Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 808-811

 ตอนที่ 808 ตัดสินใจจู่โจมกลับ

ProjectZyphon

“นายน้อยรีบหนีเร็ว! ข้าจะต้านไม่อยู่แล้ว!” ขณะเดียวกันเสียงคำรามของโก่วขุ่ยดังสนั่นมาจากนอกถ้ำสถิต


ยังมีโอกาส!


โก่วซวีสิงจุดประกายความหวังใหม่อีกครั้ง เขาหนีอย่างบ้าคลั่งแทบไม่สนใจสิ่งอื่น สำหรับอสูรน้อยนอเดียวนั่นเขาไม่กล้าไปสนใจอีก


แม้ตอนนี้จับมันได้ก็ต้องถูกราชันอสูรเนตรทองนอเดียวนั่นหมายหัวแน่ ยังไม่ทันหนีรอดจากภูเขาคงประสบเคราะห์กรรมซะก่อน!


โครม!


ทว่าขณะเงาร่างโก่วซวีสิงเพิ่งมาถึงปากถ้ำสถิต ห้วงนิมิตพลันรู้สึกเจ็บปวดจนหน้ามืด ร่างกายซวนเซหกคะเมนราวหมากินขี้


“หนอนกินเทพ!”


โก่วซวีสิงโกรธแค้นถึงขีดสุด ในห้วงนิมิตเขาพลังจิตซึ่งคลุมด้วยเกราะสมบัติปริศนาอีกชั้นฉายแสงวับวาว กำลังต่อต้านการโจมตีของหนอนกินเทพขนาดเท่าเมล็ดข้าวตัวหนึ่ง


“ต้องเป็นฝีมือของไอ้สวะนั่นแน่!”


โก่วซวีสิงโกรธจนควันออกหู เขาคือยอดบุคคลรุ่นเยาว์ระดับบั่นพันเศียรที่สง่าผ่าเผย ปัจจุบันกลับพลาดท่าเสียทีต่อเนื่อง ตอนนี้ยิ่งถูกศัตรูฉวยโอกาสซ้ำเติม นี่จะให้เขาอดทนอดกลั้นได้อย่างไร


หากไม่ใช่ว่าเขามีสมบัติป้องกันพลังจิต ก็คงประสบเคราะห์ไปแล้ว!


“อย่าให้ข้าจับเจ้าได้แล้วกัน!”


โก่วซวีสิงสูดหายใจลึก หยัดร่างตะกายขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบากเพื่อหนีต่อ


เขาสังเกตว่าหลังหนอนกินเทพตัวนั้นเจออุปสรรคก็ล่าถอยหายลับจากร่างตนโดยไม่ลังเล นี่ยิ่งพิสูจน์ว่าเจ้าหนอนน่ากลัวนี่ถูกคนควบคุม


แต่ตอนนี้โก่วซวีสิงแทบไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ ตอนที่เขาเพิ่งหนีออกจากถ้ำสถิตนั่นก็รู้สึกถึงพลังน่าหวาดกลัวหาใดเปรียบลงมาจากฟากฟ้า สายฟ้าสีทองทั่วนภาสาดส่องแน่นขนัดดั่งพายุฝน เปี่ยมกลิ่นอายทลายฟ้ามลายดิน


นี่ทำเขามือเท้าเย็นเยียบหนาวสั่นไปทั้งตัว


จบเห่แล้ว!


สุดท้ายก็ช้าไปก้าวหนึ่ง…


“นายน้อยหนีไป!”


เสียงตะโกนดังขึ้นข้างหู ก็เห็นว่าในช่วงเวลาเป็นตายนี้เงาร่างโก่วขุ่ยพลันขวางปรากฏอยู่เบื้องหน้าโก่วซวีสิง


นี่ทำให้โก่วซวีสิงดีใจล้นเหลือ พบหนทางรอดยามอันตราย รีบหนีลุกลี้ลุกลน


แต่เบื้องหลังเสียงร้องโหยหวนของโก่วขุ่ยกลับดังก้องขึ้น


อสนีบาตสีทองทั่วผืนฟ้ามาจากการโจมตีอันเกรี้ยวกราดของราชันอสูรเนตรทองนอเดียว น่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง ครอบคลุมทั่วอาณาบริเวณ


แม้โก่วขุ่ยต้านทานเต็มกำลังก็ยังถูกผ่าจนควันท่วมผม สั่นสะท้านไปทั้งตัว ผิวดำไหม้เกรียมแตกระแหง ปากยิ่งกระอักเลือดไม่หยุด


น่าอนาถยิ่งนัก!


บนร่างเขาโชยกลิ่นเนื้ออยู่เลือนราง ราวถูกอสนีบาตฟาดจนสุก


แต่ไม่เสียทีที่โก่วขุ่ยเป็นราชันระดับสังสารวัฏที่แท้จริง ยามนี้กำลังต้านทานสุดความสามารถ แสงโลหิตทั่วร่างเจิดจรัส แม้ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ยังไม่ถูกสังหารลงตรงนั้น


และบัดนี้โก่วซวีสิงหนีห่างไปแล้ว ออกไปรวมตัวกับผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬคนอื่นๆ โชคดีหนีพ้นเคราะห์ร้ายมาได้


แต่สีหน้าเขากลับผิดแปลกหาใดเปรียบ ดวงตาปูดโปนแทบถลน แหงนหน้ามองฟ้าแผดเสียงตะโกนอย่างอดไม่อยู่ น้ำเสียงเปี่ยมล้นเพลิงโทสะ


สุดท้ายเขาจึงเข้าใจ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่คือหลุมพรางที่ศัตรูวางดักไว้ก่อนแล้ว หมายอาศัยพลังของราชันอสูรเนตรทองนอเดียวนั่นมาทำลายพวกเขา!


แต่ก่อนหน้านี้พวกเขากลับไม่รู้ตัว คิดว่าเจอวาสนาไร้เทียมทาน กระโดดลงหลุมพรางอย่างโง่เขลา…


นี่ทำให้โก่วซวีสิงแทบอยากจะตบปากตัวเอง วาสนาบ้าบออะไรกัน มีวาสนาเฮงซวยแบบนี้ที่ไหน


ทันใดนั้นโก่วซวีสิงซึ่งเดือดดาลไปทั้งตัวพลันแข็งทื่อ สัมผัสได้ถึงเจตจำนงน่าหวาดกลัวและเยียบเย็นที่กวาดมองมา


เห็นชัดว่าเสียงตะโกนของเขาเมื่อครู่ดึงดูดความสนใจของอสูรเนตรทองนอเดียวที่อยู่ห่างไป จนใช้จิตรับรู้กวาดมองมา


นี่ทำให้โก่วซวีสิงฝ่าเท้าเย็นเยียบ ทั้งตระหนกทั้งกลัวทั้งอึดอัด แม่งเอ๊ย บรมซวยจริงๆ แค่ระบายอารมณ์นิดหน่อยก็ถูกราชันอสูรนั่นเห็นเป็นศัตรู แถมเขายังไม่กล้าขัดขืน ความรู้สึกนี่ทำเอาเขาแทบบ้า


“หนีเร็ว!”


ห่างออกไป สุดท้ายโก่วขุ่ยก็ยืนหยัดไม่อยู่ ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหนีหัวซุกหัวซุนมา


“ไป!”


โก่วซวีสิงผวาในใจ สะกดเพลิงพิโรธและความอัดอั้นสุมอกจากไปพร้อมคนอื่นโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย


“โฮก…”


กลางฟ้าดิน อสูรเนตรทองนอเดียวร้องคำราม เสียงราวฟ้าร้องกัมปนาทถาโถมเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน มันโกรธแค้นอย่างยิ่ง แสงทองทั่วร่างพวกพุ่งจนแสบตา ส่องสว่างฟ้าดิน


แต่สุดท้ายมันกลับไม่ไล่ตามมา คำรามระบายอยู่นานก่อนที่เงาร่าของงมันจึงไหววูบ พุ่งเข้าสู่ส่วนลึกของถ้ำสถิต เห็นชัดว่ามันเป็นห่วงอสูรเนตรทองนอเดียวตัวน้อยนั่นจะประสบอันตราย


ฝุ่นควันตลบอบอวล ฟ้าดินฟื้นคืนความเงียบสงัด


แต่ละแวกใกล้เคียงภูเขาวิญญาณไร้นามลูกนั้น เศษซากหักทลายเกลื่อนกลาด พื้นดินแตกพังเป็นทาง


เขาสูงชัน ป่าเก่าแก่ พุ่มไม้ใบหญ้าซึ่งเดิมกระจายทั่วบริเวณ… ล้วนถูกทำลายราบจากการต่อสู้ ฝุ่นควันตลบอบอวล


ศึกนี้น่าหวาดกลัวยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือราชันอสูรเนตรทองนอเดียวนั่นมีอานุภาพร้ายกาจล้นฟ้าเกินไป กดกำราบราชันเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬผู้หนึ่งอย่างกร้าวแกร่งจนยับเยินไม่เป็นท่า


หากไม่ใช่ว่ามันห่วงความปลอดภัยของอสูรเนตรทองนอเดียวตัวน้อย ไม่ว่าหลินสวินหรือพวกโก่วซวีสิงคงตายกันทั้งขบวน!


