Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 850-853
ตอนที่ 850 คนตระกูลจงหลี
ถังชวนและเทพมารหลินไม่ใช่คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันจริงๆ ไม่เช่นนั้นจะแพ้อย่างราบคาบเช่นนี้ได้อย่างไร
เพิ่งจะเริ่มต่อสู้เท่านั้น ก็ถูกสยบอย่างง่ายดายเพียงพลิกมือ นี่ไม่ต่างอะไรกับมดแดงที่อาจหาญจะขย่มต้นไม้ใหญ่!
ทุกคนในบริเวณใจสะท้าน เสียงสูดหายใจด้วยความตกใจดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้มีเพียงแค่ในข่าวลือบรรยายว่าเทพมารหลินแข็งแกร่งไร้ขีดจำกัด หลายคนต่างเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้ยินว่าในแดนฐิติประจิมมีบุคคลเช่นนี้ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้ผู้คนสงสัยในความจริงของข่าวลือ
แต่ตอนนี้ด้วยเรื่องที่ซาหลู่ถูกฆ่า และถังชวนพ่ายแพ้อย่างราบคาบ ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างตระหนักได้ว่า แม้ข่าวลือจะเกินจริงไปบ้าง แต่พลังต่อสู้ของเทพมารหลินก็แข็งแกร่งไร้ข้อกังขาอย่างแน่นอน!
สีหน้าของซาหลิวฉานเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในสายตาวูบไหวประกายเย็นเยียบ
ทีแรกเขาคิดจะยืมมือถังชวนหยั่งเชิงพลังของหลินสวินสักหน่อย กลับคิดไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้
ยังไม่ทันหยั่งเชิงพลังอย่างเต็มที่ถังชวนก็ถูกกำราบแล้ว นี่เป็นการยืนยันว่าแม้ในบรรดาผู้กล้า เทพมารหลินก็เรียกได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนจะเป็นถึงระดับไร้เทียมทานหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตัดสินได้
และผู้กล้าหลายคนที่เมื่อครู่นี้เพิ่งจะดูถูกและเย้ยหยันหลินสวิน ตอนนี้ล้วนมีความคิดไม่ต่างจากซาหลิวฉานนัก
ต่างคิดไม่ถึงว่าเทพมารหลินจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!
ไป่เฟิงหลิวตื่นเต้นมาก เขาบันทึกทุกฉากที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ลงไปหมดแล้ว เพียงแต่ไม่นานเขาก็ผิดหวังขึ้นมา
เพราะเขาพบว่าในที่นั้นมีผู้ฝึกปราณมากมายกำลังใช้วิธีที่แตกต่างกัน บันทึกทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เช่นเดียวกับเขา
นี่ก็หมายความว่าข่าวที่เขาไป่เฟิงหลิวได้มา ไม่ถือว่าใหม่ที่สุดแล้ว ไม่สามารถเป็นหนึ่งเดียวและบรรลุผลอย่างที่เขาพอใจได้
ในใจเยวี่ยเจี้ยนหมิงเองก็รู้สึกสลดมาก ยามพบหลินสวินครั้งแรกที่ภูเขาโคม่วง เขาก็ตระหนักได้แล้วว่าหลินสวินไม่ธรรมดา
เพียงแต่ไม่คิดว่าผ่านไปไม่ถึงครึ่งปี หลินสวินก็เติบใหญ่มาถึงขั้นนี้แล้ว พลิกฟ้าเกินไปแล้วจริงๆ
“ชนะง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ” ชั้นเก้าของหอวสันตสารท ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะหลายคนเบิกตาโพลง ยากจะเชื่อได้
“ศิษย์พี่ทุกท่าน ไหนว่าจะไม่ตื่นตูมโวยวาย” ริมหน้าต่าง ไป๋หลิงซีในชุดที่ขาวยิ่งกว่าหิมะ ใบหน้างดงามยังคงเรียบเฉย เพียงแต่มุมปากกลับเผยความเย้ยหยันที่คล้ายมีแต่ไม่มี
นางคิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ แต่ในใจก็อึ้งอยู่บ้างจริงๆ เมื่อเปรียบกับตอนที่อยู่จักรวรรดิจื่อเย่า หลินสวินในตอนนี้เทียบกันไม่ได้แล้ว
“หึ แค่ชนะคนธรรมดาคนหนึ่งในบรรดาผู้กล้าก็เท่านั้น มีอะไรน่าตื่นเต้น”
หญิงสาวเสื้อคลุมกระเรียนสีเพลิงแค่นเสียงเย็นเยียบ ดูถูกอย่างยิ่ง “เปลี่ยนเป็นผู้สืบทอดคนใดๆ ของแดนพิสุทธิ์อมตะของพวกเราก็ล้วนทำได้ นี่ไม่สามารถพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเทพมารหลินได้ เพียงแค่คู่ต่อสู้ของเขาอ่อนหัดเกินไปก็เท่านั้น!”
“ไม่ผิด คำพูดศิษย์พี่เยี่ยนสยามีเหตุผล” คนอื่นๆ เองก็เสริมขึ้น
ไป๋หลิงซีไม่แสดงความคิดเห็น ในใจกลับแอบพูดว่า หากถังชวนด้อยขนาดนั้นจริงๆ จะถูกมองว่าเป็นผู้กล้าได้อย่างไร และจะมีสิทธิ์เข้ามาในหอวสันตสารทแห่งนี้ได้อย่างไร
แต่จะว่าไป แม้แต่ไป๋หลิงซีเองก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของแดนพิสุทธิ์อมตะของพวกเขา คนที่สามารถเอาชนะถังชวนได้มีถมไป
ถึงขั้นที่หากพูดอย่างเคร่งครัด ในสายตาของแดนพิสุทธิ์อมตะซึ่งยิ่งใหญ่และเก่าแก่โดดเด่นแล้ว คนอย่างถังชวนยังไม่ถือว่าเป็นผู้กล้าที่แท้จริง แค่พอจะฝืนนับได้ว่าเป็นหนึ่งในบุคคลชั้นยอดในบรรดาคนรุ่นเยาว์ก็เท่านั้น
……
ในที่นั้นเงียบสงัด มีเพียงถังชวนที่ร่างกายกระตุกไม่หยุดอยู่ในหลุมร้องโอดครวญอยู่ เขาได้รับบาดเจ็บหนักเกินไปจึงลุกไม่ขึ้น
เมื่อเทียบกับความบ้าบิ่นทะลวงฟ้าเมื่อครู่นี้ของเขาแล้วดูต่างกันมากเกินไป
“ชั่วดีเป็นตรา วสันตสารทตัดสิน คำพูดของอริยะบรรพกาลนั้นถูกต้อง อาศัยฝีมืออย่างเจ้าก็คู่ควรมาดูถูกและท้าทายข้าแล้วหรือ”
หลินสวินในตอนนี้ยังคงสงบนิ่ง นัยน์ตาดำเยียบเย็นไร้อารมณ์ เพียงแต่ในสายตาของทุกคนกลับแฝงความดูถูกและแข็งกร้าว
“ได้ยินว่าเจ้าเกี้ยวพาพี่สะใภ้ของเจ้าอย่างไร้ยางอายตั้งแต่ตอนอายุยังน้อยแล้ว ขัดหลักคุณธรรม น่าขยะแขยง คนอย่างเจ้ามีคุณสมบัติอะไรให้ถูกยกย่องว่าเป็นผู้กล้า”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ของหลินสวินดังออกมา ทุกคนในที่นั้นก็ฮือฮา สีหน้าแต่ละคนแปลกพิกลขึ้นมา สายตาที่มองถังชวนก็เปลี่ยนไป
เกี้ยวพาพี่สะใภ้ ผิดคุณธรรมร้ายแรง หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ก็น่าโมโหอย่างยิ่ง!
“เจ้าๆๆ… อย่าใส่ความกัน!”
ส่วนถังชวนที่เดิมทีก็ถูกกำราบไปแล้ว ในใจเต็มไปด้วยความอับอายยามได้ยินคำพูดนี้ โกรธจนหยัดตัวขึ้น แต่กลับกระอักเลือดและหมดสติไป
เห็นเช่นนี้ทุกคนต่างถอนหายใจในใจ ไม่ว่าตอนเด็กถังชวนเคยทำเรื่องผิดศีลธรรมหรือไม่ เพียงแค่ความพ่ายแพ้อย่างอนาถของเขาในวันนี้ ก็ถูกกำหนดแล้วว่าต่อไปคงยากที่เขาจะเชิดหน้าในแดนฐิติประจิมได้อีก!
พูดอีกนัยหนึ่ง ผู้กล้าอย่างถังชวน หลังจากผ่านความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ ชื่อเสียงก็จะป่นปี้ ถูกลบชื่อออกจากตำแหน่งผู้กล้า!
หลังจากนี้หากพูดถึงเขาถังชวน ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องที่เขาพ่ายแพ้ภายใต้น้ำมือเทพมารหลินในครั้งนี้ นี่เป็นเงามืดหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
นอกเสียจากวันหน้าถังชวนจะสามารถเอาชนะหลินสวินได้ ไม่เช่นนั้นความพ่ายแพ้ในวันนี้ก็จะถูกกำหนดให้เป็นความอับอายที่สะบัดไม่หลุด ตามติดบนเส้นทางฝึกปราณของเขา
“ตาเจ้าแล้ว!”
แต่ในตอนที่ทุกคนกำลังทอดถอนใจ หลินสวินหมุนตัว ดวงตาเยียบเย็นดุจสายฟ้าจับจ้องซาหลิวฉานโดยพลัน
เทพมารหลินกลับเป็นฝ่ายสร้างความลำบากใจก่อน!
นี่ทำให้หลายคนประหลาดใจและตกใจ ทั้งยังรู้สึกตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นี่สิถึงจะเป็นมาดของเทพมารในคำร่ำลือ!
