Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 469-470
ตอนที่ 469 มหาเพลิงผลาญสวรรค์
โดย
ProjectZyphon
ในฐานะลูกหลานผู้กล้าจากตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง ไม่เคยขาดทรัพยากรในการฝึกปราณ แต่การจะพิสูจน์ตัวเอง ได้รับชื่อเสียงที่คู่ควรกลับไม่ง่ายเหมือนพูดปากเปล่า
เพราะบนโลกนี้มียอดฝีมือมากมาย ไม่เคยขาดอัจฉริยะ อยากจะต่อสู้จนได้รับชื่อเสียงท่ามกลางเหล่ายอดฝีมือ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
แต่ถ้าคว้าโอกาสเอาไว้ได้ กลับสามารถมีชื่อเสียงโด่งดังได้ภายในการประลองเดียว!
ก็เหมือนกับหลินสวินเอาชนะฮวาอู๋โยว ทำให้ชื่อเสียงของเขาสะเทือนไปทั่วทั้งนครต้องห้าม การชนะฉือฉางเฟิงและบีบให้หลิงเทียนโหวต้องคุกเข่ายิ่งเป็นการตอกย้ำความดุดันของเขา ทำให้ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาคนรุ่นใหม่
ไม่ว่าจะเป็นจั่วหยางหรือฉินซิงล้วนมีชื่อเสียงมาตั้งนานแล้ว แต่เพราะสาเหตุบางอย่างทำให้พวกเขาพลาดงานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาของจักรพรรดินี แน่นอนว่าได้เสียโอกาสที่จะสร้างชื่อเสียงในงานเลี้ยงไปด้วย
ตอนนี้ในนครต้องห้าม ไม่ว่าใครก็คงคิดว่าจั่วหยางและฉิงซิงสู้เหล่าผู้กล้าอย่างไป๋หลิงซี ซ่งอี้และเว่ยฉือเจ๋อไม่ได้
นี่ก็คือผลกระทบของชื่อเสียง
แม้ว่าจั่วหยางและฉินซิงจะมั่นใจว่าพวกเขาไม่ด้อยไปกว่าผู้กล้าคนไหนๆ แต่ก็หาโอกาสยากมากที่จะยืนยันเรื่องนี้
ทว่าตอนนี้โอกาสมาแล้ว
ขอเพียงแค่เอาชนะหลินสวินก็เพียงพอที่จะทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาโด่งดังขึ้นมาในคราเดียว!
เพราะหลินสวินเคยไปร่วมงานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาของจักรพรรดินี เคยชนะฮวาอู๋โยว ฉือฉางเฟิงและหลิงเทียนโหว ถ้าสามารถเอาชนะหลินสวินได้ ก็เท่ากับยืนยันว่าความสามารถของพวกเขาอยู่เหนือผู้กล้าเหล่านี้อย่างไม่ต้องสงสัย!
เพราะฉะนั้นจั่วหยางและฉินซิงย่อมพลาดโอกาสนี้ไม่ได้เด็ดขาด
ในใจพวกเขาเห็นหลินสวินเป็นเหยื่อ เป็นหินรองเท้าที่จะช่วยให้โด่งดังขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“ฉินซิง เจ้ากดดันกันเพียงนี้ คิดจะแย่งเหยื่อกับข้า ไม่กลัวว่าเราสองตระกูลจะเกิดความขัดแย้งหรือ”
สีหน้าของจั่วหยางเย็นเยียบ ข่มขู่ฉินซิง
“น่าขัน! เจ้าเนี่ยนะจะเป็นตัวแทนของตระกูลจั่วของพวกเจ้าได้ ข้าพูดตรงนี้เลยว่า วันนี้คนที่จะชนะหลินสวินคือข้า ไม่ใช่เจ้าแน่นอน!”
ฉินซิงหัวเราะลั่น กำเริบเสิบสานอย่างที่สุด
คราวนี้ไม่ว่าจะเป็นเหล่าคนตระกูลจั่วหรือคนตระกูลฉิน สีหน้าล้วนเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงเลยว่าผู้กล้าของพวกเขาสองตระกูลจะมาทะเลาะกันเอง
แม้แต่เหล่าคนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรที่ยืนอยู่หน้าประตูภูเขาชำระจิตในระยะไกล ต่างมองหน้ากันไปมา สองคนนี้บ้าคลั่งจริงๆ! มองหลินสวินเป็นเหยื่อ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้ถามความเห็นชอบจากหลินสวินแม้แต่น้อย ท่าทีแบบนี้อวดดีเกินไปแล้ว!
“ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าสู้กันก่อน ใครชนะ ข้าจะให้สิทธิ์คนนั้นท้าทายข้าเป็นอย่างไร”
กลับเห็นว่าหลินสวินไม่โกรธเลยสักนิด กลับยังเผยรอยยิ้มสดใน เสนอความคิดเห็นด้วยรอยยิ้ม
“บังอาจ!”
“หุบปาก!”
