Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 555-559

 ตอนที่ 555 ส่งพวกเจ้าไปลงนรก

โดย

ProjectZyphon

ธิดาเทพหลินหลางพูดทิ้งท้ายเอาไว้แล้วลอยขึ้นเขาไป


เพียงแต่ความหมายในคำพูดของนาง กลับทำให้เหล่าผู้ฝึกปราณที่ถูกจับมาสีหน้าหม่นแสง เดือดดาลอย่างที่สุด


ไม่ปล่อยให้เหลือรอดงั้นหรือ


หมายความว่าจะฆ่าพวกเขาทั้งหมดสินะ!


ผู้หญิงคนนั้นใจคอเหี้ยมนัก!


“พวกเจ้าทำแบบนี้ไม่ได้นะ ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรบนฝั่งทะเลสาบต่างมองอยู่ พวกเจ้าทำเช่นนี้ จะต้องถูกเผยแพร่ออกไปและกระตุ้นความโกรธของผู้คน!”


มีคนพูดเสียงสั่น


“เหอะๆ เผ่าวาฬมังกรหรือ ไม่ต้องเป็นห่วง รอตอนที่พวกเราไปจากที่นี่ พวกเขาก็หนีไม่รอดแม้แต่คนเดียว!”


สีหน้าของเป้าหยาเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยความชิงชัง ไม่พูดถึงเผ่าวาฬมังกรยังพอว่า พอพูดถึงก็ทำให้เขาเดือดดาลอย่างที่สุด ต้นกล้ารุกขทรัพย์วิญญาณทองที่กำลังจะได้ครอบครอง กลับถูกพวกนั้นฉวยโอกาสตอนวุ่นวายลอบทำร้ายและช่วงชิงไป!


จะไม่ให้เป้าหยาชิงชังได้อย่างไร


“หืม ในเกาะกลางทะเลสาบมีไร่โอสถด้วย! แม้จะรกร้าง แต่ภายในก็ยังมีโอสถวิญญาณไม่น้อยกำลังส่งกลิ่นหอมกรุ่น!”


ทันใดนั้นสายตาของสือจวิ้นพลันเหลือบเห็นว่า ตีนเขาที่อยู่ไม่ไกลนักมีไร่โอสถผืนหนึ่ง


ไร่โอสถนั่นวิเศษอย่างมาก รดด้วยคลื่นไฟหินหนืดในทะเลสาบ พื้นดินสะท้อนสีจรัสแสงราวกับเพลิง เต็มไปด้วยหมอกและคลื่นความร้อน


เหตุผลที่เมื่อครู่นี้ไม่ได้สังเกตเห็น เพราะถูกหมอกนั่นปกคลุมอยู่


แต่ตอนนี้พอมองไปอย่างละเอียด ก็จะพบว่าบนดินที่สีเพลิงสดนั่นมีโอสถวิญญาณไม่น้อยปลูกอยู่เป็นหย่อมๆ!


บางส่วนมีลักษณะคล้ายกิเลน มีสีเขียวสดใส นั่นคือหญ้ากิเลน เป็นโอสถที่สูญพันธุ์ไปแล้วในโลกภายนอก แม้แต่ราชันระดับสังสารวัฏมาเห็นก็เป็นต้องตาลุกวาว!


บางชนิดมีลักษณะคล้ายโสม แต่มีผลกลมวาว ผลสีแดงสว่าง เหมือนโคมไฟขนาดเล็กที่มีรุ้งศักดิ์สิทธิ์ไหลวน


นี่คือ ‘โสมราชันโคมสมบัติ’!


ตอนที่เห็นโอสถนี้ เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตต่างตาลุกวาว ลมหายใจหอบถี่


โสมราชันโคมสมบัติ เพียงหยดเดียวก็สามารถทำให้คนตายฟื้นคืน กระดูกขาวมีเลือดเนื้อขึ้นมาอีกครั้ง! ไม่ว่าจะเจอบาดแผลรุนแรงเพียงใด กลืนลงไปเพียงหยดเดียวก็สามารถกลับเป็นเหมือนเดิมได้ทันที!


แม้แต่หลินสวินยังหวั่นไหว โสมราชันโคมสมบัติ หนึ่งโคมหมายถึงหนึ่งพันปี บนโสมราชันต้นนี้อย่างน้อยๆ ก็มีผลที่ราวกับโคมไฟแขวนอยู่สิบแปดดวง ก็หมายความว่ามันหยั่งราก ณ ที่แห่งนี้มาหนึ่งหมื่นแปดพันปีแล้วงั้นหรือ


และยังมีหญ้ากิเลนนั่น ก็ไม่ธรรมดาเลย ให้ประโยชน์มหัศจรรย์คาดไม่ถึงยามหยั่งรู้การฝึกปราณ


นอกจากนี้ในไร่โอสถยังมีโอสถวิญญาณอื่นๆ แต่ละชนิดล้วนมีลักษณะโดดเด่น แสงสมบัติไหลวน ส่องแสงแวววาวเป็นประกาย ปล่อยกลิ่นหอมอันเย้ายวน


อึกๆ… เสียงกลืนน้ำลายแว่วขึ้นในที่นั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตหรือผู้ฝึกปราณที่ถูกจับมา ตอนนี้ต่างถูกโอสถวิญญาณในไร่โอสถดึงดูด


เพียงแค่ตีนเขาเกาะกลางทะเลสาบเท่านั้น ยังไม่ใช่บนภูเขาเทพเซียนที่ไอทองม่วงปกคลุม ก็มีไร่โอสถแบบนี้แล้ว และนี่ก็เพียงพอที่จะเรียกว่าวาสนา


“เจ้า ไปเด็ดโอสถวิญญาณต้นหนึ่งมา ถ้าเด็ดกลับมาได้ก็จะไว้ชีวิตเจ้า!”


จู่ๆ เป้าหยางก็พูดขึ้น เขาสัมผัสได้อย่างมีไหวพริบว่า แม้ไร่โอสถนั่นจะน่าดึงดูด แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยพลังผนึกต้องห้าม น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก


“ข้า…” ผู้ฝึกปราณคนนั้นอึ้ง พลันได้สติ สีหน้าดูแย่มาก จะให้พวกเขาไปตายอีกแล้ว!


“ทำไม เจ้ามีปัญหาหรือ”


สายตาของเป้าหยาเหี้ยมโหดเต็มไปด้วยไอสังหาร


ผู้ฝึกปราณคนนั้นอัดอั้นเปี่ยมโทสะอย่างที่สุด แต่สุดท้ายก็จนปัญญา ได้แต่เข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง เขาไม่ได้ก้าวเข้าไปในไร่โอสถ แต่ใช้พลังคว้าโอสถวิญญาณต้นหนึ่งจากกลางอากาศ


ฮูม!


ทว่าไร่โอสถนั่นพลันมีฝนแสงเทลงมา ไม่เพียงสลายพลังฝ่ามือของเขา แม้แต่ร่างกายของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วย พริบตาเดียวเท่านั้นเขาก็กลายเป็นกองเลือดข้น ตายคาที่พร้อมความเกลียดชัง


เฮือก!


ทุกคนสูดหายใจด้วยความตระหนก ได้สติอย่างสิ้นเชิง ตระหนักได้ว่าผนึกต้องห้ามที่ปกคลุมไร่โอสถอยู่นี้ น่าสะพรึงกลัวกว่าที่พวกเขาจินตนาการไปมาก


ตอนนี้เมื่อรวมหลินสวินเข้าไปด้วย เหลือผู้ฝึกปราณที่ถูกจับมาเพียงสามคน เห็นฉากนี้แล้วต่างรู้สึกคับแค้น โศกเศร้าและสิ้นหวัง


“เจ้าไป จำไว้ว่าห้ามใช้พลัง”


เป้าหยาชี้ผู้ฝึกปราณอีกคน


ผู้ฝึกปราณคนนั้นพลันกัดฟัน ส่งเสียงคำรามแล้วพุ่งไปที่ภูเขาม่วงอำพัน


“รนหาที่ตาย!”


เสียงฟุ่บดังสนั่น เป้าหยากวัดแกว่งทวน สังหารผู้ฝึกปราณคนนั้นอย่างเย็นชาและดุดัน


ทันใดนั้นในลานก็เหลือแค่หลินสวินและผู้ฝึกปราณอีกคน ไม่จำเป็นต้องสงสัยเลยว่า หายนะครั้งต่อไปจะตกอยู่บนหัวพวกเขาอย่างแน่นอน


“ไอ้หนู ส่งธนูในมือเจ้ามาก่อน!” จู่ๆ สายตาของสือจวิ้นก็มาหยุดที่หลินสวิน จนขนาดนี้แล้ว เขายังอาลัยอาวรณ์สมบัตินี้


“พวกเจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ให้ข้าส่งพวกเจ้าไปลงนรกเป็นอย่างไร”


หลินสวินสีหน้านิ่งสงบ ก่อนหน้านี้เขาอดทนมาโดยตลอด สังเกตผนึกต้องห้ามและเค้าโครงของเกาะกลางทะเลสาบ จึงไม่ได้ลงมือในทันที


แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้แล้ว


“เจ้าว่าอะไรนะ”


สือจวิ้นแทบไม่เชื่อหูตัวเอง มาถึงตอนนี้ เด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณเผ่ามนุษย์คนนี้ยังกล้าพูดจาแบบนี้อีกหรือ เขาบ้าไปแล้วหรือไร


“ข้าบอกว่า ข้าจะส่งพวกเจ้าไปลงนรก!”


ในขณะที่พูด หลินสวินพลันยื่นมือสะบัด แสงสีดำแถบหนึ่งยิงออกมา


นี่คือหนอนกินเทพที่ถูกผนึกไว้ แต่เมื่อพวกมันถูกปลุกขึ้นมา…ก็จะเกิดหายนะ!


ชิ้ง!


ในขณะเดียวกัน ดาบหักก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ สาดฝนแสงเปล่งประกายราวกับดวงดาวแถบหนึ่ง


“รนหาที่ตายจริงๆ!”


สือจวิ้นเดือดดาลจนกลายเป็นยิ้ม กวัดแกว่งดาบแหลมกระดูกขาวอย่างรุนแรง


แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพียงการโจมตีเดียวเท่านั้น ดาบแหลมกระดูกขาวของสือจวิ้นก็ถูกฟันขาด ราวกับเปราะบางจนต้านทานการโจมตีเดียวไม่ได้


ฟุ่บ!


ทันใดนั้นหัวของสือจวิ้นก็หลุดร่วงลงมาอย่างง่ายดายราวกับผ่าแตงโม เลือดสดสาดกระเซ็น ย้อมอากาศจนกลายเป็นสีเลือด


“อะไรน่ะ!?”


ทุกคนต่างร้องเสียงหลง แทบไม่อยากจะเชื่อเรื่องทั้งหมด เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณคนหนึ่งเท่านั้น เหตุใดจึงแข็งแกร่งเช่นนี้


ต้องรู้ว่าสือจวิ้นก็เป็นผู้มีความสามารถคนหนึ่งในบรรดาคนหนุ่มสาวแห่งเผ่าสิงห์โลหิต มีพลังปราณระดับหยั่งสัจจะ ใครจะกล้าจินตนาการว่า เขาจะถูกเด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณคนหนึ่งตัดหัวภายในการโจมตีเดียว


เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!


“เร็ว ฆ่าเขาซะ!”


เป้าหยาคำราม เดือดดาลอย่างที่สุด เส้นผมพลิ้วไหว ทว่าไม่นานเสียงของเขาก็หยุดไป


ตรงหน้าเขามีแสงสีดำสายหนึ่งถูกยิงออกมา และพลันจมดิ่งลงไปในห้วงนิมิตของเขาอย่างไม่สามารถต้านทานได้


ความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้แผ่กระจายออกจากจิตวิญญาณ ทำให้สีหน้าของเป้าหยาเปลี่ยนไปฉับพลัน ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน


ในเวลาเดียวกัน บริเวณอื่นๆ ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตหลายคนก็ถูกโจมตีในแบบเดียวกัน


พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าหนอนกินเทพนั่นกลับไม่สามารถต้านทานได้ แปลกประหลาดอย่างที่สุด ผลคือห้วงนิมิตของพวกเขาถูกโจมตีอย่างกะทันหัน


ชั่วขณะหนึ่งเสียงร้องโหยหวนพลันดังขึ้นในบริเวณนี้อย่างต่อเนื่อง วุ่นวายไปทั้งลาน ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตมากมายยังไม่ทันลงมือด้วยซ้ำ ก็พบกับหายนะอันคลุมเครือ


และหลินสวินก็ฉวยโอกาสนี้เริ่มสังหารตั้งนานแล้ว!


