Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 572-575
ตอนที่ 572 เคราะห์สังหารมาจากรอบทิศ
โดย
ProjectZyphon
มีเพียงตัวหลินสวินเองที่รู้ดีว่าไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บของเขารุนแรงเกินไป แต่เป็นเพราะสายโซ่เคราะห์สวรรค์เส้นหนึ่งที่พันผูกแท่นมรรคหยั่งสัจจะในกายเริ่มแผลงฤทธิ์กะทันหันระหว่างต่อสู้
พลังพิบัติเคราะห์ที่น่ากลัวนั้นกัดกร่อนไม่ว่างเว้น ต้องการทำลายแท่นมรรคหยั่งสัจจะของเขา!
เหตุไม่คาดฝันนี้ฉุกละหุกยิ่งนัก ในสถานการณ์ที่หลินสวินไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้ได้รับผลกระทบ ต้องหลบหนีออกมา ไม่กล้าต่อสู้ติดพัน
“ตามไป!”
ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าจะละทิ้งโอกาสเช่นนี้ไปได้อย่างไร หลินสวินใกล้จะยืนหยัดไม่อยู่แล้ว เป็นโอกาสสังหารเขาอย่างดี!
เวลาเดียวกันบุคคลชั้นยอดอย่างพวกบุตรเทพอวี่เซียวเซิง ธิดาเทพหลินหลางก็ตามร่องรอยของหลินสวินไป
ตลอดทางที่หนีหลินสวินเงียบเชียบอย่างหาได้ยาก สีหน้างงงวย
ข้ามด่านเคราะห์ครั้งนี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คาดไว้ มีความลี้ลับน่ากลัวมากมายเกินไป
อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยได้ยินว่าในโลกนี้จะมีผู้ฝึกปราณคนไหนที่เป็นเช่นเขา ด่านเคราะห์อสนีที่ชักนำมากลับแบ่งออกเป็นอสนีเคราะห์หกรอบ และแต่ละรอบน่ากลัวขึ้นไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งสุดท้ายถึงกับถูกดึงเข้าไปในส่วนลึกของเมฆาเคราะห์ ต่อกรกับอสนีเคราะห์เต็มฟ้านั่น
ที่พิลึกที่สุดก็คือ ทั้งที่ด่านเคราะห์อสนีสลายไปในท้ายที่สุดแล้วชัดๆ แต่ยังมีโซ่เคราะห์สวรรค์เส้นหนึ่งหลงเหลืออยู่ รัดพันแท่นมรรคหยั่งสัจจะของเขา กัดกร่อนไม่หยุดหย่อน หมายจะทำลายรากฐานมหามรรคของเขา!
‘เพราะอะไรกันแน่’
หลินสวินรู้สึกหนักอึ้งในใจ
ในการต่อสู้ดุเดือดเมื่อครู่ หากไม่ใช่ว่าพลังเคราะห์สวรรค์นั้นปะทุกะทันหัน จะทำลายแท่นมรรคของเขาแล้วล่ะก็ มีหรือจะทำให้เขาสะบักสะบอม ทำได้เพียงหนีเอาชีวิตรอดเช่นนี้
ต่อให้เป็นเวลานี้สภาพภายในร่างเขาก็ไม่สู้ดีนัก บนแท่นมรรคหยั่งสัจจะ โซ่สีเทาเส้นหนึ่งรัดพันบีบแน่นอย่างต่อเนื่อง รัดรึงแท่นมรรค ปลดปล่อยพลังแห่งกฎระเบียบสูงสุดกัดกร่อนไม่หยุดหย่อน ทำให้แท่นมรรคสั่นสะเทือนรุนแรง เปลี่ยนเป็นไม่มั่นคงแล้ว
นี่คือสัญญาณว่ารากฐานมหามรรคสั่นคลอน!
ทันทีที่แท่นมรรคเสียหาย มรรควิถีทั้งร่างของหลินสวินจะได้รับผลกระทบรุนแรง
‘ต้องหาที่สะสางเภทภัยภายในร่างนี้ก่อน!’
หลินสวินกัดฟัน แท่นมรรคโคลงเคลงด้วยถูกกัดกร่อนไม่ว่างเว้น ทำให้เขาได้รับผลกระทบ กระอักเลือดออกมาไม่หยุด
สวบ!
ก้าวย่างชือน้ำแข็งโคจรถึงขีดสุด ทำให้เด็กหนุ่มพุ่งฝ่าภูเขาป่าทึบโบราณดุจเงามายา
ระหว่างทาง เขาอาศัยพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งหลบหนีคลื่นเคลื่อนไหวน่ากลัวระลอกแล้วระลอกเล่า ไม่เพียงกลิ่นอายที่มาจากผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่า ยังมีสิ่งมีชีวิตน่าหวาดหวั่นที่จำศีลอยู่ในแดนลับอสูรมารอริยะด้วย!
ส่วนเบื้องหลังเขามีผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งไล่ตาม ไล่ล่าสังหารครั้งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อน ทุกที่ที่ผ่านเรียกเสียงฮือฮาและสายตาที่มองด้วยความสนใจไม่รู้เท่าไร
ข่าวแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกปราณที่กระจายอยู่ในแต่ละพื้นที่ของแดนลับอสูรมารอริยะล้วนเริ่มรู้ที่มาที่ไปของการตามสังหารนี้แล้ว
ขนาดนอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็เกิดคลื่นลูกใหญ่ ผู้มีอำนาจทุกคนล้วนถูกทำให้ตกใจ
พูดแล้วก็น่าขัน ก่อนหน้านี้หลินสวินสู้กับศัตรูรอบทิศเพียงลำพัง แม้ระหว่างทางจะเกิดเหตุไม่คาดคิดต้องหลบหนี แต่ก่อนหน้านี้ก็มีผู้แข็งแกร่งหลายต่อหลายคนตายด้วยน้ำมือเขา
บุคคลสำคัญหลายคนที่มียันต์กระดูกวิญญาณย่อมไม่ได้ตายจนสิ้น วิญญาณเคลื่อนออกไปยังนอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ปรากฏอยู่บนแท่นบูชาวิญญาณที่แต่ละเผ่าสร้างขึ้น
และก็เพราะเหตุนี้ถึงทำให้คนใหญ่คนโตนอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ได้รับรู้ว่า ที่แท้คนในเผ่าเหล่านี้ล้วนถูก ‘เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์’ นั่นสังหาร!
ชั่วขณะหนึ่งทั้งที่นั้นล้วนฮือฮา สั่นสะเทือนไม่หยุดหย่อน
เดิมทีช่วงที่ผ่านมานี้คนใหญ่คนโตเหล่านั้นแทบจะลืมเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นไปแล้ว คิดว่าคงประสบเคราะห์ไปนานแล้ว หรือไม่ก็เก็บตัวเงียบไป
แต่ใครจะคิดว่าในวันนี้เขากลับปรากฏตัวอย่างทรงพลังอีกครั้ง ก่อให้เกิดพายุสูงใหญ่คับฟ้าที่มาพร้อมการสังหารนองเลือด
อย่างแรก คนในขุมอำนาจหลายเผ่าถูกสังหารบาดเจ็บล้มตายมากมาย ทั้งมีผู้แข็งแกร่งรุ่นอาวุโสบางคนที่ตายไปอย่างแค้นเคือง
ข่าวนี้น่าตกใจเกินไปแล้ว เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์เพียงคนเดียวกลับสังหารจนกลุ่มผู้กล้าหลั่งเลือดราวสายน้ำ ไม่อาจต้านทาน!
ใครจะกล้าคิดได้
ยังมี เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นยามบรรลุสู่ระดับหยั่งสัจจะ กลับดึงดูดด่านเคราะห์อสนีที่โดดเด่นหายากในโลกาออกมา นี่ยิ่งน่าสะท้านขวัญ ทำให้คนใหญ่คนโตหลายคนล้วนสงบใจได้ยาก
สัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกเขาย่อมรู้ดีว่าด่านเคราะห์อสนีระดับนี้หมายความว่าอย่างไร แต่เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นกลับสามารถข้ามผ่านด่านเคราะห์อสนีหกรอบแต่ไม่ตาย ช่างเป็นตัวประหลาดพลิกฟ้าคนหนึ่ง!
ตัวอย่างทำนองเดียวกันนี้แม้แต่ในยุคบรรพกาลก็หายากถึงที่สุด จากจุดนี้ก็พออนุมานได้ว่าพลังของเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นจะน่ากลัวและวิปริตปานไหน
ผู้กล้าหนุ่มน้อยเช่นนี้ เมื่อเติบใหญ่ขึ้นต้องเป็นที่ตื่นตาแข่งกับผู้โดดเด่นทั้งในอดีตและปัจจุบันแน่นอน!
แน่นอนว่ายิ่งหลินสวินโดดเด่นสะดุดตา ก็ยิ่งทำให้คนใหญ่คนโตเหล่านี้ไม่ชอบใจและหวาดหวั่น เพราะคนในเผ่าของพวกเขาไม่น้อยถูกหลินสวินฆ่าตาย พวกเขาจะทนเห็นหลินสวินรุ่งเรืองขึ้นได้อย่างไร
“สหายยุทธ์เกาหยาง ดูท่าแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณจะมีปีศาจโดดเด่นในใต้หล้าผู้หนึ่งถือกำเนิดขึ้น บอกได้หรือไม่ว่าเขาเป็นใครกันแน่”
ผู้ยิ่งใหญ่หลายคนในเผ่าใหญ่ของทะเลกลืนวิญญาณสายตาเยียบเย็น มองไปยังผู้เฒ่าเกาหยาง สีหน้าไม่เป็นมิตร
ขนาดหนิวเซี่ยวรื่อ ราชันวัวมารแห่งเผ่าวัวมารทรงพลังเวลานี้ก็ส่งสายตามา เห็นได้ชัดว่าเขาก็ตื่นตระหนก สงสัยฐานะของหลินสวินอยู่บ้าง
ผู้เฒ่าเกาหยางรู้สึกได้ถึงจิตสังหารรวมถึงแรงกดดันที่ยากบรรยาย นี่ทำให้เขารับรู้ได้ว่าคนใหญ่คนโตหลายคนเกิดจิตหมายสังหาร จะไม่ยอมให้เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นรอดชีวิตไปจากน่านน้ำแห่งนี้ได้
เพียงแต่ผู้เฒ่าเกาหยางก็นิ่วหน้า เขาคิดหัวแทบแตกก็คิดไม่ออกว่าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนี้เป็นใครกันแน่
เพราะในหมู่ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเหล่านั้น นอกจากอวิ๋นเช่อแล้วก็ไม่มีใครเป็นผู้มีปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณเลย
‘หรือว่าเป็นคนหนุ่มสักคนในหมู่ผู้ติดตามเหล่านั้น’
ทันใดนั้นผู้เฒ่าเกาหยางไตร่ตรองครู่หนึ่ง ในสมองมีใบหน้าแต่ละหน้าปรากฏขึ้น ไม่นานเขาก็นึกถึงคนผู้หนึ่ง…หลินเสวียน!
