Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 668-669
ตอนที่ 668 ทวนที่น่าตื่นตา
โดย
ProjectZyphon
“รนหาที่ตาย!”
หลินสวินออกตัวโจมตี ทำให้ฉินเสวียนตู้นิ่วหน้า รอบกายเขาสายฟ้าพลุ่งพล่าน กระแสไฟฟ้าแสบตาเจิดจ้ารวมตัวที่ฝ่ามือ จากนั้นก็สะบัดมือตบออกไป
อสนีกลางหัตถ์!
ชั่วพริบตานั้นราวกับมีอสนีเคราะห์ฟาดลงมาจากฟ้า นั่นเป็นพลังแห่งอสนี เต็มไปด้วยไอสังหารล้างโลก!
สายลับที่ซ่อนตัวในที่มืดทุกคนสะท้านขวัญแทบหายใจไม่ออก เพียงโจมตีง่ายๆ คราเดียวเท่านั้นกลับทำให้พวกเขาหวาดผวาจนขนลุกขนพองได้
“พี่เสวียนตู้โมโหแล้ว อย่าว่าแต่เด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนเดียวเลย ต่อให้เป็นมหายุทธ์ระดับเดียวกันมาสู้ก็ต้องถอยหนีไปไกล”
ผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งสายหน้าทอดถอนใจ
“ดูท่าไม่ถึงสามกระบวนท่า หรืออาจจะเพียงการโจมตีนี้ก็เอาชีวิตเจ้าเด็กนั่นได้แล้ว!”
มุมปากของผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติคนอื่นปรากฏความยินดี ‘อสนีกลางหัตถ์’ นี่เป็นถึงวิชาลับที่ตกทอดมาในตระกูลฉิน พลังสังหารไร้เทียมทาน
ความยินดีแล่นปราดเข้ามาในจิตใจฉินจื่อหมิง เมื่อครู่เขาแทบพังทลาย ละล้าละลังถึงที่สุด แต่ตอนนี้เมื่อเห็นหลินสวินกำลังจะได้รับโทษตายในที่สุด ในใจจะไม่ตื่นเต้นได้หรือ
“เอ๋!”
จ้าวไท่ไหลประหลาดใจ เหมือนพบอะไรเข้า
ในดวงตาจูเหล่าซานมีรังสีเย็นเยียบยิงพุ่งออกมา สีหน้าเหมือนเปลี่ยนไปบ้าง
“ไม่ใช่! ฉินเสวียนตู้มีอันตราย!”
ในขณะเดียวกัน จั่วเป่าอิ๋งก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง นัยน์ตาหดรัดลงโดยพลัน แต่เมื่อนางเอ่ยปากเตือนก็สายไปแล้ว
ตูม!
คมทวนสีเทาเข้มของอาสัญสลายพุ่งตรงออกมา เรียบง่ายถึงที่สุด ดูแล้วไม่มีอะไรพิเศษเลย
แต่พริบตาที่อสนีสายนั้นสัมผัสโดนคมทวนก็ระเบิดออกฉับพลัน กระแสไฟเส้นแล้วเส้นเล่าแตกกระสานซ่านเซ็น ไม่อาจต้านทานการโจมตีได้
นี่เป็นถึงอสนีกลางหัตถ์ วิชาลับของตระกูลฉิน เวลานี้กลับถูกทำลายราวเศษกระดาษ!
“นี่…”
เดิมฉินเสวียนตู้โอหังยิ่งนัก เต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเอง คิดว่าพลังระดับกระบวนแปรจุติของเขาสามารถบทขยี้ผู้มีระดับหยั่งสัจจะทั้งมวลโดยสมบูรณ์
แต่เวลานี้เขาไม่อาจสงบใจได้อีกแล้ว!
เงาร่างเขาพุ่งตรงไปราวสายฟ้า พริบตาก็ซัดอสนีบาตนับหมื่นพันออกมาจากฝ่ามือ กระบวนท่านั้นดุจสายฟ้าถาโถมลงมามืดฟ้ามัวดิน น่ากลัวถึงที่สุด
ชั่วขณะนั้นฟ้าดินเต็มไปเสียงอสนีบาตกัมปนาทจนหูแทบดับ สั่นสะท้านไปสี่ทิศแปดด้าน นี่ทำให้ทุกคนในบริเวณนั้นล้วนตื่นตระหนก การโจมตีนี้ของฉินเสวียนตู้ไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตเข้าแลก
นี่เพิ่งเริ่มประมือกันเองนะ เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ได้
เพียงแต่ไม่รอให้ฉินเสวียนตู้ได้หายใจหายคอ ก็เห็นว่าคมทวนสีเทาเล่มนั้นราวกับไม่ได้ถูกขัดขวางแต่อย่างใด พุ่งตรงโจมตีออกมา!
เปรี้ยง!
เมื่อคมทวนเคลื่อนผ่าน รอยฝ่ามืออสนีบาตลูกแล้วเล่าถูกแทงทะลุ โจมตีให้สลาย ไม่ก็แตกตัวพังทลายเป็นรัศมีสายฟ้ากระเซ็นกระสาย ระเบิดห้วงอากาศบริเวณใกล้เคียง
ฉินเสวียนตู้หน้าเปลี่ยนสีในทันใด ไม่อาจไม่หลีกหลบ เขาคาดไม่ถึง และถูกการโจมตีนี้เล่นงานโดยรับมือไม่ทัน
เพียงแต่ต่อให้เขาถอยออกมาเร็วแค่ไหนก็ไม่เท่าคมทวนนั้น นั่นช่างเหมือนประกาบคมกริบไร้เทียมทาน สามารถแทงทะลุสรรพสิ่ง ไม่พ่ายแพ้สิ่งใด!
