Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 798-799
ตอนที่ 798 เคราะห์สังหารมาเยือน
ProjectZyphon
มาแล้ว!
นอกหน้าต่างมืดสนิทดั่งสีหมึก แสงโคมริบหรี่เหลือเพียงแสงแหว่งเว้า
ลิ่นเหวินจวินยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ดวงหน้างามนิ่งสงบไร้วิตก นัยน์ตาเรียวชี้เปี่ยมความคั่งแค้นเยียบเย็นเสียดกระดูก
แม้ยังไม่อาจยืนยันร่องรอยศัตรู แต่ในฐานะคู่ต่อสู้ซึ่งโรมรันกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬมาหลายปี สัญชาตญาณลิ่นเหวินจวินบอกนางว่าพวกสวะหมาดำนั่นมาถึงแล้ว!
“เสี่ยวฉง พวกเจ้ารักษาตัวด้วย…”
ลิ่นเหวินจวินสูดหายใจลึก เงาร่างวาบกะพริบหายไปนอกหน้าต่าง ร่างอ่อนช้อยงดงามส่องระยับท่ามกลางรัตติกาลไร้ขอบเขต
ตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่ปกปิดเงาร่างแม้แต่น้อย
เพียงชั่วขณะ ตรอกถนนที่เงียบเชียบมืดมิดซึ่งอยู่ห่างไกลก็แว่วเสียงสุนัขหอน
จากนั้นขบวนวิญญาณมายาทมิฬปรากฏตัวอย่างเงียบสงัดไร้สุ้มเสียง ไล่ตามไปยังทิศทางที่ลิ่นเหวินจวินหนีไปอย่างรวดเร็ว
…
ชานเมือง ต้นไม้เก่าแก่สูงเสียดฟ้า ยอดเขาแน่นขนัด
ซย่าเสี่ยวฉงที่กำลังเดินผ่านป่าพลันเหลียวหลัง กล่าวระคนสงสัย “พี่หลินสวิน ทำไมข้าเหมือนได้ยินเสียงหมาป่าหอน น่ากลัวชะมัด”
นัยน์ตาดำหลินสวินวาบแววยะเยือก กล่าวอืมคำหนึ่งแล้วกล่าว “อย่าสนเรื่องพวกนี้เลย พวกเรารีบไปเถอะ”
เขารู้ว่าผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬปรากฏกายแล้ว และลิ่นเหวินจวิน… คงเริ่มหลบหนีอย่างไม่รู้เป็นตายร้ายดี
นี่ทำให้หลินสวินตระหนักถึงปัญหาที่ละเลยไปก่อนหน้านี้กะทันหัน ที่ลิ่นเหวินจวินทำเช่นนี้เป็นเพราะอะไรกันแน่
พริบตานั้นเขาก็หันมองซย่าเสี่ยวฉงซึ่งอยู่ข้างกาย เด็กสาวหน้าตาไร้เดียงสากะพริบดวงตาโตใสสะอาด กำลังจับจ้องดอกไม้ใบหญ้าที่เห็นระหว่างทางอย่างสงสัย เห็นได้ว่าใสซื่อบริสุทธิ์นัก
หลินสวินเข้าใจแล้ว
เขานึกถึงภัยพิบัติที่เกิดขึ้นยังคุกใต้เหมืองปีนั้น ตอนนั้นท่านลู่เองทำเช่นนี้ มอบโอกาสรอดชีวิตเส้นสุดท้ายที่เหลืออยู่แก่ตน…
ยามนี้การกระทำของลิ่นเหวินจวินเกือบเหมือนท่านลู่ทุกประการ ทั้งหมดล้วนเพื่อให้ซย่าเสี่ยวฉงมีโอกาสรอด!
“สหายน้อยโปรดหยุดก่อน”
ทันใดนั้นเสียงอบอุ่นหนึ่งดังขึ้นแต่ไกล
หลินสวินชะงักฝีเท้าทันที ส่วนลึกของนัยน์ตาดำวาบแสงเย็นเยียบ
เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นชายชราชุดดำหน้าตาภูมิฐาน ท่าทางสง่างามดุจเซียนคนหนึ่ง ลอยล่องมาในรัตติกาลที่ห่างไกล
ยอดมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง!
หลินสวินตัดสินปราณฝ่ายตรงข้ามออกในพริบตา ทั้งแน่ใจว่าอีกฝ่ายคือผู้ฝึกปราณเผ่ามนุษย์ และไม่ได้มาจากเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ
ชายชรายั้งฝีเท้านอกระยะสิบกว่าจั้ง ไม่ประชิดเข้าใกล้อีก ยิ้มแย้มกล่าวอบอุ่น “สหายน้อยอย่าได้ตื่นตระหนก ข้าน้อยหานเหยียนเชวียมาจากสำนักมุกวิญญาณ มาโดยพลการเพราะมีเรื่องหนึ่งอยากปรึกษาสหายน้อย”
สำนักมุกวิญญาณ?
