Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 654-657
ตอนที่ 654 เปิดฉากวายุเมฆาสีเลือด
โดย
ProjectZyphon
ฟุ่บ!
คนใหญ่คนโตแห่งธารประจิมที่ตบโต๊ะลุกขึ้นผู้นั้นยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็ถูกแสงอัคคีแสบตาสายหนึ่งทะลวงผ่านคอหอย
นัยน์ตาเขาถลนนูนขึ้นทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความตระหนก ขุ่นเคืองและสนเท่ห์ คล้ายยังคงไม่อาจเชื่อ
ตูม!
ในไม่ช้าทั้งตัวเขาก็มอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา พลิ้วลอยละล่อง ซากศพอันตรธาน
ส่วนราชันอินทรีแดงหวนกลับไปอยู่บนบ่าหลินสวิน ปีกแดงชาดดุจอาบไล้เปลวอัคคีหุบเก็บ นัยน์ตาเจิดจรัสราวทับทิมฉายแววปรามาสวูบหนึ่ง
แค่ขยะพรรค์นี้ ก็กล้าดูหมิ่นศักดิ์ศรีนายท่านต่อหน้าหรือ
นี่แหละรนหาที่ตาย!
ทั้งโถงเงียบสงัดราวป่าช้า เข็มตกยังได้ยิน
แรกเริ่มเดิมทีค่ำคืนนี้คืองานเลี้ยงยิ่งใหญ่และน่าปิติ คนใหญ่คนโตในสามตระกูลรองมารวมตัวกัน เพื่อวางแผนการยึดชิงภูเขาชำระจิตและร่วมเฉลิมฉลอง
แต่ใครเล่าจะคาดคิด จู่ๆ แสงเพลิงก็ส่องประกาย คนใหญ่คนโตผู้หนึ่งถูกเผามลายเป็นเถ้าถ่านราวใบไม้แห้ง ตายทั้งเป็นลงตรงหน้า
ภาพเหตุการณ์นี้น่าตระหนกเกินไป แขกเหรื่อส่วนหนึ่งตกใจจนเกือบกรีดร้องออกมา บรรยากาศที่เดิมครึกครื้นยินดีอันตรธานหายไป ถูกความหนาวเย็นเขย่าขวัญเข้ามาแทน
เด็กหนุ่มและอินทรีแดงนั่นเป็นใครกันแน่ ถึงกับกล้าวิ่งมากระทำการชั่วร้าย สังหารคนในอาณาเขตของตระกูลหลินแห่งธารประจิม
ขณะทุกคนมองไปยังหลินสวินตรงทางเข้าโถงอีกครั้ง สายตาล้วนเปลี่ยนแปรต่างออกไป แฝงความประหลาดใจสงสัยและหนักอึ้งสายหนึ่ง
ผู้ที่เคยเห็นใบหน้าแท้จริงของหลินสวินที่สุดแล้วก็มีจำนวนน้อย คนในสามตระกูลรองส่วนใหญ่ แม้เกลียดหลินสวินเข้ากระดูกดำ แต่ไม่เคยรู้ว่ารูปร่างลักษณะหลินสวินเป็นเช่นไร
มีเพียงหลินเทียนหลง หลินเนี่ยนซาน หลินผิงตู้ คนส่วนน้อยพวกนี้เท่านั้นที่จำฐานะหลินสวินได้ตั้งแต่พริบตาแรก แต่พวกเขากลับประหนึ่งถูกอสนีบาต นิ่งงันอยู่กับที่ดั่งเห็นภูตผี
เจ้าคนที่ถูกยืนยันว่าตายไปแล้ว จู่ๆ กลับปรากฏตัวต่อหน้าอย่างคาดไม่ถึง ความตระหนกหวาดผวาเช่นนั้น ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจู่โจมใส่มากน้อยเพียงใด
“เจ้าหนุ่ม ไม่ว่าเจ้ามีที่มาอย่างไรหรือมีจุดประสงค์อะไร แต่การวิ่งมากำเริบเสิบสานอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้ มันมากเกินไปแล้ว!”
ผู้อาวุโสผมเผ้าหนวดเคราดุจเงินคนหนึ่งผุดลุกขึ้น สีหน้าเคร่งครัด เอ่ยปากเย็นชา
เขาคือผู้อาวุโสใหญ่แห่งธารประจิม พี่ชายของหลินเทียนหลง มีนามว่าหลินเทียนหุน เขาผ่านคลื่นลมมานาน เวลานี้เห็นได้ชัดว่าสุขุมเยือกเย็นยิ่ง ไม่เปลี่ยนสีหน้าอันใด
“อ้อ งั้นรึ”
หลินสวินสีหน้าราบเรียบ มองทุกคนในโถงราวสิ่งไร้ค่า มือไพล่หลังเดินเข้าสู่โถงอย่างผ่อนคลาย
นี่ทำให้หลินเทียนหุนหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ตระหนักได้ว่ามีปัญหาบางอย่าง แต่เขายังคงไม่อาจเชื่ออยู่บ้าง แค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งทำไมถึงใจกล้าคับฟ้าเช่นนี้
“ช่างเป็นคนกำเริบเสิบสานนัก อย่าคิดว่ามีความสามารถเล็กๆ น้อยๆ แล้วจะรังแกตระกูลหลินของพวกเราได้ คนอย่างเจ้าอย่างมากก็แค่เบี้ยใช้แล้วทิ้งตัวหนึ่ง ว่ามาเถอะ ใครส่งเจ้ามากันแน่ เจ้าน่าจะรู้ดีถึงผลลัพธ์ของการล่วงเกินตระกูลหลินของข้า”
หลินเทียนหุนขมวดคิ้วสีหน้าอึมครึม จิตใต้สำนึกเห็นว่าหลินสวินคือคนที่ขุมอำนาจสักแห่งส่งมา มิฉะนั้นเจ้าหนุ่มคนเดียวเช่นนี้ ต่อให้มอบความกล้าเทียมฟ้ากับเขา เกรงว่าคงยังไม่กล้าวิ่งมากระทำการชั่วร้าย
“เจ้าลองพูดมาสิ ว่าล่วงเกินพวกเจ้าจะมีผลเช่นไร”
นัยน์ตาดำของหลินสวินล้ำลึกและนิ่งสงบ สีหน้าไม่สะทกสะท้าน กวาดมองผู้คนตรงนั้นทั้งมวล
ขณะที่เขาพูดจา พวกหลินเทียนหลง หลินเนี่ยนซาน หลินผิงตู้ได้สติจากความตระหนกแล้วเสี้ยวหนึ่ง ดึงสติกลับมาได้
เพียงแต่สีหน้าของพวกเขากลับผิดแปลกหาใดเปรียบ ทั้งร่างสั่นเทิ้ม สีหน้าทั้งตระหนกขุ่นเคือง ท่าทางยากจะเชื่อ
บรรดาคนใหญ่คนโตอื่นที่อยู่ใกล้เคียงเวลานี้ในที่สุดก็ตระหนักถึงความไม่ชอบมาพากล โดยเฉพาะเมื่อเห็นสีหน้าของพวกหลินเทียนหลง ในใจยิ่งประหลาดใจสงสัย
หัวหน้าสามตระกูลรองผู้สง่าผ่าเผย คลื่นใหญ่ลมแรงล้วนไม่เห็นในสายตา แต่วันนี้ทำไมแค่เด็กหนุ่มคนเดียวมาเยือน ก็ทำเอาพวกเขาตื่นตระหนกกลายเป็นเช่นนี้
“เหอะๆ ช่างเป็นคนไร้สมองที่ดึงดันคนหนึ่งซะจริง จะบอกเจ้าให้ ครั้งนี้พวกเราสามตระกูลรองแห่งตระกูลหลินรวมตัวกัน เบื้องหลังยิ่งมีสองตระกูลทรงอิทธิพลจั่วและฉินสนับสนุนพลังระดับนี้เกรงแต่ว่าคนดึงดันเยี่ยงเจ้าไม่อาจเข้าใจได้”
หลินเทียนหุนหัวเราะเบาๆ เมื่อพูดถึงว่ามีสองตระกูลจั่วและฉินสนับสนุน หว่างคิ้วเขายิ่งปรากฏความลำพอง “เจ้าหนุ่ม ลองพูดมาเถอะ ใครกันแน่ที่ส่งเจ้ามา! วันนี้หากเจ้าไม่มอบค่าตอบแทนที่น่าพึงใจ จะต้อง…”
เห็นชัดว่าเขากำลังคุกคามข่มขู่ แต่ยังไม่รอเขาพูดจบ ก็ถูกหลินเทียนหลงตัดบท “พี่ใหญ่! อย่าพูดอีก เจ้าหมอนี่ก็คือหลินสวิน!”
หลินเทียนหุนปรามาสทันที “หลินสวินอะไร กล้าวิ่งมาวางอำนาจในตระกูลหลินของข้า ต่อให้เป็นราชันสวรรค์… เอ๋ เจ้าว่าอะไรนะ เขาๆๆ…”
เพียงแต่พูดถึงครึ่งทาง เขาถึงฉุกคิดอะไรได้ หน้าพลันเปลี่ยนสี ม่านตาขยายออก ท่าทางราวเห็นผี ตกใจจนแม้แต่คำพูดยังกล่าวกระท่อนกระแท่น
“เขาคือหลินสวิน!?” หลินเทียนหุนอึดอัดจนเกินรับไหว ในที่สุดก็พูดชื่อนี้ออกมา ทว่ากลับตื่นตระหนกทั่วใบหน้า ลูกตาแทบถลน
หลินสวิน!
เวลานี้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างหวาดหวั่นหน้าเปลี่ยนสี ตระหนักรู้ถึงสาเหตุ
เด็กหนุ่มชุดขาวพระจันทร์คนนั้น หนึ่งคนหนึ่งอินทรีลอยล่องมาถึงยามวิกาลนั่น ดันเป็นหลินสวินที่ถูกยืนยันว่าตายในส่วนลึกทะเลกลืนวิญญาณนานแล้วคนนั้น!
คนมากมายต่างตกใจจนรีบผุดลุกขึ้นยืน เครื่องหน้าทั้งห้าถูกความตระหนกหวาดหวั่นครอบงำ เต็มไปด้วยความยากจะเชื่อถึงขีดสุด
“เจ้า… เจ้าไม่ได้ตายที่ทะเลกลืนวิญญาณนานแล้วหรอกรึ”
หลินเทียนหุนตระหนกระคนขุ่นเคือง ความหยิ่งทะนงและหลงระเริงแต่เดิม เวลานี้ล้วนถูกความพิศวงงงงวยเข้าแทนที่
เด็กหนุ่มที่บีบจนพวกเขาสามตระกูลรองเกือบหายใจไม่ออกเมื่อครึ่งปีก่อน ไยจึงมีชีวิตรอดกลับมา ทำไมกัน
คนอื่นต่างก็เป็นเช่นนี้ ทั้งตระหนกทั้งไม่เข้าใจ
“ไอ้แก่ บุคคลอย่างเจ้านายข้า เป็นผู้ที่ทะเลกลืนวิญญาณเล็กๆ สามารถกักขังไว้ได้หรือ ช่างโง่เขลาซะจริง”
ราชันอินทรีแดงปรามาส ทำเอาหลินเทียนหุนถลึงตามองด้วยโทสะ และทำให้เขาขวัญหนีดีฝ่อ คำพูดประโยคนี้ดูเหมือนเสียดหู แต่พิสูจน์ได้อย่างไม่ต้องสงสัย ว่าทะเลกลืนวิญญาณนั่นก็ไม่อาจกักขังหลินสวินไว้ได้!
