Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 640-641

 ตอนที่ 640 ออกเดินทางสู่จักรวรรดิ

โดย

ProjectZyphon

ในบรรดาสิบสามราชันระดับสังสารวัฏที่ไล่สังหารเด็กหนุ่มเทพมาร มีหกคนที่ประสบภัยพิบัติอยู่ในสุสานสมุทรฝังมรรค เป็นตายไม่รู้ชัด


อีกเจ็ดคนที่เหลือบไปเห็นเงาร่างลึกลับราวกับผู้เป็นนาย ก็ตกใจหนีอุตลุด!


ครั้นข่าวนี้แพร่ออกไป ก็ประหนึ่งลมมรสุมลูกหนึ่ง กวาดม้วนทั่วทั้งน่านสมุทรทะเลใต้ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ


ขุมอำนาจแต่ละเผ่าที่ยึดครองอาณาเขตต่างๆ ไม่มีใครไม่หน้าเปลี่ยนสี ตกสู่ความโกลาหล


เวลาหนึ่งวันถึงกับมีคนใหญ่คนโตระดับผู้อาวุโสหกท่านหายตัวไป อาจจะประสบภัยพิบัติ ไม่สามารถกลับมาได้อีก เรื่องน่าหวาดกลัวเช่นนี้แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเลย!


นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว


สิ่งนี้ทำให้ชื่อของ ‘สุสานสมุทรฝังมรรค’ ยิ่งฝังลึกและน่ากริ่งเกรงมากขึ้น สำหรับแต่ละเผ่าในน่านสมุทรทะเลใต้ต่างมองว่าที่แห่งนั้นเป็นพื้นที่ต้องห้ามมหันตภัย เอ่ยถึงก็พลันหน้าถอดสี


ขณะเดียวกันข่าวคราวเกี่ยวกับ ‘เด็กหนุ่มเทพมาร’ ก็พลอยแพร่พระจายไปพร้อมกับเรื่องโกลาหลฉากนี้ ก่อให้เกิดเสียงฮือฮานับไม่ถ้วน


ผู้ใดก็ไม่สามารถจินตนาการได้ หนุ่มน้อยเผ่ามนุษย์ในระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งเท่านั้น กลับดุจดั่งฆ่าไม่ตาย สามารถรอดพ้นจากเคราะห์สังหารคับฟ้าได้ทุกครั้ง ราวกับปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งชัดๆ


แรกเริ่มเดิมทีที่ด้านนอกแดนลับอสูรมารอริยะ บุคคลสำคัญแต่ละเผ่าต่างจ้องพร้อมตะครุบดั่งพญาสิงห์ ปิดล้อมทั่วทิศทาง ทว่าท้ายที่สุดเขาก็ยังหนีไปจนได้


และในตอนนี้ยามเผชิญหน้ากับการไล่สังหารของราชันระดับสังสารวัฏสิบกว่าคน เขาก็หนีพ้นไปอีกครั้ง กลับเป็นราชันระดับสังสารวัฏเหล่านั้นที่มีทั้งตายและหนี ทำให้ผู้คนปากอ้าตาค้างนัก


ทุกอย่างนี้ล้วนเห็นได้ชัดว่าเหลือวิสัยเกินไป และทำให้เผ่าต่างๆ ในน่านสมุทรทะเลใต้รู้สึกว่าหน้าไร้แวว อับอายขายขี้หน้าอย่างยิ่ง


เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนเดียวกลับสร้างความวุ่นวายทั่วน่านสมุทรทะเลใต้ พัดโหมพายุไม่รู้ตั้งเท่าใด ทว่าท้ายที่สุดกลับไม่มีใครหยุดเขาได้ ปล่อยให้เขาหนีไปโดยสวัสดิภาพ!


ทุกอย่างนี้แสดงชัดว่าพวกเขาเผ่าต่างๆ ในน่านสมุทรทะเลใต้ไร้ความสามารถเกินไปแล้ว!


หลินเสวียน!


ไม่ว่าพายุลูกนี้จะโกลาหลและตะลึงโลกมากเพียงใด ทั้งสร้างเสียงฮือฮาและตกตะลึงมากเท่าใด ชื่อนี้ได้ถูกขุมอำนาจแต่ละเผ่าจดจำเอาไว้แล้ว


เนื่องจากชื่อนี้เป็นตัวแทนของเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ที่ถูกขนานนามว่า ‘เทพมาร’ เคยทิ้งตำนานบทหนึ่งไว้ในน่านสมุทรทะเลใต้


เพียงแต่สำหรับเผ่าต่างๆ นั้น ตำนานที่เป็นของเด็กหนุ่มเทพมารบทนี้ กลับเป็นความอัปยศที่ทำให้พวกเขาอับอายอย่างหนึ่ง


……


“นี่สิถึงจะเป็นผู้แข็งแกร่งเพชรน้ำเอกอย่างแท้จริง!”


ยามที่ได้รู้ข่าวนี้ บนเกาะแสงขจีอาณาเขตในครอบครองของเผ่าตะพาบเขียว ชิงอวิ๋นหยางส่งเสียงปลงอนิจจังเยี่ยงนี้ออกมาอีกครั้ง


และเป็นวันนี้ที่เขาเข้าสู่ดินแดนบรรพบุรุษของเผ่า เริ่มต้นปิดด่าน


“ครานั้นผู้คนไม่รู้จักรุกข์เสียดเมฆา จนพฤกษาระเมฆถึงบอกว่ามันสูงลิ่ว!”


