Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 658-659

 ตอนที่ 658 คลื่นลมเคลื่อนทั่วสารทิศ

โดย

ProjectZyphon

หลังจากครึ่งปี หลินสวินที่ขุมอำนาจมากมายแห่งนครต้องห้ามคิดว่าตายไปนานแล้วหวนคืนสู่นครต้องห้าม เปิดฉากสะสางบัญชีครั้งใหญ่วันนั้น


ค่ำคืนนี้ ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต่างจากแต่ก่อน และเห็นได้ว่าเนิ่นนานเป็นพิเศษ


ราตรีกาลนี้ หลินสวินตัวคนเดียวฟาดฟันคนใหญ่คนโตชั้นสูงจำนวนหนึ่งของสามตระกูลรองธารประจิม คานเมฆา ยอดวายุ หลังจากหลินซีซีมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติถูกเอาชนะ ม่านการสะสางบัญชีนี้ก็ถูกเปิดออก


ยามรุ่งสางอรุณแจ้ง บนภูเขาชำระจิต


พวกหลินจง เสี่ยวเคอ จูเหล่าซาน รวมถึงหลินไหว่หยวนออกทำการเคลื่อนไหวฉับไว ส่งตัวกำลังคนทั้งหมดรับช่วงดูแลกิจการและอำนาจทั้งหมดที่สามตระกูลรองควบคุม


เสมือนสับเปลี่ยนอำนาจเก่าใหม่ ด้วยมีฉากสังหารนองเลือดของหลินสวินเป็นการข่มขวัญ ปฏิบัติการนี้จึงดำเนินไปอย่างราบรื่นยิ่ง เป็นไปตามระเบียบแบบแผน ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ประสบอุปสรรคอันใด


คนในสามตระกูลรอง ธารประจิม คานเมฆา ยอดวายุ ทั้งหมดต่างตื่นตระหนก โศกเศร้า ไม่พอใจ และถูกบังคับให้ต้องยอมรับทุกอย่างนี้ ไม่มีใครกล้าต่อต้านและไม่ให้ความร่วมมืออีก


พวกเขายอมอยู่ใต้อาณัติ นี่ก็คือค่าตอบแทนที่ผู้สวามิภักดิ์ต้องจ่าย บางทีพวกเขาอาจไม่สามารถเข้าใจและยอมรับได้อย่างสิ้นเชิงชั่วคราว แต่ทั้งหมดนี้ล้วนกำลังเกิดขึ้น อิทธิพลยิ่งใหญ่ไม่อาจฝืน!


นับจากค่ำคืนนี้ ตระกูลหลินซึ่งแตกแยกเพราะเหตุการณ์นองเลือดเมื่อสิบกว่าปีก่อน จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวในที่สุด


หลังจากนี้จะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าตระกูลหลินแห่ง ‘ธารประจิม คานเมฆา ยอดวายุ แสงอุดร’ อีก ทั้งหมดล้วนถูกกลืนสู่ ‘ตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิต’!



กลางดึกคืนเดียวกัน ณ ตระกูลฉือ


เสียงกระดิ่งลมใสไพเราะเพราะพริ้งดังขึ้นพักหนึ่ง ทำให้ฉือฉางเหมยซึ่งนั่งสมาธิในบ่อน้ำพุร้อนตกใจตื่น


คิ้วพาดเฉียงดุจดาบของนางพลันขมวด ปกติเวลานางปิดด่านน้อยคนนักจะกล้ามารบกวนนาง


เห็นได้ว่าราตรีนี้ต้องมีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นแน่


ลองคิดดูแล้วนางจึงหยัดกายจากบ่อน้ำพุร้อน การเคลื่อนไหวแคล่วคล่องเป็นธรรมชาติ ขณะนี้นางร่างไร้ไหมถักทอ เผยผิวขาวดุจหิมะที่มีเนินเนื้ออวบอิ่มและเรียวขายาวดั่งหยกคู่หนึ่ง ปล่อยให้หยาดน้ำอุ่นกลิ้งร่วงลงจากตัว


ที่นี่คือสถานที่ปิดด่านฝึกสมาธิของนาง อยู่คนเดียวโดยตลอด จึงคุ้นเคยกับการกระทำเช่นนี้มานานแล้ว


“เกิดเรื่องอันใดขึ้น”


ยามหญิงรับใช้เข้ามา ฉือฉางเหมยได้ห่อหุ้มตัวด้วยชุดคลุมอาบน้ำและนั่งอยู่ริมบ่อน้ำพุร้อนแล้ว ผมดำขลับยาวสลวยทั้งศีรษะแผ่สยาย สีหน้าเคลือบแฝงความเกียจคร้านวูบหนึ่ง


“คุณหนู เมื่อครู่มีข่าวส่งมา ตระกูลหลินแห่งธารประจิมเกิดการต่อสู้น่าอนาถ ตามที่หน่วยสอดแนมรายงาน ยามนั้นกลุ่มคนชั้นแนวหน้าของสามตระกูลรองแห่งตระกูลหลิน ธารประจิม คานเมฆา ยอดวายุต่างรวมตัวอยู่ที่นั่น เกือบทั้งหมดสิ้นชีพในการต่อสู้น่าสังเวชนี้”


“อะไรนะ”


