Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 816-821
ตอนที่ 816 นักชำนาญวิญญาณ
ProjectZyphon
ถนนในเมืองเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก สามารถมองเห็นต้นก่วมหิมะที่กระจ่างพร่างพราวได้ทั่วทุกมุม
ต้นไม้โบราณชนิดนี้มีสีขาวแวววาวทั้งต้นราวกับก่อตัวจากหิมะน้ำแข็ง ปกคลุมด้วยหมอกสีขาวจาง เมื่อทอดสายตามองไป ต้นไม้นับพันนับหมื่นต้นราวกับกำแพงหยกขาว เลือนรางสดใส งดงามอย่างยิ่ง
นี่คือทัศนียภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองก่วมหิมะ
ว่ากันว่าในสมัยโบราณ ที่นี่เคยมีต้นก่วมหิมะต้นหนึ่งแจ้งมรรค ในวันที่กลายเป็นอริยะ ใบไม้ปลิวไสวราวกับเกล็ดหิมะ สำแดงเหตุการณ์อัศจรรย์ที่ใบไม้บดบังท้องฟ้า หิมะน้ำแข็งปรากฏทั่วทั้งเมือง
หลินสวินกลับไม่มีกะจิตกะใจจะชื่นชมทิวทัศน์ที่งดงามนี้ เขาสวมเสื้อคลุม ปีกหมวกปิดใบหน้า เดินอยู่บนถนนอย่างเร่งรีบ
‘เผ่าวาทวาโยช่างเป็นตัวปากโป้งที่มีชื่อเสียงแห่งยุคจริงๆ เผยแพร่ข่าวไวกว่าใคร!’ หลินสวินลอบวิจารณ์
เขาเข้าเมืองมาก่อนอวี๋เสวี่ยเจียวและน้องชาย ทั้งยังมาถึงหน้าต้นข่าวสารนั่นก่อน
ตอนแรกอยากดูว่าช่วงนี้มีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้น ใครจะคิดว่าข่าวฮือฮาที่เห็นล้วนเกี่ยวข้องกับตน…
หากไม่ใช่เพราะเขามือไวตาไว รีบใช้เสื้อคลุมบดบังใบหน้าเอาไว้คงถูกจำได้แล้ว
‘เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬนี่ต่ำช้าจริงๆ ดันติดประกาศนำจับข้า คิดว่าข้ารังแกได้ง่ายจริงๆ หรือ’
หลินสวินคิดถึงประกาศนำจับที่เห็นเมื่อครู่นี้ ไอสังหารก็พลุ่งพล่านขึ้นในใจอย่างควบคุมไม่อยู่
หลังออกจากนครเตโช เขาถูกตามฆ่ามาตลอดทาง เจออันตรายไม่รู้เท่าไหร่
ตอนนี้ยังไม่ทันที่เขาจะไปชำระความ อีกฝ่ายกลับติดประกาศนำจับ หมายจะประกาศจับเขาทั่วทั้งแดนฐิติประจิม
นี่เป็นการทำทุกวิถีทางเพื่อฆ่าเขาอย่างไม่ต้องสงสัย!
‘ช่างเถอะ รอให้เสร็จธุระก่อนค่อยไปคิดบัญชีกับหมาดำสารเลวพวกนี้’ หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ พลางตัดสินใจ
……
หอหิมะล้ำค่า
นี่เป็นร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดของเมืองก่วมหิมะ ด้านในขายสมบัติ ของมีค่า ลูกกลอนโอสถ สมบัติวิญญาณ… สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ฝึกปราณในเมืองได้อย่างเต็มที่
ไม่นานหลินสวินก็ปรากฏตัวที่นี่ และได้รับการต้อนรับอย่างกระตือรือร้นจากผู้ดูแลหญิงคนหนึ่ง
“ข้าอยากขายวัตถุดิบวิญญาณจำนวนหนึ่ง เจ้าช่วยจัดการให้ข้าหน่อย” หลินสวินพูดสั้นๆ ตรงประเด็น
ผู้ดูแลหญิงอึ้งไป อดถามไม่ได้ “คุณชายจะขายวัตถุดิบวิญญาณระดับใด จำนวนเท่าไหร่ หากน้อยเกินไป…”
หลินสวินฟังความสงสัยในคำพูดของผู้ดูแลหญิงออก พลันพูดตัดบทว่า “คุณภาพของวัตถุดิบวิญญาณนับว่าไม่เลว จำนวนก็มากพอ ตอนนี้ข้าเพียงเป็นห่วงว่าหอหิมะล้ำค่าของพวกเจ้าจะรับไหวหรือไม่”
ผู้ดูแลหญิงยิ้มอย่างหยิ่งผยองมาก กล่าวเรียบๆ “คุณชายคงไม่รู้ว่าหอหิมะล้ำค่าของเราเป็นถึงร้านค้าอันดับหนึ่งในเมือง ทั่วทั้งเมืองก่วมหิมะนี้ จนปัจจุบันยังไม่มีสินค้าที่หอหิมะล้ำค่าของเรารับไม่ไหว”
หลินสวินขานรับว่าอ้อ ก่อนจะยิ้มพูด “เช่นนี้ก็ดีมาก ข้าอยากเชิญนักประเมินทรัพย์คนหนึ่ง หลังจากนั้นเตรียมแกนวิญญาณให้มากพอ พวกเราก็สามารถแลกเปลี่ยนได้ทันที”
เขาต้องทำเวลา สำหรับเขาเมืองก่วมหิมะไม่ใช่สถานที่ที่จะอยู่ระยะยาว แม้แต่ประกาศนำจับก็ปรากฏออกมาแล้ว หากร่องรอยรั่วไหลออกไป จะต้องนำพาคลื่นลมไม่น้อยเข้ามาแน่
เห็นหลินสวินมั่นใจเช่นนี้ผู้ดูแลหญิงเองก็ไม่กล้ารีรออีก พาเขาเข้าไปในห้องหรูหราที่เงียบสงบ แล้วจากไปอย่างเร่งรีบ
ไม่นานผู้ดูแลหญิงก็กลับมา ข้างกายมีชายหญิงคู่หนึ่งเพิ่มเข้ามา
“คุณหนู เป็นคุณชายท่านนี้ที่ต้องการขายวัตถุดิบวิญญาณ” ผู้ดูแลหญิงแนะนำเสียงเบา
เพียงแต่นางกลับพบอย่างน่าแปลกว่าแวบแรกที่คุณหนูเห็นอีกฝ่ายก็ราวกับต้องคำสาป ท่าทางตกตะลึง
ไม่เพียงแค่คุณหนู แม้แต่คุณชายน้อยก็ตกตะลึงอ้าปากค้าง ท่าทางราวกับเห็นผี
ในเวลาเดียวกันหลินสวินก็อึ้งไปเช่นกัน ลอบพูดในใจว่าบังเอิญจริง ไม่นึกเลยว่าจะเป็นพี่น้องคู่นี้
นี่มันอวี๋เสวี่ยเจียวและอวี๋เสวี่ยเทียน!
พวกเขาเพิ่งกลับหอหิมะล้ำค่า ก็ได้ยินคนรายงานว่ามีลูกค้าคนหนึ่งจะขายวัตถุดิบวิญญาณจำนวนมาก ทั้งยังเป็นห่วงว่าหอหิมะล้ำค่าจะรับไม่ไหว นี่ทำให้พวกเขาทั้งโกรธทั้งรู้สึกว่าน่าขัน
ตระกูลอวี๋ของพวกเขาดำเนินกิจการหอหิมะล้ำค่ามาหลายพันปี ไม่เคยมีลูกค้าคนไหนกล้าคุยโวแบบนี้มาก่อน
ด้วยความสงสัย พวกเขาจึงตัดสินใจมาดูว่าลูกค้าคนนี้เป็นอริยเทพจากไหนกัน ถึงได้กล้าคุยโวเช่นนี้
ถึงขั้นที่ในใจยังสงสัยว่า เป็นคู่แข่งจงใจมาก่อความวุ่นวายหรือเปล่า
เพียงแต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอหลินสวินที่นี่!
นึกถึงข่าวฮือฮาที่ได้ยินหน้าต้นข่าวสาร สองพี่น้องนี้ล้วนมีความรู้สึกไม่สมจริง
เด็กหนุ่มผู้กล้าที่ราวกับเทพมารซึ่งตอนนี้ในเมืองก่วมหิมะลือกันอย่างดุเดือด กลับปรากฏตัวที่นี่?
นี่หากเผยแพร่ออกไปจะนำพาความฮือฮาที่ใหญ่โตกว่าหรือไม่
แม้ใบหน้าของหลินสวินถูกปีกหมวกบดบังไปกว่าครึ่ง แต่อวี๋เสวี่ยเจียวยังคงจำฐานะของหลินสวินได้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น!
เพียงแต่ไม่นานอวี๋เสวี่ยเจียวก็รู้สึกแข็งทื่อไปทั้งตัว มองเห็นว่าหลินสวินที่อยู่ตรงหน้ากำลังมองตนอยู่ สายตานั่นแม้จะนิ่งสงบ แต่กลับทำให้นางหัวใจกระเพื่อมไหว หลุดจากภวังค์อย่างสิ้นเชิงในทันที
นางโบกมือให้ผู้ดูแลหญิงคนนั้นออกไป ปิดประตูห้องแล้วจึงกล่าวว่า “คุณชาย… จะขายวัตถุดิบวิญญาณหรือ”
สีหน้าของนางเรียบเฉย ท่าทางเหมือนต้อนรับลูกค้าปกติ
“ท่านพี่ ท่านจำไม่ได้หรือ เขาคือ…” ข้างๆ อวี๋เสวี่ยเทียนอดเตือนไม่ได้
“น้องเล็ก พวกเราจำผิดแล้ว ไม่ต้องพูดอีก เจ้าดูอยู่ข้างๆ ก็พอ” อวี๋เสวี่ยเจียวพูดง่ายๆ
นี่ทำให้อวี๋เสวี่ยเทียนไม่เข้าใจ แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรมาก เพียงยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งสังเกตหลินสวิน สายตามีทั้งความระแวง หวาดกลัวและแปลกใจอย่างลึกล้ำ
แววชื่นชมเสี้ยวหนึ่งแวบผ่านในดวงตาดำของหลินสวิน แม้แต่เขายังต้องยอมรับว่าอวี๋เสวี่ยเจียวคนนี้เป็นผู้หญิงที่ฉลาดมาก
เรื่องบางเรื่องแม้รู้อยู่เต็มอกแต่กลับไม่สามารถพูดออกมาได้ เช่นนั้นก็ถือซะว่าไม่รู้ นี่เป็นความฉลาดเฉลียวที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
เหมือนเช่นตอนนี้ อวี๋เสวี่ยเจียวรู้ดีว่าหากเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬรู้ว่าตระกูลอวี๋ของพวกเขาเคยเกี่ยวข้องกับหลินสวิน จะต้องนำพาภัยครั้งใหญ่อันยากจะคาดเดามาให้อย่างแน่นอน!
“หากยุ่งยากข้าเปลี่ยนร้านค้าก็ได้” หลินสวินพูด
อวี๋เสวี่ยเจียวอึ้ง จากนั้นจึงยิ้มพูด “หอหิมะล้ำค่าของเราทำกิจการค้า มีเหตุผลอะไรที่จะไล่ลูกค้า”
ทันใดนั้นหลินสวินเองก็ไม่มีพิธีรีตองอีกต่อไป เสียงพรืดดังขึ้น สายแร่สมบูรณ์สีม่วงไหลออกมาราวกับงูหลามที่ขดตัว เรืองแสงอยู่ในห้อง
“สำริดทรัพย์เร้นม่วงที่สมบูรณ์แบบเส้นหนึ่ง!” อวี๋เสวี่ยเทียนที่อยู่ข้างๆ ตาเป็นประกาย หลุดปากออกมา
และตอนนี้อวี๋เสวี่ยเจียวก็ได้แสดงความสามารถอันแม่นยำในการประเมินทรัพย์ออกมา พินิจเพียงครู่เดียวเท่านั้นก็พูดว่า “คุณภาพชั้นสูง เพียงแต่ต้องดำเนินการหลอมใหม่จึงจะสามารถหลอมสำริดทรัพย์เร้นม่วงที่แท้จริงออกมาได้ จากที่ข้าคาดเดา สายแร่เส้นนี้เทียบเท่ากับแกนวิญญาณขั้นสูงแปดสิบชิ้น”
หลินสวินพยักหน้า “งั้นก็ตามราคาที่เจ้าว่า”
แกนวิญญาณขั้นสูงแปดสิบชิ้นก็เทียบเท่าแกนวิญญาณขั้นกลางแปดพันชิ้นแล้ว! นี่เรียกได้ว่าเป็นราคาที่สูงมากอย่างแน่นอน
อวี๋เสวี่ยเจียวยิ้ม “คุณชายพอใจก็ดีแล้ว ข้าจะไปเตรียมแกนวิญญาณให้คุณชายเดี๋ยวนี้”
“ไม่ต้องรีบ ข้ายังมีวัตถุดิบวิญญาณอีกมากจะขาย” หลินสวินเรียกนางไว้
อวี๋เสวี่ยเจียวอึ้งไปทันที พูดตามจริง การแลกเปลี่ยนแกนวิญญาณขั้นสูงแปดสิบชิ้นถือว่าเป็นการซื้อขายขนาดใหญ่แล้ว และพบได้น้อยมาก สิบวันครึ่งเดือนก็ยังไม่เจอสักครั้ง
เพียงแต่นางกลับคิดไม่ถึงว่า การซื้อขายครั้งนี้เพิ่งจะเริ่มขึ้น!
พรึ่บ~
หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ สายแร่สีแดงราวแสงสนธยาแผ่ประกายควันเมฆ ความหนาราวนิ้วโป้ง แต่กลับยาวมาก ขดตัวเป็นกอง
แร่หยกหมอกทับทิมที่สมบูรณ์สายหนึ่ง!
