Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 467-468
ตอนที่ 467 สังหารอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
โดย
ProjectZyphon
ครืน โครม ตูม!
บริเวณนี้ราวกับภูเขาไฟระเบิด เกิดความปั่นป่วนรุนแรง อานุภาพสะเทือนฟ้า
ท่ามกลางความปั่นป่วน ชายชรารูปร่างผอมแห้งเบ้าตาลึกปรากฏตัวขึ้น กลิ่นอายสัจจะมหามรรคของระดับหยั่งสัจจะกำจายไปทั่วตัว
ในฝุ่นควันคละคลุ้งปรากฏเงาร่างของหลินสวิน แต่กลับเห็นเสื้อผ้าของเขาพัดไหว ผมดำปลิวสยาย ใบหน้าหล่อเหลาราบเรียบ ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด
เฮือก!
เสียงสูดหายใจด้วยความตะลึงดังออกมาระลอกหนึ่ง
แม้แต่การโจมตีของผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะก็ยังถูกเด็กหนุ่มคนนี้ต้านทานไว้ได้หรือ ทอดสายตามองไปทั้งนครต้องห้ามนี้ มีสักกี่คนที่ทำได้แบบนี้
“ข้าดูถูกเจ้าเกินไป”
ความแปลกใจแวบผ่านเข้ามาในดวงตาของชายชราร่างผอม เขาพลันยิ้มเยาะ พุ่งตัวไปข้างหน้าหมายจะสังหารหลินสวินต่อ
“เจ้ากล้า!”
หลินจงพุ่งออกมา
ก่อนหน้านี้เขามีท่าทางซื่อๆ เรียบๆ พอออกศึกขึ้นมากลับประหนึ่งเปลี่ยนไปเป็นคนละคน อกผายไหล่ผึ่ง เชิดหน้ามีสง่า ราวกับกวาดมองใต้หล้าเก้าหมื่นลี้ อานุภาพทะยานชั้นฟ้า
ทั่นฮวาม้าขาวเสิ่นจิงหลุน!
พญาแร้งตาเป็นประกาย ในที่สุดเจ้านี่ก็ลงมือแล้ว
เหล่าลูกหลานตระกูลหลินแห่งแสงอุดรต่างตะลึง คิดไม่ถึงว่าข้ารับใช้เก่าแก่ที่ปกป้องภูเขาชำระจิตมาโดยตลอดคนนี้ จะเป็นยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะ!
“อย่างเจ้าเนี่ยนะ คิดจะฆ่านายน้อยของข้า”
หลินจงเคลื่อนไหวกลางอากาศ ร่างกายสาดประกายแสงสีขาว เขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ท่าทางทระนง ให้ความรู้สึกเกรียงไกรอย่างไม่มีใครเทียบได้อยู่รางๆ
เมื่อนานมาแล้วเขาคือทั่วฮวาหลางในการทดสอบระดับอาณาจักรเชียวนะ เป็นคนที่จักรวรรดิพระองค์ปัจจุบันยังชื่นชม ยามนี้ผ่านมานานเพียงนี้แล้ว ราวกับมังกรเก็บตัวได้กลับมาสู่โลกอีกครั้ง
สีหน้าของชายชราร่างผอมเปลี่ยนไปฉับพลัน พูดอย่างตะลึง “เจ้า…ยังไม่ตายงั้นหรือ!?”
“แค้นใหญ่ยังไม่ชำระ ไม่กล้าตาย”
เสียงของหลินจงเยียบเย็น นัยน์ตาเผยความโศกเศร้าที่ยากจะสังเกตเห็น เขาคุมเชิงอยู่ไกลๆ กีดขวางชายชราร่างผอมไว้
“ลุงจงฝากท่านด้วย ถ้าเจ้าแก่นี่กล้าลงมือก็ฆ่าเขาซะ!”
ระหว่างที่พูดหลินสวินก็ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งทะยานกลางอากาศ เข้าไปสังหารหลินจือต่อ ดูแข็งแกร่งผิดธรรมดรา
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เจ้ากล้าเหิมเกริมไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”
ชายชราร่างผอมคนนั้นบันดาลโทสะ ตวัดฝ่ามือจนอากาศแตกเป็นเสี่ยง พลังฝ่ามือสายหนึ่งพลุ่งพล่าน อัดแน่นด้วยพลังแห่งสัจจะมหามรรค
“หึ!”
หลินจงเองก็เคลื่อนไหวแทบจะในขณะเดียวกัน แต่ไม่เห็นว่าเขาจะกระทำอันใด ไอกระบี่แหลมคมมากมายพลันพุ่งขึ้นฟ้า เปล่งประกายราวกับรุ้งศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน
ทันใดนั้นทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือด สังหารจนฟ้าดินมืดสลัว อาทิตย์จันทร์อับแสง
“เจ้ากล้า…!”