ฉือฉางเหมยนัยน์ตาหดรัดทันใด


ช่วงก่อนหน้านี้ นางคร้านจะใส่ใจขุมอำนาจสามตระกูลรองของตระกูลหลิน ถึงอย่างไรเป็นแค่ขุมกำลังเล็กๆ เทียบไม่ได้แม้แต่ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นล่าง


ทว่าตั้งแต่หลินสวินยิ่งใหญ่ขึ้นในนครต้องห้าม ฉือฉางเหมยจึงได้สนใจตระกูลหลินขึ้นมา


“ใครเป็นคนทำ”


ฉือฉางเหมยไม่เข้าใจอยู่บ้าง เท่าที่นางรู้ ครึ่งปีมานี้หลังจากหลินสวินถูกยืนยันว่าเสียชีวิตในส่วนลึกทะเลกลืนวิญญาณไปนานแล้ว สามตระกูลรองแห่งตระกูลหลินซึ่งได้รับการสนับสนุนจากตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงจั่วและฉินก็ไม่เกรงกลัวสิ่งใดยิ่งกว่าเดิม


ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คืนนี้กลับเกิดเรื่องน่าอนาถเช่นนี้ขึ้น นี่เห็นได้ชัดว่าผิดปกติเกินไปแล้ว


“ตามข่าวแจ้งว่าหลินสวินเป็นคนทำทั้งหมดนี้”


หญิงรับใช้ตอบอย่างรวดเร็ว


“หลินสวิน?”


ฉือฉางเหมยตื่นตระหนกหยัดตัวขึ้นมา ความเกียจคร้านที่เจืออยู่จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย เปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ “เรื่องนี้เป็นจริงรึ”


นางดูสูญเสียการควบคุมอยู่บ้าง น้ำเสียงย้อนถามแฝงการซักไซ้เคร่งขรึม


หญิงรับใช้พลันร่างแข็งทื่อ ตกใจจนรีบรนกล่าว “เป็นข่าวที่หน่วยสอดแนมของเราส่งกลับมาเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่อาจตัดสินชี้ชัดว่าจริงหรือเท็จ”


“คนตายคนหนึ่งทำไมจู่ๆ ถึงปรากฏตัวได้ ซ้ำยังสังหารพวกคนชั้นแนวหน้าของสามตระกูลรองด้วยตัวคนเดียว ฝีมือเหี้ยมโหดอำมหิตจริงๆ…”


ฉือฉางเหมยตกตะลึงถึงที่สุด


แต่เมื่อลองคิดอย่างถี่ถ้วน ตามที่นางรู้จักหลินสวิน รูปแบบการกระทำเช่นนี้คล้ายเขายิ่งนัก กระทำการอันธพาลไม่หวาดกลัวสิ่งใดเหมือนกัน ยามป่าเถื่อนขึ้นมายังกล้าบีบบังคับให้หลิงเทียนโหวคุกเข่าต่อหน้าธารกำนัล


“หรือจะเป็นเขากลับมาจริงๆ”


จู่ๆ ในใจฉือฉางเหมยพลันหนักอึ้ง ยามรู้ข่าวว่าหลินสวินตายจากไป นางก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก สบายใจหาใดเปรียบ แค่คิดก็รู้แล้วว่าก่อนหน้านี้หลินสวินมอบความกดดันแก่นางมากเพียงใด


แต่ไม่คาดคิด เจ้าคนป่าเถื่อนพรรค์นี้กลับเป็นไปได้ว่ายังไม่ตาย!


ถัดจากนั้นเสียงกระดิ่งใสเพราะพริ้งดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงรับใช้คนแล้วคนเล่ารีบเร่งมารายงาน


“คุณหนู หน่วยสอดแนมแจ้งข่าวกลับมา วันนี้หัวหน้าทหารยามหูจิ่วอีที่เฝ้าประตูเมือง เห็นกับตาว่าหลินสวินมีชีวิตรอดและหวนกลับมานครต้องห้าม”


“คุณหนู ได้รับการยืนยันแล้วว่ายามสายัณห์วันนี้ หลินสวินไปเยือนตระกูลหลินแห่งธารประจิมตัวคนเดียว และสังหารบุคคลชั้นแนวหน้าของสามตระกูลรองลงตรงนั้น!”


“คุณหนู มีข่าวใหม่ส่งมา ได้รับการยืนยันแล้วว่ามหายุทธ์หลินซีซีพ่ายแพ้ต่อหลินสวิน คืนนี้สามตระกูลรองสวามิภักดิ์ต่อตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตอย่างเป็นทางการ!”


แรกเริ่มยามได้ยินข่าวสาร ฉือฉางเหมยยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่จากที่ข่าวส่งกลับมามากขึ้นเรื่อยๆ นางก็นิ่งอึ้งตะลึงงัน


นางไม่อาจจินตนาการ คนๆ หนึ่งที่ถูกยืนยันว่าตายไปแล้ว จะมีชีวิตรอดกลับมาได้อย่างไร อีกทั้งวันแรกที่หวนคืนก็ยกดาบเพชฌฆาตสังหารคนในสามตระกูลรองของตระกูลหลิน!