แวบเดียวอวี๋เสวี่ยเจียวก็จำได้ว่านี่คือวัตถุดิบวิญญาณระดับสูงชนิดหนึ่งเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังพบได้น้อยมาก ถือเป็นของล้ำค่า มูลค่าสูงกว่าสำริดทรัพย์เร้นม่วงเสียอีก
“สีของมันแดงเข้มราวกับเปลวเพลิง คุณลักษณะโปร่งแสงแวววาม แทบไม่มีการเจือปน ถือเป็นลักษณะของสมบัติชั้นยอด อิงตามราคาในท้องตลาด สามารถแลกแกนวิญญาณขั้นสูงได้หนึ่งร้อยยี่สิบชิ้น”
อวี๋เสวี่ยเจียวสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วแจ้งราคาออกมา
นางไม่กล้าจงใจกดราคา เอาเปรียบหลินสวินผู้ถูกกำหนดว่าจะเป็นบุคคลแห่งยุคที่ชื่อเสียงสะเทือนไปทั่วทั้งแดนฐิติประจิมหรอกนะ
หลินสวินขานรับว่าอืม พลันทยอยหยิบสายแร่ทองพิสุทธิ์ประกายพรึกเส้นหนึ่ง สายแร่เหล็กสลักอสูรมรกตเส้นหนึ่ง สายแร่หยกทองดาราเส้นหนึ่ง…
รวมๆ แล้วมีสายแร่ประมาณสิบกว่าชนิดกองเต็มห้อง สีสันสดใสงดงาม พราวพร่างสะดุดตา แผ่แสงอันเย้ายวนดูน่าทึ่งมากเป็นพิเศษ
“นี่ นี่…นี่เยอะเกินไปแล้ว…” อวี๋เสวี่ยเทียนริมฝีปากสั่น อึ้งอย่างสิ้นเชิง ตะลึงงันไปแล้ว
เขาอยู่ดีกินดีมาตั้งแต่เด็ก และถือกำเนิดในตระกูลทรงอิทธิพลอันดับหนึ่งของเมืองก่วมหิมะอย่างตระกูลอวี๋ เห็นสมบัติวิญญาณประเภทต่างๆ มาแล้วมากมาย แต่กลับไม่เคยเห็นภาพที่สายแร่วิญญาณมากมายขนาดนี้อยู่รวมกัน!
แม้แต่อวี๋เสวี่ยเจียวเองก็จิตใจหวั่นไหว รู้สึกเหลือเชื่อไม่น้อย หลุดปากพูดออกมาอย่างอดไม่อยู่ “คุณชาย ท่านคงไม่ใช่ ‘นักชำนาญวิญญาณ’ ที่ชำนาญการเสาะหาชีพจรปราณกระมัง”
นักชำนาญวิญญาณ!
บุคคลที่สูงส่งและโดดเด่น พวกเขาชำนาญการเสาะหาชีพจรปราณ สามารถคาดการณ์แนวโน้มโดยรวมของภูผานที ทิศทางปราณพิภพ มีฝีมืออันน่ามหัศจรรย์เกินคาดเดา
ในโลกปัจจุบัน ทุกขุมอำนาจใหญ่ที่ต้องการจะสร้างถ้ำสวรรค์แดนมงคลหรือขุดเจาะสายแร่ปราณ ล้วนไม่เกี่ยงว่าต้องทุ่มทุนมหาศาล อย่างไรก็ต้องเชิญนักชำนาญวิญญาณลงมือให้ได้!
น่าเสียดายที่นักชำนาญวิญญาณมีน้อยเกินไป เรียกได้ว่าดุจเขากิเลนขนหงส์ อีกทั้งโดยทั่วไปมีเพียงในขุมอำนาจสำนักเก่าแก่เท่านั้นจึงจะสามารถพบเห็นได้
อย่างในอาณาเขตแคว้นล้ำเมฆาทั้งแคว้น ในเมืองนับพัน ก็มีนักชำนาญวิญญาณไม่ถึงห้าคน อีกทั้งสี่คนยังอยู่ในสำนักกระบี่โผผิน!
จากเรื่องนี้สามารถรู้ได้ว่า ฐานะของนักชำนาญวิญญาณโดดเด่นและน่าเคารพมากเพียงใด ไม่ต่างอะไรกับปรมาจารย์สลักวิญญาณที่ชำนาญการหลอมอาวุธ
“ไม่ใช่” หลินสวินส่ายหน้า เขารู้ถึงการมีอยู่ของนักชำนาญวิญญาณ แต่เขาไม่รู้วิชาลับที่นักชำนาญวิญญาณครอบครอง
สายแร่วิญญาณที่เขาขายในครั้งนี้ ล้วนเป็นสายแร่ที่เขาเจอในภูเขาแม่น้ำอันกว้างใหญ่นั่น โดยอาศัยความมหัศจรรย์ของนัยน์ตาเฉาเฟิง
อวี๋เสวี่ยเจียวสีหน้าสับสนเล็กน้อย ในใจแอบพูดว่า หากไม่ใช่นักชำนาญวิญญาณ จะสามารถค้นเจอสายแร่วิญญาณล้ำค่ามากขนาดนี้ได้อย่างไร
แต่ในเมื่อหลินสวินไม่ยอมรับ นางเองก็ไม่รู้จะถามอย่างไรอีก
ไม่นานราคาแลกเปลี่ยนในตอนท้ายถูกคำนวณออกมา เป็นแกนวิญญาณขั้นสูงหนึ่งพันยี่สิบชิ้น!
ตอนที่คำนวณได้จำนวนนี้ แม้แต่อวี๋เสวี่ยเจียวและอวี๋เสวี่ยเทียนต่างอึ้งค้างอยู่กับที่ ในใจไหวหวั่น นี่มันตัวเลขที่สูงเสียดฟ้าเลยเชียว!
แม้แต่ตระกูลอวี๋ที่เรียกได้ว่าทรงอิทธิพลเป็นอันดับหนึ่งในเมืองก่วมหิมะ ก็ไม่สามารถเอาแกนวิญญาณมากขนาดนั้นออกมาได้ในทันที!
เวลานี้ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดก่อนหน้านี้หลินสวินจึงบอกว่า กังวลว่าหอหิมะล้ำค่าจะรับสินค้าพวกนี้ไม่ไหว…
หลินสวินเองก็ราวกับดูออกอยู่บ้าง กล่าวว่า “ข้าต้องการหยกควบรวมจิตจำนวนหนึ่ง ถ้าได้ระดับสูงจะดีที่สุด ระดับกลางก็ได้ ยิ่งเยอะยิ่งดี ไม่รู้ว่าหอหิมะล้ำค่าให้ได้เท่าไหร่”
ทันใดนั้นจิตใจอวี๋เสวี่ยเจียวพลันฮึกเหิมขึ้นมา
ตอนที่ 817 บุปผาเมามาย
ProjectZyphon
แกนวิญญาณระดับสูงหกร้อยชิ้น หยกควบรวมจิตระดับสูงสามสิบชิ้น และหยกควบรวมจิตระดับกลางหกสิบหกชิ้น
ตอนที่หลินสวินเดินออกจากหอหิมะล้ำค่า สายแร่วิญญาณและชีพจรปราณวิญญาณหลายเส้นที่เขาได้จากป่าลึกรกร้างเมื่อหลายวันก่อน ก็กลายเป็นความมั่งคั่งดังกล่าว
ในใจเขานับว่าพึงพอใจมาก
ความมหัศจรรย์ของนัยน์ตาเฉาเฟิงอยู่ที่การเสาะหาชีพจรปราณ แต่สำหรับหลินสวิน นี่เท่ากับได้ครอบครองวิธีหาเงินอย่างหนึ่ง
หลินสวินหยิบแผนที่ซึ่งทำจากม้วนหยกออกมา ด้านบนวาดภาพเกี่ยวกับที่ตั้งและเส้นทางแต่ละแคว้นใหญ่ในแดนฐิติประจิม
นี่คือสิ่งที่เขาเพิ่งซื้อจากหอหิมะล้ำค่า
‘ที่นี่ห่างจากแคว้นหงส์สถิตอีกสิบกว่าแคว้น ห่างออกไปราวหนึ่งล้านลี้ ไวที่สุดก็ต้องใช้เวลาสิบวันจึงจะไปถึง…’
หลินสวินใคร่ครวญเงียบๆ
ตอนนี้เขาถูกเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬติดประกาศนำจับ แม้ไปแคว้นหงส์สถิต ก็ทำได้เพียงเลือกเดินทางผ่านป่าลึกเก่าแก่ที่รกร้างไม่มีผู้คน
หากเป็นเช่นนี้ การจะไปถึงแคว้นหงส์สถิตต้องใช้เวลามากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
บนถนนผู้คนพลุกพล่าน ร้านค้าเรียงราย เจริญรุ่งเรืองครึกครื้น หลินสวินเดินไปตามทางศิลาครามผ่านเมืองที่คึกคักนี้ สุดท้ายมาถึงหน้าหอสุราแห่งหนึ่ง
บุปผาเมามาย
ชื่อหอสุราสง่างามมาก หอสูงร้อยจั้ง ตัวหอก่อขึ้นจากหินหยกสีเขียวทั้งหมด ล้อมรอบด้วยหมอกจางๆ ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางต้นดอกก่วมหิมะ มีกลิ่นอายเก่าแก่
‘ที่นี่แหละ’
หลินสวินมองชื่อหอสุราแวบหนึ่งก็ก้าวเข้าไป
บุปผาเมามายแห่งเมืองก่วมหิมะเป็นหอสุราที่เก่าแก่ที่สุด ภายในพิเศษมาก ลูกค้าส่วนใหญ่มาจากตระกูลชนชั้นสูงในเมือง ไม่ขาดผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของเมือง ไม่เพียงแค่กำลังดื่มสุราเท่านั้น ยังพูดคุยถกปัญหากันด้วย
หลินสวินตรงไปชั้นบนสุด เลือกตำแหน่งข้างหน้าต่างแล้วนั่งลง สั่งเหล้าเก่า ‘ก่วมหิมะบ่ม’ อันเป็นเหล้าเฉพาะของหอสุรากาหนึ่งกับเนื้อกวางวิญญาณสามชั่ง
“อีกสามเดือนเทศกาลโคมกถามรรคจะเริ่มขึ้นแล้ว เท่าที่ข้ารู้ หลี่ชิงฮวนผู้นำรุ่นเยาว์สำนักยุทธ์สมุทรครามแห่งแคว้นเมฆาหยก อู่ต้วนหยาศิษย์สืบทอดอันดับหนึ่งของสำนักตะวันทมิฬแห่งแคว้นจันทร์กระจ่าง องค์ชายสามเผ่าอินทรีทองแห่งแคว้นพฤกษาล่อง… ได้เคลื่อนไหวมุ่งหน้าไปที่เขาพยับครามนั่นแล้ว”
“เทศกาลโคมในครั้งนี้ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจริงๆ ปีศาจรุ่นเยาว์ เหล่าผู้กล้ามารวมตัวกันราวกับหมู่ดาว แน่นอนว่าจะต้องเปล่งประกายจรัสแสงในเทศกาลโคม!”
“ไม่ผิด ข้าได้ยินว่าจั๋วขวงหลันหนึ่งในศิษย์สืบทอดทั้งห้าจากสำนักกระบี่โผผินแห่งแคว้นล้ำเมฆาของเรา ก็จะนำกลุ่มผู้กล้ารุ่นเยาว์ในสำนักไปแสดงความสามารถที่เทศกาลโคมกถามรรคนั่น!”
“จะว่าไปเทศกาลโคมกถามรรคในครั้งนี้ คนที่สะดุดตาที่สุดคือจี้ซิงเหยาธิดาเทพแห่งยุคของเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ได้ยินว่าผู้กล้าไร้เทียมทานอวี่หลิงคงที่มาจากแดนพิสุทธิ์อมตะแห่งแดนกาฬทักษิณ ก็จะตามจี้ซิงเหยาไปร่วมงานในครั้งนี้ด้วย!”
“น่าเสียดาย งานระดับนี้เป็นของผู้ถูกเลือกชั้นหนึ่งแห่งยุค คนธรรมดาอย่างข้าแม้แต่สิทธิ์เข้าร่วมยังไม่มี”
ชั้นบนสุดของหอ กลุ่มผู้ฝึกปราณกำลังวิพากษ์วิจารณ์ พูดคุยเกี่ยวกับข่าวลือและข่าวสารของเทศกาลโคมกถามรรค พลางส่งเสียงถอนหายใจออกมาอย่างต่อเนื่อง
นี่ทำให้หลินสวินแปลกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ยังไม่ทันเริ่มขึ้นด้วยซ้ำ กลับได้รับความสนใจขนาดนี้แล้ว
ตอนอยู่ในแคว้นวิญญาณอัคนี เขาเคยถูกเยวี่ยเจี้ยนหมิงผู้กล้ารุ่นเยาว์แห่งสำนักยุทธ์พันเวทเชิญชวน อยากให้เขาไปร่วมเทศกาลโคมกถามรรคด้วย
ภายหลังฟางหลินหานแห่งอาศรมดาบแปดวิทูรเองก็เคยกล่าวว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไปเห็นเทศกาลโคมกถามรรคสักครั้ง
จนถึงตอนนี้แม้แต่ในเมืองชายแดนของแคว้นล้ำเมฆา ยังได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเทศกาลโคมกถามรรค นี่จะไม่ให้หลินสวินตะลึงได้อย่างไร
‘ดูเหมือนว่ายามเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้เริ่มขึ้น คงจะดึงดูดความสนใจของทั้งแดนฐิติประจิม…’
หลินสวินดื่มเหล้าพลางกินเนื้อกวางวิญญาณ
ก่วมหิมะบ่มหวานชื่น กลมกล่อมติดปาก มีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ส่วนเนื้อกวางวิญญาณนั้นหมักดองด้วยวิธีลับ หอมเผ็ดเข้มข้น รสชาติยอดเยี่ยมมาก
บางครั้งบางคราวหลินสวินจะเหลือบตามองไปยังห้องส่วนตัวห้องหนึ่งอย่างคล้ายจงใจแต่ก็ไม่ได้ตั้งใจ
ภายในห้องส่วนตัว เงาร่างกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ บุคลิกน่าเกรงขาม แต่ละคนสีหน้าหยิ่งผยองและเคร่งขรึม ไม่ต้องวิเคราะห์โดยละเอียดก็สามารถรู้ได้ว่า พวกเขามาจากเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ!
จากข่าวที่หลินสวินได้รับจากต้นข่าวสารก่อนหน้านี้ ผู้ฝึกปราณคนใดที่ได้เบาะแสเกี่ยวกับเขา ล้วนสามารถรับรางวัลเป็นแกนวิญญาณระดับสูงหนึ่งพันจากมือผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ
จุดประสงค์ที่หลินสวินมาหอสุราบุปผาเมามายในครั้งนี้ง่ายมาก เขาอยากดูว่าหากตนปรากฏตัวด้วยตัวเอง จะสามารถได้รับรางวัลนี้หรือไม่!
