Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 457-462

 ตอนที่ 457 สภาพการณ์พลันแปรเปลี่ยน

โดย

ProjectZyphon

บริเวณทางเข้าแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นทุกคนแตกตื่นพากันกรูออกไปข้างนอก ด้วยกลัวว่าหากช้าไปก้าวเดียวก็จะประสบเคราะห์ ถูกปิดล้อมสังหารในนั้น


ในเดือนปีที่ผันผ่าน ทุกครั้งที่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นจะปิดลง ล้วนมีตัวอย่างของผู้ฝึกปราณที่ติดค้างอยู่ในนั้นจนร่างสลายวิญญาณสาบสูญ


ด้วยเหตุนี้ ใครก็ไม่กล้าอยู่ต่ออีก


รวมถึงหลินสวินและเหลียนเตี๋ยอีก็รีบเร่งพุ่งตัวออกมาเช่นกัน


สวบ!


เพียงแต่เพิ่งออกมาจากทางเข้าแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นเท่านั้น ทวนเล่มหนึ่งก็ถูกยิงออกมา ควบรวมด้วยแสงอัศจรรย์ พุ่งกวาดตามแนวราบมายังเหลียนเตี๋ยอี


ตู้ม!


เหลียนเตี๋ยอีเหมือนเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว มืองามทำมุทรา บังเกิดแสงสีรุ้งสลายการโจมตีนี้ แล้วพลันหายตัวอย่างรวดเร็วหลบไปอีกด้าน


ที่นี่มีผู้ฝึกปราณมากเกินไป แออัดเบียดเสียด จะลงมือทำอะไรก็ไม่อาจไม่กระทบคนอื่น พาให้ตนเหมือนถูกผูกไม้ผูกมือ สำแดงพลังออกมาได้ยาก


“หนุ่มน้อยรูปหล่อ มาทางนี้!”


เหลียนเตี๋ยอีพุ่งไปข้างหน้าพลางโบกมือเรียกหลินสวิน


“คิดจะไปหรือ หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!”


เสียงตะคอกดังขึ้น ทวนเล่มนั้นพุ่งโจมตีอีกครั้ง แสงสว่างวูบวาบแปรสภาพเป็นเงาทวนเต็มฟ้าในการโจมตีเดียว ถึงกับปกคลุมเหลียนเตี๋ยอีและหลินสวินเอาไว้โดยสมบูรณ์


นั่นเป็นชายในเกราะทองผู้หนึ่ง สีหน้าเหี้ยมเกรียม พลานุภาพดุจดวงตะวัน จิตสังหารพลุ่งพล่าน


ไม่ต้องเดาเลย นั่นก็คือผู้สืบทอดตระกูลปราบมารไป๋อวี่!


เดิมทีเมื่อออกจากแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นหลินสวินก็คิดจะแยกกับเหลียนเตี๋ยอี แต่ไม่คิดว่าเพิ่งจะออกมาก็ถูกเล่นงานเข้า


นี่ทำให้เขาสีหน้าถมึงทึง กระแทกหมัดออกไป


เสียงปึงดังสนั่น เงาทวนวูบไหวแหลกสลายกลายเป็นละอองแสงปลิวว่อน


ในเวลาเดียวกันเหลียนเตี๋ยอีก็ร้องเสียงใส ทั้งกายอวลไปด้วยแสงสีรุ้ง ซัดลำแสงออกมาจากมืองามทำให้ไป๋อวี่ผู้นั้นล่าถอยไป


ฟุ่บๆ


นางกับหลินสวินทะยานไปยังที่ไกลออกไป


“ทิ้งสมบัติไว้ แล้วจะไว้ชีวิตเจ้า!”


บนทางข้างหน้าพลันปรากฏเงาร่างอ้อนแอ้นบริสุทธิ์ราวเซียน งดงามเกินธรรมดา ในฝ่ามือเรียวเล็กราวหยกขาวมีลำแสงสีฟ้าสดใสไหลวน


ผู้สืบทอดเขาเมฆาสวรรค์หลิงจื่อนั่ว!


เหลียนเตี๋ยอีสีหน้าเปลี่ยนไป พุ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง


‘หนุ่มน้อยรูปหล่อ พวกเขาแอบวางแผนกันไว้ก่อนแล้วว่าจะรั้งตัวพวกเราไว้ที่นี่ ช่วยข้าขจัดอุปสรรคที หลังจากนั้นพวกเรามาครองสมบัติลับราหูร่วมกัน!’


เหลียนเตี๋ยอีสื่อจิต


หลินสวินอดลังเลไม่ได้ เขาไม่อยากร่วมลงน้ำโคลนนี่อีกแล้ว


เพียงแต่เขายังไม่ทันได้ปฏิเสธ ไป๋อวี่ที่เหมือนเทพสงครามก็โจมตีอีกครั้ง เกราะทองของเขาเปล่งแสง ทวนว่องไวราวสายฟ้า พลานุภาพมหัศจรรย์ปกคลุมไปทั่วทั้งโลกา


โครม!


เหลียนเตี๋ยอีไปรับหน้า แสงสีรุ้งในฝ่ามือแปรสภาพเป็นผืนแพรต่อต้านไป๋อวี่


‘หนุ่มน้อยรูปหล่อ รีบลงมือ! ถ้าถูกพวกมันปิดล้อม พวกเราสองคนก็ไม่ต้องคิดหนีแล้ว!’


เหลียนเตี๋ยอีสื่อจิต ร้อนรนหาใดเทียบ


‘ข้า…’


หลินสวินกำลังจะพูดอะไร อีกด้านหนึ่งกระบี่โบราณเล่มหนึ่งก็พุ่งผ่านอากาศออกมา ส่งเสียงชิ้งๆ เหมือนมังกรกระซิบ ควบรวมแสงสุกสกาวพุ่งกำราบหลินสวิน


นี่ทำให้เขาสีหน้านิ่งขึง เดิมตนไม่ต้องการต่อสู้ แต่เจ้าพวกนี้เห็นได้ชัดว่ามองเขาเป็นสหายของเหลียนเตี๋ยอี จะสังหารไปด้วยกันให้ได้


ตูม!


ทั้งร่างของหลินสวินราวหินหนืดปะทุ แสงสีฟ้าอ่อนอบอวลไปทั่วร่าง เมื่อกระแทกหมัดออกไปก็ปะทะเข้ากับกระบี่โบราณเล่มนั้น


ในที่นั้นเกิดเสียงปะทะดังขึ้นราวกริชทองร้องประสาน กระบี่โบราณถูกกระแทกจนส่งเสียงวิ้ง ไม่อาจทำให้หลินสวินบาดเจ็บ


เสียงเบาๆ ดังขึ้นจากที่ไกลๆ ทันใดนั้นก็เห็นเด็กหนุ่มสวมชุดนักพรต ใบหน้าเกลี้ยงเกลาหมดจด ทั้งร่างเปี่ยมด้วยไอสมบัติโฉบออกมา


ผู้สืบทอดสำนักกระบี่แรกวิญญาณอวิ๋นเคอ!


“อสูรมารสาว ข้าจะดูว่าครั้งนี้เจ้าจะหนีไปไหน!”


แทบจะในเวลาเดียวกัน เสียงคำรามดังขึ้นสะเทือนเมฆา คนหนุ่มในชุดสีดำราวเทพวานรปรากฏตัวขึ้น จิตสังหารพวยพุ่งทั่วร่าง เป็นผู้สืบทอดสำนักเทพโลหิตหยวนจั้น


อีกด้านหนึ่ง เถี่ยเชียนหานผู้สืบทอดสำนักสงัดดาราที่พาดกระบองเหล็กไว้บนไหล่ เงาร่างสูงใหญ่กำยำราวบรรพตก็ย่างสามขุมเข้ามาเช่นกัน


นอกจากนี้ ผู้สืบทอดสำนักโบราณหลายคนที่ไม่ด้อยไปกว่าหลิงจื่อนั่ว อวิ๋นเคอ ไป๋อวี่ หยวนจั้น ก็ทะยานมาทางนี้


สถานการณ์เปลี่ยนเป็นโหดร้ายน่าหวาดหวั่นถึงที่สุด


เดิมทีผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนที่พุ่งออกจากแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นก็รวมตัวกันที่บริเวณนี้ ด้วยเกิดการต่อสู้ที่นี่ จึงดึงดูดเสียงฮือฮาแตกตื่นและพากันหลบไป ยังผลให้เกิดที่ว่างขึ้น


เพราะดูออกว่าการต่อสู้นี้ไม่ธรรมดายิ่ง ผู้ที่ลงมือล้วนเป็นอัจฉริยะผู้โดดเด่นในโลกาที่มีชื่อเสียงระบือลั่น ที่มาที่ไปน่าหวั่นกลัวยิ่งนัก


ตอนนี้แม้พวกเขาไม่เคยร่วมมือกัน ทว่าปลายอาวุธล้วนพุ่งตรงไปยังผู้สืบทอดแดนวิญญาณหมื่นมายาเหลียนเตี๋ยอี พาให้หลายคนสะท้านขวัญ


เห็นได้ชัดว่าเหลียนเตี๋ยอีต้องก่อเรื่องใหญ่ในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นแน่ ถึงได้รับ ‘การปฏิบัติ’ เช่นนี้


ที่ทำให้ทุกคนตื่นตะลึงที่สุดก็คือ ข้างกายเหลียนเตี๋ยอีกลับมีคนติดตามมาคนหนึ่งถูกโจมตี


นั่นเป็นเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง หน้าตาหล่อเหลา ดวงตาสีดำลุ่มลึกราวห้วงน้ำ ท่าทางโดดเด่นยิ่ง ดูไม่คุ้นหน้าอยู่บ้าง


เด็กหนุ่มผู้นี้ย่อมเป็นหลินสวิน สาเหตุที่ไม่มีใครจำเขาได้ ก็ล้วนเป็นเพราะตัวเขาก่อนหน้านี้เสื้อผ้าขาดวิ่นเปื้อนเลือด ท่าทางสะบักสะบอม ทั้งกลิ่นอายก็เหี้ยมเกรียมเหลือแสน


ส่วนเขาในตอนนี้ก่อชีพจรวิญญาณขึ้นมาใหม่ ทำให้ทั้งร่างกายแปรเปลี่ยน อีกทั้งยังเปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าที่สะอาดเรียบร้อย ตัวเขาเหมือนเกิดใหม่ บารมีเปล่งปลั่งทำให้ผู้อื่นไม่อาจจำได้


การต่อสู้กำลังปะทุ วุ่นวายอลหม่าน พาให้กลุ่มผู้ฝึกปราณหลบออกไป


สีหน้าและอารมณ์ของหลินสวินล้วนย่ำแย่ เพิ่งออกมาจากแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นก็ถูกคนไม่รู้จักกลุ่มหนึ่งล้อมโจมตี ไม่ให้โอกาสเขาได้อธิบายเลย


ที่ทำให้หลินสวินหงุดหงิดที่สุดก็คือ เจ้าพวกนี้ลงมืออย่างร้ายกาจไร้น้ำใจ ประหนึ่งหมายจะสังหารสิ้น พาให้ผู้อื่นไม่อาจโอนอ่อนได้


คิดว่าเขารังแกได้ง่ายจริงหรือ


“พอแล้ว!”


เสียงตูมดังขึ้น หลินสวินสำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ พลังหมัดเพิ่มขึ้นสี่เท่า บดขยี้ห้วงอากาศ ทำให้การโจมตีที่หมายสังหารสิ้นทุกอย่างสั่นสะเทือน


“ข้าไปหาเรื่องพวกเจ้าตอนไหนถึงได้กัดไม่ปล่อย”


ดวงตาสีดำของหลินสวินเย็นเยียบ กวาดไปทั่วพื้นที่ พลังปราณทั่วร่างเขาราวห้วงน้ำเหวลึก มีอานุภาพโอหังราวกลืนฟ้าอยู่ในที


นี่ยังผลให้ผู้ฝึกปราณหลายคนพากันตื่นตะลึง พลังของเจ้านี่แข็งแกร่งนัก!


“อยู่กับอสูรมารสาวผู้นั้น ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นคนจำพวกเดียวกัน ต้องฆ่า!”


เทพสังหารน้อยไป๋อวี่ส่งเสียงหึหยัน ดุดันกดขี่ เห็นหลินสวินเป็นเหยื่อล่า ยามพูดจาทวนในมือเขาก็พลิ้วไหวปราดเปรียวฟันลงมาอย่างแรง


ห้วงอากาศแถบนี้ถูกบดขยี้ ดูน่ากลัวถึงที่สุด


“ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่เจ้าร่วมทางกับอสูรมารสาว ต่อให้ถูกฆ่าก็แค้นใครไม่ได้!”


อีกด้านหนึ่งหยวนจั้นยิ้มเหี้ยม เงาร่างของเขาดุจมารวานร เลือดลมทั่วร่างพลุ่งพล่าน ลมหมัดอหังกาหาใดเทียบ


คนที่ล้อมโจมตีหลินสวินมีมากนัก ไม่เพียงแค่พวกเขาสองคน ยังมีพวกผู้สืบทอดสำนักโบราณอื่นๆ จิตสังหารล้วนพุ่งปะทุ


สถานการณ์ของเหลียนเตี๋ยอีที่อยู่ข้างๆ หลินสวินก็ไม่ต่างกันเท่าใดนัก


เมื่อมองลงมาจากบนท้องฟ้าจะเห็นว่าพวกเขาสองคนถูกปิดล้อมไว้ตรงกลาง สี่ด้านแปดทิศล้วนเป็นผู้เก่งกาจที่อานุภาพเลื่องระบือ


หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่น น่ากลัวคงถูกสังหารคาที่ไปนานแล้ว ด้วยแตกต่างกันเกินไป ศัตรูมีมากฝั่งตนมีน้อย โอกาสชนะริบหรี่


โครม!


บริเวณนั้นสั่นสะเทือน ถูกแสงสีต่างๆ เข้ามาเติมเต็ม ทำให้หินผาแหลกเป็นจุณ พื้นดินแตกระแหง สั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ


ไม่นานนักใบหน้างามของเหลียนเตี๋ยอีก็ซีดขาว ถูกอัสนีบาตรสีฟ้าที่หลิงจื่อนั่วสำแดงออกมาฟาดเข้าที่ไหล่ เลือดพุ่งกระฉูด ได้รับบาดเจ็บแล้ว


ทุกคนดูออกว่าไม่ช้าก็เร็วเหลียนเตี๋ยอีต้องจบเห่ ไม่มีทางพลิกสถานการณ์ได้เลย


เช่นเดียวกัน เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างกายนางก็ต้องสิ้นชื่อไปด้วย ไม่อาจโชคดีมีชีวิตรอดจากการโจมตีของยอดผู้แข็งแกร่งมากมายได้อีก


เห็นเหลียนเตี๋ยอีได้รับบาดเจ็บ จิตสังหารในใจหลินสวินพลันปรากฏ เขารู้ดีว่าหากไม่ใช้พลังที่แท้จริง เรื่องในวันนี้ไม่มีทางจบลงด้วยดีแน่!


แต่ก็เป็นเวลานี้เองที่เหลียนเตี๋ยอีพลันส่งเสียง “หนุ่มน้อยรูปหล่อ เจ้าไม่ใช่ว่าอยากหยั่งรู้ปริศนาของวิชาลับราหูหรือ เจ้านำมันจากไปเถอะ”


นางพูดพลางสะบัดมือ โยนเขาเดี่ยวสีขาวเปล่งประกายออกมาให้หลินสวิน


วิชาลับราหู!


เมื่อได้ยินทั้งที่นั้นก็สั่นสะเทือน ทุกคนพากันอิจฉาตาร้อน หายใจกระชั้น ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเหลียนเตี๋ยอีผู้นั้นถึงถูกล้อมโจมตี ที่แท้ยามนางอยู่ในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นก็ได้มรดกวิชาลับของราชาอสูรมารราหูมาครองนี่เอง!