หลินสวินไม่ใส่ใจความสนเท่ห์ของทุกคนในโถง ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้นแล้วกล่าวออกมาตามใจ “คนมากันครบแล้วกระมัง เช่นนั้นข้าก็จะพูดตรงๆ แล้ว สามปีก่อนข้าให้โอกาสพวกเจ้าครั้งหนึ่ง ให้พวกเจ้าใคร่ครวญว่าจะสวามิภักดิ์ต่อภูเขาชำระจิต”
สายตาเขากวาดมองทุกคน “แต่เห็นชัดยิ่งว่าพวกเจ้าไม่เพียงแต่ไม่คิดสวามิภักดิ์ กลับมุ่งปรารถนาแตะต้องและช่วงชิงสิ่งที่ไม่สมควรจะได้ หรือพวกเจ้าเห็นว่าข้าหลินสวินไม่กล้าฆ่าคนจริงๆ?”
เมื่อคำว่า ‘ฆ่าคน’ สองคำนี้หลุดออกมา นัยน์ตาดำของหลินสวินพลันปรากฏไอสังหารเย็นเยียบสายหนึ่ง เย็นชาและน่าหวาดกลัว ชวนให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหนาวเยือกในใจ
“ฮ่าๆๆ น่าขัน ช่างน่าขันซะจริง! หากก่อนหน้านี้เจ้าหลินสวินคุยโววางท่าเช่นนี้ บางทีพวกเราอาจหวาดกลัวอยู่สามส่วน แต่ตอนนี้เจ้าน่ะโยนตัวเองเข้ามาในแห มาอยู่ในอาณาเขตตระกูลหลินแห่งธารประจิมของข้า เจ้าคิดว่าเจ้ายังมีโอกาสรอดชีวิตหรือ”
หลินเทียนหลงพลันหัวเราะร่า นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเย็นชา
ในที่สุดเขาก็คืนสติครบถ้วน ก่อนหน้านี้เขาเพียงแค่ถูกความจริงที่ว่าหลินสวินยังมีชีวิตทำเอาตระหนก แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลัวหลินสวิน
“ใช่แล้ว เจ้าหมอนี่ตัวคนเดียว!”
คนใหญ่คนโตทั้งหมดในโถงต่างมีปฏิกิริยาตอบกลับ สีหน้าเปลี่ยนเป็นผ่อนคลาย ขณะมองมายังหลินสวินอีกครั้ง สายตาเคลือบความสงสารเวทนาวูบหนึ่ง
เจ้าหมอนี่ช่างบ้าระห่ำจริงๆ ตัวคนเดียวกล้าวิ่งมาวางอำนาจถึงที่นี่ ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!
ในงานนี้รวมตัวคนใหญ่คนโตจำนวนหนึ่งของสามตระกูลรอง เรียกได้ว่าพลังรบทรงอานุภาพหาใดเปรียบ แค่หลินสวินตัวคนเดียว ไม่อาจนำมาซึ่งภยันตรายอะไรต่อพวกเขาจริงดังว่า
“ก่อนหน้านี้หากเจ้าไม่หลบบนภูเขาชำระจิตก็หลบในสำนักศึกษามฤคมรกต จึงทำให้เจ้ารอดชีวิตถึงตอนนี้ แต่บัดนี้เจ้ากลับวิ่งมาหาที่ตายถึงถิ่นด้วยตนเอง ข้าควรพูดว่าเจ้าบ้าระห่ำหรือเจ้าโง่บรมดีล่ะ”
หลินเนี่ยนซานเองก็เผยยิ้ม สีหน้าสง่าและกระหยิ่มยิ้มย่อง
“เฮ้อ นี่คือหลานชายของพวกเรา บุตรชายคนดีของหลินเหวินจิ้ง น่าเสียดายนะ เขาดันเลือกจะเป็นอริกับพวกเรา เพื่ออนาคตของตระกูลหลินเราในภายภาคหน้า ดูท่าพวกเราคงต้องเลือกหนทางขจัดญาติผดุงความเป็นธรรมแล้ว”
หลินผิงตู้สีหน้าสบายอกสบายใจ ตื่นเต้นดีใจยิ่งอยู่ภายใน นี่มันสวรรค์มีทางเจ้าไม่ไป นรกไร้ประตูเจ้ากลับแส่เข้ามาอย่างแท้จริง!
คนใหญ่คนโตอื่นๆ ในนั้นยิ้มเยาะ และมีคนแอบขัดเคืองใจ รู้สึกว่าเมื่อครู่ถูกการปรากฏตัวของหลินสวินทำเอาตกตะลึง ดูน่าอับอายขายขี้หน้าเหลือเกิน
เจ้าหนุ่มที่ทะเล่อทะล่าวิ่งมาหาที่ตายถึงที่ สมควรดีใจจึงจะถูก!
จากที่พวกเขาเห็น หลินสวินเจิดจรัสพราวตาแต่เยาว์วัย ประสบความสำเร็จเป็นที่จับตามองจากทั่วหล้าจริงดังว่า แต่ท้ายที่สุดเขาก็แค่เด็กหนุ่มปฐมาจารย์สลักวิญญาณคนหนึ่งเท่านั้น เป็นคนรุ่นหลังที่เกิดทีหลัง หากคิดจะฆ่าสังหารพวกเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย
แน่นอนว่าในจิตใต้สำนึกพวกเขายังคงเชื่อว่าหลินสวินเหมือนกับเมื่อครึ่งปีก่อน เป็นแค่เพียงผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณเท่านั้น
นี่ไม่อาจก่อภัยคุกคามใดต่อพวกเขาแต่แรก
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่เกรงกลัวสิ่งใด ตื่นเต้นดีใจและหลงระเริงเช่นนี้ แตกต่างกับท่าทางกระอักกระอ่วนที่ถูกทำให้ตระหนกหวั่นกลัวเมื่อครู่ราวกับเป็นคนละคน
บรรยากาศในโถงกลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง อุดมไปด้วยแววสัพยอกอึกทึกครึกโครม บนหน้าคนใหญ่คนโตแต่ละคนล้วนแฝงอาการ บ้างสงสาร บ้างเคร่งขรึม บ้างกระหยิ่มยิ้มย่อง บ้างตื่นเต้นดีใจ
ยังมีเรื่องอะไรน่ายินดีไปกว่าเหยื่อมาหาถึงที่ด้วยตนเองเล่า
ภาพตรงหน้านี้เกิดขึ้นจริงดังคาด การปรากฏตัวของหลินสวินบางทีอาจทำให้พวกเขาหวั่นกลัว แต่หลังจากได้สติพวกเขากลับพบว่า นี่แหละคือโอกาสที่หาได้ยากในการฆ่าหลินสวิน!
“พวกหนอนแมลงน่าสมเพช…”
ราชันอินทรีแดงพลันถอนหายใจ นัยน์ตาดุจเปลวอัคคีแฝงความเวทนาวูบหนึ่ง พวกหน้าโง่เหล่านี้ไม่ใช้สมองลองคิดสักนิดเล่า ในเมื่อนายท่านกล้ามาเยือนตัวคนเดียว จะไม่มีความมั่นใจได้อย่างไร
“กล่าวสั่งเสียจบแล้วสินะ”
เวลานี้เห็นได้ว่าหลินสวินนิ่งสงบยิ่งกว่าเดิม นัยน์ตาเย็นชากวาดมองทุกคนที่อยู่ตรงนั้น “พูดจบแล้ว ก็ต้องส่งพวกเจ้าไปตายซะที”
สั่งเสีย?
คนใหญ่คนโตจำนวนหนึ่งพลันบันดาลโทสะ จนถึงป่านนี้แล้วเจ้าเด็กนี่ยังกล้ากำเริบเสิบสานเช่นนี้ เบื่อชีวิตแล้วสินะ!
และมีคนใหญ่คนโตที่ในใจพลันรู้สึกหวาดหวั่นไม่อาจอธิบาย หลินสวินสุขุมเยือกเย็นเกินไป นี่ทำให้พวกเขาแอบรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลอยู่บ้าง
แต่พวกเขายังคิดไม่ถึงว่า เด็กหนุ่มผู้ที่ครึ่งปีก่อนเพิ่งฝึกปราณถึงระดับมหาสมุทรวิญญาณคนหนึ่ง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จะสามารถเรียกลมเรียกฝนอะไรได้
เขาหวังพึ่งอินทรีแดงตัวนั้นรึ
ไอ้สัตว์หน้าขนนั่นอาจทรงพลังจริง แต่ไม่ได้หมายความว่า ณ ที่นี้ไม่มีคนสามารถจัดการกับมัน!
ท้ายที่สุดมีคนเหมือนฉุกคิดอะไรได้ หน้าพลันเปลี่ยนสี ไม่ถูก ทั่นฮวาม้าขาวเสิ่นจิงหลุนและจูเหล่าซานนั่นเหตุใดไม่มาด้วยกัน หากพวกเขารู้ว่าเจ้าเด็กนี่มารนหาที่ตาย ไหนเลยจะสามารถนั่งนิ่งดูดาย?
ยิ่งไปกว่านั้นหลินสวินก่อนหน้านี้สามารถกดดันจนพวกเขาสามตระกูลหายใจไม่ออก จะเป็นพวกโง่งมวิ่งทะเล่อทะล่ามาหาที่ตายถึงถิ่นเช่นนั้นได้หรือ
ตรงกันข้าม เด็กนี่ตั้งแต่อายุน้อยก็สามารถสร้างชื่อเสียงแก่วงศ์ตระกูลมากมายเช่นนี้ เป็นที่ี่จับตามองในใต้หล้า ไหนเลยจะเป็นพวกหน้าโง่ ในบรรดาคนวัยเดียวกันเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถเทียบเคียงเขาได้
ไม่ถูกต้อง!
ในนี้จะต้องมีความลับอื่นแฝงอยู่เป็นแน่!
แต่ในยามที่คนเหล่านี้มีปฏิกิริยาตอบสนอง กำลังจะตาสว่าง ก็สายไปเสียแล้ว
ชิ้ง!
ก็ยินเสียงสะท้อนใสของดาบเสียงหนึ่ง พริบตานั้นเสียงกัมปนาทดังสนั่นทั่วโถงดั่งกระแสธาราไหลเชี่ยว โหมกระพือดุจวายุอสนีบาต!
…………………….
ตอนที่ 655 เสียใจตอนนี้? สายไปแล้ว!
โดย
ProjectZyphon
ดาบคำรามลึกล้ำ ถาโถมดั่งวายุอสนีบาต
ชั่วพริบตาเงาร่างหลินสวินหายไปจากจุดเดิม
ฟุ่บ!
ชายวัยกลางคนดูภูมิฐานผู้หนึ่งกำลังยิ้มเยาะ แต่เพียงพริบตาเขากลับพบว่าช่วงอกพลันเย็นวาบ เมื่อก้มหน้าลงมอง ตรงหน้าอกถูกแทงทะลุเป็นรูโหว่ชุ่มเลือดไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“เจ้า…” รอยยิ้มเยาะเขาแข็งค้างบนใบหน้า ม่านตาขยายออกหมายจะพูดอะไร แต่กลับไม่มีโอกาสกล่าวออกมาก็สิ้นใจล้มลงกับพื้น
ตูม!