หลินสวินก่อนหน้านี้แม้จะแข็งแกร่งและหยิ่งผยอง ทว่าถึงอย่างไรก็ไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ตอนนี้เขาต้องการโจมตีแล้ว จึงชี้นิ้วไปที่ซาหลิวฉาน
“คราวนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว ซาหลิวฉานหาใช่คนที่ถังชวนเทียบได้ เป็นผู้กล้าไร้เทียมทานที่แท้จริงคนหนึ่ง ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งแดนฐิติประจิมตั้งนานแล้ว พลังต่อสู้โดดเด่น มีพลานุภาพที่หมื่นคนเกินต้านทาน”
“เทศกาลโคมกถามรรคยังไม่ทันเริ่มด้วยซ้ำ เพราะการปรากฏตัวของเทพมารหลินก็จะเกิดการประลองตะลึงโลกระดับนี้แล้ว เหนือความคาดหมายเกินไปแล้วจริงๆ”
“ก็ไม่รู้ว่าเทพมารหลินจะยังสามารถแข็งกร้าวเหมือนเมื่อครู่นี้ได้อีกหรือไม่”
ในบริเวณนั้นเดือดพล่านขึ้นมาอย่างที่สุด อีกทั้งตอนนี้มีผู้ฝึกปราณที่ได้ยินข่าวเดินทางมามากขึ้นเรื่อยๆ ล้อมบริเวณรอบๆ จนแม้แต่น้ำยังลอดไหลผ่านไปไม่ได้
ในบริเวณที่ไกลกว่านั้น ถึงขั้นมีผู้ฝึกปราณที่บ้างยืนอยู่ในอาคารสูงใหญ่ บ้างยืนอยู่กลางอากาศ คอยติดตามสถานการณ์ทางนี้อย่างใกล้ชิด
นี่เป็นเรื่องปกติมาก เทศกาลโคมกถามรรคที่ผ่านๆ มา ใครกล้าสร้างปัญหาหน้าหอวสันตสารทบ้าง เบื่อชีวิตจนทนไม่ไหวแล้วหรือ
แต่วันนี้แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เทพมารหลินที่ช่วงนี้สร้างเรื่องจนแดนฐิติประจิมเดือดพล่านขึ้นมาปรากฏตัว เผชิญหน้ากับกลุ่มผู้กล้าหน้าหอวสันตสารท เป็นเรื่องใหญ่ที่เพียงพอจะสร้างความฮือฮาให้กับแดนฐิติประจิม อยากไม่เป็นที่สนใจคงยาก
ในลานบริเวณนั้นเดือดพล่าน สีหน้าของซาหลิวฉานเย็นเยียบลง
ก่อนหน้านี้หลินสวินฆ่าผู้ติดตามของพวกเขา เขายังไม่ได้คิดบัญชีเลย คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายกลับกล้าประกาศศึกเอง นี่เป็นการท้าทายศักดิ์ศรีของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย!
“คิดว่าเอาชนะถังชวนแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรเจ้าได้แล้วจริงๆ หรือ” เสียงของซาหลิวฉานเยียบเย็น ราวกับไหลออกจากธารน้ำแข็ง แฝงกลิ่นอายเข่นฆ่าอันน่าหวาดหวั่น
บนร่างกายสูงใหญ่เกรียงไกรของเขาเต็มไปด้วยพลังน่ากลัวที่แผ่กระจายออกมา ทำให้เสียงฮือฮาในที่นั้นเงียบสงัดโดยพลัน ผู้ฝึกปราณหลายคนตัวสั่น ราวกับตกไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง รู้สึกถึงความกดดันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
นี่ก็คือผู้กล้าไร้เทียมทาน!
เมื่อขับเคลื่อนพลังทั่วร่าง เพียงแค่อานุภาพเท่านั้นก็สามารถทำให้โลกตะลึง กดข่มจักรวาล มีบุคลิกและความน่าเกรงขามที่โดดเด่นกว่าคนในรุ่นเดียวกันมาก
“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ยังไม่รีบมาคุกเข่าขอขมาอีก” เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าฉลามสมุทรซึ่งอยู่ข้างๆ ซาหลิวฉานต่างตะโกนขึ้นมา สีหน้าอึมครึม สายตาที่มองหลินสวินราวกับจ้องคนตายคนหนึ่ง
“คราวนี้เพื่อนคนนั้นของเจ้าเดือดร้อนแน่”
“ซาหลิวฉานคนนี้แข็งแกร่งมาก หากพวกเราดวลกับเขายังยากจะประเมินแพ้ชนะ บางทีอาจมีเพียงศิษย์พี่อวี่หลิงคงที่จะสามารถกำราบเขาได้อย่างง่ายดาย”
“เทพมารหลินนี่ประสบหายนะแล้ว ศิษย์น้องหลิงซี อีกเดี๋ยวเจ้าอย่าวู่วามไปช่วยเชียวนะ พวกเราไม่อยากเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้”
ในหอวสันตสารท เหล่าผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะต่างพูดขึ้น สีหน้ากลับคืนสู่ความเย่อหยิ่งสูงส่งอีกครั้ง เจือนัยเย้ยหยัน
“คอยดูต่อไปก็พอแล้ว” ไป๋หลิงซีนิ่งสงบไร้อารมณ์
ส่วนเหล่าผู้กล้าที่อยู่บริเวณรอบๆ หอวสันตสารทต่างเผยท่าทีชมดูความครึกครื้น สายตาที่มองหลินสวินก็แฝงความเวทนา
เจ้าหมอนี่คิดว่าชนะถังชวนแล้ว จะสามารถไปท้าทายผู้กล้าไร้เทียมทานได้จริงๆ หรือ
อย่าว่าแต่เขา ก่อนที่เทศกาลโคมกถามรรคจะเริ่มขึ้น แม้แต่เหล่าผู้กล้าไร้เทียมทานคนอื่นๆ ในแดนฐิติประจิม ยังไม่อยากหาเรื่องผู้กล้าไร้เทียมทานอีกคนง่ายๆ!
และซาหลิวฉานเป็นผู้กล้าชั้นยอดอย่างไม่ต้องสงสัย!
มีผู้กล้าหลายคนที่ในใจรู้สึกอึดอัดและไม่พอใจเพราะความพ่ายแพ้ของถังชวน ยามนี้เห็นหลินสวินชี้นิ้วมาที่ซาหลิวฉาน ทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นอย่างอดไม่ได้
นี่หมายความว่า การที่เมื่อครู่นี้หลินสวินกำราบถังชวนอย่างแข็งกร้าว ไม่ได้นำพาความระแวงและหวาดกลัวมาให้พวกเขาเท่าไหร่
นี่ก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าใครที่สามารถถูกผู้คนบนโลกยกย่องให้เป็นผู้กล้าได้ แต่ละคนล้วนมีความเย่อหยิ่งและทะนงตัวมากกว่าปกติ ความแข็งแกร่งของสภาวะจิต แน่นอนว่าไม่มีทางถูกกระทบง่ายๆ
“บางทีบนโลกนี้อาจจะมีคนปราบข้าได้ แต่ไม่มีทางเป็นเจ้าแน่”
หลินสวินไม่ได้สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบๆ นัยน์ตาดำดุจประจุไฟ จับจ้องซาหลิวฉานพลางพูดง่ายๆ แต่ยังคงแข็งกร้าวเหมือนเมื่อครู่นี้
“เหอะๆ เจ้าช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ!”
ซาหลิวฉานยิ้ม แต่รอยยิ้มกลับเผยไอสังหาร พาให้หนังหัวชาวาบ เขาควบคุมไอสังหารในใจไม่อยู่แล้ว
เพียงแต่ยังไม่ทันที่เขาจะลงมือ ก็เห็นบนถนนซึ่งอยู่ห่างออกไปเกิดความฮือฮา เสียงปานฟ้าคำรามดังขึ้น
“สหายเผ่าฉลามสมุทรอย่าได้ลงมือ นายน้อยตระกูลจงหลีของข้ากำลังเร่งเดินทางมาอย่างเร็วที่สุด โปรดมอบเทพมารหลินนี่ให้นายน้อยตระกูลข้ามากำราบ!”
พร้อมกันกับเสียงนั้น สัตว์ใหญ่ยักษ์ราวกับเทือกเขาตัวหนึ่งเคลื่อนไหวกลางอากาศ พุ่งทะยานเข้ามา เสียงคำรามสะเทือนฟ้า กลิ่นคาวตีจมูก ผู้ฝึกปราณที่ยืนอยู่ข้างทางหลายคนหลบไม่ทัน ถูกชนจนกระเด็นไปทั้งอย่างนั้น ส่งเสียงโอดครวญ
นี่คือสัตว์พาหนะคชสารมังกรหยกดำตัวหนึ่ง ดวงตาใหญ่ราวกับหินโม่ สี่ขาปานเสาหิน อานุภาพดุดันคับฟ้า หยิ่งผยองอย่างที่สุด
บนหลังบรรทุกหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่ง กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
เหล่าผู้ฝึกปราณในบริเวณนั้นต่างตกใจ รีบเปิดทางเส้นหนึ่งให้พวกเขา
เพราะต่างจำได้ว่านั่นเป็นคนตระกูลจงหลี และนายน้อยที่พวกเขาพูดถึง ก็คือจงหลีอู๋จี้ที่มีผลงานการต่อสู้โดดเด่น และชื่อเสียงอื้อฉาวไปทั้งแดนฐิติประจิม
ตอนที่ 851 มองว่าเป็นเหยื่อ
ตระกูลจงหลี!
ตระกูลใหญ่ที่เก่าแก่และชื่อเสียงเลื่องลือ ในแดนฐิติประจิมสามารถเทียบหน้าเทียบตากับเหล่าสำนักโบราณได้
และจงหลีอู๋จี้ก็คือบุตรเทพแห่งยุคของตระกูลนี้ ชื่อเสียงโด่งดังในฐิติประจิมมานานแล้ว อานุภาพดุร้ายฉาวโฉ่ เป็นบุคคลเหี้ยมโหดไร้เทียมทานในบรรดาคนรุ่นเยาว์อย่างแน่นอน
ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ที่ชื่อเสียงของหลินสวินเพิ่งจะโด่งดังและสะเทือนแดนฐิติประจิม จงหลีอู๋จี้ก็เคยประกาศกร้าวต่อหน้าทุกคนแล้วว่าหากเทพมารหลินกล้าปรากฏตัวในเทศกาลโคมกถามรรค เขาจงหลีอู๋จี้จะเป็นคนแรกที่สังหารหลินสวิน!