หนุ่มน้อยที่ติดตามข้างกายจ้าวจิ่งเซวียน
สาเหตุที่นึกถึงหลินเสวียนก็เพราะตอนอยู่บนยานสำเภา ผู้เฒ่าเกาหยางเคยได้ยินว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เอาชนะผู้ติดตามข้างกายซูซิงเฟิงได้อย่างง่ายดาย ทำให้ซูซิงเฟิงแค้นฝังใจ
อีกทั้งตอนต่อสู้ดุเดือดกับกองทัพวิญญาณอาฆาต ความสามารถของหลินเสวียนผู้นี้ก็พิเศษถึงที่สุด สุดท้ายถึงกับรอดชีวิตกลับออกมาจากส่วนลึกของกองทัพวิญญาณอาฆาตได้ด้วยตัวคนเดียว นี่ก็ดูไม่ธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด
จะเป็นเขาหรือไม่นะ
ผู้เฒ่าเกาหยางไม่แน่ใจอยู่บ้าง อย่างไรเสียเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นก็พลิกฟ้าและดุดันยิ่งนัก ทำให้เขาเชื่อมโยง ‘หลินเสวียน’ กับ ‘เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์’ ได้ยาก
“ข้าก็ไม่มั่นใจ แต่ทุกท่านต้องคิดให้ดี หากคนผู้นี้เป็นผู้สืบทอดของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ก็จะไม่ให้ผู้อื่นมารังแกตามใจได้เด็ดขาด!”
ในที่สุดผู้เฒ่าเกาหยางก็ให้คำตอบเช่นนี้ ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยอง ในท่าทีมั่นคงเผยให้เห็นความแข็งกร้าว
เห็นได้ชัดว่านี่ทำให้คนใหญ่คนโตอื่นๆ ไม่อาจพึงพอใจได้ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน
เพราะความเคลื่อนไหวในแดนลับอสูรมารอริยะก็ยังคงดำเนินต่อไป พวกเขาไม่อาจยื่นมือเข้าไปได้ ทำได้เพียงรออยู่นอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
วันนี้นอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์และในแดนลับอสูรมารอริยะล้วนกำลังพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอย่างเดือดพล่าน ต่างจดจำเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ที่มีที่มาลึกลับผู้นี้ไว้โดยมิได้นัดหมาย
“ไป ไปตามฆ่าเด็กนี่!”
ในแดนลับอสูรมารอริยะ ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดหลายคนตัดสินใจว่า ในฐานะที่พวกเขาเป็นตัวแทนแต่ละเผ่า เมื่อได้รู้ว่าคนในเผ่าตนบางคนถูกหลินสวินสังหารก็เดือดดาลขึ้นทันใด ขนาดวาสนาก็ไม่สืบเสาะแล้ว รีบไปตามฆ่าหลินสวิน
ในกลุ่มนี้ก็มีบุคคลชั้นยอดรุ่นเยาว์ที่สะดุดตาหาใดเทียบอย่างบุตรเทพเผ่ากวางหยก ธิดาเทพเผ่ากาฬพฤกษ์ บุตรเทพเผ่าวานรนทีเป็นต้น
ทั้งมีขุมอำนาจมากมายได้รู้ว่าหลินสวินมีศุภโชคจากเกาะอริยะปัญจธาตุอยู่กับตัว เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเป็นคัมภีร์อริยมรรคเล่มหนึ่ง ทำให้พวกเขาก็ไม่ยินยอมล้าหลังกว่าผู้อื่น รีบตามมาจากทุกสารทิศ หมายจะถือโอกาสนี้ช่วงชิงศุภโชค
นี่ต้องเกิดการนองเลือดฉากหนึ่ง ทั้งยังเป็นการแก่งแย่งของผู้แข็งแกร่งที่โดดเด่น แดนลับอสูรมารอริยะวุ่นวายโกลาหลแล้ว
…….
“ข้าจะไปดูเสียหน่อย”
ที่ปากภูเขาไฟซึ่งเปลวไฟสีม่วงไหลหลั่งลูกหนึ่ง จ้าวจิ่งเซวียนหยัดกายขึ้น แขนเสื้อปลิวไสว ดวงตากระจ่างฉายแววกลัดกลุ้มที่ยากสังเกตเห็น
อีกด้านหนึ่งเซียวหรันกำลังนั่งขัดสมาธิดีดพิณ โดดเด่นตัดขาดจากโลก ทั้งตัวเขาราวหมอกควันที่ลอยล่อง สุภาพสง่างาม สีหน้าไม่ธรรมดา
เพียงแต่เมื่อได้รู้ถึงการตัดสินใจของจ้าวจิ่งเซวียน เขาก็อดตกใจไม่ได้อยู่บ้าง พูดอย่างครุ่นคิดว่า “ศิษย์น้องจิ่งเซวียน หรือคิดว่าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ที่ก่อเรื่องจนวุ่นวายไปทั่วก็คือหลินเสวียนที่อยู่ข้างกายเจ้าผู้นั้น”
“ไม่รู้สิ แต่ข้าต้องไปดูสักหน่อย”
จ้าวจิ่งเซวียนสีหน้าแน่วแน่
“ศิษย์พี่จิ่งเซวียน อีกไม่นานวาสนาอสูรมารอริยะในภูเขาเทพหมอกม่วงก็จะปรากฏแล้ว หากท่านจากไปตอนนี้ เป็นไปได้สูงว่าจะพลาดไป”
อีกด้านหนึ่งอวิ๋นเช่อลืมตาขึ้นจากการนั่งฌาน เตือนอย่างแข็งขัน ใบหน้าของเขางดงาม ท่าทางอบอุ่นราวแสงอรุณ
“ข้าตัดสินใจแล้ว”
นางพูดจบก็พลิ้วกายจากไป
อวิ๋นเช่อมองตามนางไป พลางลูบคางตัวเองแล้วเอ่ยเสียงขรึมว่า “ดูท่าฐานะของหลินเสวียนคนนั้นต้องไม่ใช่เพียงผู้ติดตามเรียบง่ายคนหนึ่งแน่”
เซียวหรันยิ้มบางๆ “ทุกคนมีความลับเป็นของตัวเอง ก็เป็นสิ่งที่คาดเดาได้”
“ศิษย์พี่เซียวหรัน ท่านว่าศิษย์พี่ทั้งสามอย่างซูซิงเฟิง เหวินเสียง กงหยางอวี่ตอนนี้อยู่ไหนกัน ตั้งแต่เข้ามาในแดนลับอสูรมารอริยะ นอกจากได้ยินข่าวคราวบางส่วนของศิษย์พี่ซูซิงเฟิง ศิษย์พี่อีกสองคนก็เหมือนหายตัวไป ไม่มีข่าวเลยสักนิด”
อวิ๋นเช่อพลันเอ่ยถาม
“พวกเขาอาจกำลังเสาะหาวาสนาของตนอยู่กระมัง แต่ว่า เชื่อว่ายามวาสนาในภูเขาเทพหมอกม่วงปรากฏ พวกเขาต้องรีบมาแน่”
เซียวหรันพูดพลางดีดพิณต่อ ดูเนิบนาบเรียบเฉย ราวกับไม่ว่าเรื่องใดในโลกก็ส่งผลต่อจิตใจได้ยาก
อวิ๋นเช่อร้องอ้อ ไม่ถามเพิ่มอีก
ที่อยู่ไม่ห่างจากพวกเขา ใกล้ๆ บริเวณปากภูเขาไฟที่มีเปลวเพลิงสีม่วงแผดเผาลูกนี้ ก็มีขุมอำนาจมากมายรวมตัวอยู่เช่นกัน มีทั้งกลุ่มผู้แข็งแกร่งเผ่าวัวมารทรงพลัง เผ่าหงส์หิรัณย์ เผ่าโห่วเมฆา เผ่าเต่าทมิฬเป็นต้น
เหล่านี้ล้วนเป็นขุมอำนาจชนเผ่าชั้นยอดของทะเลกลืนวิญญาณ เป็นบุคคลชั้นแนวหน้า!
และตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งของชนเผ่าเหล่านี้ล้วนรวมตัวอยู่ที่นี่ แค่คิดก็รู้ว่าวาสนาที่จะช่วงชิงนั้นสะท้านโลกขนาดไหน!
พวกเซียวหรันเป็นตัวแทนของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ก็ย่อมเข้าร่วมการแก่งแย่งนี้ด้วย เพียงแต่พวกเขายังต้องรอต่อไป เพราะตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่วาสนาครั้งนี้จะปรากฏ
แต่ก็สามารถคาดเดาได้ว่า เมื่อวาสนานี้บังเกิดขึ้นจริง บริเวณภูเขาไฟสีม่วงลูกนี้ต้องเกิดการต่อสู้ดุเดือดไม่เป็นสองรองใครแน่!
