Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 451-456

 ตอนที่ 451 กำราบดาบแตก

โดย

ProjectZyphon

ดาบแตกคำราม ทำลายแสงประกายที่ราวกับดวงดารา บดขยี้อากาศ สั่นสะเทือนไปทั่วทุกทิศ


หลินสวินร่างอาบเลือด แต่กลับแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง พลังนั้นไม่อาจประเมินได้


สถานการณ์นั้นทำให้เหล่าผู้ฝึกปราณต่างสูดหายใจเย็นเยียบ สะท้านไปทั้งตัว ไม่สามารถจินตนการได้ว่าระดับมหาสมุทรวิญญาณมีพลังต่อสู้ระดับนี้ได้อย่างไร


เสียงจากตรงนี้ดังเกินไป ถึงขั้นที่ผู้ฝึกปราณจากบริเวณที่ห่างออกไปยังทยอยกันเข้ามา


เมื่อเห็นทุกอย่างก็อดหวั่นไหวไม่ได้


แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นมีสมบัติมากมายถูกทิ้งเอาไว้ แต่อานุภาพของดาบแตกนี้เรียกได้ว่าสะเทือนโลก จนสมบัติโบราณทั่วไปไม่สามารถเทียบได้


แต่เด็กหนุ่มคนนั้นยิ่งวิปริต ราวกับเทพมารที่ไม่สามารถถูกสังหารได้ แม้ว่าร่างกายจะแหลกแค่ไหน แต่พลังกลับเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในระหว่างการต่อสู้!


ศึกอันดุเดือดระหว่างหนึ่งคนหนึ่งสมบัติ หากถูกแพร่ออกสู่โลกภายนอก แน่นอนว่าจะทำให้เกิดเสียงฮือฮาและสร้างความตื่นตะลึงให้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วน


ปัง!


ทันใดนั้นเสียงระเบิดดังขึ้นบนฟากฟ้า ราวกับมีสายฟ้าฟาด


พลันเห็นว่าดาบวิญญาณม่วงที่เป็นสมบัติวิญญาณระดับปฐพีต้องปะทะสู้อย่างต่อเนื่อง จนถูกดาบแตกเล่มนั้นฟันแตก สลายกลายเป็นละอองแสงสาดออกมา!


ส่วนหลินสวินยิ่งสะเทือนจนเซถอย เหมือนจะต้านไว้ไม่อยู่แล้ว ใบหน้าสุภาพหล่อเหลาเปลี่ยนขาวซีด


ทว่าดาบแตกนั่นก็ดูเหมือนไม่ได้ดีไปกว่ากัน สั่นระริกอยู่กลางอากาศ ราวกับกำลังเจ็บจนร้องโอดครวญ ทำให้ผู้ฝึกปราณหลายคนเห็นแล้วจิตวิญญาณสั่นสะท้าน


ฆ่า!


เสียงชิ้งดังขึ้น หลินสวินชักกระบี่วิญญาณสีเงินที่รูปลักษณ์คดงอเหมือนงูวิญญาณออกมา


นี่คือทรัพย์หลังศึกที่ได้จากเฉียนไหว เป็นอาวุธวิญญาณระดับปฐพีชั้นสูง ถือเป็นสมบัติชั้นดีเช่นกัน


ตูม!


พลันเห็นดาบแตกกวาดพาดขวางกลางอากาศ แผ่แสงดารานับไม่ถ้วนไปทั่ว ปกคลุมฟ้าดิน น่าสะพรึงกลัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ราวกับจะลบล้างอากาศทั้งหมดนี้


ทุกคนต่างตะลึงงัน นี่ยังใช่พลังที่สมบัติโบราณชิ้นหนึ่งควรมีอีกหรือ น่าตกใจเกินไปแล้ว เรียกได้ว่าเป็นสมบัติที่โดดเด่นแห่งยุค


เพียงครู่เดียวเท่านั้น กระบี่วิญญาณสีเงินในมือหลินสวินก็เกิดเสียงระเบิดขึ้นฉับพลันและกลายเป็นฝุ่นผง


เสียสมบัติสองชิ้นติด ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นคงไม่กล้าสู้ต่อและฉวยโอกาสหนีไปตั้งนานแล้ว


แต่สำหรับหลินสวิน ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญในการรวมชีพจรวิญญาณ จะให้พลาดโอกาสนี้อีกได้อย่างไร เห็นเขาพลันส่งเสียงกู่ก้อง ใช้หมัดเปล่าพุ่งเข้าปะทะ


อากาศบริเวณนั้นส่งเสียงครืนครัน ลมเมฆสั่นสะเทือน ทุกคนต่างทึ่งกับท่าทางแข็งแกร่งและเย้ยหยันของหลินสวิน


เด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณคนหนึ่ง กลับประหนึ่งไม่รู้จักเกรงกลัว ไม่หลีกเลี่ยงความเป็นความตาย รุกไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญ ต่อสู้กับดาบแตกเล่มนั้นอย่างดุเดือดด้วยท่าทางพลิกโลก ภาพนั้นน่าทึ่งเกินกว่าจะจินตนาการได้


ใกล้แล้ว!


ใกล้แล้ว!


หัวใจของหลินสวินร้อนระอุ เดือดพล่านจนแทบจะระเบิดแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงบริเวณเส้นปราณหัวใจบนหน้าอก ร้อนราวกับเพลิงแผดเผา ชีพจรวิญญาณที่ใสบริสุทธิ์เกือบจะก่อตัวกลายเป็นจริง แผ่ประกายแสงศักดิ์สิทธิ์อันกว้างใหญ่ ราวกับได้เปิดเหวขนาดใหญ่ และสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในก็คือพลังศักดิ์สิทธิ์กลืนสวรรค์!


แต่ในขณะเดียวกันร่างกายของหลินสวินก็เต็มไปด้วยบาดแผล เลือดสีสดไหลพรากๆ ออกมา ดูใกล้จะแหลกสลายอยู่แล้ว น่าสยดสยองยิ่ง


วาสนาอันยากเสาะหาและอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตมารวมอยู่ในจุดเดียวกัน!


ตูมโครม!


หลินสวินในยามนี้ราวกับกำลังมอดไหม้ ตั้งแต่เริ่มต่อสู้พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงตอนนี้พลังของเขาถึงระดับที่เรียกได้ว่าน่าสะพรึงแล้ว


พลันเห็นดาบแตกเล่มนั้นส่งเสียงครวญ เหมือนใกล้จะถูกสยบด้วยเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ที่หลินสวินใช้!


“นี่มัน…”


หลายคนตกตะลึงอ้าปากค้าง เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มดุดันผู้นั้นที่บาดเจ็บสาหัสจนร่างแทบสลายแล้ว แต่พลังต่อสู้ของเขากลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะกำราบดาบแตกเล่มนั้นได้แล้ว!


บ้าคลั่งเกินไปแล้ว


“หรือเด็กคนนี้…จะสามารถกำราบดาบนี้ได้จริงๆ”


ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะหลายคนที่กดระดับพลังปราณให้อยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณ ยามนี้ต่างยากจะควบคุมตัวเอง สีหน้าเปลี่ยนไป


วู้ม!


จู่ๆ ดาบแตกเล่มนั้นก็ไม่ส่งเสียงครวญอีก จมสู่ความเงียบ แสงดาราทั้งหมดถูกเก็บกลับไป เผยตัวดาบที่เป็นสีดำสนิท


แต่ในเวลาเดียวกันนั้นกลับมีกลิ่นอายน่าสะพรึงแผ่ออกจากตัวดาบของมัน กลายเป็นเงาร่างที่ราวกับภาพลวงตาให้เห็นรางๆ


“นั่นมัน…”


มีคนตะโกน สีหน้าขาวซีด ในใจหวาดกลัวจนถึงขั้นสุด


“เป็นเจตจำนงที่ผู้ยิ่งใหญ่ในโบราณกาลเหลือทิ้งไว้ ยามนี้ถูกกระตุ้นให้ฟื้นคืนชีพ หมายจะสังหารเด็กหนุ่มนั่น!”


ผู้มากประสบการณ์บางคนตกใจ ตระหนักได้ว่าเหตุใดดาบแตกเล่มนั้นจึงพลิกฟ้าเช่นนี้ เหตุผลก็เพราะภายในดาบแตกมีพลังแห่งเจตจำนงหลงเหลืออยู่!


สามารถผ่านกาลเวลามาได้นับพันปี และยามนี้ก็ฟื้นตื่นอีกครั้ง แค่คิดก็รู้ว่าในยุคนั้นผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด


“เด็กนี่แย่แน่!”


ทุกคนต่างหวาดกลัวและหนีออกไปไกล เพราะตระหนักได้ว่าดาบแตกนั่นกำลังจะโจมตีอย่างรุนแรงเพื่อสังหารหลินสวิน


ทว่าในขณะนั้นหลินสวินกลับไม่ถอยหนีแล้วรุกเข้าไป เสียงตูมดังสนั่น เห็นเขาโน้มตัวพุ่งเข้าไปคว้าดาบแตกเล่มนั้นเอาไว้


ตูม!


อากาศบริเวณนั้นเดือดพล่าน ระเบิดพลังน่าพรั่นพรึง ราวกับดวงอาทิตย์ดวงใหญ่กำลังระเบิดเป็นเสี่ยงๆ แสงประกายเจิดจ้าประหนึ่งภูเขาไฟปะทุท่วมท้นไปทั่วอากาศ


พลันเห็นว่าภายในรัศมีสิบลี้ภูเขาพังทลาย ก้อนหินแหลกละเอียด แผ่นดินแตกเป็นรอยแยกนับไม่ถ้วนแผ่กระจายออกเป็นวงกว้าง


ฟ้าทลาย!


แผ่นดินแยก!


เสียงระเบิดดังสนั่น สะเทือนจนหนวกหู ทำให้ผู้ฝึกปราณหลายคนได้ยินเสียงหึ่งๆ ขึ้นในหัว รู้สึกตาลายคล้ายจะคลื่นไส้ จิตวิญญาณแทบจะหลุดออกมา


แสงนั่นเจิดจ้าเกินไป ทำให้แสบตาจนเปิดตาไม่ขึ้น เห็นไม่ชัดเจนอีกต่อไปว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น


เด็กหนุ่มคนนั้น…จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร


ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจของผู้ฝึกปราณทุกคน


ครู่หนึ่งแสงเจิดจ้าก็จางหายไป เงาร่างหนึ่งปรากฏออกมา ทำให้ทุกคนตกตะลึง


ยังไม่ตาย!