นี่ไม่ใช่สำนักที่โม่เฟิงอยู่หรอกรึ
หลินสวินเหลียวมองซย่าเสี่ยวฉง ฝ่ายหลังพยักหน้ากล่าว “พี่หลินสวิน หลายวันก่อนหลังการทดสอบใหญ่รวมสำนักสิ้นสุด ข้าเคยพบผู้อาวุโสท่านนี้”
หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่ง ในใจกลับยังระแวดระวัง ดึกดื่นยามวิกาลตาแก่นี่กลับวิ่งมากะทันหัน บอกว่ามีเรื่องอยากปรึกษาตน เห็นชัดว่าพูดเหลวไหล
ต่อให้เป็นเรื่องสลักสำคัญขนาดไหน ต้องถึงขั้นวิ่งมาทุ่งรกร้างนอกชานเมืองเพื่อพบตนยามวิกาลด้วยหรือ
เรื่องผิดแปลกมักมีสิ่งประหลาดอยู่เบื้องหลัง!
หลินสวินแม้ยังเยาว์ แต่นับจากบำเพ็ญเพียรมาก็พบเจอเหตุนองเลือดและอันตรายไม่รู้เท่าไหร่ ประสบการณ์อันจัดเจนคือสิ่งที่คนรุ่นอาวุโสทั่วไปไม่อาจเทียบ
เขาไม่ต้องคิดก็รู้แต่แรก หานเหยียนเชวียนี่มีปัญหา!
“ขออภัย ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์คุยธุระ เชิญกลับไปเถอะ” หลินสวินบอกปัดโดยตรง ไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายเอ่ยปากสักนิด
ซ้ำพูดจบเขาก็พาซย่าเสี่ยวฉงจากไปทันที ไม่สนใจหานเหยียนเชวียแม้แต่น้อย เห็นได้ว่าไร้มารยาทยิ่ง
นี่ทำเอาหานเหยียนเชวียตะลึงงัน ปากกลับยิ้มกล่าวแม้เดือดดาลอยู่ในใจ “สหายน้อย นี่เป็นเรื่องประเสริฐยิ่ง เจ้าปฏิเสธเช่นนี้ไม่น่าเสียดายไปหน่อยหรือ”
ขณะพูดเขาก็ก้าวตามมา
หลินสวินพลันหยุดเท้า กล่าวโดยไม่หันกลับ “หากเจ้ายังกล้าตามมา อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
น้ำเสียงเรียบสงบกลับแฝงไอสังหารเด็ดขาด พาให้บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนเป็นหนาวเหน็บและตึงเครียดทันที
สีหน้าหานเหยียนเชวียเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มนี่จะระแวดระวังและป้องกันเช่นนี้ ไม่เปิดโอกาสให้เขาเข้าใกล้โดยสิ้นเชิง
“สหายน้อย นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร ข้าหวังดีมาผูกไมตรีกับเจ้า แต่เจ้ากลับพูดจาข่มขู่ข้า นี่ออกจะเกินงามและไร้มารยาทไปหน่อยกระมัง” สีหน้าเขาพลันอึมครึม
หลินสวินหาได้ใส่ใจเขา แต่เร่งเท้าก้าวจากไปเร็วขึ้น
นี่ทำให้หานเหยียนเชวียโมโหตามไปด้วย สีหน้าเปลี่ยนเป็นทะมึนยิ่งยวด กล่าวเย็นชา “สหายน้อย หากเจ้าไม่หยุดอีก ระวังมหันตภัยจะมาเยือน!”
“ไสหัวไป!”
สุดท้ายหลินสวินเห็นอีกฝ่ายฉีกหน้ากากจอมปลอม เขาก็ไม่เกรงใจทันที
“ไอ้เด็กไม่รู้เป็นรู้ตาย! คิดจริงๆ หรือว่าตนเป็นผู้กล้ารุ่นเยาว์แห่งยุคแล้วจะไม่สนกฎเกณฑ์ใดๆ ได้”
หานเหยียนเชวียเดือดดาลจนกลายเป็นยิ้ม โกรธจนควันออกหู เขาเป็นถึงผู้อาวุโสสำนักมุกวิญญาณ ในแคว้นวิญญาณอัคนีถือเป็นคนใหญ่คนโตมากอิทธิพล มีหรือจะเคยถูกคนรุ่นหลังด่าทอเช่นนี้มาก่อน
คำว่าไสหัวไปนี้ รสปรามาสและหยามเหยียดชัดแจ้งโดยไม่ต้องให้สงสัย ทำเอาหานเหยียนเชวียทนไม่ไหวอีกต่อไป
ฉัวะ!