กลุ่มผู้กล้าที่ล้อมโจมตีเหลียนเตี๋ยอีไว้ล้วนประหลาดใจ ไม่คิดว่าในสถานการณ์คับขันเช่นนี้นางจะยอมปล่อยวิชาลับราหูไปได้


อีกทั้งพวกเขายังดูออกว่าเขาสัตว์อันนั้นกลิ่นอายไพศาล ต้องไม่ใช่ของปลอมแน่ แต่เป็นเขาสัตว์ที่เป็นของราชาอสูรมารราหูของจริง!


แต่เมื่อหลินสวินถือเขาสัตว์สีขาวนั้นไว้ในมือ ในใจกลับเต้นตึกตัก รับรู้ได้ว่าผิดปกติ


เหลียนเตี๋ยอีผู้นี้แม้ต้องการมอบสมบัติให้ตนก็ไม่ต้องตะโกนเสียงดังกระมัง…


“เจ้าหนู ส่งสมบัตินี้มา!”


“ดูท่าเจ้าเด็กนี่คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับอสูรมารสาวเพียงเล็กน้อยอย่างที่คิด”


“ฆ่าเจ้าหนูนี่ก่อนเลย!”


เวลานี้เหล่าผู้กล้าที่เดิมล้อมโจมตีเหลียนเตี๋ยอีอย่างหลิงจื่อนั่ว เถี่ยเชียนหาน สายตาพลันพุ่งเป้าไปยังหลินสวิน


โครม!


การต่อสู้ดำเนินต่อไป เพียงแต่เวลานี้เป้าหมายหลักในการโจมตีล้วนรวมอยู่ที่หลินสวิน


ทันใดนั้นแรงกดดันบนตัวหลินสวินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เห็นได้ชัดว่าเหลียนเตี๋ยอีผู้นั้นกำลังใส่ความตน!


“ทุกท่าน ข้ามอบวิชาลับให้แล้ว หากพวกท่านยังตามขัดขวางสังหารข้าอีก เช่นนั้นอย่างหาว่าข้าก่อบาปสังหารใหญ่เลยนะ!”


เงาร่างของเหลียนเตี๋ยอีแปรสภาพเป็นแสงรุ้งสุกสกาว เปิดช่องทางหนึ่งเสียงดังโครม หนีไปไกลลิบ


มีคนคิดจะตามไปแต่ก็อดทนไว้ในท้ายที่สุด เพราะวิชาลับราหูถูกส่งต่อมาอยู่ในมือหลินสวินแล้ว ไปตามฆ่าเหลียนเตี๋ยอีก็ไม่คุ้มค่าอย่างชัดเจน


เห็นได้ชัดว่าผู้อื่นก็คิดเช่นนี้ แม้ในใจจะโมโหที่เหลียนเตี๋ยอีจากไป แต่สุดท้ายก็ล้วนเลือกอยู่ที่เดิมเพื่อต่อกรหลินสวิน


“หนุ่มน้อยรูปหล่อ ขอโทษด้วยนะ เพื่อรักษาชีวิตพี่สาวได้แต่ทำเช่นนี้ แต่ข้าก็ให้วิชาลับราหูกับเจ้าแล้ว หากเจ้าตายไปก็อย่าเคืองแค้นข้าล่ะ”


เสียงหัวเราะราวกระดิ่งเงินของเหลียนเตี๋ยอีดังขึ้นจากที่ไกลๆ ออดอ้อนออเซาะหาใดเทียบ เจือแววได้ใจ


ถูกคิดบัญชีอย่างที่คิดไว้เลย!


หลินสวินลอบถอนใจ เขารู้นานแล้วว่าหญิงนางนี้ไม่น่ายุ่งเกี่ยวด้วย แต่คิดไม่ถึงว่านางจะเจ้าเล่ห์เพียงนี้


“เจ้าไม่เสียดายหรือ ไม่อยากได้มรดกราหูนั่นแล้วหรือ”


หลินสวินส่งเสียงปั่นป่วนราวอัสนีบาตร


เพียงแต่ครั้งนี้เหลียนเตี๋ยอีสื่อจิตตอบกลับพลางหัวเราะว่า ‘อ้อ ลืมบอกเจ้าไป วิชาลับราหูแท้จริงเป็นลายสมบัติผืนหนึ่ง ไม่มีมรดกสืบทอดอะไร ข้ารู้อยู่แก่ใจมานานแล้ว น่าเสียดายนะ เจ้าพวกนั้นต้องไม่เชื่อแน่ ดังนั้น…ก็ได้แต่ต้องให้เจ้าลำบากแล้วล่ะ แน่นอนว่าเจ้าจะมอบมันไปก็ได้นะ อาจจะแลกชีวิตกลับมาได้’


‘ทำไมไม่ใส่ร้ายคนอื่น แต่มาใส่ร้ายข้า’


หลินสวินแค้นจนลอบกัดฟัน อัดอั้นยิ่งนัก


‘อ้อ เรื่องนี้หรือ ง่ายจะตาย ใครใช้ให้เจ้าปฏิเสธตอนที่ข้าขอให้เจ้ามาร่วมมือกับข้าเล่า ข้าเป็นผู้หญิง แค้นฝังใจนักล่ะ’


เหลียนเตี๋ยอีหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงออดอ้อนฟังดูได้ใจอย่างพูดไม่ถูก ไม่นานนักก็หายไป


หลินสวินหน้าเสียอย่างหาใดเปรียบ เพียงเพราะการปฏิเสธครั้งเดียวก็คิดบัญชีกับตนแล้ว ผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมเสียจริง!


แต่หลินสวินมาคิดมากก็ไม่ทันแล้ว เขาตัวคนเดียวกำลังเผชิญการล้อมโจมตีรอบทิศ!


คนพวกนั้น แต่ละคนเรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือ ชื่อเสียงระบือลั่น อานุภาพเหลือคณา หมายจะสังหารเขาเพื่อชิงวิชาลับราหู!


——


ตอนที่ 458 สู้เดี่ยวกับเหล่าผู้กล้า

โดย

ProjectZyphon

ผู้สืบทอดสำนักโบราณหลายคนอย่างหลิงจื่อนั่วแห่งเขาเมฆาสวรรค์ เถี่ยเชียนหานแห่งสำนักสงัดดารา อวิ๋นเคอแห่งสำนักกระบี่แรกวิญญาณ หยวนจั้นแห่งสำนักเทพโลหิต กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ในบริเวณนี้


ทุกคนแตกต่างกันแต่ล้วนมีท่าทางน่าสะท้านขวัญ เป็นยอดฝีมือในระดับมหาสมุทรวิญญาณ พลานุภาพทะลุเมฆา


นี่เป็นสถานการณ์ที่สามารถทำให้ผู้ฝึกปราณคนใดก็อกสั่นขวัญแขวน เหมือนเข้าตาจน หากไม่มีพลังที่เหนือกว่าระดับมหาสมุทรวิญญาณ ย่อมพลิกกระดานหลบหนีเอาชีวิตรอดได้ยาก


การต่อสู้กำลังปะทุขึ้น แสงประกายลุกโหมครั่นครืน วิชาลับต่างๆ ตัดสลับไปมา กดดันให้หลินสวินเงยหน้าขึ้นไม่ได้


ภาพการณ์นี้ทำให้ทุกคนตื่นตะลึง


เพื่อวิชาลับราหูทำให้ผู้สืบทอดสำนักโบราณหลายคนร่วมมือกันช่วงชิง เจ้าเด็กนั่นน่าสงสารเสียจริง


บางทีนี่คงเป็นสิ่งที่เรียกว่าคนไม่ผิด แต่ผิดที่ถือครองหยก!


ไม่มีพลังที่แข็งแกร่งมากพอ ต่อให้มีวาสนาก็ไม่มีความสามารถได้ครอบครอง!


“เอ๊ะ แปลกจัง เจ้าเด็กนั่นมีอะไรไม่ชอบกล ถึงตอนนี้ยังไม่ถูกกำราบเลย นี่จะเป็นไปได้อย่างไร”


เมื่อเวลาผ่านไป ไม่นานก็มีคนร้องขึ้นด้วยความตกใจ พบว่าหลินสวินแม้ถูกล้อมโจมตี สถานการณ์อันตรายหาใดเปรียบ แต่จนกระทั่งตอนนี้กลับไม่ล้มลง นี่ช่างเกินความคาดหมายไปแล้ว


กลุ่มผู้โดดเด่นใต้หล้าโจมตีเชียวนะ!


แต่เจ้าหนุ่มนั่นยังยืนหยัดมาถึงตอนนี้ได้ ช่างดูพิเศษนัก


“พวกเจ้าดูสิ ท่าร่างของเขาอัศจรรย์นัก ราวกับชือน้ำแข็ง เหมือนเป็นภาพมายาไม่อาจคาดเดา ถึงกับสามารถหลบหนีกระบวนท่าพิฆาตมากมายได้ในเวลาเฉียดฉิว!”


มีผู้มากประสบการณ์ดูความลับออกในปราดเดียว อดตกตะลึงไม่ได้


“หึ เด็กหนุ่มนั่นแม้ท่าร่างอัศจรรย์ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือพวกอัจฉริยะที่ล้อมโจมตีเขาอยู่นั้นล้วนแยกกันสู้ ต่างหวาดหวั่นและระแวงกันเอง ทิ้งช่องโหว่มากเกินไป เมื่อกี้ถึงได้ถูกเจ้าเด็กนั่นคว้าโอกาสให้ได้หายใจหายคอบ้าง”


ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งวิเคราะห์ พูดถึงกุญแจสำคัญของการต่อสู้นั้น


เป็นดังคาด ในตอนนี้ผู้ฝึกปราณหลายคนก็สังเกตเห็นว่า เพื่อแย่งชิงสมบัติลับราหูนั้น อัจฉริยะเหล่านั้นแม้ล้อมโจมตีหลินสวินผู้เดียว แต่เมื่อสำแดงกระบวนท่าพิฆาตกลับมักจะถูกก่อกวน เห็นได้ชัดว่าต่างไม่คิดจะให้คนอื่นชิงไปก่อน


เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้เด็กหนุ่มคนนั้นมีโอกาสดิ้นรนไม่น้อย


อีกทั้งเมื่อการต่อสู้ดำเนินไป ความหวาดระแวงและขัดแย้งก็ยิ่งรุนแรงขึ้น


ชิ้ง!


นักพรตน้อยอวิ๋นเคอสะบัดกระบี่โบราณลายสน ชิงมุ่งหน้าประจัญบานหลินสวินก่อน


แต่ในเวลาเดียวกัน เถี่ยเชียนหานที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็ปราดเข้ามาราวมหาบรรพตกดทับ บีบให้อวิ๋นเคอต้องถอยหนี สีหน้าขัดเคือง


และเช่นเดียวกัน เมื่อเถี่ยเชียนหานจะพุ่งเข้าสังหารหลินสวิน ไป๋อวี่ที่อยู่อีกด้านก็แกว่งทวนโจมตี ท่าทางหมายชิงสังหารหลินสวินให้ได้ก่อน แต่เมื่อเป็นเช่นนี้เถี่ยเชียนหานก็ถูกการโจมตีของเขาปกคลุม!


การขัดแข้งขัดขากันเอง การต่อสู้ที่ทำลายกันเองเช่นนี้ ทำให้ผู้กล้าเหล่านั้นล้วนโมโห จับจ้องกันอย่างขัดเคือง


“เถี่ยเชียนหาน เจ้าจะกลั่นแกล้งผู้อื่นมากไปแล้ว!”


“หึ สมบัติลับราหูนี้ทุกคนล้วนช่วงชิงได้ ทำไมข้าจะทำไม่ได้เล่า”


“หยวนจั้น เจ้ากล้าตุกติกอย่างนี้ได้อย่างไร ข้าจะฆ่าเจ้าคนแรกเลย!”


“หลิงจื่อนั่ว เจ้าหมายความว่าอย่างไร”


เสียงตะโกนดังขึ้นไม่หยุดหย่อนในที่นั้น ผู้กล้าชั้นยอดแต่ละคนต่างชี้หน้าด่าทอกันเอง รูปการณ์ดูโหวกเหวกขึ้นในชั่วขณะหนึ่ง


กลุ่มผู้ฝึกปราณที่อยู่ไกลออกไปมองดูด้วยความงงงวย นี่เรียกได้ว่าวุ่นวายอย่างแท้จริง หากผู้กล้าคนเดียวลงมือ อาจจะสังหารเด็กหนุ่มผู้นั้นได้นานแล้ว ไม่มีทางเกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ได้เลย


แต่อย่างไรเสียคนที่ลงมือในเวลานี้ล้วนเป็นผู้สืบทอดที่มาจากคนละสำนักโบราณ ต่างมีการเปรียบเทียบและมีความเป็นศัตรูกันไม่ขาด


อีกทั้งพวกเขาแต่ละคนยังโอหังหยิ่งผยอง ไม่มีทางยอมถูกผู้อื่นตัดหน้า ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จึงถูกพวกเขาทำให้อลหม่านอย่างยิ่ง


“เจ้าเด็กนั่นโชคดีเสียจริง ใครๆ ก็ล้วนอยากฆ่าเขาเพื่อชิงวิชาลับราหูก่อน แต่กลับถูกคนอื่นขัดแข้งขัดขา ไม่มีทางชิงได้ ทำให้ตอนนี้เจ้าเด็กนี่ยังรักษาชีวิตไว้ได้”


“รักษาชีวิตหรือ ไม่แน่หรอก โอกาสที่เหลือให้เขาดิ้นรนมีไม่มากแล้ว จะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อไรก็ได้ วันนี้เขาคงยากหลบหนีเคราะห์นี้”


“ถูกต้อง ยอดฝีมือพวกนั้นไม่มีใครยอมปล่อยให้เขามีโอกาสหนีเอาชีวิตรอดไปได้!”


ทุกคนพากันวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ ล้วนไม่ถือหางหลินสวิน


ส่วนในเวลานี้หลินสวินมีสีหน้าย่ำแย่อย่างหาใดเปรียบ ถูกเหลียนเตี๋ยอีใส่ร้ายครั้งหนึ่งยังพอทน ตอนนี้ยังถูกเจ้าพวกนี้มองเป็นเหยื่อ ต่างคิดจะสังหารตนเพื่อครอบครองเขาราหู นี่จะรังแกกันมากไปแล้ว


เพียงแต่หลินสวินข่มใจมาตลอด เสาะหาโอกาสใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งหลบหนีไม่หยุดหย่อน ดูเหมือนถูกเล่นงาน แต่ความจริงเขากำลังหยั่งเชิงพลังที่แท้จริงของคู่ต่อสู้เหล่านั้น!


รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง


ที่สำคัญที่สุดก็คือ ในใจหลินสวินหงุดหงิดกรุ่นโกรธเข้าจริงๆ แล้ว เขากำลังรอโอกาสให้บทเรียนที่ยากลืมเลือนไปทั้งชีวิตกับคนพวกนี้อยู่!


“ทุกคน เป็นเช่นนี้ต่อไปย่อมไม่ใช่วิธีที่ดี สู้พวกเราถอยกันคนละก้าว ปรึกษากลยุทธ์ ฆ่าเจ้าเด็กนี่ก่อนแล้วค่อยมาตัดสินเรื่องสมบัติลับราหูเป็นอย่างไร”


ฉับพลันบุรุษชุดเงินผู้หนึ่งส่งเสียง ใบหน้าซีดขาวอย่างประหลาด นามว่าลู่ผิง มาจากสำนักโบราณตำหนักหมื่นอสูรมาร


“ก็ดี!”