หลินสวินยังไม่ตายจริงๆ เพียงแต่เงาร่างของเขาพูดได้คำเดียวว่าไม่เหลือสภาพ ผิวหนังทั่วตัวฉีกขาดจนเห็นกระดูกขาวอยู่รางๆ นอกจากดวงตาดำขลับที่เปล่งประกายก็ไม่มีส่วนใดที่สมบูรณ์เลย!


เขากำลังกระอักเลือด ลมหายใจหอบถี่เหมือนเสียงหอบหายใจของสัตว์ ฝ่ามือกำลังสั่น เพราะดาบแตกสีดำที่กำไว้แน่นกำลังดิ้นรน


“กำราบแล้ว…จริงๆ…”


เหล่าผู้ฝึกปราณที่อยู่ตรงนั้นอึ้งงัน ภายในใจสั่นสะท้าน


และมีผู้กล้ารุ่นเยาว์จากสำนักโบราณและผู้คุ้มกันระดับหยั่งสัจจะมากมายตาเป็นประกาย ด้วยเห็นชัดว่าพลังอันเกรียงไกรของเด็กหนุ่มดุดันผู้นั้นเสื่อมทรุดจนเป็นม้าตีนปลายแล้ว ถ้าฉวยโอกาสตอนนี้ก็น่าจะชิงดาบแตกเล่มนั้นมาได้ไม่ใช่หรือ


คนที่มีความคิดแบบนี้มีไม่น้อย อานุภาพของดาบแตกถูกสยบลงแล้ว เด็กหนุ่มดุดันนั่นก็เห็นได้ชัดว่าหมดกำลัง ยากจะยืนหยัดได้อีก


นี่เป็นโอกาสดีที่สุดในการสังหารคนแย่งชิงสมบัติอย่างไม่ต้องสงสัย!


ทันทีที่คิดถึงพลังสะเทือนโลกที่ดาบแตกสำแดงออกมาเมื่อครู่ สายตาของหลายคนก็เผยความโลภและเร่าร้อนออกมา


“ฆ่า!”


ทันใดนั้นรุ้งทองก็ทะยานขึ้นไปกลางอากาศ ชายหนุ่มคนหนึ่งถือทวนยาวสีทองสาดแสงประกาย พุ่งเข้าไปหมายจะสังหารหลินสวิน


ผู้สืบทอดสำนักรวมดารา หรั่นอิ๋น!


เขาเองก็เป็นบุคคลชั้นยอด มีพรสวรรค์น่ากลัว ถือว่ามีชื่อเสียงในโลกภายนอก โดดเด่นสะดุดตา ตอนนี้เขาโจมตีกะทันหัน พลันสร้างความสั่นสะเทือนขึ้นมาทันที


“รีบลงมือ!”


“ดาบแตกนี้มีอานุภาพพลิกฟ้า จะปล่อยให้ตกอยู่ในมือคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด!”


ทันใดนั้นได้มีเสียงกู้ร้องดังขึ้นทั่วบริเวณ พลันมีเงาร่างของคนสิบกว่าคนทะยานออกมาจากทิศทางที่ต่างกัน มีทั้งผู้สืบทอดสำนักโบราณและผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะ ต่างเข้ามาสังหารหลินสวินโดยไม่ได้นัดหมาย!


สถานการณ์สับสนวุ่นวายขึ้นมาทันที เหล่าผู้ฝึกปราณที่ตกตะลึงอยู่ ยามนี้ต่างก็ตอบสนองแล้ว รู้ว่านี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการช่วงชิงสมบัติ แต่ละคนต่างเผยสีหน้าเหี้ยมโหดและเริ่มลงมือ


“ฆ่า!”


“ฆ่า!”


“ฆ่า!”


ในผืนฟ้าบริเวณนี้มีผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่กระจายตัวกันทั่ว ยามนี้ต่างโจมตีเข้ามาราวกับคลื่นน้ำเพื่อช่วงชิงสมบัติ สถานการณ์นั้นน่าสะพรึงมาก


ดวงตาดำของหลินสวินกวาดมองไปด้วยความราบเรียบเย็นชา เมื่อมองอย่างละเอียดในส่วนลึกของนัยน์ตาเขาราวกับเหวลึกที่ไม่อาจหยั่งถึง ประหนึ่งสามารถกลืนกินสรรพสิ่งได้ทุกเมื่อ


และภายในร่างเขา ชีพจรวิญญาณขาวศักดิ์สิทธิ์แวววาวเส้นหนึ่งบังเกิดเสียงธรรมอัศจรรย์ ราวกับกำลังถ่ายทอดแก่นแท้จริงแห่งมหามรรค มหัศจรรย์จนไม่อาจอธิบาย


ใช่แล้ว ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากได้ต่อสู้ตัดสินอย่างสะเทือนโลกกับดาบแตกเมื่อครู่นี้ หลินสวินได้รวมชีพจรวิญญาณขึ้นมาใหม่แล้ว!


“สหาย ส่งดาบแตกมาแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป!”


หรั่นอิ๋นในชุดสีทองทั้งตัวถือทวนยาวสีทองเข้ามาแล้วร้องตะโกน สีหน้าเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งจองหองและเย็นชา


แม้จะพูดเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะให้โอกาสหลินสวิน พลันวาดทวนยาวสีทองออกไป กลายเป็นแสงทองอร่ามมหึมาพุ่งเข้าสังหาร


อนุภาพดุจกวาดล้างโลกาน่าสะพรึงกลัว เห็นได้ชัดว่าเป็นท่าไม้ตาย หมายจะสังหารคนและช่วงชิงสมบัติให้ได้ในคราเดียว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียโอกาส


“อย่างเจ้าเนี่ยนะจะคู่ควร”


ท่ามกลางน้ำเสียงอันเรียบเฉย ดาบแตกในมือของหลินสวินเปล่งประกาย ฟันสังหารออกไปอย่างสบายๆ


ตูม!


ทั่วท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงเงินดุจธารดารามหาศาล เกิดเสียงดังกึกก้อง ทวนยาวสีทองสะเทือนจนปลิวออกไป ถูกฟาดฟันจนเกือบจะแตก


หรั่นอิ๋นไม่ทันตั้งตัว ไม่อาจหลบทัน ถูกแสงสีเงินของธารดารากวาดผ่านตัว ร่างกายคล้ายถูกภูเขาลูกใหญ่บีบอัด กระดูกแตกหัก เลือดไหลออกจากเจ็ดทวาร


เขากรีดร้องเสียงอนาถ อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินที่หมดเรี่ยวแรงแล้วจะยังมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้


ทว่าอย่างไรเขาก็ถือว่าเป็นผู้กล้าในบรรดาคนรุ่นใหม่ การตอบสนองว่องไวอย่างที่สุด แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่กลับเลือกที่จะถอยหนีห่างออกไปตามสัญชาตญาณ


ฟุ่บ!


กลับเห็นว่าหลินสวินยกมือขึ้นฟาดดาบลง ประกายดาบสีเงินปรากฏขึ้นฟันตัวเขาออกเป็นสองท่อนโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาหนีด้วยซ้ำ


ทุกคนต่างตื่นตะลึง เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร หรั่นอิ๋นเป็นถึงผู้กล้าคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นผู้สืบทอดของสำนักรวมดารา ครอบครองวิชาอันยอดเยี่ยมและเป็นบุคคลชั้นยอดในระดับมหาสมุทรวิญญาณ


แต่ยามนี้กลับไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่การโจมตีเดียว ถูกสังหารในทันที!


“ฆ่า! ไปด้วยกัน เขาจนตรอกแล้ว ไม่มีทางยันไว้ได้อีกแน่!”


“ใช่ นั่นไม่ใช่พลังของเขา เป็นพลังน่าสะพรึงของดาบแตก ขอเพียงแค่ฆ่าเขาได้สมบัติชิ้นนี้ก็จะเป็นของเรา!”


ผู้ฝึกปราณสิบกว่าคนพุ่งเข้ามา ในนั้นมียอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะอยู่ด้วย ปิดล้อมหลินสวิน ในใจต่างคิดว่าจนถึงขนาดนี้แล้วไม่ว่าช้าหรือเร็วเด็กนี่ต้องจบสิ้นแน่ หากไม่ฉวยโอกาสช่วงชิงสมบัติจะต้องเสียใจไปชั่วชีวิต


สังหารศัตรูได้ในครั้งเดียว ไม่เพียงไม่สร้างความสั่นสะเทือน ตรงกันข้ามกลับทำให้ผู้ฝึกปราณหลายคนยิ่งบ้าคลั่ง ทำให้หลินสวินเองก็ไม่ลังเลอีกต่อไป


เขากระโดดออกไป ในมือมีเพียงดาบแตกสีดำสนิทความยาวประมาณสองฉื่อที่แผ่แสงสีเงินราวกับภาพมายา สมบัติชิ้นนี้ยังคงดิ้นรน ไม่เคยจำยอม แต่กลับถูกหลินสวินจับไว้แน่น จึงทำให้มันไม่สามารถทำอะไรได้


ตูม!


มีคนใช้สมบัติ ร่มสีทองคันหนึ่งบินขึ้นมา หมุนตัวอย่างต่อเนื่องยิงแสงสีทองออกเป็นสายๆ ใส่หลินสวิน ของสิ่งนี้สามารถสังหารสิ้นทุกวิญญาณ


หลินสวินยกมือขึ้นกวาดดาบแตกอย่างลวกๆ แสงดาราน่าอัศจรรย์แผ่พุ่ง เกิดเสียงดังเช้ง ฟันร่มสีทองคันนั้นออกเป็นสองท่อน


ส่วนผู้ฝึกปราณที่ถือสมบัติชิ้นนั้นถูกฟันหัวขาด ตายคาที่เหมือนกับหรั่นอิ๋นที่ไม่ทันได้ดิ้นรนด้วยซ้ำ!


หลินสวินใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง เริ่มการสังหารโดยไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำ ศัตรูล้อมกันมาขนาดนี้ เขาไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นเป้านิ่งในวงล้อมหรอกนะ!


——


ตอนที่ 452 สำแดงอิทธิฤทธิ์

โดย

ProjectZyphon

ฆ่า!