————
ตอนที่ 573 เคล็ดวิชาตัดวิถี
โดย
ProjectZyphon
หลินสวินหนีตายอยู่หลายวันติดต่อกัน ระหว่างทางไม่รู้พบเจอการโจมตีและล้อมจู่โจมมากมายเท่าไร ต่อสู้ดุเดือดทั้งเล็กใหญ่หลายสิบครั้ง
สองสามครั้งที่รุนแรงที่สุด เขาถูกอวี่เซียวเซิงกับหลินหลางร่วมมือกันสู้ประกบ แม้ในที่สุดจะหนีออกมาได้ แต่กลับทำให้อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงยิ่งขึ้น
ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ เมื่อเวลาผ่านไปผู้แข็งแกร่งที่ออกมาตามฆ่าเขาก็มีแต่จะมากขึ้น ทำให้หลินสวินไม่มีเวลาหยุดพักฟื้นตัวเลย
สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปสิบกว่าวัน ร่างกายหลินสวินทรุดโทรม คราบเลือดเปรอะเปื้อน ราวกับจะล้มลงไปเมื่อใดก็ได้ ขนาดโสมราชันโคมสมบัติก็ถูกเขากินจนหมด!
นี่เป็นถึงโอสถสมบัติไร้เทียมทาน สมบัติล้ำค่าที่ขนาดราชันสังสารวัฏยังหมายปอง แต่ตอนนี้กลับถูกกินจนหมดระหว่างที่หนีตายอย่างไม่หยุดหย่อน เพียงคิดก็รู้ว่าการต่อสู้ดุเดือดระหว่างทางนี้จะอันตรายปานไหน
โสมราชันโคมสมบัติหมดแล้ว ยังมีหญ้ากิเลนอีกต้นหนึ่ง ที่ทำให้หลินสวินงุนงงก็คือ แผลภายนอกสามารถรักษาได้ แต่อาการบาดเจ็บของแท่นมรรคหยั่งสัจจะกลับยิ่งตกอยู่ในอันตราย
โซ่เคราะห์สวรรค์เส้นนั้นแปลกประหลาดน่ากลัวเกินไป เต็มไปด้วนพลังกฎระเบียบสูงสุด ไม่ว่าหลินสวินจะสลายอย่างไรก็จนปัญญา กลับถูกโซ่กัดกร่อนและทำลายแท่นมรรคหยั่งสัจจะ สั่นคลอนรากฐานมหามรรค!
วันนี้หลังจากหนีการตามฆ่าครั้งแล้วครั้งเล่า หลินสวินก็เข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ในเทือกเขา รักษาบาดแผลเงียบๆ เวลามีจำกัด เขาไม่อาจหย่อนยานได้
หลายวันมานี้เขาครุ่นคิดอยู่ตลอดว่า ยามตนข้ามด่านเคราะห์ระดับหยั่งสัจจะ เหตุใดถึงดึงดูดเภทภัยที่ลี้ลับเช่นนี้ ทว่าอย่างไรก็คิดไม่ออก นี่ทำให้เกิดเงาอึมครึมปกคลุมจิตใจของเขา
‘นี่คือแผลมรรค!’
เมื่อหลินสวินลองไปถามจินตู๋อี กลับได้คำตอนที่หนักอึ้งหาใดเทียบอย่างคาดไม่ถึง
‘นี่เจ้าถูกสรรค์ขัดตาทัพนะเนี่ย ข้าจำได้ว่าในยุคบรรพกาล มีแต่บุคคลฝืนฟ้าละเมิดข้อห้าม ถึงจะดึงดูดเคราะห์น่ากลัวเช่นนี้ได้!’
เห็นได้ชัดว่าจินตู๋อีก็ไหวหวั่นยิ่งนัก เอ่ยว่า ‘คิดไม่ถึงว่าเจ้าหนูอย่างเจ้าก็เป็นสัตว์ประหลาดเช่นนี้ เจ้าฝึกวิชาอะไรกันแน่’
แผลมรรคหรือ
หลินสวินสีหน้าแข็งทื่อ เขานึกออกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาหลุมดำกลืนกิน หรือเคล็ดเวทบริกรรม เพลงดาบวัฏจักรฟ้า เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ที่ตนช่ำชอง ล้วนได้มาจากห้องโถงมรรคาสวรรค์ทั้งสิ้น
กระทั่ง ‘ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิด’ ที่ก่อตัวขึ้นใหม่ในร่างก็เกี่ยวข้องกับห้องโถงมรรคาสวรรค์อย่างใกล้ชิด
เมื่อประเมินเช่นนี้แล้ว ที่การข้ามด่านเคราะห์ครั้งนี้แปลกประหลาด ทำให้ตนได้รับบาดแผลแห่งมหามรรคเช่นนี้ จะเกี่ยวกับห้องโถงมรรคาสวรรค์หรือไม่
หลินสวินไม่มีทางแน่ใจได้
‘สำหรับผู้ฝึกปราณแล้ว แผลมรรคเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ทำร้ายรากฐานมหามรรค แต่แผลมรรคที่เจ้าได้รับพิเศษยิ่งกว่า เป็นพลังแห่งเคราะห์สวรรค์ แทบไม่มีหวังจะขจัดได้’
จินตู๋อีไม่ได้พูดเล่น สถานการณ์ของหลินสวินในเวลานี้ร้ายแรงถึงที่สุด ทำให้เขาไม่มีกะจิตกะใจมาล้อเล่น
‘ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ไม่รู้ว่ามีผู้ไร้เทียมทานสะท้านฟ้ามากมายเท่าไรที่เพราะได้รับแผลมรรค จึงล้มจนลุกไม่ได้อีก ไม่ได้รับความสนใจจากฝูงชนอีก สุดท้ายก็หยุดก้าวต่อ ตายไปอย่างคับแค้นใจ’
‘ไม่มีทางขจัดได้หรือ…’
หลินสวินสีหน้ายิ่งเหม่อลอย ครู่ใหญ่เขาถึงถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วไม่คิดมากอีก ยังไม่ถึงนาทีสุดท้าย เขาย่อมไม่ยอมแพ้
ผ่านมาอีกหลายวัน หลินสวินยังคงหนีตายดังเดิม ถูกตามสังหารไม่ว่างเว้น อาการบาดเจ็บตามร่างกายรุนแรงถึงขั้นไม่อาจบาดเจ็บไปกว่านี้ได้อีก ตลอดทางกระอักเลือดบ่อยครั้ง
นั่นเป็นเพราะแท่นมรรคหยั่งสัจจะของเขาถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น เริ่มหม่นแสงลง นี่เป็นถึงรากฐานมหามรรคของเขา ได้รับความเสียหายรุนแรงเช่นนี้ เพียงคิดก็รู้ว่าผลลัพธ์จะย่ำแย่ปานใด
“ไอ้สวรรค์เฮงซวย…” หลินสวินถอนใจ
กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ ไม่เชื่อว่าตนจะตายระหว่างถูกตามฆ่า ยังคงใคร่ครวญไตร่ตรองว่าจะขจัดแผลมรรคภายในกายได้อย่างไร
“เจ้าไปเถอะ”
วันนี้หลังจากผ่านการต่อสู้ที่เลวร้ายมา อาการบาดเจ็บของหลินสวินก็ยิ่งทรุดลง ร่างกายทรุดโทรม ราวกับว่าหากมีลมระลอกหนึ่งพัดมาก็สามารถทำให้เขาตายได้
เขาตัดสินใจปล่อยจินตู๋อีไป
“ข้าน่าจะทนไปได้สักระยะ แต่หากพบเรื่องไม่คาดฝันต้องทำให้เจ้าเดือดร้อนไปด้วยแน่ ดังนั้นตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว”
หลินสวินเตือนอย่างจริงจัง
จินตู๋อียืนอยู่ด้านหนึ่ง มองเด็กหนุ่มที่เลือดไหลไปทั้งร่างตรงหน้านั้น เหมือนจะคาดไม่ถึงอยู่บ้าง ใบหน้าที่งดงามมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจปรากฏอารมณ์ซับซ้อนสายหนึ่ง
สุดท้ายเขาก็ทำเพียงร้องอ้อ โบกมือแล้วพูดว่า “ถือว่าเจ้ายังพอมีมโนธรรมอยู่บ้าง รอเจ้าตายแล้วข้าจะตั้งสุสานจัดงานศพให้เจ้า”
เขาพูดพลางหันหน้าจากไป ไม่นานก็หายตัวไป
หลินสวินมองเขาจากไป มุมปากซีดขาวไร้สีเลือดระบายยิ้มหยันเย้ยตนเอง จากนั้นส่ายหัวในทันใด ลุกขึ้นหนีตายต่อ
หลายวันผ่านไป
ตูม!
การต่อสู้ครั้งใหญ่ปะทุขึ้นอีกครั้ง เป็นกลุ่มผู้แข็งแกร่งอย่างบุตรเทพเผ่าวานรนทีกับธิดาเทพเผ่ากาฬพฤกษ์ตามมา
หลินสวินทุ่มเททุกอย่างที่มี สู้อาบเลือด ถึงหนีพ้นได้อีกครั้ง
เพียงแต่หลังจากการหนีครั้งนี้ ในที่สุดก็ยืนหยัดไม่ไหวแล้ว ล้มลงในส่วนลึกของหนองแห่งหนึ่ง
ทั่วกายเขามีแต่แผลฉีกขาดน่าตกใจ ใบหน้าซีดเซียวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว ดวงตาดำหม่นหมองไร้แสง
“ไม่มีวิธีขจัดจริงๆ หรือ”
ในใจหลินสวินบังเกิดความไม่ยินยอมอย่างแรงกล้า เขาละซึ่งทุกสิ่งแล้ว จิตวิญญาณไม่หวาดหวั่น ไม่สนใจว่าศัตรูจะเข้ามาใกล้หรือไม่ ราวกับทั้งตัวไร้ซึ่งวิญญาณ
ร่างของเขายับเยิน พลังชีวิตแทบจะใช้จนหมดสิ้น ถ้ำสวรรค์ในกายอับแสง บนแท่นมรรคที่เดิมใสกระจ่างราวกระจกย้อมไปด้วยแสงเคราะห์หมองมัวน่ากลัว แทบจะแหลกสลาย
“ได้แต่ลองดูสักตั้งแล้ว! มีเหตุย่อมมีผล หมายจะขจัดเคราะห์นี้ ต้องไปเสาะหาที่แหล่งกำเนิด!”