ตาเห็นคมทวนกำลังจะมาถึงตัว ฉินเสวียนตู้เหมือนถูกยั่วโมโหโดยสมบูรณ์ เรียกบรรทัดทองเหลืองเล่มหนึ่งออกมาประจันหน้าคมทวน
นี่เป็นสมบัติโบราณชิ้นหนึ่ง ปกติไม่นำออกมาใช้ง่ายๆ แต่ตอนนี้กลับถูกเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะอย่างหลินสวินบีบให้ต้องเรียกออกมา นี่ทำให้ใบหน้าชราของฉินเสวียนตู้แขวนไว้ไม่อยู่ เปลี่ยนจากความอับอายกลายเป็นโมโห
ตูม!
ถึงกระนั้นภายใต้สายตาจับจ้องอย่างเหลือเชื่อทั่วบริเวณ คมทวนนั้นก็ทำให้บรรทัดทองเหลืองเล่มนั้นแหลกสลายทั้งอย่างนั้น!
ฉินเสวียนตู้ตกใจจนขนหัวลุก นี่เป็นถึงสมบัติโบราณที่เขารักที่สุดชิ้นหนึ่ง มาถูกทำลายเช่นนี้เสียแล้วหรือ
แต่ที่ทำให้เขาเบิกตากว้างจนแทบถลนก็คือ ด้วยการโจมตีนี้ เขาสกัดคมทวนที่แทงเข้ามาไม่ได้อีกแล้ว!
เสียงปึ้กดังขึ้น ทรวงอกของฉินเสวีนตู้พลันเกิดเสียงกระแทกดัง เสียดหูเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นเขาก็ถูกคมทวนนั้นซัดกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง
ทุกคนล้วนอึ้งอยู่เช่นนั้น ทั่บริเวณเงียบสนิท
ชั่วพริบตาก่อนหน้านี้ การต่อสู้เพิ่งเปิดฉาก
หลังจากนั้นชั่วพริบตา…
ฉินเสวียนตู้ก็แพ้แล้วหรือ
เร็วเกินไปแล้ว!
ก่อนหน้านี้ยังคาดเดากันอยู่เลยว่าหลินสวินจะปราชัยในกี่กระบวนท่า ต่างคิดว่าเขาไม่มีโอกาสชนะแต่อย่างใด
จะไปคิดได้อย่างไรว่าในชั่วพริบตาก็รู้แพ้รู้ชนะแล้ว เพียงแต่ผู้พ่ายแพ้กลับเป็นฉินเสวียนตู้ผู้เป็นถึงมหายุทธ์ยิ่งใหญ่ผู้นี้!
ทวนเดียว เขาก็รับไม่ไหวแล้ว!
นี่ทำให้ทุกคนงงงวย
กระทั่งว่าสายลับที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดล้วนคิดว่าตาฝาด ไม่ทันได้ดูต้นสายปลายเหตุ การประลองก็จบลงแล้ว
ลูกตาของฉินจื่อหมิงแทบหลุดออกจากเบ้า อ้าปากค้าง ท่าทางเหมือนเห็นผี
พวกจั่วเป่าอิ๋งต่างสับสนงงงวย หัวใจหดรัด เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ได้
ขนาดพวกหลินจงก็พากันตกตะลึง เดิมทีพวกเขาจิตใจตึงเครียด กังวลเป็นอย่างยิ่ง เตรียมการเข้าช่วยเหลือหลินสวินทุกเมื่อ
แต่ทวนที่น่าตื่นตาของหลินสวินนั้น กลับประหนึ่งสายฟ้าฟาด ทำให้พวกเขาแทบไม่อาจเชื่อได้
มีเพียงจ้าวไท่ไหลพึมพำว่า “ตามคาด เยียบย่างไปบนมกุฎมรรคาที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ดูท่าศุภโชคที่เจ้าหนูนี่ได้มาจากแดนลับอสูรมารอริยะจะน่าตกใจกว่าที่ลือกันเสียอีกนะ…”
เขาเองก็ไม่อาจสงบใจได้
ต่อให้ชั่วพริบตาที่หลินสวินลงมือนั้นจะทำให้เขาสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าเพียงการโจมตีเดียวจะทำให้ฉินเสวียนตู้ตั้งรับได้ยาก!
กลางอากาศ ห้วงอากาศยังคงมีเสียงกึกก้องยุ่งเหยิง ฝุ่นควันตลบเต็มฟ้า ฉินเสวียนตู้สีหน้าตกใจระคนโกรธจนหน้าบูดหน้าเขียว ลุกขึ้นยืนอยู่ก่อนแล้ว
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าบริเวณทรวงอกของเขาเสื้อผ้าถูกฉีกกระจุย เผยให้เห็นเกราะหัวใจอันหนึ่ง เพียงแต่ในชั่วขณะที่เขาลุกขึ้นนั้น เกราะหัวใจก็ระเบิดแหลกแตก ร่วงผล็อยหล่นลงมา
ทุกคนถึงตระหนักได้ว่า ที่ช่วยชีวิตฉินเสวียนตู้ไว้เมื่อครู่เป็นเกราะหัวใจนี้ หาไม่แล้วเกรงว่าการโจมตีนั้นของหลินสวินคงทะลวงหัวใจของเขาไปนานแล้ว!
