Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 854-855
ตอนที่ 854 จงหลีอู๋จี้
ทุกคนตรงนั้นเงียบสนิท
ซาหลิวฉานก่อนหน้านี้โกรธจัด สำแดงวิชาลับไร้เทียมทาน เสียงธรรมสะเทือนเลื่อนลั่น สะท้อนลักษณ์เงามายาฉลามสมุทรสีเลือดบรรพกาล ราวกับจะกลืนกินฟ้าดิน
แม้แต่ชิงเหลียนเอ๋อร์ ในเวลาเช่นนี้ล้วนไม่อาจไม่หลบ
แต่การปะทะหนักหน่วงนี้ ผู้ที่ถูกซัดพินาศไม่ใช่เทพมารหลินแต่กลับเป็นซาหลิวฉาน นี่ทำให้ทุกคนต่างคาดไม่ถึง
เหนือคำว่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริง
ความแข็งแกร่งแห่งพลังต่อสู้ของซาหลิวฉานได้รับการยอมรับจากคนรุ่นเยาว์แดนฐิติประจิมนานแล้ว ถูกขนานนามว่าผู้กล้าแห่งยุค ทั้งบัดนี้ที่สำแดงคืออภินิหารไร้เทียมทาน แต่ยังถูกเทพมารหลินซัดทำลายในการปะทะซึ่งหน้า นี่ไม่ได้บ่งชี้ว่าศักยภาพที่แท้จริงของเทพมารหลินเหนือกว่าซาหลิวฉานหรือ
นี่ทำให้ผู้กล้าแห่งยุคมากมายตรงนั้นต่างลอบตกตะลึง
อย่างเช่นเด็กสาวชุดม่วงที่มาจากตำหนักปรกอุดมซึ่งนิ่งเงียบไม่พูดจา วางตัวโดดเด่นเหนือโลกามาตลอด ขณะนี้กลับไม่อาจนิ่งสงบอยู่บ้าง บนใบหน้างามฉายระลอกคลื่นเสี้ยวหนึ่ง
ส่วนผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะเหล่านั้นต่างตะลึงตาค้าง พวกเขาถึงขั้นรู้สึกว่า หลินสวินในเวลานี้มีท่วงท่าสง่างามเหนือกว่าศิษย์พี่อวี่หลิงคง!
นี่เป็นไปได้อย่างไร
พวกเขายากจะเชื่อ
ไม่เพียงแค่พวกเขา ไป๋หลิงซีที่ดูเหมือนเงียบสงบดังเดิม อันที่จริงขณะนี้มือหยกขาวกระจ่างของนางก็สั่นเล็กน้อย เผยให้เห็นว่าในใจนางหาได้นิ่งสงบเช่นภายนอก
“เจ้าถึงกับทำให้ข้าบาดเจ็บ?”
กลางอากาศ สีหน้าซาหลิวฉานถมึงทึงดวงตาเบิกกว้าง คล้ายไม่อาจยอมรับทุกอย่างนี้ น้ำเสียงเจือความเดือดดาลและประหลาดใจ
“การฆ่าเจ้าง่ายราวพลิกฝ่ามือ จำเป็นต้องตื่นตูมเช่นนี้ด้วยหรือ”
หลินสวินยิ้มเยาะ ผมดำของเขาพลิ้วไหว ทั่วร่างอาบไล้แสงเจิดจรัส พลังเจตจำนงแห่งมรรคหมุนเวียน ขับเน้นจนเขาเหมือนมหาสุริยันดวงหนึ่งที่สาดส่องฟ้าดิน
เขาไม่ได้หยุดมือ ขณะกล่าวเงาร่างพุ่งไปเบื้องหน้าต่อสู้อย่างต่อเนื่อง
“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะแกร่งขนาดนี้จริงๆ!”
เหนือความคาดหมาย ชิงเหลียนเอ๋อร์ที่เพิ่งหลีกหลบถึงกับชิงลงมือก่อน ดาบโค้งสีเขียวแหลมคมเปล่งประกายที่ครอบครองตัดขวางห้วงอากาศ
ฟึ่บ!
คมดาบนับหมื่นพันปรากฏกลางท้องฟ้า ประดุจดาวหางโน้มดิ่งเจิดจรัสแปลบตา เขียวครามเวิ้งว้างทั่วผืนแผ่น ความน่าตระหนกชวนประหวั่นแห่งไอดาบแหวกผ่าฟ้าดิน รวมตัวหนาแน่นดั่งพายุฝน
ผู้ฝึกปราณมากมายกลางที่นั้นแสบตาจนต่างลืมตาไม่ขึ้น แสงดาบส่องพร่างพราวหนาแน่น โชติช่วงเพริศพรายเกินไป
“จันทร์เขียวประหัตมาร!” ซาหลิวฉานนัยน์ตาพลันหดรัด เดิมหมายออกจู่โจม แต่เวลานี้เขากลับเลือกเฝ้าดูเพราะมองออกว่า ที่ชิงเหลียนเอ๋อร์สำแดงคือมรดกลับพิทักษ์เผ่าแขนงหนึ่งของเผ่าหงส์เขียว
ทันทีที่สำแดง ดาบดุจจันทร์เขียวแขวนประดับเวิ้งฟ้า สามารถปั่นป่วนฟ้าดิน กำจัดเทพมาร อานุภาพน่าหวาดกลัวยิ่ง
อีกทั้งดาบในมือชิงเหลียนเอ๋อร์คือสมบัติล้ำค่าบรรพกาลชิ้นหนึ่งนาม ‘ดาบทลายแสงเขียว’ พลานุภาพเทียบกับยอดศาสตรามรรคราชันแล้วไม่ด้อยไปกว่ากัน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ซาหลิวฉานอยากลองดูว่าหลินสวินจะรับมือการโจมตีของชิงเหลียนเอ๋อร์ได้หรือไม่ เพราะจวบจนตอนนี้เขาไม่อาจยอมรับภาพที่ถูกซัดโจมตีเมื่อครู่ รู้สึกว่าเสมือนฝันเกินไป
ครืน!