ผู้อาวุโสตะพาบเขียวสองมือไพล่หลัง แววตาลึกล้ำ เอ่ยวาจากับบุคคลสำคัญระดับสูงข้างกายกลุ่มหนึ่งอย่างชอบใจ “พวกเจ้ารอดูเอาเถิด น้องชายคนนี้ของข้า ยามที่มหาสงครามมาเยือนจะต้องส่องแสงแผ่ไพศาลอย่างแน่นอน!”


……


ตอนที่น่านสมุทรทะเลใต้เกิดคลื่นโกลาหลลูกใหญ่ขึ้น หลินสวินได้บังคับยานขนส่งอวกาศมุ่งหน้าหวนสู่จักรวรรดิจื่อเย่าพร้อมกับเจ้าคางคกตั้งนานแล้ว


‘สตรีหมอกลึกลับคนนั้นเป็นใคร นางกับอาหูมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน’


‘ภิกษุที่เบ้าตาว่างเปล่าเปี่ยมด้วยความพิศวงคนนั้น ก็ยังอยู่ที่ไหนสักแห่งในสุสานสมุทรฝังมรรคใช่หรือไม่’


‘สุสานสมุทรฝังมรรค แห่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ แดนลับอสูรมารอริยะ… บริเวณส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณนี่ยังมีสีสันลึกลับน่ากลัวคงอยู่จริงๆ ดังคาด’


‘ต้องมีสักวัน ข้าจะกลับมาอีกครั้งเพื่อตอบแทน ‘เมตตา’ ที่พวกเจ้ามอบให้!’


สวบ!


หลินสวินคิดไปพลางบังคับยานไปด้วย ภายใต้การบังคับของหลินสวิน ยานขนส่งอวกาศราวกับแสงกะพริบ พวยพุ่งด้วยกระบวนแผนภาพโบราณแน่นขนัด แสงเรืองรองสีเงินเปล่งประกายราวกับพิรุณลอยล่อง ไหววูบรุดหน้าด้วยความเร็วน่าอัศจรรย์กลางอากาศ


สมบัติโบราณที่ชำรุดชิ้นนี้ถึงแม้จะรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็เผาผลาญพลังกายของผู้ฝึกปราณไปอย่างเกินจริงสุดขีดเช่นกัน


อิงจากการฝึกปราณในปัจจุบันของหลินสวิน อย่างมากที่สุดก็ทำได้เพียงประคับประคองไปสามชั่วยาม


นอกจากนี้แล้ว สมบัติโบราณลำนี้ยังจำเป็นต้องใช้ผลึกวิญญาณระดับสูงจำนวนมากมาเปิดใช้กระบวนแผนภาพ ซึ่งก็เป็นการฟุ่มเฟือยมหาศาลเช่นกัน


หากไม่ใช่ว่าหลินสวินได้กำไรเหลือล้นมาจากแดนลับอสูรมารอริยะ ลำพังแค่การเผาผลาญชนิดนี้ ก็สามารถทำให้เขารู้สึกทนไม่ได้แล้ว


นี่ก็คือข้อบกพร่องของสมบัติโบราณแข็งแกร่ง ถึงแม้จะวิเศษอัศจรรย์หาใดเปรียบ ทว่าการเผาผลาญก็น่าตกใจสุดขีดเช่นเดียวกัน คนทั่วไปแทบไม่สามารถใช้งานมันได้เลยแม้แต่น้อย


ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นรายละเอียดปลีกย่อย ขอเพียงสามารถหวนสู่จักรวรรดิจื่อเย่าโดยสวัสดิภาพ การเผาผลาญทั้งหมดล้วนคุ้มค่า


สิ่งที่ทำให้หลินสวินตื่นตัวอย่างแท้จริง คืออันตรายและเคราะห์พิบัติธรรมชาติที่มีมากเกินไปตลอดเส้นทางนี้ ดังเช่นพายุมรสุมกลวงเปล่า ความปั่นป่วนของเวลา อสนีบาตฟ้าคำรามที่น่ากลัว รวมถึงสิ่งมีชีวิตดุร้ายที่กระจายอยู่ในทะเล… อันตรายนั้นเรียกได้ว่ามีอยู่ทุกที่ ไม่อาจเลินเล่อได้แม้แต่เสี้ยวเดียว


ซากศพโบราณที่ลอยอยู่บนผิวทะเลไม่รู้ยาวนานเท่าใด อาจซ่อนอันตรายเพียงพอที่จะฆ่าทำลายทุกสิ่งได้


ในพยับหมอกที่ลอยเอื่อยพิศวงนั้น บางทีอาจปรากฏสิ่งมีชิวิตแข็งแกร่งตนหนึ่งที่สามารถทำให้ราชันระดับสังสารวัฏใจเสาะได้ทุกเมื่อ


นอกจากนี้ยังมีเผ่าพันธุ์ประหลาดอีกมากมายก่ายกอง มีวิญญาณอาฆาตเป็นกลุ่มก้อน และมีซากศพโบราณที่อำมหิตกระหายเลือด ยิ่งไม่ขาดแคลนสิ่งมีชีวิตพิลึกพิศดารบางส่วน ดำผุดดำว่ายอยู่ทั่วบริเวณในทะเลกลืนวิญญาณ


