Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 528-531

 ตอนที่ 528 ความแค้นในปีนั้นขาดสะบั้นในวันนี้ (เจ็ด)

โดย

ProjectZyphon

ทันทีที่ถ้อยคำของเหยาทั่วไห่เปล่งออกมา ก็ทำให้กลุ่มผู้แข็งแกร่งที่อยู่ข้างกายหลินสวินต่างประหลาดใจยิ่งยวด เจ้าหมอนี่บ้าไปแล้วหรือไร


พินาศย่อยยับ?


ลำพังแค่พลังน้อยนิดของพวกเขาตระกูลเหยา ก็กล้าพูดเหลวไหลถึงเพียงนี้เชียว


กระทั่ง…แม้แต่คนตระกูลเหยาเหล่านั้นยังตื่นตระหนก มึนงงเช่นเดียวกัน


มีเพียงหลินสวินเท่านั้นที่ในใจรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรงเพิ่มขึ้นมา ก่อนหน้าที่เขาจะมาจังหวัดชิงเฟิง ก็รู้อยู่แล้วว่าอาศัยเพียงพลังของเหยาทั่วไห่ คงไม่กล้าต่อต้านตนอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้เป็นอันขาด


กล่าวอีกนัยหนึ่ง หลินสวินสงสัยมาตลอดว่าเบื้องหลังของเหยาทั่วไห่ยังมีพลังที่แข็งแกร่งคอยบงการทุกอย่างอยู่


เวลานี้ได้ยินเหยาทั่วไห่เอ่ยเช่นนี้ ทำให้หลินสวินสรุปได้ทันทีว่าความสงสัยของตนเป็นไปได้ว่าจะเป็นเรื่องจริง!


เคร้ง~


ทว่าไม่รอให้หลินสวินมีปฏิกิริยา ก็เห็นพื้นดินที่อยู่ไม่ไกลนักพลันมีเสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นระลอกหนึ่ง


นั่นคือโซ่ที่ทำจากกระดูกขาวเส้นหนึ่ง คละคลุ้งด้วยกลิ่นอายเย็นเยียบสั่นสะท้านหาใดเปรียบ ไอสังหารสีเลือดพวยพุ่งออกมาจากพื้นผิว กลายเป็นภาพมายาที่ดูคล้ายปีศาจชั่วร้าย


เดิมทีนี่เป็นสมบัติที่เหยาทั่วไห่ขว้างออกมา หมายจะให้หลินสวินมัดมือแล้วจับกุมไป เพียงแต่เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในเวลาต่อมา หลายคนจึงละเลยโซ่เส้นนี้


ทว่าในขณะนี้มันกลับเคลื่อนไหวอย่างแปลกประหลาด ประหนึ่งว่ามีชีวิต จู่ๆ ก็เหยียดตัวออกคล้ายกับหอกยาวกระดูกขาวเล่มหนึ่ง ก่อนพุ่งโจมตีออกไปกะทันหัน


ตูม!


ห้วงอากาศระเบิดเป็นเสี่ยงเหมือนกระดาษทันที ต้านทานอำนาจการโจมตีนี้เอาไว้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย น่ากลัวเกินไปแล้ว เหมือนแสงของกระดูกขาวที่มิอาจทัดเทียมได้ ราวกับสามารถทะลุทะลวงทุกอย่าง ทำลายล้างสรรพสิ่ง


สีหน้าของหลินสวินเปลี่ยนไปกะทันหัน สูดหายใจเย็นเยียบ ผิวหนังทั่วร่างเจ็บแปลบ ขนพองสยองเกล้า รับรู้ได้ถึงการคุกคามแห่งความตายจนแทบหายใจไม่ออก


ชิ้ง!


เขาเปล่งเสียงตะโกนลั่น พลังทั่วร่างโคจรถึงขีดสุดในพริบตา ดาบหักกลางฝ่ามือระเบิดประกายดาราสีเงิน ฟันผ่าออกมา


ระยะประชิดเกินไป ทำให้หลินสวินหลบเลี่ยงไม่ทัน ได้แต่ขืนสู้


ปัง!


เสียงปะทะดังสนั่นหวั่นไหว ฟ้าดินแถบนี้ตกอยู่ในความวุ่นวาย


หลินสวินรู้สึกเพียงว่าทั่วร่างราวกับถูกกระแทกอย่างหนัก ลำแขนเกือบจะถูกซัดแตก เลือดกบปากจมูก ทั้งตัวเกือบจะถูกซัดสะเทือนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในพริบตา


ความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายได้ทำให้หลินสวินส่งเสียงอู้อี้ ถลาลอยออกไปอย่างรุนแรง


การโจมตีครั้งนี้น่าหวาดกลัวเกินไป หากไม่ใช่เพราะร่างกายของเขาในตอนนี้มาถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว เกรงว่าจะถูกสังหารแหลกสลายภายใต้การโจมตีหนนี้ไปแล้ว!


ควรรู้ว่าด้วยพลังในปัจจุบันของหลินสวินสามารถประจันหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะได้ ทว่าตอนนี้ เพียงแค่การโจมตีหนเดียว เขาก็ถูกซัดพินาศโดยสิ้นเชิง ไม่มีพลังจะโต้กลับแม้แต่น้อย แค่คิดก็รู้ว่าพลังของโซ่กระดูกขาวเส้นนี้น่ากลัวเพียงใด


“หลินสวิน!”


ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ใกล้ๆ เหล่านั้นต่างตกใจ ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป และเสร็จสิ้นในชั่วพริบตา เร็วเสียจนทำให้พวกเขาตอบสนองไม่ทัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเข้าไปช่วยเหลือเลย


ในความเป็นจริงใครก็คิดไม่ถึง แค่โซ่กระดูกเส้นเดียวเท่านั้นถึงกับกลายเป็นไอสังหารยิ่งใหญ่ในพริบตา และระเบิดออกมากะทันหัน!


“หืม? ถึงกับสกัดการโจมตีของข้านี้ได้ เป็นหนูน้อยที่น่าสนใจทีเดียว”


โซ่กระดูกเส้นนั้นส่งเสียงแหบแห้ง ต่ำลึก และเย็นเยียบออกมา มีพลังอันแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง น่าสะทกสะท้าน เร้นลับอย่างยิ่ง


หลินสวินซวนเซทรุดลงพื้น ฝุ่นควันลอยคลุ้ง สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมหาใดเปรียบ การโจมตีครั้งนี้เกือบทำให้เขาตาย พาให้ภายในใจเขายากจะสงบลงได้


นี่มันพลังแกร่งกล้าระดับไหนกันแน่


“หยุดมันก่อน!”


ผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจของพวกอัครการค้าสีหน้าเคร่งขรึม ลงมือพร้อมกัน พวกเขาล้วนเป็นผู้อยู่ในระดับหยั่งสัจจะ ทว่าตอนนี้กลับปล่อยให้คนทำร้ายหลินสวินใต้จมูก นี่ทำให้พวกเขาหน้าถอดสีอยู่บ้าง


ตูม โครม ครืน~


ฟ้าดินทั้งผืนวุ่นวาย เต็มไปด้วยวิชาลับ แสงสมบัติ พลังแห่งสัจจะมหามรรคที่พลุ่งพล่าน ทำลายห้วงอากาศ ฉีกทึ้งแผ่นดินซัดสาดออกไปอย่างโหดเหี้ยมดุจกระแสน้ำ


ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งออกมือ เพียงพอที่จะเผาภูผาต้มมหาสมุทร ทำลายล้างฟ้าดินแถบหนึ่งได้


และในเวลานี้ ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะกลุ่มหนึ่งซัดโจมตี นี่ราวกับภัยพิบัติคับฟ้ามาเยือนชัดๆ มีพลังทำลายล้างที่ไม่อาจจินตนาการได้


คนตระกูลเหยาที่อยู่ห่างออกไปหนาวสะท้านไปทั้งร่าง ไม่กล้าจินตนาการว่าหากถูกผู้แข็งแกร่งกลุ่มนี้บุกเข้าตระกูล จะเกิดภัยพิบัติน่ากลัวระดับไหน


มีเพียงเหยาทั่วไห่ที่นิ่งเฉย ยืนสองมือไพล่หลังอยู่ตรงนั้น ลำแสงอสนีฉายวาบในดวงตา ในใจก็มีความฮึกเหิมหนึ่งเดือดคลั่งอยู่


ในที่สุดก็ถึงคราวอวสานเสียที!


“ฮ่าๆ เจ้าพวกแมลงตัวน้อยนี่ กล้าท้าดวลกับข้าหรือ ไสหัวไป!”


เสียงเย็นเยียบแหบแห้งนั้นดังขึ้น ประดุจสายฟ้าเขย่าโลกันตร์ เหมือนราชันไร้เทียมทานกำลังสำแดงฤทธิ์


เสียงโครมครามดังขึ้น พลันเห็นว่าในโซ่กระดูกขาวนั้นมีเงาร่างกำยำพุ่งออกมาฉับพลัน เบียดดันฟ้าดิน มือใหญ่เพียงโบกสะบัดคราเดียว เสียงก้องดังสนั่น แตกดับทั่วทิศ!


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!


พริบตาเดียวเท่านั้น ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะทั้งกลุ่มถูกซัดปลิวออกไปอย่างหนักราวกับกระดาษ ปากกระอักเลือด ซวนเซทรุดลงพื้น สะบักสะบอมหาใดเปรียบอย่างเห็นได้ชัด


นี่มันน่าตกใจเกินไป ใครจะกล้าคิดว่ามหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะที่สามารถวางโตในมณฑลซีหนานได้ ในเวลานี้กลับมีสภาพเช่นนี้


คนตระกูลเหยาเบิกตากว้าง ประหนึ่งมองเห็นฉากอัศจรรย์ ลมหายใจล้วนยุดชะงัก แกร่งเกินไปแล้ว! เพียงแค่โบกมือก็ขับไล่ผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะทั้งกลุ่มได้ เสียงก้องดังสนั่น ทำให้ทั่วทิศสั่นสะเทือน นี่…หรือจะเป็นราชันระดับสังสารวัฏ?


ทันใดนั้นพวกเขาก็โห่ร้องอย่างยินดี ย่ามใจหาใดเปรียบ มีผู้แข็งแกร่งนั่งบัญชาการ มิน่าหัวหน้าตระกูลถึงได้มั่นใจถึงเพียงนี้!


เมื่อมองเหยาทั่วไห่อีกครา เวลานี้ใบหน้าฉายรอยยิ้ม มีท่าทางเหมือนทุกอย่างอยู่ในกำมือสิ้นแล้ว


ถูกต้อง นี่ต่างหากที่เป็นไพ่ตายที่แท้จริงของเขา!