ดื่มเหล้ากินเนื้อจนอิ่มแล้ว หลินสวินกำลังจะเคลื่อนไหว ทว่าจู่ๆ ก็เห็นหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งเดินขึ้นหอมา แต่ละคนล้วนงดงามหล่อเหลา บุคลิกไม่ธรรมดา ราวกับเทพเซียนโดดเด่นสะดุดตา
ผู้นำคือจั๋วขวงหลันหนึ่งในศิษย์สืบทอดแท้จริงทั้งห้าแห่งสำนักกระบี่โผผิน ข้างๆ เขายังมีดรุณจ้าวกระบี่เซี่ยอวี้ถังและอีกหลายคนติดตามมาด้วย
ทันทีที่พวกเขาปรากฏตัว เสียงพูดคุยในหอสุราก็หายไปทันที เปลี่ยนเป็นเงียบสนิท แต่ละสายตาล้วนถูกดึงดูดไป สีหน้าต่างแฝงความเคารพ
เห็นได้ชัดว่าลูกค้าเหล่านี้ล้วนจำฐานะของพวกจั๋วขวงหลันได้ ในใจจึงเกิดความหวาดหวั่น ราวกับคิดไม่ถึงว่าเหล่าผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินอย่างพวกเขามาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร
ทันทีที่พวกของจั๋วขวงหลันมาถึง ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบิกบานดังแว่วมาจากห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง จากนั้นชายหนุ่มสง่างามคนหนึ่งพลันก้าวเท้าออกมา
“พี่จั๋ว พวกท่านมาเสียที เชิญๆ”
ชายหนุ่มคนนั้นสวมชุดคลุมสีแดงเพลิง เรียวคิ้วตางาม ระหว่างที่มองมาดูมีชีวิตชีวา บุคลิกองอาจ หากพูดถึงอานุภาพก็ไม่ด้อยไปกว่าจั๋วขวงหลัน
โดยเฉพาะหว่างคิ้ว ราวกับอักษรสัญลักษณ์ที่มีไฟลุกโชนอยู่ สว่างไสวสะดุดตา ทำให้คนลืมตาไม่ขึ้น ดูน่าอัศจรรย์อย่างที่สุด
ตอนที่เห็นชายหนุ่มคนนี้ ลูกค้าที่นั่งอยู่ต่างไม่สามารถสงบจิตใจได้ ล้วนเผยสีหน้าตกใจ ท่าทางดูยากจะเชื่อ
“ลู่จิ่วเกอองค์ชายห้าของเผ่าอีกาเพลิง!” มีคนร้องเสียงหลงออกมา
เสียงสูดหายระลอกหนึ่งดังขึ้นในที่นั้น
เผ่าอีกาเพลิง นี่สามารถจัดอยู่ในเผ่าใหญ่ห้าอันดับแรกของแดนฐิติประจิม และบุตรเทพลู่จิ่วเกอยิ่งเป็นผู้กล้าที่เต็มไปด้วยตำนานคนหนึ่ง
ตอนที่เขาเกิด หมอกเมฆแสงเพลิงร่วงหล่นจากท้องฟ้า ควบรวมเป็นรอยสลักลับแห่งไฟ ประทับลงบนหน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจ ถูกเรียกว่าเป็น ‘ร่างแห่งวิญญาณเพลิง’ แต่กำเนิด มีพรสวรรค์และแก่นกระดูกอันเหลือเชื่อ
ปัจจุบันในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของแดนฐิติประจิม ลู่จิ่วเกอเป็นผู้กล้าแห่งยุคอย่างไร้ข้อกังขาคนหนึ่ง ส่องประกายไปไกลนับหมื่นจั้ง ชื่อเสียงสะเทือนแดนฐิติประจิม
ตอนนี้ผู้กล้าระดับตำนานคนนี้ปรากฏตัวในที่แห่งนี้ จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร
จั๋วขวงหลันหนึ่งในห้าศิษย์สืบทอดแท้จริงแห่งสำนักกระบี่โผผิน ลู่จิ่วเกอองค์ชายห้าแห่งเผ่าอีกาเพลิง ผู้กล้าแห่งยุคสองคนมาพบกันที่นี่ด้วยจุดประสงค์อันใดกัน
ทันใดนั้นความสงสัยของทุกคนก็ถูกกระตุ้นขึ้นมา
‘ผู้กล้าชั้นยอดของเผ่าอีกาเพลิงงั้นหรือ กลิ่นอายนับว่าแข็งแกร่งมาก มีพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติแล้ว ไม่ด้อยไปกว่าจั๋วขวงหลันนั่นเลยสักนิด’
หลินสวินคล้ายใคร่ครวญอะไรอยู่
ในเวลาเดียวกัน เซี่ยอวี้ถังเองก็สังเกตเห็น ทว่าเขาเพียงอึ้งไปเล็กน้อยก็เก็บสายตากลับไป
นี่เท่ากับมองข้ามหลินสวินโดยตรง ไม่คิดจะทักทายและปฏิสัมพันธ์กับหลินสวิน
ตรงกันข้าม เมื่อรับรู้ได้ว่าสายตาของหลินสวินมองมา มุมปากของเซี่ยอวี้ถังเผยเส้นโค้งอันหยิ่งยโส มีความรู้สึกเย่อหยิ่งอย่างผู้เหนือกว่าอยู่รางๆ
หลินสวินยิ้มเยาะในใจ เจ้าหมอนี่คิดว่าอยู่กับจั๋วขวงหลันและลู่จิ่วเกอแล้ว จะสามารถทำให้ตนมองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปและอิจฉาริษยาได้จริงๆ งั้นหรือ
ไม่นาน กลุ่มคนจากสำนักกระบี่โผผินและลู่จิ่วเกอองค์ชายห้าแห่งเผ่าอีกาเพลิงก็เข้าห้องส่วนตัวไปพร้อมกัน
และตอนนี้หลินสวินก็ดื่มเหล้าหมดแล้ว เขาลุกขึ้นก้าวเดินไปยังห้องส่วนตัวอีกห้องอย่างไม่ล่าช้าอีกต่อไป
คนที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวห้องนั้นก็คือผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬนั่นเอง
“เจ้าหมอนี่จะทำอะไร”
แขกที่นั่งอยู่ต่างขมวดคิ้ว กับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ พวกเขาไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ ด้วยเลยสักนิด
ตอนนี้กลับเห็นหลินสวินที่เป็นผู้ฝึกปราณเผ่ามนุษย์ทำทีเหมือนจะไปหาผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ นี่ทำให้พวกเขาอดรู้สึกต่อต้านไม่ได้
“สวมเสื้อคลุมอำพรางตัว แม้แต่หน้าก็ถูกปีกหมวกบังไว้ ทำลับๆ ล่อๆ ไม่ใช่คนดีอะไรแน่ ไม่แน่ว่าจะทำเรื่องเลวๆ อะไร!”
มีคนแค่นเสียงอย่างเย็นชา เขาไม่กล้าพูดตรงเกินไป ด้วยกลัวว่าจะเป็นการยั่วโทสะผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ แต่คำพูดต่อว่าหลินสวินนั้นดูไม่เกรงกลัวใคร
“ได้ยินว่าเมื่อครู่นี้ต้นข่าวสารในเมืองติดประกาศนำจับฉบับหนึ่ง เหมือนว่าเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬต้องการจับเด็กหนุ่มเทพมารคนหนึ่ง เจ้าหมอนี่คงไม่ได้มาแจ้งเบาะแสเพื่อรับรางวัลหรอกนะ”
“มีความเป็นไปได้!”
“ไร้ยางอายจริงๆ”
แขกในหอสุราวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา สายตาที่มองหลินสวินแฝงความสงสัยและดูถูก
หากไม่ใช่เพราะผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬยังอยู่ในห้องส่วนตัวห้องนั้น คำพูดที่พวกเขาพูดออกมาอาจจะยิ่งไม่น่าฟังและเสียดหูกว่านี้
ในใจหลินสวินรู้สึกจนปัญญา เขารู้ว่าตัวเองถูกเข้าใจผิด แต่ก็คร้านจะอธิบาย
ตอนที่เขามาถึงหน้าห้องส่วนตัวนั่น สายตามองไปยังเหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬก่อนจะพูดว่า “ได้ยินว่า ไม่ว่าใครที่สามารถให้เบาะแสตามในประกาศนำจับ จะได้รับรางวัลใหญ่งั้นหรือ”
ได้ยินคำพูดนี้ ลูกค้าที่นั่งอยู่พลันนั่งไม่ติดขึ้นมาทันที แต่ละคนสีหน้าอึมครึม ตามคาด เจ้าหมอนี่เป็นพวกไร้ยางอายอย่างที่สุด!
“คนสมัยนี้นี่นะ ถูกผลประโยชน์ครอบงำจนหน้ามืดตามัว เพื่อเงินสกปรกพวกนั้น แม้แต่หน้าและศักดิ์ศรีก็ไม่เอาแล้วงั้นสิ”
ลูกค้าเหล่านี้ไม่กล้าสู้ซึ่งๆ หน้า ทำได้เพียงถากถางและเหน็บแนมหลินสวินอ้อมๆ
“พวกเจ้าอยากรนหาที่ตายหรือ! หุบปาก!”
จู่ๆ เสียงตวาดเย็นเยียบก็ดังจากห้องส่วนตัว นั่นคือชายหนุ่มชุดคลุมดำคนหนึ่ง รูปหน้าตอบยาว นัยน์ตาเป็นสีแดงเลือดดูแปลกประหลาด เต็มไปด้วยความดุร้ายทั่วร่าง น่าหวาดหวั่นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ทันใดนั้นลูกค้าในที่นั้นเงียบกริบ สีหน้าอึมครึมไม่กล้าพูดมากอีก
ต่อให้ในใจพวกเขาไม่พอใจเพียงใด แต่ก็ไม่กล้าขัดแย้งกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬซึ่งหน้า กลัวว่าจะนำพาความเดือดร้อนและพิบัติภัยสู่ตน
ในเวลานั้นเอง ชายหนุ่มชุดคลุมดำคนนั้นมองหลินสวินด้วยสายตาสีเลือดแปลกประหลาด แล้วพูดเรียบๆ ว่า “ที่เจ้าพูดไม่ผิด เพียงแค่ให้เบาะแสของเจ้าหมอนั่น แกนวิญญาณระดับสูงหนึ่งพันชิ้นในถุงเก็บของนี้ก็เป็นของเจ้า!”
พลั่ก!
ชายหนุ่มชุดคลุมดำโยนถุงเก็บของใบหนึ่งลงบนโต๊ะพร้อมพูดว่า “ตอนนี้ เจ้ารายงานเบาะแสมาได้แล้ว”
ตอนที่ 818 บีบบังคับหนักหน่วง
ProjectZyphon
ชั่วขณะนั้น บรรยากาศในหอสุราชั้นนี้เงียบสงบ สายตาของแขกมากมายต่างมองมา
ในเวลานี้กล้ารายงานความลับกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬต่อหน้าทุกคน การกระทำเช่นนี้ไร้ยางอายมากอย่างไม่ต้องสงสัย น่ารังเกียจนัก
ถึงอย่างไรเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬก็ชื่อเสียงฉาวโฉ่ แพร่กระจายไปทั่วสารทิศ แทบจะเป็นเผ่าที่ทำให้ทุกคนในโลกฝึกปราณเดือดดาล
“แกนวิญญาณระดับสูงหนึ่งพันชิ้นหรือ นี่ไม่พอหรอกนะ”
หลินสวินไม่แสดงสีหน้า “ข้าไม่เชื่อว่าจุดประสงค์ที่พวกเจ้าจะจับกุมมีมูลค่าแค่นี้”
ชายหนุ่มชุดคลุมดำขมวดคิ้ว ดวงตาสีเลือดแปลกประหลาดสาดประกายเย็นเยียบ ราวกับคิดไม่ถึงว่าคนที่มารับรางวัลกลับกล้าเสนอหน้าต่อราคากับเขา
นี่ทำให้ไอสังหารพลุ่งพล่านในใจเขาอย่างควบคุมไม่อยู่
“พี่โก่วฉี ดูเหมือนว่าสหายท่านนี้จะมั่นใจมาก ขอเพียงแค่เขาสามารถให้เบาะแสของไอ้สารเลวนั่น ให้แกนวิญญาณเยอะหน่อยก็ไม่ใช่ปัญหา”
ด้านข้างหญิงสาวที่รูปลักษณ์งดงามอย่างยิ่ง ผมสีเงินราวกับหิมะเอ่ยปาก นางดูเย้ายวนหยดย้อย ริมฝีปากแดงสด หน้าอกอวบอิ่มขยับขึ้นลง ขาวกระจ่างเรียบเนียน รูปร่างร้อนแรงมาก
เพียงแต่เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ประกายเย็นเยียบที่ยากจะสังเกตสายหนึ่งเห็นแวบผ่านดวงตาดำที่อยู่ใต้ปีกหมวกของหลินสวิน
สารเลวหรือ
ด้วยคำพูดนี้ นางก็ถูกหลินสวินหมายหัวแล้ว
เคร้ง!
ชายหนุ่มชุดคลุมดำที่ถูกเรียกว่าโก่วฉีโยนถุงเก็บของออกมาอีกใบ พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ในนี้มีแกนวิญญาณระดับสูงสามร้อยชิ้น บวกกันก็เป็นแกนวิญญาณระดับสูงหนึ่งพันสามร้อยชิ้น ข้าเชื่อว่าราคาระดับนี้เพียงพอที่จะซื้อชีวิตของราชันกึ่งระดับคนหนึ่งแล้ว หากเจ้ายังไม่รู้จักพอ อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
หลินสวินส่ายหน้าพูดโดยไม่มองด้วยซ้ำ “ไม่พอ ข้าสามารถบอกตำแหน่งอย่างชัดเจนของเป้าหมายนั่น เชื่อว่าเบาะแสนี้ ใช่ว่าแกนวิญญาณเพียงเท่านี้จะสามารถเทียบได้”
แม้แต่เหล่าลูกค้าที่อยู่ข้างๆ ยามนี้ต่างอดจุ๊ปากไม่ได้ เจ้าหมอนี่โลภมากจริงๆ ไม่กลัวท้องแตกตายหรือ
แกนวิญญาณระดับสูงหนึ่งพันสามร้อยชิ้นเชียวนะ นี่เป็นราคาที่สูงมากแล้ว สามารถทำให้ราชันกึ่งระดับยอมถวายชีวิตอย่างไม่ลังเล!
แต่เจ้าหมอนี่… กลับยังเกี่ยงว่าไม่พองั้นหรือ
“สหาย เจ้าทำเกินไปแล้ว!”