ตูม!


เขาใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง เงาร่างราวกับภาพฝัน พุ่งขึ้นหน้าไปสังหาร ดาบหักสาดประกายดาราวิบวับ กวาดล้างไปทั่วทิศราวกับธารดาราม้วนกลืน


ฟุ่บๆๆ…


เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตห้าหกคนก็ถูกตัดหัว กลายเป็นฝนเลือดตายคาที่


น่ากลัวเกินไปแล้ว ทุกคนต่างขนลุก


“ทุกคนร่วมมือกัน รีบฆ่าเด็กนี่ซะ!” ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตคนหนึ่งตะโกน


ตูมโครม!


แสงเจิดจ้าโหมคลั่ง หลินสวินระเบิดพลังอย่างสิ้นเชิง ราวกับเด็กหนุ่มเทพมารองค์หนึ่ง เผยพลังต่อสู้ไร้เทียมทาน กวาดล้างไปทั้งลาน


“ไอ้พวกขยะ คนมากมายขนาดนี้ยังขวางเขาคนเดียวไม่ได้รึ”


เป้าหยาตะเบ็งเสียงกราดเกรี้ยว


กลุ่มผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตรุมเข้ามาโจมตีหลินสวิน แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัวคือ ระยะห่างของทั้งสองฝ่ายห่างกันมากเกินไป


หลินสวินดูเหมือนมีพลังปราณเพียงแค่ระดับมหาสมุทรวิญญาณเท่านั้น แต่เขาถือดาบหัก เท้าใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง พลังโจมตีน่าทึ่ง เพียงดาบเดียว ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะต่างถูกฟันจนขาดเป็นสองท่อน กลายเป็นละอองเลือดกลางอากาศ


นี่มันคนแบบไหนกันแน่


ทุกคนต่างหวาดกลัว


ตูม!


มีคนลอบสังหารจากด้านหลัง หลินสวินไม่หลบหลี ใช้ ‘ปะทะฟู่ซี่’ ตอบโต้ แผ่นหลังปะทุพลังอันน่าพรั่นพรึงปานมังกร


ก็เห็นว่าร่างของคนที่ลอบโจมตีคนนั้นกระแทกพื้นแหลกกระจาย ราวกับถูกมังกรโบราณชนอย่างรุนแรง ภาพน่าตะลึงนัก


ธิดาเทพหลินหลางไม่ได้อยู่ตรงนี้ คนเดียวที่คุกคามหลินสวินได้ก็คือเป้าหยา เขาเป็นผู้แข็งแกร่งรุ่นอาวุโส มีพลังปราณระดับหยั่งสัจจะ ดุดันน่าสะพรึงกลัว แข็งแกร่งอย่างที่สุด


โชคดีที่จิตวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ถูกหนอนกินเทพกัดกร่อน ทำให้พลังต่อสู้ของเขายากจะสำแดงออกมาได้ทั้งหมด


ในสถานการณ์แบบนี้แน่นอนว่าหลินสวินไม่มีอะไรต้องกลัว ลงมืออย่างเต็มกำลัง ราวกับมังกรที่บุกเข้าฝูงหมาป่า ฆ่าฟันอย่างทารุณ ละอองเลือดสาดกระเซ็น


……


ริมทะเลสาบหินหนืด


ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรยืนปักหลัก ล้อมรอบบุตรเทพอวี่เซียวเซิงราวกับดาวล้อมเดือน


“บุตรเทพ หลินหลางขึ้นเขาไปแล้ว ขืนเรายังไม่ลงมือ วาสนาในนั้นอาจจะถูกนางช่วงชิงไป”


ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งกล่าวเสียงเบา


“เหอะๆ ไม่จำเป็น พวกเราเพียงรออยู่ตรงนี้ หลินหลางนั่นมีปีกก็หนีไม่รอด ไม่ว่านางจะได้วาสนาอันใดมา ก็ต้องตกเป็นของพวกเรา”


อวี่เซียวเซิงหัวเราะเบาๆ สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเราต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเล่า เฝ้ารออยู่ที่นี่ก็พอแล้ว!”


ทุกคนพลันหัวเราะตาม


“บุตรเทพท่านดู ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตบนเกาะกลางทะเลสาบนั่น เกิดความขัดแย้งกับเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์!”


จู่ๆ ก็มีคนร้องขึ้นมาอย่างตกใจ


ทุกคนมองไปและถูกดึงดูดในทันที


“เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นเป็นใคร”


จู่ๆ อวี่เซียวเซิงก็ถามขึ้น ในใจเขาก็ไม่ค่อยสงบนัก เด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณคนหนึ่ง กลับสามารถสังหารกวาดล้างจนสิ้น เข่นฆ่าอยู่ท่ามกลางผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตจนเลือดไหลเป็นสายน้ำ ผิดปกติมากเกินไปแล้ว


“เหมือนจะมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ”


ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรคนหนึ่งพูดอย่างไม่มั่นใจนัก


“แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณหรือ”


อวี่เซียวเซิงนัยน์ตาเป็นประกาย จมสู่ห้วงความคิด


……


โครม!


บนเกาะกลางทะเลสาบ ดวงตาเย็นชาของหลินสวินสาดส่อง ผมดำปลิวสยาย ทุกที่ที่ดาบหักวาดผ่าน ต้องบังเกิดคลื่นโลหิตสีแดงสด


สุดท้ายแม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะรุ่นอาวุโสอย่างเป้าหยายังเลี่ยงเคราะห์ไม่พ้น ถูก ‘กระบวนท่าสอยจันทรา’ ของหลินสวินสังหาร


แต่แล้วสิ่งที่ทำให้หลินสวินแปลกใจคือ ร่างของเป้าหยามีฝนแสงหลากสีแผ่ออกมา ก่อนทะลุอากาศหายไปจากที่นี่!


จากนั้นก็มีสถานการณ์คล้ายๆ กันก็เกิดขึ้นอีก หลังจากผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตสองสามคนถูกสังหาร ก็ถูกแสงหลากสีห่อหุ้มไว้เช่นเดียวกัน ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย


‘วิธีรักษาชีวิตเช่นเดียวกับยันต์จักจั่นทองหรือ’ หลินสวินสายตาวูบไหว ในใจแม้จะไม่จำยอม แต่ก็รู้ว่ายากจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว


ทว่าในการต่อสู้หลังจากนั้น หลินสวินกลับใจไหววูบ เรียกเสามังกรจตุลักษณ์ออกมา


——


ตอนที่ 556 ยันต์กระดูกวิญญาณ

โดย

ProjectZyphon

โครม!


เสามังกรจตุลักษณ์ตั้งตระหง่าน แปรเป็นเขตแดนมายา ขังชายหนุ่มเผ่าสิงห์โลหิตคนหนึ่งไว้ภายใน


“เจ้า…เจ้าจะทำอะไร”


ชายหนุ่มคนนั้นปากอ้าตาถลน หวาดกลัวยากจะสงบ


หลินสวินไม่พูดพร่ำทำเพลง ตีชายหนุ่มคนนั้นจนสลบแล้วเริ่มค้นตัวเขา


เพียงครู่เดียวชายคนนี้ก็ถูกหลินสวินค้นจนทั่วตัว นอกจากลูกกลอนโอสถจำนวนหนึ่งและอาวุธวิญญาณอีกสองสามชิ้น ยังมียันต์หยกกระดูกขาวชิ้นหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจจากหลินสวิน


ของชิ้นนี้ขนาดประมาณเหรียญทองแดง ลึกลับอย่างมาก ลวดลายลับอันมหัศจรรย์ปรากฏออกมา ดูแล้วไม่ธรรมดายิ่ง


‘ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะเป็นของรักษาชีวิตเช่นเดียวกับยันต์จักจั่นทอง…’


หลินสวินครุ่นคิด


เขาตบชายหนุ่มเผ่าสิงห์โลหิตให้ตื่นแล้วเริ่มคาดคั้น


คราแรกชายหนุ่มคนนั้นยังไม่จำยอม ยอมตายยังดีกว่าต้องทำตาม แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับหลินสวิน เขาใช้วิธีลงโทษอันเหี้ยมโหดที่เรียนมาจากค่ายกระหายเลือดเพียงเล็กน้อย ก็ทรมานจนชายหนุ่มคนนั้นร้องหาบุพการีทันที และเชื่อฟังอย่างไม่มีข้อแม้


ที่แท้ของสิ่งนี้ก็เป็นอย่างที่หลินสวินคาดเดา มีชื่อว่า ‘ยันต์กระดูกวิญญาณ’!


มีสมบัตินี้ แม้จะถูกสังหาร ขอเพียงแค่มีจิตวิญญาณเสี้ยวหนึ่งยังไม่สลาย ก็สามารถถูกช่วยไปได้ และยังมีโอกาสเกิดใหม่อีกครั้ง


เหมือนกับพวกสือจวิ้น เป้าหยาที่ถูกหลินสวินสังหารไปก่อนหน้านี้ ก็ถูกพลังของ ‘ยันต์กระดูกวิญญาณ’ พาออกไปนอกแดนลับอสูรมารอริยะแห่งนี้ และถูก ‘แท่นบูชาวิญญาณ’ ที่เผ่าสิงห์โลหิตวางไว้ในโลกภายนอกดูดไป


เมื่อรู้เรื่องทั้งหมดนี้หลินสวินก็อดถอนหายใจไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นยันต์จักจั่นทองหรือยันต์กระดูกวิญญาณล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าในการช่วยชีวิต


การได้ครอบครองสมบัติระดับนี้ก็เท่ากับการมีชีวิตที่สอง!


ตามที่ชายหนุ่มเผ่าสิงห์โลหิตบอก ผู้แข็งแกร่งในแต่ละเผ่าที่เข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะในครั้งนี้ แทบจะมีวิธีรักษาชีวิตเช่นนี้ทั้งหมด


แน่นอนว่าไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งทุกคนจะมีของล้ำค่าเช่นนี้ มีเพียงบุคลชั้นยอดหรือมีฐานะสำคัญที่สุดในแต่ละเผ่าเท่านั้นจึงสามารถครอบครองได้


เพราะของระดับยันต์กระดูกวิญญาณนี้ล้ำค่ามาก และมีจำกัด แม้แต่ในเผ่าที่มีอานุภาพใหญ่โต ยังเรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า คนธรรมดาไม่สามารถหาได้


พรูด!


ละอองเลือดสาดกระเซ็น ชายหนุ่มเผ่าสิงห์โลหิตคนนั้นถูกหลินสวินสังหารในคราเดียว และยันต์กระดูกวิญญาณก็ถูกหลินสวินเก็บไปอย่างไม่เกรงใจ


นี่ก็หมายความว่า ชายหนุ่มคนนั้นก็ไม่สามารถเกิดใหม่ได้อีกแล้ว…


หืม?


ตอนที่หลินสวินถอนเสามังกรจตุลักษณ์ ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตที่เหลือหนีไปหมดแล้ว ต่างเคลื่อนตัวไปยังภูเขาที่ไอทองม่วงคละคลุ้ง แต่ละคนราวกับหมาจรจัดไร้บ้าน


เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ จึงต้องหนีไปก่อน


สิ่งที่ทำให้พวกเขาอัดอั้นที่สุดคือ ริมทะเลสาบหินหนืดแห่งนี้ยังมีผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรจับจ้องมองมา อีกทั้งทางเดินที่ทอดผ่านทะเลสาบก็ปกคลุมไปด้วยผนึกต้องห้ามอันน่าพรั่นพรึง พวกเขาจึงทำได้เพียงกัดฟัน พุ่งไปทางภูเขาเทพม่วงอำพัน


“เด็กเมื่อวานซืนเผ่ามนุษย์ ฝากไว้ก่อนเถอะ! ธิดาเทพเผ่าข้าได้วาสนากลับมาเมื่อไหร่ก็จะเป็นวันตายของเจ้า!”


“น่าชัง น่าชังนัก!”


ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตเหล่านั้นหนีพลางสาปแช่งอย่างเดือดดาล โกรธจนแทบคลุ้มคลั่ง


ตามไปหรือไม่ตามดี?


