Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 541-543

 ตอนที่ 541 ดินแดนทะเลประหลาด

โดย

ProjectZyphon

ฟ้าดินเงียบสงัด น้ำทะเลสงบไร้คลื่น


แต่ความเงียบที่เร้นลับแบบนี้ กลับทำให้ทุกคนบนยานสำเภาอกสั่นขวัญแขวน รู้สึกถึงกลิ่นอายอันตรายอย่างหนึ่ง


ยานสำเภาเปล่งประกาย เจิดจรัสสะดุดตา ลวดลายอันลึกลับไหลเวียน เกิดพลังล่องหนปกคลุมยานสำเภาเอาไว้


บนผิวทะเลไม่รู้ว่าเกิดหมอกอันมืดสลัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นแรกๆ ก็ไม่ได้สะดุดตา แต่พอยานสำเภาเคลื่อนไปเบื้องหน้าช้าๆ หมอกนั่นก็มากขึ้นเรื่อยๆ พร่ามัวราวกับภาพมายา มืดสลัวชวนให้ขนลุก


ไม่นานยานสำเภาก็ค่อยๆ หยุดลง ในขณะเดียวกันบนผิวน้ำสีดำในหมอกมัวกลับมีแท่นบูชาโบราณแท่นหนึ่งปรากฏขึ้น!


แท่นบูชามีขนาดเท่าเนินเขาเล็กๆ สร้างด้วยหินหายากชนิดต่างๆ ทั้งเก่าแก่และรกร้าง ราวกับมีมาตั้งแต่บรรพกาล มีกลิ่นอายแห่งกาลเวลาหนาแน่น


เมื่อมองไปที่แท่นบูชานั้น สายตาของทุกคนบนยานสำเภาต่างเปลี่ยนไป ราวกับดาวเหนือเคลื่อนที่ สรรพสิ่งล้วนกำลังผันเปลี่ยน ทำให้จิตวิญญาณของคนแทบจะจมอยู่ในนั้น!


“เฮอะ!”


ทันใดนั้นเสียงของผู้เฒ่าเกาหยางพลันดังขึ้นข้างหู ปลุกเหล่าลูกศิษย์ในยานสำเภาให้ตื่นจากภวังค์ ทำให้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูและเคร่งขรึมขึ้นมาทันที


แท่นบูชาโบราณที่แปลกประหลาดและเก่าแก่นี้ แค่มองก็แทบจะทำให้จิตวิญญาณหลงใหลอยู่ในนั้น น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว


แม้แต่หลินสวินก็ยังประหลาดใจ พลังจิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งเพียงใด ทั้งยังฝึกเคล็ดเวทบริกรรมมาด้วย แต่ยามนี้เขาเองก็ได้รับผลกระทบจากพลังของแท่นบูชาโดยไม่ได้ตั้งใจ


“นี่คือแท่นบูชาเคลื่อนย้ายบรรพกาล สามารถข้ามเวลาทะลวงอากาศ เคลื่อนที่อยู่ในเก้าชั้นฟ้าสิบทศภูมิ เคลื่อนย้ายผู้คนไปยังทุกที่ที่ต้องการ”


ผู้เฒ่าเกาหยางอธิบายด้วยเสียงแผ่วเบา “ต่างจากค่ายกลเคลื่อนย้ายในปัจจุบัน แท่นบูชาบรรพกาลระดับนี้ ถึงขั้นสามารถเปิดกำแพงโลก ทะลุสู่นอกวงโคจรดารา เข้าถึงได้ทุกแห่งทุกหน!”


ทุกคนสูดหายใจเข้าด้วยความตกใจ ยิ่งตะลึงกับวิถีปราณในสมัยบรรพกาล เรียกได้ว่าฝีมือดุจดั่งธรรมชาติ แข็งแกร่งอย่างยิ่ง


“มีเพียงอริยะบุคคลบรรพกาลผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงเท่านั้น จึงจะสามารถวางแท่นบูชาระดับนี้ได้ และโดยทั่วไปแท่นบูชาระดับนี้จะใช้เพื่อบูชาอริยะ ผู้ที่ฐานะด้อยกว่าอริยะไม่สามารถกระตุ้นพลังในแท่นบูชาได้”


แววตาของผู้เฒ่าเกาหยางเองก็ปรากฏแสงประหลาด ราวกับกำลังหวนคิดถึงช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์สมัยบรรพกาล


“ท่านผู้เฒ่า สิ่งนี้เป็นถึงสมบัติอริยะแห่งบรรพกาลเชียวนะ เราไม่เอาไปด้วยหรือ”


ทันใดนั้นเด็กชายชุดหลากสีเหวินเสียงพลันพูดขึ้น ใบหน้าอ่อนเยาว์เต็มไปด้วยความละโมบ ถูมืออย่างตื่นเต้นอยากลอง


คนอื่นๆ ก็หวั่นไหวเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณนี้ จะมีแท่นบูชาเคลื่อนย้ายที่อริยะบรรพกาลจัดวางเอาไว้


หากเอากลับไปได้ แม้ไม่สามารถใช้งานได้ แต่ก็สามารถสำรวจและหยั่งรู้ถึงกลิ่นอายอริยะที่หลงเหลืออยู่!


“มันเสียหายไปแล้ว ถูกทำลายไปจนแทบไม่เหลือชิ้นดี หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับผืนทะเลแห่งนี้ อย่าว่าข้า แม้ราชันระดับสังสารวัฏมาเยือนก็เอามันไปไม่ได้”


คำพูดของผู้เฒ่าเกาหยางทำลายความคิดในใจของเหล่าลูกศิษย์


“งั้นเราเข้าไปสำรวจใกล้ๆ ได้หรือไม่”


เหวินเสียงพูดอย่างไม่จำยอม


“ไม่ได้!”


ผู้เฒ่าเกาหยางปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยว “ระดับต่างกันมากเกินไป หากไปสำรวจโดยพลการ เพียงแค่กลิ่นอายอริยมรรคที่หลงเหลืออยู่ภายใน ก็สามารถทำลายจิตวิญญาณของพวกเจ้าให้แหลกเป็นฝุ่นผงได้!”


คราวนี้เหวินเสียงตัดใจอย่างสิ้นเชิง


จิตใจของหลินสวินยากจะสงบลงได้ แท่นบูชาโบราณนี้มีมาตั้งแต่บรรพกาลจวบจนปัจจุบัน ถูกทำลายจนแทบไม่เหลือชิ้นดีแล้ว แต่กลิ่นอายเสี้ยวหนึ่งที่หลงเหลืออยู่กลับสามารถทำลายจิตวิญญาณของพวกเขาให้แหลกละเอียดอย่างง่ายดาย พลังอริยมรรคนี้จะน่าสะพรึงกลัวเพียงใด


“การปรากฏของแท่นบูชา บ่งบอกว่าเส้นทางของเราถูกต้องแล้ว นับตั้งแต่ตอนนี้พวกเราต้องเตรียมพร้อมต่อสู้ตลอดเวลา!”