ที่แห่งนี้ดุจดั่งนรกชัดๆ ความน่าหวาดกลัวภายในนั้นเพียงพอจะทำให้ผู้ฝึกปราณคนใดๆ รู้สึกถึงความสิ้นหวัง ไม่กล้าก้าวข้ามสักก้าว


แม้ว่าพวกหลินสวินจะโดยสารยานขนส่งอวกาศ แต่ตลอดทางต่างก็ระแวดระวัง เกรงว่าจะบังเกิดอันตรายอะไรขึ้น


ยังดีที่ความสามารถในการหลบเลี่ยงของยานขนส่งอวกาศนั้นร้ายกาจสุดขีด แม้แต่การโจมตีของราชันระดับสังสารวัฏยังหลบเลี่ยงไปได้ สิ่งนี้ทำให้พวกหลินสวินแคล้วคลาดจากอันตรายร้ายแรงฉากแล้วฉากเล่าได้อย่างขวัญหนีดีฟ่อ


หลินสวินและเจ้าคางคกสลับกันบังคับยานขนส่งอวกาศ นับว่าสอดประสานเข้าด้วยกันดี ไม่ได้เกิดความแตกต่างอันใดขึ้น


ตลอดทางหลินสวินไม่ได้ละทิ้งการฝึกปราณ ขอเพียงมีเวลาว่างก็จะสำรวมจิตฝึกฝน พยายามหยั่งรู้ความลึกลับแห่งวิชายุทธ์


วันที่ห้าของการล่องบนทะเลกลืนวิญญาณ


หลินสวินหยั่งถึงร่างสามของมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร ‘ประทับปี้อั้น’!


ครั้นสำแดงออกมาสองมือก็ควบรวมผนึกโบราณเปล่งประกาย ท่วงทำนองมรรคแห่ห้อม ปลดปล่อยเงามายาสัตว์เทพดุร้ายตัวหนึ่งออกมา สามารถสยบสังหารภูผา ปั่นป่วนจักรวาลได้


ตลอดทางหลินสวินเอาวิญญาณอาฆาตกลุ่มหนึ่งมาทดลอง ภายใต้การผนึกเดียว ห้วงอากาศแตกเป็นเสี่ยง ระดับหัวหน้าวิญญาณอาฆาตหกตนที่ความแกร่งกล้าเทียบได้กับระดับหยั่งสัจจะ และพลทหารวิญญาณอาฆาตที่ระดับปราณเทียบเท่าระดับมหาสมุทรวิญญาณห้าสิบสี่ตน ทั้งหมดล้วนถูกล้างผลาญเป็นผุยผงจนเกลี้ยง!


……


วันที่เก้าของการล่องบนทะเลกลืนวิญญาณ


พวกหลินสวินพบกับการซุ่มโจมตี ถูกสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายงูแปลกประหลาดกลุ่มหนึ่งปิดล้อม นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาถูกปิดล้อมตั้งแต่โดยสารยานขนส่งอวกาศเป็นต้นมา


สาเหตุก็อยู่ที่สิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายงูพวกนั้นมีจำนวนมากเกินไป ราวกับกระแสน้ำเชี่ยว ครอบฟ้าคลุมดิน ทั้งความเร็วยังประหนึ่งผีสาง ทำให้ผู้คนป้องกันไม่ได้!


และในการถูกปิดล้อมครั้งนี้ หลินสวินยังหยั่งถึงร่างที่สี่แห่งมังกรเคราะห์เก้ากระบวน ‘ผนึกป้าเซี่ย’ ในระหว่างการต่อสู้


ป้าเซี่ยเป็นสัตว์เทพบรรพกาลชนิดหนึ่ง พลังโค่นฟ้า อำนาจสะเทือนทั่วจตุรทิศ!


ครั้น ‘ผนึกป้าเซี่ย’ นี้สำแดง ก็ราวกับป้าเซี่ยตนหนึ่งมาจากโบราณกาลปรากฏกายขึ้นบนโลก ภายใต้การปกคลุมของพลังอันน่าหวาดกลัว สามารถผนึกกำราบสิ่งมีชีวิตทั้งมวลได้


กล่าวโดยสรุป กระบวนท่านี้เป็นเคล็ดวิชาแห่งการปิดผนึกที่อัศจรรย์และทรงอำนาจถึงขีดสุดอย่างหนึ่ง


อาศัยกระบวนท่านี้ สิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายงูที่ราวกับกระแสน้ำเชี่ยวเหล่านั้นแทบจะถูกกักขังในพริบตา ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีก พวกมันสูญเสียข้อได้เปรียบอันยิ่งใหญ่ที่สุดในแง่ของความเร็ว ท้ายที่สุดพวกหลินสวินก็รอดพ้นได้อย่างง่ายดาย ทะยานจากไป


……


วันที่สิบหก


พวกหลินสวินประสบกับพายุมรสุมอวกาศที่ปะทุขึ้นกะทันหันฉากหนึ่ง ไม่อาจไม่หลบหลีกชั่วคราว จอดเทียบอยู่ไกลออกไป ไม่กล้ามุ่งหน้าอย่างผลีผลาม


รอเนิ่นนานถึงเจ็ดวันเต็มๆ กว่าพายุมรสุมอวกาศนี้จะอันตรธานไป


และในเจ็ดวันนี้ หลินสวินได้ทะลวงขั้น หยั่งถึงกระบวนท่าที่ห้า ‘ไอซวนหนี’ ในมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร!