จั่วหยางและฉินซิงต่างกราดเกรี้ยว ผรุสวาทหลินสวิน
“จั่วหยาง คราวนี้เจ้าถอยสักก้าว ให้ข้าชนะหลินสวินก่อน แล้วจะให้โอกาสเจ้าท้าทายข้า ตัดสินแพ้ชนะระหว่างเราเป็นอย่างไร”
ฉินซิงสูดหายใจเข้าลึกๆ
“หากเจ้าถอยก้าวหนึ่ง ข้าก็สามารถให้โอกาสเจ้าท้าทายข้าเช่นกัน”
จั่วหยางสายตาเด็ดเดี่ยว ไม่ยอมถอยเลยแม้แต่ก้าวเดียว
เห็นสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ หลินสวินกลับยิ้มสดใสกว่าเดิม พลันพูดว่า “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าต้องสู้กันก่อน งั้นเอาเลย ข้ารับรองว่าจะไม่ยุ่ง ให้โอกาสพวกเจ้าได้แสดงฝีมืออย่างอิสระ”
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
จั่วหยางเดือดดาล
“นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ไปรออยู่ดีๆ อีกเดี๋ยวข้าจะจัดการเจ้าด้วยตัวเอง!”
เสียงของฉินซิงเย็นเยียบ
เห็นได้ชัดว่าสำหรับพวกเขาทั้งสอง หลินสวินไม่มีโอกาสเลือก ถูกมองว่าเป็นเหยื่อที่จะแย่งชิงกัน ทำได้เพียงงอมืองอเท้ารอวันตาย
หลินสวินหุบยิ้ม สองมือไขว้หลัง เอ่ยเสียงขรึม “เอาอย่างนี้ ในเมื่อพวกเจ้าใจร้อนแย่งกันรนหาที่ตาย งั้นก็เข้ามาพร้อมกันเลย เช่นนี้ก็พอจะมีคุณสมบัติสู้กับข้าแล้ว”
ทุกคนตะลึง
ท่าทีของจั่วหยางและฉินซิงเดิมทีก็ดูหยิ่งผยองมากพอแล้ว แต่หลินสวินกลับเหนือกว่า คำพูดแข็งกร้าวกว่าพวกเขาเสียอีก จะสู้กับพวกเขาสองคนพร้อมกัน!
“น่าชังนัก ไอ้เด็กนี่สมควรฆ่า!”
เหล่าคนตระกูลจั่วและตระกูลฉินต่างโกรธจนร้องตะโกน มองหลินสวินด้วยสายตาโมโห
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ยามนี้จั่วหยางเองก็หมดความอดทน โจมตีอย่างอุกอาจ ชิงลงมือก่อน
สวบ!
จั่วหยางทิ้งภาพเงาร่างอันเลือนรางไว้กับที่ หายตัวไปราวกับเป็นเงาแสงมายา ก่อนจะปรากฏตัวตรงหน้าหลินสวินกะทันหัน
ตูม!
เขายกมือขวาขึ้น แข็งแกร่งอย่างที่สุด กลายเป็นหินโม่สีเลือดขนาดใหญ่ เกิดเสียงดังสนั่น ราวกับมังกรกำลังคำราม นี่คือ ‘ผนึกมังกรเลือด’ เป็นหนึ่งในวิชาลับของตระกูลจั่วที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ มีชื่อเสียงอย่างมาก
ทันทีที่โจมตีก็บดขยี้ห้วงอากาศระเบิด ทั่วบริเวณนี้ต่างสั่นสะเทือนรุนแรง!
แม้จะรู้อยู่แล้วว่าจั่วหยางไม่ธรรมดา แต่ตอนที่เห็นภาพนี้ก็ยังอดตะลึงไม่ได้ พลังนี้องอาจมาก ไอสังหารพุ่งขึ้นฟ้า
ผนึกมังกรเลือดดูเหมือนเป็นการโจมตีธรรมดาๆ แต่ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ คงถูกซัดจนร่างแหลกละเอียด ไม่เหลือแม้แต่ซากไปนานแล้ว!
จั่วหยางยิ้มอย่างดูแคลน ผนึกมังกรเลือดมหัศจรรย์มาก เขาเคยใช้มันกำราบผู้กล้ามาไม่น้อย อานุภาพยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน
แน่นอนว่าเขารู้ว่าหลินสวินแข็งแกร่งมาก มิเช่นนั้นคงไม่มีทางเอาชนะหลิงเทียนโหวได้ แต่จั่วหยางกลับมั่นใจมากว่า หลินสวินจะต้องพ่ายแพ้ให้เขา!