ในเวลาเดียวกันนั้นหลินจือกรีดร้อง สีหน้าซีดเซียว คิดไม่ถึงเลยว่าขนาดผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะลงมือ ยังไม่สามารถทำให้หลินสวินกลัวได้
อีกทั้งเขายังทำทีเหมือนว่าถ้าไม่ได้ฆ่าตนจะไม่ยอมรามือ ทำให้หลินจือกระวนกระวายใจ
“เหอะๆ กากเดนเล็กๆ คนหนึ่งของตระกูลหลิน ภัยมาเยือนแล้วยังไม่รู้ตัว ยังไม่มัดมือตัวเองรอความตายอีก จะชักช้าไปถึงเมื่อไร”
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะหยันสนั่นฟ้าอีกเสียงก็ดังขึ้น สะเทือนราวกับฟ้าผ่า ทำให้ผู้ฝึกปราณจำนวนไม่น้อยในบริเวณนั้นเกิดเสียงวิ้งๆ ในหู สั่นสะท้านขวัญบิน หวาดกลัวอย่างควบคุมไม่อยู่
ระดับหยั่งสัจจะอีกคน!
นี่เป็นชายในชุดคลุมสีดำ ดวงตาเฉียบคมราวกับคมดาบ เมื่อปรากฏกาย พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งเข้าหาหลินสวิน
“ผู้อาวุโสฉินอัน!”
หลินจือรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที ท่านนี้เป็นถึงระดับหยั่งสัจจะของตระกูลฉิน มีชื่อเสียงมานานปี ตอนนี้เป็นผู้ติดตามฉินซิง คอยรักษาความปลอดภัยให้อีกฝ่าย
“หลินสวินเจ้าตายแน่!”
หลินจือร้องตะโกน ท่าทางกลับมาโหดเหี้ยมเหมือนเดิม
กลับเห็นว่าหลินสวินไม่เคยถอย ยังคงพุ่งเข้ามาสังหาร เพียงแต่ปากกลับออกคำสั่งว่า “จูเหล่าซาน ถึงคราวเจ้าลงมือแล้ว ไม่ต้องออมมือ ใครขวางฆ่าให้หมด!”
ตูม!
จูเหล่าซานไม่เอ่ยอะไรสักคำ ร่างสูงใหญ่กำยำดั่งขุนเขาพุ่งวาบเข้าไปทันที ราวกับเทพสังหารที่ยกทัพจับศึกพิชิตนรก
ปังๆๆ… ห้วงอากาศบริเวณนี้ระเบิดทลายพร้อมกับการปรากฏตัวของเขา ราวกับต้านทานไอสังหารและความกระหายเลือดในตัวเขาไม่ไหว
พลังอันน่าสะพรึงกลัวนั่นทำให้ทุกคนที่เฝ้ามองห่างออกไปรู้สึกหนังหัวชาวาบ จิตวิญญาณสั่นสะเทือน แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
“หืม?”
ฉินอันในชุดคลุมดำเองก็อดหรี่ตาไม่ได้ รู้สึกแปลกใจ ช่างเป็นไอสังหารที่รุนแรงมาก
โครม!
กลับเห็นว่าจูเหล่าซานไม่เสียเวลาพูดมาก รุ้งศักดิ์สิทธิ์สีเลือดพุ่งออกมา แปรเป็นเงาดาบเต็มท้องฟ้า ขวางกั้นกลางอากาศ โจมตีสังหารออกไป
เขาเคร่งขรึมจริงจัง ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก มีพลานุภาพแห่งการสังหารที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูดแบบหนึ่ง
“นี่…”
หลินจือที่เดิมทีกำลังย่ามใจ คิดว่าในที่สุดก็รอดแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเพียงพริบตาสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ทำให้นางเองยังอึ้งงันไม่น้อย
และในตอนนี้เองหลินสวินก็พุ่งเข้ามา!
ตูม!
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลินจือคนนี้ก็ถือเป็นคนเก่งกาจ นางตกอยู่ในอันตรายทว่ากลับไม่หนี แต่กัดฟันชิงลงมือก่อน
ผนึกสีทองขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นฉับพลัน แผ่กระจายแสงวิญญาณ สัตว์ปีศาจตัวหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง พุ่งเข้าไปสังหารหลินสวิน
ผนึกอสูรเถาอู้!
และถือเป็นสมบัติประหลาดชนิดหนึ่ง ว่ากันว่าเป็นสมบัติโบราณที่มีชื่อเสียงในอดีตกาล เพียงการโจมตีเดียวภูผาธาราก็ทลาย อาทิตย์จันทร์แหลกละเอียด จักรวาลล่มสลาย อานุภาพล้นฟ้า
แต่ที่อยู่ในมือหลินจือแน่นอนว่าไม่ใช่ผนึกอสูรเถาอู้ของจริง เป็นเพียงของเลียนแบบ แข็งแกร่งกว่าอาวุธวิญญาณเล็กน้อย อานุภาพพอๆ กับสมบัติวิญญาณ
แน่นอนว่าย่อมทำอะไรหลินสวินไม่ได้
โครม!