ตอนที่หลินสวินโจมตี มีผู้ฝึกปราณสิบกว่าคนที่เข้ามาใกล้และลงมือก่อนแล้ว ต่างงัดสมบัติ ใช้วิชาลับ ทะยานเข้ามาดุจสายรุ้งมากมาย


เกิดเสียงฮูมๆ ขึ้นกลางอากาศ ผู้ฝึกปราณเข้าจู่โจมมืดฟ้ามัวดิน หนาแน่นเกินไปจนไม่สามารถหลบเลี่ยงได้


“ทำลาย!”


หลินสวินตะเบ็งเสียง ดาบแตกม้วนกวาดวาดธารดารา แสงประกายสีเงินกวาดล้างไปทั่วทุกสารทิศ


แสงประกายสั่นสะเทือน สกัดการโจมตีทั้งหมดที่พุ่งเข้ามา พลันบังเกิดเสียงปะทะ วิชาลับแต่ละวิชาแหลกละเอียดกลายเป็นฝุ่นผง สมบัติแต่ละชิ้นส่งเสียงระงม อับแสงลงสิ้น


ท้ายที่สุดก็ได้ยินเสียงตูมสะเทือนโลก ผู้ฝึกปราณมากมายต่างร้องโหยหวน ถูกสังหารคาที่ เลือดสีสดกระเซ็นทั่วฟ้า


ภาพนี้สะท้านขวัญยิ่ง ผู้ฝึกปราณสิบกว่าคนลงมือพร้อมกัน ในนั้นยิ่งมีระดับหยั่งสัจจะเป็นหัวหอก พลังโจมตีนั้นมหาศาลจนสามารถพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทร ทำลายล้างสรรพสิ่งได้


แต่ตอนนี้ทุกการโจมตีกลับแหลกละเอียดภายในดาบเดียว ถูกฟันกระเจิง ทั้งยังมีผู้ฝึกปราณหลายคนถูกสังหารคาที่!


สีหน้าของเหล่าผู้กล้าเปลี่ยนไป เด็กหนุ่มป่าเถื่อนคนนี้พลิกฟ้าเกินไปแล้ว ทั้งที่ร่างกายเสื่อมทรุดแล้วแท้ๆ อีกทั้งยังไม่สามารถควบคุมดาบแตกเล่มนั้นได้อย่างแท้จริง แต่ราวกับสามารถสำแดงฤทธิ์ได้ด้วยตัวเอง นี่มันวิปริตเกินไปแล้ว


ตูมโครม!


หลินสวินพุ่งขึ้นหน้าไปสังหารด้วยก้าวย่างชือน้ำแข็ง ดาบแตกในมือเปล่งแสงดั่งดวงดารา ราวกับเทพมารที่กำลังกวาดล้างโลก


เลือดสดพุ่งกระฉูด มีผู้ฝึกปราณที่หนีไม่ทันถูกฟันจนตายคาที่ ทำให้หลินสวินฝ่าวงล้อมและทะยานห่างออกไปได้


“จะให้เขาหนีไม่ได้เด็ดขาด!”


ผู้ฝึกปราณหลายคนตะโกนด้วยความกราดเกรี้ยวและพุ่งเข้าหาหลินสวิน พลังต่อสู้ของเด็กหนุ่มป่าเถื่อนคนนี้น่าตระหนกมาก ยามนี้กำลังได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่อาจฆ่าเขาแล้วปล่อยให้เขาหนีไป ต่อไปใครจะกำราบเขาได้


อีกอย่างถ้าพลาดโอกาสในครั้งนี้ก็จะเสียดาบแตกพลิกฟ้าเล่มนั้น นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนรับไม่ได้เด็ดขาด


เสียงครืนครันดังลั่น ภูเขาขนาดใหญ่สีเหลืองลูกหนึ่งบินเข้ามาและเหินทับลงบนร่างหลินสวิน สิ่งนี้แปลงจากผนึกสมบัติ จิตวิญญาณเต็มเปี่ยม ด้านบนเปล่งประกายรอยสลักวิญญาณหนาแน่น บนตัวภูเขาปรากฏภาพประหลาดเป็นวิวัฒนาการของต้นไม้โบราณ โขดหิน น้ำตกที่ไหลเชี่ยว


ผนึกสมบัติเช่นนี้กดทับลงมาพร้อมพลังมหาศาลรุนแรง ราวกับเทพภูเขาองค์หนึ่งกดดันลงมา หมายจะปิดทางของหลินสวินและสังหารเขาในคราเดียว


ร่างของหลินสวินราวกับเหวที่พลุ่งพล่าน นัยน์ตาดำเยียบเย็น ปลดปล่อยอานุภาพดาบจนเกิดเสียงคำรามยาวสะเทือนปะทะเขาลูกใหญ่นั้น ทำให้โขดหินบนภูเขาพังทลาย ต้นไม้โบราณแหลกเป็นฝุ่นผง น้ำตกแยกขาด ต่างระเบิดออกทั้งหมด


คมดาบประกายเงินคมกริบไร้ที่ติ เพียงกวาดออกไปแม้แต่ผนึกสมบัตินั่นยังเกิดรอยแยกเกือบจะแตกออก


ในระยะไกลชายหนุ่มคนหนึ่งส่งเสียงโหยหวน เพราะผนึกสมบัติเป็นสมบัติวิญญาณในมือเขา ยามนี้ได้รับบาดแผลหนัก ทำให้เขาถูกพลังสะท้อนกลับ กระอักเลือดออกมา


ผู้ฝึกปราณหลายคนที่อยู่ไกลๆ ต่างตกใจขึ้นมาพลัน แข็งแกร่งเกินไปแล้ว เดิมพลังต่อสู้ของเด็กหนุ่มป่าเถื่อนนั่นก็ยากหาใครเทียบอยู่แล้ว ยามนี้ในมือยังมีดาบร้ายกาจพลิกฟ้าอีก เขาต้องการหลุดพ้นจากวิกฤต ใครเล่าจะหยุดเขาได้


ผู้ฝึกปราณจำนวนไม่น้อยที่เดิมพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง แต่พอเห็นภาพนี้ต่างก็ชะลอฝีเท้าอย่างตระหนก สังเกตการณ์อยู่ข้างๆ หมายจะฉวยโอกาสงามเคลื่อนไหว


“เจ้าหนู เลิกป่าเถื่อนได้แล้ว!”


ชายชราคนหนึ่งพุ่งออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง สง่างามทรงภูมิ ชักแส้หางม้าแล้วสะบัดกลางอากาศเบาๆ ก็แปรเป็นเปลวไฟมหึมาพุ่งเข้าหาหลินสวิน


นี่คือยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะ แม้พลังปราณจะถูกกดจนอยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณ แต่อานุภาพน่ายำเกรงยังคงอยู่ สามารถควบคุมพลังแห่งสัจจะ กำลังการต่อสู้เหนือกว่าระดับมหาสมุทรวิญญาณ แข็งแกร่งอย่างที่สุด


แส้ที่เขาใช้ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นสมบัติประหลาดชิ้นหนึ่ง ปลดปล่อยเปลวไฟราวกับทะเลไฟขวางกั้นกลางอากาศ น่าพรั่นพรึงยิ่ง


“ผู้ทรงศีลเฮ่อแห่งเขาวิญญาณรางเลือน!”


“ในที่สุดก็มีผู้ยิ่งใหญ่ลงมือฆ่าเด็กหนุ่มคนนี้แล้ว!”


ทั่วบริเวณมีเสียงอุทานดังขึ้น ต่างตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่อยู่


“ตาแก่ อย่างเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสอนข้า”


นัยน์ตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ ชิงชังพวกฉวยโอกาสพวกนี้อย่างที่สุด ถือดาบแตกย่างสามขุมเข้าไปสังหาร


แสงวิเศษสีเงินเจิดจ้าบดทับ เปลวเพลิงเต็มฟ้าเหล่านั้นพลันสูญสลายในชั่วพริบตา


ชายชราแค่นเสียงเย็น กวัดแกว่งแส้สำแดงวิชาลับ ม้วนพายุเพลิงโหมคลั่ง อานุภาพดุจดั่งเทพแห่งเพลิง


ตูม!


ครู่หนึ่งหลังจากนั้นเสียงปะทะกันดังสะเทือนฟ้าดิน ชายชราใช้แส้ในมือฟาดสะบัด ขวางอานุภาพกร้าวแกร่งของดาบแตกไว้ แต่ร่างของเขาก็สะเทือนจนลอยออกไป สั่นระริกไปทั้งตัวราวกับถูกฟ้าผ่า สีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน เห็นได้ชัดว่าเสียเปรียบไปไม่น้อย


หลายคนต่างสูดหายใจด้วยความตะลึง มือเท้าเย็นเฉียบ


ผู้ทรงศีลเฮ่อเป็นถึงผู้โดดเด่นในระดับหยั่งสัจจะแห่งสำนักโบราณเขาวิญญาณรางเลือน แม้พลังปราณจะถูกกด แต่ความสามารถที่เขามี แม้แต่อัจฉริยะมีชื่อเสียงบางคนยังไม่อาจประมือได้


แต่ยามนี้เมื่อแข็งชนแข็ง ผู้ทรงศีลเฮ่อกลับสะเทือนถอยไปเพราะการโจมตีของเด็กหนุ่มป่าเถื่อนคนนี้!


“เจ้าหนู ตายซะ!”


ทันใดนั้นผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะอีกคนก็พุ่งออกมา เป็นชายวัยกลางคนที่ถือกระบี่กระดูก เขาฟาดกระบี่ออกมา หมายจะฉวยโอกาสสังหารหลินสวินให้สิ้นซากในขณะที่ไม่ทันตั้งตัว!


“หึ!”


หลินสวินแค่นเสียงเย็นชา เงาร่างแวบหายไปจากจุดเดิม เข้าไปสังหารผู้ทรงศีลเฮ่อต่อโดยไม่สนใจชายวัยกลางคนผู้นั้นด้วยซ้ำ


โครม!


แสงดาราสีเงินไหลหลั่งออกมา ราวกับดาวดวงใหญ่มากมายที่ร่วงพรู ดูน่าตกตะลึง ผู้ทรงศีลเฮ่อถูกไล่สังหารจนสะบักสะบอมเซถอยอย่างต่อเนื่อง ใกล้จะต้านไม่ไหวแล้ว


ในเวลาเดียวกันชายกลางคนซึ่งถือกระบี่กระดูกก็ลอบจู่โจมอยู่ตลอด การเคลื่อนไหวเหี้ยมโหดดุดัน เจตนาร้ายกาจอย่างเห็นได้ชัด


และเพราะเหตุนี้ทำให้หลินสวินจำต้องแบ่งสมาธิ ผู้ทรงศีลเฮ่อจึงไม่ได้ถูกฆ่าในทันที


เมื่อเห็นว่าผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะสองคนลงมือจึงพอจะฝืนยันหลินสวินได้บ้าง แต่กลับไม่สามารถกดดันเขาได้ ผู้ฝึกปราณในที่นั้นต่างตกตะลึงอีกระลอก


เด็กหนุ่มป่าเถื่อนคนนั้นบาดเจ็บหนักขนาดนี้ กลับยังสามารถสู้มาได้จนถึงตอนนี้ น่าตะลึงเกินไปแล้ว!