วันนี้แม้จงหลีอู๋จี้ยังมาไม่ถึง แต่เหล่าคนในตระกูลของเขาก็ได้โดยสารคชสารมังกรหยกดำมา หมายจะแทรกแซงเรื่องนี้!
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำให้สะเทือนไปทั่วบริเวณ ผู้คนต่างหันมองไม่หยุด
แม้แต่บรรดาผู้กล้าในที่นั้นก็ขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ตระกูลจงหลีกลับกล้าแทรกแซง ทั้งยังแข็งกร้าวถึงเพียงนี้ จะให้ซาหลิวฉานยกโอกาสสังหารเทพมารหลินให้ตรงๆ!
ถูกคนขัดจังหวะเช่นนี้ ทีแรกในใจซาหลิวฉานก็ไม่พอใจไม่น้อย หลังจากได้ยินท่าทีอันแข็งกร้าวของตระกูลจงหลียิ่งทำให้สายตาของเขาวาบแววเย็นเยียบ ในใจเดือดดาลยิ่ง
แต่ไม่ทันที่เขาจะตอบสนอง ในที่นั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกครั้ง!
แกว๊ก!
เสียงร้องใสสะเทือนเก้าสวรรค์แผ่กระจายไปทั่ว พลันเห็นบนฟากฟ้า ชายหญิงกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่บนหงส์เขียวตัวใหญ่ยักษ์เกรียงไกร ร้องคำรามเข้ามา
คนกลุ่มนี้แข็งกร้าวกว่าตระกูลจงหลี นั่งหงส์เขียวผ่านเหนือศีรษะของเหล่าผู้ฝึกปราณไปโดยตรง ก่อนจะลงมาเยือนในบริเวณนั้น
ผู้ฝึกปราณหลายคนไม่พอใจ คิดว่าการกระทำเช่นนี้แฝงความเย้ยหยัน แต่พอเห็นฐานะของผู้มาเยือนชัดแล้วสีหน้าต่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่กล้าพูดอะไรมาก
เผ่าหงส์เขียว!
นี่คือเผ่าใหญ่หนึ่งในห้าอันดับแรกของแดนฐิติประจิม เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในบรรดาสิ่งมีชีวิตวิญญาณต่างเผ่าพันธุ์ ไม่ด้อยกว่าตระกูลจงหลีเลยสักนิด!
“โชคดีที่ไม่ได้มาช้าเกินไป ถึงก่อนจงหลีอู๋จี้นั่นก้าวหนึ่ง”
เสียงไพเราะเสนาะหูราวกับกระดิ่งลมดังขึ้น พลันเห็นว่าบนหลังหงส์เขียวตัวนั้น หญิงสาวที่เป็นผู้นำซึ่งอยู่ในชุดสีเขียว ผมงามมวยม้วน ใบหน้างดงามไร้ที่ติเดินนำลงมาก่อน
นางงามมากจริงๆ ทั้งยังดูอ่อนเยาว์มาก เพียงแต่ท่าทางกลับดูเย็นชาและสันโดษเกินไป มีความรู้สึกเย่อหยิ่งที่ราวกับสลักอยู่ในขั้วกระดูก พาให้ไม่กล้าสบตา
ชิงเหลียนเอ๋อร์!
สีหน้าของผู้ฝึกปราณในที่นั้นเปลี่ยนไปอีกครั้ง นี่เป็นถึงธิดาเทพแห่งยุคของเผ่าหงส์เขียวเชียวนะ พรสวรรค์โดดเด่น ความสามารถน่าทึ่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ชื่อเสียงสะเทือนไปทั่วหล้าตั้งนานแล้ว
ผู้ฝึกปราณหลายคนในแดนฐิติประจิมต่างคิดว่า ชิงเหลียนเอ๋อร์ถึงขั้นมีพลังที่สามารถทัดเทียมจี้ซิงเหยา ผู้สืบทอดเรือนกระบี่เร้นปุจฉา!
ชิงเหลียนเอ๋อร์เองก็เป็นผู้กล้าไร้เทียมทานคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย หากไม่พูดถึงความสามารถ เพียงแค่ชื่อเสียงก็เหนือกว่าซาหลิวฉานและจงหลีอู๋จี้ไประดับหนึ่ง
ทันทีที่ชิงเหลียนเอ๋อร์มาถึง สายตาอันเยียบเย็นก็หยุดอยู่ที่หลินสวิน มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย มีความเย่อหยิ่งที่ไม่ปกปิดเลยสักนิด
คำพูดของนางเรียบช้าและผ่อนคลาย พูดนิ่งๆ ว่า “เจ้าก็คือหลินสวินที่ทุกคนยกให้เป็นเทพมารหรือ ดีมาก ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัวเสียที ตอนนั้นข้าเคยบอกว่า ข้าจะให้เจ้าคุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าทุกคน ยอมรับว่าตนไม่ได้เป็นอย่างที่เล่าลือ เจ้า… รู้หรือไม่”
คำพูดนี้ผู้ฝึกปราณในที่นั้นไม่มีใครไม่รู้ ช่วงก่อนหน้านี้ถึงขั้นเป็นที่ฮือฮาไปทั่วทั้งแดนฐิติประจิม
เพียงแต่คำพูดนี้แฝงความดูถูกและเย้ยหยันเทพมารหลินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ตอนนี้ชิงเหลียนเอ๋อร์พูดกับเทพมารหลินต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ นี่ดูตรงไปตรงมาเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ปกปิดแววเย้ยหยันเลยสักนิด ทำให้กลุ่มผู้ฝึกปราณลอบตกใจ
จู่ๆ หลินสวินก็ยิ้ม ดวงตาพินิจชิงเหลียนเอ๋อร์หัวจรดเท้า ก่อนจะพูดเหมือนกำลังใคร่ครวญบางอย่างอยู่ “ที่แท้เจ้าก็คือชิงเหลียนเอ๋อร์คนนั้น ต่ำทรามตามคาด!”
ทุกคนเบิกตาโพลง อึ้งจนอ้าปากค้าง แทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
เมื่อครู่นี้ชิงเหลียนเอ๋อร์ไม่เกรงใจเลยสักนิด ทันทีที่มาถึงก็สร้างความลำบากใจให้เทพมารหลิน แต่เห็นได้ชัดว่าเทพมารหลินก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้รังแกได้ง่ายๆ แข็งกร้าวยิ่งกว่านาง โต้กลับด้วยคำว่า ‘ต่ำทราม’ ตรงๆ!
แม้แต่เหล่าผู้กล้า มุมปากก็กระตุกอย่างยากจะสังเกตเห็นทีหนึ่ง ทอดสายตามองทั่วหล้า ใครบ้างจะกล้าด่าธิดาเทพคนปัจจุบันของเผ่าหงส์เขียวเช่นนี้
ไป๋หลิงซีอมยิ้ม นางเข้าใจหลินสวินดี ตอนอยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่าก็กล้าบีบบังคับให้หลิงเทียนโหวคุกเข่า บนโลกนี้จะมีเรื่องอะไรที่เขาไม่กล้าทำกัน
เพียงแค่ด่าว่าต่ำทรามเท่านั้น นี่ถือว่าเบาแล้ว
แต่ตอนนี้ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะกลับไม่คิดเช่นนี้ พวกเขาต่างมุ่นคิ้ว สีหน้าแฝงความรังเกียจ คิดว่าคำพูดของหลินสวินหยาบช้าและไม่เข้าท่า
เพียงแต่พวกเขากลับมองข้ามไปโดยปริยายว่าคำพูดที่ชิงเหลียนเอ๋อร์พูดเมื่อครู่นี้ ยิ่งแฝงความเย้ยหยันอย่างไม่ปกปิดเลยสักนิด!
ในดวงตาคู่ใสของชิงเหลียนเอ๋อร์สาดประกายน่าหวาดหวั่น ถูกด่าว่าต่ำทรามต่อหน้าทุกคน นี่ทำให้นางเองยังคาดไม่ถึง
นางเป็นถึงธิดาเทพคนปัจจุบันของเผ่าหงส์เขียว ฝึกปราณมาจนถึงวันนี้ ฐานะนางสูงส่งราวกับจันทราบนฟากฟ้า เป็นที่ชื่นชมของผู้คนนับไม่ถ้วน เรียกได้ว่าขอลมได้ลม ขอฝนได้ฝน เคยถูกปฏิบัติเช่นนี้ซะที่ไหน
“ดูเหมือนว่า แม้ตายเจ้าก็ไม่ยอมรับผิดสินะ!”
ไอสังหารพลุ่งพล่านขึ้นในใจชิงเหลียนเอ๋อร์ นางก้าวเข้ามาเบาๆ เงาร่างเพรียวยาวแผ่แสงศักดิ์สิทธิ์อันน่าหวั่นหวาด อานุภาพน่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
นางตัดสินใจแล้วว่าจะลงมือ สังหารหลินสวินเพื่อล้างความอับอาย!
“ช้าก่อน!”
แต่ในเวลานี้เอง คนตระกูลจงหลีที่นั่งคชสารมังกรหยกดำมาก็ตะเบ็งเสียง เข้ามาขัดขวาง
“เทพมารหลินคนนี้เป็นคนที่นายน้อยตระกูลข้าจะกำราบ ขอให้แม่นางถอยสักก้าว ยกเขาให้เป็นอย่างไร”
ชายหนุ่มที่ดูฉลาดเฉียบแหลมคนหนึ่งพูดขึ้น เขามีนามว่าจงหลีขุย นับว่าเป็นบุคคลชั้นยอดคนหนึ่งในตระกูลจงหลีเช่นกัน
“กล้าดีจริง! แม้จงหลีอู๋จี้มาด้วยตัวเองก็ไม่กล้าพูดเพ้อพกเช่นนี้ พวกเจ้าหลบไปไกลๆ จะดีกว่า!”
