Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 612-615
ตอนที่ 612 ยืมเจ้ามาเป็นคู่รบ พิสูจน์มรรคของข้า
โดย
ProjectZyphon
โครม!
ในอาศรม แสงประกายคำรามสั่นสะเทือน แสงเมฆม้วนตัว ฟ้าดินเปลี่ยนสี
สถานการณ์น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก บุคคลระดับบุตรเทพชั้นยอดสี่คนร่วมมือกันล้อมโจมตีหลินสวินคนเดียว พาให้ทุกคนตะลึงไปตามๆ กัน
วู้ม!
อากาศสั่นไหว หนิวทุนเทียนกวัดแกว่งทวนสามง่ามแผ่ไอสังหารล้นฟ้า ทำให้อากาศแตกทลาย การโจมตีนี้น่าพรั่นพรึงอย่างที่สุด
ผมยาวของเขาปลิวสยาย ดูเผด็จการอย่างที่สุด ไอเลือดพุ่งขึ้นฟ้าเกิดเป็นไอสังหาร อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาทำให้ผู้แข็งแกร่งหลายคนหวาดกลัว
อีกด้านเงาร่างของเมิ่งเหลียนชิงราวกับภาพมายา แสงสีทองไหลวน กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์สะดุดตา
มือเรียวยาวขาวเนียนของนางประคองขวดสมบัติสีเขียวใบหนึ่งเอาไว้ พ่นฝนแสงบางๆ ดูเหมือนนุ่มนวลและสวยงาม แต่อากาศทุกที่ที่นางผ่านกลับดับสลายทลายลง
นั่นคือ ‘ขวดแสงสูญไอสมบัติ’ ฝนแสงที่พ่นออกมาสามารถทำลายล้างสรรพสิ่ง แตะต้องเพียงเล็กน้อยก็อาจจะประสบพิบัติภัยรุนแรงจนไม่อาจฟื้นคืนชีพได้อีก!
สิ่งนี้คืออาวุธที่สืบทอดกันมาแต่บรรพบุรุษของเผ่าหงส์หิรัณย์
ตูม!
ถ้าพูดถึงคนที่ฝีมือต่อสู้ดุดันที่สุดก็ต้องเป็นข่งซิ่ว ทั่วร่างกายของเขามีสายฟ้าไหลเวียน ราวกับเทพที่ถือกำเนิดจากการอาบสายฟ้า ครอบครองพลังสังหาร อานุภาพแข็งแกร่งและหยิ่งผยอง
ในขณะเดียวกันเสวียนหลัวจื่อเองก็ไม่น้อยหน้า ผมสีฟ้าครามของเขาพลิ้วไหว ในมือถือทวนสีฟ้าอ่อนราวกับภาพในห้วงความฝัน เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า มีความเฉียบคมไร้เทียมทาน โจมตีจนอากาศทรุดลง
บุตรเทพชั้นยอดทั้งสี่นี้ ไม่ว่าเลือกใครออกมา อานุภาพก็เพียงพอที่จะสั่นสะเทือนอีกฝ่ายได้ กวาดล้างผู้แข็งแกร่งมากมายในระดับเดียวกัน
ตอนนี้พวกเขาโจมตีพร้อมกัน ปิดล้อมหลินสวินคนเดียว ในสถานการณ์แบบนั้นเรียกได้ว่าสะท้านโลกและหาได้ยากอย่างแน่นอน
หากเผยแพร่ออกไปในโลกภายนอก จะต้องสร้างความฮือฮาไปทั้งโลกแห่งการฝึกปราณอย่างแน่นอน เพราะการต่อสู้ระดับนี้มีน้อยมากจริงๆ
ครืน โครม ตูม!
ภายในอาศรมโบราณ การต่อสู้ยังคงดุเดือดต่อเนื่อง ลมเมฆเปลี่ยนไป เสียงคำรามดังขึ้นไม่ขาดสาย สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเก้าชั้นฟ้าสิบทศภูมิ
แสงบริเวณนั้นเจิดจรัสอย่างมาก ปกคลุมร่างหลินสวินจนมิด ทำให้แทบไม่สามารถมองเห็นสถานการณ์การต่อสู้ภายในได้
แต่หลินสวินถูกกำราบอย่างสิ้นเชิงโดยไม่ต้องสงสัย!
นี่ทำให้ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าบริเวณเชิงเขาต่างใจสั่นหวาดผวา สิ่งใดที่เรียกว่าบุตรเทพชั้นยอด
ก็เช่นนี้อย่างไรเล่า!
ชี้ฟ้ากำราบดิน อานุภาพไม่มีที่เปรียบ ความน่าเกรงขามแผ่คลุม ยามนี้เมื่อโจมตีอย่างเหี้ยมหาญพร้อมกัน อานุภาพนั้นใครเล่าจะต้านทานได้
ลองถามใจตัวเองว่า ถ้าเป็นพวกเขา คงจะถูกกำจัดไปตั้งนานแล้ว ไม่มีทางโชคดีอยู่รอดมาได้แน่!
“เด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นจะต้องถูกฆ่า!”
เป็นเช่นนี้จะสู้ได้อย่างไร นี่คือความคิดของเหล่าผู้แข็งแกร่ง
เพียงแค่คนใดคนหนึ่งในบรรดาบุตรเทพไร้เทียมทานแห่งยุค ก็ล้วนมีความสามารถมากพอสังหารเด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นแล้ว นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่บุตรเทพไร้เทียมทานแห่งยุคสี่คนลงมือพร้อมกัน
เด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นต้องตายแน่!
“น่าเสียดาย…”
สีหน้าของพวกซูซิงเฟิงอึมครึมอย่างที่สุด
ในใจพวกเขาซับซ้อนและอัดอั้นมากจริงๆ ทั้งอยากให้หลินสวินถูกฆ่าเพื่อระบายความคับแค้นใจของพวกเขา แต่ก็ไม่อยากเห็นหลินสวินถูกฆ่าง่ายๆ เช่นนี้
เหตุผลก็ง่ายมาก เพราะพวกเขายังอาลัยอาวรณ์เจดีย์สมบัติและวาสนาในมือหลินสวิน ถ้าเขาถูกฆ่า ก็เท่ากับว่าของทั้งหมดนี้จะตกเป็นของพวกหนิวทุนเทียน
เพราะฉะนั้นตอนนี้พวกซูซิงเฟิงจึงกลัดกลุ้มอย่างที่สุด สีหน้าก็ไม่ได้ดูดีนัก
“หากเด็กคนนี้ตาย ต่อไปการต่อสู้มหามรรคก็หมดสนุกไปไม่น้อย…”
จู่ๆ เซียวหรันที่เงียบมาโดยตลอดก็ถอนหายใจเบาๆ ความรู้สึกของเขาต่อหลินสวินซับซ้อนที่สุด มีทั้งความชื่นชม หวาดระแวง และมีอีกความรู้สึกหนึ่งที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
ตอนนี้บริเวณเชิงเขา จ้าวจิ่งเซวียนและเจ้าคางคกต่างหัวใจแขวนลอย หว่างคิ้วเผยความกังวลอย่างยากจะปกปิด การต่อสู้นี้เกิดขึ้นไวเกินไปและดุดันเกินไป เหนือความคาดหมาย ทำให้รู้สึกบีบคั้นหัวใจมากเป็นพิเศษ
“ไม่ต้องเป็นห่วง เจ้าหนูนั่นไม่ทำอะไรโง่ๆ แน่”
เจ้าคางคกพึมพำ
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังปลอบใจตัวเอง
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ปฏิกิริยาของจ้าวจิ่งเซวียนกลับนิ่งมาก แม้ว่านางเองก็ดูออกว่าสถานการณ์ของหลินสวินในตอนนี้อันตรายมาก แต่นางไม่คิดว่าหลินสวินจะถูกฆ่า!
คนอย่างเขา หากไม่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปเป็นร้อยๆ ปี ก็คงชื่อเสียงย่ำแย่ไปเป็นหมื่นปี แต่ไม่มีทางตายง่ายๆ แบบนี้แน่!
นี่คือมุมมองของจ้าวจิ่งเซวียน นางรู้อดีตของหลินสวินและรู้นิสัยของเขา ยิ่งรู้ถึงปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นกับตัวเขา จึงไม่รู้สึกแปลกอะไรแล้ว
วันนี้จะเกิดปาฏิหาริย์อะไรขึ้นอีกหรือไม่
เกิดสิ!
เสียงในใจจ้าวจิ่งเซวียนพูดเช่นนี้
……
สภาพในตอนนี้ของหลินสวินแปลกมาก
ในใจของเขามีเพลิงแห่งการต่อสู้กำลังลุกโชน เลือดทั่วร่างราวกับหินหนืด มีความรู้สึกรุนแรงราวกับกำลังเดือดพล่าน กึกก้องคำราม และปะทุระเบิดอย่างไรอย่างนั้น
นี่เป็นจิตต่อสู้ที่เก่าแก่ บริสุทธิ์และเผด็จการ เกรี้ยวกราดและหยิ่งผยอง!
สวบ!
เงาร่างของเขาพริบไหว ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งกลางอากาศ แม้ว่าจะถูกการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวจากทั่วทุกทิศกดดัน แม้จะถูกขังในพื้นที่เพียงชุ่น ความวิเศษเกินจะคาดเดาของก้าวย่างชือน้ำแข็งก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
ตูม!
เขาปล่อยหมัดมือเปล่า สู้ด้วยเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ แรงหมัดอุดมท่วงทำนองแห่งมรรค บางครั้งก็เผยอานุภาพทลายภูผา บางครั้งก็เผยอานุภาพทลายสมุทร บางครั้งก็ปรากฏลักษณ์ทลายวิญญาณและอากาศ บางครั้งก็แสดงอานุภาพทลายมังกรปักษาเพลิง…
ทุกๆ หมัดล้วนหมดจดและตรงไปตรงมา สมบูรณ์และไหลลื่น สำแดงมรดกโบราณที่สืบทอดจากห้องโถงมรรคาสวรรค์ออกมาอย่างเต็มกำลัง
หลินสวินในตอนนี้ผมดำปลิวสยาย ดวงตาดำลึกล้ำ เงาร่างวูบไหวไม่นิ่ง รอบตัวมีท่วงทำนองมรรคสดใสไหลเวียนปานคำราม
เขาดูเหมือนถูกกำราบอย่างสิ้นเชิงแล้ว ถูกการโจมตีรูปแบบต่างๆ ปกคลุม ทว่าสภาพนอกจากไม่ได้ดูสะบักสะบอม กลับให้ความรู้สึกว่ายังสามารถเคลื่อนไหวได้ตามใจ ดูสงบเยือกเย็น
ราวกับเป็นผู้สันโดษละซึ่งทางโลก กำลังร่ายรำอยู่บนภูเขาดาบทะเลเพลิง เหลือบแลสายตาไปยังอันตรายรอบด้าน!