ในที่สุดหลินสวินก็กัดฟัน ใช้พลังเฮือกสุดท้ายพาจิตรับรู้เข้าสู่ประตูสวรรค์อันลึกลับที่อยู่ในห้วงนิมิตนั้น
เวลานี้เขาเหมือนเปลือกหอยกลวงเปล่า ใกล้จะตายอยู่รอมร่อ
ตูม!
ฉับพลันทันใด ในตอนนี้เองพลังมหาศาลก็ปรากฏ แผ่ออกมาจากชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดที่อยู่ตรงหัวใจของเขา ขยายออกราวกระแสน้ำเชี่ยว
ร่างกายที่ทรุดโทรมหาใดเทียบของเขาแช่อยู่ในหนองน้ำ เงียบเชียบไร้ชีวิตชีวา แต่ภายในร่างกลับมีพลังมหาศาลชั้นแล้วชั้นเล่ากระจายออก ทำให้อาการบาดเจ็บทั่วร่างของเขาฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว…
ทั้งหมดนี้หลินสวินไม่รับรู้เลยสักนิด
ต่างจากแต่ก่อน ครั้งนี้เป็นสำนึกของเขาเข้าสู่ห้องโถงมรรคาสวรรค์ ยังคงเป็นภาพที่คุ้นเคยดังเดิม
ทางเดินเมฆาหยกตรงแน่วปูลาดตรงไปในห้วงอากาศ สุดทางเดินเป็นประตูลึกลับบานหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ ราวกับไม่เคยเปิดออกมานานแล้ว
เมื่อบรรลุสู่ระดับหยั่งสัจจะก็มีโอกาสเข้าห้องโถงมรรคาสวรรค์อีกครั้ง ฝ่าด่านที่ห้าของทางเดินเมฆาหยก
แต่ตอนนี้หลินสวินมายืนอยู่ที่นี่อีกครา ทอดสายตามองไปรอบทิศ ในใจมีอารมณ์ความรู้สึกที่ต่างออกไป
คลื่นคลุมเครือที่คุ้นเคยอบอวลเงียบเชียบ กวาดผ่านทั่วร่างหลินสวิน
ทันใดนั้นเสียงที่เยียบเย็นราวน้ำแข็งเสียงหนึ่งดังขึ้นทั่วฟ้าดิน…
“ผู้แสวงมรรค ด่านที่ห้าของทางเดินเมฆาหยกคือ ‘หลอมมรรค’ ต้องการเริ่มทดสอบหรือไม่”
หลินสวินส่ายหน้า เวลานี้เขาจะมีแก่ใจทดสอบได้อย่างไร
เขาเอ่ยปากถามโดยไม่ลังเลแต่อย่างใดว่า “ที่ข้ามาครั้งนี้ก็เพียงต้องการถามว่า พิบัติเคราะห์และแผลมรรคที่ข้าได้รับเกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้หรือไม่”
เขาจำได้อย่างชัดเจนว่า ตอนทดสอบครั้งก่อนฝ่ายตรงข้ามตอบคำถามตนหนึ่งข้อ นี่ทำให้เขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายต้องมีตัวตน ทั้งมีสติปัญญาราวมีจิตวิญญาณ!
ทว่าเวลานี้เขารออยู่ครู่ใหญ่กลับไม่มีใครตอบรับ ทั้งโลกเงียบสงัด
ยามหลินสวินท้อแท้ไปบ้างนั้น เสียงเย็นชาไร้อารมณ์นั่นก็ดังขึ้นในที่สุด “ด่านนี้ ก็คือด่านที่เตรียมไว้เพื่อหลอมแผลมรรค”
ประโยคเดียวราวฟ้าถล่มดินทลาย!
หลินสวินพลันตื่นเต้นในทันใด “อย่างที่คิด ที่มาของพิบัติเคราะห์ลี้ลับครั้งนี้ก็คือที่นี่!”
“ผู้แสวงมรรค ต้องการทดสอบหรือไม่”
เสียงเยียบเย็นราวน้ำแข็งนั้นเอ่ยถาม
หลินสวินสูดหายใจลึก มัวคิดมากนักไม่ได้แล้วตอบว่า “ทดสอบ!”
“เชี่ยวชาญปริศนาเคล็ดวิชาตัดวิถีก็ผ่านการทดสอบ!”
เมื่อเสียงเย็นเยียบนี้เงียบลง ละอองแสงก็แปรสภาพเป็นลวดลายมรรคสัญลักษณ์โบราณ ปกคลุมทั้งร่างหลินสวิน
หลินสวินนั่งขัดสมาธิหลับตาอย่างแทบจะเป็นไปตามจิตใต้สำนึก
ในขณะเดียวกันเสียงธรรมไพศาลเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในส่วนลึกของจิตวิญญาณ ปริศนามรดกที่คลุมเครือลี้ลับมากมายปรากฏออกมา
เคล็ดวิชาตัดวิถี!
พูดง่ายๆ ก็คือ วิชานี้ไม่ได้เตรียมไว้เพื่อฝึกปราณ แต่เป็นวิชาลึกลับที่ไว้หลอมพลังเคราะห์โดยเฉพาะ!
ฝืนฟ้าตัดวิถี สลายเคราะห์ย้อนกลับ หลอมมรรคคืนสัจจะ คำเพียงไม่กี่คำนี้ก็สามารถสรุปวิธีใช้ที่แท้จริงของวิชาลับนี้ได้
‘ที่แท้ตอนข้าเริ่มทดสอบครั้งแรก ผู้สร้างห้องโถงมรรคาสวรรค์นี้ก็คาดการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ไว้นานแล้ว ด้วยเหตุนี้ถึงได้จัดแจง ใช้ทางเดินเมฆาหยกเก้าด่านเป็นตัวทดสอบ ชี้แนะและถ่ายทอดให้ทีละขั้น…’
‘ไม่ใช่สิ! นี่เป็นสิ่งที่เตรียมไว้ให้ผู้ที่มาทดสอบ ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่ข้าคนเดียว ไม่ว่าใครได้ครอบครองห้องโถงมรรคาสวรรค์ เมื่อผ่านการทดสอบแต่ละด่านจนถึงด่านนี้ ล้วนประสบพิบัติเคราะห์ทำนองเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ถึงได้มีเคล็ดวิชาตัดวิถี!’
‘ฝืนฟ้าตัดวิถี ห้องโถงมรรคาสวรรค์นี้ แรกเริ่มเดิมทีเป็นผู้เปิดออกกันแน่’
ไม่นานหลินสวินก็ไม่อาจใคร่ครวญได้อีก ดำดิ่งสู่ห้วงระลึกรู้ เริ่มทำความเข้าใจปริศนาแต่ละอย่างของเคล็ดวิชาตัดวิถี
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร โสตประสาทของหลินสวินพลันมีเสียงเยียบเย็นราวน้ำแข็งดังขึ้นอีกครั้ง…
“การทดสอบสิ้นสุด ด่านที่หกของห้องโถงมรรคาสวรรค์คือ ‘ทรงจิต’ ยามทดสอบครั้งหน้า ต้องเชี่ยวชาญพลังแห่งเจตจำนงมรรค”
เมื่อเสียงหายไป สำนึกของหลินสวินก็ออกจากห้องโถงมรรคาสวรรค์ กลับเข้าไปในร่าง
“กฎแห่งกรรม…”
เมื่อนึกถึงด่านเคราะห์อสนี รวมถึงการไล่ล่าสังหารนองเลือดตลอดทาง และเข้าไปยังห้องโถงมรรคาสวรรค์อีกครั้งเพื่อเสาะหาวิธีขจัดเคราะห์ หลินสวินก็เกิดความเข้าใจถ่องแท้อย่างหนึ่งขึ้นในใจ
เขาได้รับรู้เป็นครั้งแรกว่า โลกนี้มีพลังของกฎแห่งกรรมที่ลึกลับอยู่
หากไม่มีห้องโถงมรรคาสวรรค์ก็ไม่มีหลินสวินในวันนี้ แต่ก็เพราะห้องโถงมรรคสวรรค์เช่นกันที่ทำให้หนทางแห่งการฝึกปราณของเขาต่างจากผู้ฝึกปราณคนอื่นโดยสิ้นเชิง เกิดพิบัติเคราะห์และอันตรายที่คิดไม่ถึงมากมาย นี่ก็คือกฎแห่งกรรม!
หลินสวินไม่คิดต่ออีก เขาโคจรเคล็ดวิชาตัดวิถี เริ่มลองสลายพลังแห่งเคราะห์สวรรค์ที่อยู่บนแท่นมรรคหยั่งสัจจะ
ในใจเขาปลอดโปร่งใสสะอาด ไม่มีความคิดความปรารถนา ภายในถ้ำสวรรค์มีพลังคลุมเครือไร้รูปสายหนึ่ง ปกคลุมโซ่เคราะห์สวรรค์เส้นนั้นตามเคล็ดวิชาตัดวิถีที่โคจรออกมา…
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ถ้ำสวรรค์เริ่มร้องครั่นครืน เมฆมงคลแผ่ขยาย!
ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เสียงการต่อสู้ดุเดือดระลอกหนึ่งดังขึ้น สั่นสะท้านครึกโครมรอบทิศ ฟังดูน่าตกใจผิดธรรมดา ทำให้หลินสวินที่กำลังหลอมพลังเคราะห์เต็มกำลังก็ถูกรบกวนไปด้วย!
——
ตอนที่ 574 ความหมายของการสู้สุดชีวิต
โดย
ProjectZyphon
เสียงต่อสู้ดุเดือดทำให้บริเวณหนองนี้ไม่เงียบสงบโดยสิ้นเชิง
ใครกำลังสู้กัน
หลินสวินนอนอยู่กลางหนอง ร่างกายเขาแม้สมานตัวต่อเนื่องแต่ยังไม่ฟื้นฟูดี เหตุผลก็เพราะก่อนหน้านี้อาการบาดเจ็บที่เขาได้รับร้ายแรงยิ่งนัก
ถึงขั้นที่เขาในตอนนี้ยังลืมตาไม่ขึ้น
กอปรกับเขากำลังโคจรเคล็ดวิชาตัดวิถีอย่างสุดแรงเพื่อขจัดโซ่เคราะห์สวรรค์เส้นนั้น เวลานี้ไม่กล้าวอกแวกไปสนใจเรื่องอื่น
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ หลินสวินก็ยังรับรู้ได้ว่า สถานการณ์ของเขากำลังเผชิญกับภัยคุกคามที่ไม่เคยมีมาก่อน หากไม่รีบฟื้นตัวโดยเร็วอาจจะตายเช่นนี้ก็ได้!