เขาเหยาทั่วไห่ท่องโลกมานานปี จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าหากต้องการฆ่าหลินสวินในตอนนี้ ต้องพบเจออุปสรรคมากมาย


แล้วมีหรือจะคาดเดาไม่ได้ว่า เด็กหนุ่มผู้กล้าอย่างหลินสวินย่อมไม่อาจรุดหน้ามารนหาที่ตายเพียงลำพัง


แต่ที่เหยาทั่วไห่กล้าทำถึงขนาดนี้ ก็เพราะเขามั่นใจไร้กังวล และไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย!


……


เงาร่างกำยำนั้นดุจดั่งตระหง่านเหนือฟ้า ทันทีที่ปรากฏตัว พลังน่าหวาดหวั่นก็ปกคลุมทุกทิศทาง ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดนี้อย่างสมบูรณ์


ท่ามกลางความเลือนราง ฟ้าดินประหนึ่งกำลังคร่ำครวญ ห้วงอากาศพังทลาย สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่ารอบๆ เงาร่างกำยำนั้นมีสัจจะมหามรรคอันเก่าแก่มากมายอุบัติขึ้น ทั้งลึกลับและน่ากลัว คล้ายกำลังจะสยบพลังทุกอย่างบนโลกใบนี้


นี่คือพลังที่เหนือกว่าระดับหยั่งสัจจะโดยสิ้นเชิง กระทั่งแข็งแกร่งยิ่งกว่าระดับกระบวนแปรจุติไม่รู้กี่เท่า ทำให้ผู้คนทอดมองจากระยะไกลก็ยังสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังและกระจ้อยร่อย


ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับราชันผู้หยัดยืนอยู่ปลายยอดหมู่เขาอย่างภาคภูมิ ทำได้เพียงค้อมศีรษะสวามิภักดิ์ น่าเกรงขามไม่อาจลบหลู่!


สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ในลานมีคนมากมายเพียงนั้น แต่ไม่มีใครสักคนที่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของเงาร่างกำยำนั้นได้ชัดเจน ยากสัมผัสหยั่งถึงดุจดั่งเทพเจ้า


ทันใดนั้นสีหน้าของผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะจากขุมอำนาจของพวกอัครการค้าในลานต่างเปลี่ยนไปอย่างมาก ภายในใจผุดความหวาดกลัวขึ้นมาสายหนึ่ง ราวกับตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง


ราชันระดับสังสารวัฏ!


ด้วยสายตาของพวกเขา ย่อมสามารถแยกแยะพลังของเงาร่างกำยำนั่นได้ และเพราะเป็นเช่นนี้จึงทำให้พวกเขารู้สึกเหลือเชื่อ


ใครจะกล้าจินตนาการว่าในตระกูลเหยาแห่งจังหวัดชิงเฟิงนี้ จะถึงขั้นมีราชันผู้ยืนหยัดอยู่ปลายยอด เหยียดมองทั่วทั้งจักรวรรดินั่งบัญชาการอยู่!


แม้แต่หลินสวินก็ยังนิ่งงันไป ราชันระดับสังสารวัฏเชียว! มิน่าเหยาทั่วไห่ถึงได้มั่นใจไร้กังวลถึงเพียงนี้…


เพียงแต่หลินสวินยังคงคิดไม่ตก เหยาทั่วไห่วางแผนมาเนิ่นนานเพียงนี้ เหตุใดเอาแต่คิดจะฆ่าตน กระทั่งไม่เสียดายที่ต้องล่วงเกินขุมอำนาจอย่างพวกอัครการค้าหรือตระกูลหนิง


เจตนาที่แท้จริงของเขาคืออะไร


ในมุมมองหลินสวิน เบื้องหลังการกระทำใดๆ ย่อมต้องซ่อนแรงจูงใจบางอย่างเอาไว้เสมอ พวกที่แผนการล้ำลึกอย่างเหยาทั่วไห่ ถ้าไม่มีจุดประสงค์และเป้าหมายที่เพียงพอ เกรงว่าคงไม่ทำเรื่องบ้าดีเดือดเช่นนี้ออกมา


ทุกอย่างนี้ดูเหมือนเชื่องช้า ความเป็นจริงกลับเกิดขึ้นในพริบตาเดียว


ราชันแห่งระดับสังสารวัฏปรากฏกาย ลำพังแค่อานุภาพก็เพียงพอจะสั่นสะเทือนศัตรูทั่วสารทิศได้อยู่แล้ว ทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะไม่สามารถต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย


เพียงแต่เห็นได้ชัดว่า เป้าหมายของราชันแห่งระดับสังสารวัฏผู้นี้คือหลินสวิน เห็นผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะพวกนั้นเป็น ‘แมลง’ และไม่สนใจทั้งสิ้น


“เจ้าหนู ออกเดินทางกับข้าสักเที่ยวเถิด ผู้มากความสามารถเช่นเจ้า อยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่าแห่งนี้รังแต่จะกลบฝังพรสวรรค์ให้เสียเปล่า”


เงาร่างกำยำเอ่ยปาก แหบแห้งเย็นเยียบ ดุจดั่งลมมืดมนจากนรก พาให้ผู้คนขนลุกซู่ ความหนาวเย็นถาโถมไปทั่วร่าง


ไม่อาจขัดขืนได้!


เพียงแค่อานุภาพไร้รูปร่างสายหนึ่ง ยังสามารถกำราบหลินสวินจนขยับไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว ความแตกต่างระหว่างระดับพลังนั้นห่างไกลเกินไป


เสมือนว่าอีกฝ่ายสามารถกำจัดเขาทิ้งได้ง่ายๆ เพียงแค่ความคิดเดียวเท่านั้น!


นี่ก็คือพลังของราชันระดับสังสารวัฏ เมินเฉยผู้คน ควบคุมมวลประชา คิดจะต่อต้านเขานั้น เว้นเสียแต่จะเป็นผู้อยู่ในระดับเดียวกัน…


มิเช่นนั้นทุกอย่างก็เหมือนมดปลวก ได้แต่หมอบคลานเท่านั้น!


เป็นอีกครั้งที่หลินสวินรู้สึกถึงความไร้พลังอย่างสิ้นเชิง เพียงแต่เขาในเวลานี้ สีหน้ากลับไม่ได้ผุดความสิ้นหวังและตื่นตระหนกใดๆ


“เพราะอะไร”


หลินสวินถามน้ำเสียงแหบพร่า มุมปากยังคงมีเลือดหลั่ง การโจมตีเมื่อครู่ ถึงจะไม่ได้ฆ่าเขา แต่ก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บเอาเรื่องอยู่


นั่นสินะ เพราะอะไร?


เหยาทั่วไห่วางแผนมาเป็นเวลานานขนาดนี้ ในที่สุดก็งัดไม้ตายอย่างราชันระดับสังสารวัฏผู้นี้ออกมา เพียงเพื่อจะเอาตัวหลินสวินไปเท่านั้นหรือ


“ฮ่าๆๆ หลินสวิน คราวนี้เจ้าควรจะรู้สึกโชคดีถึงจะถูก ข้าเคยบอกแล้วว่าจะมอบโชคดียิ่งใหญ่ให้เจ้า ตอนนี้ความโชคดีนี้ก็ตั้งอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว เจ้าไม่เพียงแต่ไม่ควรเกลียดข้า ซ้ำยังต้องซาบซึ้งปลื้มใจต่อข้าด้วยถึงจะถูก!”


เหยาทั่วไห่ที่อยู่ห่างออกไปหัวเราะลั่น อิ่มเอมใจยิ่งนัก


หลินสวินไม่ได้สนใจเขา เพียงแต่จดจ้องเงาร่างกำยำที่อยู่ไกลออกไป คล้ายคิดจะมองให้ทะลุร่างจริง และจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา


น่าเสียดาย ทุกอย่างนี้ถึงล้วนเปล่าประโยชน์ ทุกสิ่งของราชันระดับสังสารวัฏ ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถสัมผัสได้แม้แต่น้อย


“ไปกับข้า ภายหน้าเจ้าก็จะเข้าใจเอง”


เงาร่างกำยำไม่รีรออีกต่อไป สะบัดแขนเสื้อ เอื้อมมือหมายจะคว้าหลินสวินที่อยู่บนพื้น การเคลื่อนไหวนั้นเบาหวิว ดูสบายเหมือนไปจับแมลงตัวเล็กตัวหนึ่ง


แต่ภายใต้การโจมตีครั้งนี้ อย่าว่าแต่หลินสวินเลย ต่อให้เป็นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติมา ก็ยากจะหลบเลี่ยงได้!


“หลินสวิน!”


ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะเหล่านั้นต่างร้องตะโกน ภายในใจทั้งเจ็บปวดและโกรธเคือง ต่างไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป


มีเพียงหลินสวินเท่านั้นที่เยือกเย็นมากอย่างเห็นได้ชัด


เขานั่งอยู่บนพื้นไม่ขยับเขยื้อน ดูเหมือนละทิ้งการดิ้นรนทั้งหมดแล้ว


ทว่าขณะที่มือใหญ่ข้างนั้นเอื้อมลงมา ตอนที่ใกล้จะจับหลินสวินได้ ทันใดนั้นหมัดหนึ่งก็ขวางอยู่ตรงหน้าหลินสวิน


หมัดนั้นราวกับแหวกห้วงอากาศ ทอดข้ามสายน้ำแห่งกาลเวลาเข้ามา แฝงด้วยอานุภาพแข็งกล้า บุกทะลวงตรงมาอย่างห้าวหาญ!


——


ตอนที่ 529

โดย

ProjectZyphon

หมัดนั้นเรียบง่าย แน่วนิ่ง ไม่มีกลิ่นอายเผาผลาญแม้เศษเสี้ยว แต่กลับมีอานุภาพยิ่งใหญ่กว้างขวางไร้ขีดจำกัด ราวกับสามารถทะลุผ่านอดีตปัจจุบัน มุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างอาจหาญ บดขยี้ทุกสรรพสิ่ง!


ตึง!


มือใหญ่ที่เอื้อมลงมาถูกหมัดเดียวซัดกระจายกลายเป็นฝนแสง


จากนั้นฝนแสงที่แตกกระจายก็ถูกลมหมัดลบล้างไป


ที่น่ากลัวที่สุดคือ หมัดพุ่งไปอย่างไร้สิ่งกีดขวาง ซัดตรงไปยังร่างกำยำซึ่งอยู่ไกลออกไป เรียบง่าย ตรงไปตรงมา และเผด็จการ!


นี่พอที่จะทำให้โลกสั่นสะเทือน นั่นเป็นถึงพลังแห่งราชันระดับสังสารวัฏ แต่เวลานี้กลับถูกหมัดที่จู่ๆ ก็โผล่มาซัดกระจาย


ทุกคนต่างตะลึงงันอยู่ตรงนั้น เดิมทีการปะทะกันระดับนี้ แค่เพียงผลกระทบที่กระจายออกมาก็เพียงพอจะทำลายสรรพสิ่งให้กลายเป็นจุณ กำจัดสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงนั้นทั้งมวล


เพียงแต่ภายใต้การควบคุมของลมหมัดนั่น ทั้งหมดล้วนถูกคลี่คลายจนมองไม่เห็น!