หลินสวินแอบถอนใจ ขณะนี้เขาหลบซ่อนอยู่ข้างเนินดินแห่งหนึ่งซึ่งห่างจากภูเขาวิญญาณไร้นามหลายสิบลี้ อาศัยไอซวนหนีบดบังร่างกาย


อีกทั้งเขาไม่กลัวถูกราชันอสูรเนตรทองนอเดียวเจอตัว อาศัยยานขนส่งอวกาศก็สามารถหนีการล่าสังหารของราชันได้โดยสมบูรณ์


นี่คือสิ่งที่เขาเคยพิสูจน์มาแล้วยามอยู่ในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณ


ที่ทำให้หลินสวินเสียดายคือ ครั้งนี้ออกเคลื่อนไหวเสียใหญ่โตแต่กลับไม่สามารถกำจัดพวกสวะหมาดำนั่นได้หมด


ทว่าหลินสวินพอใจแล้ว อย่างน้อยอีกฝ่ายก็สูญเสียขุมพลังมือฉมังเกือบครึ่ง ซ้ำยังมีราชันกึ่งระดับสองคนตายอนาถ ราชันคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัส การโจมตีนี้เรียกได้ว่าหนักหน่วง


‘แต่เสียดายอมฤตแกนสุวรรณพวกนั้น…’


หลินสวินคิดไปคิดมา สุดท้ายก็หันจากไป เขารู้ว่าไม่มีโอกาสนำอมฤตแกนสุวรรณมาอีกแล้ว


กระทั่งเขายังแอบสงสัยว่าทันทีที่ตนกล้าเข้าใกล้ ต้องนำมาซึ่งการโจมตีที่น่ากลัวยิ่งกว่าของราชันอสูรเนตรทองนอเดียวนั่นแน่


ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ที่สระน้ำส่วนลึกของถ้ำสถิตนั่น เขาเคยสั่งสอนลูกอสูรเนตรทองนอเดียวตัวนั้นอย่างไม่เกรงใจ


แม้ว่ามันยังแบเบาะ แต่ก็เป็นถึงทายาทราชัน!


หากรู้ว่าเขาเคยตีก้นเจ้าตัวน้อยนั่น ซ้ำยังหิ้วหางมันกลับหัวเขย่าเต็มแรงแค่เพื่อให้มันคายอมฤตแกนสุวรรณออกมา ราชันอสูรเนตรทองนอเดียวนั่นคงโกรธจนคลั่งแน่



‘ไม่สิ!’


เพิ่งเหินทะยานไปร้อยกว่าลี้ หลินสวินพลันตระหนักถึงประเด็นหนึ่งได้ จึงหยุดเท้าจมสู่ห้วงความคิดโดยพลัน


‘การต่อสู้อย่างดุเดือดเมื่อครู่ ราชันของพวกสวะหมาดำนั่นได้รับบาดเจ็บสาหัส นี่เป็นโอกาสดีที่สุดในการสังหารเจ้าหมาแก่นี่ หากพลาดไปคงน่าเสียดายแย่…’


นัยน์ตาดำของหลินสวินมีแสงไหววูบ เขารู้ดีว่าฝ่ายตรงข้ามจดจำตัวเองไว้มั่นแล้ว บนหนทางต่อจากนี้คงทำการล่าสังหารอย่างบ้าคลั่ง


หลินสวินแม้ไม่หวั่นเกรง แต่ถูกพัวพันเช่นนี้สุดท้ายคงเกิดอุปสรรคและอันตรายมากมาย


ในเมื่อเป็ฯเช่นนี้ ไม่สู้จัดการภัยแฝงให้สิ้นซากในคราเดียว!


‘อาศัยธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรแห่งนภาครามก็น่าจะลองปลิดชีพมันได้ เพียงแต่พลังสะท้อนกลับของคันธนูและศรคู่นี้คงเปลี่ยนเป็นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ…’


หลินสวินลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงตัดสินใจเด็ดขาด ;ช่างเถอะ! อย่างมากหลังจากนี้ก็ผนึกคันธนูและศรคู่นี้ซะ อาศัยแสงมรรคทองนิลกาฬสะกดไว้ในเจดีย์สมบัติไร้อักษร นอกเสียจากเจอช่วงวิกฤติเป็นตาย ต่อไปจะไม่ใช้มันอีกก็พอ…’


สวบ!


เงาร่างเขาวาบกะพริบ หวนกลับตามเส้นทางเดิม เริ่มค้นหาร่องรอยของพวกโก่วซวีสิงด้วยตนเอง


ต้องทำเวลา!


หลินสวินกระจ่างแจ้งแก่ใจ หากรอราชันเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬนั่นฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ เขาคงไม่มีโอกาสสังหารฝ่ายตรงข้ามอีก


สำหรับซย่าเสี่ยวฉง…


ให้นางอยู่ในเจดีย์สมบัติไร้อักษรจะปลอดภัยที่สุด จมูกสุนัขพวกนั้นไวเกินไป พาซย่าเสี่ยวฉงออกมาเคลื่อนไหวด้วยคงไม่สะดวกนัก


หลินสวินคิดว่าเมื่อถึงเขาบรรพตเขียวที่แคว้นหงส์สถิตแล้ว เขาค่อยปล่อยซย่าเสี่ยวฉงออกมา เช่นนี้จึงจะปลอดภัยและหมดห่วงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย



“ช่างน่าอัปยศ!”


บนยอดเขาสูงสลับซับซ้อนไร้หญ้าเติบโตลูกหนึ่ง ลมหนาวหอบพัด โก่วซวีสิงสีหน้าถมึงทึงกัดฟันกรอด


จำนวนผู้บาดเจ็บล้มตายปรากฏแล้ว ครานี้แค่บนภูเขาวิญญาณไร้นามนั่น พวกเขาก็สูญเสียราชันกึ่งระดับสองคน รวมถึงคนในเผ่าที่แข็งแกร่งองอาจอีกสามสิบเจ็ดคน


ความเสียหายนี้หนักหน่วงเกินไป ดวงใจโก่งซวีสิงหลั่งเลือด คล้ายถูกดาบเสียบทะลุหัวใจ!


คนในเผ่าเหล่านั้นล้วนแต่เป็นกองกำลังติดตามข้างกายเขา ทุกคนที่ตายไปล้วนแล้วแต่เป็นความสูญเสียที่ไม่น้อย


โดยเฉพาะโก่วซานและโก่วไห่ราชันกึ่งระดับทั้งสอง นั่นเป็นผู้พิทักษ์ซึ่งทางเผ่าตระเตรียมเพื่อเขาเป็นพิเศษ คนในเผ่าคนอื่นๆ ไม่อาจได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษเช่นนี้โดยสิ้นเชิง


แต่บัดนี้…


ล้วนตายหมดแล้ว!


โก่วซวีสิงแทบไม่ต้องคิด ต่อให้ครานี้สามารถปฏิบัติการสำเร็จราบรื่น เมื่อหวนคืนสู่เผ่าต้องถูกวิจารณ์ตั้งคำถาม หัวเราะเยาะและโจมตีนับไม่ถ้วน!


นี่ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเขาในเผ่า ถึงขั้นอาจสูญเสียการดูแลและความใส่ใจจากผู้อาวุโสด้วยเหตุนี้ สูญสิ้นอิทธิพลและสถานะอย่างรวดเร็ว!


ยิ่งคิดโก่วซวีสิงยิ่งคับแค้น สีหน้าเหยเกถึงขีดสุด มืดทะมึนจนประหนึ่งจะมีน้ำหยดออกมา


ใกล้ๆ นั้น พวกผู้แข็งแกร่งอย่างโก่วตงเงียบกริบดังจักจั่นเดือนหนาว ในใจพวกเขาก็โกรธแค้นอัดอั้นหาใดเปรียบ พวกเขาเป็นถึงคนของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ มีหรือจะเคยเสียเปรียบมากขนาดนี้?


“นายน้อย ท่านน่าจะเห็นรูปลักษณ์เป้าหมายชัดเจนสินะ”


ทันใดนั้นน้ำเสียงแหบพร่าหนึ่งดังขึ้น เหมือนพลังชีวิตพร่องจนอ่อนแอลงบ้าง เป็นโก่วขุ่ยซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสนั่นเอง


ยามนี้เขากำลังฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ ใช้อมฤตแกนสุวรรณที่โก่วซวีสิงมอบให้ คงไม่ต้องกังวลว่าจะเหลืออาการภายหลัง


แต่หากหมายฟื้นคืนดังเดิม ย่อมไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในชั่วพริบตา


จากการประเมินของเขา อย่างน้อยคงต้องใช้เวลาสามวันจึงจะสามารถสมานบาดแผล นี่ยังต้องมีอมฤตแกนสุวรรณและลูกกลอนวิญญาณซึ่งได้ผลชะงัดหลายชนิดคอยช่วย มิฉะนั้นการฟื้นฟูจะยิ่งช้าลง


“เจ้าหมอนั่น…”


โก่วซวีสิงนึกโดยละเอียด ครู่ใหญ่จึงกล่าวคิ้วขมวด “ตอนนั้นข้าเห็นอยู่รางๆ ดูเหมือนเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ทั้งไม่คล้ายราชันกึ่งระดับอย่างที่พวกเราสันนิษฐาน…”


พูดถึงตรงนี้นัยน์ตาเขาพลันส่องแสงสีเขียวมรกตสยบผู้คน ก่อนกล่าวอย่างเด็ดขาด “ใช่แล้ว บางทีข้าอาจไม่สามารถตัดสินอายุของเขา แต่จากกลิ่นอายบนตัวที่ดมได้ ยืนยันได้ว่าเขาไม่ใช่ราชันกึ่งระดับ ถึงขั้นไม่ใช่แม้แต่ระดับกระบวนแปรจุติ แต่เป็นปราณระดับหยั่งสัจจะ!”


“ทว่า… กลิ่นอายของเขาทรงพลังกว่าผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะทั่วไป เลือดลมราวตะวันลุกโพลง พลังขับเคลื่อนพลุ่งพล่านดั่งเตาหลอม หากเป็นไปดังคาด ไอ้สวะตัวจ้อยนี่น่าจะเป็นยอดบุคคลในบรรดาคนรุ่นเยาว์!”


หากหลินสวินรู้ว่าโก่วซวีสิงอาศัยประสาทรับกลิ่นอันแม่นยำมาระบุพลังปราณของเขา ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไร…


ผู้แข็งแกร่งทั้งหมด ณ ที่นั้นล้วนตะลึงงัน ไหนเลยจะคาดคิดว่าคู่ต่อสู้ที่ขุดหลุมพรางใส่พวกเขาจนมีสภาพอเนจอนาถเช่นนี้ เป็นเพียงเด็กหนุ่มที่เหมือนจะอยู่ในระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่ง!


ตอนที่ 809 ยั่วยุและตามล่า

ProjectZyphon

เด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่ง?


โก่วขุ่ยเองก็ตกตะลึงโกรธจนตัวสั่น ไอ้คนที่ราวมดปลวกตัวหนึ่ง กลับกล้าเห็นคนเผ่าเขาเป็นอาหาร


จากนั้นยังขุดหลุมพรางมหึมา ทำให้พวกเขาล้มตายกันเป็นเบือ!