ทั่วผืนฟ้าไอดาบตัดสลับ เขียวเลื่อมพรายดุจจันทร์เสี้ยวคลั่งระบำ ปั่นป่วนหยินหยาง
ไม่จำเป็นต้องสงสัย เห็นภาพที่หลินสวินซัดซาหลิวฉานจนย่อยยับ ทำชิงเหลียนเอ๋อร์เองก็สั่นสะท้านยกใหญ่ ดังนั้นเวลานี้จึงลงมือใช้วิชาไม้ตาย
หลินสวินไร้หวั่นเกรง ถือทวนใหญ่เจิดจ้าดุจหิมะเล่มหนึ่งเสียงดังชิ้ง แหวกสังหารออกไปปานสายฟ้าแลบ
นี่คือสมบัติชิ้นหนึ่งซึ่งชิงมาจากมือซาหลู่หลังสังหารอีกฝ่าย
เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!
ดาราเพลิงซ่านเซ็น แสงอัศจรรย์แผ่กระจาย ไอสังหารสะเทือนเก้าสวรรค์
แค่ชั่วพริบตา เขากับชิงเหลียนเอ๋อร์ประมือกันนับร้อยครั้ง คมดาบพลุ่งพล่านไร้ขอบเขต แทบฝังกลบหลินสวินทั้งตัว
ชิงเหลียนเอ๋อร์ตอนนี้เรียกได้ว่าน่ากลัวอย่างแท้จริง ความน่ากลัวของอานุภาพเฉียบขาด แสงดาบเขียวเลื่อมพรายดุจจันทร์เสี้ยวสายแล้วสายเล่าโหมปล่อยออก ฉีกผ่าแหวกอากาศทลาย
ครืน!
ห่างออกไปสิ่งปลูกสร้างบางส่วนถูกไอดาบฟัน แยกทลายในบัดดล พื้นดินต่างถูกตัดออกเป็นร่องร้าวขนาดมหึมาไขว้ขนานกันมากมาย
แครก!
แค่ชั่วพริบตา ทวนใหญ่ในมือหลินสวินถูกฟาดหักแตกละเอียด
เฮือก!
ทุกคน ณ ที่นั้นส่งเสียงสูดหายใจ หรือเทพมารหลินจะประสบเคราะห์แล้ว
มุมปากชิงเหลียนเอ๋อร์ปรากฏเส้นโค้งเย็นเยียบ แต่ไม่รอให้นางมีความสุข เส้นโค้งตรงมุมปากก็แข็งตัว
เพราะขณะที่ทวนแตกสลาย ใจกลางหว่างคิ้วหลินสวินมีแสงดาบบริสุทธิ์เจิดจ้าราวหิมะสายหนึ่งโฉบออกมา ปรากฏกลางท้องฟ้ากะทันหัน
พริบตานั้นประดุจดั่งลำแสงที่มาจากบรรพกาล ไหลผ่านสายน้ำแห่งกาลเวลา มีความงามตระการชวนตะลึง เหมือนไม่ใช่ความจริงเกินไป
ผลุบ!
ชิงเหลียนเอ๋อร์ส่งเสียงกรีดร้อง คล้ายได้รับความตระหนกถึงขีดสุด เงาร่างพุ่งถอยกลางอากาศ
มวลชนตะลึงงัน เดิมคิดว่าเทพมารหลินจะประสบเคราะห์ ไหนเลยจะคิดว่าพริบตานี้ ชิงเหลียนเอ๋อร์กลับคล้ายพบเจอเคราะห์มหาวิบัติ!
เร็วเกินไปแล้ว!
ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นในชั่วประกายไฟ ทำเอาผู้ฝึกปราณมากมายต่างไม่ทันตอบสนอง
มีเพียงบุคคลแห่งยุคบางส่วนที่สังเกตเห็นอย่างว่องไวว่า แสงดาบสายนั้นที่โฉบออกจากร่างหลินสวิน เพียงชั่วพริบตาก็ทำชิงเหลียนเอ๋อร์บาดเจ็บสาหัส!
แม้แต่พวกเขาเองยังจับได้แค่ภาพนี้ แต่ไม่อาจสืบรู้ความเร้นลับชวนประหวั่นซึ่งแฝงในการโจมตีอย่างแท้จริง
ฟึ่บ…
บนท้องฟ้า ชิงเหลียนเอ๋อร์ถอยถึงนอกระยะร้อยจั้ง รอยแผลที่เลือดหลั่งรินลากยาวจากตำแหน่งไหล่ซ้ายถึงส่วนท้องฝั่งขวา โลหิตไหลล่อง อีกเพียงนิดก็จะผ่าอกแหวกท้องนางแล้ว!