ไร้ซึ่งความกลัว!
และมีเพียงคำพูดนี้เท่านั้นจึงจะสามารถเปรียบเทียบสภาพของหลินสวินได้อย่างแม่นยำ รอบตัวเขาจิตต่อสู้กำลังเดือดพล่าน ในใจว่างเปล่ากระจ่างใส รวมเป็นหนึ่งเดียวกับมรรค
แม้อยู่ในสนามรบที่อันตรายอย่างที่สุดนี้ แต่เขากลับมองการต่อสู้นี้เป็นการฝึกฝน ฉวยโอกาสนี้พิสูจน์มรรคาของตน!
ตูม!
รอบตัวเขาปลดปล่อยสภาวะวิญญาณอันเป็นเอกลักษณ์ มรรควิถีของเขาค่อยๆ ปรากฏและแสดงออกมา
เขาในอดีตผ่านด่านเคราะห์อสนีหกครั้งอันไร้เทียมทานมาแล้ว เป็นการยกระดับฝีมืออย่างที่สุด เปลี่ยนแปลงและเข้าสู่เส้นทางหยั่งสัจจะอย่างสมบูรณ์แบบ
หลังจากนั้นเขาได้ชำระล้างข้อบกพร่อง ฟังเสียงธรรมในตำหนักโบราณ และสร้างมรรคาของตนขึ้นมาใหม่อีกครั้งในระหว่างการหยั่งรู้…
ทุกสิ่งที่สะสมและเปลี่ยนแปลงมา สร้างมรรคาอันแข็งแกร่งไร้เทียมทานของเขาในวันนี้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีบกพร่อง
ก่อนหน้านี้ อานุภาพและพลังที่หายากนับตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบันเช่นนี้ ยังไม่เคยปรากฏอย่างแท้จริง
แต่ตอนนี้เมื่อเผชิญการปิดล้อมโจมตีของบุตรเทพชั้นยอดทั้งสี่ ทำให้ในที่สุดหลินสวินก็มีโอกาสปลดปล่อยและพิสูจน์ตัวเองอย่างเต็มที่
สู้!
มีเพียงการต่อสู้ด้วยตัวเองเท่านั้น จึงจะสามารถพิสูจน์ความแข็งแกร่งและอ่อนแอในมรรคาของตนได้
หลินสวินในตอนนี้เข้าใจจุดนี้อย่างดี เขาไม่เพียงไม่กลัว แต่ในใจยังมีความกระหายอย่างหนึ่ง
ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้ยังไม่พอ!
ยังต้องการพลังที่แข็งแกร่งกว่านี้เพื่อสู้กับตัวเอง!
ความกระหายนี้แรงกล้าถึงเพียงนี้ ทำให้เลือดทั่วร่างของเขาเดือดพล่านกู่ก้อง เลือดลมราวกับแผดเผาลุกโหม อานุภาพยิ่งทวีความแข็งแกร่งสะเทือนลมเมฆ
หนิวทุนเทียนพลันหรี่ตา ใบหน้าที่เดิมหยิ่งผยองและเผด็จการเผยความตะลึงเสี้ยวหนึ่ง เขารับรู้ได้อย่างฉับไวว่าพลังของหลินสวินแข็งแกร่งขึ้น!
นี่ทำให้ในใจเขาสั่นไหว แทบจะไม่อยากเชื่อ เผชิญกับการกดดันกำราบของพวกเขาทั้งสี่ เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนี้ไม่เพียงไม่ถูกฆ่าในทันที กลับยังแข็งแกร่งขึ้น?
เป็นไปได้อย่างไร!?
“ไม่ค่อยเข้าที”
เมิ่งเหลียนชิงพึมพำเบาๆ แสงทองในนัยน์ตาระยิบระยับ สีหน้าเคร่งเครียดอยู่บ้าง นางเองก็สังเกตเห็นความแปลกประหลาดและผิดปกติด้วย
เดิมทีนางมั่นใจเต็มเปี่ยม คิดว่าด้วยพลังของทั้งสี่ย่อมสามารถฆ่าหลินสวินได้ในชั่วพริบตา
ใครจะคิดว่าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนี้ไม่เพียงยืนหยัดมาได้ถึงตอนนี้ แต่พลังยังค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น ทำให้นางแทบไม่อยากจะเชื่อ
บนโลกนี้มีตัวประหลาดเช่นนี้ด้วยหรือ
สีหน้าของข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่ออึมครึมขึ้น แน่นอนว่าทั้งสองก็พบความผิดปกติเช่นกัน เดิมทีพวกเขามั่นใจเต็มเปี่ยม ถึงขั้นดูถูกอยู่บ้าง คิดว่าการรุมโจมตีหลินสวินคนเดียวเป็นการประเมินความสามารถของเขาสูงเกินไป
แต่ตอนนี้พวกเขากลับตื่นตัวอย่างฉับพลัน ตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเขายังประเมินและดูถูกเด็กหนุ่มคนนี้เกินไปด้วยซ้ำ!
จากพลังต่อสู้ที่เขาเผยออกมาในตอนนี้ ถึงขั้นที่สามารถสู้ตัดสินแพ้ชนะกับคนใดคนหนึ่งในหมู่พวกเขาได้แล้ว!
ฆ่า!
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิง หรือจะเป็นข่งซิ่วกับเสวียนหลัวจื่อ ต่างเก็บความดูถูกในใจโดยไม่ได้นัดหมาย
พวกเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น และงัดพลังที่แท้จริงออกมาโดยไม่เก็บงำอีก สายตาเต็มไปด้วยไอสังหาร เด็ดเดี่ยวและมั่นคง
พวกเขายอมให้หลินสวินมีชีวิตอยู่ไม่ได้!
เดิมทีทั้งสี่โจมตีพร้อมกันก็ทำให้พวกเขารู้สึกเสียศักดิ์ศรีแล้ว หากสุดท้ายกลับยังไม่สามารถฆ่าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นได้ ถือเป็นความอับอายอย่างใหญ่หลวง
หากเผยแพร่ออกไป พวกเขาจะต้องถูกมองเป็นตัวประกอบ กลายเป็นตัวตลกอย่างแน่นอน!
“เอ๋!”
ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าบริเวณเชิงเขาเพิ่งจะรู้สึกตัว และพบว่าสถานการณ์ดูผิดปกติไปเล็กน้อย
สู้กันมาเกือบจะครึ่งเค่อแล้วกลับยังไม่รู้แพ้รู้ชนะ ดูผิดปกติมากเหลือเกิน
“เด็กหนุ่มเทพมารคนนี้แน่จริงๆ ยืนหยัดมาได้ถึงตอนนี้ เท่านี้ก็เพียงพอที่จะยืนยันว่า พลังต่อสู้ของเขาไม่ด้อยไปกว่าคนใดคนหนึ่งในบรรดาสี่คนนั้น!”
มีคนตะลึง
“บางทีอาจเป็นเพราะพวกหนิวทุนเทียนดูถูกและชะล่าใจเกินไป ทำให้เด็กหนุ่มคนนี้มีโอกาสได้หายใจ”
แต่ก็มีผู้แข็งแกร่งหลายคนไม่เห็นด้วย ในสายตาของพวกเขา หลินสวินถูกกำราบมาตลอด นี่ก็เหมือนแมวหยอกหนู เป็นการกลั่นแกล้งและดูถูกอย่างหนึ่ง การที่ไม่สามารถตัดสินเป็นตายได้ในเวลาอันสั้น ไม่ได้มีความหมายอะไร
“ไม่ พวกเจ้าผิดแล้ว เด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นเก่งกาจมาก! ไม่ได้เก่งกาจธรรมดา ไม่เห็นหรือว่าพลังของเขาค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น!”
มีคนที่สายตาเฉียบคมมองเห็นความจริงบางอย่าง จึงอดขนลุกขนชันไม่ได้ พลันส่งเสียงอย่างตะลึง
ทำให้หลายคนหันไปมองด้วยความแปลกใจ
“เป็นแบบนี้ได้อย่างไร…”
พวกซูซิงเฟิงทั้งอัดอั้นและสับสน พวกเขาไม่อยากให้หลินสวินถูกฆ่า แต่เมื่อเห็นว่าหลินสวินไม่ได้ถูกฆ่าในทันที พวกเขาก็ไม่จำยอมและชิงชังไม่น้อย
สรุปแล้ว วันนี้เป็นวันที่พวกเขายากจะมีความสุขได้อย่างแท้จริง
“ข้าพูดผิดไปแล้ว ไม่ต้องรอถึงอนาคต เขาในตอนนี้ก็มีพลังที่สูสีกับข้าแล้ว…”
เซียวหรันพึมพำ น้อยมากที่จะเห็นเขาเสียการควบคุมเช่นนี้ ตอนนี้ความเย่อหยิ่งและความมั่นใจเกิดการสั่นคลอน
เดิมทีสำหรับเขา หลินสวินถือเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าชื่นชมมาก แต่ถ้าอยากสู้กับตน ยังต้องฝึกฝนเติบโตอีกมาก
แต่ตอนนี้เซียวหรันกลับพบว่า ความเข้าใจและการตัดสินของเขาเกิดความผิดพลาด ไม่ต้องรอถึงอนาคต หลินสวินในตอนนี้ก็มีคุณสมบัติที่จะสู้กับเขาแล้ว!
“ที่แท้ข้าก็ดูถูกเขาเกินไป…”
ในใจเซียวหรันรู้สึกซับซ้อนอยู่บ้าง
ทว่าไม่นานเขาก็สงบลง สีหน้าลึกล้ำไร้อารมณ์ ในฐานะบุคคลไร้เทียมทานแห่งยุค ความเย่อหยิ่งและจิตใจแห่งการแสวงมรรคของเขาไม่มีทางสั่นไหวเพราะเรื่องแค่นี้
——
ตอนที่ 613 วิชาอริยะยุทธ์
โดย
ProjectZyphon
“เจ้าหนุ่ม แข็งแกร่งขึ้นมาเถอะ! ฆ่าสารเลวพวกนี้ซะ ให้พวกชอบดูถูกคนอื่นตัวสั่นและหวาดกลัวให้หมด!”
“ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน บุคคลไร้เทียมทานคนใดบ้างที่ไม่ได้สังหารมาตลอดทาง ในสมัยบรรพกาลผู้มีความสามารถคนใดบ้างที่ไม่ได้พิสูจน์มรรคบนกองศพทะเลเลือด อยากจะต่อสู้บนเส้นทางมหามรรคงั้นหรือ ง่ายมาก ตั้งเป้าหมายเล็กๆ เอาไว้ แล้วกวาดล้างศัตรูทุกคนในใต้หล้าเสียก่อน!”
เจ้าคางคกตื่นเต้น ร้องตะโกนดุเดือดเต็มอารมณ์
เขาเองก็สังเกตเห็นร่องรอยที่หลินสวินเก่งกาจขึ้น นี่พาให้เขารู้สึกตื่นเต้นไปด้วยจนไม่สามารถสงบได้
จ้าวจิ่งเซวียนเม้มปากเงียบ แต่ดวงตาคู่งามกลับทอประกาย
สถานการณ์ของหลินสวินในตอนนี้ยังคงอันตราย แต่กลับทำให้นางมองเห็นความหวังเสี้ยวหนึ่ง แม้จะเล็กมากแต่ก็ยังดีกว่าสิ้นหวัง
โครม!
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ไม่นานจู่ๆ หนิวทุนเทียนก็ส่งเสียงคำรามสะเทือนสวรรค์ อานุภาพทลายโลก!
แสงสีดำก่อตัวรอบตัวเขา ทวนสามง่ามสีทองอร่ามในมือส่งเสียงคำรามทะลุฟ้าขึ้นมา ท่วงทำนองแห่งมรรคพรั่งพรู แผ่กระจายแสงสีทอง
ชั่วพริบตานั้นราวกับแทงทะลุจักรวาล!
นี่คือท่าไม้ตาย น่าสะพรึงกลัวสะเทือนโลกา ทำให้ทุกคนอกสั่นขวัญแขวน ตระหนักได้ว่าหนิวทุนเทียนเดือดดาลจริงๆ แล้ว และเริ่มใช้ท่าไม้ตาย
ฟู่!
ทันใดนั้นเงาร่างของหลินสวินพลันสั่นขึ้นมา ถูกสะเทือนจนเซถอยหลัง เขาไม่สามารถหลบได้
เหตุผลแรกเพราะการโจมตีนี้แข็งแกร่งเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นคือ ในทิศทางอื่นอีกสามทิศ พวกเมิ่งเหลียนชิงต่างก็โจมตี สกัดกั้นทางหนีของเขา
นี่ก็คืออันตรายของการถูกปิดล้อมสังหาร ดั่งคำที่ว่าสองหมัดยากจะสู้สี่มือ แล้วนับประสาอะไรกับสถานการณ์ที่คู่ต่อสู้ของเขายังเป็นถึงบุตรเทพไร้เทียมทานแห่งยุคสี่คน
เสียงของเจ้าคางคกหยุดไปฉับพลัน ยังไม่ทันได้ตื่นเต้นก็ตึงเครียดขึ้นมาเสียแล้ว
ส่วนผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าทั่วบริเวณก็เดือดพล่าน ตระหนักได้ว่าการต่อสู้ได้เข้าสู่ช่วงที่ดุเดือดที่สุดแล้ว บุตรเทพไร้เทียมทานแห่งยุคทั้งสี่ไม่ออมมืออีกต่อไปแล้ว!
การต่อสู้อันสุดยอดนี้หายากอย่างที่สุด
แม้ทุกคนจะไม่ยินยอมแต่ก็ต้องยอมรับว่าหลินสวินแข็งแกร่งมากจริงๆ มีความสามารถพอจะเทียบเคียงบุตรเทพไร้เทียมทานแห่งยุคได้แล้ว
แม้ว่าสุดท้ายเขาอาจจะตายในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่เชื่อว่าชื่อของเขาก็จะดังก้องไปทั่วทุกเผ่า
เพราะการที่ในเผ่ามนุษย์มีบุคคลไร้เทียมทานเช่นนี้โผล่ออกมา ถือว่าหายากและสะดุดตามากจริงๆ
การต่อสู้ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ชักจูงผู้ชมได้อย่างเหนียวแน่น ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าจ้องตาไม่กะพริบ จับจ้องไม่วางตาแทบจะลืมหายใจ ด้วยกลัวว่าจะพลาดรายละเอียดจุดใดจุดหนึ่ง
หนิวทุนเทียนใช้กระบวนท่าไม้ตาย ราวกับวัวมารทรงพลังที่แท้จริงมาเยือนโลก กวาดล้างจักรวาล ง้าวร่ายรำอยู่บนท้องฟ้า เผด็จการจนชวนให้ใจสั่น
เมิ่งเหลียนชิงยิ่งศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ แสงทองรอบตัวราวกับพู่พลิ้วไหว ขวดแสงสูญไอสมบัติในมือส่งเสียง สาดฝนแสงออกมานับร้อยพันราวกับเป็นภาพในห้วงฝัน งดงามอย่างที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็อันตรายอย่างที่สุดเช่นกัน
ครืนโครม!
พายุสายฟ้าคะนอง แสงสายฟ้าวูบไหวบนท้องฟ้า ข่งซิ่วกำลังโจมตี ควบคุมสายฟ้าสังหารอย่างไม่ปรานี สำแดงวิชามรดกที่สืบทอดกันมาอย่างลึกลับของเผ่าตน
อีกด้านทวนสีฟ้าอ่อนที่ราวกับภาพฝันของเสวียนหลัวจื่อพุ่งขึ้น แปรเป็นเงาทวนมากมายมืดฟ้ามัวดิน ราวกับกลืนกินอากาศ!
ทั้งท่าไม้ตายและวิชาลับกำลังปรากฏ อาวุธบรรพชนและท่วงทำนองมรรคกู่ก้องคำราม!
การโจมตีทุกรูปแบบล้วนเรียกได้ว่าสะเทือนโลก ตอนนี้เมื่อปรากฏบนอาศรมโดยพร้อมเพรียงกัน ภาพนี้ช่างยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด
เสียงอุทานด้วยความตกใจของผู้ชมเหมือนไม่เคยหยุดลง
ใครจะคิดว่าอยู่ในระดับหยั่งสัจจะเหมือนกัน แต่พวกเขาในฐานะบุตรเทพชั้นยอดกลับแข็งแกร่งถึงขั้นนี้!
บางทีนี่อาจจะเป็นความแตกต่างระหว่างผู้กล้ากับผู้ฝึกปราณธรรมดา แม้อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ในระดับนี้ผู้กล้าเหล่านั้นกลับยืนอยู่บนยอดเขาอย่างเย่อหยิ่ง เหลือบมองลงมายังมวลชน
และเหล่าผู้ฝึกปราณธรรมดาก็ทำได้เพียงวนเวียนและแหงนหน้าขึ้นมองอยู่ตรงบริเวณเชิงเขา
สองฝ่ายนี้ย่อมต่างกันราวฟ้ากับดิน!
“เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้น…ยังไม่ถูกสังหารงั้นหรือ”
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งตะลึงก็คือ แม้อยู่ท่ามกลางการเข่นฆ่าอันน่าสะพรึงกลัวนี้ หลินสวินกลับยังคงยืนหยัดและต่อสู้โดยไม่มีท่าทีว่าจะล้มลง
การค้นพบนี้ทำให้ทุกคนตะลึง สูดหายใจเข้าด้วยความตะลึง ตระหนักได้ว่านี่คือปัญหาที่รุนแรงอย่างมาก
ถ้าเปลี่ยนจากหลินสวินเป็นใครคนใดคนหนึ่งในบรรดาบุตรเทพชั้นยอดทั้งสี่ จะสามารถยืนหยัดท่ามกลางการถูกปิดล้อมโจมตีได้ถึงตอนนี้หรือไม่
เหมือนจะ…
เป็นไปได้ยาก!
หลังจากเปรียบเทียบในใจ สีหน้าของผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าต่างเปลี่ยนไป นี่หมายความว่าหากเป็นสถานการณ์หนึ่งต่อหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นใครในบรรดาพวกหนิวทุนเทียน ก็ล้วนไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นได้งั้นหรือ
เมื่อการคาดการณ์นี้ผุดขึ้นในใจทำให้ผู้แข็งแกร่งในที่นั้นเงียบลง อึ้งค้างอยู่กับที่ จนถึงตอนนี้พวกเขาจำต้องยอมรับ ว่าเด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นเย้ยฟ้าและดุดันมากจริงๆ!
หัวเดียวกระเทียมลีบ แต่กลับสามารถสู้กับบุตรเทพชั้นยอดทั้งสี่ได้โดยไม่พ่ายแพ้ พลังต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวระดับนี้ ทอดสายตามองไปบนโลกนี้จะมีเสียกี่คน
สีหน้าของพวกซูซิงเฟิงยิ่งดูแย่เข้าไปใหญ่ อึมครึมขมวดมุ่นถึงที่สุด
ส่วนเซียวหรันถอนหายใจเบาๆ อารมณ์ดูซับซ้อน
เจ้าคางคกและจ้าวจิ่งเซวียนมีประกายความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ยามนี้ในใจพวกเขาตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ ไม่สามารถรู้ได้ว่า ตอนนี้หลินสวินในระดับหยั่งสัจจะแข็งแกร่งขึ้นขั้นไหนแล้ว
อารมณ์ของทุกคนบริเวณเชิงเขาแตกต่างกันออกไป และในอาศรม บุตรเทพชั้นยอดที่กำลังเข่นฆ่าอย่างดุเดือดก็ไม่สามารถสงบอารมณ์ได้เช่นกัน
พวกเขาต่างก็ใช้ท่าไม้ตาย แสดงความสามารถที่แท้จริงของแต่ละคนออกมาแล้ว เดิมทีคิดว่าเพียงพอที่จะทำให้หลินสวินประสบพิบัติภัยไม่มีทางฟื้นคืน และไม่มีแรงจะดิ้นรนอีก
แต่ผลลัพธ์กลับเหนือความคาดหมายของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง หลินสวินที่ตกอยู่ในการปิดล้อมโจมตีของพวกเขากลับยิ่งสู้ยิ่งกล้าหาญ ยิ่งสู้ยิ่งแข็งแกร่ง!