โก่วฉีสีหน้าเย็นเยียบ ในดวงตาสีแดงสดเผยประกายน่าหวาดหวั่น “คิดว่าเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬโง่จริงๆ หรือ”
“เหอะๆ อยากใช้เบาะแสเดียวมาสร้างความลำบากใจให้พวกเรา บีบบังคับพวกเราอย่างหนัก สหายเจ้าแน่ใจหรือว่าจะทำเช่นนี้”
หญิงงามผมเงินคนนั้นก็ยิ้มเยาะพูด “เป็นมนุษย์ต้องรู้จักประมาณตน ตอนนี้เจ้าให้ความร่วมมือโดยดี บางทียังสามารถได้รับความรู้สึกดีๆ จากเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬของพวกเรา”
นางพูดถึงขุมอำนาจใหญ่อย่างเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ เป็นการเตือนและข่มขู่อย่างไม่ต้องสงสัย
หลินสวินยิ้มน้อยๆ กล่าว “ในความทรงจำของข้า เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬเป็นเผ่าใหญ่ที่อิทธิพลแผ่กว้างไปทั่วทั้งดินแดนรกร้างโบราณ แต่ตอนนี้แม้แต่แกนวิญญาณนิดหน่อยยังไม่ยอมควักออกมาหรือ ช่างน่าผิดหวังจริงๆ ดูเหมือนว่าทุกท่านคงไม่อยากได้เบาะแสของเป้าหมาย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ขอตัว”
พูดจบเขาก็จะจากไป
“หยุด!”
โก่วฉีลุกพรวดขึ้น เผยไอสังหารทั่วร่างกาย อานุภาพน่าสะพรึงกลัว ทำให้กลุ่มลูกค้าที่นั่งอยู่ต่างหนาวเยือกไปทั้งตัว สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก
“หากพวกเจ้าลงมือตอนนี้ ก็เท่ากับเป็นการประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่า ประกาศนำจับที่เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬของพวกเจ้าเผยแพร่เป็นเพียงแค่เรื่องบังหน้า จงใจกลั่นแกล้งทุกคน”
หลินสวินพูดอย่างสบายๆ
“เจ้า…”
โก่วฉีโกรธจนหน้าเขียว อยากจะตบไอ้สารเลวนี่ให้ตายในฝ่ามือเดียวจนแทบไม่ไหวแล้ว เขายังไม่เคยเห็นคนที่กล้าข่มขู่เผ่าของพวกเขาแบบนี้มาก่อน!
ตอนนี้เองหญิงงามผมเงินคนนั้นเอ่ยขึ้น “พี่โก่วฉี สหายท่านนี้พูดถูก เราอาจจะเสียความน่าเชื่อถือต่อคนทั้งโลก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สหายก็เสนอราคามาเถอะ”
ไอสังหารวาบไหวในใจนาง ในเวลาเดียวกันก็สื่อจิตถึงโก่วฉี ‘ตามใจมันไปก่อน รอได้เบาะแสแล้ว เราค่อยเอาค่าตอบแทนคืนจากศพของมันก็ยังไม่สาย’
โก่วฉีสีหน้ามืดทะมึน ไม่พูดจา
“อย่างน้อยต้องได้แกนวิญญาณระดับสูงห้าพันชิ้นกระมั้ง” หลินสวินยิ้มพูด
ได้ยินเช่นนี้ เหล่าลูกค้าตาถลนจนลูกตาแทบหลุดออกจากเบ้า คิดว่าตัวเองฟังผิดไป นี่ไม่ใช่แค่เสนอราคา แต่จะสังหารหมาดำเหล่านั้นอย่างเจ็บแค้นดาบหนึ่งชัดๆ!
โก่วฉีโกรธจนแทบระเบิดแล้ว สายตาฉายไอสังหารไปทั่ว “เจ้าแน่ใจหรือ”
หลินสวินพูดสบายๆ “แน่นอน แต่ก็คุยกันได้ ทว่าลดมากไม่ได้ ถึงอย่างไรตอนนี้หลายคนต่างรู้ว่าเป้าหมายที่พวกเจ้าจะเล่นงานเป็นบุคคลอันตราย ข้ารายงานความลับเช่นนี้ เปิดเผยร่องรอยของเขา จะต้องเผชิญผลลัพธ์ที่ถูกเขาแก้แค้นเชียวนะ”
“สหาย นี่เจ้ากำลังขู่กรรโชกชัดๆ!”
หญิงงามผมเงินเองก็โกรธจนจมูกแทบเบี้ยว พวกเขาไม่เคยเห็นคนที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงแบบนี้มาก่อน กล้ามาขู่กรรโชกพวกเขา เบื่อว่าชีวิตยังไม่ดีพอหรืออย่างไร
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ บนร่างพวกเขาไม่มีแกนวิญญาณมากมายขนาดนี้จริงๆ นี่ไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ เลย ทั้งยังมากจนน่าตกใจ เพียงพอที่จะซื้อโอสถสมบัติไร้เทียมทานระดับราชันเม็ดหนึ่ง หรือยอดศาสตรามรรคราชันชิ้นหนึ่งแล้ว!
สุดท้ายโก่วฉีอดทนไว้ ตัดสินใจปล่อยอีกฝ่ายไว้ก่อน รอให้ได้เบาะแสของเป้าหมายค่อยคิดบัญชีกับเขา!
“นี่คือแกนวิญญาณระดับสูงสามพันชิ้น หากเจ้ายังไม่พอใจ งั้นเรื่องนี้ก็คงต้องจบเท่านี้”
พวกของโก่วฉีทั้งเจ็ดแปดรวมแกนวิญญาณระดับสูงสามพันชิ้นเต็มๆ ใส่เข้าไปในถุงเก็บของ
จากนั้นเขาหันมองหลินสวินด้วยสายตาเย็นยะเยือก “ตอนนี้เจ้าคงบอกเบาะแสของเป้าหมายได้แล้วกระมัง”
ยอมจ่ายแกนวิญญาณระดับสูงสามพันชิ้นเพื่อซื้อเบาะแสเดียว!
ลูกค้าที่นั่งอยู่ในใจสั่นไหวจนถึงขีดสุด และตระหนักได้ว่าความเด็ดเดี่ยวในการจับกุมและโจมตีเป้าหมายนั่นของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬยิ่งใหญ่เพียงใด
ในระหว่างที่พูดคุยกัน แม้แต่ผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผิน และลู่จิ่วเกอองค์ชายห้าแห่งเผ่าอีกาเพลิงที่อยู่ในห้องส่วนตัวยังตกใจ
“คนผู้นี้เป็นใคร กล้ามากจริงๆ ถึงขั้นมารีดไถเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ” ลู่จิ่วเกอยิ้มเยาะ เขาอยู่ในชุดคลุมสีแดงเพลิง เข็มขัดหยกขาว ใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางเย่อหยิ่งมีราศี
“คนผู้นี้ข้าเคยเจออยู่ครั้งหนึ่ง”
จั๋วขวงหลันขมวดคิ้วเบาๆ “เขามาจากโลกชั้นล่าง แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเลือกรายงานความลับกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ หน้าไม่อายจริงๆ”
ตอนที่พูดก็เคลื่อนสายตาไปมองเซี่ยอวี้ถังที่อยู่ข้างๆ
“เขา? ตอนแรกเป็นเพียงเด็กหนุ่มหยาบคายที่มาจากถิ่นทุรกันดาร เพียงแต่ข้าก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าเขาจะไม่มีศักดิ์ศรีขนาดนี้ นับจากวันนี้เป็นต้นไปข้ากับเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีก!”
เซี่ยอวี้ถังสีหน้าเรียบเฉย ในใจโกรธเคืองเล็กน้อย คิดว่าหลินสวินทำให้เขาขายหน้าต่อหน้าทุกคน ท่าทางรังเกียจเหมือนอับอายที่ถูกมองเป็นพวกเดียวกับหลินสวิน
ลู่จิ่วเกอขานรับว่าอ้อแล้วยิ้มพูด “ข้าสงสัยมากว่า เป้าหมายที่เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬจะเล่นงานเป็นอริยเทพจากไหนกัน เพื่อเบาะแสเดียว กลับทำให้พวกเขายอมตกรางวัลใหญ่เป็นแกนวิญญาณระดับสูงสามพันชิ้น”
ทันใดนั้นผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินคนหนึ่งพูดขึ้น “พูดถึงเรื่องนี้ ข้าได้ยินว่าเมื่อไม่นานมานี้ต้นข่าวสารในเมืองเผยแพร่ข่าวว่า เป็นเด็กหนุ่มที่ชื่อหลินสวิน…”
เขาเล่าเรื่องเกี่ยวกับที่หลินสวินถูกประกาศจับรอบหนึ่ง และยังพูดถึงการประลองตะลึงโลกระหว่างหลินสวินและหญิงสาวที่สวมหน้ากากสีเงินสั้นๆ
ได้ยินเช่นนี้ แม้แต่จั๋วขวงหลันและลู่จิ่วเกอต่างรู้สึกประหลาดใจและหวั่นไหว คิดไม่ถึงว่าโลกนี้จะมีบุคคลแห่งยุคเพิ่มมาอีกคน
“จริงสิ ศิษย์น้องเซี่ย ข้าจำได้ว่าเด็กหนุ่มจากโลกชั้นล่างนั่นก็ชื่อหลินสวินไม่ใช่หรือ” จู่ๆ ในใจจั๋วขวงหลันก็กระเพื่อมไหว สายตาเผยความสงสัย
เซี่ยอวี้ถังได้ยินทั้งหมดนี้ ในใจก็ตื่นตะลึงอย่างที่สุด ส่ายหน้าพูด “ไม่มีทางเป็นเขาเด็ดขาด คงจะชื่อซ้ำ”
พูดเป็นเล่น!
หากหลินสวินนั่นเป็นผู้กล้าแห่งยุค แล้วเขาเซี่ยอวี้ถังเป็นตัวอะไร
นี่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ต่างก็คลายใจ ก็จริง เด็กหนุ่มที่มาจากโลกชั้นล่างคนหนึ่ง จะมีความโดดเด่นพลิกฟ้าเช่นนี้ได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยอวี้ถังที่รู้จักเด็กหนุ่มโลกชั้นล่างนั่นก็ปฏิเสธเองกับปากแล้ว หลินสวินสองคนนี้ไม่มีทางเป็นคนเดียวกันเด็ดขาด
ในเวลาเดียวกัน เมื่อเห็นรางวัลก้อนใหญ่แกนวิญญาณระดับสูงสามพันชิ้น หลินสวินพลันพยักหน้ายิ้มพูด “พอได้”
พอได้งั้นหรือ
ได้ยินเช่นนี้สีหน้าของพวกโก่วฉีและหญิงงามผมเงินยิ่งย่ำแย่ แทบสะกดไอสังหารในใจไม่อยู่
ตอนนี้เองหลินสวินเอื้อมมือไปหยิบถุงเก็บของ แต่กลับถูกโก่วฉีตัดบทต่อว่า “ช้าก่อน! เจ้ายังไม่ได้บอกเบาะแสก็อยากเอารางวัลแล้วหรือ”
“ข้าเพียงตรวจสอบว่าครบหรือไม่”
หลินสวินพูดสบายๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ข้าสงสัยมากว่าพวกเจ้าตอบรับเพียงลมปาก พอข้าพูดเบาะแสออกไป กลัวว่าพวกเจ้าจะเสียใจภายหลัง เพราะฉะนั้นข้าเก็บแกนวิญญาณพวกนี้ไปก่อนจะดีกว่า”
พูดแล้วเขาก็หยิบถุงเก็บของขึ้นมานับ
ยามนี้โก่วฉีคิดอยากจะฆ่าคนแล้วจริงๆ แค้นจนกัดฟันแทบแตก แต่สุดท้ายเขาก็อดกลั้นไว้ พูดเสียงเย็นออกมา “ตอนนี้เจ้าจะพูดได้หรือยัง”
สีหน้าของพวกเขามืดทะมึนขึ้นมา เย็นเยียบอย่างที่สุด ไอสังหารก็แทบจะปิดไม่อยู่แล้ว แกนวิญญาณของพวกเขา… ครอบครองง่ายขนาดนี้ซะที่ไหน
เด็กนี่ช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเลยจริงๆ!
“ทุกท่านอย่าได้ใจร้อน ข้าอยู่ที่นี่แล้ว หนีไม่รอดหรอก เหตุใดต้องตื่นเต้นขนาดนี้”
หลินสวินเก็บถุงเก็บของไปอย่างเชื่องช้า ก่อนจะยิ้มพูด “เมื่อครู่นี้ข้ายังกินไม่อิ่ม ทุกท่านจะกินด้วยกันสักมื้อก่อนหรือไม่”
“กินบ้าอะไร! ขืนเจ้ายังไม่พูดเบาะแสออกมาข้าจะฉีกเจ้าทั้งเป็น!” ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬคนหนึ่งทนไม่ไหว คำรามเสียงกร้าว
“สหาย เจ้าจะโกงพวกข้าหรือ” โก่วฉีเองก็มีความเดือดดาลเหมือนเพลิงโกรธสุมอก ไอสังหารแผ่กระจายออกมา
สีหน้าของลูกค้าที่นั่งอยู่ในโถงต่างเปลี่ยนไปอย่างมาก นี่จะเปิดศึกกันหรือ
ในห้องส่วนตัวอีกห้อง ผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินและลู่จิ่วเกอเองก็จ้องมองมาทางนี้
เซี่ยอวี้ถังสีหน้ายังคงเรียบเฉย เขาอยากให้หลินสวินถูกฆ่าตายซะ จะได้ไม่ทำให้เขาเสียหน้าอีก พาให้เขาเชิดหน้าไม่ได้
ตอนนี้เองหลินสวินพลันหุบยิ้ม สายตากวาดมองพวกโก่วฉีพร้อมพูด “ข้าไม่ได้โกงพวกเจ้า ข้าอยู่ตรงหน้าพวกเจ้ามาโดยตลอด แต่พวกเจ้ากลับเอาแต่ถามเบาะแสของข้า ข้าเองก็จนปัญญามาก บนโลกนี้มีใครโง่เขลากว่าพวกเจ้าอีกหรือไม่”
ทันใดนั้นทุกคนในที่นั้นต่างตะลึง นี่มันสถานการณ์อะไรกัน
“เจ้า… เจ้าก็คือหลินสวิน!?”
และตอนนี้โก่วฉีเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว พลันตะโกนเสียงดัง
พวกหญิงงามผมเงินเองก็สีหน้าเปลี่ยนไป ราวกับถูกฟ้าผ่าอย่างไรอย่างนั้น
พวกเขาจะคิดได้อย่างไรว่า เป้าหมายที่พวกเขาจะจับกุมจะมาปรากฏตัวตรงหน้าเสียเอง ทั้งยังรีดไถแกนวิญญาณจากพวกเขาอย่างหนัก!