สายตาของหลินสวินจ้องมองทุกอย่าง คิดๆ แล้ว สุดท้ายก็หยุดฝีเท้า


ภูเขาม่วงอำพันนี้ดูเหมือนจะปลอดภัย แต่กลับเป็นศูนย์กลางสำคัญของเกาะกลางทะเลสาบแห่งนี้ ไอสังหารบนนั้นก็ย่อมต้องน่ากลัวกว่า


ผนวกกับธิดาเทพหลินหลางอยู่ข้างบน หลินสวินเองยังไม่อยากปะทะกับนางทันที


ผู้หญิงคนนี้เป็นเหมือนมารปีศาจ ใจดำอำมหิต และยังครอบครองระฆังสำริดสีเลือดที่มีอานุภาพน่ากลัวอย่างยิ่ง ทำให้หลินสวินไม่อาจไม่หวั่นเกรง


……


แอ่งเลือดเต็มพื้นดิน ซากศพกระจัดกระจาย ที่แห่งนี้คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดฉุนจมูก


การต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นไวมาก และจบลงไวเช่นกัน ผู้แข็งแกร่งกว่าครึ่งของเผ่าสิงห์โลหิตถูกสังหารตายคาที่ สภาพน่าอเนจอนาถ หดหู่สะเทือนใจ


หน้าริมทะเลสาบหินหนืด บรรดาผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรสูดหายใจเข้าด้วยความตกตะลึง เบิกตาโพลง ไม่กล้าเชื่อว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์เพียงคนเดียว


หลินสวินไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้และเริ่มเก็บกวาดสนามรบ


ไม่นานในมือเขาก็มีโอสถวิญญาณสิบกว่าต้นปรากฏขึ้น ล้วนเป็นทรัพย์หลังศึกของผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตหลังเข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะ อย่างเช่นหลินจือหิมะเถาวัลย์ม่วง หญ้าแสงจันทร์เป็นต้น ตอนนี้ล้วนอยู่ในมือหลินสวินทั้งหมด


นอกจากนี้ยังมีลูกกลอนโอสถ ผลึกวิญญาณและอาวุธอีกหลากหลายชนิด ก็ล้วนถูกหลินสวินเก็บไปอย่างไม่เกรงใจ


“รอให้บรรลุสู่ระดับหยั่งสัจจะ ก็สามารถเปิดเตาหลอมโอสถได้ เพิ่มความมั่นคงให้พลังปราณอีกระดับ…”


หลินสวินพึมพำ เขาตัดสินใจจะบรรลุสู่ระดับหยั่งสัจจะในแดนลับอสูรมารอริยะ เพิ่มพลังต่อสู้ให้เร็วที่สุด เช่นนี้จึงจะสามารถคลี่คลายอันตรายที่ไม่อาจคาดการณ์ได้


ทันใดนั้นสายตาเขาพลันมองไปที่ไร่โอสถที่อยู่ไม่ไกลนัก แววตาดูเร่าร้อนขึ้นมา หญ้ากิเลน โสมราชันโคมสมบัติ ไผ่ลายอัสนีหางหงส์…


หากสามารถขุดโอสถสมบัติเยี่ยมยอดมาได้ทั้งหมด ก็ไม่ต่างอะไรกับการได้รับวาสนาครั้งใหญ่อย่างแน่นอน!


หลินสวินทิ้งความคิดวุ่นวายแล้วเริ่มประเมินพลังของผนึกต้องห้ามในไร่โอสถ ในนั้นอันตรายอย่างยิ่ง หากไม่สามารถสลายผนึกต้องห้ามที่ปกคลุมอยู่ ก็ทำได้เพียงมอง ไม่สามารถครอบครองวาสนาได้


สำหรับภูเขาเทพม่วงอำพันที่อยู่ห่างเพียงเอื้อม รวมทั้งตำหนักเขียวชอุ่มบนยอดเขานั่น หลินสวินยังไม่คิดจะเข้าไปเสาะหาชั่วคราว


สัญชาตญาณบอกเขาว่า ที่นั่นไม่เพียงแต่มีวาสนาใหญ่ล้นฟ้า ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับไอสังหารอันไร้เทียมทานที่ไม่สามารถคาดเดาได้ด้วย!


หากว่ากลุ่มของธิดาหญิงหลินหลางสามารถรับวาสนาและกลับมาอย่างปลอดภัย หลินสวินก็ไม่เกี่ยงที่จะตีชิงตามไฟ ใช้พลังแย่งชิงมา…


………..


นอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์


คนใหญ่คนโตแต่ละเผ่ากำลังรอคอย และมีเสียงพูดคุยกันดังมาประปราย ต่างกำลังคาดการณ์ว่าเผ่าไหนจะเก็บเกี่ยวได้มากที่สุด หนุ่มสาวรุ่นหลังคนไหนจะผงาดขึ้นอย่างแข็งกร้าว กวาดล้างคู่แข่ง


แม้แต่บริเวณที่ผู้เฒ่าเกาหยางยืนอยู่ ยังมีคนใหญ่คนโตแต่ละเผ่าเข้ามาพูดคุยไม่น้อย


สาเหตุก็ง่ายมาก แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเป็นสำนักโบราณแห่งหนึ่ง มีประวัติศาสตร์ยาวนาน แม้แต่ชนพื้นเมืองที่มีอิทธิพลในทะเลกลืนวิญญาณเหล่านี้ ก็ล้วนรู้ดีถึงความแข็งแกร่งของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ


“ข้าได้ยินมาว่าเผ่าสิงห์โลหิตของพวกท่านได้แผนภาพลึกลับแผ่นหนึ่งมา ในนั้นบันทึกความลึกลับของสถานที่แห่งวาสนาแห่งหนึ่งในแดนลับอสูรมารอริยะ ดูเหมือนว่าในการแย่งชิงครั้งนี้ เผ่าสิงห์โลหิตของพวกท่านจะได้เปรียบอย่างมาก”


คนใหญ่คนโตผู้หนึ่งทอดถอนใจ


“นี่ก็ไม่ใช่เรื่องต้องปกติดอะไร หากการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ไม่มีผิดพลาด คนโดดเด่นรุ่นเยาว์ในเผ่าข้าคงจะได้รับศุภโชคไม่น้อย”


สีหน้าของผู้ยิ่งใหญ่เผ่าสิงห์โลหิตเรียบเฉย เจือรอยยิ้มบางๆ และมีความย่ามใจที่ปิดไม่อยู่


ได้ยินดังนี้เหล่าผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นรอบๆ บริเวณต่างมีสีหน้าแปลกประหลาด มีความอิจฉาไม่มากก็น้อย


เพราะพวกเขาต่างได้ยินมาว่า เผ่าสิงห์โลหิตได้แผนภาพลึกลับแผ่นหนึ่งมา ซึ่งเกี่ยวข้องกับสถานที่แห่งมหาโชคแห่งหนึ่งในแดนลับอสูรมารอริยะ


“เป็นเกาะอริยะปัญจธาตุหรือ ได้ยินว่าที่แห่งนั้นยังเป็น ‘สวนโอสถ’ ที่อสูรมารอริยะบรรพกาลท่านนั้นปลูกเองกับมือ มีโอสถเทพที่แท้จริง”


ผู้เฒ่าเกาหยางเอ่ยปาก ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ สั่นเทิ้มไปทั้งตัว ตกตะลึงไม่น้อย สวนโอสถของอสูรมารอริยะบรรพกาลหรือ


โอสถเทพที่แท้จริง?


ทันใดนั้นสายตาที่พวกเขามองผู้ยิ่งใหญ่เผ่าสิงห์โลหิตคนนั้นพลันเปลี่ยนไป ทั้งยังแฝงความริษยา ศุภโชคที่ยิ่งใหญ่ล้นฟ้าเช่นนี้อาจจะถูกเผ่าสิงห์โลหิตยึดไป ใครจะยังสงบได้


ผู้ยิ่งใหญ่เผ่าสิงห์โลหิตยิ้มบางๆ โดยไม่ได้พูดอะไร ความจริงในใจกำลังได้ใจอย่างที่สุด


และตอนนั้นเอง แท่นบูชาแท่นหนึ่งตรงหน้าเขาพลันส่องแสง เกิดคลื่นแปลกประหลาดกลางอากาศ


นั่นคือแท่นบูชาวิญญาณ เมื่อคนในเผ่าที่มียันต์กระดูกวิญญาณประสบเคราะห์ร้าย จิตวิญญาณจะถูกเคลื่อนย้ายกลับมาและปรากฏตัวบนแท่นบูชา


แววตาของผู้ยิ่งใหญ่กลุ่มนั้นแปลกไปทันที


พลันเห็นว่าบนแท่นบูชามีเงาจิตวิญญาณมากมายปรากฏขึ้น ที่น่าตะลึงคือเป็นผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์ของเผ่าสิงห์โลหิตทั้งสิ้น


เพียงแต่ยามนี้สภาพของพวกเขาย่ำแย่มาก เหลือเพียงจิตวิญญาณเสี้ยวหนึ่ง


ผู้ยิ่งใหญ่เผ่าสิงห์โลหิตคนนั้นตกตะลึง ร้องเสียงหลง “เกิดอะไรขึ้น”


“ผู้อาวุโส พวกเรา…พวกเราถูกรังแกอนาถนัก!” มีคนร้องไห้ระบาย นั่นคือสือจวิ้น เพียงแต่ตอนนี้เขาเหลือแค่วิญญาณแล้ว


“เจ้า…เจ้าว่าอะไรนะ” ความได้ใจของผู้อาวุโสเผ่าสิงห์โลหิตหายไปตั้งนานแล้ว สีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน กระชากคอสือจวิ้น


“ผู้อาวุโส พวกเราถูกเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนหนึ่งทำร้าย มารดามันเถอะ เป็นแค่เจ้าคนระดับมหาสมุทรวิญญาณเท่านั้น กลับ…กลับฆ่าคนในเผ่าของเราเกือบหมด!” สือจวิ้นขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน โศกเศร้าอย่างหนัก แค้นจนคลั่ง


“เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์? ระดับมหาสมุทรวิญญาณ?”


ผู้ยิ่งใหญ่เผ่าสิงห์โลหิตรู้สึกงุนงงอยู่บ้าง แทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง เขาตะเบ็งเสียงอย่างเดือดดาล “พูดให้รู้เรื่อง!”


“ผู้อาวุโส นี่เป็นความจริง พวกเราเพิ่งเข้ามาในเกาะอริยะปัญจธาตุ เดิมคิดว่า…” สือจวิ้นเล่าความเป็นมาของเรื่องทั้งหมดอย่างรวดเร็วพร้อมสีหน้าเศร้าตรม


ฟังถึงตรงนี้ สีหน้าของคนใหญ่คนโตในเผ่าอื่นๆ ยิ่งแปลกประหลาด หลายคนเริ่มมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น


ส่วนผู้อาวุโสเผ่าสิงห์โลหิตกลับหน้าเขียวคล้ำ ไม่อาจทำใจเชื่อ “เป็นไปไม่ได้ ระดับมหาสมุทรวิญญาณเท่านั้น จะสู้กับพวกเจ้าได้อย่างไร เป้าหยาล่ะ เขาเป็นผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงไม่ใช่หรือ จะแพ้แมลงตัวเล็กเท่านี้ได้อย่างไร”


“ผู้อาวุโส นี่คือเรื่องจริง”


เป้าหยาปรากฏตัวทันที น้ำเสียงขมขื่น สภาพจิตวิญญาณของเขายิ่งน่าอนาถ ใกล้จะพังทลายแล้ว เหลือเพียงแค่เศษเสี้ยว นี่คือผลลัพธ์จากการถูกหนอนกินเทพทำร้าย


เห็นสภาพเช่นนี้ของเขา ผู้อาวุโสเผ่าสิงห์โลหิตพลันเบิกตาโพลงอย่างควบคุมไม่อยู่ ระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงเชียวนะ! ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณอีกหรือ


“พวกเราประมาทเกินไป คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นบุคคลพลิกฟ้าในหมู่คนรุ่นเยาว์ ดูเหมือนอายุยังไม่ถึงยี่สิบปีเท่านั้น พลังต่อสู้กลับน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด คนของพวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ถูกเขาสังหารไปทีละคน…”


เสียงของเป้าหยางเต็มไปด้วยความหดหู่และชิงชัง


ตอนนี้แท่นบูชาวิญญาณนั่นเกิดคลื่นขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ส่งจิตวิญญาณมาดวงแล้วดวงเหล่า ทั้งหมดล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งของเผ่าสิงห์โลหิต


ผู้ที่มียันต์กระดูกวิญญาณล้วนเป็นหนุ่มสาวชั้นยอดที่โดดเด่นของเผ่าสิงห์โลหิต! แต่ตอนนี้กลับถูกสังหารอย่างง่ายดาย จิตวิญญาณถูกเคลื่อนย้ายกลับมาอย่างน่าอนาถ


ชั่วขณะหนึ่งบรรยากาศพลันเงียบเชียบ


ผู้ยิ่งใหญ่จากเผ่าต่างๆ ไม่มีกะจิตกะใจหัวเราะเยาะแล้ว แต่ละคนแอบตะลึงและตระหนักได้ถึงความรุนแรงของปัญหา


เด็กหนุ่มที่มีพลังเพียงระดับมหาสมุทรวิญญาณ กลับน่ากลัวถึงเพียงนี้ สังหารจนคนหนุ่มสาวเผ่าสิงห์โลหิตเลือดไหลเป็นสายน้ำ ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจเกินไปแล้ว


เด็กหนุ่มนี้เป็นใครกันแน่


สีหน้าของผู้อาวุโสเผ่าสิงห์โลหิตอึมครึมถึงขีดสุด ก่อนหน้านี้เขายังได้ใจ คิดว่าคนในเผ่าของตนจะต้องชิงมหาศุภโชคมาได้แน่ แต่ใครจะคิดว่า เพียงพริบตาเท่านั้นกลับมีจุดจบเป็นโศกนาฏกรรมเช่นนี้!