นี่เป็นพลังที่แข็งแกร่งระดับไหนกัน ถึงสามารถทำได้ถึงขั้นนี้


ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะเหล่านั้นพลุ่งพล่านถึงขีดสุด ตระหนักได้ว่าในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ ต้องมีราชันระดับสังสารวัฏผู้อยู่ในระดับเดียวกันอีกคนมาเยือนแน่นอน!


แต่กับตระกูลเหยาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เหล่าคนในตระกูลราวกับถูกฟ้าผ่า ต่างงุนงงกันอยู่ตรงนั้น ราชันระดับสังสารวัฏออกมือเองแต่ถูกคนสกัดกั้นไว้ได้?


นี่เป็นไปได้อย่างไร


โดยเฉพาะเหยาทั่วไห่ ก่อนหน้าเขายังอิ่มเอมยินดี เวลานี้สีหน้ากลับเปลี่ยนไปอย่างมาก ตัวแข็งทื่อไปหมด เดิมคิดว่าสถานการณ์ถูกชี้ชัดไว้แล้ว หลินสวินต้องไม่อาจต้านลิขิตสวรรค์ได้แน่ แต่ใครจะคิดว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้น


เห็นจะมีเพียงหลินสวินที่ยังคงนิ่งสงบ แต่ในส่วนลึกของจิตใจ ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าความจริงแล้วเขาก็ตื่นเต้นถึงขีดสุดเช่นกัน เพียงแต่เวลานี้ในที่สุดก็ผ่อนคลายลงได้


“หนิงปู้กุย!”


ร่างกำยำนั่นประหลาดใจอยู่บ้าง ทั่วร่างปรากฏแสงน้ำเลื่อมพรายน่าพรั่นพรึง เปรียบดั่งสมุทรเทพยืนตระหง่านบนผืนน้ำกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ระลอกคลื่นม้วนซัดสาดอบอวลไปทั่วร่าง


“เหอะๆ ข้าก็ว่าใครช่างหน้าไม่อายเช่นนี้ ถึงขั้นลงมือกับเด็กคนหนึ่งอย่างไร้ยางอาย ที่แท้ก็เจ้าเรือดเฒ่ารักตัวกลัวตายอย่างเจ้านี่เอง! คิดไม่ถึงว่าเจ้าถึงกับกล้าข้ามชายแดนจากจักรวรรดิมืดมาลำพองในจักรวรรดิจื่อเย่าของข้า เช่นนั้นวันนี้ก็จงตายอยู่ที่นี่ซะเถอะ!”


ทันใดนั้นเสียงหัวเราะหยาบกระด้างหนึ่งดังก้องขึ้น ปั่นป่วนเก้าชั้นฟ้า คลื่นเสียงแผ่ขยายเป็นวงกว้าง สั่นสะเทือนจนเหล่าคนตระกูลเหยาสับสนมึนงง เลือดลมสูบฉีดทั่วร่าง แทบจะถูกช่วงชิงจิตวิญญาณ!


ราชันเลือดเหล็กหนิงปู้กุย!


ทุกคนต่างตกตะลึงคาดไม่ถึง ผู้ที่ออกมือถึงกับเป็นบุคคลในตำนานอย่างราชันเลือดเหล็กคนนี้!


เขาเคยสาบานว่า ชีวิตนี้อยู่เพื่อการต่อสู้ แม้ตายก็ต้องหนุนนอนบนภูเขาศพทะเลเลือด เทียบท้านภา หลับใหลไปกับปฐพี!


ราชันผู้นี้ชั่วชีวิตคร่ำหวอดในการศึก ยกทัพปราบปรามกลางสมรภูมิ สั่นสะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบทิศ แต่มาวันนี้กลับปรากฏตัว จะไม่ให้ผู้คนสั่นสะท้านได้อย่างไร


แม้แต่หลินสวิน หลังได้ยินเสียงหัวเราะองอาจผึ่งผายหาใดเปรียบของหนิงปู้กุย ภายในใจก็ปั่นป่วนไม่หยุด คำว่าราชันคืออย่างนี้นี่เอง!


ครืน!


ยังไม่ทันสิ้นเสียง ร่างสูงใหญ่ผ่าเผยร่างหนึ่งปรากฏบนผืนฟ้าก่อนตวาดลั่น “เจ้าเรือดเฒ่า ไสหัวมาสู้กันสักตั้ง!”


อานุภาพผงาดผยอง ราวเทพสงครามเหลือบมองลงมายังมนุษยโลก


“หึ เหตุใดจะไม่กล้า คิดจริงๆ หรือว่าที่ข้าไม่ได้ออกมาข้างนอกหลายปีเป็นเพราะกลัวเจ้าหนิงปู้กุย”


ร่างกำยำนั่นแค่นเสียงเย็นชา ยังไม่ทันเห็นเขาเคลื่อนไหว ทั้งร่างก็หายไปกลางอากาศ พุ่งขึ้นไปเหนือชั้นฟ้า


“ฮ่าๆๆ วันนี้ข้าจะสังหารเจ้าเฒ่าหน้าด้านอย่างเจ้า ดูซิว่าเจ้าจะยังกล้าปากแข็งอยู่ไหม!”


หนิงปู้กุยหัวเราะร่า ก้าวเท้าไปกลางอากาศและตามขึ้นไป


ทันใดนั้นเองบนผืนฟ้าก็เปิดฉากการต่อสู้สะเทือนใต้หล้าของราชันระดับสังสารวัฏ แต่ด้วยระยะที่ห่างไกลกันเกินไป เสมือนกำลังสู้รบอยู่ในหมู่ดาวเหนือฟากฟ้า ทำให้ผู้คนมองเห็นไม่ถนัด


เพียงแต่ได้ยินเสียงสั่นสะเทือนเป็นระลอกราวเสียงคำรามของภูตผีปีศาจ แหวกทลายชั้นบรรยากาศถาโถมทั่วทศทิศ


ทั้งมีสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์เรืองแสงเหลือคณานับ เปล่งประกายเจิดจรัสไขว้พาดอยู่นอกผืนฟ้า ประหนึ่งฝนแสงอันเกิดจากดารามากมายที่แตกสลาย น่าพรั่นพรึงหาใดเปรียบ


นี่คือการต่อสู้ระหว่างราชันระดับสังสารวัฏ!


หากปะทุขึ้นบนโลกเพียงครั้ง นั่นต้องเป็นภัยพิบัติราวมหาพิบัติวันสิ้นโลกฉากหนึ่งเป็นแน่ สามารถทำลายใต้หล้าลงได้อย่างง่ายดาย พาให้สรรพชีวิตทุกข์ทรมานแสนสาหัส


มีเพียงกรีธาทัพไปเหนือน่านฟ้าเท่านั้น จึงจะสามารถหลีกเลี่ยงคลื่นสะเทือนที่ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมบนโลกมนุษย์นี้ได้


ทุกคน ณ ที่นั้นต่างตกตะลึง


ไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู ต่างก็ไม่อาจจินตนาการได้ว่าในวันนี้ ในจังหวัดชิงเฟิงแห่งนี้ ถึงกับมีบุญวาสนาได้เห็นการต่อสู้ของราชันระดับสังสารวัฏด้วยตาตนเอง!


ในอดีตที่ผ่านมาแม้แต่บนสมรภูมิชายแดนนั่น น้อยมากที่จะเกิดการปะทะกันระดับนี้ เนื่องจากความเสียหายที่เกิดนั้นใหญ่โตเกินไป


“เจ้า เหยาทั่วไห่เป็นประชาชนของจักรวรรดิ กลับลอบสมคบคิดกับเผ่ามืด เจตนาไม่ซื่อ เจ้าควรรู้ว่านี่เป็นโทษทรยศแผ่นดิน! ต้องประหารเก้าชั่วโคตร”


ทันใดนั้นหลินสวินก็ลุกขึ้นตะโกนดังลั่น


เพียงประโยคเดียวก็ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะตกใจตื่น ปลุกคนตระกูลเหยาที่อยู่ในอาการตกตะลึงตรงหน้านั้นให้ตื่นขึ้น


ชั่วขณะเดียว ผู้คนมากมายในที่นั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนสี!


สำหรับจักรวรรดิ เผ่ามืดคือศัตรูตัวฉกาจที่สุดของมนุษยชาติ ตั้งแต่โบราณมาจนถึงปัจจุบันไม่รู้มีผู้แกล้วกล้าเท่าไหร่ที่ตายในสงครามชายแดน ทุ่มเทและเสียสละไม่รู้เท่าไหร่ จึงสามารถนำสันติสุขเฉกเช่นวันนี้กลับมาให้จักรวรรดิ


แต่มาวันนี้ ในฐานะหัวหน้าตระกูลเหยา หนึ่งในผู้ฝึกยุทธ์ระดับหยั่งสัจจะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมณฑลซีหนานแห่งจักรวรรดิ เหยาทั่วไห่กลับลอบสมคบคิดกับเผ่ามืด เชิญราชันของเผ่ามืดคนหนึ่งมาจัดการกับหลินสวิน นี่ไม่ต่างอะไรกับการทรยศแผ่นดิน!


หากแพร่ออกไป ตระกูลเหยาทั้งหมดต่างต้องตกเป็นเป้าโจมตี ถูกมองว่าทรยศบ้านเมืองต้องลงโทษประหารชีวิต!


คำพูดของราชันเลือดเหล็กหนิงปู้กุยเมื่อครู่ ได้พิสูจน์แล้วว่าทั้งหมดคือเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้คนตระกูลเหยาพวกนั้นคิดโต้แย้งก็ไม่อาจทำได้


“ฆ่า! สังหารเจ้าหนอนบ่อนไส้ต่างเผ่าที่แฝงตัวอยู่ในจักรวรรดิซะ!”


“น่าชังนัก ประชาชนแห่งจักรวรรดิที่น่าเกรงขาม กลับเป็นเศษสวะขายชีวิตให้ต่างเผ่า พวกเจ้าตระกูลเหยามีโทษถึงตายจริงๆ!”


“ไยต้องพูดมากความ วันนี้ต้องกำจัดตระกูลเหยาให้สิ้นซาก กำจัดเนื้อร้ายที่แอบสมคบคิดกับเผ่ามืดนี่ซะ!”


เหล่าผู้แข็งแกร่งที่มาจากขุมอำนาจอย่างพวกอัครการค้าต่างโกรธจัดถึงขีดสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าผู้ฝึกปราณจากตระกูลหนิงซึ่งล้วนเคยติดตามราชันเลือดเหล็กยกทัพจับศึกกลางสนามรบ ข้างกายมีสหายร่วมรบไม่รู้เท่าไหร่ที่ตายในสมรภูมิ แต่มาวันนี้ได้รู้ว่าเหยาทั่วไห่ถึงกับสมคบคิดกับเผ่ามืด แค่คิดก็รู้แล้วว่าต้องโกรธแค้นเพียงใด


ตูม!