กลับเห็นหลินสวินระบายยิ้ม ตวัดหมัดออกไปลวกๆ
“เหิมเกริม! กล้าดูถูกข้า รนหาที่ตายจริงๆ” จั่วหยางยิ้มเยาะ รู้สึกว่าหลินสวินผยองอย่างที่สุด เห็นได้ชัดว่ากำลังหาเรื่องใส่ตัว
เขาผรุสวาท ในขณะฝ่ามือซึ่งประดุจหินโม่สีเลือดยิ่งเป็นประกาย ได้ยินเสียงมังกรคำรามอยู่รางๆ เป็นระลอก หมายจะสร้างความสะเทือนไปทั่วทั้งใต้หล้า
เห็นได้ชัดว่าจั่วหยางคิดจะตัดสินแพ้ชนะภายในการโจมตีเดียว สร้างชื่อเสียงไว้ที่นี่โดยไม่เปิดโอกาสให้ฉินซิงเข้ามายุ่ง
ด้วยเหตุนี้เขาจึงโคจรพลังขนานใหญ่ ใช้พลังที่ซ่อนเร้นไว้อย่างไม่เสียดาย
เขาเองก็รอบคอบมาก รู้ว่าหลินสวินเก่งกาจไม่อาจดูถูก แต่ท่าทางสบายๆ หยิ่งผยองของหลินสวินทำให้เขามั่นใจเต็มประดา คิดว่าหลินสวินจะต้องพ่ายแพ้อย่างราบคาบเพราะความประมาท
ตูม!
เร็วเกินไปแล้ว เพียงพริบตาเดียวพื้นที่แถบนั้นก็เกิดแรงสะเทือนรุนแรง แสงเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทุกสารทิศพร้อมกับเสียงระเบิด
ร่างหนึ่งซึ่งมีเลือดพุ่งออกจากจมูกปากปลิวออกไป
เดิมทีเห็นว่าจั่วหยางพุ่งเข้าไป เป็นฝ่ายชิงลงมือก่อน ทำให้ฉินซิงโมโห จึงคิดจะโจมตีจากอีกด้านอย่างเหิมหาญ เขาไม่อยากให้โอกาสจั่วหยางเอาชนะหลินสวินหรอกนะ
แต่พอเห็นภาพนี้เงาร่างของฉินซิงก็ชะงัก มุมปากกระตุกอย่างยากสังเกต รู้สึกเจ็บแทนจั่วหยาง
เพราะจั่วหยางถูกหมัดหนึ่งกระแทกออกไป เหมือนเพียงตบแมลงวันเท่านั้น พลังอันยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครเทียบพาให้รู้สึกใจสะท้าน
“อ๊าก…”
จั่วหยางร้องลั่น กระแทกใส่บนหินที่อยู่ไกลๆ อย่างแรง เศษหินกระเด็นไปทั่ว ฝุ่นควันคละคลุ้ง เขารู้สึกเจ็บไปทั้งตัวและงุนงงไม่น้อย
นี่มันเกิดอะไรขึ้น รู้สึกเหมือนโดนกระทิงป่าเถื่อนโบราณชน เอ็นกระดูกแทบหัก หน้าอกมีอาการจุก อยากจะกระอักเลือด
เป็นไปได้อย่างไร
ผนึกมังกรเลือดถูกทำลายแตกหรือ
คนอื่นๆ ในลานต่างอึ้งงันร เดิมพวกคนตระกูลจั่วกำลังจะกล่าววาจาเสริมส่งอานุภาพให้คุณชายของพวกเขา แต่ใครจะคิดว่าเพิ่งประมือกันก็เกิดฉากเช่นนี้ขึ้นแล้ว
จั่วหยางเป็นถึงผู้กล้ารุ่นหนุ่มสาวของตระกูลจั่ว ใช้วิชาลับผนึกมังกรเลือด อานุภาพยิ่งใหญ่แข็งแกร่งเพียงนี้ สุดท้ายกลับถูกหนึ่งหมัดกระแทกจนปลิว…
อย่าว่าแต่จั่วหยางเลยที่งุนงง คนอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็ยังตั้งสติไม่ได้
อีกด้านฉินซิงที่เดิมพุ่งเข้ามาก็ถอยทัพ เขาตระหนักได้ถึงความอันตราย ตัดสินใจติดตามสถานการณ์เงียบๆ ยืมมือจั่วหยางหยั่งเชิงความสามารถที่แท้จริงของหลินสวิน
บางทีทำเช่นนี้อาจเสียโอกาสที่จะสยบหลินสวินให้ได้ในครั้งเดียว แต่นี่เป็นวิธีที่ฉลาดที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
“บอกแล้วว่าคุณสมบัติของเจ้าไม่ถึง”
หลินสวินยิ้มสดใสมาก แต่ในสายตาของพวกคนตระกูลจั่ว นี่กลับเป็นรอยยิ้มที่น่ารังเกียจอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกชังจนกัดฟัน
“เจ้าก็เข้ามาสิ อย่าหลบ มิเช่นนั้นจะทำให้ข้าดูถูกเจ้า”
หลินสวินเหลือบมองฉินซิง
สีหน้าของฉินซิงดูสับสน เด็กนี่อวดดีเกินไปแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็อดทน รู้สึกว่าหลินสวินกล้าทำเช่นนี้เพราะมีท่าไม้ตายอะไร
“อ๊าก…”
ขณะนั้นจั่วหยางพลันตะเบ็งเสียงอย่างกราดเกรี้ยว เลือดลมทั้งร่างเดือดพล่านราวกับเพลิงโหม เขายืนขึ้นจากก้อนหิน พลังยิ่งใหญ่กว่าเดิม
อย่างไรเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดา ตระหนักได้ว่าเมื่อครู่นี้ตนประมาณเกินไป แต่ตอนนี้เขาจะไม่ให้โอกาสหลินสวินอีกแล้ว
โครม!