นี่ทำให้เขาแทบโกรธจนระเบิด


………………


ตอนที่ 557 ลิงเฒ่าผู้เฝ้าสวนโอสถ

โดย

ProjectZyphon

“หลินหลางล่ะ?”


ผู้อาวุโสเผ่าสิงห์โลหิตถามอย่างไม่จำยอม


“ธิดาเทพหลินหลางขึ้นภูเขาเทพม่วงอำพัน ไปช่วงชิงมหาศุภโชคในตำหนักหลังนั้นก่อนเกิดการต่อสู้ขอรับ”


เป้าหยาตอบ ก่อนจะพูดอย่างลังเลว่า “แต่สถานการณ์ก็แย่มาก ทางออกของเกาะอริยะปัญจธาตุถูกกำลังคนของเผ่าวาฬมังกรปิดล้อมไว้หมดแล้ว…”


แย่แล้ว!


ผู้อาวุโสเผ่าสิงห์โลหิตเหม่อลอยไปชั่วขณะ นั่นล้วนเป็นคนรุ่นหลังที่โดดเด่นที่สุดในเผ่าของพวกเขา จู่ๆ ก็ล้มไปมากขนาดนั้น แม้แต่หลินหลางยังถูกล้อมเอาไว้!


ผลกระทบนี้รุนแรงมากเกินไปแล้ว ครั้งนี้เกรงว่าไม่เพียงไม่ได้รับศุภโชค แต่ยังจะเสียอัจฉริยะไปกลุ่มหนึ่ง!


ผู้ยิ่งใหญ่แต่ละเผ่าที่อยู่บริเวณนั้นในใจต่างตื่นตระหนก สายตาจำนวนไม่น้อยหันมองผู้เฒ่าเกาหยาง


เพราะบรรดากำลังคนของแต่ละฝ่ายที่เข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะในครั้งนี้ มีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเท่านั้นที่เป็นตัวแทนของเผ่ามนุษย์


เด็กหนุ่มที่ฆ่าผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตจนเลือดกลายเป็นสายน้ำ เกรงว่าจะมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ!


แต่ผู้เฒ่าเกาหยางเองก็อึ้งงันอยู่บ้าง เขาคิดให้หัวแตกก็คิดไม่ออกว่าใครเป็นคนทำ ต้องรู้ว่าในบรรดาศิษย์ที่เข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะครั้งนี้ มีเพียงอวิ๋นเช่อเท่านั้นที่มีพลังปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณ คนอื่นๆ ล้วนบรรลุสู่ระดับหยั่งสัจจะนานแล้ว


แต่เท่าที่ผู้เฒ่าเกาหยางรู้ มหามรรคปลิดชีพที่อวิ๋นเช่อครอบครอง แม้จะเผด็จการและน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ถ้าอยากฆ่าผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงอย่างเป้าหยานั้น ไม่มีทางทำได้เด็ดขาด!


นอกเสียจากว่าพวกเซียวหรันมาช่วย


แต่ข่าวที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ นั่นเป็นฝีมือของเด็กหนุ่มเพียงคนเดียว!


เรื่องนี้ทำให้ผู้เฒ่าเกาหยางคิดไม่ตกว่าเป็นใครกันแน่


“สหายยุทธ์ แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณของพวกเจ้าฝีมือดีมาก!”


ผู้อาวุโสเผ่าสิงห์โลหิตพูดอย่างอึมครึมน่ากลัว สายตามีแววเคียดแค้น มองไปทางผู้เฒ่าเกาหยาง


“นี่เป็นเรื่องปกติในการต่อสู้ การช่วงชิงวาสนาจะไม่มีผู้แพ้ได้อย่างไร”


แม้ว่าจะมีข้อสงสัยในใจ แต่ท่าทีของผู้เฒ่าเกาหยางกลับไม่อ่อนแอ เอ่ยปากเสียงเรียบ


“ข้าเพียงอยากรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใคร”


ผู้อาวุโสเผ่าสิงห์โลหิตพูดเสียงขรึม


ผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ก็ฉงนใจ ผลการต่อสู้ของเด็กหนุ่มคนนั้นพลิกฟ้ามาก สามารถกวาดล้างผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์เผ่าสิงห์โลหิตได้เพียงลำพัง ทำให้พวกเขาไม่อาจมองข้ามได้


“ไม่สามารถบอกอะไรได้”


คำตอบของผู้เฒ่าเกาหยางเรียบง่ายมาก และเผด็จการยิ่ง ไม่กลัวคำข่มขู่เลยสักนิด


แม้ในใจผู้อาวุโสเผ่าสิงห์โลหิตจะไม่จำยอม แต่ก็รู้ว่าจะแตกหักกับแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณตอนนี้ไม่ได้ จึงทำได้เพียงอดทนไปก่อน


เขาเชื่อว่าขอเพียงแค่เด็กหนุ่มคนนั้นยังอยู่ในแดนลับอสูรมารอริยะ ช้าเร็วก็ต้องได้รู้ว่าเขาเป็นใคร!


ผู้ยิ่งใหญ่เผ่าอื่นๆ ก็คิดเช่นนั้น อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรคนหนึ่งกลับพลิกฟ้าได้ขนาดนี้ ราวกับเทพมารก็ไม่ปาน ใครจะกล้าเพิกเฉยเล่า


ข่าวที่เกิดขึ้นทางนี้ไม่นานก็แพร่สะบัดไปทั่วทุกสารทิศ ถูกผู้ยิ่งใหญ่เผ่าอื่นๆ รับรู้ และคำวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับ ‘เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์’ คนนี้ก็กลายเป็นประเด็นร้อนไปชั่วขณะ


……


ริมทะเลสาบหินหนืด


“บุตรเทพ สถานการณ์ไม่เข้าทีอยู่บ้าง เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นแข็งแกร่งเพียงนี้ ถ้ารอให้หลินหลางหวนกลับมา เกรงว่าจะถูกเขาช่วงชิงวาสนาที่หลินหลางได้มา”


ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรคนหนึ่งขมวดคิ้ว ดูกังวลเล็กน้อย


“แย่งไปแล้วอย่างไร ขอเพียงพวกเราคุมทางเข้าออกเกาะอริยะปัญจธาตุเอาไว้ อย่างมากเราก็แค่ฆ่าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนี้ซะ แล้วชิงวาสนามาอีกครั้ง”


อวี่เซียวเซิงพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย รูปลักษณ์ของเขาดูกล้าหาญ ทรงพลังกดดันผู้คน มีจิตใจห้าวหาญเหยียดหยันเสมือนดั่งเป็นผู้นำแห่งคนรุ่นเยาว์


“ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงอย่างหลินหลางไม่ได้ฆ่าง่ายขนาดนั้น แม้เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นจะแข็งแกร่ง แต่ถ้าเจอหลินหลางก็ไม่ได้มีโอกาสชนะมากเท่าไร”


อวี่เซียวเซิงมีต้นทุนพอจะพูดเช่นนี้ เพราะเขาเคยประมือกับหลินหลางมาแล้ว เข้าใจความแข็งแกร่งของผู้หญิงคนนี้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในมือนางยังมีสมบัติลับชิ้นหนึ่ง ยิ่งน่าหวั่นหวาด


ตอนที่ชิงต้นกล้ารุกขทรัพย์วิญญาณทอง แม้แต่อวี่เซียวเซิงเองยังเกือบจะเสียท่าให้สมบัติลับชิ้นนั้นแล้ว!


“รอเถอะ พวกเราเพียงเฝ้ารออยู่ที่นี่ ก็สามารถช่วงชิงวาสนาครั้งใหญ่นี้มาไว้ในมือได้แล้ว”


อวี่เซียวเซิงหัวเราะเบาๆ เผยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและดูถูก


สถานการณ์ตอนนี้ละเอียดอ่อนนัก กลายเป็นสถานการณ์ที่ ‘ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง[1]’


ธิดาเทพหลินหลางที่ออกไปเสาะหาวาสนาในภูเขาเทพม่วงอำพันก็เหมือน ‘จักจั่น’ ตัวนั้น ในขณะที่หลินสวินที่อยู่ตีนเขาเป็น ‘ตั๊กแตน’


ส่วนอวี่เซียวเซิงมองว่าตนเป็น ‘นกขมิ้น’ ไม่ว่า ‘ตั๊กแตน’ จะได้กิน ‘จักจั่น’ หรือไม่ ‘นกขมิ้น’ อย่างเขาก็จะไม่ปล่อยไว้แม้แต่คนเดียว!


……


ท่ามกลางเวลาที่ผ่านเลยไป คิ้วของหลินสวินค่อยๆ ขมวดขึ้น


ผนึกต้องห้ามที่ปกคุลมอยู่บนสวนโอสถ เขาอ่านออกหมดแล้ว แต่กลับไม่สามารถคลี่คลายมันได้


สาเหตุง่ายมาก พลังของผนึกต้องห้ามยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งเกินไป มีพลังมหามรรคอันยากจะคาดเดา ศักดิ์สิทธิ์น่าสะพรึง ผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณอย่างเขาสลายไม่ได้แน่


แม้อยากตามหาทางรอดสักทางยังไม่มี!


ผนึกต้องห้ามเช่นนี้จะต้องเป็นฝีมือของผู้ยิ่งใหญ่สะเทือนโลกอย่างไม่ต้องสงสัย พลังน่าสะพรึงกลัวมาก


หรือจะยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้?


หลินสวินไม่จำยอมอยู่บ้าง


ไม่ว่าจะเป็นหญ้ากิเลนหรือโสมราชันโคมสมบัติ หรือโอสถวิญญาณอื่นๆ ถอนมาเพียงต้นเดียว ก็ใช้ประโยชน์ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว มูลค่ามหาศาล!


จะให้หลินสวินยอมแพ้ได้อย่างไร


เขาเงยหน้าขึ้นมองบนภูเขาเทพม่วงอำพัน เงาร่างของธิดาเทพหลินหลางและกลุ่มผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตหายไปจากตรงนั้นตั้งนานแล้ว ลึกลับเงียบเชียบ ไม่มีเสียงดังแว่วมาเลย


ส่วนบริเวณริมฝั่งทะเลสาบหินหนืด เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรเบิกตาจับจ้อง ทำให้หลินสวินอดรู้สึกระแวงไม่ได้


เมื่อครู่นี้เขาได้ยินแล้วว่ารุกขทรัพย์วิญญาณทองที่พบก่อนหน้านี้ ถูกบุตรเทพอวี่เซียวเซิงแห่งเผ่าวาฬมังกรช่วงชิงไป


ดังนั้นหลินสวินไม่ต้องคิดก็รู้ว่า ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรกลุ่มนี้คิดจะรออยู่ที่นี่ เฝ้าทางเข้าออกรอชิงวาสนา


โชคดีที่อย่างน้อยหลบอยู่บนเกาะกลางทะเลสาบก็ยังถือว่าปลอดภัย


หลินสวินลูบคาง จ้องสวนโอสถพลางครุ่นคิด


ครู่หนึ่งหลังจากนั้น จู่ๆ เขาพลันงัดเจดีย์สมบัติไร้อักษรออกมา แสงมรรคทองนิลกาฬสาดประกายออกมา ม้วนตัวเข้าหาหาหญ้ากิเลนต้นหนึ่งในสวนโอสถ


ในขณะเดียวกันเขาก็แอบรวบรวมกำลัง เตรียมพร้อมหลบหนี


อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้มีผู้ฝึกปราณคนหนึ่งใช้พลังคว้าโอสถวิญญาณกลางอากาศ สุดท้ายยังไม่ทันได้เข้าใกล้ก็ถูกฝนแสงสังหาร กลายเป็นเลือดกองหนึ่ง


หืม?