พวกเขาต่างโมโหเดือดดาล ผู้แข็งแกร่งมากมายออกโจมตีอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ ความโกรธทะลุทะลวง หมายขยี้ตระกูลเหยาให้บี้แบน เวลานี้แม้คิดจะหยุดยั้งก็ไม่อาจทำได้แล้ว


คนตระกูลเหยาสีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ขวัญหนีดีฝ่อ พวกเขาไหนเลยจะคิดว่าสภาพการณ์จะเลยเถิดถึงขั้นนี้


“หัวหน้าตระกูล! นี่เป็นเรื่องจริงหรือ” มีคนร้องตะโกนขึ้น


คนในตระกูลเหยาคนอื่นๆ ต่างก็ลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูก สมคบคิดกับเผ่ามืด? นี่คือโทษล้างตระกูลเชียวนะ!


“รอสังหารศัตรูพวกนี้ก่อน ข้าค่อยอธิบายกับพวกเจ้า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดมากความ!”


เหยาทั่วไห่สูดหายใจลึก สีหน้าเยียบเย็นเขียวคล้ำ


มาถึงตอนนี้เขาไม่คิดจะยอมแพ้ เห็นได้ว่าในใจเขาไม่พอใจเพียงใด อันที่จริงเขาเองก็โกรธแทบบ้า


เห็นแผนที่วางไว้กำลังจะปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ใครจะคิดว่าในพริบตาสุดท้ายกลับมีราชันเลือดเหล็กหนิงปู้กุยแหวกวงล้อมออกมา ชั่วขณะเดียวก็ทำให้สถานการณ์กลับตาลปัตร!


เช่นนี้จะให้เหยาทั่วไห่ยอมรับได้อย่างไร


แต่คิดมากไปก็เปล่าประโยชน์ มีเพียงแต่ต้องสู้ บางทีอาจมีโอกาสรอด หากไม่สู้ก็ได้แต่รอความตายเท่านั้น!


“ฆ่า!”


เหยาทั่วไห่แผดเสียงคำราม เผ้าผมหนวดเคราแผ่สยาย


ในที่สุดการต่อสู้ก็ถูกจุดชนวน ไม่ว่าใครก็ไม่สนใจการต่อสู้ของราชันที่เกิดขึ้นเหนือเก้าชั้นฟ้านั่นอีกแล้ว และไม่มีกะจิตกะใจไปใส่ใจโดยสิ้นเชิง


เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะบุกโจมตีออกไปด้วยความโกรธ ทุกคนประดุจดั่งเทพสังหารร่วมกันโจมตีตระกูลเหยา เปิดฉากกาฬวาตคาวเลือด


ตระกูลเหยาเองก็ไม่อาจนั่งรอความตาย โจมตีกลับอย่างไม่ลังเล สู้สุดชีวิตโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น เพราะพวกเขาต่างเข้าใจดี การต่อสู้ในวันนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แต่แรกแล้ว


ไม่รอด ก็ตาย!


ชั่วขณะนั้นฟ้าดินแถบนี้ลมทมิฬคำรามลั่น หมอกเมฆโหมทำลาย แสงสมบติพุ่งทะยานน่าหวาดกลัว กดอัดอากาศ วิชาลับมหัศจรรย์ถูกสำแดงออกมา งดงามแปลกตาราวดอกไม้ไฟ


น่าสยดสยองเกินไปแล้ว เพียงแค่ชั่วเวลาไม่นาน ประตูใหญ่ตระกูลเหยาก็ถูกเหยียบย่ำ บ้านช่องห้องหอที่เรียงรายเป็นระเบียบพังทลายมลายล้าง กลายเป็นซากปรักหักพัง


ห้วงอากาศย้อมไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ทั่วทุกหนแห่งล้วนเกิดเสียงเข่นฆ่าโรมรัน เสียงกรีดร้องทุรนทุราย เสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น ควันไฟโหมกระพือ แสงโลหิตเริงระบำ


เมื่อไม่มีที่พึ่งอย่างราชันระดับสังสารวัฏ ตระกูลเหยาอันยิ่งใหญ่ที่เผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีของผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะซึ่งกำลังเดือดดาลทั้งกลุ่มจึงไร้แรงต้าน พ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนในตระกูลตายอนาถอย่างต่อเนื่อง


นี่เป็นภาพการนองเลือดอันบ้าระห่ำ เพราะเกิดการเคลื่อนไหวที่รุนแรงเกินไป ถึงขั้นทำให้ผู้ฝึกปราณจำนวนมากในจังหวัดชิงเฟิงตื่นตระหนก


แต่กลับไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้ามาใกล้ เพราะเสียงเข่นฆ่าโรมรันนั่นช่างน่าสะพรึง พลังอำนาจจากการปะทะก็แข็งแกร่งเกินไป ไม่ต้องกล่าวถึงคนธรรมดาทั่วไป แค่ผู้ฝึกปราณเข้ามาใกล้ก็อาจถูกลูกหลงจนชีวิตต้องประสบกับภยันตราย!


“สวรรค์ มีคนต้องการทำลายล้างตระกูลเหยาหรือ”


จังหวัดชิงเฟิงตกอยู่ในความสั่นสะเทือนครั้งใหญ่


กลางสมรภูมิ หลินสวินเองก็เคลื่อนไหวเช่นกัน ผมดำปลิวสยาย เท้าเหยียบก้าวย่างชือน้ำแข็ง ก้าวผ่านความว่างเปล่าพุ่งไปยังเหยาทั่วไห่ราวอสนีบาต


“เหยาทั่วไห่ วันนี้เจ้าต้องตายด้วยมือข้า!”


ท่ามกลางเสียงเย็นเยียบ หลินสวินสะบัดชายเสื้อคราหนึ่ง เสามังกรจตุลักษณ์เปลี่ยนเป็นสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์ตกลงมาจากฟากฟ้า กักขังเหยาทั่วไห่ไว้


ครืน!


พริบตาเดียวก็ตัดขาดจากโลกภายนอก ในเขตแดนมายาเหลือเพียงหลินสวินและเหยาทั่วไห่สองคน


“เหอะๆ อาศัยคนอย่างเจ้า? ไม่ต้องพูดถึงว่าเมื่อกี้เจ้าเพิ่งได้รับบาดเจ็บ ต่อให้เป็นตอนที่สภาพสมบูรณ์ สำหรับข้าแล้วเจ้าก็เป็นแค่มดตัวหนึ่ง!”


เหยาทั่วไห่ยิ้มเย็น เขาติดอยู่ในนี้ คราแรกก็ตกใจ แต่ในไม่ช้ากลับยินดี เพราะพบว่าในเขตแดนมายานี้มีหลินสวินเพียงคนเดียว เปรียบเทียบกับโลกภายนอกแล้ว กลับเป็นว่าภยันตรายน้อยกว่ามาก


เคร้ง!


หลินสวินไม่แม้แต่จะพูดมากความ กลางฝ่ามือพลันปรากฏทวนยาวหนึ่งจั้งสองฉื่อเล่มหนึ่ง ตัวทวนสีเทาสนิทขมุกขมัวปรากฏกระบวนรอยสลักวิญญาณลึกลับแน่นขนัดรอยแล้วรอยเล่า


หลังจากนั้นก็พัฒนาเป็นชุดศึกชุดหนึ่งปกคลุมไปทั่วร่างหลินสวิน


พริบตาเดียวเท่านั้น พละกำลังทั่วกายหลินสวินพลันเพิ่มมากขึ้นถึงระดับน่าสะพรึง ประดุจดังเทพสังหารองค์หนึ่ง เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง


“ชุดศึกสลักวิญญาณ?”


เหยาทั่วไห่ม่านตาหดรัดตัว ในใจสั่นสะท้าน กล่าวอย่างตกตะลึง “นี่คงไม่ใช่ ‘อาสัญสลาย’ ที่เจ้าหลอมขึ้นหรอกกระมัง”


ฉัวะ!


หลินสวินคร้านจะพูดมากความ ทวนยาวดั่งมังกรเปลี่ยนเป็นเงาแสงไพศาลนับหมื่นนับพันพุ่งพิฆาตออกไป


หลายวันมานี้ ในใจเขาสะสมความโกรธแค้นและความเกลียดชังอย่างไม่มีที่สิ้นสุดมาโดยตลอด วันนี้หากไม่ปลิดชีพเหยาทั่วไห่ด้วยมือตนเอง หลินสวินไม่อาจให้อภัยตนเองได้เป็นแน่


ครืน!


เงาทวนทบเป็นชั้นๆ ประหนึ่งพันคีรีทับซ้อนบีบอัดเข้ามา ดุดันรุนแรง ทำให้อากาศปั่นป่วนสับสน เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นเสียดแก้วหู


“เหอะๆ ไอ้หนูอย่างเจ้าช่างหลงระเริงเสียจริง คิดหรือว่าอาศัยชุดศึกสลักวิญญาณชุดเดียวก็จะสามารถชนะข้าได้ ในเมื่อเจ้าส่งมาให้ถึงที่ เช่นนั้นก็ทิ้งชีวิตน้อยๆ เอาไว้ที่นี่ซะเถอะ!”


เหยาทั่วไห่หัวเราะเบาๆ ก่อนบุกโจมตีอย่างเหี้ยมหาญ


นัยน์ตาเขาฉายแววโลภโมโทสันร้อนแรงวูบหนึ่ง รู้ว่าหากสามารถนำ ‘อาสัญสลาย’ มาไว้ในมือได้ รวมกับพลังระดับหยั่งสัจจะของตน ไม่แน่ว่าวันนี้อาจสังหารเป็นทางโลหิตเส้นหนึ่ง หนีออกจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ไปได้!


……………………


ตอนที่ 530 สะสางความแค้น

โดย

ProjectZyphon

ฆ่า!


บนใบหน้าสุขุมลุ่มลึกของเหยาทั่วไห่เผยความรู้สึกไอสังหาร เรียกกระบี่วิญญาณทองอร่ามออกมาเล่มหนึ่ง ก่อนจะวิวัฒน์เป็นปราณกระบี่แสงสีทองชั้นแล้วชั้นเล่า เชื่อมแนวขวางประสานแนวดิ่ง


วิชากระบี่หิรัณย์ดิถี!


แฝงพลังสัจวิถีธาตุทอง ดุดันรุนแรงหาใดเปรียบ กลิ่นอายสังหารทะลุทะลวง แสงกระบี่เพียงบางเบาก็สามารถปลิดชีพระดับมหาสมุทรวิญญาณคนหนึ่งอย่างง่ายดาย


นี่ไม่ใช่การกล่าวเกินจริง ระดับหยั่งสัจจะแข็งแกร่งเช่นนี้ เหตุเพราะสามารถหยั่งรู้และควบคุมพลังแห่งสัจจะมหามรรค! พลังเช่นนี้เชื่อมต่อฟ้าดิน เชี่ยวชาญสรรพสิ่ง มีพลังอำนาจนอกเหนือจินตนาการ ไม่มีพลังธรรมดาทั่วไปใดเทียบได้อย่างแน่นอน!


