารง่ายดายเช่นนี้
ดังคำว่าคนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจากมุมมองจี้ซิงเหยา เจ้าระยำไร้ยางอายหลินสวินนี่แหละตัวหายนะ!
เวลานี้อวี่หลิงคงแอบเป่าปากโล่งอกอยู่ในใจ นี่คือไพ่ตายของเขา แต่เมื่อสำแดงออกมาก็ผลาญพลังกายเขาไปไม่น้อย ยังดีที่คุ้มค่าแก่การทุ่มเท อีกฝ่ายคงไม่พ้นเคราะห์แน่!
ตูม!
ทว่ายังไม่รอให้อวี่หลิงคงยินดี ในบริเวณนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
หลินสวินที่ถูกอริยะมายาฝังกลบ กำลังสลายและบีบทำลายพลังของเขาอย่างรวดเร็ว พลังอริยะมายานั่นน่าหวาดกลัวเพียงใด เจือกลิ่นอายอริยะเสี้ยวหนึ่ง แต่เมื่อสัมผัสร่างหลินสวินกลับถูกลบล้างอย่างน่าประหลาด
ครืนๆ…
อริยะมายาเริ่มสั่นคลอนรุนแรง กลิ่นอายอริยะทั่วร่างกำลังพังทลายและหม่นมัวต่อเนื่อง
ทุกคนที่เดิมคิดว่าหลินสวินต้องประสบเคราะห์ต่างอึ้งงัน สั่นสะท้านสุดขีด แม้แต่สิ่งนี้ก็ไม่อาจกำราบเทพมารหลินหรือ
นั่นน่ะคือกลิ่นอายอริยมรรค เพียงเศษเสี้ยวก็ไม่อาจทัดเทียมแล้ว มีอานุภาพน่าสะพรึงกลัว แต่กลับถูกหลินสวินต้านทานเอาไว้ ซ้ำยังถูกคลี่คลายต่อเนื่อง!
‘เขายังคงเป็นเขา ไม่เคยเปลี่ยน…’ ใจที่หวั่นวิตกของไป๋หลิงซีผ่อนคลายลง รู้สึกถึงความฮึกเหิมและเบาใจอย่างไม่เคยมีมาก่อน เนตรดาราส่องสกาวเปล่งประกาย วาวระยับท่วมท้น
‘พลังมหามรรคที่ชวนประหวั่นน่าอัศจรรย์!’ แต่คนอย่างจี้ซิงเหยาและลั่วเจียต่างตกตะลึงกับพลังมหามรรคที่หลินสวินเผยออกมา ใจสั่นระรัวอย่างยากอธิบาย
อีกฟากหนึ่งอวี่หลิงคงสีหน้าพลันอึมครึม เขาตกตะลึงเช่นกัน ยากจะเชื่ออยู่บ้าง ไพ่ตายเช่นนี้แม้แต่เขายังไม่กล้ารับรองว่าสามารถต้านทานได้ แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินสลายไป!
เขาไม่อาจยอมรับ พุ่งทะยานออกไป ร่างส่องประกายเจิดจรัสลานตา
แม้เสียความได้เปรียบ พลานุภาพที่อวี่หลิงคงเผยออกมาก็ยังคงเจิดจ้าหาใดเปรียบ ประหนึ่งเทวบุตรซึ่งเกิดมาสืบสานโชคชะตาฟ้าดิน องอาจดั่งมีเพียงตนที่ประเสริฐสุด
“ตายซะ!” เขาตวาดลั่นราวเสียงฟ้าร้องกัมปนาท
“ตอนนี้ถึงตาข้าแล้ว” นัยน์ตาดำของหลินสวินวาบแสงอสนี อานุภาพชวนตระหนก เขาพุ่งทะยานขึ้นมา พลังหมัดปะทุเปล่งประกายโชติช่วง
ตูม!
อวี่หลิงคงยื่นมือคว้าจับ บดพลังหมัดแหลกละเอียด เวลานี้เขาใช้ความสามารถนานัปการ ไม่คิดล่าช้าอีก หวังเพียงพิฆาตหลินสวินโดยเร็ว แสวงหาศุภโชคอันดับหนึ่ง
วู้ม… คลื่นผันผวนชวนประหวั่นปรากฏ เหนือศีรษะเขาอุบัติตำหนักสำริดโบราณแปลกประหลาด บนตำหนักสลักกฎเกณฑ์อริยมรรคปริศนา สะท้อนภาพสลักลับอย่างการเซ่นไหว้บรรพชน เทพธรรมบาลกรำศึกเป็นต้น
ตำหนักอมตะ!
ยอดสมบัติอริยมรรคแห่งแดนพิสุทธิ์อมตะ!
เพียงชั่วขณะ แท่นมรรคแห่งนี้เริ่มโอนเอนสั่นครืน ผู้แข็งแกร่งคนอื่นสีหน้าแปรเปลี่ยนยกใหญ่ ทยอยถอยหลบไปเบื้องหลังโดยแทบไม่สนการต่อสู้
ใครต่างคาดไม่ถึง เพื่อจัดการหลินสวิน อวี่หลิงคงถึงกับใช้สมบัติอริยะโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด!
ไม่ต้องสงสัยว่าอวี่หลิงคงหมายสังหารโดยสมบูรณ์ ต้องการกำจัดหลินสวินในคราเดียวเพื่อจบการต่อสู้นี้
ตูม!
กลิ่นอายน่าหวาดกลัวตลบอบอวล ตำหนักอมตะมีกฎเกณฑ์อริยมรรคไหลเวียน ประดุจจอมบงการ คล้ายจะหยัดทะลวงฟ้าดินแถบนี้ อานุภาพนั้นทำให้ทุกคนต่างหายใจติดขัด น่าสะพรึงและสูงส่งเกินไปแล้ว
สมบัติอริยะ!
มีหรือจะเป็นสิ่งที่ของทั่วไปสามารถทัดเทียมได้
หากถูกใช้ในมืออริยะล้วนเพียงพอทลายฟ้ามลายดิน จู่โจมสังหารผีสางเทวดา กำจัดโลกหล้าฟากหนึ่งในชั่วพริบตา!
สมบัติเช่นนี้สามารถเรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในยุคปัจจุบัน และ ‘ตำหนักอมตะ’ นี่ก็เรียกได้ว่าเป็นยอดในหมู่สมบัติอริยะ มีอานุภาพอย่างคาดไม่ถึง
“หลินสวิน ตอนนี้เจ้าจะเอาอะไรมาสู้ข้า!?”
อวี่หลิงคงสีหน้าเยียบเย็น ผมยาวของเขาแผ่สยาย ในดวงตาพวยพุ่งรุ้งเทพ เหนือศีรษะตำหนักอมตะลอยเด่น พลังอำนาจทั่วร่างยิ่งใหญ่ สะท้านทุกผู้คน
ตอนที่ 917 ต้านสมบัติอริยะ
วู้ม…
ตำหนักอมตะลอยเด่น กฎเกณฑ์อริยมรรคชวนประหวั่นอบอวล คลื่นผันผวนนั้นสูงส่งเกินไป ทำเอาทุกคนต่างรู้สึกใจสั่นระรัวปิ่มจะหายใจไม่ออก
อวี่หลิงคงในตอนนี้ประหนึ่งราชันเทพกลับชาติมาเกิด เกริกก้องจักรวาล กลายเป็นศูนย์กลางเพียงหนึ่งเดียวของทุกผู้คน
ทุกคนต่างรู้สึกซับซ้อนในใจ เผยความหวาดกลัวหาใดเปรียบ นี่คือตำหนักอมตะ สมบัติอริยะซึ่งเปี่ยมสีสันแห่งตำนาน ตั้งแต่สมัยบรรพกาลก็ครองกิตติศัพท์สะท้านโลกา
เล่าลือว่าหากสมบัตินี้ถูกใช้โดยอริยะ พลังเพียงเศษเสี้ยวล้วนสามารถทำลายฟ้าดินสลายสรรพสิ่ง!