สิ่งที่ทำให้หลินสวินดีใจคือ แสงมรรคทองนิลกาฬกวาดออกไป แต่กลับไม่ได้รบกวนพลังผนึกต้องห้ามในสวนโอสถ ม้วนเก็บหญ้ากิเลนต้นนั้นได้อย่างราบรื่น แม้แต่ดินสีเพลิงบริเวณรากก็ถูกขุดออกมาด้วย!


สวบ!


หญ้ากิเลนถูกม้วนออกมา ทันใดนั้นพลันมีฝนแสงสีสันสลับไปมาล่องลอยกลางอากาศ แสงศักดิ์สิทธิ์พลิ้วไหว ราวกับมีภาพมายาของกิเลนตัวหนึ่งปรากฏขึ้น คำรามท่ามกลางลมเมฆ เผยปรากฏการณ์ประหลาดสะเทือนโลกา!


“นั่นมัน…หญ้ากิเลนหรือ?!”


“โอสถสมบัติไร้เทียมทาน!”


ริมฝั่งทะเลสาบหินหนืด เสียงร้องตกใจดังขึ้น จากตรงนี้ถึงเกาะกลางทะเลสาบระยะทางเพียงแค่ร้อยจั้ง ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรสามารถมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน


พวกเขาตาวาวขึ้นมาทันที ลมหายใจหอบถี่ ละโมบอย่างมาก


แม้แต่บุตรเทพอวี่เซียวเซิงยังหัวใจกระเพื่อมไหวรุนแรง นัยน์ตาเผยความแปลกประหลาด


ทว่าเพียงครู่เดียวเท่านั้นปรากฏการณ์ประหลาดนั่นก็หายไป เพราะหญ้ากิเลนพร้อมทั้งดินนั่นถูกสยบไว้ภายในเจดีย์สมบัติไร้อักษร


ตอนนี้หลินสวินยิ่งตื่นเต้น ไม่คิดเลยว่าแสงมรรคทองนิลกาฬจะมหัศจรรย์เช่นนี้ แม้แต่พลังผนึกต้องห้ามเหล่านั้นยังสามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย


ซวา!


หลินสวินปล่อยแสงมรรคทองนิลกาฬออกไปอีกครั้งอย่างไม่ลังเล ยื่นเข้าไปในสวนโอสถราวกับตกปลา ม้วนพันโสมราชันโคมสมบัติต้นนั้นเอาไว้


สวบ~


ตอนที่โสมราชันโคมสมบัติถูกเอาออกมาสำเร็จ กลางอากาศเหมือนดั่งจุดโคมไฟมากมาย ราวกับดวงอาทิตย์เล็กๆ เปล่งแสงเจิดจรัส ฝนแสงแผ่กระจาย ส่งกลิ่นโอสถหอมเย็นที่ชวนให้จิตวิญญาณเคลิ้มตาม!


“โสมราชัน…โสมราชันโคมสมบัติหรือ”


บนฝั่งทะเลสาบมีคนร้องอย่างตะลึง


“สวรรค์! มีผลทั้งหมดสิบแปดผล นั่นก็หมายความว่ามันมีฤทธิ์โอสถถึงหนึ่งหมื่นแปดฟันปีมิใช่หรือ”


และมีคนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก สีหน้าคลั่งไคล้


“นั่นจะต้องเป็นสวนโอสถที่อริยะปลูกไว้อย่างแน่นอน มีโอสถสมบัติโบราณไร้เทียมทานจากบรรพกาล!”


มีคนร้องตะโกน เช็ดหมัดถูมือ อยากจะพุ่งขึ้นไปเสียเดี๋ยวนี้ ตักตวงให้สาสม


ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างไม่คิดว่า สวนโอสถแห่งเดียวจะมีโอสถวิญญาณอะไร จนกระทั่งโอสถวิญญาณสองต้นนั้นปรากฏขึ้น ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงทันที ตระหนักได้ว่าสวนโอสถในเกาะกลางทะเลสาบนั่นมีศุภโชคซ่อนอยู่!


พวกเขาหายใจหอบแรง อิจฉาตาร้อนไม่สามารถสงบจิตใจลงได้ หากไม่ใช่เพราะเกรงกลัวพลังผนึกต้องห้ามบนทางเดิน พวกเขาคงพุ่งไปตั้งนานแล้ว


“รีบอะไร สุดท้ายทุกอย่างก็ต้องตกอยู่ในมือพวกเราอยู่ดี”


อวี่เซียวเซิงขมวดคิ้วต่อว่า ความจริงในใจเขาก็ตื่นเต้นไม่หยุดเช่นกัน โอสถสมบัติระดับนั้น เพียงต้นเดียวก็เรียกได้ว่ามูลค่ามหาศาล ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ครอบครอง


แต่ตอนนี้โอสถสมบัติระดับนี้กลับปรากฏอยู่ในสวนโอสถผืนเดียว น่าทึ่งเกินไปแล้ว ใครก็ยากจะไม่ถูกดึงดูด


ด้านหลินสวิน ได้โสมราชันโคมสมบัติต้นหนึ่งมาครองก็ยิ่งดีใจ ถลกแขนเสื้อขึ้นเตรียมจะเก็บต่อให้เกลี้ยง ถ้าสามารถขนดินในสวนโอสถนั่นไปด้วยได้จะดีที่สุด


สามารถหล่อเลี้ยงโอสถสมบัติไร้เทียมทานมากมายเพียงนี้ได้ แค่คิดก็รู้ว่าที่มาของดินนี้ไม่ธรรมดา ถ้าเอาไปด้วยได้ ต่อไปก็สามารถทดลองปลูกโอสถวิญญาณบางอย่างเองได้


ทว่าพอหลินสวินจะลงมืออีกครั้ง พลันมีเสียงถอนหายใจดังขึ้น…


“สหายน้อย โปรดหยุดแค่พอควร”


พร้อมกับเสียงนั้น ลิงเฒ่าตัวหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นในสวนโอสถ ขนสีเทาขาว สายตาแฝงประสบการณ์อันโชกโชน ถือไม้เท้าเขียว ดูชราภาพไม่กระฉับกระเฉง


หลินสวินตกใจ แทบไม่กล้าเชื่อ ใครจะคิดว่าภายในสวนโอสถจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่


“ที่นี่เป็นที่ที่เจ้านายของข้าเก็บไว้ให้ลูกหลาน แม้ตอนนี้คุณชายน้อยของข้ายังไม่เคยปรากฏตัว แต่ในอนาคตกลับต้องการโอสถวิญญาณเหล่านี้เพิ่มความมั่นคงให้มรรควิถี” ลิงเฒ่าพูดด้วยเสียงทุ้มลึก


เขาไม่ได้เผยไอสังหาร ลักษณะท่าทางดูผ่านโลกมาอย่างโชกโชน แต่หลินสวินกลับไม่กล้าดูถูก ลิงเฒ่าตัวนี้ดูเหมือนจะธรรมดา แต่กลับให้ความรู้สึกลึกลับเกินคาดเดา


“ไม่ทราบว่าเจ้านายของท่านคือ?” หลินสวินพลันถามขึ้น


ลิงเฒ่าส่ายหน้า “นามเจ้านายเป็นสิ่งต้องห้าม สิ่งที่บอกเจ้าได้คือ พื้นที่แถบนี้เป็นที่ที่เจ้านายสร้างขึ้นเองกับมือ หาใช่สถานที่แห่งวาสนาที่เก็บไว้ให้คนนอก แต่เป็นอาศรมฝึกปราณที่เตรียมเอาไว้ให้ลูกหลานของเจ้านาย”


หลินสวินยิ่งรู้สึกตกใจเข้าไปใหญ่ เกาะอริยะปัญจธาตุเป็นสถานที่ที่เจ้านายของลิงเฒ่าตัวนี้เตรียมไว้ให้ลูกหลานของเขาโดยเฉพาะหรือ?


นี่มันน่าสะเทือนใจเกินไปแล้ว!


“ถ้าอย่างนั้นเจ้านายของผู้อาวุโสคืออสูรมารอริยะในตำนานผู้นั้นงั้นหรือ” หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยถาม


“ไม่ใช่”


คำตอบของลิงเฒ่าทำให้หลินสวินอึ้งค้างอยู่กับที่ทันที ผู้ที่สามารถสร้างสถานที่ต้องห้ามอันมหัศจรรย์ระดับเกาะอริยะปัญจธาตุได้ กลับไม่ใช่อสูรมารอริยะบรรพกาลในตำนานงั้นหรือ


แล้วจะเป็นใคร


ทันใดนั้นหลินสวินพลันสังเกตเห็นว่า พวกเขาทุกคนเหมือนจะเข้าใจผิดแล้ว


ดูเหมือนว่าแดนลับอสูรมารอริยะแห่งนี้ ไม่ได้สร้างขึ้นโดยอสูรมารอริยะบรรพกาลเพียงคนเดียวเท่านั้น!


——


[1] ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ข้างหลัง ใช้เปรียบเปรยถึงผู้ที่ไร้วิสัยทัศน์ เล็งผลระยะสั้นโดยไม่ระวังว่าจะมีผลร้ายในระยะยาวรออยู่ นอกจากนี้ยังใช้กระทบกระเทียบผู้ที่เอาแต่จ้องจะคิดบัญชีกับผู้อื่น โดยลืมไปว่าตนเองก็อาจกำลังถูกผู้อื่นจ้องจะคิดบัญชีเช่นกัน


ตอนที่ 558 แท่นมรรคหล่อเลี้ยงหินหยก คัมภีร์โบราณแผ่แสงทองทะยาน

โดย

ProjectZyphon

ในขณะที่หลินสวินกำลังตกใจ ลิงเฒ่าพลันชำเลืองมองเจดีย์สมบัติไร้อักษรในมือเขาปราดหนึ่งแล้วกล่าวว่า “สหายน้อย หากไม่ใช่เพราะเจดีย์นั่น เจ้าคงประสบเคราะห์ไปตั้งนานแล้ว โปรดเคารพตัวเองด้วย”


พูดจบเงาร่างของลิงเฒ่าก็กลายเป็นฝนแสงแถบหนึ่ง ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย


สิ่งที่หายไปพร้อมกับเขายังมีโอสถสมบัติไร้เทียมทานสิบกว่าต้นในสวนโอสถ มีเพียงผนึกต้องห้ามที่ยังอยู่!


หลินสวินเย็นวาบไปทั้งตัว คำพูดของลิงเฒ่าหมายความว่าอย่างไร


หรือว่าเป็นเพราะเจดีย์สมบัติไร้อักษร ทำให้ลิงเฒ่าไม่ลงมือกับตน?


หลินสวินจมสู่ห้วงความคิด


ความเป็นมาของเกาะอริยะปัญจธาตุลึกลับมาก เป็นอาศรมฝึกปราณที่ผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งเก็บไว้ให้ลูกหลานของเขา หาใช่สถานที่แห่งวาสนาในสายตาคนนอกไม่


ส่วนลิงเฒ่านั่น เห็นได้ชัดว่าเป็นข้ารับใช้ที่เฝ้าที่นี่ ความสามารถลึกลับไม่อาจคาดเดา


เพียงแต่สิ่งที่หลินสวินสงสัยคือ หากลิงเฒ่าตัวนี้เป็นผู้แข็งแกร่งในยุคบรรพกาล เหตุใดจึงยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้


แล้ว ‘คุณชายน้อย’ ที่ลิงเฒ่าพูดถึงเป็นใครกัน


สายตาของหลินสวินมองไปบนภูเขาเทพม่วงอำพัน ที่นั่นมีตำหนักเก่าแก่เขียวขจีตั้งตระหง่านอยู่ ภายนอกมีรอยดำจากการถูกฟ้าผ่า


สุดท้ายหลินสวินก้าวเท้าออกไป ตัดสินใจจะไปสำรวจตำหนักบนยอดเขานั่น


บางทีไปที่นั่น อาจจะได้รู้ว่าผู้ยิ่งใหญ่ที่สร้างเกาะอริยะปัญจธาตุแห่งนี้เป็นใคร และจะได้รู้ว่า ที่แห่งนี้มีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่!


……


“เอ๊ะ เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นเริ่มขึ้นเขาแล้ว!”