ปึงๆๆ!


กลับเห็นหลินสวินร่ายรำทวนยาว เวิ้งว้างส่งเสียงกัมปนาท ชี้เวหาฟาดพสุธากวาดล้างฟ้าดิน ทุกหนแห่งที่พาดผ่านแสงกระบี่ทั้งมวลต่างเสมือนทำจากกระดาษ พังทลายกลายเป็นฝนแสงกระจัดกระจาย


“หืม?”


เหยาทั่วไห่เกินคาดอยู่บ้าง “คิดไม่ถึงจริงๆ ปฐมาจารย์สลักวิญญาณคนหนึ่งอย่างเจ้ากลับมีความสามารถบนวิถียุทธ์เช่นนี้”


ทั้งร่างเขาเต็มไปด้วยพละกำลังน่าหวาดกลัว ประกายทองเจิดจรัสอบอวลทั่วร่าง กระบี่วิญญาณในมือทอแสงเปล่งประกาย ซัดสาดคลื่นกระบี่ไม่สิ้นสุด


ผืนอากาศล้วนปั่นป่วนอลหม่าน ถูกพลังสัจวิถีธาตุทองอันเจิดจ้าฉีกผ่าแหวกออก แสงกระบี่หมุนวนราวคลื่นยักษ์ถาโถมโหมกระหน่ำคล้ายจะม้วนกลืนแผ่นฟ้ากว้าง!


ไม่อาจไม่กล่าวถึง เหยาทั่วไห่เป็นถึงหนึ่งในมหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดในมณฑลซีหนาน ศักยภาพที่แท้จริงเรียกได้ว่าทรงพลัง ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงจอมปลอม


ก็เหมือนกับตอนนี้ เขาเผ้าผมหนวดเคราแผ่สยาย สีหน้าน่าเกรงขาม ทั่วร่างถูกแสงสีทองปกคลุม เปรียบดั่งเทพกระบี่ทองคำองค์หนึ่ง แฝงพลังอำนาจอันน่าหวาดกลัวไม่อาจทัดเทียม


“เจ้าหนุ่ม แม้ว่าเจ้าจะมีอาสัญสลายไว้ในครอบครองทำให้เจ้ามีพลังมาสู้กับข้า แต่ท้ายที่สุดพลังปราณก็ต่ำต้อยยิ่งนัก ยังคิดจะสังหารข้าหรือ งี่เง่าฝันเฟื่องสิ้นดี!”


เหยาทั่วไห่หัวเราะร่า สำแดงพลังปราณถึงขีดสุด เดินก้าวเข้าหาทีละก้าวหมายสยบหลินสวินให้จนมุม


“งั้นรึ?”


หลินสวินสีหน้าเมินเฉย นัยน์ตาฉายแววเย็นเยียบ


เขากุมทวนไว้มั่น ปราณพร่ามัวทั่วร่างโหมกระหน่ำเต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้าง เท้าใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง เงาร่างราวอสนีพุ่งจู่โจมตรงไป


ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!


กลางอากาศแสงกระบี่สีทองไขว้ตัดสลับกัน แต่ละเส้นล้วนดุจดังแพรไหม พร่างพราวทั่วผืนฟ้า แสงทองเจิดจรัสมองเห็นชัดถนัดตา ห้วงอากาศถูกทะลวงผ่านเกิดรูโหว่เป็นห้วงๆ ทำให้คนรู้สึกเย็นหนาวสะท้าน


นี่คืออานุภาพของเหยาทั่วไห่ ไม่ให้โอกาสหลินสวินได้เข้าใกล้สักนิด


แสงกระบี่สีทองนั่นประเดประดังราวคลื่นน้ำซัดสาด ทะลุผ่านผืนฟ้าปฐพี เป็นภาพที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงหาใดเปรียบ หากเกิดขึ้นยังโลกภายนอกจะต้องกวาดล้างภูเขาแม่น้ำหายไปแถบหนึ่งแน่นอน


ทั่วร่างหลินสวินปราณสีเทาเข้มเวิ้งว้างพรั่งพรู อาสัญสลายส่งเสียงกัมปนาท ทำให้ทั้งร่างเขาราวภาพมายาอันพร่ามัว สะท้อนให้เห็นปรากฏการณ์ประหลาดแห่งการทำลายล้าง


แสงกระบี่สีทองตกลงมาเป็นสาย เห็นอยู่ว่ากำลังจะปกคลุมหลินสวิน เพียงแต่เมื่อภาพอันน่าอัศจรรย์นี้ก็เกิดขึ้น…


พลันเห็นทวนยาวของหลินสวินโบกสะบัด จุดที่ปลายทวนชี้ไปนั้น แม้แต่แสงกระบี่ราวห้วงมหรรณพก็ต่างสูญสลายไปในพริบตา ไม่อาจกีดขวางย่างก้าวของหลินสวินได้


เหยาทั่วไห่แสดงสีหน้าประทับใจอีกครั้ง อาสัญสลายพิเศษจริงดังคาด สมเป็นมหาสมบัติแห่งยุคที่ชื่อเสียงสะเทือนใต้หล้าชิ้นหนึ่ง ถึงกับสามารถต้านทานแสงกระบี่หนาแน่นเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกตกใจอย่างมาก


ทันใดนั้นสายตาเขาเปลี่ยนเป็นเร่าร้อน ความทรงอานุภาพของอาสัญสลายทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมยิ่งกว่าเดิม ตั้งมั่นว่าต้องเอามาให้ได้!


ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!


เหยาทั่วไห่เผยความสามารถออกมาเต็มกำลัง พลันเห็นแสงทองนับหมื่นสายกลายเป็นฝนกระบี่นับไม่ถ้วน ประหนึ่งม่านกระบี่สีทองอันรุนแรงทิ้งตัวลงบนโลกมนุษย์ ฉายภาพอันน่าพรั่นพรึง


นี่คือไพ่ไม้ตาย ไม่ต้องพูดถึงระดับมหาสมุทรวิญญาณ ขนาดระดับหยั่งสัจจะทั่วไปยังยากจะต้านทานการจู่โจมเช่นนี้ได้ แข็งแกร่งเกินไปแล้ว


ครืน!


หลินสวินหาได้หลบหลีกไม่ พุ่งเข้าไปสังหารอย่างแข็งกร้าวเช่นกัน


แต่ทว่าเวลานี้ทวนยาวในมือเขาพลันส่งเสียงใสสะท้อนก้องถึงชั้นฟ้า ก่อให้เกิดคลื่นทำลายล้างอันน่าหวาดกลัวม้วนแผ่ขยายออกไป


การโจมตีนี้น่ากลัวหาใดเปรียบ ฉับพลันก็ระเบิดออก เห็นแสงกระบี่นับหมื่นนับพันถูกบดละเอียดมลายล้างในพริบตาเดียว


และปลายทวนนั่นยังพุ่งทลายอากาศที่ขวางกั้น เล็งไปยังลำคอเหยาทั่วไห่!


เร็วเกินไปแล้ว!


พลังนี้ทรงอานุภาพหาที่เปรียบมิได้ ราวกับจะทำลายล้างทั่วอาณาบริเวณ ดับสลายทุกสรรพสิ่ง ทำให้เหยาทั่วไห่สั่นสะท้านไปทั้งร่าง นัยน์ตาบีบหดรัดตัว


เคร้ง!


เขาพาดกระบี่แนวขวางตั้งรับ


ได้ยินเพียงเสียงดังสนั่นเสียดหู กระบี่วิญญาณในมือเขาถึงกับถูกซัดแตกในพริบตา!


แย่แล้ว!


เหตุใดถึงน่ากลัวเช่นนี้


เหยาทั่วไห่อ้าปากค้าง ในใจเย็นวาบ ไม่คิดเลยว่าอาศัยอาสัญสลาย หลินสวินจะถึงขั้นมีพลังอำนาจเช่นนี้


“คิดสังหารข้างั้นรึ เพ้อเจ้อ!”


เหยาทั่วไห่ตะโกนเสียงดังลั่น เรียกธงรบสีโลหิตผืนหนึ่งออกมา กวาดเบาๆ เพียงครั้งก็ม้วนแผ่คลื่นโลหิตออกมานับหมื่นนับพัน ทะลวงโลดแล่นทั่วทุกสารทิศ ยินเสียงประหนึ่งผีร่ำไห้เทพโหยหวนสะท้อนก้องขึ้นรางๆ


ธงวิญญาณพรายโลหิต!


เป็นสมบัติล้ำค่าอันชั่วร้ายหาใดเปรียบอย่างหนึ่ง หลอมขึ้นมาอย่างยากลำบากที่สุด ไม่ว่าผู้ฝึกปราณคนใดเพียงถูกม้วนกลืนเข้าไปยังเกลียวคลื่นสีโลหิตนั่น อย่างเบาร่างกายจะเน่าเปื่อย อย่างหนักชั่วพริบตาจะกลายเป็นกระดูกขาวโพลนกองหนึ่ง วิญญาณลอยล่องขวัญกระเจิง!


ตูม!


ทว่าแค่พริบตาเดียวคลื่นโลหิตพวกนี้ก็ถูกลบหายไป ธงวิญญาณพรายโลหิตนั่นเพิ่งเริ่มสำแดงอานุภาพก็ถูกทวนเล่มหนึ่งแทงทะลุราวทำลายเศษผ้าก็มิปาน ระเบิดกระจายเสียงดังสนั่นหวั่นไหว


“นี่…”


เหยาทั่วไห่หน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง ทั้งตกใจทั้งโกรธแค้น เขาไม่ใช่ไม่รู้ความน่ากลัวของชุดศึกสลักวิญญาณ แต่กลับไม่คาดคิดว่าอาสัญสลายนี่จะทรงอานุภาพถึงเพียงนี้ ทำลายสมบัติล้ำค่าสองสิ่งในมือเขาอย่างต่อเนื่อง ราวกับไม่อาจทัดเทียมได้!


“ฆ่า!”


ไม่รอให้เหยาทั่วไห่ตอบสนอง หลินสวินพุ่งเข้าสังหารอีกครั้ง แข็งแกร่ง เฉียบขาด หยิ่งผยอง ไม่เคยแม้แต่จะถอยร่น


ไม่ว่าใครหน้าไหน วันนี้ต่างไม่อาจขัดขวางก้าวย่างของหลินสวินที่จะสังหารเหยาทั่วไห่ได้!