……


วันที่สามสิบสาม


เจ้าคางคกหยั่งรู้โดยพลันระหว่างการบำเพ็ญ จึงตัดสินใจเข้าไปปิดด่านในชั้นแรกของเจดีย์สมบัติไร้อักษร ทั้งยังแจ้งหลินสวินให้รู้ว่าการปิดด่านครั้งนี้กินเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี อย่างมากคงสามปี


ดังนั้นในวันเวลาต่อมาหลินสวินจึงได้แต่บังคับยานขนส่งอวกาศเพียงลำพัง ทะลวงผ่านทะเลกลืนวิญญาณอันเวิ้งว้างแห่งนั้น


เขาเดินๆ หยุดๆ ตลอดทางประสบกับอันตรายมากมาย และได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์และแปลกตาน่าเหลือเชื่อมากมาย


ประสบการณ์เช่นนี้ทำให้จิตใจของเขาได้รับการเคี่ยวกรำครั้งแล้วครั้งเล่า ความรู้เกี่ยวกับมหามรรค เกี่ยวกับโลก และสรรพสิ่งทั้งปวงก็ลึกซึ้งมากขึ้น


นี่ก็เป็นการบำเพ็ญ


ปิดด่านกักตน เป็นหนทางการบำเพ็ญตนอย่างหนึ่ง


ท่องทั่วใต้หล้า ก็เป็นเส้นทางการบำเพ็ญตนอย่างหนึ่งเช่นเดียวกัน


ความรู้ สิ่งที่ได้พบเจอ ประสบการณ์ ความเข้าใจ… ต่างได้รับการยกระดับและถอดคราบใหม่ทั้งหมดภายในขั้นตอนนี้


และการถอดคราบเช่นนี้ แม้ดูเหมือนไม่ได้ช่วยเพิ่มระดับเชิงคุณภาพอะไรให้กับการฝึกปราณ ทว่ากลับสามารถทำให้ผู้ฝึกปราณเดินบนเส้นทางแห่งมหามรรคได้ยาวไกลขึ้น และกว้างขวางขึ้น


กระทั่งในยามที่เลื่อนระดับ ก็ไม่จำเป็นตั้งกังวลว่าจะเกิดความเสี่ยงด้านจิตใจไม่มั่นคง ฝึกฝนไม่เพียงพอ ธาตุไฟเข้าแทรก


วันที่ห้าสิบสี่


หลินสวินที่กำลังบังคับยานขนส่งอวกาศอยู่นั้นนัยน์ตาพลันฉายแววระยับวูบหนึ่ง เขารู้สึกได้อย่างฉับไวต่อสัมผัสของกลิ่นอายแห่งฟ้าดินที่เปลี่ยนแปลงไป


ไม่ได้รุนแรงดุร้ายเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป และไม่ได้มีบรรยากาศที่แปลกประหลาดและกดดันแล้ว ราวกับหลุดจากภูผากันดารลำธารแห้งแล้ง มาถึงโลกที่เขาขจีนทีสุกใสแห่งหนึ่ง


“น่าจะห่างจากจักรวรรดิจื่อเย่าไม่ไกลแล้ว…”


หลินสวินถอนหายใจยาวหนึ่งเฮือก มีความรู้สึกโล่งอกอย่างหนึ่ง


เดินทางมาเกือบสองเดือน กว่าจะกลับออกมาจากส่วนลึกแห่งทะเลกลืนวิญญาณที่เสี่ยงอันตรายและแสนพิสดารนั่น ทำให้หลินสวินก็อดปลงตกเล็กน้อยไม่ได้เช่นกัน


ครั้งนี้อาจเรียกได้ว่าเก้ามรณาหนึ่งรอดพ้นได้จริงๆ


หลินสวินล่องยานขนส่งอวกาศบนผิวทะเลตามอำเภอใจ ไม่ได้ใส่ใจอีก ปล่อยให้มันสัญจรไปตามกระแสคลื่น


ส่วนเขากลับเอนตัวอยู่ตรงนั้นอย่างเอื่อยเฉื่อย ศีรษะหนุนอยู่บนลำแขนสองข้าง นัยน์ตาดำสนิทลึกล้ำ ทอดมองไปยังเวิ้งนภา


ท้องฟ้าตรงนี้ดั่งแต่งแต้ม กว้างใหญ่ไพศาล น้ำทะเลครามมรกตวาวกระจ่าง ทอดไกลไร้พรมแดน ภายใต้แสงแดดสาดส่องเจิดจ้า น้ำทะเลปรากฏแสงวาวระยับกระจ่างพิสุทธิ์เอ่อท้น


มีฝูงนกทะเลเป็นกลุ่มก้อนโผบินมาเป็นครั้งคราว ส่งเสียงร้องกังวานชัดเจนใต้แสงแดด


ทิวทัศน์ดั่งภาพวาด เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา


อาศัยการรับรู้ที่แกร่งกล้าหาที่เปรียบมิได้ของหลินสวิน เขาตระหนักตั้งแต่ต้นแล้วว่าในพื้นที่ทะเลแห่งนี้ไม่มีอันตรายที่สามารถคุกคามเขาได้อีกแล้ว


เขาผ่อนคลายโดยสิ้นเชิง กลิ่นอายรอบตัวราวกับมังกรจำศีลอยู่ภายในร่างกาย เพียงมองจากภายนอก ผู้ใดก็ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาสุภาพคนนี้ จะเป็น ‘เด็กหนุ่มเทพมาร’ ที่สร้างความปวดหัวและโกรธแค้นให้กับเผ่าสำคัญแต่ละเผ่าในน่านสมุทรทะเลใต้คนนั้น


