Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 477-478
ตอนที่ 477 ตบหน้าหญิงงาม
โดย
ProjectZyphon
ได้ยินน้ำคำประหนึ่งชี้แนะเรื่องสำคัญของหลินสวินเข้า สืออวิ๋นเผิงก็โกรธจนเส้นเลือดบนหน้าผากเต้นตุบๆ เขาถึงกับพ่ายแพ้เชียวนะ ถูกเจ้าคนไร้ยางอายผู้นี้ทำให้ปราชัยต่อหน้าฝูงชน นี่ทำให้เขาอดสู นำความอับอายขายหน้ามาให้
“ถ้ากล้าก็สู้อีกรอบ!”
สืออวิ๋นเผิงตะโกนอย่างเดือดดาล เขาไม่ยินยอมอย่างยิ่ง ในการดวลกับหลินสวินก่อนหน้านี้เขาต่อสู้อย่างดุเดือด ประมือกันห้าร้อยกระบวนท่าเต็มๆ เดิมคิดว่ามองเห็นความหวังแห่งชัยชนะแล้วเชียว
ทว่าท้ายที่สุดกลับถูกฝ่ามือหนึ่งซัดปลิวออกจากลานแสดงยุทธ์อย่างลึกลับ จนป่านนี้เขายังงุนงงไม่เข้าใจสถานการณ์อยู่เลย
ในเวลานี้หลินสวินฉวยเอาป้ายประจำตัวที่สืออวิ๋นเผิงโยนไว้ขึ้นมาแล้วกวาดตามองปราดหนึ่ง พบว่าในนั้นมีคะแนนสะสมแค่สามร้อยกว่าแต้มเท่านั้น
“คะแนนสะสมนี้ของเจ้ามันไม่พอ คิดจะประลองกับข้าอีก อย่างน้อยๆ ต้องบวกเพิ่มอีกห้าร้อยคะแนน ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่มีแก่ใจจะชี้แนะเจ้าหรอก”
หลินสวินกล่าวอย่างไม่อภิรมย์
สืออวิ๋นเผิงโกรธจนสั่นเทิ้มไปทั้งกาย กัดฟันจนจวนจะหัก เจ้าหลินสวินคนนี้ช่างยั่วโทสะเหลือเกิน
คนจำนวนมากในลานเริ่มร้องโห่ ส่งเสียงดังไม่หยุด ต่างคิดว่ากว่าหลินสวินจะกำชัยได้ก็ยากเหลือแสน ทว่าตอนนี้กลับจองหองเพียงนี้ ทำให้ผู้คนเหม็นหน้าสิ้นดี
“พวกเจ้าไม่ยอมแพ้? ได้เลย ถือคะแนนสะสมเรียงแถวมาอย่างว่าง่ายให้หมด ข้าผู้แซ่หลินรับรองว่าจะอยู่ด้วยจนถึงที่สุด”
หลินสวินคลี่ยิ้มสดใส
“หลินสวิน เจ้าหยุดวางโตเสียที!” ศิษย์เหล่านั้นโกรธยกใหญ่ ร้องด่าหลินสวิน
“ลูกผู้ชายตัวจริงไม่พูดไร้สาระ ถ้ากล้าก็ลุยเข้ามา คนที่ได้แต่ปากมากหลบไปคลายร้อนอยู่ด้านข้างให้หมด”
หลินสวินมีสีหน้าสบายอารมณ์ ท่าทางนี้ทำเอาคนจำนวนไม่น้อยโกรธจนจมูกแทบเบี้ยวหมดแล้ว
“ข้าดวลกับเจ้าเอง!”
หลันอวี่ตะโกนลั่น น้ำเสียงดั่งสายฟ้าฟาด เขาทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ
“ผมขาว เจ้าต่อแถวเสียดีๆ ยังไม่ทันถึงตาเจ้าเสียหน่อย”
หลินสวินเหลือบมองเขาปราดหนึ่งจากหางตา
เรียกผมขาวอีกแล้ว!
ดวงตาหลันอวี่แดงก่ำด้วยความโมโห เขาเป็นถึงผู้กล้าผู้โดดเด่นห้าอันดับแรกแห่งกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณเชียวนะ บรรพบุรุษมีความสัมพันธ์ทางการแต่งงานกับเชื้อพระวงศ์ สถานะทรงสง่า เดินไปที่ไหนต่างได้รับความเคารพยำเกรงจากผู้คน ไหนเลยจะเคยถูกคนเรียกว่าผมขาวให้อัปยศคำแล้วคำเล่ากัน
“คอยดูเถอะข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างไม่น่าพิสมัยแน่!”
ทุกคำของหลันอวี่เผยให้เห็นไอเข่นฆ่า
หลินสวินร้องอ้อหนึ่งทีแล้วกลอกตา คร้านจะมองเขาอีกต่อไป ท่าทางจองหองนี้ทำให้เหล่าศิษย์สาขายุทธ์วิถีใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว
นี่เป็นถึงสาขายุทธ์วิถีเชียวนะ!