ผู้เฒ่าเกาหยางเตือนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นับตั้งแต่ตอนนี้ ระหว่างทางจะมีภัยร้ายมากมายและเปี่ยมไปด้วยอันตราย ต้องระมัดระวังอย่างมาก มิเช่นนั้นจะเสี่ยงดับสูญ


ทุกคนต่างเคร่งเครียดจริงจัง


นี่ยังไม่ถึง ‘แดนลับอสูรมารอริยะ’ ด้วยซ้ำก็อันตรายแล้ว ทำให้พวกเขายิ่งตระหนักได้ถึงความเร้นลับและน่าสะพรึงกลัวของทะเลกลืนวิญญาณ


จากนั้นผู้เฒ่าเกาหยางพลันหยิบหยกมงคลจำนวนหนึ่งออกมาแจกให้พวกเซียวหรัน จ้าวจิ่งเซวียน ซูซิงเฟิง อวิ๋นเช่อ เหวินเสียง กงหยางอวี่


หยกมงคลนี้เป็นสีทองอร่ามราวกับหล่อด้วยสำริด รูปร่างเหมือนจักจั่นทอง กลิ่นอายคลุมเครือลึกลับ มีชื่อเรียกว่า ‘ยันต์จักจั่นทอง’ สื่อนัยถึง ‘จักจั่นทองลอกคราบ’ เมื่อพบอันตรายถึงชีวิตก็สามารถตายแทนผู้ฝึกปราณได้ มหัศจรรย์อย่างยิ่ง


กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เมื่อมียันต์นี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการได้รับชีวิตที่สอง มีมูลค่าอย่างมาก และมีเพียงสำนักโบราณระดับแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเท่านั้นที่มีสมบัติวิเศษเช่นนี้


หลินสวินมองแล้วให้จนใจอยู่บ้าง เขาในฐานะผู้ติดตาม…ไม่มีสิทธิ์ได้ครอบครอง


จ้าวจิ่งเซวียนเดินขึ้นหน้าไปคุยกับผู้เฒ่าเกาหยาง หมายจะขอยันต์จักจั่นทองให้หลินสวิน แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ


“เหอะ ศิษย์น้องจ้าวช่างให้ความสำคัญกับผู้ติดตามโลกชั้นล่างคนนี้เหลือเกิน” ซูซิงเฟิงเย้ยหยันด้วยเสียงเสียดหู สายตาเย็นชา


จ้าวจิ่งเซวียนกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่งโดยไม่ได้พูดอะไรมาก


หลินสวินทำเหมือนไม่ได้ยิน เงียบไม่พูดจา รักษาหน้าที่ของตนได้ดีมาก แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือ ในหูเขาได้ยินเสียงสื่อจิตของซูซิงเฟิง ‘ไอ้คนไร้ค่า ระหว่างทางเจ้าระวังไว้เถอะ ไม่แน่ว่าอาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันที่แม้แต่ศิษย์น้องจ้าวก็ช่วยเจ้าไม่ได้’


นี่เป็นการข่มขู่และมุ่งเป้าอย่างไม่ปกปิด


หลินสวินได้ยินเช่นนี้ไอสังหารพลันแวบผ่านเข้ามาในใจก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าซูซิงเฟิงคนนี้ยังคิดแก้แค้นให้กับผู้ติดตามของเขา ไม่คิดจะปล่อยตนไป


ยานสำเภาเดินหน้าต่อ เพียงแต่ความเร็วนั้นชะลอลงมากอย่างเห็นได้ชัด หลังจากมาถึงที่นี่ บรรยากาศก็แปลกประหลาดและเงียบสงัด


แม้ไม่มีภัยธรรมชาติอย่างสายฟ้าคึกคะนองและอากาศปั่นป่วน แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่า ยิ่งเป็นเช่นนี้ยิ่งอันตราย


ผิวทะเลเงียบสนิท แผ่กระจายหมอกอันมืดครึ้ม แปลกประหลาดคาดเดาไม่ถูก


“สวรรค์! นั่นอะไร” บนยานสำเภา แม้แต่ผู้หญิงที่สง่างามสงบนิ่งอย่างจ้าวจิ่งเซวียน ยามนี่ยังอดส่งเสียงอุทานด้วยความตกใจไม่ได้


คนอื่นๆ เองก็อึ้งงัน ดวงตาแต่ละคู่เบิกโพลงจ้องไปข้างหน้า


บนผิวทะเลตรงนั้น ซากศพสิ่งมีชีวิตวิญญาณที่ยาวกว่าร้อยจั้งลอยขึ้นมา บนร่างปกคลุมไปด้วยชุดเกราะชุดรบขาดวิ่น ส่องประกายสีทองอร่ามอันเย็นเยียบ


ลักษณะของเขาดูแปลกประหลาดมาก คล้ายกับมนุษย์ แต่มีสามตา หกแขน เหมือนเทพมารในตำนานก็ไม่ปาน


“นั่นคืออัครบุคคลแห่งเผ่าวิญญาณสามตา ฝึกจนมีหกแขน เห็นชัดว่าได้ก้าวสู่หนทางอมตะแล้ว น่าสะพรึงกลัวและแข็งแกร่งอย่างที่สุด สมัยบรรพกาลพลังต่อสู้ของเผ่านี้คับฟ้า อานุภาพดุร้ายสะเทือนไปทั่วสารทิศ เพียงแต่พวกเขาได้ถูกกาลเวลาทำลายล้างไปนานแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมีซากศพของผู้แข็งแกร่งเผ่านี้ปรากฏอยู่ที่นี่!”


ผู้เฒ่าเกาหยางเองก็หวั่นไหวเช่นกัน


ทุกคนต่างไม่สามารถสงบจิตใจลงได้ เผ่าวิญญาณสามตา! หนึ่งในเผ่าทรงอำนาจสมัยบรรพกาล ใครจะกล้าจินตนาการว่าที่ปลายสุดแห่งกาลเวลาอันไร้ที่สิ้นสุด ยังมีโอกาสได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของผู้แข็งแกร่งเผ่านี้


ที่น่าเสียดายคือ ผู้แข็งแกร่งท่านนี้ตายไปไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว กลายเป็นซากศพที่ไม่มีวันสลาย


“นี่คือผู้แข็งแกร่งที่ก้าวเข้าสู่เส้นทางอมตะ คุณค่าของมันน่าทึ่งมาก บางทีอาจจะสามารถย้อนรอยวิชาลับของเผ่านี้ได้จากซากศพนี้!”


ซูซิงเฟิงตาเป็นประกาย


ตอนที่ยานสำเภาเข้าไปใกล้ เขาพลันสั่งผู้ติดตามคนหนึ่งให้ทะยานออกจากยานสำเภา ไปสำรวจซากศพนั้น


ฉึก!


แต่ไม่ทันที่ผู้ติดตามคนนั้นจะเข้าไปใกล้ แสงสีดำพลันโฉบออกจากซากศพ และแทงทะลุหน้าผากของผู้ติดตามคนนั้นจนเป็นรูเลือดในพริบตา!


“อ๊าก…” ผู้ติดตามร้องโหยหวน เขายังไม่ทันได้ดิ้นรนด้วยซ้ำ ก็ถูกแสงสีดำนั่นกลืนกินร่างกายไปครึ่งหนึ่งแล้ว


ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก กะทันหันจนตั้งตัวไม่ติด ทำให้ผู้เฒ่าเกาหยางไปช่วยไม่ทัน ผู้ติดตามคนนั้นก็ประสบเคราะห์แล้ว


ภาพนั้นน่าสยดสยองมาก เพียงอึดใจเดียวเท่านั้น ผู้ติดตามก็ถูกกลืนกินไปทั้งตัวแล้ว


และตอนนี้ ในที่สุดทุกคนก็เห็นแสงดำนั่นชัดแล้ว เป็นสัตว์ประหลาดขนดำตัวหนึ่ง ลำตัวราวกับอสรพิษวิญญาณ แต่กลับมีหัวที่เต็มไปด้วยเขี้ยวสีเลือด เหมือนผีร้ายดุดันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน แผ่กระจายไอดำไปทั่วตัว


นั่นมันตัวอะไร


ทุกคนต่างสูดหายใจเข้าอย่างตะลึง ผู้ติดตามคนนั้นเป็นผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณ ติดตามข้างกายซูซิงเฟิง พลังต่อสู้แข็งแกร่งมาก


แต่ตอนนี้ไม่ทันได้หนีด้วยซ้ำ ก็ถูกสัตว์ประหลาดขนดำนั่นสังหารและกัดกินไปแล้ว!