ทั้งบริเวณล้วนพรั่นพรึง!
ก่อนหน้านี้ยามหลินสวินคุยโวว่าจะสู้กับมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติหกคนด้วยตัวคนเดียว ทุกคนต่างเห็นเป็นเรื่องตลก คิดว่าเขาไม่รู้ดีรู้ชั่ว กำเริบเสิบสานถึงที่สุด
แต่ตอนนี้เรื่องตลกนี้กลับดูไม่ตลกเลยสักนิด ไม่มีใครหัวเราะออก
ฉินเสวียนตู้ มหายุทธ์ทรงอิทธิพลที่มีชื่อเสียงมานานปีเช่นนี้ ภายใต้สถานการณ์ที่ราชันระดับหยั่งสัจจะไม่ปรากฏตัว แทบจะเรียกได้ว่าอยู่เหนือสุดปลายยอด
แต่ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้กลับถูกทวนเดียวซัดกระเด็น กระทั่งสามารถรักษาชีวิตไว้ได้เพราะอาศัยเกราะหัวใจบนหน้าอกช่วยไว้!
นี่น่าหวาดผวาไปแล้ว
เด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนเดียวเนี่ยนะ ต่อให้มีชุดศึกสลักวิญญาณที่สามารถต่อสู้ข้ามระดับได้ แต่ใครจะคาดคิดว่าเขาถึงกับกำราบฉินเสวียนตู้ได้ในการโจมตีเดียว
สายตาที่ทุกคนมองหลินสวินล้วนเปลี่ยนไปแล้ว
“ข้าชะล่าใจไปแล้วจริงๆ ไม่คิดว่าเจ้าจะต่างจากผู้กล้าทั่วไป แต่ว่า ตอนนี้ข้าจะไม่ให้โอกาสใดๆ กับเจ้าอีก!”
เสียงของฉินเสวียนตู้ลอดไรฟันออกมา แววตาเย็นเยียบโหดเหี้ยมถึงที่สุด ในใจเขาทั้งตกใจทั้งโกรธแค้นทั้งอับอาย ท่ามกลางสายตามากมายที่จับจ้องกลับเกิดเรื่องเช่นนี้ ต่อให้วันนี้ฆ่าหลินสวินได้ก็ยังทำให้เขาขายหน้า!
“เจ้าควรขอบคุณเกราะหัวใจชิ้นนั้น หาไม่แล้วเจ้าจะยังมีโอกาสมายืนคุยกับข้าได้อย่างไร”
หลินสวินพูดจบก็กระโดดตัดผ่านห้วงอากาศราวย่นย่อระยะทางให้สั้นเพียงชุ่น จากนั้นก็แกว่งทวนซัดโจมตีอีกครั้ง
ตูม!
ทั้งสองประลองกันเป็นครั้งที่สอง ครั้งนี้ฉินเสวียนตู้เตรียมพร้อม ถึงกับไม่ดูเบาแม้แต่น้อย ใช้พลังทั้งหมด ทั่วร่างมีสายอสนีไหลวน เปล่งประกายโชติช่วงถึงที่สุด ประหนึ่งเผชิญหน้าศัตรูตัวฉกาจ
แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ยามทั้งสองแยกออกจากกันอีกครั้ง ก็เห็นว่าเงาร่างของฉินเสวียนตู้ซวนเซ ถอยหลังออกไปสิบกว่าจั้งกลางอากาศดังตึงๆๆ ใบหน้าชราเขียวแล้วขาว ขาวแล้วเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ แดงก่ำแปรเปลี่ยนเป็นดำทะมึน สีหน้าไหววูบหลากหลายยิ่งนัก
หันกลับมาดูหลินสวิน อาภรณ์สีขาวพระจันทร์กระพือพัดเกิดเสียง ดวงตาสีดำราวสายฟ้า ท่วงท่าปลอดมลทิน ทวนเทาเข้มยิ่งเพิ่มรังสีไร้เทียมทานให้เขาขึ้นไปอีก
เฮือก!
ทั่วบริเวณฮือฮายิ่งนัก หากการปะทะกันรอบแรกฉินเสวียนตู้ชะล่าใจ เช่นนั้นการปะทะรอบที่สองก็ไม่อาจพูดได้ว่าโชคดีแล้ว
นี่ไม่ได้หมายความว่ายามหลินสวินเผชิญหน้ากับบุคคลระดับฉินเสวียนตู้นี้ แท้จริงได้เตรียมพลังเย้ยฟ้าที่สามารถบดขยี้ได้ไว้นานแล้วหรือ
สายลับที่อยู่ในมุมมืดล้วนจิตใจหวาดหวั่นสั่นระรัว เวลานี้พวกเขาถึงได้ค้นพบว่าทุกสิ่งที่พวกตนคาดเดาไว้ล้วนผิดหมด ผิดจนน่าขัน!