อีกฟากหนึ่ง คนใหญ่คนโตผู้หนึ่งถือจอกสุรากำลังดื่มด่ำ แต่ลูกตาเขาพลันถลน พลันปรากฏเงาร่างชือน้ำแข็งที่ดุจเจียระไนจากหิมะน้ำแข็งตัวหนึ่ง กำลังยึดครองห้วงอากาศ จ้องมองเขาอย่างเฉยชา
“ไม่…!” เขาเพิ่งหมายจะดิ้นรน ร่างกายก็ถูกกรงเล็บชือน้ำแข็งตะครุบแหลกละเอียด เลือดเนื้อกระเซ็นซ่านตายคาที่
“ยังจะชักดาบ หรือเจ้าลูกสุนัขนี่ยังกล้าจะลงมือ…”
ชั่วขณะเดียวกันฮูหยินงามคนหนึ่งเอ่ยพูดเสียงแหลม กำลังจะเย้ยหยันและหยามหน้าหลินสวินยกหนึ่ง แต่กลับรู้สึกราวถูกกระทิงดุตัวหนึ่งพุ่งชนหนักหน่วง กล้ามเนื้อกระดูกระเบิดแตกละเอียด เลือดเนื้อสาดกระจาย ตายอนาถในพริบตา ณ ตรงนั้น
นี่คือ ‘ปะทะฟู่ซี่’! กระแทกเพียงคราสะท้านคีรี!
“มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล…”
ผู้อาวุโสผมขาวแกมเทาคนหนึ่งกำลังขมวดคิ้วครุ่นคิด กลับไม่สังเกตเลยว่ามีเงาร่างปี้อั้นตัวหนึ่งปรากฏ ฆ่าสังหารลงมาเสียงสนั่น กดทับร่างกายเขาจนแหลกละเอียด กลายเป็นแอ่งโคลนเลือดเนื้อแดงย้อมผืนปฐพี
ภาพต่างๆ นี้แทบเกิดขึ้นในชั่วพริบตา รวดเร็วมิอาจจินตนาการ ราวกับในเวลาเดียวกันมียอดฝีมือไร้เทียมทานมากมายออกจู่โจมพร้อมกัน
แต่แท้จริงแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากหลินสวินเพียงคนเดียว!
ระดับขั้นและพลังเขาตอนนี้ เรียกได้ว่าเป็นมกุฎราชันระดับหยั่งสัจจะนานแล้ว สามารถเหยียดหยันบุคคลในขอบเขตระดับเดียวกัน จู่โจมสังหารอริศัตรูทั้งมวล
บรรดา ‘คนใหญ่คนโต’ ที่เรียกกันในโถงนี้ บางทีอาจไม่ขาดระดับหยั่งสัจจะ และบางคนอาจมีตำแหน่งและฐานะเป็นคนชั้นแนวหน้าในตระกูลรอง อำนาจล้นฟ้า
แต่หากกล่าวถึงพลังต่อสู้ที่แท้จริง ต่างเทียบไม่ได้แม้แต่บุคคลระดับบุตรเทพธรรมดาในส่วนลึกทะเลกลืนวิญญาณ สำหรับหลินสวินตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกที่มีแต่ชื่อ ย่อมไม่มีความคุกคามข่มขวัญใดแต่แรก!
…
ในโถงใหญ่เต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวน เสียงแผดคำรามอย่างตระหนกขุ่นเคือง
ที่แห่งนั้นระเนระนาดถ้วนทั่ว โต๊ะสำรับแหลกละเอียด จอกสุราระเบิดป่นปี้ ผนังกำแพงถล่มพังทลาย พื้นดินย้อมโลหิตแตกระแหง ราวกับถูกพายุฝนรุนแรงทำลายล้างหนักหน่วง
ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นในชั่วพริบตา รวดเร็วเกินไปแล้ว เร็วจนกระทั่งตอนนี้ยังมีคนใหญ่คนโตไม่น้อยไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง
อันที่จริงใครเล่าจะคาดคิดว่าหลินสวินจะลงมือตรงๆ เช่นนี้
เรียบง่าย ตรงไปตรงมา ทำตามใจไม่ใส่ใจผู้อื่น!
“เจ้ากล้า…”
หลินเทียนหลงคำราม เรียกกระบี่สำริดเล่มหนึ่งออกมาแล้วพุ่งแหวกสังหาร
หลินสวินกดมือลงตามสะดวก พลังน่าหวาดกลัวไร้รูปสายหนึ่งม้วนแผ่ออก หลินเทียนหลงยังไม่ทันเข้าประชิดก็ถูกกระแทกปลิวออกไปอย่างหนักหน่วง จมูกปากกลบโลหิต
การโจมตีเพียงคราเท่านั้น หลินเทียนหลงหัวหน้าตระกูลหลินแห่งธารประจิมผู้สง่าผ่าเผย ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะรุ่นอาวุโสคนหนึ่ง กลับประหนึ่งตัวตลกที่ถูกกระแทกปลิวกระเด็น ไม่มีแรงต่อต้านแม้แต่น้อย
หลินเทียนหลงตื่นตระหนก ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ถึงปัญหา เด็กหลินสวินนี่กล้ามาด้วยตัวคนเดียว มีหรือจะมารนหาที่ตาย เห็นชัดแจ้งว่าเข่ไม่เกรงกลัวสิ่งใด!
เพียงแต่ไม่ได้พบกันแค่ครึ่งปี เจ้าหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณเมื่อตอนนั้น มาวันนี้ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นน่าหวาดกลัวเช่นนี้
คนอื่นๆ ส่วนหนึ่งต่างหน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน ตระหนักถึงปัญหาเดียวกัน นี่ทำให้พวกเขายิ่งตระหนกขุ่นเคือง ในใจสับสนวุ่นวาย
ในโถงแห่งนั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนใหญ่คนโตของสามตระกูลรองมารวมตัวกัน พลังรบแข็งแกร่งระดับใด
แต่ตอนนี้ เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้นก็ถูกหลินสวินสังหารไปแล้วหกเจ็ดคน อีกทั้งแม้แต่ยอดฝีมือระดับหลินเทียนหลงยังไม่อาจทานการโจมตี ถูกซัดสะเทือนจนจมูกปากกลบโลหิต น่าอเนจอนาถเต็มกลืน นี่มัน…
น่าตระหนกเกินไป!
ทำไมเขาทรงพลังเช่นนี้?
นี่คือสิ่งที่คนใหญ่คนโตทั้งหมดต่างยากจะรับได้ ครึ่งปีเท่านั้น เด็กนี่เติบใหญ่ถึงขั้นพลิกฟ้าเช่นนี้ หากให้เวลาเขามากอีกหน่อย นครต้องห้ามนี้เกรงว่าคงเอาเขาไม่อยู่แล้ว!
“ลงมือพร้อมกัน สังหารเจ้าเด็กนี่!”
หัวหน้าแห่งคานเมฆาหลินเนี่ยนซานคำราม เขาสังเกตเห็นว่าคนมากมาย ณ ที่นั้นถูกพลานุภาพของหลินสวินทำเอาหวาดหวั่น หากเป็นเช่นนี้ต่อไปผลที่ตามมาคงไม่อาจคาดคิด
มีเพียงรวมพลังสยบมันด้วยกำลังอันฮึกเหิมรุนแรง อาจพอพลิกสถานการณ์กลับมาได้!
ดังคำกล่าวที่ว่า หนึ่งครั้งเรียกพลัง สองครั้งเริ่มเสื่อมทราม สามครั้งพาสิ้นสุด หลินเนี่ยนซานไม่เชื่อหรอกว่า ความแข็งแกร่งของหลินสวินจะสามารถสืบเนื่องต่อไปเช่นนี้โดยตลอด
ตูม!
คนใหญ่คนโตมากมายราวพบเจอแกนนำหลัก มุ่งล้อมสังหารหลินสวินพร้อมหลินเนี่ยนซาน
เพียงชั่วขณะวิชาลับ สมบัติล้ำค่านานัปการลอยล่องทั่ว สาดแสงเจิดจ้าแปลกตา ก่อเกิดคลื่นผันผวนน่าหวาดกลัว ทำเอาทั้งโถงพังทลายโดยสมบูรณ์ กลายเป็นซากปรักหักพัง
นัยน์ตาหลินสวินไม่ตระหนกวิตก เงาร่างเขาดุจภาพฝัน ท่าทางสง่างามไร้มลทิน เผชิญหน้าการล้อมโจมตีเยี่ยงนี้ เขาไม่แม้แต่จะมอง สำแดง ‘ผนึกป้าเซี่ย’ ออกไป
ตูม!
พลานุภาพน่าหวาดกลัวไร้รูปครอบคลุมทั่วบริเวณ และกลายเป็นเขตต้องห้าม ทำคนใหญ่คนโตแต่ละคนซึ่งล้อมโจมตีเข้ามาถูกพันธนาการกลางอากาศ
มองจากที่ห่างไกล พวกเขาเสมือนปลาตัวแล้วตัวเล่าที่ถูกแช่ในชั้นน้ำแข็ง หยุดชะงักอยู่ตรงนั้น ถึงขั้นไม่ขยับเขยื้อนเพียงเสี้ยว!
ภาพเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้น่าตระหนกจนคนใหญ่คนโตอีกส่วนซึ่งอยู่ไกลออกไปขนพองสยองเกล้า ในใจหลั่งเหงื่อเย็นยะเยียบ นี่มันวิชาลับน่าสะพรึงอะไรกัน
ฟุ่บๆๆๆ!
ไม่รอให้พวกเขาฟื้นคืนสติ ก็เห็นดาบหักในมือหลินสวินวาดกวาดแผ่วเบา หัวคนเจ็ดแปดหัวเลือดหลั่งรินร่วงหล่นลง
ศพไร้หัวซึ่งถูกพันธนาการของพวกเขาจึงร่วงหล่นตุบๆ ลงพื้นดิน เอนกายในบ่อโลหิต
มีเพียงหลินเนี่ยนซานคนเดียวที่โชคดีรอดพ้นจากหายนะ ใช่ว่าพลังต่อสู้เขาแข็งแกร่งยิ่งยวด แต่ดูเหมือนหลินสวินจงใจละเว้นเขาครั้งหนึ่ง
เมื่อเห็นหัวคนเหล่านั้นหล่นกลิ้งเต็มพื้นกับตาตนเอง ทำเอาหลินเนี่ยนซานตกใจจนดวงตาปูดโปนแทบถลน เส้นเลือดดำตรงหน้าผากปรินูน แทบพังทลายอยู่ตรงนั้น
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ชั่วพริบตาเป็นตายแบ่งแยก เดิมทีพวกเขาหมายสยบหลินสวินด้วยพลังฮึกเหิมหนักหน่วง ไหนเลยจะคาดคิด แม้บุกโจมตีแต่เช่นนี้ยังคงถูกกำลังของอีกฝ่ายทำลายล้างมิอาจต้าน
นึกถึงเมื่อครู่ที่ตนเกือบก้าวสู่ความตาย หลินเนี่ยนซานก็ขวัญหนีดีฝ่อ สีหน้าไม่น่าดูอย่างที่สุด
“คนเดียวเนี่ยนะ ซ้ำยังเป็นแค่เด็กหนุ่มเพียงคนเดียว เขา… ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งเช่นนี้” ทั่วร่างเขาสั่นระริก ยากจะรับทุกอย่างนี้
แต่ขณะที่หลินเนี่ยนซานกำลังมึนงง หลินสวินอาศัยเวลานี้ทยอยสังหารอีกสี่ห้าคนติดต่อกัน เกือบทั้งหมดถูกฆ่าในกระบวนท่าเดียว เรียบง่ายตรงไปตรงมา ผ่อนคลายราวเกี่ยวเก็บข้าว ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยถูกสกัดกั้น
อานุภาพทรงพลังไร้เทียมทานเช่นนั้น ไม่จำเป็นต้องแต่งแต้มใดๆ ก็สั่นสะเทือนทุกคนที่อยู่ตรงนั้น!