ใครต่างไม่คาดคิด อวี่หลิงคงไม่เพียงก้าวสู่มกุฎมรรคา ยึดกุมยอดวิชามรรคมากมาย ซ้ำในมือยังครองไพ่ตายมากขนาดนี้
กระบี่ไม้เก่าแก่ก่อนหน้าก็อานุภาพน่าพรั่นพรึงเหนือจินตนาการ อบอวลพลังอริยะเสี้ยวหนึ่ง วิวัฒน์เป็นมายาอริยบุคคล ทรงพลังอย่างยิ่ง
มาบัดนี้ แม้แต่ยอดสมบัติอริยมรรคอย่างตำหนักอมตะยังถูกเผยออกมา!
มันลอยคว้างเหนือศีรษะอวี่หลิงคง แผ่พลังกฎเกณฑ์อริยมรรค แค่คลื่นพลังนั่นล้วนทำให้ผู้คนปิ่มจะหายใจไม่ออก จะโต้กลับได้อย่างไร
เทพมารหลินต้องประสบหายนะแน่!
…
ทันทีที่สมบัติอริยะปรากฏ แม้ราชันยังต้องถอยร่น นับประสาอะไรกับหลินสวิน?
นี่คือเรื่องที่ผู้คนต่างรับรู้ ยิ่งเป็นสิ่งที่รู้ร่วมกันมาแต่โบราณ!
“ต่อให้เย้ยฟ้ายิ่งกว่านี้ก็ต้องจบเห่แน่!” ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะสองคนนั่นได้ใจขึ้นมาอีก เมื่อครู่ขณะเห็นหลินสวินสลายอริยะมายา พาให้พวกเขาตกใจสะดุ้งโหยง
แต่ตอนนี้พวกเขาไร้กังวลแม้กระผีก
เพราะนั่นคือตำหนักอมตะ!
คือสมบัติพิทักษ์สำนักของพวกเขาแดนพิสุทธิ์อมตะ!
ใบหน้างามของไป๋หลิงซีพลันเผือดสี ร่างอรชรแข็งทื่อ อารมณ์ความรู้สึกพลิกเปลี่ยน เดิมทีที่ผ่อนคลายบัดนี้กลับตึงเครียดถึงขีดสุด
‘เจ้าตัวหายนะนี่สุดท้ายก็จะตายสักที’ พวกมู่เจี้ยนถิง หลี่ชิงฮวนแววตาอำมหิต พวกเขารอคอยเวลานี้มานานแล้ว
ส่วนจี้ซิงเหยาและลั่วเจียกลับแอบเปรียบเทียบและประเมิน แต่สุดท้ายพวกนางต่างมั่นใจว่า หากหลินสวินคิดพลิกสถานการณ์ก็แทบจะไร้หนทางด้วยซ้ำ!
…
“หลินสวิน ข้าเคยบอกแล้วว่าครั้งนี้เจ้าต้องตาย!”
อวี่หลิงคงประดุจราชันเทพที่ยืนหยัดเหนือหมู่ชน ในดวงตาสาดรุ้งศักดิ์สิทธิ์อำมหิตและเย็นชา มีความเชื่อมั่นประหนึ่งครองฟ้าดิน
“น่าขัน อาศัยความสามารถของเจ้า เกรงว่าแม้แต่อานุภาพหนึ่งในหมื่นของสมบัตินี้คงไม่อาจสำแดงออกมาด้วยซ้ำ ไม่ปากเก่งไปหน่อยหรือ ใครให้ความกล้าเจ้ากัน”
ที่เกินใครคาดคือ หลินสวินในตอนนี้ยังสีหน้านิ่งสงบ ไม่มีความลนลานแม้เศษเสี้ยว มีเพียงนัยน์ตาดำขลับที่เย็นชาลุ่มลึกยิ่งกว่าเดิม
“แม้เป็นอานุภาพหนึ่งในหมื่น สังหารหนอนแมลงเช่นเจ้าก็แค่เพียงพลิกฝ่ามือ!”
อวี่หลิงคงสุขุมเยือกเย็น ตำหนักอมตะเหนือศีรษะครวญคร่ำ แผ่พลังอริยมรรคชวนประหวั่นปกคลุมตัวเขา ปกป้องเอาไว้ภายใน
ตูม!
เขาไม่ได้ล่าช้า ไม่อยากปล่อยโอกาสให้หลินสวินได้ต่อลมหายใจ ย่างก้าวไปเบื้องหน้า เริ่มสำแดงนัยเร้นลับแห่งดาบแสงม่วงมังกรโลกันตร์และหมัดสยบอัมพรม่วง
ภาพน่าอัศจรรย์พลันปรากฏ ตามการสำแดงวิชา ตำหนักอมตะส่องประกาย กระตุ้นพลังทั่วร่างเขาถึงขั้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในบัดดล
แตกต่างจากก่อนหน้าสิ้นเชิง ขณะนี้อานุภาพของอวี่หลิงคงทำเอาผู้แข็งแกร่งคนอื่นต่างรู้สึกหมดหวัง
หลินสวินมองดูภาพเบื้องหน้า มองอวี่หลิงคงเผยวิชาอัศจรรย์ มองดูคลื่นพลังของตำหนักอมตะนั่น
สีหน้าเขาเยียบเย็นและราบเรียบ จากนั้นเจดีย์สมบัติองค์หนึ่งก็ปรากฏออกมา หลั่งแสงทองอร่ามลอยเหนือศีรษะ
ทุกคนนัยน์ตาพลันหดรัด หรือนี่คือสมบัติอริยะที่หลินสวินครอบครอง
ตูม!
ทว่ายังไม่รอให้ทุกคนเห็นชัด อวี่หลิงคงก็ออกสังหาร นิ้วมือซ้ายดั่งดาบทะยาน ปลายคมกริบเรืองแสงม่วง มือขวาอบอวลอสนีบาดตา เปล่งประกายเจิดจรัส
ยอดวิชามรรคทั้งคู่สอดประสานอย่างสมบูรณ์แบบ ถูกโคจรออกมาพร้อมกัน!
เกือบจะในเวลาเดียวกัน หลินสวินก็เคลื่อนไหวเช่นกัน
ขณะนี้เขาไม่เก็บงำอันใดอีก เริ่มสำแดงวิชาอริยะยุทธ์และโคจรโทสะหยาจื้อผสานไปพร้อมกัน
ภายในร่างเขาจักระเทพส่งเสียงกึกก้อง แสงประกายเนืองแน่น ประดุจโลกฟากหนึ่งกำลังหมุนวน แก่นนัยมหามรรคที่บริสุทธิ์และเข้มข้นพรั่งพรู
สารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณทั่วร่างดุจเพลิงผลาญ ลุกโชนยิ่ง สองมือกำลังเผยเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์และมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร
แม้แต่วิญญาณแห่งพลังจิตของเขายังโคจรเคล็ดเวทบริกรรม ควบคุมดาบหักทำการจู่โจม
กลิ่นอายหลินสวินพุ่งทะยาน แค่ชั่วพริบตาอานุภาพพลันล้นฟ้า
“ฆ่า!”
ทั้งสองปะทะกัน เสียงกึกก้องสะเทือนนภา ประกายแสงสาดพุ่งเวิ้งฟ้า ประหนึ่งมหาสุริยันดวงแล้วดวงเล่าระเบิดออก ทำให้ไม่อาจมองโดยตรง เปล่งประกายเจิดจรัสเกินไป บุคคลแห่งยุคสองคนกำลังสู้สุดกำลัง ห้ำหั่นไม่คิดชีวิต!
เหนือความคาดหมายของทุกคน ขณะกฎเกณฑ์อริยมรรคชวนประหวั่นของตำหนักอมตะกดลงมา เจดีย์สมบัติเหนือศีรษะหลินสวินก็หลั่งละอองแสงแห่งอริยเทพเรืองรอง ต้านการพิฆาตของตำหนักอมตะ
เหตุเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเร็วมาก จนดวงตาผู้แข็งแกร่งมากมายเบิกโพลงยากจะเชื่อ
แม้แต่อวี่หลิงคงในใจยังสั่นสะท้าน เขาใช้ความสามารถขั้นสุด ทั้งใช้ตำหนักอมตะ เดิมคิดว่าสามารถปลิดชีพกำจัดหลินสวินได้ในคราเดียว
แต่ใครเล่าจะคาดคิดว่ายังไม่อาจสมปรารถนา!
เจดีย์สมบัตินั่นแสงทองอบอวล กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ ไหลเวียนพลังซ่อนเร้น แม้ไม่น่าพรั่นพรึงแต่ภายใต้การต่อต้านตำหนักอมตะกลับไม่ถูกกำราบ
ไม่ต้องสงสัยว่านี่คือสมบัติอริยะชิ้นหนึ่ง!