หลินสวินไม่กล้าร่ำไร สลัดความคิดฟุ้งซ่าน ทั้งกายใจจดจ่อกับการหลอมสลาย
ครั้งนี้เขาบาดเจ็บหนักมากจริงๆ ถึงขั้นที่ไม่อาจรับบาดแผลเพิ่มได้แล้ว ในสถานการณ์ปกติต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีทางรอดได้เลย
แต่ในช่วงเวลาอ่อนแอถึงตายนี้ ในชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดแผ่พลังยิ่งใหญ่เกรียงไกร ทำให้ทุกอย่างพลิกผัน
เมื่อหลินสวินโคจรเคล็ดวิชาตัดวิถี หมอกอัศจรรย์ภายในถ้ำสวรรค์พวยพุ่ง แสงมงคลไหลหลั่ง เสียงธรรมมหามรรคกึกก้อง หมอกแสงลึกลับทุกสายทุกเส้นพุ่งไปบนแท่นมรรค ปกคลุมโซ่เคราะห์สวรรค์นั้นโดยสมบูรณ์แล้วเริ่มหลอม
ขณะนี้พลังแฝงในกายหลินสวินกำลังตื่น ฟื้นฟูรอบด้าน ราวทางน้ำแห้งผากถูกกระแสน้ำพลังมหาศาลทดอยู่
ร่างที่ทรุดโทรมแตกหักของเขาถูกฟื้นฟู บาดแผลค่อยๆ สมาน เริ่มเกิดพลังชีวิตยิ่งใหญ่ ไม่เงียบเชียบดังเดิมอีก
โครม!
การเคลื่อนไหวของถ้ำสวรรค์ในกายยิ่งทรงพลังขึ้น เห็นได้ว่าโซ่เคราะห์สวรรค์เส้นนั้นกำลังถูกหลอมทีละน้อย กลายเป็นพลังสายหนึ่งราดรดลงบนแท่นมรรคหม่นหมองเป็นลายพร้อยอยู่ก่อน
นี่เป็นพลังกฎระเบียบอย่างหนึ่ง แม้ถูกหลอมไป กลิ่นอายที่เหลืออยู่รวยริน แต่ยังคงมีพลานุภาพที่เกินจินตนาได้ดังเดิม
ส่วนตอนนี้พลังที่ถูกหลอมนี้ล้วนรวมเข้าไปในแท่นมรรค ทำให้แท่นมรรคได้รับการหล่อเลี้ยงและขัดเกลาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
นี่ช่างเป็นวิชาชิงสวรรค์เสียจริง!
ใครจะกล้าคิดว่าพลังแห่งเคราะห์สวรรค์สามารถถูกหลอมรวมเข้าสู่ถ้ำสวรรค์ ไปราดรดและขัดเกลาแท่นมรรคได้
นี่ก็คือความอัศจรรย์ของเคล็ดวิชาตัดวิถี พลังสลายเคราะห์ หวนคืนสู่ต้นกำเนิดมรรควิถี หลอมรวมในรากฐานมหามรรค แปรสภาพจนหมดสิ้น!
เสียงกึกก้องครั่นครืนไม่หยุดลงดุจเสียงธรรมมหามรรค ถ้ำสวรรค์ที่เดิมทึบทึม เวลานี้ส่องแสงสดใสแผ่ขยายออกมาเรื่อยๆ หมอกอัศจรรย์แสงมงคลตลบอบอวล
แม้แต่แท่นมรรคแท่นนั้นก็เริ่มมั่นคงอีกครั้ง ไม่ได้โปร่งแสงเลือนรางเช่นก่อนหน้านี้ แต่กลับมีกลิ่นอายคืนสู่ความโบราณดั้งเดิมเพิ่มขึ้นมา ตั้งตระหง่านในถ้ำสวรรค์ ประหนึ่งสามารถผ่านความทุกข์ยากแต่ไม่ผุกร่อน ธำรงยาวนานคู่โลกา!
ทั้งหมดนี้ก็เหมือนจากร้ายกลายเป็นดี!
ยามเข้าใกล้ความตายที่แท้จริง เพียงการเคลื่อนไหวเดียวก็พลินผันจากตายเป็นรอด ดุจได้นิพพานเกิดใหม่ในการฝึกปราณ
นี่ก็คือหนทางสู่ยอดมกุฎ แม้เรียกได้ว่าเป็นมรรคาที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน แต่ความทรมาน ความล้มเหลวและความทุกข์ยากก็น่าหวั่นกลัวเกิดคาดคิด
ต่อให้เป็นบุคคลน่าตื่นตาเช่นหลินสวินก็ยังเกือบวายชนม์มรรคสลาย ฝืนทนผ่านความลำบากมาได้ระหว่างการไล่ล่าสังหารและทรมานในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา
เส้นทางนี้อย่างน้อยในจักรวรรดิจื่อเย่าก็ไม่เคยมีมาก่อน เป็นเพียงผู้เดียวตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน! ขนาดในคัมภีร์โบราณก็แทบหาบันทึกไม่พบ ราวกับเป็นเรื่องต้องห้าม ไม่ยินยอมให้ดำรงอยู่ในโลกา
“ให้ตายสิ ถ้ารู้ก่อนว่ามีศัตรูตามฆ่าเจ้ามากมายเช่นนี้ข้าก็ไม่กลับมาแล้ว”
ในโสตประสาทพลันมีเสียงของเจ้าคางคกจินตู๋อีดังขึ้น เจือแววฉุนเฉียว นี่ทำให้หลินสวินที่ฝึกปราณอยู่พลันประหลาดใจ เจ้าคางคกนี่กลับมาหรือ
สำนึกรับรู้แผ่กว้าง หลินสวินพลันเห็นว่าข้างกายตน จินตู๋อีที่แต่งกายสีเขียวทั้งชุดเลือดไหลรินไปทั้งร่าง กำลังกอดต้นขาพลางเค้นฟันด่าทอด้วยน้ำเสียงเดือดดาล
“โอ๊ยๆๆ เจ็บจริงๆ โว้ย เจ้าหนูนั่น ข้าจะจำเจ้าไว้ว่าเจ้าฟันข้าสามครั้ง ไม่ช้าก็เร็วข้าจะกินเจ้าหนูอย่างเจ้า!”
จินตู๋อีร้องตะโกนพลางมองหลินสวินที่อยู่ข้างกายด้วยความกังวล ปากก็พึมพำคร่ำครวญไม่หยุดหย่อน “เจ้าเด็กนี่ไม่ได้ตายไปแล้วจริงๆ กระมัง ทำไมถึงยังไม่ฟื้นขึ้นมา โธ่ ถ้ารู้เช่นนี้ก่อนข้าก็ไม่กลับมาแล้ว…”
หลินสวินได้ยิน ในใจกลับบังเกิดกระแสความอบอุ่นระลอกแล้วระลอกเล่า ลอบเอ่ยว่าเจ้าหมอนี่แม้นิสัยจะไม่ได้ดีอะไร แต่ในแง่น้ำใจรักพวกพ้องนี้กลับควรค่าแก่การยอมรับ
เวลาเดียวกันในใจหลินสวินก็โมโหขึ้นมาอย่างพูดไม่ถูก เห็นได้ชัดว่าเจ้าคางคกเพิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้เมื่อกี้ และที่เขาทำเช่นนี้ย่อมต้องเป็นเพราะปกป้องตน!
“แม่หนูน้อยนี่ก็ไม่เลว ตัวคนเดียวประลองกับผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง ไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าเด็กนี่ไปโชคดีมาจากไหน ถึงได้หาแม่หนูหน้าตาสะสวยที่มีจิตใจรักพวกพ้องเช่นนี้…”
จินตู๋อีทอดถอนใจ
หลินสวินตกใจยิ่ง ยังมีคนมาช่วยตนด้วยหรือ
สำนึกรับรู้เขาแผ่ออกกว้าง พลันสังเกตว่าไม่ไกลออกไปกำลังเกิดศึกเลวร้ายที่โหดเหี้ยมหาใดเทียบ
บุคคลชั้นยอดรุ่นเยาว์อย่างบุตรเทพเผ่าวาฬมังกรอวี่เซียวเซิง ธิดาเทพเผ่าสิงห์โลหิตหลินหลาง รวมถึงบุตรเทพเผ่ากวางหยก บุตรเทพเผ่าคชามาร ธิดาเทพเผ่ากาฬพฤกษ์ล้วนอยู่ในศึกนี้!
ทว่าพวกเขาในตอนนี้กลับล้อมโจมตีคนคนเดียว
ไม่ใช่ ไม่ใช่ล้อมโจมตี แต่ถูกคนคนเดียวพัวพันดึงรั้ง ไม่ว่าใครที่คิดจะพุ่งเข้ามาทางตน ก็จะถูกคนคนนั้นเข้าไปโจมตีอย่างไม่สนใจสิ่งใด!
คนผู้นั้น…
เป็นจ้าวจิ่งเซวียน!
เสื้อผ้าของนางย้อมไปด้วยเลือด ใบหน้ากระจ่างพริ้งพรายซีดขาว ผมงามยุ่งเหยิง เงาร่างซวนเซ เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่นานแล้ว
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้นางก็ยังคงต่อต้านและยืนหยัดดังเดิม ดวงตากระจ่างใสเต็มไปด้วยความแน่วแน่เด็ดขาด ไม่มีความลังเลสักนิด
หลินสวินใจสั่นสะท้าน ความซาบซึ้งยากบรรยายไหล่บ่าทั่วร่าง
เขาจะไปคิดได้อย่างไรว่า จ้าวจิ่งเซวียนที่เป็นถึงองค์หญิงแห่งจักรวรรดิ ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ กลับต่อสู้ฆ่าฟันอยู่ตรงนั้นอย่างแทบไม่คิดถึงชีวิตเพื่อปกป้องตน
“ผู้หญิงอย่างเจ้านี่บ้าระห่ำเสียจริงนะ เพื่อปกป้องเด็กหนุ่มที่ร่อแร่ปางตายคนนี้ ขนาดชีวิตตัวเองยังไม่ต้องการแล้วหรือ”
ในลานมีเสียงตะคอกดังขึ้น น้ำเสียงน่ากลัว จิตสังหารเปิดเผยออกมาจนหมดสิ้น นั่นคืออวี่เซียวเซิง สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความรำคาญ
“เจ้าตัวคนเดียวเท่านั้นไม่มีทางขวางพวกเราได้แน่ ยังไม่รีบหลีกทางอีก อย่าดื้อดึงต่อต้านอีกเลย หาไม่แล้ววันนี้เจ้าก็ได้ตายแน่!”