พลันเห็นหลินสวินสะบัดหมัดสะเทือนผ่านอากาศกระแทกเงาเถาอู้นั่น เสียงปังดังสนั่น ละอองแสงบินว่อน เงานั่นยังไม่ทันได้แสดงอิทธิฤทธิ์ก็แหลกละเอียดกลางอากาศ
หลายคนต่างตะลึงมองตาค้างไปแล้ว ต้องมีพลังแข็งแกร่งเพียงใดถึงทำได้ขนาดนี้
ในขณะเดียวกัน หลินสวินเองก็พุ่งเข้ามาสังหารหลินจือแล้ว
“ข้าสู้กับเจ้าให้ตายกันไปข้าง!”
หลินจือกรีดเสียงแหลม งัดวิชาลับออกมา
ในบรรดาคนรุ่นหนุ่มสาวของตระกูลหลินสายรอง นางเองก็ถือว่าเป็นหัวหอกคนหนึ่ง ฝีมือยอดเยี่ยม พรสวรรค์ไม่ธรรมดา บรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณมาตั้งนานแล้ว
เสียดายที่นางมาเจอหลินสวิน
ปัง!
หลินสวินเพียงวาดเท้าเดียวก็สลายวิชาลับนั่นได้ แรงสะเทือนยังทำให้นางกระอักเลือด
หลินจือรวบรวมพลังทั้งหมดในตัว หมายจะดิ้นรนตอบโต้ แต่พอหลินสวินโจมตีลงมาก็ประหนึ่งทำลายล้างสรรพสิ่ง ล่าสังหารจนนางกรีดร้องไม่หยุด จำต้องหลีกหนี
ฉึก!
นิ้วมือของหลินสวินราวกับกรงเล็บมังกร ควบรวมแสงประกายสีฟ้าแล้วปล่อยออกมา แม้หลินจือจะหลบอย่างเต็มกำลังเสื้อผ้าก็ยังคงถูกฉีกทึ้งจนเผยให้เห็นลำแขน บนผิวหนังมีรอยกรงเล็บห้ารอยอย่างเห็นได้ชัด ลึกจนเห็นกระดูก เลือดสีสดไหลอาบ
หลินจือร้องครวญอย่างเจ็บปวด นางสะพรึงกลัวยิ่งนัก รู้สึกถึงภัยคุกคามที่อันตรายถึงชีวิต
ปัง!
เสียดายที่นางยากจะหนีได้แล้ว ถูกหลินสวินคว้าคอแล้วยกตัวขึ้นมา
“สวะอย่างเจ้ายังกล้าพาคนมาวางอำนาจบาตรใหญ่หน้าภูเขาชำระจิตของข้าอีกหรือ”
เสียงของหลินสวินเยียบเย็น ราวกับแส้หนังที่สะบัดใส่หน้าหลินจืออย่างแรง ทำให้นางทั้งเจ็บทั้งอายอย่างที่สุด
คนมากมายตกตะลึง ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเร็วมาก
ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะทั้งสองอย่างชายชราร่างผอมและฉินอันปรากฏตัวติดๆ กัน แต่กลับไม่สามารถกำราบหลินสวินได้ ตรงกันข้ามยังชักนำให้เกิดการต่อสู้อันดุเดือดกับหลินจงและจูเหล่าซาน
และในเวลานั้นหลินสวินโจมตีอย่างแข็งกร้าว เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็จับตัวหลินจือไว้ได้ จะไม่ให้ตะลึงได้อย่างไร
ที่ผ่านมาหลินจือก็นับว่าเป็นบุคคลเก่งกาจและมั่นใจในตัวเองมาก คนรุ่นเยาว์ของตระกูลหลินสายรอง มีหลายคนที่ไม่กล้าล่วงเกินนาง
แต่ตอนนี้นางถูกสยบ เผ้าผมกระเซอะกระเซิง ถูกหลินสวินหิ้วไว้ในมือเหมือนเป็นลูกไก่ นี่เป็นความอับอายอย่างใหญ่หลวงสำหรับนางอย่างไม่ต้องสงสัย ถูกหลินสวินหิ้วคอต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ทรมานยิ่งกว่าฆ่านางเสียอีก
“สวรรค์ หลินสวินแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
ฝั่งตระกูลหลินแห่งแสงอุดร หลายคนโห่ร้องดีใจ เบิกตาโพลงอย่างมีความสุขล้นใจ
“แค่กๆๆ…”
หลินจือไออย่างรุนแรง ถูกบีบคอจนทรมานอย่างที่สุด นางอยากกรีดร้อง แต่เพิ่งจะอ้าปากก็รู้สึกหายใจไม่สะดวก ใกล้จะหมดลมเต็มที
ปัง!
หลินสินทุ่มนางลงพื้น หลินจือเจ็บจนกระตุกไปทั้งร่างกาย สีหน้าบิดเบี้ยว ในขณะเดียวกันก็เดือดดาลอย่างที่สุด นางเคยถูกกระทำเช่นนี้เมื่อไหร่กัน
“แน่จริงเจ้าก็ฆ่าข้าสิ!”