พวกเขาถึงกับสามารถคาดเดาได้ว่า ยามเหตุการณ์นี้ถูกผู้ฝึกปราณทั้งนครต้องห้ามล่วงรู้เข้า จะก่อให้เกิดคลื่นลูกมหึมา!
“เข้าไปพร้อมกัน!”
จั่วเป่าอิ๋งสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นดุดันโหดเหี้ยมแล้ว นางรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ไม่อาจมองหลินสวินเป็นคนรุ่นเด็กอีกแล้ว
หรือพูดอีกอย่างก็คือ นี่เป็นผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์ที่เรียกได้ว่าน่าหวาดหวั่นคนหนึ่ง พลังที่เขาครอบครอง สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติคนใดๆ ล้วนหน้าเปลี่ยนสี
สิ่งเดียวที่ทำให้นางใจชื้นก็คือ ครั้งนี้พวกเขาใช้มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติหกคน หาไม่แล้ว ไม่แน่ว่าวันนี้อาจจะทำอะไรหลินสวินไม่ได้จริงๆ!
“ฆ่า!”
เหล่ามหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติที่เย่อหยิ่งและเชื่อมั่นในตัวเองซึ่งเดิมสังเกตการณ์อยู่ด้านนอก เวลานี้ก็ไม่สนใจหน้าตาและศักดิ์ศรีใดๆ แล้ว ร่วมกันลงมือจากรอบทิศ
ตู้ม!
พริบตานั้นสภาพอากาศบนห้วงอากาศปั่นป่วน แสงเทพม้วนตลบ วิชาลับน่าหวาดหวั่นแผ่สยายพุ่งทะยาน สมบัติทรงพลังปล่อยแสงสมบัติสาดส่องท้องนภา
เวลานี้แม้แต่ผู้ฝึกปราณที่อยู่ใกล้เคียงก็ล้วนตกใจ สัตว์ประหลาดเฒ่าที่ครอบครองความยิ่งใหญ่แต่ละที่ในนครต้องห้ามพากันพุ่งจิตมาตรวจสอบเรื่องทางนี้
อย่างไรเสียการประลองระหว่างผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติกลุ่มหนึ่งกับเด็กหนุ่มผู้ประดุจเทพมาร ย่อมดึงดูดความเคลื่อนไหวใหญ่โตยิ่ง
ในนครต้องห้ามในอดีต น้อยนักที่จะเกิดการต่อสู้มาตรฐานสูงเช่นนี้กลางวันแสกๆ!
“ต่ำช้า!”
พวกหลินจงด่าทอด้วยความเดือดดาล หกรุมหนึ่ง อีกทั้งยังล้วนเป็นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติที่มีชื่อเสียงมายาวนาน กลับสู้กับหลินสวินคนเดียวโดยวไม่สนใจสิ่งใด ช่างหน้าไม่อายไปแล้ว
“เหอะๆ อย่างนี้ถึงจะดูออกว่าขีดจำกัดที่แท้จริงของเจ้าหนูนี่อยู่ตรงไหน”
จ้าวไท่ไหลหัวเราะ เขาดูคล้ายพึงพอใจกับภาพตรงหน้านี้ ดวงตาทั้งสองฉายแววคลุมเครือลึกลับ จับจ้องหลินสวินตั้งแต่เริ่มจนจบอย่างไม่วางตา ประหนึ่งหมายจะมองความลับทั้งหมดของหลินสวินให้ออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
เวลานี้อวิ๋นยงอ๋องจ้าวซวี่ก็ไม่อาจเป็น ‘สมณะเฒ่าเข้าฌาน’ ได้อีกแล้ว ดวงตาจับจ้องไปยังการต่อสู้ดุเดือดกลางอากาศ สีหน้าอ่านยากหาใดเทียบ
‘เด็กหนุ่มนั่น… ที่แท้ก็เป็นตัวร้ายกาจเย้ยฟ้าสินะ! ยังดีที่ครั้งนี้ไหวตัวเร็ว ไม่ได้ลงมือกับเขา หาไม่แล้ว…’
สายตาของเขามองดูจ้าวไท่ไหลที่อยู่ด้านหนึ่ง ‘หาไม่แล้ว ต่อให้ท่านผู้นี้ไม่แทรกแซง อาศัยพลังของข้า ก็เกรงว่าจะทำอะไรเด็กหนุ่มคนนั้นไม่ได้ ถึงกับจะถูกอีกฝ่ายเล่นงานเสียด้วย…’
จ้าวซวี่คิดถึงตรงนี้ ความขัดเคืองในใจก็มลายหายไป ถูกความขมขื่นเข้าแทนที่
พลังปราณของฉินเสวียนตู้เขารู้ดียิ่ง ถึงกับคิดใคร่ครวญว่าแม้เขาจะลงมืออย่างเต็มกำลัง ก็ทำได้เพียงเสมอกับฉินเสวียนตู้
เมื่อเปรียบเทียบเช่นนี้ ไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่าเขาสู้หลินสวินไม่ได้!
ทำให้เขาผู้เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ชนชั้นบรรดาศักดิ์ที่มีชื่อลือไปทั่วนครต้องห้ามผู้หนึ่งยอมรับข้อนี้ได้ เป็นเรื่องยากอย่างไม่ได้ต้องสงสัย แต่ความเป็นจริงก็โหดร้ายเช่นนี้ เขาจะไม่ยอมรับก็ไม่ได้!