อยู่ที่นี่ผู้ใดกล้าอวดดีเพียงนี้กันเล่า
ทว่าจนแล้วจนรอด วันนี้ก็มีหลินสวินผู้หยิ่งผยองอย่างไม่น่าให้อภัยโผล่มาหนึ่งคน เย่อหยิ่งบ้าดีเดือด ไม่เห็นใครในสายตา ช่างน่าชิงชังอย่างถึงที่สุด
หลินสวินไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้เลย เพิ่งออกจากการปิดด่านวันแรกเท่านั้น หน้าประตูใหญ่ของภูเขาชำระจิตก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งปิดกั้น ภูตผีปีศาจอะไรล้วนวิ่งออกมาสำแดงความชั่วร้าย
เมื่อจัดการภูตผีปีศาจเหล่านี้แล้วมาสำนักศึกษามฤคมรกต เดิมคิดว่าจะสามารถจดจ่อดำเนินแผนหลอมชุดศึกสลักวิญญาณของตนได้ ใครเลยจะเคยคิดว่าดันถูกศิษย์สาขายุทธ์วิถีพวกนี้ราวีปลุกปลั่นอีก
อีกอย่างหลินสวินสามารถสรุปได้เลาๆ ว่า เบื้องหลังทุกอย่างนี้จะต้องมีคนคอยยุยงและสนับสนุนอยู่ ต่อให้ก้มหน้าอดกลั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบเลี่ยงลมพายุหนนี้
นี่ทำให้หลินสวินโกรธขึ้นมาจริงๆ เช่นกัน หากไม่อาละวาดให้หนักสักรอบ ต่อไปคงจะมีแต่ตัวตลกมากกว่าเดิมโผล่ออกมาเท่านั้นแหละ
“ข้าจะสู้กับเจ้าสักตั้ง!”
เซวียอวิ้นก้าวมาเบื้องหน้า ท่าทีราบเรียบเย็นชา ประหนึ่งภูเขาหิมะถือดีและสันโดษ
ผู้คนต่างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าบุคคลอย่างเซวียอวิ้นจะไม่สามารถทนความจองหองของหลินสวินได้เช่นกัน ฉับพลันนั้นพวกเขาต่างฮึกเหิม
เซวียอวิ้น!
นี่เป็นถึงผู้กล้าหญิงผู้เลื่องชื่อลือชาในสาขายุทธ์วิถี ติดอันดับที่สิบเก้าแห่งกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณเชียว อีกทั้งนางยังมีพื้นเพมาจากตระกูลทรงอิทธิพล รูปโฉมงดงามแบบบาง ได้รับความนิยมระดับสูงในสำนักศึกษา และเป็นที่รักใคร่ชื่นชมของคนวัยหนุ่มมากมาย
เห็นว่านางเลือกประสองเป็นคนที่สอง ทั่วลานต่างเดือดพล่าน
“ศิษย์พี่เซวียอวิ้น จะต้องสั่งสอนเจ้าเด็กนี่อย่างเหรี้ยมเกรียมเชียว! ทำให้เขารู้ถึงความร้ายกาจของสาขายุทธ์วิถีของพวกเรา!”
ศิษย์ชายกลุ่มหนึ่งร้องตะโกน ให้กำลังใจแก่เซวียอวิ้น
มีเพียงกลุ่มคนเล็กๆ ที่รู้จักหลินสวินอย่างฉือฉางเหมย ฮวาอู๋โยวเท่านั้นที่ท่าทีเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด กระโดดเข้าไปในหลุมอีกคนแล้ว ซ้ำยังเป็นผู้กล้าหญิงผู้เลื่องชื่อคนหนึ่งเสียด้วย
“ท่านหญิงเซียนเซียน เคยได้ยินคำว่าหงส์ขนหลุดไม่สู้ระกาบ้างหรือไม่”
จู่ๆ ฮวาอู๋โยวถามพลันเอ่ยถาม
“หืม? เจ้าพูดอะไร”
สาวน้อยอรชรด้านข้างนิ่งงัน
“ไม่มีอะไร”
ฮวาอู๋โยวไม่อยากอธิบายให้มากความ ในใจของนาง เซวียอวิ้นกำลังจะกลายเป็นหงส์ขนหลุดแล้ว…
“รอประเดี๋ยว คะแนนสะสมเจ้าเอามาหรือยัง ข้าไม่อาจรอมชอมข้อเรียกร้องของผู้ท้าชิงเพียงเพราะผู้หญิงมาท้าดวลหรอก”
กลางลานแสดงยุทธ์ หลินสวินหัวเราะน้อยๆ พลางมองเซวียอวิ้น
คนบางส่วนอึ้งงัน เจ้านี่ถึงขั้นกล้าไม่เคารพศิษย์พี่เซวียอวิ้นถึงเพียงนี้เชียว! เขาไม่รู้เลยหรือว่าอะไรที่เรียกว่าบุรุษทะนุถนอมสตรี
“คนที่ตาจ้องอยู่แต่คะแนนสะสมแบบนี้ เหล่าพี่สาวน้องสาวเอ๋ย ต่อไปหาผู้ชายสักคนอย่าได้หาแบบนี้เชียว!”
ศิษย์หญิงคนหนึ่งร้องตะโกนอย่างเดือดดาล เรียกเสียงสมทบมาได้ไม่น้อย
“ปล่อยเจ้าจองหองไปเถิด!”
ดวงตาดุจดาราของเซวียอวิ้นเย็นเยียบ มือนวลสะบัดออก ขว้างป้ายประจำตัวออกมา
จากนั้นเงาร่างของนางไหววูบ แขนเสื้อพลิ้วไสว มายังกลางลานแสดงยุทธ์พลางกล่าวเรียบเฉย “หลินสวิน หากเจ้าแพ้ จงชดใช้ความผิดที่เจ้ากระทำลงไป และขอโทษยอมรับผิดต่อราชวงศ์ ณ ที่แห่งนี้ด้วย”
หลินสวินกล่าวพลางหัวเราะน้อยๆ “เอาชนะข้าให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน”
ตูม!