โครม!


เสียงปะทะสะเทือนฟ้าดังขึ้นอีกครั้ง ดาบแตกวาดขวางฟันแส้ในมือผู้ทรงศีลเฮ่อจนหัก แสงสีเงินสาดส่อง โจมตีแขนขวาของผู้ทรงศีลจนแหลก


เมื่อเห็นว่าหลินสวินกำลังจะสังหารผู้ทรงศีลเฮ่อ เสียงชิ้งหนึ่งก็ดังขึ้น ชายกลางคนที่ถือกระบี่กระดูกคนนั้นลอบจู่โจมหลินสวินอีกครั้ง


ฆ่า!


นัยน์ตาของหลินสวินสาดประกายสายฟ้าเย็นเยียบ ความเดือดดาลพวยพุ่ง ปล่อยผู้ทรงศีลเฮ่อไปทั้งอย่างนั้นแล้วหมุนดาบแตกฟันปะทะกระบี่กระดูก


ฟ้าดินบริเวณนั้นสั่นสะเทือน แสงประกายแผ่กระจาย กระบี่กระดูกของชายวัยกลางคนถูกโจมตีจนกระเด็น ทั้งร่างราวกับถูกฟ้าผ่า ปากกระอักเลือดสด


“ตาย!”


หลินสวินร้องตะโกน สะบัดฟันดาบแตกไปเบื้องหน้าพร้อมกับแสงประกายดารา


โครม!


ชายวัยกลางคนหน้าเปลี่ยนสี ส่งเสียงคำรามกราดเกรี้ยว ตรงหน้าปรากฏกระถางโบราณที่แผ่แสงพิสุทธิ์ออกมา ตั้งรับการโจมตีนี้


แต่ใครจะคิดว่าจู่ๆ หลินสวินก็ขยับขา เสียงปังดังขึ้น เป็นเขาใช้ขาข้างหนึ่งเตะเข้าหน้าของชายวัยกลางคน


เสียงอู้อี้หนึ่งดังขึ้นมา ชายกลางคนโหนกแก้มแตก จมูกปากเสียหาย ฟันผสมเลือดพุ่งกระฉูดออกมา เกือบจะถูกเตะจนหัวระเบิด


ทว่าอย่างไรเขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะ แม้ตกอยู่ในอันตราย แต่สุดท้ายก็ยังสำแดงฤทธิ์หลบไปได้อย่างยากลำบาก


นี่เป็นความอับอายอย่างแน่นอน เขาเป็นถึงผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะ กลับถูกเด็กหนุ่มที่บาดเจ็บเจียนตายเหยียบหน้า ทำให้เขาอับอายจนกลายเป็นโกรธ


ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนที่ทั้งสองจะแยกออกจากกัน


เหล่าผู้ฝึกปราณที่อยู่ในระยะไกลต่างตัวสั่น โจมตีขนาบแบบนี้ยังไม่สามารถขวางหลินสวินไว้ได้ กลับยังถูกเขาไล่สังหารกระเจิดกระเจิง


แสงดาราสว่างไสว หลินสวินพุ่งเข้าไปสังหารต่อไม่ยอมปล่อยชายวัยกลางคนผู้นั้นไป โจมตีจนอีกฝ่ายกระอักเลือด หลบหลีกไม่หยุด


“เจ้าหนู เจ้าอย่าบีบคั้นกันเกินไป!”


ชายกลางคนตะคอก สีหน้าเขียวคล้ำอัดอั้นอย่างที่สุด เดิมเขาเป็นผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะ แต่เพราะเข้ามาในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น ด้วยกลัวว่าจะถูกพลังต้องห้ามสะท้อนกลับจึงจำต้องกดพลังปราณลง


แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ในสถานการณ์แบบนี้กลับถูกเด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณไล่สังหารจนเสียกระบวน จะให้เขารับได้อย่างไร


“แน่จริงเจ้าก็ใช้พลังที่แท้จริงสิ ไม่เช่นนั้นก็เตรียมตัวตายได้!”


หลินสวินแข็งแกร่งมาก แม้จะมีศัตรูที่ไม่หวังดีรอบทิศ แต่เขาก็ยังสงบนิ่งไม่เกรงกลัว


ตูม!


ตอนที่พูดเขาฟันดาบแตกกลางอากาศ ด้วยการโจมตีนี้ทำให้ชายกลางคนสะเทือนถอยออกไปอีกครั้ง เลือดอาบตัว สภาพน่าอนาถ


“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าหรือ”


ชายกลางผู้นั้นคลุ้มคลั่งอย่างที่สุดแล้ว คืนพลังระดับหยั่งสัจจะโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น เป็นฝ่ายพุ่งจู่โจมหลินสวินอย่างดุเดือดราวกับสัตว์ปีศาจที่กราดเกรี้ยว


อานุภาพของเขาน่าหวาดหวั่น พลังของระดับหยั่งสัจจะไม่ใช่ธรรมดา ทำให้คนทั่วทั้งบริเวณนั้นตื่นตะลึง


แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาขนลุกยิ่งกว่าคือหลินสวินกลับยังไม่ถูกกดดัน เขากุมดาบแตกสู้กับชายกลางคนผู้นั้นได้อย่างสูสี


ถึงขั้นที่มีทีท่าว่าจะกดดันชายวัยกลางคนผู้นั้น


“สวรรค์ เด็กหนุ่มคนนี้วิปริตเกินไปแล้ว”


ผู้ฝึกปราณหลายคนต่างตัวสั่น ท่าทางโหดเหี้ยมเย่อหยิ่งของหลินสวินทำให้จิตวิญญาณของพวกเขาสั่นสะเทือนอย่างแท้จริง


“ผู้ทรงศีลเฮ่อ เจ้ายังลังเลอะไร ลงมือพร้อมกัน ฆ่าเด็กคนนี้ซะ!”


ชายกลางคนตะคอกอย่างเดือดดาล


ทันใดนั้นผู้ทรงศีลเฮ่อที่เมื่อครู่ถูกหลินสวินไล่สังหารจนหนีกระเจิงไปได้หวนกลับมาอีกครั้ง สำแดงอานุภาพ เล่นงานหลินสวินพร้อมกับชายวัยกลางคน


ชิ้ง!


แต่ในยามนั้นเอง บนดาบแตกของหลินสวินจู่ๆ ก็สะท้อนปรากฏการณ์ประหลาดที่รัตติกาลนิรันดร์มาเยือน ดวงดาวนับหมื่นร่วงหล่น อานุภาพพุ่งสูงถึงขีดสุด ปิดคลุมชายกลางคนและผู้ทรงศีลเฮ่อให้จมมิด


กระบวนท่าคว้าดารา!


ครั้งนี้ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าเพราะหลินสวินรวมชีพจรวิญญาณได้แล้ว หรือเพราะดาบแตกเล่มนั้นร้ายกาจเกินไป พอใช้กระบวนท่านี้ กลิ่นอายแห่งปรากฏการณ์ประหลาดทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ราวกับถูกรัตติกาลนิรันดร์ปกคลุม


“อ๊าก…”


ชายกลางคนกรีดร้อง กระบี่กระดูกของเขาระเบิดแหลก ร่างกายถูกคมดาบอันร้อนเร่าฟันใส่ ขาดเป็นสองท่อนตั้งแต่เอวลงไป!


อีกด้านหนึ่งผู้ทรงศีลเฮ่ออุทานด้วยความตกใจ หมุนตัวไปหมายจะหนี


น่ากลัวเกินไปแล้ว ชายกลางคนผู้นั้นใช้พลังระดับหยั่งสัจจะแล้วกลับยังถูกสังหารคาที่ ในสถานการณ์แบบนี้มีหรือที่ผู้ทรงศีลเฮ่อยังจะกล้าอยู่ต่อ


“จะหนีไปไหน!”


หลินสวินคำราม สำแดงก้าวย่างชือน้ำแข็งจึงไวกว่าอีกฝ่ายมาก ดาบแตกราวกับเงาดารา ส่องแสงบิดโค้งห้อตะบึงสังหารกลางอากาศ


วู้ม~


ผู้ทรงศีลเฮ่อเริ่มใช้พลังของระดับหยั่งสัจจะ แต่เขากลับไม่อาจต้านการโจมตีนี้ได้ ถูกฟันหัวหลุดร่วง เลือดย้อมทั่วฟ้า!


เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะที่ชื่อเสียงเลื่องลือสองคนถูกสังหารคาที่!


ทั่วบริเวณเงียบสงัดไร้สุ้มเสียง ทุกคนต่างตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง สายตาที่มองหลินสวินราวกับมองเห็นผีตัวเป็นๆ


ก่อนหน้านี้ ตอนที่หลินสวินใช้พลังดุจพลิกฟ้ากำราบดาบแตกก็ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงแล้ว แต่หลินสวินในตอนนั้นก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ร่างกายเสื่อมทรุดไม่เหลือสภาพ แทบจะพังทลายอยู่แล้ว


ในสถานการณ์ระดับนี้ ขณะที่ทุกคนในที่นั้นคิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีในการช่วงชิงสมบัติ แต่ใครจะคิดว่าหลินสวินจะแข็งแกร่ง เย่อหยิ่ง น่าสะพรึงกลัวเพียงนี้ เพียงพลิกฝ่ามือก็สังหารผู้ฝึกปราณไปเกือบสิบคน ทำลายอัจฉริยะโดดเด่นอย่างหรั่นอิ๋น


และยามนี้เขายิ่งใช้พลานุภาพอันยิ่งใหญ่ ฆ่าผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะสองคน!


เขา…เป็นใครกันแน่


เหตุใดจึงพลิกฟ้าเช่นนี้!?