ที่น่ากลัวที่สุดคือจวบจนเวลานี้ ทั้งตัวหลินสวินยังคงมีท่าทีนิ่งสงบไร้อารมณ์ อาภรณ์มิแปดเปื้อน เด่นผงาดไร้มลทิน
แต่ใต้ฝ่าเท้าเขากลับสุมกองไปด้วยร่างไร้วิญญาณและบ่อโลหิตมากมายที่ยังคงอุ่นอยู่!
ราชันอินทรีแดงเฝ้าดูอยู่ด้านข้างโดยตลอด นี่คือเรื่องในตระกูลของหลินสวิน ไม่ให้มันสอดมือเข้ามายุ่ง ด้วยเหตุนี้มันจึงเพียงมองดูสมรภูมิฉากนี้
แม้เคยรู้ซึ้งถึงความน่าหวาดกลัวในพลังต่อสู้ของหลินสวิน แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยตาตนเอง ยังคงทำให้ใจราชันอินทรีแดงกระเพื่อมไหว ไม่อาจนิ่งสงบ
ในที่สุดมันก็เข้าใจ ว่าเหตุใดสมัยบรรพกาลผู้แข็งแกร่งหมื่นเผ่าพันธุ์จึงยกย่องสรรเสริญและใฝ่ฝันถึง ‘มกุฎมรรคา’ เช่นนี้
ผู้สามารถก้าวสู่ขอบเขตนี้จะต้องเป็นราชันในหมู่ผู้กล้า ประดุจตะวันกลางนภา สามารถส่องประกายชั่วกัปชั่วกัลป์!
นี่คือมรรคาซึ่งแข็งแกร่งที่สุด ถูกขนานนามว่ามกุฎวีรชน สามารถกดกำราบและกวาดล้างผู้คนในระดับเดียวกัน!
และหลินสวิน ได้ยืนอยู่บนยอดมกุฎระดับหยั่งสัจจะอย่างไม่ต้องสงสัยแม้แต่น้อย ดุจดั่งราชัน เรียกได้ว่าเป็นตำนานที่มีลมหายใจคนหนึ่ง!
‘ใครเล่าจะคาดคิด ราชันระดับหยั่งสัจจะ ผู้กล้าที่อยู่ในมรรคาสูงสุด จะเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีคนหนึ่ง’
ราชันอินทรีแดงไม่อาจนิ่งสงบยิ่งกว่าเดิม ตื่นเต้นและสั่นสะท้าน
ขณะเดียวกันมันยังเวทนาบรรดาคนใหญ่คนโตตระกูลรองพวกนั้น นี่ก็คือกบในกะลาที่น่าสงสารกลุ่มหนึ่ง ไม่รู้ความยิ่งใหญ่แห่งฟ้าดิน น่าขันหาใดเปรียบ
บุคคลเฉกเช่นนายท่าน ไม่ช้าก็เร็วต้องสร้างเกียรติและศักดิ์ศรีในการชิงชัยหมื่นมรรคา อนาคตหลังจากนี้มิอาจประมาณได้
แต่พวกเขากลับไม่รู้จักฉวยโอกาสนี้สนับสนุนค้ำชูนายท่าน กลับเห็นนายท่านเป็นศัตรูเพื่อแย่งชิงอำนาจน่าหัวเราะส่วนหนึ่ง ทำไมช่างน่าขันเยี่ยงนี้
‘โอกาสอันประเสริฐอยู่เบื้องหน้า พวกเจ้ากลับมีตาหามีแววไม่ เหอะๆ ช่างไร้สาระจริงๆ…’
ราชันอินทรีแดงยิ้มเยาะอยู่ในใจ
การเข่นฆ่ายังคงดำเนินต่อเนื่อง หลินสวินประหนึ่งกลายเป็นเพชฌฆาตไร้ปรานี เหินทะยานทั่วที่แห่งนั้น
เลือดสดๆ ไหลรินเต็มพื้น ทุกหนแห่งล้วนเป็นสีแดงชวนประหวั่น ดุจนรกสังหารน่าสยดสยอง
หากถูกคนภายนอกรู้เข้าจะต้องหน้าเปลี่ยนสีเป็นแน่ นี่ล้วนเป็นคนตระกูลหลิน ถึงแม้เป็นตระกูลรอง ที่ไหลอยู่ในกายก็ยังเป็นโลหิตตระกูลหลิน
แต่หลินสวินกลับมีท่าทีจะสังหารให้สิ้น หากแพร่งพรายออกไปจะต้องแบกรับชื่อเสียหนักหน่วงว่า ‘สังหารเครือญาติ’!
แต่หลินสวินหาได้สนใจไม่
เพื่ออนาคตของตระกูลหลิน เขาจำต้องสะสางให้สิ้นซาก ไม่อาจทนให้เหตุการณ์นองเลือดเมื่อสิบกว่าปีก่อนเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง!
สำหรับคนทรยศ จำเป็นต้องมอบการโจมตีอันเหี้ยมโหด
และในสายตาหลินสวิน ขุมอำนาจสามตระกูลรองธารประจิม คานเมฆาและยอดวายุ ได้ทำการทรยศอย่างสมบูรณ์แล้ว
สิบกว่าปีก่อน พวกเขาก็สมคบคิดขุมอำนาจภายนอก แบ่งสรรปันส่วนทรัพย์สินตระกูลหลินด้วยกัน หลินสวินอดทนแล้ว ยินยอมให้โอกาสพวกเขาไถ่บาปและกลับเนื้อกลับตัว รับปากว่าจะมอบเวลาให้พวกเขาใคร่ครวญสามปี
แต่ท้ายที่สุดพวกเขากลับไม่รู้จักเห็นคุณค่า กลับหันไปพึ่งพาสองตระกูลจั่วและฉินโดยสมบูรณ์ ยอมเป็นสุนัขรับใช้สองตระกูลนี้ แต่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อภูเขาชำระจิต
นี่ก็คือสิ่งที่หลินสวินไม่อาจอดทนอย่างเด็ดขาด!
“หยุด! พวกเรายอมแพ้แล้ว…”
หลินเทียนหลงร้องตะโกนอย่างโศกา เขาสั่นไปทั้งตัว ไม่อาจควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ในใจหลั่งเลือด
คนใหญ่คนโตที่มารวมตัวกันครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลชั้นนำของสามตระกูลรอง แต่ยามนี้กลับถูกผู้อื่นสังหารราวกับเด็ดผักหั่นแตง นี่เป็นการโจมตีที่ไม่ว่าใครก็ยากจะรับได้
หลินเทียนหลงมิอาจทนมองได้อีกต่อไป ความเสียหายนี้มากเกินไปแล้ว กระทั่งหลังจากนี้แม้แต่จะยืนหยัดในนครต้องห้ามยังยากลำบาก!
ขณะเดียวกันในใจเขาก็เกิดความสิ้นหวัง
ครึ่งปีก่อน หลินสวินที่อยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณกดข่มพวกเขาสามตระกูลจนหายใจไม่ออก มาวันนี้เขาเปลี่ยนเป็นน่าหวาดกลัวและทรงพลังเช่นนี้ ต่อจากนี้ไปพวกเขาสามตระกูลไหนเลยจะมีโอกาสพะงาบหายใจ
“ข้าให้เวลาพวกเจ้าใคร่ครวญสามปี ตอนนี้เพิ่งมาเสียใจภายหลัง? สายไปแล้ว!”
นัยน์ตาดำขลับของหลินสวินเย็นชา น้ำเสียงนิ่งสงบแฝงความเด็ดเดี่ยว ในใจเขาโกรธแค้นยิ่ง ไฟโทสะที่สุมอกยังไม่ได้ระบายให้หมดไป วันนี้ไม่ว่าผู้ใดจะมา ล้วนมิอาจขัดขวางการสะสางบัญชีให้สิ้นซากครานี้!
………………….
ตอนที่ 656 ค่าตอบแทนของการทรยศ
โดย
ProjectZyphon
ได้ยินคำตอบเด็ดเดี่ยวและไม่เหลือทางให้ถอยนั้นของหลินสวิน หลินเทียนหลงพังทลายลงอย่างสมบูรณ์ ตะลึงงันอกสั่นขวัญหายอยู่ตรงนั้น
เพลิงไฟควันเขม่าตลบอบอวล เสียงร้องโหยหวนก้องกังวาน ร่างไร้วิญญาณบนพื้นมากยิ่งกว่าเดิม แอ่งเลือดที่ส่องสะท้อนใต้แสงดาบเงากระบี่ปรากฏสีแดงบาดตา
นี่คือโศกนาฏกรรมที่ไม่อาจคาดการณ์ฉากหนึ่ง ซ้ำยังเพิ่งเปิดฉาก!
ไม่เพียงหลินเทียนหลงที่ไม่ตาย หลินเนี่ยนซานและหลินผิงตู้เองก็ยังไม่ตายเช่นเดียวกัน เพียงแต่ที่ต่างจากหลินเทียนหลงคือ สองคนหลังเวลานี้ประดุจดั่งบ้าคลั่ง
พวกเขาควบคุมอารมณ์ไม่อยู่นานแล้ว ถูกกระตุ้นจากภาพต่างๆ เบื้องหน้าจนบ้าคลั่ง บุกจู่โจมอย่างต่อเนื่อง เข้าสังหารหลินสวินราวกับไม่เสียดายชีวิต
เพียงแต่หลินสวินกลับไม่คิดสังหารพวกเขาทันที แต่ละคราล้วนซัดทั้งสองปลิวกระเด็น ดูอเนจอนาถมิอาจทานทน
“เจ้ามันใจโฉดนัก หมายให้พวกข้าเบิกตามองเจ้าสังหารหมู่พี่น้องร่วมตระกูลพวกเราใช่ไหม” หลินเนี่ยนซานแผดเสียงคำราม ดวงตาปูดโปนแทบถลน
“ถ้ามีปัญญาก็ฆ่าข้าซะ! เหตุใดไม่กล้า? มาสิ!” อีกฟากหนึ่งหลินผิงตู้ผมเผ้ายุ่งเหยิง สีหน้าบิดเบี้ยววิกลจริต
น่าเสียดาย หลินสวินไม่สนใจไยดีทั้งหมดนี้ ท่าทีมองข้ามและเลือดเย็นอำมหิตเช่นนั้น ทำเอาทั้งสองคนต่างใกล้จะเป็นบ้าไปจริงๆ
นี่คือการทรมานอย่างโหดร้ายหาใดเปรียบอย่างหนึ่ง ทำให้พวกเขาอยากตายก็ไม่ได้ ได้แต่มองดูตาปริบๆ
มองเห็นโศกนาฏกรรมนี้ เห็นคนในตระกูลร่วมสายโลหิตแต่ละคนบ้างหวาดผวา บ้างหมดหนทาง บ้างโกรธแค้น บ้างไม่พอใจล้มตัวลงแอ่งเลือดสีแดงสด!