ปัง!


แทบจะในขณะเดียวกัน ผู้เฒ่าเกาหยางได้ลงมือ แผ่พลังกลางอากาศบีบสัตว์ประหลาดขนดำนั่นจนแหลกละเอียด กลายเป็นหมอกสีดำกระจายหายไป


เห็นได้ชัดว่ามันไม่มีร่างเนื้อ


“นี่คือวิญญาณอาฆาต แปรสภาพจากไอพิฆาตของผู้แข็งแกร่งที่เคยตกลงมาในนี้ หากถูกแตะตัวจะไม่อาจฟื้นคืนได้ตลอดไป! ข้าขอเตือนอีกครั้ง ต้องระวังให้มาก ทะเลกลืนวิญญาณแห่งนี้มีสิ่งประหลาดมากมาย แม้แต่ข้ายังไม่กล้ารับประกันว่าจะปกป้องพวกเจ้าได้ทุกครั้ง”


สีหน้าของผู้เฒ่าเกาหยางเคร่งขรึม กล่าวกำชับหนักหน่วง คำพูดเด็ดขาดมากจนสีหน้าของทุกคนต่างเปลี่ยนไป


ในขณะที่ยานสำเภายังคงเคลื่อนไปข้างหน้า หลินสวินอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง และเห็นว่าบนซากศพเผ่าวิญญาณสามตาที่ลอยอยู่บนผิวทะเลนั่น มีวิญญาณอาฆาตมากมายเป็นพันเป็นหมื่นปรากฏขึ้น เบิกดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความเย็นเยียบและเหี้ยมโหด


แม้แต่คนที่จิตใจแน่วนิ่งอย่างหลินสวิน ยามนี้ยังรู้สึกชาวาบไปทั้งหัวอย่างอดไม่อยู่ จำนวนวิญญาณอาฆาตนั้นมากเกินไปแล้ว ราวกับกองทัพใหญ่จากขุมนรกอย่างไม่มีผิดเพี้ยน


หืม?


ทว่าพริบตาที่หลินสวินเก็บสายตากลับมา เขาพลันสังเกตเห็นว่า บนซากศพเผ่าวิญญาณสามตามีเงาร่างงดงามแวบผ่านและหายไปท่ามกลางวิญญาณอาฆาตนับพันหมื่นนั้น


หลินสวินหัวใจสะท้าน เงาร่างนั่นเป็นภาพลวงตาหรือเป็นของจริงกันแน่


เขาเพ่งสายตามองอย่างละเอียด แต่เสียดายที่มองไม่เห็นแล้ว


สิ่งนี้ทำให้หลินสวินยิ่งตระหนักได้ถึงความแปลกประหลาดและลึกลับของทะเลกลืนวิญญาณ แท่นบูชาที่อริยะบรรพกาลตั้งไว้ ซากศพของผู้แข็งแกร่งเผ่าวิญญาณสามตาที่ก้าวสู่เส้นทางอมตะ… ยังมีวิญญาณอาฆาตที่ไม่มีที่สิ้นสุด…


ทุกอย่างดูน่ากลัวมาก


ต้องบอกว่าทะเลกลืนวิญญาณนี้กว้างใหญ่ไร้ขีดจำกัด ดูประหนึ่งคลุมเครือไม่มีที่สิ้นสุด


หลังจากนั้นหนึ่งเค่อ


จู่ๆ ผู้เฒ่าเกาหยางก็ตะเบ็งเสียงเตือนทุกคน “แย่แล้ว! เตรียมต่อสู้!”


“หือ?”


“มีศัตรูหรือ?”


พวกเซียวหรัน จ้าวจิ่งเซวียนประหลาดใจ เพราะไม่เห็นสิ่งมีชีวิตอะไร แต่ละคนจึงแปลกใจไม่น้อย


แต่พวกเขาก็ไม่กล้าประมาท ต่างระแวดระวังกันขึ้นมา


บนทางเบื้องหน้า เหนือผิวทะเลสีดำที่นิ่งสงบ พลันเกิดเสียงเป่าเขาสัตว์ทุ้มต่ำ แปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัว ราวกับกองทัพจากนรกส่งเสียงสัญญาณเข้าปะทะ จะปรากฏตัวบนโลก


ในเวลาเดียวกัน หมอกอันมืดครึ้มที่ปกคลุมฟ้าดินก็หนาขึ้น


ยามนี้หลินสวินเกร็งไปทั้งตัว ขนลุกซู่ รับรู้ถึงอันตรายอันรุนแรง!


——


ตอนที่ 542 ราชันวิญญาณอาฆาต

โดย

ProjectZyphon

“นั่นอะไร”


ไม่นานคนอื่นๆ ก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันตรายอันไร้ที่เปรียบนั่น แต่ละคนต่างถืออาวุธ ตั้งมั่นพร้อมรับมือศัตรู


เห็นได้ชัดว่ามีอันตรายที่ไม่รู้จักใกล้เข้ามา


หลินสวินเองก็หยิบเจดีย์สมบัติทองอร่ามออกมา นี่คือ ‘เจดีย์สมบัติไร้อักษร’ รูปทรงแปดเหลี่ยม กลิ่นอายเก่าแก่ไพศาล


หลินสวินได้ลบตราประทับของเหยาทั่วไห่ในสมบัตินี้และประทับพลังของตนเข้าไป สิ่งที่น่าเสียดายคือ สมบัตินี้วิเศษและลึกลับเกินไป ตอนนี้หลินสวินเพียงควบคุมได้อย่างฝืนๆ เท่านั้น ยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ


หืม?


ตอนที่หยิบเจดีย์สมบัติไร้อักษรออกมา หลินสวินรับรู้ได้อย่างมีฉับไวว่ามีหลายสายตากวาดมองมาก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว


แต่หลินสวินสังเกตเห็นแล้วว่า สายตานั่นมาจากซูซิงเฟิงและเด็กชายชุดหลากสีเหวินเสียง ทั้งสองคล้ายสัมผัสได้ถึงบางอย่างจากกลิ่นอายของเจดีย์สมบัติไร้อักษร


ผืนทะเลแห่งนี้ยิ่งดูเงียบสงบไร้สุ้มเสียง ท่ามกลางหมอกอันมืดครึ้มเหนือระดับน้ำปรากฏเงาร่างมากมาย


บนร่างพวกมันแผ่กระจายไอดำ สวมชุดเกาะที่พังยับเยิน ถืออาวุธสนิมเกาะ ราวกับทัพใหญ่ที่ออกมาจากนรก!


สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือพวกมันดูแปลกประหลาด ร่างกายไม่สมบูรณ์แทบทั้งสิ้น บ้างก็แขนขาขาด บ้างก็หน้าอกเน่าเละ บ้างก็เหลือเพียงโครงกระดูก บางคนถึงขั้นไม่มีหัว!


แต่พวกเขามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือทั้งร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายอันเย็นเยียบอย่างที่สุด


เยอะเกินไปแล้ว!


หนาแน่นท่วมฟ้าดิน กลิ่นอายชั่วร้ายพุ่งขึ้นชั้นฟ้า ปิดกั้นทะเลเบื้องหน้า ราวกับกองทัพนรกที่ข้ามพรมแดน หมายจะเปลี่ยนโลกนี้ให้กลายเป็นสนามรบ


“วิญญาณอาฆาตยืมซากศพ เริ่มอยู่เหนือพลังแห่งความตาย ฝึกบำเพ็ญมหามรรคอีกครา!” สีหน้าของผู้เฒ่าเกาหยางเคร่งขรึมผิดปกติ


คนอื่นๆ ก็ตกตะลึงเช่นกัน พวกเขาดูออกว่านั่นเป็นกองทัพวิญญาณอาฆาตที่แปลกประหลาดยิ่ง ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่กลิ่นอายกลับน่ากลัวนัก


วิญญาณอาฆาตยืมซากศพ ฝึกบำเพ็ญมหามรรคอีกครา?