ในที่สุดหลินจือก็ส่งเสียงได้ จึงแผดเสียงอย่างชิงชัง
หลินสวินหลุบตามองนางอย่างเหยียดหยาม เอ่ยอย่างเฉยเมย “ต่อให้เจ้าไม่ขอเช่นนี้ข้าก็จะฆ่าเจ้า สวะอย่างเจ้าอยู่ไปก็เป็นความอับอายของตระกูลหลิน”
แสงอันเย็นเยียบเฉียบคมสายหนึ่งปรากฏบนปลายนิ้วของหลินสวิน
เห็นเช่นนี้สีหน้าของคนมากมายต่างเปลี่ยนไป หลินสวินเขา…จะฆ่าจริงๆ หรือ
แม้แต่เสี่ยวเคอยังขมวดคิ้ว หากทำเช่นนี้ก็เท่ากับแตกหักทันที ต่อไปจะทำให้ภูเขาชำระจิตเปิดศึกกับสายรองของตระกูลหลินอย่างเป็นทางการ
“เจ้า…เจ้ากล้า!?”
หลินจือร้องเสียงหลงอย่างตกตะลึง สั่นไปทั้งตัว เจ้าหมอนี่ไม่กลัวว่าจะเป็นการเปิดศึกกับพวกเขาจริงๆ หรือ ไม่กลัวถูกตระกูลจั่วและตระกูลฉินกดดันจริงๆ หรือ
ฟุ่บ!
ไม่มีลังเล ไม่มีปรานี ถึงขั้นที่ไม่ขมวดคิ้วสักกระผีก แสงประกายเย็นเยียบนั่นก็ปาดคอหลินจือขาด!
“เจ้า…ถึงกับ…กล้า…จริงๆ…”
ก่อนตายหลินจือเบิกตาโพลง มองใบหน้าอันราบเรียบเฉยชาของเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่จำยอมและไม่เข้าใจ
นางไม่เข้าใจ หลินสวินไปเอาความมั่นใจมาจากไหนจึงกล้าทำเช่นนี้
ฝั่งตระกูลหลินแห่งแสงอุดร รวมทั้งลูกหลานตระกูลหลินสายรองทั้งหลายที่หลบหนีไปไกลตั้งนานแล้ว ยามนี้สีหน้าต่างตะลึง อึ้งค้างอยู่กับที่
ฆ่าแล้ว!
หลินสวินฆ่าแล้วจริงๆ ถ้านับตามลำดับญาติในตระกูล เขาต้องเรียกหลินจือว่าญาติผู้พี่ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้หลินจือกลับตายในมือเขา
ที่สำคัญที่สุดคือฐานะหลินจือไม่ธรรมดา การฆ่านางก็เท่ากับการแตกหักอย่างสิ้นเชิง ถ้าผู้มีอำนาจของตระกูลหลินสายรองรู้เข้า จะชักนำให้เกิดการปะทะซึ่งหน้าแน่นอน!
ผลลัพธ์นี้เหนือความคาดหมายจริงๆ
“คนทรยศพรรค์นี้ กลั่นแกล้งพี่ทำลายน้อง หากไม่ฆ่า ข้าหลินสวินคงผิดต่อบรรพบุรุษตระกูลหลิน!”
สีหน้าหลินสวินราบเรียบ ใบหน้าสุภาพหล่อเหล่าแฝงความเคร่งขรึมชวนกดดันอยู่รางๆ เสียงดังกังวานไปทั่วบริเวณ
“นับตั้งแต่วันนี้ ขอเพียงเป็นพวกที่ทำผิดแล้วไม่รู้สำนึก ตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิต ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าฐานะจะยิ่งใหญ่เพียงใด ก็ต้องชดใช้ด้วยเลือด!”
เสียงดังกึกก้องหนักแน่นมั่นคง เต็มไปด้วยไอสังหารทิ่มแทงหัวใจ ทำให้หลายคนอดสั่นสะท้านหวาดหวั่นไม่ได้
คำพูดนี้ของหลินสวินไม่เพียงพูดให้ตระกูลหลินสายรองอย่างธารประจิม คานเมฆา และยอดวายุฟัง แต่ยังเป็นการทำให้ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรเข้าใจกระจ่างชัดว่า เขาหลินสวินยอมให้เกิดเรื่องพรรค์นี้ไม่ได้เด็ดขาด นี่เป็นขีดสุดของเขา ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้องเด็ดขาด
กลางอากาศยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ส่วนบนพื้นดิน สายตาที่ทุกคนมองหลินสวินต่างเปลี่ยนไป ไม่มีใครกล้ามองว่าเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งอีกต่อไป
วิธีที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่นี้ทำให้พวกเขาตระหนักได้อย่างสุดซึ้งว่า ยามนี้เด็กหนุ่มคนนี้เป็นผู้นำตระกูลหลิน เป็นผู้ปกครองภูเขาชำระจิต!