ที่ทำให้ฉือฉางเหมยหนาวเหน็บในใจที่สุดคือ ในหมู่บุคคลชั้นแนวหน้าของตระกูลรองแห่งตระกูลหลิน ไม่ขาดแคลนผู้อยู่ในระดับหยั่งสัจจะ แต่ทั้งหมดกลับถูกหลินสวินคนเดียวเอาชนะ!


นี่หมายความว่าหลินสวินผู้ที่ครึ่งปีก่อนยังเป็นระดับมหาสมุทรวิญญาณ มาวันนี้ได้ก้าวเข้าสู่ระดับหยั่งสัจจะ อีกทั้งความแข็งแกร่งด้านพลังต่อสู้ยังอยู่เหนือผู้แข็งแกร่งรุ่นอาวุโสโดยสมบูรณ์ไม่ใช่หรือ


และเมื่อรู้ว่าแม้แต่หลินซีซีมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติยังถูกหลินสวินเอาชนะ ฉือฉางเหมยก็นั่งไม่ติดอย่างสิ้นเชิง ตระหนกจนม่านตาหดรัด จิตใจแทบสูญเสียการควบคุม!


คนตายคนหนึ่งกลับรอดชีวิตและมาปรากฏตัว ซ้ำศักยภาพยังเปลี่ยนเป็นน่าหวาดกลัวหาใดเปรียบ มีความสามารถเอาชนะมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติ นี่มัน…


เห็นได้ว่าสะเทือนใต้หล้ามากเกินไป!


“หากเป็นเขาจริง เช่นนั้นเกรงว่านครต้องห้ามนี้จะต้องเกิดคลื่นลมมรสุมลูกใหญ่ที่ไม่อาจคาดเดาอีกแน่…”


เนิ่นนานกว่าฉือฉางเหมยจะบ่นพึมพำออกมา


นางรู้ดีว่าในครึ่งปีนี้ ตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตพบเจอการกดขี่มากระดับไหน เรียกได้ว่าหน้าสิ่วหน้าขวาน ศึกนอกศึกใน สถานการณ์ยากแค้นหาใดเปรียบ


ทุกคนในนครต้องห้ามต่างคิดว่าตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตต้องยากหลบหนีหายนะนี้ เป็นไปได้ยิ่งว่าจะถูกลบชื่อออกเพียงเท่านี้ ก่อนถูกขุมอำนาจอื่นเข้ามาแทนที่!


ใครเล่าจะคาดคิด ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เด็กหนุ่มซึ่งเคยมีชื่อเสียงขจรทั่วนครต้องห้ามและถูกจับตามองอย่างที่สุด ผู้นำภูเขาชำระจิตที่เป็นถึงปฐมาจารย์สลักวิญญาณผู้โดดเด่นคนนั้น จะกลับมาอย่างคาดไม่ถึง


นครต้องห้ามคงโกลาหลแล้ว!



ราตรีนี้ขุมอำนาจเกือบทั้งหมดในนครต้องห้ามต่างถูกทยอยทำให้ตกใจตื่นอย่างต่อเนื่อง ถูกทำให้ตื่นตระหนกจากการหลับใหลด้วยข่าวด่วนมากมาย


เมื่อข่าวสารมากขึ้นเรื่อยๆ และหลักฐานมารวมกันถึงมือพวกเขา ทั่วทั้งนครต้องห้ามล้วนสั่นสะเทือน


“เจ้าหมอนั่น… นึกไม่ถึงว่ายังมีชีวิตอยู่”


นี่คือข่าวที่แต่ละขุมอำนาจรู้สึกยากจะเชื่อ


“น่าจะเป็นเจ้าเด็กนั่นแหละ มีเพียงเขาที่เป็นพวกโหดร้ายป่าเถื่อนเยี่ยงนี้ จึงกล้าไม่สนชื่อเสีย ‘สังหารเครือญาติ’ บุกตะลุยเดี่ยวเข้าสังหารคนตระกูลรองของตระกูลหลินพวกนั้น!”


มีคนทำการสันนิษฐาน


“เป็นไปไม่ได้! เขาที่ครึ่งปีก่อนเป็นแค่ผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณ มาตอนนี้ถึงแม้ยังมีชีวิต แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะมากมายขนาดนั้นด้วยตัวคนเดียว! ที่เหลวไหลที่สุดคือ ข่าวถึงขั้นบอกว่าหลินซีซีมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติยังถูกเด็กนี่เอาชนะ นี่มันโคตรพูดมั่วเกินไปแล้ว พวกมั่วซั่วเท่านั้นแหละถึงจะเชื่อคำพูดซี้ซั้วนี่!”


และมีคนมากมายไม่เชื่อ จากที่พวกเขารู้ หลินสวินเมื่อครึ่งปีก่อนถึงแม้จะเจิดจรัส แต่ท้ายที่สุดก็แค่ผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณคนหนึ่ง ศักยภาพส่วนตัวไม่นับเป็นภัยคุกคามอะไร สิ่งที่ทำให้เขามีชื่อเสียงจริงๆ ก็แค่ฐานะ ‘เด็กหนุ่มปฐมาจารย์สลักวิญญาณ’ เท่านั้น


แต่ยามนี้ข่าวกลับบอกว่า เด็กหนุ่มคนนี้สังหารจนมหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะกลุ่มหนึ่งปลิดปลิวราวบุปผาร่วงลงสายน้ำไหล แม้แต่มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา นี่มันเห็นได้ชัดว่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว เปลี่ยนเป็นคนอื่นเกรงว่ายังล้วนไม่อาจเชื่อในทันที


“ข่าวไม่มีทางเป็นเท็จ แต่การเคลื่อนไหวล้างแค้นของเขาคืนนี้ บางทีอาจไม่เหมือนดังข่าวสารที่ว่าเขาทำด้วยตัวคนเดียว เบื้องหลังอาจมีคนใหญ่คนโตที่แท้จริงหนุนหลังเขาอยู่!”