เขาโก่วขุ่ยเป็นถึงระดับราชันผู้ผ่าเผย ทั้งมีชื่อเสียงนานปี แม้แต่ระดับราชันทั่วไปเขาล้วนไม่เห็นในสายตา


แต่ยามนี้กลับถูกหลอกจนบาดเจ็บสาหัส เกือบประสบเคราะห์!


ความคับแค้นอับอายยากเกินบรรยายผุดขึ้นในจิตใจ ทำให้โก่วขุ่ยแทบอยากจับตัวหลินสวินมากลืนกินทั้งเป็นเสียตอนนี้


“นายน้อยวางใจ รออาการบาดเจ็บข้าฟื้นคืน ต้องจับเด็กนี่ทันที ข้าจะให้มันอยากตายก็ไม่ได้ อยากอยู่ก็ไม่รอด!”


โก่วขุ่ยกล่าวเสียงเคร่งขรึม ราชันผู้กิตติศัพท์เลื่องลือถูกเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งก่อกวนจนล้มลุกคลุกฝุ่น หากแพร่งพรายออกไปต้องเป็นเรื่องน่าขันทั่วดินแดนรกร้างโบราณแน่!


อารมณ์โก่วซวีสิงเองก็ผิดแปลกหาใดเปรียบ กล่าวสีหน้าอึมครึม “อันที่จริงข้า… ยิ่งอยากลงมือจับมันมาต้มกินทั้งเป็นด้วยตนเอง!”


เขาเป็นถึงเอกบุคคลรุ่นเยาว์ซึ่งมีสมญาบั่นพันเศียร แต่ถูกคนรุ่นเดียวกันลอบวางแผนและขุดหลุมพรางใส่เช่นนี้ นี่คือความอัปยศอดสูใหญ่หลวงโดยแท้


“เหอะๆ”


เวลานี้เอง เสียงหัวเราะเยาะพลันดังขึ้นบนอากาศแต่ไกล ยานสำเภาลำหนึ่งลอยล่องปรากฏเหนือชั้นเวหา


เงาร่างสูงสง่ายืนอยู่บนยานสำเภา อาภรณ์โบกสะบัด ผมดำพลิ้วไสวประดุจไร้มลทิน เป็นหลินสวินนั่นเอง


“เป็นเจ้า!” โก่วซวีสิงมองแค่ปราดเดียวก็จำได้ เด็กหนุ่มนั่นคือเป้าหมายที่พวกเขาต้องจัดการครานี้


“เจ้าช่างกล้านัก ยังจะกล้าปรากฏกายด้วยตัวเอง!” โก่วซวีสิงโกรธจัดจนหัวเราะ ความคั่งแค้นโหมโชน นัยน์ตาเยียบเย็นชวนประหวั่นถึงขีดสุด


เขาคาดไม่ถึงเลยว่าฝ่ายตรงข้ามไม่เพียงไม่หนีไป แต่กลับมาปรากฏตัวต่อหน้าด้วยตนเอง นี่กำลังแสดงอำนาจใช่ไหม


ช่างรนหาที่ตายซะจริง!


“ข้าจำกลิ่นได้ บนตัวเขามีกลิ่นอายนางเด็กนั่นเสี้ยวหนึ่ง เขานี่แหละเป้าหมายที่พวกเราต้องจัดการ!”


ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬคนอื่นตะโกนลั่น สังเกตได้ถึงฐานะของหลินสวิน


เพียงชั่วขณะเพลิงโทสะซึ่งสะสมอยู่ในใจพวกเขาระเบิดออกโดยสมบูรณ์ เป็นไอ้สวะตัวจ้อยบัดซบนี่ที่กินสหายพวกเขาคนหนึ่ง ทั้งยังขุดหลุมพรางดักพวกเขาจนอนาถ บาดเจ็บล้มตายเป็นเบือ!


บัดนี้มันยังกล้าวิ่งมาเสนอหน้าด้วยตนเอง นี่คือการยั่วยุอย่างเปิดเผยชัดๆ!


“ตายซะเถอะ!”


โก่วขุ่ยตรงไปตรงมายิ่งกว่า ชั่วพริบตาที่ชี้ชัดฐานะหลินสวินได้ ก็ผุดลุกจากการนั่งสมาธิ ซัดฝ่ามือออกไปอย่างหนักหน่วง


ตูม!


แสงโลหิตแปลบตาชวนประหวั่นแทรกสอดด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์มรรคราชัน ทำให้ชั้นเวหาพังทลาย ชั้นเมฆแตกสลาย พุ่งเข้าปกคลุมหลินสวิน


ทว่าก่อนเขาจะลงมือ หลินสวินก็ขับยานขนส่งอวกาศเผ่นแน่บไป รวดเร็วว่องไวหาใดเปรียบ หลบหนีการโจมตีของราชันนี้ไปอย่างง่ายดาย


นี่ทำให้โก่วขุ่ยอึ้งงันไม่กล้าเชื่ออยู่บ้าง


แม้อาการบาดเจ็บของเขาครานี้ร้ายแรงสาหัส สำแดงพลังได้ไม่ถึงหนึ่งส่วน แต่อานุภาพก็หาใช่สิ่งที่เด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งจะต้านทานหลบหลีกได้อย่างสิ้นเชิง!


“ยังคิดจะหนี หยุดอยู่ตรงนั้นซะ!”


ในใจโก่วขุ่ยเกรี้ยวกราดเหลือจะเอ่ย หนอนแมลงเล็กจ้อยตัวหนึ่งดันกล้าปรากฏตัวมายั่วยุ หากปล่อยมันหนีไปได้ เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน


ตูม!


เงาร่างเขาพุ่งทะลวงเมฆา ไล่ตามล่าโดยไม่สนอาการบาดเจ็บ


นี่คือความมั่นใจของราชัน พลังมรรคราชันอยู่เหนือห้าระดับใหญ่ หยั่งถึงความเป็นความตาย หล่อหลอมมรรคแห่งราชัน ต่อให้หายใจรวยรินก็ใช่ว่าใครจะสามารถดูหมิ่นและล่วงเกินกันได้!


เห็นโก่วขุ่ยไล่ตามไปกับตา โก่วตงกลับเหมือนร้อนรนหาใดเปรียบ


เขารีบเร่งกล่าว “นายน้อย มีอะไรไม่เข้าที เด็กนี่เหลี่ยมจัดราวภูตผี ก่อนหน้าก็หลอกเราเสียย่อยยับ บัดนี้กลับปรากฏตัวทำการยั่วยุอย่างผิดปกติ เกรงว่าคงมีอุบายเล่ห์เหลี่ยมอะไรแน่!”


โก่วซวีสิงเองก็ตระหนักถึงจุดนี้ ผิดปกติเกินไปแล้ว เจ้าหมอนั่นเพิ่งปรากฏตัวก็หลบหนี ไม่รู้ว่าซ่อนหายนะอะไรไว้อีก!


แต่โก่วขุ่ยพุ่งทะยานไปด้วยความเร็วอัศจรรย์หาใดเปรียบนานแล้ว ทำเอาพวกเขาต่างเตือนไม่ทัน


“วางใจเถอะ แม้ใต้เท้าขุ่ยบาดเจ็บสาหัส การฆ่าเจ้านั่นก็เหมือนเชือดไก่ฆ่าลิง ง่ายราวพลิกฝ่ามือ!”


โก่วซวีสิงสูดหายใจลึก นัยน์ตาเขียวมรกตเปี่ยมความเยียบเย็นเคร่งขรึม “หนอนเจ้าเล่ห์ต่ำทรามเช่นมัน คงไม่เข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าราชัน!”


“นายน้อย เช่นนั้นพวกเราทำอย่างไรดี” โก่วตงถาม


“ตาม!”


สีหน้าโก่วซวีสิงเต็มไปด้วยไอสังหาร “หากไม่เห็นไอ้เด็กนี่ถูกลงโทษกับตา ข้าคงไม่พอใจแน่!”


ขณะกล่าววาจาเขาก็ทะยานขึ้นไปเหนือเมฆ ส่งเสียงก้องคำรามบนฟากฟ้า


โก่วตงและผู้แข็งแกร่งคนอื่นเห็นดังนั้นก็ไม่กล้าเฉยเมย รีบเร่งติดตาม



ตูม!


แสงอัศจรรย์สีโลหิตชวนประหวั่นโหมปล่อย ภูผาสูงชันลูกแล้วลูกเล่าแบนราบ ก้อนหินต้นไม้เก่าแก่แตกละเอียด ห้วงอากาศถูกแหวกผ่าเกิดรอยร้าวน่าพรั่นพรึง


นี่คือการโจมตีของโก่วขุ่ย ทรงอานุภาพดุดัน ไล่ตามภายใต้ฟ้าคราม ทำการจู่โจมหลินสวินอย่างน่าหวาดกลัวและอันตราย


ยานขนส่งอวกาศเหินบินราวอสนี ควบทะยานรวดเร็วตลอดทาง ความเร็วถูกหลินสวินเค้นบีบออกมาถึงขีดสุด พริบตาก็ห่างไปหมื่นจั้ง


ทว่าคิดสลัดการตามล่าของโก่วขุ่ยกลับไม่สามารถทำได้ในทันที


ถึงอย่างไรเจ้าแก่นี่ก็เป็นราชันซึ่งยืนหยัดเหนือบนปลายยอด ทระนงองอาจไม่สามารถจินตนาการ แม้ได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังที่ปะทุก็ยังเรียกได้ว่าน่าหวาดกลัว


“ไอ้เด็กสวะ ข้าอยากดูนักว่าครานี้เจ้าจะใช้อุบายอะไรอีก!”


โก่วขุ่ยสีหน้าเลือดเย็นอำมหิต ก่อนหน้านี้เขาบาดเจ็บหนัก ผิวดำไหม้เกรียม อาภรณ์ขาดรุ่งริ่ง แต่นี่หาได้สร้างความเสียหายต่อศักดานุภาพของเขาไม่


เห็นชัดว่าเขามองความคิดหลินสวินออก รู้ว่าเมื่อครู่หลินสวินเจตนายั่วยุเพื่อให้เขาตามมา


แต่โก่วขุ่ยกลับไม่หวั่นเกรง


นอกเสียจากราชันอสูรเนตรทองนอเดียวนั่นจะปรากฏกายอีกครั้ง มิฉะนั้นโก่วขุ่ยคงคิดไม่ออก ว่าเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งจะสร้างคลื่นลมได้ใหญ่โตขนาดไหนเชียว


หืม?