“ฝีมือไม่เลว แม้แต่คนในตระกูลตัวเองยังกล้าฆ่า คราวนี้ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดเจ้าจึงกล้าบีบให้หลิงเทียนโหวคุกเข่าลง”
ยามนี้เอง น้ำเสียงสบายๆ ที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งเย็นชาดังขึ้นในลาน พร้อมกับชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วงที่เอามือไขว้หลังเดินก้าวเข้ามา
——
ตอนที่ 468 เป้าหมายเดียวกัน
โดย
ProjectZyphon
ชายหนุ่มชุดคลุมม่วงกล้าหาญองอาจ บุคลิกโดดเด่น พลังรอบตัวเขาเหมือนเดือดพล่าน ราวกับเตาเผาที่ลุกไหม้อย่างดุเดือด ดูน่ากลัวยิ่ง
นั่นคือสิ่งที่จะปรากฏหลังจากเลือดลมผ่านการหลอมจนอยู่ในระดับที่น่ากลัวแล้ว
ผู้คุ้มกันกลุ่มหนึ่งตามอยู่ข้างหลังชายหนุ่ม มีทั้งหญิงทั้งชาย ราวกับหมู่ดาวที่ชื่นชมพระจันทร์ ยิ่งทำให้เขาดูไม่ธรรมดา
จั่วหยาง!
ในบริเวณนั้นคนมามายต่างรู้ฐานะของชายหนุ่มชุดคลุมม่วง เป็นอัจฉริยะโดดเด่นในรุ่นหนุ่มสาวของตระกูลจั่ว พรสวรรค์ล้ำเลิศ ราวกับมังกรในหมู่มวลมนุษย์
ผู้คุ้มกันที่ตามอยู่ข้างหลังจั่วหยางก็เป็นคนตระกูลจั่วอย่างไม่ต้องสงสัย!
ตระกูลจั่ว เป็นหนึ่งในตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงทั้งเจ็ด อำนนาจล้นฟ้า รากฐานแข็งแกร่ง ปัจจุบันในตระกูลยังมีราชันระดับสังสารวัฏเป็นแกนหลัก!
พอเห็นกลุ่มพวกเขาปรากฏตัวขึ้น พวกเสี่ยวเคอและพญาแร้งต่างเผยสีหน้าหนักใจ ตัวบงการที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังมาแล้ว
“อาหก หยุดก่อน!”
ทันทีที่จั่วหยางมาถึงก็เงยหน้ามองท้องฟ้าพร้อมออกคำสั่ง
ตูม!
ชายชราร่างผอมที่กำลังสู้กับหลินจงอย่างดุเดือดพลันคำราม ปลีกตัวออกจากการต่อสู้ กลับไปอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มชุดม่วง
เห็นชัดว่าชายชราร่างผอมเป็นอาหกของจั่วหยาง
“ฉินอัน เจ้าก็กลับมา”
ในอีกฝั่งหนึ่ง มีเสียงทุ้มต่ำหนักแน่นราวกับเหล็กดังขึ้น พร้อมกันนั้นชายหนุ่มที่บุคลิกสง่างามคนหนึ่งก็ก้าวเท้าเข้ามา
รอบตัวเขากำจายกลิ่นอายราวกับโลหะ ดวงตาสาดประกายดั่งดวงดาว ย่างก้าวหนักแน่นมั่นคง มีความสงบเยือกเย็นอันเป็นเอกลักษณ์
ข้างหลังชายหนุ่มก็มีผู้คุ้มกันกลุ่มหนึ่งคอยติดตามเช่นเดียวกับจั่วหยาง
ฉินซิง!
ทายาทรุ่นหลังของตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงตระกูลฉิน เป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งนครต้องห้ามมาเนิ่นนานแล้ว มีคุณลักษณะพรสวรรค์ ‘กายพรตกระดูกทอง’ พลังแฝงยากคาดเดา
สีหน้าของพวกพญาแร้ง เสี่ยวเคอยิ่งหนักใจขึ้นไม่น้อย กำลังของตระกูลฉินก็ปรากฏตัวแล้ว ดูเหมือนว่าวันนี้จะเกิดคลื่นลมใหญ่เสียแล้ว
“ลุงจง จูเหล่าซาน พวกเจ้าก็กลับมาเถอะ”
หลินสวินพูดขึ้น สีหน้าสงบราบเรียบ เขาไม่รู้จักจั่วหยางและฉินซิง แต่ก็สามารถคาดการได้ว่าอีกฝ่ายมาจากตระกูลจั่วและตระกูลฉิน!
ศึกกลางอากาศจบลง จูเหล่าซานและหลินจงยืนอยู่ด้านหลังหลินสวิน
สีหน้าของหลินจงแฝงความกังวล
จูเหล่าซานยังคงเงียบดังเดิม
แต่ฝั่งตรงข้าม คนกลุ่มหนึ่งของตระกูลจั่วและคนอีกกลุ่มของตระกูลฉินได้เข้ามาอยู่ในบริเวณนี้แล้ว พลันกลายเป็นภาพที่ยืนประชันหน้ากันสามฝ่าย
ทว่าทุกคนต่างรู้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลจั่วและตระกูลฉินว่าเป็นพันธมิตรกัน จะเล่นงานหลินสวินฝ่ายเดียว!