ใครจะกล้าจินตนาการว่าบนโลกนี้จะมีเรื่องเหลือเชื่อเพียงนี้ อย่าลืมว่าวิญญาณอาฆาตเหล่านั้นมาจากไอความเคียดแค้นยามสิ้นชีพของเหล่าผู้แข็งแกร่งบรรพกาล


เพียงไอเคียดแค้นเท่านั้น ไม่เพียงไม่เคยสลายไป แต่ยังเริ่มฝึกปราณ น่าสะพรึงกลัวเพียงใดกัน


กองทัพวิญญาณอาฆาตมาเยือนโดยไม่ให้สุ้มเสียง เงียบสงบลึกลับ ก้าวเดินอยู่บนผืนทะเลสีดำ อานุภาพอันไร้เสียงเช่นนั้นพาให้อกสั่นขวัญแขวน


“ท่านผู้เฒ่า หากรับมือไม่ได้พวกเราก็เลี่ยงการปะทะชั่วคราว ออกจากที่นี่ก่อน” เซียวหรันพูดขึ้น เขาที่โดดเด่นมาโดยตลอด ยามนี้สีหน้าก็เคร่งขรึมจริงจัง


“ไม่มีประโยชน์ ถ้ากองทัพวิญญาณอาฆาตปรากฏตัวก็หมายความว่าไม่ตายไม่เลิก ไม่ว่าจะหนีไปถึงไหนก็จะถูกตามไป”


ผู้เฒ่าเกาหยางพูดเสียงขรึม


“ราชันแห่งข้ามาเยือน คุกเข่ายอมจำนน สังเวยชีวิตมาซะ!”


ทันใดนั้นกองทัพวิญญาณอาฆาตได้ส่งเสียงชวนสยอง ทำให้ทุกคนบนยานสำเภาชาไปทั้งหัว ขนลุกซู่ หนาวเยือกเสียดกระดูกไปทั่วร่าง


เสียงนั้นน่ากลัวมาก กระแทกจิตวิญญาณของพวกเขาโดยตรง!


“เป็นวิญญาณอาฆาตที่มีกลิ่นอายระดับราชัน!” สายตาผู้เฒ่าเกาหยางสาดพลังอันเย็นเยียบน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุดโดยพลัน


“ก็ดี วันนี้สังหารพวกมันซะ บางทีอาจจะได้ตราประทับราชันมาครอบครอง! พวกเจ้าเตรียมตัวต่อสู้ นี่ถือเป็นการฝึกที่หายากสำหรับพวกเจ้า!”


ผู้เฒ่าเกาหยางตะเบ็งเสียงราวกับฟ้าร้อง


“เป็นแค่มดปลวก กล้าดูหมิ่นข้า ต้องฆ่า!”


และในตอนนั้นเอง ในความว่างเปล่าที่ห่างไปไกลปรากฏเงาร่างสีดำ ยืนตระหง่านอยู่กลางฟ้าดิน แม้จะเลือนราง แต่กลิ่นอายนั้นน่าสะพรึงกลัวปานสะท้านโลกา


สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าเขาสวมเกี้ยวครอบผมหยกราวกับทำจากทองเปล่งประกาย เพียงแต่มันเลือนรางมากเกินไป จึงมองไม่ชัด


อีกทั้งในมือเขายังถือกระบี่ยาวกระดูกขาว แฝงไอความตายอันลึกลับ ราวกับราชันแห่งนรกมาเยือนโลก


ฆ่า!


ทันใดนั้นกองทัพนรกอันไร้สุ้มเสียงที่มาเยือนราวกับได้รับคำสั่งให้จู่โจม พุ่งสังหารมาทางยานสำเภา


ร่างของพวกเขาถูกไอสีเทาชั่วร้ายปกคลุม แฝงไอสังหาร น่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ยามนี้ได้เคลื่อนไหวทั้งหมด เรียกได้ว่าปกคลุมฟ้าดิน เพียงแค่อานุภาพก็น่าสะพรึงกลัวล้นฟ้าแล้ว


วู้ม!


ในเวลาเดียวกันนั้นเตาสมบัติที่ส่องประกายระยิบระยับใบหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในมือของผู้เฒ่าเกาหยาง พื้นผิวของมันสลักลวดลายนกศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลอย่างเช่นนกชิงหลวน นกทองคำ หงส์ฟ้า นกกระจอกแยกฟ้าเป็นต้น สมจริงราวกับมีชีวิต อาบแสงประกาย ส่องสว่างไปทั่วฟ้าดิน แสงสมบัติพุ่งขึ้นเก้าชั้นฟ้า


เตาเทพหมื่นปักษา!


เป็นสมบัติพิทักษ์สำนักของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณชิ้นหนึ่ง วิเศษโดดเด่น พลังยิ่งใหญ่ไม่มีที่เปรียบ กล่าวกันว่าเป็นอาวุธเทพที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพกาล!


“เริ่มต่อสู้!”


พลังอำนาจของผู้เฒ่าเกาหยางพลันเปลี่ยนไป ถือเตาเทพหมื่นปักษาพุ่งขึ้นฟ้าไปหาราชันกองทัพวิญญาณอาฆาตนั่น


นี่จะต้องเป็นสงครามชั้นยอดที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างแน่นอน!


“ฆ่า!”


บนพื้นทะเล กองทัพวิญญาณอาฆาตพุ่งเข้ามา ซูซิงเฟิงลงมือเป็นคนแรก ราวกับมีเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ลุกโหมทั่วร่าง ถือทวนวงเดือนสีชาดเล่มหนึ่ง ในระหว่างที่กวัดแกว่ง แสงเพลิงก็เผาไหม้ไปทั่วทุกสารทิศ


ด้านหลังเขา ผู้ติดตามมากมายตามไปไล่สังหารด้วยกัน


“ทุกคนระวัง อย่าห่างจากยานสำเภาไกลนัก”


เซียวหรันกำชับ เขาไม่ได้ใช้สมบัติ เงาร่างเลื่อนลอย เคลื่อนไหวกลางอากาศ รอบตัวมีควันเมฆแวววาวล้อมอยู่ สำแดงการตอบโต้เช่นกัน


ในขณะเดียวกัน อวิ๋นเช่อถือกระบี่เลือดเล่มหนึ่ง เด็กชายชุดหลากสีเหวินเสียงปลดห่วงสมบัติสีเงินออกจากลำคอ กงหยางอวี่แปลงเป็นแกะเขียวสี่เท้าทะยานไปในอากาศ เข้าต่อสู้กับกองทัพวิญญาณอาฆาต!