ขุมอำนาจมากมายวิเคราะห์ในตอนท้ายสุด คิดว่าคำอธิบายเช่นนี้จึงจะสมเหตุสมผล หากกล่าวว่าอาศัยหลินสวินเพียงคนเดียว ก็สามารถบดขยี้ธรณีประตูสามตระกูลรองของตระกูลหลินจนบี้แบน ทำให้ระดับกระบวนแปรจุติก้มหัวสวามิภักดิ์ พวกเขาคงไม่อาจเชื่อและยอมรับ


“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ที่สามารถยืนยันได้คือเจ้าเด็กนี่น่าจะมีชีวิตรอดกลับมาจริง…”


ราตรีนี้คนใหญ่คนโตนับไม่ถ้วนถูกทำให้ตื่น นครต้องห้ามยามดึกยิ่งเต็มไปด้วยสายสืบเหลือคณานับ ออกสืบเสาะซักถามข่าวเกี่ยวกับตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตดั่งกระแสวารี ตามหาความจริงของเบื้องหลังทุกประการ


ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะ… หลินสวินกลับมาแล้ว!


ครึ่งปีก่อนเด็กหนุ่มคนนี้ผงาดในนครต้องห้ามอย่างกร้าวแกร่ง สรรสร้างเหตุการณ์เคียงตำนานเรื่องแล้วเรื่องเล่า ประดุจปีศาจไร้เทียมทานตนหนึ่ง ชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วอยู่ก่อนแล้ว ถูกคนใหญ่คนโตจากขุมอำนาจใหญ่ๆ นับไม่ถ้วนจดจำ


เมื่อทราบข่าวการตายของเขา มีทั้งคนเป็นสุขบนทุกข์ของผู้อื่น และมีคนทอดถอนใจด้วยเสียดาย


เพียงแต่ใครต่างก็ไม่คาดคิด ว่าเขายังมีชีวิตอยู่!


…..


ณ ตระกูลจั่ว


ในฐานะที่เป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง ค่ำคืนนี้ก็ถูกทำให้ตกใจตื่นเช่นเดียวกัน โคมตะเกียงจุดสว่าง เปิดประชุมเป็นการเร่งด่วน


ณ ตระกูลฉิน


สถานการณ์ก็คล้ายคลึงตระกูลจั่ว บุคคลชั้นแนวหน้าแต่ละคนถูกเรียกระดมพลจากทุกแห่งหน รวมตัวกันถกเถียงปรึกษาแผนการรับมือ


ในครึ่งปีนี้ ผู้ที่กดขี่ตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตบ่อยที่สุดอาจเป็นสามตระกูลรองของตระกูลหลินนั่น แต่ทุกคนต่างรู้ว่าที่สามตระกูลรองไม่เกรงกลัวสิ่งใดเช่นนี้ เป็นเพราะเบื้องหลังพวกเขามีตระกูลจั่วและตระกูลฉินอยู่!


มาตอนนี้หลินสวินหวนกลับมาแล้ว และคืนเดียวกันนี้ยังยกดาบเพชฌฆาตเข้าสังหารสามตระกูลรอง เช่นนี้แล้วจะให้ตระกูลจั่วและฉินนั่งนิ่งเฉยได้อย่างไร


แม้แต่ส่วนลึกราชวังแห่งนครต้องห้าม ล้วนเป็นเพราะข่าวเหล่านี้ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกและการจับตามองมากมาย เพียงแต่มีคนน้อยนักที่จะรู้เท่านั้น


“ในนครต้องห้าม จะเกิดมรสุมขึ้นอีกครั้งแล้ว!”


ค่ำคืนนี้ไม่ว่าใคร ไม่ว่าขุมอำนาจใด ต่างรับรู้ร่วมกันโดยพร้อมเพรียง ว่าเมื่อหลินสวินมีชีวิตหวนกลับมา ก็หมายความว่าความวุ่นวายซึ่งไม่อาจคาดเดากำลังจะเปิดฉากตามมาด้วย


เพราะบนตัวเด็กหนุ่มคนนี้มีจุดที่ผิดปกติธรรมดามากเกินไป เขาดูเหมือนเป็นแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง แต่กลับมีอิทธิพลยิ่งใหญ่ สามารถทำให้นครต้องห้ามสั่นคลอนได้!