ทุกคนต่างเงียบสงัด ตกตะลึงกันถ้วนหน้า


——


ตอนที่ 453 ดินแดนอันน่ากลัว

โดย

ProjectZyphon

เด็กหนุ่มร่างกายหมดสภาพ เสื้อผ้าชุ่มเลือด แต่ยามนี้เขายืนตระหง่านอยู่กลางอากาศเช่นนั้น ในมือถือดาบแตกประกายดวงดาว แต่ดูราวกับเทพมารที่สร้างความตะลึงไปทั่ว


ไม่มีใครกล้าเสี่ยงอีก แม้แต่ระดับหยั่งสัจจะยังถูกฆ่าตาย ใครยังจะสู้เด็กหนุ่มคนนี้ได้


“มีใครอยากชิงดาบนี้อีกหรือไม่”


หลินสวินเอ่ย เสียงราบเรียบแต่มีพลังดุจสายฟ้าน่าตะลึงดังสนั่นไปทั่ว แต่เนิ่นนานก็ยังไม่มีใครกล้าตอบกลับ


ถึงขั้นที่ทุกคนที่ถูกสายตาของหลินสวินกวาดผ่าน สีหน้าต่างเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตัวแข็งค้างไม่กล้าสบตากับเขา


นี่คือความน่าเกรงขาม!


กำราบดาบแตกก่อน แล้วฟาดฟันเหล่าผู้กล้า สังหารระดับหยั่งสัจจะ วิธีอันโหดร้ายและนองเลือดของหลินสวินทำให้ทุกคนหวาดกลัวไปหมดแล้ว


พรึ่บ!


หลินสวินเก็บสายตา ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งโดยไม่รั้งรออีก ทะยานผ่านอากาศมุ่งหน้าไกลออกไปประหนึ่งสายรุ้ง


เห็นเช่นนี้มีผู้ฝึกปราณหลายคนที่ไม่จำยอม ยังนึกอยากลอง แต่สุดท้ายก็หักห้ามใจเอาไว้ พวกเขารู้ตัวว่าขัดขวางหลินสวินไม่ได้


เด็กหนุ่มป่าเถื่อนคนนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วทุกสารทิศ


จวบจนกระทั่งเงาร่างของหลินสวินหายลับตาไป เหล่าผู้ฝึกปราณจึงได้สติจากความตะลึง มองกองเลือดและศพในบริเวณนั้น ยังมีภูเขาแม่น้ำกับพื้นดินที่ถูกทำลายทั่ว ต่างอดวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้


“เหตุใดเด็กหนุ่มคนนั้นจึงน่าสะพรึงกลัวเพียงนี้ ในระดับมหาสมุทรวิญญาณเรียกได้ว่าไม่มีใครเทียบแล้ว ทั้งยังข้ามระดับไปสังหารระดับหยั่งสัจจะได้อีก เหลือเชื่อจริงๆ!”


มีคนทอดถอนใจ


“ต้องเป็นผู้สืบทอดสำนักโบราณที่ปลีกวิเวกเป็นแน่ มิเช่นนั้นจะไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อนเลยได้อย่างไร”


“ใช่ ข้าเองก็เคยได้ยินว่าในดินแดนต้องห้ามโบราณหลายแห่งและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในการฝึกปราณที่ปลีกวิเวก มีผู้กล้าชั้นยอดไม่มีใครเทียบ ราวกับเป็นอมตะและปราบศัตรูได้เหมือนเด็กหนุ่มป่าเถื่อนคนนั้น!”


“พวกเจ้าคิดว่า เด็กหนุ่มป่าเถื่อนคนนี้เทียบกับบุคคลที่ถูกยกย่องว่าเป็นผู้กล้าแห่งยุคมาเนิ่นนาน อย่างหลิงจื่อนั่วแห่งเขาเมฆาสวรรค์ เถี่ยเชียนหานแห่งสำนักสงัดดารา อวิ๋นเคอแห่งสำนักกระบี่แรกวิญญาณ หยวนจั้นแห่งสำนักเทพโลหิต เหลียนเตี๋ยอีแห่งแดนวิญญาณหมื่นมายา… ใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน”


“ยากบอกได้ ที่เมื่อครู่นี้เด็กหนุ่มคนนั้นสังหารยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะได้ เหตุผลแรกเพราะพลังต้องห้ามภายในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้พลังที่แท้จริงได้ เหตุผลที่สองเพราะดาบแตกในมือเด็กหนุ่มคนนั้นพลิกฟ้ามากเกินไป ถ้าเป็นพวกหลิงจื่อนั่ว เถี่ยเชียนหาน ก็น่าจะทำได้ขนาดนี้เช่นกัน”


“อยากเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นสู้กับผู้กล้าเหล่านั้นจริงๆ ดูซิว่าใครจะโดดเด่นกว่า”


เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นทั่วทุกสารทิศ


และในวันนั้นเอง ข่าวเกี่ยวกับ ‘เด็กหนุ่มป่าเถื่อน’ ก็แพร่สะพัดออกไปทั่วพื้นที่ในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความตะลึงขึ้นมากมาย


คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กหนุ่มที่ก่อนหน้านี้ดูเงียบๆ ไม่พูดจา กลับดุดันป่าเถื่อนได้ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นที่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าเขามาจากไหนและชื่ออะไร


……


ภูเขาลูกใหญ่รกร้างที่เหมือนซากปรักหักพังปรากฏขึ้น ที่แห่งนี้ไม่มีต้นไม้ใบหญ้างอกเงยแม้แต่ต้นเดียว แผ่กระจายกลิ่นอายดุร้ายปกคลุมฟ้าดิน


เห็นได้ชัดว่านี่เป็นดินแดนอันน่ากลัวแห่งหนึ่ง ถ้าผู้ฝึกปราณปกติมาเห็นเข้าคงหลบหลีกไปไกล


พรึ่บ!


ไม่นานเงาร่างของหลินสวินก็ปรากฏขึ้น ณ ที่แห่งนี้


แตกต่างกับการแผลงฤทธิ์ไม่มีใครเทียบเมื่อครู่นี้ ยามนี้สีหน้าของเขาขาวซีด หว่างคิ้วเผยความร้อนรนและจนใจ


ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้เขาสร้างความตื่นตะลึงให้คนทั้งบริเวณ แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าพลังอันแข็งแกร่งเกรียงไกรของเขานั้นเสื่อมทรุดจนเป็นม้าตีนปลายแล้ว และเกือบจะยันไว้ไม่ไหว!


เหตุผลก็เพราะชีพจรวิญญาณ


แม้ว่าการปะทะกับดาบแตก ทำให้สุดท้ายหลินสวินสามารถรวมชีพจรวิญญาณได้สำเร็จ แต่กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่เหนือความคาดหมายของเขา


ชีพจรวิญญาณเพิ่งจะเป็นรูปเป็นร่าง มันราวกับโหยหาพลังที่มั่นคงยิ่ง จึงเริ่มกลืนพลังวิญญาณในร่างของเขา!


ทีแรกนี่เป็นสิ่งที่หลินสวินอยากให้เป็นที่สุด เดิมเขาก็แทบจะควบคุมพลังวิญญาณที่พลุ่งพล่านในร่างไม่ไหวแล้ว ถ้าสามารถคลี่คลายได้ด้วยชีพจรวิญญาณย่อมเป็นเรื่องที่ดีอย่างที่สุด


ทว่าหลังจากนั้น หลินสวินกลับพบว่าชีพจรวิญญาณนั่นราวกับหลุมดำที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งกลืนกินและหลอมพลังวิญญาณในร่างกายอย่างต่อเนื่อง


ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป คงจะรีดเค้นพลังปราณในร่างหลินสวินไปจนเหือดแห้งแน่!


ซึ่งก็เพราะเหตุผลนี้ ในศึกเมื่อครู่หลินสวินจึงรีบออกมา แม้แต่ทรัพย์หลังศึกยังไม่มีกะจิตกะใจจะไปชิง


โชคดีที่เหล่าผู้ฝึกปราณตะลึงกับพลังของเขา ถ้าพวกเขายังดื้อด้านอีกสักหน่อย ไม่แน่ว่าอาจสามารถฉวยโอกาสตอนที่หลินสวินอ่อนแรง จัดการเขาได้ตามปรารถนา


‘ต้องปรับสภาพเงียบๆ สักหน่อย…’


หลินสวินไม่คิดอะไรด้วยซ้ำ เงาร่างก็แวบหายเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาที่กลายเป็นเศษซากและมีหมอกหนานั้น


ตั้งแต่ชีพจรวิญญาณกำเนิดและเริ่มต่อสู้กับเฉียนไหว จวบจนกระทั่งเข้ามาอยู่ในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น ก็เป็นเวลาสิบกว่าวันแล้ว หลินสวินยกทัพจับศึกโดยตลอด ไม่เคยพักเลยแม้แต่ครั้งเดียว


ที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อจัดการพลังที่พลุ่งพล่านราวกับภูเขาไฟปะทุในร่างกาย


และยามนี้การรวมชีพจรวิญญาณสำเร็จแล้ว คลี่คลายวิกฤตได้ แต่ก็ทำให้เขาตกอยู่ในอีกวิกฤตหนึ่ง


นั่นก็คือพลังปราณในร่างกายของเขากำลังถูกชีพจรวิญญาณกลืนกินอย่างบ้าคลั่ง!


ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปโดยไม่แก้ไข อย่าว่าแต่ต่อสู้เลย เกรงว่าหลินสวินเองยังต้านทานไม่ไหว ตกอยู่ท่ามกลางความอ่อนแรงอย่างสิ้นเชิง พลังยุทธ์พังทลาย!


จากปลายยอดหนึ่งไปอีกปลายยอด ล้วนแล้วแต่เป็นวิกฤต ต่างมาจากชีพจรวิญญาณ ทำให้หลินสวินเองก็พูดอะไรไม่ออก


อย่างไรก็ตามเมื่อมองอีกด้าน เป็นเพราะการกำเนิดของชีพจรวิญญาณที่ก่อตัวอีกครั้งในที่สุด จึงทำให้พลังต่อสู้ของหลินสวินพุ่งสูงขึ้น ยิ่งแพ้ยิ่งห้าวหาญ ยิ่งสู้ยิ่งแข็งแกร่ง พลังรอบตัวเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่า


จึงสามารถยกทัพจับศึกกับระดับสัจจะอย่างพวกเฉียนไหว นักพรตสยง ฉู่หลินเทียนพวกนั้นได้ ทั้งยังกำราบดาบอันดุร้ายพลิกฟ้าเล่มนั้นจนสร้างความตะลึงให้ผู้ฝึกปราณมากมาย


หลินสวินมีลางสังหรณ์ว่า หากเขาสามารถฉวยโอกาสนี้รักษาความมั่นคงของชีพจรวิญญาณได้และคลี่คลายวิกฤตในครั้งนี้ พลังของเขาจะสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!