ไม่เพียงแค่พวกเขา ผู้ติดตามของพวกเขาต่างก็ลงมือ


“ต้องระวังหน่อย ไม่เพียงแค่ฆ่าศัตรู ยังต้องระวังซูซิงเฟิงฉวยโอกาสลงมือกับเจ้า” จ้าวจิ่งเซวียนเตือนหลินสวิน


หลินสวินอึ้งงัน


ครืนโครมโครม…


ฟ้าดินแห่งนี้ได้เปิดม่านสงคราม แสงสมบัติสาดขึ้นฟ้า วิชายอดเยี่ยมทะยานผ่าน แสงประกายน่าหวาดหวั่นม้วนตัวแผ่กระจาย เกิดกลิ่นอายราวกับทำลายล้าง สั่นสะท้านกึกก้อง


ต้องบอกว่าลูกศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเหล่านั้น แต่ละคนแข็งแกร่งและพลิกฟ้าอย่างไม่ยอมกัน พุ่งเข้าไปอยู่ท่ามกลางกองทัพวิญญาณอาฆาต เข่นฆ่าล่าสังหาร มีท่าทางไร้เทียมทานอยู่รางๆ


เพียงแต่กองทัพวิญญาณอาฆาตเหล่านั้นมีเยอะมากเกินไป หนาแน่นมืดฟ้ามัวดิน ไม่สามารถฆ่าได้หมดภายในระยะเวลาอันสั้นแน่


หลินสวินเองก็ลงมือเช่นกัน เจดีย์สมบัติไร้อักษรในมือกวัดแกว่งไปมา ส่องแสงมรรคทองนิลกาฬ กวาดเพียงเบาๆ วิญญาณาอาฆาตเหล่านั้นก็ราวกับเกี๊ยวที่ถูกโยนลงหม้อ ถูกม้วนเข้าไปสยบในชั้นแรกของเจดีย์สมบัติไร้อักษร


สมบัติชิ้นนี้วิเศษมาก โดยเฉพาะแสงมรรคทองนิลกาฬนั่นเต็มไปด้วยพลังคุมขังอันเหลือเชื่อ ทุกสิ่งที่ถูกมันกวาดผ่านไป จะถูกสยบกดดันทันทีโดยไม่สามารถหลบหลีกได้


ภาพที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนไม่ได้อันตรายอะไร แม้วิญญาณอาฆาตจะมาก แต่กลับไม่สามารถสร้างแรงกดดันอะไรได้


แต่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นพลันมีคนกรีดร้องขึ้นมา “สมควรตาย! ไอชั่วร้ายของพวกมัน…จะกัดกร่อนจิตวิญญาณอย่างเงียบๆ!”


คนพูดคือเด็กชายชุดหลากสีเหวินเสียง เสียงอ่อนเยาว์เต็มไปด้วยความตะลึงระคนกราดเกรี้ยว คนอื่นๆ เองก็สังเกตเห็นสภาพการณ์นี้ ในใจล้วนไหวหวั่น


วิญญาณอาฆาตเหล่านั้นถูกสังหาร แต่กลับกลายเป็นไอชั่วร้ายทั่วน่านฟ้า สามารถกัดกร่อนจิตวิญญาณของผู้ฝึกปราณอย่างเงียบๆ!


นี่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดและน่ากลัว พลังของวิญญาณอาฆาตเหล่านี้ประหลาดมากไปแล้ว


นอกเสียจากว่าลบล้างไอชั่วร้ายหลังจากทำให้พวกมันตายไปได้ มิฉะนั้นยิ่งสังหารมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งส่งผลกระทบต่อจิตวิญญาณของพวกเขามากเท่านั้น!


“อ๊าก…”


ไม่นานก็มีคนร้องโหยหวน เป็นผู้ติดตามคนหนึ่งของอวิ๋นเช่อ ถูกวิญญาณอาฆาตรูปลักษณ์คล้ายลิง แต่มีปากขนาดใหญ่ลอบจู่โจม ร่างกายถูกฉีกละเอียด กลายเป็นฝนเลือดตายไป!


ผู้ติดตามถูกสังหาร ทำให้ดวงตาของอวิ๋นเช่อสาดไอสังหาร กระบี่เลือดวาดผ่านอากาศ ฟาดฟันลงไป


สิ่งที่น่าตกใจคือ วิญญาณอาฆาตนั่นสกัดกั้นการโจมตีของอวิ๋นเช่อเอาไว้ได้ แม้จะถูกฟันจนร่างกายแยกออกจากกัน แต่เพียงพริบตาเดียวมันก็หนีหายเข้าไปในส่วนลึกของกองทัพวิญญาณอาฆาต


สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นอย่างไม่ต้องสงสัยว่า ท่ามกลางกองทัพวิญญาณอาฆาตเหล่านี้ ก็มีวิญญาณอาฆาตแข็งแกร่งที่สามารถสู้พวกเขาได้อยู่


เรื่องนี้ทำให้พวกเซียวหรันไม่กล้าประมาท สีหน้าจริงจังขึ้นมา เปลี่ยนเป็นระมัดระวังขึ้น สังหารอยู่บริเวณยานสำเภาโดยไม่กล้าออกห่างไปไกล


ตามคาด ท่ามกลางเวลาที่ล่วงเลยไป ผู้แข็งแกร่งในกองทัพวิญญาณอาฆาตมากขึ้นเรื่อยๆ และค่อยๆ สร้างแรงกดดันให้กับพวกเซียวหรัน


เหล่าวิญญาณอาฆาตที่แข็งแกร่งจำแนกง่ายมาก เมื่อเทียบกับวิญญาณอาฆาตอื่นๆ แล้ว ร่างของพวกเขาสมบูรณ์กว่า มีไอชั่วร้ายอยู่ทั่วร่าง แผ่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว ไม่เหมือนสิ่งที่ตายแล้ว กลับประหนึ่งมีความรู้สึกนึกคิดและสติปัญญา รู้จักหลบหลีกลอบสังหาร!


สิ่งที่ทำให้หลินสวินวางใจคือ เขาใช้เจดีย์สมบัติไร้อักษรปราบวิญญาณอาฆาตมาตั้งแต่เริ่มต่อสู้ เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าไม่มีทางทำให้วิญญาณอาฆาตนั่นกลายเป็นไอชั่วร้าย กัดกร่อนจิตวิญญาณของเขาได้


ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อรักษาฐานะและสำรวมตน หลินสวินจึงติดตามอยู่ใกล้ๆ จ้าวจิ่งเซวียนตลอดเวลา เหมือนเป็นผู้ติดตามที่ภักดี ไม่เผยพลังออกมามากนัก


แบบนี้ดูเหมือนผ่อนคลายมาก เพียงแต่เรื่องดีงามมักไม่ยืนยาว ไม่นานแสงดำที่ราวกับคมมีดสายหนึ่งพลันยิงเข้ามา!


กะทันหันและรวดเร็วเกินไป อีกเพียงนิดก็จะแทงคอหลินสวินแล้ว


แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นก็ยังตัดผมดำของเขาไปได้กระจุกหนึ่ง ทำเอาเขาตกใจจนหลั่งเหงื่อเย็น เงยหน้าขึ้นมองไป ก็เห็นว่าผู้ที่ลอบสังหารตนเป็นวิญญาณอาฆาตที่แตกต่างอย่างยิ่งคนหนึ่ง


หัวของมันราวกับผีร้าย หน้าเขียวเขี้ยวงอก ดูเหี้ยมโหดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ อาวุธที่อยู่ในมือก็แปลกประหลาดยิ่ง เป็นด้ามดาบเล่มหนึ่ง


ไม่มีความแหลมคม เป็นเพียงด้ามดาบเท่านั้น แต่เมื่อมันกวัดแกว่งด้ามดาบ ก็จะมีแสงสีดำน่าพรั่นพรึงกวาดออกมา สังหารกลางอากาศ ปั่นป่วนลมเมฆ ดุดันน่ากลัวถึงขีดสุด การโจมตีน่าตระหนกเมื่อครู่นี้ก็มาจากด้ามดาบเล่มนี้!


“ระวัง!”