นึกถึงตรงนี้ในใจโก่วขุ่ยพลันสั่นสะท้าน ราชันอสูรเนตรทองนอเดียว? ไอ้เด็กสวะนี่คงไม่คิดใช้วิธีเดิม ล่อตนไปภูเขาวิญญาณไร้นามนั่นกระมัง


นี่ทำให้สีหน้าเขาปรวนแปร ท้ายที่สุดก็กัดฟันกรอดแผดเสียงตะโกนสะท้านฟ้า


ตูม!


พริบตานั้นทั่วร่างเขาระเบิดแสงโลหิตไร้ขีดจำกัด กลายเป็นสุนัขยักษ์ยาวหลายสิบจั้ง ขนผิวทั้งตัวดำสนิทดุจแพรไหม ร่างใหญ่มหึมาดั่งขุนเขา!


นัยน์ตาราวทะเลสาบสีเลือด เขี้ยวแหลมคมขาวดุจหิมะ ทั่วกายปลดปล่อยไอชั่วร้ายกระหายเลือดดั่งกระแสวารี ทำเอาฟ้าดินเปลี่ยนสี


สุนัขสวรรค์มายาทมิฬ!


สมัยบรรพกาลบรรพบุรุษของสุนัขสวรรค์มายาทมิฬแค่ส่งเสียงคำราม ก็สามารถสั่นทลายนภากาศจนดวงดาราร่วงหล่น!


บัดนี้โก่วขุ่ยเผยร่างเดิม กลิ่นอายราชันน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม อ้าปากใหญ่มหึมาพ่นเปลวเพลิงดำสนิทราวน้ำหมึกออก ปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน


เพลิงมายาทมิฬ!


เล่าลือกันว่านี่คืออัคคีเทพชวนประหวั่นซึ่งสามารถแผดเผาเทพเทวา เป็นมรดกพรสวรรค์ของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่แข็งแกร่งที่สุด


หลินสวินบังคับยานขนส่งอวกาศหลบหลีกดังสวบ และห้วงอากาศบริเวณที่เขาอยู่แต่เดิมก็ถูกผลาญเป็นรูโหว่น่าตกตะลึง


เศษเพลิงมายาทมิฬส่วนหนึ่งร่วงหล่นลง พริบตาก็เผาทำลายพื้นดิน ภูผาสูงชันต้นไม้เก่าแก่กลายเป็นเถ้าถ่านในบัดดล!


ปรากฏการณ์นี้น่าพรั่นพรึงโดยไม่ต้องสงสัย


หลินสวินในใจหนาวเยือก เจ้าหมาแก่นี่น่ากลัวจริงๆ ขนาดบาดเจ็บสาหัสยังมีพลานุภาพร้ายกาจเช่นนี้


ตูม!


ห้วงอากาศทรุดลง สุนัขยักษ์สีดำพุ่งทะยาน แสงอัศจรรย์สีโลหิตทั่วร่างตลบอบอวล กระโจนสังหารไปทางหลินสวิน กรงเล็บใหญ่มหึมาครอบฟ้ามัวดินกวาดตะครุบหนักหน่วง


หลินสวินสัมผัสได้ถึงอันตราย ควบคุมยานขนส่งอวกาศเต็มกำลัง อาศัยความเร็วถึงขีดสุดหลบหนีดังสวบ


นี่ทำให้โก่วขุ่ยคิ้วขมวดและตื่นตะลึง มองปราดเดียวก็ดูออก ยานสำเภาที่หลินสวินขับเคลื่อนไม่ใช่สมบัติธรรมดา วิเศษอัศจรรย์เหลือประมาณ มีท่วงทำนองอริยมรรคซ่อนอยู่เลือนราง


สมบัติอริยะชำรุดรึ


มิน่าเจ้าเด็กนี่ถึงกล้ายั่วยุอย่างกำเริบเสิบสานเช่นนี้…


นัยน์ตาโก่วขุ่ยฉายแววชวนตระหนก เขามุ่งมั่นสังหารหลินสวินยิ่งกว่าเดิม ไม่เพียงแต่ฆ่าคน ยังปรารถนาชิงสมบัติด้วย!


‘ยังดีที่เจ้าหมาแก่นี่บาดเจ็บสาหัส ไม่อย่างนั้นครั้งนี้คงถูกมันไล่ตามจนสวรรค์ไร้ทางพิภพไร้ประตูแน่…’


นัยน์ตาดำของหลินสวินพรั่งพรูแววเยียบเย็น


พร้อมกันนั้นในใจโก่วขุ่ยปรากฏความอัดอั้นและโกรธแค้นเหลือจะเอ่ย หากเป็นช่วงมีพลังเต็มเปี่ยม เขาคงซัดฝ่ามือฆ่าอีกฝ่ายตายนานแล้ว


แต่ตอนนี้กลับมือไม้เชื่องช้า นี่ทำให้เขาหน้าหม่นแสงอยู่บ้าง เดือดดาลอย่างยิ่ง


เขาเอ่ยข่มขู่อย่างเยียบเย็น “ไอ้เด็กน้อย เจ้าหนีไม่รอดแน่ วันนี้หากเจ้าไม่ตาย ข้าจะตัดหัวให้เจ้าเลย!”


“เหอะๆ หัวหมามันแข็งเกิน เนื้อก็น้อย ข้าไม่ชอบกินหรอก” ในยานขนส่งอวกาศ เสียงหัวเราะของหลินสวินดังออกมา


โก่วขุ่ยสีหน้าถมึงทึง โกรธจัดโดยสมบูรณ์ ไอ้เด็กสวะนี่คิดว่าตนทำอะไรมันไม่ได้งั้นรึ


ตูม!


เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บและสึกหรอ ออกต่อสู้ไล่ล่าเต็มกำลัง


เวลาต่อมาทั้งสองคนหนึ่งหนีอีกคนตาม เสียงหวีดแหลมดังก้องพื้นที่รกร้างกว้างใหญ่ ระหว่างทางเขาสูงชันพังทลาย ต้นไม้เก่าแก่สูงเสียดฟ้าระเบิดแตกไปเป็นแถบๆ ไม่รู้เท่าไหร่


หลินสวินแอบคำนวณเวลา ที่ทำให้เขาไหวหวั่นคือ แม้เจ้าหมาแก่นี่จะบาดเจ็บสาหัสก็ยังเห็นได้ชัดว่าน่ากลัวนัก กระทั่งป่านนี้ยังไม่มีสัญญาณอ่อนแอถดถอย ทรงอานุภาพสยบผู้คน


เดิมเขาคิดทำการหยั่งเชิง ลองดูว่าอีกฝ่ายยังเหลือกำลังเท่าไหร่กันแน่ จากนั้นค่อยอาศัยธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรแห่งนภาครามสังหาร เช่นนี้จึงสามารถรับรองว่าไร้ข้อผิดพลาด


คิดไม่ถึงว่าเจ้าหมาแก่นี่จะยังมีท่าทางกร้าวแกร่งยิ่ง!


หลินสวินพลันตระหนักได้ว่าตนออกจะประเมินความน่ากลัวของระดับราชันต่ำไป นี่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถยกราชันกึ่งระดับพวกนั้นขึ้นมาเทียบได้


นี่ก็คือท่วงท่าแห่งราชันที่แท้จริง!


บางทีก่อนหน้านี้หลินสวินอาจเคยพบเจอราชันผู้กร้าวแกร่งมากมาย อย่างเช่นจ้าวไท่ไหล จ้าวซิงเย่ แต่นั่นเป็นแค่การพบหน้า ไม่ใช่การไปต่อกรและรู้ซึ้งด้วยตัวเอง


แต่ยามนี้ ในที่สุดหลินสวินก็รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของราชันว่าน่าหวาดกลัวเพียงใดอย่างลึกซึ้ง โก่วขุ่ยนั่นแม้ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ยังคงน่ากลัวเช่นนี้ หากมีพลังเต็มเปี่ยมจะยิ่งใหญ่ได้อีกขนาดไหน


“ไอ้หมาน้อย! เจ้ามันไร้น้ำยาจริงดังคาด ยังคิดใช้ลูกไม้เดิม อาศัยพลังราชันอสูรเนตรทองนอเดียวจัดการข้างั้นรึ น่าขัน!”


ทันใดนั้นเบื้องหลังยินเสียงตวาดปรามาสอันเยียบเย็นของโก่วขุ่ย


หลินสวินถึงได้รู้ว่า เขาหนีกลับมาใกล้บริเวณภูเขาวิญญาณไร้นามลูกนั้นอีกครั้ง แถมจวนเจียนจะเข้าประชิดโดยไม่รู้ตัว


นี่ทำให้หลินสวินหมดคำพูดไปชั่วขณะ เขาไม่เคยคิดใช้วิธีเดิมเลย


ถึงขั้นที่เขาสงสัยว่าหากตนปรากฏตัวที่นั้น ราชันอสูรเนตรทองนอเดียวคงจัดการตนโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น!


อย่างไรเสียเขาก็ขโมยอมฤตแกนสุวรรณมาสิบกว่าชั่ง ยังเคยรังแกลูกน้อยของมัน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มีหรือมันจะปล่อยตนหนีไป


ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการยืมพลังของมันไปจัดการพวกสุนัขแก่นั่นเลย


ฟึ่บ!


ทันใดนั้นหลินสวินพลันหยุดชะงัก ยืนตระหง่านบนยานขนส่งอวกาศ มองไปยังโก่วขุ่ยซึ่งตามมาไกลๆ ก่อนหยิบธนูวิญญาณไร้แก่นสารและศรแห่งนภาครามออกมา


ลากเจ้าหมาแก่นี่วิ่งออกมารอบใหญ่ขนาดนี้คงผลาญพลังเขาไปไม่น้อย ร่างกายเขายังบาดเจ็บสาหัสอยู่อีก ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายก็ควรตัดสินแพ้ชนะได้แล้ว!