ช่างทรมานกันเกินไปแล้ว!
ต่อสู้มาถึงเวลานี้ ในโถงนั้นบาดเจ็บล้มตายไปเกินครึ่ง วิธีสังหารคนอย่างหมดจดชัดเจนราวพายุหอบเศษเมฆานั่นของหลินสวิน สะเทือนสยบทุกผู้คนอยู่ก่อนแล้ว ทำให้พวกเขารู้สึกขวัญหนีดีฝ่อและหวาดกลัว ใจต่อสู้พังทลาย
เพียงแต่เมื่อพวกเขาเลือกที่จะหนีตายกลับค้นพบอย่างพิศวงว่า ทั่วทุกสารทิศล้วนถูกหมอกควันกว้างใหญ่ปกคลุม เสาหินลึกลับสี่ต้นตั้งตระหง่าน กักขังฟ้าดินแถบนี้โดยสมบูรณ์
เสามังกรจตุลักษณ์!
ทุกคนในที่นั้นมีหรือจะไม่รู้จักสมบัตินี้ นี่คือสมบัติประจำตระกูลหลินแห่งยอดวายุ อยู่ในการครอบครองของหลินเฟยเฟิง บิดาหลินผิงตู้มาตลอด
เพียงแต่หลินเฟยเฟิงถูกสังหารในมือหลินสวินตั้งนานแล้ว แน่นอนว่าสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้จึงต้องตกอยู่ในมือหลินสวิน
พริบตานั้นทุกคนล้วนสิ้นหวัง พวกเขาเพิ่งตระหนักได้ว่า นับตั้งแต่ที่หลินสวินเหยียบเข้าตระกูลหลินแห่งธารประจิม ก็ได้ตระเตรียมวิธีมากมายไว้ก่อนแล้ว ไม่คิดให้พวกเขาจากไปทั้งเป็น!
มิน่าล่ะการเคลื่อนไหวที่นี่ยิ่งใหญ่เพียงนี้ แต่จนถึงตอนนี้กลับไม่สร้างความตื่นตระหนกให้คนอื่นในตระกูลหลินแห่งธารประจิม
ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะที่นี่ถูกกักขังปิดผนึกตั้งนานแล้ว!
ตูม!
ยามรู้ถึงจุดนี้ หลินเทียนหลงราวถูกอสนีบาต ส่วนลึกในก้นบึ้งจิตใจเดิมเขายังฝากฝังโชคลาภลอย หวังว่าผู้อาวุโสตระกูลตนจะทราบข่าวแล้วรีบเร่งมาสังหารเจ้าคนป่าเถื่อนอย่างหลินสวินให้สิ้นซาก
แต่พริบตาที่เห็นเสามังกรจตุลักษณ์นั้น หัวใจเขาตายด้านอย่างสมบูรณ์
เรื่องน่าเศร้าใดๆ ไม่มีเรื่องไหนหนักกว่าจิตใจตาย!
เวลานี้สภาพจิตใจของหลินเทียนหลงสามารถใช้คำว่าจิตใจพังทลายมาพรรณนาได้
…
“ตอนนี้ ก็เหลือแค่พวกเจ้าสามคนแล้ว”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ริมหูยินเสียงราบเรียบหนึ่ง แต่กลับประหนึ่งฟ้าร้องกัมปนาทก็มิปาน ทำหลินเทียนหลงซึ่งอยู่ในสภาพหมดความรู้สึกและว่างเปล่าได้สติขึ้นมา
เขามองโดยรอบอย่างเลื่อนลอย กลับพบว่าที่แห่งนั้นแอ่งโลหิตหยาดย้อมปฐพี ร่างไร้วิญญาณนอนกอง
มีเพียงหลินเนี่ยนซาน หลินเฟยเฟิงสองคนที่ทรุดนั่งลงบนพื้น ผมเผ้าสยายยุ่ง อาภรณ์ขาดรุ่งริ่งมอมแมม เศษฝุ่นโคลนและคราบเลือดติดเต็มไปทั้งตัว ดวงตาทั้งสองเหม่อลอย
และตรงหน้า หลินสวินยืนอย่างโดดเดี่ยว เสื้อผ้ายังคงไม่แปดเปื้อนโลกีย์ สีหน้านิ่งสงบไร้อารมณ์ดังเดิม ราวเด็กหนุ่มผู้ไร้มลทินและเด่นสง่าคนหนึ่ง เมื่ออยู่ในภาพนองเลือดและทารุณนี้จึงยิ่งดูบาดตานัก
“พวกนั้น… ล้วนแต่เป็นญาติเจ้า… เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร…” หลินเทียนหลงเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก น้ำเสียงแหบพร่าและโศกเศร้า
“ญาติ?”
นัยน์ตาดำของหลินสวินปรากฏความเยียบเย็นวูบหนึ่ง “ข้าไม่เคยเห็นญาติต่ำทรามไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน ตั้งแต่พวกเจ้าเริ่มเลือกทรยศตระกูลหลินและเป็นศัตรูกับตระกูลหลินนั้น ในสายตาข้าพวกเจ้ามันก็แค่คนทรยศกลุ่มหนึ่ง!”
“เหอะๆ ตั้งแต่โบราณกาลมา ฉากจบการต่อสู้ใดๆ ล้วนไม่ใช่ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจรหรอกหรือ ครั้งนี้เจ้าชนะข้า ข้าก็ไม่มีคำใดจะพูด จะฆ่าจะแกงแล้วแต่เจ้าเถอะ!”
หลินเทียนหลงสีหน้าเฉยชาไม่แยแส
“ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจรรึ”
หลินสวินเวลานี้กลับพลันถอนหายใจแล้วเอ่ยถาม “เจ้าคิดว่า หลังตระกูลจั่วและฉินรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ จะแก้แค้นแทนพวกเจ้าหรือไม่”
หลินเทียนหลงชะงักงัน แต่จากนั้นก็กล่าวตอบโดยไม่ลังเล “แน่นอน!”
“เจ้าแน่ใจ?” หลินสวินจ้องมองอีกฝ่ายแน่วนิ่ง
หลินเทียนหลงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย แววตาวูบไหว ถึงกับไม่กล้าสบตาหลินสวินอยู่บ้าง หันศีรษะไปอีกด้านน้อยๆ
หลินสวินน้ำเสียงนิ่งสงบ “แท้จริงในใจเจ้ารู้คำตอบดี ตระกูลจั่วและฉินไม่มีทางออกหน้าแทนเจ้าแน่นอน!”
“เพราะข้ายังมีชีวิตอยู่ แต่พวกเจ้าล้วนตายเรียบ สำหรับตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงพวกนั้น คนตายไม่มีคุณค่าให้ใช้ประโยชน์อย่างไม่ต้องสงสัย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาไม่มีล่วงเกินข้าเพื่อพวกเจ้า!”
คำพูดรอบนี้ของหลินสวินดุจใบมีดคมกริบ แทงทะลุจิตใจหลินเทียนหลงอย่างหนักหน่วง ทำเอาสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง สีหน้าซีดเผือดหาใดเปรียบ
เขาสามารถกลายเป็นหัวหน้าตระกูลหลินแห่งธารประจิม แน่นอนว่าไม่ใช่บุคคลธรรมดา เดิมทีไม่จำเป็นต้องคิดเขาก็รู้ดีว่าที่หลินสวินพูดไม่ผิดแม้แต่น้อย
แต่เมื่อเผชิญความเป็นจริงอันโหดร้ายเช่นนี้ ใครเล่าจะสามารถตั้งสติรับมันได้
“พวกเราล้วนแพ้แล้ว เจ้ายังจะหยามหน้าพวกเราเช่นนี้อีกรึ” หลินเนี่ยนซานซึ่งทรุดลงกับพื้นอยู่อีกฝั่งเอ่ยปาก น้ำเสียงทุ้มต่ำราวสูญเสียแรงกำลังทั้งมวล
“มอบความสบายใจแก่พวกเราเถอะ”
ดวงตาทั้งสองของหลินผิงตู้เหม่อลอย ส่งเสียงพึมพำ
“พวกเจ้าผิดแล้ว ไว้ชีวิตพวกเจ้าน่ะไม่ใช่เพื่อหยามหน้าและทรมานพวกเจ้า”
หลินสวินกล่าวเรียบๆ “ข้าแค่อยากให้โอกาสสุดท้ายแก่พวกเจ้าสามตระกูล”
โอกาส?
พวกหลินเทียนหลงชะงักโดยพร้อมเพรียง
หลินสวินกล่าว “บางทีพวกเจ้าอาจสมควรตาย แต่พวกเจ้าอยากให้คนในตระกูลของตนถูกฝังไปพร้อมกับพวกเจ้างั้นรึ”
ประโยคเดียวทำพวกหลินเทียนหลงหวาดหวั่นขึ้นมา ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมากจากไหน กล่าวเสียงกร้าวโดยพร้อมเพรียง “เจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่”
มีชีวิตอยู่บนโลก พวกเขามิใช่หัวเดียวกระเทียมลีบ ยังมีบุตรภรรยา ยังมีญาติมิตร ยังมีคนในตระกูลร่วมสายเลือดคอยพึ่งพา!
เมื่อนึกถึงว่าหากหลินสวินเหี้ยมโหด สังหารคนของพวกเขาสามตระกูลสิ้น ผลลัพธ์นั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ปรารถนาจะเห็นเป็นแน่
“พวกเจ้าถามข้าว่าคิดจะทำอย่างไร?”
ความนิ่งสงบภายในนัยน์ตาหลินสวินท้ายที่สุดก็ไม่อาจเก็บรักษา ท่วมท้นไปด้วยความโกรธแค้นที่ไม่อาจอำพราง “หากในสามปีนี้ พวกเจ้าสามารถคิดแทนคนในตระกูลเช่นนี้ ไหนเลยจะมีเหตุการณ์วันนี้เกิดขึ้น!?”
น้ำเสียงเยียบเย็นดุจดั่งฟ้าร้องกัมปนาท หลินสวินในเวลานี้ไม่อาจควบคุมไฟโทสะแล้ว เขาใช้สองมือของตนขุดรากถอนโคนคนทรยศในตระกูลด้วยตนเอง รสชาติเช่นนั้นมีหรือจะสบายใจ
คนภายนอกอาจเห็นเขาหลินสวิน ‘สังหารเครือญาติ’ แต่ใครเล่าจะรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดในใจเขา
เมื่อเผชิญหน้ากับการย้อนถามของหลินสวิน พวกหลินเทียนหลงสั่นไปทั่วร่าง สีหน้าซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม ก้มหน้าหดหู่หมดคำพูด
ครู่ใหญ่หลินสวินสูดหายใจลึก กล่าวเสียงเรียบ “พวกเจ้าวางใจ ในสายตาข้าหลินสวิน คนในตระกูลที่ไร้ความผิดเหล่านั้นยังคงเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหลินของข้า ขอแค่พวกเจ้าสำนึกผิดกลับตัว บนภูเขาชำระจิตจะต้องมีที่สำหรับพวกเขา”
พวกหลินเทียนหลงต่างตะลึงงันอยู่ตรงนั้น คล้ายไม่กล้าเชื่ออยู่บ้าง ผลลัพธ์นี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิด ไม่ใช่ว่าเลวร้ายเกินไป แต่เป็นดีเกินไป!