ตอนที่ 669 เลือดหลั่งราวพิรุณ
โดย
ProjectZyphon
เหนือเวิ้งฟ้า การต่อสู้ดุเดือดกำลังเข้มข้น!
ในแต่ละที่ของนครต้องห้าม ไม่รู้ว่ามีสายตามากมายเพียงใดกำลังจับตาดูที่นี่ ด้วยถูกการประลองชั้นยอดดึงดูด
ชิ้ง!
คมทวนแกว่งไกว พลังมหาศาลพวยพุ่ง ตัวทวนสีเทาเข้มเคลื่อนไหวอย่างสง่างามราวมังกร ปราดเปรียวราวสายฟ้าฟาด ถูกหลินสวินโบกสะบัดอย่างอหังการ
แม้ถูกมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติหกคนล้อมโจมตี หลินสวินก็ไม่สะทกสะท้าน
ดวงตาสีดำของเขาสุขุมลุ่มลึกราวหุบเหว จิตต่อสู้ที่ประหนึ่งหินหนืดพลุ่งพล่านกำลังลุกโชนรางๆ อยู่ในส่วนลึกของนัยน์ตา
เหนือน่านฟ้า ก้าวย่างชือน้ำแข็งเสมือนภาพมายา ทำให้เงาร่างของเขาลอยละล่องตัดขาดจากธุลี ท่าทางเกรียงไกรราวขุนเขาธารา ความยโสโอหังแผ่พุ่งทั่วฟ้าดิน
วิชาอริยะยุทธ์และชุดศึกสลักวิญญาณหลอมรวมกับมกุฎมรรคาของหลินสวินอย่างสมบูรณ์ เวลานี้ถ้ำสวรรค์ในกายเขาส่งเสียงพวยพุ่งด้วยเมฆหมอก แสงมงคลราวพิรุณ แท่นมรรคเก่าแก่เรียบง่ายแท่นหนึ่งตั้งตระหง่าน โอบล้อมไปด้วยแสงสมบัติมหามรรค
แม้อยู่ในการต่อสู้ดุเดือด ทุกการเคลื่อนไหวของเขากลับประหนึ่งเต็มไปด้วยมรรค หมื่นลักษณ์ไร้รูป ประหนึ่งเซียนจุติ สง่างามเกินใครในโลกา
คู่ต่อสู้ของเขาพากันหน้าเปลี่ยนสีซ้ำแล้วซ้ำเล่า สีหน้ายิ่งหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ ยามต่อสู้กับหลินสวินเข้าจริงๆ พวกเขาถึงได้รับรู้ถึงความน่ากลัวของอีกฝ่าย!
พวกเขาล้วนไม่อาจจินตนาการได้ว่า เพียงแค่เด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่ง เหตุใดจึงครอบครองพลังเย้ยฟ้าเช่นนี้
“ฆ่า!”
ฉินเสวียนตู้ไม่มีท่าทางสง่างามราวเซียนอีกแม้แต่นิดเดียว สีหน้าเขาบูดบึ้ง ดวงตามีไฟโทสะ เทหมดหน้าตักเพื่อต่อสู้
อีกด้านหนึ่งจั่วเป่าอิ๋งเหยียบย่างอากาศ เสียงดังครั่นครืนราวฟ้าผ่า เงาร่างที่ดูอ้อนแอ้นระเบิดพลังแข็งแกร่งสะเทือนเลือนลั่นออกมา
นอกจากนี้ มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติอีกสี่คนก็ล้วนต่อสู้เต็มกำลัง ไม่มีใครกล้าออมมือ ทั้งไม่มีใครกล้าชะล่าใจสักคน
โครม!
ท้องฟ้าแถบนั้นราวถูกทำลาย เกิดเสียงกัมปนาทจนหูแทบดับ ทั้งคล้ายภูเขาใหญ่ลูกแล้วลูกเล่ากำลังชนกัน พาให้ฟ้าดินสั่นสะท้าน
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ใครเคยเห็นสัตว์ประหลาดเย้ยฟ้าเช่นเจ้ากล้าหลินบ้าง ตัวคนเดียวนะ แต่กลับสามารถข้ามระดับห้ำหั่นกับมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติหกคนได้!
“เรื่องนี้หากแพร่ออกไป แม้ว่าเจ้ากล้าหลินจะพ่ายแพ้ในที่สุด แต่อาศัยศึกนี้ก็สามารถทำให้เขาเป็นราชันในหมู่คนรุ่นเยาว์ เป็นยอดสุดแห่งรุ่น เหยียดหยันทุกคนในระดับปราณเดียวกัน!”
“มิน่าวันนี้เขาถึงกล้าท้าทายสองตระกูลฉินและจั่วอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ที่แท้เขาไม่ได้จองหอง แต่ไม่หวาดหวั่นเพราะมีของ!”
ในมุมมืด สายสืบที่มาจากขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ล้วนหวาดกลัว อารมณ์หวั่นไหว ไม่อาจสงบใจได้
ความสามารถที่หลินสวินแสดงออกมาทำให้พวกเขาล้วนรู้สึกทั้งสะพรึงกลัวและเลื่อมใส เย้ยฟ้าเกินไปแล้ว เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่หายากมาตั้งแต่โบราณกาล!