ตูม!
หลินสวินไร้หวาดเกรงสิ่งใดอีก ปลดปล่อยอย่างบ้าระห่ำ
เจดีย์สมบัติไร้อักษรถูกเขาเก็บซ่อนมาตลอด เพราะความเป็นมาของมันลึกลับน่าอัศจรรย์ ตัวเจดีย์สร้างจากเหล็กเทพศุภโชค ภายในยังซ่อนปริศนาและความลับอันยิ่งใหญ่เอาไว้
แต่เพื่อต้านตำหนักอมตะ หลินสวินก็ไม่สนใจสิ่งอื่น หลังผ่านไปเนิ่นนาน เมื่อใช้สมบัตินี้อีกครั้งก็ได้ผลอัศจรรย์ทันที
ตำหนักอมตะหาใช่ภัยคุกคามอีก ทำให้หลินสวินลงมือได้เต็มที่!
“ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องตาย!”
อวี่หลิงคงสีหน้าเปี่ยมความเย็นชาคั่งแค้น ไม่อาจสงบใจ ประหนึ่งราชันเทพบันดาลโทสะ ทั่วร่างแสงม่วงเอ่อท้น โคจรยอดวิชามรรคทั้งมวลถึงขีดสุด
ขณะเดียวกันเขาสื่อสารตำหนักอมตะ หมายทลายการขัดขวางของเจดีย์สมบัติไร้อักษร
ทว่าหลินสวินในตอนนี้ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง หากประลองพลังต่อสู้กันจริงๆ เขาไม่หวั่นเกรงใครแต่แรก!
ตูม!
ทันใดนั้นพลังหมัดของเขาซ่อนแฝง ใช้นัยเร้นลับแห่งมรรคดับดารากลืนกินในวิชายุทธ์
ไม่มีแสงอัศจรรย์เจิดจรัส และไม่มีเสียงกู่ก้องสะเทือนใต้หล้า มีเพียงกลิ่นอายแห่งความเรียบง่าย นิ่งสงบอันลึกซึ้งยิ่งยวด แต่กลับน่าสะพรึงไร้ขอบเขต พาให้คนรู้สึกใจสั่นสะท้าน
การปะทะอันน่าพรั่นพรึงสะท้อนก้องบนแท่นมรรคไม่หยุด ทำให้ทั่วบริเวณตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน รู้สึกสับสนประหนึ่งเป็นช่วงเวลาหลังการดับสลายประการหนึ่ง
ยังดีที่เกิดขึ้นที่นี่ หากเกิดขึ้นในโลกภายนอก คงก่อให้เกิดหายนะน่าสะพรึงอย่างไม่อาจคาดเดา
เพราะการต่อสู้ระดับนี้คือศึกชั้นยอดในระดับกระบวนแปรจุติ พลังที่ทั้งสองครอบครองสามารถสังหารราชันกึ่งระดับคนใดก็ได้โดยง่าย!
อวี่หลิงคงตระหนกขุ่นเคือง ไม่หยิ่งผยองและวางท่าสูงส่งดังก่อนหน้า ตำหนักอมตะถูกขัดขวาง นี่ทำให้เขายากจะเชื่อ
และความแกร่งของพลังต่อสู้หลินสวินยิ่งเกินกว่าที่เขาคาดหมาย
ทุกอย่างนี้ล้วนดั่งเหตุไม่คาดฝันที่ไม่ทันตั้งตัว ทำให้อวี่หลิงคงไม่อาจรักษาความสงบได้อีกต่อไป
แต่อย่างไรเขาก็คือบุคคลแห่งยุคซึ่งหยัดยืนเหนือเหล่าคนรุ่นเยาว์ผู้หนึ่ง แม้เผชิญเหตุไม่คาดฝันมากมายก็ยังไม่ลนลาน
ร่างกายเขาเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วง ยอดวิชามรรคอย่างดาบแสงม่วงมังกรโลกันตร์ หมัดสยบอัมพรม่วงถูกเขาโคจรเต็มกำลัง วิชามรรคเหล่านี้ผ่านการเสริมกำลังจากตำหนักอมตะ อานุภาพโถมทะยานเป็นเท่าทวี พลานุภาพแผ่ไพศาล
ทว่า แม้วิชามรรคของเขามากมายเพียงไร ก็ล้วนถูกหลินสวินทำลายในคราเดียว!
ที่น่ากลัวที่สุดคือ ภายใต้การกระตุ้นของวิชาอริยะยุทธ์และโทสะหยาจื้อ ความสามารถในการต่อสู้ของหลินสวินซึ่งผสานพลังมรรคดับดารากลืนกินเข้าไป คล้ายจะเกิดอานุภาพยากจินตนา ทุกหนแห่งที่พาดผ่าน การโจมตีทั้งมวลล้วนถูกขจัดเขมือบกลืนในชั่วพริบตา!
พรูด!
หลังปะทะกันนับร้อยกระบวน อวี่หลิงคงถูกพลังหมัดหลินสวินสั่นคลอน ทั้งถูกดาบหักที่พุ่งขวางนภาบุกขนาบ เสียเปรียบหนักทันที ถูกเฉือนเนื้อหนังส่วนไหล่ ขณะเดียวกันยังถูกพลังหมัดจู่โจม ร่างซวนเซถอยร่นไปเบื้องหลัง
ทุกคนตรงนั้นตระหนก สีหน้าตะลึงงัน
แม้แต่ตำหนักอมตะยังถูกกีดขวาง ซ้ำถูกหลินสวินโจมตีบาดเจ็บ ทั้งหมดนี้น่าเหลือเชื่ออย่างที่สุด ทำให้ผู้คนยากยอมรับอยู่บ้าง
“สมควรตาย!” อวี่หลิงคงโกรธจัด ใบหน้าสง่าคล้ำเขียว ขณะคำรามเขาถึงกับเผยยอดวิชามรรคอีกอย่างออกมา
“เสี้ยวปีกแสงมงคล!”
นัยน์ตาทองอร่ามของเขาฉายรอยสลักลึกลับสีทองคู่หนึ่ง แปรเปลี่ยนเป็นขนปีกแสงตระการดั่งภาพฝัน เจือกลิ่นอายไพศาลแห่งกาลเวลาที่ไหลเคลื่อน
ฉึบ!
แม้หลินสวินสลายการโจมตีไปได้ แต่ผมดำปอยหนึ่งกลับแปดเปื้อน ชั่วพริบตาก็กลายเป็นสีขาวดุจหิมะ จากนั้นพลังชีวิตพลันไหลเคลื่อน แห้งเหี่ยวกลายเป็นเถ้าร่วงกราว
พริบตานั้นเสมือนวัฏจักรวาบผ่าน!
ไม่ต้องสงสัยว่านี่คือวิชามรรคชวนประหวั่นที่กัดกร่อนพลังชีวิต ประทับพลังผ่านยุคสมัย ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ
นี่ทำให้ในใจหลินสวินครัดเคร่ง การโจมตีแข็งกร้าวยิ่งกว่าเดิม
ใครต่างไม่คาดคิดว่าการต่อสู้ชั้นยอดนี้จะอันตรายดุเดือดเช่นนี้ และยากแยกแพ้ชนะเช่นนี้
ทุกชั่วขณะล้วนเป็นการจู่โจมแห่งยุค
เช่นเดียวกัน ทุกช่วงสำคัญล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่คาดฝันชวนตระหนก
เวลานี้ทั้งคู่โรมรันกว่าพันกระบวนท่า ยังไม่อาจตัดสินผลแพ้ชนะอย่างแท้จริง ทำให้ผู้แข็งแกร่งคนอื่นในที่นั้นต่างอึ้งงัน
ประเด็นสำคัญคือทั้งสองต่างก้าวสู่มกุฎมรรคา มียอดวิชามรรค ต่างครองพลังต่อสู้ผงาดง้ำเหนือยุคสมัย และต่างมีสมบัติอริยะเหมือนกัน!