เสี่ยวเคอ พญาแร้งรวมทั้งตระกูลหลินแห่งแสงอุดรต่างตระหนักได้ถึงความรุนแรงของปัญหา รู้ว่าภัยคุกคามที่แท้จริงมาเยือนแล้ว
หลินจือและตระกูลสายรองของตระกูลหลินก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก ฆ่าไปแล้วก็เป็นความขัดแย้งภายในของตระกูลหลิน
แต่การปรากฏตัวของขุมอำนาจอย่างตระกูลจั่วและฉิน หมายถึงศึกในครั้งนี้ได้ยกระดับไปถึงสถานการณ์ที่เริ่มขัดแย้งกับศัตรูภายนอกแล้ว
ตระกูลจั่วและตระกูลฉิน!
ทั้งสองตระกูลล้วนอยู่ในอันดับของตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง หยั่งรากมายาวนานล้นฟ้า มียอดฝีมือนับไม่ถ้วน อิทธิพลครอบคลุมไปทั่วนครต้องห้าม เป็นขุมอำนาจหนึ่งที่ทั้งจักรวรรดิยำเกรงดุจดั่งสัตว์มหึมา
ภูเขาชำระจิตใจตอนนี้ แม้แต่ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นล่างยังเป็นไม่ได้ เทียบเพียงแค่นี้ก็ชวนให้รู้สึกสิ้นหวังและหมดกำลังใจแล้ว
“เจ้าก็คือหลินสวินหรือ เดิมคิดว่าเจ้าจะเป็นเต่าหดหัวอยู่ในภูเขาชำระจิตไม่กล้าออกมา ไม่คิดเลยว่าทันทีที่ปรากฏตัวก็ฆ่าคนในตระกูลหลินของพวกเจ้าเองซะแล้ว วิธีนี้ถือว่าเปิดโลกทัศน์ของข้าจริงๆ”
จั่วหยางพูดขึ้น มือทั้งคู่ไขว้หลัง สีหน้าราบเรียบเผยความมั่นใจ น้ำเสียงหยอกล้อเหมือนกำลังเสียดสี
“นี่เป็นเรื่องภายในตระกูลหลิน เกี่ยวอะไรกับเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร กล้ายุ่งเรื่องของตระกูลหลิน ไม่กลัวโดนฆ่าหรือไง”
หลินสวินย้อนถาม สีหน้าของเขาเรียบเฉย คำพูดยิ่งไม่มีความเกรงใจ
ทำให้พวกเสี่ยวเคอ พญาแร้งต่างหัวใจสะท้าน ตระหนักได้ว่าวันนี้หลินสวินหมดความอดทนแล้วจริงๆ ไม่ว่าอะไรก็ไม่สนทั้งสิ้น ต้องการระบายความโกรธเท่านั้น
“แบบนี้…จะดีหรือ”
เสี่ยวเคออดถามไม่ได้
“ก่อนหน้านี้ก็อยู่ในสถานการณ์จนมุมแล้ว ยามนี้หลินสวินจะใช้พลังพลิกสถานการณ์ ถือเป็นวิธีอย่างหนึ่ง เพียงแต่ความเสี่ยงค่อนข้างสูง”
พญาแร้งสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตากระจ่างฉายประกายแห่งปัญญา
“บังอาจ! กล้าเสียมารยาทกับนายน้อยตระกูลข้า ยังไม่รีบขอโทษอีก อยากตายหรือไง”
ตอนที่ได้ยินคำพูดของหลินสวิน ผู้คุ้มกันที่อยู่ด้านหลังจั่วหยางล้วนเดือดดาล พลันตะเบ็งเสียงด่าทอ
นี่คือหน้าภูเขาชำระจิต เป็นอาณาเขตของตระกูลหลิน ทว่าแม้แต่ผู้คุ้มกันเหล่านี้ยังกล้าส่งเสียงด่าว่าหลินสวิน เห็นได้ชัดว่าตระกูลจั่วจองหองเพียงใด
“เป็นแค่หมารับใช้ฝูงหนึ่ง ถ้ายังกล้าเห่าอีก วันนี้พวกเจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้ออกจากที่นี่”
หลินสวินพูดเรียบๆ ทำให้เหล่าผู้คุ้มกันโกรธจนหน้าเปลี่ยนสี เด็กนี่บ้าคลั่งเกินไปแล้ว หรือเขาไม่มีตา ดูสถานการณ์ไม่ออก
“เด็กเมื่อวานซืน เจ้ารนหาที่ตาย!”
อาหกของจั่วหยางเองก็โมโห แผ่อานุภาพชวนกดดัน
“หมาแก่ คนที่รนหาที่ตายคือเจ้า”
ดวงตาสีดำขลับของหลินสวินเย็นเยียบ “ยุ่งเรื่องภายในตระกูลหลินไม่เท่าไร ยังกล้ามาอวดดีกับข้า เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะตัดลิ้นเจ้า”
เฮือก!
หลายคนต่างสูดหายใจด้วยความตกใจ ชายชราร่างผอมคนนี้มีชื่อว่าจั่วเซิงจิน เป็นอาหกของจั่วหยาง ผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะรุ่นอาวุโส
แต่หลินสวินกลับไม่เกรงกลัวเลยสักนิด ด่าเขาว่าหมาแก่ บอกว่าจะตัดลิ้นเขา!