เซวียอวิ้นไม่พูดมากความอีก เพียงชั่ววูบเท่านั้นแสงสนธยาสีม่วงที่เปล่งประกายพุ่งออกมาจากเรือนกายของนางนับพัน ก่อนกลายเป็นดาบคมรุ้งวิเศษ พุ่งไปห้อมล้อมหลินสวินเอาไว้
“น่าสนใจ” หลินสวินรุดหน้าไปต้อนรับ
การต่อสู้เดือดปะทุและมีสีสันยิ่งกว่าศึกของสืออวิ๋นเผิงเมื่อครู่เสียอีก
ในลานมีเสียงโห่ร้องดังขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า เสียงอึกทึกพุ่งสู่นภา แน่นอนว่าต่างเป็นเสียงที่ให้กำลังใจแก่เซวียอวิ้นทั้งนั้น
อาภรณ์ขาวของนางโบกพลิ้ว เรือนผมงามไหวผะแผ่ว นัยน์เนตรคู่นั้นดั่งสายชล คล้ายมีหมอกน้ำแข็งอำพรางอยู่ ผิวพรรณผุดผ่องดั่งพวงหยก ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความยะเยือกเย็นดุจหิมะ งดงามน่าพิสมัยยิ่งยวด
ในระหว่างการต่อสู้ แสงสนธยาม่วงและสายรุ้งวิเศษเริงระบำ ทำให้นางเป็นดั่งภาพฝันลวงตาโดยสิ้นเชิง กำราบหลินสวินให้ต้องหลบเลี่ยงหนแล้วหนเล่า ยิ่งดูเหนือธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด
ศิษย์ชายบางส่วนในลานต่างผุดแววหลงใหลออกมา สภาพจิตใจกวัดแกว่ง แม้แต่ศิษย์หญิงบางคนก็ต่างต้องยอมรับ เซวียอวิ้นเป็นผู้กล้าหญิงที่หาตัวจับยาก พร่างพราวหาใดเปรียบจริงๆ
“ศิษย์พี่เซวียอวิ้นเทียบได้กับเทพนารีศักดิ์สิทธิ์แห่งเก้าชั้นฟ้าผู้นั้นเลยเชียว นุ่มนวลเหนือธรรมดา ส่วนเจ้าหลินสวินนั่นก็เป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่ง คงกระโดดโลดเต้นได้ไม่นานนักหรอก”
ชายหนุ่มคนหนึ่งปริปากเอ่ยอย่างเนิบนาบ เปี่ยมด้วยความสรรเสริญและชื่นชม
“ใช่แล้ว การควบคุม ‘แสงม่วงสมประสงค์’ ของศิษย์พี่เซวียอวิ้นยิ่งลึกล้ำซับซ้อนขึ้นแล้ว เกรงวว่าไม่ต้องใช้เวลานานก็สามารถก้าวถึงระดับหยั่งสัจจะ เข้าไปฝึกในเรือนยอดยุทธศาสตร์ได้แล้ว”
ผู้คนจำนวนมากต่างร้องสมทบ
ในสายตาของพวกเขา หลินสวินในเวลานี้ถูกเซวียอวิ้นกำราบโดยสมบูรณ์ เมื่อเทียบกันแล้วแตกต่างอย่างลิบลับ ซวนเซเหมือนตัวตลก น่าขันหาใดเปรียบ
ไม่นานการประลองก็ดำเนินมาถึงห้าร้อยกระบวนท่า
เพียะ!
ทันใดนั้น เสียงฝ่ามือก้องสายหนึ่งพลันดังขึ้น
ขณะที่กำลังประทับใจต่อท่าทางของเซวียอวิ้น ผู้คนที่ชื่นชมให้กำลังใจรู้สึกเพียงว่าตาลาย พลันเห็นว่ากลางลานแสดงยุทธ์เงาร่างเซวียอวิ้นไหววูบ โซซัดโซเซถอยร่นออกมาสิบกว่าก้าว
และบนดวงหน้านวลเนียนงดงามของนางนั้นกลับมีรอยฝ่ามือแดงเรื่อเพิ่มขึ้นมาหนึ่งรอย ทั้งยังบวมเป่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วอีกด้วย
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ เซวียอวิ้นไม่สามารถควบคุมร่างได้ในที่สุด โงนเงนหนหนึ่งก่อนร่วงตุบไปนอกลานแสดงยุทธ์ ตกลงไปด้วยท่าทางสะบักสะบอม
เสียงร้องให้กำลังใจทั่วลานหยุดลงทันใด ทุกคนต่างเบิกตากว้าง นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น เซวียอวิ้นถูกเจ้าหนูนั่นตบหนึ่งฉาดกระเด็นออกนอกลานแสดงยุทธ์!?
นี่ นี่…นี่มันเป็นไปได้อย่างไร
คนจำนวนมากล้วนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ท่าทางคล้ายกับเห็นผีตัวเป็นๆ เมื่อครู่ยังสู้อย่างดุเดือด กำราบหลินสวินคนนั้นจนแทบทนรับไม่ไหวอยู่เลย เหตุใดเพียงพริบตาเดียวถึงได้กลายเป็นเช่นนี้เสียแล้ว?
ในลานไร้สุ้มเสียงในบัดดล
“เอ่อ โทษทีนะ เมื่อครู่ออกแรงมากเกินไป ไม่ทันยั้งเอาไว้ก็ซัดใส่หน้าเสียแล้ว ขออภัยๆ”
แม้หลินสวินจะเอ่ยขอโทษ แต่ท่าทางกลับหยาบคายมาก ทำเอาผู้คนในลานเห็นแล้วต่างโทสะลุกโชน กัดฟันดังกรอด
น่ารังเกียจเกินไปแล้ว!
เซวียอวิ้นเป็นถึงเทพธิดากลางดวงใจของพวกเขา พร่างพราวเพียงไหน ทว่ายามนี้กลับถูกเจ้าคนน่ารังเกียจนี่ตบหน้าเข้าให้อย่างจังภายใต้สายตาที่จับจ้องของคนมากมาย นี่พาให้ผู้คนเดือดดาล สมควรโดนทัณฑ์สวรรค์นัก!