การปะทะเช่นนี้ก็เหมือนเข็มแหลมปะทะหนามคม แพ้ชนะยากคาดเดา
“บ้าเอ๊ย! เจ้าหมอนี่เก็บงำซ่อนเร้นได้ล้ำลึกนัก!” ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะสองคนนั่นแค้นจนกัดฟันกรอด ตำหนักอมตะยังไม่สามารถกำราบหลินสวิน ทำให้พวกเขาไม่อาจยอมรับได้
“ข่าวลือเป็นจริงดังว่า เทพมารหลินครองศุภโชค ยึดกุมสมบัติอริยะ!”
ผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งแววตาวาววาบ เวลานี้ล้วนสรุปได้แน่ชัดแล้วว่า เจดีย์สมบัตินั่นที่ลอยคว้างเหนือศีรษะหลินสวินและกำลังต้านทานตำหนักอมตะ ต้องเป็นสมบัติอริยะชิ้นหนึ่งแน่
อีกทั้งไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจต้านตำหนักอมตะได้แต่แรก!
“ทำไมถึง…”
พวกมู่เจี้ยนถิง หลี่ชิงฮวนไม่ยินยอมถึงที่สุด ยิ่งหลินสวินแข็งแกร่งก็ยิ่งทำให้พวกเขาหวาดกลัวและต่อต้าน แทบอยากให้เขาถูกฆ่าตายเสียโดยเร็ว
ในระหว่างนี้พวกเขาเองก็กำลังต่อสู้ชุลมุน แต่ใครต่างไม่อาจเข้าใกล้ศุภโชคอันดับหนึ่ง ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกรุมโจมตี กลายเป็นสถานการณ์ยักแย่ยักยัน
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงแบ่งความสนใจครึ่งหนึ่งไปที่การต่อสู้ของหลินสวินและอวี่หลิงคง
ตูม!
ระหว่างที่ทุกคนมีความคิดมากมาย ความรู้สึกโกลาหล ศึกใหญ่ในที่นั้นพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครา
ตอนที่ 918 ไม่เกรงกลัวความตาย
ตูม!
อวี่หลิงคงบาดเจ็บอีกครั้ง อกซ้ายถูกประทับหมัดของหลินสวินทุบตะบัน หากไม่ใช่ว่าเขาสวมชุดเกราะอัศจรรย์เหนือธรรมดา การโจมตีนี้คงเจาะทะลวงร่างเขาแน่
เขากระอักโลหิต รับรู้ว่าไม่เข้าที
แต่เทียบกันแล้วความอัปยศและเดือดดาลในใจเขามากยิ่งกว่า ต่อสู้ถึงบัดนี้เขายังถูกจู่โจมจนบาดเจ็บ นี่คือเรื่องที่ไม่เคยเจอมาก่อน
ในทางกลับกัน หลินสวินเรียบเฉยและนิ่งสงบยิ่งกว่าเดิม ตั้งแต่เข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคถึงตอนนี้ ตลอดทางเขาผ่านการต่อสู้มาไม่น้อย ศักยภาพแปรสภาพครั้งแล้วครั้งเล่า
อย่างเช่นการบุกทะลวงเขตขีดจำกัด ทะลวงขั้นกลางทะเลปรวนแปร ยกระดับพลังจิตวิญญาณขณะจุดโคมวิญญาณ ได้รับพลังมหามรรคดับดารากลืนกินยามหยั่งรู้ที่ป่าศิลา…
ประสบการณ์และประโยชน์ต่อเนื่องแม้เรียกได้ว่าน่าตกตะลึง แต่กลับปนเปกันอยู่บ้าง การหยั่งรู้และใจความมากมายไม่อาจย่อยจำแนกเป็นรูปธรรม
แต่ศึกใหญ่อันยากลำบากหาใดเปรียบครั้งนี้ กลับทำให้เขาได้รับการเคี่ยวกรำอย่างแท้จริง ทยอยคลี่คลายและหยั่งถึงสิ่งที่ตนได้รับ พลังต่อสู้ก็เกิดการแปรสภาพตามไปด้วย
กระทั่งตอนนี้ พลังขับเคลื่อนทั่วร่างหลินสวินเจิดจ้ายิ่งกว่าเดิม แต่ในใจกลับว่างเปล่าไม่แปดเปื้อนโลกีย์ ความกระจ่างนานัปการอุบัติขึ้นในจิตใจ ทำให้เขาได้เคี่ยวกรำทุกด้านระหว่างการต่อสู้เต็มกำลังครั้งนี้!
เขาเริ่มกดดันต่อเนื่อง ผงาดผยองหาใดเปรียบ ราวเทพมารเคลื่อนกวาดฟ้าดิน
สุดท้ายสีหน้าอวี่หลิงคงเปลี่ยนแปร สัมผัสได้ถึงความไม่เข้าทียิ่งขึ้น
ด้วยพลังที่เขาใช้ก่อนหน้าแม้แข็งแกร่งหาใดเปรียบ แต่ก็ผลาญปราณมหาศาลเช่นกัน กระทั่งบัดนี้จวนจะแบกรับไม่ไหวแล้ว
พรูด!
เพียงชั่วขณะสีหน้าอวี่หลิงคงพลันซีดเผือด ในที่สุดก็ทนต่อไปไม่ไหว กระอักเลือดออกจากปาก นี่คือสัญญาณบอกว่าใกล้อ่อนแรง
เพียงพริบตา ผู้แข็งแกร่งคนอื่นต่างหวาดหวั่น
อวี่หลิงคงก่อนหน้านี้ผงาดเหนือโลกระดับใด ประหนึ่งราชันเทพยึดกุมยอดวิชามรรค ทั้งมีพลังพลิกฟ้า ครองไพ่ตายมากมาย
แต่ตอนนี้เขากลับเหมือนยืนหยัดไม่อยู่!
นี่ทำให้ผู้คนไม่อาจจินตนาการ เหลือเชื่อเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า บุคคลแห่งยุคซึ่งประหนึ่งไร้คู่ต่อกรอย่างอวี่หลิงคงจะมีสภาพเช่นนี้!
สีหน้าผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะสองคนนั่นยิ่งไม่น่าดูถึงขีดสุด ในใจโยกคลอน ไม่อาจยอมรับทุกอย่างนี้
สมบัติอริยะตำหนักอมตะออกจู่โจมแล้ว ทำไมยังถูกสกัดขวางไว้ได้อีก
นี่เป็นไปได้อย่างไร
ตูม!
ตรงกันข้าม หลินสวินกลับรู้สึกแข็งแกร่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน กลิ่นอายทุกส่วนทั่วร่างพลุ่งพล่านเป็นประวัติการณ์ พลังหมัดสะท้านฟ้าสะเทือนดิน เคลื่อนกวาดทั่วบริเวณ
“สมควรตายนัก!” หน้าผากอวี่หลิงคงปรากฏเส้นเลือดทึบ โกรธจนผมตั้ง ฝึกปราณมาจนถึงทุกวันนี้ เขาผงาดขึ้นอย่างไร้คู่ต่อกรมาตลอด ไม่เคยพ่ายเพียงครา บัดนี้การโจมตีที่พบเจอจึงย่อมเป็นความอัปยศซึ่งยากขจัดโดยไม่ต้องสงสัย
เขาตัดสินใจทุ่มสุดตัว!
แต่เวลานี้หลินสวินทะลวงห้วงอากาศมาถึง พลังหมัดบดบังเวิ้งฟ้าสังหารลงมา อวี่หลิงคงออกแรงต้านเต็มกำลังจึงฝืนสลายการโจมตีนี้ได้
เขาเลือดลมตีกลับ สภาพดูไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม ตระหนักได้ว่าหากไม่ตอบโต้ ศึกนี้คงยากพลิกสถานการณ์
ทว่าเวลานี้หลินสวินก็ไม่คิดปล่อยโอกาสให้เขาต่อลมหายใจเช่นกัน ระหว่างที่พลังหมัดถูกคลี่คลาย ดาบหักซึ่งเจิดจ้าดุจหิมะฟาดฟันมาถึง
กระบวนเฉือนนภาสงัด!
ฟ้าดินเงียบเชียบ ทุกสุ้มเสียงราวอันตรธาน เหลือเพียงคมดาบดั่งฝันเสมือนมายาวาวระยับบางเบากลางอากาศ
อวี่หลิงคงขนพองสยองเกล้า อันตรายถึงชีวิตทำให้เขากระโจนถอยโดยไม่ลังเล แต่สุดท้ายยังช้าไปก้าวหนึ่ง ทรวงอกถูกคมดาบหักกวาดโดน
เสียงฟึ่บดังสนั่น ชุดเกราะที่เขาสวมถูกกรีดขาดราวทำจากกระดาษ บนร่างยังทิ้งรอยแผลชโลมโลหิต ผิวแตกเลือดอาบ โลหิตแดงสดพรั่งพรูดั่งน้ำพุ
เกือบจะถูกผ่าท้องแหวกอก!
ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ อวี่หลิงคงส่งเสียงร้องเจ็บอย่างอดไม่อยู่ ร่างเหินข้ามห้วงอากาศ ปากพ่นเลือดเป็นสาย น่าอนาถชวนตะลึง
หนึ่งโจมตีสะเทือนใต้หล้า!
การโจมตีนี้ดุดันเกินไป ไม่มีสิ่งใดไม่อาจทำลาย เกิดขึ้นฉับพลันดุจเทพเนรมิต ทำให้อวี่หลิงคงบาดเจ็บสาหัส โลหิตแดงสดซ่านกระเซ็น
ทุกคนในที่นั้นตะลึงงัน
ใครต่างไม่คาดคิดว่าหลินสวินจะดุดันและร้ายกาจเช่นนี้ ไม่ปล่อยโอกาสให้อวี่หลิงคงแม้แต่น้อย กล้าแกร่งถึงขีดสุด ทำเอาผู้คนสั่นสะท้าน
ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะสองคนนั่นร้องเสียงหลง
พวกมู่เจี้ยนถิง หลี่ชิงฮวนสีหน้าแปรเปลี่ยนยกใหญ่ ใจกระตุกวูบหนักหน่วง
พวกจี้ซิงเหยาและลั่วเจียเผยสีหน้าตระหนก ในใจคลื่นถาโถมโหมกระหน่ำ ความสามารถของหลินสวินเหนือการคาดเดาของพวกนางโดยสิ้นเชิงเช่นกัน
“ย้าก…”
อวี่หลิงคงแผดคำราม ทั่วร่างสว่างเรืองรอง อาการบาดเจ็บบนผิวกายเชื่อมสมานด้วยความเร็วน่าอัศจรรย์ ซ้ำพลังยังคงแข็งแกร่ง
เมื่อครู่อีกแค่นิดเดียวเขาก็จะถูกสังหาร จะให้เขายอมรับได้อย่างไร?
ตูม!
แต่ไม่รอให้เขาลุกยืน หลินสวินก็พุ่งทะยานอีกครั้ง
กรำศึกถึงป่านนี้ ทำให้หลินสวินรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของอวี่หลิงคงนานแล้ว มั่นใจว่าหากปล่อยให้หมอนี่รอดชีวิต จากนี้ไปคงเป็นภัยแฝงใหญ่หลวง!
ดังนั้นหลินสวินจึงไม่ลังเลอีก เด็ดขาดและตรงไปตรงมา หมายสังหารอวี่หลิงคงให้สิ้นซาก
แต่เวลานี้เอง ที่ห่างออกไปพลันมีเสียงตวาดหนึ่งดังขึ้น “หยุดนะ เทพมารหลินเจ้าดูสิว่านี่ใคร”
เสียงตะโกนมาจากผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะคนหนึ่งนามซุนชวน
ตอนนี้เบื้องหน้าเขายังมีชายหนุ่มอีกคน เพียงแต่ถูกซุนชวนคุมตัวแน่นหนา กระบี่วิญญาณเล่มหนึ่งจ่ออยู่บนลำคอชายคนนั้น
และชายหนุ่มนั่นถึงกับเป็นเยวี่ยเจี้ยนหมิง!
เพียงชั่วขณะนัยน์ตาหลินสวินพลันหดรัด สีหน้าเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นชวนประหวั่นอย่างยิ่ง คาดไม่ถึงสิ้นเชิงว่าเยวี่ยเจี้ยนหมิงที่ละทิ้งการชิงศุภโชค รออยู่ใต้ต้นโคมสำริดมรรคโบราณนานแล้วจะถูกศัตรูจับมาเป็นตัวประกันใช้ข่มขู่!
เห็นชัดว่าพวกเขาวางแผนอยู่ก่อนแล้ว!
ขณะเดียวกันผู้แข็งแกร่งคนอื่นในที่นั้นล้วนเห็นทุกอย่างกับตา สีหน้าต่างเปลี่ยนเป็นพิลึกพิลั่น คาดไม่ถึงเช่นเดียวกันว่าผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะซึ่งองอาจผ่าเผยจะทำเรื่องลักพาตัวประกัน กลวิธีนี้ไม่ขายหน้าไปหน่อยหรือ
โดยเฉพาะการกระทำนี้แม้สามารถช่วยชีวิตอวี่หลิงคงได้ แต่หากแพร่งพรายออกไป สถานการณ์นี้คงกลายเป็นรอยด่างติดตัวอวี่หลิงคงชั่วชีวิต ไม่อาจขจัดลบล้าง
ถึงเวลานั้นทั่วโลกคงเห็นว่าอวี่หลิงคงสู้หลินสวินไม่ได้ เพื่อรักษาตัวรอดจึงเอาชีวิตคนอื่นมาข่มขู่หลินสวิน!
ตอนนี้แม้แต่จี้ซิงเหยาและลั่วเจียก็มุ่นคิ้วอย่างอดไม่อยู่
ไม่ต้องสงสัย เยวี่ยเจี้ยนหมิงถูกจับขึ้นมาก่อนแล้ว บ่งชี้ว่าเรื่องนี้มีการวางแผนล่วงหน้า นี่ทำให้ผู้คนใจสั่นระรัว ใครเล่าจะกล้าเชื่อว่าผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะจะทำเรื่องชั้นต่ำเช่นนี้
“พวกเจ้ารนหาที่ตายรึ”
หลินสวินนัยน์ตาเยียบเย็นดุจหุบเหว ไอสังหารที่ซัดโหมภายในใจจวนระงับไม่อยู่ แต่ละคำเจือไอสังหาร
“ฮึ อยากให้สหายเจ้ารอดชีวิตก็ทำตามที่พวกเราพูด หากเจ้ากล้าตุกติกอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
ซุนชวนสีหน้าทะมึน คุมตัวเยวี่ยเจี้ยนหมิงแน่น ปลายกระบี่จ่อคอฝ่ายหลัง ผิวถูกแทงบาดเจ็บ หลั่งมุกโลหิตแดงก่ำประปราย
ฉวยโอกาสนี้ ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะอีกคนพุ่งออกไปประคองอวี่หลิงคง กลับมารวมตัวอยู่กับพวกเขา
เหตุการณ์พลันเงียบสงัดผิดปกติ อึดอัดจนหายใจไม่ออก
ทุกคนต่างดูออกว่าหลินสวินโกรธประหนึ่งภูเขาไฟที่พร้อมปะทุทุกเมื่อ ทั่วร่างไอสังหารมืดฟ้ามัวดินถาโถม น่าหวาดกลัวถึงขีดสุด
“ปล่อยเขาไป แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าไม่ว่าใครก็อย่าหวังจะรอด!” สุดท้ายหลินสวินสีหน้าเรียบเฉยเอ่ยกล่าว ใช้พลังทั้งหมดข่มไอสังหารและโทสะภายในใจ
เห็นดังนี้พวกซุนชวนแอบเป่าปากโล่งอก พวกเขาไม่กลัวหลินสวินกลับคำ กลัวแต่เขาจะไม่สนใจชีวิตเยวี่ยเจี้ยนหมิง!
ไม่ต้องสงสัยว่าพวกเขาเดิมพันถูก ผู้แข็งแกร่งอย่างเทพมารหลินเมื่อเผชิญสถานการณ์เป็นตายของสหายก็ได้แค่ยอมถอย!
“พวกข้าจะไม่บีบเจ้าจนเกินไป คิดอยากให้สหายเจ้ารอดชีวิตนั้นง่ายมาก มอบเจดีย์สมบัติในมือเจ้ามา!” ซุนชวนแววตาส่องประกาย เอ่ยข้อเรียกร้องหนึ่ง
คราวนี้แม้แต่พวกจี้ซิงเหยาล้วนทนดูต่อไม่ไหว นี่ไม่เรียกว่าบีบบังคับเกินไปอีกหรือ ช่างทำให้ผู้คนไม่อาจจินตนาการว่าผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะจะทำตัวน่ารังเกียจเช่นนี้!