ผู้แข็งแกร่งหลายคนข่มขู่ ความแข็งแกร่งของจ้าวจิ่งเซวียนเหนือความคาดหมายของพวกเขา ทำให้พวกเขาก็รู้สึกตึงมืออยู่บ้าง
ยังดีที่จ้าวจิ่งเซวียนใกล้จะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว อีกไม่นานต้องถูกฆ่าแน่!
จ้าวจิ่งเซวียนเหมือนไม่ได้ยินทุกอย่างนี้ สีหน้าแน่วแน่ ดวงตากระจ่างมีแต่ความเด็ดขาด
มุมปากของนางมีเลือดไหล ขนาดร่างกายก็เริ่มโซซัดโซเซ ทำให้หลินสวินเจ็บปวดและโกรธแค้น อยากจะพุ่งออกไปขวางเบื้องหน้าร่างของจ้าวจิ่งเซวียนเสียเดี๋ยวนั้น
ผู้กล้าหญิงแห่งจักรวรรดิผู้หนึ่ง ทายาทสายตรงของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ฐานะน่าเคารพสูงส่งเพียงใด ถึงกระนั้นเวลานี้นางกลับเหมือนคนคลั่งที่ดื้อดึงรุนแรง ไม่สนใจสิ่งใด ไม่เสียดายค่าตอบแทนทุกอย่าง ต้องการขัดขวางศัตรูที่เข้าใกล้หลินสวินทั้งหมด
สภาพการณ์เช่นนี้ดูน่าเวทนาและน่าตกตะลึงเกินธรรมดา
ไม่มีใครเข้าใจได้ว่า เพื่อเด็กหนุ่มใกล้ตายผู้หนึ่ง ควรค่าให้เสียสละมากมายขนาดนี้เชียวหรือ
และก็เพราะเหตุนี้ที่ทำให้การกระทำของจ้าวจิ่งเซวียนดูไม่ประสาและน่าขันในสายตาของบุคคลชั้นยอดแต่ละเผ่าเหล่านั้น เหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ดูโง่เขลานัก
“เฮ้อ ชาตินี้หากมีผู้หญิงอย่างนี้เป็นคู่ ต่อให้อายุสั้นก็คุ้มแล้ว” จินตู๋อีทอดถอนใจ
เขาเองก็ตกตะลึง ไม่อาจคาดคิดได้ว่าฐานะของหลินสวินในใจจ้าวจิ่งเซวียนจะสำคัญขนาดไหน ถึงกับทำให้นางสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือเช่นนี้
“เจ้าหนู ถ้าเจ้ายังมีมโนธรรอยู่บ้างก็รีบฟื้นขึ้นมาเถอะ คนงามอย่างนี้หากสิ้นชีพไปต้องเสียดายไปทั้งชีวิตแน่”
จินตู๋อีพึมพำ
หลินสวินราวกับได้ยินคำพูดของจินตู๋อี ร่างที่นอนอยู่ในหนองนั้นพลันลุกขึ้น รอยแผลทุกรอยสมานต่อเนื่อง กำลังเกิดใหม่
ตูม!
คลื่นทรงพลังกระจายออกมาจากกายหลินสวินราวพายุ ม้วนกลืนหนองน้ำแห่งนี้ ฟ้าดินสะเทือนไหวราวกับมหาสมุทรกำลังซัดสาดคลื่นใหญ่
เพียงแต่หลินสวินนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น ดวงตาปิดสนิท ไม่มีการเคลื่อนไหวอื่นใดอีก
แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าแสงอัศจรรย์แวววาวพวยพุ่งออกมารอบกายเขา เจิดจ้าช่วงโชติ ไพศาลเปล่งประกายราวน้ำตก มีพลังชีวิตแข็งแกร่งเหลือคณากำลังไหลบ่า!
ชั่วพริบตานี้ฟ้าดินราวถูกหลินสวินแย่งชิงความเรืองรอง แปรเปลี่ยนเป็นมืดทึม!
ไอหมอกคลุมเครือ หนองน้ำกระเพื่อม หลินสวินกำลังรับการหล่อเลี้ยงและชำระล้าง เปล่งประกาย เจิดจ้านัยน์ตาราวเทพองค์หนึ่ง
“ฮ่าๆๆ ฟื้นแล้ว เจ้าหมอนี่ในที่สุดก็ฟื้นแล้ว เขาขจัดแผลมรรคได้แล้วจริงๆ สวรรค์! เจ้าหมอนี่ต้องเป็นสัตว์ประหลาดตนหนึ่งแน่!”
ทันใดนั้นจินตู๋อีก็หัวเราะร่า
ส่วนไม่ไกลออกไป เหล่าผู้แข็งแกร่งอย่างพวกอวี่เซียงเซิง หลินหลางล้วนสีหน้าแปรเปลี่ยน รับรู้ได้ว่าสถานการณ์ไม่เข้าทีอยู่บ้าง
เดิมทีจ้าวจิ่งเซวียนจะหยัดยืนไม่อยู่แล้ว ทว่าเวลานี้เมื่อรับรู้ได้ว่าบนร่างของหลินสวินปะทุพลังชีวิตมหาศาลออกมา ดวงตากระจ่างของนางก็พลันเปล่งประกาย พึมพำในใจว่า ‘พวกเจ้าเห็นหรือยัง นี่ก็คือความหมายในการยืนหยัดของข้า…’
“ฆ่า! รีบฆ่าผู้หญิงคนนี้เร็ว!”
“สมควรตาย! เจ้าเด็กนี่ถึงกับจะผงาดขึ้นมาใหม่ ต้องไม่ให้มันบรรลุเป้าหมายได้เด็ดขาด เร็วเข้า ใช้ฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุด!”
ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเผ่าร้องเสียงดัง สำแดงการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุด
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นก็ทำให้จ้าวจิ่งเซวียนได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง บนหลังถูกฟันจนเกิดรอยแผลยาว เนื้อหนังเปิดออก เลือดไหลริน เกือบทำร้ายไปถึงอวัยวะภายใน!
“ฆ่า!”
ในเวลาเดียวกันอวี่เซียวเซิงคว้าโอกาสไว้ เขากระโจนออกไป ในมือถือทวนกระดูกมังกรพุ่งสังหารใส่หลินสวิน!
เกิดเสียงดังตูม ห้วงอากาศระเบิดออกเป็นเสี่ยง แค่คิดก็รู้ว่าการโจมตีนี้น่ากลัวขนาดไหน ต้องเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของอวี่เซียวเซิงแน่
“มีข้าอยู่ มีหรือจะให้เจ้าบรรลุเป้าหมาย”
ทันใดนั้นจินตู๋อีร้องเสียงดัง แม้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว แต่เวลานี้ก็พุ่งออกมารับการโจมตีนี้อย่างบ้าบิ่นเพื่อช่วยหลินสวิน
เพียงแต่เวลาต่อมาเขาก็ถูกฟันกระเด็น กระแทกลงไปในหนองน้ำ กระดูกทั้งร่างราวแตกหัก ลมหายใจรวยริน
“ไอ้เศษเดน ดูซิว่าครั้งนี้จะยังมีชีวิตได้ไหม!”
อวี่เซียวเซิงสีหน้าเหี้ยมเกรียม ยามพูดจาการเคลื่อนไหวก็ไม่ชักช้าแม้เพียงนิด โบกทวนใหญ่ฟาดฟันลงไปอย่างไร้ความปราณี ก่อให้เกิดแสงท่วงทำนองมรรคน่าหวาดหวั่น
“เจ้ากล้า!”
จ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่ไกลออกไปพลันหน้าเปลี่ยนสี ตะคอกด้วยความเดือดดาลถึงขีดสุด พุ่งตัวมาทางนี้โดยไม่สนใจสิ่งใด
แต่เห็นชัดว่าช้าไปก้าวหนึ่ง
ก็เห็นว่าทวนกระดูกมังกรนั่นฟาดลงมา กำลังจะฟันใส่ศีรษะหลินสวิน!
“ไม่…”
จินตู๋อีที่ลมหายใจรวยรินส่งเสียงคำราม เบ้าตาแทบถลน มาถึงขั้นนี้แล้ว หรือจะต้องถูกปลิดชีพเช่นนี้หรือ
แต่ที่ทำให้ทุกคนคนคาดไม่ถึงก็คือ เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของอวี่เซียวเซิงนี้มาถึงศีรษะของหลินสวินแล้ว แต่มันกลับหยุดอยู่เช่นนั้น ไม่อาจฟันลงไปได้
เพราะไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่มือเรียวยาวขาวสะอาดข้างหนึ่งคว้าคมทวนกระดูกมังกรเล่มนั้นไว้มั่น!
__
ตอนที่ 575 กวาดล้างระดับเดียวกัน
โดย
ProjectZyphon
ปัง!
เสียงกระหึ่มดังขึ้น เงาร่างของอวี่เซียวเซิงถูกพลังน่าหวาดหวั่นซัดกระเด็นออกไปพร้อมกับทวนกระดูกมังกรในมือ
เงาร่างของเขาซวนเซ ถอยหลังออกไปสิบกว่าจั้งถึงหยุดนิ่ง แม้ไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง แต่สีหน้าของเขาก็ระบายความฉงนใจ
ผู้อื่นก็ล้วนตกใจ ไม่อาจคาดคิดได้ว่า ในช่วงเวลาสำคัญที่สุดหลินสวินเพียงใช้ฝ่ามือซัดสลายการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของอวี่เซียวเซิง!