“สวรรค์!” เมื่อเห็นภาพนี้ชัดเจน ผู้ฝึกปราณในที่นั้นขนพองสยองเกล้า ตกใจจนทั่วร่างแข็งทื่อตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ชิงเหลียนเอ๋อร์เกือบประสบเคราะห์?
นี่มันไม่สมจริงรางกับความฝันเกินไป!
ด้านผู้กล้าเหล่านั้นต่างสีหน้าจริงจังเคร่งขรึม ในใจม้วนซัดโกลาหล การโจมตีเมื่อครู่นั่น แม้พวกเขาไม่อาจสังเกตเห็นความลึกลับอัศจรรย์ที่แท้จริง แต่กลับทำให้พวกเขาสัมผัสถึงภัยคุกคามโดยพร้อมเพรียง!
‘เขายังมีไพ่ตายอยู่!’
มีเพียงซาหลิวฉานซึ่งอยู่ในสนามรบที่สังเกตเห็นความน่ากลัวของการโจมตีเมื่อครู่อย่างฉับไว ความน่าตระหนกในชั่วพริบตานั้นทำให้ในใจเขาสั่นระรัว หอบหายใจไม่หยุด
เขาสัมผัสได้ว่าหลินสวินยังซ่อนไม้ตายอันน่ากลัวยิ่งยวด!
และนี่ ก็คืออานุภาพแห่งดาบหัก!
หลังจากก้าวสู่ระดับกระบวนแปรจุติ เริ่มควบคุมพลังเจตจำนงแห่งมรรคอย่างแท้จริง ทำให้อานุภาพของดาบหักสำแดงออกมาได้ส่วนหนึ่งในที่สุด
แม้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง แต่พลานุภาพร้ายกาจพลิกฟ้านั่นยังคงเรียกได้ว่าไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้ ล้วนสามารถสยบราชันกึ่งระดับได้โดยง่าย!
แต่ชิงเหลียนเอ๋อร์แค่บาดเจ็บสาหัส ไม่ได้ถูกฟันตายคาที่ ก็สมชื่อผู้กล้าแห่งยุคนั่นของนางแล้ว
“เจ้าคนต่ำทราม ยังไม่ยอมตายอีกหรือ”
ขณะที่ทุกคนสั่นสะท้าน หลินสวินไม่มีหยุดพัก ทะยานตัวไปเบื้องหน้า หมายฉวยโอกาสนี้สังหารชิงเหลียนเอ๋อร์ในคราเดียว
ผู้หญิงคนนี้แม้เป็นธิดาเทพคนปัจจุบันของเผ่าหงส์เขียว แต่อำมหิตเหลือประมาณ ไม่เคยเจอกันมาก่อนยังหยามหน้าและยั่วยุเขาถึงขีดสุด หมายเหยียบย่ำเขาขึ้นไป
นี่ทำให้หลินสวินไม่ออมมืออย่างเด็ดขาด
เขาทนมาพอแล้ว ในเมื่อลงมือแล้วก็ต้องสังหารให้ถึงที่สุด มีเพียงทำเช่นนี้จึงจะสามารถเชือดไก่ให้ลิงดู มอบความหวาดหวั่นถึงจิตวิญญาณให้กับพวกที่ลบหลู่และประณามเขาเหล่านั้น!
“บ้าเอ๊ย!”
หลังจากชิงเหลียนเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ยังคงไม่กล้าเชื่อ ตระหนกขุ่นเคืองหาใดเปรียบ นางคิดไม่ถึงว่าตนเกือบประสบเคราะห์ นี่ทำให้ในใจนางมีความอับอายและคั่งแค้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
แต่เมื่อเห็นหลินสวินจู่โจมเข้ามาติดๆ พาให้นางแทบคลั่ง นี่คือมองว่านางเป็นเหยื่อ หมายทำการจู่โจมสังหารหรือ
รังแกกันเกินไปแล้ว!
ฝึกปราณมาจนป่านนี้ นางยังไม่เคยเจอสถานการณ์อันตรายคับแค้นเช่นนี้
“หลินสวิน คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!”
แต่ในช่วงเวลาสำคัญ ซาหลิวฉานพุ่งทะยานขวางหน้า พลังหมัดสีโลหิตสะท้านสะเทือน เสียงฟุ่บดังขึ้น แรงหมัดแหวกอากาศพุ่งสังหารไปทางหลินสวิน
“ไสหัวไป!”
หลินสวินจะรีบสังหารชิงเหลียนเอ๋อร์ เวลานี้จึงโคจรพลังทั่วร่างถึงขีดสุด พลันส่งเสียงคำรามผูเหลาทันใด
ครืน!