ชิงเหลียนเอ๋อร์เดือดดาล สายตาราวกับสายฟ้า กลิ่นอายทั่วร่างยิ่งน่าสะพรึง ทำให้พวกของจงหลีขุยสีหน้าเปลี่ยนไป
“เผ่าหงส์เขียว พวกเจ้าทำเกินไปแล้ว มีสิทธิ์อะไรให้พวกข้ายอมถอย” พวกเขาไม่พอใจ ยังคงไม่ถอย
“พอได้แล้ว!”
จู่ๆ ซาหลิวฉานก็ตะโกนออกมา
สีหน้าของเขาเย็นเยียบ เส้นผมสีฟ้าเข้มพลิ้วสยาย เสียงแฝงความเดือดดาล “พวกเจ้าเห็นข้าซาหลิวฉานเป็นตัวอะไร เหยื่อที่ข้าหมายตาไว้แล้ว จะยอมให้พวกเจ้าแทรกแซงได้อย่างไร รีบถอยไปซะ!”
ชั่วขณะนั้นสีหน้าของชิงเหลียนเอ๋อร์และเหล่าคนตระกูลจงหลีต่างอึมครึม พากันหัวเราะเยาะออกมา
“หุบปาก! เผ่าฉลามสมุทรของพวกเจ้าเก่งมาจากไหน มีสิทธิ์อะไรมาแย่งกับตระกูลจงหลีของพวกเรา”
“ซาหลิวฉาน ข้าขอเตือนว่าเจ้าอย่ายุ่งเรื่องนี้จะดีกว่า!”
ซาหลิวฉานเองก็เดือดดาลอย่างสิ้นเชิงแล้ว สายตาเผยความดุร้าย “พวกเจ้าคุยกับข้าอยู่หรือ”
พวกเขาทั้งสามฝ่ายประชันหน้ากัน ด่าว่าและข่มขู่อย่างไม่มีใครยอมใคร ทำให้ผู้ฝึกปราณรอบๆ ต่างอึ้งไม่น้อย
นี่จะแข็งกร้าวเกินไปแล้ว พวกร้ายกาจจากขุมอำนาจใหญ่ทั้งสาม อย่างเผ่าหงส์เขียว เผ่าฉลามสมุทรและตระกูลจงหลีล้วนอยากสังหารเทพมารหลินเป็นคนแรก ถึงขั้นเกิดความขัดแย้งเพราะเรื่องนี้!
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าพวกเขามองเทพมารหลินเป็นเหยื่อ ไม่ยอมให้ใครแตะต้อง ดูเผด็จการอย่างยิ่ง
แม้แต่สีหน้าของเหล่าผู้กล้าที่ติดตามสถานการณ์อยู่ห่างๆ ยังเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
“ดูสิ นี่ก็คือการตกเป็นที่ชิงชัง มีแต่คนโจมตี!” ชั้นเก้าของหอวสันตสารท ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะต่างย่ามใจ
ไป๋หลิงซีไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ ตอนนี้คิ้วดกดำของนางขมวดเล็กน้อย รับรู้ได้ว่าสถานการณ์ของหลินสวินไม่สู้ดีนัก
ถูกขุมกำลังสามฝ่ายมองว่าเป็นเหยื่อ ในใจเขา… คงจะโกรธมากสินะ
สิ่งที่ทำให้ไป๋หลิงซีกังวลที่สุดคือ ในหอวสันตสารทแห่งนี้ยังมีผู้กล้าอีกไม่รู้เท่าไหร่ และไม่รู้ว่าใครยังจะแทรกแซงเรื่องนี้ มองหลินสวินเป็นคู่ต่อสู้ที่จะกำราบอีก
‘ไม้เด่นเกินไพร ลมพัดหักโค่น และหลินสวินก็มาจากโลกชั้นล่าง เรียกได้ว่าไร้ที่พึ่งพิง สำหรับบุคคลชั้นยอดมากมายแล้ว เป็นเป้าหมายที่ดีที่สุดในการกดข่มอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องกังวลว่าจะนำพาผลลัพธ์หรือความเดือดร้อนอันใดมา…’
ไป๋หลิงซีพลันเดาเหตุผลหลายประการออก
นางถึงขั้นมั่นใจว่า หากหลินสวินเป็นลูกศิษย์ของสำนักใดสำนักหนึ่ง คนพวกนี้คงไม่กล้าท้าทายอย่างไม่เกรงกลัวเช่นนี้แน่!
สืบสาวไปถึงต้นเหตุ ก็ล้วนเพราะหลินสวินผงาดเร็วเกินไป ทว่าแม้ศักยภาพของเขาจะแข็งแกร่ง แต่กลับไม่มีภูมิหลังหรืออิทธิพลที่เพียงพอจะสั่นสะเทือนไปทั่วทุกสารทิศได้!
‘อยากผงาดขึ้นด้วยตัวคนเดียวในดินแดนรกร้างโบราณที่หมื่นเผ่ายึดครอง เป็นการยากมากจริงๆ…’ ไป๋หลิงซีถอนหายใจในใจ ยามนี้กลับมีความรู้สึกสงสารอย่างอธิบายไม่ถูก
หลายปีมานี้หลินสวินที่หัวเดียวกระเทียมลีบผ่านมาได้อย่างไร
เบื้องหลัง เขาทุ่มเทความพยายามที่ไม่มีใครรู้ไปเท่าไหร่ ผ่านการโจมตีและความขัดแย้งเช่นนี้มาแล้วเท่าไหร่
ไม่มีใครรู้!
……
บรรยากาศในที่นั้นตึงเครียด ไอสังหารคละคลุ้ง
พวกของชิงเหลียนเอ๋อร์ ซาหลิวฉานและจงหลีขุยประชันหน้ากัน ไม่ปกปิดอานุภาพของตนเลยสักนิด ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ทำให้ผู้ฝึกปราณในที่นั้นต่างอกสั่นขวัญแขวน
หลายสายตาที่มองหลินสวินต่างแฝงความเวทนา คราวนี้เทพมารหลินดวงซวยจริงๆ ถูกมองว่าเป็นเหยื่อ น่าสลดใจนัก
“แย่แล้ว สถานการณ์ของเทพมารหลินไม่สู้ดี สองหมัดยากจะต้านสี่มือ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ไม่เพียงแค่ซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์ที่กำลังแย่งกัน จงหลีอู๋จี้นั่นก็อาจจะปรากฏตัวได้ตลอดเวลา!”
ในใจไป่เฟิงหลิวร้อนรน เขาไม่อยากเห็นหลินสวินถูกกำราบตั้งแต่ก่อนเทศกาลโคมกถามรรคจะเริ่มขึ้นหรอกนะ
“ข้าไปช่วยเขา!”
เยวี่ยเจี้ยนหมิงสูดหายใจเข้าลึกๆ กัดฟันแน่น เหล่าผู้กล้าไร้เทียมทานพุ่งเป้าไปที่หลินสวินโดยพร้อมเพรียง เกิดการแย่งชิงปานกำลังช่วงชิงเหยื่อ นี่จะรังแกกันเกินไปแล้ว!
“เจ้าอย่าไปทำให้เรื่องวุ่นวายกว่าเดิมเลย” ไป่เฟิงหลิวรีบขวางเขาไว้ ขนาดนี้แล้ว เข้าไปตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย
“น่ารำคาญ! พวกเจ้าหุบปากให้หมด!”
ในสถานการณ์ที่วุ่นวายและตึงเครียดนี้ ในที่สุดหลินสวินก็หมดความอดทนแล้ว
ตอนที่พูดเงาร่างหลินสวินไหววูบ ทะยานขึ้นกลางอากาศมาอยู่กลางฟ้าทันใด นัยน์ตาดำราวกับสายฟ้าเย็นชา มองเหยียดหยันลงมา
“อยากตายก็ง่ายมาก พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันเถอะ!” เขาพูดอย่างเยียบเย็น เสียงสะเทือนออกในวงกว้างปานฟ้าคำราม
พริบตานั้นทั่วบริเวณเงียบสงัดลง
ผู้แข็งแกร่งสำนักโบราณและยอดฝีมือตระกูลอิทธิพลมากมาย รวมทั้งผู้กล้าจากทั่วทุกสารทิศ ผู้ฝึกปราณอีกไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ต่างมองไปยังหลินสวินที่อยู่กลางอากาศ
เด็กหนุ่มในชุดสีขาวพระจันทร์ ผมดำพลิ้วไสว ดวงตาเย็นเยียบปลอดปล่อยสายฟ้า สิ่งที่มาพร้อมกับเสียงตะโกนของเขาคือความยโสโอหัง ราวกับเทพมารในตำนานมองเหยียดหยันลงมายังพื้นโลก
ผู้ฝึกปราณทั้งหมดหัวใจสะท้าน ในสถานการณ์เช่นนี้ เทพมารหลินยังคงใจกล้าหาญทะลวงฟ้า จะเผชิญหน้ากับศัตรูทุกคนเพียงลำพัง เพียงลักษณะเช่นนี้ก็พาให้คนนับถือแล้ว
ตอนที่ 852 ศึกโกลาหลไร้เทียมทาน
หลินสวินยืนอยู่กลางอากาศมองเหยียดหยันลงมาเบื้องล่าง จะให้พวกของชิงเหลียนเอ๋อร์เข้ามารนหาที่ตายพร้อมกัน!
ภาพนี้สะท้านใจเกินไปแล้ว
“น่าขัน เจ้าคงอยากตายแล้วจริงๆ สินะ!” ซาหลิวฉานเดือดดาลอย่างสิ้นเชิง
เขาคิดจะลงมือแต่แรกแล้ว ใครจะคิดว่ากลับถูกคนตระกูลจงหลีและชิงเหลียนเอ๋อร์ก่อกวน แย่งชิงกันจนถึงตอนนี้ ทำให้เขาโมโหจนสุดจะทนตั้งนานแล้ว
และยิ่งเห็นหลินสวินคนที่ถูกเขามองเป็นเหยื่อกล้าท้าทายในเวลานี้ นี่ทำให้เขาระงับอารมณ์ไม่อยู่แล้ว
“ตายซะ!”