ร่างกายของเขาราวกับเตาเผา กระดูกทั่วทั้งร่างกายเกิดเสียงลั่นดัง ขับเคลื่อนพลังของระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นสมบูรณ์เต็มกำลัง
“หลินสวิน วันนี้เจ้าต้องแพ้ เจ้าจะต้องเป็นก้อนหินก้อนหนึ่งบนเส้นทางที่สร้างชื่อเสียงให้ข้า!”
ผมยาวของจั่วหยางแผ่สยาย รอบกายแผ่กลิ่นอายเลือดโหมคลั่งดุจดั่งไฟสงครามปะทะ แปรเป็นพลังเผาผลาญอันน่าสะพรึงกลัว
วิชามหาเพลิงผลาญสวรรค์!
พวกคนตระกูลจั่วต่างตื่นเต้น นี่เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่โบราณของตระกูลจั่ว หากไม่ใช่ทายาทสายตรงไม่มีทางมีโอกาสได้สัมผัส
“ไร้สาระ เจ้าดีแต่ปากหรือไง”
หลินสวินต่อว่า
“ฆ่า!”
จั่วหยางโกรธจนตาแดงแล้ว จึงใช้ท่าไม้ตายของตัวเอง อับอายต่อหน้าคนมากมายเพียงนี้ เขาจะทนได้อย่างไร
ตูม! โครม! โครม!
แสงเลือดถูกปล่อยออกมาระลอกแล้วระลอกเล่า ปรากฏออกมาราวกับเตาไฟหลายเตาล้อมรอบจั่วหยางเอาไว้ เปลวเพลิงกระจายตัวประหนึ่งจะเผาผลาญท้องฟ้า แม้แต่อากาศยังบิดเบี้ยว
เป็นภาพที่น่าทึ่งมาก เจือพลังแห่งสัจจะไว้รางๆ อย่างพบเห็นได้ยาก เพียงพอที่จะดูออกว่าวิชามหาเพลิงผลาญสวรรค์นี้ สมกับที่เป็นวิชาเฉพาะของตระกูลจั่ว
นัยน์ตาของหลินสวินสาดประกายเย็นเยียบ เขาสัมผัสได้ถึงพลังแห่งสัจจะ เป็นท่วงทำนองมรรคธาตุไฟ น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด
“ไปตายซะ!”
จั่วหยางพุ่งขึ้นฟ้า เตาไฟแต่ละเตาบีบอัดห้วงอากาศ ปล่อยคลื่นไฟไปทั่วเวิ้งฟ้า คิดจะเผาผลาญพื้นที่แห่งนี้ให้สิ้นซากเหมือนดั่งภูเขาไฟระเบิด
“เจ้าหมอนี่ ที่แท้พลังก็เก่งกาจถึงเพียงนี้แล้ว มิน่าเมื่อครู่นี้ถึงกล้าแย่งข้าลงมือ” อีกด้านฉินซิงสายตาวูบไหว
กลับเห็นหลินสวินยิ้ม แล้วปล่อยแรงหมัดหนึ่งออกไป
ตูม!
แสงสีฟ้าอ่อนเจิดจ้าส่องสว่างใต้หล้า ราวกับเป็นมังกรที่มาจากส่วนลึกของเหวน้ำ แสบตาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ที่ซ้อนพลังไว้หกชั้น!
ตอนที่อยู่ในแดนวิญญาณโบราณ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะยังถูกซัดเพราะหมัดนี้ของเขา เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน!
ทันใดนั้นประกายแสงพุ่งออกไป แรงลมหอบ แสงวิญญาณอันแรงกล้าเข้าปกคลุมเตาไฟเหล่านั้น
สถานการณ์นี้สะเทือนโลกเกินไปแล้ว ทำให้ทุกคนหัวใจสะท้าน ขวัญหนีดีฝ่อ
ไม่นานเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นในลาน จั่วหยางถูกซัดจนปลิวลอยออกไป คราวนี้เขาบาดเจ็บสาหัส เลือดอาบตัว กล้ามเนื้อฉีกขาด เพราะเจ็บหนักร่างกายจึงกระตุกไม่หยุด
เขาใช้ความเร้นลับของวิชามหาเพลิงผลาญสวรรค์ นี่เป็นวิธีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา เดิมคิดว่าจะสามารถสยบหลินสวินได้ ไม่คิดไม่ถึงว่าเพียงครู่เดียวเท่านั้นพลังของเขาก็ถูกกระแทกจนแหลกละเอียด เกือบจะถูกสังหาร!