คลื่นเสียงสีทองกระเพื่อมไหวเหมือนมีตัวตน แผ่กระจายซัดห้วงอากาศแหลกลาญ กระแทกซาหลิวฉานให้ลอยออกไปทั้งตัว
เสียงคำรามผูเหลานี้ดุดันหาใดเปรียบ ซ้ำยังพุ่งเป้าที่จิตวิญญาณ ชิงเหลียนเอ๋อร์ที่อยู่ออกไปเดิมก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว ภายใต้ความไม่ทันตั้งตัว ถูกเสียงคำรามสะเทือนโสตประสาท จิตวิญญาณเกิดความเจ็บปวดรวดร้าวจนเกือบระเบิดออก
“อ๊าก…!” นางส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน ผมเผ้าสยายยุ่ง ใบหน้างามในเวลานี้ดูดุร้ายและบิดเบี้ยวเป็นพิเศษ
ไหนเลยจะยังมีท่วงท่าแห่งธิดาเทพที่หยิ่งทะนงอวดดีเหมือนก่อนหน้า ราวกับเป็นบ้าไปอย่างไรอย่างนั้น
ตูม!
และเวลานี้หลินสวินทะยานพุ่งมาถึง เข้าสังหารอย่างแกร่งกร้าว
ผู้ฝึกปราณทั้งหมดหวาดผวา ดวงตาเบิกกว้าง ใจเคว้งไหวหวั่น แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ท่าทางหยิ่งผยองสยบทั่วทิศนั่นของเทพมารหลิน ทำเอาพวกเขาหวาดกลัวโดยสมบูรณ์
แย่แน่!
บรรดาผู้กล้าเหล่านั้นต่างสีหน้าแปรเปลี่ยน ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ของชิงเหลียนเอ๋อร์ล่อแหลมอย่างยิ่ง ใกล้จะประสบเคราะห์!
เพียงแต่ในช่วงสำคัญนี้พลันมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น…
ก็เห็นเงาร่างสูงใหญ่ทรงพลังดุจทวนสายหนึ่งปรากฏกลางอากาศกะทันหัน ขวางกั้นเบื้องหน้าชิงเหลียนเอ๋อร์ จากนั้นฝ่ามือหนึ่งพลันสะบัดออกไป
ปัง!
ในบริเวณนั้นเกิดเสียงปะทะน่าสะพรึง แสงอัศจรรย์ฉายสาด สลายการโจมตีอันแกร่งกร้าวของหลินสวิน
นี่ทำให้หัวคิ้วหลินสวินพลันขมวดมุ่น สีหน้าเยียบเย็นอยู่บ้าง
ในเวลาเช่นนี้ถูกคนทำลายการโจมตี ไม่อาจปลิดชีพชิงเหลียนเอ๋อร์ ทำให้หลินสวินโมโหอยู่ในใจ
เขาเงยหน้ามองไป ก็เห็นผู้มาเยือนสวมชุดดำ ใบหน้าหล่อเหลาหาใดเปรียบ ผมยาวสีม่วงทิ้งตัวลง ในดวงตาปรากฏสัญลักษณ์ลึกลับที่ราวกับหล่อจากทองคำ น่าหวาดกลัวหาใดเปรียบ
ชุดดำ ผมม่วง ดวงตาฉายสัญลักษณ์สีทอง ลักษณะพิเศษทั้งมวลแสดงให้เห็นว่าชายหนุ่มคนนี้โดดเด่นและไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง
“จงหลีอู๋จี้!”
“เขามาถึงแล้ว!”
ผู้คนทั่วบริเวณนั้นตื่นตระหนก จดจำฐานะชายหนุ่มผมม่วงชุดดำนั่นได้ เพียงพริบตาก็ทำให้เขากลายเป็นจุดรวมสายตาของมวลชน
ก่อนหน้านี้ชิงเหลียนเอ๋อร์บาดเจ็บสาหัส ถึงแม้ซาหลิวฉานจะโจมตี แต่ก็ยังถูกซัดสะเทือนถอย อีกนิดเทพมารหลินก็จะสังหารทั่วทิศ ทว่าจงหลีอู๋จี้ก็มาถึง!
เขามาได้ทันเวลามาก คล้ายกะเกณฑ์ไว้อย่างดี กอบกู้สถานการณ์อันตรายได้ในชั่วขณะ เท่ากับช่วยชีวิตชิงเหลียนเอ๋อร์นั่น
รูปแบบการปรากฏตัวเช่นนี้ดึงดูดความสนใจผู้คนอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย และขับเน้นความไม่ธรรมดาของเขาให้โดดเด่นขึ้นถึงที่สุด ชั่วขณะเดียวก็กลายเป็นที่สนใจยิ่งกว่าซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์
“มาเร็วมิสู้มาถูกจังหวะ ทันทีที่จงหลีอู๋จี้ปรากฏตัวก็ตัดสินความเหนือชั้นได้แล้ว!” ผู้ฝึกปราณมากมายรำพึงรำพัน
แต่สีหน้าบรรดาผู้กล้าตรงนั้นกลับผิดแปลก ในใจลอบระแวดระวัง พวกเขาไหนเลยจะดูไม่ออก เห็นชัดว่าจงหลีอู๋จี้มาถึงนานแล้วแต่แอบซ่อนตัวโดยตลอด รอเวลานี้จึงค่อยปรากฏตัว!
เหตุใดเขาถึงทำเช่นนี้
นั่นง่ายดายมาก!