เดิมทีในใจจ้าวจิ่งเซวียนบีบคั้นเครียดเกร็งถึงขีดสุดแล้ว เมื่อได้เห็นภาพนี้จิตใจที่พะวงอยู่ก็สงบลง ใบหน้างามปรากฏรอยยิ้มราวได้ปลดปล่อยภาระหนักอึ้ง
“เจ้าหนู รีบลุกขึ้นมาฆ่าเจ้าพวกคนเฮงซวยไร้จิตสำนึก เลวทรามหาใดเทียบพวกนี้เร็ว!”
จินตู๋อีเอ็ดตะโรเสียงดัง ลมหายใจของเขาแผ่วเบา เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดไหน แต่เวลานี้กลับมีชีวิตชีวาตื่นเต้น
เพียงแต่หลินสวินยังคงนั่งขัดสมาธิเช่นนั้น รอบกายเปล่งแสงส่องประกาย ไม่มีรอยฉีกแตก ไม่มีรอยแผลแล้ว ไร้ร่องรอยบุบสลายโดยสิ้นเชิง
ส่วนในถ้ำสวรรค์ภายในกาย แสงพลังวิญญาณราวสมุทรนทีไหลบ่า แสงอัศจรรย์แวววาวระเบิดออก แท่นมรรคโบราณแท่นหนึ่งตั้งตระหง่าน บนนั้นมีแสงสมบัติไตรมรรคศักดิ์สิทธิ์แวววับราวหยกขาวทอดลงมา ทุกอย่างดูโอฬารไพศาล เจิดจ้าเป็นอมตะ
เขาฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แล้ว แผลมรรคทั้งหมดสลายไป พลังโซ่เคราะห์สวรรค์นั้นกลับถูกบดขยี้หลอมรวมเข้าไปในแท่นมรรค กลายเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงที่สร้างความมั่นคงและขัดเกลาแท่นมรรค
ตอนนี้สภาพทั้งกายของเขาเหยียบย่างเข้าสู่สุดยอดสัมบูรณ์ของระดับหยั่งสัจจะขั้นต้นแล้ว แปรเปลี่ยนเป็นทรงพลังกว่าแต่ก่อน ก้าวล้ำไม่มีใครเทียม เรียกได้ว่าอยู่ในระดับยอดมกุฎแล้ว!
เวลานี้ไม่มีใครกล้าบุ่มบ่ามพุ่งเข้ามาแล้ว เพราะพลังที่ไหลออกมาจากร่างกายหลินสวินนั้นกล้าแข็งและโอหังนัก กดดันจนสรรพสัตว์ทั่วฟ้าดินล้วนตัวสั่นงันงกด้วยความกลัว ตัวสั่นเทาคลานอยู่บนพื้นไม่หยุดหย่อน
พรึ่บ!
หลินสวินลืมตา เหมือนยอดเขาสองยอดฉีกทึ้งห้วงอากาศ เจิดจ้าไปทั่ว พาให้สะท้านขวัญ
จนกระทั่งตอนนี้หลินสวินถึงรู้สึกได้ว่าตนต่างจากแต่ก่อนโดยสิ้นเชิง สามารถเหยียดหยันรอบทิศ มองเหล่าผู้กล้าอย่างหยิ่งผยองได้อย่างแท้จริง
พลังน่าหวาดหวั่นถูกเก็บงำราวกับกระแสน้ำเชี่ยวเร้นในกายหลินสวิน สรรพสัตว์ทั่วฟ้าดินหยุดสั่นสะท้าน หยัดกายขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วหนีไปเหมือนปลดเปลื้อง
หลินสวินท่าทางเกินธรรมดา ดวงตากระจ่างลุ่มลึก ราบเรียบและนิ่งสงบ แสงอัศจรรย์ทั่วร่างเก็บอยู่ภายใน ไม่เห็นร่องรอยใดๆ สายตาของเขากวาดไปรอบที่นั่น มีท่วงทำนองมรรคที่คืนสู่สภาวะดั้งเดิมแบบหนึ่ง
“ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว…”
จ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่ไม่ไกลเอ่ยเสียงเบา รอยยิ้มแย้มบานบนในหน้าซีดขาวราวโปร่งแสง ทำให้ในใจหลินสวินพลันสั่นระรัว
เสียงพูดยังไม่ทันเงียบไป จ้าวจิ่งเซวียนก็เหมือนฝืนทนไม่ไหวอีกแล้ว มุมปากมีเลือดไหล ร่างกายร่วงตกลงมาจากห้วงอากาศ
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้นางต้านทานคนระดับบุตรเทพมากมาย สู้หมดหน้าตักราวไม่ต้องการมีชีวิต ยังมีชีวิตรอดได้ก็โชคดีมากแล้ว
แต่ตอนนี้ ในที่สุดเพราะบาดเจ็บสาหัสยิ่งนักจึงทนต่อไปไม่ไหวแล้ว…
เงาร่างหลินสวินหายตัวไปทันใด โอบจ้าวจิ่งเซวียนไว้ในอกอย่างแน่นหนา ราวกับกลัวว่าถ้าผ่อนแรงมือฝ่ายหลังจะหายไป
จ้าวจิ่งเซวียนขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เจ้ารวบตัวข้าจนเจ็บแล้ว”
ใบหน้างามกระจ่างของนางดูสง่างามอรชรมาตลอดตั้งแต่เมื่อก่อน เวลานี้อิงอยู่ในอ้อมแขนของหลินสวินกลับเผยความอ่อนแอที่หาได้ยากยิ่งออกมา
หลินสวินพินิจดวงหน้าซีดขาวนั้นของนาง เดิมในใจมีคำพูดมากมายที่ต้องการเอ่ยออกมา แต่สุดท้ายเขาก็พูดเพียงประโยคเดียวว่า “พักให้สบาย ที่เหลือให้ข้าจัดการเถอะ”
ประโยคเดียวง่ายๆ ที่ราบเรียบจนเหมือนพูดเรื่อยเปื่อยนั้น กลับทำให้จ้าวจิ่งเซวียนตะลึงไป ในดวงตามีความรู้สึกที่พูดไม่ถูกพองฟู ในที่สุดนางก็ทำเพียงร้องอืม
ไกลออกไป จินตู๋อีนอนอยู่ในหนองน้ำ พึมพำด้วยความโมโหกับตัวเอง เจ้าคนที่เห็นผู้หญิงสำคัญกว่าเพื่อน ไม่เห็นหรือว่าข้าเกือบม้วยแล้ว ทำไมไม่มาช่วยข้าก่อน อาการบาดเจ็บของข้าสาหัสกว่าแม่หนูนั่นมากนะ!
ราวกับได้ยินเสียงในใจของจินตู๋อี หลินสวินหันหน้ามาพูดว่า “เจ้าคางคก ขอบใจมากนะ”
จินตู๋อีตะโกนเสียงดังว่า “ถ้าเจ้ารู้สึกผิดจริงก็ไปฆ่าพวกเศษเดนพวกนั้นให้ข้า!”
“ได้!”
หลินสวินพยักหน้า ตอบรับอย่างเต็มใจยิ่ง
เพียงแต่ก่อนต่อสู้ เขาส่งจ้าวจิ่งเซวียนเข้าไปรักษาบาดแผลในชั้นหนึ่งของเจดีย์สมบัติไร้อักษรก่อน แล้วจึงถามจินตู๋อีว่าต้องการรักษาบาดแผลหรือไม่ ผลปรากฏว่าฝ่ายหลังกลับปฏิเสธทันควัน พูดว่าอยากเห็นกับตาว่าเจ้าพวกนั้นจะตายอย่างไร
ในระหว่างนี้พวกอวี่เซียวเซิงและหลินหลางล้วนสังเกตการณ์ด้วยสายตาเยียบเย็น กำลังสำรวจพลังของหลินสวิน ไม่ลงมืออย่างง่ายๆ อีก
ที่จริงแล้วตั้งแต่ตอนที่อวี่เซียวเซิงถูกซัดกระเด็น พวกเขาก็รับรู้ได้ว่าการคิดจะฆ่าหลินสวินก่อนที่เขาจะฟื้นฟูร่างกายขึ้นมาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว
ส่วนพลังที่หลินสวินปลดปล่อยออกมาจากร่างก็ทำให้พวกเขาสะท้านขวัญและกดดัน ทั้งไม่กล้าลงมือบุ่มบ่ามเกินตัว
เพียงแต่เมื่อได้ยินจินตู๋อีด่าพวกเขาว่าเป็นเศษเดน หมายจะดูหลินสวินฆ่าพวกเขาตาย ก็ทำให้พวกเขาทนไม่ไหวแล้ว
“เหอะ เจ้าคิดว่ามันเป็นผู้กอบกู้จริงๆ หรือ น่าขัน! ฟื้นฟูร่างกายมาได้แล้วอย่างไรเล่า ต่อหน้าพวกเรา สุดท้ายก็ยากรอดพ้นความตาย!”
บุตรเทพเผ่ากวางหยกเอ่ยปาก ดวงตาน่าหวาดหวั่น จิตสังหารพลุ่งพล่าน
“ทุกท่าน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กนี่รับมือยาก ที่สำคัญที่สุดคือ หากคิดจะชิงศุภโชคที่อยู่กับตัวเขา พวกเราต้องรีบฆ่าเขาให้ได้ก่อนที่คนอื่นจะตามมาทัน!”