อวี่หลิงคงเงียบงัน เขากำลังรักษาบาดแผลเต็มที่ ไม่กล่าวอะไรสักประโยค
แต่เขาลอบตัดสินใจไว้แล้ว รอครั้งนี้รอดไปได้จะสังหารซุนชวนทันที จากนั้นค่อยบอกคนในใต้หล้าว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน!
เช่นนี้จึงจะสามารถรักษาชื่อเสียงและเกียรติภูมิของเขาไม่ให้เสียหาย ส่วนการตายของซุนชวน เขาไม่เก็บมาใส่ใจแต่แรก
“ให้ข้าส่งมอบเจดีย์สมบัติหรือ”
หลินสวินพึมพำกับตัวเอง สีหน้าเยียบเย็นยิ่งกว่าเดิม วาจาไร้ยางอายเช่นนี้หลุดจากปากผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะคนหนึ่ง นี่ทำให้เขาคาดไม่ถึง โกรธแค้นจวนเกินขอบเขต
“เจ้าฟังไม่ผิด ดังนั้นก็ไม่ต้องสงสัย” เวลานี้ซุนชวนได้ใจนัก รู้สึกเหมือนกุมชะตาชีวิตหลินสวิน ไม่เกรงกลัวสิ่งใด
“ศิษย์พี่ซุน ทำเช่นนี้ไม่เกินไปหน่อยหรือ ข้าเชื่อว่าหากผู้อาวุโสของสำนักเห็นภาพนี้เข้าคงไม่ให้ท่านทำเช่นนี้แน่” ในที่สุดไป๋หลิงซีก็ทนไม่ไหว ส่งเสียงเย็นชาออกมา
ประโยคเดียวกลับทำให้ซุนชวนสีหน้าทะมึน หลุดปากด่ายกใหญ่ “ไป๋หลิงซี ข้าดูออกนานแล้วว่าความสัมพันธ์เจ้ากับเด็กนั่นไม่ธรรมดา จงจำไว้ เจ้าคือผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะ การช่วยเด็กนั่นคือการทรยศสำนัก สมคบคิดศัตรู โทษไม่อาจละเว้น!”
นัยน์ตากระจ่างของไป๋หลิงซีหดรัด ดวงหน้างามปรากฏความคั่งแค้น โกรธจนกัดฟันกรอด ในใจกลับหนาวเยือก คิดไม่ถึงว่าจะถูกคนศอกกลับและต่อว่าเช่นนี้
แต่ยังไม่รอนางเอ่ยปาก ก็เห็นเยวี่ยเจี้ยนหมิงที่ถูกจับมาพลันเงยหน้าขึ้น มองหลินสวินด้วยหน้าตาละอายใจพลางกล่าว “หลินสวิน เป็นข้าที่ทำเจ้าเดือดร้อน ตลอดทางนี้เจ้าช่วยข้าหลายครั้ง แต่ข้ากลับก่อเรื่องให้เจ้าเสมอ…”
กล่าวถึงตรงนี้เขาสูดหายใจลึก สีหน้าปรากฏความเด็ดเดี่ยว “เจ้าเห็นข้าเยวี่ยเจี้ยนหมิงเป็นสหาย ข้าย่อมไม่มีทางปล่อยให้เจ้าถูกคนอื่นข่มขู่!”
ทันใดนั้นหลินสวินเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีวูบหนึ่ง สีหน้าพลันเปลี่ยนแปร “อย่านะ!”
แต่สายไปเสียแล้ว หลังเยวี่ยเจี้ยนหมิงกล่าวจบก็ประหนึ่งหลุดพ้น บนใบหน้าเจือความรู้สึกละอายและอาดูรอย่างสุดซึ้ง ยื่นลำคอพุ่งเข้าหาคมกระบี่ด้วยตัวเอง
พรูด!
โลหิตแดงสดสาดกระจาย ร้อนระอุทว่างดงาม ย้อมห้วงอากาศจนแดงฉาน
ทุกคน ณ ที่นั้นเงียบสนิท เงียบกริบไร้สุ้มเสียง
ไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าเยวี่ยเจี้ยนหมิงจะไม่เกรงกลัวความตาย เด็ดขาดและนิ่งสงบเช่นนี้
และที่เขาทำเช่นนี้ แค่เพียงเพื่อไม่ให้หลินสวินถูกข่มขู่…
ความซาบซึ้งเหลือจะเอ่ยผุดขึ้นในใจของแต่ละคน
โลหิตแดงสดพรั่งพรูสาดร่างซุนชวน เขาตกตะลึงตาค้าง อึ้งงันอยู่ตรงนั้น ท่าทางยากจะเชื่อ
ข้างๆ เขา อวี่หลิงคงและผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะอีกคนต่างนิ่งอึ้ง อย่างไรเสียก็คิดไม่ถึงว่าเยวี่ยเจี้ยนหมิงจะเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวเช่นนี้
ตอนที่ 919 เทพมารหลินที่เดือดดาล
หลินสวินในตอนนี้กลับเงียบขรึมอย่างบอกไม่ถูก ความเงียบเช่นนี้ทำให้คนอึดอัดแทบจะหายใจไม่ออก
บางทีเยวี่ยเจี้ยนหมิงอาจไม่สามารถเทียบเคียงผู้กล้าชั้นยอด ยิ่งไม่ต้องยกขึ้นมาเปรียบกับผู้กล้าแห่งยุคเหล่านั้น
แต่เขาก็เป็นผู้กล้าคนหนึ่งเช่นกัน!
ในใจหลินสวินเขาไม่ด้อยกว่าคนอื่น การที่ตนสามารถเข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ ก็เพราะได้เยวี่ยเจี้ยนหมิงเชื้อเชิญ
อีกทั้งบนเส้นทางนี้ เยวี่ยเจี้ยนหมิงยังแน่วแน่ยืนหยัดข้างกายตนมาตลอด แม้ความสามารถไม่อาจเทียบคนอื่น แต่เขากลับสามารถเสี่ยงชีวิตเพื่อตน!
แต่ตอนนี้ เขากลับตายแล้ว…
และสาเหตุก็ง่ายดายเพียงนั้น แค่เพื่อไม่ให้ตนถูกข่มขู่…
กระทั่งก่อนตายเขายังไม่ร้องขออะไร ถึงขั้นไม่เคยบอกให้ตนแก้แค้นแทนเขา!
หลินสวินอัดอั้นจวนระเบิด ราวมีหินมาจุกอก ความแค้นเหลือจะเอ่ยจู่โจมจิตใจดั่งคลื่นซัดพลิกสมุทร
“ฮ่า หลินสวินเจ้าก็เห็นแล้วว่าเขาฆ่าตัวตาย ไม่เกี่ยวกับข้าสักนิด ข้อเสนอข้าเมื่อครู่ขอถอนคืน เจ้าก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วกัน”
ซุนชวนสีหน้าพลันแข็งทื่อ แก้ต่างให้ตัวเอง
ฟุ่บ!
หลินสวินเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาดำขลับดุจเหวลึกเยียบเย็นถึงขีดสุด ทำเอาซุนชวนขนพองสยองเกล้าราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง
“พวกเจ้าล้วนสมควรตาย!”
ขณะกล่าว หลินสวินที่ข่มกลั้นมานานพลันระเบิดออก ในใจเขามีความแค้นและความเศร้ายากพรรณนาที่หมายระบายออก
ตูม!
แสงประกายระเบิดออกจากทั่วร่าง กลิ่นอายชวนประหวั่นปกคลุมฟ้าดิน เขาในตอนนี้จึงจะเป็นเทพมารอย่างแท้จริง เลือดเย็นอำมหิตอย่างที่สุด
“เผ่น!”
อวี่หลิงคงสีหน้าแปรเปลี่ยนขนานใหญ่ เดิมเขาทำเวลาฟื้นตัว แต่การฆ่าตัวตายกะทันหันของเยวี่ยเจี้ยนหมิงกลับทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
เขารู้ดีว่าหลินสวินที่อยู่ภายใต้โทสะนั้นยากต่อกรยิ่ง ต้องล่าถอยทันที
ฟุ่บ!
อวี่หลิงคงฝืนตัวเต็มกำลัง โคจรวิชามรรคพุ่งทะยาน
“คิดหนี? ไม่มีทาง!”