ฉินจื่อหมิงยิ่งขมขื่น หวาดผวาเสียขวัญ หรือว่าขนาดตระกูลจั่วและฉินร่วมมือกันยังทำอะไรเจ้าเด็กนี่ไม่ได้
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ภรรยาของเขาจ้าวอวิ๋นจือฟื้นจากการหมดสติ เพียงแต่เมื่อนางลุกขึ้น ก็ถูกอวิ๋นยงอ๋องจ้าวซวี่ตบจนสลบอีกครั้ง
ช่วยไม่ได้ จ้าวซวี่ไม่อยากให้บุตรสาวของตนก่อเรื่องวุ่นวายอีกแล้ว ตบให้นางสลบไปก็เป็นการปกป้องอย่างหนึ่ง…
“จูเหล่าซาน เจ้าคิดว่าตัวเจ้าเทียบกับนายน้อยแล้วจะเป็นอย่างไร” หลินจงพลันถาม
“สู้สักตาก็ได้อยู่ แต่ไม่มีโอกาสชนะ” จูเหล่าซานนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ถึงค่อยตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำหนาหยาบ
คำตอนนี้ทำให้หลินจง เสี่ยวเคอและหลินไหวหย่วนต่างรับรู้ได้ว่า บนภูเขาชำระจิตแต่ก่อน หากพูดถึงพลังต่อสู้ จูเหล่าซานอาจจะถือเป็นที่สุด กระทั่งหลินจง เสี่ยวเคอ หลินไหวหย่วนยังแข็งแกร่งกว่าหลินสวินอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้ ทุกอย่างนี้ล้วนเปลี่ยนไปแล้ว!
บนภูเขาชำระจิตในภายหน้า เมื่อพูดถึงพลังการต่อสู้ หลินสวินถือเป็นที่สุด!
นี่ย่อมทำให้ผู้อื่นทอดถอนใจ ในช่วงครึ่งปีที่หลินสวินหายตัวไป ได้พบกับประสบการณ์พิเศษอย่างไรกันแน่ ถึงได้เปลี่ยนแปลงราวพลิกฟ้าพลิกดินเช่นนี้
“ไม่แน่บางทีอาจมีเพียงคนเช่นนี้ถึงเข้าตาจิ่งเซวียนกระมัง…” จ้าวไท่ไหลพึมพำ เอ่ยวาจาประหลาดออกมา
แต่ประโยคนี้กลับถูกอวิ๋นยงอ๋องจ้าวซวี่ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินอย่างไม่ตกหล่นสักนิด ทำเอาเขาพลันสะดุ้ง ความคิดมากมายไหลหลั่งเข้ามาไม่หยุด หรือว่าองค์หญิงจิ่งเซวียนถูกใจเจ้าหนูนี่หรือ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จ้าวซวี่ก็ปวดหัวแล้ว!
จ้าวจิ่งเซวียน ฐานะในราชวงศ์เหนือธรรมดายิ่ง เป็นผู้กล้าหญิงที่สถานะไม่เป็นสองรองใคร ต่อให้เป็นจ้าวซวี่ได้พบนาง ก็ไม่กล้าอ้างความอาวุโส!
‘หากนี่เป็นเรื่องจริง ตระกูลจั่ว ตระกูลฉิน… คราวนี้ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว…’ เขาตกอยู่ในภวังค์
ตูม!
ทันใดนั้นเหนือเวิ้งนภาเกิดคลื่นพลังน่าหวาดหวั่นขึ้น พลันดึงดูดความสนใจของทุกคนในที่นั้น
ก็เห็นว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่จั่วเป่าอิ๋งเรียกร่มหยกขาวบริสุทธิ์คันหนึ่งออกมาเขย่าเบาๆ สาดซัดเมฆหมอกราวเส้นไหมพันพัวนับไม่ถ้วนออกมา เหมือนหมอกฝนหนาแน่น
ชั่วขณะนั้น รอบกายหลินสวินหลายจั้งล้วนถูกเส้นไหมนับไม่ถ้วนปิดผนึก เส้นไหมเหล่านี้เปล่งประกายโปร่งแสง ขาวสะอาดคลุมเครือ ดูเหมือนสลัดพ้นได้ง่าย แต่เมื่อขาดแล้วก็จะก่อตัวเป็นรูปร่างใหม่ รัดพันไม่สิ้นสุด ไหลออกมาไม่ขาดสาย
ไม่ว่าเจ้าจะมีพลังมากมายเพียงไหนก็จะถูกผูกมัดอยู่ในนั้น!
นี่เป็นสมบัติโบราณที่ลี้ลับเหนือธรรมดาชิ้นหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นอาวุธสำคัญชิ้นหนึ่งของตระกูลจั่ว มีชื่อเสียงยิ่งนักในนครต้องห้าม ไม่เอามาใช้ง่ายๆ ตามอำเภอใจ
แต่ใครก็ไม่คาดว่าสมบัตินี้กลับถูกจั่วเป่าอิ๋งเรียกออกมา อีกทั้งยังเพื่อใช้ต่อกรกับหลินสวิน!
ชั่วขณะทั้งที่นั้นล้วนตาเบิกกว้าง หลินสวินจะต่อต้านสมบัตินี้อย่างไร
สวบ!