ตอนที่ 810 ไม่ยอมตายอย่างไร้ค่า

“ไอ้เด็กสวะ ทำไมไม่หนีแล้วล่ะ” โก่วขุ่ยพลันกลายร่างเป็นคน ก้าวย่างผ่านห้วงอากาศ สีหน้าอำมหิต แสงอัศจรรย์สีโลหิตทั่วร่างตลบอบอวล อานุภาพแห่งราชันกดดันครอบคลุมฟ้าดิน


เวลานี้เขาผ่อนคลายนัก เดิมทียามไล่ล่ามาตลอดทางในใจเขาระวังยิ่ง สงสัยว่าเด็กนี่จะซ่อนแผนชั่วร้าย มีเจตนาไม่บริสุทธิ์


แต่สุดท้ายตอนนี้เขาก็มองออก แผนการของมันก็แค่แผนเดิม ยังคิดอาศัยราชันอสูรเนตรทองนอเดียวนั่นมากำราบเขา นี่ทำให้เขารู้สึกขบขันนัก


ถูกหลอกไปครั้งหนึ่งแล้ว ยังจะถูกหลอกซ้ำสองอีกรึ


ไอ้เด็กนี่เห็นชัดว่าไร้น้ำยาเต็มทน!


“หนี? ทำไมต้องหนีด้วย”


หลินสวินยิ้ม ฟันขาวดุจหิมะส่องประกายเจิดจ้ากลางแสงอาทิตย์ “เจ้าไม่คิดว่าฮวงจุ้ยที่นี่ไม่เลวนักหรอกรึ”


“ฮวงจุ้ย?”


โก่วขุ่ยคิ้วขมวด รู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่ผิดปกติยิ่ง เขาเกิดความระแวดระวัง ไม่ได้รีบลงมือ “ความตายมาเยือนจนเริ่มพูดจาเหลวไหลแล้วหรือ”


“เจ้าหมาแก่ ข้าไม่ได้ล้อเล่น นี่คือที่ฝังศพที่ข้าเตรียมให้เจ้าเป็นพิเศษ” หลินสวินกล่าวยิ้มระรื่น


โก่วขุ่ยสีหน้าพลันทะมึน แววตาวาบไหวไอสังหารแผ่พุ่ง ทำฟ้าดินสั่นสะเทือน เวลานี้แล้วเจ้าเด็กนี่ยังกล้ายั่วยุเช่นนี้ ทนไม่ไหวแล้ว!


วู้ม!


และเวลานี้เองที่หลินสวินเริ่มลงมือ!


พลังซึ่งสะสมภายในร่างมานานบรรลุถึงขีดสุดในชั่วพริบตา ทำให้ทั่วร่างเขาแผ่แสงเขียวเจิดจรัสที่ราวกับภาพฝัน ดุจดั่งภาพลวงตา


วู้ม!


ธนูวิญญาณไร้แก่นสารถูกดึงรั้งเต็มอัตรา ศรแห่งนภาครามส่งเสียงหวีดร้องทุ้มต่ำ


หลินสวินเวลานี้ประดุจเปลี่ยนร่างเป็นมือธนูเทพบรรพกาล กระดูกสันหลังบึกบึนกำยำ กล้ามแขนเป็นมัด ไอสังหารดุดันไร้รูปทรงพลังดั่งไฟสงคราม


น่ากลัวเกินไปแล้ว!


ต่างจากแต่ก่อน ครานี้หลินสวินโคจรพลังมรดกสองแบบอย่างวิชาอริยะยุทธ์และโทสะหยาจื้อ สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณทั่วร่างปะทุถึงขั้นน่าพรั่นพรึงเป็นประวัติการณ์


จิตต่อสู้พลุ่งพล่าน ทำให้พละกำลังทั่วร่างล้วนเปลี่ยนไป เสมือนเทพยุทธการกรำศึกเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน โลหิตผลาญนภาคราม!


ไม่จำเป็นต้องสงสัย นี่คือการโจมตีอันแข็งแกร่งที่สุดโดยไม่มียั้งแม้แต่น้อยนับตั้งแต่ที่หลินสวินฝึกปราณมา โคจรพลังทั้งมวลถึงขีดสุด


หืม?


ไม่อาจไม่กล่าวถึง กลับเป็นโก่วขุ่ยที่หวาดกลัว ในฐานะราชันเขาสังเกตเห็นภยันตรายถึงชีวิตในพริบตา สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนยกใหญ่ หมุนตัวถอยหนีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย


ตูม!


เขากลายร่างเป็นสุนัขสวรรค์มายาทมิฬตัวใหญ่มหึมา ย่ำเหยียบห้วงอากาศปานยกย้าย ความเร็วถึงขั้นสะเทือนใต้หล้า


‘กลิ่นอายชวนประหวั่นนัก เจ้าเด็กนี่ล่อลวงข้ามาเพื่อเรียกอาวุธสังหารระดับนี้มาฆ่าข้าเวลานี้หรอกรึ’


‘ยังมีอีก นั่นมันคันธนูและศรอะไร ถึงกับทำใจข้าหวาดกลัวเหลือประมาณ หรือจะเป็นยอดศาสตราอริยมรรค’


‘บัดซบ! บนตัวไอ้เด็กสวะนี่ทำไมมีสมบัติเยอะขนาดนี้ หากรู้แต่แรกคงรีบลงมือกำจัดมันทิ้งไปแล้ว!’


ระหว่างหลบหนีอย่างบ้าคลั่ง โก่วขุ่ยสีหน้าปรวนแปร เคียดแค้นจนกัดฟันกรอด เขาราชันผู้สง่าผ่าเผย กับแค่การสังหารหนอนตัวจ้อยระดับหยั่งสัจจะตัวหนึ่ง ต้องลำบากลำบนไล่ตามตลอดทางแถมลงมือไม่ได้ นี่ก็อับอายขายขี้หน้าพออยู่แล้ว


มาบัดนี้เขายังถูกทำให้ตระหนกจนถอยร่น!


นี่ทำให้โก่วขุ่ยโกรธจนแทบอกแตกตาย ไหนเลยจะคาดคิดว่าเด็กหนุ่มซึ่งถูกเขาเห็นเป็นหนอนตัวหนึ่งจะรับมือยากเช่นนี้


แต่เขากลับไม่กล้าไม่หนี อันตรายชวนประหวั่นถึงชีวิตนั่นเสียดแทงจนเขาไม่กล้าลังเลแม้เพียงเสี้ยว


ตูม!


ทันใดนั้นโก่วขุ่ยพลันหน้าเปลี่ยนสี พบว่าบนท้องฟ้าปรากฏอสนีบาตทองอร่ามสายหนึ่งกะทันหัน แสงสายฟ้าวาบฉาย พลังทำลายล้างไร้เทียมทาน


แย่แน่!


เขาตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ หนังศีรษะแทบระเบิด ไหนเลยจะคิดว่าระหว่างหลบหนียังมีไอสังหารเช่นนี้โผล่มาอีก


เพียงชั่วขณะเขาถูกโจมตีจนรับมือไม่ทัน ไม่อาจไม่หลีกหลบ เงาร่างพุ่งทะยานออกไปนอกระยะกว่าพันจั้ง หลบอสนีบาตสีทองนั่นได้อย่างหวุดหวิด


แต่ทว่า…


พริบตานี้เองเขาพลันแข็งทื่อไปทั้งตัว สัมผัสถึงไอสังหารรุนแรงสายหนึ่งที่จู่โจมมาถึง


“ข้าจะทุ่มสุดตัวกับเจ้า!”


โก่วขุ่ยเวลานี้สำแดงความเด็ดขาดและดุดันของราชัน ทั่วร่างพรั่งพรูแสงอัศจรรย์มหามรรคที่ชวนประหวั่น สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณราวกำลังลุกโชน ร่างกายเคลื่อนไหว ไม่ถอยร่นกลับพุ่งทะยานไปยังหลินสวินซึ่งอยู่ห่างไกล


ตูม!


พริบตานั้นศรแห่งนภาครามทะลวงผ่านร่างโก่วขุ่ยจนเกิดรูโหว่มหึมา ร่างกายซีกหนึ่งระเบิดออก เลือดเนื้อซ่านเซ็น


เปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณอื่นถูกโจมตีเช่นนี้ เกรงว่าคงวิญญาณหลุดลอยขวัญกระเจิง ชีพวายนานแล้ว


แต่ทว่าที่น่ากลัวคือโก่วขุ่ยยังคงพุ่งทะยาน กลิ่นอายทำลายล้างน่าพรั่นพรึงแผ่กระจายทั่วร่างจนฟ้าดินคร่ำครวญ


ห่างออกไปหลินสวินหน้าซีดเผือด ทั่วร่างพลันอ่อนระทวย เพียงแต่เขาในยามนี้กลับมีสีหน้าเคร่งเครียด ออกจะรับมือไม่ทันอยู่บ้าง


เดิมคิดว่าศรเดียวคงพอสังหารโก่วขุ่ยซึ่งบาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อนแล้ว ไหนเลยจะคิดว่าชะตาเจ้าหมาแก่นี่จะแข็งเช่นนี้!


นี่ก็คือราชัน ระดับพลังปราณอันยิ่งใหญ่ทั้งห้าที่เปรียบเสมือนขุนเขาใหญ่ห้าลูก ทำให้ผู้ฝึกปราณบนโลกเสาะหาหนทางอย่างยากลำบาก


และราชันคือผู้ยืนหยัดบนหมู่คีรีเหนือระดับทั้งห้า ผยองมองโลกจากเบื้องสูง พลังที่ครอบครองมองทะลุอุปสรรคแห่งความเป็นตาย เริ่มเสาะหาโอกาสแห่งอมตะ!


ผู้ที่เด่นผงาดเช่นนี้มีหรือจะสังหารได้โดยง่าย


แต่ก่อนหลินสวินเคยสังหารแค่ราชันกึ่งระดับ และเคยพบเห็นราชันที่แท้จริงถูกฆ่า แต่อย่างไรก็ยังไม่เคยต่อกรกับราชันที่แท้จริงมาก่อน เป็นธรรมดาที่ไม่อาจรู้ว่าระดับราชันน่ากลัวมากเพียงใด


ยามนี้เมื่อเขาตระหนักถึงจุดนี้อย่างชัดเจน สถานการณ์ก็ล่อแหลมอันตรายแล้วส


“ไอ้เด็กสวะ ตายซะ!”