…………………


ตอนที่ 659 อิทธิพลของคนผู้หนึ่ง

โดย

ProjectZyphon

ตะวันลอยขึ้นห้วงนภา รุ่งอรุณทอแสงเบิกฟ้า วันใหม่มาเยือนแล้ว


คนธรรมดาทั่วไป โจรขโมยชั้นเลว ผู้ฝึกปราณขั้นปลายแถวมากมายในนครต้องห้าม ต่างเริ่มต้นชีวิตวันธรรมดาและสามัญเฉกเช่นทุกวัน


แต่ในหมู่ขุมอำนาจใหญ่แห่งนครต้องห้ามกลับเกิดกระแสครึกโครมอยู่ก่อนแล้ว


ข่าวคราวส่วนหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ผ่านการหมักบ่มและสั่งสมข้ามคืน ท้ายที่สุดก็ดุจภูเขาไฟปะทุ สนั่นหวั่นไหวม้วนตลบทั่วนคร


ตอนนี้แม้แต่พวกที่เกี่ยวข้องกับขุมอำนาจใหญ่ไม่มากยังรู้ชัดว่า บุคคลชั้นแนวหน้าของสามตระกูลรองของตระกูลหลินแทบจะถูกสังหารหมู่ไม่มีเหลือ ยอมสวามิภักดิ์ต่อตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตอย่างสมบูรณ์!


คราวนี้แม้แต่ผู้ฝึกปราณซึ่งตอบสนองช้าหน่อยต่างรู้ว่ามรสุมลูกใหญ่ได้มาถึงแล้ว นครต้องห้ามนี้กำลังเกิดเรื่องใหญ่!


สาเหตุมีเพียงหนึ่งเดียว…


เด็กหนุ่มปฐมาจารย์สลักวิญญาณผู้เคยมีชื่อเสียงสะเทือนนครต้องห้ามในปีนั้น มีชีวิตรอดกลับมาแล้ว!



“ครึ่งปีเงียบสงัด เมื่อคลื่นลมหวนกลับ จะแพ้ชนะหรือถูกผิด ล้วนดูที่ปัจจุบัน! หึๆ เหล่าอสรพิษเจ้าถิ่นในนครต้องห้ามพวกนั้น เกรงว่าคงไม่อาจจินตนาการว่าเจ้าหนูนั่นจะใช้วิธีแข็งกร้าวเช่นนี้หวนคืนนครต้องห้ามกระมัง”


อัครการค้า เทพเศรษฐีสือผู้ร่างกว้างหุ่นท้วมลิ้มรสชาพลางทอดถอนใจเนิบช้า


เขาพูดกับบุตรสาวข้างกาย “น่าเสียดายนะ พี่ใหญ่กับน้องเล็กของเจ้าต่างไปดินแดนรกร้างโบราณแล้ว มิฉะนั้นล่ะก็ หากรู้ข่าวว่าเจ้าหนูนี่กลับมาจะต้องนั่งไม่ติดเป็นแน่”


‘เทพเศรษฐี’ แห่งจักรวรรดิจื่อเย่าผู้นี้ วันนี้อารมณ์ดียิ่งอย่างหาได้ยาก ใบหน้าอ้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม


“ท่านพ่อ เป็นหลินสวินคนนั้นกลับมาจริงๆ หรือ”


สือซือกล่าวอย่างสงสัย นางไร้เครื่องประทินโฉม แต่ใบหน้ากลับงามสง่า บุคลิกเย็นชาโดดเดี่ยวดุจหยกน้ำแข็ง เป็นบุตรสาวคนรองของเทพเศรษฐีสือ


ในอัครการค้ามีเพียงเทพเศรษฐีสือที่กล้าเรียกนางว่า ‘เจ้ารอง’ (เสี่ยวเอ้อร์) คนอื่นเห็นแล้วไม่อาจไม่เรียกด้วยความยกย่องว่า ‘คุณหนูรอง’


“ข่าวนี้จริงแท้แน่นอนไม่มีทางปลอมเท็จ ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากเด็กนี่แล้วยังมีใครที่อาจหาญกล้าอาศัยยามรัตติกาลเข้าสังหารคนตระกูลรองแห่งตระกูลหลินตัวคนเดียว ฟันศีรษะมนุษย์จนเลือดชโลมธรณีเช่นนี้”


เทพเศรษฐีสือใช้นิ้วเคาะที่วางแขน ทอดถอนใจไม่หยุด “เพียงแต่ข้าเองก็ไม่กล้าเชื่ออยู่บ้าง ไม่เจอกันแค่ครึ่งปี เขาถึงกับสามารถเอาชนะหลินซีซีมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติเช่นนี้ หากนี่เป็นเรื่องจริง…”


กล่าวถึงตรงนี้ เขาดูเหมือนไม่รู้จะอธิบายเช่นไรอยู่บ้าง นิ่งงันอยู่ครู่ใหญ่จึงกล่าวจริงจัง “ที่สามารถแน่ใจได้คือ ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงแห่งนครต้องห้ามหลังจากนี้ ต้องมีที่สำหรับตระกูลหลินเป็นแน่!”


แม้แต่คนใหญ่คนโตอย่างเทพเศรษฐีสือยังรู้สึกตระหนกต่อการเปลี่ยนแปลงของหลินสวิน เด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีคนหนึ่ง บนวิถีรอยสลักวิญญาณบรรลุถึงขั้นปฐมาจารย์ด้วยตัวเอง ชื่อเสียงโด่งดังไปถ้วนทั่ว เพียงพอจะทำให้มหาอำนาจมากมายไม่อาจไม่เคารพสามส่วน


มาบัดนี้ แม้แต่พลังปราณของเขายังเปลี่ยนแปลงจนน่ากลัวเช่นนี้ สามารถบดขยี้มหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะกลุ่มหนึ่งด้วยตัวคนเดียว และข้ามระดับไปสยบมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติ!