พลันเห็นว่าจั่วเซิงจินโกรธจัดจนกลายเป็นยิ้ม “ไอ้หนู เจ้าช่างไม่กลัวตายจริงๆ หรือคิดว่าด้วยกำลังแค่นี้ของภูเขาชำระจิต จะมาอวดดีกับตระกูลจั่วของข้าได้”
ทันใดนั้นสีหน้าของเขาเคร่งขรึม พูดอย่างอึมครึม “ข้าจะบอกเจ้าให้ อีกไม่นานตระกูลหลินของเจ้าต้องถูกถอนรากถอนโคน!”
“หมาแก่ หรือเจ้าเก่งแต่ปาก”
หลินสวินเหล่มองเขาคราหนึ่ง ไม่ได้รู้สึกกลัวเลยสักนิด
เหล่าคนตระกูลหลินแห่งแสงอุดรลอบจุ๊ปาก ก่อนหน้านี้แม้จะเคยได้ยินเรื่องที่หลินสวินบังคับให้หลิงเทียนโหวคุกเข่า แต่อย่างไรก็ไม่ได้เห็นกับตา ทว่ายามนี้ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นความเย่อหยิ่งและแข็งแกร่งของหลินสวินแล้ว
จั่วเซิงจินโกรธจนเกือบกระอักเลือด เด็กนี่ด่าเขาว่าหมาแก่ไม่ขาดปาก ใครจะทนได้อีก
“ฮ่าๆๆ”
อีกด้านหนึ่งมีเสียงหัวเราะดังขึ้น แต่กลับเป็นเหล่าผู้ฝึกปราณตระกูลฉินซึ่งกำลังเฝ้าดูสถานการณ์ที่กลั้นเสียงหัวเราะไม่อยู่
ทำให้สีหน้าของผู้ฝึกปราณฝั่งตระกูลจั่วยิ่งดูแย่เข้าไปใหญ่ อยากจะเข้าไปตัดลิ้นหลินสวินและป่นกระดูกให้แหลกละเอียดเสียเดี๋ยวนี้
จั่วเซิงจินกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่กลับถูกจั่วหยางขวางเอาไว้ “อาหก ท่านถอยไปเถอะ หลินสวินคนนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า”
ในขณะที่พูดสีหน้าของเขาเย็นเยียบ ก้าวเท้าออกไป ร่างกายราวกับเตาไฟที่ลุกโหม แผ่แสงวิญญาณน่าสะพรึงกลัว
จั่วหยางไม่ธรรมดาจริงๆ ลมปราณเพียงโคจรไปตามธรรมชาติ ก็สามารถปลดปล่อยพลานุภาพระดับนี้ได้แล้ว ในบรรดาระดับมหาสมุทรวิญญาณเรียกได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดอย่างแน่นอน
เรื่องนี้ทำให้หลินสวินเองก็อดหรี่ตาไม่ได้ ภายในใจจำต้องยอมรับว่า ตระกูลจั่วที่เป็นหนึ่งในตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง สามารถสร้างบุคคลชั้นยอดอย่างจั่วหยางได้ รากฐานย่อมต้องยิ่งใหญ่จนน่ากลัว
“หลินสวิน กล้าสู้กับข้าสักตั้งมั้ย”
จั่วหยางเอ่ยปาก สายตาที่ราวกับคมมีดจ้องหลินสวินเขม็ง เสียงพูดราวกับฟ้าผ่า สะท้านไปทั่วทิศ
“เจ้าอยากประลองกับข้าหรือ”
หลินสวินประหลาดใจเล็กน้อย
“ไม่ผิด”
สายตาของจั่วหยางคบกริบ เยวาจาบีบคั้น “ได้ยินมาว่าเจ้าเคยชนะฉือฉางเฟิง บีบให้หลิงเทียนโหวต้องคุกเข่า ข้าแปลกใจมากว่าข่าวลือเหล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ จึงอยากลองดูด้วยตัวเอง”
จั่วหยางทะนงตนอย่างไม่ต้องสงสัย หมายจะใช้พลังของตัวเองกำราบหลินสวิน นี่ก็เพียงพอที่จะยืนยันว่าเขามั่นใจในความสามารถของตัวเองอย่างที่สุด
ฝั่งภูเขาชำระจิต สีหน้าของหลายคนต่างเปลี่ยนไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าจั่วหยางเตรียมตัวมาก่อน
กลับเห็นหลินสวินส่ายหน้าพูด “ไม่ได้ เจ้ายังไม่มีคุณสมบัติพอ”
น้ำเสียงสบายๆ เหมือนกำลังพูดถึงเรื่องเล็กที่ไม่มีความสำคัญ
ทุกคนอึ้งงัน
จั่วหยางเป็นถึงผู้กล้าคนหนึ่ง มีชื่อเสียงสะเทือนไปทั้งนครต้องห้ามมานานแล้ว แต่หลินสวินกลับเห็นว่าจั่วหยางไม่คู่ควรมาท้าทายเขา ปากดีจริงๆ
“ไอ้หนู หรือเจ้ากลัว ไม่กล้าสู้กับนายน้อยของข้า” ผู้คุ้มกันคนหนึ่งของตระกูลจั่วตะโกน
“ข้าว่าเด็กนี่ดีแต่ปาก ใจปลาซิว!”