บนฝั่งทะเลสาบหินหนืด พลันมีคนส่งเสียงเพราะรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของหลินสวิน


“เขารอจะไปช่วงชิงวาสนากับหลินหลางไม่ไหวแล้วหรือ”


ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรส่วนใหญ่เดาเช่นนี้


ก่อนหน้านี้พวกเขามองไม่เห็นว่าหลินสวินพบกับลิงเฒ่า จึงไม่รู้จุดประสงค์ที่จู่ๆ หลินสวินก็จะขึ้นเขา


“บุตรเทพ สถานการณ์ดูเหมือนจะผิดปกตินิดหน่อย พวกเราก็เริ่มเคลื่อนไหวดีหรือไม่”


มีคนเสนอ


จิตใจของอวี่เซียวเซิงเริ่มคาดเดาไม่ค่อยออกแล้ว


แต่สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้าปฏิเสธ “ที่แห่งนี้ผนึกต้องห้ามหนาแน่ เต็มไปด้วยไอสังหาร เข้าไปแล้วจะมีภัยพิบัติที่คิดไม่ถึงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เรารออยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว”


เขาไม่ได้ขี้ขลาด แต่คอยประเมินมองอยู่ตลอด และมั่นใจในความน่าสะพรึงกลัวของที่แห่งนี้ตั้งนานแล้ว หากไม่มีใครชิงเข้าไปก่อน บางทีเขาก็อาจจะเสี่ยงเข้าไปสำรวจ


แต่ตอนนี้ธิดาเทพหลิงหลานเผ่าสิงห์โลหิตกับเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นต่างชิงลงมือไปก่อนแล้ว เท่ากับว่ายึดโอกาสแรกไป ไปตอนนี้มีผลเสียมากกว่าผลดีอย่างชัดเจน จะเกิดอันตรายขึ้นมากมาย


“ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม ปิดล้อมสถานที่แห่งนี้ให้หมด รอพวกเขาออกมาก็จะโจมตีทันที!”


อวี่เซียวเซิงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วออกคำสัง ไอสังหารน่าตกใจ


……


ไอทองม่วงแผ่กระจาย ศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์และลึกลับ ภูเขาลูกนั้นตั้งตระหง่านอยู่บนเกาะกลางทะเลสาบ พุ่งสูงขึ้นฟ้า ทรงพลังอย่างที่สุด


ระหว่างทางไม่ได้มีคลื่นผนึกต้องห้ามแต่อย่างไร ทำให้ไม่นานหลินสวินก็มาถึงหน้าตำหนักเขียวขจีบนยอดเขา


ตำหนักหลังนั้นเก่าแก่และกว้างใหญ่ สร้างด้วยไม้สีเขียวทั้งหมด แม้ผ่านการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา แต่กลับไม่เคยถูกกัดเซาะ ยังคงแผ่กระจายท่วงทำนองมรรคอันยากจะอธิบายอยู่ทุกแห่งหน


เพียงแต่ตำหนักนี้ไม่ได้สมบูรณ์ มีหลายที่เป็นสีไหม้เกรียมราวกับเคยถูกฟ้าผ่า เต็มไปด้วยกลิ่นอายการทำลายล้างที่ไม่อาจเสื่อมคลายไปตามกาลเวลา


หลินสวินมองอย่างละเอียด บนไม้ที่สร้างตำหนักนี้ เขียวชอุ่มราวกับหยก บนพื้นผิวกลับมีลวดลายตามธรรมชาติ ราวกับเป็นร่องรอยแห่งมหามรรค ถึงได้มีกลิ่นอายของท่วงทำนองมรรคแผ่ออกมา


ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น เพียงแค่ไม้ที่สร้างตำหนักหลังนี้ก็ถือเป็นสมบัติล้ำค่าหายากแล้ว!


ฉึบ!


หลินสวินเอากระบี่วิญญาณเล่มหนึ่งออกมาแล้วโจมตีไปที่เสาต้นหนึ่งข้างตำหนักกลางอากาศ หมายจะตัดไม้มาพินิจสักส่วน


ฟุ่บ!


พลันเห็นว่าบนพื้นผิวของเสานั่นมีสายฟ้าสีเขียวสายหนึ่งยิงออกมา เสียงเปรี๊ยะดังกังวาน ทำลายดาบวิญญาณจนแหลกละเอียดไม่เห็นร่องรอย ไม่เหลือแม้แต่ซาก


หลินสวินสูดหายใจเย็นเยียบ ในใจแอบนึกกลัว เมื่อครู่นี้หากลงมือด้วยตัวเอง จะต้องถูกสายฟ้าสีเขียวนั่นสังหารอย่างไร้ปรานีแน่!


นี่มันไม้อะไรกัน ถึงกับมีพลังสายฟ้าสีเขียวด้วย


หลินสวินยิ่งรับรู้ได้ถึงความไม่ธรรมดาของที่แห่งนี้


เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ โคจรพลังปราณแล้วเดินเข้าไปในตำหนักอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย


ภายในตำหนักว่างเปล่า เต็มไปด้วยหมอก ลึกลับและเงียบสงบ


ผนังทั้งสี่ด้านแกะสลักด้วยลวดลายโบราณ น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่ไม่สมบูรณ์และเลือนรางไปแล้ว มีรอยด่างและพังทลายอย่างรุนแรง สามารถมองเห็นภาพทิวทัศน์จำพวกตะวันขึ้นจันทราจม ภาพการเซ่นไหว้ของบรรพบุรุษได้รางๆ เท่านั้น


ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจ


ไม่นานหลินสวินก็ถูกแท่นบูชาที่อยู่ด้านในสุดตำหนักดึงดูด แท่นบูชาหล่อขึ้นจากเหล็กทองแดงสีม่วง กำจายไอม่วง ศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่


หลินสวินเข้าไปใกล้ พลันเห็นว่าด้านล่างของแท่นบูชาทองแดงม่วงถึงกับมีทางเดินลงไปยังใต้ดิน!


ใต้ดินก็คือยอดเขาที่แผ่ไอทองม่วง ถัดลงไปคือเกาะกลางทะเลสาบ ใต้เกาะกลางทะเลสาบคือทะเลสาบหินหนืด


ตอนนี้หน้าแท่นบูชาโบราณอันลึกลับนี้ กลับมีทางเดินสู่ใต้ดินเปิดออก เช่นนั้นภายในมีอะไรซ่อนอยู่


หลินสวินยิ่งรู้สึกสงสัย การจัดวางของเกาะอริยะปัญจธาตุนี้ไม่ธรรมดาและลึกลับมากเกินไป ลักษณ์ปัญจธาตุ หล่อเลี้ยงสายฟ้า เต็มไปด้วยผนึกต้องห้ามโบราณอันยากจะจินตนาการ


ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การตกแต่งแน่นอน เห็นได้ชัดว่าเหมือนกำลังปกป้องและหล่อเลี้ยงบางอย่างอยู่


และของชิ้นนี้ เกรงว่าจะซ่อนอยู่ภายในภูเขาด้านล่างตำหนักนี้!


สุดท้ายหลินสวินกัดฟัน ตัดสินใจเข้าไปสำรวจภายใน


สวบ!


เพียงแต่หลินสวินเพิ่งเข้าไปใกล้ ตรงปากทางเข้าของทางเดินนั่นพลันมีธนูสีดำยิงออกมากะทันหันดุจสายฟ้า เหี้ยมโหดดุดัน


หลินสวินใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งหนีอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชักดาบหักออกมาโจมตี กวาดล้างไปยังปากทางเข้านั้น


ตูม!


บริเวณนั้นถูกประกายดาบอันเจิดจรัสดั่งดวงดาราโจมตี พลันได้ยินเสียงร้อง “แย่แล้ว เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นตามาสังหารแล้ว!”


นี่คือเสียงของผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิต!


หลินสวินเหยียดยิ้มมุมปากอย่างเย็นเยียบ นึกถึงธิดาเทพหลินหลางที่เข้ามาที่นี่ตั้งนานแล้ว และนึกถึงผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตที่ถูกล่าสังหารจนหนีมาที่นี่


พรึ่บ!


เงาร่างของหลินสวินไหววูบพุ่งเข้าไปในทางเดิน ก็เห็นบันไดหินลาดชันทอดยาวลงไปด้านล่าง ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด


เพียงพริบตาเท่านั้น หลินสวินก็มองเห็นเงาร่างของผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตคนหนึ่ง กำลังวิ่งลงด้านล่างอย่างบ้าคลั่ง


เห็นได้ชัดว่าเขารู้ถึงความแข็งแกร่งของหลินสวิน ไม่กล้าต่อสู้ จึงลงไปขอความช่วยเหลือ


หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ ทั่วร่างเปล่งแสง โคจรพลังปราณถึงขีดสุด แล้วใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งพุ่งลงข้างล่างราวกับภูตผีวิญญาณ


ฉึบ!


กลางทาง กระบองยาวทองอร่ามแท่งหนึ่งปรากฏ พุ่งกระแทกไปที่ศีรษะของหลินสวินด้วยพลังยิ่งใหญ่รุนแรง ห่อหุ้มด้วยแสงเจิดจ้า


หลินสวินราวกับมีญาณทิพย์ ดาบหักหมุนวนฟันกระบองยาวแท่งนั้นจนหัก จากนั้นเสียงฟุ่บหนึ่งดังขึ้น ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตที่ซ่อนตัวอยู่ข้างๆ ก็ถูกฟันจนสิ้นชีพ


หลินสวินไม่มองด้วยซ้ำ เดินต่อไปเบื้องล่างด้วยความเร็วที่ไม่ลดลงเลยสักนิด


ฟุ่บ!


ฟุ่บ!


ฟุ่บ!


ระหว่างทางหลังจากนั้นมีผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตที่ซ่อนตัวอยู่ออกมาโจมตีเป็นระยะ แต่ทั้งหมดก็ถูกหลินสวินสังหารอย่างเด็ดขาด ไม่มีใครสามารถรอดไปได้


ก่อนหน้านี้ไม่นานหลินสวินเคยเห็นกับตาว่าพวกเขาโหดเหี้ยมและเย็นชาเพียงใด บีบให้เหล่าผู้ฝึกปราณที่จับตัวมาไปตาย เป็นตัวเบี้ยใช้แล้วทิ้ง


ดังนั้นในสถานการณ์แบบนี้ แน่นอนว่าหลินสวินย่อมไม่ใจอ่อน


ไม่นานบันไดหินที่ทอดตรงลงไปด้านล่างก็หายไป ปรากฏตำหนักที่ตั้งอยู่ในภูเขาหลังหนึ่ง สาดแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้า สว่างไสวราวกับกลางวัน


“มาแล้ว เจ้าหมอนั่นมาแล้ว!”


“สารเลว ต้องหยุดเขาไว้!”


เสียงเอะอะดังขึ้นในตำหนัก พลันเห็นว่าผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตกลุ่มหนึ่งถืออาวุธตั้งท่าป้องกันอยู่ตรงนั้น ไม่หลบเลี่ยงและถอยหนีอีกต่อไป


เพียงแต่ตอนที่เห็นหลินสวินปรากฏตัว สีหน้าของพวกเขาต่างขาวซีดขึ้นมาเล็กน้อย สายตาอึมครึมเย็นเยียบ ความชิงชังโหมกระหน่ำ


วันนี้เดิมทีราบรื่นมาก แต่คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะถูกเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้ทำลาย สังหารพวกเขาจนแทบจะพ่ายแพ้ไม่เป็นท่า เสียหายอย่างหนักหน่วง


ในขณะเดียวกันพวกเขาก็นึกเสียใจ ถ้ารู้แต่แรกพวกเขาจะไม่จับเด็กหนุ่มคนนี้มาเป็นเบี้ยใช้งานอย่างแน่นอน


เสียดายที่มานึกเสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว


หลินสวินไม่ได้ลงมือทันทีที่มาถึง แต่พินิจพิเคราะห์ก่อน


ภายในตัวภูเขาถึงกับมีตำหนักหลังหนึ่ง ทั้งยังเต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สว่างไสว ดูลึกลับและงดงามมาก


มหาศุภโชคที่ว่าจะต้องซ่อนอยู่ที่นี่อย่างไม่ต้องสงสัย!


จากนั้นก็เห็นว่าในส่วนลึกของตำหนักมีแท่นมรรคเก่าแก่เรียบง่ายแท่นหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นที่สำหรับนั่งสมาธิฝึกปราณ แต่ตอนนี้บนแท่นนั้นกลับมีหินหยกยาวสี่ฉื่อชิ้นหนึ่งวางอยู่!


หินหยกเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งปัญจธาตุ งดงามมีสีสัน แปรเป็นฝนแสงล่องลอย สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าภายในหินหยกราวกับมีสิ่งมีชีวิตหนึ่งหลับใหลอยู่ ดูลึกลับอย่างที่สุด


แต่รอบๆ แท่นมรรคกลับมีโซ่มากมายไขว้กันไปมา รวมทั้งแท่นมรรคและหยกลึกลับนั่นก็ล้วนถูกโซ่นั่นปกคลุมไว้


สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือ โซ่เส้นนั้นราวกับหล่อจากเหล็กแท้มหามรรค แผ่คลื่นผนึกต้องห้ามอันน่าสะพรึงกลัวออกมา


ตอนนี้ตรงหน้าแท่นมรรคมีเงาร่างเพรียวนั่งขัดสมาธิหันหลังให้ทุกคน ผมนุ่มลื่นสีเลือดราวกับน้ำตก


เห็นได้ชัดว่านั่นคือธิดาเทพหลินหลาง!