โก่วขุ่ยดวงตาปูดโปนแทบถลน เสียสติและบ้าคลั่งโดยสมบูรณ์ ทันทีที่ราชันบันดาลโทสะ ภูผาธาราผันเปลี่ยนง่ายดาย โลหิตหลั่งดั่งชลธาร นับประสาอะไรกับโก่วขุ่ยซึ่งตอบโต้ก่อนความตายมาเยือน จึงยิ่งน่าสะพรึงอย่างที่สุด


ก็เห็นฟ้าดินกล้เคียงถล่มทลาย แสงมรรคกู่ก้อง เผยสัญญาณอลหม่านราววันสิ้นโลก น่ากลัวถึงขีดสุด


หากสิ่งนี้เกิดขึ้นในเมืองที่สรรพชีวิตในใต้หล้ารวมตัวกัน จะต้องนำมาซึ่งภัยพิบัติไม่อาจประเมินแน่!


พลังทั่วร่างของหลินสวินถูกยึดกุมไว้โดยสิ้นเชิง สัมผัสได้ถึงอันตรายและความกดดันที่ทำให้หายใจไม่ออก


สวบ!


เขาไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไป ใช้วิชาลับโทสะหยาจื้อผลาญเลือดพิสุทธิ์แห่งตน เค้นพลังแฝงของตนถึงขีดสุด ควบคุมยานขนส่งอวกาศหลบหนี


แต่สุดท้ายยังช้าไปเสี้ยวหนึ่ง ถูกกรงเล็บโก่วขุ่ยทุบใส่ยานขนส่งอวกาศเข้าอย่างจัง


ตูม!


ยานขนส่งอวกาศกระแทกพื้นฝุ่นควันตลบ ส่วนหลินสวินได้รับบาดเจ็บสาหัสกระอักเลือดออกมาทันที กล้ามเนื้อและกระดูกทั่วร่างแทบพังทลาย


น่ากลัวเกินไปแล้ว!


หากไม่ใช่ยานขนส่งอวกาศแข็งแกร่งพอและเป็นสมบัติอริยะชำรุด คงไม่อาจต้านทานการโจมตีนี้ หลินสวินซึ่งอยู่ภายในคงไม่รอดชีวิตแน่


ที่ยิ่งน่าหวาดเสียวคือ ศรเดียวเมื่อครู่สูบพลังหลินสวินเกือบหมด ทำให้เขาอ่อนแรงไปทั้งตัว ซ้ำตอนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เรียกได้ว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดขนานแท้


“ตาย!”


บนห้วงอากาศ โก่วขุ่ยซึ่งเหลือเพียงร่างส่วนหนึ่งร้องตะโกนโกรธแค้น


เขาในเวลานี้เสมือนเทพมารกำลังต่อสู้สุดแรงเฮือกสุดท้าย สีหน้าเหี้ยมโหดดุดันชวนประหวั่น โหมปล่อยเพลิงมายาทมิฬน่าหวาดกลัว ปกคลุมลงมาทางหลินสวินจากเหนือห้วงฟ้า


สวบ!


ยานขนส่งอวกาศวาบกะพริบ หลบหนีหวุดหวิด


หลินสวินกำลังดื่มอมฤตแกนสุวรรณ เขาเองก็ทุ่มสุดตัวเช่นกัน ใช้พลังทั้งหมดหลบหนี


เขามองออกว่าเรี่ยวแรงของเจ้าหมาแก่นี่เป็นเพียงแสงสายัณห์ยามตะวันรอน หากยืดเวลาออกไปต้องยืนหยัดไม่อยู่แน่!


“ยังคิดหนีรึ”


โก่วขุ่ยคลั่งแล้ว เสียงตูมดังขึ้นคราหนึ่งเงาร่างเขาก็วูบไหว ดั่งเคลื่อนย้ายหายตัวไล่ตามมาในชั่วพริบตา


ทว่าไม่รอให้เขาลงมือ อสนีสีทองจากฟากฟ้าก็ฟาดลงมากะทันหันอีกครา


เปรี้ยง!


ห้วงอากาศถูกแหวกผ่า สายฟ้าทองอร่ามส่องสว่างหาใดเปรียบ เปี่ยมกลิ่นอายมลายล้างผ่าลงบนร่างโก่วขุ่ยโดยตรง ทำให้เงาร่างเขาซวนเซแทบร่วงคะมำจากท้องฟ้า


“เป็นเจ้าอีกแล้ว….!”


โก่วขุ่ยเดือดดาลเต้นเร่า ดวงตาหลั่งโลหิตมองไปยังภูเขาวิญญาณไร้นามอันห่างไกล “ข้าจะเผารังเจ้าให้เป็นจุณ!”


ตูม!


เขาอ้าปากพ่นเพลิงมายาทมิฬมืดฟ้ามัวดินดั่งมหาสมุทรไร้ขอบเขต ผลาญห้วงอากาศครืนๆ พุ่งใส่ภูเขาวิญญาณไร้นาม


พร้อมกันนั้นเงาร่างก็ทะยานสู่ฟากฟ้า ยกฝ่ามือหมายผ่ายานขนส่งอวกาศ


ตึง!


ยานขนส่งอวกาศถูกโจมตีกระเด็นราวว่าวสายป่านขาด ส่วนกระดูกทั่วร่างหลินสวินไม่รู้ถูกหักไปกี่ท่อน กระอักเลือดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ทันไรสีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นโปร่งแสงหาใดเปรียบ


แต่เขายังกัดฟันกรอดไม่ยอมแพ้ ควบคุมยานขนส่งอวกาศหลบหนีต่ออย่างโซซัดโซเซ


“น่าชังนัก!”


โก่วขุ่ยบ้าคลั่งโดยสมบูรณ์แล้ว คาดไม่ถึงสักนิดว่ายานขนส่งอวกาศนั่นจะแข็งแกร่งเช่นนี้ ช่วยชีวิตหลินสวินติดต่อกันถึงสองครั้ง


“ตาย!”


โก่วขุ่ยคำรามดุดัน


เพียงแต่เวลานี้เองทั่วร่างเขาพลันแข็งทื่อ ปากแผลที่ถูกศรแห่งนภาครามทะลวงผ่านตรงหน้าอก ขณะนี้ปริออกจากกันแล้ว…


เดิมเขาก็ถูกทำลายร่างกายไปครึ่งหนึ่งแล้ว การโจมตีเมื่อครู่เป็นแค่การโต้กลับสุดชีวิตเท่านั้น สุดท้ายตอนนี้อาการบาดเจ็บพลันระงับไว้ไม่อยู่


ก็เห็นร่างกายอีกครึ่งของเขาเริ่มส่งสัญญาณพังทลาย!


“ไม่…!”


พริบตาที่ความตายมาเยือน ในที่สุดโก่วขุ่ยก็รู้สึกถึงความหวาดกลัว เริ่มลนลานกระสับกระส่าย เขาเป็นถึงราชันผู้เริ่มเสาะหาหนทางแห่งอมตะ ไหนเลยจะยอมตายไปเช่นนี้


เขายังอยากรอมหาสงครามมาเยือน แสวงหาปริศนาแห่งการบรรลุอริยะ ยังอยาก…


ความไม่ยินยอมมากมายเอ่อท้นจิตใจ ทำให้สภาวะจิตโก่วขุ่ยมีเค้าลางพังทลาย เขารู้ว่าครานี้ตนจบสิ้นแน่แล้ว…


แต่เมื่อนึกถึงว่าตนถูกเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งสังหาร โก่วขุ่ยก็มีความอัดอั้นปานบ้าคลั่ง


ขนาดตายยังตายอย่างไร้ค่าเช่นนี้ เขาไม่ยินยอม!


ตูม!


โก่วขุ่ยลากร่างไม่สมประกอบเจียนพังทลายเหินสู่ท้องฟ้า ต้องการทำให้หลินสวินพินาศย่อยยับไปด้วยกันก่อนความตายมาเยือน


เพียงแต่เขาไม่ทันสังเกตว่าระหว่างโผนทะยานขึ้นไป เลือดเนื้อของเขาที่กำลังแตกกระจุยอย่างว่องไวก็ร่วงหล่นลงมา


จนเมื่อตามยานขนส่งอวกาศทัน ขณะหมายจะดับสิ้นไปด้วยกันถึงได้พบอย่างงงงันว่า ตนใช้พลังไม่ออกแม้เพียงเสี้ยว!


มือหายไปแล้ว ร่างกายก็หายลับไปแล้ว เหลือเพียงศีรษะที่ยังคงถลึงตาถมึงทึง!


ภาพเช่นนี้อเนจอนาถอย่างที่สุดยิ่ง แม้แต่ตัวเขายังแทบไม่กล้าเชื่อ ราวอสนีบาตฟาดผ่า วิธีตายเช่นนี้… น่าอดสูยิ่งแล้ว!


โก่วขุ่ยคับแค้นเหลือประมาณ สุดท้ายเบื้องหน้าพลันมืดดำ ไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง


ปึง!


ศีรษะเขาหล่นลงพื้นเกิดเป็นหลุมใหญ่หลุมหนึ่ง นัยน์ตาหลั่งเลือดยังคงจ้องตำแหน่งของยานขนส่งอวกาศ ท่าทางตายตาไม่หลับ


ราชันแห่งยุคที่ทรงอำนาจนานปี ชื่อเสียงสะเทือนทั่วทิศ กลับสิ้นลมเฉียบพลันตอนนี้ ก่อนตายยังไม่อาจสังหารคู่ต่อสู้ที่ถูกเขามองเป็นหนอนตัวจ้อยได้ เถ้ากระดูกก็ถูกฝังกลบกลางธุลีไปแล้ว!