หนึ่ง สามารถกดข่มซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์ อาศัยสิ่งนี้ขับเสริมความพิเศษของเขา
สอง ถือโอกาสช่วยชีวิตชิงเหลียนเอ๋อร์ นี่ก็คือบุญคุณใหญ่หลวง แม้ชิงเหลียนเอ๋อร์ไม่ยินยอม แต่สักวันก็ต้องตอบแทนน้ำใจใหญ่หลวงนี้!
พูดได้ว่าจังหวะที่จงหลีอู๋จี้ปรากฏตัวแม่นยำหาใดเปรียบ คว้าประโยชน์ได้ครบถ้วน หากกล่าวว่านี่คือเหตุบังเอิญ มีแต่ผีเท่านั้นแหละถึงเชื่อ!
ตอนที่ 855 ท่านย่ากระเรียนทอง
“คารวะนายน้อย!”
“นายน้อยผู้เกรียงไกร!”
เหล่าคนตระกูลจงหลี ณ ที่นั้นต่างส่งเสียง สีหน้าเจือความหยิ่งทะนง ท่าทางทรงเกียรติ
แต่สีหน้าบรรดาผู้แข็งแกร่งเผ่าหงส์เขียว เผ่าฉลามสมุทร ณ ที่นั้นต่างอึมครึมลง จงหลีอู๋จี้คือจอมวางแผนจริงๆ วิ่งโร่ออกมาเอาหน้าเวลานี้!
‘ความคิดและแผนการลึกล้ำนัก!’
บุคคลแห่งยุคส่วนหนึ่งต่างคิ้วขมวด พวกเขาคาดไม่ถึงว่าจงหลีอู๋จี้จะชำนาญการจับสถานการณ์เช่นนี้ นี่ดูน่ากลัวยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย
กลางอากาศ เงาร่างจงหลีอู๋จี้สูงตระหง่านดั่งหอกทวน ผมม่วงหนา กลางนัยน์ตาวาบกะพริบสัญลักษณ์สีทอง แปลกประหลาดอัศจรรย์พาให้ผู้คนหวาดหวั่น
“เทพมารหลิน แค่แลกเปลี่ยนความรู้กันเท่านั้น เจ้ากลับหมายกระทำการสังหารคน นี่จะมากเกินไปหน่อยแล้ว!”
วาจาเขาราบเรียบสบายอารมณ์แต่เจือแววตำหนิต่อว่า ท่าทางสูงส่งเหนือผู้อื่นนั่นเหมือนผู้อาวุโสกำลังตำหนิคนรุ่นหลัง
ผู้ฝึกปราณทั้งหมดบื้อใบ้
ก่อนหน้านี้เทพมารหลินทรงอานุภาพผงาดผยอง เคลื่อนกวาดทั่วทิศ ทยอยซัดซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์จนย่อยยับ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จงหลีอู๋จี้ยังกล้าปฏิบัติต่อเทพมารหลินเช่นนี้ นี่ทำให้ผู้คนตื่นตระหนกนัก
สีหน้าซาหลิวฉานไม่น่าดูนัก ในใจชิงชังและเดือดดาลยิ่ง
ครั้งนี้ไม่เพียงไม่สามารถเอาชนะเทพมารหลิน กลับถูกเจ้าจงหลีอู๋จี้นี่ฉวยโอกาสเอาหน้าครั้งใหญ่ วางท่าราวตัดสินใจแทนเขาและชิงเหลียนเอ๋อร์ นี่จะไม่ให้ซาหลิวฉานโมโหได้อย่างไร
ส่วนชิงเหลียนเอ๋อร์ก็คิดเหมือนกัน สีหน้าถมึงทึง
นางมีไพ่ตายของตน ถึงแม้จงหลีอู๋จี้ไม่ออกโรง นางก็มั่นใจว่าไม่มีทางถูกฆ่า
แต่พูดเรื่องเหล่านี้ตอนนี้เห็นชัดว่าสายไปแล้ว ไม่ว่านางจะยอมหรือไม่ยอม ล้วนต้องรับน้ำใจของจงหลีอู๋จี้!
นี่ทำให้นางแค้นจนกัดฟันกรอด
ถูกเทพมารหลินตีพ่ายภายใต้สายตาผู้คนที่จับจ้อง เดิมก็อัปยศพออยู่แล้ว บัดนี้จงหลีอู๋จี้ยังกระโดดออกมา ทำให้นางดูแย่ยิ่งกว่าเดิม นี่จะไม่ให้นางอึดอัดและคั่งแค้นได้อย่างไร
จงหลีอู๋จี้เวลานี้เรียกได้ว่าเจิดจรัส ดึงดูดสายตาผู้ฝึกปราณทั้งที่นั้น
แต่หลินสวินกลับเกลียดชังเจ้านี่อยู่ในใจ ก่อนเอ่ยปากเย็นชา “ที่แท้เจ้าก็คือจงหลีอู๋จี้ เป็นพวกต่ำทรามชอบเสนอหน้าจริงดังคาด!”
วาจาไม่เกรงใจยิ่ง เพราะการปรากฏตัวของจงหลีอู๋จี้ ทำให้เขาพลาดโอกาสอันดีเลิศในการสังหารชิงเหลียนเอ๋อร์ครั้งหนึ่ง
ชอบเสนอหน้า?
พวกต่ำทราม?