เป็นไปได้อย่างไร
ไม่ว่าพวกเขาจะเย่อหยิ่งและมั่นใจเพียงใด แต่เมื่อรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ ก็ยังคงรู้สึกเหลือเชื่อและยากจะยอมรับได้
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สีหน้าของพวกเขาดูเคร่งเครียดและอึมครึมขึ้นมา ในใจเกิดความรู้สึกเดือดดาลและหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
พวกเขาเป็นผู้กล้า เป็นบุตรเทพแต่ละเผ่า เป็นที่จับตาของมวลชน คิดว่าตนนั้นอยู่จุดสูงสุดในบรรดาคนระดับเดียวกัน สามารถกวาดล้างศัตรูทุกคนได้
แต่แล้วยามนี้พอประลองกับหลินสวิน กลับประหนึ่งถูกท่อนไม้ตีให้ตื่น ทำให้พวกเขาค้นพบอย่างกะทันหันว่า แท้จริงแล้วบนปลายยอดในระดับเดียวกันนี้ ยังมีคนที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขา!
ราวกับราชันที่ยืนอยู่บนยอดสูงสุด!
เป็นแบบนี้ได้อย่างไร
ความรู้สึกประหลาดใจราวกับคลื่นน้ำถาโถมเข้าใส่ในใจพวกเขา พวกเขาไม่กล้าชะล่าใจ ยิ่งทวีความดุดัน ไม่อาจยอมให้ถูกเปรียบเทียบต่อไปได้
ครืน โครม โครม!
ทั่วทั้งอาศรมตกอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายอันน่าหวาดหวั่น เมฆศักดิ์สิทธิ์จรัสแสง กระแสปั่นป่วนพลุ่งพล่าน
ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าที่อยู่บริเวณเชิงเขา หรือพวกหนิวทุนเทียน ต่างราวกับลืมไปแล้วว่าตรงกลางอาศรมแห่งนั้นยังมีวาสนาตะลึงโลกอยู่
จากเรื่องนี้ก็จะดูออกว่า การต่อสู้ในครั้งนี้เป็นประวัติการณ์และสั่นสะเทือนเพียงใด ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างถูกชักจูงจนไม่สามารถละสายตาได้
“ฝีมือแค่นี้? อ่อนแอเกินไปแล้ว!”
ทันใดนั้นในอาศรมเกิดเสียงคำรามขึ้น กังวานและกึกก้องสะเทือนฟ้าดิน แฝงความไม่พอใจ
เป็นหลินสวิน!
เขาในตอนนี้ถูกแสงสีฟ้าแรงกล้าปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกาย ท่วงทำนองแห่งมรรคราวกับเสียงมังกรครวญ ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือนโดยพร้อมเพรียงกัน
จิตต่อสู้ที่ราวกับหินหนืดเดือดดาลปะทุคลั่ง พลุ่งพล่านอยู่ในดวงตาสีดำขลับลึกล้ำของเขา ทุกอิริยาบถราวกับราชันองค์หนึ่ง อานุภาพยิ่งใหญ่ปานสามารถกลืนกินสรรพสิ่งในใต้หล้า!
เขาในตอนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ พาให้คนรู้สึกไม่กล้าจับจ้อง เขายังคงปล่อยหมัดมือเปล่า แต่กลับมีพลังอันยิ่งใหญ่ตะลึงผู้คน
ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าหัวใจกระเพื่อมไหว ไม่สามารถกำราบเด็กหนุ่มเทพมารคนนี้ได้จริงๆ หรือนี่
แข็งแกร่งเกินไปแล้วหรือเปล่า!
“ฆ่า ฆ่าพวกสารเลวนี้ให้หมด มารดามันเถอะ แบบนี้ถึงจะสะใจ ข้าร้อนใจจะแย่แล้ว!”
เจ้าคางคกตื่นเต้นจนกระโดดโลดเต้น ส่งเสียงตะโกนโหวกเหวก ดึงดูดสายตาโกรธเกรี้ยวของเหล่าผู้แข็งแกร่ง แต่เขากลับไม่ใส่ใจ กลอกตาใส่โดยไม่สนใจเลยสักนิด
ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นกัดฟันด้วยความชิงชัง แต่กลับไม่มีใครลงมือในยามนี้ ด้วยพลังผนึกต้องห้ามยังอยู่ เจ้าคางคกเคยเข้าไปในตำหนักโบราณ เคยหยั่งถึงมรดกและได้รับการคุ้มครองจากผนึกต้องห้าม
อีกอย่างในช่วงเวลาเช่นนี้พวกเขาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าคางคก เพราะตอนนี้การต่อสู้มาถึงช่วงเวลาสำคัญที่สุด ดึงดูดจิตใจของพวกเขา
ในสนามรบ พวกหนิวทุนเทียนทั้งโกรธทั้งตกใจ เดือดดาลอย่างสิ้นเชิง อานุภาพยิ่งน่าพรั่นพรึง
ทว่าหลินสวินราวกับยังไม่พอใจ ขมวดคิ้วพูดว่า “พวกเจ้าไม่ได้กินข้าวมาหรือ เพิ่มกำลังหน่อย มิฉะนั้นพวกเจ้าแพ้แน่!”
ไม่ได้กินข้าว…
พวกหนิวทุนเทียนถึงขั้นอยากจะกระอักเลือดแล้ว เจ้าหมอนี่พูดจาไม่น่าฟังเกินไปแล้ว ควรถูกหั่นเป็นหมื่นๆ ชิ้นเสียจริง!
ตูม!
หนิวทุนเทียนคำราม ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับวัวมารที่บ้าคลั่ง ท่าทางคลุ้มคลั่งอย่างสิ้นเชิง ทวนสามง่ามถูกเขากวัดแกว่งจนเกิดเสียง พาให้ห้วงอากาศทรุดทลาย
เมิ่งเหลียนชิง ข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อต่างก็กัดฟัน สำแดงพลังของตนออกมาจนถึงขีดสุด แต่ละคนไอสังหารพลุ่งพล่าน โกรธจนแทบคลั่ง
“ธรรมดา พอใช้ได้”
หลินสวินต่อสู้ไปพลางวิจารณ์ไปพลาง
เขาดูเหมือนกำลังท้าทาย ความจริงในใจนั้นนิ่งสงบ แผนภาพลับการต่อสู้ที่ย้อมท้องฟ้าจนกลายเป็นสีเลือดนั่นสะท้อนก้องอยู่ในสมอง
แผนภาพลับนี้มาจาก ‘ตำราทองสาส์นหยก’ ด้านในมีเงาร่างอันเกรี้ยวกราดดุดัน ไล่สังหารเข่นฆ่าจากนรกจนถึงเก้าชั้นฟ้า ระหว่างทางศพกองเป็นภูเขา เลือดไหลเป็นทะเล กวาดล้างศัตรู ต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง เย้ยหยันโลกหล้า!
จิตต่อสู้โบราณภายในแผนภาพนั่นสัมบูรณ์และเผด็จการ ราวกับพลังที่จ่ออยู่ในใจผู้คน จุดเพลิงให้เลือดร้อน เดือดพล่านรอบตัว
หลินสวินต่อสู้มาถึงตอนนี้ สำแดงมรรคาของตน ใช้การต่อสู้เคี่ยวกรำและพิสูจน์ตัวเอง หยั่งรู้ความลึกลับของการต่อสู้ ดังนั้นยิ่งสู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งกล้าหาญ ยิ่งสู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งบ้าคลั่งเท่านั้น!
ท่ามกลางความเลื่อนลอย เงาร่างในแผนภาพลับการต่อสู้ราวกับทับซ้อนกับตัวเอง ทำให้หลินสวินยิ่งตระหนักถึงแก่นแท้ของการต่อสู้ได้ชัดเจนขึ้น!
สู้!
แต่ไหนแต่ไรไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล!
หากฟ้าขวางก็ฉีกฟ้า หากดินจำกัดก็ทลายดิน โดยอาศัยเพียงแค่คำเดียว…
สู้!
ระฆังดังขึ้นสำหรับผู้แสวงมรรค บทเพลงสงครามบรรเลงขึ้นแด่ผู้แข็งแกร่ง!
สู้!
เส้นผมของหลินสวินพลิ้วไหว เขาลืมสิ้นผืนฟ้าผืนดินและผู้คนอย่างสิ้นเชิง ภายในใจเลือดร้อนลุกโชน ความต้องการเดียวของเขาคือการต่อสู้ให้สาแก่ใจ
และในชั่วขณะนั้นเอง ในที่สุดหลินสวินก็หยั่งถึง ดวงตาสีดำขลับวาบประกาย ราวกับลำแสงหนึ่งที่ฉีกทำลายความมืดมน
‘ที่แท้มรดกที่อยู่ในตำราทองสาส์นหยกนั่น… มีชื่อว่าวิชาอริยะยุทธ์!’
ตูม!
ตอนนี้หลินสวินแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง จิตสังหารทะลุฟ้า สายตาเย็นเยียบแฝงความเย้ยหยัน เงาร่างราวกับลุกโชนอยู่ในเปลวเพลิงแห่งสงคราม พาให้ฟ้าดินส่งเสียงโอดครวญ
เขาเหวี่ยงแขนปล่อยหมัดออกไป
ตูม!
นี่มันหมัดอย่างไรกัน
เรียบง่ายตรงไปตรงมา แต่กลับแข็งแกร่งไร้เทียมทาน พลังที่ไม่อาจประเมินได้นั้น เพียงแค่จิตสังหารที่แพร่กระจายออกมาก็สามารถทำให้ฟ้าดินหม่นหมองลงแล้ว
ปัง!
ทวนสีฟ้าอ่อนดุจภาพในห้วงฝันราวกับถูกฟ้าผ่า เสียงกระแทกดังลั่น ถูกซัดสะเทือนปลิวออกไป
และในขณะเดียวกันเสวียนหลัวจื่อก็แข็งทื่อไปทั้งตัว ดวงตาเบิกโพลง เต็มไปด้วยความตกใจกลัวอันยากจะเชื่อ แต่สุดท้ายเขาก็อดไม่ไหว กระอักเลือดคำใหญ่ออกมา
ส่วนร่างของเขาซวนเซถอยกลางอากาศ…
——
ตอนที่ 614 หาญกล้าไร้เทียมทาน
โดย
ProjectZyphon
หนึ่งหมัด!