“บางทีพวกเจ้าอาจไม่เชื่อ ตั้งแต่ที่รับช่วงดูแลภูเขาชำระจิตนั้น ข้าหาได้สนใจสิ่งที่เรียกว่าอำนาจของตระกูลไม่ กระทั่งใคร่ครวญเอาไว้เสร็จสรรพ ว่ารอจัดการศึกนอกศึกในตระกูลหลินให้เรียบร้อยแล้วก็จะลงจากตำแหน่งผู้นำตระกูล”
หลินสวินยืนอยู่ตรงนั้น กล่าวเสียงเบาต่อ “ข้ายังต้องชำระแค้นแทนบิดามารดา ตามหาอาจารย์ของข้า แสวงหามหามรรคแห่งตน ไม่มีกำลังและความคิดมาควบคุมดูแลตระกูลหนึ่งโดยสิ้นเชิง น่าเสียดาย… ถึงพวกเจ้ารู้สิ่งเหล่านี้แต่ต้นเกรงว่าคงไม่เชื่อแต่แรก”
พวกหลินเทียนหลงสีหน้าปรวนแปรประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้าย เงียบงันปิดวาจา
ครืน!
หลินสวินสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง เก็บเสามังกรจตุลักษณ์ ผนึกพันธนาการจตุรทิศหายไปทันที
“เทียนหลง! พวกเจ้า… นี่มัน… ทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้…”
ทันใดนั้นเงาร่างชายชราผู้หนึ่งปรากฏตัว เขาคือหลินซีซี ตามลำดับอาวุโสคือปู่รองของหลินสวิน เป็นผู้อาวุโสที่อยู่ในระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง
เขาถูกทำให้ตื่นตระหนกนานแล้ว ร้อนรนกระสับกระส่าย แต่กลับถูกกันไว้นอกเสามังกรจตุลักษณ์ ไม่อาจทำลายผนึกต้องห้ามชนิดนี้
และเวลานี้ในที่สุดก็ได้เห็นทุกอย่างเบื้องหน้าชัดเจน หลินซีซีอึ้งงันอย่างที่สุด ราวกับถูกอสนีบาต ลูกตาคั่งโลหิตไปชั่วขณะ
ซากศพและแอ่งโลหิตเกลื่อนกลาดระเนระนาดทั่ว ดุจนรกในโลกมนุษย์อย่างแท้จริง!
“ทั้งหมดนี้ เจ้าเด็กนี่เป็นคนทำงั้นรึ” หลินซีซีโกรธจนผมเผ้าหนวดเคราพลิ้วไหว แววตาเย็นยะเยือกจ้องมองร่างหลินสวินเขม็ง
ข้างหลังเขายังมีคนตระกูลหลินแห่งธารประจิมกลุ่มหนึ่ง มีทั้งชายทั้งหญิงแน่นขนัด เวลานี้ต่างถูกภาพนองเลือดนี้ทำเอานิ่งอึ้ง มือเท้าเย็นเยียบ
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
พาให้พวกเขาไม่อาจยอมรับ
“ไม่ผิด”
เห็นได้ว่าหลินสวินเยือกเย็นและนิ่งสงบยิ่ง สบตาหลินซีซีกล่าว “ข้าคือผู้นำตระกูลหลิน แค่ขุดรากถอนโคนคนทรยศส่วนหนึ่งเท่านั้น หรือว่าข้าทำผิด?”
“เจ้า…”
หลินซีซีโกรธจนตัวสั่นไปทั้งร่าง กัดฟันกรอด “เจ้าถึงกับกล้าฆ่าฟันผู้อาวุโสตระกูลเดียวกันอย่างเนรคุณ สมควรตายยิ่งนัก!”
ตูม!
พลังน่าหวาดกลัวแผ่กระจายจากร่างหลินซีซี สะท้านหมู่เมฆ นี่คือพลานุภาพของมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติ ทันทีที่บันดาลโทสะ ก็สามารถเผาภูผาต้มสมุทร ก่อให้เกิดภัยพิบัติไม่อาจคาดเดา
หลินสวินสีหน้าเงียบสงบเยือกเย็นไม่หวั่นเกรง เพียงแต่หลินเทียนหลงกลับหน้าเปลี่ยนสี พุ่งเข้ามาขวางหน้าหลินซีซีทันที
“ท่านพ่อ อย่า!”
หลินเทียนหลงตะโกนลั่น “ครั้งนี้เป็นพวกข้าที่ผิด คนที่ตายวันนี้มากพอแล้ว! ท่านอย่าได้ลงมืออีกเลย!”
“เจ้า…” หลินซีซีตระหนกตกใจอยู่ตรงนั้น เขาคาดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิงว่าผู้ที่หยุดยั้งตนคือบุตรชายของตัวเอง!
แม้แต่หลินสวินยังคาดไม่ถึงอยู่บ้าง เพียงแต่ไม่นานเขาก็เยือกเย็นลง ด้วยรู้ว่าหลินเทียนหลงแค่คิดจะกู้คืนความผิดพลาดเท่าที่จะเป็นไปได้
“ทำไมกัน” หลินซีซีสีหน้าอึมครึม
“สิบกว่าปีก่อน พวกเราก็ทำผิดไปแล้ว เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้ข้าเข้าใจกระจ่าง พวกเรา… ไม่อาจทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกเด็ดขาด!”
หลินเทียนหลงหอบหายใจกระชั้นถี่พักหนึ่ง น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวกึกก้อง “อีกทั้งหลินสวินได้รับปากละเว้นคนในตระกูลผู้บริสุทธิ์ ถึงขั้นให้โอกาสพวกเขาหวนคืนภูเขาชำระจิต”
“ท่านพ่อ นี่คือผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว ข้าไม่หวังให้ฆ่าฟันกันเองอีกต่อไปแล้ว รสชาติเช่นนี้มันเจ็บปวดเกินไป…”
“ข้าไม่อยากให้คนอื่นๆ ในตระกูลถูกดึงติดร่างแหอย่างไร้ความผิดไปกับข้า หากเป็นเช่นนั้นข้าคงเป็นคนบาปที่ถูกสาปแช่งชั่วลูกชั่วหลาน แม้ตายไปก็ละอายต่อบรรพชนทุกรุ่นของตระกูลหลินเรา…”
พูดถึงตอนท้ายสุด หลินเทียนหลงมหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะผู้ผ่าเผย หัวหน้าตระกูลหลินแห่งธารประจิมถึงกับน้ำตาคลอสองนัยน์ตา ความรู้สึกแทบจะพังทลาย!
หลินซีซีไหวหวั่น คนตระกูลหลินแห่งธารประจิมทั้งหมดในที่นั้นก็หวั่นไหว ทุกคนต่างตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ในใจมีรสชาติเหลือจะเอ่ยประการหนึ่ง
หลินสวินที่อยู่ห่างออกไปลอบพยักหน้า สีหน้าอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย หลินเทียนหลงเวลานี้ได้รับการยอมรับจากเขาแล้วเสี้ยวหนึ่ง
………………..
ตอนที่ 657 เรื่องสนุกเพิ่งจะเริ่ม
โดย
ProjectZyphon
บรรยากาศเงียบสงัด คำพูดของหลินเทียนหลงดุจฟ้าถล่มดินทลาย ทำให้คนตระกูลหลินแห่งธารประจิมทั้งกลุ่มยากจะคืนสติในชั่วขณะ
หน้าอกหลินซีซีกระเพื่อมไหวขึ้นลงอยู่นาน ท้ายที่สุดจึงข่มกลั้นความเดือดดาลในใจ นัยน์ตาเย็นเยียบจ้องมองหลินสวิน “อยากให้พวกข้าตระกูลหลินแห่งธารประจิมสวามิภักดิ์? ก็ได้ ผ่านด่านข้าไปก่อน! เพียงแค่ได้การยอมรับจากข้า เรื่องนี้… ข้าจะไม่สืบสาวราวเรื่องอีก!”
หลินสวินขมวดคิ้วมุ่น หวนคืนสู่ความสงบนิ่งทันใด กล่าวว่า “ที่ข้าต้องการคือการยอมจำนน หาใช่การยอมรับ เจ้าสามารถปฏิเสธได้ แต่อย่ามาโทษข้าที่ค่ำคืนนี้เลือดจะนองแดนดิน”
เลือดนองแดนดิน!
เพียงสี่คำกลับทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นใจสั่นสะท้าน สีหน้าต่างเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูหาใดเปรียบ
โดยเฉพาะหลินซีซียิ่งโกรธจนผมตั้ง โมโหจนหน้าประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว สีหน้าแปรเปลี่ยน ครู่ใหญ่จึงกล่าวว่า “ยอมจำนน? ได้! แต่อาศัยเด็กน้อยคนหนึ่งอย่างเจ้า มีสิทธิ์อะไรมาให้ข้ายอมจำนน”
ประโยคนี้เห็นได้ชัดว่าพูดได้เต็มปากเต็มคำ แฝงการตวาดและปรามาส
ยึดตามลำดับความอาวุโส เขาเป็นถึงปู่รองของหลินสวิน มาบัดนี้กลับถูกคนรุ่นหลังอย่างหลินสวินเข้ามาสังหารคนถึงในบ้าน กระทำการข่มขู่ นี่มันน่าอัปยศอดสูจริงๆ
“ท่านพ่อ!”
หลินเทียนหลงรีบเร่งร้อนรน คุกเข่าลงพื้นดังตุบก่อนโขกศีรษะกล่าว “ข้าขอร้องท่าน เพื่อคนตระกูลหลินแห่งธารประจิมเหล่านั้น ขอร้องท่านวางมือเถอะ!”
“เจ้า…”
หลินซีซีบันดาลโทสะยิ่งกว่าเดิม โกรธจนพูดไม่ออก ให้เขาก้มหัวให้เด็กรุ่นหลานคนหนึ่ง? ไม่มีทางซะหรอก!
กลับเห็นหลินสวินหรี่ตาลง ในที่สุดจึงกล่าวทอดถอนใจ “เห็นแก่การคุกเข่านี้ของเจ้า ข้าจะให้โอกาสยอมจำนนแก่บิดาเจ้า!”
พูดถึงตรงนี้ นัยน์ตาดำของเขาเย็นชา กล่าวพลางมองไปยังหลินซีซี “เจ้าไม่ใช่ถามข้าหรือว่ามีสิทธิ์อะไร ง่ายมาก พลัง!”
สวบ!
น้ำเสียงเพิ่งจางหาย เงาร่างเขาก็วูบไหว หมัดหนึ่งจู่โจมไปยังหลินซีซี
พลังหมัดเรียบง่าย เจือทำนองศักดิ์สิทธิ์หวนสู่สามัญ เรียบง่ายตรงไปตรงมา ทว่ากลับประดุจราชันเทพบรรพกาลเคลื่อนยกคีรีกดทับใต้หล้า!