ทุกคนตรงนั้นแตกตื่น สีหน้าตื่นตะลึง
ผู้ฝึกปราณส่วนหนึ่งยิ่งนับถือจนแทบอยากโขกหัวกราบ สมเป็นเทพมารหลิน คงมีเพียงเขาที่กล้าวิจารณ์จงหลีอู๋จี้เช่นนี้
แต่สีหน้าเหล่าผู้กล้านั้นกลับเปลี่ยนเป็นพิลึกพิลั่น ว่ากันตามจริง ในใจพวกเขาเห็นด้วยกับคำพูดหลินสวินยิ่ง แต่ภายนอกพวกเขาไม่อาจเผยออกมา
“ศิษย์น้องหลิงซี เพื่อนเจ้าคนนี้บ้าระห่ำซะจริง แม้แต่ข้ายังเกือบเกิดความนับถือเขาอย่างอดไม่อยู่” ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะคนหนึ่งทอดถอนใจ
คนอื่นแม้ไม่ออกปาก แต่สีหน้าล้วนสับสนอยู่บ้าง พวกเขาเห็นภาพการต่อสู้โกลาหลเมื่อครู่กับตา เห็นชัดเจนแล้วว่าหลินสวินแกร่งกร้าวสยบผู้กล้าแห่งยุคเช่นไร
นี่ทำให้การปรามาสและสบประมาทในใจพวกเขาหายไปนานแล้ว ถึงแม้ไม่ยินดี แต่ล้วนไม่อาจไม่ยอมรับ ว่าเทพมารหลินคนนี้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ต่อให้เป็นในแดนพิสุทธิ์อมตะของพวกเขา บุคคลแห่งยุคอย่างเทพมารหลินคงมีแค่หยิบมือเท่านั้น
ไป่เฟิงหลิวตื่นเต้นดีใจ ใช้ใบไม้ข่าวสารทำการบันทึกอย่างชำนาญ แง่มุมที่เขาเลือกรอบจัดมาก เจาะจงบันทึกส่วนที่หลินสวินตวาดด่าจงหลีอู๋จี้โดยเฉพาะ
แต่สำหรับคำพูดของจงหลีอู๋จี้ กลับถูกเขาจงใจจัดการลบเลือน
‘เทพมารหลินเอ๋ยเทพมารหลิน เดิมเผ่าวาทวาโยของข้าควรรักษาท่าทีความเป็นกลาง แต่ข้าเห็นเจ้าพวกนั้นแล้วไม่เจริญตา เช่นนั้นก็ได้แค่แต่งแต้มภาพพจน์เจ้าให้ยิ่งใหญ่หน่อย ต่อไปหากเจ้ารู้ก็ต้องรับน้ำใจข้า…’
ไป่เฟิงหลิวแอบพึมพำ
“หลินสวิน ช่างดุจดั่งเทพเซียน!” เยวี่ยเจี้ยนหมิงอึกอักอยู่นาน ค่อยรำพึงรำพันออกมาเช่นนี้
…
ทว่าเหนือความคาดหมายของทุกคน จงหลีอู๋จี้หาได้บันดาลโทสะ แต่คิ้วขมวดกล่าวเรียบๆ “เทพมารหลิน หรือเจ้าทำได้แค่พูด หากเป็นเช่นนี้คงทำให้ข้าดูถูกเจ้าอย่างมาก”
เขานิ่งสงบยิ่ง ยังรักษาท่าทีสง่างาม
“เจ้าดูถูกข้าแล้วแม่งจะยังไง”
หลินสวินโกรธจัดจนยิ้ม “คนอย่างเจ้ามันหน้าด้านและเสแสร้ง ช่วงก่อนหน้านี้ใครกันที่กระโดดออกมาประกาศศักดาต่อหน้าผู้คนเป็นคนแรกว่าจะกำราบข้า ตอนนี้เจ้ากลับบอกว่าข้าทำได้แค่พูด? ไม่ขายหน้าบ้างหรือ”
วาจาหลินสวินตรงไปตรงมาและไม่เกรงใจ ไม่มีการปิดบังอันใด ทำให้ผู้ฝึกปราณตรงนั้นต่างลอบตื่นตระหนก สัมผัสได้ถึงความป่าเถื่อนของเทมารหลินยิ่งกว่าเดิม เทียบกับข่าวลือแล้วยังแข็งกร้าวยิ่งกว่า
หวนนึกกลับไป ตั้งแต่เทพมารหลินเพิ่งปรากฏตัวก็บุกจู่โจมสังหารซาหลู่ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดเผ่าฉลามสมุทร จากนั้นชั่วพลิกฝ่ามือยังคว่ำถังชวนผู้กล้ารุ่นเยาว์สำนักกระบี่หยาดจรูญ
กระทั่งซาหลิวฉาน ชิงเหลียนเอ๋อร์และคนตระกูลจงหลีปรากฏตัว หันปลายหอกเล็งเขาคนเดียว แต่ล้วนไม่สามารถสยบเขาได้ กลับทะยานขึ้นฟ้าหมายสังหารบุคคลแห่งยุคทั้งสองอย่างซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์ด้วยตัวคนเดียว
ต่อมาซาหลิวฉานถูกซัดกระเด็น ชิงเหลียนเอ๋อร์บาดเจ็บสาหัสเกือบประสบเคราะห์!
เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นต่อหน้า ยิ่งขับเน้นความแข็งแกร่งและดุดันของเทพมารหลินให้โดดเด่นขึ้นโดยปริยาย
กวาดมองทั่วหล้า เกรงว่าจะหาคนร้ายกาจที่ใจกล้าสะเทือนใต้หล้าเช่นนี้เป็นคนที่สองไม่พบ!
แต่ที่ทำทุกคนคาดไม่ถึงคือ จงหลีอู๋จี้ที่เผชิญหน้ากับการด่าว่าเช่นนี้ของเทพมารหลิน ยังคงมีท่าทางราบเรียบไม่วิตกกังวล
เขาแค่ขมวดหัวคิ้วกล่าว “ไม่ผิด ข้าเคยพูดจริง บนโลกนี้ใช่ว่าใครที่ไหนจะคู่ควรกับคำว่า ‘เทพมาร’ สองคำนี้ตามสะดวก หากเจ้าไม่พอใจ เมื่อเทศกาลโคมกถามรรคเริ่มขึ้น ข้าจะคว่ำเจ้าเป็นคนแรก เด็ดฉายาเจ้าทิ้งซะ”
วาจาเขาราบเรียบแต่แฝงความนัยยิ่งยวด มีความมั่นใจเด็ดขาดประการหนึ่ง
“พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย อยากตายมันง่ายนิดเดียว ตอนนี้จะส่งเจ้าสู่ความตายเอง!” หลินสวินรำคาญตายิ่งกว่าเดิม เอ่ยปากเย็นชา
ผู้คนส่งเสียงฮือฮา นี่เทพมารหลินจะกำราบจงหลีอู๋จี้ต่อหรือ
อะไรที่เรียกว่าบ้าคลั่งจนตามไม่ทัน
ก็นี่อย่างไร!
หากฟางหลินหานผู้สืบทอดอาศรมดาบแปดวิทูรอยู่ที่นี่ คงทอดถอนใจที่ตนไม่อาจเป็นถึงขั้นนี้ได้
ทว่าคำพูดนี้เมื่อซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์ได้ยิน กลับทำให้พวกเขาพลันรื่นรมย์เหลือจะเอ่ยอยู่ในใจ
ก่อนหน้านี้พวกเขาถูกเทพมารหลินตีพ่ายจนแทบเชิดหน้าไม่อยู่ ในใจอัดอั้นเดือดพล่าน แต่เวลานี้จงหลีอู๋จี้กลับเสนอหน้าใหญ่โต วางท่าราวเป็นผู้ช่วยชีวิต นี่ทำให้พวกเขาชิงชังและรังเกียจถึงที่สุด
ดังนั้นเมื่อเห็นหลินสวินดุดันถึงเพียงนี้ ด่าว่าจงหลีอู๋จี้โดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย แน่นอนว่าพวกเขาย่อมหวังให้สิ่งนั้นเป็นจริง กระทั่งแทบอยากให้เทพมารหลินแสดงแสนยานุภาพ กำราบจงหลีอู๋จี้เสียก่อนด้วยซ้ำ!
นี่ก็คือสภาวะจิตที่ว่า ‘ข้าไม่ได้ดี ก็ไม่ให้เจ้าได้ดี’ ประการหนึ่ง
“ตอนนี้? เหอะๆ เจ้าไม่กลัวอับอายขายหน้าหรือ”
จงหลีอู๋จี้หัวเราะเยาะ “ทำตัวเยี่ยงเล่นละครลิงให้คนดูเป็นเรื่องสนุก ข้าจงหลีอู๋จี้คงทำเรื่องเช่นนี้ไม่ลง”
เล่นละครลิง!
เพียงชั่วขณะสีหน้าซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์ต่างเหลือทนถึงขีดสุด การต่อสู้ของพวกเขาเมื่อครู่ เหตุใดเมื่อจงหลีอู๋จี้กล่าวออกมาถึงกลายเป็นการเล่นละครลิงไปได้
นี่ด่าว่าพวกเขาเป็นลิงที่เอาใจมวลชนอย่างนั้นหรือ
เหล่าผู้กล้าในที่นั้นต่างลิ้นจุกปาก จงหลีอู๋จี้ดูเหมือนนิ่งๆ ราบเรียบ แต่ความร้ายกาจในคำพูดพาให้คนตกตะลึงเช่นกัน
“เล่นละครลิง? เจ้าพูดไม่ผิด วันนี้ข้าจะเล่นลิงหน้าด้านจอมปลอมอย่างเจ้าให้หนัก!”
เงาร่างหลินสวินพุ่งไปข้างหน้า เขาคร้านจะพูดมากความแล้ว
ตูม!
แสงอัศจรรย์เรืองอร่ามไหลเวียนทั่วร่าง ทันทีที่หลินสวินลงมือก็ใช้พลังเต็มกำลัง พลังหมัดเจิดจ้าแผดก้องฟ้าดิน
นัยน์ตาจงหลีอู๋จี้หดรัด เดิมเขาคิดว่าผ่านศึกเดือดมา เทพมารหลินต้องเสียพลังไปมากโข เมื่อเผชิญหน้ากับตนอย่างต่ำคงลังเลอยู่สามส่วน
แต่กลับคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกร้าวแกร่งดังเดิม หมายเปิดศึกโดยตรง!