เสวียนหลัวจื่อกระอักเลือด เจ็บหนักจนเซไปข้างหลัง!
เมื่อเห็นภาพนี้ ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าที่อยู่บริเวณเชิงเขาต่างหนังหัวชาวาบแทบจะระเบิด เด็กหนุ่มเทพมารคนนี้กำลังตอบโต้หรือ
นี่ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกหวาดกลัวและเหนือความคาดหมาย ยากจะเชื่อได้ลง
บุตรเทพชั้นยอดสี่คนล้วนไม่สามารถปราบปรามเด็กหนุ่มเทพมารคนเดียวได้ ในระดับหยั่งสัจจะ เหตุใดจึงปรากฏสัตว์ประหลาดที่เย้ยฟ้าเช่นนี้
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
“หมัดนั่น…”
เชียวหรันหัวใจสะท้าน สีหน้าที่มักจะไม่สนโลกตอนนี้ดูจริงจังอย่างที่สุด
น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว!
หมัดนั้นของหลินสวินไม่ได้มีสีสันฉูดฉาดอะไร ธรรมดาอย่างที่สุด เรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ พาให้เซียวหรันรู้สึกหวั่นใจ
นั่นมันหมัดอะไรกัน
เซียวหรันอึ้ง ในใจสั่นไหว พลันใคร่ครวญอย่างละเอียด
“ฆ่า! ฆ่าให้ฟ้าพลิกดินตลบ อาทิตย์จันทร์ดับแสง!”
เจ้าคางคกร้องลั่น
“เขาไม่เคยถูกกำราบ!”
ดวงตาคู่ใสของจ้าวจิ่งเซวียนทอประกายจรัสแสง นางดูออกว่าตั้งแต่เริ่มรบจนถึงตอนนี้ หลินสวินไม่เคยหวาดหวั่น
ตรงกันข้าม เขาเห็นเหล่าบุตรเทพชั้นยอดอย่างพวกหนิวทุนเทียนเป็นหินลับมีด ใช้การต่อสู้ฝึกฝนตัวเอง เคียวกรำวิชายุทธ์!
เห็นชัดว่าภาพที่อยู่ตรงหน้าได้พิสูจน์ว่าพลังของเขากำลังจะสมบูรณ์แบบอย่างไม่ต้องสงสัย!
พวกซูซิงเฟิงรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัว สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกเขาเองก็กลัดกลุ้มไม่หยุด ตอนนี้อัดอั้นจนแทบจะกระอักเลือดแล้ว
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าหลินสวินยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ พาให้รู้สึกพรั่นพรึง มีความรู้สึกหวาดกลัวและพ่ายแพ้อย่างบอกไม่ถูก
“ต้องกำจัดเด็กนี่!”
นี่คือความคิดก่อนหน้านี้ของพวกเขา เพียงแต่ตอนนี้มันแรงกล้าและมาดมั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
……
ในที่นั้นมีเสียงฮือฮาสั่นสะเทือนไม่ขาดสาย ส่วนในอาศรมเก่าแก่ เพราะเสวียนหลัวจื่อถูกหมัดซัดออกไป ทำให้สีหน้าของพวกหนิวทุนเทียนเปลี่ยนไป พลันรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก
เด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นเปลี่ยนไปแล้ว!
เขาในตอนนี้ราวกับเทพสงครามที่ยิ่งใหญ่ค้ำฟ้า เลือดโหมปานเดือดคลั่ง ปราณทะลวงฟ้า เพียงยืนสบายๆ อยู่ตรงนั้นก็พาให้รู้สึกถึงแรงกดดันที่ตีหน้าเข้ามา ทำให้ทุกคนแทบกลั้นหายใจ
คนที่หยิ่งยโสอย่างพวกหนิวทุนเทียน ยามนี้ยังรู้สึกเหมือนถูกกำราบและกดดัน
แข็งแกร่งเกินไปแล้วจริงๆ!
ทำให้พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่า เหตุใดในระดับหยั่งสัจจะถึงได้มีสัตว์ประหลาดที่พลิกฟ้าเช่นนี้โผล่ออกมา แม้แต่ในบรรพกาลก็คงไม่เคยมีสัตว์ประหลาดแบบนี้
“ฆ่า! การแก่งแย่งมหามรรค ชัยชนะเป็นของผู้กล้า วันนี้หากพ่ายแพ้ วันข้างหน้าหากมหาสงครามมาเยือนจริงๆ จะมีสิทธิ์อะไรไปสู้กับเหล่าผู้กล้านับหมื่นพัน”
หนิวทุนเทียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ตะเบ็งเสียงอย่างเดือดดาลสะเทือนจักรวาล
นี่คือการตัดสินใจเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นคือความมั่นใจและท่าทีของเหล่าผู้กล้า
สามารถเป็นถึงบุตรเทพชั้นยอดได้ พวกเขาทุกคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา ตรงกันข้าม เส้นสนกลใน พรสวรรค์ พลังต่อสู้และสติปัญญาของพวกเขาเรียกได้ว่าอยู่ในชั้นยอด
พวกเขารู้ดีว่าวันนี้หากพ่ายแพ้ให้กับหลินสวินคนเดียว จะต้องกลายเป็นเงามืดในใจอย่างแน่นอน นอกเสียจากจะฆ่าหลินสวินได้ มิฉะนั้นต่อให้มรรคาที่ก้าวเดินในชาตินี้จะโดดเด่นเพียงใด ก็ยังเป็นรองหลินสวิน!
“สู้!”
ดวงตาของเมิ่งเหลียนชิงเปล่งแสงทอง จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ก็กลับมามั่นคงอีกครั้ง เผยอานุภาพน่าสะพรึงกลัว
นี่ก็คือบุคคลระดับบุตรเทพชั้นยอด ความสำเร็จในวันนี้ใช่ว่าจะได้มาเพราะโชคช่วย!
โครม!
ข่งซิ่วไม่เอ่ยคำ แต่ใช้การกระทำยืนยันการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวในใจ สายฟ้าระเบิดสั่นสะเทือนรอบตัวเขา อานุภาพยิ่งดูน่าพรั่นพรึง
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เหนือความคาดหมายของหลินสวินอยู่บ้าง ตระหนักได้ว่าเป็นเพราะจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของตนยิ่งใหญ่คับฟ้า จึงกลายเป็นการกระตุ้นให้อีกฝ่ายก็เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นเช่นกัน
บางทีนี่ก็อาจจะเป็นการเคี่ยวกรำและการเปลี่ยนแปลงสำหรับพวกเขาด้วยเช่นกัน!
นี่ทำให้หลินสวินจำต้องยอมรับว่า พวกหนิวทุนเทียนแข็งแกร่งมากจริงๆ ถือว่าเป็นผู้กล้าที่แท้จริงในรุ่นเดียวกัน แต่ละคนต่างมีความสามารถที่คนธรรมดาไม่อาจเทียบ
ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้ กลับยิ่งทำให้หลินสวินคาดหวัง
สิ่งที่เขาปรารถนาคือการต่อสู้ระหว่างผู้แข็งแกร่ง สงครามที่สมน้ำสมเนื้อ!
ตูม!
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ในขณะที่หลินสวินก็ยังคงปล่อยหมัดมือเปล่า มีเพียงสิ่งเดียวที่แตกต่าง คือสถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว
แม้แต่พวกหนิวทุนเทียนยังตระหนักได้ถึงความรุนแรงของปัญหา จิตวิญญาณการต่อสู้เปลี่ยนเป็นเด็ดเดี่ยวมากขึ้น แต่หลินสวินในตอนนี้ยากที่จะถูกสยบได้แล้ว
วิชาอริยะยุทธ์!
ระหว่างการต่อสู้ จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันเก่าแก่และบริสุทธิ์ทำให้หลินสวินเข้าใจแก่นแท้และความลึกลับของการต่อสู้ ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวของเขาล้วนเปลี่ยนไปจากเดิม
นั่นคือรูปแบบการต่อสู้ที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง รวบรวมมรรคาทั่วร่าง ลมปราณและพลัง รวมทั้งวิธีต่อสู้และประสบการณ์ที่ครอบครอง ผสมผสานเข้ากับจิตต่อสู้อย่างสมบูรณ์ สุดท้ายก็ปลดปล่อยออกมาด้วยวิธีต่อสู้ที่บริสุทธิ์ที่สุด!
ก็เหมือนกับกระบวนท่าทลายภูผา ในอดีตหลินสวินเชี่ยวชาญแก่นแท้ของมันและสามารถใช้พลังของมันได้เต็มที่ พลังทำลายล้างที่เกิดขึ้นจึงเรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัว
แต่ตอนนี้หลังจากหลอมรวมความลึกลับของวิชาอริยะยุทธ์ เมื่อใช้กระบวนท่านี้อีกครั้ง อานุภาพพลันแข็งแกร่งขึ้นไม่เพียงแค่เท่าตัวในชั่วพริบตา!
และในระหว่างต่อสู้ไม่มีการจำกัดกระบวนท่า ต่อสู้ได้ดั่งใจปรารถนา ทุกการกระทำล้วนสามารถทลายภูเขามหาสมุทร พลังต่อสู้ไร้ขีดจำกัด
มรดกที่ได้รับสืบทอดมานี้ไม่ใช่วิชายุทธ์ แต่เป็นการอธิบายถึงความลึกลับของแก่นแท้ในการต่อสู้ วิเศษอย่างไร้ขีดจำกัด และเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน
ตูม!
ท่ามกลางเสียงปะทะเสียดหู เมิ่งเหลียนชิงถูกสะเทือนจนเซถอย หายใจหอบ ใบหน้างดงามซีดเซียว
นางรู้สึกได้ว่าท่าไม่ดี ด้วยได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว
สู้มาถึงตอนนี้ แม้จิตวิญญาณการต่อสู้ของนางจะมั่นคงแค่ไหน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหลินสวินที่แทบจะไม่มีทางถูกกำราบ ก็อดรู้สึกพ่ายแพ้ไม่ได้
สู้ไม่ได้แล้วจริงๆ หรือ
ตอนนี้หลินสวินยิ่งดูสงบกว่าเดิม จมอยู่ในการหยั่งรู้วิชาอริยะยุทธ์อย่างสิ้นเชิง หยั่งถึงความลี้ลับของวิชายุทธ์มากมาย
ตอนที่หลินสวินออกหมัด ค่อยๆ แฝงพลังฟ้าดินลงไปด้วย ความร้อนแรงแห่งท่วงทำนองมรรคแทบจะกลายเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ปกคลุมไปทั่วอาศรม
พรวด!