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตื่นตระหนกหวั่นกลัว ลงมือทั้งอย่างนี้หรือ แข็งกร้าวเกินไปแล้ว!
ชั่วดีอย่างไรหลินซีซีเองก็เป็นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง มีหรือที่เด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งจะมายั่วยุได้
ต่อให้เป็นราชันอินทรีแดงซึ่งเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ขณะนี้หนังตายังอดกระตุกไม่ได้ นี่นายท่านหมายประลองข้ามระดับ กำราบระดับกระบวนแปรจุติงั้นรึ
“วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้า ว่าอะไรที่เรียกว่าผู้อาวุโสไม่อาจหยาม!”
หลินซีซีโกรธจัดจนหัวเราะ เงาร่างเขาส่องสว่างเรืองรอง พลานุภาพทะลวงเมฆาทลายชั้นเวหา ทะยานตัวตวาดลั่น
“ไม่…” หลินเทียนหลงร้อนรน แต่เขาก็ขัดขวางไม่ทันแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านฐานะระดับใด ทำไมถึงโอนอ่อนผ่อนตามเจ้าหนุ่มนั่น มีท่านปู่อยู่ฟ้ายังจะถล่มเชียวรึ”
ชายหนุ่มเสื้อผ้าหรูหราคนหนึ่งพุ่งเข้ามาประคองหลินเทียนหลงที่คุกเข่าอยู่บนพื้น หน้าตาไม่พอใจและหัวเสีย
เพียะ!
หลินเทียนหลงโกรธจนฟาดฝ่ามือหนึ่งลงบนหน้าชายหนุ่มคนนั้น ตบจนฝ่ายหลังเลือดกบจมูกปาก ร่างกายลอยลิ่วปลิวกระเด็น ส่งเสียงร้องโหยหวน แค่คิดก็รู้แล้วว่าพลังฝ่ามือนี้ของหลินเทียนหลงแรงระดับใด
แต่ยังไม่จบแค่นั้น หลินเทียนหลงในยามนี้ราวพญาราชสีห์โกรธจัด เท้าข้างหนึ่งเตะใส่ท้องบุตรชายตน ใช้สายตาเกรี้ยวกราดเยียบเย็นหาใดเปรียบจ้องฝ่ายหลัง กัดฟันกล่าว “เจ้ากล้าพูดมากอีกคำ ข้าจะตอนเจ้าซะเดี๋ยวนี้!”
เขาเดือดดาล นี่มันเวลาไหนแล้ว บุตรชายของตนยังไม่มีตา หากถูกหลินสวินได้ยินเข้าจะต่างอะไรกับรนหาที่ตาย
ชายหนุ่มชุดหรูพลันสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ถูกสายตาเคร่งขรึมดุดันของหลินเทียนหลงทำเอาตระหนกจนมือเท้าเย็นเยียบ ตกใจอยู่ตรงนั้น เขาตระหนักรู้ว่าบิดาไม่ได้กำลังล้อเล่น!
ขณะที่ละครคั่นฉากนี้เกิดขึ้น หลินสวินและหลินซีซีต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่ก่อนแล้ว ฟ้าดินแถบนี้ปั่นป่วน กระแสลมมลายล้างชวนประหวั่นม้วนแผ่คลุม
ก็เห็นกลางอากาศเงาร่างหลินสวินดุจมายา เท้าใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง ออกหมัดดุจสายฝน เขมือบกลืนสรรพทิศดุจดั่งเทพเซียน แม้ต่อกรกับผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติยังถึงขั้นพอฟัดพอเหวี่ยง
ด้านหลินซีซีสำแดงกระบวนท่าสังหารไม่หยุดหย่อน แต่กลับไร้ประโยชน์
นี่ทำให้เขาอดตระหนกไม่ได้ รับรู้ถึงความไม่ชอบมาพากล เขารู้ว่าตนดูแคลนหลินสวินเกินไป แต่กลับไม่อาจจินตนาการได้ว่า เด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีคนหนึ่งที่ครอบครองพลังปราณระดับหยั่งสัจจะ แต่กลับสามารถต้านทานตนได้อย่างไร!?
นี่เห็นได้ว่าสะเทือนใต้หล้าและคาดไม่ถึงเกินไป
ระหว่างระดับหยั่งสัจจะและกระบวนแปรจุติ เป็นระดับขอบเขตที่ยิ่งใหญ่ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา แค่พลิกฝ่ามือหลินซีซีก็สามารถสังหารระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย
แต่ตอนนี้…
กลับเปลี่ยนไปแล้ว!
ความแข็งแกร่งแห่งพลังต่อสู้ของหลินสวิน ความน่าพรั่นพรึงแห่งเจตจำนงของการต่อสู้ ล้วนอยู่นอกเหนือการคาดคะเนของหลินซีซี ประดุจสัตว์ประหลาดพลิกฟ้าตนหนึ่งทลายปราการหว่างขอบเขต สำแดงพลังแฝงอันแข็งแกร่งและต่อสู้ข้ามระดับ
สิ่งนี้ น่าหวาดกลัวเกินไปโดยไม่ต้องสงสัย
อย่างน้อยที่สุดสอดส่องสายตามองทั่วนครต้องห้าม ล้วนหาผู้ทัดเทียมเสมอเหมือนหลินสวินไม่พบ!
“หึ!”
หลินซีซีสีหน้าอึมครึมสูดหายใจลึก ใช้วิชาลับทรงพลานุภาพยิ่งกว่าเดิม เผยพลังของมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติถึงขีดสุด
วันนี้หากไม่อาจจัดการหลินสวิน นั่นคงเป็นความอัปยศอดสูใหญ่หลวง หากแพร่งพรายออกไป เขาหลินซีซีอย่าได้คิดจะเงยหน้าขึ้นอีกเลย
มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติผู้สง่าผ่าเผย ทั้งเป็นรุ่นปู่ของฝ่ายตรงข้ามกลับทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ นี่ยังไม่เสียหน้าและอับอายพออีกรึ
ตูม!
หลินซีซีบันดาลโทสะ อานุภาพพลันเปลี่ยนแปลง ทำทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างร้องเสียงหลง เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นการต่อสู้ชั้นยอดระดับนี้กับตาตนเอง
แต่ที่ทำให้ทุกคนหวาดหวั่นคือ แม้อยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินกลับยังไม่ถูกกดดัน
ทั่วร่างเขาไหลบ่าด้วยท่วงทำนองแห่งมรรคสีเขียวอ่อน ชายเสื้อลอยล่อง ชือน้ำแข็งตัวหนึ่งขดล้อมทั่วกาย กลิ่นอายโดดเด่นไม่ธรรมดายิ่งกว่าเดิม
และในมือเขา ดาบหักครวญคร่ำล้ำลึก แสงดาบที่ปลดปล่อยออกมากวาดตะบึงกลางอากาศ พุ่งชนดุจวัวกระทิง ตัดแหวกอากาศอย่างน่าตกตะลึง
ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งเช่นนี้
เดิมทีคนตระกูลหลินแห่งธารประจิมกลุ่มนั้นยังมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าต่อหลินซีซี แต่บัดนี้ความมั่นใจกลับเริ่มสั่นคลอน
ราชันอินทรีแดงจ้องมองตาไม่กะพริบ ในใจเขาสั่นสะท้านเช่นเดียวกัน
เขารู้ถึงความน่ากลัวและแข็งแกร่งของมกุฎราชันระดับหยั่งสัจจะ แต่คิดไม่ถึงว่าจะทรงพลังถึงขั้นสามารถต่อสู้ข้ามระดับกับมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติได้!
‘ศักยภาพของนายท่านเขา… น่ากลัวถึงระดับใดกันแน่’ ราชันอินทรีแดงมองไม่ออก พลังที่หลินสวินเผยให้เห็นล้มล้างสิ่งที่เขาเคยรับรู้ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เขาใจเต้นหวาดหวั่นและยำเกรง และความเลื่อมใสเทิดทูนหลินสวินยิ่งระอุกว่าเดิม
ตูม!
กลางอากาศ เสียงปะทะสะท้านฟ้าสะเทือนดินก้องดังขึ้น แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งสาดจตุรทิศ อึกทึกดับโสต ทำให้บรรดาผู้ชมต่างเลือดลมตีกลับ ตาพร่าลาย
หลินสวินมือกระชับดาบหัก ปลายดาบพุ่งทะลวงฟ้ากว้าง ยกขึ้นฟาดฟันม่านนภา ตวัดลงผ่าตัดห้วงอากาศ ตัดสลับไปมาไม่อาจต้านทาน
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
พวกหลินเทียนหลง หลินเนี่ยนซาน หลินผิงตู้สีหน้ายิ่งซีดจางกว่าเดิม ยิ่งตระหนักรู้ว่าที่หลินสวินกล้ามาถึงถิ่นตัวคนเดียว แท้จริงแล้วเป็นเพราะไม่เกรงกลัวสิ่งใดจริงๆ
น่าขันที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นหลินสวินเป็นเหยื่อ…
การต่อสู้ในตอนนี้ สีหน้าหลินซีซีจริงจังเคร่งขรึมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาจับจ้องเด็กหนุ่มตรงหน้าเขม็ง ในใจสั่นสะท้าน
พลังที่หลินสวินแสดงออกมาทั้งมวล ในระดับหยั่งสัจจะเรียกได้ว่าเกริกก้องสะท้านอดีตจวบปัจจุบัน อยู่เหนือผู้อยู่ในระดับเดียวกัน ที่น่ากลัวที่สุดคือเขายังเยาว์วัยเช่นนี้ แต่กลับมากความสามารถบนเส้นทางมหามรรคถึงเพียงนี้ หากหลังจากนี้เขาเติบใหญ่ต่อไป จะเปลี่ยนเป็นน่าหวาดกลัวขนาดไหน
ทันใดนั้นหลินซีซีพลันตวาดเสียงเย็น “คิดอาศัยพลังเช่นนี้เอาชนะข้า ให้ข้ายอมจำนน? น่าขัน!”
“งั้นรึ”
หลินสวินสีหน้านิ่งสงบ เพียงสะบัดดาบออกไป
แสงแพรวพราวแถบหนึ่งไหลทะลัก ระเหยคลั่งดุจภาพฝัน ปรากฏภาพประหลาดสะท้านพิภพที่หมื่นดาราร่วงหล่น ราตรีนิรันดร์มาเยือน
กระบวนท่าคว้าดารา!
อานุภาพแห่งดาบเดียวดั่งราตรีนิรันดร์ปกคลุม ม้วนห่อไว้ซึ่งหมื่นดาราร่วงหล่น บัดนี้ปรากฏบนโลกมนุษย์ พลังเหนือธรรมดาระดับนั้นทำให้ฟ้า ดินและมนุษย์ต่างเปลี่ยนสีโดยสิ้นเชิง
ฉัวะ!
แสงดาบฟาดฟันลงมา
ก็ยินเสียงระเบิดดังตูม ประกายศักดิ์สิทธิ์ดุจภูเขาอัคคีปะทุพล่าน สาดส่องผืนฟ้ายามค่ำคืน คนทั้งหมด ณ ที่นั้นแทบกระอักเลือด เบื้องหน้าพร่ามัว พวกที่ความสามารถค่อนด้อยบางส่วนยิ่งก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น เหงื่อกาฬไหลอาบทั่วร่าง
ตึงๆๆ!