“ข้าว่าก็ได้”


ทันใดนั้นสายตาเหล่าผู้แข็งแกร่งวาวโรจน์ ในที่สุดต่างก็ถอยก้าวหนึ่งแล้วรับคำ


เวลานี้พวกเขาหยุดลงมือ แต่กลับควบคุมทิศต่างๆ ในบริเวณนี้ ล้อมหลินสวินไว้ในนั้น เห็นได้ชัดว่ารับรู้แล้วว่าตะลุมบอนอย่างเมื่อกี้อีกรังแต่จะทำให้สถานการณ์ยิ่งวุ่นวาย เกิดความแปรผันได้มาก


“เจ้าหนู ให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง ทิ้งสมบัติลับราหูไว้ พวกข้าจะให้เจ้าจากไป”


มีคนเอ่ยเสียงเย็นชา หมอกสีดำปกคลุมไปทั้งตัว ลึกลับน่ากลัว


ทั้งที่นั้นฮือฮาขึ้นในทันใด คิดไม่ถึงว่าหลังจากหยุดการตะลุมบอนชั่วคราวถึงกับมีคนยกข้อเสนอเช่นนี้ขึ้นมา นี่เท่ากับเป็นการให้ทางรอดแก่เด็กหนุ่มผู้นั้น


“เจ้าหนูนี่ดวงแข็งเสียจริง”


หลายคนอดทอดถอนใจไม่ได้ คิดว่าหลินสวินตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมต้องมอบวิชาลับราหูอย่างไม่ลังเลเพื่อรักษาชีวิตแน่


สายตาพวกหลิงจื่อนั่ว เถี่ยเชียนหานมองไปยังหลินสวิน เห็นได้ชัดว่าเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ พวกเขาเห็นว่าวิชาลับราหูสำคัญกว่าหลินสวินอย่างแน่นอน


หากหลินสวินยอมแพ้ออกตัวก้มหัวเอง พวกเขาไม่ถือสา จะเมตตาไว้ชีวิตน้อยๆ ของอีกฝ่าย


แต่สำหรับหลินสวินแล้ว ข้อเสนอนี้ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด


ก่อนหน้านี้พวกเขาห้ำหั่นเข่นฆ่า มองเขาเป็นเหยื่อ ลงมืออย่างไร้น้ำใจ แต่ตอนนี้กลับแสดงท่าทีสูงส่ง จะให้เขาก้มหัวให้แล้วเปิดทางรอดให้เขา นี่เห็นเขาหลินสวินเป็นตัวอะไร


ช่างน่าฆ่าทิ้งนัก!


หลินสวินคิดเช่นนี้อยู่ในใจ กวาดสายตามองผู้คนแล้วพูดว่า “ข้าเองก็มีข้อเสนอหนึ่ง พวกเจ้าแต่ละคนขอโทษข้า แล้วทิ้งสมบัติโบราณไว้คนละชิ้นเพื่อแทนคำขอโทษ เรื่องวันนี้ข้าจะไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ และจะให้พวกเจ้าจากไปอย่างปลอดภัย ว่าอย่างไร”


น้ำเสียงเรียบเฉย ทว่ากลับดังชัดเจนในโสตประสาทของทุกคนในที่นั้น ทำให้ทุกคนตื่นตะลึง ตกอยู่ในความเงียบเชียบอย่างประหลาด


เจ้าเด็กนี่พูดอะไรน่ะ


รนหาที่ตายกระมัง


เห็นๆ อยู่ว่ายอมไว้ชีวิตเขาแล้ว แต่กลับไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ ยังยั่วยุเหล่าผู้กล้าในที่นั้น นี่ไม่ใช่รนหาที่ตายแล้วจะเรียกว่าอะไร


“บ้าระห่ำไปแล้ว เจ้าเด็กนี่เห็นได้ชัดว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว”


มีคนตะโกน


อัจฉริยะเหล่านั้นก็ล้วนสีหน้าเย็นเยียบ พากันประหลาดใจ ไม่คิดว่าจะได้คำตอบที่ไม่รู้จักดีชั่วเช่นนี้จากปากหลินสวิน


“นี่เจ้ากำลังรนหาที่ตายใช่ไหม ไม่ต้องท้าทายความอดทนของพวกเราหรอก ทิ้งวิชาลับราหูไว้แล้วรีบไสหัวไปซะ!”


ลู่ผิงผู้สืบทอดตำหนักหมื่นอสูรมารที่มีใบหน้าประหลาดตะคอกดัง


หลายคนสั่นเทาไปทั้งตัว ลู่ผิงผู้นี้พลานุภาพแข็งกล้านัก เสียงเหมือนฟ้าคำราม สะท้านขวัญจนพวกเขาขนหัวลุก


กลับเห็นว่าหลินสวินยิ้มร่า ชี้ไปที่ลู่ผิงแล้วเอ่ยว่า “เพราะเจ้าพูดเช่นนี้ ประเดี๋ยวข้าจะฟันเจ้าคนแรก!”


“รนหาที่ตาย!”


ลู่ผิงเดือดดาลนัก ทั้งร่างไหลเอ่อด้วยแสงอสูรมาร เขาเป็นแมงป่องเกราะเงินหนึ่งหัวสามหางที่ฝึกปราณเสาะหามรรค พรสวรรค์โดดเด่น ถือเป็นอัจฉริยะที่สะดุดตาในหมู่อสูรมารบำเพ็ญ


“อย่าแย่งกัน ให้ข้าสังหารเด็กนี่ รอข้าฆ่ามันแล้ว พวกเราค่อยตกลงเรื่องเจ้าของสมบัติลับราหู”


หยวนจั้นเดินออกมาพร้อมจิตสังหารพวยพุ่ง เหยียบย่างมาก้าวหนึ่งก็สั่นสะเทือนห้วงอากาศ พลังปราณระเบิดคลั่งหาใดเทียบ เงาร่างของเขาราววานรมาร กดดันจนคนหายใจไม่ออก


“เฮ้อสหาย เหตุใดต้องหาที่ตายให้ตัวเองด้วย ดูเจ้าอายุเพิ่งสิบกว่าปี หากตายที่นี่เพื่อสมบัติลับราหูจะไม่น่าเสียดายหรอกหรือ”


อวิ๋นเคอยิ้มละไม เผยความสงสารเห็นใจ


“ดูท่า พวกเจ้าล้วนไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของข้าสินะ”


หลินสวินยิ่งยิ้มสดใสมากขึ้น


อวิ๋นเคอนิ่วหน้าอย่างไม่มีสาเหตุ ในใจรู้สึกชอบกล เจ้าเด็กนี่จะใจเย็นเกินไปแล้ว


กลุ่มคนที่มุงดูอยู่ไกลออกไปล้วนฉงน เด็กหนุ่มนั่นบ้าไปแล้วหรือ เหตุใดวาจาถึงได้สามหาวไม่เกรงกลัวเช่นนี้ เขาไม่กลัวตายจริงๆ หรือ


“พูดมากขนาดนั้นทำไม ให้ข้าเชือดเจ้าเหลือเดนไม่รู้ที่ต่ำที่สูงนี่ก่อน!”


เงาร่างสีทองพุ่งออกมาพร้อมเสียงคำรามดัง แกว่งหมัดพุ่งโจมตีออกไป พลังปราณอหังการ มีพลังวิญญาณไร้ที่สิ้นสุด ราวกับมหาสมุทรกรรโชก


ทุกคนหน้าเปลี่ยนสี เพราะผู้ที่ลงมือผู้นี้เป็นผู้สืบทอดคนหนึ่งของสำนักโบราณเขาเทียมฟ้า นามว่าเจิ้งชื่อ หลายปีก่อนก็บรรลุขั้นสมบูรณ์ของระดับมหาสมุทรวิญญาณแล้ว ในกายมีพรสวรรค์เป็นเอกลักษณ์ พลังที่แท้จริงน่าหวาดหวั่น


ตู้ม!


ฟ้าดินสะเทือนเลือนลั่น เจิ้งชื่อโหดเหี้ยมอย่างประหลาด ดุดันอหังการ หมัดเดียวกระแทกออกมา แสงสีทองราวธารสวรรค์ซัดสาด


หลินสวินรับการโจมตีด้วยหมัดหนึ่งเช่นเดียวกัน พลังหมัดราวมังกรร้องคำรามครั่นครืนทะลุเมฆา ดูแข็งแกร่งไม่ต่างกัน


การโจมตีนี้ทำให้ห้วงอากาศล้วนสั่นไหว แข็งกล้าเกินไป พลังวิญญาณราวหินหนืดปะทุ ปกคลุมอาณาเขตแถบนี้


เจ้าเด็กนี่แข็งแกร่งเพียงนี้เชียวหรือ


หลายคนตื่นตระหนก ก่อนหน้านี้หลินสวินถูกกลุ่มผู้กล้ากดดัน ดูตื้นลึกหนาบางไม่ออก แต่เวลานี้เมื่อลงมือครั้งเดียวพลันทำให้ทุกคนค้นพบอย่างประหลาดใจว่า เด็กหนุ่มผู้นี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน!


โครม!


เสียงกระแทกสะท้านโลกาดังขึ้นไปถึงเก้าชั้นฟ้า เมื่อฝุ่นควันสลายไป หลินสวินยังยืนตระหง่านอยู่ที่เดิมไม่เคลื่อนไหว


ที่น่าตกใจก็คือ เจิ้งชื่อซึ่งมีชื่อเสียงระบือไปทั่วนานแล้วประหนึ่งเป็นราชันในหมู่คนหนุ่ม กลับถอยไปสิบกว่าก้าว แขนข้างหนึ่งสั่นเทิ้ม ง่ามมือแตกเลือดไหลริน


“อะไรกัน เจิ้งชื่อผู้กล้ารุ่นเยาว์ที่อหังการน่ากลัวผู้นี้ กลับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในการโจมตีเดียวหรือ” ทุกคนในที่นั้นตื่นตระหนก


เจิ้งชื่อเบิกตากว้าง แสงสีทองพลุ่งพล่านไปทั้งตัว มองหลินสวินด้วยสีหน้าฉงน เวลานี้ถึงรับรู้ได้ว่าหลินสวินไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่ตนคาดไว้


ที่จริงแล้วหลินสวินก็แปลกใจเหมือนกัน เขาเพิ่งบรรลุขั้น อีกทั้งยังมีชีพจรวิญญาณที่เกิดใหม่ ทั้งกายเปลี่ยนแปลงสิ้น อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับมหาสมุทรวิญญาณแล้ว ยกมือวาดเท้าก็สามารถกำราบผู้มีปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณอย่างง่ายดาย


แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเจิ้งชื่อผู้นี้จะแข็งแกร่งปานนี้ เพียงได้รับบาดเจ็บเท่านั้น หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นคงถูกทำลายภายใต้หมัดนี้ไปครึ่งชีวิตแล้ว!


“ไม่เลวนี่ รับหมัดข้าได้ก็ถือว่าเป็นบุคคลชั้นหนึ่งแล้ว”


หลินสวินวิจารณ์ประโยคหนึ่งอย่างเนิบนาบ


แต่เมื่อได้ยินคำนี้เจิ้งชื่อกลับโกรธจนหน้าเขียว เด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปี กลับกล้าวิจารณ์ตนอย่างไม่สนใจอะไรเช่นนี้!


__


ตอนที่ 459 แผ่พุ่งกระจายออก

โดย

ProjectZyphon

“ข้าจะฆ่าเจ้า!”


เจิ้งชื่อคำรามก้อง นำง้าวศึกแสงหิมะเล่มหนึ่งออกมากวัดแกว่งฟาดฟันไปทางหลินสวิน


“ง้าวใหญ่เล่มนี้ไม่เลวนี่ ถือเสียว่าเป็นของแทนคำขอโทษที่เจ้ามอบให้ก็แล้วกัน”


หลินสวินใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง นิ้วมือทั้งห้ากำเป็นหมัดส่องแสงแวววาว สำแดงความมหัศจรรย์ของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์


ปัง!


พลังหมัดที่เพิ่มขึ้นสี่เท่าส่งเสียงดังครืนครัน กระแทกใส่ง้าวใหญ่เล่มนั้นจนสั่นไหวส่งเสียงหวีดหวิว แสงสว่างวาววับระเบิดออก


ทั้งที่นั้นตื่นตะลึง เจ้าเด็กนี่ร้ายกาจขนาดนี้เชียว!


“ฆ่า!”


เจิ้งชื่อคำรามลั่น ผมยาวพลิ้วไสว โมโหจริงๆ แล้ว เข้าไปรบพุ่งกับหลินสวิน


ลมพัดโหมคลั่งในที่แห่งนี้ เสียงต่อสู้สะเทือนโสตแสบบาดตาหาใดเทียบ เต็มไปด้วยคลื่นแรงที่พาให้ผู้คนตกตะลึงกระจายไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบผืนดิน


“บีบให้เจิ้งชื่อใช้พลังที่แท้จริงได้ เจ้าเด็กนี่ก็ถือว่าเก่งกาจนะ”


พวกหลิงจื่อนั่ว อวิ๋นเคอ เถี่ยเชียนหานหยุดอยู่รอบทิศ สังเกตการณ์อย่างนิ่งเฉย


ถึงกระนั้นหลังจากการปะทะกันหลายสิบครั้ง ฉับพลันทันใด ทั้งร่างของหลินสวินก็ส่องแสง ลมหมัดพลันพุ่งขึ้น เกิดเสียงดังตู้ม ทำให้ง้าวใหญ่เล่มนั้นกระเด็นไป


อีกทั้งพลังหมัดนั้นยังเหมือนท่อนไม้ไผ่ กระแทกทรวงอกของเจิ้งชื่ออย่างจัง


โครม!


เจิ้งชื่อกระอักเลือดปลิวกระเด็น บริเวณหน้าอกของเขาเกิดรอยหมัดน่ากลัวขึ้นรอยหนึ่ง เลือดไหลริน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าบริเวณนั้นมีสมบัติลับคันฉ่องป้องกันดวงใจชิ้นหนึ่งกำลังร้องหวีดหวิว


เป็นคันฉ่องป้องกันดวงใจที่ช่วยสลายหมัดนี้ หาไม่แล้วหัวใจของเจิ้งชื่อคงถูกทุบทำลาย สิ้นชีพคาที่แน่!


ทุกคนทั้งที่นั้นสูดหายใจเย็นเยียบ ตื่นตระหนกไม่หยุดหย่อน


ล้วนไม่อาจคาดคิดได้ว่าเมื่อสู้ตัวต่อตัวเด็กหนุ่มคนนั้นกลับร้ายกาจปานนี้ ขนาดคนระดับเจิ้งชื่อยังถูกเขากำราบอย่างแข็งกร้าว!


แม้แต่พวกผู้กล้าที่สังเกตการณ์อย่างนิ่งเฉยก็อดเบิกตากว้างไม่ได้ ราวกับเพิ่งได้รู้จักหลินสวินใหม่


สวบ!


เงาร่างหลินสวินหายตัวฉับไวพุ่งประจัญบานเจิ้งชื่อโดยไม่ได้หยุดหย่อน


“ตายซะ!”


ไอกระบี่สายหนึ่งโฉบขึ้นกลางอากาศ แทงเข้าที่หลังของหลินสวิน จิตกระบี่ส่องสว่างดุดันหาใดเทียบ


ผู้กล้าอีกคนหนึ่งเคลื่อนไหว เขาสวมชุดสีฟ้า มือถือกระบี่หยกขาว ท่วงท่าผ่อนคลายปราดเปรียว พลังวิชากระบี่กลับน่ากลัวยิ่งนัก


ตู้ม!


หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ ลมแรงน่ากลัวกวาดออกมาสลายไอกระบี่


การสอดมือนี้ทำให้เจิ้งชื่อหนีออกห่างไปได้ และถูกข้ารับใช้และผู้คุ้มกันเข้าปกป้อง


“เป็นถึงผู้สืบทอดสำนักโบราณ แต่ทำได้เพียงเล่นทีเผลอหรือ”


ดวงตาเย็นชาของหลินสวินดุจสายฟ้า กวาดมองไปยังชายชุดฟ้าคนนั้น


ตูม!