ไม่นานข่งซิ่วเองก็ถูกโจมตีอย่างรุนแรงจนกระอักเลือด แต่เขากัดฟันสู้อย่างดุเดือด ท่าทางดูบ้าคลั่ง ไม่เกรงกลัวความเป็นความตาย
ทว่าหลินสวินในขณะนี้จิตต่อสู้พุ่งทะลวงฟ้า ภายในจิตใจกลับว่างเปล่า ใช้ความลี้ลับแห่งการต่อสู้สำแดงวิชายุทธ์ ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดสีหน้าของข่งซิ่วก็เปลี่ยนไปเป็นตื่นตกใจ เขาใช้พลังเกินขีดจำกัดของตัวเองแล้ว แต่ยามนี้กลับปรากฏท่าทีว่าจะต้านทานไม่ไหว!
โครม!
หลินสวินปล่อยหมัดออกไป ราวกับหอบม้วนเอาพลังแห่งฟ้าดินไปด้วย โจมตีจนข่งซิ่วปลิวออก ใบหน้าสะบักสะบอม ได้รับบาดเจ็บหนักอย่างสิ้นเชิง
“แย่แล้ว!”
หนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิงและเสวียนหลัวจื่อที่อยู่อีกด้านต่างสะท้านไหว แต่พอคิดจะเข้าไปช่วยก็สายเกินไปแล้ว
พลันเห็นหลินสวินโจมตีเข้ามา แรงหมัดไร้เทียมทานกระแทกกลางอากาศ!
ปัง!
ข่งซิ่วถูกหมัดหนึ่งกระแทกเข้าที่หน้าอก เลือดสีสดพุ่งทะลักออกจากปาก จากนั้นหน้าอกของเขาพลันยุบลง ถูกหลินสวินเตะขึ้นสูง ตามด้วยอีกหมัดกระแทกใส่กะโหลกศีรษะของเขาจนแหลกละเอียด!
การโจมตีที่มาเป็นกระบวนนี้เผด็จการและทรงพลังเกินไป เพียงหมัดเดียวเท่านั้นก็ต่อยจนศีรษะข่งซิ่วระเบิด เลือดสดๆ ประหนึ่งน้ำตก ย้อมห้วงอากาศเป็นสีแดง
ไม่มีใครคิดว่าหลินสวินจะว่องไวและเผด็จการเพียงนี้ กวาดล้างสังหารคู่ต่อสู้เพียงลำพังท่ามกลางการปิดล้อมโจมตีอันหนาแน่น เรียกได้ว่ากล้าหาญไร้เทียมทาน
“อ๊าก…”
จิตวิญญาณดวงหนึ่งปรากฏขึ้น ถูกพลังของยันต์กระดูกวิญญาณห่อหุ้ม ภายในมีเสียงร้องโหยหวนของข่งซิ่ว เห็นได้ชัดว่าไม่จำยอมอย่างที่สุด
หลินสวินมือไวตาไว ในขณะที่คิดจะพุ่งเข้าไปโจมตีเพื่อจบชีวิตอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง พลันได้ยินเสียงเคร้งหนึ่ง ทวนสีฟ้าอ่อนเล่มหนึ่งโจมตีเข้ามาอย่างน่าตะลึง ผ่าแหวกฟ้าลงมา
นี่คืออาวุธบรรพบุรุษที่ข่งซิ่วใช้ มันเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ในสมบัติประหนึ่งมีเสี้ยวจิตสำนึกของอริยะตื่นขึ้น ปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
หลินสวินรับรู้ได้ถึงอันตราย แต่กลับไม่ถอย สะบัดหมัดเข้าสู้ ดูแข็งแกร่งหาที่เปรียบไม่ได้
ตูม!
เสียงคำรามสะท้านขวัญดังสนั่น ร่างของหลินสวินเซถอยไปหลายก้าว
ส่วนทวนสีฟ้าอ่อนด้ามนั้นเคลื่อนย้ายผ่านอากาศ จากไปพร้อมกับพลังของยันต์กระดูกวิญญาณตั้งนานแล้ว
นี่ทำให้หลินสวินขมวดคิ้ว ตระหนักได้ว่าด้วยฐานะบุตรเทพชั้นยอด และยังเป็นลูกหลานคนสำคัญที่สุดของเผ่า ย่อมต้องมีวิธีรักษาชีวิตมากมาย ไม่มีทางที่จะถูกฆ่าง่ายๆ แบบนี้
มิฉะนั้นหากข่งซิ่วตาย สำหรับเผ่าโห่วเมฆาแล้วเรียกได้ว่าเป็นการโจมตีระดับทำลายล้างอย่างหนึ่งเลยเชียว
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ เมื่อเห็นภาพนี้ ผู้แข็งแกร่งทุกคนก็ยังตกใจจนเสียวสันหลัง ขนลุกซู่ไปทั้งตัว
นี่เป็นภาพที่เผด็จการถึงเพียงไหน เด็กหนุ่มคนหนึ่ง ไม่เพียงสังหารบุตรเทพชั้นยอดคนหนึ่งท่ามกลางการปิดล้อมโจมตีหนาแน่น ทั้งยังหาญกล้าไร้เทียมทาน ปะทะกับอาวุธบรรพบุรุษของเผ่าโห่วเมฆา แข็งแกร่งถึงขั้นตะลึงโลกแล้ว!
ทุกคนต่างอึ้งงัน ตกตะลึงอย่างที่สุด แม้จิตวิญญาณของข่งซิ่วจะหนีรอดไปได้ แต่กายหยาบยังอยู่ ต่อให้ในอนาคตจะคืนกลับมาได้ แต่ก็ต้องเสียค่าตอบแทนไปมากยิ่ง!
เรื่องนี้จะต้องก่อนให้เกิดคลื่นลมอย่างหนึ่งแน่นอน เมื่อเผยแพร่สู่โลกภายนอก ต้องทำให้แต่ละเผ่าในทะเลกลืนวิญญาณตื่นกลัวจนตัวสั่น!
‘การสู้กันซึ่งหน้ายากจะสำแดงผลอันน่าอัศจรรย์ น่าเสียดายที่ควบคุมหนอนกินเทพให้ลอบโจมตีไม่ได้ มิฉะนั้นข่งซิ่วคงต้องตายอย่างไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้อีก…’
หลินสวินกลับลอบถอนหายใจ
แต่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นเขาก็สลัดความคิดวุ่นวายออก เคลื่อนสายตาไปหยุดที่หนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียงชิงและเสวียนหลัวจื่อ จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ลุกโชน
ตูม!
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อ
เพียงแต่หลังจากได้เห็นภาพที่ข่งซิ่วถูกฆ่า ทำให้พวกหนิวทุนเทียนต่างหวั่นใจ ต่อให้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เด็ดเดี่ยวแค่ไหน ยามนี้ก็เกิดรอยร้าว ความตื่นตระหนักและหวาดกลัวอันยากจะสลัดทิ้งพรวดพราดขึ้นภายในใจ
แต่หลินสวินยังคงเหมือนอยู่ในดินแดนแห่งความว่างเปล่า เงาร่างเคลื่อนย้าย พลังกลืนกินภูผานที เริ่มกำราบกดดันอย่างแท้จริง
……
นอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์
คนใหญ่คนโตแต่ละเผ่าต่างรออย่างใจจดใจจ่อ
บนแท่นบูชาวิญญาณตรงหน้าเผ่าโห่วเมฆาพลันเกิดคลื่นระลอกหนึ่ง จากนั้นจิตวิญญาณของข่งซิ่วก็ปรากฏขึ้น
เขายืนนิ่งอยู่ในนั้น ถูกพลังอันลึกลับห่อหุ้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยโทสะและความไม่จำยอม
ถึงขั้นถูกสังหารจนกลับมาอยู่ในโลกภายนอก…
แม้จะยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็เป็นความอับอายอย่างใหญ่หลวงสำหรับข่งซิ่ว เขาฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ชื่อเสียงของเขาในเผ่าคือผู้ไม่แพ้ เคยถูกใครสังหารเมื่อไหร่กัน
ที่น่าอับอายที่สุดคือ อีกฝ่ายทำได้ถึงขั้นนี้ท่ามกลางการปิดล้อมสังหาร!
โลกภายนอก คนใหญ่คนโตแต่ละเผ่าต่างตะลึงด้วยจำฐานะของข่งซิ่วได้ พลันตั้งตัวไม่ติดในชั่วขณะ
บุตรเทพชั้นยอดของเผ่าโห่วเมฆาถึงกับถูกฆ่าหรือ
ใครเป็นคนทำ นี่พาให้คนไม่กล้าเชื่อจริงๆ!
สัตว์ประหลาดเฒ่าบางส่วนยิ่งสั่นสะท้านในใจ ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึง ว่าบุตรเทพชั้นยอดอย่างข่งซิ่วจะออกจากการชิงชัยก่อนเวลาอันควร ถูกคนสังหาร!
“หรือจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันบางอย่างขึ้นในระหว่างที่ช่วงชิงวาสนา?”
ผู้แข็งแกร่งหลายคนส่งเสียง ทำให้ที่แห่งนี้มีเสียงฮือฮาดังขึ้นอย่างดุเดือด
และในแท่นบูชาวิญญาณ สีหน้าของข่งซิ่วเขียวคล้ำ นิ่งเงียบไม่พูดจา ท่ามกลางสายตาของทุกคน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับรู้ว่าอะไรเรียกว่าความอับอายใหญ่หลวง ทำให้เขาแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี!