เจ้าเฒ่านี่สามปีก่อนเกือบจะทำร้ายเขาและซย่าจื้อให้ตาย มาวันนี้ยังสมคบคิดราชันเผ่ามืดคนหนึ่งหมายมุ่งร้ายทำลายเขา


นี่จะให้หลินสวินทนได้อย่างไร


สิ่งที่ทำให้หลินสวินหวาดกลัวที่สุดคือ เหยาทั่วไห่แผนกาล้ำลึกสุดหยั่ง อุบายแยบยลเหี้ยมโหดถึงขีดสุด หากวันนี้ปล่อยให้เขารอดไปได้ วันหน้าจะต้องกลายเป็นภัยที่ไม่อาจคาดคะเนได้


ครืน!


ปลายทวนราวอสนี ดั่งมังกร เสมือนภาพมายา ประหนึ่งเงาอากาศ แทรกสอดกลิ่นอายทำลายล้าง กวาดล้างความว่างเปล่า มากพอจะกลืนกินภูผาธารา มีพลังอันโดดเด่นเป็นหนึ่ง


“หึ วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้เข้าใจ อะไรที่เรียกว่าความแตกต่างของระดับหยั่งสัจจะและระดับมหาสมุทรวิญญาณ!”


เหยาทั่วไห่บันดาลโทสะถึงขีดสุด พลาดท่าเสียทีติดต่อกัน ทำให้ยามที่เขาตระหนักได้ว่าหลินสวินแข็งแกร่ง ก็เกิดความตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องฆ่าทิ้งซะ


ตูม!


ทันใดนั้นเขาเรียกเจดีย์สมบัติแปดเหลี่ยมทองอร่ามออกมา มันเปล่งแสงลึกลับ ฉับพลันก็ม้วนกลืนหลินสวินไว้ดุจห้อทะยาน


ตึง!


แสงเรืองรองสาดประกายทันใด เจดีย์สมบัติส่องสว่าง ม้วนกลืนหลินสวินเข้าไปกักขังไว้ภายใน


หลังจากนั้นเจดีย์สมบัติก็หมุนวนติ้วกลายเป็นขนาดเท่าฝ่ามือ ก่อนหล่นลงบนมือเหยาทั่วไห่


“ฮ่าๆๆ…”


เหยาทั่วไห่ประคองเจดีย์แปดเหลี่ยมสีทองเอาไว้ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่น “ต่อให้เจ้าเก่งกาจยิ่งกว่านี้ ก็ยังถูกเก็บเข้ามาในเจดีย์สมบัติของข้า!”


เจดีย์สมัตินี้คือสมบัติโบราณล้ำค่าชิ้นหนึ่ง เป็นสิ่งที่ร้อยกว่าปีก่อนหน้านี้เหยาทั่วไห่พยายามสุดแรงกายแรงใจค้นหามาได้จากในโบราณสถานบรรพกาล ภายในแฝงแสงทองนิลกาฬ วาดกวาดเพียงเบาๆ สามารถม้วนกลืนทุกสรรพสิ่ง ไม่มีสิ่งใดที่ดูดกลืนไม่ได้ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะก็ยากจะหนีรอด


ที่เหนือคาดที่สุดคือ เจดีย์นี้มีทั้งหมดเก้าชั้น แต่ละชั้นล้วนผนึกพลังที่แตกต่างกัน มหัศจรรย์ยากหยั่งถึง อานุภาพก็ยิ่งใหญ่แข็งแกร่งไม่อาจจินตนาการได้


เหมือนกับตอนนี้ เหยาทั่วไห่เพียงใช้ ‘แสงทองนิลกาฬ’ ซึ่งผนึกอยู่ที่ชั้นหนึ่งของเจดีย์ แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น อานุภาพนั่นก็โดดเด่นเหนือธรรมดา ทันทีที่ใช้ ไม่นานนักก็สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตที่ถูกสยบอยู่ภายในกลายเป็นกองโลหิตได้!


“รอเจ้าสุนัขตัวจ้อยนี่หลอมละลายลงแล้ว อาสัญสลายก็จะตกเป็นของข้า ถึงตอนนั้นใครจะสามารถขวางหน้าข้าได้อีก”


เหยาทั่วไห่แหงนหน้ามองฟ้าหัวเราะร่า


เดิมเขาคิดว่าวันนี้จะต้องเจอกับการต่อสู้ดุเดือดเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเป็นแน่ แต่กลับคาดไม่ถึงว่าหลินสวินจะโง่เง่าลุยเดี่ยวสู้กับเขาตัวต่อตัวในเขตแดนมายานี่


ช่างเอาเหยื่อมาให้ถึงที่โดยแท้ และยังแถมชุดศึกสลักวิญญาณอันทรงอานุภาพหาใดเปรียบชุดหนึ่งมาให้อีกด้วย จะไม่ให้เหยาทั่วไห่หลงระเริงได้อย่างไร


เขาแน่ใจเป็นมั่นเหมาะ เพียงแค่คว้าจังหวะให้ดี อาศัยช่วงที่ราชันเลือดเหล็กหนิงปู้กุยไร้กำลังแยกร่าง วันนี้จะต้องฝ่าวงล้อมออกไปได้อย่างแน่นอน หนีออกจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ไปได้!


ถึงเวลานั้นใต้หล้ากว้างใหญ่ ไปหนแห่งใดก็ย่อมได้! ใครจะทำอะไรเขาเหยาทั่วไห่ได้อีก


ตึง!


ทว่าในเวลานั้น เจดีย์สมบัติสีทองพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เกือบจะหลุดออกจากมือเหยาทั่วไห่


นั่นทำให้นัยน์ตาเขาหดเกร็ง ในใจสั่นสะท้านไปหมด หรือแม้แต่แสงทองนิลกาฬก็ไม่อาจหยุดเจ้าลูกสุนัขนั่นได้?


วู้ม…


เหยาทั่วไห่สูดหายใจลึก กัดฟันเค้นพลังเต็มที่ ก็เห็นเจดีย์ส่องแสง มีเสียงธรรมวิเศษดังขึ้นมารางๆ


ดังคาด เจดีย์สั่นอีกคราก็กลับสู่ความสงบ


แต่สีหน้าเหยาทั่วไห่กลับเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เจดีย์นี้ถึงแม้อานุภาพจะยิ่งใหญ่มหัศจรรย์หาใดเปรียบ แต่การเผาผลาญพลังก็น่าอัศจรรย์เช่นกัน เหมือนกับเมื่อครู่ก็ใช้พลังของเหยาทั่วไห่ไปเกินครึ่ง!


ตึง!


แต่ยังไม่รอให้เหยาทั่วไห่ได้ผ่อนคลาย เจดีย์ก็ส่องประกายโชติช่วง เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง สะท้านจนเหยาทั่วไห่มือไม้ชาไปหมด เกือบจะควบคุมไว้ไม่อยู่


โครม!


และเวลานี้เอง เจดีย์สมบัติพลันสั่นสะเทือนไร้ระเบียบ ฉับพลันเงาร่างหนึ่งก็พุ่งออกจากด้านล่างเจดีย์ มือจับทวนยาวแทงใส่เหยาทั่วไห่


แย่แล้ว!


เหยาทั่วไห่จิตวิญญาณแทบจะพังทลาย คำรามลั่น รีบร้อนลนลานหลบหลีก แต่ก็ยังถูกปลายทวนกวาดผ่านไหล่ กลิ่นอายทำลายล้างเหี้ยมโหด โหมทำลายแขนขวาเขาจนแหลกละเอียด ฝนโลหิตสาดกระจาย


“นี่เป็นไปได้อย่างไร”


เหยาทั่วไห่ตาแทบถลน เกือบจะคลุ้มคลั่ง ตั้งแต่มีเจดีย์สมบัติบรรพกาลนี้ไว้ในครอบครอง เขาทำอะไรล้วนราบรื่น ไม่เคยพลาดพลั้งสักครั้ง


แต่มาวันนี้กลับเกิดเรื่องไม่คาดฝันเพราะเด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณคนหนึ่ง นี่ช่างยากจะจินตนาการได้จริงๆ!


หลินสวินร่างห่อหุ้มด้วยชุดศึกที่ไอพร่ามัวพรั่งพรูลอยล่อง มือกำทวนยาวพุ่งทะยานออกมา ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็แทงทวนออกไป


เขาในเวลานี้ราวกับเทพสังหารซึ่งเกิดใหม่จากเถ้าถ่าน หมายทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง พลังอำนาจน่าตระหนก ทวนยาวส่องประกายถึงสรวงสวรรค์!


เหยาทั่วไห่แม้พยายามดิ้นรนขัดขืน ถึงขั้นวางแผนจะใช้เจดีย์สมบัติต่อสู้อีกครั้ง แต่หลินสวินมีหรือจะให้โอกาสเขาอีก


ปัง!


เพียงชั่วพริบตา เหยาทั่วไห่ก็ถูกทวนระเบิดศีรษะ แม้อยากส่งเสียงก็ไม่อาจเปล่งออกมาสักแอะ ร่างกายถูกพลังทำลายล้างอันน่าหวาดกลัวกวาดขยี้ จิตวิญญาณกลายเป็นเถ้าละอองลอยละล่อง ตายอย่างกะทันหัน ณ ที่นั้น


มหายุทธ์ซึ่งชื่อเสียงขจรขจายทั่วมณฑลซีหนานคนนี้ ท้ายที่สุดก็ถูกสังหารลงตรงนี้!


ดูเหมือนแม้แต่ศีรษะที่แตกละเอียดของเขาก็ไม่อาจคิดได้ว่า เด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณคนหนึ่ง อีกทั้งก่อนหน้ายังได้รับบาดเจ็บ กลับสามารถอาศัยชุดศึกสลักวิญญาณชุดหนึ่งสังหารเขาได้


หลอกกันรึเปล่า?


ไม่เลย!


ต้องรู้ว่าต่อให้ไม่ใช้ชุดศึกสลักวิญญาณ เมื่อครั้งอยู่ในแดนวิญญาณโบราณ หลินสวินเคยต่อสู้ข้ามขั้นฆ่าระดับหยั่งสัจจะด้วยมือตนเองมาแล้ว


เขาในตอนนี้ ทั้งพลังปราณ จิตวิญญาณ ร่างกายต่างถึงขั้นยอดเยี่ยมเป็นเลิศในระดับมหาสมุทรวิญญาณ ทั้งยังมีเครื่องมือสังหารอันยิ่งใหญ่อย่างอาสัญสลายไว้ในครอบครอง หากยังฆ่าเหยาทั่วไห่ไม่ได้ นั่นต่างหากที่เป็นเรื่องแปลก


แน่นอนว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่เสี่ยง ถึงขั้นเกือบทำให้หลินสวินประสบภัยพิบัติ และทั้งหมดล้วนเกิดในเจดีย์สมบัติแปดเหลี่ยมเก้าชั้นสีทองนั่น!


…………………


ตอนที่ 531 เจดีย์สมบัติไร้อักษร

โดย

ProjectZyphon

ชิ้ง!