ภูเขาลึกหมอกหนาเงียบสงัดจนน่ากลัว ราวกับว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ แม้แต่เสียงลมยังเงียบ บนพื้นเต็มไปด้วยคราบเลือดสีแดงเข้มแปลกๆ


แม้ว่าหลินสวินจะต้องการหาสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับการทำสมาธิ แต่เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้ในใจก็เคร่งเครียด ไม่กล้าประมาท


ไม่นานโครงกระดูกขนาดใหญ่ของอสูรมารก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ความยาวประมาณสิบกว่าจั้ง กะโหลกศีรษะแหลกละเอียดทั้งหมด เหลือเพียงแค่ศพที่ไม่สมประกอบ


โครงกระดูกเป็นสีทองซีด พลังร้ายรายล้อม แผ่กระจายกลิ่นอายแห่งกาลเวลา เห็นได้ชัดว่าอยู่มาตั้งแต่โบราณ


โฮก~


มองจากไกลๆ มีเสียงคำรามน่าตระหนกจากโครงกระดูกดังขึ้นอยู่รางๆ ทำให้จิตวิญญาณสั่นสะเทือน หลินสวินขนลุก รู้สึกถึงอันตรายที่ชวนให้หายใจติดขัด


ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่มันต้องเป็นอสูรมารที่ดุร้ายและทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แน่ แม้สึกกร่อนไปตามกาลเวลาก็ยังคงรักษากลิ่นอายที่ดุร้ายน่ากลัวเอาไว้


หลินสวินไม่กล้าเข้าไปใกล้ หลีกเลี่ยงออกห่างแล้วเดินหน้าต่อ


ไม่นานแม่น้ำเลือดสายหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางหมอกหนาอย่างคลุมเครือ ไหลอย่างเงียบๆ ไม่มีคลื่นแม้แต่น้อย แปลกประหลาดหาที่เปรียบไม่ได้


สิ่งที่ทำให้หลินสวินตกใจที่สุดคือ สิ่งที่ไหลอยู่ในแม่น้ำสายนั้นเป็นเลือดเข้มข้น ส่องแสงประกายระยิบระยับ ราวกับแปลงมาจากเลือดโบราณ


และในแม่น้ำเลือดสายนั้นมีศพโบราณจมอยู่ มีซากสมบัติโบราณปรากฏอยู่รางๆ กำลังไหลตามน้ำไปยังส่วนลึกของภูเขาอย่างเงียบๆ


หลินสวินรับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวอันยากจะบรรยายเป็นคำพูดได้ ราวกับว่ามีพลังต้องห้ามที่น่ากลัวอยู่ในแม่น้ำเลือด เหมือนมันเคยเป็นที่ฝังเทพและเคยเกิดเหตุการณ์ที่สะเทือนโลกขึ้น


นี่มันแม่น้ำอะไรกัน!


หลินสวินกวาดตามองอย่างไม่ใส่ใจและเห็นศพโบราณศพหนึ่ง เป็นผู้หญิงในชุดกระโปรงรุ้ง ตรงบริเวณลำคอมีกระบี่กระดูกสีเขียวเล่มหนึ่งปักในแนวเฉียง กระบี่กระดูกส่องแสงประกายดุจภาพมายา


เพียงเหลือบมองเท่านั้นหลินสวินก็รู้สึกแข็งทื่อไปทั้งตัว หัวใจเต้นระรัวดั่งลั่นกลอง แผ่กระจายความเย็นเยียบที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้


เขาไม่กล้ามองอีก หลีกหนีแม่น้ำเลือดสายนี้ไปไกล เดินลึกเข้าไปในบริเวณที่หมอกหนากว่า เพียงแต่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้เขาดูระมัดระวังขึ้นมาก


ไม่นานหลินสวินก็เห็นเนินดินสุสานอีกครั้ง มันธรรมดามาก มีเพียงกองดินและป้ายหินแตกพังตั้งอยู่


ป้ายหินเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน ปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ ไม่มีตัวหนังสือสลักอยู่


แต่แม้จะยืนอยู่ห่างจากสุสานที่โดดเดี่ยวนี้ กลับทำให้หลินสวินรู้สึกหวาดกลัวและขนลุกไปทั้งตัว หัวใจหล่นวูบ ราวกับว่าภายใต้สุสานที่ดูไม่โดดเด่นนั้นฝังร่างของผู้ยิ่งใหญ่สะเทือนโลกเอาไว้ กำลังหลับใหลไม่อนุญาตให้ล่วงเกินได้


นี่มันที่บ้าอะไรกัน


หลินสวันพลันหลีกหนีอีกครั้งอย่างไม่ลังเล


จิตใจของเขาไม่สงบเลยสักนิด ภายในภูเขาลูกใหญ่ที่ราวกับซากปรักหักพังแห่งนี้ไม่มีต้นไม้ใบหญ้าเลยแม้แต่ต้นเดียว เงียบสงบอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่กลับมีโครงกระดูกของอสูรมารที่ดุร้ายเกินจะคาดเดา มีแม่น้ำเลือดที่มีซากศพจมอยู่ รวมทั้งสุสานดินโดดเดี่ยวที่ทำให้ทุกคนไม่กล้าก้าวเข้าไปใกล้


ถ้าไม่ใช่เพราะหลินสวินจิตแข็ง คงหันหลังออกจากที่บ้าๆ แห่งนี้ไปตั้งนานแล้ว ความอันตรายอันแปลกประหลาดนั่นทำให้รู้สึกเหมือนตกอยู่ในขุมนรก


ในที่สุดหลินสวินก็มาหยุดอยู่ตรงปากถ้ำที่เกิดจากรอยแตกของหิน เห็นได้ชัดว่าที่นี่เกิดการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัว บนพื้นมีคราบเลือด แดงคล้ำน่าสยดสยองไม่มีจืดจางมาตั้งแต่โบราณ


หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ นั่งขัดสมาธิในถ้ำและเริ่มเข้าสู่สมาธิ


ในส่วนลึกของภูเขาลูกใหญ่ที่ราวกับซากปรักหักพังนี้ดูเหมือนอันตรายและแปลกประหลาดอย่างยิ่ง แต่ทุกอย่างเงียบสงัด เกรงว่าใครก็คงคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะนั่งสมาธิอยู่ตรงนี้


ครืนโครม~~


บริเวณหน้าอก ชีพจรวิญญาณส่องแสงประกายสีขาว สาดฉายกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ ราวกับผืนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลที่กำลังกลืนกินพลังวิญญาณที่พลุ่งพล่านในทะเลปราณ


สามารถมองเห็นได้ว่าชีพจรวิญญาณดูสมจริงขึ้น สดใสขึ้น กลิ่นอายแห่งความศักดิ์สิทธิ์แผ่กระจาย ดูยอดเยี่ยมเกินคาดเดาอย่างที่สุด


หลายปีที่ผ่านมา หลินสวินคิดมาโดยตลอดว่าชีพจรวิญญาณที่ถูกชิงไปตั้งแต่เด็กของตนเป็นอย่างไรกันแน่


ยามนี้มันฟื้นคืนชีพอีกครั้ง พาดขวางอยู่ภายในเส้นปราณหัวใจ ทำให้หลินสวินเองเพิ่งได้เห็นรูปร่างแท้จริงของมันเป็นครั้งแรก!


ยอดเยี่ยมมาก


เมื่อสัมผัสอย่างละเอียดแล้ว หลินสวินสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ามีชีพจรวิญญาณแล้วจริงๆ ภายในร่างกายของตนราวกับมีขุมทรัพย์ลับๆ มีพลังอันยอดเยี่ยมที่ไม่มีใครเทียบ


แต่ไม่นานหลินสวินก็ไม่อาจสนใจเรื่องพวกนี้ได้อีก ในใจร้อนรนขึ้นมา เพราะพลังวิญญาณที่พลุ่งพล่านอย่างหาที่เปรียบไม่ได้นั่นค่อยๆ แห้งเหือดลงไปแล้ว


แต่ชีพจรวิญญาณกลับยังไม่หยุดกลืนกิน!


เห็นได้ชัดว่ามันเพิ่งจะรวมตัว จึงกระตือรือร้นที่จะเพิ่มความมั่นคงและเสริมพลัง


หลินสวินกัดฟัน เอาโอสถวิญญาณที่อยู่ในแหวนเก็บของออกมาแล้วอ้าปากกลืนลงไป เพื่อเข้าสู้กระบวนการหลอม ชดเชยทะเลปราณที่กำลังจะแห้งเหือด


แต่ไม่นานพลังโอสถอันยิ่งใหญ่นั่นก็ถูกดูดกลืนจนหมด!


หลินสวินหัวใจสะท้าน จำเป็นต้องเอาโอสถวิญญาณออกมาอีกครั้ง


ทุกครั้งที่พลังวิญญาณกำลังจะแห้งเหือด หลินสวินก็จะกลืนลูกกลอนวิญญาณวิเศษเรื่อยๆ กระบวนการนี้ดำเนินต่อไปหลายชั่วยาม


แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ชีพจรวิญญาณก็ยังคงกลืนกิน!


จวบจนถึงตอนหลัง โอสถวิญญาณ ลูกกลอนวิญญาณที่หลินสวินเก็บสะสมมาถูกใช้จนหมด ก็ยังไม่สามารถหยุดทุกอย่างได้ ทำให้เขาตะลึงจนอ้าปากค้าง


ชีพจรวิญญาณนี่จะ…กินเก่งไปแล้วหรือเปล่า


——


ตอนที่ 454 ราวกับนิพพาน

โดย

ProjectZyphon

ชีพจรวิญญาณนี้เหนือความคาดหมายจริงๆ เพิ่งจะก่อเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา กลับกลืนกินพลังวิญญาณในร่างกายและลูกกลอนวิญญาณโอสถวิเศษที่หลินสวินเก็บสะสมมาจนหมด


ทั้งยังเหมือนว่าไม่สามารถทำให้มันพอใจได้!