เขาพลันเปิดโจมตีอย่างแข็งกร้าวโดยไม่สนอะไรอีก ร่างกายอันองอาจห้าวหาญเปล่งแสงเลือดเจิดจ้า โจมตีเข้าไปหมัดหนึ่งโดยตรง
โครม!
ห้วงอากาศระเบิดคำราม แสงเลือดทะลวงฟ้า หมัดนี้ดุร้ายอย่างที่สุด
ผู้ฝึกปราณหลายคนถอยร่น ไม่กล้ายืนอยู่ในบริเวณนั้น หากบุคคลชั้นยอดระดับซาหลิวฉานโกรธขึ้นมา ผลลัพธ์นั้นไม่อาจคาดคิด
หลินสวินก้าวย่างในอากาศ ปล่อยหมัดหนึ่งออกไปปะทะเช่นกัน
ทันใดนั้นทั้งสองเข้าปะทะกันราวกับภูเขาไฟระเบิด แสงศักดิ์สิทธิ์เรืองรองม้วนอากาศ
ผู้คนตกตะลึง ในการประลองครั้งนี้ซาหลิวฉานที่เปิดการโจมตีอย่างเหี้ยมหาญกลับไม่เคยได้เปรียบ สู้กับเทพมารหลินได้เพียงตีเสมอเท่านั้น
“ถือว่าพอมีฝีมือ ฆ่าเจ้าไป ก็ไม่ทำให้ทุกคนคิดว่าข้ารังแกคนที่อ่อนแอกว่า!” ซาหลิวฉานสีหน้าเย็นชา แสงสีทองอร่ามไปทั่วร่างกาย เลือดลมพลุ่งพล่าน มีความอาจหาญที่ไม่มีใครสู้ได้
“พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย วันนี้ฆ่าเจ้าแล้ว จะได้ลิ้มรสเนื้อฉลามสมุทรว่าอร่อยกว่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬหรือไม่” หลินสวินพูดสบายๆ
ตู้ม!
ซาหลิวฉานพุ่งเข้ามา แรงหมัดยิ่งใหญ่สั่นสะเทือนอากาศรอบๆ พลังอันน่าหวั่นหวาดแผ่กระจาย ราวกับฟ้าคำรามกำลังสั่นไหว อานุภาพสะท้านขวัญ
ในชั่วพริบตาเดียวทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ว่องไวจนถึงขีดสุด ทำให้ทุกคนถึงกับตาลาย
กลางอากาศนั่นแสงประกายคำราม พลังพวยพุ่ง สว่างไสวแต่น่าหวาดหวั่น ราวกับเทพสององค์กำลังประจัญบาน ดึงดูดความสนใจของผู้คนทั้งที่นั้น
ต้องยอมรับว่าซาหลิวฉานแข็งแกร่งมาก มากกว่าเหล่าผู้กล้าที่หลินสวินเคยเจอ
ครู่เดียวเท่านั้น พวกเขาก็ได้ปะทะกันหลายสิบครั้งแล้ว ภายใต้แรงหมัดที่คำรามก้องฟ้า ราวกับคลื่นพายุที่ปั่นป่วน แผ่ละอองแสงศักดิ์สิทธิ์อันแสบตา
ครืนโครม!
อากาศราวกับถูกตีจนระเบิด ปรากฏการณ์ประหลาดอันน่าสะพรึงกลัวมาเยือน ความแข็งแกร่งในพลังหมัดของซาหลิวฉานทลายภูผาผ่าสมุทรอย่างแน่นอน เรียกได้ว่าชั้นยอด
แต่เมื่อเทียบกันแล้ว หลินสวินดูแข็งแกร่งยิ่งกว่า ไม่หลบเลยสักนิด สำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์เข้าปะทะอย่างแข็งกร้าว
“สวรรค์! เทพมารหลินไม่ต่างอะไรกับที่ร่ำลือกันเลย สามารถเผชิญหน้ากับบุคคลแห่งยุคอย่างซาหลิวฉานได้!” ผู้ฝึกปราณทุกคนต่างตกใจ
แม้แต่เหล่าผู้กล้าต่างก็นัยน์ตาหดรัด ในใจไม่สามารถสงบได้นัก หรือคำเล่าลือจะเป็นความจริง
เด็กหนุ่มที่มาจากโลกชั้นล่างอันแห้งแล้ง แข็งแกร่งขนาดนี้เลยจริงๆ หรือ
โครม!
บนท้องฟ้า หลินสวินนิ่งครึมและแข็งกร้าว ก้าวย่างกลางอากาศพุ่งสังหารเข้ามา มีความองอาจราวกับสามารถกลืนกินสรรพทิศ
เขาหลอมรวมเคล็ดวิชาเก้าหมัดเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แล้ว ทุกการเคลื่อนไหวพลังหมัดราวกับสามารถสะเทือนสวรรค์ น่ากลัวอย่างที่สุด
ซาหลิวฉานแข็งแกร่งมากจริงๆ พลังศักดิ์สิทธิ์ที่มีมาแต่กำเนิดของเผ่าฉลามสมุทรทำให้เขามีพลังต่อสู้ชั้นยอดในบรรดาคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน สามารถข้ามระดับไปปะทะกับระดับราชันกึ่งระดับได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เสียงปังดังขึ้นคราหนึ่ง ตอนที่หมัดของหลินสวินคำราม แผ่แสงศักดิ์สิทธิ์สีใสอันเรืองรอง แฝงพลังเสียงธรรมโจมตีเข้ามา กลับสะเทือนจนแขนของเขาชาวาบ
นี่ทำให้เขาตะลึง พลังของเจ้าหมอนี่ยิ่งใหญ่น่าประหลาดเกินไป แข็งแกร่งและน่ากลัว!
แม้ซาหลิวฉานจะหยิ่งผยองและอวดดี แต่กลับไม่ได้มองข้ามและดูถูกหลินสวิน
เขาเคยเห็นภาพที่หลินสวินต่อสู้กับหญิงสาวสวมหน้ากากลึกลับนั่น รู้ว่าข่าวลือเกี่ยวกับคนผู้นี้ แม้จะเกินจริงไปบ้าง แต่ถึงอย่างไรก็มีพลังที่แข็งแกร่งถึงขีดสุดอยู่
นี่ก็คือเหตุผลที่เขาอยากกำราบหลินสวิน มีเพียงการยืนอยู่เหนือคู่แข่งที่แข็งแกร่งเช่นนี้ จึงจะสามารถส่งเสริมชื่อเสียงของเขาได้
ถ้าคู่ต่อสู้อ่อนแอเกินไป กลับมีแต่จะทำให้ทุกคนหัวเราะเยาะว่าเขากล้าแค่รังแกคนที่อ่อนแอกว่าเท่านั้น
แต่ตอนนี้พอประชันกับหลินสวินจริงๆ เขายังคงรู้สึกเหนือความคาดหมายไปเล็กน้อย
“น่าสนใจ!”
สายตาของซาหลิวฉานเผยประกายดุร้าย อานุภาพทั่วร่างกายยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขามีความคิดจะสังหารแล้ว
แต่หลินสวินในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าตอนที่สู้กับหญิงสาวสวมหน้ากากลึกลับนั่นไม่ใช่แค่หนึ่งเท่า ได้ก้าวสู่มกุฎมรรคาแห่งระดับกระบวนแปรจุติแล้ว วิชายุทธ์หลอมรวมกับเจตจำนงแห่งมรรค ทำให้พลังต่อสู้ของเขาเปลี่ยนไปอย่างพลิกฟ้าพลิกดินตั้งนานแล้ว
ก่อนหน้านี้ที่กำราบลิ่นไท่เจินราชันกึ่งระดับแห่งเผ่าจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียวได้อย่างง่ายดาย เป็นข้อพิสูจน์ได้ดีที่สุด
ในสถานการณ์เช่นนี้เขาจะกลัวซาหลิวฉานได้อย่างไร
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในบรรดาระดับกระบวนแปรจุติ หลินสวินไม่มีคู่ต่อสู้ที่ต้องกลัวมาตั้งนานแล้ว!
จู่ๆ ในที่นั้นก็มีเสียงตำหนิดังขึ้น “เหยื่อที่ข้าชิงเหลียนเอ๋อร์หมายปอง จะยอมให้ใครมาตัดหน้าได้อย่างไร”
พร้อมๆ กับเสียงนั่น จู่ๆ อากาศก็สั่นสะเทือนราวกับฟ้าคำราม เงาร่างอันงดงามสายหนึ่งพุ่งออกมาโจมตีหลินสวิน ดุร้ายอย่างที่สุด ไอสังหารคับฟ้า
ครืนโครม
ท้องฟ้าสั่นสะเทือน อากาศบริเวณรอบๆ ระเบิดออก การโจมตีนี้น่ากลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ราวกับรุ้งเทพนอกโลกมาเยือน
หลินสวินแค่นเสียงเย็น ในปากเปล่งเสียงคลุมเครือ เผยอานุภาพเสียงคำรามผูเหลาออกมา คลื่นเสียงสีทองแผ่ซ่านกะทันหัน สลายการโจมตีนี้จนแหลกละเอียด
เฮือก!
ผู้ฝึกปราณในที่นั้นสูดหายใจด้วยความตกใจ มองดูอย่างตกตะลึง เห็นชิงเหลียนเอ๋อร์ปรากฏตัวกลางอากาศแล้ว รูปลักษณ์โดดเด่นในชุดสีเขียว ผิวขาวผุดผ่อง ใบหน้างดงามเย็นชาและเย่อหยิ่ง
นางเข้ามาแทรกแซงอย่างแข็งกร้าว ทำลายจังหวะการต่อสู้ของหลินสวินและซาหลิวฉานในทันที และทำให้ทุกคนฮือฮา หรือนี่จะเกิดศึกกลางเมืองขึ้นหรือนี่
“แย่แล้ว!”