หลินสวินไม่เอ่ยวาจา แต่ปลายดาบเจิดจ้าดุจหิมะเกือบโปร่งแสงพุ่งออกจากร่าง ตัดผ่าอากาศไปทางหานเหยียนเชวีย
รวดเร็วว่องไวดุจสายฟ้าสีเงินพร่าตา แหวกผ่านความว่างเปล่าสาดส่องรัตติกาล ปลายคมไร้เทียมทานเปล่งประกายเจิดจรัสยิ่งยวด
เสียงฟึ่บเดียว หานเหยียนเชวียล้วนหลบไม่ทัน เส้นผมปอยหนึ่งริมใบหูถูกตัดขาด ซ้ำปลายดาบเฉียบคมนั่นยังฝากรอยเลือดบนใบหน้าไว้ด้วย
นี่ก็คือพลังของดาบหัก ใช้จิตขับเคลื่อนเรียกออกมา เมื่อจับคู่กับพลังของหลินสวินในปัจจุบัน สามารถพิฆาตผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติอย่างง่ายดาย
แต่การโจมตีนี้หลินสวินแค่คิดมอบบทเรียนหนึ่งแก่หานเหยียนเชวีย ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าควรถอยไปเสีย ถึงอย่างไรต่างฝ่ายต่างไม่มีความแค้นบาดหมางใหญ่หลวง หากลงมือเหี้ยมโหดคงทำเกินไป
“อย่าทดสอบความอดทนของข้าอีก” หลินสวินทิ้งประโยคหนึ่งก่อนพาซย่าเสี่ยวฉงจากไป
หานเหยียนเชวียแข็งทื่อไปทั้งตัว เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ชั่วพริบตาเมื่อครู่นั้นเขาถูกทำให้ตกใจโดยสิ้นเชิง ราวไปเยือนเขตแดนมรณะมารอบหนึ่ง
เขาคิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มนี่จะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ อยู่นอกเหนือการคาดเดาและตัดสินของเขาก่อนหน้าโดยสมบูรณ์!
เกรงว่าต่อให้ผู้กล้าแห่งยุคมาเอง ก็คงตอบสนองการโจมตีนี้ไม่ทันเหมือนกันกระมัง…
ในใจหานเหยียนเชวียถาโถมด้วยความเดือดดาลเหลือจะเอ่ย แล้วยังรู้สึกหวาดกลัว เสมือนคลื่นซัดโหมสุมอก ไม่อาจนิ่งสงบ
เวลานี้เองในรัตติกาลอันห่างไกลพลันเกิดเสียงเป่าปากแหลมสูงแปลกประหลาดขึ้น ราวเสียงนกร้อง
หานเหยียนเชวียจิตใจฮึกเหิมโดยพลัน ‘พวกเจ้าสำนักและท่านผู้ก่อตั้งเตรียมพร้อมแล้ว!’
เสียงเป่าปากคือสัญญาณบอกหานเหยียนเชวียว่า ลานสังหารเตรียมพร้อมรอเหยื่อเข้าลานแล้ว
สาเหตุที่หานเหยียนเชวียปรากฏตัวมาพบหลินสวินก่อน ก็แค่เพื่อยืดเวลาออกไปเท่านั้น
หานเหยียนเชวียหาได้ลังเลอีก ความหวาดกลัวในใจหายไป จากมุมมองเขา ตอนนี้ศรขึ้นสายธนูแล้ว ไม่อาจไม่ปล่อย ไร้หนทางหวนกลับอีก
อีกทั้งมีเจ้าสำนักและท่านผู้ก่อตั้งบัญชาการเอง แม้พลังต่อสู้เจ้าเด็กนั่นพลิกฟ้ากว่านี้ ราตรีนี้จะต้องตายอยู่ดี!
“เสี่ยวฉง ลำบากเจ้าหน่อยนะ”
ในป่าเขาเบื้องหน้า หลินสวินมุ่นคิ้ว นัยน์ตาดำวาบไอสังหารเย็นเยือก ไม่รอให้ซย่าเสี่ยวฉงเห็นพ้อง เขาก็นำฝ่ายหลังเข้าไปอยู่ในเจดีย์สมบัติไร้อักษร
จากนั้นพลันหันหลังกลับ นัยน์ตาเยียบเย็นกวาดมองทั่วทิศแล้วกล่าว “คิดไม่ถึงว่าพวกสวะหมาดำไม่มา เดรัจฉานเฒ่าอย่างพวกเจ้ากลับเป็นพวกแรกที่อดรนทนไม่ไหว ในเมื่อมาแล้วก็ปรากฏตัวเถอะ!”
“เจ้าหนุ่ม กล่าวคำหยาบคายมันไม่ดี เห็นชัดว่าไร้การอบรมนัก”
ท่ามกลางความเงียบสงัด ชายวัยกลางคนสองมือไพล่หลัง สวมชุดประณีต ท่าทางเข้มแข็งองอาจ ใบหน้าน่าเกรงขาม ปรากฏตัวกลางรัตติกาลอันห่างไกล
แทบจะในเวลาเดียวกัน ทิศทางอื่นต่างทยอยปรากฏเงาร่างมากมาย มีทั้งเฒ่าชรา ทั้งวัยฉกรรจ์ มีหญิงแต่งงานแล้วที่ทรงเสน่ห์ ยังมีชายหนุ่มสง่างาม รวบแล้วสิบกว่าคน
แม้รูปร่างแตกต่างแต่งกายต่างกัน แต่ล้วนเป็นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติทั้งสิ้น ซ้ำบางคนยังเป็นพวกชั้นยอดด้วย!