หลินสวินแค้นจัด ผสานประทับปี้อั้นและผนึกป้าเซี่ยกำราบลงมา ประดุจคีรีเทพร่วงหล่นจากสวรรค์ดังตูม กระเทือนอวี่หลิงคงจนถอยร่น ทำจนเขาจมูกปากกลบโลหิต หน้าเปลี่ยนสีครั้งใหญ่
“ตาย!”
เกือบจะในเวลาเดียวกัน ดาบหักโฉบทะยานขวางนภา ผ่าฟันลงมา เสียงพรูดดังขึ้น ก็สังหารพรรคพวกอีกคนที่อยู่ข้างซุนชวน ฟันผ่าเป็นสองส่วน ตายอนาถหาใดเปรียบ
ทุกคนตรงนั้นสั่นสะท้าน
เทพมารหลินที่เดือดดาลอานุภาพเปลี่ยนไปอีกครั้ง อำมหิต กระหายเลือด ฆ่าฟันเด็ดขาด น่าพรั่นพรึงถึงขีดสุด
ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะนั่นร้ายดีอย่างไรก็เป็นยอดผู้กล้าคนหนึ่ง กลับถูกดาบเดียวของเขาสังหารราวถอนวัชพืช!
“เจ้ากล้า…” ซุนชวนหวีดร้อง ตกใจแทบบ้า
เปรี้ยง!
หลินสวินยันเท้าถีบ พาให้ฟันทั้งปากเขาหลุดกระเด็นทันที ร่วงกระแทกกองกับพื้น เบื้องหน้าพลันมืดมัวเกือบเป็นลมหมดสติ
เขาตะกายร่างหมายหลบหนี ในใจหวาดกลัวยิ่ง ก่อนจะพบว่าหลินสวินไปไล่กำราบอวี่หลิงคงแล้ว คงไม่สนใจเขาชั่วคราว
พรูด! พรูด!
เพียงแต่ว่า เท้าเขาเพิ่งยกก้าว ขาทั้งสองก็ถูกดาบหักที่ทะลวงเวิ้งฟ้าเฉือนขาด ร่วงหล่นตั้งแต่ช่วงเอวลงไป
ซุนชวนพลันร้องโหยหวน ร่างครึ่งท่อนหยัดยืนไม่ขึ้นอีก โลหิตแดงสดพรั่งพรูราวน้ำตกย้อมพื้นดินเป็นสีแดงฉาน
ผู้แข็งแกร่งมากมายหวาดหวั่น น่าอนาถเกินไปแล้ว พาให้ใจสั่นระรัว
เดิมสามารถปลิดชีพวายในคราเดียว แต่เห็นชัดว่าเทพมารหลินไม่คิดทำเช่นนี้ หมายทรมานเจ้าหมอนั่นทีละน้อย!
ขณะเดียวกัน เจดีย์สมบัติไร้อักษรเหนือศีรษะหลินสวินกำลังกำราบอวี่หลิงคงเต็มกำลัง ชัดแจ้งว่าเจ้านี่ฟื้นคืนพลังกายแล้วส่วนหนึ่ง ยังคงมีพลังต่อสู้อยู่ แม้บาดเจ็บสาหัสแต่เห็นได้ว่าแข็งแกร่งยิ่ง
ฆ่ายากจริงๆ
บุคคลแห่งยุคเช่นนี้ หากไม่คว้าโอกาสปลิดชีพเขา คงเกิดเหตุไม่คาดฝันแลการเปลี่ยนแปลงมากมายแน่
“หลินสวิน เจ้าต้องไม่ตายดี เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร หากท่านพ่อและอาจารย์ข้ารู้เข้าต้องสับเจ้าเป็นหมื่นท่อน ทำลายกระดูกโปรยเถ้าถ่าน!”
ซุนชวนกำลังโหยหวน น้ำเสียงอาฆาตหาใดเปรียบ
เขาผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะผู้ผ่าเผย ทั้งมาจากตระกูลเก่าแก่ฝ่ายหนึ่ง บัดนี้กลับถูกตัดขาสองข้าง ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย นี่ทำให้เขาไม่อาจยอมรับจนแทบเสียสติ
พรูด! พรูด!
แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียง ดาบหักก็สำแดงอานุภาพเฉือนไหล่ทั้งสองของเขา แขนสองข้างร่วงหล่น กลายเป็น ‘ท่อนมนุษย์’ โดยสมบูรณ์
น่าอนาถเกินไปแล้ว คาวโลหิตหาใดเปรียบ ทำให้ผู้แข็งแกร่งมากมายหนาวเหน็บในใจ เทพมารหลินซึ่งอยู่ภายใต้โทสะก็คือมือสังหารคนหนึ่ง
ขณะเดียวกันอวี่หลิงคงกระอักโลหิต สีหน้าไม่น่าดูนัก
ตำหนักอมตะที่เขาพึ่งพาบัดนี้กลับถูกตรึงไว้ ไม่อาจเผยแสนยานุภาพ ส่วนตัวเขาก็บาดเจ็บหนัก ขณะต่อสู้กับหลินสวินยังถูกกำราบอย่างไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย
นี่ทำให้อวี่หลิงคงซึ่งเย่อหยิ่งทะนงตนมาตลอดยากยอมรับ แต่ภัยคุกคามถึงชีวิตทำให้เขาไม่กล้าคิด และไม่มีเวลาคิดมากความ ได้แค่ออกแรงต้านเต็มกำลัง วางแผนปลีกตัวหนีไปอย่างยากลำบาก
ทันใดนั้นเขานึกถึงคนๆ หนึ่ง… จี้ซิงเหยา!
แต่เมื่ออวี่หลิงคงเงยหน้ามองออกไป ก็เห็นจี้ซิงเหยาไม่รู้จงใจหรือไร้เจตนา กำลังสู้รบชุลมุนกับพวกซางเจี่ย ซื่ออวิ๋น ช่วงชิงศุภโชคอันดับหนึ่งเต็มกำลัง ท่าทางไม่ได้สนใจเขา
จากนั้นสายตาอวี่หลิงคงมองไปยังไป๋หลิงซี กลับเห็นเวลานี้ฝ่ายหลังออกทะยานพุ่งเข้าโจมตีหลินสวินก่อนแล้ว
ใช่ ไป๋หลิงซีออกจู่โจมแล้ว!
นี่ทำให้อวี่หลิงคงชื่นชมในใจ เขารู้ดีเช่นกันว่าไป๋หลิงซีคล้ายสนิทกับหลินสวิน เดิมคิดว่านางจะทำใจลำบาก แต่ในช่วงคับขันนี้นางกลับออกโรงโดยไม่ลังเล นี่ทำให้ในใจอวี่หลิงคงเกิดความหวังเสร้าวหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่เพียงชั่วพริบตา อวี่หลิงคงก็หัวสมองเบลอไปหมด เพราะไป๋หลิงซีมาไวพ่ายเร็ว แค่พริบตาเดียวก็ถูกหมัดหลินสวินซัดกระเด็น ริมฝีปากกระอักโลหิต ล้มลงกับพื้นอย่างอเนจอนาถ
“ทำไมเป็นเช่นนี้”
อวี่หลิงคงเดือดดาล แม้รู้ว่าไป๋หลิงซีไม่อาจเป็นคู่ต่อกรหลินสวิน แต่ตอนนี้เขาราวคนจมน้ำที่คว้าฟางข้าวยื้อชีวิต เลี่ยงไม่ได้ที่จะหวังให้มีโชคช่วย
แต่เห็นชัดว่าไป๋หลิงซีก็เอาไม่อยู่!
ในเวลาเดียวกันนั้นไป๋หลิงซีกำลังสื่อจิตกับหลินสวิน ‘เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าสามารถลงมือสังหารเขาได้เต็มที่ เช่นนี้ต่อให้ข้าหวนกลับสำนักก็ไม่ถูกลงโทษ’
เห็นชัดว่านี่คือฉาก ‘แสร้งบุก’ ที่เตรียมการไว้นานแล้ว แค่ทำทีให้อวี่หลิงคงเห็นเท่านั้น
ตูม!