ตอนที่ 615 พลานุภาพสะท้านระดับเดียวกัน
โดย
ProjectZyphon
“ใครเป็นคนทำกันแน่”
คนใหญ่คนโตหลายคนเอ่ยถาม แต่ข่งซิ่วไม่พูดสักคำ ไม่ตอบกลับ มีเพียงสีหน้าที่ยิ่งเขียวคล้ำขึ้น
ต่อมาผู้อาวุโสคนหนึ่งจากเผ่าโห่วเมฆาออกปากถาม สีหน้าข่งซิ่วเหยเกไม่มั่นคง แต่ที่สุดแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร
จะพูดได้อย่างไร
หรือจะให้เขายอมรับภายใต้สายตาผู้คนมากมาย ว่าตนถูกคู่ต่อสู้ฆ่าตายตอนที่ปิดล้อมโจมตี
น่าขายหน้าเกินไปแล้ว!
ข่งซิ่วไม่มีทางยอมให้ความอับอายเช่นนี้คงอยู่ต่อไป
บรรยากาศในที่นั้นเงียบเชียบน่าอึดอัดไปบ้าง คนใหญ่คนโตแต่ละเผ่าสีหน้าวูบไหว ใบหน้าผุดอารมณ์หลากหลายซับซ้อนยิ่งนัก พวกเขาล้วนตื่นตระหนกแล้ว
ความพ่ายแพ้ของข่งซิ่วช่างเหนือความคาดหมายเกินไป จากจุดนี้ก็สามารถคาดคิดได้ว่า การต่อสู้ดุเดือดที่เกิดขึ้นในแดนลับอสูรมารอริยะนั้นน่ากลัวเพียงใด
วาสนาหายากในโลกานี้ท้ายที่สุดแล้วจะตกอยู่ในมือใคร
ก็ระหว่างที่ฝูงชนกำลังฉงนอยู่นี้เอง บนแท่นบูชาวิญญาณด้านหน้าเผ่าเต่าทมิฬพลันเกิดเสียงครึกโครม เงาร่างจิตวิญญาณเงาหนึ่งโซซัดโซเซออกมา คำรามขึ้นราวสัตว์ป่า
เสวียนหลัวจื่อ!
เมื่อดูเงาร่างนั้นออก แต่ละเผ่าต่างล้วนสูดหายใจเยียบเย็น บุคคลระดับบุตรเทพถูกฆ่าและถูกคัดออกอีกคนหนึ่งแล้ว!
นี่ช่างเกินความคาดหมายเสียจริง ใครเป็นคนทำกันแน่
หรือว่าในแดนลับอสูรมารอริยะจะเกิดเหตุไม่คาดฝันบางอย่าง กระทั่งคนระดับข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อก็ประสบเคราะห์ติดๆ กัน
“หรือจะเป็นสิ่งมีชีวิตน่ากลัวอย่างพวกพญาเผิงปีกทองนั่นทำ”
มีคนใหญ่คนโตสันนิษฐาน อย่างไรเสียในบรรดาผู้แข็งแกร่งที่เข้าไปในแดนลับอสูรมารอริยะ ไม่ว่าจะเป็นข่งซิ่วหรือเสวียนหลัวจื่อก็ล้วนจัดอยู่ในกลุ่มผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
ขนาดพวกเขายังพบเคราะห์ นี่ย่อมดูผิดปกติ
เพราะต่อให้เป็นหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิงซึ่งเป็นบุตรเทพชั้นยอดเช่นเดียวกัน น่ากลัวจะสังหารเป็นข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อได้ยาก
ที่ทำให้ทุกคนผิดหวังก็คือ หลังจากเสวียนหลัวจื่อปรากฏกายก็ไม่พูดไม่จาสักคำเหมือนกับข่งซิ่ว สีหน้าเหยเกหาใดเทียบ กระสับกระส่ายและโกรธเคืองราวสัตว์ร้ายที่ถูกทำให้ตกใจ
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
คนใหญ่คนโตจากแต่ละเผ่าล้วนฉงนใจไม่ว่างเว้นเสียแล้ว
และก็ในเวลานี้เอง บนแท่นบูชาวิญญาณของเผ่าวัวมารทรงพลัง เงาร่างหนึ่งอุบัติขึ้น ทันทีที่ปรากฏตัวก็เกิดเสียงคำรามเดือดดาลลั่นฟ้า
“เป็นไปไม่ได้! โลกนี้จะมีคนพรรค์นี้ได้อย่างไร! น่าชังนัก! เจ้าหมอนั่นเป็นเผ่ามนุษย์เสียที่ไหน สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งชัดๆ!”
เสียงร้องทำให้ทั้งที่นั้นตระหนก พาให้ทุกเผ่าล้วนตกตะลึง เผ่ามนุษย์หรือ
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เผ่ามนุษย์ทำหรือ
ขนาด ‘ราชันวัวมารน้อย’ หนิวทุนเทียนผู้นี้ยังถูกฆ่า ถูกเคลื่อนย้ายออกมาและบ้าคลั่งไปแล้ว!
เผ่าวัวมารทรงพลังเป็นเผ่าใหญ่ที่อหังการ์ที่สุดในหมู่ชนเผ่าพื้นเมืองของทะเลกลืนวิญญาณ หนิวทุนเทียนซึ่งมีฐานะเป็นบุตรเทพแห่งยุคของเผ่า เป็นเหมือนอันดับหนึ่งในหมู่คนรุ่นเยาว์ ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วิถีฝึกปราณก็เจิดจ้าเฉิดฉาย ทรงอำนาจหาใดเทียบ
ใครจะคิดว่าผู้แข็งแกร่งเช่นนี้กลับถูกผู้อื่นกำราบจนต้องออกจากการแย่งชิงวาสนา
คนใหญ่คนโตในที่นั้นล้วนตื่นตะลึง นี่ช่างเกินความคาดหมายนัก เป็นคนอย่างไรกันแน่ถึงเอาชนะหนิวทุนเทียนได้
เผ่ามนุษย์!
ในชั่วพริบตานั้น สายตามากมายพากันไปรวมที่ร่างของผู้เฒ่าเกาหยางแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณด้วยสีหน้าแตกต่างกัน ทำให้เขาแข็งทื่อไปทั้งตัวอยู่เช่นนั้น แผ่นหลังเย็นวาบ
เขารับรู้ได้ถึงโทสะและจิตสังหาร
“ทุนเทียน เป็นใครทำกันแน่”
เวลานี้ผู้อาวุโสแห่งเผ่าวัวมารทรงพลัง หนิวเซี่ยวรื่อราชันวัวมารที่แท้จริงเอ่ยปากถาม เสียงสะเทือนเลือนลั่นดุจอสนีบาตเก้าชั้นฟ้า พาให้ผู้แข็งแกร่งทั้งมวลหนาวเยือกในใจ รู้สึกได้ถึงแรงกดดันหนักอึ้ง
หนิวทุนเทียนสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ ครู่ใหญ่ถึงเอ่ยอย่างห่อเหี่ยวว่า “ทุนเทียนละอายใจ วันนี้พ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของเด็กหนุ่มเทพมารเผ่ามนุษย์!”
น้ำเสียงเจ็บปวดและหนักอึ้ง
เมื่อเอ่ยคำนี้ออกไป ก็ทำให้ทั่วบริเวณนั้นครึกโครมไม่ด้อยไปกว่าเสียงฟ้าผ่า
เด็กหนุ่มเทพมาร!
เป็นเจ้าหมอนี่นี่เอง!
เพียงชั่วขณะเดียว คนใหญ่คนโตจากแต่ละเผ่าคิดถึงเรื่องราวมากมาย นึกถึงเรื่องที่เด็กหนุ่มเทพมารนั่นโจมตีสังหารธิดาเทพเผ่าสิงห์โลหิตหลินหลางและบุตรเทพเผ่าวาฬมังกรอวี่เซียวเซิง
และคิดถึงว่าเขาคนเดียวกวาดล้างเหล่าผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่า สร้างผลการศึกน่าหวาดหวั่นนองเลือดตลอดทางได้อย่างไร
เพียงแต่ ใครก็คิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มเทพมารนี่ในตอนนี้ถึงกับดุดันป่าเถื่อนได้ถึงระดับนี้ ขนาดหนิวทุนเทียนก็ยังพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือเขา!
“โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว เขากล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เป็นผู้มีฝีมือสูงจิตใจกล้าหาญจนไม่กลัวถูกทวงแค้นหรือไร”
ในที่นั้นฮือฮาไม่หยุดหย่อน แต่ละเผ่าจิตใจสั่นระรัว รับรู้ได้ว่าจากศึกวันนี้ ชื่อเสียงของเด็กหนุ่มเทพมารคนนี้ต้องกระฉ่อนไปทั่วในหมู่ชนเผ่าของทะเลกลืนวิญญาณแน่!
เพียงแต่เขาคิดอย่างไรกันแน่ เหตุใดถึงบ้าคลั่งปานนี้
“พวกเจ้า…คงไม่ได้ถูกเด็กหนุ่มเทพมารนั่น…”
มีคนใหญ่คนโตเอ่ยปากถามข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อที่ออกมาก่อน
แม้ทั้งสองยังนิ่งเงียบอยู่ดังเดิม แต่สุดท้ายก็พยักหน่าอย่างยากลำบาก
ฮือ!