ก็ในตอนนี้เอง เหนือศีรษะของหลินสวินปรากฎเจดีย์สมบัติสีทองเจิดจ้าองค์หนึ่ง เมื่อหมุนคว้างก็เปล่งแสงสีทองออกมา
ฮูม!
พื้นที่ในรัศมีหลายจั้ง เส้นไหมเต็มฟ้าที่พัวพันราวไม่มีที่สิ้นสุดพวกนั้น พลันถูกแสงทองกวาดจนสิ้นในครั้งเดียว ม้วนกลืนจนว่างเปล่า
ภาพนั้นก็เหมือนวาฬกลืนน้ำ ง่ายดายเป็นธรรมชาติ
ถูกทำลายเช่นนี้หรือ
ทั้งที่นั้นตื่นตะลึง
ขนาดจั่วเป่าอิ๋งยังหน้าเปลี่ยนสีเกือบร้องเสียงหลง เป็นไปได้อย่างไร เจดีย์สมบัติองค์นั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ ถึงได้น่ากลัวปานนี้
ฟุ่บ!
น่าเสียดาย ทุกคนยังไม่ทันได้ตรวจสอบ หลินสวินก็เก็บเจดีย์สมบัติเข้าไปก่อนแล้ว จากนั้นก็สะบัดทวนยาวเข้าสังหาร
“แย่ล่ะ!”
จั่วเป่าอิ๋งกำลังจิตใจหวาดหวั่น จะไปคิดได้อย่างไรว่าหลินสวินเข้าโจมตีแล้ว พลันรับรู้ได้ว่าไม่เข้าที รีบร้อนหลบหนี
ฉึก!
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ไหล่นางก็ยังถูกแทงทะลุดังเดิม กล้ามเนื้อและกระดูกแหลกสลาย ทำให้นางร้องเสียงแหลมด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าพริ้งเพราเหยเก
เพียงแต่แม้หลบออกไปได้ แต่ยังไม่ทันที่นางจะยืนอย่างมั่นคง ก็รู้สึกแข็งทื่อไปทั้งตัวประหนึ่งถูกพลังไร้รูปผนึก เงาร่างเชื่องช้าลง ทำให้นางถึงกับไม่มีแรงสลัดพ้น
โครม!
แทบจะในเวลาเดียวกัน รอยฝ่ามือโบราณเจิดจ้ารอยหนึ่งกดลงมาจากเหนือศีรษะ บังเกิดเงามายาปี้อั้น ในช่วงที่จั่วเป่าอิ๋งไม่ทันตั้งรับก็กดทับลงบนร่างของนาง
ชั่วพริบตา ภายใต้สายตาตื่นตะลึงมากมาย ร่างของจั่วเป่าอิ๋งระเบิดกระจุย เลือดเนื้อปลิวว่อนร่วงหล่น ย้อมห้วงอากาศให้เป็นสีแดงฉานบาดตา นองเลือดถึงที่สุด
มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติผู้หนึ่ง กลับถูกประทับฝ่ามือหนึ่งตบจนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่ว่าใครได้เห็น เกรงแต่ว่าจะหวาดกลัวจนขนหัวลุก
นี่ก็คืออานุภาพอันน่าพรั่นพรึงที่เกิดขึ้นจากการผสานรวมระหว่างร่างที่สี่ ‘ผนึกป้าเซี่ย’ และร่างที่สาม ‘ประทับปี้อั้น’ ของมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร หลินสวินคว้าโอกาสนี้โจมตีปลิดชีพจั่วเป่าอิ๋ง สร้างแรงสะเทือนขวัญไปทั่วบริเวณ!
“ไม่…!”
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ได้”
“ไอ้สารเลว!”
ฉินเสวียนตู้และเหล่ามหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติคนอื่นล้วนได้รับการกระทบกระเทือนจนหน้าเปลี่ยนสียิ่ง คำรามกึกก้องด้วยความโกรธระคนตื่นตระหนก สะเทือนฟ้าดิน
ภายใต้การล้อมโจมตี หลินสวินยังสามารถโจมตีสังหารได้หนึ่งคน นี่ทำให้พวกเขาไม่อาจยอมรับได้!
แต่สำหรับหลินสวินแล้ว ความตายของจั่วเป่าอิ๋งเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
วันนี้ เขาจะใช้ชีวิตของมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติหกคน ประกาศแก่ใต้หล้าว่าตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตของเขา ไม่อาจล่วงเกินได้โดยง่าย!
ฆ่า!
บนเวิ้งฟ้า การต่อสู้ดุเดือดยิ่งโหดเหี้ยมขึ้นแล้ว
……
สายสืบในมุมมืดต่างอึ้งงันแล้ว หลินสวินสามารถต่อต้านมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติหกคนด้วยตัวคนเดียว ก็ทำให้พวกเขาแทบยากยอมรับ
แต่ตอนนี้ หลินสวินสังหารไปหนึ่งคนอย่างแข็งกร้าวระหว่างถูกล้อมโจมตี นี่ยิ่งน่าตกใจเมื่อได้ยินเข้าไปอีก
ไม่น่าเชื่อเกินไปแล้ว!
ฝีมือของหลินสวิน ล้มล้างความรู้ทั้งหมดในอดีตของพวกเขาโดยสิ้นเชิง
“นายน้อย… นายน้อยท่าน… แข็งแกร่งนัก!”