เงาร่างของเขาหายลับไปในท้องฟ้า แกว่งหมัดโจมตีออกไป


เวลานี้หลินสวินผมดำปลิวไสว ร่างกายราวห้วงน้ำลึก โทสะดุจพายุกรรโชก ประหนึ่งมารร้ายตนหนึ่งที่ต้องการกลืนกินภูผาธาราให้สิ้น


ชายหนุ่มชุดฟ้าผู้นั้นก็เป็นบุคคลชั้นยอดผู้หนึ่ง นามว่าเหอตงหลิน กิตติศัพท์ระบือไกล ไอกระบี่หนักแน่นรุนแรง ไม่อาจเทียบกับคนธรรมดาได้


แต่ที่ทำให้ผู้คนไหวหวั่นก็คือ หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่สิบกระบวนท่า ชายหนุ่มชุดฟ้าก็ถูกเล่นงานจนกระอักเลือด ถอยหนีออกมาเรื่อยๆ กระบวนท่าไร้พลัง


ทั่วบริเวณนั้นเต็มไปด้วยเสียงฮือฮา เสียงสูดหายใจเย็นเยียบดังขึ้นเป็นระลอกในเวลานี้


เด็กหนุ่มผู้นี้ก็แข็งแกร่งยิ่งนัก ก่อนหน้านี้เอาชนะเจิ้งชื่อได้ด้วยมือเปล่าก็ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกแล้ว ตอนนี้เขายังกำราบเหอตงหลินอย่างแข็งกร้าวอีก!


เขาเป็นใครกันแน่


เหล่าผู้กล้าอย่างหลิงจื่อนั่ว เถี่ยเชียนหาน อวิ๋นเคอ หยวนจั้น ไป๋อวี่และลู่ผิง เวลานี้แววตาไหววูบ ในใจเกิดความฉงน


พวกเขาย่อมไม่รู้จักหลินสวิน ไม่แม้แต่เคยพบเด็กหนุ่มผู้นี้ เพิ่งได้พบอีกฝ่ายอยู่กับเหลียนเตี๋ยอีก็วันนี้เอง


แต่เห็นได้ชัดว่าเหลียนเตี๋ยอีใส่ร้ายให้เขาเป็นแพะรับบาป


นี่ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่สลักสำคัญอะไร อย่างมากก็เป็นทหารพลีชีพคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายเหลียนเตี๋ยอี


แต่ใครจะคิดว่าเขากลับเป็นยอดฝีมือที่เก็บงำฝีมือไว้อย่างลึกซึ้งผู้หนึ่ง ด้วยมือเปล่าเท่านั้นก็เอาชนะเจิ้งชื่อและกำราบเหอตงหลินได้!


เพียงเรื่องนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาขนาดไหน ไม่อ่อนแอกว่าพวกเขาเลย!


ทว่า…


เขาเป็นใครกันแน่!


เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน


‘นี่ถือว่าไม่เลว อาศัยน้ำมือของคนผู้นี้ก็เขี่ยคู่ต่อสู้ทิ้งได้หลายคน ยามแย่งชิงวิชาลับราหูอีกครั้งก็จะเบาแรงลงไม่น้อย’


ความคิดของอวิ๋นเคอกำลังโลดแล่น สังเกตการณ์อย่างนิ่งดูดาย


ไม่เพียงแค่เขา คนอื่นในที่นั้นก็มีความคิดทำนองเดียวกัน เจิ้งชื่อได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนเหอตงหลินก็กำลังจะพ่ายแพ้


พูดได้ว่าความสามารถที่หลินสวินแสดงออกมาแม้น่าตื่นตา แต่กลับช่วยขจัดคู่ต่อสู้ให้พวกเขาอย่างแนบเนียน นี่ย่อมเป็นเรื่องดียิ่ง


“ฆ่า!”


เหอตงหลินโกรธหน้าเขียว ถูกหลินสวินกำราบอย่างง่ายดายภายใต้สายตาของฝูงชน ทำเขาแทบคลั่ง ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกถูกลบหลู่


ไอกระบี่หนาแน่นของเขาแผ่กระจายดุจม้าห้อ พุ่งออกทลายชั้นเมฆ ที่สำแดงออกมาคือวิชาคัมภีร์กระบี่เก่าแก่วิชาหนึ่ง


ตู้ม!


เงาร่างหลินสวินส่งเสียงหวีดหวิว ใช้เวลาเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ สำแดงวิชาหมัดที่มีพลังทบซ้อนห้าเท่าเป็นครั้งแรก ดูประหนึ่งเทพมารเข้าปกคลุมโลก!


ทลายภูผา ทลายสมุทร ทลายวิญญาณ ทลายอากาศ ทลายมังกร!


ห้ากระบวนท่าทบซ้อน ลมหมัดเดือดดาล บังเกิดปรากฏการณ์ประหลาด ทั้งบรรพตแหลกสลาย มหาสมุทรแหวกออก ทำลายจิตวิญญาณ หลอมกลั่นห้วงอากาศ…


ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว ทันทีที่สำแดงออกมาก็สั่นสะท้านไปทั่ว ทำให้ผู้ฝึกปราณใบหน้าซีดเผือด ในใจสั่นไหวไม่สงบ


นี่มันวิชาหมัดอะไรกัน เป็นมรดกทอดของสำนักโบราณใด


ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะจำนวนหนึ่งหวั่นไหว อาศัยเพียงอานุภาพเช่นนี้ก็ชี้ชัดได้ว่าวิชาหมัดนั้นเป็นมรดกตกทอดหายากยิ่งวิชาหนึ่ง!


เด็กคนนี้ที่มาที่ไปไม่ธรรมดาแน่!


ตูม! ไอกระบี่หนาแน่นเต็มฟ้าล้วนถูกบดขยี้กลายเป็นละอองแตกกระจาย ไม่มีทางสกัดกั้นได้เลย ประหนึ่งกระจกอ่อนแอที่รับการโจมตีไม่ไหว


เหอตงหลินทนต่อไปไม่ได้ร้องเสียงแหลมออกมา หายตัวคิดจะหลบหนี แต่ลมหมัดนั้นครอบคลุมไปทั่ว ทำให้เขาไม่มีทางหนีได้เลย


ท้ายที่สุดเขาก็ถูกพลังหมัดบดขยี้ กระดูกทั้งร่างแตกหัก เนื้อหนังมีเลือดไหลริน ส่งเสียงร้องโหยหวน ถูกซัดกระเด็นออกไปหลายสิบจั้งเกือบสิ้นชีพ!


“คุณชาย!”


“นายน้อย!”


บริวารและผู้คุ้มกันพุ่งออกมารับเหอตงหลินไว้ ต่างทั้งตื่นตระหนกและโกรธเกรี้ยว


“ไอ้หนูนี่รนหาที่ตาย!”


ผู้มีปราณระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งตะคอก เขาเป็นผู้ติดตามของเหอตงหลิน เห็นเช่นนี้จะไม่สะเทือนใจได้อย่างไร


“สหาย นี่เป็นการประลองเพื่อช่วงชิงวิชาลับราหู ให้คนหนุ่มเหล่านั้นสะสางกันเองเถอะ คนแก่อย่างพวกเราอย่าเข้าไปแทรกแซงเลย”


ทันใดนั้นเสียงอึมครึมเคร่งครัดเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ผู้คนจำได้ทันใดว่าคนนั้นคือผู้มีปราณระดับหยั่งสัจจะที่มาจากเขาเมฆาสวรรค์คนหนึ่ง มีชื่อเสียงยิ่งนัก


“ถูกต้อง แพ้ก็แพ้แล้ว หากพวกเจ้าคิดล้างแค้น รอหลังกำหนดที่ทางของวิชาลับราหูแล้วค่อยลงมืออีกก็ไม่สาย”


ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะคนอื่นก็เอ่ยปาก ทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะคนนี้พลันสีหน้าบูดเบี้ยว ในที่สุดก็อดกลั้นไว้ได้


หลายคนต่างมองออกว่า สาเหตุที่ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะเหล่านี้พูดออกมาย่อมไม่ได้ทำเพื่อช่วยหลินสวิน แต่แค่ไม่ต้องการให้การประลองนี้ถูกผู้อื่นทำลาย เพื่อให้ผู้สืบทอดในสำนักของตนได้มีโอกาสช่วงชิงวิชาลับราหู


“เจ้าเด็กนี่หมดท่าแล้ว ต่อให้ความสามารถในการต่อสู้เหนือธรรมดา สามารถกำราบเหล่าผู้กล้าได้ในที่สุด แต่มีผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะเหล่านี้มองเขาเหมือนเสือจ้องตะครุบเหยื่อ เขาจะมีทางรอดที่ไหน”


หลายคนทอดถอนใจ


หลินสวินยืนเด่นโดดเดี่ยว ณ ที่นั้น ดวงตาดำดุจสายฟ้า มองเห็นทุกอย่างนี้ในสายตา ย่อมรู้สถานการณ์ของตนเป็นอย่างดี


เพียงแต่เขาไม่หวั่นกลัว!


ในใจเขาเก็บกลั้นไฟโทสะไว้ ต้องการระบายออก


“ยังมีใครอีก หรือว่าพวกเจ้าจะเข้ามาพร้อมกัน”


หลินสวินกวาดสายตาไป เขาตัวคนเดียว มือเปล่ามีแต่หมัด แต่ยืนอยู่กลางห้วงอากาศ ร่างสูงโปร่งโดดเด่น พลานุภาพเหลือคณา


นี่ทำให้หลายคนพากันไหวหวั่น ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น แค่เพียงความกล้าหาญเช่นนี้ ในหมู่คนรุ่นเดียวกันก็หาผู้ที่เทียบกับเด็กหนุ่มคนนี้ได้น้อยมากแล้ว


“สหาย หรือเจ้าคนเดียวจะท้าสู้กับพวกเราทุกคน”


ลู่ผิงที่มีใบหน้าซีดขาวประหลาดราวปีศาจเดินออกมา สีหน้าเย็นชา


“เจ้าเป็นใครกัน คู่ควรเป็นเพื่อนข้าหรือ”


หลินสวินยิ้มบางๆ มีแต่ความดูถูก


“ขานชื่อออกมา ข้าไม่ฆ่าคนนิรนาม!”


ลู่ผิงสีหน้าอึมครึมในทันใด ท่าทางผยองคับฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นน่าหวาดหวั่น


“ข้าพูดแล้วนี่ เจ้าไม่คู่ควร”


ดวงตาสีดำลุ่มลึกของหลินสวินจ้องเขม็งที่เขา พลังปราณที่แข็งกล้าภายในกายเอ่อล้นออกมา พาให้ห้วงอากาศร้องหวีดหวิว


วาจาเช่นนี้ ทั้งมั่นใจในตัวเองและอหังการ ไม่มีความกลัวเลยสักนิด


“ตาย!”


ลู่ผิงตะคอก ทนต่อไปไม่ไหว เงาร่างพุ่งออกไปพร้อมเอาตะขอเหล็กสีแดงเพลิงชิ้นหนึ่งออกมา พุ่งฟันผ่าอากาศ


ตู้ม!


การต่อสู้เกิดขึ้นอีกครั้งอย่างรุนแรงน่ากลัว


ขอเหล็กสีแดงเพลิงฟันออกไปในห้วงอากาศ ปั่นป่วนเมฆลม นี่เป็นวิชาลับเก่าแก่วิชาหนึ่ง แปลกประหลาดไม่อาจคาดเดา น่าสะพรึงยิ่ง


ต้องพูดว่าพลังที่แท้จริงของลู่ผิงแข็งแกร่งมาก เขามีฐานะเป็นผู้สืบทอดตำหนักหมื่นอสูรมาร เป็นเทพสงครามฟ้าประทาน แข็งแกร่งกว่าเหอตงหลินและเจิ้งชื่อไปขั้นหนึ่ง มิเช่นนั้นจะกล้าออกมาประลองกับหลินสวินในเวลานี้อีกได้อย่างไร


แต่น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ในครั้งนี้ของเขาคือหลินสวิน


ตู้ม!


ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาเย็นเยียบของหลินสวินก็ดุจสายฟ้า เท้าทั้งสองข้างก้าวออกไป ชือน้ำแข็งกระโจนสู่ห้วงอากาศ เมฆหมอกปกคลุมไปทั่วพื้นที่แถบนั้น


ในเวลาเดียวกันนี้เขาเงื้อมือขึ้นกระแทกพลังหมัดเปล่งประกายไปยังขอเหล็กสีแดงเพลิงนั้นตรงๆ พลังหมัดพวยพุ่ง ปะทุออกเป็นแสงอัศจรรย์สีฟ้าอ่อน


ทันใดนั้นลู่ผิงถูกซัดจนกระอักเลือด เงาร่างโคลงเคลง พาให้ทั่วบริเวณตื่นตะลึง ขนาดลู่ผิงยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเด็กหนุ่มผู้นั้นหรือ


ชิ้ง!


เพียงแต่เมื่อลู่ผิงหลบหนี ขอสีแดงสดเล่มหนึ่งก็พุ่งออกมาด้วยความเร็วสูงสุด เข้ามาที่ข้างกายหลินสวิน ถึงกับพุ่งทะลุพลังที่คุ้มครองร่างกายของเขา


นี่คือหางแมงป่องหางหนึ่ง เดิมอยู่ภายในร่างลู่ผิง ยามเขาหลบหนีก็โยนออกมาโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ตั้งตัว!


“หางแมงป่องเกราะเงิน! ใช้สลายลมปราณจิตผสานโดยเฉพาะ เมื่อถูกโจมตีจิตวิญญาณจะพังทลาย!”


มีคนร้องออกมาอย่างตระหนก ลู่ผิงมาจากตำหนักหมื่นอสูรมาร ร่างเดิมก็คืออสูรมารบำเพ็ญซึ่งเป็นแมงป่องเกราะเงินสามหาง การโจมตีนี้เขาเดิมพันด้วยชีวิตอย่างเห็นได้ชัด


หลินสวินตกใจเช่นกันแต่ไม่ได้หวั่นกลัว ชีพจรวิญญาณที่หน้าอกส่องแสง ปล่อยพลังปราณบริสุทธิ์ออกมา แปรสภาพเป็นพายุหมุนเกลียว ก่อร่างเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวบิดเบือนห้วงอากาศ


เปรี๊ยะ!


ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงทุกคู่ หางแมงป่องทที่แหลมคมที่สุดราวกับเป็นสมบัติลับนั้น ยังไม่ทันแทงเข้าไปในร่างของหลินสวินก็ถูกเกลียวพายุกรรโชกนั้นบดทำลาย


“อ๊าก!”


ลู่ผิงร้องโหยหวนเจ็บปวด นี่เป็นร่างเดิมของเขา ถึงกับได้รับความเสียหายใหญ่ คิดจะฟื้นฟูก็แทบไม่มีหวัง


แทบจะในเวลาเดียวกัน พลังหมัดของหลินสวินก็กดทับเสียงดังโครม กะโหลกลู่ผิงแตกออก ถูกปลิดชีพตายคาที่ ขนาดจะหลบหนียังไม่ทัน!


ทั่วทั้งบริเวณไหวสะท้าน เงียบเชียบไร้เสียง


นี่คือผู้แข็งแกร่งคนแรกที่ตายไปนับตั้งแต่ต่อสู้กันมา อีกทั้งยังเป็นผู้กล้าที่โดดเด่นสะดุดตาผู้หนึ่งในตำหนักหมื่นอสูรมาร!


ถูกเด็กหนุ่มผู้นั้นกำราบอย่างโหดเหี้ยมป่าเถื่อนไปทั้งอย่างนี้แล้ว!