หลินสวินเก็บอาสัญสลายลงไป


เหยาทั่วไห่ตายแล้ว สะสางความแค้นไปได้เรื่องหนึ่ง ทำให้หลินสวินเบาใจลงไม่น้อย


ไม่มีอะไรน่าทอดถอนใจ เขาเริ่มจัดการกับทรัพย์หลังศึกทันที


สิ่งที่ทำให้หลินสวินผิดคาดคือ เหยาทั่วไห่หัวหน้าตระกูลเหยาคนนี้ นอกจากผลึกวิญญาณและลูกกลอนโอสถที่จำเป็นต่อการฝึกปราณจำนวนหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีของล้ำค่าอะไรมากมาย


แต่ไม่นานหลินสวินก็เหลือบสายตาไปยังเจดีย์สมบัติสีทองแปดเหลี่ยมเก้าชั้นนั่น


วู้ม…


เพียงเอื้อมมือออกไปคว้าสมบัตินั้น ก็รับรู้ได้ว่ามันหนักอย่างน่าแปลกใจ เสมือนกำลังประคองภูเขาสูงใหญ่ลูกหนึ่งซึ่งหนักไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนชั่ง ทำให้หลินสวินไม่อาจไม่โคจรพลัง กว่าจะสามารถยกเอาไว้ได้


รูปร่างของมันดูเก่าแก่โบราณ ตัวเจดีย์เป็นทรงแปดเหลี่ยมสว่างไสวดุจหอคอยทองคำ แต่เมื่อดูอย่างละเอียด ตัวเจดีย์นั้นแท้จริงเป็นเนื้อหยกโบราณหลากสีชนิดหนึ่ง เพียงแต่แสงที่พวยพุ่งออกมาปรากฏเป็นสีทองงาม โอ่อ่าไพศาล


แม้ขนาดเพียงฝ่ามือแต่ดูออกได้ไม่ยากว่าเจดีย์นี้วิเศษมหัศจรรย์อย่างยิ่ง ตัวเจดีย์แปดเหลี่ยมแบ่งออกเป็นแปดส่วน แต่ละส่วนมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ปรากฏลักษณ์ลึกลับอย่างสุริยันจันทราภูผาสายนที ฟ้าเสถียรดินขนาน เทพธรรมบาลและหมู่ดาว สัตว์ตำนานบรรพกาลเป็นต้น


เสมือนร่องรอยพิภพบรรพกาล แบ่งเป็นแปดส่วนประทับอยู่บนตัวเจดีย์ มีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังที่โอบรับนิรันดร์กาลเป็นของตนเอง


พริบตานั้นในใจหลินสวินก็อดรู้สึกเลื่อนลอยไม่ได้ ราวกับมองเห็นกาลเวลาไร้สิ้นสุดแต่กาลก่อน หมู่ดาวกว้างใหญ่ไพศาล พื้นปฐพีไร้ขอบเขต เจดีย์สมบัติองค์หนึ่งตั้งตระหง่าน ยันเปิดแผ่นฟ้า นั่งบัญชานั่งฟ้าดิน แสงสมบัติสาดส่องทั่วหล้า!


ที่น่าเสียดายคือ เจดีย์นี้เสียหายตรงส่วนยอด เดิมทีน่าจะสลักข้อความไว้ แต่มาวันนี้กลับเหลือเพียงร่องรอยที่ขาดหายไป


มองออกแค่คำว่า ‘ไร้’ อยู่เลือนรางเพียงคำเดียว!


ลายเส้นตัวอักษรนั้นเสมือนรวมท่วงทำนองมรรคแห่งฟ้าไว้ด้วยกัน ถูกสร้างเพื่อเก็บกักทุกขีดทุกลายเส้นไว้ภายใน แม้ขาดหายไม่สมบูรณ์ แต่กลับมีความน่าเกรงขามที่สั่นสะเทือนใจผู้คน ทำให้หลินสวินถึงขั้นรู้สึกว่าตัวเล็กกระจิดริด สัมผัสได้ถึงความรู้สึกกดดันยากจะเอ่ย


แค่ลายเส้นอักษรที่ไม่สมบูรณ์เพียงตัวเดียวเท่านั้น กลับมีอานุภาพอัศจรรย์เช่นนี้ ทำให้หลินสวินตระหนักได้ถึงความไม่ธรรมดาของเจดีย์นี้ยิ่งกว่าเดิม


อันที่จริงก็เป็นเช่นนั้น เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่เขาถูกม้วนกลืนเข้าไปในพริบตาเดียว กักขังอยู่ในชั้นหนึ่งของเจดีย์นั่น ภายในนั้นเต็มไปด้วยแสงวิญญาณสีทอง พลังที่ปล่อยออกมาน่ากลัวหาใดเปรียบ เกือบทำให้หลินสวินถูกลบล้างอยู่ในนั้น


ที่โชคดีคือ แสงวิญญาณสีทองนี้เห็นชัดว่าไม่ได้ถูกเหยาทั่วไห่หล่อหลอมควบคุมไว้ ทำให้หลินสวินมีโอกาส ใช้พลังเต็มกำลังควบคู่กับอานุภาพของอาสัญสลายทั้งหมด ถึงได้ฝืนหลบหนีแรงกดดันของแสงวิญญาณสีทองและพุ่งทะยานออกมาได้


มิฉะนั้นล่ะก็ ผลที่ตามมาก็ไม่อยากจะคิด!


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เจดีย์สมบัติไร้อักษรนี้จะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าแห่งบรรพกาลอย่างหนึ่งแน่นอน อีกทั้งอานุภาพไร้ขีดจำกัด แม้แต่เหยาทั่วไห่ก็ไม่อาจควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์


หลินสวินเก็บสมบัตินี้ไว้ คิดว่าหลังจากนี้ต้องศึกษาค้นคว้าดีๆ สักหน่อย หากสามารถควบคุมมันได้ เท่ากับได้ไพ่ตายเพิ่มขึ้นอีกใบอย่างไม่ต้องสงสัย


ฟุ่บ!


ไม่ปล่อยให้ล่าช้าอีก หลินสวินเก็บเสามังกรจตุลักษณ์ ปลดเขตแดนมายาผืนนี้


การต่อสู้ของโลกภายนอกดำเนินมาถึงตอนจบแล้ว ตระกูลเหยาอันยิ่งใหญ่บัดนี้แทบกลายเป็นดินแดนแห่งบาดแผล เกลื่อนกลาดระเนระนาดทั่วทุกหนแห่ง เขม่าควันตลบอบอวล


แผ่นฟ้าผืนปฐพีบริเวณใกล้เคียงต่างได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ทุกหนแห่งล้วนเห็นซากศพกระจัดกระจาย โลหิตไหลย้อมพื้นดินที่แตกระแหงชวนให้ประหวั่นยิ่งนัก


คิดดูแล้วก็ไม่แปลก ถูกผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะกลุ่มหนึ่งที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นฆ่าฟันอย่างดุเดือด ตระกูลเหยาที่ยิ่งใหญ่แค่ในจังหวัดชิงเฟิงไหนเลยจะสามารถต่อต้านได้


เสียงร้องไห้โหยหวนเป็นระลอกดังจากที่ห่างไกล โศกเศร้าอาดูรหาใดเปรียบ หลินสวินเงยหน้ามองออกไป กลับเห็นเด็กสตรีคนชรากลุ่มหนึ่ง


เห็นชัดว่านั่นคือคนที่เหลืออยู่ของตระกูลเหยา เพียงแต่ไม่มีพลังการต่อสู้เท่าไหร่นัก เวลานี้แตกสลายไปพร้อมกับตระกูลเหยา ต่างตกเป็นเชลยที่กำลังโศกเศร้าเสียใจ


ส่วนอีกด้านหนึ่ง เหล่าผู้ฝึกปราณจากอัครการค้า ตระกูลหนิง ตระกูลเย่ ตระกูลกงนั้นกำลังตรวจสอบทรัพย์หลังศึกในครั้งนี้


นี่ก็คือหายนะล้างตระกูล ไม่ว่าอดีตจะมีอิทธิพลและเส้นสายยิ่งใหญ่มากมายเพียงใด เมื่อถูกทำลายพินาศย่อยยับ ท้ายที่สุดทุกสิ่งล้วนสลายหายไป


หลินสวินมองดูเหตุการณ์นี้อย่างเงียบๆ สีหน้าไม่โศกเศร้ายินดี จิตใจสงบนิ่ง นี่เรียกว่ากรรมใดใครก่อกรรมนั้นตามสนอง โทษใครไม่ได้


“เหยาทั่วไห่ตายแล้วรึ”


เวลานี้มู่หวั่นซูเดินใกล้เข้ามา สายตากวาดมองไปยังร่างไร้วิญญาณของเหยาทั่วไห่ที่อยู่ไม่ไกล สีหน้าอดเผยแววประหลาดใจไม่ได้ ภายในใจสั่นสะท้าน


นางคิดไม่ถึงเลยว่าหลินสวินจะฆ่าเหยาทั่วไห่จริงๆ! นี่เป็นถึงบุคคลใหญ่โตระดับหยั่งสัจจะขั้นกลางคนหนึ่ง หยิ่งผยองมีเกียรติ และมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ในมณฑลซีหนาน


แต่ตอนนี้กลับถูกเด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณคนเดียวอย่างหลินสวินสังหาร หากเรื่องนี้แพร่ออกไป เกรงว่าจะต้องก่อให้เกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอน


หลินสวินเอ่ยรับคำหนึ่ง มองไปยังเหล่าเด็กสตรีตระกูลเหยาที่อยู่ห่างออกไปซึ่งร้องไห้ด้วยความเสียใจนั้น ก่อนเอ่ยถาม “คนเหล่านั้นจะจัดการอย่างไรต่อไป”


มู่หวั่นซูพูดเรียบๆ “ง่ายมาก ส่งมอบให้กรมทหารจัดการลงโทษก็เรียบร้อย พวกเขาตระกูลเหยาครานี้สมคบคิดเผ่ามืด พยานหลักฐานพร้อมมูล ต่อให้เป็นสังหารเก้าชั่วโคตรก็ไม่มีปัญหา”


หลินสวินร้องอ้อทีหนึ่ง ไม่ถามมากความอีก


“ไปเถอะ ราชันเลือดเหล็กกำลังรอเจ้าอยู่ที่เรือรบ”


มู่หวั่นซูกล่าวเสียงอ่อนโยน


หลินสวินใจกระตุกวูบ ตระหนักได้ว่าการต่อสู้ของราชันที่เกิดขึ้นเหนือฟ้านั่น ที่แท้ก็ปิดฉากลงแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าท้ายที่สุดใครแพ้ใครชนะกันแน่


นึกถึงตรงนี้ เขาหันหลังเดินไปยังเรือรบอินทรีเหินที่อยู่ห่างออกไป


เพียงแต่เดินไปได้ครึ่งทางเขาก็หยุดชะงักอีก หันหลับไปมองตระกูลเหยาซึ่งอยู่ไกลออกไป ที่นั่นกลายเป็นซากปรักหักพัง เขม่าควันตลบอบอวล ยังมีเสียงร่ำไห้ท่ามกลางพื้นที่นองเลือดดังมาเป็นระลอก


จากนั้นหลินสวินก็ถอนสายตากลับ ไม่หันหน้าไปอีก


แต่ภายในส่วนลึกของจิตใจ เขาได้ตัดสินใจเรื่องหนึ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน จากนี้หากเขาหลินสวินยังมีชีวิตอยู่ จะไม่ให้หายนะล้างตระกูลเช่นนี้เกิดขึ้นกับตระกูลหลินเด็ดขาด!