สีหน้าของจ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่บริเวณนั้นเปลี่ยนไปเล้กน้อย สัมผัสได้ว่าความสามารถของวิญญาณอาฆาตคนนี้ไม่ธรรมดา คงจะเป็นบุคคลชั้นยอดในกองทัพวิญญาณอาฆาต ยืมศพฝึกตน มีพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง


เพียงแต่ยามจ้าวจิ่งเซวียนเตรียมจะเข้าไปช่วยหลินสวิน นางกลับถูกวิญญาณอาฆาตอีกคนพัวพันเอาไว้ นั่นเป็นวิญญาณอาฆาตที่ร้ายกาจเช่นกัน ทำให้ในชั่วขณะหนึ่งจ้าวจิ่งเซวียนยากจะแยกร่างไปช่วยหลินสวินได้


และทางนี้ หลินสวินได้เริ่มต่อสู้อย่างดุเดือดกับวิญญาณอาฆาตที่ถือด้ามดาบนั่นแล้ว!


สวบ!


แสงมรรคทองนิลกาฬม้วนตัวออกมา แวววาวราวมายา ไอสีทองอร่ามงดงาม แต่วิญญาณอาฆาตนั่นก็เหมือนรู้ถึงอันตราย หลบหลีกโดยพลัน ไม่ปะทะซึ่งหน้ากับแสงมรรคทองนิลกาฬ


พร้อมกันนั้นมันก็กวัดแกว่งด้ามดาบ สาดไอดาบสีดำอันคมกริบสะเทือนโลกเข้าจู่โจมหลินสวิน เห็นได้ชัดว่าดุดันและแข็งแกร่งมากผิดปกติ


มันไม่เหมือนวิญญาณอาฆาต แต่เหมือนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ยอดฝีมือที่แท้จริง อีกทั้งยังมีพลังที่ไม่ด้อยไปกว่าระดับหยั่งสัจจะอย่างแน่นอน!


หลินสวินยิ่งตกใจ วิญญาณอาฆาตตนนี้ไม่ธรรมดายิ่งกว่าที่เขาคิดเสียอีก มันแปลงมาจากไอเคียดแค้นกลุ่มหนึ่งเท่านั้น กลับมีมรรควิถีที่ร้ายกาจเพียงนี้ ราวกับมีความรู้สึกนึกคิดและสติปัญญา ด้ามดาบในมือก็เห็นได้ชัดว่าเป็นสมบัติลับชำรุดชิ้นหนึ่ง…


มัน…ทำถึงขั้นนี้ได้อย่างไรกันแน่


……………..


ตอนที่ 543 ดอกบัวประหลาด

โดย

ProjectZyphon

จิตอาฆาตที่ผู้แข็งแกร่งหลงเหลือเอาไว้ตั้งแต่บรรพกาล กลับสามารถผ่านกาลเวลามาได้โดยไม่สลายไป ถึงขั้นที่สามารถยืมศพฝึกบำเพ็ญอีกครั้ง มีความรู้สึกนึกคิดและสติปัญญา!


สิ่งนี้น่าทึ่งมาก และทำให้หลินสวินอยากรู้อยากเห็น รู้สึกรางๆ ว่าต้องมีพลังลึกลับบางอย่างซ่อนอยู่ในวิญญาณอาฆาตนี้ ทำให้พวกมันเปลี่ยนไปราวกับได้เกิดใหม่


สวบ!


ด้ามดาบในมือวิญญาณอาฆาตปล่อยไอดาบสีดำตัดพันสลับขวาง ดุดันอย่างที่สุด ทำให้หลินสวินต้องใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งเพื่อหลบหลีก


ช่วยไม่ได้ เพื่อไม่ให้เป็นการเผยความสามารถ รักษา ‘ฐานะ’ ของผู้ติดตาม พลังที่สามารถแสดงออกมาได้จึงมีจำกัด


ซึ่งก็เพราะแบบนี้ ในชั่วขณะหนึ่งจึงไม่อาจสู้วิญญาณอาฆาตที่ความสามารถเทียบได้กับระดับหยั่งสัจจะ


พรึ่บ!


สุดท้ายหลินสวินกัดฟัน เงาร่างวิบไหว ต่อสู้กับวิญญาณอาฆาตพลางค่อยๆ ออกห่างจากบริเวณยานสำเภา


ความจริงตอนนี้ก็ไม่มีใครมาสนใจหลินสวิน กองทัพวิญญาณอาฆาตนั่นเยอะมาก หนาแน่นเป็นพันเป็นหมื่น ราวกับไม่มีวันฆ่าหมดได้ ทำให้คนหนังหัวชาวาบ


อีกทั้งในบรรดาวิญญาณอาฆาตก็มียอดฝีมือ เข้าไปพัวพันพวกเซียวหรัน จ้าวจิ่งเซวียน อวิ๋นเช่อ ซูซิงเฟิงเอาไว้ ต่อสู้กันจนยากจะแยกออกจากกันได้ ย่ำแย่อย่างมาก


“อ๊าก…”


เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็มีผู้ติดตามหญิงคนหนึ่งถูกลอบโจมตี ถูกวิญญาณอาฆาตตนหนึ่งฉีกอกเปิดท้อง เลือดสาดไปทั่วทะเล เป็นภาพที่คาวเลือดอย่างมาก


สิ่งที่ทำให้หนังหัวชาวาบคือ ทันทีที่ผู้ติดตามหญิงคนนั้นตายไป ศพก็ถูกวิญญาณอาฆาตเป็นร้อยเป็นพันพุ่งเข้าไปกลืนกินจนสิ้นซาก!


นี่ทำให้สีหน้าของลูกศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณยิ่งดูจริงจัง ไม่กล้าออมแรง ใช้พลังที่แท้จริงในการเข่นฆ่า


และตอนนี้หลินสวินก็ห่างจากยานสำเภามาไกลมากแล้ว ราวกับหญ้าฟางใบหนึ่งที่จมหายไปในส่วนลึกของกองทัพวิญญาณอาฆาต จนแทบจะมองไม่เห็นเงาร่างของเขา


ฆ่า!


ฉับพลันนั้นไอสังหารในนัยน์ตาหลินสวินก็พวยพุ่ง ไม่ปกปิดความสามารถอีกต่อไป งัดดาบแตกออกมาแล้วฟาดฟันออกไป


ฉัวะ! วิญญาณอาฆาตสิบกว่าตนยังไม่ทันเข้าใกล้ด้วยซ้ำ ก็ถูกแสงดาบเป็นประกายราวธารดาราตัดผ่าน ร่างกายระเบิดกระจายกลายเป็นไอชั่วร้าย


เหนือศีรษะหลินสวิน เจดีย์สมบัติไร้อักษรหมุนวนไหลลื่น สาดส่องแสงมรรคทองนิลกาฬ แผ่กระจายและม้วนดูดไอชั่วร้ายซึ่งแปรมาจากวิญญาณอาฆาตที่ตายไปเข้าไปทั้งหมด สยบไว้ภายในเจดีย์


เมื่อครู่นี้หลินสวินสังเกตเห็นว่า ไอชั่วร้ายนั่นจะกัดกร่อนจิตวิญญาณของผู้ฝึกปราณอย่างเงียบๆ แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตน


ผลลัพธ์อันมหัศจรรย์ของเจดีย์สมบัติไร้อักษรแสดงออกมาในตอนนี้ แม้ว่าแสงมรรคทองนิลกาฬจะไม่เคยถูกหลินสวินกำราบและหลอมกลั่น แต่กลับสามารถใช้งานได้ ภายใต้การม้วนกลืนของมัน ไอชั่วร้ายยังไม่ทันเข้าใกล้หลินสวินด้วยซ้ำก็ถูกดูดไปจนหมด


สวบ!