——
ตอนที่ 470 จับได้ในครั้งเดียว
โดย
ProjectZyphon
พลั่ก
จั่วหยางล้มลงพื้น ระหว่างนั้นยังกระอักเลือดระรัว
เพียงหมัดเดียวเท่านั้นกลับทำให้ฝั่งตรงข้ามบาดเจ็บสาหัสจนลุกไม่ขึ้นอีก พาให้ทุกคนในลานตัวแข็งทื่อ ยากจะเชื่อ
วิชามหาเพลิงผลาญสวรรค์เชียวนะ!
นี่เป็นวิชาเฉพาะของตระกูลจั่วบวกกับพลังปราณชั้นยอดของจั่วหยาง กลับถูกกำราบในการโจมตีเดียว!
ใครจะเชื่อลง
พวกคนตระกูลจั่วต่างตาค้าง พ่ายแพ้ได้น่าเกลียดเกินไปแล้ว ราวกับต้านทานไม่ได้เลย แค่การโจมตีเดียวก็พ่ายแพ้เสียแล้ว…
ด้านคนตระกูลฉินเองก็ตกตะลึง พวกเขาต่างดูออกว่าไม่ใช่จั่วหยางไม่แข็งแกร่งพอ แต่เพราะหลินสวินซึ่งอยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณ ได้ก้าวมาถึงขั้นที่เรียกว่าน่าสะพรึงได้แล้ว!
ถ้าเมื่อครู่เป็นคุณชายฉินซิงของพวกเขาที่ชิงลงมือก่อนล่ะก็…
คิดถึงตรงนี้ สีหน้าของคนตระกูลฉินต่างเปลี่ยนไป ไม่กล้าคิดต่อ
ขณะนี้แม้แต่พวกของเสี่ยวเคอ พญาแร้ง หลินจงและจูเหล่าซานเองก็ตะลึง หลังหลินสวินออกจากการปิดด่านเก็บตัวฝึกในครั้งนี้ก็เปลี่ยนไปมาก มีพลังเหนือคนทั่วไป กำลังต่อสู้ก็แข็งแกร่งกว่าที่ผ่านมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่มีคุณสมบัติพอจะสู้กับข้า เจ้าก็ไม่เชื่อ คราวนี้เจ้าพอใจหรือยัง”
เงาร่างของหลินสวินพุ่งไปอยู่ข้างๆ จั่วหยางแล้วหิ้วตัวเขาขึ้น ยิ้มอย่างสดใส
เพียงแต่ในสายตาของจั่วหยาง รอยยิ้มนั้นกลับดูเสียดตา กระตุ้นจนเขาแทบคลั่ง คำรามดิ้นรนต้องการต่อสู้อีกครั้ง
เพียงแต่เขาเพิ่งจะขยับตัวก็กระอักเลือดระรัว ภาพตรงหน้ามืดสลัว เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่นี้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงเกินไป ทำให้เขาไม่มีเรี่ยวแรงจะดิ้นรน
“หลินสวิน เจ้าอย่าได้ย่ามใจไป!”
จั่วหยางกรีดร้อง ผมเผ้ายุ่งเหยิง เขาในก่อนหน้านี้มาดผู้กล้ายโสโอหัง ยามนี้กลับเลือดอาบตัว บาดเจ็บสาหัส ถูกหลินสวินจับกุม เมื่อเทียบกันแล้วดูน่าสงสารอย่างที่สุด พาให้อดสลดใจไม่ได้
“บังอาจ!”
“ปล่อยคุณชายของข้าเดี๋ยวนี้!”
“เจ้าหนุ่มอย่าหาเรื่องใส่ตัว ศึกนี้เจ้าชนะแล้ว รีบปล่อยจั่วหยางซะ มิเช่นนั้นไม่เพียงแค่เจ้า แต่ทั้งภูเขาชำระจิตต้องเจอมหาภัย!”
เหล่าคนตระกูลจั่วเอะอะโวยวาย สีหน้าเดือดดาล ด้วยกลัวว่าหลินสวินจะฆ่าจั่วหยางจึงส่งเสียงข่มขู่
หลินสวินยิ้ม พลันโยนจั่วหยางให้หลินจงเหมือนโยนขยะ เอ่ยว่า “เฝ้าเขาไว้ให้ดี ใครกล้าลงมืออุกอาจก็ฆ่าจั่วหยางนี่ก่อนเลย”
“นายน้อยไม่ต้องห่วง”
หลินจงหิ้วจั่วหยางขึ้นเหมือนหิ้วลูกไก่ เขาเป็นถึงผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะ แค่คิดก็รู้ว่าออกแรงเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะเอาชีวิตของจั่วหยางได้อย่างง่ายดาย
“พวกเจ้ารนหาที่ตาย!”
บรรดาคนตระกูลจั่วต่างเดือดแค้น โมโหจนเบ้าตาแทบจะหลุดออกมา ไม่คิดเลยว่าหลินสวินจะไม่รู้จักกลัว คุมตัวจั่วหยางเอาไว้ ทั้งยังเอาชีวิตของจั่วหยางมาขู่พวกเขา สมควรเอาตัวมาหั่นเป็นชิ้นๆ!
“หลินสวิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่”
สีหน้าของชายชราร่างผอมจั่วเซิงจินอึมครึมน่ากลัว น้ำเสียงแฝงการข่มขู่ เต็มไปด้วยไอสังหาร “หากคุณชายจั่วเป็นอะไรขึ้นมา พวกเจ้ารับโทสะรุนแรงของตระกูลจั่วไม่ไหวหรอก!”
“เจ้าหมาแก่ ขนาดนี้แล้วเจ้ายังกล้าข่มขู่ข้าอีกหรือ”
หลินสวินขมวดคิ้ว “ลุงจง ข้าว่าฆ่าจั่วหยางก่อนเลยดีกว่า”
“อย่า…!”
จั่วหยางตกใจจนกรีดร้องทันควัน เขากลัวแล้วจริงๆ หลินสวินคนนี้ยกำเริบเสิบสานถึงที่สุด แม้แต่หลิงเทียนโหวยังถูกบังคับให้คุกเข่า ยังจะมีอะไรที่เขาไม่กล้าทำ
โดยเฉพาะเมื่อครู่นี้จั่วหยางเห็นกับตาว่าหลินสวินฆ่าหลินจือ นั่นเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาเชียวนะ!
ในสถานการณ์แบบนี้จั่วหยางกลัวแล้วจริงๆ
“อย่าทำบ้าๆ!”
ยามนี้จั่วเซิงจินเองก็จำต้องยอมถอย โกรธหน้าเขียว กัดฟันอย่างชิงชังจนแทบแหลกละเอียด “ขอเพียงแค่พวกเจ้าปล่อยคุณชายจั่วหยางไป ทุกอย่างล้วนเจรจากันได้”
“อ้อ เช่นนั้นจะไว้ชีวิตสุนัขของเขาก่อนก็ได้”
หลินสวินพูดอย่างสบายๆ สายตามองไปที่ฉินซิงซึ่งอยู่อีกข้าง พลันเผยรอยยิ้ม “ดูพอหรือยัง เราเริ่มกันเถอะ”
ฉินซิงสั่นไปทั้งตัว ยามนี้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในใจเขาสลายไปแล้ว ถูกความหวาดกลัวเข้ามาแทนที่ ยังจะกล้าเข้าไปสู้ซะที่ไหน
จั่วหยางเป็นบุคคลที่มีฝีมือเก่งกาจสูสีกับเขา แต่ยามนี้พ่ายแพ้ให้กับหลินสวินในหมัดเดียว ต่อให้ฉินซิงจะผยองแค่ไหน ก็รู้ว่าแม้เขาสู้สุดชีวิตก็สู้หลินสวินไม่ได้อยู่ดี
เพียงแต่เขาเพิ่งคิดจะหนี ก็เห็นเงาร่างของหลินสวินพุ่งเข้ามาแล้ว
“มา สู้! เจ้าอยากชนะข้าเพื่อชื่อเสียงไม่ใช่หรือ ข้าให้โอกาสเจ้า!”
ท่ามกลางเสียงตะโกน เงาร่างของหลินสวินราวกับชือน้ำแข็งเคลื่อนไหวกลางอากาศ แรงหมัดราวกับภูเขาทลาย คลื่นมหาสมุทรซัดกระหน่ำ บดขยี้อากาศออกไป
“เจ้ากล้า!”
ฉินซิงทั้งตะลึงทั้งโกรธ ทีแรกเขาคิดจะหนี แต่หลินสวินกลับเป็นฝ่ายพุ่งเข้ามาก่อน ท่าทางเหมือนจะจับตัวเขาไปด้วยอีกคน ทำให้เขาโกรธจนแทบระเบิด
อวดดีเกินไปแล้ว!
เจ้าหมอนี่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด!
มีพริบตาหนึ่งที่ฉินซิงอยากสู้สุดชีวิต แต่สุดท้ายเพราะสัญชาตญาณบางอย่างทำให้เขาเลือกที่จะหนี
ฟุ่บ!
เงาร่างของเขาวูบไหว โฉบไปทางกลุ่มคนตระกูลฉินทันที
เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าหลินสวินระวังทุกอย่างเอาไว้ก่อนแล้ว ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งไปขวางอยู่ตรงหน้าฉินซิงราวกับวิญญาณ
“ถอยไป!”