เพียงแต่นางเหมือนไม่รับรู้เรื่องรอบตัว นั่งขัดสมาธิอยู่อย่างนั้น ระฆังสำริดสีเลือดลอยหยดอยู่เหนือศีรษะ ล้อมรอบด้วยกลิ่นอายอันแปลกประหลาด


ส่วนเบื้องหน้านาง กลับมีคัมภีร์ทองอร่ามราวกับหล่อขึ้นด้วยทองคำเล่มหนึ่ง!


สิ่งที่ทำให้หลินสวินตกใจที่สุดคือ คัมภีร์นั้นราวกับมีจิตวิญญาณ ดิ้นรนไม่หยุด ระเบิดฝนแสงลายมรรคเจิดจ้าแสบตา


แต่ด้วยคลื่นพลังอันคลุมเครือที่กระจายออกจากระฆังสำริดสีเลือด ทำให้การดิ้นรนของคัมภีร์เล่มนั้นถูกกำราบลงชั่วขณะ มันจึงไม่สามารถหลุดออกจากการควบคุมได้


ธิดาเทพหลินหลางกำลังใช้พลังของระฆังสำริดสีเลือด สยบและเก็บคัมภีร์ทองที่ราวกับมีจิตวิญญาณนั่นอย่างไม่ต้องสงสัย!


นัยน์ตาหลินสวินหดรัดลง คัมภีร์เล่มนี้จะต้องเป็นวาสนาไร้ที่เปรียบอย่างแน่นอน เป็นไปได้สูงมากว่าภายในจะมีความลับแห่งมรดกที่เจ้าของเกาะอริยะปัญจธาตุซ่อนเอาไว้!


ชิ้ง!


ดาบหักคำรามเสียงใส หลินสวินตัดสินใจจะลงมือ


“อย่าเข้ามา!” ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตเหล่านั้นตะเบ็งเสียง ภายนอกดูเข้มแข็ง แต่ภายในนั้นขี้ขลาดตาขาว เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังปกป้องธิดาเทพหลินหลาง


“ไสหัวไป!” มีหรือที่หลินสวินจะพูดมากอีก เงาร่างราวกับชือน้ำแข็ง แข็งกร้าวดุดัน พุ่งเข้าไปสังหาร


ตำหนักแห่งนี้เกิดการต่อสู้ขึ้น ดุเดือดอย่างที่สุด หลินสวินใช้พลังทั้งหมด ประดุจดั่งเทพมาร กดดันทำลายอย่างสิ้นเชิง


ชั่วขณะหนึ่งผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตแทบจะถูกสังหารอยู่ฝ่ายเดียว ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวในพลังต่อสู้ของหลินสวิน


เห็นว่าผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตกำลังจะถูกหลินสวินสังหารหมดแล้ว จู่ๆ เสียงอันเย็นเยียบไร้ที่เปรียบพลันดังขึ้น “สหายยุทธ์ เจ้าคิดจะฆ่าให้สิ้น ขัดแย้งกับเผ่าสิงห์โลหิตของข้าหรือ”


ตอนที่ 559 ชิงคัมภีร์มรรค

โดย

ProjectZyphon

น้ำเสียงเต็มไปด้วยไอสังหารและการข่มขู่


ก็เห็นธิดาเทพหลินหลางไม่รู้หันกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ นัยน์ตาฉายแววเยียบเย็นกวาดมองหลินสวิน


เพียงแต่นางอยู่ในช่วงสำคัญที่ต้องกำราบคัมภีร์สีทองเล่มนั้น ไม่มีกำลังแบ่งมาลงมือ ได้แต่ใช้คำพูดข่มขู่


“ฆ่าก็ฆ่าไปแล้ว ยังจะกลัวคำขู่เจ้าทำไม”


หลินสวินสีหน้าไม่สะทกสะท้าน ขณะพูดก็สังหารอย่างต่อเนื่อง เปิดฉากนองเลือดฉากหนึ่ง


“เจ้ารนหาที่ตาย!”


ธิดาเทพหลินหลางโกรธจนหน้าเขียว กัดฟันกรอด แต่ที่จนปัญญาคือเวลานี้นางไม่อาจแบ่งกำลังมาจัดการกับหลินสวิน ได้แค่หักห้ามใจไว้ชั่วคราว


เพียงแต่ภายในใจ นางได้ตัดสินโทษประหารหลินสวินแล้ว


นางไม่ลังเล ตั้งใจจดจ่อกับการสยบคัมภีร์สีทองเล่มนั้น โคจรพลังทั้งหมด ถึงขั้นใช้วิชาลับทั้งหมดโดยไม่เสียดาย ปากกระอักเลือดพิสุทธิ์ออกมา ทำให้อานุภาพระฆังสำริดสีเลือดนั่นน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม กดข่มคัมภีร์ทองจนไร้แรงดิ้นรน ได้แต่ส่งเสียงคร่ำครวญ


ซ่า…


ไม่ช้าคัมภีร์สีทองก็เงียบงันลง หน้าคัมภีร์คลายลงก่อนพลิกตลบเปิดออก ลำแสงทองไหลบ่าเอ่อล้น ภายในเต็มไปด้วยอักษรโบราณลึกซึ้งยากหยั่งถึง ขยับเคลื่อนมีชีวิตชีวาราวกับไส้เดือน


ธิดาเทพหลินหลางรู้สึกยินดีขึ้นมา รู้ว่าคัมภีร์เล่มนี้ใกล้ถูกกำราบและจะกลายเป็นของตนแล้ว


สวบ!


แต่ทว่าในช่วงเวลาสำคัญนี้ ลำแสงดุจแพรไหมสายหนึ่งม้วนพัดมา ตวัดรัดคัมภีร์เล่มนั้นอย่างแน่นหนา


แสงมรรคทองนิลกาฬ!


เป็นหลินสวินที่หลังจากสังหารผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตพวกนั้นก็ลงมืออย่างเหี้ยมหาญ หมายฉวยโอกาสชิงคัมภีร์เล่มนี้


เดิมทีเขาคิดว่าจะสังหารธิดาเทพหลินหลางก่อน แต่ในใจเขาประจักษ์ชัดแจ้งว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัวถึงขีดสุด หากมิอาจปลิดชีพในคราเดียว เป็นไปได้สูงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน ถึงขั้นทำให้สูญเสียคัมภีร์เล่มนี้ไปด้วย


“รนหาที่ตาย!”


ธิดาเทพหลินหลางบันดาลโทสะ โกรธจนนัยน์ตาทั้งสองดุจเปลวเพลิงร้อนระอุ ระฆังสำริดสีเลือดเหนือศีรษะนางส่งคลื่นเสียงเรียบง่ายทรงพลัง แผ่ขยายออกพันธนาการคัมภีร์เล่มนั้นไม่ให้มันถูกชิงไป


แต่สิ่งที่ทำให้นางคาดไม่ถึงคือ แสงมรรคทองนิลกาฬกลับไม่ถูกสั่นสะเทือนทลายลง!


นี่มันสมบัติอะไรกัน


สายตาธิดาเทพหลินหลางจ้องไปยังเจดีย์ไร้อักษรนั่นในมือหลินสวินทันที ตระหนักได้ว่านี่ต้องเป็นสมบัติลับที่ล้ำค่าเหนือจินตนาการอย่างหนึ่งเช่นกัน อานุภาพไม่ด้อยไปกว่าระฆังสำริดสีเลือดของตนเลย


ครืน!


นางสะบัดชายเสื้อคราหนึ่ง ฝนกระบี่สีเลือดห่าหนึ่งถาโถมออกมาหนาแน่นราวน้ำตก แสงโลหิตเชี่ยวกราก พลานุภาพน่าหวาดหวั่น


ขณะเดียวกันนางควบคุมระฆังสำริดสีเลือดเต็มกำลัง หมายฉวยโอกาสชิงคัมภีร์สีทองนั่นไป


“หึ!”


หลินสวินยิ้มยะเยือก มือกระชับดาบหักมั่น ไอดาบประกายดาวเจิดจรัสแผ่กระจาย สลายฝนกระบี่สีโลหิตผืนนั้นทั้งมวล


ขณะเดียวกันเขาก็กระตุ้นแสงมรรคทองนิลกาฬ หมายแย่งชิงคัมภีร์สีทองนั่นไป ไม่ถอยแม้เพียงก้าว


ดูเหมือนจะง่าย แท้จริงแล้วเลือดลมทั่วร่างหลินสวินก็ม้วนตลบ รู้สึกแย่จนแทบกระอักเลือด การโจมตีนี้ของธิดาเทพหลินหลางน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว แฝงพลังสัจจะมหามรรค แม้ถูกคลี่คลายลง แต่ก็ทำให้เขาถูกสะเทือนเกือบจะบาดเจ็บ


นี่ทำให้หลินสวินกริ่งเกรงอยู่ในใจยิ่งกว่าเดิม นางมารนี่แม้มีเพียงปราณระดับหยั่งสัจจะขั้นต้น แต่พลังต่อสู้กลับแข็งแกร่งหาใดเปรียบ บางทีเมื่อเทียบกับเซียวหรัน ซูซิงเฟิง จ้าวจิ่งเซวียนพวกนี้แล้วอาจไม่ด้อยไปกว่ากันเท่าไร!


ในใจธิดาเทพหลินหลางยิ่งสั่นสะท้านมากกว่า แค่เด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณคนหนึ่ง สามารถคลายกระบวนท่าสังหารของนางลงง่ายดายเช่นนี้ นี่ทำให้นางแทบไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง


เจ้าหมอนี่เป็นใคร


ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เผ่ามนุษย์ปรากฏตัวประหลาดเช่นนี้


ครืน!


ทั่วร่างธิดาเทพหลินหลางเอ่อล้นด้วยแสงโลหิต ซัดสาดโหมกระหน่ำประดุจมหาสมุทร พลานุภาพน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าเดิม นางรู้ตัวว่าสถานการณ์ร้ายแรง ต้องจัดการหลินสวินโดยเร็วที่สุด


ฝนแสงประกายโลหิตแถบหนึ่งพวยพุ่ง อุดมด้วยพลังสัจจะมหามรรคอันน่าอัศจรรย์ เสมือนดั่งชั้นเมฆสีเลือดเยื้องกรายมาถึง


ห้วงอากาศปั่นป่วนอลหม่าน หลินสวินพยายามต่อต้านสุดกำลังโดยใช้กระบวนท่าสอยจันทรา แต่ยังคงสะเทือนจนเลือดลมทั่วร่างพลิกตลบ สีหน้าซีดเผือดเกือบกระอักเลือด


ทว่าท้ายที่สุดก็ถูกเขาต้านทานลงได้ ไม่ประสบเภทภัยอันใด


ขณะเดียวกัน หลินสวินพลันกัดฟันกรอด สะบัดมือปล่อยหนอนกินเทพออกมาแถบหนึ่ง กลายเป็นแสงทมิฬพุ่งสังหารไปยังธิดาเทพหลินหลาง


แต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินคาดไม่ถึงคือ หนอนกินเทพที่ก่อนหน้านี้ทำอะไรล้วนราบรื่น ยังไม่ทันได้เข้าประชิดก็ถูกคลื่นเสียงที่แผ่ออกจากระฆังสำริดสีเลือดนั่นขวางกั้น ไม่อาจเข้าใกล้ได้แม้เพียงคืบ!


นี่เป็นครั้งแรกที่หนอนกินเทพถูกขัดขวาง!


เห็นชัดว่าระฆังสำริดสีเลือดนั่นอัศจรรย์และแข็งแกร่งมาก พลังที่ปล่อยออกมาไม่ใช่สิ่งที่หนอนกินเทพสามารถกำจัดได้


ซ่า…


ธิดาเทพหลินหลางลงมืออีกครั้ง หมอกแสงสีโลหิตถาโถมโหมกระหน่ำ เสมือนโผล่จากธารโลหิตแห่งนรกภูมิ หมายสยบสิ้นสรรพชีวิตบนโลกหล้า!


หลินสวินไหนเลยจะกล้าละเลย ต่อต้านมันอย่างสุดกำลัง


ครืน! ตูม!