ขุมพลังเฉกเช่นนี้ ในนครเตโชสามารถก่อคลื่นลมคุกคามฝ่ายหนึ่งได้เลย
แต่ปัจจุบันกลับมาแค่เพื่อจัดการหลินสวินเพียงคนเดียว หากถูกผู้ฝึกปราณอื่นเห็นเข้าคงตกตะลึงจนกรามค้างแน่
“เดรัจฉานเฒ่าเช่นพวกเจ้ากรูมาจัดการเด็กรุ่นหลังอย่างข้าพร้อมกันยามวิกาล ยังบอกว่าข้าไร้การอบรม? ข้าว่าพวกเจ้านั่นแหละที่ไร้ยางอายไม่มีคุณธรรม”
หลินสวินเยาะหยัน เยือกเย็นไม่หวั่นเกรง ทว่าเขาสงสัยนัก เหตุใดมหายุทธ์เหล่านี้จึงวิ่งมาจัดการตน
เขาสังเกตได้ว่าหานเหยียนเชวียเป็นหนึ่งในนั้น มหายุทธ์เหล่านี้คงมาจากสำนักมุกวิญญาณอย่างไม่ต้องสงสัย!
“เจ้าหนุ่ม เจ้าก็เห็นสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว จงมอบยานสำเภาในมือออกมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
ชายวัยกลางคนน่าเกรงขามซึ่งเป็นผู้นำเอ่ยปาก เขาคือเจ้าสำนักมุกวิญญาณฮว่าชิงฉือ มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติขั้นสมบูรณ์คนหนึ่ง
หลินสวินพลันเลิกคิ้ว “ของบ้าอะไร”
“อย่ามาทำไขสือ ตอนที่เจ้าอยู่บนยอดเขาดาราโรย ยังอาศัยยานสำเภานี่หนีรอดจากการตามฆ่าของอสูรเฒ่าเครือเถา ตอนนั้นข้าเห็นชัดเจน!” หานเหยียนเชวียตะคอกตวาดเสียงดัง
ที่แท้พวกเขาหมายตายานขนส่งอวกาศ ราตรีนี้คิดอยากฆ่าคนชิงสมบัติ!
หลินสวินพลันเข้าใจทันที นี่กลับทำให้ในใจเขาแอบผ่อนคลายลงไม่น้อย
เดิมเขายังกังวลอยู่บ้าง ว่าการปรากฏตัวของคนพวกนี้เป็นเพราะถูกบงการจากเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬหรือไม่ สุดท้ายตอนนี้ก็สามารถแน่ใจว่าเป็นแค่การ ‘ชิงสมบัติ’ เท่านั้น
หลินสวินยิ้ม นัยน์ตาดำเย็นชากวาดมองคนสำนักมุกวิญญาณในที่นั้น พลางกล่าว “ตอนอยู่ที่เขาโคม่วง ข้าละเว้นพวกโม่เฟิงแห่งสำนักมุกวิญญาณของเจ้าครั้งหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้ากลับกินบนเรือนขี้บนหลังคา ยังคิดชิงสมบัติข้า ช่างหน้าด้านไร้ยางอาย”
สีหน้าทุกคนพลันอึมครึม ต่างบันดาลโทสะ พวกเขาเคลื่อนขุมพลังเช่นนี้ เดิมรู้สึกเหมือนเป็นการทำเรื่องใหญ่โตเพื่อจุดมุ่งหมายเล็กๆ อยู่บ้าง ใครเล่าจะคาดคิด เจ้าหนุ่มนี่กลับวางท่าราวไม่เห็นพวกเขาในสายตา นี่มันกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!
“เจ้าหนุ่ม ให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย มอบยานสำเภาออกมาเสียตอนนี้แล้วจะไว้ชีวิตเจ้า ถ้าไม่อย่างนั้นก็ตายซะ!” ชายฉกรรจ์ห้าวหาญคนหนึ่งตวาดลั่น แววตาเยียบเย็นเผยไอสังหาร มีพลังอำนาจข่มขู่ผู้คนประการหนึ่ง
สีหน้าคนอื่นเองก็ไม่ได้เป็นมิตรนัก ตั้งท่าเตรียมลงมือสังหารเต็มที่
“พูดพล่ามไร้สาระกับมันทำไม รีบฆ่ามันแล้วค่อยชิงยานสำเภาจากศพซะก็สิ้นเรื่อง!” ฮูหยินงามวัยกลางคนนั่นเอ่ยปาก ท่าทียกตนข่มท่านและกร้าวแกร่งเสียยิ่งกว่า
ตอนที่ 799 ฝ่าฟันอุปสรรค
ProjectZyphon
“ฆ่าก่อนค่อยชิงสมบัติ? ก็ดี!”
ท่ามกลางเสียงตวาดลั่น มหายุทธ์วัยกลางคนท่าทางทรงภูมิคนหนึ่งพุ่งออกมา
ตูม!
เขากดฝ่ามือลงไป ควบรวมเป็นรอยฝ่ามือหวดลงอย่างหนักหน่วง ห้วงอากาศแตกละเอียดชั่วพริบตา ก้อนหินในที่นั้นกลายเป็นจุณ ต้นไม้เก่าแก่แปรเปลี่ยนเป็นซากไม้
สวบ!