ตอนที่ 819 อานุภาพสะเทือนเหล่าวีรบุรุษ
ProjectZyphon
ไม่ว่าจะเป็นโก่วฉีหรือพวกหญิงงามผมเงินยามนี้ต่างอัดอั้นจนแทบกระอักเลือด
เป้าหมายที่พวกเขาจ้องจะจับกุมและตามฆ่า ปรากฏตัวตรงหน้าพวกเขาตัวเป็นๆ แต่กลับไม่มีใครจำได้ แล้วยังถูกอีกฝ่ายรีดไถแกนวิญญาณจำนวนมหาศาล จนตอนนี้เพิ่งจะรู้ตัว นี่มันขายหน้าเกินไปแล้ว
หากเรื่องนี้แพร่ออกไป จะให้พวกเขาเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
โก่วฉีนิ่งไม่อยู่แล้ว ส่งเสียงคำรามต่ำลึก ด้านหลังพวกเขาปรากฏเงามายาหมาดำ น่าสะพรึงอย่างที่สุด แผ่แสงสีดำออกมา
“ฆ่า!”
หญิงงามผมเงินตะโกนเสียงกร้าว พวกเขาต่างเคลื่อนไหว โจมตีอย่างเหี้ยมหาญ หมายจะสังหารหลินสวินเพื่อระบายความเดือดดาลและอับอายในใจ
กลับเห็นหลินสวินยิ้มอย่างเบิกบาน กล่าวว่า “รอพวกเจ้าลงหม้อมาเติมเต็มท้องข้าตั้งนานแล้ว!”
ตูม!
หลินสวินก้าวออกไปก้าวหนึ่ง บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปฉับพลัน ราวกับกลายเป็นเทพมาร ปล่อยหมัดหนึ่งออกไป แรงหมัดแผ่ออกมาราวกับมังกรเจินหลง ทลายหน้าอกของคนผู้หนึ่งโดยตรง กระดูกระเบิดเป็นเสี่ยงๆ เลือดสาดกระเซ็น
ทุกคนต่างตกใจ น่ากลัวนัก หมัดเดียวก็สังหารผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งได้แล้วหรือ
“เจ้ากล้า!”
โก่วฉีพุ่งออกมา ฝ่ามือฟาดลงไปเสียงดังตูม แสงเลือดกระเซ็น ราวกับแม่น้ำเลือดที่ไหลพุ่ง ดูน่าหวาดหวั่นยิ่ง
ตู้ม!
หลินสวินก้าวเท้า ชือน้ำแข็งสีขาวดั่งหิมะโฉบออกมา เงยหน้าคำราม เสียงครืนโครมดังขึ้น สะบัดหางทีเดียวก็สลายการโจมตีของโก่วฉีได้แล้ว
และหลินสวินได้ฉวยโอกาสสำแดงกระบวนท่าสังหารตั้งนานแล้ว
พรูดๆๆ!
เขาลงมือราวกับสายฟ้า คุมตัวคู่ต่อสู้ที่ดาหน้าเข้ามาด้วยผนึกป้าเซี่ยก่อน แล้วสยบด้วยประทับปี้อั้น
พลันเห็นผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬพวกนั้นยังไม่ทันหลบด้วยซ้ำ ร่างกายก็ระเบิดออกกลางอากาศกลายเป็นหมอกเลือด
แข็งกร้าวเกินไปแล้ว!
ทุกคนในที่นั้นสูดหายใจอย่างตกใจ เพิ่งจะลงมือก็กวาดล้างทั้งที่นั้นราวกับเชือดไก่ให้ลิงดู ท่าทางดุร้ายและสะท้านสะเทือน ราวกับเทพมารเยื้องกรายไม่มีผิดเพี้ยน!
“หมาพวกนี้พลังอ่อนแอเกินไป คุณภาพเนื้อจะต้องต่ำมากแน่”
แววตาของหลินสวินราวกับสายฟ้า สยบทั่วสารทิศ ในที่นั้นเหลือเพียงโก่วฉีและหญิงงามผมเงิน
“หลินสวิน เจ้ารนหาที่ตาย!”
โก่วฉีคำราม โกรธจนตัวสั่น และรู้สึกถึงความหวาดกลัวเช่นกัน พวกเขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไป ใช่ว่าพวกเขาจะสู้ได้
นี่ทำให้โก่วฉีรู้สึกเหมือนจะพังทลายจริงๆ แทบจะคลั่งอยู่แล้ว เริ่มจากการถูกหลอกรีดไถ จากนั้นก็ถูกโจมตีเหมือนเป็นอาหาร แต่พวกเขาก็ยังสู้ไม่ได้ ความรู้สึกเช่นนี้ช่างน่าอับอายและอัดอั้นถึงขีดสุด
“มอบชีวิตมาเถอะ!”
เงาร่างหลินสวินไหววูบ เข้าไปเผชิญหน้าโก่วฉี สำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ แรงหมัดตรงไปตรงมา ท่ามกลางความเรียบง่ายมีอานุภาพสะเทือนสวรรค์สะท้านแผ่นดิน ทลายภูผาธาราอันเป็นเอกลักษณ์
โครม!
หอสุราแห่งนี้สั่นสะเทือน กำลังจะพังทลายเพราะผลกระทบจากการปะทะที่น่ากลัวนี้ ลูกค้าที่อยู่ภายในต่างตะลึง ผลุนผลันลุกหนีออกไป
มีเพียงผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินและลู่จิ่วเกอองค์ชายห้าเผ่าอีกาเพลิงที่ยังนับว่านิ่งสงบ เพียงแต่พอพวกเขาเห็นศักยภาพที่หลินสวินแสดงออกมา ในใจก็แอบหวาดหวั่นอย่างควบคุมไม่อยู่
กึด!
แขนข้างหนึ่งของโก่วฉีขาด ประกายเลือดสาดกระเซ็น เขาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติ นับว่าเป็นบุคคลชั้นยอดในบรรดาคนหนุ่ม แต่ในกระบวนท่าแรกก็เสียเปรียบอย่างมากแล้ว!
ทุกคนในที่นั้นหวั่นไหว
“ฆ่า!”
และในเวลาเดียวกันหญิงงามผมเงินก็ตะโกน เพียงแต่นางกลับเคลื่อนไหวร่างกายกะทันหัน ทะลุกำแพงหนีออกนอกหอสุราไป!
เห็นได้ชัดว่านางรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้จึงไม่กล้าสู้อีก หมายจะไปขอความช่วยเหลือ
ทว่าหลินสวินจะปล่อยนางไปได้อย่างไร ริมฝีปากส่งเสียงคลุมเครือคราหนึ่ง
เสียงคำรามผูเหลา!
พลันเห็นหลินสวินเปล่งประกายทั่วทั้งตัว ราวกับสุริยันอันน่าสะพรึงจรัสแสง คลื่นสีทองที่แปรมาจากคลื่นเสียงแผ่กระจายออกจากปาก
เสียงคำรามนั่นกระจายออกไปเหมือนเสียงตะโกนร้องของเทพบรรพกาล น่ากลัวไร้ขอบเขต ราวกับสามารถสะเทือนภูผาธาราจนแหลกละเอียดได้!
พรูด!
หญิงงามผมเงินที่เพิ่งทะลุออกจากหอสุรากลับระเบิดออกทั้งอย่างนั้น แปรเป็นกลุ่มหมอกเลือด
เฮือก… ในที่นั้นเสียงสูดหายใจด้วยความตกใจดังขึ้นระลอกหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึง อกสั่นขวัญหนี น่ากลัวเกินไปแล้ว อย่างไรผู้หญิงคนนั้นก็เป็นถึงผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติ แต่กลับถูกฆ่าในเสียงคำรามเดียว!
“อ๊าก…” ในหอสุรามีคนกรีดร้อง ตกใจจนใบหน้าไร้สีเลือด
“มรดกวิชาลับน่าสะพรึงมาก” ลู่จิ่วเกอองค์ชายห้าเผ่าอีกาเพลิงสายตาเผยประกาย ในใจหวั่นไหวไม่น้อย นี่ทำให้เขานึกถึงมรดกพรสวรรค์เสียงคำรามสิงห์ของเผ่าสิงห์เขียวนอทอง’!
กลุ่มผู้สืบทอดของสำนักกระบี่โผผินต่างก็ประหลาดใจ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เดิมพวกเขาคิดว่าเด็กหนุ่มที่มาจากโลกชั้นล่างคนนี้ไม่มีศักดิ์ศรี รายงานความลับเพื่อแกนวิญญาณ น่าเย้ยหยันนัก
ไม่คิดว่าเพียงพริบตาอีกฝ่ายก็ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน อานุภาพไร้เทียมทาน ผงาดผยองและเผด็จการ ทำให้พวกเขาต่างตกใจ!
ในใจเซี่ยอวี้ถังกระเพื่อมไหว สีหน้าอึมครึมสับสน ไม่เจอกันไม่กี่ปี เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า เด็กหนุ่มจากพื้นที่ทุรกันดารที่เพิ่งมาถึงนครต้องห้ามในตอนนั้นแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ได้อย่างไร นี่ทำให้เขาไม่สามารถยอมรับได้นัก!
เสียงคำรามเดียวสะเทือนทั้งที่นั้น แต่สำหรับหลินสวิน นี่เป็นผลจากการที่เขาจงใจควบคุมพลัง ไม่อย่างนั้นหอสุราทั้งหอคงถล่มทลายกลายเป็นเศษผงในทันทีอย่างแน่นอน!
เขาในตอนนี้เงาร่างสง่างาม แผ่แสงมายาสีใส บุคลิกโดดเด่นและว่างเปล่า อานุภาพกลับผงาดผยองไร้เทียมทาน ราวกับเทพมารจุติลงมา
ในที่นั้นเหลือเพียงโก่วฉี เขามองหลินสวินอย่างหมดหวัง หัวใจถูกความหวาดกลัวท่วมท้น เพิ่งจะตระหนักได้อย่างสิ้นเชิงว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
“หลินสวิน นี่เจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬของเราอย่างถึงที่สุดหรือ” โก่วฉีขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ตอนนี้เขาทำได้เพียงอ้างอานุภาพของเผ่าพันธุ์มาข่มขวัญ
กึด!
หลินสวินคร้านจะพูดไร้สาระ พุ่งจัวเข้าไปเข่นฆ่าต่อโดยไร้ซึ่งความกังวล เพียงพริบตาเท่านั้นก็บีบคอของโก่วฉีหักแล้ว
เสียงโครมดังขึ้น หลังจากโก่วฉีตายก็กลับคืนร่างเดิม ร่างหมาดำตัวใหญ่ยักษ์นอนอยู่บนพื้น เลือดไหลเหมือนสายน้ำ
จนถึงตอนนี้พวกผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬถูกฆ่าหมดแล้ว หรือพูดอีกอย่าง นี่เป็นเหตุการณ์สังหารหมู่ ไม่มีการต่อต้านที่แข็งแกร่งใด ล้วนถูกหลินสวินจัดการปานกวาดล้าง
พลานุภาพที่สังหารอย่างเด็ดขาดไร้เทียมทาน ทำให้ลูกค้าในหอสุราต่างหัวใจสั่นไหวอีกครั้ง แข็งแกร่งเกินไปแล้ว พลิกจินตนาการของพวกเขา
แต่หลินสวินราวกับทำเรื่องที่ธรรมดาอย่างมาก หิ้วศพหมาดำของโก่วฉียัดใส่ในแหวนเก็บของ
เพียงแต่ก่อนเขาไปกลับเคลื่อนสายตาไปในห้องส่วนตัวอีกห้อง จับจ้องเซี่ยอวี้ถัง
ทันใดนั้นนัยน์ตาเซี่ยอวี้ถังพลันหดรัด ตกตะลึงอยู่บ้าง หรือเจ้าหมอนี่ยังคิดจะเล่นงานตน
จั๋วขวงหลันที่อยู่ข้างๆ สีหน้าเรียบเฉย ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ ส่วนลู่จิ่วเกอดื่มพลางชมดูอยู่ห่างๆ กลุ่มผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินที่อยู่บริเวณนั้นต่างแอบระแวงขึ้นมา
ยามนี้บรรยากาศเงียบสงบและกดดันไม่น้อย
กลับเห็นหลินสวินยิ้มพร้อมเอ่ย “เมื่อครู่นี้เจ้าทำได้ไม่เลว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้าย่อมเป็นเรื่องดีที่สุด เช่นนี้จะได้ไม่ทำให้เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬไปหาเรื่องเจ้าเพราะข้า หลังจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้ากับข้าหมดสิ้นบุญคุณความแค้นต่อกัน”
คำพูดที่เซี่ยอวี้ถังพูดก่อนหน้านี้ถูกเขาได้ยินทั้งหมด อีกฝ่ายมองตนเป็นเด็กหนุ่มหยาบกระด้างจากพื้นที่ข้นแค้นต่อหน้าเหล่าผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินและลู่จิ่วเกอ ท่าทางเหมือนอับอายที่เป็นพวกเดียวกับตน นี่ทำให้หลินสวินเย็นชาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
เขาไม่มีความคิดจะไปโจมตีแก้แค้นเซี่ยอวี้ถัง ทว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นเต้นไป หากเซี่ยอวี้ถังดูถูกและเยาะเย้ยเขาเช่นนี้อีก ก็อย่าหาว่าเขาไม่เกรงใจ!