อวี่เซียวเซิงเอ่ยด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม “ดังนั้นไม่สู้พวกเราร่วมมือกันกำจัดมันอย่างเต็มที่ แล้วค่อยแบ่งของที่อยู่บนตัวมันดีกว่า ว่าอย่างไร”
เมื่อพูดคำนี้ออกมาก็พาให้ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยเห็นด้วยในทันใด พลังที่หลินสวินแสดงออกมาเมื่อครู่ทรงอำนาจเกินไป ทำให้พวกเขาหวาดหวั่นใจยิ่ง หากร่วมกันลงมือได้ย่อมดียิ่งแล้ว
“แต่ข้าขอเตือนทุกท่านประโยคหนึ่ง ยามต่อกรกับเด็กนี่ ไม่สามารถเก็บพลังที่แท้จริงเหมือนตอนสู้กับผู้หญิงคนนั้นได้อีกแล้ว”
หลินหลางกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
คราต่อกรกับจ้าวจิ่งเซวียน พวกเขาแยกกันสู้ ล้วนคิดจะไปฆ่าหลินสวินก่อนเพื่อช่วงชิงศุภโชค กลับถูกจ้าวจิ่งเซวียนฉวยโอกาสมากมาย จนถึงขั้นเสียโอกาสงามไปไม่น้อย
ครั้งนี้ที่ต้องต่อกรคือหลินสวินที่ฟื้นตัวใหม่ หลินหลางไม่ต้องการให้เกิดเรื่องทำนองนั้นอีก
ผู้แข็งแกร่งระดับบุตรเทพคนอื่นล้วนเงียบงัน ยอมรับข้อเสนอนี้
“พูดจบหรือยัง เช่นนั้นก็จะส่งพวกเจ้าไปตายแล้ว!”
หลินสวินมองดูทุกอย่างนี้อย่างเงียบเชียบ กระทั่งเวลานี้ถึงได้ส่งเสียงในที่สุด
ทั้งร่างของเขาพลันร้องคำราม ท่วงทำนองมรรคไหลบ่า พลังปราณเพิ่มสูงขึ้นถึงสภาพสัมบูรณ์ที่น่ากลัวถึงขีดสุดในชั่วพริบตา ราวกับในกายมีเทพองค์หนึ่งฟื้นคืนชีพ พาให้หวาดหวั่น
ฟ้าดินหวีดร้อง สภาพอากาศแปรปรวน พลังตระหนกกำเริบเสิบสาน ทำให้จิตวิญญาณพวกอวี่เซียวเซิงหวาดผวาไม่หยุดหย่อน
“พลังน่ากลัวนัก!”
บุตรเทพคนหนึ่งสีหน้าหนักอึ้ง
“หากไม่กำจัดเด็กนี่ ภายหลังก็คงไม่มีใครกำราบมันได้ ไม่ช้าก็เร็วต้องเป็นเภทภัยใหญ่หลวงแน่!”
อวี่เซียวเซิงระเบิดจิตสังหาร
“ฆ่า!”
ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งออกโจมตีก่อนแล้ว เป็นบุตรเทพเผ่าคชามาร ร่างกายมหึมาราวบรรพต ทั่วร่างพวยพุ่งไปด้วยไอมารลึกล้ำน่าหวาดหวั่น
ในมือเขาถือกระบองยักษ์กระดูกขาวด้ามหนึ่ง กระแทกห้วงอากาศให้แตกออกดังโครม พุ่งอัดหลินสวินที่อยู่ไกลออกไปอย่างจัง
พลังขนาดนั้นสามารถบดขยี้ภูผาธารา ปั่นป่วนฟ้าดิน รุนแรงดุร้ายยิ่งนัก
รอบตัวหลินสวินปรากฏท่วงทำนองมรรคแวววาว แสงประกายไหลหลั่ง ไพศาลศักดิ์สิทธิ์ ราวกับเทวดาจุติลงมายังโลก
เขาปล่อยหมัดเดียวออกไปอย่างเบามือ ประจันหน้ากับอีกฝ่าย
ตึง!
หมัดที่ดูเหมือนธรรมดาหมัดหนึ่งกลับสะเทือนจนกระบองยักษ์กระดูกขาวนั้นสั่นไหวยุ่งเหยิง ส่งเสียงครวญโหยหวน ส่วนร่างของบุตรเทพคนนั้นถูกลมหมัดปกคลุม ซัดกระเด็นอย่างรุนแรงราวกับถูกคีรีเทพบดอัด !
พลานุภาพเช่นนี้สร้างความหวาดหวั่นให้แก่ทุกคนทันที เพียงหมัดเดียวเท่านั้นก็ซัดทำลายบุตรเทพเผ่าคชามาร ไม่อาจสู้กับหลินสวินได้เลย!
“นี่สิโว้ยถึงเย้ยฟ้าจริง…” จินตู๋อีตาเบิกกว้าง พึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ยังนิ่งอยู่ทำไม ลงมือพร้อมกัน!”
อวี่เซียวเซิงคำรามเดือดดาล โบกทวนกระดูกมังกรดังชิ้ง ร้องเสียงยาวแล้วออกโจมตีฟาดฟัน
ผู้แข็งแกร่งคนอื่นไม่กล้าร่ำไร เพียงการโจมตีเดียวก็ทำให้พวกเขารับรู้ได้ถึงความน่ากลัวและวิปริตของเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ตรงหน้า
นี่ทำให้พวกเขายิ่งหวาดหวั่น ยิ่งไม่กล้าดูถูก
พวกเขาล้วนลงมือแล้ว!
วิ้ง!
คลื่นเสียงโบราณมโหฬารดังสะท้อนสี่ทิศ ระฆังสำริดสีเลือดหมุนคว้างปรากฏขึ้นพร้อมกับที่ธิดาเทพหลินหลางพุ่งโจมตีสังหารหลินสวิน
“ย๊าก!”
บุตรเทพเผ่ากวางหยกตะคอกลั่น คว้าบรรทัดหยกสีเขียวเจิดจ้าเล่มหนึ่งออกมา ปรากฏลวดลายมรรคลึกลับ มีพลังเกรียงไกรที่สามารถสั่งสอนสรรพสัตว์ได้
บรรทัดหยกเล่มนี้ก็เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์สมบัติลับที่เก่าแก่ชิ้นหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!
ฮูม!
แสงอัศจรรย์สีเขียวหยกอบอวล แปรสภาพเป็นชุดเกราะที่เก่าแก่ชุดหนึ่ง ปกคลุมร่างกายธิดาเทพเผ่ากาฬพฤกษ์ บนชุดเกราะนั้นประทับรูปสลักลึกลับ มีกลิ่นอายบรรพกาลหนาแน่น
เห็นได้ชัดว่าที่มาของชุดเกราะนี้ไม่อาจดูเบาได้!
ยามนี้บุคคลระดับบุตรเทพจากแต่ละเผ่าล้วนเคลื่อนไหวเต็มกำลัง ชั่วพริบตาฟ้าดินแถบนี้ก็บังเกิดคลื่นใหญ่สะท้านโลกา ราวกับภัยพิบัติวันสิ้นโลกมาเยือน สภาพการณ์น่ากลัวเกินธรรมดา
ในช่วงชุลมุนนี้ ผมดำของหลินสวินปลิวไสว นัยน์ตากระจ่างใส มีท่วงท่าสง่าเกินคนทั่วไปที่ยากบรรยาย เท้าเหยียบย่างก้าวย่างชือน้ำแข็ง ดูลวงตาดุจเทพไท้เดินออกมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ พลานุภาพเหลือคณา
เขาสำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ พลังหมัดเรียบง่าย ไม่แปดเปื้อนฝุ่นธุลี แต่กลับมีพลังทำลายล้างเกินจินตนา ทำลายห้วงอากาศ สั่นสะท้านสมบัติลับทุกชิ้น ทลายวิชาทั้งปวง!
ไม่มีทางถูกกำราบได้เลย!
ต่อให้ถูกบุคคลชั้นยอดรุ่นเดียวกันล้อมโจมตี ต่อให้ถูกสมบัติลับไร้เทียมทานมากมายพัวพัน ก็ไม่อาจกำราบท่วงท่าและอานุภาพของเขาได้!
ตูม!
ใต้หล้าครั่นครืนราวกับฟ้าถล่มดินทลาย ต่อให้เป็นโลกภายนอก การต่อสู้ที่ไร้ผู้ใดเทียบเทียมได้ชั้นนี้ก็ยังยากพบเห็น สามารถดึงดูดให้ทั้งโลกจับตา ก่อนให้เกิดคลื่นลมยิ่งใหญ่!
“ตายซะ!”
ระหว่างต่อสู้ บุตรเทพเผ่ากวางหยกคำรามเดือดดาล ชูบรรทัดหยกเขียวเจิดจ้าฉวยโอกาสกระแทกใส่หลังหลินสวินอย่างรุนแรง
ได้ยินเสียงโครมกึกก้อง เงามายาของสัตว์เทพฟู่ซี่ก็ปรากฏขึ้นจากหลังหลินสวิน ชูคอคำราม พุ่งชนบุตรเทพเผ่ากวางหยกจนทั้งร่างสั่นเทา กระอักเลือดออกมา
“ฆ่า!”
อีกด้านหนึ่ง อวี่เซียวเซิงโบกทวนใหญ่กดดันสังหารเข้ามา
หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง ปล่อยหมัดออกไป ลมหมัดราวเทพไท้พุ่งซัดอวี่เซียวเซิงจนกระเด็น เงาร่างซวนเซ
ในเวลาเดียวกันเงามายาของชือน้ำแข็งตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่เท้าของหลินสวิน ไกวหางครั้งหนึ่งฟาดไปบนร่างของบุตรเทพเผ่ากวางหยกอย่างรุนแรง ฝ่ายหลังส่งเสียงอู้อี้ กระดูกไหล่ถูกทำลายแหลกละเอียด เลือดสีแดงสดไหลริน
ในชั่วพริบตาบุตรเทพสองคนก็ถูกซัดให้ถอยไป ทั้งยังมีคนหนึ่งถูกโจมตีได้รับบาดเจ็บ!
พลานุภาพไร้เทียมทานชั้นนี้ ช่างเหมือนไม่มีใครประมือได้ ขับเน้นให้หลินสวินยิ่งไม่โดดเด่นธรรมดา ราวราชันผู้หนึ่งกำลังกวาดล้างอริศัตรูทั้งมวลในระดับเดียวกัน
จินตู๋อีที่อยู่ไกลออกไปมองเหม่อ ในใจฮึกเหิมนัก ตื่นตะลึงไม่ว่างเว้น
เขาคาดเดาได้ว่าหลังจากหลินสวินฟื้นตัวแล้วต้องแข็งแกร่งมากแน่ แต่กลับไม่คิดว่าเขาจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้!
——
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น