หากเรื่องไปถึงตำหนักหมื่นอสูรมาร เกรงว่าคงชักนำความโกรธแค้นจากทั้งสำนัก ผู้กล้าผู้หนึ่งเชียวนะ สูญเสียไปหนึ่งคนก็ล้วนเป็นการกระทบกระเทือนอันหนักหน่วง!


เวลานี้ขนาดเหล่าผู้กล้าอย่างพวกหลิงจื่อนั่ว เถี่ยเชียนหานเองก็เหมือนถูกโจมตีไปด้วย สีหน้าหนักอึ้ง มีคนตายเชียวนะ อีกทั้งคนที่ตายยังเป็นผู้เก่งกาจคนหนึ่งเหมือนกับพวกเขา


…………..


ตอนที่ 460 ที่แท้ก็เป็นเขา

โดย

ProjectZyphon

เจิ้งชื่อแพ้อย่างอนาถ แทบเอาชีวิตไม่รอด


เหอตงหลินได้รับบาดเจ็บสาหัส หมดสติยังไม่ฟื้น


ส่วนตอนนี้ ลู่ผิงถูกสังหาร เลือดสาดกระเซ็นฟ้า!


เหตุไม่คาดฝันต่อเนื่องกันนี้ทำให้ทั่วบริเวณนั้นหวั่นไหว ไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มที่ก่อนหน้านี้ถูกล้อมกดดัน ถูกมองว่าไม่สลักสำคัญคนหนึ่ง กลับแปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมแข็งแกร่งเช่นนี้ได้


ช่างเหมือนเทพมารตนหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นราชันในระดับมหาสมุทรวิญญาณ กำราบศัตรูทั้งมวล!


“ทุกท่าน คนผู้นี้รับมือยาก หากเอาแต่มองดูอย่างเฉยชาอยู่ด้านข้าง ไม่แน่ว่าพวกเราอาจพ่ายแพ้ไปทีละคน ได้แต่คับแค้นใจอยู่ตรงนี้”


อวิ๋นเคอเปรย คล้ายกับเขาจงใจพูดเช่นนี้เพื่อกระตุ้นผู้อื่น


ทว่าที่เขาพูดก็เป็นความจริง อานุภาพที่หลินสวินมีทำให้พวกเขาตื่นตัวและหวาดหวั่น หากปล่อยให้เขาแผลงฤทธิ์เช่นนี้ต่อไป ผลลัพธ์ต้องหนักหนามากแน่


“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้พวกเราลงมือร่วมกัน ปลิดชีพเด็กนี่ก่อนเป็นอย่างไร”


“ก็ดี!”


หลายคนคล้อยตามในทันใด


เดิมทีพวกหลิงจื่อนั่ว เถี่ยเชียนหานล้วนไม่แสดงท่าที แต่ตอนนี้พวกเขาก็ไม่ได้คัดค้านเช่นเดียวกัน


นี่ถือเป็นการยอมรับอย่างชัดเจนแล้ว


“เช่นนั้นก็ไม่ต้องอมพะนำกันแล้ว ลงมือร่วมกันเถอะ!”


หยวนจั้นตะคอก พลังปราณทั่วร่างพลุ่งพล่าน


“พวกเจ้าช่างน่าขันเสียจริง ก่อนหน้านี้ก็ล้อมโจมตีข้าคนเดียวไม่สำเร็จ มาตอนนี้ก็แค่ใช้วิธีการเก่า ยังจะมาวางท่าใหญ่โตเช่นนี้ พวกเจ้ายังถูกคนขนานนามว่าเป็นผู้กล้าได้หรือ ข้าว่าเป็นเพียงพวกลวงโลกก็เท่านั้น!”


หลินสวินหัวเราะเสียงดัง สายตาโอหังสาดส่องไปทั่วไม่มีหวั่นกลัว วาจาไม่เกรงใจยิ่ง


“ฆ่า!”


“ไม่รู้ดีชั่ว!”


กลุ่มผู้สืบทอดสำนักโบราณเคลื่อนไหวท่ามกลางเสียงตะคอกดัง สำแดงวิชาลับอานุภาพน่าหวาดหวั่นออกมา


“ตายซะ!”


หยวนจั้นคำรามก้อง แปลงร่างเป็นอสูรมารวานร ปล่อยหมัดแสงโลหิตน่าสยดสยองราวจะฟาดฟันบรรพตคู่หนึ่งออกไป


ตู้ม!


หลินสวินไม่หลบไม่หนี พุ่งรับการโจมตี ลมปราณบ้าคลั่งไหลทะลัก เข้าสู้กับหยวนจั้น


ในชั่วพริบตาเงาร่างของหยวนจั้นก็โซซัดโซเซ!


หลายคนสูดหายใจเย็นเยียบ หยวนจั้นเป็นอสูรมารวานรที่ทรงพลังมากตนหนึ่ง เลือดลมในกายน่าหวาดหวั่น พลังมหาศาลไร้ที่สิ้นสุด แต่เมื่อประจันหน้าตรงๆ กลับดูด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด!


ฆ่า!


หลินสวินตะเบ็งเสียงดังก้องทั่วฟ้าดิน พายุทะเลปราณภายในกายกรรโชกแรง ห้ำหั่นกับศัตรูรอบทิศ


แม้ตัวคนเดียว แต่กลับมีท่าทีดุจสามารถสังหารทุกอย่างได้ ราวบดทับภูผาธาราให้ราบเป็นหน้ากลอง


หลินสวินในเวลานี้ย่อมไม่ออมมืออีกแล้ว เขาพอจะประเมินพลังที่แท้จริงของผู้กล้าเหล่านี้ได้ ไม่มีทางหายตัวหลบหลีกเหมือนอย่างก่อนหน้านี้อีก


เสียงชิ้งดังขึ้น ทั้งร่างอวิ๋นเคอมีไอสมบัติไหลบ่าประหนึ่งเซียนจุติ ท่วงท่าอาจหาญ ถือกระบี่โบราณลายสนพุ่งเข้าโจมตี


ไอกระบี่นั้นลึกลับยากจับต้อง ดุดันทะลุเมฆา ถือเป็นมรดกตกทอดสูงสุดของสำนักกระบี่แรกวิญญาณ สามารถสลายภูผาธารา สร้างความปั่นป่วนแก่สรวงสวรรค์


หลินสวินไม่ได้หลีกหนี ลมหมัดทบห้าเท่าราวแสงระวีโชติช่วงกดอัดเสียงดังโครม ระเบิดโจมตีห้วงอากาศ สลายไอกระบี่เจิดจ้าเหล่านั้น


ในเวลาเดียวกัน ก้าวย่างชือน้ำแข็งก็โคจร หลบหลีกการโจมตีหนักหน่วงจากอีกด้านหนึ่ง พุ่งต่อไปข้างหน้าเพื่อจัดการหยวนจั้นผู้นั้นเสียก่อน


ตูม!


พลังทั่วร่างของเขาปลดปล่อยออกมาราวพายุคลั่งกลางเหวน้ำใหญ่ ผมสีดำทั้งศีรษะปลิวว่อน ดวงตาวาวโรจน์ราวสายฟ้า ออกโจมตีด้วยพลังทั้งหมด อาศัยโอกาสนี้ทดสอบผลลัพธ์การฝึกปราณของตน


“ไอ้บ้าเอ๊ย ยังไม่ตายอีก!”


หยวนจั้นคำรามก้อง ตัวเขานิสัยดุร้าย ป่าเถื่อนแข็งกร้าว เมื่อเผชิญหน้ากับจิตสังหารของหลินสวินย่อมไม่มีทางถอยหนี


ตู้ม! เขากระทืบเท้าลงบนห้วงอากาศ ปราณเลือดร้อนแรงระเบิดออก ก่อร่างเป็นคลื่นสะท้อนสีทองพุ่งไปยังหลินสวินอย่างรวดเร็วยิ่ง


นี่เป็นยุทธวิธีของอสูรมารวานรบรรพกาล พลังหลอมรวมกับปราณเลือด ผสานกับฟ้าดิน สามารถทลายศัตรูได้


คนอื่นก็ใช้กระบวนท่าสังหารเช่นกัน ไม่กล้าประมาทเลินเล่อ หมายจะร่วมแรงโจมตีหลินสวิน


ซู่!


ไอกระบี่ฉวัดเฉวียนกวาดตามแนวราบออกมาพร้อมแสงลึกลับ อวิ๋นเคอถูกจู่โจมจากด้านข้าง


“ไสหัวไป!”


ดวงตาหลินสวินฉายแววเหี้ยม ร่างกายร้อนเร่าดุจเตาหลอมโดดเด่นในใต้หล้า สำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ทบซ้อนหกชั้น


ทันใดนั้นหยวนจั้นถูกพลังหมัดกระแทกกระเด็นจนกระอักเลือด


ไอกระบี่ทั่วฟ้าสลายเป็นจุณ อวิ๋นเคอสีหน้าเหยเกต้องหายตัวหลบหนี


มีศิษย์สำนักหลายคนหลบไม่ทันถูกลมหมัดซัดกระเด็นอย่างจัง


อานุภาพหนึ่งหมัดถึงกับน่าหวาดหวั่นได้เพียงนี้!


ทั่วทั้งบริเวณนั้นสูดหายใจเย็นเยียบ นี่อหังการถึงไหนกัน ตัวคนเดียวใช้หมัดเดียวปราบการโจมตีมากมายขนาดนี้ ประหนึ่งไม่อาจมีใครสู้ได้


หลินสวินในตอนนี้ สามารถใช้พลังหมัดทบซ้อนหกชั้นได้อย่างง่ายดายแล้ว พลานุภาพกล้าแข็งถึงขั้นทำให้ใต้หล้าตื่นตะลึงได้


ฟุ่บ!


อีกด้านหนึ่ง หญิงชุดม่วงนางหนึ่งก็พุ่งเข้ามาพร้อมกวัดแกว่งแส้ยาวกระดูกขาวเส้นหนึ่ง ทำให้ห้วงอากาศสั่นสะเทือนเป็นคลื่นสะท้อนชั้นแล้วชั้นเล่า


ตึง!


เสียงสนั่นหวั่นไหวดังขึ้น แส้กระดูกขาวนั้นถูกซัดออกไป หญิงชุดม่วงส่งเสียงฮึดฮัดต้องเร้นกายหลบหนี


ฟ้าดินแถบนี้ตกอยู่ในความยุ่งเหยิง ผู้สืบทอดสำนักโบราณทั้งหลายล้วนโจมตีเต็มกำลัง ไม่กล้าเลินเล่อ ยิ่งรู้สึกได้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้แข็งแกร่งเกินธรรมดา ราวกับเป็นปีศาจ


หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น น่ากลัวจะยืนหยัดได้ยาก แต่เด็กหนุ่มคนนี้กลับสามารถเคลื่อนไหวไปทั่ว ไม่อาจกำราบได้ นี่ช่างน่าตกใจยิ่งแล้ว


“ฆ่า!”


หยวนจั้นคำราม จู่โจมด้วยความโกรธเกรี้ยว


“มีความสามารถแค่นี้หรือ”


หลินสวินเอ่ยอย่างเย็นชา พลังของหยวนจั้นผู้นี้แม้แข็งแกร่ง แต่เขาก็ได้รู้จักแล้วย่อมไม่หวั่นกลัว ชกหมัดโจมตีกลับครั้งเดียวก็ทำให้อีกฝ่ายถอยกลับไปเสียงดังโครม


ในเวลาเดียวกันนี้เงาร่างของเขาเปล่งแสง กวาดทำลายการโจมตีทั้งหลายเสียงครั่นครืนเหมือนไม้ไผ่หัก


ตูม!


หยวนจั้นร้องโหยหวนราวถูกฟ้าผ่า เลือดสาดกระเซ็นจากร่าง ถูกโจมตีให้ตกจากห้วงอากาศกระแทกเข้ากับพื้นเข้าอย่างจัง ได้รับบาดเจ็บสาหัส


ผู้ฝึกปราณที่อยู่ไกลออกไปอ้าปากค้าง เด็กหนุ่มผู้นี้ช่างเย้ยฟ้าจริงๆ!


เผชิญหน้ากับศัตรูรอบทิศ ยังร้ายกาจโหดเหี้ยมไม่อาจกำราบได้ปานนี้ ใครจะไปคาดคิดได้


ที่ต้องรู้ก็คือ คู่ต่อสู้เหล่านั้นแต่ละคนล้วนเป็นผู้สืบทอดสำนักโบราณที่ภูมิหลังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง!


“ถึงตอนนี้แล้วยังออมมือ ทุกท่านคิดจะให้เจ้านี่แผลงฤทธิ์ต่อหรือ”


มีบางคนคำรามด้วยความกราดเกรี้ยว


แทบจะในเวลาเดียวกัน ไป๋อวี่ลงมือแล้ว ทวนในมือปรากฏลำแสงสีทองเจิดจ้า ราวเทพสังหารเยือนโลกา ปั่นป่วนห้วงอากาศ ทำลายล้างสิ้น


อีกด้านหนึ่งเถี่ยเชียนหานก็โจมตีเช่นกัน เงาร่างกำยำราวภูผาพุ่งขึ้นไปในอากาศ ฟาดกระบองเหล็กสีดำสนิทใหญ่โตอันหนึ่งลงมา


แต่ยังไม่ทันได้ดีใจ พลังปราณทั่วร่างของหลินสวินกลับพุ่งสูงขึ้นระลอกใหญ่ ทั้งกายสว่างจ้าลุกโชนสะดุดตาราวภาพมายา


บริเวณนี้สั่นสะเทือนดังโครม แสงอัศจรรย์ปะทุออก ทุกการโจมตีถูกพลังหมัดบดขยี้แหลกสลาย ผู้สืบทอดสำนักโบราณจำนวนมากร้องโหยหวน ถูกเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัส สูญเสียพลังในการต่อสู้


“ร่วมกันโจมตีแล้วอย่างไร ฆ่าพวกเจ้าก็เหมือนฆ่าไก่ฆ่าหมา!”


หลินสวินมีโทสะอัดอั้นไว้เต็มอก ในเวลานี้ได้ระบายออกจนหมดสิ้น เงาร่างของเขาราวเหวน้ำใหญ่เคลื่อนตัวตามแนวราบ บดขยี้ศัตรูรอบทิศ ราวเข้าไปในดินแดนไร้คน ไม่มีใครเป็นศัตรูของเขาได้!


ทั้งที่นั้นล้วนมองอย่างอึ้งค้าง การประลองครั้งใหญ่นี้จะน่าตกตะลึงเกินไปแล้ว แต่ที่ทำให้พวกเขาหวั่นใจยิ่งก็คือ เด็กหนุ่มผู้นั้นกลับมีอานุภาพแข็งแกร่งปานนี้ โอหังจองหอง ไม่กลัวศัตรูทั้งมวล!


“เจ้าเด็กนี่ ต้องกำจัดทิ้ง!”


สายตาของผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะหลายคนฉายแวววาวโรจน์ ลุกลี้ลุกลนเตรียมจะลงมือ ฝีมือที่หลินสวินแสดงออกมาทำให้พวกเขาสะท้านขวัญ รู้ได้ว่าหากไม่สังหารเขาเสีย วันหน้าต้องเป็นหนามยอกอกแน่


หลินสวินที่อยู่ในการต่อสู้พลันกวาดตามองมาทางนี้ราวกับรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง ทำให้ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นจิตใจไหววูบ พลังการรับรู้น่าสะพรึงกลัวนัก!


“ฆ่า!”


ในลานประลอง ไป๋อวี่คำรามเกรี้ยวกราดราวเทพสังหารมาเยือนโลกมนุษย์ ทวนแหวกอากาศเกิดเป็นจิตสังหารน่ากลัวราวน้ำตกไหลบ่า


และในเวลานี้หลิงจื่อนั่วก็เคลื่อนไหวในที่สุด เงาร่างของนางราวเซียนลอยละล่อง น่าเกรงขามราวหงส์โผบิน ย่างก้าวในห้วงอากาศตามใจนึก นิ้วมือขาวสะอาดวาดออกไปอย่างแผ่วเบา สายฟ้าสีฟ้าสดสว่างก็พุ่งออกไป


เปรี๊ยะ!