เขาในเวลานี้ก็เหมือนกับนักเดินทางที่ล่องลอยอยู่บนท้องทะเลคนหนึ่ง แสนผ่อนคลายและสบายอารมณ์


เนิ่นนานแล้วที่เขาไม่ได้ผ่อนคลายเช่นตอนนี้ ความรู้สึกเช่นนั้นช่างสงบเงียบและสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ทำให้สภาพจิตใจของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสงบและว่างเปล่าเป็นพิเศษ


ตั้งแต่เข้าสู่ทะเลกลืนวิญญาณ กระทั่งหวนกลับมาในตอนนี้ ตลอดทางเกิดการพลิกผันและอันตรายมากเกินไป ทำให้หลินสวินล้าจนแทบขาดใจ ตกอยู่ในสถานการณ์คับขันมาโดยตลอด


จวบจนบัดนี้เขาถึงได้มีโอกาสเพลิดเพลินกับความเงียบสงบที่หาได้ยากนี้


“หืม?”


เพียงแต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินจนคำพูดคือ ไม่นานเท่าใดนัก ความเงียบสงบนี้ก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงห้วงอากาศถูกทุบทำลายอย่างเร่งเร็วระลอกหนึ่ง


…………………


ตอนที่ 641 คุณชายหนีเร็ว

โดย

ProjectZyphon

“ให้ตายเถอะ ตระกูลหานคิดจะแตกหักกับเราจริงๆ หรือ ถึงได้ส่งมหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงมาตามฆ่าพวกเรา!”


ชายหนุ่มชุดคลุมเขียวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ


เขามีนามว่าเย่ตงเคอ รูปร่างผอมบางตรงสง่าราวกับทวนเล่มหนึ่ง ผิวพรรณออกสีทองแดงเก่าแก่ ราวกับราดด้วยน้ำสำริด ให้ความรู้สึกเย็นชาและดุดัน


เย่ตงเคอและผู้หญิงอีกคน รวมทั้งผู้ติดตามกลุ่มหนึ่งกำลังถูกตามฆ่า ทำให้พวกเขาทั้งหวาดกลัวและเดือดดาลยากจะรับได้


คนที่ตามฆ่าพวกเขาคือมหายุทธ์ที่มีชื่อเสียงผู้หนึ่ง มาจากตระกูลหานซึ่งเป็นหนึ่งในสามตระกูลทรงอิทธิพลแห่งทะเลตะวันออกของจักรวรรดิ


และตระกูลหานก็เป็นศัตรูคู่อาฆาตกับขุมอำนาจของพวกเขา!


ที่ผ่านมาแม้จะเป็นขุมอำนาจที่เป็นปรปักษ์ต่อกัน พวกเขาก็ไม่เคยเกิดความขัดแย้งกัน เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายของทั้งสองฝ่าย


ทว่าครั้งนี้เพื่อช่วงชิงสายแร่วิญญาณสายหนึ่งในทะเลตะวันออก ตระกูลหานกลับระดมกำลัง ไอสังหารคละคลุ้ง ลงมืออย่างรุนแรง!


ทำให้พวกเย่ตงเคอไม่ทันได้เตรียมตัว


“มหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงออกโรงแล้ว จะต้องฆ่าปิดปากกันไม่ให้พวกเราส่งข่าวกลับไปให้ตระกูล ขัดขวางกระบวนการยึดแร่วิญญาณอย่างเผด็จการของพวกเขาเป็นแน่”


หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ รูปร่างแช่มช้อย หน้าตางดงามโดดเด่น สวมชุดกระโปรงสีม่วง ดูน่าเย้ายวนอย่างที่สุด


นางชื่อเย่หลิงถง เป็นคนตระกูลเย่แห่งทะเลตะวันออกเช่นเดียวกับเย่ตงเคอ


เพียงแต่ตอนนี้ใบหน้างดงามของเย่หลิงถงกลับเย็นเยียบและเดือดดาลอย่างที่สุดไม่ต่างกัน โกรธจนกัดฟันแน่น ดวงตาคู่กระจ่างปานดาราเปี่ยมด้วยเพลิงโทสะ


“ครั้งนี้หากรอดไปได้ ข้าจะเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า!”


เย่ตงเคอสีหน้าอึมครึม


“ยังมีโอกาสหรือ”


มุมปากของเย่หลิงถงเผยแววขมขื่น ข้างหลังพวกเขามีมหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงผู้หนึ่งไล่ตามมาอย่างเต็มกำลัง เกรงว่าอีกไม่นาน ก็จะสกัดกั้นพวกเขาเอาไว้


ในสถานการณ์เช่นนี้ จะมีโอกาสหนีรอดไปได้อย่างไร


คราวนี้ตระกูลหานโหดเหี้ยมจริงๆ ถึงกับส่งมหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงมาลงมือ เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะปล่อยให้พวกเขารอดชีวิตกลับไป!