เงาร่างหลินสวินวาบกะพริบแผ่วเบาลอยล่องหลีกหลบ เพียงแต่พื้นที่ที่เคยอยู่กลับถูกรอยฝ่ามือทลายออกเป็นหลุมมหึมา พื้นดินแตกระแหงแผ่ขยาย ดินโคลนพลิกตลบพุ่งขึ้นฟ้า
แค่คิดก็รู้ว่าการโจมตีของชายวัยกลางคนที่ทรงภูมิคนนี้ดุดันเพียงใด
ห้วงอากาศสั่นระรัว รุ้งเทพทองอร่ามโฉบพุ่งออกมาฟาดฟันดั่งอสนีบาต พลานุภาพรุนแรงร้ายกาจ เฉียบขาดเสียดกระดูก
นี่คือกระบี่วิญญาณสีทองเล่มหนึ่ง ปลายคมเจิดจรัส ไอสังหารทะลวงเมฆา ออกมาจากมือหานเหยียนเชวีย
หลินสวินหลบได้อีกครา สันเขาที่เขายืนอยู่ถูกฟันออกเป็นสองซีก ตัวภูเขาพังทลายเกิดเสียงครืนสนั่นฟ้าดิน
“สมเป็นเอกบุคคลรุ่นเยาว์ เจ้าหนุ่ม ผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีปัญญาเลิศ หากเจ้าสิ้นชีพเช่นนี้ไม่น่าเสียดายไปหน่อยหรือ”
ฮว่าชิงฉือหัวหน้าสำนักมุกวิญญาณทอดถอนใจเนิบช้า ท่าทางราวเมตตาอาสูร
ตูม!
ขณะกล่าวก็มีคนบุกโจมตีอีกครา แผดเสียงคำรามสะท้านฟ้าสะเทือนดินชวนกระตุกจิตวิญญาณ
นี่คือชายหนุ่มเคร่งขรึมที่มีผมราวเปลวเพลิงสะดุดตา ทันทีที่โจมตีก็เหมือนวานรปีศาจไร้เทียมทานตัวหนึ่ง การเคลื่อนไหวแคล่วคล่อง พลังเหี้ยมโหดป่าเถื่อนปกคลุมฟ้าดิน
ถัดมาคนอื่นๆ ในสำนักมุกวิญญาณทยอยบุกโจมตี แต่ละคนยิ่งอำมหิตขึ้นเรื่อยๆ ลงมือไร้ปรานี จิตสังหารดั่งกระแสวารีครอบคลุมทั่วฟ้าดิน
สวบๆๆ!
เงาร่างพวกเขาวูบไหว เจือแสงศักดิ์สิทธิ์และไอสังหารเข้มข้น ปิดล้อมป่าเขาแถบนี้
เห็นชัดว่าหานเหยียนเชวียเคยบอกพวกเขา ว่าตอนนั้นหลินสวินเคยอาศัยยานสำเภาหนีรอดการตามฆ่าของอสูรเฒ่าเครือเถา จึงทำเช่นนี้เพื่อป้องกันเขาใช้วิธีเดิมหลบหนีไปอีกครา
“เจ้าดูสิ ตอนนี้เจ้าเหมือนปลาติดแห เหมือนหมูในอวย ไร้หนทางรอดนานแล้ว หากต้องตายโดยเปล่าประโยชน์ เหตุใดไม่ส่งมอบยานสำเภาออกมาเสียเองเล่า”
ฮว่าชิงฉือเอ่ยทอดถอนใจ เขาไม่รีบเร่งและสงบยิ่ง ท่าทางราวจับกุมชะตาหลินสวินไว้มั่นแล้ว
“เจ้ามีพรสวรรค์มาก พลังแฝงไร้จำกัด หนทางข้างหน้ายิ่งไม่อาจประมาณ ทำให้ใจข้ารู้สึกอยากถนอมผู้มีพรสวรรค์อย่างอดไม่ได้ หากเจ้ายอมจำนนตอนนี้ บางทีข้าไม่เพียงแต่ไว้จะชีวิตเจ้า ยังจะรับเจ้าเป็นศิษย์มาบ่มเพาะปลูกฝัง”
ฮว่าชิงฉือยิ้มแนะ
แต่ขณะเขากล่าววาจา ณ ที่นั้นอุดมด้วยแสงดาบเงากระบี่นานแล้ว มหายุทธ์สำนักมุกวิญญาณทั้งกลุ่มออกจู่โจม ทำให้ฟ้าดินแถบนี้ตกอยู่ในความยุ่งเหยิงโกลาหล
หลินสวินไม่ผลีผลาม เขาหลีกหลบต่อเนื่อง ทว่าสายตากลับจ้องมองทิศทางหนึ่ง
ณ ที่นั้น เขาสังเกตเห็นกลิ่นอายซึ่งอันตรายยิ่งกว่า มีสัตว์ประหลาดเฒ่าคล้ายราชันกึ่งระดับผู้หนึ่งซ่อนตัวท่ามกลางความมืดมิด นี่คือภัยคุกคามแอบแฝงประการหนึ่ง!