ฉินซิงตะเบ็งเสียงกราดเกรี้ยว ประกายสีทองแผ่ไปทั่วทั้งร่าง ใช้พลังทั้งหมดหมายจะทำให้หลินสวินสะเทือนถอย
เขาใช้วิชาลับที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ โคจรคุณลักษณะพรสวรรค์ ‘กายพรตกระดูกทอง’ ร่างกายราวกับทองคำหลอม พลานุภาพยิ่งใหญ่
เห็นว่าเขาเคลื่อนตัวมาราวกับภูเขาทองคำ บดขยี้อากาศ บีบอัดกระแสลม อานุภาพน่าสะพรึงกลัว
ทว่าเพียงหมัดเดียวของหลินสวินก็มีอานุภาพทำลายยิ่งใหญ่ พลังมหาศาลทำลายแสงทองทั่วร่างเขาจนแตกกระจาย แรงหมัดอันน่าสะพรึงสะเทือนจนเขาควบคุมไม่อยู่ ปลิวกระเด็นออกไป
ทุกคนในลานหนังหัวชาวาบ เบิกตาโพลง แม้แต่ฉินซิงก็ยังพ่ายแพ้ภายใต้การโจมตีเดียว! นี่มันวิชาหมัดอะไรกัน เย้ยฟ้าเกินไปหรือเปล่า
เสียงพลั่กดังลั่น ฉินซิงมาล้มอยู่ตรงหน้าหลินจงพอดี ถูกหลินจงคว้าตัวขึ้นมาและควบคุมเอาไว้
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ตายซะ!”
เสียงตู้มดังขึ้น ฝั่งตระกูลฉิน ฉินอันผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะจู่โจมออกมา ร่างเงารวดเร็วจนเหลือเชื่อ จู่ๆ ก็มาอยู่ตรงหน้าหลินสวิน หมายจะคุมตัวเขาเอาไว้เพื่อพลิกสถานการณ์ ช่วยฉินซิงกลับมา
เพียงแต่แม้ฉินอันจะไว แต่มีคนไวกว่าเขา!
ฟุ่บ!
ร่างสูงใหญ่กำยำขวางอยู่ตรงหน้าหลินสวิน ฝ่ามือโจมตีออกมาเป็นเสียงดังกึกก้อง ฉินอันสะเทือนจนเซถอย
จูเหล่าซาน!
แม้ก่อนหน้านี้เขานิ่งเงียบไม่พูดจา แต่กลับเฝ้าดูสถานการณ์อย่างไม่คลาดสายตา การโจมตีครั้งนี้หลินสวินไม่จำเป็นต้องสั่งด้วยซ้ำ ทั้งยังเอาชนะฉินอันได้ในคราเดียว!
หลินสวินถือโอกาสนี้กลับไปอยู่ข้างๆ หลินจงอย่างปลอดภัย
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน! ปล่อยคุณชายของข้าเดี๋ยวนี้!”
คนตระกูลฉินเองก็คำรามด้วยความโกรธ ทุกอย่างเกิดขึ้นไวเกินไป ใครจะกล้าจินตนาการว่าไม่เพียงจั่วหยางที่พ่ายแพ้อย่างราบคาบ แม้แต่ฉินซิงเองก็ต้านการโจมตีเดียวของหลินสวินไม่ได้
เหลือเชื่อมากจริงๆ ผู้กล้ารุ่นหนุ่มสาวสองคนที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งนครต้องห้าม เพียงพริบตาเดียวก็ถูกสยบจนสะบักสะบอม
หลินสวินใช้พลังอันเย้ยฟ้า ทำให้ผู้ฝึกปราณตระกูลจั่วและฉินตั้งตัวไม่ทันด้วยซ้ำ!
ไวเกินไปแล้ว!
ยามนี้จั่วหยางและฉินซิงถูกจับตัว ทำให้คนตระกูลจั่วและฉินต่างหวาดเกรง ไม่กล้าเคลื่อนไหว ได้แต่ด่าทอข่มขู่อย่างเกรี้ยวกราด
“หลินสวิน เจ้ากำลังรนหาที่ตาย นำพามหันตภัยสู่ภูเขาชำระจิตของพวกเจ้า!”
“ไอ้ลูกหมา ให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง ปล่อยคุณชายของข้า เรื่องวันนี้เราจะไม่เอาความ มิเช่นนั้นผลลัพธ์ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะรับไหวแน่!”
“ปล่อยคนเดี๋ยวนี้!”
คนเหล่านั้นตะเบ็งเสียงโมโหเดือด
หลินสวินกลับไม่เร่งไม่รีบ ยกมือขึ้นแล้วสะบัดฝ่ามือใส่แก้มของจั่วหยางและฉินซิงรอบหนึ่งอย่างรุนแรง ตบจนทั้งสองตะโกนด้วยความโกรธ แก้มบวมแดงช้ำเลือด
นี่เป็นความอับอาย!
ถูกจับตัวเหมือนนักโทษ ทั้งยังถูกหลินสวินตบหน้าต่อหน้าทุกคน ทำให้ทั้งสองแค้นจนตัวสั่น ใกล้คลั่งอยู่รอมร่อ
พวกเขามาจากตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง ฐานะสูงส่ง ทั้งความสามารถก็โดดเด่น ได้รับการยกย่องจากคนในตระกูล ไปถึงไหนก็ได้รับความเคารพ เคยได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจแบบนี้เสียที่ไหน
“เจ้ารนหาที่ตาย สักวันข้าจะป่นกระดูกเจ้าให้แหลกละเอียด!”
“เจ้าคอยดู คอยดู…!”