ที่นี่ราวกับมีมหาอัสนีบาตมาเยือน ห้วงอากาศสลายกลายเป็นฝุ่น สายฟ้าสีฟ้าสดฟาดลงมาประหนึ่งจะกำราบหมื่นเคราะห์ น่าสะพรึงหาใดเปรียบ


ทั่วทั้งบริเวณตื่นเต้น ในที่สุดผู้กล้าหญิงที่โดดเด่นเกินใครคนนี้ก็ลงมือแล้ว เพียงการโจมตีเดียวก็สำแดงฝีมือเก่งกาจออกมา


ตูม!


แม้หลินสวินต้านประกายสายฟ้านี้ได้ แต่แขนเสื้อกลับถูกโจมตีจนสลาย นิ้วมือสั่นระริกชาไปบ้าง นี่ก็คือพลังของสายฟ้า น่ากลัวอหังการ์นัก


หากฟาดใส่ผู้ฝึกปราณคนอื่น เพียงการโจมตีครั้งเดียวนี้ก็สามารถปลิดชีพได้!


ในเวลาเดียวกันทวนของไป๋อวี่กวาดไปตามแนวราบ อีกด้านหนึ่งอวิ๋นเคอสาดไอกระบี่ เถี่ยเชียนหานแกว่งกระบองเหล็ก


ศัตรูพากันโจมตีจากรอบทิศ หมายจะสังหารหลินสวินไม่ให้เขาได้แผลงฤทธิ์อีก


“ดูท่าจะจบลงตรงนี้ล่ะ!”


ชิ้ง!


กลับเห็นว่าเวลานี้ ในมือหลินสวินพลันมีดาบแตกหักเพิ่มขึ้นมาเล่มหนึ่ง ปล่อยแสงส่องสกาวออกมาราวภาพมายา ประหนึ่งธารดาราเคลื่อนคล้อย


ผมสีดำบนศีรษะของเขาปลิวไสว สายตายิ่งเยียบเย็นราวเทพมาร จู่โจมออกไป


เปรี๊ยะ!


ทวนยาวของไป๋อวี่สลายถูกฟันขาดอย่างง่ายดายราวเศษกระดาษ


“รั้งมันไว้!” ทุกคนล้วนลงมือ ด้วยตระหนกกับภาพนี้


ถึงกระนั้นพลานุภาพที่หลินสวินปล่อยออกมาในเวลานี้แข็งแกร่งเกินไป หน้าอกร้อนวูบ ชีพจรวิญญาณส่องแสงลุกโชน พลังปราณบริสุทธิ์พลุ่งพล่าน


“เจ้า…”


ไป๋อวี่ถูกมอบฉายา ‘เทพสังหารน้อย’ เป็นอัจฉริยะเกินใครในโลกา กรำศึกนับไม่ถ้วน แต่เวลานี้กลับถูกอานุภาพของหลินสวินทำให้ตื่นตระหนก ในใจพิศวง ถอยหนีเต็มกำลัง


น่าเสียดาย เมื่อดาบหักอยู่ในมือหลินสวิน ตัวเขาก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ท่วงท่าเฉียบคมปราดเปรียว ดาบหักม้วนกลืนคว้านไส้แหวกพุงของไป๋อวี่!


ไป๋อวี่ร้องโหยหวนสะท้านฟ้าดิน พลันบดขยี้ป้ายหยกชิ้นหนึ่งแตก ถูกพลังยากสัมผัสได้เหนี่ยวนำหายไปจากลานต่อสู้


หืม?


หลินสวินหรี่ตาอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง ทันใดนั้นก็รู้ว่านั่นต้องเป็นวิธีรักษาชีวิตของไป๋อวี่ อัจฉริยะเช่นเขา ตระกูลย่อมฝากความหวังไว้มาก มอบสมบัติป้องกันตัวให้ไม่น้อย ไม่ได้ถูกสังหารได้ง่ายขนาดนั้น


แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ความพ่ายแพ้ของไป๋อวี่ก็ยังทำให้ทั่วบริเวณนั้นเกิดเสียงร้องตระหนกตกใจ หลายคนสีหน้าเหยเก ทำใจเชื่อได้ยาก


“เขานี่เอง! เด็กหนุ่มป่าเถื่อนโหดเหี้ยมคนนั้น!!”


เวลานี้เมื่อเห็นดาบแตกหักราวแสงดาวเล่มนั้น ในที่สุดก็มีผู้ฝึกปราณนึกอะไรขึ้นมาได้ ร้องออกมาเสียงดัง


“ที่แท้ก็เป็นเขา!”


เสียงฮือฮามากมายนับไม่ถ้วนดังขึ้นตาม เด็กหนุ่มคนนี้ก่อนหน้านี้เคยฆ่าผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะอย่างเฉียนไหว และทำให้นักพรตสยงล่าถอยไปอย่างไร้ความสามารถ


ทั้งยังเคยต่อสู้กับยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะสำนักยอดกระบี่บูรพาฉู่หลินเทียน ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ยามเขาอยู่ในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น อาศัยพลังของเขาคนเดียวกำราบดาบแตกหักดุดันพลิกฟ้า ปราบหมู่ศัตรู หนำซ้ำยังสังหารผู้มีปราณระดับหยั่งสัจจะไปสองคน!


ทันใดนั้นทั่วบริเวณนั้นล้วนประหวั่นพรั่นพรึง ในที่สุดก็รู้แล้วว่าเหตุใดเด็กหนุ่มผู้นี้ถึงร้ายกาจได้ขนาดนี้ นี่เป็นบุคคลร้ายกาจที่เคยสังหารผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะเชียวนะ!


……..


ตอนที่ 461 ลอยละล่องจากไป

โดย

ProjectZyphon

ทั่วทั้งบริเวณตกอยู่ในความหวั่นไหวครั้งใหญ่เมื่อฐานะของหลินสวินถูกเปิดเผย


ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะเคยหลั่งเลือดด้วยน้ำมือของเด็กหนุ่มป่าเถื่อนผู้นี้ ขนาดดาบดุดันพลิกฟ้ายังถูกเขากำราบ!


นี่เป็นราชันระดับมหาสมุทรวิญญาณเสียที่ไหนกัน เห็นชัดว่าครอบครองพลังเย้ยฟ้าที่สามารถประลองข้ามระดับกับระดับหยั่งสัจจะได้!


“ที่แท้ก็เป็นเขา มิน่า มิน่าเล่า…”


“แต่ว่าเขาเป็นใครกันแน่ แดนวิญญาณโบราณมีสัตว์ประหลาดพลิกฟ้าเช่นนี้ปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไร”


ทั้งบริเวณตื่นตระหนกเซ็งแซ่


เวลานี้พวกหลิงจื่อนั่ว เถี่ยเชียนหาน อวิ๋นเคอสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขาเคยได้ยินวีรกรรมของ ‘เด็กหนุ่มป่าเถื่อน’ มาบ้าง


เพียงแต่กลับไม่คิดว่า เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตรงหน้านี้จะเป็นเขาไปได้!


ฆ่า!


ทว่าหลินสวินไม่แยแสคนพวกนี้ เดิมเขาก็ไม่ได้เป็นคนของแดนวิญญาณโบราณ ย่อมไม่ต้องหวั่นกลัว ต่อให้ก่อเรื่องพลิกฟ้าคว่ำดิน เลือดไหลเป็นแม่น้ำ เขาก็ไม่กังวล


ในมือเขาถือดาบแตกหัก สำแดงก้าวย่างชือน้ำแข็งเหยียบย่างเข้าไปในห้วงอากาศ ห้ำหั่นไปทั่วราวประกายเฉียบคมโดดเด่นในโลกา ไม่มีใครต้านทานได้


พลั่ก!


เพียงชั่วอึดใจเท่านั้นก็มีผู้สืบทอดสำนักโบราณคนหนึ่งถูกปลิดชีพ!


ผู้สืบทอดสำนักยอดกระบี่บูรพาหานจงผู่!


นี่เป็นอัจริยะอีกคนหนึ่งที่ตายอนาถที่นี่หลังจากลู่ผิง


ทั่วทั้งลานต่างประหลาดใจ เด็กหนุ่มป่าเถื่อนผู้นี้วันนี้จะก่อบาปสังหารใหญ่ สังเวยเลือดของผู้กล้ากลุ่มหนึ่งเลยหรือ


เขาไม่กลัวถูกเอาคืนหรือ


ผู้กล้าแต่ละคนถูกอบรมบ่มเพาะออกมาไม่ใช่ง่ายๆ เป็นแก้วตาดวงใจของสำนักโบราณ ตายไปหนึ่งคนก็เท่ากับได้รับการกระทบกระเทือนใหญ่หลวงครั้งหนึ่ง!


กลุ่มผู้ฝึกปราณสำนักโบราณพากันไหวหวั่น แต่ละคนสีหน้าบูดเขียว วันนี้ถูกเหยียดหยามเช่นนี้ กลับทำอะไรเด็กหนุ่มป่าเถื่อนผู้นั้นไม่ได้


หลายปีมานี้อำนาจของพวกเขาหยั่งรากลงไปในแดนวิญญาณโบราณ อำนาจคับฟ้า เฝ้ามองความเปลี่ยนแปลงในใต้หล้า สูงส่งโอหังเหนือทุกที่ ใครเล่าจะกล้าหาเรื่อง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการถูกผู้อื่นเย้ยหยันเลย


แต่วันนี้กลับมีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งสำแดงอานุภาพ ห้ำหั่นจนพวกเขาไร้พลังขัดขวาง!


ภาพนี้สั่นสะเทือนทุกคนอย่างลึกซึ้ง ผู้ชมการต่อสู้ทั้งหลายพากันคอแหบแห้ง ไม่ได้เจอเด็กหนุ่มที่กล้าหาญเช่นนี้มากี่ปีแล้ว มาดเช่นนั้นเรียกได้ว่าไม่มีใครเทียบได้ในโลกนี้


“ไอ้หนูจะกล้ามากไปแล้ว!”


ไกลออกไป เสียงคำรามราวสายฟ้าฟาดดังขึ้นจากปากฉู่หลินเทียนแห่งสำนักยอดกระบี่บูรพา เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ดวงตาถลนแทบฉีกออก พุ่งมายังหลินสวิน


“จื่อนั่ว พวกเจ้ากลับไปเถอะ ไอ้เลวนี่มันจองหองนัก ให้คนแก่อย่างพวกเราจัดการก็ได้!”


“เจ้าเด็กนี่ให้รอดไปไม่ได้เด็ดขาด!”


เสียงน่าเกรงขามระลอกหนึ่งดังขึ้นกลางลาน ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะที่มาจากสำนักโบราณแต่ละสำนักล้วนลงมือแล้ว พวกเขารับรู้ได้ถึงความร้ายแรงของปัญหา ไม่อาจทนให้หลินสวินแผลงฤทธิ์ได้อีก


มิเช่นนั้นผู้สืบทอดที่ต้องสูญเสียมีแต่จะมากขึ้น!


พริบตานั้นใต้เวิ้งฟ้าไพศาลนี้ เงาร่างของยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะเงาแล้วเงาเล่าปรากฏราวกับดวงอาทิตย์ขึ้น พลานุภาพคับฟ้าข่มภูผาธารา พาให้ทั้งแถบนั้นตกอยู่ในความไหวหวั่น


ในเวลาเดียวกันกลุ่มลูกศิษย์อย่างพวกหลิงจื่อนั่ว เถี่ยเชียนหาน อวิ๋นเคอ แม้จะไม่พอใจยิ่ง แต่ก็รู่ว่าหลินสวินโหดเหี้ยมเกินไป ไม่อาจสู้ได้ ดังนั้นจึงพากันเลือกหลบหนี


“คิดจะไปหรือ ง่ายเช่นนั้นเสียที่ไหน!”


ทว่าในเวลานี้หลินสวินเหมือนไม่รู้ว่าวิกฤตกำลังมาเยือน ยังคงอหังการ์จองหองดังเดิม ในมือถือดาบหักสาดส่องหมื่นพันแสงธารดารา ปกคลุมศิษย์สำนักโบราณที่หนีไม่ทันสองคน


พวกเขาร้องโหยหวน ล้วนไม่อาจดิ้นรน ถูกเผาตายคาที่


“ไอ้เศษสวะ วันนี้เจ้าไม่รอดแน่!”


ฉู่หลินเทียนร้องคำรามพลางพุ่งเข้ามา พลังที่น่าหวาดหวั่นนั้นแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีดำพุ่งเข้ากำราบ


ที่นี่ไม่ใช่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น พลังปราณระดับหยั่งสัจจะไม่ได้ถูกข่มไว้อีก การโจมตีที่มีโทสะรวมอยู่สามารถทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสีได้


“พ่อหนุ่ม จิตสังหารเจ้ามากเกินไป ยั่วยุให้ฝูงชนโกรธแค้น ยังไงก็ยอมตายเสียโดยดีเถิด ไม่ต้องดิ้นรนโดยเปล่าประโยชน์อีกแล้ว”


อีกด้านหนึ่งชายชราชุดขาวผู้หนึ่งกระโจนขึ้นกลางอากาศ เงาร่างปรากฏวงล้อน้ำแข็งสีเงินส่องสว่างวงหนึ่ง ภายในบังเกิดกลิ่นอายท่วงทำนองแห่งมรรค ราวมหามรรคากำลังพวยพุ่งอยู่ภายใน


นอกจากนี้ยังมีผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะคนอื่นๆ โจมตี ล้วนถือครองความลี้ลับแห่งสัจวิถี เงาร่างหลอมรวมเชื่อมโยงกับใต้หล้า พลานุภาพล้นฟ้า ส่องสว่างสะท้อนซึ่งกันและกันกลางฟ้าดิน


ผู้ฝึกปราณที่อยู่ไกลออกไปพากันหลบหนี จิตใจสั่นไหวตื่นตระหนก ผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะลงมือ จะธรรมดาเสียที่ไหน


และในเวลานี้หลินสวินก็รู้สึกได้ถึงความอันตรายถึงที่สุด แรงกดดันเพิ่มพูน นี่ไม่ใช่ยอดฝีมือแค่คนสองคน แต่เป็นกลุ่มหนึ่ง!


ทว่าเขายังไม่หวั่นดังเดิม ดวงตาเย็นเยียบราวสายฟ้า หัวเราะเสียงดังแล้วเอ่ยปากว่า “หมาแก่ฝูงหนึ่ง รังแกคนอายุน้อยอย่างข้าก็ช่างเถอะ ยังจะอ้างเหตุผลงี่เง่ามากมายขนาดนี้ น่าขัน!”


ยามเอ่ยวาจา ดาบแตกหักส่องแสง ถูกกระตุ้นถึงขั้นสูงสุด ฟาดฟันกระบวนท่าคว้าดาราออกไป


ตู้ม!


แสงสีดำที่ฉู่หลินเทียนปลดปล่อยออกมาถูกสลายจนเป็นฝุ่นผง กลายเป็นละอองแสงปลิวไปทั่ว


ส่วนหลินสวินกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด!


“นี่…”


“ปีศาจชัดๆ!”


ทั่วทั้งบริเวณฮือฮา อาศัยการโจมตีเดียวนี้ เด็กหนุ่มป่าเถื่อนผู้นั้นก็สามารถกำราบกลุ่มผู้แข็งแกร่ง ประกายดาบไม่อาจปิดบังได้!


“พ่อหนุ่ม จิตสังหารเจ้าหนักหนานัก ต้องตาย!”