ไป๋หลิงซีหัวใจกระตุกวูบ ดวงตาคู่ใสปรากฏความจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นซาหลิวฉานหรือชิงเหลียนเอ๋อร์ ล้วนต้องการสังหารหลินสวินเพื่อความพึงพอใจ ท่ามกลางการกดดันของทั้งสองที่เรียกได้ว่าเป็นผู้กล้าพลิกฟ้า สถานการณ์ของหลินสวินไม่สู้ดีแล้ว!
“สมควรตาย! เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร” สีหน้าของไป่เฟิงหลิวและเยวี่ยเจี้ยนหมิงเองก็เปลี่ยนไป
เพียงแต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของทุกคนคือ หลินสวินไม่เพียงไม่กลัว แต่ยังหลุดขำออกมา “เจ้าตัวต่ำทรามแห่งเผ่าหงส์เขียว เจ้ามาได้จังหวะพอดี พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันเถอะ ข้าจะได้ไม่ต้องไปฆ่าทีละคน!”
ตอนที่พูดเขาก็ก้าวเท้าออกมาก้าวหนึ่ง เสียงครืนโครมดังขึ้น อานุภาพยิ่งทวีความแข็งแกร่ง ชือน้ำแข็งสีขาวหิมะตัวหนึ่งแหงนหน้าทะยานฟ้า พุ่งเข้าใส่ชิงเหลียนเอ๋อร์
ส่วนตัวเขาได้สำแดงอานุภาพของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ ซัดไปทางซาหลิวฉานอีกครั้ง
ตัวคนเดียวจะสู้กับผู้กล้าไร้เทียมทานสองคนในเวลาเดียวกัน!
ตอนที่เห็นภาพนี้ผู้คนทั่วบริเวณนั้นต่างฮือฮา เบิกตาโพลง รู้สึกว่าเลือดทั่วร่างกำลังเดือดพล่าน อานุภาพของเทพมารหลินทำให้พวกเขาโห่ร้องยกใหญ่
ส่วนเหล่าผู้กล้าต่างขมวดคิ้ว แค่เล่นงานเทพมารหลินคนเดียว กลับใช้บุคคลแห่งยุคถึงสองคน เช่นนี้ชนะไปก็ไม่มีเกียรติ
“ชิงเหลียนเอ๋อร์! นี่เจ้าจงใจจะขัดแย้งกับข้าหรือ”
ซาหลิวฉานโกรธจนตะคอกเสียงดังลั่น เขาไม่อยากร่วมมือกับคนอื่นเล่นงานหลินสวินหรอกนะ เขายอมเสียหน้าไม่ได้
ในเวลาเดียวกัน ในใจเขาก็ชิงชังอย่างมาก ตอนนี้หลินสวินกลับจะสู้กับพวกเขาทั้งสองเพียงลำพัง นี่เป็นการดูถูกเขาซาหลิวฉานอย่างไม่ต้องสงสัย!
โครม!
ตอนที่ซาหลิวฉานพูด รอบกายระเบิดแสงสีเลือด สำแดงวิชาลับ น่าหวั่นหวาดอย่างที่สุด หลังจากสลายการโจมตีของหลินสวินได้ กลับพุ่งเข้าไปสังหารชิงเหลียนเอ๋อร์
“ถอยไปซะ!”
เขาตะโกนราวกับฟ้าร้อง แรงหมัดทะลวงฟ้า ท่าทางราวกับจะกำราบสิบทิศ มีความองอาจไร้เทียมทานที่กวาดล้างทั่วทิศ
“ซาหลิวฉาน เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้าหรือ จะบอกให้นะ เทพมารหลินต้องตายในมือข้าแน่ ใครกล้าขวาง คนผู้นั้นก็จะเป็นศัตรูของข้า!”
ดวงตาคู่ใสของชิงเหลียนเอ๋อร์เยียบเย็น ความดุร้ายทั่วร่างทะลวงฟ้า มือเรียวยาวพลันโบกกวาด แสงศักดิ์สิทธิ์แหลมคมสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้น ล้อมรอบด้วยพลังเจตจำนงแห่งมรรคเข้าปะทะกับซาหลิวฉาน
ตูมโครม!
ชั่วขณะเดียวการต่อสู้กลางอากาศกลับสับสนวุ่นวายขึ้นมา
หลินสวินหมายจะเผชิญหน้าหนึ่งต่อสอง แต่ชิงเหลียนเอ๋อร์กับซาหลิวฉานไม่ยอม ทั้งสองต่างตั้งใจเข้าไปสังหารหลินสวินคนเดียว และไม่ยอมเปลี่ยนท่าทีด้วย
พลันเห็นว่าบนอากาศหลินสวินต่อสู้อย่างดุเดือด บางครั้งสู้กับซาหลิวฉาน บางคราวสู้กับชิงเหลียนเอ๋อร์ โดยไม่กลัวอะไรเลย
ชิงเหลียนเอ๋อร์และซาหลิวฉานก็เช่นกัน ตอนที่พวกเขาจะเล่นงานหลินสวิน มักถูกอีกฝ่ายก่อกวนจนไม่อาจไม่สู้กันเอง
ทั้งสามคนต่อสู้กันเช่นนี้ กลับกลายเป็นศึกโกลาหลไร้เทียมทานที่หาดูได้ยาก!
เหล่าผู้ฝึกปราณในที่นั้นต่างอึ้งจนอ้าปากค้าง พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า การต่อสู้พลิกฟ้าครั้งนี้จะกลายเป็นเช่นนี้เสียได้
ทว่าการต่อสู้ในรูปแบบนี้กลับทำให้ทุกคนได้เปิดหูเปิดตา เรียกได้ว่าหาดูได้ยากอย่างที่สุด
ในอดีตที่ผ่านมา น้อยมากที่จะเกิดการต่อสู้ที่แปลกประหลาดเช่นนี้!
ส่วนเหล่าผู้กล้าที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ตะลึงเช่นกัน รู้สึกประหลาดใจและเหนือความคาดหมาย แต่ไม่นานพวกเขาก็เพ่งสมาธิไปที่การต่อสู้
สถานการณ์การต่อสู้ในตอนนี้ ไม่ว่าจะกับเทพมารหลินหรือซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์ ล้วนกลายเป็นสถานการณ์ที่สกัดกั้นและเข่นฆ่ากันเองอยู่รางๆ โดยทั่วไปเรียกได้ว่าเสมอกันแล้ว
หากจะนับจริงๆ เทพมารหลินเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะอีกสองคนต่างคิดแต่จะฆ่าเขา นี่ทำให้เขาโดนโจมตีอย่างน่ากลัวที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย
ตรงกันข้าม ชิงเหลียนเอ๋อร์และซาหลิวฉานแม้จะขัดขวางกันเอง ไม่มีใครยอมให้อีกฝ่ายสังหารเทพมารหลินก่อนได้ แต่ถึงอย่างไรความขัดแย้งระหว่างทั้งสองก็ยังไม่ถึงขั้นจะฆ่ากันจริงๆ
นี่ก็หมายความว่า แม้พวกเขาจะต่อสู้กัน ก็ไม่สามารถลงมือรุนแรงได้
‘ไม่ว่าอย่างไรหลินสวินก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ สองคนนั้นรังแกกันเกินไปแล้ว!’ ไป๋หลิงซีขมวดคิ้วแน่น ในใจกรุ่นโกรธอย่างมาก รู้สึกเดือดดาลแทนหลินสวิน
และมีผู้ฝึกปราณหลายคนตระหนักถึงจุดนี้ เห็นถึงความไม่ยุติธรรมในสถานการณ์ของหลินสวิน แต่นอกจากลอบถอนหายใจในใจ กลับไม่กล้าพูดอะไรมาก
ไม่ว่าจะเป็นเผ่าหงส์เขียวหรือเผ่าฉลามสมุทร ล้วนไม่ใช่คนที่พวกเขาจะล่วงเกินได้ แม้พวกเขารู้สึกเสียดายแทนหลินสวิน ก็ทำได้เพียงเห็นใจในใจเท่านั้น
ครืนโครม!
กลางอากาศ หลินสวินต่อสู้อย่างสับสนวุ่นวายกับบุคคลแห่งยุคสองคน สำแดงการต่อสู้อันเป็นประวัติกาล
สิ่งที่ทำให้ทุกคนลอบตะลึงคือ หากแม้จะเป็นเช่นนี้ เทพมารหลินกลับไม่เคยเผยสัญญาณว่าจะพ่ายแพ้ ถึงขั้นไม่เคยถูกกำราบ ดูแข็งแกร่งและน่ากลัวอย่างที่สุด!
สีหน้าของชิงเหลียนเอ๋อร์ยิ่งเยียบเย็นกว่าเดิม นัยน์ตาคู่ใสฉายไอสังหาร
ซาหลิวฉานโกรธจนหน้าเขียว เพลิงโทสะพลุ่งพล่าน
ทั้งสองตระหนักได้ว่า ต่อสู้กันแบบนี้ต่อไปมีแต่จะทำให้ผู้คนหาว่าพวกเขารังแกหลินสวิน แม้สุดท้ายจะชนะ ก็ไม่ใช่ชัยชนะที่น่าภูมิใจ
นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่พวกเขาต้องการ!
แต่ไม่นานสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่กล้าคิดมากอีก เพราะหลินสวินในตอนนี้ จู่ๆ พลังต่อสู้ก็พุ่งสูงขึ้น อานุภาพที่เผยออกมาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น นี่ทำให้พวกเขาทั้งสองต่างรู้สึกถึงความกดดันอย่างพร้อมเพรียงกัน!
เป็นไปได้อย่างไร
ในใจทั้งสองต่างตะลึง
ตอนที่ 853 อานุภาพไม่อาจต้าน
เป็นไปได้อย่างไร
ซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์ต่างตกใจ
ก่อนหน้านี้พวกเขาพยายามสังหารเทพมารหลินให้ได้เป็นคนแรก ต่างใช้ท่าไม้ตายและสำแดงความสามารถที่แท้จริงของตัวเองออกมา คิดไปตามจิตใต้สำนึกว่า หากไม่ใช่เพราะพวกเขาสองคนขัดขวางกันเอง ตอนนี้คงฆ่าเทพมารหลินได้ตั้งนานแล้ว
แต่ใครจะคิดว่าความจริงกลับตรงข้าม!