ทันใดนั้นตำหนักแห่งนี้แสงเลือดพลุ่งพล่านไปทั่ว ไอดาบตัดสลับ ต่อสู้จนมืดฟ้ามัวดิน สุริยันจันทราหม่นแสง ปรากฏเป็นภาพน่าอกสั่นขวัญแขวนหาใดเปรียบ


แต่ขณะที่เข่นฆ่าโรมรันอย่างดุเดือด ไม่ว่าธิดาเทพหลินหลางหรือหลินสวิน ต่างไม่ลดละที่จะแย่งชิงคัมภีร์สีทองนั่น


คนหนึ่งควบคุมระฆังสำริดสีเลือด คนหนึ่งใช้เจดีย์ไร้อักษร ไม่ว่าใครล้วนไม่อาจช่วงชิงคัมภีร์สีทองนั่นอย่างราบรื่น ติดขัดกันอยู่ตรงนั้น


“สหาย มิสู้เจ้าถอยไปชั่วคราว ข้าหลินหลางรับรองว่าครานี้จะปล่อยให้เจ้ารอดชีวิต ไม่ให้เจ้าลำบากใจ เป็นอย่างไร”


ธิดาเทพหลินหลางเอ่ยปาก ในใจร้อนรนอยู่บ้าง ความแข็งแกร่งของหลินสวินเหนือการคาดเดาของนาง หากเป็นเช่นนี้ต่อไปมีแต่จะเกิดตัวแปรมากยิ่งขึ้น


“มิสู้เจ้ายอมแพ้ ข้าให้เจ้าจากไปอย่างมีลมหายใจเป็นอย่างไร”


หลินสวินไม่สะทกสะท้าน


ขณะที่พูด ทั้งสองยังต่อสู้อย่างดุเดือดหลายสิบกระบวนท่า หลินสวินแม้สามารถต้านทานไว้ได้ แต่กลับถูกกระเทือนจนสีหน้าซีดเผือดหาใดเปรียบ หลายต่อหลายครั้งแทบจะกระอักเลือดออกมา


นางมารนี่แข็งแกร่งเกินไปแล้ว พูดถึงพลังและกำลังรบ เห็นชัดว่าเหนือกว่าหลินสวินอยู่บ้าง


นอกเสียจากว่าหลินสวินจะก้าวสู่ระดับหยั่งสัจจะ อาจจะสามารถกำราบนางลงได้ แต่ตอนนี้คงไม่ไหว อย่าว่าแต่กำราบนาง แม้แต่จะโจมตีกลับยังทำได้ยาก ได้แต่พยายามป้องกันตนเอง


นั่นทำให้ในใจหลินสวินร้อนรนอยู่บ้าง ถ้าเกิดยังยืดเยื้อต่อไปเช่นนี้ นานเข้ารังแต่จะทำให้เขาถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว บางทีอาจจะพ่ายแพ่ในการต่อสู้ครั้งนี้ก็เป็นได้


‘ต้องใช้วิธีฉุกเฉินบ้างแล้ว!’ หลินสวินแอบกัดฟันกรอด


เกือบจะเวลาเดียวกัน ธิดาเทพหลินหลางก็ตัดสินใจเด็ดขาดอยู่ในใจว่าจะจู่โจมสังหารหลินสวินโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น


“ตาย!”


“เจ้าคางคก ฝากเจ้าด้วย!”


ทั้งสองคนบุกโจมตีในเวลาเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย


ก็เห็นธิดาเทพหลินหลางยกมือซัดมุกสีโลหิตแปลกประหลาดหาใดเปรียบเส้นหนึ่ง รัศมีสายฟ้าไหลหลั่งแน่นหนาพาให้ขนพองสยองเกล้า


ในเวลาเดียวกันนี้ จินตู๋อีปีศาจผู้งดงามราวปีศาจในชุดคลุมเขียวปรากฏตัวแล้ว ดูเหมือนเขาจะอึดอัดอยู่นานเกินไป ทันทีที่ปรากฏตัวก็แหงนหน้ามองฟ้าหัวเราะร่าอย่างอดไม่อยู่ “เจ้าหนู การตัดสินใจของเจ้าครั้งนี้ฉลาดมาก มีข้าออกโรง ใต้หล้านี้ใครจะมีชัยเหนือกว่า… ไอ๊หยา! แม่เจ้าประคุณรุนช่องเอ๊ย ทำไมถึงเป็นมุกอสนีโลหิตสวรรค์ล่ะเฮ้ย!?”


เมื่อเหลือบเห็นรัศมีสายฟ้าสีเลือดครอบคลุมมาถึง จินตู๋อีก็ร้องเสียงหลงทันที ถูกผ่าจนขนหัวตั้งชันหนีตายอุตลุด


“เป็นใครกัน ใครมันใช้อาวุธสังหารต้องห้ามเช่นนี้ โอ๊ยๆ มารดามันเถอะ ข้าโกรธแล้วนะ ข้าโกรธแล้ว!”


จินตู๋อีกระหืดกระหอบ ถูกอสนีบาตสีเลือดนั่นฟาดผ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผิวหนังดำไหม้เกรียมไปหมด ทั้งเนื้อทั้งตัวน่าอเนจอนาถหาใดเปรียบ ราวกับถ่านไม้ไหม้เกรียมก็มิปาน ไหนเลยจะเหลือท่วงท่าสง่างามหล่อเหลาทระนงองอาจแม้เพียงเสี้ยว


ในใจหลินสวินหมดคำจะพูดไปพักหนึ่ง เดิมทีเขาหารือกับเจ้าคางคกไว้แล้ว หากสามารถแย่งชิงคัมภีร์สีทองนั่นมาได้ จะให้เขาศึกษาค้นคว้าด้วยกัน


ใครจะคาดคิด เจ้าหมอนี่เพิ่งปรากฏตัวก็ถูกฟ้าผ่าจนหนีหัวซุกหัวซุน มือไม่พายเอาเท้าราน้ำซะจริง!


แต่ธิดาเทพหลินหลางกลับเบิกตากว้าง ในใจสั่นสะท้านไม่หยุด นั่นคือมุกอสนีโลหิตสวรรค์ เป็นไพ่ไม้ตายก้นหีบของนางเชียวนะ


หากเปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะทั่วๆ ไปคงถูกผ่าตายไปนานแล้ว ใครจะคิดว่าเจ้าคนชุดเขียวนั่นกลับรับไว้ได้!


แม้ถูกผ่าจนร้องโอดโอยซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่กลับยังไม่ตาย!


นี่มันน่าสยองขวัญเกินไปแล้ว เจ้าหมอนี่เป็นใครกันแน่ อสนีโลหิตสวรรค์ยังไม่อาจผ่าเขาให้ตายได้ พลังชีวิตเย้ยฟ้าเกินไปแล้วกระมัง


“นางตัวดี! เจ้าถึงกับกล้ารังแกข้าเช่นนี้ เจ้ารอก่อนเถอะ ประเดี๋ยวข้าจะจับเจ้าแก้ผ้า แขวนเจ้านุ่งลมห่มฟ้าเฆี่ยนโบยให้หนัก ทำให้เจ้าเชื่อฟังคุกเข่าเรียกข้าว่านายท่าน!”


จินตู๋อีร้องโหยหวนไปพลาง ก่นด่าสาปแช่งไปพลาง ท่าทางเดือดดาลมีโทสะ


เพียงแต่คำก่นด่าสาปแช่งของเขากลับถูกมองข้ามอย่างสิ้นเชิง


เวลานี้หลินสวินและธิดาเทพหลินหลางต่อสู้ห้ำหั่นกันอีกครั้ง ทั้งสองต่างเข้าใจกระจ่างแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นมุกอสนีโลหิตสวรรค์หรือเจ้าคางคกล้วนไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น


การตัดสินแพ้ชนะ ขึ้นอยู่กับพวกเขาทั้งคู่!


ฆ่า!


ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือดบ้าระห่ำยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งขณะเดียวกันก็ยังคงแย่งชิงคัมภีร์สีทองนั่น เหตุการณ์ล่อแหลมอันตรายถึงขีดสุด


เพียงแต่ทั้งสองไม่ว่าใครต่างคาดไม่ถึง ในช่วงที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด บนแท่นมรรคโบราณนั่นพลันมีโซ่สายหนึ่งพุ่งออกมา เคลือบแสงงามตระการ พุ่งพรวดพราดเข้าร่วมการต่อสู้ ผูกมัดคัมภีร์สีทองหมายจะนำเข้าไปยังแท่นมรรคนั่น


เหตุไม่คาดฝันนี้เกิดขึ้นเร็วมาก ทำเอาทั้งสองคนรับมือไม่ทัน เกือบถูกแย่งชิงไป!


“บัดซบ!”


ราวกับรู้กันในทันที ทั้งคู่ยุติการห้ำหั่นดุเดือดพร้อมกัน เริ่มต่อสู้แย่งชิงคัมภีร์สีทองนั่นเต็มกำลัง


ทั้งสองต่างรู้ว่าท่าไม่ดี ราวกับสิ่งมีชีวิตที่หลับใหลอยู่ในหินหยกบนแท่นมรรคนั่นถูกปลุกให้ตกใจตื่นขึ้นเสี้ยวหนึ่ง ไม่อาจทานทนให้พวกเขานำคัมภีร์สีทองนี้ไป


อีกทั้งโซ่สีสันงดงามตระการตานั่นยังน่าหวาดหวั่นเหลือประมาณ เต็มไปด้วยพลังต้องห้าม ทำให้พวกเขาไม่กล้าวอกแวกสู้กันอีกโดยสิ้นเชิง


เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!


ก็เห็นกลางอากาศคัมภีร์สีทองถูกพันธนาการอยู่ตรงนั้น คลื่นเสียงของระฆังสำริดสีเลือด แสงมรรคทองนิลกาฬของเจดีย์ไร้อักษร รวมทั้งโซ่งามตระการเส้นหนึ่งบนแท่นมรรคนั่น ต่างรัดพันคัมภีร์สีทองไว้ ฉุดดึงกระชากลากดึงจากสามทิศทางต่างกันไป ถึงกับชะงักงันอยู่ตรงนั้น


“น่าชังนัก! หากไม่ใช่เพราะเจ้า คัมภีร์เล่มนี้ก็ตกอยู่ในมือข้านานแล้ว!” ธิดาเทพหลินหลางกัดฟันกรอด โกรธจนใบหน้างามเขียวคล้ำหาใดเปรียบ


“หากไม่ใช่พวกเจ้าเผ่าสิงห์โลหิตระรานคนอื่นเกินงาม ไหนเลยข้าจะถูกลากเข้ามาพัวพันด้วย ยิ่งไปกว่านั้น คัมภีร์เล่มนี้แต่เดิมก็เป็นสิ่งที่ไม่มีเจ้าของ ใครคว้าไปได้ก็เป็นของคนนั้น ถึงเจ้าแค้นไปก็ไร้ประโยชน์”


หลินสวินสีหน้านิ่งสงบ ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย


“เจ้าวางใจ รอชิงสมบัตินี้มาได้ ข้าจะจับเจ้ามาทรมานด้วยตนเองจนอยากตายก็ไม่ได้ อยากอยู่ก็ไม่รอด!”


ธิดาเทพหลินหลางกัดฟันกรอด เคียดแค้นชิงชังเหลือประมาณ


หลินสวินกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ณ ที่นั้นกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาด…


โซ่งามพลันเปล่งพลัง คัมภีร์สีทองนั่นถึงกับถูกฉีกขาดดังเปรี๊ยะๆ กลายเป็นสามส่วน ถูกพวกเขาทั้งสามฝ่ายต่างคนต่างดึงไป!


ซ่า…


คัมภีร์สีทองที่ไม่สมบูรณ์ส่วนหนึ่งถูกแสงมรรคทองนิลกาฬสะกดเข้าสู่เจดีย์ไร้อักษร นั่นทำให้หลินสวินชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็หน้าเปลี่ยนสีทันที เอ่ยเรียก “เจ้าคางคก หนีเร็ว! นางมารนี่จะคลั่งแล้ว!”


ขณะที่พูด เขาสะบัดชายเสื้อคราหนึ่ง ตวัดคว้าจินตู๋อีที่กำลังร้องโอดโอยอเนจอนาถวิ่งอย่างบ้าคลั่งเข้าไปในเจดีย์ไร้อักษร ก่อนก้าวเท้าพุ่งทะยานมุ่งไปนอกตำหนัก


“คิดหนีหรือ ไม่มีทาง วันนี้เจ้าต้องชดใช้สิ่งที่เจ้าก่อทั้งหมด!”


ธิดาเทพหลินหลางสีหน้าอึมครึมอำมหิต นางแค้นถึงขีดสุด ไหนเลยจะปล่อยหลินสวินหนีไปต่อหน้าต่อตา


…………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)