ทันใดนั้นไอดาบสีดำฟันสังหารเข้ามาอีกครั้ง เป็นวิญญาณอาฆาตที่เทียบเท่าระดับหยั่งสัจจะเมื่อครู่นี้ มันจ้องหลินสวินไม่ละสายตา ไล่ตามมาติดๆ แฝงตัวอยู่ท่ามกลางกองทัพวิญญาณอาฆาต ลอบจู่โจมหลินสวินกะทันหันเป็นระยะๆ


เห็นได้ชัดว่าความคิดอ่านและสติปัญญาที่มันมี วิญญาณอาฆาตตนอื่นๆ เทียบไม่ติดเลย


เพียงแต่การลอบโจมตีหลินสวินครั้งนี้ของมันถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องพลาด หลินสวินไม่เก็บงำความสามารถอีกต่อไป และที่ออกห่างจากยานสำเภา เป้าหมายหลักก็เพื่อตัดหัววิญญาณอาฆาตตนนี้!


เพราะฉะนั้นเมื่อรับรู้ได้ว่าวิญญาณอาฆาตตนนี้พุ่งออกมา มุมปากของหลินสวินพลันหยักรัศมีโค้งเย็นชา ไม่ถอยแต่ยังเข้าเผชิญหน้า กวัดแกว่งดาบแตกทันที


ปัง!


ไอดาบสีดำนั่นถูกบดขยี้อย่างง่ายดาย ในขณะเดียวกันหลินสวินใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง เพียงพริบตาเดียวก็ไปอยู่ตรงหน้าวิญญาณอาฆาตตนนั้น ดาบแตกที่กำจายแสงประกายดุจดาราฟันลงไป


เห็นได้ชัดว่าวิญญาณอาฆาตนั่นตะลึง ราวกับคิดไม่ถึงว่าคู่ต่อสู้คราวนี้จู่ๆ จะดุดันน่ากลัวขึ้นเพียงนี้


มันรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ หมายจะซ่อนตัวและหลบหนีตามสัญชาตญาณ


แต่เห็นได้ชัดว่าช้าไปก้าวหนึ่ง พลันได้ยินเสียงฟุ่บ วิญญาณอาฆาตนั่นถูกฟันขาดเป็นสองท่อน!


ทว่ามันกลับไม่ตาย แต่ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน เสียงทั้งขุ่นและแหบพร่า คำพูดดูคลุมเครือและแปลกประหลาด ราวกับกำลังด่าว่าหลินสวิน เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและอาฆาตแค้น


พูดได้ด้วย!?


หลินสวินหัวใจสะท้าน พลันใช้เจดีย์สมบัติไร้อักษร แสงมรรคทองนิลกาฬม้วนตัวออกมา แล้วม้วนกลืนวิญญาณอาฆาตนั่นไปทันที กำราบเข้าไปอยู่ในเจดีย์


‘วิญญาณอาฆาตที่พูดได้ ทั้งยังมีสติปัญญาและความสามารถระดับหยั่งสัจจะ คราวนี้ข้าอาจจะได้สมบัติหายากแล้ว…’


สายตาของหลินสวินเร่าร้อน เขาจำได้ว่าเพียงด้ามดาบในมือของวิญญาณอาฆาต ก็เป็นสมบัติที่แปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัวชิ้นหนึ่ง!


ครืนโครม!


เพียงแต่หลินสวินเพิ่งคิดจะออกจากตรงนั้นกลับไปที่บริเวณยานสำเภา พลันเห็นว่าในกองทัพวิญญาณอาฆาตที่อยู่บริเวณนั้นมีเงาร่างน่าพรั่นพรึงมากมายพุ่งออกมากะทันหัน คำรามเสียงแหลม เข้ามาล้อมสังหารหลินสวินโดยพร้อมเพรียงกัน


เห็นได้ชัดว่าวิญญาณอาฆาตที่หลินสวินสังหารเมื่อครู่ แม้อยู่ในกองทัพวิญญาณอาฆาตนี้ก็มีฐานะที่ไม่ธรรมดา นี่เหมือนไปแหย่รังต่อ ดึงดูดวิญญาณอาฆาตให้พุ่งเข้ามาสังหารมากกว่าเดิม


“โฮก!”


และความจริงก็เป็นเช่นนั้น วิญญาณอาฆาตที่พุ่งเข้ามาคราวนี้ พลังต่อสู้ของแต่ละตนแข็งแกร่งอุกอาจยิ่ง!


อีกทั้งตอนที่พวกมันพุ่งเข้ามาสังหารหลินสวิน ริมฝีปากยังส่งเสียงแปลกประหลาดคลุมเครือ ราวกับกำลังออกคำสั่งอย่างเกรี้ยวโกรธ ต้องการให้หลินสวินปล่อยวิญญาณอาฆาตตนนั้นซะ


‘หรือที่มาของวิญญาณอาฆาตตนนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่ข้าคิด’


หลินสวินคิดในใจเช่นนี้ ความเคลื่อนไหวกลับไม่ชักช้า เจดีย์สมบัติไร้อักษรลอยอยู่เหนือศีรษะ สาดแสงมรรคทองนิลกาฬอันเจิดจ้าสะดุดตาออกมา


และในมือของเขา ดาบแตกพวยพุ่งด้วยแสงดาราดุจฝันมายา สังหารไปทั่วทุกสารทิศ


หลินสวินในตอนนี้ราวกับเซียนท่ามกลางดาบ ใบหน้าหล่อเหลาสุภาพราบเรียบ แต่อานุภาพกลับแข็งแกร่ง ท่าทางประหนึ่งค้ำยันเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ทำลายสรรพสิ่งในจักรวาล


ฟุ่บ!


เพียงครู่เดียวเท่านั้นหลินสวินก็สังหารยอดฝีมือวิญญาณอาฆาตได้อีกตน แทบจะในขณะเดียวกัน เจดีย์สมบัติไร้อักษรพลันขับเคลื่อน ปราบปรามดูดกินไอชั่วร้ายที่แปรสภาพจากวิญญาณาอาฆาตจนหมดสิ้น


ฆ่า!


หลินสวินต่อสู้อยู่ในส่วนลึกของกองทัพวิญญาณอาฆาตไม่หยุด ทยอยสังหารยอดฝีมือวิญญาณอาฆาตตนแล้วตนเล่า ส่วนวิญญาณอาฆาตธรรมดาเหล่านั้น ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกประกายดาบที่ยิงออกไปจากดาบแตกบดขยี้แหลกละเอียด


ภาพนั้นก็เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน


ถึงอย่างไรตรงนี้ก็เป็นส่วนลึกของกองทัพวิญญาณอาฆาต รอบตัวหลินสวินเต็มไปด้วยวิญญาณอาฆาต ราวกับถูกล้อมอย่างหนาแน่น


ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ คงจะรู้สึกร้อนรนและตื่นกลัวตั้งนานแล้ว หวังสังหารเปิดทางออกจากการปิดล้อม กลับไปที่บริเวณยานสำเภา


แต่หลินสวินยิ่งสู้ยิ่งห้าวหาญ สังหารอย่างเมามัน ไม่คิดถอนตัวกลับไปตอนนี้ ดูแข็งแกร่งอย่างที่สุด


นี่อาจเป็นการต่อสู้ที่บ้าบิ่นและเต็มที่ที่สุดของหลินสวินในระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นสมบูรณ์ เปรมปรีดิ์มีสุขยิ่ง ทำให้เขาไม่จำเป็นสะกดข่มตนเอง และไม่ต้องระวังเหมือนยามอยู่ในนครต้องห้าม มีเพียงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ล้วนๆ ที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจเขา!