ส่วนเซวียอวิ้นนิ่งงันอยู่ตรงนั้น ราวกับถูกฝ่ามือนั้นตบจนมึน เนิ่นนานกว่าจะกู้สติกลับมา จากนั้นจึงมองไปทางหลินสวินด้วยสายตาชิงชัง ไม่อาจควบคุมความเดือดดาลในอกได้อีกต่อไป แผดเสียงร้อง “ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ฐานะของนางสูงส่งบอบบางเพียงใด ประหนึ่งนางสวรรค์ เดินไปที่ไหนต่างถูกผู้คนรุมล้อมดั่งดาวล้อมเดือนก็ไม่ปาน ไหนเลยจะคาดคิดว่าวันหนึ่งจะถูกคนซัดฝ่ามือใส่หน้า
นางโทสะเดือดพล่านโดยสมบูรณ์ หมายจะสังหารหลินสวินโดยไม่สนสิ่งใด
“ทำไมกัน แพ้ไม่ได้หรือ นี่มันทำให้ข้าผิดหวังกับสาขายุทธ์วิถีมากๆ เลยเชียว แค่ฝ่ามือเดียวเท่านั้น ก็ถือว่าเป็นการสั่งสอนอย่างหนึ่ง วันหน้าจะได้ไม่ยกตนข่มท่านอีก ไม่ดีหรือ”
หลินสวินกล่าวติงอย่างไม่สบอารมณ์
“เซวียอวิ้น เจ้าอดกลั้นไว้ก่อนชั่วครู่แล้วกัน ให้ข้าจัดการเจ้าเด็กนี่เอง!”
จินจู๋หลิวก้าวมาข้างหน้า เตือนเซวียอวิ้นที่ใกล้จะปะทุเต็มทนเอาไว้แล้วพานางเดินออกไป หากอยู่ต่ออีก รังแต่จะทำให้เซวียอวิ้นยิ่งอับอาย
และในเวลานี้ผู้คนในลานต่างคืนสติกลับมา เซวียอวิ้นถึงขั้นถูกฝ่ามือเดียวตีจนปราชัย ทันใดนั้นผู้คนอารมณ์เดือดพล่าน ทุกคนต่างส่งเสียงกล่าวหาหลินสวิน
“หลินสวิน เจ้ายังเป็นบุรุษหรือไม่ เจ้าทำกับสตรีเช่นนี้เลยหรือ ช่างไม่เอาไหนจริงๆ!”
“หึ! ลงมือกับผู้หญิงยังโหดเหี้ยมเพียงนี้ ขายขี้หน้า!”
“ทุกคนอย่าขวางข้าเชียว ข้าจะแก้แค้นแทนศิษย์พี่เซวียอวิ้นเอง สังหารเจ้าคนนอกรีตไร้ขื่อไร้แปคนนี้เสีย!”
ส่วนหลินสวินยืนอยู่ท่ามกลางลานแสดงยุทธ์เพียงลำพัง หอบหายใจหนัก สีหน้าซีดขาว ทั่วสรรพางค์กายชุ่มด้วยเหงื่อเย็น มีท่าทีจวนเจียนจะยืนหยัดไม่ไหว
ทว่าเขายังคงมีท่วงท่าของยอดฝีมือเดียวดาย ทอดถอนใจกล่าว “สรรพสิ่งบนโลกดั่งหมากกระดาน กลับยากพานพบคู่ประมือ ข้านี่มันอยู่ปลายยอดเพียงหนึ่งเดียวสินะ”
คนทั้งกลุ่มต่างจนคำพูด เหนื่อยระยำจนกลายเป็นแบบนี้แล้ว ยังบอกว่ายากพานพบคู่ประมืออีก กล้าทำหน้าซื่อและไร้ยางอายขนาดนี้เลยหรือ
ฉือฉางเหมยกลับลอบหดหู่กับตัวเอง เจ้าหมอนี่ยังคงเป็นมือดีที่ดึงความเกลียดชังได้คนหนึ่งเสียจริง ประโยคเดียวก็ชักนำความโกรธเคืองจากผู้คน และถูกประณามจากธารกำนัลได้
“นี่ก็คือหงส์ขนหลุดไม่สู้ระกาที่เจ้าพูดหรือ” ท่านหญิงเซียนเซียนคล้ายเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้าง
“ข้าเปล่าพูดถึงเซวียอวิ้นเสียหน่อย” ฮวาอู๋โยวตอบกลับด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ท่านหญิงเซียนเซียนดูคล้ายเป็นกังวล นางรับรู้ได้เลาๆ ว่าบนร่างหลินสวินมีปัญหา!
“คะแนนสะสมเพิ่งจะสองร้อยกว่าๆ ยังคิดว่าจะแน่แค่ไหนเชียว”
บนลานแสดงยุทธ์ หลินสวินเก็บป้ายประจำตัวของเซวียอวิ้นขึ้นมาแล้วพึมพำอย่างอดไม่อยู่ แต่ดันถูกพวกคนหูดีบางคนได้ยินเข้า พลันโกรธจนร้องลั่นหนึ่งระลอก
เพียงแต่ไม่นานหลินสวินก็เข้าใจทันที คะแนนสะสมของสำนักศึกษาหากคิดจะเริ่มสั่งสมนั้นแสนยากยิ่ง เนื่องจากการฝึกฝนส่วนใหญ่ของศิษย์ในสำนักล้วนเกี่ยวเนื่องอย่างมากกับคะแนนสะสม ทั้งการแลกเปลี่ยนยาวิญญาณ อ่านบันทึกโบราณในหอเก็บตำรา ออกไปเคี่ยวกรำด้านนอก… ต่างจำเป็นต้องจ่ายคะแนนสะสมที่สอดคล้องกันนั่นเอง
“หลินสวิน ข้ามาดวลกับเจ้า!”