เย่ตงเคอเองก็เงียบ ความเศร้าหมองและไม่จำยอมแวบผ่านเข้ามาในดวงตา จะยอมแพ้แบบนี้หรือ


ด้านหลังพวกเขา กลุ่มผู้ติดตามกลัวจนหน้าเสียไปนานแล้ว สีหน้าซีดเซียว จิตใจหวาดหวั่นพรั่นพรึง


‘วิ่งหนีเหมือนหมาจรจัด น่าขายหน้าจริงๆ…’ เย่ตงเคอดูถูกตัวเอง


แต่ไม่ว่าอย่างไร ไม่ถึงท้ายที่สุดพวกเขาก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!


ฟุ่บๆๆ!


บนผิวมหาสมุทรสีคราม พวกเขาหนีสุดกำลัง ร่างกายราวกับสายรุ้งโดดเด่นเป็นประกาย ตอนนี้ห่วงแต่หนีเอาชีวิตรอด พวกเขาจึงไม่ทันได้อำพรางร่องรอย


“หืม?”


ทันใดนั้นเย่หลิงถงพลันตกตะลึง เมื่อเห็นว่ามียานสำเภาลำหนึ่งลอยบนพื้นผิวมหาสมุทรข้างหน้า เด็กหนุ่มชุดขาวพระจันทร์คนหนึ่งกำลังนอนอาบแดดสบายใจเฉิบอย่างเกียจคร้านอยู่บนดาดฟ้า


ท่าทางผ่อนคลายแบบนั้นทำให้เย่หลิงถงสะเทือนใจ ในใจยิ่งทวีความขมขื่น นางคิดถึงความสะบักสะบอมและสิ้นหวังของตนในขณะนี้ เมื่อเทียบกับความผ่อนคลายของเด็กหนุ่มคนนั้นแล้ว ช่างต่างกันราวสวรรค์กับนรก


“แย่แล้ว!”


ชั่วขณะนั้นเอง เย่ตงเคอที่นำทางมาพลันหรี่ตาลง เขาสัมผัสได้ถึงพลังแข็งแกร่งที่ม้วนตัวเข้ามาปานพายุ


นี่ทำให้พวกเขาต่างตัวแข็งทื่อไปตามๆ กัน หัวใจราวกับหล่นไปอยู่ตรงตาตุ่ม สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พลังนี้เคลื่อนตัวรวดเร็วเหลือเกิน!


นี่คือความน่าสะพรึงกลัวของระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงงั้นหรือ


“เหอะๆ ก็แค่พวกมดฝูงหนึ่ง ชีวิตของพวกเจ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าตั้งแต่พริบตาที่ตกเป็นเป้าของข้าหานอวิ๋นฉงแล้ว!”


เสียงหัวเราะเยาะที่แฝงความดูถูกดังแว่วขึ้น ราวกับสายฟ้าโหมกระหน่ำ สั่นสะท้านอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน


ลำแสงพุ่งตรงดุจสายรุ้งกวาดผ่านอากาศอย่างรวดเร็วจากระยะไกลสุดขีดพร้อมกับเสียงนั้น


จบกัน!


พวกเย่ตงเคอและเย่หลิงถงหน้าซีดโดยพร้อมเพรียง ความสิ้นหวังพลุ่งพล่านขึ้นในใจอย่างห้ามไม่อยู่


หานอวิ๋นฉง มหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงคนหนึ่งที่ชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากในทะเลตะวันออก การฝึกปราณเรียกได้ว่าลึกล้ำพรั่งพร้อม ท่องทะยานอยู่ในทะเลตะวันออกมาหลายทศวรรษ สังหารศัตรูแกร่งกร้าวมาแล้วไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ เป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งในบรรดาคนรุ่นอาวุโสอย่างแน่นอน


ถ้าหากผู้แข็งแกร่งระดับสูงของตระกูลเย่อยู่ด้วย ก็คงไม่กลัวหานอวิ๋นฉงจู่โจม แต่คนที่อยู่ในที่นี้ตอนนี้ล้วนเป็นเพียงผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณ เมื่ออยู่ต่อหน้ามหายุทธ์ระดับหานอวิ๋นฉง ก็ไม่ต่างอะไรกับมดที่สะกิดเพียงเล็กน้อยก็พังทลาย


ในสถานการณ์แบบนี้จะไม่ให้พวกเขาสิ้นหวังได้อย่างไร


“หานอวิ๋นฉง เจ้าในฐานะผู้อาวุโส จะสังหารพวกเราให้สิ้นซากจริงๆ หรือ หากตระกูลเย่ของข้ารู้เข้า เกรงว่าเจ้าจะรับผลกระทบไม่ไหว!”


เย่ตงเคอพูดเสียงเย็น


“หึ จะตายอยู่แล้ว ยังจะข่มขู่ข้าอีกหรือ”


หานอวิ๋นฉงแค่นเสียงอย่างเย็นเยียบ สายตาเหี้ยมโหด “ไม่ต้องห่วง วันนี้ถ้าฆ่าพวกเจ้าให้หมด บนโลกนี้ใครจะรู้ว่าเป็นฝีมือข้า”


พูดถึงตรงนี้เขาพลันตะลึง ด้วยสายตาเหลือบไปเห็นหลินสวินที่อยู่ไม่ไกลนัก แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มที่กลิ่นอายเรียบง่ายไม่ลึกลับซับซ้อนจึงเลิกสนใจทันที


แต่เมื่อเห็นภาพนี้สีหน้าของเย่หลิงถงพลันเปลี่ยนไป รีบพูดว่า “สหาย รีบหนีไปเร็ว หากโจรเฒ่านี่ลงมือ จะต้องฆ่าปิดปากอย่างแน่นอน เจ้าอยู่ที่นี่จะต้องโดนลูกหลงไปด้วยแน่!”