หลินจงเก็บกลั้นอารมณ์อยู่นาน ถึงได้พูดแต่ละคำออกมาอย่างติดๆ ขัดๆ แต่ความหวั่นไหวของเขาไม่อาจปิดบังได้ หรือควรพูดว่า เขาหวั่นไหวจนหาถ้อยคำที่มากมายกว่านี้มาบรรยายไม่ได้แล้ว
พวกเสี่ยวเคอ จูเหล่าซานที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน หลินสวินในตอนนี้ช่างเหมือนเทพมารที่ไม่มีศึกใดไม่กำชัย!
มีเพียงจ้าวไท่ไหลที่เลิกคิ้วแล้วพึมพำว่า “ก็ไม่รู้ว่าหากไม่มีชุดศึกสลักวิญญาณช่วยเสริม เจ้าหนูนี่จะปลิดชีพผู้หญิงคนนั้นอย่างง่ายดายได้หรือไม่…”
‘หากเด็กนี่ไม่ตาย การที่ตระกูลหลินจะกลับขึ้นมาอยู่ในหมู่ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอีกครั้ง ก็นับวันรอได้เลย!’ อวิ๋นยงอ๋องจ้าวซวี่ทอดถอนใจ ความรู้สึกยิ่งซับซ้อนขึ้นแล้ว
ตุ้บ! ฉินจื่อหมิงที่อยู่อีกด้านคุกเข่ากับพื้น เหม่อลอยเป็นรูปปั้นดินเหนียว ท่าทางเศร้าศร้อยเหมือนสูญเสียบิดามารดา ถูกกระทบกระเทือนอย่างยิ่ง ขวัญเสียไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
……
เหนือเวิ้งฟ้า ฝนโลหิตซัดสาด เสียงคำรามเดือดดาลไม่ว่างเว้น เสียงร้องโหยหวนเจ็บปวดก็ดังขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า
ที่นั่นประหนึ่งกลายเป็นเวทีสังหารของหลินสวินเพียงผู้เดียว เขาหนึ่งคนหนึ่งทวนเคลื่อนกายไปทั่ว เข้าต่อสู้อย่างดุดัน
ฉัวะ!
ไม่นานนัก มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติอีกคนหนึ่งก็พบเคราะห์ ถูกทวนตัดศีรษะปลิวลอย ศพไร้หัวตกจากเวิ้งฟ้ากระแทกลงพื้น สภาพการตายน่าหดหู่
โครม!
ไม่นานนัก เสียงกระแทกครึกโครมน่าหวาดหวั่นระลอกหนึ่งก็ดังขึ้น
คราวนี้หลินสวินถูกประกบโจมตี แผ่นหลังถูกฟันออกเป็นรอยแผลเลือดไหลรินแผลหนึ่ง เกือบบาดเจ็บถึงอวัยวะภายใน
แต่ในเวลาเดียวกันมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติสองคนที่ประกบโจมตีเขา ก็ถูกทวนที่เขาวาดออกไปตามแนวราบตัดเอวขาด ตายอนาถกลางอากาศ
ทั่วบริเวณเงียบเชียบไร้เสียงนานแล้ว หวาดหวั่นจนไร้คำพูด เพียงเหม่อมองที่เวิ้งฟ้า มองดูเด็กหนุ่มที่โรมรันอาบเลือดราวเทพมารผู้นั้น
ทวนในมือเขาเล่มนั้น ไม่เพียงดื่มเลือด ยังปลิดชีพด้วย!
เวลานี้ ความหวาดหวั่นและถ้อยคำมากมายกว่านี้ก็ล้วนดูซีดจางแล้ว เพราะการสังหารหมู่ยังดำเนินต่อไป ภาพโหดเหี้ยมและนองเลือดได้ฉายมาถึงช่วงเวลาที่ใกล้จะรู้ผลแพ้ชนะแล้ว
ฉึก!
มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติอีกคนตายแล้ว เดิมเขากำลังจะหนี เห็นได้ชัดว่ารู้สึกกลัวแล้ว ไม่กล้าสู้ต่อแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังถูกหลินสวินใช้ทวนแทงทะลุหน้าผาก คับแค้นใจอยู่ระหว่างทางหนีตายที่ห่างออกไปหลายพันจั้ง
ต่อให้เขาไวกว่านี้ แต่จะเร็วกว่าก้าวย่างชือน้ำแข็งได้อย่างไร
อีกทั้ง วันนี้หลินสวินก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ให้ใครได้หนีไป!
เวลานี้ก็เหลือเพียงฉินเสวียนตู้
มหายุทธ์ที่สง่างามราวเซียน โดดเด่นเหนือฝูงชนผู้นี้ เวลานี้กลับมีท่าทางหวั่นวิตกไม่มีทางสู้ ขุ่นเคืองโกรธแค้น
ไม่เหลือสง่าราศี!
เขาไม่กล้าหนี เพราะเขารู้ว่าหนีไปก็ไร้ประโยชน์ แต่หากไม่หนี เขาก็รู้ว่าตนเพียงคนเดียวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินสวินแม้แน้อย
สถานการณ์สิ้นหวังไร้ทางสู้เช่นนี้ บีบคั้นจนเขาแทบเสียสติ!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น