เที่ยงวันวันนั้น เรือรบอินทรีเหินส่งเสียงกัมปนาทก่อนพุ่งทะยานหายไปจากขอบฟ้า


ภายในวันเดียว ตระกูลเหยาซึ่งมีอิทธิพลยาวนานหลายร้อยปีในมณฑลซีหนานแห่งจักรวรรดิ ล่มสลายในอรุณรุ่งเดียว อาณาเขตที่เคยยึดครองอยู่ล้วนกลายเป็นดินแดนแห่งบาดแผล


จังหวัดชิงเฟิงสะท้านสะเทือน ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนตระหนกตกใจ เรื่องนี้ถึงกับแพร่กระจายไปทั่วมณฑลซีหนาน ก่อให้เกิดความฮือฮาและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่รู้เท่าไหร่


ตระกูลเหยาที่ยิ่งใหญ่กลับถูกกำจัดออกไปเช่นนี้ หายไปจากแผนที่ของจักรวรรดิ! นี่ถือเป็นเหตุการณ์ใหญ่หลวงอย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนตกตะลึง


และต่อมาความจริงก็ค่อยๆ แพร่ออกไป ทำให้ผู้ฝึกปราณจำนวนมากรู้เรื่องในที่สุด ว่าที่แท้ทั้งหมดนี้ก็มาจากน้ำมือของหลินสวิน!


เพียงแต่ใครก็ไม่อาจจินตนาการ ว่าปฐมาจารย์สลักวิญญาณรุ่นเยาว์ที่ชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วคนหนึ่ง จะมีอานุภาพน่าหวาดกลัวเช่นนี้ เพียงแค่ชั่วข้ามคืนก็สามารถกำจัดตระกูลมากอำนาจตระกูลหนึ่งได้!


และขุมอำนาจใหญ่ๆ ส่วนหนึ่งต่างรู้ดีว่า เบื้องหลังเหตุการณ์ฆ่าล้างตระกูลนี้ ยังพัวพันกับเงาของเผ่ามืด ทั้งยังเคยเปิดฉากการต่อสู้ระหว่างราชันอย่างแท้จริงอีกด้วย!


เพียงแต่เรื่องนี้น่าอกสั่นขวัญแขวนเกินไป หากแพร่ออกไปจะก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมทั้งใต้หล้า ด้วยเหตุนี้ข่าวเรื่องนี้จึงถูกปิดผนึกไว้อย่างสิ้นเชิง


แม้แต่เรื่องราวที่ตระกูลเหยาทรยศจักรวรรดิก็มีน้อยคนนักที่รู้



เรือรบอินทรีเหินทะยานสู่ฟากฟ้า มุ่งหน้าไปยังนครต้องห้าม


โถงเรืออันกว้างใหญ่โอ่โถงหาใดเปรียบมีห้องใหญ่เล็กกระจายอยู่มากมาย และเวลานี้ในห้องหนึ่ง ราชันเลือดเหล็กหนิงปู้กุยกำลังหัวเราะเสียงดังอย่างองอาจผ่าเผย


“ฮ่าๆๆ คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะมาถูกทางจริงๆ ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้ว ตัวข้าคิดอยากจะฆ่าเจ้าเรือดเฒ่านั่นมาตลอด น่าเสียดายเจ้าหมอนี่รักตัวกลัวตาย หลบซ่อนอยู่ในซ่องโจรไม่ยอมออกมาสักที ทำให้ข้าได้แต่มองตาปริบๆ”


หนิงปู้กุยเงาร่างสูงใหญ่ นั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวตัวหนึ่งอย่างสบายอารมณ์ ท่าทางดูอิสระ หยาบกระด้างสบายๆ


“แต่น่าเสียดาย เจ้าเรือดเฒ่านี่เจ้าเล่ห์สับปลับหาใดเปรียบ แม้ถูกข้าโจมตีอย่างหนัก ท้ายที่สุดก็ยังปล่อยให้มันหนีไปได้…”


หนิงปู้กุยบ่นอุบ เสียดายไม่หาย


พูดถึงตรงนี้สายตาเขามองไปยังหลินสวินพลางกล่าว “เจ้าหนุ่ม ครั้งนี้เจ้ากลับจับพลัดจับผลูตีถูก ช่วยจักรวรรดิขุดรากถอนโคนบ่อเกิดหายนะไปได้อีกหนึ่ง ไม่เลวๆ”


หลินสวินรีบกล่าว “หากไม่ใช่เพราะมีผู้อาวุโสอยู่ด้วย ถึงแม้รู้ว่าตระกูลเหยาคิดทรยศ ผู้น้อยก็จนปัญญา”


หนิงปู้กุยหัวเราะร่า “เจ้าเด็กบ้าระห่ำคนหนึ่งเช่นเจ้า ทำไมเวลานี้กลับเปลี่ยนเป็นอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้เล่า”


สายตาเขาฉายแววชื่นชมวูบหนึ่ง เขาเองก็รู้ดีว่าฝีมือของหลินสวินในครั้งเรียกได้ว่าน่าตกตะลึงหาใดเปรียบ


คนๆ เดียวสังหารเหยาทั่วไห่ได้ บางทีอาจเพราะพึ่งพาพลังของอาสัญสลาย แต่หลินสวินไม่ใช่ทำได้เพียงเท่านี้ ก่อนหน้าที่จะสังหารเหยาทั่วไห่ เขายังสามารถรอดชีวิตภายใต้การโจมตีที่เกิดขึ้นฉับพลันจากราชันระดับสังสารวัฏได้!


อาศัยแค่จุดนี้ ก็เพียงพอให้หนิงปู้กุยเปลี่ยนมุมมองใหม่แล้ว


“ผู้อาวุโส ‘เจ้าเรือดเฒ่า’ นั่นแท้จริงแล้วคือใครหรือ” หลินสวินเปลี่ี่ยนประเด็นสนทนา เขาสนใจจุดนี้ที่สุด


“เขาเป็นราชันคนหนึ่งของสำนักคนเถื่อนวารีสายหนึ่งของเผ่าพ่อมดเถื่อน นามว่าสุ่ยเชียนซาน มีชื่อเสียงเมื่อหนึ่งพันกว่าปีก่อน ถือว่าเป็นคนที่ร้ายกาจที่สุดคนหนึ่ง”


หนิงปู้กุยพูดถึงตรงนี้ก็มุ่นคิ้วอย่างอดไม่ได้ “ไอ้แก่นี่นิสัยเจ้าเล่ห์รอบคอบ รักตัวกลัวตาย ทำไมจู่ๆ ถึงมายังจักรวรรดิได้ เจ้าหนุ่ม เจ้ารู้ไหมว่าทำไม”


“สำนักคนเถื่อนวารี…”


หลินสวินใจกระตุกวูบ คิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งขึ้นมา ปีนั้นตอนเขาอยู่ที่ค่ายกระหายเลือด ครั้งหนึ่งเคยสังหารผู้แข็งแกร่งของสำนักคนเถื่อนวารีไปไม่น้อย และในตอนนั้นก็บังเอิญได้ ‘มุกนักบุญอมตะ’ เม็ดนั้นมา


สมบัติชิ้นนี้เล่าลือว่าเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของสำนักคนเถื่อนวารีสายหนึ่ง มีความอัศจรรย์เหนือจินตนาการ ตอนนั้นที่หลินสวินรอดพ้นความลำบากจากทะเลกลืนวิญญาณในโบราณสถานบรรพกาลมาได้ ก็เพราะอาศัยอานุภาพของสมบัตินี้


แต่ตอนนี้มุกนักบุญอมตะเม็ดนี้ถูก ‘ประตูสวรรค์’ บดขยี้ไปนานแล้ว กลายเป็นพลังอันบริสุทธิ์ซึมซาบเข้าไปภายในร่างกายหลินสวิน


สุ่ยเชียนซานนั่น จะมาเพราะสมบัตินี้หรือไม่


หลินสวินไม่แน่ใจอยู่บ้าง


สามารถทำให้ราชันระดับสังสารวัฏคนหนึ่งไม่สนอันตราย ข้ามเขตชายแดนแฝงตัวเข้ามาในจักรวรรดิ และยังมีจุดประสงค์ชัดเจนว่าจะ ‘พา’ ตนไป ทั้งหมดนี้เพียงเพื่อ ‘มุกนักบุญอมตะ’ ง่ายๆ เช่นนั้นหรือ


“คิดไม่ออกขอรับ”


ท้ายที่สุดหลินสวินก็ส่ายศีรษะ


หนิงปู้กุยก็ไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียงอีก พลันลุกขึ้นพลางกล่าว “เอาล่ะ ข้าก็ควรไปได้แล้ว เจ้าหนุ่ม หลังจากนี้หากมีเวลาว่าง สามารถมาค่ายหลักกองทัพเลือดเหล็กที่ชายแดนตะวันตกของจักรวรรดิได้ ข้าจะพาเจ้าออกสนามรบ นำศีรษะศัตรูมาทำจอกสุรา ดื่มด่ำไปด้วยกัน!”


“ผู้อาวุโส ครั้งนี้ขอขอบคุณท่านมาก!”


หลินสวินรีบร้อนยืนขึ้น คารวะอย่างจริงจัง ครานี้หนิงปู้กุยช่วยเหลือเขาอย่างใหญ่หลวง หากไม่ใช่เพราะมีหนิงปู้กุยออกบัญชาการด้วยตนเอง ผลที่ตามมานั้นก็ไม่อยากจะคาดคิด


“ฮ่าๆ พยายามบำเพ็ญเข้าล่ะ ใต้หล้าหลังจากนี้ต้องพึ่งพาคนหนุ่มอย่างพวกเจ้า!” หนิงปู้กุยโบกมือแล้วลอยล่องจากไป


ในใจหลินสวินอดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้ ครั้งนี้สามารถเชิญราชันเลือดเหล็กหนิงปู้กุยออกมือได้ ทำให้เขาเกินคาดหมายและประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง


แต่เวลานี้ที่มากกว่านั้นก็คือความซาบซึ้งใจ ถึงอย่างไรนี่ก็คือบุคคลผู้ทรงอำนาจท่านหนึ่ง เป็นราชันระดับสังสารวัฏผู้สั่นสะเทือนใต้หล้า ใช่ว่าจะสามารถเชิญให้เคลื่อนไหวได้โดยง่าย!


……………..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)