ในเวลานี้จินจู๋หลิวลงสนามแล้ว นัยน์ตาเย็นเยียบดุจสายฟ้า เคลือบแฝงไอสังหาร
ส่วนลึกภายในนัยน์ตาดำสนิทของหลินสวินผุดความเยียบเย็นเสี้ยวหนึ่ง ในที่สุดเจ้าหนุ่มนี่ก็กระโดดออกมาแล้ว
ก่อนหน้านี้จินจู๋หลิวเคยพูดเองกับปาก เขาโจมตีหลินเสวี่ยเฟิงจนเจ็บหนัก ทำเอาหลินเสวี่ยเฟิงยังพักรักษาตัวอยู่จนป่านนี้!
——
ตอนที่ 478 รู้แจ้งโดยพลัน
โดย
ProjectZyphon
จินจู๋หลิว
อัจฉริยะอันดับเก้าในกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ ชื่อเสียงเลื่องระบือในสาขายุทธ์วิถี มีคะแนนด้านการศึกอันรุ่งโรจน์ทำให้ผู้คนกล่าวขวัญอย่างเซ็งแซ่
เขารูปร่างสูงโปร่ง ท่วงท่าหล่อเหลาสะดุดตา ในทุกๆ อิริยาบถเผยชัดถึงความทรงพลังแข็งกร้าวดุดัน นั่นคือกลิ่นอายที่ต้องผ่านศึกเนิ่นนานกว่าจะเคี่ยวกรำออกมาได้
ฟุ่บ!
โดยไม่มีการพูดพล่ามเลยสักนิด จินจู๋หลิวขว้างป้ายประจำตัวออกไปแล้วตรงดิ่งมายังลานแสดงยุทธ์ เงาร่างดั่งทวนหนึ่งเล่ม แสงสนธยาร้อยเรียงไม่ขาดสายพวยพุ่งออกจากรอบกายเขา ทำให้เขายิ่งดูทรงเสน่ห์สะกดผู้คนมากขึ้น
บัดนั้นทั่วทั้งลานต่างตื่นเต้น พวกเขากลั้นหายใจอยู่ในอก เมื่อจินจู๋หลิวลงสนาม ทำให้พวกเขามองเห็นความหวังที่จะกำราบหลินสวิน โค่นเขาลงได้โดยสมบูรณ์
“เปลี่ยนคนหรือ ก็ได้ ให้ข้าพักสักเดี๋ยวก่อน ดวลศึกสองครั้งติด ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะก็ยังต้านไม่ไหวเลย”
หลินสวินกล่าวพลางหย่อนก้นนั่งลงบนพื้น
ฝูงชนเหยียดหยามทันใด เจ้าหมอนี่ผิวหน้าหนาจริงๆ ระดับหยั่งสัจจะก็ยังต้านไม่ไหวงั้นหรือ ผู้แข็งแกร่งระดับนั้นต่อให้ต้องกรำศึกสามวันสามคืนติดยังไม่รู้สึกเหนื่อยเลย!
“ข้าจะให้โอกาสเจ้า ต้องการยาวิญญาณหรือไม่”
จินจู๋หลิวสีหน้าไร้อารมณ์ กล่าวเย็นชา
“ไม่ต้อง หากว่ามีพิษจะทำอย่างไร ข้าได้ยินว่าบนโลกนี้มียาพิษไม่น้อยที่สามารถทำให้คนสูญเสียเรี่ยวแรงไปอย่างไร้สุ้มไร้เสียง”
หลินสวินกล่าวพลางหัวเราะร่า
“เจ้า…”
สีหน้าจินจู๋หลิวเย็นชา เนิ่นนานกว่าจะเอ่ยคำ “รออีกเดี๋ยว ข้าจะทำให้เจ้าลิ้มรสความพ่ายแพ้เช่นเดียวกับญาติผู้พี่หลินเสวี่ยเฟิงของเจ้า”
เห็นชัดว่ากำลังยั่วโมโหอยู่ เพียงแต่หลินสวินกลับคลี่ยิ้มบาง ไม่ได้เอ่ยมากความ
จากนั้นไม่นานหลินสวินก็หยัดตัวขึ้น กล่าวอย่างน่าเกรงขามเหลือล้น “มาสิ”
“เฮอะ!”
จินจู๋หลิวแค่นเสียงเย็น เขากวัดแกว่งทวนเล่มหนึ่ง ดุจเทพเจ้าสงครามขวางสมรภูมิ เชือดเฉือนอากาศธาตุ พุ่งโจมตีอย่างดุเดือดประหนึ่งฟ้าคำราม
ตูม!