พูดจบเขาก็เก็บสายตาและจากไป
เซี่ยอวี้ถังสีหน้าอึมครึมไม่นิ่ง ราวกับเดือดดาลอย่างที่สุด ลุกพรึ่บขึ้นมองหลินสวินด้วยสายตาวับวาบ คล้ายอยากเข้าไปสั่งสอนหลินสวิน
“ศิษย์น้องเซี่ยไม่ต้องโกรธ แค่เด็กที่ย่ามใจจนลืมตัวก็เท่านั้น จะสนใจเขาทำไม” จั๋วขวงหลันยิ้มพูด ขวางเซี่ยอวี้ถังเอาไว้
“ใช่ เจ้าหมอนี่ยโสโอหังมาก ทั้งยังกล้าเป็นศัตรูกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ อีกไม่นานจะต้องประสบเคราะห์แน่”
“ไม่ผิด เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอิทธิพลยิ่งใหญ่ แม้แต่ขุมอำนาจใหญ่สำนักเก่าแก่ในโลกยังไม่อยากล่วงเกินง่ายๆ เด็กหนุ่มหยาบช้าจากโลกชั้นล่างอย่างเขากลับเลือกผูกความแค้นกับเผ่าพันธุ์นี้ นี่มันรนหาที่ตายไม่ใช่หรือ”
ผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินคนอื่นๆ เองก็ส่งเสียงปลอบ
เซี่ยอวี้ถังถอนหายใจในใจแล้วนั่งลงเงียบๆ อีกครั้ง ในใจยังคงเคียดแค้นมาก อยากจะฆ่าหลินสวินเองกับมือจนแทบรอไม่ไหวแล้ว
คิดว่าแข็งแกร่งขึ้นแล้วจะสามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจ ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาได้จริงๆ หรือ
นี่ก็คือเหตุผลที่เซี่ยอวี้ถังโกรธเคือง ความจริงนี่เป็นอาการผิดหวังในตัวเองอย่างหนึ่ง ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว เขาก็ไม่เคยเห็นหลินสวินอยู่ในสายตา มองว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มหยาบช้าจากพื้นที่ทุรกันดาร
ส่วนเขาเกิดในตระกูลเซี่ยที่เป็นหนึ่งในตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงทั้งเจ็ด พรสวรรค์พิเศษ ตำแหน่งและฐานะล้วนไม่ใช่สิ่งที่หลินสวินเทียบได้
จนกระทั่งเข้ามาฝึกปราณในดินแดนรกร้างโบราณ เขายิ่งกราบอาจารย์เข้ามาฝึกปราณในสำนักกระบี่โผผินอย่างราบรื่น นี่ทำให้เขามีความรู้สึกเหนือกว่าเมื่อพบหลินสวินไปโดยปริยาย
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้กลับทำให้เขาดูแย่!
ทว่ายามนี้เขาเพิ่งจะพบว่า เด็กหนุ่มที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขา ตอนนี้กลับเติบใหญ่ขึ้นจนแทบจะเหนือกว่าเขา นี่จะให้เขาที่เย่อหยิ่งมาโดยตลอดรับได้อย่างไร
“เด็กคนนี้ไม่ธรรมดามาก” ลู่จิ่วเกอองค์ชายห้าเผ่าอีกาเพลิงที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่ข้างๆ พูดเสียงเบา ดวงตาวับวาว “หากเขาปรากฏตัวในเทศกาลโคมกถามรรค ข้าก็อยากจะแลกเปลี่ยนความรู้กับเขาสักครั้ง”
ทันใดนั้นพวกจั๋วขวงหลันและเซี่ยอวี้ถังต่างหัวใจสะท้าน คิดไม่ถึงว่าลู่จิ่วเกอคล้ายจะให้ความสำคัญกับหลินสวินมาก
และในตอนนี้เองที่เสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้นในหอสุรา…
“ข้ากล้ามั่นใจว่า เขาคือผู้กล้าแห่งยุคที่ผงาดขึ้นมาในแคว้นวิญญาณอัคนีคนนั้น! เด็กหนุ่มที่ราวกับเทพมารนั่น!”
“ต้องเป็นเขาแน่ เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬจะจับกุมเขา ตอนนี้เขากลับปรากฏตัวเสียเองและสังหารคู่ต่อสู้อย่างแข็งกร้าว มีเพียงเขาที่มีความห้าวหาญกล้าทำเช่นนี้!”
“สวรรค์ เทพมารหลินท่านนี้กลับปรากฏตัวในเมืองก่วมหิมะของเรางั้นหรือ”
ในหอสุราฮือฮากันไปทั้งแถบ เต็มไปด้วยความตะลึงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ก่อนหน้านี้พวกเขายังดูถูกการกระทำของหลินสวินอยู่เลย คิดว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักละอาย จะรายงานความลับกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ เปิดเผยเบาะแสของเทพมารหลิน
ไหนเลยจะคาดคิดว่าเขานั่นแหละคือเทพมารหลิน!
นี่พาให้คนอักอ่วนและทอดถอนใจ บางทีก็คงมีแค่เทพมารหลินเท่านั้นที่กล้ามารับรางวัลประกาศจับตัวเอง
และเมื่อได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้ พวกของจั๋วขวงหลัน ลู่จิ่วเกอและเซี่ยอวี้ถังถึงได้ตระหนักเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
ที่แท้เด็กหนุ่มที่มาจากโลกชั้นล่างคนนี้ก็คือเทพมารหลิน เป็นหลินสวินคนนั้นที่เริ่มผงาดขึ้นในแดนฐิติประจิมและมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว!
ที่น่าขำคือ ก่อนหน้านี้เซี่ยอวี้ถังยังพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่าหลินสวินสองคนนี้ไม่ใช่คนเดียวกัน แค่ชื่อซ้ำเท่านั้น…
ทันใดนั้นสีหน้าของเซี่ยอวี้ถังเปลี่ยนไปอีก รู้สึกเหมือนถูกฝ่ามือล่องหนตบใส่กกหู เจ็บแสบจนทรมาน
ตอนที่ 820 สังหารสุนัขมายาทมิฬทั่วหล้า
เซี่ยอวี้ถังกำฝ่ามือสองข้างแน่นเงียบๆ ในใจเต็มไปด้วยความอับอายและเคียดแค้นที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูด
เด็กหนุ่มที่เขาไม่เคยเห็นในสายตา ตอนนี้กลับกลายเป็นเทพมารหลินที่ทำให้ทุกคนตะลึงและฮือฮา นี่ทำให้เขาไม่สามารถรับได้!
ยามนี้แม้แต่จั๋วขวงหลันเองก็เงียบไปครู่หนึ่งแล้วยิ้มพูดว่า “เช่นนี้ข้าก็อยากจะแลกเปลี่ยนความรู้กับเด็กนั่นเช่นกัน ดูความสามารถของเขาสักหน่อยแล้ว หวังว่า… เขาจะมีโอกาสไปร่วมในเทศกาลโคมกถามรรค”
กลุ่มผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินมองหน้ากัน
เด็กหนุ่มที่มาจากโลกชั้นล่างกลับสร้างความฮือฮาขนาดนี้ ไม่เพียงดึงดูดความสนใจจากลู่จิ่วเกอองค์ชายห้าแห่งเผ่าอีกาเพลิง แม้แต่จั๋วขวงหลันหนึ่งในศิษย์สืบทอดแท้จริงทั้งห้าของสำนักกระบี่โผผินของพวกเขา ก็เหมือนจะเริ่มให้ความสำคัญกับเด็กคนนี้ นี่ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกคาดไม่ถึงอย่างอดไม่อยู่
‘หากเจ้ากล้าปรากฏตัวในเทศกาลโคมกถามรรค ข้าจะโจมตีเจ้าให้พ่ายแพ้ด้วยมือของข้าเอง!’ ในใจเซี่ยอวี้ถังเกิดความชิงชัง กัดฟันจนแทบจะแหลกละเอียดแล้ว
……
“พี่ๆ เกิดอะไรขึ้นในหอสุรา”
นอกบุปผาเมามาย ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยคนหนึ่งเหมือนแมวที่ได้กลิ่นคาว เริ่มสืบข่าวสารขึ้นมา
เมื่อได้รู้ทุกสิ่งที่อยากรู้ ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยคนนั้นก็ตื่นเต้นจนตาเป็นประกาย อ้าปากหัวเราะลั่น
ข่าวใหญ่!
เป็นข่าวใหญ่แน่นอน!
ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยคนนี้ราวกับสามารถจินตนาการได้ว่า เมื่อตนเผยแพร่ข่าวนี้ออกไปจะต้องสร้างความฮือฮาไปทั่ว เป็นที่ติดตามของทุกคนอย่างแน่นอน
เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดทันควัน หมุนตัวแล้วเดินออกไป หมายจะไปแพร่ข่าวนี้ที่ต้นข่าวสารทันที
เพียงแต่ตอนที่เขาเพิ่งจะขยับตัวก็ถูกขวางเอาไว้ “เจ้าจะไปแพร่ข่าวหรือ”
“รู้แล้วยังจะถาม รีบหลีกไป อย่าทำให้เสียเวลา”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยคนนี้หงุดหงิดมาก เพียงแต่เมื่อสายตาของเขาเห็นหน้าคนที่เข้ามาขวางชัดแล้ว พลันกระโดดตัวลอย ร้องเสียงหลง “หลิน…หลิน…ฮูว…”
ไม่รอให้พูดออกมาก็ถูกหลินสวินจับจ้อง จึงหุบปากไปทันที
“เจ้าชื่ออะไร” หลินสวินถาม
“ไป๋เสี่ยวซิง”
“ชื่อเพราะ”
“แฮะๆ คือ คุณ… คุณชายหลิน ท่านมีธุระอะไรกับข้า” ไป๋เสี่ยวซิงถาม
“ช่วยอะไรข้าหน่อย แพร่ข่าวออกไปว่า ข้าหลินสวินไม่ได้ตั้งใจเป็นศัตรูกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬทั้งเผ่า แต่ถ้าพวกเขายังไม่คิดจะวางมือ เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
“คุณชายหลิน ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านจะไม่เกรงใจอย่างไร” ไป๋เสี่ยวซิงยากจะทนความอยากรู้อยากเห็นในใจ สงสัยอย่างที่สุด
หลินสวินยิ้มเยาะ พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “บางทีวันหนึ่ง อาจจะสังหารหมู่สุนัขมายาทมิฬทั่วหล้ากระมั้ง”
ไป๋เสี่ยวซิงอึ้งจนอ้าปากค้างทันที นี่แค่ไม่เกรงใจซะที่ไหน ต้องการกวาดล้างเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬทั้งเผ่าชัดๆ!
เขาอดถามไม่ได้ “คุณชายท่าน… ล้อเล่นหรือเปล่า”
“เจ้าถือซะว่าข้าล้อเล่นก็แล้วกัน” หลินสวินยิ้มพูดแล้วจากไป
เพียงแต่หลินสวินคิดไม่ถึงเลยว่า เขาเพิ่งไปจากเมืองก่วมหิมะไม่นาน ไป๋เสี่ยวซิงก็ได้สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่!
……
“เทพมารหลินปรากฏตัวในเมืองก่วมหิมะ สังหารกลุ่มผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอย่างเดือดดาล!”
“พร้อมกันนั้นเทพมารหลินกล่าวว่า ไม่ได้จงใจเป็นศัตรูกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ แต่ถ้าเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬยังไม่คิดจะวางมือ สักวันหนึ่งเขาจะสังหารสุนัขมายาทมิฬทั่วหล้า!”
วันนี้ตอนที่ข่าวนี้เผยแพร่ออกไป เมืองก่วมหิมะทั้งเมืองตกอยู่ท่ามกลางความฮือฮา ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์
“เทพมารหลินเก่งกาจจริงๆ ดุร้ายและเผด็จการเกินไปแล้ว ทอดสายตามองไปใต้หล้า ใครบ้างที่ไม่เกรงกลัวการข่มขู่ของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอย่างเขา”
ผู้ฝึกปราณหลายคนอุทานด้วยความตกใจ คิดว่าหลินสวินห้าวหาญอย่างที่สุด อานุภาพตะลึงโลก
“กี่ปีแล้ว ยังไม่เคยเห็นคนรุ่นเยาว์คนใดกล้าประกาศศึกกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬเหมือนอย่างเทพมารหลิน คนรุ่นหลังเหนือล้ำกว่ารุ่นก่อนจริงๆ!”
ผู้ฝึกปราณรุ่นอาวุโสหลายคนอดถอนหายใจไม่ได้
“หึ เด็กคนนี้เพิ่งผงาดขึ้นมาได้ไม่กี่วันก็คิดว่าไร้คู่ต่อสู้แล้วจริงๆ หรือ แข็งเกินไปก็หักง่าย เขาหลงระเริงปานนี้ ก็เหมือนกับดาวตกบนท้องฟ้า ถูกกำหนดให้กะพริบหายไปอย่างรวดเร็วและร่วงหล่นลง ไม่สามารถอยู่ยงคงกระพันได้!”
และมีผู้ฝึกปราณหลายคนไม่เห็นด้วย คิดว่าการกระทำเช่นนี้ของหลินสวินโง่เขลาเกินไป คิดจะเผชิญหน้ากับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬทั้งเผ่าโดยลำพัง เอาไข่ไปกระทบหินชัดๆ ไม่ต่างอะไรกับมดคิดเขย่าต้นไม้ใหญ่ เกรงว่าอีกไม่นานก็คงจะประสบเคราะห์
ไม่ว่าอย่างไรข่าวที่เกี่ยวกับหลินสวินนี้ก็นำพาคลื่นลูกใหญ่เข้ามา ทำให้ฮือฮากันทั้งเมือง และแพร่สะพัดออกไปทั่วทั้งแคว้นล้ำเมฆาอย่างรวดเร็ว
ส่วนผู้ฝึกปราณเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬหลายคนที่รู้ข่าวนี้ต่างโกรธจนแทบระเบิด สังหารสุนัขมายาทมิฬทั่วหล้างั้นหรือ
เด็กนี่ต้องตาย!
อีกอย่างพวกเขาก็ไม่พอใจเผ่าวาทวาโย นี่มันข่าวบ้าอะไร แฝงความเย้ยหยันอย่างแรงกล้า คำพูดแบบนี้ใช่สิ่งที่เผ่าวาทวาโยสามารถพูดได้หรือ
ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยที่ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีรีบประกาศข่าว “สหายเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอย่าได้เข้าใจผิด นี่เป็นคำพูดของเทพมารหลิน ไม่ได้หมายความถึงท่าทีของเผ่าวาทวาโยของพวกเรา!”
แต่ไม่ว่าอย่างไรคลื่นที่เกิดจากข่าวนี้ก็ใหญ่เกินไป ถึงขั้นที่ดึงดูดความสนใจของขุมอำนาจใหญ่มากมาย ต่างเริ่มสืบเสาะและทำความเข้าใจเกี่ยวกับฐานะและภูมิหลังของหลินสวิน
ในชั่วขณะด้วยเหตุจากเรื่องทำหมดนี้ ทำให้หลินสวินได้อยู่ในสายตาของขุมอำนาจใหญ่มากมายอย่างเป็นทางการดุจดาวหาง
ทว่าถึงอย่างไรแดนฐิติประจิมก็ใหญ่เกินไป มีอาณาเขตหลายพันแคว้น เรื่องราวทั้งหมดที่หลินสวินสร้างขึ้นแม้จะฮือฮา แต่ก็จำกัดแค่ในพื้นที่แถบเดียวเท่านั้น ชื่อเสียงยังไม่ถึงขั้นสะเทือนไปทั้งแดนฐิติประจิม
แต่ไม่เกินคาดเดา ท่ามกลางเวลาที่ล่วงเลยไป ในแดนฐิติประจิมจะต้องมีผู้ฝึกปราณและขุมอำนาจที่รู้ถึงการมีตัวตนของหลินสวินมากขึ้นเรื่อยๆ!