เด็กหนุ่มคนนั้นก็คือหลินสวินนั่นเอง


ทีแรกเขากำลังดื่มด่ำอยู่กับความเงียบสงบที่หาได้ยากนี้ คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องอย่างที่เห็นอยู่นี้ขึ้น จึงเสียอารมณ์ไปทันที


แต่เขาเองก็ดูออกว่าการตามฆ่าในครั้งนี้ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่ตน เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น จึงเฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่เงียบๆ ไม่อยากเข้าไปยุ่ง


แต่เมื่อได้ยินคำเตือนของเย่หลิงถงกลับทำให้หลินสวินรู้สึกดีขึ้นมา พบกันโดยบังเอิญเท่านั้น อีกฝ่ายกลับเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี หายากจริงๆ


หานอวิ๋นฉงอดขำไม่ได้ “นางหนู เจ้าไม่รู้สึกน่าตลกหรือ มีข้าอยู่ เจ้าคิดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะหนีไปได้หรือ”


น้ำเสียงแฝงความดูถูกเต็มประดา


ช่างเป็นพวกเด็กน้อยไม่รู้ความ ไม่รู้หรือไงว่าพลังของระดับหยั่งสัจจะนั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด ยังจะไปบอกให้เด็กหนุ่มคนนั้นจากไปภายใต้สายตาของตน ไร้เดียงสาจริงๆ!


“หานอวิ๋นฉง คนที่เจ้าต่อกรด้วยคือพวกเรา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับสหายผู้นั้น เหตุใดต้องโหดเหี้ยมเช่นนี้”


เย่หลิงถงเดือดดาล “เสียดายเจ้าเป็นถึงมหายุทธ์ที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งทะเลตะวันออก ฝีมือกลับโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ น่าขยะแขยงจริงๆ”


“หยุดพูดจาไร้สาระ เพื่อไม่ให้ข่าวรั่วไหล แม้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะเป็นผู้บริสุทธิ์เพียงใด วันนี้ก็ยากจะหนีความตายพ้น ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่เขาโชคร้าย โทษคนอื่นไม่ได้”


หานอวิ๋นฉงสีหน้าไร้อารมณ์ น้ำเสียงเย็นชา


เย่หลิงถงโกรธจนกัดฟันแทบแหลก ใบหน้างามแดงก่ำ แต่สุดท้ายนางก็ข่มกลั้นเอาไว้ ความเศร้าหมองแผ่กระจายออกจากใจ


ต่อล้อต่อเถียงไปก็ไม่เกิดผล และไม่สามารถเปลี่ยนใจหานอวิ๋นฉงที่จะฆ่าทุกคนได้


เสียดายก็แต่เด็กหนุ่มคนนั้นที่ต้องเผชิญหายนะในวันนี้ ช่างไม่ยุติธรรมเหลือเกิน…


“สหาย ขอโทษจริงๆ ที่พวกข้าทำให้เจ้าต้องเดือดร้อน” เย่หลิงถงพูดเสียงเบากับหลินสวินด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด


“นางเด็กอย่างเจ้านี่พูดไร้สาระมากจริงๆ งั้นเริ่มที่เจ้าก่อนแล้วกัน!”


หานอวิ๋นฉงรู้สึกเหลืออดอยู่บ้าง พลันสะบัดแขนเสื้อ รุ้งศักดิ์สิทธิ์สีทองเป็นประกายแผ่ออกกลางอากาศ


ครืนโครม!


ห้วงอากาศทลาย รุ้งศักดิ์สิทธิ์สีทองพลุ่งพล่าน เต็มไปด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว เพียงแค่เสียงเท่านั้นก็ทำให้พวกเย่ตงเคอหมดหวังอย่างสิ้นเชิง


น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว นี่คือพลังแห่งระดับหยั่งสัจจะ ใครเล่าจะต้านทานได้


เย่หลิงถงซึ่งเป็นผู้ถูกโจมตีดวงหน้ายิ่งซีดเซียว ในใจถูกความหวาดกลัวเข้าครอบงำ ที่ผ่านมาไม่มีตอนไหนเลยที่ทำให้นางรู้สึกเข้าใกล้ความตายมากขนาดนี้


จะตายแล้ว… จริงๆ หรือ


เย่หลิงถงหัวสมองว่างเปล่า ถึงขั้นลืมดิ้นรนไปแล้ว


“เจ้านับเป็นตัวอะไร กล้าฆ่าคนต่อหน้าข้าหรือ”


ทันใดนั้นเสียงอันราบเรียบก็ดังขึ้นข้างหู เย่หลิงถงตะลึง แต่กลับค้นพบอย่างกะทันหันว่าตนยังไม่ตาย


และไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เงาร่างสูงสง่าร่างหนึ่งขวางอยู่ตรงหน้าตน


เป็นเด็กหนุ่มคนนั้น!


สิ่งนี้ทำให้เย่หลิงถงหัวใจกระเพื่อมไหว แทบจะตะเบ็งเสียงตามจิตใต้สำนึก “สหาย เจ้ารีบหนีเร็ว! เจ้าอยากตายหรือ!?”