ห้วงอากาศในลานแสดงยุทธ์ส่งเสียงคราญ เมฆลมผันเปลี่ยน และสิ่งนี้ล้วนเกิดขึ้นโดยจินจู๋หลิวทั้งสิ้น
ไม่อาจไม่พูด คนผู้นี้ทรงพลังมากจริงๆ ทวนหนึ่งเล่มคละคลุ้งด้วยแสงวิญญาณพร่างพราว ชี้นภาผ่าปฐพี ทรงพลังเกรี้ยวกราด เปี่ยมด้วยท่าทีดุจเย้ยหยัน พบเทพฆ่าเทพ พระขวางก็สังหารพระ ไม่เสียแรงที่เป็นบุคคลโดดเด่นอันดับเก้าในกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ
สิ่งนี้ทำให้ศิษย์จำนวนมากกลางลานสั่นสะท้าน
ส่วนพวกฉือฉางเหมย ฮวาอู๋โยวเองก็เริ่มมีท่าทีจริงจังขึ้นมา พลังการต่อสู้ของจินจู๋หลิวแข็งแกร่งเป็นที่ประจักษ์ ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าผู้กล้าคนอื่นๆ เลยสักนิด
โดยเฉพาะยามที่ประลองตัวต่อตัวอย่างแท้จริง จินจู๋หลิวองอาจเหนือมนุษย์ พลังการต่อสู้ที่งัดออกมายิ่งแข็งแกร่งขึ้น เมื่อเทียบกับหลิงเทียนโหวจ้าวจิ่งอิ้นแล้วก็ไม่ได้ทิ้งห่างกันไม่นัก
“ฆ่า”
กลางลานเต็มไปด้วยเสียงตะโกนดุเดือดกรุ่นไอสังหารของจินจู๋หลิว เส้นผมดำขลับของเขาปลิวไสว ทวนพุ่งอย่างดุดันดั่งอสนีบาตฟาดชั้นฟ้า ไอเข่นฆ่ากวาดม้วนทั่วสนาม ก่อให้เกิดเสียงร้องอุทานเป็นระลอก
ในทางกลับกัน หลินสวินกลับดูจืดจางมากอย่างเห็นได้ชัด ถูกกำราบจนเงยหน้าไม่ขึ้น ไม่นานก็เผยสัญญาณผู้พ่ายแพ้ มีหลายต่อหลายครั้งที่เกือบถูกซัดสะเทือนปลิวออกนอกลานแสดงยุทธ์
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร รอบๆ ลานแสดงยุทธ์มีคนเพิ่มมาอีกมากมาย ทั้งจั่วอวี้จิงอันดับสามบนกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ จ้าวจิ่งเหวินลูกหลานราชวงศ์ผู้มีฐานะสูงส่งทรงภูมิมากที่สุด…
และมีศิษย์จากสาขาสลักวิญญาณ สาขากลยุทธ์เทพ สาขามังกรเร้นมาไม่น้อย กระทั่งยังมีอาจารย์บางส่วนที่ถูกทำให้ตกตื่น จนรุดหน้ามาดูการต่อสู้
หนิงเหมิง สืออวี่ เย่เสี่ยวชี กงหมิง… สหายเก่าของหลินสวินเหล่านี้ต่างเร่งรุดมาด้วย ตอนนี้พวกเขาล้วนฝึกปราณอยู่ในสาขามังกรเร้น
พวกเขาต่างพิศวงมาก หลินสวินถึงขั้นประลองศึกที่สาขายุทธ์วิถี เดิมคิดว่าเขายังคงปิดด่านกักตนอยู่บนภูเขาชำระจิตเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเขาไม่เพียงแต่ออกด่านแล้ว ซ้ำยังแจ้นมายังสำนักศึกษามฤคมรกต ก่อเรื่องอย่างกระปรี้กระเปร่า กลายเป็นเป้าสายตาของผู้คนมากมาย
“สถานการณ์ไม่ค่อยดีแล้ว”
เย่เสี่ยวชีที่มีรูปร่างอ้วนเป็นทรงกลมเบิกตากว้าง
“หึๆๆๆ”
ได้ฟังถ้อยคำดังกล่าว สืออวี่และหนิงเหมิงล้วนอดหัวเราะขึ้นไม่ได้ รอยยิ้มน่าพิศวงยิ่ง
“นี่พวกเจ้าทำบ้าอะไรกัน ไม่เห็นว่าหลินสวินถูกกดดัน เกือบถูกคนซัดจนฟุบแล้วหรือ”
เย่เสี่ยวชีถลึงตา
“เฮ้อ เจ้ายังไม่เข้าใจหลินสวินสินะ เจ้าหนูนี่ดูแล้วไม่มีพิษมีภัย แต่ความจริงอุบายชั่วร้ายในท้องมีมากกว่าใครเชียวล่ะ น่าขยาดกลัวยิ่ง”
หนิงเหมิงตบหัวไหล่ของเย่เสี่ยวชี ท่าทีดั่งผู้เจนจัดช่ำชอง
“จินจู๋หลิวต้องพบเคราะห์แล้ว”
สืออวี่กล่าวเนิบๆ
เย่เสี่ยวชีนิ่งงัน รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติมาโดยตลอด
“เหมือนหมาป่าสวมหนังแกะจริงๆ”
กงหมิงที่ไม่เอ่ยคำมาโดยตลอดกล่าวแสดงทรรศนะหนึ่งประโยค
เย่เสี่ยวชีกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นกลางลานพลันเกิดเสียงโครมครืนดังขึ้นหนึ่งระลอก
และเห็นว่ากลางลานแสดงยุทธ์ จินจู๋หลิวถึงขั้นถูกหลินสวินซัดหมัดเข้าบนหัวไหล่หนึ่งที ทั้งตัวคนพลันกระเด็นลอยออกไป
ใครก็ไม่อาจเห็นชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หลินสวินที่เมื่อครู่หลบหลีก จวนเจียนจะแพ้พ่ายอยู่แท้ๆ ทว่าชั่วพริบตาเดียวจินจู๋หลิวกลับถูกโจมตีสวนเสียอย่างนั้น!
ทั้งลานฉงนเลิกลั่ก รู้สึกว่าเริ่มมีบางอย่างผิดปกติ
มุมปากเย่เสี่ยวชีกระตุกอย่างแรง ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว ก่อนหน้านี้หลินสวินต้องจงใจแสร้งอ่อนแอแน่!
“ฆ่า!”
จินจู๋หลิวตะโกนลั่น ถูกหลินสวินโจมตีจนพ่ายด้วยหมัดเดียวทำให้เขาเองก็ตกตะลึง งุนงงอยู่บ้างเหมือนกัน คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะยังมีเรี่ยวแรงสู้กลับ
เพียงแต่ไม่นานเงาร่างของหลินสวินทอประกาย พุ่งโจมตีอย่างหนักหน่วงดุจดั่งภูตผีก็ไม่ปาน ยันเท้าเข้าท้องน้อยของจินจู๋หลิวอย่างจัง
เนื่องจากเร็วเกินไป ฝูงชนจึงรู้สึกตาลายอีกครั้ง จินจู๋หลิวส่งเสียงโอดครวญ ซัดเซสู่สภาพหัวทิ่มหกคะเมน
นี่…
ทั่วลานล้วนตกตะลึง จินจู๋หลิวก่อนหน้านี้ทรงอำนาจอาจหาญมากเพียงใด แต่ไฉนตอนนี้จู่ๆ ก็เริ่มกำราบหลินสวินไม่อยู่เสียแล้ว?