เกือบจะในเวลาเดียวกัน หลินสวินระเบิดออกมาโดยไม่ลังเลอีก
“เจ้าคิดจริงหรือว่าทำเช่นนี้จะฆ่าข้าได้” อวี่หลิงคงมีหรือจะยอมถูกฆ่าเช่นนี้ เขาออกแรงเต็มกำลัง แผดคำรามราวทุ่มสุดตัว ทั่วร่างอบอวลกลิ่นอายชวนประหวั่น
ทันใดนั้นทั่วอาณาบริเวณแสงม่วงแผ่ลอย ปะทุแสงไร้จำกัด แม้แต่ตำหนักอมตะนั่นยังส่งเสียงวู้มๆ เกิดคลื่นผันผวนทรงพลัง
ทว่าหลืนสวินซึ่งเผชิญหน้าทุกอย่างนี้ อานุภาพกลับไม่มีถดถอย ใช้เจดีย์สมบัติไร้อักษรสยบตำหนักอมตะ ส่วนตัวเขาทะลวงหมัดแหวกอากาศออกไป
ปัง!
ศีรษะอวี่หลิงคงถูกอัดกระจุย!
เมื่อเห็นภาพนี้กับตา ทุกผู้คนล้วนจมสู่ความตระหนกอันเงียบสงัด ทุกคนหนาวสั่นไปทั้งตัว จิตใจสะท้านไม่หยุด
น่ากลัวเกินไปแล้ว น่าตกตะลึงอย่างที่สุด
เด็กหนุ่มที่มาจากโลกชั้นล่างคนหนึ่ง วันนี้กลับสังหารอวี่หลิงคง ผู้กล้ารุ่นเยาว์แห่งยุคของแดนพิสุทธิ์อมตะ ซึ่งเป็นที่รู้ว่าไร้คู่ต่อกรในหมู่คนรุ่นเดียวกัน!
หมัดนั้นมีหรือจะใช้คำว่าดุดันคำเดียวมาอธิบายได้ ทำให้ศีรษะอวี่หลิงคงแตกละเอียด โลหิตแดงสดสาดกระเซ็น!
ทุกคนต่างนิ่งอึ้ง คล้ายยากจะเชื่ออยู่บ้าง อวี่หลิงคงจะถูกสังหารเช่นนี้หรือ นี่ทำให้พวกเขาสะท้านสุดขีด
นี่น่ะเป็นผู้กล้าแห่งยุคที่ชื่อเสียงเลื่องลือทั่วแดนกาฬทักษิณ มีชาติกำเนิดจากตระกูลอริยะ ฝากตนเป็นศิษย์ในแดนพิสุทธิ์อมตะ มีพลังเหนือคนรุ่นเดียวกัน ซ้ำยังครองยอดสมบัติ ไม่ว่ามองจากมุมไหนเขาล้วนสมบูรณ์แบบ หาจุดบกพร่องมาตำหนิไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้เขากลับถูกฆ่าแล้ว…
นี่คือเรื่องใหญ่คับฟ้า ต้องกลายเป็นความโกลาหลแผ่ไปทั่วหล้า!
ตระกูลและสำนักที่อยู่เบื้องหลังอวี่หลิงคงต้องเดือดดาลด้วยเรื่องนี้ นำพาระลอกคลื่นใหญ่เข้ามา
ส่วนเทพมารหลินหลินสวิน จบศึกนี้คงกิตติศัพท์เลื่องลือไปอีกขั้น ผลักดันชื่อเสียงถึงขีดสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะเขาใช้ความจริงอันเจิดจรัสกร้าวแกร่งมาพิสูจน์ว่า แม้บนมกุฎมรรคาเขาก็มีศักยภาพแฝงพิฆาตคนรุ่นเดียวกัน!
หลินสวินยืนอยู่จุดเดิม เลือดโทสะสุมอกยังไม่เสื่อม การตายของเยวี่ยเจี้ยนหมิงทำให้เขาไม่มีความสุขกับการสังหารอวี่หลิงคงแม้แต่น้อย
เขาหมุนตัว นัยน์ตาดำดุจอสนีมองซุนชวนซึ่งถูกเฉือนเป็นท่อนมนุษย์อยู่ไกลออกไป กล่าวถามเย็นชา “ความคิดลักพาเยวี่ยเจี้ยนหมิงใครเป็นต้นคิด”
ซุนชวนสีหน้าผูกพยาบาท ตวาดลั่น “ฝันไปเถอะ!”
ฟุ่บ!
หลินสวินไม่มีลังเล โจมตีสังหารเขาทันที
ในที่นั้นเงียบสงัด ทุกคนจิตใจสั่นสะท้าน ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะที่มาถึงแท่นมรรคครั้งนี้ นอกจากไป๋หลิงซีคนเดียว ที่เหลือเรียกได้ว่าพินาศทั้งกองทัพ
ก่อนหน้านี้ใครคงไม่อาจคาดคะเน!
การต่อสู้ชุลมุนยังคงระอุ บุคคลแห่งยุคเหล่านั้นกำลังช่วงชิงศุภโชคอันดับหนึ่ง แต่ในใจรู้อยู่ก่อนแล้วว่าภายใต้สถานการณ์ยักแย่ยักยัน ใครต่างไม่อาจสมดังปรารถนา
และตอนนี้ยังเพิ่มเทพมารหลินที่มีอานุภาพสังหารอวี่หลิงคงมาอีกคน ทำให้สถานการณ์บนยอดแท่นมรรคเปลี่ยนเป็นซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม
หลินสวินไม่ได้ใส่ใจสิ่งเหล่านี้ จิตใจเขาห่อเหี่ยว หมุนตัวเก็บร่างไร้วิญญาณของเยวี่ยเจี้ยนหมิงขึ้นมา
‘ข้ารับปาก ต่อไปจะไม่ให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก… สู่สุขคติเถิด ข้าจะนำร่างเจ้ากลับไปฝังในถิ่นเกิด’
หลินสวินพึมพำในใจ
‘หืม?’
ทันใดนั้นในใจหลินสวินพลันกระตุก เกิดลางไม่ดี ฉับพลันก็มองเห็นตำหนักอมตะนั่นพลันแผ่พลังอริยมรรคน่าสะพรึง ประหนึ่งตื่นจากความเงียบงัน
ตูม!
กฎเกณฑ์อริยมรรคเจิดจรัสโชติช่วง โฉบพุ่งออกมาจากสมบัติอริยะ หมายสยบสังหารหลินสวิน
อย่าว่าแต่หลินสวิน แม้แต่คนอื่นๆ ต่างคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้ ชั่วขณะที่หลินสวินผ่อนคลายที่สุด หายนะแห่งการทำลายล้างก็มาเยือน
ตำหนักอมตะที่ก่อนหน้าถูกเจดีย์สมบัติไร้อักษรต้านทานไว้ตลอด ไม่เคยสำแดงอานุภาพอย่างแท้จริง ทำให้ผู้คนเกือบลืมเลือนความน่ากลัวของสมบัติอริยะนี้
เคร้ง!
ห้วงอากาศระเบิดแตก ถูกกฎเกณฑ์อริยมรรคอันน่ากลัวกำจัด น่าพรั่นพรึงถึงขีดสุด
ภายใต้ความไม่ทันตั้งตัว แม้หลินสวินใช้เจดีย์สมบัติไร้อักษรเข้าต่อต้าน ก็ยังถูกสะเทือนจนลอยลิ่ว
พรูด!
เขากระอักเลือด ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างยากจินตนาการในชั่วพริบตา ทั้งตัวต่างส่งสัญญาณพร้อมทรุดทลายลงทุกเมื่อ!
ตำหนักอมตะ ยอดสมบัติอริยมรรค มีสีสันแห่งตำนานเกินคาดเดา เกริกก้องอดีตจวบจนปัจจุบัน มีหรือจะเป็นสิ่งที่สมบัติทั่วไปสามารถเทียบเทียม
ก่อนหน้านี้หากไม่ใช่ว่ามีเจดีย์สมบัติไร้อักษรข่มกำราบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลินสวินคงประสบเคราะห์ไปนานแล้ว!
ประมาทไปเสียแล้ว หลินสวินเองก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้
วู้ม…
แต่ไม่รอให้หลินสวินตอบสนอง ตำหนักอมตะนั่นก็บุกสังหารอีกครั้ง พลานุภาพแห่งอริยะดุจห้วงสมุทร สามารถท่วมทับเวิ้งฟ้า!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น