ชายชราชุดขาวออกโจมตี วงล้อน้ำแข็งสีเงินสว่างวงหนึ่งพุ่งทำลาย แฝงสัจจะมหามรรคา กดทับเมฆา เสียงสะท้อนก้องน่ากลัว


“น่าขัน พวกเจ้าหมายจะฆ่าข้าเพื่อชิงสมบัติ กลับมากล่าวหาข้า ยังมียางอายหรือไม่”


หลินสวินท่าทีแข็งกร้าว ดาบหักพุ่งไปในอากาศ ปรากฏดวงดาวกลางแสงสีเงิน บังเกิดปรากฏการณ์ประหลาดไม่มีที่สิ้นสุด โจมตีออกไปอย่างดุดัน


ต้องพูดว่าดาบแตกหักเล่มนี้สะท้านโลกยิ่งนัก อานุภาพดุดันเย้ยฟ้า ถูกหลินสวินใช้สำแดงกระบวนท่าคว้าดารา ระเบิดพลานุภาพที่ยากเกินจินตนาออกมา


ปัง!


วงล้อน้ำแข็งแตกสลาย คลื่นที่ล้นออกมากระจายไปสิบทิศ


หลินสวินสีหน้าซีดขาว เงาร่างถอยไปหลายก้าว อดไหวหวั่นไม่ได้ รับรู้ว่าพลังของชายชราชุดขาวไม่ใช่เล่นๆ เลย


ส่วนชายชราชุดขาวผู้นั้นในใจยิ่งตื่นตระหนก การโจมตีนี้ของเขาสามารถปลิดชีพผู้มีปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณได้สบาย แต่กลับถูกเด็กหนุ่มผู้นี้ต้านได้ นี่ช่างเกินคาดนัก


“ปากคอเราะร้าย ไม่รู้ดีชั่ว!”


อีกด้านหนึ่งผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะหลายคนพุ่งเข้ามาอีก แต่ละคนใช้พลังแห่งสัจจะ แสงสว่างพุ่งทะลุเมฆ ลุกโชนงดงาม กดทับบริเวณนี้


แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!


การโจมตีระดับนั้นระเบิดห้วงอากาศให้กลายเป็นจุณ ผู้ฝึกปราณหลายคนที่อยู่ไกลออกไปล้วนตกใจจนขนลุกขนพอง พากันถอยหนี ด้วยกลัวว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย


ส่วนหลินสวินที่อยู่ใจกลางก็ประสบกับวิกฤต ต่อให้เขามีพลังเย้ยฟ้าแค่ไหนแต่อย่างไรก็ยังเป็นมนุษย์ ทั้งยังห่างชั้นระดับหนึ่ง จะตั้งรับการโจมตีร่วมกันของยอดฝีมือมากมายเช่นนี้ได้ที่ไหน


“ตายซะ!”


ฉู่หลินเทียน ชายชราชุดขาว รวมถึงยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะคนอื่นล้วนสีหน้าเย็นชา มองหลินสวินราวของไร้ค่า


ขนาดฝูงชนที่อยู่ไกลออกไปก็มองออกว่าหลินสวินประสบเคราะห์ยากหลบหนีแล้ว!


เพียงแต่ในขณะนี้หลินสวินกลับเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน ไม่หลบไม่หนี ดวงตาสีดำกวาดมองยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะเหล่านั้น


ในเวลาเดียวกันนี้ ฝ่ามือของเขาก็ทำลายป้ายหยกแผ่นหนึ่ง


วิ้ง!


คลื่นประหลาดสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้นและปกคลุมทั่วร่างหลินสวิน


การโจมตีน่าหวาดหวั่นที่เหล่ายอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะสำแดงออกมาม้วนซัดเข้ามา แต่กลับไม่สามารถทลายคลื่นประหลาดนั้นได้เลย


“นี่อะไรน่ะ”


ทั่วทั้งบริเวณล้วนฉงน


คลื่นประหลาดราววงคลื่นสะท้อน แม้แผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยกลิ่นอายยากบรรยาย คลุมไปทั่วร่างหลินสวิน


ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะเหล่านั้นล้วนหวาดกลัว พากันถอยหนี สัมผัสได้ถึงพลังคุกคามที่ถึงชีวิตจากกลิ่นอายนั้น พาให้พวกเขาพรั่นพรึง


“หากวันหน้ามีโอกาสมาอีกครั้ง จะปลิดชีพหมาแก่เห่าระงมอย่างพวกเจ้าทีละคน!”


หลินสวินหัวเราะเสียงดังท่าทางได้ใจ นี่เป็นการดูถูกอย่างหนึ่ง ทั้งยังเป็นการเหยียดหยาม เห็นพวกเขาเป็นหมูเป็นหมา


กลุ่มยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะเดือดดาลยิ่งนัก สีหน้าแดงก่ำบิดเบี้ยว เลือดลมปั่นป่วน รู้สึกได้ถึงความเหยียดหยามที่ยากบรรยาย เด็กหนุ่มคนนั้นถึงกับกล้าข่มขู่พวกเขาเช่นนี้!


เพียงแต่เด็กหนุ่มคนนั้นพลันหายลับ ด้วยถูกพลังประหลาดนั้นนำพาไประหว่างที่หัวเราะร่า ราวกับระเหยไปจากโลก


“สารเลว!”


ฉู่หลินเทียนแหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้า โกรธจนบ้าคลั่ง เด็กหนุ่มคนหนึ่งกลับกำเริบเสิบสานอยู่ใต้จมูกตน เหยียดหยามติดๆ กัน ทั้งยังฆ่าผู้กล้าคนหนึ่งจากสำนักของเขา นี่จะไม่ให้เขาโกรธแค้นอย่างไรไหว


ยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะคนอื่นก็สีหน้าเหยเก คนมากขนาดนี้ลงมือ สุดท้ายกลับรั้งเด็กหนุ่มคนนั้นไว้ไม่ได้ นี่ช่างน่าอับอายยิ่ง


“จบกัน วิชาลับราหูก็ถูกเอาไปแล้ว…”


อวิ๋นเคอสีหน้าอึมครึม เหล่าผู้กล้าคนอื่นก็ล้วนเงียบไป ในใจปั่นป่วนไม่ว่างเว้น ท่าทีจองหองไม่เห็นสิ่งใดอยู่ในสายตาของหลินสวินก่อนหน้านี้สั่นคลอนพวกเขาอย่างลึกซึ้ง


‘รอพบกันครั้งหน้าข้าจะสลายผนึกในกาย สำแดงพลังที่แท้จริงสู้กับเจ้าสักตั้ง!’


หลิงจื่อนั่วนิ่งเงียบ นางเป็นผู้กล้าหญิงชื่อเสียงสะเทือนใต้หล้า ไม่เคยพ่ายแพ้ใคร ได้รับความเลื่อมใสจากผู้คนนับไม่ถ้วน แต่ในวันนี้กลับทำอะไรหลินสวินไม่ได้ พาให้นางสงบใจไม่ได้เช่นกัน


เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่า พลังที่นางสำแดงออกมาก่อนหน้านี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วนของพลังที่แท้จริงของนางเลย


กลุ่มผู้ฝึกปราณที่ดูการต่อสู้อยู่ เห็นการปิดฉากเช่นนี้ก็อดไหวหวั่นอย่างมากไม่ได้


“เด็กหนุ่มป่าเถื่อนผู้นี้ หากไม่ตาย อาศัยพลังเย้ยฟ้าเช่นนั้นของเขา วันหน้าต้องก้าวสู่จุดสูงสุดของมหามรรคาแน่”


มีคนถอนใจเบาๆ


“ตามข่าวลือ ขั้นสมบูรณ์สูงสุดของระดับมหาสมุทรวิญญาณก็คือหนทางแห่งมกุฎ เด็กหนุ่มป่าเถื่อนที่มีความสามารถพลิกฟ้าปานนี้ น่ากลัวจะเป็นมกุฎระดับมหาสมุทรวิญญาณในตำนานแล้ว…”


เมื่อได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้ สีหน้าของคนสำนักโบราณก็ยิ่งเหยเก


เห็นได้ชัดว่าทุกคนคิดว่าพวกเขาตกที่นั่งลำบาก!


“ไม่เกินหนึ่งวัน การต่อสู้นี้ต้องแพร่ไปทั่วแดนวิญญาณโบราณ ส่วนนามของเด็กหนุ่มป่าเถื่อนก็จะรุ่งเรืองขึ้นราวดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า สั่นสะเทือนใต้หล้า!”


นี่คือความรู้สึกของหลายคน เพราะการต่อสู่นี้ไม่ธรรมดาเกินไป เรียกได้ว่าสะท้านฟ้าสะเทือนดิน หาดูได้ยากยิ่งนัก


“เขาเป็นใครกันแน่นะ”


แต่ว่า จนถึงท้ายที่สุดก็ไม่มีใครรู้ว่าเด็กหนุ่มป่าเถื่อนผู้นั้นเป็นใครมาจากไหนกันแน่


“ไม่แน่ เหลียนเตี๋ยอีผู้นั้นอาจจะรู้ก็ได้ ก่อนหน้านี้นางไม่ได้เคลื่อนไหวกับเด็กหนุ่มป่าเถื่อนหรือ”


หลายคนคิดว่าหากอยากตามหาร่องรอยของหลินสวิน ขอเพียงหาเหลียนเตี๋ยอีพบก็ใช้ได้แล้ว


“ต้องจับอสูรมารสาวนี่ เค้นถามที่อยู่ของเด็กหนุ่มคนนั้น!”


“ถูกต้อง อสูรมารสาวนี่ต้องเป็นสหายของเด็กหนุ่มนั่นแน่!”


สำนักโบราณเหล่านั้นก็ล้วน ‘คิดถึง’ เหลียนเตี๋ยอีเช่นกัน


หากเหลียนเตี๋ยอีรู้ว่าการใส่ร้ายหลินสวินครั้งเดียวกลับนำพาเภทภัยมาให้นาง ก็ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกเช่นไร


…….


ห้องโถงมรรคาสวรรค์


เงาร่างของหลินสวินปรากฏขึ้นที่ทางเดินเมฆาหยกพร้อมคลื่นประหลาด ทำให้เขาอดเหม่อลอยไม่ได้


ก่อนหน้านี้ทุกสิ่งที่ได้ประสบในแดนวิญญาณโบราณราวกับความฝัน แต่ตอนนี้กลับมาแล้ว ความรู้สึกในใจยังคงสงบลงได้ยาก


“ปิดด่านเรียบร้อย ด่านทดสอบที่ห้าของห้องโถงมรรคาสวรรค์ ‘หลอมวิถี’ พลังปราณต้องบรรลุสู่ระดับหยั่งสัจจะ”


ไม่นานนัก เสียงเนิบนาบราวน้ำแข็งเย็นเยียบเสียงนั้นก็ดังขึ้น


__


ตอนที่ 462 ลายแทงสมบัติเสวียนจี

โดย

ProjectZyphon

หลอมวิถี!


ชื่อของบททดสอบด่านที่ห้าของทางเดินเมฆาหยก!


ที่ห้องฝึกชั้นสามของตำหนักชำระจิต หลินสวินฟื้นขึ้นมาอย่างช้าๆ ในห้วงนิมิตมีเสียงเย็นเยียบราวน้ำแข็งดังขึ้น


ฟู่!


มองไปยังห้องโถงว่างเปล่าเงียบเชียบ หลินสวินพ่นลมหายใจเฮือกยาวออกมา


กลับมาแล้ว


บททดสอบครั้งนี้กินเวลาหนึ่งเดือนกว่า ผ่านการเคี่ยวกรำอย่างเอาเป็นเอาตายในเทือกเขาราหูที่แดนวิญญาณโบราณ ตอนนี้กลับมายังภูเขาชำระจิตอีกครั้ง กลับมายังสภาพแวดล้อมที่ตนคุ้นเคย เขาอดมีความรู้สึกเลื่อนลอยราวฝันไม่ได้


‘หากตาแก่พวกนั้นรู้ว่าข้าไม่ใช่คนของแดนวิญญาณโบราณ ก็ไม่รู้จะโมโหจนเป็นอย่างไรแล้ว…’


เมื่อเขานึกถึงท่าทางโมโหเดือดดาลของผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะเหล่านั้นก่อนตนจากมา มุมปากก็อดระบายยิ้มไม่ได้


ไม่นานเขาก็เก็บงำความรู้สึกนึกคิด เริ่มสรุปสิ่งที่ได้รับจากด่านทดสอบครั้งนี้


ฉัวะๆๆ!


ห้วงนิมิตพลันแปรปรวน ทันใดนั้นก็มีลำแสงสีดำดุดันเล็กละเอียดราวขนวัวเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งออกมาจากรูจมูกของเขา


เมื่อพินิจดู นั่นก็คือหนอนที่รูปร่างเหมือนเข็มสีดำสนิทตัวแล้วตัวเล่า กลิ่นอายเย็นยะเยือกน่าหวาดหวั่นหาใดเทียบ


พวกมันเล็กกว่าเมล็ดข้าวเสียอีก ประหนึ่งภาพนิมิตไม่สะดุดตา แต่กลับมีชื่อที่สามารถทำให้ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งใดก็ล้วนพรั่นพรึง…หนอนกินเทพ!


รวมทั้งสิ้นเจ็ดสิบสามตัว ล้วนถูกพลังจิตวิญญาณของหลินสวินผนึกไว้ เวลานี้ถูกนำออกมาบรรจุในขวดหยกมันแพะ


ยามเขาอยู่ในเขตต้องห้ามของแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น หลินสวินโดนโจมตีกะทันหัน ถูกหนอนกินเทพพุ่งเข้าห้วงนิมิต เหลียนเตี๋ยอีเข้าใจว่าเขาต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย


เพียงแต่นางไม่รู้เลยว่า เมื่อหนอนน่ากลัวหาใดเปรียบเหล่านี้เข้าไปในห้วงนิมิตของหลินสวิน ก็ล้วนถูกกระบวนท่าดาราจักรโคจรที่มาถึงขั้นสมบูรณ์ปราบผนึก!


นี่ถือเป็นคุณประโยชน์อัศจรรย์ของเคล็ดเวทบริกรรม ไม่เพียงเพิ่มพูนพลังหยั่งรู้และการรับรู้ ในด้านการโจมตีทางจิตวิญญาณก็มีประโยชน์ที่ไม่อาจคาดคิดได้ เคยช่วยให้หลินสวินคลี่คลายภยันตรายมาหลายครั้งแล้ว


“นี่เป็นของดีเชียว ทำให้ผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะล้วนรับมือได้ยาก เพียงตัวเดียวก็สามารถสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้จิตวิญญาณระดับหยั่งสัจจะ เกิดผลลัพธ์น่าหวาดหวั่น”


เขาเก็บหนอนกินเทพที่ปิดผนึกไว้อย่างดีแล้วอย่างระมัดระวัง ของเล่นนี้ภายหลังสามารถใช้เป็นอาวุธสังหารได้ ต้องมีประโยชน์อย่างดีแน่


เขาเคยได้ยินเหลียนเตี๋ยอีพูดว่า แม้แต่ในยุคโบราณหนอนกินเทพก็เป็นหนอนประหลาดที่น่าสยดสยอง เคยกลืนกินจิตวิญญาณเทพ น่ากลัวถึงที่สุด


ในแดนวิญญาณโบราณ หนอนกินเทพสูญพันธุ์ไม่มีอยู่บนโลกไปนานแล้ว นางคิดไม่ถึงว่าจะพบเข้ากับหนอนร้ายยุคบรรพกาลเช่นนี้ในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นได้


พอคิดถึงสตรีที่เจ้าเล่ห์เพทุบาย รอบจัดดังจิ้งจอกอย่างเหลียนเตี๋ยอี หลินสวินก็อัดอั้นใจขึ้นมา เขาระวังตัวรอบด้าน แต่สุดท้ายก็ยังถูกหญิงผู้นี้ใส่ร้ายเสียรอบหนึ่ง


แต่เหตุผลที่ใส่ร้ายเขา กลับเป็นเพราะเขาเคยปฏิเสธไม่ร่วมมือกับนาง…


ผู้หญิงยิ่งงดงามยิ่งแค้นฝังหุ่นหรือ


หลินสวินไม่เชื่อเหตุผลบ้าๆ พรรค์นี้


“ร่างเดิมของหญิงคนนี้เป็นบัวห้าสีต้นหนึ่ง หากมีโอกาสได้พบกันอีก จะต้องหลอมนางให้เป็นยาลูกกลอนให้ได้!”