นี่ก็คือชื่อเสียง
ในบรรดาคนรุ่นเยาว์มีคนชื่อเสียงโด่งดังด้วยพรสวรรค์อันกร้าวแกร่ง มีคนกลายเป็นที่รู้จักเพราะตำแหน่งฐานะ
และมีคนที่ผ่านการเข่นฆ่านองเลือดมานับครั้งไม่ถ้วน สังหารจนได้ชื่อเสียงมาเหมือนเช่นหลินสวิน
สำหรับหลินสวิน เขาเพิ่งมาถึงแดนฐิติประจิมไม่ถึงครึ่งปี ในบรรดาคนรุ่นเยาว์นับได้ว่าเป็นผู้โดดเด่นที่เพิ่งผงาดขึ้นเท่านั้น แม้อิทธิพลกำลังอยู่ในขั้นบ่มเพาะและแพร่กระจาย แต่เมื่อเทียบกับผู้กล้าแห่งยุคที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งแดนฐิติประจิมแล้ว ก็ยังด้อยกว่าระดับใหญ่
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่ความแตกต่างด้านชื่อเสียงและอิทธิพลเท่านั้น ไม่ใช่การเทียบพลังต่อสู้ที่แท้จริง
……
กลางลำต้นของต้นข่าวสาร มีใบน้ำแข็งที่ส่องแสงระยิบระยับขนาดเท่าใบพัดสามใบแขวนอยู่ กำลังแสดงภาพที่แตกต่างกัน
บนใบไม้ใบแรก หลินสวินที่ดุจดั่งเทพมารกำลังต่อสู้กับหญิงสาวหน้ากากเงินผู้ลึกลับอยู่บนฟ้า โดดเด่นเป็นประกาย
บนใบไม้ใบที่สอง เป็นประกาศนำจับของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ เต็มไปด้วยไอเข่นฆ่าและกระหายเลือด น่ากลัวอย่างมาก
บนใบไม้ใบที่สามคือบันทึกเกี่ยวกับข่าวที่หลินสวินสังหารกลุ่มผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่หอสุราบุปผาเมามาย ภายในยังมีเสียงของหลินสวินที่ฝากถึงเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ
กลุ่มผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินและพวกของลู่จิ่วเกอองค์ชายเผ่าอีกาเพลิงยืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ จ้องมองข่าวต่างๆ ที่ปรากฏบนใบไม้ทั้งสามใบแล้ว ต่างตกอยู่ในภวังค์อันยาวนาน
ทันใดนั้นบนร่างลู่จิ่วเกอปรากฏกลิ่นอายอันไร้รูป ทำให้ชุดสีแดงราวกับเปลวเพลิงของเขาโบกสะบัด ความเฉียบคมปรากฏวาบในดวงตาเขา ปลดปล่อยอานุภาพอันน่าหวาดหวั่น
นี่ทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นตะลึง สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ต่างถอยหนีออกไป
แทบจะในเวลาเดียวกัน บนร่างของจั๋วขวงหลันที่ยืนอยู่เงียบๆ ก็แผ่เจตกระบี่อันรุนแรง ตรงดิ่งทะลวงฟ้า!
ผมดำของเขาพลิ้วไหว ร่างกายที่ยืดตรงราวกับกระบี่น่าสะพรึงอย่างที่สุด อานุภาพนั่นทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นใจสั่นไหว สูดหายใจด้วยความตกใจ
เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นลู่จิ่วเกอหรือจั๋วขวงหลันกลับราวกับไม่รู้ตัว สายตาของพวกเขาจดจ้องภาพการต่อสู้บนใบไม้ใบที่หนึ่งไม่กะพริบ
“แม้แต่พวกเขาก็ถูกกระตุ้นจิตต่อสู้ในใจ…”
หลายคนที่สายตาเฉียบคมต่างดูออกทันที ว่าพลังขับเคลื่อนรอบตัวของลู่จิ่วเกอและจั๋วขวงหลันล้วนได้รับอิทธิพลจากภาพการต่อสู้
นี่ก็คือการตอบสนองพลังระหว่างผู้กล้าแห่งยุค ละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง มีเพียงไปถึงระดับอย่างพวกเขาเท่านั้นจึงจะสามารถสัมผัสได้
เซี่ยอวี้ถังเองเมื่อเห็นภาพนี้แล้วจิตใจพลิกตลบไม่หยุด ในใจยิ่งรู้สึกเดือดดาล เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าหลินสวินเติบโตขึ้นขนาดนี้ได้อย่างไร!
ความโดดเด่นไร้เทียมทานเช่นนั้น ทำให้เขาเองยังหัวใจสั่นไหว
จนกระทั่งเห็นคลื่นพลังขับเคลื่อนที่ถูกกระตุ้นโดยไม่ได้ตั้งใจของจั๋วขวงหลันและลู่จิ่วเกอ ทำให้เซี่ยอวี้ถังยิ่งมีความรู้สึกเหมือนฝัน
นี่หมายความว่าหลินสวินนั่นมีพลังแฝงและรากฐานพลังที่สามารถต่อสู้กับศิษย์พี่จั๋วและลู่จิ่วเกอได้แล้วใช่หรือไม่
ไม่!
เป็นไปไม่ได้!
ไม่เจอกันเพียงไม่กี่ปี เขาผงาดขึ้นเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร
เซี่ยอวี้ถังรับไม่ได้ ตอนนี้เขาร้อนใจอยากเจอหลินสวิน อยากต่อสู้กับหลินสวินซึ่งๆ หน้าสักรอบ
มีเพียงการสยบหลินสวินเท่านั้น จึงจะคลี่คลาย ‘ปม’ ในใจเขาได้!
บางทีนี่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นมารในใจ หากไม่กำจัดซะ จะต้องกลายเป็นบ่วงขัดขวางการฝึกปราณอย่างแน่นอน
เซี่ยอวี้ถังฉลาดมาก พรสวรรค์โดดเด่น มิฉะนั้นคงไม่มีความสำเร็จในวันนี้ เขาแทบจะตัดสินได้ในทันทีว่า หลินสวินได้กลายเป็นปมในใจของตนไปแล้ว หากไม่สยบอีกฝ่าย จิตใจของเขาก็จะปรากฏเงามืดหนึ่งเอาไว้!
สำหรับผู้ฝึกปราณ เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นย่อมเป็นภัย จะส่งผลต่อการฝึกปราณอย่างรุนแรง ถึงขั้นที่มรรคาหยุดชะงักแต่เพียงเท่านี้!
เพียงแต่เซี่ยอวี้ถังคิดให้หัวแตกก็คิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้ เด็กหนุ่มที่ไม่เคยอยู่ในสายตาเขา ตอนนี้กลับสามารถส่งผลกระทบต่อจิตใจเขาได้แล้ว…
“หากว่าเด็กนี่สามารถรอดจากการตามฆ่าของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ จะต้องกลายเป็นบุคคลชั้นยอดที่ไม่สามารถมองข้ามได้ในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของแดนฐิติประจิมแน่”
ตอนนี้เองจู่ๆ ลู่จิ่วเกอก็วิจารณ์ออกมาเช่นนี้
“มหาสงครามจะมาเยือนแล้วจริงๆ หรือ เด็กหนุ่มที่เมื่อก่อนไร้ชื่อเสียง กลับสามารถผงาดขึ้นมาราวกับดาวหาง… แล้วปัจจุบัน คนที่เริ่มเป็นที่รู้จักจากที่เงียบกริบไร้ชื่อเสียงจะมีอีกกี่คน”
จั๋วขวงหลันพึมพำ ในสายตาเต็มไปด้วยประกายอันน่าพรั่นพรึง
ราวกับมีจิตเชื่อมกัน จั๋วขวงหลันและลู่จิ่วเกอสบตากันครู่หนึ่ง ต่างดูความคิดในใจของอีกฝ่ายออก
เมื่อหลินสวินคนนี้ปรากฏตัว เท่ากับทำให้พวกเขาค้นพบคู่ต่อสู้ที่สูสีกันอีกคนอย่างไม่ต้องสงสัย!
แน่นอนว่าเงื่อนไขแรกคือ เด็กหนุ่มคนนี้จะต้องสามารถรอดพ้นจากการต่อสู้กับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬให้ได้ มิฉะนั้นทุกอย่างล้วนเสียเปล่า
และในช่วงพลบค่ำวันเดียวกัน ในเมืองก่วมหิมะเริ่มปรากฏขบวนวิญญาณมายาทมิฬขบวนแล้วขบวนเล่า ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬมาพร้อมไอสังหารเดือดพล่าน ต่างมารวมตัวกัน ทำให้เมืองก่วมหิมะทั้งเมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศกดดันเคร่งเครียดราวกับพายุกำลังจะกระหน่ำ
ทุกคนต่างตระหนักได้ว่า เพราะการกระทำของเทพมารหลิน ทำให้เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬเดือดดาลอย่างสิ้นเชิงแล้ว!
ตอนที่ 821 อุดมธรรมดุจดั่งน้ำ
พื้นที่รกร้าง ภูเขาเรียงราย
ยามโพล้เพล้ แสงยามเย็นราวกับเพลิงย้อมท้องฟ้าเป็นสีแดง อาบเทือกเขาทั้งแถบ ปรากฏสีส้มแดงอันงดงามและเกรียงไกร
อาทิตย์ตกงดงามไร้ขีดจำกัด เพียงแต่ใกล้จะค่ำแล้ว
หลินสวินเดินอยู่ในป่าเขาเก่าแก่โบราณเพียงลำพัง แสงยามเย็นที่สาดส่องลงมาดึงเงาร่างสง่างามของเขาจนยืดยาว
มีเสียงร้องของสัตว์เป็นระยะๆ ยิ่งดูเงียบงันรกร้าง
‘ก่อร่างสร้างสรรพสิ่ง ตามวิถีมรรคธรรมชาติ บำเพ็ญเพียรแจ้งมรรค แสวงหาจากฟ้าดิน’ หลินสวินฝีเท้ามั่นคง เสื้อผ้าพลิ้วไหว ก้าวเดินอยู่ในป่าเขา
เมฆสีก่อตัว ผืนป่าโบราณถูกย้อมเป็นสีแดง พร่าเลือนราวกับหมอก
ระหว่างทางหลินสวินโคจรวิชาลับ ‘ดวงใจฉิวหนิว’ สภาวะจิตปรากฏสภาพอันบริสุทธิ์เหนือโลกีย์ ว่างเปล่าไร้ตัวตน ราวกับแม่น้ำที่ใสสะอาด สามารถสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งได้
เขาขัดเกลาท่วงทำนองแห่งมรรคธาตุน้ำที่ตนครอบครอง
ตอนนี้เหลือเพียงแค่ทำให้ท่วงทำนองแห่งมรรคธาตุน้ำเลื่อนไปสู่ระดับเจตจำนงแห่งมรรคธาตุน้ำ เขาก็สามารถบรรลุเข้าระดับกระบวนแปรจุติได้แล้ว
ซ่าๆๆ~
ไม่นาน ลำธารเชี่ยวกรากสายหนึ่งไหลออกมาจากหุบเขาราวกับเข็มขัดหยก และไหลห่างออกไป
คลื่นราวกับไข่มุก สาดกระเซ็นกลิ้งไปมา เป็นประกายระยิบระยับโปร่งแสงภายใต้ตะวันตกดิน
หลินสวินนั่งอยู่ข้างลำธาร สงบใจหยั่งรู้ เงาร่างสง่างามนิ่งไม่ขยับราวกับกลายเป็นรูปปั้น
จนกระทั่งยามสนธยาผ่านพ้น รัตติกาลมาเยือน เขาจึงหมุนตัวจากไป
‘อุดมธรรมดุจดั่งน้ำ ด้วยเหตุนี้จึงว่างเปล่า สามารถแทรกอยู่ได้ไร้ขอบเขต มีอยู่ทุกที่ไม่มีสิ้นสุด’
ยามค่ำ หลินสวินนั่งอยู่บนฝั่งลำธารแห่งหนึ่งเงียบๆ จิตใจและร่างกายจมอยู่กับการหยั่งรู้
‘ใต้หล้านี้ไม่มีสิ่งใดอ่อนกว่าน้ำ แต่ไม่มีความแข็งใดชนะมันได้ สิ่งนี้เรียกว่าเมื่ออ่อนถึงที่สุดจึงแข็งที่สุด ครอบครองทั้งสองฝั่ง’
เช้าวันถัดมาหลินสวินตื่นจากสมาธิ ชั่วขณะที่ลืมตาขึ้น บนใบไม้สีเขียวที่อยู่ข้างๆ มีน้ำค้างหยดหนึ่งร่วงไหลลงพอดี กลมเกลี้ยงแวววาว วาดเส้นโค้งกลางอากาศแล้วร่วงหล่นลงบนพื้น แตกกระจายเป็นรอยน้ำแล้วซึมหายสู่พื้นดิน
หลินสวินตะลึง ในใจคล้ายหยั่งถึงบางอย่าง
ครู่หนึ่งเขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินต่อ
ซ่าๆๆ!
หน้าหุบเขาอันเงียบสงบลูกหนึ่ง น้ำตกไหลลงมาจากหน้าผาเหมือนมังกรขาวตัวหนึ่ง พุ่งลงในลำธาร คลื่นน้ำนับพันสาดกระจาย
หลินสวินยืนอยู่ที่นี่หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว มองดูน้ำตก ละอองน้ำ หมอกน้ำ มองดูคลื่นน้ำและระลอกคลื่นริมธาร
จนกระทั่งกลางดึกดวงดาวพร่างพรมสะท้อนแสงวิบวับ หลินสวินคุกเข่าลง สายตามองหินก้อนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ลำธาร
พื้นผิวของหินมีหลุมที่ราวกับรังผึ้งมากมาย หนาราวนิ้วโป้งเท่านั้น
‘น้ำหยดหินกร่อน เรียกว่าผู้พากเพียรย่อมเข้มแข็ง ไม่มีสิ่งใดที่ผ่านไม่ได้!’