หลินสวินเงียบงันไปครู่หนึ่งแล้วพลันถอนใจ “คืนนี้มีเรื่องมากมายจริงๆ หากพวกเจ้าเปลี่ยนวันมาช่วงข้าอารมณ์ดี บางทีอาจสามารถรักษาชีวิต แต่ตอนนี้…”
กล่าวถึงตรงนี้ นัยน์ตาล้ำลึกดุจหุบเหวของเขาพลันฉายแววชวนประหวั่น เสมือนสายฟ้าแปลบตาเฉือนแหวกรัตติกาล
“พวกเจ้าจงตายให้หมดนี่แหละ!”
ที่นี่คือป่าเขาเก่าแก่ห่างจากนครเตโชพอควร สภาพภูมิประเทศสูงต่ำ ยอดเขาทอดยาวติดกัน ต้นไม้เก่าแก่เติบโตต้นแล้วต้นเล่า
ที่แห่งนี้เกิดความอลหม่านภายใต้ราตรีกาล ไม่มีแม้เสียงนกแมลง เหลือเพียงบรรยากาศหนาวเหน็บเงียบสงัด
หลินสวินยืนอยู่คนเดียวตรงนั้น ละอองแสงอบอวลทั่วร่าง ผิวกายส่องสว่าง สองนัยน์ตาสาดแสงอสนีบาต
คำพูดนี้เขาพูดอย่างราบเรียบและเด็ดขาด แต่ทำเอาพวกฮว่าชิงฉือตะลึงงัน เกือบคิดว่าฟังผิดไป
นี่มันเวลาไหนแล้ว ไอ้เด็กนี่ยังกล้าคุยโวโอ้อวดไม่กระดาก เห็นชัดว่าอยากตายจนทนไม่ไหว!
กลิ่นอายน่าพรั่นพรึงตลบอบอวลท่ามกลางป่าเขา นี่คืออานุภาพของมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติ แม้ยังไม่ลงมือ แต่ไอสังหารนั่นกลับเรียกได้ว่าร้ายกาจล้นฟ้า!
“ไม่ต้องลังเล ฆ่ามันซะ” ฮว่าชิงฉือทอดถอนใจด้วยท่าทางเสียดาย
ตูม!
เสียงเพิ่งดังมา มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติทั้งหมดก็ลงมือเคลื่อนไหว พุ่งเข้าสังหารหลินสวินจากหลากทิศทาง
พริบตานั้นแสงสมบัติพวยพุ่ง สายฟ้าตัดสลับ แสงศักดิ์สิทธิ์เอ่อท้น เปิดศึกสังหารอย่างแท้จริง
“ฟัน!”
หานเหยียนเชวียเรียกกระบี่วิญญาณทองอร่ามออกมา เปรียบดั่งเทพกระบี่บันดาลโทสะพุ่งสังหารหลินสวิน แสงกระบี่ราวห้อทะยาน กวาดล้างฟ้าดิน
วู้ม!
ชายฉกรรจ์ทรงภูมิตวาดลั่นจนห้วงอากาศพังทลาย เงาร่างราวภูผาสูงตระหง่าน ซัดหมัดหนึ่งออกมาจนก้อนหินใกล้ๆ แหลกเป็นจุณ กระแสลมชวนประหวั่นจะเข้าปกคลุมหลินสวิน
ฟึ่บ!
อีกด้านหนึ่ง ชายหนุ่มเคร่งขรึมผมแดงดุจเพลิงผลาญเงาร่างวาบไหว เสมือนวานรคลั่งเกรี้ยวกราดออกจู่โจม รวดเร็วปานสายฟ้า นิ้วทั้งห้าดั่งกรงเล็บมังกร พุ่งตะปบศีรษะหลินสวินอย่างหนักหน่วง
“ตัว!”
ด้านฮูหยินงามวัยกลางคนก็เอ่ยสัจคาถาประหลาด เรียกแส้ยาวสีม่วงเส้นหนึ่งออกมา รัดพันด้วยสัญลักษณ์น่าหวาดกลัวเต็มพรืด แสงอสนีพลุ่งพล่าน เฆี่ยนแส้แหวกอากาศ ปล่อยไอสังหารชวนขนพองสยองเกล้า
เวลานี้มหายุทธ์สำนักมุกวิญญาณคนอื่นๆ ต่างใช้วิชาลับของตน เรียกสมบัติออกมาถล่มสังหารหลินสวินจากรอบทิศ
ภาพเหตุการณ์เช่นนี้สามารถใช้คำว่าสะเทือนใต้หล้ามาบรรยายได้ หากเปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะคนอื่น เกรงว่าคงสิ้นหวังไร้แรงต้าน
ไม่จำเป็นต้องสงสัย พวกเขาไม่คิดเปิดโอกาสแก่หลินสวิน หมายกำจัดให้สิ้นซากในคราเดียว!
แต่หลินสวินในตอนนี้กลับไม่หลบเหมือนก่อนหน้า เลือกเป็นฝ่ายเข้าโจมตีเอง
ตูม!