แม้เทพมารหลินเผชิญการโจมตีอย่างรุนแรงของพวกเขาทั้งสอง แต่ไม่เพียงไม่เคยถูกกำราบ กลับยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ถึงขั้นทำให้พวกเขารับรู้ได้ถึงแรงกดดันหนึ่ง
นี่จะไม่ให้พวกเขาหวั่นไหวได้อย่างไร
“ฆ่า!”
ซาหลิวฉานตะโกน ราวกับเทพเถื่อนองค์หนึ่ง แข็งแรงมีพลัง ร่างกายประหนึ่งหลอมขึ้นจากเลือดหยก เจิดจ้าเป็นประกาย พุ่งทะยานขึ้นไป
เขาเป็นถึงบุตรเทพเผ่าฉลามสมุทร เป็นทายาทสัตว์ปีศาจบรรพกาลอยู่แต่เดิม มีกำลังอันยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน ยามนี้โจมตีอย่างเดือดดาล พลานุภาพพลันแตกต่างจากเดิม
“หึ!”
ในเวลาเดียวกันชิงเหลียนเอ๋อร์เองก็ถูกกระตุ้นจนโกรธอย่างสิ้นเชิงแล้ว เงาร่างเพรียวยาวของนางแผ่แสงสีเขียวออกมา บนใบหน้างดงามเย็นชาเต็มไปด้วยความดุร้าย
ชิ้ง!
นางเรียกดาบโค้งสีเขียวที่ราวกับปีกนกเล่มหนึ่งออกมา อักษรสัญลักษณ์ด้านบนไหลเวียน นี่เป็นสมบัติลับที่ยิ่งใหญ่ไร้ที่เปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าสู้กันมาจนถึงตอนนี้ หลินสวินพอจะรู้ความสามารถของทั้งสองคร่าวๆ แล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว
เขาพุ่งเข้าตรงกลาง ร่างกายที่สง่างามอาบแสงศักดิ์สิทธิ์ นัยน์ตาเย็นชาเบิกโพลง สาดแสงประกาย ราวกับมหาเทพมาร อานุภาพน่าหวั่นหวาด
ครืนโครม!
การต่อสู้กลางอากาศดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ที่ตรงนั้นแสงประกายพวยพุ่ง เลือดลมพลุ่งพล่าน สายลมรุนแรง หากเกิดขึ้นในเมืองเกรงว่าคงนำพาวิบัติภัยที่ไม่อาจคาดเดาได้อย่างแน่นอน
ตู้ม!
ในการต่อสู้ หลินสวินใช้แรงหมัดสลายการป้องกันของซาหลิวฉานโดยตรง จากนั้นพุ่งปะทะอย่างแข็งกร้าว ลมหมัดที่ส่องประกายแสบตาสะเทือนจนง่ามนิ้วของซาหลิวฉานแตก เลือดสดสาดกระเซ็น
หลินสวินในตอนนี้เผด็จการอย่างที่สุด พลังต่อสู้ทั่วทั้งร่างพลุ่งพล่าน มีอานุภาพกวาดล้างสรรพทิศ
ปัง!
แรงหมัดของเขาน่ากลัวเกินไป ทำให้ห้วงอากาศแถบนี้ถูกแสงเจิดจ้าปกคลุม แสบตาอย่างที่สุด ท้องฟ้าทั้งผืนราวกับถูกสะเทือนไหว คำรามและสั่นสะเทือนไปตามแรงหมัด
ทันใดนั้นซาหลิวฉานพลันเซถอย ถูกซัดจนเลือดลมทั่วร่างพลิกตลบ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเดือดดาลถึงขีดสุดทันที
“เป็นไปได้อย่างไร!” เขาตะโกนอย่างฉุนเฉียว เขาเคยสืบข่าวต่างๆ เกี่ยวกับหลินสวินอย่างละเอียดที่หน้าต้นข่าวสาร และเห็นว่าหากตนลงมือก็สามารถกำราบอีกฝ่ายได้
เพียงแต่ซาหลิวฉานกลับไม่เคยคิดว่า สิ่งที่เขารู้คือหลินสวินในช่วงก่อน หลินสวินในตอนนี้ได้ผ่านมหาเคราะห์สามพิบัติมาตั้งนานแล้ว ได้เปลี่ยนแปลงสู่ระดับใหม่อย่างสิ้นเชิง แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนอย่างมาก!
ผู้คนในที่นั้นตะลึง อุทานเสียงหลง รู้สึกยากจะเชื่อ
พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเทพมารหลินที่เดิมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถูกบุคคลแห่งยุคชั้นยอดสองคนกดข่มอย่างต่อเนื่อง กลับเริ่มเป็นฝ่ายคุกคามในสถานการณ์เช่นนี้!
เหล่าผู้กล้าเองก็ตะลึง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้พวกเขาจะไม่เต็มใจแต่ก็จำต้องยอมรับว่า ก่อนหน้านี้พวกเขาดูถูกเทพมารหลินเกินไป
นี่ทำให้พวกเขาต่างไม่สบายใจมาก
ครืนโครม!
ท้องฟ้าเขย่าแผ่นดินสะเทือน
เพิ่งซัดซาหลิวฉานจนถอยไป เงาร่างของหลินสวินพริบไหว ทะยานขึ้นแล้วยื่นมือออกไป โคจรความเร้นลับของผนึกป้าเซี่ย หยุดดาบที่โจมตีเข้ามาของชิงเหลียนเอ๋อร์ในชั่วพริบตา
และหลินสวินก็ฉวยโอกาสนี้พุ่งไปข้างหน้า ปล่อยหมัดที่ผสมผสานเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์อันมหัศจรรย์และสมบูรณ์แบบออกไปอย่างรุนแรง
ตูม!
หมัดนี้ทำให้อากาศถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ราวกับเศษผ้า อานุภาพเกินต้านทาน เผด็จการถึงขีดสุด กระแทกดาบโค้งสีเขียวนั่นโดยตรง
ชิงเหลียนเอ๋อร์สั่นเทิ้มไปทั้งกายราวกับถูกฟ้าผ่า รู้สึกแน่นหน้าอก ทรมานจนเกือบจะกระอักเลือด จำต้องถอยหนีไป ดาบโค้งสีเขียวของนางยิ่งเกือบจะปลิวหลุดมือไป
ครืนโครม~~~ ตรงตำแหน่งที่นางยืนอยู่ตอนแรก อากาศระเบิดกลายเป็นกระแสปั่นป่วนแผ่กระจายออกมา นี่ทำให้ในใจชิงเหลียนเอ๋อร์หวาดหวั่นขึ้นมาระลอกหนึ่ง พลันขมวดคิ้ว เหตุใดจึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
ทว่าแม้จะเสียเปรียบไปเล็กน้อย แต่ไม่ว่าจะเป็นซาหลิวฉานหรือชิงเหลียนเอ๋อร์ ก็สมกับที่เป็นบุคคลแห่งยุคชั้นยอดรุ่นเยาว์ ไม่บาดเจ็บเลยสักนิด
เพียงแต่สีหน้าของพวกเขาต่างแฝงความจริงจัง ตระหนักได้ว่าเทพมารหลินที่อยู่ตรงหน้า คงจะมีรากฐานพลังอันน่ากลัวที่สามารถกำราบคนในระดับเดียวกันได้เหมือนกับพวกเขา
นี่คือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง!
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ทั้งสามสู้กันอย่างวุ่นวายอลม่าน กลางท้องฟ้า เมฆแตกสลาย อากาศปั่นป่วน ตกอยู่ท่ามกลางความสั่นสะเทือน
ส่วนผู้ฝึกปราณในที่นั้นได้แต่อึ้งค้างอยู่กับที่ไปนานแล้ว ในใจถูกความตะลึงอันไร้ขีดจำกัดท่วมท้น
ช่างสมกับที่เป็นเทพมารหลิน!
อวดอ้างชื่อซะที่ไหนกัน ไม่สมคำร่ำลือซะที่ไหนกัน นี่มันดุร้ายและผงาดผยองยิ่งกว่าในข่าวลือชัดๆ!
ภายใต้การโจมตีของผู้กล้าไร้เทียมทานสองคน ยังสามารถสู้มาได้ถึงตอนนี้ ถึงขั้นที่เคยซัดคู่ต่อสู้จนล่าถอย อานุภาพที่ไร้เทียมทานเช่นนี้ ทอดสายตามองไปในบรรดาคนรุ่นเยาว์จะมีสักกี่คนที่สามารถทำได้
“ภายใต้ชื่อเสียงอันรุ่งโรจน์ ไม่เคยมีผู้อ่อนแอ!” มีผู้ฝึกปราณรุ่นอาวุโสทอดถอนใจ ประโยคเดียวก็พิสูจน์แล้วว่า คำวิจารณ์ของผู้ฝึกปราณมากมายที่มีต่อหลินสวินก่อนหน้านี้น่าขันแค่ไหน
“เด็กนี่พลังต่อสู้น่าทึ่งจริงๆ ในบรรดาคนรุ่นเดียวกันยากจะมีคนสู้ได้แล้ว” ผู้กล้าหลายคนในที่นั้นติดตามสถานการณ์อยู่ตลอด ตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็กล้าฟันธงแล้วว่า ความสามารถของหลินสวินถือว่าเป็นบุคคลชั้นยอดแห่งยุคในบรรดาคนรุ่นเยาว์แล้ว
“ไม่ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะแพ้ชนะอย่างไร ในเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ พวกเราก็มีคู่แข่งที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว”
แววตาของมู่เจี้ยนถิงศิษย์สืบทอดแท้จริงรุ่นเยาว์แห่งอารามพรางมรกตสาดประกาย ราวกับกระบี่ดาบปะทะกัน
“เหนือความคาดหมายจริงๆ ได้ยินว่าเด็กคนนี้ก็เป็นผู้ฝึกปราณที่มาจากโลกชั้นล่าง แต่รากฐานและพลังที่เขามีเรียกได้ว่าน่าทึ่ง หากเจอเขาในเทศกาลโคมกถามรรค ต้องมองเขาในฐานะศัตรู!”