นี่เห็นชัดว่าน่ากลัวเกินไปแล้ว!


“ท่านพ่อ เขาสามารถทำได้ถึงขั้นนั้นจริงหรือ”


สือซือประหลาดใจ ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของเทพเศรษฐีสืออบู่บ้าง นางเห็นว่าด้วยฐานะของบิดาตอนนี้ กลับยกย่องชื่นชมเด็กหนุ่มวัยสิบกว่าปีคนหนึ่งเช่นนี้ ดูเหมือนจะมากเกินไป


“เจ้ารอง ตั้งแต่เด็กเจ้าก็ไม่ชอบเรื่องทางโลก มุ่งมั่นสงบใจ สัมผัสโลกภายนอกน้อยนัก ดังนั้นจึงไม่เข้าใจความสามารถของเจ้าหนูนี่ จากจุดนี้ก็พอเข้าใจได้ แต่เมื่อใดที่เจ้ารู้จักเบื้องลึกของเจ้าหนูนี่จริงๆ จะเปลี่ยนทัศนะไปอย่างมาก”


เทพเศรษฐีสือกล่าวยิ้มแย้ม “เดิมทีข้ายังคิดว่า หากเป็นไปได้จะให้เจ้าหมั้นหมายกับเจ้าหนูนี่…”


ไม่รอให้พูดจบสือซือก็ถ่มน้ำลายออกมาคำหนึ่ง ก่อนแค่นเสียงกล่าว “คิดหาสามีให้ข้า ต้องให้ข้าหาเองถึงจะถูก หลินสวินนั่นต่อให้พวกท่านกล่าวว่าเลิศเลอเพียงใด แต่หากข้าไม่ชอบพอ เช่นนั้นข้าก็ไม่มีทางแต่งให้เขา”


ในสายตาคนภายนอก สือซือครอบครองทุนทรัพย์อันน่าภาคภูมิอย่างแท้จริง ทั้งรูปโฉม ความรู้ และพื้นฐานครอบครัวนางล้วนอยู่ในอันดับสูง ต่อให้เป็นในนครต้องห้ามนี้ ก็มีน้อยคนนักที่จะสามารถเทียบนางได้


“ฮ่าๆๆ เช่นนั้นก็ดียิ่งนัก ก่อนหน้านี้ข้าคิดให้เจ้าหมั้นหมายกับเขา ตอนนี้น่ะไม่คิดอย่างนั้นแล้ว” เทพเศรษฐีสือหัวเราะร่า


ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้กลับทำให้สือซือสงสัยอยู่บ้าง กล่าวว่า “นี่เป็นเพราะเหตุใด”


“เด็กนี่เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป”


เทพเศรษฐีสือถอนหายใจ สีหน้าสับสนอยู่บ้าง “คนประเภทนี้เสมือนดั่งผู้กล้าแห่งยุค ครองอำนาจเหนือผู้คนระดับเดียวกัน ต่อให้เป็นสมัยบรรพกาลก็ยังเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะล้ำเลิศ แต่ควรรู้ว่าบ่อยครั้งคนเช่นนี้จะมีมหาเคราะห์มหาวิบัติมากมายตามติดมาด้วย หนทางการบำเพ็ญเพียรต้องแตกต่างจากผู้อื่น หากข้าให้เจ้าหมั้นหมายกับเขา จะเป็นโชคหรือภัยก็ไม่อาจแน่ใจ ดังนั้นด้วยเหตุนี้มิสู้ไม่แต่งจะดีซะกว่า”


“นี่…”


สือซือหมดคำจะพูดอยู่บ้าง กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านพ่อ ท่านกำลังพูดว่าข้าบุตรสาวของท่าน ไม่คู่ควรกับเจ้าหมอนี่สินะ”


เทพเศรษฐีสือยิ้มรับ ก่อนสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “เจ้ารู้ไหมว่าครึ่งปีก่อนหลินสวินมุ่งหน้าไปทะเลกลืนวิญญาณกับใคร”


ไม่รอคำตอบ เขาก็กล่าวด้วยตนเอง “เป็นองค์หญิงจิ่งเซวียน! เจ้าคิดว่าเจ้าเทียบกับองค์หญิงจิ่งเซวียนแล้วเป็นอย่างไร”


สือซือพลันสะท้านในใจ ต่อให้นางมีความรู้เท่าหางอึ่ง ก็รู้ว่าจ้าวจิ่งเซวียนเป็นทายาทสายตรงเพียงคนเดียวของจักรพรรดิและจักรพรรดินีองค์ปัจจุบัน เปรียบดั่งผู้ได้รับการโปรดปรานจากสรวงสวรรค์หนึ่งเดียวไม่มีสอง ในจักรวรรดิมีฐานะพิเศษโดดเด่นยิ่งยวด


ตามที่ได้ยินมา จ้าวจิ่งเซวียนพรสวรรค์เป็นเลิศ นิสัยใจคองามงด ทั้งยังมีรูปโฉมหาใครเสมอเหมือน เจิดจรัสไร้ใครเทียม ตั้งแต่ยังเยาว์ก็ไปบำเพ็ญเพียรยังสำนักโบราณแห่งหนึ่งในดินแดนรกร้างโบราณ