ทั้งที่นั้นล้วนอึ้งไป ที่แท้ไม่เพียงหนิวทุนเทียน แม้แต่ข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อก็ล้วนถูกเขาเล่นงานหรือนี่
คนใหญ่คนโตเหล่านั้นเวลานี้ล้วนสงบใจได้ยาก สีหน้าปรวนแปรไม่แน่นอน เด็กหนุ่มเทพมาร! เขา…เป็นใครกันแน่
ครู่ต่อมา สายตาทั้งที่นั้นล้วนมองไปยังผู้เฒ่าเกาหยาง ส่วนมากสีหน้าไม่เป็นมิตร จิตสังหารพลุ่งพล่าน
“เขาชื่อหลินเสวียน ไม่ได้เป็นผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ มีฐานะเป็นเพียงผู้ติดตามคนหนึ่ง เรื่องอื่นข้าน้อยก็ไม่ทราบเช่นกัน”
ในที่สุดผู้เฒ่าเกาหยางก็สูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แล้วบอกฐานะของหลินสวิน
ผู้ติดตามหรือ
ใบหน้าคนใหญ่คนโตแต่ละเผ่าเกร็งกระตุกอย่างยากสังเกตได้ สีหน้ายิ่งเหยเกเสียแล้ว นี่มันหมายความว่าอย่างไร
จะบอกว่าบุคคลระดับบุตรเทพของเผ่าพวกเขา เทียบไม่ได้แม้แต่ผู้ติดตามของผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณคนหนึ่งเชียวหรือ
“หากทุกท่านไม่เชื่อก็ทำได้เพียงรอยามเขาออกมา แล้วจับเขาเค้นถาม พูดตามจริง เวลานี้ข้าก็อยากจะแทงเจ้าเด็กคนนี้ให้ตายคามือเช่นกัน”
ผู้เฒ่าเกาหยางยอมบอกทุกอย่างแล้ว สีหน้าเย็นชาราวน้ำแข็ง “ทุกท่านอย่างลืมว่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณของข้าคนหนึ่งก็ถูกไอ้เวรนี่ฆ่า! เวลานี้จะมีแก่ใจปกป้องมันได้อีกหรือ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เวลานี้ทุกคนถึงนึกขึ้นได้ว่า คราวช่วงชิงวาสนาที่ภูเขาเก้าลูกนั้นก็เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นจริง เด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นกับผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณรบราฆ่าฟันกันเอง ทั้งยังปลิดชีพหนึ่งในผู้สืบทอดนามว่ากงหยางอวี่
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ที่เกาหยางพูดนั้นคงไม่เป็นเรื่องเท็จ
ที่สำคัญที่สุดก็คือ เวลานี้เกาหยางแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าจะไม่ปกป้องเด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นอีก นี่ทำให้คนใหญ่คนโตจากแต่ละเผ่าเชื่อคำพูดของเกาหยางในที่สุด
ทว่าที่ทำให้พวกเขาเศร้าสร้อยและคับข้องใจก็คือสิ่งนี้ คนอย่างผู้ติดตามคนเดียวก็ก่อความเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ ทั้งยังฆ่าผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าไม่รู้เท่าไร
สุดท้ายขนาดหนิวทุนเทียน ข่งซิ่ว และเสวียนหลัวจื่อล้วนถูกกำราบจนออกจากการต่อสู้!
ทั้งหมดนี้ล้วนดูบ้าคลั่งและเหลือเชื่อเกินไป ทำให้ผู้แข็งแกร่งทุกเผ่าเมื่อนึกถึงก็แทบจะกระอักเลือด
“ไม่ถูกต้อง พวกหนิวทุนเทียนต่างแพ้แล้ว เมิ่งเหลียนชิงแห่งเผ่าหงส์หิรัณย์เล่า แม่หนูนี่ก็เป็นบุคคลระดับบุตรเทพชั้นยอดคนหนึ่งเช่นกันนี่”
ทันใดนั้นมีคนใหญ่คนโตเอ่ยปาก ดึงดูดความสนใจ
“ให้ตายสิ จริงอย่างที่เจ้าพูด”
ผู้อาวุโสเผ่าหงส์หิรัณย์โกรธจนคำรามใหญ่โต เขาดูเหมือนโมโห แท้จริงภายในใจกลับรู้สึกโชคดี คิดว่าไม่แน่บางทีเมิ่งเหลียนชิงอาจสามารถทุ่มแรงฝ่าคลื่นเชี่ยวกรากออกมา และสร้างปาฏิหาริย์ชิงวาสนาใหญ่ออกมาได้
“นางหรือ”
เวลานี้หนิวทุนเทียนพลันบันดาลโทสะ กัดฟันคำรามว่า “หากไม่ใช่นางหนีไปก่อน ข้าจะพ่ายแพ้รวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร”
หนีหรือ
คนใหญ่คนโตทั้งที่นั้นล้วนอึ้งไป ส่วนความรู้สึกโชคดีวูบหนึ่งในใจผู้อาวุโสเผ่าหงส์หิรัณย์ก็พังครืนสิ้น สีหน้าถมึงทึงยิ่งนัก โกรธจนแทบคลั่งแล้ว
“พูดเช่นนี้ เจ้าถูกเด็กหนุ่มเทพมารคนนั้นเอาชนะตอนร่วมมือกับเมิ่งเหลียนชิงงั้นหรือ”
มีคนใหญ่คนโตถามอย่างฉงน จับจุดสำคัญได้อย่างเฉียบแหลม
“หึ!”
หนิวทุนเทียนเหมือนไม่มีอะไรจะเสียแล้ว จึงพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่เพียงแต่พวกเราสองคน ยังมีข่งซิ่วกับเสวียนหลัวจื่อ พวกเราสี่คนร่วมมือกันก็ล้วนไม่อาจกำราบเด็กหนุ่มเทพมารนั่นได้! อย่างไรเล่า รู้สึกตื่นตระหนกหรือไม่ เหลือเชื่อล่ะสิ นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกท่านต้องการหรือ”
เขาเหมือนระบายความรู้สึกในใจทุกอย่างออกมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเดือดดาลไร้ที่สิ้นสุด
เวลานี้ทุกเผ่าในที่นั้นล้วนตื่นตระหนกอย่างแท้จริงแล้ว ทั้งยังรู้สึกเหนือความคาดหมายยิ่ง ไม่อาจควบคุมความรู้สึกในใจได้เลย
บุตรเทพชั้นยอดสี่คนร่วมมือกัน กลับถูกเด็กหนุ่มเทพมารนั่นเล่นงานเสียจนแพ้ราบคาบ สามคนถูกขับออกจากการต่อสู้ อีกคนหนึ่งก็หนีไป!
เมื่อเผชิญหน้ากับข่าวเช่นนี้ ใครยังจะสงบใจอยู่ได้
ทั่วบริเวณนั้นไม่มีเสียงฮือฮา ไม่มีเสียงแล้ว บรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็นเงียบเชียบเหมือนตาย กดดันเสียจนหายใจไม่ออก
เด็กหนุ่มเทพมารคนนั้น…เหตุใดถึงแข็งแกร่งเช่นนี้ได้
เขาเป็นใครกันแน่
ความสงสัยนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินวีรกรรมของเด็กหนุ่มคนนี้แล้ว เพียงแต่ไม่คิดว่าจวบจนตอนนี้จะยิ่งรุนแรงขึ้น
กระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ ด้วยการสอบถามของคนใหญ่คนโตมากมาย พวกเขาถึงได้รู้เรื่องการประลองที่เกิดขึ้นในอาศรมโบราณนั้น รู้เรื่องวาสนาที่เรียกได้ว่าไร้เทียมทานนั้น อีกทั้งได้รู้ถึงความน่ากลัวของเด็กหนุ่มเทพมารด้วย!
“วาสนาครั้งนี้ใกล้ปิดฉากลงแล้ว ทุกท่านเตรียมตัวให้ดี ขอเพียงรอไอ้ชั่วนี่ปรากฏกายก็ให้จับมันไว้ทันทีไม่ว่ามันเป็นใคร ใครกล้าขวางให้ฆ่าไม่เว้น!”
ราชันวัวมารหนิวเซี่ยวรื่อพูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นราวน้ำแข็ง สะเทือนไปทั่วบริเวณ จิตสังหารที่น่าหวาดหวั่นราวกับพายุม้วนกลืนจิตใจทุกคน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คนใหญ่คนโตจากทุกเผ่าล้วนพยักหน้า ท่าทางเหมือนกันอย่างประหลาด
ทุกคนล้วนรู้สึกได้ว่าเด็กหนุ่มเทพมารนั่นใกล้จะจบสิ้นแล้ว ต่อให้เขาได้รับวาสนาจากแดนลับอสูรมารอริยะมากกว่านี้ ต่อให้พลังต่อสู้ระดับหยั่งสัจจะเรียกได้ว่าไร้ผู้ใดเทียบเทียม
แต่เพียงเขาออกมาจากแดนลับอสูรมารอริยะ ที่รอเขาอยู่ก็จะเป็นการลงมืออย่างเดือดดาลของเหล่าราชันระดับสังสารวัฏ!
ไม่ว่าเป็นใคร ก็ไม่อาจช่วยชีวิตเขาได้อีก!
……
ในอาศรมโบราณ
หลินสวินยืนเพียงลำพัง ผมดำปลิวไสว ท่วงทำนองแห่งมรรคสีฟ้าอ่อนไหลเอ่อทั่วร่าง ดูสันโดษละกิเลส ท่าทางโดดเด่นจากคนทั่วไป
ใต้เท้าเขามีซากศพสามศพนอนอยู่ เป็นร่างที่หนิวทุนเทียน ข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อทิ้งไว้ กลิ่นเลือดคละคลุ้ง น่าประหวั่นพรั่นพรึงเมื่อได้เห็น
ส่วนที่เชิงเขา ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่ารู้สึกมึนงง หวาดผวาโดยสิ้นเชิงไม่อาจตั้งสติได้ กระทั่งเวลานี้ก็ยังดูเหมือนไม่กล้าเชื่อ ว่าบุตรเทพชั้นยอดสี่คนนั้นจะพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของเด็กหนุ่มเทพมารคนหนึ่ง…
นี่ดูเหลือเชื่อไปแล้ว ดังนั้นถึงได้สั่นสะท้านจิตใจเป็นพิเศษเช่นนี้
แม้แต่จ้าวจิ่งเซวียนกับเจ้าคางคก เวลานี้ก็ล้วนตาเบิกกว้าง ผลลัพธ์เช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงเช่นกัน
พวกเขาไม่ได้รู้สึกย่ำแย่ แต่เป็นรู้สึกดีอย่างยิ่งแล้ว ออกจะรู้สึกไม่เหมือนจริงอยู่บ้าง เหมือนฝันไปอย่างไรอย่างนั้น
สภาพการณ์เงียบเชียบ มีแรงสะเทือนไร้เสียงในห้วงอากาศ
ส่วนหลินสวินกลับไม่ทอดถอนใจ ไม่ครุ่นคิด หรือกระทั่งมีความรู้สึกยินดีปรีดาใดๆ ท่าทีที่เผยออกมาประหนึ่งว่าเป็นการทำเรื่องธรรมดาสามัญเรื่องหนึ่ง
เขาทอดสายตาไปยังกลางอาศรม ที่นั่นมีเบาะรองนั่งใบหนึ่ง
บนเบาะรองนั่ง ตำราทองสาส์นหยกเล่มหนึ่งเปล่งแสงธรรมโชติช่วง ย้อมให้ฟ้าดินมีสีสันงดงามเจิดจ้า ศักดิ์สิทธิ์เหลือคณา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น