เหล่าคนตระกูลจั่วเองก็ส่งเสียง ถากถางและเยาะเย้ยหลินสวิน
“เหอะๆ พวกเจ้าช่างไม่รู้จักอาย หลินสวินกล้าบังคับให้หลิงเทียนโหวคุกเข่าในงานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาของจักรพรรดินีองค์ปัจจุบัน ในบรรดาพวกเจ้าใครกล้าทำเช่นนี้บ้าง”
ฝั่งตระกูลหลินแห่งแสงอุดรมีคนหมดความอดทน ตะคอกเสียงดัง “อยากประลองกับหลินสวินงั้นหรือ นายน้อยบ้านพวกเจ้ายังไม่มีคุณสมบัติพอจริงๆ นั่นล่ะ!”
ประโยคเดียวเท่านั้นก็ทำให้คนตระกูลจั่วพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ตอนนี้ในนครต้องห้าม ใครบ้างจะไม่รู้เรื่องที่หลิงเทียนโหวถูกบังคับให้คุกเข่า หากหลินสวินเก่งแต่ปากจริงๆ จะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร
“หึ หลิงเทียนโหวคือหลิงเทียนโหว นายน้อยของข้าก็คือนายน้อยของข้า หลินสวิน ถ้าเจ้ากลัวก็ยอมแพ้มาซะ!”
คนตระกูลจั่วร้องโวยวาย
เห็นทางนี้เอะอะกันไม่หยุด คนตระกูลฉินก็อดส่งเสียงหัวเราะเยาะไม่ได้ ราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก
“เป็นถึงคนตระกูลจั่ว กลับหยาบคายต่ำทราม ทะเลาะกับเด็กคนหนึ่ง เสียเกียรติจริงๆ เลย”
“ฮ่าๆ คิดไม่ถึงว่าคนรุ่นนี้ของตระกูลจั่วจะไม่เอาไหนแบบนี้ ถูกหลินสวินดูถูก ตลกจริงๆ”
จั่วหยางใบหน้าอึมครึมขึ้นมาทันที รวมถึงคนรอบกายเขาด้วย ต่างมองตระกูลฉินอย่างกรุ่นโกรธ เจ้าพวกนี้ชมดูเหมือนเป็นละครก็ช่างเถอะ ยังจะกล้าสุมไฟให้เรื่องขยายใหญ่โตลุกลามกว่าเดิม น่าชิงชังจริงๆ
“ช่างเถอะ หลินสวินคนนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า”
ฉินซิงก้าวออกไป มุมปากแฝงรอยยิ้ม เงาร่างของเขาสูงใหญ่ กำจายกลิ่นอายราวกับโลหะ ก้าวเดินอย่างองอาจมาดมั่น บุคลิกโดดเด่น
“หลินสวินคนนี้เป็นคู่ต่อสู้ของข้า!”
สีหน้าของจั่วหยางเย็นเยียบ ในขณะเดียวกันก็มีกลิ่นอายร้อนเร่าแผดเผาน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายออกมาจากรอบตัว เผชิญหน้ากับฉินซิงจากไกลๆ
“น่าขัน เรื่องที่ข้าอยากทำ เจ้าจั่วหยางก็ขวางไม่ได้!”
สีหน้าของฉินซิงเองก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบขึ้น เต็มไปด้วยความมาดมั่นอย่างที่สุด
ทันใดนั้นบรรยากาศทั่วบริเวณพลันเปลี่ยนไป ไม่มีใครคาดคิดว่าฉินซิงที่เป็นผู้ชมมาตลอดจะยื่นมือเข้ามาแทรก
ทั่วบริเวณเงียบสงัดขึ้นมาทันที
ไม่ว่าจะเป็นจั่วหยางหรือฉินซิง ล้วนเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะชั้นยอด อีกทั้งขุมอำนาจเบื้องหลังต่างคับฟ้า บุคคลระดับนี้ ยามนี้กลับจะแย่งโอกาสที่จะประลองกับหลินสวิน จะไม่ให้ตะลึงได้อย่างไร
“ข้าเข้าใจแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าสามารถเอาชนะหลินสวิน ก็เท่ากับอยู่เหนือพวกฮวาอู๋โยว ฉือฉางเฟิง หลิงเทียนโหวไปหนึ่งระดับ เพราะบุคคลเหล่านี้ล้วนเคยแพ้ให้หลินสวิน!” มีคนในตระกูลหลินแห่งแสงอุดรพูดเสียงเบาขึ้นมา
“ถ้าสามารถเหยียบหลินสวินได้ ชื่อเสียงก็จะโด่งดังไปทั่วหล้า!”
ทุกคนต่างเข้าใจขึ้นมาทันที ตอนนี้หลินสวินเป็นเหมือนจุดสูงสุดในบรรดาคนรุ่นหนุ่มสาว ใครสามารถเหยียบเขาไว้ใต้เท้าได้ ย่อมสามารถทำให้ชื่อเสียงของตนโดดเด่นขึ้น เป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งจักรวรรดิ!
——
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น