“การแก้แค้นเริ่มต้นแล้ว”
ในขณะนี้ ฉือฉางเหมยกับฮวาอู๋โยวต่างก็มองออก จินจู๋หลิวก็ต้านไม่ไหวแล้วเช่นกัน
ในใจของพวกนางต่างฉงน หลินสวินปิดด่านไปสองเดือน ยามนี้คล้ายกับเปลี่ยนเป็นยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ผู้คนแทบสัมผัสไม่ได้เลยว่าแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่!
“รนหาที่ตาย!”
เห็นชัดว่าจินจู๋หลิวไม่เชื่อ สีหน้าเขียวคล้ำ เรือนผมยุ่งเหยิง ควงทวนกวาดไปทั่ว ทั้งร่างเต็มไปด้วยแสงเรืองรอง ทรงพลังน่าเกรงขาม
“ฮ่าๆ”
หลินสวินหัวเราะอย่างสดใสยิ่งโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ ทว่ารอยยิ้มนั้นของเขาเมื่อเข้าสู่สายตาของจินจู๋หลิว กลับกลายเป็นการยั่วยุและความอัปยศอดสูอย่างหนึ่ง
สำหรับผู้คนในลานที่ชมดูการต่อสู้ รอยยิ้มนี้ของหลินสวินดูขวางตาเป็นอย่างมาก ท่าทางอัปลักษณ์ดั่งอันธพาลได้ใจ!
เพียะ!
ทว่าไม่นานหน้าผากของจินจู๋หลิวก็ถูกฝ่ามือหนึ่งตบเข้าให้ ทิ้งร่องรอยนิ้วมือห้านิ้วสีแดงโลหิตบนหน้าผากเกลี้ยงเกลา นี่ทำให้ทั่วลานต่างอดพรั่นพรึงไม่ได้ รู้สึกว่าเริ่มมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
“หน้าผากนี้ช่างแข็งเหลือเกินจริงๆ ถึงขนาดตบไม่ยุ่ยเลย” หลินสวินพึมพำหนึ่งที
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
จินจู๋หลิวโกรธจนไม่อาจรักษาความสุขุมได้อีกต่อไป ดวงตาเปี่ยมด้วยเลือด สีหน้าโกรธเขียว เสียงคำรามดั่งอสนีบาต ก่อนพุ่งโจมตีออกไปอย่างบ้าคลั่ง
โครม!
บนลานแสดงยุทธ์ห้วงอากาศแปรผันปั่นป่วน แสงวิเศษโหมซัด แสงพร่างพราวแสบตานั้นทำให้ผู้คนต่างไม่กล้าจดจ้อง
“เจ้าไม่ไหวหรอก เหตุใดไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เสียตั้งแต่ตอนนี้ อีกประเดี๋ยวข้ายังต้องแลกเปลี่ยนฝีมือกับคนอื่นอีก ไม่อาจเสียเวลาไปกับเจ้าแล้ว”
ยามที่เสียงของหลินสวินดังขึ้น ก็ได้ยินเสียงปังหนึ่งที ใบหน้าของจินจู๋หลิวถูกซัดกระแทกอย่างจังหนึ่งหมัด เลือดกระฉูดออกจากปากและจมูก ฟันก็ไม่รู้ว่าปลิวลิ่วออกไปกี่ซี่แล้ว ส่งเสียงครวญโอดโอย
ผู้คนในลานต่างรู้สึกเจ็บไปด้วย หมัดนี้ช่างโหดเหี้ยมจริงๆ!
ส่วนผู้มากประสบการณ์ที่สายตาเฉียบคมบางคนต่างสังเกตได้อย่างฉับไวแล้วว่า ฝีมือก่อนหน้านี้ของหลินสวินนั้น จงใจแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแออย่างแจ่มแจ้ง
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ในเสียงคำรามนั้นจินจู๋หลิวพุ่งโถมออกไปอีกครั้ง
เรือนผมกระเซิงของเขา ใบหน้าที่เป่งแดงเหมือนหัวหมู ภาพลักษณ์ดูน่าสังเวชยิ่งนัก ไร้ซึ่งความทรงสง่าสะกดผู้คนก่อนหน้านี้ไปสิ้น ตรงกันข้ามเขาเหมือนสัตว์ร้ายที่ถูกยุจนโมโหตัวหนึ่ง อารมณ์รุนแรง เต้นเร่าๆ ด้วยความกราดเกรี้ยว
เขาถูกยั่วจนโมโหจัด เพลิงโทสะสุมหัว ภายใต้สายตาที่จ้องมาฝูงชน ได้ถูกหลินสวินปล่อยหมัดกระแทกลอยไปห่อนหนึ่งครั้ง หลังจากนั้นท้องก็ถูกเตะไปหนึ่งที หน้าผากถูกตบหนึ่งฝ่ามือ ในเวลานี้แม้แต่แก้มยังถูกหมัดซัดจนเกือบล้มทั้งยืน นี่จะให้เขาทนไหวได้อย่างไรกัน
สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดก็คือ หลินสวินเอาแต่ยิ้มเจิดจ้าตลอดเวลา น้ำคำที่เอ่ยออกมายิ่งน่าโมโห จะให้เขารักษาความเยือกเย็นได้อีกอย่างไรกันเล่า
“เจ้าหมอนี่จงใจสินะ!”
“ตอนที่เขาต่อสู้กับสืออวิ๋นเผิง เซวียอวิ้นก่อนหน้านี้นั้น จะต้องจงใจทำเป็นอ่อนแอ ล่อคนมาติดกับอยู่ตลอดแน่ๆ!”