โชคดีที่ตรงนี้คือส่วนลึกของกองทัพวิญญาณอาฆาต ห่างจากยานสำเภาไกลมาก อีกทั้งพวกเซียวหรัน จ้าวจิ่งเซวียนต่างกำลังต่อสู้อย่างดุเดือด ไม่ได้สังเกตมาทางนี้


มิฉะนั้นถ้าเห็นหลินสวินที่เป็น ‘ผู้ติดตาม’ ระดับมหาสมุทรวิญญาณ แต่กลับสำแดงพลังต่อสู้ที่วิปริตพลิกฟ้าเช่นนี้ เกรงว่าจะทำให้ศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณตื่นตะลึง


เพราะ ‘ยอดฝีมือวิญญาณอาฆาต’ แต่ละตนล้วนเทียบเท่าระดับหยั่งสัจจะ แต่ภายใต้การพิชิตของหลินสวิน กลับเหมือนกุยช่ายที่ถูกตัดอย่างไร้ปรานีทีละต้น!


บางทีนี่อาจจะดูเหลือเชื่อมาก แต่สำหรับหลินสวิน นี่ต่างหากที่ปกติ เพราะเขาเคยสังหารระดับหยั่งสัจจะตั้งแต่เมื่อครั้งอยู่ในแดนวิญญาณโบราณแล้ว


ปัจจุบันพลังปราณ จิตวิญญาณและร่างกายของเขาล้วนบรรลุสู่ขั้นสมบูรณ์สูงสุด อีกทั้งยังควบคุมพลังสัจวิถีธาตุน้ำได้อย่างพลิกฟ้า ผนวกกับอาวุธสังหารทั้งสองชิ้นอย่าง ‘เจดีย์สมบัติไร้อักษร’ และ ‘ดาบแตกแสงดารา’ ถ้ายังฆ่าระดับหยั่งสัจจะไม่ได้ นั่นถึงจะเรียกว่าเรื่องตลก


ฆ่า!


เส้นผมสีดำของหลินสวินพลิ้วไหว รอบตัวส่องแสงประกาย อบอวลด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สีฟ้า มหาสมุทรวิญญาณในร่างโคจรโหมคลั่ง ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดในหัวใจก็แผ่กลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์ ราวกับหุบเหวที่ฟื้นจากการหลับใหล เกิดพลังกลืนกินท้องฟ้า


เขาในตอนนี้ห้าวหาญดุดัน แสงดาบม้วนเป็นธารดารา ท่าทางหยามเหยียด กลิ่นอายกลืนกินธาราขุนเขา ราวกับเทพมารหนุ่มน้อยก็ไม่ปาน


แม้อยู่ในวงล้อมหนาแน่นของกองทัพวิญญาณอาฆาต แต่กลับมีท่าทีที่ไร้เทียมทาน!


หลินสวินเลือดระอุร้อนเร่า ดวงตาดำสงบนิ่งเป็นประกายลึกล้ำ ตอนอยู่ในนครต้องห้าม ไม่ว่าจะดวลกับใครก็ต้องคอยระวังและคิดถึงหลายเรื่องมากเกินไปจนไม่กล้าทำอะไร ทำให้เขายากจะสำแดงพลังออกมาได้อย่างเต็มที่


แต่ในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณ ท่ามกลางการล้อมกรอบอันแน่นหนาของกองทัพวิญญาณอาฆาต กลับทำให้หลินสวินสามารถต่อสู้ได้อย่างไม่ต้องกังวลสิ่งใด ทิ้งพันธะและความกังวลทั้งหมด ความรู้สึกนี้ช่างมีความสุข มีความสุขมาก!


ในระหว่างการต่อสู้ วิญญาณอาฆาตที่ถูกหลินสวินสังหารเยอะมาก ที่ถูกเจดีย์สมบัติไร้อักษรปราบก็ไม่น้อยเช่นกัน


ทว่าหลินสวินไม่สนใจพวกวิญญาณอาฆาตธรรมดาแล้ว ด้วยตัวที่ถูกเขากำราบ ล้วนเป็นยอดฝีมือวิญญาณอาฆาตที่มีความนึกคิดและสติปัญญา


จวบจนถึงตอนนี้ อย่างน้อยๆ ก็มียอดฝีมือวิญญาณอาฆาตถูกสยบในเจดีย์สมบัติไร้อักษรสิบกว่าตนแล้ว แน่นอนว่าที่มากกว่านั้นคือตายอย่างสิ้นซากภายใต้ดาบแตกของหลินสวิน


หืม?


จู่ๆ หลินสวินก็รู้สึกเจ็บบริเวณหว่างคิ้วอย่างรุนแรง สี่ด้านแปดทิศประหนึ่งมีกระบี่คมเล่มแล้วเล่มเล่าฟันมา หมายจะทำลายจิตวิญญาณของเขา!


นี่คือการโจมตีจิตวิญญาณอันไร้รูปร่างแต่ราวกับเป็นกระบี่คม เรียกได้ว่าแปลกประหลาดน่ากลัว จู่โจมออกมากะทันหัน ทำให้ตั้งตัวไม่ทัน


ตูม!


หลินสวินพลันกัดฟันโคจร ‘เคล็ดเวทบริกรรม’ ใช้ ‘ดาราจักรโคจร’ เข้าพิทักษ์ห้วงนิมิต


แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น บริเวณหว่างคิ้วของเขาก็ยังมีเลือดไหลลงมาหยดหนึ่ง ไม่ถือว่าบาดเจ็บอะไร แต่กลับอันตรายมากยิ่ง


หากไม่มี ‘เคล็ดเวทบริกรรม’ พิทักษ์ห้วงนิมิต การจู่โจมในครั้งนี้คงจะสร้างบาดแผลรุนแรงให้กับจิตวิญญาณของเขาแน่ ถึงขั้นที่จิตสลายวิญญาณแตกซ่าน!


ใคร!?


หลินสวินใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งหนีไปไกล ในขณะเดียวกันสายตาก็กวาดมองไปรอบๆ แต่กลับเห็นว่ากองทัพวิญญาณอาฆาตทั้งแถบถูกไอชั่วร้ายสีเทาอันมืดทะมึนปกคลุม จนดูไม่ออกว่าการโจมตีเมื่อครู่นี้มาจากไหน


นี่ทำให้หลินสวินรู้สึกประหลาดใจ หัวใจสั่นสะท้าน ตระหนักได้ว่าในกองทัพวิญญาณอาฆาตยังมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่า!


และทำให้เขาสงบลงอย่างสิ้นเชิง ไม่กล้ารั้งอยู่ต่ออีก เริ่มขยับเข้าใกล้ยานสำเภาที่อยู่ในห่างไกลอย่างสุดกำลัง


ฮูม…


แต่หลินสวินเพิ่งคิดจะไป การโจมตีทางจิตวิญญาณอันน่าสยดสยองพรั่นพรึงสายหนึ่งก็โฉบเข้ามาเงียบๆ อีกครั้ง ราวกับกระบี่เซียนหลายเล่มที่หมายจะตัดวิญญาณของหลินสวิน!


อีกทั้งการโจมตีนี้ยังมาพร้อมกับแสงสีดำลี้ลับแถบหนึ่ง แปลงเป็นดอกบัวที่เย็นเยียบแปลกประหลาด ลอยเข้ามาหาหลินสวิน


หลินสวินหวาดหวั่น ขนลุกซู่ไปทั้งร่าง ตระหนักได้ถึงอันตรายรุนแรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ดอกบัวที่เย็นเยียบแปลกประหลาดขนาดประมาณฝ่ามือหนึ่งดอก แต่กลับเหมือนซ่อนพลังลี้ลับน่าพรั่นพรึงที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดเอาไว้ ราวกับว่าแค่แตะต้องมัน พลังชีวิตก็จะเหี่ยวแห้งและพินาศลงทันที…


ตูม!


หลินสวินไม่กล้าลังเลสักนิด ในขณะที่โคจรเคล็ดเวทบริกรรมก็กวัดแกว่งดาบแตกอย่างไม่ลังเล สำแดงกระบวนท่า ‘สอยจันทรา’ ฟันสังหารออกไป!


——

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)