หลี่ชิงฮวนบุคคลชั้นยอดรุ่นเยาว์แห่งสำนักยุทธ์สมุทรครามพูดเสียงเบา เสียงแฝงความจริงจังและเคร่งขรึม
“คู่ต่อสู้เช่นนี้จึงจะน่าตื่นเต้น หากอ่อนแอเกินไปก็น่าเบื่อ” เหลยเชียนจวิน เหลยโหวน้อยแห่งเผ่ามหาอสนีเองก็ส่งเสียงอย่างกึกก้องทรงพลัง มีอานุภาพกดดันปานระเบิด
นอกจากพวกเขา ในที่นั้นยังมีบุคคลไร้เทียมทานอย่างพวกเขาอีกไม่น้อย ท่าทีที่มีต่อหลินสวินล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ เพราะการต่อสู้ในครั้งนี้
ส่วนเหล่าผู้กล้าที่ก่อนหน้านี้เยาะเย้ยและดูถูกหลินสวิน ตอนนี้สีหน้าต่างอึมครึมเล็กน้อย ในใจตะลึงอย่างไม่สามารถสงบได้
เดิมทีจิตใต้สำนึกของพวกเขาคิดว่าหลินสวินมาจากโลกชั้นล่าง ฐานะข้นแค้น ข่าวลือเกี่ยวกับเขาก็ล้วนบิดเบือน มองว่าเขาเป็นคนที่ไม่ได้มีดีสมชื่อ เที่ยวแอบอ้างหลอกลวงคนอื่น เป็นที่เหยียดหยามและดูถูกมาก
แต่ตอนนี้ศึกที่อยู่ตรงหน้าได้พิสูจน์ว่าพวกเขาคิดผิดอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังผิดมหันต์อีกด้วย!
ความจริงข้อนี้เหมือนฝ่ามือล่องหนที่สะบัดใส่หน้าพวกเขาอย่างแรง เจ็บแสบทรมานและยากจะยอมรับ
“นี่ๆๆๆ…” ในหอวสันตสารท เยี่ยนสยาในเสื้อคลุมนกกระเรียนสีเพลิงเบิกตาโพลง ท่าทางไม่กล้าเชื่อ
ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะคนอื่นๆ ก็เช่นกัน สีหน้าต่างอึมครึมไม่สงบ หัวสมองมึนงง
เมื่อครู่นี้พวกเขาเพิ่งเหยียดหยามและเย้ยหยันหลินสวิน คิดว่าเขาจะต้องประสบเคราะห์ เหมือนหนูข้างถนนที่ใครๆ ต่างรังเกียจ
แต่พริบตาเดียวทุกอย่างก็เปลี่ยนไป!
เทพมารหลินที่ถูกพวกเขาดูถูก กลับสู้กับบุคคลไร้เทียมทานสองคนอยู่กลางอากาศจนถึงตอนนี้ เผยพลังต่อสู้อันแข็งแกร่งที่เหนือกว่าคนรุ่นเดียวกัน!
นี่เหลือเชื่อเกินไปแล้ว พวกเขาลองถามใจตัวเอง หากเป็นพวกเขา เกรงว่าคงไม่สามารถแสดงอานุภาพที่ยิ่งใหญ่ท่ามกลางศึกโกลาหลเหมือนอย่างเทพมารหลินได้
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
หรือพวกเขาดูผิดไปจริงๆ
และตอนนี้ไป๋หลิงซีในชุดสีขาวหิมะที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง ในปากพ่นคำสี่คำออกมาเบาๆ โดยไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ “กระต่ายตื่นตูม”
ทันใดนั้นพวกของเยี่ยนสยาสั่นเทิ้มไปทั้งกาย สีหน้าต่างอึดอัดและอักอ่วน
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหลินสวิน ไป๋หลิงซีก็เคยบอกแล้วว่า รอได้เห็นฝีมือของหลินสวิน หวังว่าพวกเขาอย่าได้ตกตื่นเป็นกระต่ายตื่นตูม
เพียงแต่พวกเขาไม่เห็นด้วยเลยสักนิด คิดว่านี่เป็นเรื่องน่าขันมาก พวกเขาเป็นถึงผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะ จะแตกตื่นแบบนั้นได้อย่างไร
แต่ตอนนี้พวกเขาค้นพบแล้วว่าตนเองกลับกลายเป็นคนที่น่าขัน…
นี่ทำให้ใบหน้าของพวกเขาต่างข่มอารมณ์ไม่อยู่ รู้สึกยากจะรับไหวเหมือนกินแมลงวันเข้าไป แต่ก็ไม่สามารถท้วงเถียงได้ สีหน้าเปลี่ยนเป็นหลากสีสันขึ้นมาในชั่วขณะ
ทว่าไป๋หลิงซีคร้านจะโจมตีพวกเขาต่อ ตอนนี้การต่อสู้บนท้องฟ้ายิ่งดุเดือดขึ้นแล้ว ดึงดูดความสนใจทั้งหมดของนาง
……
ตูม!
ซาหลิวฉานแทบคลั่งแล้ว สู้กันมาตั้งนานยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ ทำให้สีหน้าเขาเริ่มข่มอารมณ์ไม่อยู่ เงาร่างของเขาวาดไปตามแนวขวางราวกับสายฟ้า ทวีความแข็งกร้าว เคลื่อนไหวปานจะผลักสุริยันจันทรา อานุภาพดุดันสะท้านขวัญ
เงาร่างของหลินสวินพริบไหวคราหนึ่งก็หลบไปได้ ระหว่างยกมือขึ้นก็สำแดงวิชาลับประทับปี้อั้นเข้าปะทะกับชิงเหลียนเอ๋อร์ที่พุ่งสังหารมาจากอีกด้าน
ตูมโครม!
ห้วงอากาศสั่นสะเทือน แสงศักดิ์สิทธิ์สาดประกาย
ซาหลิวฉานเดือดดาลกว่าเดิม แววตาของเขาเย็นชา บนร่างที่เจิดจรัสปรากฏสัญลักษณ์เจิดจ้ามากมาย นั่นคือลายกระดูกพรสวรรค์ที่แท้จริง แฝงความเร้นลับอันไร้ที่เปรียบของสายเลือดฉลามสมุทรซึ่งเป็นสัตว์ปีศาจบรรพกาล เมื่อสำแดงออกมา ปรากฏแสงเลือดหมื่นสาย!
มีเสียงธรรมปานเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องขึ้นรางๆ สะเทือนไปทั่วทิศ แผ่กระจายสู่เก้าสวรรค์
ทันใดนั้นด้านหลังซาหลิวฉานราวกับมีฉลามสมุทรสีเลือดที่ใหญ่ประมาณหมื่นจั้ง บดบังฟ้าดินปรากฏขึ้น กลิ่นอายอันน่าหวั่นหวาดอบอวลไปทั่วราวกับจะกลืนกินโลก!
สีหน้าของคนทั้งลานต่างเปลี่ยนไป แม้แต่เหล่าผู้กล้ายังหรี่ตาลง ตระหนักได้ว่าภายใต้ความเดือดดาล ซาหลิวฉานได้เผยยอดวิชาพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวออกมาแล้ว!
ในใจหลินสวินสะท้าน ไม่กล้ารอช้า พลันโคจรความเร้นลับทั้งหมดของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ออกมาจนถึงขีดสุด สะบัดหมัดออกไป
ตูม!
หมัดเดียวที่พราวพร่างแสบตาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ราวกับทะลุผ่านกาลเวลา มีพลังสังหารที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ดุร้ายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ชั่วขณะนั้นท่ามกลางแรงหมัดที่แผ่กระจาย ถึงกับเกิดปรากฏการณ์ประหลาดที่สุริยันจันทราโคจร ภูผาทลายมหาสมุทรร้องครวญ หมื่นวิญญาณพังทลาย
อีกด้านชิงเหลียนเอ๋อร์ที่พุ่งสังหารเข้ามาสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน ดึงตัวถอยหนีไปไกลกะทันหัน นางตระหนักได้ถึงความน่ากลัวและอันตราย
และในเวลานั้นเอง การโจมตีอันพลิกฟ้าของหลินสวินและซาหลิวฉานปะทะเข้าหากัน
ทันใดนั้นเสียงระเบิดที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินดังสนั่น ราวกับภูเขาแสนลูกถล่มทลายในชั่วขณะ แสงศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงแผ่กระจายไปทั่วแปดทิศ บดขยี้ห้วงอากาศจนแหลกละเอียด
บนพื้นดิน สิ่งก่อสร้างหลายอย่างได้รับผลกระทบ ถูกทำลายและสลายหายไปในชั่วพริบตา ผู้ฝึกปราณหลายคนหลบไม่ทัน ถูกคลื่นกระทบที่น่ากลัวพัดออกไปอย่างรุนแรง
ชั่วพริบตาเดียว ในรัศมีร้อยลี้นี้ถึงขั้นเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ทรายบินหินปลิวอยู่ทุกหนแห่ง สับสนวุ่นวายไม่เหลือสภาพ เสียงอุทานด้วยความตกใจและเสียงกรีดร้องก็ดังลั่นขึ้นตามมา
มีเพียงหอวสันตสารทที่ถือว่าปลอดภัยไม่ได้รับความเสียหาย หอแห่งนี้เป็นหอเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง เคยมีร่องรอยของอริยบุคคลบรรพกาล จึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจเรื่องพวกนี้ ทุกสายตาล้วนเจือความตะลึงที่ยากจะเชื่อ จ้องกลางอากาศตาไม่กะพริบ
ที่ตรงนั้นซาหลิวฉานถูกซัดจนเซถอยไปไกลสิบกว่าจั้ง ใบหน้าอึดอัดจนแดงก่ำ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวกระอักเลือดสีแดงสดออกมา
ทันใดนั้นทั่วทั้งลานพลันตะลึง!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น