จั่วหยางและฉินซิงคำราม
และคนในตระกูลของพวกเขาต่างก็โกรธจนหน้าดำหน้าแดง หายใจหอบถี่ รังแกกันเกินไปแล้ว รังแกกันเกินไปแล้ว!
“ขืนพวกเจ้ายังโวยวาย ข้าจะทำให้พวกเจ้าพิการก่อนแล้วค่อยทรมานให้สาแก่ใจ ไม่ต้องห่วง ความอดทนข้าสูง จะทำให้พวกเจ้าได้ลิ้มรสความเหี้ยมโหดและความอับอายอย่างแท้จริง”
หลินสวินยิ้มอย่างสดใส
เพียงแต่เสียงและรอยยิ้มนี้กลับพาให้คนใจสะท้าน จั่วหยางและฉินซิงต่างเงียบปาก มองหลินสวินอย่างเคียดแค้น ในใจกลับหวาดหวั่น กลัวว่าหลินสวินจะทำอะไรที่เหนือความคาดหมายอีก
ส่วนพวกเสี่ยวเคอ พญาแร้งรวมทั้งคนของตระกูลหลินแห่งแสงอุดร ความจริงต่างรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน หลินสวินแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ไม่กลัวฟ้าดิน ราวกับว่าขอแค่เขาต้องการ แม้จะฆ่าจั่วหยางและฉินซิงไปเขาก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
“เจ้าต้องการอะไรกันแน่”
ฝั่งตระกูลจั่ว จั่วเซิงจินพูดเสียงเย็นเยียบ ใบหน้าชราภาพเขียวคล้ำอึมครึม
อีกด้านฉินอันเองก็ก้าวออกมา แววตาดุจคมมีดจ้องหลินสวินเขม็ง
“ตอนนี้ในที่สุดพวกเจ้าก็เลิกเห่า ยอมฟังข้าพูดแล้วงั้นหรือ”
หลินสวินหมุนตัวกลับพร้อมรอยยิ้ม สายตากวาดมองเหล่าผู้ฝึกปราณของตระกูลจั่วและฉิน สีหน้าของเขาราบเรียบ ท่าทางนิ่งเฉยไร้ซึ่งความหวาดกลัว
แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นหนาวเยือกในใจ เด็กคนนี้เหี้ยมโหดเกินไปแล้ว การกระทำเหนือความคาดหมาย ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ใครจะกล้าทำแบบนี้กับตระกูลจั่วและฉินบ้าง
แต่หลินสวินกลับทำลงไปแล้ว อีกทั้งยังไร้ซึ่งความเกรงกลัว อันธพาลกำเริบเสิบสานนัก!
นี่ทำให้พวกเขาเข้าใจในที่สุด ไม่แปลกที่ตอนนั้นหลินสวินกล้าจะฆ่าฮวาอู๋โยวโดยไม่สนใจอะไร และไม่แปลกที่อยู่ในวังหลวงแท้ๆ หลินสวินยังกล้าบีบบังคับให้หลิงเทียนโหวคุกเข่า
เด็กคนนี้มันตัวประหลาดชัดๆ ไม่สนกฎกติกา มองข้ามคำข่มขู่ ไม่คิดถึงผลเสีย ไม่เกรงกลัวอำนาจ!
“ว่ามา เสนอเงื่อนไขของเจ้ามา ความอดทนของพวกเรามีจำกัด”
จั่วเซิงจินสูดหายใจเข้าลึกๆ สายตาเย็นเยียบ พูดออกมาทีละคำๆ
ทุกคนเงียบสนิท
ทุกสายตาหยุดอยู่ที่หลินสวิน
“ถ้าข้าบอกให้ทุกคนในตระกูลจั่วและฉินปาดคอตัวเองตาย พวกเจ้าจะยอมหรือไม่”
หลินสวินยิ้มถาม
“หลินสวิน ข้าจะเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย อย่าได้หาเรื่องใส่ตัว!”
เส้นเลือดบนหน้าผากจั่วเซิงจินปูดนูนออกมา สีหน้าอึมครึมอย่างที่สุด แทบจะสกัดกั้นไอสังหารและโทสะในใจไม่อยู่แล้ว
คนอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้นก็เช่นกัน ต่างถูกคำพูดอวดดีของหลินสวินกระตุ้น แต่ละคนสีหน้าเขียวคล้ำอึมครึมอย่างที่สุด
ทันใดนั้นฟ้าดินแถบนี้พลันเต็มไปด้วยไอสังหาร
หลินสวินกลับประหนึ่งสัมผัสไม่ได้ว่าบรรยากาศเปลี่ยนไป ยังคงยิ้มพูดต่อ “แน่นอน ข้ารู้ว่าพวกเจ้าจะไม่ยอม เพราะฉะนั้นข้าก็ไม่มีเงื่อนไขอะไร แค่คิดจะให้คุณชายสองท่านนี้อยู่ที่ภูเขาชำระจิตสักระยะ ส่วนจะปล่อยพวกเขาออกไปเมื่อไหร่ ก็ดูอารมณ์ข้าอีกที”
——
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น