หญิงสาวเช่นนี้ เรียกว่าเป็น ‘ผู้กล้าหญิง’ ก็ไม่ใช่การกล่าวเกินจริงแม้แต่น้อย


แม้เป็นสือซือ ก็ยังไม่กล้าพูดเหลวไหลว่าสามารถเทียบจ้าวจิ่งเซวียนได้ นี่ก็ราวกับตำนานคนหนึ่ง ทำให้นางชื่นชมจากใจ และไม่เกิดจิตใจอาจเอื้อมคิดเทียบเทียม


“ท่านพ่อ ท่านคงจะไม่ได้บอกว่าหลินสวินและองค์หญิงจิ่งเซวียน…” สือซือตะลึงงัน นัยน์ตางามเบิกกว้าง


เทพเศรษฐีสือยิ้มไม่กล่าวคำ


ครู่ใหญ่เขาจึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่า ข่าวการตายเกี่ยวกับเจ้าเด็กหลินสวินนี่ แรกเริ่มแพร่ออกมาจากที่ใด”


สือซือใจสะท้าน “ที่ไหนรึ”


“ราชวัง!”


เทพเศรษฐีสือขยับริมฝีปากพูดออกมาอย่างแผ่วเบา


สือซือแคลงใจโดยพลัน รู้สึกว่าเรื่องนี้คล้ายแอบซ่อนความเร้นลับอะไรไว้ ทำให้ในใจนางรู้สึกได้ถึงความอึดอัดอย่างไม่อาจอธิบาย


“ข้าสงสัยว่า ท่าทีที่มีต่อหลินสวินของราชวงศ์นั้นแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งปรารถนาปกป้องเขา อีกฝ่ายหมายมุ่งทำลายล้างเขา ช่าง… ซับซ้อนยิ่งนัก!”


เทพเศรษฐีสือพูดเสียงทุ้มต่ำ กลางนัยน์ตาเหลือบประกายยากคาดเดา “เพียงแต่หลินสวินมีชีวิตรอดกลับมาครานี้ ซ้ำยังเปลี่ยนไปจนต่างจากอดีตโดยสมบูรณ์ เพียงคนเดียวก็พอจะเทียบได้กับขุมอำนาจใหญ่ฝ่ายหนึ่ง! เมื่อเผชิญหน้ากับคนอย่างหลินสวินนี้ ในส่วนลึกของราชวังเกรงว่าคงมีความเคลื่อนไหวอยู่บ้าง ข้าอยากดูนักว่ายามเผชิญหน้าหลินสวินในวันนี้ ท้ายที่สุดแล้วราชวงศ์แห่งจักรวรรดิจะใช้ท่าทีแบบใด!”


“ท่านพ่อ ทำไมข้ารู้สึกว่าท่านออกจะให้ความสำคัญหลินสวินนี่เกินไปแล้ว”


สือซือยังคงไม่พอใจอยู่บ้าง


“หึๆ เจ้าไม่เข้าใจ เด็กอย่างหลินสวิน อาศัยแค่ฐานะเด็กหนุ่มปฐมาจารย์สลักวิญญาณ ก็เพียงพอทำให้จักรวรรดิไม่อาจไม่เคารพแล้ว ยิ่งกว่านั้นตอนนี้เขาประดุจกลายร่างเป็นมังกร เทียบกับอดีตแล้วเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งตั้งเท่าไร”


เทพเศรษฐีสือสีหน้าราบเรียบ “สรุปง่ายๆ หากนครต้องห้ามนี้เป็นสระน้ำแห่งหนึ่ง งั้นเด็กนี่แหละคือพญามังกรซึ่งจำศีลอยู่ในนั้น ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่มังกรซึ่งถูกกักขังโผนทะยานสู่ฟากฟ้า! อันที่จริงสำหรับบุคคลเช่นเขา สระน้ำนี้ที่สุดแล้วคงเล็กเกินไป…”


สือซือตะลึงลานทันใด ที่แห่งนั้นพลันเงียบสงัด


หลินสวินนั่น แข็งแกร่งขนาดนั้นจริงหรือ


“ตอนนี้พูดสิ่งเหล่านี้อาจเร็วไปอยู่บ้าง ในเมื่อยามนี้เด็กนี่หวนกลับมาแล้ว เช่นนั้นอัครการค้าของข้าก็ควรทำอะไรให้เขาบ้าง”


เทพเศรษฐีสือผุดลุกขึ้น สองมือไพล่หลัง แววตาล้ำลึกดุจห้วงสมุทร “เรื่องราวบนโลกนี้เพิ่มบุปผาบนผ้าดิ้นนั้นง่าย ส่งถ่านกลางหิมะสิยากยิ่ง ยังดีที่ครึ่งปีนี้พวกเราอัครการค้าแอบช่วยภูเขาชำระจิตไม่น้อย อย่างน้อยกับท่าทีที่ปฏิบัติต่อเด็กคนนี้ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องละอายต่อตนเอง!”