เขาลอบเข่นเขี้ยว ก่อนหน้านี้ที่ตนถูกผู้กล้ามากมายขนาดนั้นล้อมโจมตี ถึงขนาดมีผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะกลุ่มหนึ่งมองด้วยสายตาปองร้าย หากเขาไม่มีวิธีหนีเอาตัวรอด คงพ้นเคราะห์นี้ได้ยากแน่


และทั้งหมดนี้ก็ต้องโทษเหลียนเตี๋ยอี!


พรึ่บ!


ไม่นานนักเขาก็นำเขาสัตว์สีขาวเรืองแสงเขาหนึ่ง ดาบแตกสีดำสนิทเล่มหนึ่ง และน้ำเต้าสีแดงสดราวเปลวเพลิงออกมา


พวกนี้คือของชิ้นใหญ่ที่สุดที่ได้รับหลังจากเข้าแดนวิญญาณโบราณครั้งนี้


เขาสีขาวเรืองแสง ลือกันว่าเป็นของราชาอสูรมารราหูในยุคบรรพกาล เชื่อว่าเก็บซ่อนมรดกชั้นยอดของราชาอสูรมารราหู


แต่หลินสวินได้รู้จากปากของเหลียนเตี๋ยอีแล้วว่า เขาเดี่ยวนี้ไม่ใช่วิชาลับราหูอะไร แต่เป็นลายแทงสมบัติลึกลับผืนหนึ่ง


ตัวเขาในตอนนี้ถือเขาสัตว์ไว้ในมือและประเมินโดยละเอียด เพียงเห็นว่ามันยาวแค่ครึ่งฉื่อ ขาวเรืองสว่าง ลายกระดูกเต็มไปด้วยท่วงทำนองมรรคโบราณ มีกลิ่นอายแห่งกาลเวลาที่น่าสะพรึง


มหามรรคสลักประทับอยู่ด้านบน กาลเวลาไม่อาจกร่อนเซาะ!


เพียงดูลักษณะก็รู้ว่าเขาสัตว์นี้ไม่ธรรมดาขนาดไหน


พลังรับรู้ของหลินสวินแทรกซึมเข้าไป ในชั่วพริบตาก็เห็นโลกาไพศาล สมุทรสีคราม นภาสีฟ้า แสงอุษาเทพเคลื่อนคล้อย แสงเมฆพวยพุ่ง


มีปักษาดุร้ายโฉบขึ้นเหนือเก้าชั้นฟ้า มีอสูรประหลาดเคลื่อนตัวไประหว่างภูผาธารา กว้างขวางสุดลูกหูลูกตาราวไม่มีขอบเขต รุ่มรวยไปด้วยกลิ่นอายดึกดำบรรพ์


บนภูเขาเทพสูงตระหง่านลูกหนึ่ง เถาวัลย์เก่าแก่ห้อยย้อยลงมา ต้นไม้โบราณขึ้นครึ้ม สมุนไพรเทพส่องแสงสว่างไสวไปทั่ว ไอสมบัติพวยพุ่งราวเป็นสถานที่ล้ำค่าของเซียน


เงาร่างผอมแห้งร่างหนึ่งนั่งหลังตรงอยู่หน้าเพิงหิน เค้าร่างปกคลุมไปด้วยแสงเทพราวภาพนิมิต ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน


ส่วนในมือเขากลับถือลายแทงสมบัติชิ้นหนึ่ง


‘โลหิตร้าง…เป็นที่ฝังมรรคหรือเข้าถึงมรรคกันแน่ ภาพเสวียนจีปรากฏ การเปลี่ยนแปลงใหญ่ใกล้มาเยือน จะไปหรือไม่ไป…’


ในความเลือนรางนั้น เสียงทอดถอนใจเสียงหนึ่งดังขึ้น เต็มไปด้วยน้ำเสียงดิ้นรน เยียบเย็น คลุมเครือ


ทันใดนั้นภาพนิมิตทั้งหมดก็แตกสลายแปรสภาพเป็นลายแทงสมบัติภาพหนึ่ง บนลายแทงเขียนอักษรประหลาดเก่าแก่ไว้สองคำว่า ‘เสวียนจี’ ลายเมฆในนั้นหนาแน่น เกี่ยวกระหวัดไปทั่ว แสงวิญญาณเรืองรอง ราวกับเป็นภาพเส้นทางอาณาเขตลึกลับสักภาพหนึ่ง


“อย่างที่คิด ในเขาสัตว์นี้เป็นเพียงลายแทงสมบัติ…”


หลินสวินเก็บพลังรับรู้ อารมณ์ความรู้สึกแปลกไปบ้าง ภาพทิวทัศน์ทั้งหมดที่เห็นเมื่อครู่นี้ช่างกว้างใหญ่และสะเทือนใจ


ภูเขาเซียน ปักษาร้าย อสูรประหลาด สมุนไพรเทพ… ทั้งหมดล้วนดูไม่ธรรมดา ส่วนชายชราผอมแห้งผู้นั้น น่ากลัวจะเป็นราชาอสูรมารราหูบรรพกาล!


จนกระทั่งอารมณ์สงบลง หลินสวินจึงคาดเดาตัดสินออกมาได้อย่างรวดเร็วว่า ภาพสมบัติที่มีนามว่า ‘เสวียนจี’ นี้ เกรงว่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับการที่ตนเคยเข้าไปในแดนโบราณโลหิตร้าง!


หรือพูดได้ว่า ราชาอสูรมารราหูในตอนแรกก็อาศัยแผนที่นี้มายังแดนโบราณโลหิตร้าง แต่สุดท้ายกลับโชคร้ายสิ้นชีพอยู่ที่นั่น!


หลินสวินนึกถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในแดนโบราณโลหิตร้าง นึกถึงแม่น้ำโลหิตที่ไหลรินเงียบเชียบ ศพโบราณแต่ละศพที่ลอยอยู่ในแม่น้ำโลหิต สุสานโดดเดี่ยวแห่งหนึ่ง ป้ายหินผุกร่อนแผ่นหนึ่ง…


คิดถึงยามก่อนที่ตนจะออกมา ไอกระบี่ทะลุฟ้าที่พุ่งขึ้นกลางละอองเลือดซัดสาด กลองศึกลั่นดัง ธงศึกโบกสะบัดขาดวิ่นไม่หยุดหย่อน


ที่นั่น…คือเขตต้องห้ามโลหิตร้าง!


แต่ว่าที่นั่นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เป็นสถานที่ที่ฝังศพเทพทั้งหลาย ทำให้ราชาอสูรมารราหูหลั่งเลือดอยู่ในนั้นจริงๆ หรือ


หลินสวินนิ่งเหม่อไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ส่ายหัว เก็บเขาราหูเขานี้ไว้ ภายหลังหากมีโอกาสไปยังแดนวิญญาณโบราณอาจจะไปสืบดูอีกรอบ


เพียงแต่ตอนนี้ไม่ได้


เขานำน้ำเต้าสีแดงสดราวเปลวเพลิงนั้นขึ้นมา สมบัตินี้มีนามว่าน้ำเต้าหลอมวิญญาณ ลึกลับเช่นกัน อาจจะมาจากสำนักโบราณแห่งหนึ่งนามว่าแดนพิสุทธิ์ยอดยุทธ์


ในนั้นผนึกโลหิตม่วงไว้หยดหนึ่ง เก็บงำมรรควิถีที่ผู้ยิ่งใหญ่สมับโบราณกาลผู้หนึ่งทิ้งไว้!


กลิ่นอายของโลหิตหยดนั้นแข็งแกร่งเกินไป ตอนแรกหลินสวินพยายามสุดฝีมือก็รู้เพียงข้อมูลคลุมเครือบางประการ รู้ว่าเจ้าของโลหิตม่วงนี้เคยครอบครองสามพันมรรค ฝีมือล้ำเลิศ พลังที่แท้จริงสามารถผ่านทะลุฟ้า!


แต่ในที่สุดเขากลับถูกคิดบัญชีจนตายอนาถ เลือดหัวใจสามพันหยดถูกกรีดเอาไป และในเลือดทุกหยดเก็บมรรควิถีไว้


โลหิตม่วงที่ผนึกอยู่ในน้ำเต้าหลอมวิญญาณก็เป็นหนึ่งในนั้น


หลินสวินเคยลองดูว่าจะสามารถหลอมโลหิตม่วงหยดนี้ได้หรือไม่ เพื่อไปหยั่งรู้และทำความเข้าใจมรรถวิถีที่เก็บงำอยู่ในนั้น แต่ผลที่ได้กลับเกือบนำภัยมาสู่ตน


สาเหตุก็เพราะพลังโลหิตสีม่วงอหังการ์น่าหวาดกลัวเกินไป อย่ามองว่าเป็นแค่เลือดหยดเดียว มันกลับเหมือนมีพลังสูงส่งที่ไม่อาจละเมิดได้ เพียงแตะต้องก็จะเกิดแสงมรรคสายฟ้าน่าสะพรึงระเบิดออกมา!


พลังนั้นไม่ใช่สิ่งที่หลินสวินในตอนนี้จะหลอมออกมาได้


“น่าเสียดาย สมบัตินี้ยังใช้ไม่ได้ชั่วคราว…”


เขาจนใจ น้ำเต้าหลอมวิญญาณก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน มีขึ้นเพื่อผนึกโลหิตม่วง ย่อมไม่มีทางที่หลินสวินจะนำมาใช้ได้


เว้นแต่จะมีวันที่เขาสามารถหลอมโลหิตม่วงหยดนั้นได้


“ยังดี ยังมีดาบแตกเล่มนี้!”


สายตาหลินสวินทอดไปยังดาบแตกหักเล่มนั้น ตัวดาบดำสนิททั้งเล่ม ไม่รู้ว่าใช้สิ่งใดหลอมขึ้น หนักถึงหลักหมื่นจิน


ด้ามดาบย้อมรอยเลือดสีแดงคล้ำ ผ่านกาลเวลากัดเซาะก็ไม่ได้ซีดจางลง เหมือนเทพกระหายเลือดชโลมโลหิตเทพ อวลไปด้วยพลังน่าหวาดหวั่น


ส่วนบนตัวดาบกลับมีลวดลายโบราณสลักอยู่ คลุมเครือยิ่งนัก ไม่เหมือนรอยสลักวิญญาณ แต่ก็ไม่เหมือนท่วงทำนองมรรค ดูที่มาที่ไปไม่ออกเลย


แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งดูลึกลับยอดเยี่ยมขึ้นไปอีก


หลินสวินยังจำได้ว่าตอนแรกที่ตนพบดาบแตกเล่มนี้ มันหวีดร้องอยู่ใต้เวิ้งฟ้า แสงดาวสีเงินแวววาวพลุ่งพล่าน ราวกับธารดาราพลิ้วไหวกลางท้องนภา สังหารผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนจนหมดท่า ทิ้งชีวิตหลบหนีกระจาย ไม่มีใครปราบมันได้!


อีกทั้งนี่ยังเป็นเพียงดาบแตกเล่มหนึ่ง!


ไม่มีผู้ใดถือครอง ไม่มีผู้ใดควบคุม ดุจดั่งมีวิญญาณ โหดเหี้ยมสะเทือนทั่วทิศ แค่คิดก็รู้ว่าตอนที่มันสมบูรณ์จะน่ากลัวขนาดไหน


เมื่อแรกเริ่มที่หลินสวินต่อสู้ดุเดือดกับมัน ก็เกือบสู้ไม่ได้ หวิดถูกฆ่าตายคาที่ โชคดีที่ในที่สุดชีพจรวิญญาณก่อตัวสำเร็จ จึงกำราบมันได้ในการโจมตีเดียว


แต่เขารู้ดีว่าไม่มีทางควบคุมคมดาบนี้ได้อย่างสมบูรณ์ เพราะในการต่อสู้ดาบแตกนี้ราวมีสติปัญญา ดิ้นรนหมายให้หลุดพ้นอยู่หลายครั้ง ไม่ร่วมมือกับหลินสวินเลย


มิเช่นนั้นพลานุภาพที่มันสำแดงออกมาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นแน่


วิ้ง!


หลินสวินถือดาบแตกหักไว้ในมือพลางกระตุ้นพลัง ก็เห็นว่าพื้นผิวใบดาบมีแสงราวดาราส่องประกาย แวววาวลุกโชนออกมา ทำให้ทั้งห้องฝึกสงบจิตย้อมไปด้วยสีเงินงดงามเหมือนภาพดารานิรมิต


“ยุคโบราณกาลเก่าแก่จนยากหยั่งรู้อย่างที่คิด เต็มไปด้วยตำนานและพลังที่ไม่อาจคาดเดา ดาบแตกเล่มนี้ก็ไม่รู้ว่าใครหลอมขึ้นมาถึงได้มีพลานุภาพขั้นนี้…”


เขาทอดถอนใจในใจ เขาเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณผู้หนึ่ง และเชี่ยวชาญการหลอมอาวุธวิญญาณ แต่เขากลับดูวัสดุ ระดับชั้น และที่มาที่ไปของดาบแตกนี้ไม่ออกเลย ช่างเหมือนผลงานชิ้นเอกจากสวรรค์ เรียกได้ว่าเป็นการรังสรรค์จากธรรมชาติที่ช่วงชิงฟ้าดินได้


ดาบแตกหักยังคงดิ้นรนดังเดิมราวม้าพยศ ไม่ยอมโอนอ่อน นี่ทำให้หลินสวินอดยิ้มไม่ได้ ลอบเอ่ยว่ารอสักวันหนึ่งจะต้องทำให้เจ้ารับใช้อย่างเชื่อฟังให้ได้!


เขาเก็บดาบหักนี้ไปแล้วจัดการของอื่นๆ ที่ได้มาเล็กน้อย อย่างผลึกวิญญาณก้อนหนึ่งที่ได้มาจากการสังหารภูตไพรไม้เขียว แหวนเก็บของวงหนึ่งที่ได้มาจากร่างผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะเฉียนไหว รวมถึงวัตถุดิบวิญญาณอย่างหนัง กระดูก เขี้ยวอสูรมารบางส่วน


อยู่ในแดนวิญญาณโบราณอาจจะไม่ถือว่าโดดเด่นอะไร แต่ในจักรวรรดิจื่อเย่านี้ วัตถุดิบวิญญาณบนกายอสูรมารเหล่านั้นล้วนเป็นของล้ำค่าหายาก ราคาน่าตกใจ


เพียงแต่มีได้ก็ต้องมีเสีย ดาบเวทวิญญาณม่วงสมบัติวิญญาณของเขาก็ถูกทำลายด้วยดาบหักนี้


เช่นเดียวกัน เพื่อทำให้ชีพจรวิญญาณเสถียร ลูกกลอนวิญญาณที่เขาเก็บสะสมไว้ กับลูกกลอนอสูรมารหลายสิบเม็ดล้วนถูกใช้จนหมด


แต่เมื่อเทียบกันแล้ว การเดินทางไปยังแดนวิญญาณโบราณครั้งนี้ค่อนข้างได้กำไร การสูญเสียเหล่านี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร


“ไม่ได้เห็นโลกภายนอกมาหนึ่งเดือนกว่า ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว…”


ในที่สุดหลินสวินก็ยืดกายขึ้น ผลักประตูเดินออกจากห้องฝึกสงบจิต


——

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)