เงาร่างเขาพุ่งทะยาน ชือน้ำแข็งขาวหิมะเชิดหัวขึ้นฟ้า ซัดแส้ยาวสีม่วงนั่นกระเจิดกระเจิง
ขณะเดียวกันเขาก็เปล่ง ‘เสียงคำรามผูเหลา’ ออกมา คลื่นเสียงชวนประหวั่นแผ่ซ่าน สลายการโจมตีเกินครึ่งให้เป็นผุยผง
และเขายังซัดหมัดหนึ่งออกไป!
โครม!
เลือดสีสดสาดกระเซ็น เสียงกระดูกแตกละเอียดดังก้องขึ้น
ก็เห็นชายฉกรรจ์ทรงภูมิหาใดเปรียบนั่นที่เดิมหมายซัดหมัดทุบอกหลินสวินให้เละ ใครเล่าจะคาดคิดว่ากลับถูกหลินสวินใช้วิธีแข็งชนแข็ง ซัดแขนขวาจนแตก!
หากไม่ใช่เพราะหลบทัน พลังหมัดนี้ถึงขั้นสามารถทำร่างกายครึ่งหนึ่งของเขาแหลกเป็นจุณ!
ชายฉกรรจ์ทรงภูมิโอดร้องทุรนทุราย ตกใจจนจิตวิญญาณแทบหลุดลอย สีหน้าซีดเผือด
ตูม!
เวลาเดียวกัน เงาร่างหลินสวินวูบไหว พุ่งไปอีกฝั่ง
ฝีเท้าเขาทลายพื้น เงาร่างฉีกทลายความว่างเปล่า ผมดำทั้งศีรษะพลิ้วสยาย นัยน์ตาเยียบเย็นดุจอสนีบาต เสมือนดั่งกลายเป็นเทพมารตนหนึ่ง อานุภาพผงาดผยองน่าหวาดกลัว
“เร็วเข้า! รีบฆ่ามันซะ!”
ห่างออกไป ฮว่าชิงฉือเห็นแล้วตกใจ ดวงตาปูดโปนแทบถลน ไหนเลยจะคาดคิดว่าเพิ่งเริ่มต่อสู้ เด็กหนุ่มนั่นกลับระเบิดพลังชวนประหวั่นเช่นนี้ออกมาได้
ภายใต้การโอบล้อมโจมตีของมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติทั้งกลุ่ม ยังกล้าบุกจู่โจมอย่างแข็งกร้าว ซ้ำทำคนผู้หนึ่งบาดเจ็บสาหัสภายในการโจมตีเดียว ดุดันเกินไปแล้ว!
“ฆ่า!”
หลินสวินดุจมังกรคลั่งปลดพันธนาการ พลังหมัดยิ่งใหญ่ไพศาล อานุภาพเปี่ยมกลิ่นอายมลายล้าง ซัดกรงเล็บชายหนุ่มเคร่งขรึมนั่นจนพินาศ
ฝ่ายหลังเห็นท่าไม่ดีก็ถอยตัวหลบหนีโดยไม่ลังเล
หลินสวินไม่ไล่ตามไป แต่พุ่งสังหารคนอื่นต่อ
ยามอยู่สมรภูมิกระหายเลือดก่อนหน้านี้ เขาสังหารผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนระดับมหาเวทซึ่งเทียบเท่าระดับกระบวนแปรจุติไม่รู้เท่าไหร่ แม้แต่ราชันกึ่งระดับยังถูกเขาฆ่าทิ้งไม่น้อย
มาบัดนี้พลังปราณของเขาลึกล้ำและทรงพลังจวนสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิม ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มีหรือจะเห็นคนพวกนี้ในสายตา
สาเหตุที่เมื่อครู่ไม่ลงมือ เพราะเขาไม่คิดก่อความเคลื่อนไหวใหญ่โต หลีกเลี่ยงการดึงดูดผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ
แต่เห็นฝ่ายตรงข้ามลงมือเหี้ยมโหดหมายสังหารเขา มีหรือเขาจะยังกังวลอยู่อีก ย่อมต้องใช้วิธีที่แข็งกร้าวที่สุดในบัดดล!
ตูม!
พลังทั่วร่างหลินสวินดุจเปลวเพลิง ไต่ไปถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทุกการเคลื่อนไหวเปี่ยมอานุภาพทำลายล้างฟ้าดิน
นี่คืออานุภาพของมกุฎราชันระดับหยั่งสัจจะ กลืนกินภูผาธารา สามารถเหยียดหยันศัตรูทั้งมวลจากเบื้องสูง
แม้เป็นการต่อสู้ข้ามระดับ แต่มาดผยองไร้เทียมทานเช่นนั้นหาใช่สิ่งที่ใครๆ สามารถทำได้!
ฆ่า!
พริบตานั้นหลินสวินสำแดงประทับปี้อั้น เสียงตึงหนึ่งดังขึ้นก็ซัดมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งลอยละลิ่ว อัดจนกระดูกทั่วร่างแตกร้าวไม่รู้กี่ท่อน ส่งเสียงแตกดังกร๊อบๆ เลือดกลบจมูกปาก อเนจอนาถเหลือประมาณ
ดุดันเกินไปแล้ว!