สำนักศึกษามฤคมรกต สาขาสลักวิญญาณ


เช้าตรู่ ระดับ ค. ห้องเก้าก็อึกทึกครึกโครม


“ได้ยินหรือยัง อาจารย์เสี่ยวหลินมีชีวิตรอดกลับมาแล้ว!” เจ้าอ้วนน้อยหลิวฮุยกระโดดโลดเต้นอย่างตื่นเต้น


“จริงหรือ”


บรรดาศิษย์อื่นส่วนหนึ่งต่างถูกดึงดูด


“จริงสิ เมื่อคืนท่านปู่ข้าและพวกคนใหญ่คนโตจำนวนหนึ่งในตระกูลต่างถูกรบกวนตกใจตื่น ขณะที่พวกเขารวบรวมข่าวสาร ข้าแอบได้ยินเข้า”


เจ้าอ้วนน้อยหลิวฮุยพูดอย่างลึกลับ


“ไม่ผิด ข้าเองก็ได้ยินมา หลังจากอาจารย์เสี่ยวหลินหวนกลับมาเมื่อวาน ก็เข้าสังหารขุมอำนาจตระกูลรองของตระกูลหลินทันใด”


ฟ่านจือชิว หยางจิ้งเหยาและศิษย์คนอื่นก็พากันเอ่ยปาก


ชั่วขณะเดียวทั้งห้องเรียนต่างฮือฮา ตั้งแต่ทราบข่าวการตายของหลินสวิน พวกศิษย์เหล่านี้ต่างเศร้าเสียใจไปพักหนึ่ง มาวันนี้เมื่อรู้ว่าอาจารย์เสี่ยวหลินมีชีวิตรอดกลับมา นี่ทำให้พวกเขาต่างตื่นเต้นจนแทบอยากจะโดดเรียนไปลองดูที่ภูเขาชำระจิตด้วยตนเอง


“สำรวมตน!”


หัวหน้าอาจารย์เสิ่นทั่วไม่รู้ปรากฏตัวที่ประตูห้องเรียนตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนตวาดดังลั่น “จงเข้าเรียนอย่างสบายใจ หากห่วงใยอาจารย์เสี่ยวหลินของพวกเจ้าจริง ตอนนี้ก็อย่างวิ่งไปก่อความวุ่นวายให้เขา!”


พูดจบตัวเขาก็รีบเร่งจากไป


บรรดาศิษย์ในห้องเรียนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ในไม่ช้าก็เกิดเสียงโห่ร้องยินดีทะยานฟ้าขึ้นฉับพลัน แต่ละคนใบหน้าเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มยินดี คำพูดของเสิ่นทั่วยิ่งเป็นการพิสูจน์เข้าไปอีกขั้นโดยไม่ต้องสงสัย ว่าอาจารย์เสี่ยวหลินรอดชีวิตกลับมาแล้วจริงๆ!


นอกห้องเรียน เสิ่นทั่วได้ยินเสียงโห่ร้องยินดีของระดับ ค. ห้องเก้าดังออกมา พลันอดส่ายหน้าไม่ได้


แต่หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาอย่างอดไม่อยู่ คืนวานนี้เขาก็ทราบข่าวเช่นกัน จนถึงเวลานี้ความตื่นเต้นภายในใจล้วนมิเคยหดหายถอยลง


หลินสวินกลับมาแล้ว!


สำหรับเสิ่นทั่วนี่ถือเป็นข่าวดีน่าฮึกเหิมหาใดเปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย ในสายตาเขา หากเด็กหนุ่มปฐมาจารย์สลักวิญญาณผู้สามารถหลอมชุดศึกสลักวิญญาณออกมาได้เช่นหลินสวินตายจากไป สำหรับทั้งจักรวรรดินั่นคงเป็นการสูญเสียอย่างสาหัสสากรรจ์หาใดเปรียบ


ยังดี หลินสวินคนดีฟ้าคุ้มครอง เขามีชีวิตรอดกลับมาแล้ว!


“อาจารย์ หัวหน้าอวี๋เป่ยโต้วแห่งภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ ปรมาจารย์สลักวิญญาณเฉิงจิ่งจากสำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิ รวมถึงบุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงสลักวิญญาณมาขอเข้าพบเจ้าค่ะ!”


เฟิงชิงโยวก้าวรวดเร็วมาแต่ไกล แม่นางน้อยงดงามผู้เคยมีสมญานามว่า ‘เด็กสาวอัจฉริยะ’ บนวิถีสลักวิญญาณคนนี้ เวลานี้สีหน้าท่าทางผิดแปลกอยู่บ้าง


หลินสวินมีชีวิตรอดกลับมา ทำให้นางตกตะลึงและได้รับผลกระทบถึงขีดสุด


“เร็วเข้า รีบเชิญเข้ามา!”


เสิ่นทั่วปิติยินดียิ่ง จากไปพร้อมเฟิงชิงโยวอย่างเร่งร้อน


เขารู้ว่าพวกเขาอวี๋เป่ยโต้ว เฉิงจิ่งมาครานี้ ล้วนเกี่ยวข้องกับการที่หลินสวินมีชีวิตรอดกลับมา


ถึงอย่างไรเด็กหนุ่มคนนี้ก็เป็นปฐมาจารย์คนหนึ่ง สำหรับผู้ยิ่งใหญ่บนวิถีสลักวิญญาณอย่างพวกเขาเหล่านี้ การหวนคืนของหลินสวินมีนัยสำคัญโดดเด่นเหนือธรรมดาอย่างยิ่งยวด!


……………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)