สุดท้ายหลินสวินกัดฟัน หยิบลูกกลอนอสูรมารสีใสเม็ดหนึ่งออกมา อ้าปากกลืนเข้าไป


นี่คือลูกกลอนอสูรมารของอสูรมารเสือดาวมรกต รวมความพิเศษเอาไว้มากมาย ถ้าเอามาเป็นวัตถุดิบยา สามารถหลอมลูกกลอนวิญญาณระดับปฐพีได้อย่างแน่นอน


แต่ถ้ากลืนเข้าไปโดยตรง ฤทธิ์ยาจะลดลงอย่างมาก


แต่ตอนนี้หลินสวินไม่สนใจเรื่องพวกนั้นแล้ว


ครืนโครม~


พลังเร่าร้อนน่าสะพรึงกลัวราวกับธารหินหนืดแพร่กระจายภายในร่างหลินสวินฉับพลัน


ครั้งนี้แตกต่างจากเมื่อครู่นี้ ยังไม่ทันที่หลินสวินจะเข้าไปหลอมพลัง ชีพจรวิญญาณก็ราวกับปากเหวลึก เกิดพลังกลืนกินอันน่ากลัว กลืนพลังทั้งหมดของลูกกลอนอสูรมารเสือดาวมรกต


หลินสวินพลันเกิดภาพลวงตาว่าชีพจรวิญญาณราวกับจะเหมือนตัวเขา เร่งร้อนอยากให้มั่นคงจนรอไม่ได้แล้ว


“ที่รักหนอที่รัก ข้าจะดูซิว่าเจ้าจะกลืนลูกกลอนอสูรมารกี่เม็ด!”


หลินสวินหยิบลูกกลอนอสูรมารขึ้นมาอีกเม็ด อ้าปากกลืนเข้าไป


มูลค่าของลูกกลอนอสูรมารนั้นสูงมาก หากอยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่า ลูกกลอนอสูรมารเช่นเสือดาวมรกตสามารถขายได้ในราคาสูงเสียดฟ้า!


หลังจากฆ่าเฉียนไหว หลินสวินพาเชลยอย่างเหรินเมี่ยวเมี่ยวยกทัพจับศึกมาสิบวันโดยไม่หยุด ระหว่างทางฆ่าอสูรมารระดับมหาสมุทรวิญญาณมาสิบกว่าตัวและได้ลูกกลอนอสูรมารมาสิบกว่าเม็ด


เดิมเขาคิดว่าจะใช้ในการฝึกปราณในภายหลัง แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงสละของรักด้วยความเจ็บปวด ‘ป้อน’ ลูกกลอนอสูรมารที่มีมูลค่าน่าตกใจเหล่านี้ให้ชีพจรวิญญาณ


หนึ่งเม็ด


สองเม็ด


สามเม็ด


หลินสวินกลืนลูกกลอนอสูรมารอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของเขาราวกับเป็นสื่อกลาง ไม่จำเป็นต้องหลอม พลังของลูกกลอนอสูรมารเหล่านั้นก็ถูกชีพจรวิญญาณกลืนกินไปเอง


ในกระบวนการนี้ชีพจรวิญญาณส่องแสงเจิดจ้าราวกับเหวที่ลุกโชน กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์แผ่พุ่งออกมา เกิดเสียงสวดราวกับเสียงธรรมอันคลุมเครือเป็นระลอกๆ


กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์นั่นรุนแรงเกินไป ราวกับแก่นแท้ไหลเวียนอยู่บนจุดปราณทั้งสี่แห่งเส้นปราณหัวใจ พลังที่แผ่ซ่านได้ย้อมทุกส่วนในหัวใจให้บริสุทธิ์ดั่งแก้วใส


ตึก! ตึก! ตึก!


จังหวะการเต้นของหัวใจราวกับเสียงกลองใหญ่ หนักแน่นมั่นคง ยิ่งใหญ่แข็งแกร่ง ในทุกๆ ครั้งก็จะปลดปล่อยกลิ่นอายอันบริสุทธิ์ แผ่กระจายอยู่ในเลือด ไหลเคลื่อนไปถึงเส้นลมปราณ จุดชีพจร กล้ามเนื้อ กระดูกและผิวหนัง…


ทันใดนั้นประหนึ่งรูขุมขนทั้งหมดบนร่างหลินสวินเปล่งประกาย ส่องแสงวับวาวราวกับเคลือบกระจกที่เคลือบแสงอันบริสุทธิ์ แฝงไอวิญญาณและกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์


หลินสวินสัมผัสได้อย่างฉับไวว่า ร่างกายของตนทั้งภายในและภายนอก ทุกอย่างรอบตัวกำลังถูกกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์แทรกซึมและยกระดับ กำลังอยู่ในกระบวนการการเปลี่ยนแปลง


ยามหลินสวินเหลือลูกกลอนอสูรมารเพียงแค่สองเม็ด ในที่สุดชีพจรวิญญาณก็หยุดการกลืนกิน ดูเหมือนจะเพียงพอแล้ว มันพาดอยู่บนเส้นปราณหัวใจราวกับอาทิตย์ดวงใหญ่ที่ปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์แรงกล้า!


ครื้นโครม~~


กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์เอ่อล้นออกมาจากหัวใจ ไหลเวียนไปทั่วทั้งร่าง หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสภาวะวิญญาณอันเป็นเอกลักษณ์ของหลินสวิน กำเนิดเป็นพลังแทรกซึมลึกลับ


หลินสวินโล่งอกอย่างที่สุด คลี่คลายวิกฤตได้แล้ว ทำให้ในใจเขาคลายความกดดันอย่างแท้จริง จึงเข้าสู่สภาวะสงบนิ่ง


หลินสวินฉวยโอกาสนี้ถือ ‘แหวนประสานมายา’ ขับเคลื่อนวิชายุทธ์ เริ่มนั่งสมาธิ


วิ้ง~


ในหัว เสียงที่ราวกับระฆังยามรุ่งสางและกลองยามพลบค่ำ คล้ายกำลังท่องบนสวด สะท้อนอยู่ในห้วงนิมิต


นี่คือ ‘คัมภีร์ประสานมายา’ ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษตระกูลหลิน มีเพียงทายาทสายตรงของตระกูลหลินเท่านั้นที่สามารถเข้าใจความลึกลับยิ่งใหญ่ซึ่งซ่อนอยู่ โดยอาศัยแหวนประสานมายา


ในขณะเดียวกัน ภายในร่างของหลินสวิน มรดกโบราณ ‘เคล็ดวิชาหลุมดำกลืนกิน’ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดจากห้องโถงมรรคาสวรรค์ก็เริ่มขับเคลื่อนเช่นกัน


ส่วนบนจุดปราณทั้งสี่แห่งเส้นปราณหัวใจ ชีพจรวิญญาณที่ดุจอาทิตย์แรงกล้าแผ่กระจายกลิ่นอายบริสุทธิ์ราวกับแก่นแท้ ไหลหลั่งดั่งธารหยก ย้อมไปทั่วทั้งร่างกาย


หลินสวินในยามนี้เปล่งประกายไปทั้งตัว ดวงหน้าสุภาพหล่อเหลาสงบนิ่ง หว่างคิ้วหมดจดมีกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์อยู่รางๆ


ในอากาศราวกับมีเสียงธรรมดังก้องกังวาน ดุจดั่งเสียงแห่งธรรมชาติที่เลื่อนลอยและห่างไกล


นี่เป็นการปะทุแบบหนึ่งหลังจากผ่านการเคี่ยวกรำหนักหน่วง ภายใต้การสนับสนุนของคัมภีร์ประสานมายา เคล็ดวิชาหลุมดำกลืนกินและชีพจรวิญญาณ ทำให้ร่างกาย พลังปราณและจิตวิญญาณของหลินสวินล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง!


……


สามวันต่อมา


ร่างกายภายนอกของหลินสวิน รอยแผลถี่ยิบที่หลงเหลือจากการต่อสู้กรำศึกได้ตกสะเก็ดและลอกออก เผยให้เห็นผิวหนังที่แวววาวราวกับหยกชั้นหนึ่ง รูขุมขนคายแสงวิญญาณ ดูบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์


เจ็ดวันต่อมา


ร่างกายของเขาเกิดเสียงกังวาน กระดูกเปล่งประกาย เส้นเอ็นเนื้อเยื่อดุจหยก โลหิตสะอาดโปร่งใส แผ่กระจายกลิ่นอายบริสุทธิ์!


พลังในร่างเขาได้เสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่ประหนึ่งนิพพาน เปรียบได้กับอาวุธวิญญาณ ทั้งบริสุทธิ์และไร้มลทิน!


สิบวันต่อมา


ในห้วงนิมิต ดวงดาวแห่งจิตแต่ละดวงเปล่งประกาย พลันส่องสว่างขึ้น ราวกับทางช้างเผือกที่ลุกโชนเจิดจ้า เติมเต็มร่างกายที่ว่างเปล่า ส่องสะท้อนจิตวิญญาณ


ดวงดาวแห่งจิตจากร้อยกลายเป็นพันหมื่นดวง ‘ดาราจักรโคจร’ ระดับแรกของสามระดับใหญ่แห่ง ‘เคล็ดเวทบริกรรม’ มาถึงขั้นสมบูรณ์แบบ!


พลันเห็นว่าในห้วงนิมิต ดวงดาวนับหมื่นเปล่งประกายระยิบระยับ โคจรอยู่ในวงวัฏจักรอันลึกลับ หมุนวนเป็นประกาย แทรกซึมทั้งในและนอกจิตวิญญาณ


สิบห้าวันต่อมา


ตูม!


ภายในร่างหลินสวินเกิดเสียงคำราม ราวกับสายฟ้ากำลังสั่นสะเทือน ประหนึ่งภูเขาพุ่งชนกันเป็นเสียงตูมตาม แผ่กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัว


ทะเลปราณของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มหาสมุทรพลังวิญญาณอันกว้างใหญ่ ยามนี้ล้วนเปลี่ยนเป็นเหวใหญ่!


เหวใหญ่โคจร พายุวิญญาณน่ากลัวพุ่งทะยาน หมุนวนกึกก้อง


และในพายุวิญญาณ อาทิตย์จันทร์เดี๋ยวผุดขึ้นผุดลง ดาราส่งแสงวิบวาบ สายฟ้าพัวพัน เสียงฟ้าร้องดังอึกทึก เกิดปรากฏการณ์ ‘ซุ่มซ่อนพลัง’ อันยิ่งใหญ่น่าสะพรึงกลัว!