ส่วนในยานขนส่งอวกาศ หลินสวินกระอักเลือดหยัดร่างขึ้น กล่าวพึมพำอย่างหวาดผวา “เจ้าหมาแก่นี่สุดท้ายก็ตายสักที… นี่ ก็คือระดับราชันสินะ”


ตอนที่ 811 ดวงใจฉิวหนิว

ProjectZyphon

ร่างกายหลินสวินร้อนระอุ อาการบาดเจ็บภายในกำลังฟื้นฟูอย่างรวดเร็วน่าตะลึง


นี่คือผลลัพธ์อัศจรรย์ซึ่งมาจากอมฤตแกนสุวรรณที่เขากินไปก่อนหน้า ทำการซ่อมแซมและหล่อเลี้ยงร่างกายเขา


อมฤตแกนสุวรรณสมเป็นหนึ่งในแปดเซียนฟ้าดิน ช่วงเวลาอันสั้นๆ ก็ทำให้อาการบาดเจ็บของหลินสวินฟื้นฟูระดับหนึ่ง ซ้ำพลังกายยังฟื้นคืนไม่น้อย


หลินสวินเก็บยานขนส่งอวกาศ เงาร่างวาบไหวออกสืบค้นสมรภูมิ


ไม่นานหลินสวินก็พบแหวนโบราณสีเงินเข้มวงหนึ่ง เมื่อใช้จิตรับรู้ตรวจสอบ ในใจกลับผิดหวังอยู่บ้าง


นี่คือแหวนเก็บของที่โก่วขุ่ยหลงเหลือไว้ ภายในมีแค่เศษแกนวิญญาณขั้นสูงส่วนหนึ่ง โอสถวิญญาณหายากสิบกว่าอย่าง รวมถึงวัตถุดิบวิญญาณระดับสูงนิดหน่อย


นอกจากนี้ยังมีม้วนหยกซึ่งบันทึกวิชาลับอยู่สามม้วน จำแนกเป็น ‘คัมภีร์วิญญาณผลาญมายาทมิฬ’ ‘เคล็ดวิชาแสงครามสมประสงค์’ และ ‘วิชาแปรเคราะห์อนุนามธรรม’


สำหรับผู้ฝึกปราณทั่วไป วิชาลับสามเล่มนี้เรียกได้ว่าเป็นมรดกแห่งยุคชั้นยอดอันดับหนึ่ง บันทึกปริศนาการฝึกปราณห้าระดับใหญ่และหนทางกลายเป็นราชัน มูลค่ามหาศาลไม่อาจประเมิน


แต่สำหรับหลินสวินซึ่งก้าวสู่มกุฎมรรคา วิชาลับสองม้วนแรกขัดต่อมรรคาของเขา ไม่มีคุณค่าเท่าไหร่นัก


แต่ ‘วิชาแปรเคราะห์อนุนามธรรม’ ค่อนข้างทำหลินสวินใจเต้น


วิชาลับนี้น่าจะถือเป็น ‘มรดกระดับราชัน’ ภายในบันทึกความลับเกี่ยวกับ ‘อมตะนพเคราะห์’ บางส่วน รวมถึงความลับว่าจะล่วงพ้นอมตะได้อย่างไร


แม้ปัจจุบันยังไม่เหมาะกับการบำเพ็ญเพียรของหลินสวิน แต่สักวันหนึ่งเมื่อเขาก้าวสู่ระดับราชันและเริ่มเสาะหาอมตะมรรคา สามารถนำมาศึกษาโดยละเอียดได้


ทว่าสุดท้ายผลเก็บเกี่ยวนี้ก็ยังทำให้หลินสวินผิดหวังอยู่บ้าง


โก่วขุ่ยเป็นถึงราชันผู้เด่นตระหง่านเหนือหมู่บรรพตซึ่งเริ่มเสาะหาอมตะมรรคา สิ่งของติดตัวกลับซอมซ่อเช่นนี้ พาให้หลินสวินจนคำพูด


หลินสวินหาอยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายพบขาหมาดำใหญ่ข้างหนึ่ง ความไม่พอใจจึงคลายลงไม่น้อย


นี่น่ะเป็นเนื้อหมาดำซึ่งก้าวสู่ระดับราชัน หลังจากย่างสุกไม่รู้รสชาติจะเป็นอย่างไร…



ก่อนจะจากมา หลินสวินเหลือบมองภูเขาวิญญาณไร้นามอันห่างไกล นัยน์ตาเจือแววประหลาดวูบหนึ่ง


ท่ามกลางศึกดุเดือดก่อนหน้านี้ เขามองเห็นอย่างชัดเจนว่ามีอสนีบาตสีทองจากฟากฟ้าเข้าช่วยตนอย่างใหญ่หลวงในช่วงเวลาสำคัญ


สุดท้ายหลินสวินโค้งตัวอย่างเงียบเชียบ ประสานหมัดคำนับก่อนหันหลังจากไป



ไม่นานเหนือภูเขาวิญญาณไร้นาม ปรากฏเงาร่างหญิงงามชุดทองคนหนึ่ง ทั่วร่างปกคลุมรัศมีมหามรรค ประดุจเทพไท้ไร้เทียมทานแห่งยุค


ข้างกายนางยังมีเด็กชายตัวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ริมฝีปากแดงฟันขาวคนหนึ่งยืนอยู่ นัยน์ตาเปล่งประกายงามประณีต


“ท่านแม่ ทำไมเมื่อครู่ต้องช่วยเจ้าสารเลวนั่นด้วย!”


เด็กชายตัวน้อยโกรธจัด ท่าทางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ไอ้ชั่วนั่นแย่งอมฤตแกนสุวรรณของข้า แถมยังตีก้นข้าด้วย ไร้ยางอายและน่ารังเกียจยิ่งนัก!”


นัยน์ตาหญิงงามทอดมองไปยังทิศทางที่หลินสวินจากไป ครู่ใหญ่จึงกล่าว “ลูกเอ๋ย เจ้าจำได้ไหมว่าศัตรูของเผ่าเราคือใคร”


“เผ่าอีกาทอง!” เด็กชายตัวน้อยตอบโดยไม่ต้องคิด


“ไม่ผิด” หญิงงามพยักหน้า “ดังนั้นเจ้าจงจำเด็กหนุ่มเมื่อครู่ไว้”


เด็กชายตัวน้อยตะลึงงัน “เขาเป็นทายาทเผ่าอีกาทองหรือขอรับ”


หญิงสาวส่ายศีรษะ มุมปากปรากฏแววลึกลับ “ไม่ เขาเหมือนพวกเรา สักวันหนึ่งต้องเปิดศึกกับเผ่าอีกาทองแน่”


“หรือเขามีความแค้นกับเผ่าอีกาทอง”


“ไม่ ตอนนี้อาจยังไร้พยาบาท แต่ต่อไปก็ไม่แน่”


“ท่านแม่ เพราะเหตุใดหรือ”


“เพราะคันธนูในมือเขา สมัยบรรพกาลเคยสังหารอริยะเผ่าอีกาทองไม่ใช่แค่คนเดียว และศรในมือเขาคือหนึ่งใน ‘ศรเทพทั้งเก้า’ ของเผ่าต้าอี้ เคยชโลมโลหิตผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองมามากมายเช่นเดียวกัน”


หญิงสาวเอ่ยราบเรียบ “นี่ก็คือผลกรรมซึ่งถูกลิขิตล่วงหน้า บางทีเด็กหนุ่มนั่นอาจไร้อาฆาตพยาบาทกับเผ่าอีกาทอง แต่ทันทีที่เขาครองคันธนูและศรคู่นี้ ก็ถูกผูกกรรมไปแล้ว ภายภาคหน้าไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่ได้เผชิญหน้ากัน”


“ท่านแม่ ข้าไม่เข้าใจ”


“หลินเอ๋อร์ เจ้ายังเด็ก หลังจากนี้ไม่ช้าก็เร็วจะเข้าใจเอง เจ้าต้องจดจำไว้ เจ้าคือทายาทเผ่าอสูรเนตรทองนอเดียว บิดาเจ้าถูกเผ่าอีกาทองเข่นฆ่า ความแค้นนี้ไม่ว่าอย่างไรเจ้าห้ามลืมเด็ดขาด”


เด็กชายตัวน้อยพยักหน้า บนใบหน้าน่ารักปรากฏความมุ่งมั่นวูบหนึ่ง “ลูกเข้าใจขอรับ!”


แต่ภายในใจเขากลับแอบกล่าว ‘ไม่ว่าอย่างไร รอข้าเติบโตขึ้นต้องซัดไอ้ระยำนั่นสักตั้ง มันคือคนแรกที่กล้าตีก้นกิเลนข้า ความอัปยศใหญ่หลวงเช่นนี้ไม่อาจทนได้!’


ภายภาคหน้า เด็กชายตัวน้อยถูกเรียกว่า ‘เทพกิเลน’ กรีธาทัพกรำศึกเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ศักดานุภาพครองจักรวาล ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนในใต้หล้าเลื่อมใสศรัทธา


แต่กลับไม่มีคนรู้ว่า ‘เทพกิเลน’ ยามวัยเยาว์ยังเคยถูกคนตีก้นอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ทำให้เขาไม่อาจลืม มองเป็นรอยด่างแห่งชีวิต…


แน่นอนว่านี่คือเหตุการณ์ในภายหลัง



ใต้เท้าขุ่ยตายแล้ว!


ผ่านไปหนึ่งก้านธูป เงาร่างพลพรรคโก่วซวีสิงปรากฏทั่วบริเวณ เมื่อยืนยันว่าโก่วขุ่ยลับหายไปจากโลกแล้ว พวกเขาพลันตกตะลึงราวถูกฟ้าผ่าโดยสมบูรณ์


“ส่งข่าวกลับเผ่าเถอะ”


นานพอควร โก่วซวีสิงจึงเอ่ยด้วยสีหน้าอึมครึม


เขารู้ว่าไม่สามารถปิดบังอีกต่อไปแล้ว ราชันผู้หนึ่งตายไป สำหรับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬซึ่งอิทธิพลดำรงทั่วดินแดนรกร้างโบราณ นี่คือการโจมตีอย่างหนักหน่วงไม่ด้อยไปกว่าฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ


ต่อให้เขาโก่วซวีสิงจะเจิดจรัสในหมู่คนรุ่นเยาว์มากกว่านี้ ต่อให้ในใจเขาไม่ยินยอมเพียงใด ก็ไม่กล้าปกปิดข่าวร้ายเช่นนี้เด็ดขาด!


ราชันกึ่งระดับสองคนประสบเคราะห์!