เวลานี้เหล่าคนของสำนักมุกวิญญาณต่างตื่นตระหนก ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่ได้ประมาท มองหลินสวินเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว
มิฉะนั้นคงไม่เคลื่อนพลคนชั้นแนวหน้าของสำนักมากขนาดนี้ เพื่อจัดการเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะอย่างเขาคนเดียว
แต่ยามนี้พวกเขาถึงได้พบว่า พวกเขายังประเมินความน่ากลัวของเจ้าหนุ่มนี่ต่ำไป!
พลังต่อสู้พลิกฟ้า พลานุภาพร้ายกาจเช่นนั้น แม้ในหมู่ผู้กล้าแห่งยุคก็ยังเรียกได้ว่ายากพบเห็น
ถึงขั้นทำให้ผู้คนไม่อาจไม่สงสัย ว่าเด็กหนุ่มนี่อยู่เกินกว่าขอบเขตที่เรียกว่าผู้กล้าแห่งยุคนานแล้ว!
อย่างไรเสียแม้เหล่าผู้กล้าชั้นยอดปัจจุบันจะสามารถสังหารศัตรูข้ามระดับได้ แต่เมื่อเผชิญกับการโอบโจมตีของมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติจำนวนมากเช่นนี้ เกรงว่าก็คงยากพ้นหายนะ
แต่เด็กหนุ่มผู้เหมือนดั่งเทพมารกลับกำลังบุกจู่โจมอย่างกร้าวแกร่งท่ามกลางวงล้อม ซ้ำยังทำพวกเขาสองคนบาดเจ็บสาหัส นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ฮูหยินงามวัยกลางคนกรีดเสียงร้อง แส้ยาวสีม่วงของนางถูกหลินสวินคว้าแล้วกระชากดึงเต็มเหนี่ยว ลากนางเข้าไป
นางไม่ยอมปล่อยมือ แส้ยาวสีม่วงนี้คือสมบัติหายากชิ้นหนึ่ง ที่ผ่านมาถูกนางถนอมรักษาไม่นำออกมาใช้โดยง่าย
เปรี้ยง!
ก็เห็นชั่วขณะที่นางลังเล หลินสวินซัดฝ่ามือหนึ่งเข้าใส่ พลังฝ่ามือโหมสาดแสงศักดิ์สิทธิ์แรงกล้า ซัดนางลอยกระเด็นไปทั้งตัว เลือดไหลเจ็ดทวาร ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนโฉมหน้าแปรเปลี่ยนจากเค้าเดิม
ฟุ่บ!
แทบจะในเวลาเดียวกัน กระบี่วิญญาณทองอร่ามพุ่งสังหารมายังหลินสวิน อำมหิตเฉียบขาดหาใดเปรียบ
แต่ยังไม่ทันเข้าประชิด ก็เห็นดาบหักเจิดจ้าดุจหิมะพุ่งกระหวัดแผ่วเบา กระบี่วิญญาณสีทองพลันถูกผ่าออกเป็นสองท่อนดั่งเต้าหู้
เดิมทีหานเหยียนเชวียดุดันแข็งกร้าว หมายฉวยโอกาสตัดคอหลินสวินในคราเดียว แต่ตอนนี้กลับหวาดผวา ร้องตะโกนเสียงหลงขนลุกชันทั้งตัว
กระบี่วิญญาณของเขาถึงกับถูกทำลายง่ายดายเช่นนี้!
อันตรายถึงชีวิตทำให้หานเหยียนเชวียไม่อาจสนใจสิ่งอื่น เปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วหลบการตามโจมตีของหลินสวิน
ฉัวะ!
แต่ช้าไปก้าวหนึ่ง ดาบหักกวาดผ่านอากาศ แสงบริสุทธิ์ดุจหิมะมาพร้อมคมดาบไร้เทียมทาน เสียงฟุ่บหนึ่งดังขึ้นก็ทะลวงท้องของเขาเป็นรูโหว่ชุ่มเลือด โลหิตแดงสดสาดพรมดุจน้ำตก เกือบจะถูกฟันตัวขาด
“อ๊าก…”
หานเหยียนเชวียส่งเสียงร้องโหยหวนเล็กแหลม ซวนเซล่าถอยกลางอากาศ เขาเป็นถึงยอดมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติ กลับต้านการโจมตีเดียวไม่อยู่ ถึงขั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส
หากไม่ใช่พรรคพวกของเขาเข้าช่วยเหลือทันเวลา การจู่โจมนี้ก็พอจะปลิดชีพเขาแล้ว!
ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วประกายไฟกระทบหิน เร็วจนทำผู้คนลายตาพร่ามัว หากตอบสนองไม่ทันเพียงนิดอาจเกิดอันตรายถึงแก่ความตาย
ป่าเขาแถบนี้ถูกทำลายราบ ความบอบช้ำอาบธรณี กลิ่นอายต่อสู้และคาวเลือดตลบอบอวลชวนประหวั่น
ตูม!
สีหน้าหลินสวินนิ่งสงบ นัยน์ตาเยียบเย็นเปล่งประกาย พุ่งสังหารต่อเนื่อง เขาสุขุมเยือกเย็นแต่น่าหวาดกลัวนัก พลานุภาพแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม หมายมุ่งจบศึกอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น