“ดูท่าหากไม่กำราบเจ้า พวกที่มาจากโลกชั้นล่างอย่างเจ้าคงไม่รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าความน่ายำเกรง!”
นัยน์ตาจงหลีอู๋จี้ฉายสัญลักษณ์ลึกลับทองอร่ามดั่งหล่อจากทองคำ ผมยาวสีม่วงทั้งศีรษะพลิ้วไหว อานุภาพเปลี่ยนเป็นน่าหวาดกลัวถึงขีดสุดในชั่วขณะ
พริบตานั้นห้วงอากาศปรากฏลมเมฆก่อตัว สถานการณ์ตึงเครียด
การต่อสู้แห่งยุคจวนจะเปิดฉาก
เหล่าผู้กล้าต่างฮึกเหิม จับจ้องโดยพร้อมเพรียง
“เทศกาลโคมกถามรรคยังไม่เริ่ม พวกเจ้าก็หมายตัดสินเป็นตาย มันคุ้มหรือ ฟังคนแก่เตือนสักหน่อย หยุดมือเสียให้หมดเถอะ!”
ทว่ายังไม่รอทั้งคู่ให้ทั้งคู่ประมือ เงาร่างหนึ่งพลันปรากฏกลางอากาศดั่งภูตผี ขวางระหว่างทั้งสองคน
นี่คือหญิงชราคนหนึ่ง ผมเงินทั้งศีรษะ สีหน้าดูกระชุ่มกระชวย ทรงพลังน่าเกรงขาม มีกลิ่นอายดั่งภูเขาใหญ่สูงตระหง่านที่เชื่อมผ่านฟ้าดิน ให้ความรู้สึกไม่อาจสั่นคลอน
เฮือก!
ผู้ฝึกปราณจำนวนมาก ณ ที่นั้นอ้าปากค้าง ด้วยจำฐานะหญิงชราผู้นี้ได้ว่าเป็นยอดบุคคลรุ่นอาวุโสคนหนึ่งจากเรือนกระบี่เร้นปุจฉา
นี่คือสิ่งที่ใครๆ ต่างไม่คาดคิด ว่าหญิงชราซึ่งฐานะสูงส่งเหลือประมาณผู้นี้จะมายุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ด้วย!
“หืม?”
ขณะเดียวกัน นัยน์ตาหลินสวินหดรัด นี่ทำให้เขาไม่พอใจอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้ยามจะสังหารชิงเหลียนเอ๋อร์ ก็ถูกจงหลีอู๋จี้เข้าขวาง
บัดนี้สัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งโผล่มาหมายขัดขวางทุกอย่าง นี่จะให้หลินสวินชอบใจได้อย่างไร
เวลานี้หลินสวินไม่สนว่าคนที่มาคือใคร ต่อให้เป็นเทพสวรรค์มาเอง เขาก็ไม่หวั่นเกรง!
ตูม!
เขาใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง ชือน้ำแข็งขาวหิมะตัวหนึ่งทะยานฟ้า เงาร่างวาบไหวหมายก้าวข้ามหญิงชรานั่นไปโจมตีจงหลีอู๋จี้ต่อ
“เจ้า…”
จงหลีอู๋จี้นัยน์ตาหดรัดตัว กราดเกรี้ยวอยู่บ้าง เขาคาดไม่ถึงอย่างที่สุด เดิมคิดว่าเมื่อหญิงชราปรากฏตัว หลินสวินจะรู้จักถอย
ไหนเลยจะคาดคิดว่าเจ้าหมอนี่ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย!
ไม่เพียงแค่จงหลีอู๋จี้ แม้แต่หญิงชรานั่นยังเกินคาดหมายอยู่บ้าง เจ้าเด็กนี่ช่างสมชื่อเทพมาร ป่าเถื่อนไปหน่อยแล้ว…
ในใจคิดเช่นนี้ แต่หญิงชราก็ยื่นมือออกไป แสงอัศจรรย์สีชาดปกคลุมทั่วฟ้า แสงมรรคกึกก้อง เผยลักษณ์อัศจรรย์ไพศาลขวางหลินสวินเอาไว้
การโจมตีอย่างราบเรียบแผ่วเบานี้มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่แห่งมหามรรค หลอมรวมไปกับธรรมชาติอย่างหนึ่ง พริบตานั้นก็สลายการจู่โจมของหลินสวิน
ตึกๆๆ!
หลินสวินถูกสะเทือนจนถอยร่นไปหลายก้าวกลางอากาศ แขนชาไปหมด ในใจอดตะลึงไม่ได้ หญิงชราคนนี้ทั้งที่ยังไม่ได้ก้าวเข้าระดับราชัน แต่พลังระดับนั้นกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าราชันกึ่งระดับชั้นยอดบางส่วนมาก!
แต่พริบตานั้นหลินสวินก็ชะงักงัน เมื่อเห็นใบหน้าหญิงชราชัดเจน ก็จำได้ว่าหญิงชราคนนี้คือใคร
ขณะเดียวกันในใจหญิงชราก็สั่นสะท้านเล็กน้อย ปรากฏคลื่นถาโถมกระเพื่อมไหว เจ้าเด็กนี่คือตัวประหลาดจริงๆ แข็งแกร่งกว่าตอนอยู่นครเตโชไม่รู้เท่าไหร่!
…………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น