กลางอากาศเงาร่างหลินซีซีถอยร่น สีหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาว เมื่อครู่แม้เขาจะใช้พลังทั้งหมดไปสลาย แต่ยังคงถูกซัดจนไม่อาจไม่ถอย เลือดคำหนึ่งพุ่งเข้ามาในลำคอ แทบจะกระอักออกมา
“ดาบนี้ถือว่าพอมีรสชาติอยู่ แต่หากคิดเอาชนะข้า ยังไม่ได้!” เขาคำราม เขาเป็นถึงมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติ ย่อมไม่อาจยอมรับ
เงาร่างเขาสาดแสงรุนแรง ผมยาวสยายโกรธแค้นถึงที่สุด บุกโจมตีไม่สนอะไรทั้งมวล
หลินสวินสีหน้าราบเรียบสงบนิ่ง ดาบหักพาดผ่านอากาศ ประดุจธารดาราแถบม้วนแผ่ลงจากเหนือเก้าชั้นฟ้า
ครืน
ห้วงอากาศแตกละเอียดส่งเสียงกึกก้อง อาณาบริเวณนี้ถูกฝังกลบ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตระหนกจนถอยร่นไปไกล ไม่กล้าประชิดเข้ามาด้วยเกรงแต่จะถูกลูกหลง
มีเสียงดังพรูด ในที่สุดหลินซีซีก็ไม่อาจสกัดกลั้น ถูกดาบนี้ผ่าจนกระอักเลือด ใบหน้าชราพลันซีดขาว ร่างกายซวนเซ
พวกหลินเทียนหลงต่างหน้าเปลี่ยนสี ขนพองสยองเกล้า มือเท้าสั่นเทา
สามารถต่อกรข้ามระดับกับระดับกระบวนแปรจุติก็เรื่องหนึ่ง แต่การสามารถสยบผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติได้ในการต่อสู้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง!
ทั้งสองอย่างนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง!
หลินสวินใช้พลังระดับหยั่งสัจจะต่อสู้กับหลินซีซีอย่างต่อเนื่อง ยิ่งทำให้อีกฝ่ายกระอักเลือดได้รับบาดเจ็บ นี่เห็นได้ว่าน่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว
“มาอีก!”
กลางอากาศหลินซีซีผมเผ้าสยายยุ่ง นัยน์ตาคั่งโลหิต ราวกับสัตว์ปีศาจที่ถูกยั่วโทสะโดยสมบูรณ์ ตะเบ็งลั่นออกมืออย่างต่อเนื่อง
นั่นก็เพราะประโยคเดียว เขาไม่ยอม!
หลินสวินสีหน้าราบเรียบยิ่งกว่าเดิม นัยน์ตาดำขลับล้ำลึกเย็นชา ดาบหักพาดผ่าน เวลานี้เสมือนสุริยันเจิดจรัสลอยเด่น จากนั้นก็ระเบิดออกสนั่นหวั่นไหว!
แสงแรงกล้าเจิดจรัสนั่นแสบตาจนคนส่วนใหญ่ ณ ที่นั้นต่างลืมตาไม่ขึ้น เจิดจ้าเกินไปแล้ว มีความน่าสะพรึงแห่งการทลายฟ้ามลายดิน
แม้แต่ราชันอินทรีแดงเองยังขนพองสยองเกล้า ในใจเกิดความรู้สึกอันตรายรุนแรงหาใดเปรียบ มันอดร้องเสียงดังอย่างอดไม่อยู่ รีบหลีกหนีห่างไป
ตูม!
ภายใต้การโจมตีเดียวนี้ ผมเผ้าหนวดเคราของหลินซีซีถูกเผาไหม้ ผิวหนังทั่วร่างดำไหม้เกรียมแตกระแหง เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งมอมแมม ทั้งตัวถูกกดอัดลงกับพื้นอย่างหนักหน่วงจนเกิดหลุมใหญ่
ทั่วร่างเขากำลังกระตุก สภาพอเนจอนาถถึงขีดสุด ราวท่อนไม้ไหม้เกรียมหนึ่งก็มิปาน พาให้คนไม่อาจทนมอง
หลินสวินรู้สึกเกินคาดอยู่บ้างเล็กน้อย ภายใต้การโจมตีนี้เกรงว่าบุตรเทพชั้นยอดอย่างหนิวทุนเทียนยังยากจะรับได้ แต่หลินซีซีกลับแค่บาดเจ็บสาหัส เห็นได้ชัดถึงความแข็งแกร่งของมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติ
เวลานี้ ณ ที่นั้นเงียบสงัดไม่มีสักคนเอ่ยวาจา ทุกคนต่างตกตะลึงอ้าปากค้างมองภาพตรงหน้า
“แพ้… แพ้แล้ว?”
มีคนเอ่ยปากเสียงสั่น
“แพ้แล้วจริงๆ…”
มีคนอกสั่นขวัญหาย
การสั่นสะเทือนเยี่ยงนี้ยิ่งใหญ่เหลือเกิน สำหรับตระกูลหลินแห่งธารประจิม หลินซีซีก็คือเสาหลักคนสำคัญ แต่ตอนนี้เขากลับพ่ายแพ้แล้ว
มิใช่พ่ายในเงื้อมมือคนใหญ่คนโตระดับเดียวกัน และไม่ได้แพ้ในมือราชันระดับสังสารวัฏที่น่ากลัวยิ่งกว่า แต่ปราชัยภายใต้ดาบของคนรุ่นหลังของตระกูลคนหนึ่ง!
คนรุ่นหลังผู้นี้เป็นแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง พลังปราณก็แค่ระดับหยั่งสัจจะ…
นี่คือการแพ้อย่างย่อยยับโดยไม่ต้องสงสัย พังทลายปราชัย!
ทุกสายตาที่มองไปยังหลินสวินล้วนเปลี่ยนเป็นซับซ้อน ในความตื่นตะลึงแฝงความงุนงงไม่อาจจินตนาการ เด็กหนุ่มคนหนึ่งเช่นนี้ ทำไมถึงเย้ยฟ้าและน่ากลัวถึงเพียงนี้
อายุยังน้อยก็สามารถก้าวเข้าสู่ขบวนมหายุทธ์ เรียกได้ว่าดึงดูดสายตาแล้ว เพียงพอให้คนวัยเดียวกันหน้าถอดสี
แต่หลินสวินไม่เพียงก้าวเข้าสู่ขบวนมหายุทธ์อย่างง่ายดาย คืนนี้เขายังเอาชนะมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติที่มีชื่อเสียงมานานหลายปี!
นี่ก็คือสิ่งที่สะเทือนใต้หล้าที่สุด
‘นายท่าน อาจเรียกได้ว่าเป็นราชันระดับหยั่งสัจจะที่เยาว์วัยที่สุดแห่งยุคสมัย พลังต่อสู้ทั่วร่างแม้ต่อสู้กับราชันระดับเดียวกันก็มีแต่จะเหนือกว่า! ถึงอย่างไรใครเล่าจะเคยพบผู้ที่ข้ามระดับไปกำราบมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติเฉกเช่นนายท่าน’
ราชันอินทรีแดงพึมพำอยู่ในใจ ถึงขั้นคลางแคลงอยู่บ้าง แม้เอาชนะหลินซีซีนั่น หลินสวินก็ยังไม่ได้ใช้พลังถึงขีดจำกัดสูงสุด
เพราะเขาชนะอย่างตรงไปตรงมาและหมดจดเกินไป สังหารดุดันรุนแรง กำราบอย่างแข็งกร้าว ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไม่ได้รับบาดเจ็บ!
“ตอนนี้เจ้ายอมแล้วรึ”
ณ ที่นั้น หลินสวินเก็บดาบหักและมาถึงข้างกายหลินซีซี ก้มมองชายชราท่าทางอนาถบนพื้นจากเบื้องสูง สีหน้าราบเรียบดังเดิม
ไม่มีความสงสารเวทนา
แม้ตามลำดับอาวุโสอีกฝ่ายจะเป็นปู่รองของเขา
แต่ในใจหลินสวิน ค่ำคืนนี้มีแค่เป็นคนทรยศหรือไม่!
หลินซีซีเงยหน้าอย่างยากลำบาก นัยน์ตามืดสลัวเจือความรู้สึกหดหู่และเศร้ารันทดเหลือจะเอ่ย เพียงกล่าวเสียงแหบแห้ง “หากท่านปู่เจ้าล่วงรู้จากยมโลก ต้องภาคภูมิใจในตัวเจ้าแน่…”
เขาหยัดกายขึ้น สีหน้าท่าทางซีดเซียว แววตาว่างเปล่าพลางกล่าว “เจ้าวางใจ นับแต่วันนี้ไป ตระกูลหลินแห่งธารประจิมจะไม่มีใจทรยศอีกแม้เพียงเสี้ยว ข้าเพียงแต่หวังว่าเจ้าจะเห็นแก่หน้าบรรพชนทุกรุ่นแห่งตระกูลหลิน ยกโทษให้คนในตระกูลที่ไร้ความผิดเหล่านั้น”
หลินสวินพยักหน้า “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว”
หลินซีซีฝืนยิ้มรับ ลุกยืนตัวสั่นงันงกก่อนกล่าว “ตระกูลหลินมีคนอย่างเจ้าเป็นผู้นำ บางทีอาจเป็นเรื่องโชคดีจริงๆ”
“ข้าจะเกลี้ยกล่อมพวกปู่สามของเจ้าให้ยอมอยู่ใต้อาณัติ หวังเพียงว่า… ค่ำคืนนี้อย่าได้มีการก่อกรรมสังหารโดยไม่จำเป็นอีกเลย ไม่ว่าอย่างไรท้ายที่สุดพวกเราก็เป็นคนตระกูลเดียวกันไม่ใช่หรือ”
พูดจบ ร่างกะโผลกกะเผลกเขาก็จากไปอย่างเดียวดาย
“ข้าแค่รับปากว่าจะปล่อยผู้บริสุทธิ์ แต่ไม่ได้รับปากว่าจะปล่อยพวกคนทรยศนั่น”
หลินสวินเปล่งเสียงราบเรียบ
หลินซีซีที่อยู่ไกลออกไปพลังแข็งทื่อไปทั้งร่าง เงียบงันไปครู่ใหญ่ ทันใดนั้นพลันส่งเสียงถอนหายใจราวสะอื้น รันทดเศร้าสร้อย
“กรรมตามสนองสินะ!”
น้ำเสียงก้องสะท้อนราตรีกาล เสริมความอ้างว้างไร้สิ้นสุด
และเวลานี้ เหล่าคนตระกูลหลินแห่งธารประจิมตรงนั้นแต่ละคนสีหน้าซีดเผือด
พวกเขาต่างรู้ว่า นับตั้งแต่ค่ำคืนนี้ โชคชะตาของพวกเขาล้วนถูกเด็กหนุ่มน่าหวาดกลัวดุจเทพมารตรงหน้าควบคุมอย่างสมบูรณ์…
สิ้นสุดแล้วหรือ?
ไม่เลย!
อย่างน้อยที่สุดสำหรับหลินสวิน เรื่องสนุกนี้เพิ่งจะเริ่ม!
……………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น