ในเวลานี้ต่อให้เป็นคนความรู้สึกช้าแค่ไหนก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้าง ท่าทีล้วนเปลี่ยนเป็นหลากสีสัน ทั้งฉงนสนเท่ห์ ทั้งอับอาย ทั้งขุ่นข้อง และยังตื่นตระหนก
ความจริงข้อนี้ทำให้พวกเขายากจะทำใจยอมรับ หนาวเยือกในใจยิ่ง เดิมคิดว่าในสาขายุทธ์วิถีนี้ ต่อให้หลินสวินเป็นมังกรก็ต้องขดนิ่งอยู่กับที่ ทว่ากลับคาดไม่ถึงว่าตั้งแต่ต้นจนจบ เขาแทบไม่เคยงัดพลังที่แท้จริงออกมาใช้เลย!
และสิ่งที่ทำให้พวกเขาอับอายคือ พวกเขาเพิ่งจะเข้าใจเอาป่านนี้
น่าชังเกินไปแล้ว!
“เจ้าดูออกตั้งแต่แรกแล้วหรือ”
สีหน้าท่านหญิงเซียนเซียนไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง
“คนที่สามารถสยบหลิงเทียนโหวได้ ไหนเลยจะเรียบง่ายเพียงนี้”
สีหน้าฮวาอู๋โยวราบเรียบไร้อารมณ์
และในเวลานี้ พวกหนิงเหมิง สืออวี่ เย่เสี่ยวชี กงหมิงเอาแต่หัวเราะฮ่าๆ ไม่ผิดไปจากที่พวกเขาคาดการณ์ไว้เลย หลินสวินล่อเจ้าคนเบาปัญญาได้อีกคนแล้ว
ตูม!
กลางลานแสดงยุทธ์ เสียงปะทะลั่นฟ้าสะเทือนดินดังก้องขึ้น ท่ามกลางฝุ่นควันลอยคลุ้ง จินจู๋หลิวถูกกดลงกับพื้น
ส่วนเท้าข้างหนึ่งของหลินสวินกลับเหยียบทับร่างของเขา ทำให้เขาไร้กำลังต่อต้านหยัดตัวขึ้นมา
ยามที่ภาพนี้ปรากฏ ทั้งลานไร้สุ้มเสียง นิ่งงันไปทั้งแถบ คนจำนวนมากล้วนอึ้งค้างอยู่ตรงนั้น ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
หากเทียบกับสืออวิ๋นเผิง เซวียอวิ้นก่อนหน้านี้ นับว่าจินจู๋หลิวในเวลานี้พ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชที่สุดแล้ว ทำเอาผู้คนไม่อาจทนมอง
นี่เป็นถึงอันดับเก้าของกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณเชียวนะ เหตุใดจึงถูกกำราบได้ถึงขนาดนี้
พวกเขาไม่อาจยอมรับผลลัพธ์นี้ได้เลย
ในลานนั้นผู้ที่มีท่าทีหลากหลายที่สุดคงหนีไม่พ้นหลันอวี่ ก่อนหน้านี้เขาถูกหลินสวินเอาแต่เรียกว่าผมขาวจนโกรธแทบกระอักเลือด หลายครั้งที่ตั้งใจจะก้าวขึ้นแท่นหินไปล่าสังหาร แต่ล้วนไม่อาจสมดังใจ นี่ทำให้เขาอัดอั้นถึงขีดสุด
เดิมทีเขายังกังวลว่าถ้าหลินสวินพ่ายแพ้ในเงื้อมมือของจินจู๋หลิว อาจทำให้ตนไม่มีที่ให้ระบายเพลิงโทสะ ทว่าครั้นได้เป็นพยานเห็นฉากนี้ เขาพลันแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น สีหน้าท่าทีไหววูบไม่แน่นอน
เขาไม่ได้โง่ ย่อมมองออกว่าก่อนหน้านี้หลินสวินแทบไม่ได้งัดฝีมือที่แท้จริงออกมาเลย ส่วนความพ่ายแพ้แสนอดสูของจินจู๋หลิว ก็ทำให้กลางใจของเขาเริ่มหวาดกลัว
เจ้าคนน่าชังนี่เหตุใดจึงแข็งแกร่งเพียงนี้
ไม่เพียงแต่หลันอวี่ คนอื่นๆ ในลานต่างก็คิดไม่ออกเช่นเดียวกัน
“เฮ้อ ชนะสามครั้งรวดแล้ว”
หลินสวินถอนใจหนึ่งครา ยามเอ่ยคำพูด เขาเตะจินจู๋หลิวที่อยู่บนพื้นออกจากลานแสดงยุทธ์จนร่วงตุบลงกับพื้นอย่างแรง ก่อนสลบเหมือดไปทั้งอย่างนั้น
หมัดนี้ของเขาใช้พลังที่แท้จริง โจมตีจนจินจู๋หลิวบาดเจ็บสาหัส คิดจะฟื้นตัวคงไม่ง่ายดายนัก
ช่วยไม่ได้ ที่นี่คือสำนักศึกษามฤคมรกต ไม่สามารถฆ่าคนได้ ไม่เช่นนั้นหลินสวินก็ไม่ถือสาการจบชีวิตอีกฝ่ายทิ้ง
จินจู๋หลิวแพ้แล้ว!
ฝูงชนตระหนักถึงความแข็งแกร่งของหลินสวิน ยามได้ยินเสียงทอดถอนใจของเขาก็ไม่ได้โกรธขึ้งปานนั้นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่ใบหน้ายังคงปั้นยากตามเดิม
โอหัง!
โอหังอย่างยิ่ง มองสาขายุทธ์วิถีของพวกเขาเป็นดั่งที่รกร้างไร้ผู้คน น่ารังเกียจถึงที่สุด!
“ยังมีใครอีกหรือไม่”
หลินสวินกวาดสายตามองไปทั่วลาน ก่อนปริปากเอ่ยเนิบๆ
……………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น