แต่ทันทีที่พูดจบนางกลับสัมผัสได้ว่าบรรยากาศดูแปลกๆ ไม่ว่าจะเป็นพวกเย่ตงเคอหรือหานอวิ๋นฉง ยามนี้ล้วนเผยสีหน้าตื่นตะลึง สายตาจับจ้องเด็กหนุ่มคนนั้น


“นี่…”


ทันใดนั้นเย่หลิงถงพลันนึกถึงรุ้งศักดิ์สิทธิ์สีทองที่หานอวิ๋นฉงแผ่ออกมาเมื่อครู่นี้ คงไม่ใช่ว่าถูกเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าสลายไปแล้วกระมัง


“ดูไม่ออกเลยว่าเด็กหนุ่มอย่างเจ้าก็พอจะมีฝีมือ สามารถต้านทานการโจมตีของข้าได้ ก็ถือว่าเป็นคนเก่งกาจในบรรดาคนรุ่นเยาว์แล้ว”


หานอวิ๋นฉงขมวดคิ้วน้อยๆ กล่าว


ในสายตาเขากลิ่นอายในตัวหลินสวินนั้นเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ไม่มีความพิเศษเลยสักนิด แต่เด็กหนุ่มคนนี้กลับต้านทานการโจมตีของเขาได้ เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา


‘เขาเป็นคนคลี่คลายเคราะห์ครั้งนี้ให้จริงๆ ด้วย’ ในที่สุดเย่หลิงถงก็มั่นใจแล้ว แต่นางกลับไม่กล้าเชื่อ


หานอวิ๋นฉงเป็นถึงมหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะขั้นสูง เขาเหมือนโจมตีลวกๆ แต่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถต้านทานได้!


ไม่เพียงแค่เย่หลิงถง พวกเย่ตงเคอเองก็ไม่อยากจะเชื่อ ทุกอย่างเมื่อครู่นี้เกิดขึ้นไวเกินไป ไวจนพวกเขาเกือบจะรู้สึกตาลาย


เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะระดับห่างกันเกินไป ทำให้การตอบสนองของพวกเขาไม่สามารถเทียบกับระดับหยั่งสัจจะได้


“แต่ว่า พอแค่นี้เถอะ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครก็สู้ข้าไม่ได้หรอก”


หานอวิ๋นฉงท่าทางเฉยเมย อานุภาพยิ่งทวีความโหดเหี้ยมและน่าสะพรึงกลัว


สำหรับระดับหยั่งสัจจะขั้นสูง ในจักรวรรดิจื่อเย่าล้วนสามารถเป็นใหญ่ในฝ่ายหนึ่งได้ อานุภาพสะเทือนไปทั้งมณฑล แน่นอนว่าย่อมไม่เห็นคนรุ่นเยาว์อยู่ในสายตา


ตูม!


เขาก้าวออกมา อากาศระเบิดคำรามราวกับทรุดทลายลง แสงพลังน่าสะพรึงกระจายออกจากร่างของเขา


เพียงชั่วพริบตาลมเมฆสั่นไหว มหาสมุทรเดือดดาลอย่างสิ้นเชิง


“ตาย!”


หานอวิ๋นฉงฟาดฝ่ามือลงไป ท่วงทำนองแห่งมรรคคำราม เส้นผมของเขาแผ่สยาย นัยน์ตามีสายฟ้าเยียบเย็นไหลหลั่ง ทำให้สีหน้าของทุกคนพลันเปลี่ยนไปฉับพลัน


พวกเย่หลิงถงและเย่ตงเคอล้วนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจนหายใจแทบไม่ออก ราวกับตกนรกอันร้อนเร่ารุนแรง


“คุณชายหนีเร็ว!” เย่หลิงถงเตือนหลินสวินอย่างร้อนรน


แต่กลับเห็นหลินสวินราวกับไม่รู้สึกรู้สา เพียงเงยหน้าขึ้นมองหานอวิ๋นฉงแวบหนึ่ง ดวงตาดำขลับเผยความดูถูกอย่างไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้


ในขณะเดียวกัน พลังที่เดิมทีประหนึ่งมังกรจำศีลภายในร่างของหลินสวิน ถูกปลดปล่อยออกมาราวกับหินหนืดในชั่วพริบตานี้


ราวกับสัตว์ปีศาจไร้เทียมทานบรรพกาลฟื้นตื่นขึ้นในร่างกายของหลินสวิน กลิ่นอายน่าพรั่นพรึงแผ่กระจายออกมา แทรกซึมทั่วฟ้าดินในทันที ทำให้ห้วงอากาศทุกชุ่นพลังทลาย ฟ้าดินร้องคำราม


ส่วนฝ่ามือที่หานอวิ๋นฉงสะบัดออกมา ยังไม่ทันกระทบบนร่างกายของหลินสวินก็ถูกกลิ่นอายสายหนึ่งบดขยี้ สลายพลังฝ่ามือนั้นให้กลายเป็นละอองแสงปลิวว่อน


กร๊อบ!


และในเวลาเดียวกัน เสียงกระดูกแตกหักดังแว่วขึ้น พลันเห็นว่ามือขวาของหานอวิ๋นฉงที่ยื่นออกมาถึงกับถูกสายฟ้าผ่าจนเลือดอาบเนื้อหลุด เอ็นกระดูกแตกหัก!


และนี่ เป็นเพียงอานุภาพที่แผ่กระจายออกจากตัวหลินสวินเท่านั้น ตั้งแต่ต้นจนจบเขายังไม่ได้ลงมืออย่างแท้จริงเลย


…………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)