ผู้ใต้บังคับบัญชามือฉมังเกินครึ่งเจอประสบเคราะห์!


บัดนี้ แม้แต่โก่วขุ่ยยังโชคร้ายประสบเคราะห์…


แต่ศัตรูกลับยังรอดชีวิต!


ปฏิบัติการครานี้พูดได้ว่าล้มเหลวโดยสมบูรณ์ พ่ายยับเยินไม่เป็นท่า


โก่วซวีสิงรู้ดีว่าหากตนหวนกลับเผ่าตอนนี้ สิ่งที่รอเขาต้องเป็นเพลิงโทสะและบทลงทัณฑ์ของเหล่าคนใหญ่คนโตแน่!


‘ข้าจะต้องฆ่าเจ้า… แน่นอน!’


โก่วซวีสิงพึมพำในใจ ในสมองปรากฏเงาร่างหลินสวิน เขาไม่เคยเคียดแค้นชิงชังเช่นนี้มาก่อน



หมอกเมฆระเหยลอย ป่าเก่าแก่แผ่ไพศาล หมู่เขาห่างไกลซ้อนสลับ ยอดเขาสูงต่ำงามสง่าดุจภาพเขียน


หลินสวินเดินทางอยู่ในนั้นเพียงลำพัง


กลางวัน เขามองสภาพบรรยากาศแดนดินเสาะหาชีพจรปราณ หยั่งรู้และศึกษาความลับของ ‘นัยน์ตาเฉาเฟิง’ โดยละเอียด


กลางคืน เขานั่งสมาธิสงบจิต กลืนแก่นพลังแห่งฟ้าดินขัดเกลาตนเอง


ตลอดทางไม่เคยประสบอันตรายอะไร ศัตรูเองก็คล้ายรู้ว่ายากจึงถอนตัวไม่ปรากฏอีก


ผ่านไปหลายวัน


เหนือทิวเขาซึ่งมีหมอกควันสีม่วงอ่อนลอยวนลูกหนึ่ง หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง หมอกเมฆทั่วเขาพลันถูกพัดกระจาย เผยโฉมหน้าที่แท้จริง


ฮูม…


เขายื่นมือจับ ทิวเขาสั่นสะเทือน ถูกพลังฝ่ามือชวนประหวั่นควบคุม ไม่นานนักสายแร่ปราณดั่งรุ้งเทพถูกสูบดึงออกมา


สายแร่ราวอสรพิษแวววาวเปล่งประกาย หลั่งแสงม่วงเจิดจรัสมลังเมลืองงามตระการ


สำริดทรัพย์เร้นม่วง!


วัตถุดิบวิญญาณระดับสูงอย่างหนึ่ง มูลค่าสูงล้ำ ก้อนขนาดเท่าหัวแม่มือในตลาดสามารถแลกเปลี่ยนได้สามสิบแกนวิญญาณขั้นต่ำ


และชีพจรปราณวิญญาณสำริดทรัพย์เร้นม่วงเบื้องหน้ามีมากราวหลายหมื่นชั่ง เสมือนดั่งอสรพิษสีม่วงตัวเขื่อง


หลินสวินเก็บมันไว้ในแหวนเก็บของ ก่อนหันหลังลอยล่องจากไป


หลายวันมานี้เขาอาศัยความอัศจรรย์ของนัยน์ตาเฉาเฟิง ทำให้ตลอดทางค้นพบแดนสมบัติไม่น้อย รวบรวมชีพจรปราณวิญญาณและแร่ธาตุนานัปการ


อย่างเช่นสายแร่ทองพิสุทธิ์ประกายพรึก เหล็กสลักอสูรมรกต หยกหมอกทับทิมเป็นต้น


ยังมีชีพจรปราณวิญญาณที่กระจัดกระจาย ผลึกวิญญาณระดับสูง แกนวิญญาณอีกส่วนหนึ่งเป็นต้น ระดับคุณภาพมีทั้งสูงและต่ำ แต่ค่อนข้างหายากทั้งสิ้น


ถึงขั้นที่นัยน์ตาเฉาเฟิงทำให้หลินสวินพบพื้นที่งดงามชั้นดีซึ่งเรียกได้ว่าเป็น ‘ถ้ำสวรรค์แดนมงคล’ บางส่วน


ทว่านอกจากเก็บเกี่ยวผลประโยชน์แล้วก็ยังมีอันตรายแฝง


พื้นที่สมบัติฮวงจุ้ยซึ่งดูเหมือนก่อเกิดจากฟ้าดินบางส่วน แท้จริงแล้วแฝงเคราะห์สังหารอวมงคลเอาไว้


หลินสวินเกือบเคยประสบเคราะห์ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว อย่างเช่นเมื่อวาน หน้ายอดเขาที่อบอวลแสงสมบัติสีทองเข้ม ไอวิญญาณเต็มแน่นหาใดเปรียบ จากข้อสันนิษฐานของหลินสวิน ที่แห่งนี้น่าจะซ่อนแร่หยกทองดาราสายหนึ่ง


ทว่าเมื่อเขาขุดหา ในสายแร่ใต้ยอดเขานั่นกลับแผ่ไอเลือดใต้พิภพที่น่าประหวั่นออกมา ทะลวงขึ้นฟ้า


เพียงชั่วขณะต้นไม้ใบหญ้า ก้อนหิน ทิวเขาทั้งหมดในรัศมีร้อยลี้… ล้วนถูกกัดกร่อนดับสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน สูญสิ้นพลังชีวิต!


หากไม่ใช่หลินสวินหนีได้ทันเวลาคงประสบเคราะห์ไปแล้ว


ไอเลือดใต้พิภพ นี่เป็นพลังประหลาดอย่างหนึ่งซึ่งน่ากลัวที่สุดในฟ้าดิน มีพลังกัดกร่อนไม่อาจจินตนา


ต่อให้เป็นผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะ โดนเปื้อนแค่บางเบาซากศพพลันอันตรธาน!


และการประสบเคราะห์เช่นนี้ หลินสวินก็พบเจอตลอดทางหลายครั้ง


ประสบการณ์เพิ่มพูนความรู้ ทำให้เขาเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากมันไม่น้อย ความเข้าใจและการหยั่งรู้ต่อนัยน์ตาเฉาเฟิงลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม


ผ่านไปครึ่งเดือน


กลางดึกหมู่ดาราส่องประกายเหนือฟ้ายามค่ำ หมู่เขาเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมแทรกผ่านภูเขากลางฟ้าดิน


กลางทางขึ้นเขา ใต้ต้นหลิวแข็งแกร่งต้นหนึ่ง เปลวเพลิงโหมกระหน่ำ หลินสวินนั่งสมาธิสงบจิต ใบหน้าหล่อเหลางสะท้อนอยู่ใต้แสงอัคคีเลือนราง


เก็บงำกลิ่นอาย นิ่งเงียบสันโดษ เสมือนแผ่นศิลาตั้งตระหง่านไม่ขยับ


กระรอกน้อยตัวหนึ่งปีนป่ายต้นหลิว พินิจพิเคราะห์หลินสวินอย่างสงสัยใคร่รู้บนกิ่งไม้ หลังลังเลอยู่นานมันจึงกระโดดลงมาอย่างระมัดระวัง นำหางยักษ์ปุกปุยนุ่มสลวยลูบกวาดใบหน้าหลินสวิน


เห็นฝ่ายหลังยังคงไม่ขยับ มันกระโดดขึ้นหัวไหล่หลินสวินอย่างดีอกดีใจ กระโดดโลดเต้นราวพบของเล่นน่าสนุก


สุดท้ายกระรอกน้อยเล่นจนเหนื่อย ศีรษะปุกปุยซุกในอ้อมแขนหลินสวิน นอนแผ่หลาหงายหลังอยู่ตรงนั้น กรงเล็บน้อยขดงุ้มหลับสนิท


เงียบเชียบไร้สุ้มเสียง รัตติกาลอันห่างไกลปรากฏนัยน์ตาเขียวมรกตคู่หนึ่ง เป็นเสือดาวโลหิตร่างปราดเปรียว


มันเข้าประชิดอย่างเงียบสงัดไร้เสียง ราวนักล่าที่ชาญฉลาดเชี่ยวชาญ นัยน์ตาเขียวมรกตจับจ้องหลินสวิน และจ้องมองกระรอกน้อยตัวนั้น


ใกล้แล้ว…


กระรอกน้อยยังหลับใหล ผิวท้องน้อยๆ อ่อนนุ่มขยับขึ้นลง นอนหลับอย่างสบาย ไม่สังเกตเห็นว่าอันตรายมาเยือนสักนิด


หลินสวินซึ่งเดิมนิ่งเงียบไม่ขยับดั่งหินผา เวลานี้กลับลืมตาขึ้น พริบตานั้นกลางรัตติกาลดั่งวาบสายฟ้าสองสาย


ฟุ่บ!


เสือดาวโลหิตก้มหมอบตัวสั่นงันงกกับพื้น มันสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวอย่างที่สุด ครวญคร่ำไม่หยุด


หลินสวินแววตาใสกระจ่าง ดวงหน้าเปี่ยมกลิ่นอายเหนือห้วงมายา มองเสือดาวโลหิตเงียบๆ ชั่วพริบตาในใจเขาปรากฏความรู้สึกอัศจรรย์มากมาย


นี่คือเสือดาวโลหิตซึ่งหิวโหยมาหลายวัน ขณะเดียวกันมันยังเป็นแม่ของลูกน้อยฝูงหนึ่ง มันต้องการอาหารเพราะลูกๆ กำลังจะหิวตาย เหลือเพียงลมหายใจรวยริน


แต่ตอนนี้มันหวาดกลัวและสิ้นหวัง ในใจไม่ยินยอมอย่างยิ่ง เพราะมันไม่หวั่นเกรงความตาย แต่กังวลว่าหลังตายไปลูกน้อยเหล่านั้นคงไม่อาจรอดชีวิต…


นี่คือความรู้สึกของเสือดาวโลหิต แต่กลับถูกหลินสวินจับสัมผัสโดยสมบูรณ์ในชั่วพริบตา รับรู้อยู่ในใจ


นี่ก็คือความอัศจรรย์ของมรดกร่างที่เก้าแห่งมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร ‘ดวงใจฉิวหนิว’

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)