หลินสวินพึมพำออกมา “และน้ำตก ละอองน้ำ คลื่นน้ำ ระลอกคลื่นพวกนี้… เปลี่ยนแปลงไม่มีขีดจำกัด แสดงแก่นอัศจรรย์ออกมาอย่างเต็มที่ ทว่าหมื่นเปลี่ยนแปรแต่เนื้อแท้ยังคงเดิม ล้วนแล้วแต่เป็นน้ำ”
การหยั่งรู้มากมายราวกับสายน้ำเล็กๆ ซึมเข้าจิตใจ ทำให้พลังขับเคลื่อนรอบตัวหลินสวินปรากฏความรู้สึกว่างเปล่าราวกับน้ำ โปร่งแสงเต็มเปี่ยมด้วยพลัง
ไม่นานหลินสวินก็ลุกขึ้นยืน ขณะกำลังจะก้าวเดินไปข้างหน้าก็เลิกคิ้วขึ้นโดยพลัน ดวงตาดำวาบไอเยียบเย็น
เขายื่นนิ้วทั้งห้าออกมาโบกง่ายๆ
หยาดน้ำส่วนหนึ่งกระจายออกมาจากในน้ำตก เหมือนจู่ๆ ก็ถูกควบคุม จากรูปลักษณ์กลมมนโปร่งแสงเปลี่ยนเป็นยืดยาว แปรเป็นกระบี่น้ำแหลมคมเรียวเล็กมากมายดุจดั่งเข็ม ส่องประกายระยิบระยับ
แซ่ก~
ทันทีที่พวกมันปรากฏรูปลักษณ์ก็พุ่งออกไป เคลื่อนออกนอกหุบเขา
รัตติกาลราวกับหมึก นอกหุบเขาเดิมทีเงียบสงบอย่างที่สุด แต่ตอนนี้กลับมีเสียงทึบดังขึ้นระลอกหนึ่ง เหมือนมีของหนักอะไรร่วงหล่นลงพื้น
แทบจะในเวลาเดียวกัน เงาร่างของหลินสวินปรากฏตัวขึ้นที่นี่ บนพื้นมีศพนอนอยู่หกศพ บริเวณหัวใจพวกเขาต่างปรากฏหลุมเลือดหนึ่งหลุมที่ยังคงมีเลือดไหล ก่อนตายล้วนเบิกตาโพลง สีหน้าตกตะลึง
“มาไวจริงๆ”
หลินสวินขมวดคิ้ว ศพบนพื้นพวกนี้ก็คือผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ นี่ทำให้เขาตระหนักได้ว่า นับแต่วันนี้เป็นต้นไป หนทางนี้ถูกกำหนดให้ไม่สงบสุขอีกแล้ว
อีกทั้งในเมื่อเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬไม่คิดจะวางมือ ถ้าอย่างนั้นการโจมตีในครั้งนี้ จะต้องส่งผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มาอย่างแน่นอน!
ทว่าหลินสวินไม่ได้กังวลอะไร นอกจากจะมีราชันที่แท้จริงปรากฏตัว หาไม่แล้วคนอื่นๆ ยากจะข่มขวัญเขาได้
……
วันที่เจ็ดที่ออกจากเมืองก่วมหิมะ ส่วนลึกของทะเลสาบสีครามอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง ร่างของหลินสวินค่อยๆ จมดิ่งลงไปในน้ำ
ในกระบวนการนี้เขาปล่อยตัวเองให้ว่างเปล่า ทั้งกายใจล้วนกำลังรับรู้กลิ่นอายของน้ำ พลังของน้ำ การไหลและท่วงทำนองของน้ำ…
จนกระทั่งจมลงก้นทะเลสาบ หลินสวินพลันลืมตา โบกมือคราหนึ่ง น้ำวนพลันปรากฏในน้ำอย่างกะทันหัน หมุนอย่างฉับไว ไม่นานน้ำวนสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ วงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ส่งเสียงครืนโครม
จากนั้นพื้นผิวทะเลสาบอันกว้างใหญ่ถูกปั่นป่วน คลื่นน้ำโหมกระหน่ำซัดสาด ปรากฏน้ำวนขนาดใหญ่พุ่งขึ้นท้องฟ้าโดยตรง
ตูม!
พริบตานั้นราวกับมังกรขาวตัวหนึ่งพุ่งออกจากทะเลสาบ หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ม้วนคลื่นมากมาย ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้เดือดพล่าน
เมื่อมองอย่างละเอียด อากาศราวกับถูกบดละเอียด แปรเป็นกระแสปั่นป่วน!
บนฝั่งทะเลสาบปรากฏเงาร่างสีดำสิบกว่าร่าง มีทั้งชายและหญิง ตอนนี้ต่างมองน้ำวนกลางทะเลสาบอย่างตะลึง
ฮูม~~
หลังจากน้ำพุ่งขึ้นชั้นเมฆ ก็กลายเป็นเหมือนฝนห่าใหญ่กระหน่ำลงมา ทันใดนั้นพื้นที่แห่งนี้ล้วนมีหมอกฝนหนาทึบ ปรากฏสายรุ้งอันงดงามราวกับภาพฝันสายแล้วสายเล่า
ไร้ซึ่งสุ้มเสียง สายฝนราวกับฝัน ประหนึ่งเส้นด้าย สาดพรมลงบนร่างชายหญิงเหล่านั้น
ฟุ่บๆๆ!
ทันใดนั้นภาพอันน่าสะพรึงปรากฏขึ้น ชายหญิงเหล่านั้นยังไม่ทันตอบสนองด้วยซ้ำ ร่างกายก็เหมือนถูกมีดแหลมคมหาใดเปรียบนับพันหมื่นกรีดผ่าน ร่วงหล่นกลายเป็นกองเลือดเนื้อทั่วพื้นดิน
ห่างออกไป พื้นผิวทะเลสาบมีหมอกฝนพร่าเลือน แต่ในทะเลสาบกลับกลายเป็นแดนนรกนองเลือดอย่างไร้สุ้มเสียง กระดูกกลายเป็นโคลน คาวเลือดคละคลุ้ง!
ขวับ!
เงาร่างของหลินสวินลอยขึ้นจากในทะเลสาบ สองมือไพล่หลัง ยืนนิ่งอยู่บนผิวน้ำที่หมอกฝนพร่าเลือน ในใจปรากฏการหยั่งถึงมากมาย
“เล็กแต่ไร้เสียง ยิ่งใหญ่แต่ปั่นป่วน ปริมาณจุแม่น้ำร้อยสาย แฝงเร้นไว้ซึ่งความลึกล้ำไม่อาจคาดเดา ไม่สู้กับโลกหล้า สามารถหล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง หากสู้กับโลกหล้า กลับแข็งแกร่งไร้ต้านทาน!”
ในเสียงพึมพำ หลินสวินเสื้อผ้าพลิ้วไหว เคลื่อนตัวผ่านคลื่นน้ำ หายไปในภูผาธาราอันกว้างใหญ่ราวกับเทพเซียน
ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่เคยมองซากศพบนฝั่งทะเลสาบเลยแม้แต่คราเดียว
เพราะเขาไม่จำเป็นต้องดู ก็รู้ว่าพวกนี้ล้วนเป็นสายสืบจากเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ
สิ่งที่ควรค่าแก่การพูดถึงคือ นี่เป็นศัตรูกลุ่มที่หกที่เขาฆ่าระหว่างทาง
เพียงแต่ตั้งแต่วันนี้ ศัตรูที่ปรากฏระหว่างทางเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ละคนแทบจะมีพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติ ทั้งยังเป็นมือฉมังมีไหวพริบ ไม่ขาดพวกเฒ่าเจ้าเล่ห์โหดร้าย
อันตรายขึ้นเรื่อยๆ แล้ว…
ในใจหลินสวินมีสัญญาณเตือนแรงกล้า เขาตระหนักได้ว่าเวลาที่มีเหลือให้ตนไม่มากแล้ว บางทีอีกไม่นาน ราชันกึ่งระดับรวมไปถึงราชันที่แท้จริงก็จะปรากฏตัวแล้ว!
……
วันที่สิบห้าที่ออกจากเมืองก่วมหิมะ
โครม!
กลางหมู่เขาที่เรียงราย กำลังมีเหตุการณ์เข่นฆ่าอันดุเดือด
หลินสวินคนเดียวรับศึกจากมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬแปดคน เจ้าแก่พวกนี้แต่ละคนประสบการณ์ต่อสู้มากมาย ทั้งยังชำนาญวิชาลับประสานโจมตี รับมือยากมาก
ทว่าหลินสวินยังคงไม่กลัว
ท่วงทำนองแห่งมรรคอันเปี่ยมล้นไปด้วยพลังและโปร่งแสงพันอยู่รอบตัวเขา แสงอบอวลศักดิ์สิทธิ์สีเขียวราวเดือดพล่าน พุ่งทะยานขึ้นฟากฟ้า อานุภาพไร้ขีดจำกัด จรัสแสงราวสุริยัน ส่องสว่างภูผาธารา
เสียงกระแทกดังดุจฟ้าผ่า ในพื้นที่แห่งนี้ยอดเขาทรุดทลาย ต้นไม้เก่าแก่กลายเป็นผง ในอากาศเต็มไปด้วยประกายแสงศักดิ์สิทธิ์และวิชาลับ สมบัติวิญญาณคำราม ทลายชั้นเมฆทั่วทุกสารทิศ
ในรัศมีพันลี้ฝูงสัตว์ร้องครวญวิ่งวุ่น สัตว์อสูรหนีเตลิด คลื่นกระแทกในการต่อสู้ที่น่าสะพรึง เกือบจะทำให้ที่แห่งนี้เป็นสถานที่แห่งวิบัติภัยแล้ว
“ฆ่า!”
ศัตรูโคจรพลังเต็มกำลัง สำแดงสารพัดวิชาออกมา อานุภาพน่าหวาดหวั่น
มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติแปดคนล้อมโจมตีเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะ นี่หากแพร่ออกไปจะต้องสร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ในแดนฐิติประจิมอย่างแน่นอน
และถ้าให้ผู้คนรู้ว่า ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินที่หัวเดียวกระเทียมลีบไม่เพียงไม่ถูกสยบ กลับยังได้เปรียบเสมอมา ก็ไม่รู้ว่าคนอื่นๆ จะคิดอย่างไร
พรวด!
ชือน้ำแข็งตัวหนึ่งทะยานฟ้าอย่างมีชีวิตชีวา ราวกับสร้างจากหิมะน้ำแข็ง สะบัดหางทีเดียวก็กวาดซัดมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งปลิวออกไปแล้ว กระดูกเอ็นระเบิดกระจุยตายคาที่
ก้าวย่างชือน้ำแข็งสำแดงพลังสังหารอันน่าหวาดหวั่นผิดธรรมดาออกมาในตอนนี้!
โครม!
ประทับปี้อั้นปรากฏ แสงน้ำท่วงทำนองมรรคเปล่งประกาย เผยอานุภาพทรงพลังไร้ขีดจำกัด กว้างใหญ่ราวกับมหาสมุทร ทลายห้วงอากาศ กระแทกมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งตกสู่พื้นอย่างจัง ร่างกายถูกกดทับบี้แบน เลือดเนื้อย้อมพื้นดิน
ในเวลาเดียวกันหมัดของหลินสวินคำราม พุ่งเข้าไปสังหาร แสงน้ำท่วงทำนองมรรคน่าสะพรึง มีพลานุภาพสะเทือนสวรรค์สะท้านปฐพี ไม่มีสิ่งใดที่ทำลายล้างไม่ได้
ปัง!
สมบัติกู่ร้อง ถูกโจมตีจนปลิว
ปัง!
ศัตรูราวกับจมสู่พื้นผิวทะเลที่พายุกระหน่ำ ถูกแรงหมัดอันยิ่งใหญ่ปกคลุม จากนั้นร่างกายพังทลายแตกสลายกลายเป็นหมอกเลือด
หลินสวินในตอนนี้แตกต่างไปจากเดิมแล้วจริงๆ มีพลานุภาพที่ไม่เคยมีมาก่อนเพิ่มเข้ามา การเคลื่อนไหวราวกับมหาสมุทรทรงพลัง มืดฟ้ามัวดิน ไม่มีสิ่งใดที่ทำลายล้างไม่ได้
เทียบกับเมื่อก่อน อานุภาพแข็งแกร่งกว่าไม่ใช่แค่หนึ่งระดับ!
เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติแปดคนก็ถูกกวาดล้าง ไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว
แต่หลินสวินไม่แม้แต่จะเปื้อนฝุ่น ไม่มีส่วนใดบุบสลาย เงาร่างสง่างามยืนอยู่ในอากาศ รอบตัวถูกแสงมรรคสลัวรางพันรอบ ราวกับเซียนบริสุทธิ์ไร้โลกีย์
นี่ก็คือพลังของเจตจำนงแห่งมรรค!
จากการหยั่งรู้และขัดเกลาเนิ่นนาน ในที่สุดหลินสวินก็หยั่งถึงนัยแห่งมหามรรคธาตุน้ำได้จากธรรมชาติ!
น้ำแทรกซึมได้ทุกสิ่ง แข็งอ่อนเสริมส่ง ใต้หล้านี้ไม่มีสิ่งใดอ่อนกว่าน้ำ แต่ก็ไม่มีความแข็งใดชนะมันได้!
มันเปลี่ยนแปลงไม่มีขีดจำกัดจึงไร้ซึ่งการเสียเปรียบ ไร้ซึ่งรูปร่างแน่ชัดจึงมีอยู่ทุกที่ สามารถจุรับแม่น้ำร้อยสาย มีแก่นนัยลึกล้ำเกินคาดเดา
เมื่อไม่ปะทะ มอบความชุ่มชื้นแก่สรรพสิ่งอย่างเงียบงัน
หากเมื่อปะทะ กลับไม่มีสิ่งใดในใต้หล้าที่ทำลายไม่ได้!
อริยบุคคลเมื่อครั้งโบราณเรียกสิ่งนี้ว่า ‘อุดมธรรมดุจดั่งน้ำ’
นี่ก็คือเจตจำนงแห่งมรรคธาตุน้ำ แตกต่างจากท่วงทำนองแห่งมรรคธาตุน้ำ นี่คือการรับรู้และมองทะลุนัยแห่งมหามรรคอย่างหนึ่ง เป็นการหยั่งถึงและครอบครองพลังของมันในรูปแบบใหม่ทั้งหมด
ถ้าบอกว่าระดับท่วงทำนองแห่งมรรค ครอบครองได้เพียงร่องรอยแห่งมหามรรค เช่นนั้นระดับเจตจำนงแห่งมรรค ก็คือการครอบครองนัยแห่งมหามรรค!
ทั้งสองต่างกันเพียงคำเดียว แต่ระดับกลับต่างกันราวฟ้ากับดิน
ก็เหมือนหลินสวินในตอนนี้ ทั้งภายในและภายนอก ทั้งกายใจและวิญญาณ รวมไปถึงสารกาย พลังชีวิต จิตวิญญาณ และพลังปราณ หลังจากหยั่งถึงเจตจำนงแห่งมรรคธาตุน้ำก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง…
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น