เหวขนาดใหญ่เปิดขึ้นในทะเลปราณ พายุวิญญาณพวยพุ่ง ปลุกให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดยิ่งใหญ่ สิ่งนี้ดูเหลือเชื่อมาก ถ้าผู้ฝึกปราณคนอื่นเห็นคงตกใจจนอ้าปากค้างและอยากจะเชื่อ


นี่เป็นปรากฏการณ์ที่มีเพียงหนึ่งเดียว นั่นเพราะพรสวรรค์ ‘หุบเหวกลืนกิน’ ของหลินสวินได้กำเนิดขึ้นอีกครั้ง ทั้งยังผสมผสานกับพลังยุทธ์ของเขา ทำให้ไม่เหมือนใคร!


วันที่ยี่สิบ


หลินสวินฟื้นจากสมาธิ ดวงตาสีดำขลับสงบนิ่ง ปรากฏการณ์ลักษณ์เหวใหญ่รางๆ สาดประกายแสงราวกับสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์ ทำลายความมืดและส่องสว่างภายในถ้ำ


ระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นสมบูรณ์!


หลินสวินสัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงรอบตัว ภายในใจเต็มไปด้วยความดีใจ


ไม่เพียงแค่พลังปราณที่เปลี่ยนไปสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นสมบูรณ์ แม้แต่ร่างกาย จิตวิญญาณก็เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบใหม่ราวกับยกระดับ


หลินสวินหยิบกระบี่วิญญาณเล่มหนึ่งออกมา นี่คือหนึ่งในทรัพย์หลังศึกที่เขาได้มา เป็นอาวุธวิญญาณระดับปฐพี


ชิ้ง!


เมื่อฝ่ามือของหลินสวินออกแรง เพียงพริบตาเท่านั้นกระบี่วิญญาณก็ถูกบีบแตก ละอองแสงปลิวว่อน


ถ้าผู้ฝึกปราณในระดับเดียวกันมาเห็นจะต้องตะลึงอย่างแน่นอน เพียงออกแรงก็สามารถบีบอาวุธวิญญาณระดับปฐพีได้อย่างง่ายดาย ในระดับมหาสมุทรวิญญาณ พลังนี้เรียกได้ว่าโดดเด่น!


หลินสวินลุกขึ้น ความหดหู่ในใจถูกสลัดทิ้ง การเข้าสู่แดนวิญญาณโบราณในครั้งนี้ ไม่เพียงก่อชีพจรวิญญาณจนสำเร็จ พลังของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบใหม่ดุจนิพพาน ทำให้หลินสวินรู้สึกตื่นเต้นยินดีอย่างไม่ต้องสงสัย


ยามนี้ แม้จะออกจากแดนวิญญาณโบราณตอนนี้ก็ไม่เสียดาย!


‘ด่านที่สี่ของทางเดินเมฆาหยกนี้ลึกลับมากจริงๆ ทำให้ข้าประสบเคราะห์ที่นี่ ผ่านการต่อสู้ฆ่าฟันแต่รอดมาได้ สุดท้ายยังได้เกิดการเปลี่ยนแปลง บางทีนี่อาจจะเป็นวาสนาของข้า…’


หลินสวินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผมสีดำประบ่า โครงหน้าสุภาพหล่อเหลาเผยรอยยิ้มสดใสอบอุ่นที่ไม่ได้เกิดขึ้นนานแล้ว


นับตั้งแต่วันที่ฆ่าเฉียนไหวจนถึงตอนนี้ หลินสวินก็ตกอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ ไม่เคยเผยรอยยิ้มออกมาแม้แต่ครั้งเดียว เย็นชากระหายเลือดจนถูกผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ มองว่าเป็นปีศาจ


ยามนี้วิกฤตภายในร่างคลี่คลายแล้ว ราวกับผ่านพ้นหายนะแล้วเกิดใหม่ จิตใจว่างเปล่าสงบเงียบ ความเป็นตัวของตัวเองที่ถูกการฆ่าฟันและวิกฤตครอบงำจึงหวนคืน กลับสู่ปกติ


หลินสวินนึกถึงการฆ่าฟันในช่วงหลายวันที่ผ่านมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ และอดแลบลิ้นไม่ได้ โชคดีที่ที่นี่ไม่ใช่จักรวรรดิจื่อเย่า มิเช่นนั้นฆ่าผู้สืบทอดสำนักโบราณและผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะมากมายขนาดนี้ ยามออกไปต้องถูกผู้มีอำนาจมากมายกดดันอย่างแน่นอน


หลินสวินเดินออกจากถ้ำไปโดยไม่ได้คิดอะไรมาก


เพียงพริบตาเท่านั้นความดีใจของเขาก็หายแวบไป ถูกความระแวดระวังเข้ามาแทนที่


ในภูเขาที่เงียบและแปลกประหลาดแห่งนี้ พลังชั่วร้ายรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่หายใจก็ทำให้รู้สึกกลัดกลุ้มใจสับสน สภาพจิตใจก็ค่อยๆ เสียไปด้วย


มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่ามีหมอกเลือดสีแดงเข้มปกคลุม ราวกับเป็นความจริงอันชวนตะลึง


หลินสวินนึกถึงโครงกระดูกอสูรมารโบราณที่ดุร้าย นึกถึงแม่น้ำเลือดที่ไหลอย่างเงียบเชียบและซากศพโบราณน่าสะพรึงที่ผุดขึ้นผุดลงอยู่ในแม่น้ำเลือด…


วินาทีต่อมา เขาก็นึกถึงสุสานเดียวดายและป้ายหินแห่งนั้น ในใจรู้สึกกลัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ


ที่นี่อันตรายขึ้นเรื่อยๆ!


หลินสวินผ่านการเปลี่ยนแปลงราวกับนิพพาน จิตวิญญาณมีความเฉียบคมอย่างมาก รู้สึกได้ว่าภายในภูเขาอันน่ากลัวนี้มีพลังบางอย่างที่ทำให้การหายใจติดขัด ราวกับอะไรบางอย่างกำลังจะตื่นจากความเงียบ


‘ต้องออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด’


หลินสวินหายใจเข้าลึกๆ ทั่วร่างกำจายแสงสีฟ้าอ่อน ต่อต้านและสลายกลิ่นอายชั่วร้ายสีเลือดในอากาศ


จากนั้นเงาร่างของเขาวูบไหว มุ่งหน้ากลับไปตามทางเดิม


ไม่นานก็จะเข้าใกล้อาณาเขตของสุสานนั่นแล้ว หลินสวินตัดสินใจจะอ้อม เพราะกลิ่นอายตรงนั้นน่ากลัวมาก ทำให้เขาไม่กล้าผ่าน


พรึ่บ!


แต่ในขณะนั้นเองมีร่างอันเพรียวบางปรากฏขึ้น ผิวพรรณขาวยิ่งกว่าหิมะ รูปลักษณ์งดงามน่าดึงดูด ปากแดงระเรื่อมีเสน่ห์อย่างน่าทึ่ง


เป็นเหลียนเตี๋ยอีผู้สืบทอดแห่งแดนวิญญาณหมื่นมายา!


ทำไมเป็นนางอีกแล้ว?


หลินสวินประหลาดใจ บังเอิญเกินไปแล้ว ครู่เดียวเขาก็เพ่งสายตา ดูออกว่าเหลียนเตี๋ยอีเหมือนจะถูกตามฆ่า ชุดกระโปรงสีแดงเพลิงเปื้อนคราบเลือด ใบหน้าขาวผ่องละเอียดลออก็ขาวซีดเล็กน้อย


นางขมวดคิ้วกัดฟันแน่น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความแค้นเคือง ในปากเหมือนกำลังพึมพำท่องอะไรสักอย่าง


“ช่วยข้าด้วย!”


พอเห็นหลินสวิน เหลียนเตี๋ยอีก็ส่งเสียงทันที จากนั้นเงาร่างพลันทะยานเข้ามาหาหลินสวิน


“เจ้าไปตามหาสุดยอดวาสนามิใช่หรือ เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ได้”


หลินสวินอดถามไม่ได้


“ไร้สาระ ที่นี่ก็คือ ‘แดนโบราณโลหิตร้าง’ แหล่งกำเนิดวาสนาอย่างไรเล่า!”


เหลียนเตี๋ยอีกลอกตาใส่หลินสวิน จากนั้นพลันร้อนรนขึ้นมา “เร็วๆ ออกไปจากที่นี่ก่อน พวกข้างหลังกำลังจะมาถึงแล้ว ”


หลินสวินกลับยิ่งไม่ขยับ พูดพร้อมใบหน้าไร้เดียงสา “เจ้าเป็นฝ่ายถูกตามล่า มิใช่ข้าเสียหน่อย”


“ไอ้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตาขาว เจ้ามันใจไม้ไส้ระกำ ข้าไม่น่าเอาน้ำเต้าเพลิงแดงให้เจ้าแต่แรก!”


เหลียนเตี๋ยอีแค้นจนกัดฟันกรอด ก่นด่ายกใหญ่ ถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์ไม่อำนวย นางอยากจะเข้าไปซัดหลินสวินสักที


——


ตอนที่ 455 สมบัติลับราหู

โดย

ProjectZyphon

พูดถึงน้ำเต้าเพลิงแดงทำให้หลินสวินนึกขึ้นได้ น้ำเต้านี้เป็นสมบัติโบราณที่มีที่มายิ่งใหญ่ ภายในมีหยดเลือดหัวใจของผู้ยิ่งใหญ่สมัยโบราณปิดผนึกอยู่ แฝงไว้ด้วยมรรควิถีลึกลับ ไม่อาจประเมินค่าได้


แม้จะบอกว่าสมบัติชิ้นนี้ควรจะเป็นของหลินสวินแต่แรก แต่ตอนนั้นการที่เหลียนเตี๋ยอีคืนของสิ่งนี้ให้เขาอย่างใจกว้าง ก็ถือเป็นมิตรภาพอย่างหนึ่ง


“ไอ้จิ้งจอกตาขาวเนรคุณ ถือว่าข้ามองคนผิด ต่อไปอย่าให้ข้าเห็นเจ้าอีก…”


ด้านข้างเหลียนเตี๋ยอียังคงด่าอย่างขึ้งโกรธ


“ขืนเจ้ายังด่าต่อ ข้าจะไม่ช่วยเจ้าแล้วนะ”


หลินสวินจ้องนางเขม็งแวบหนึ่ง


หญิงที่งดงามเย้ายวนปานนี้ อีกทั้งยังเป็นถึงผู้สืบทอดแห่งแดนวิญญาณหมื่นมายา ฐานะไม่ธรรมดา ยามนี้กลับมาพึมพำก่นด่าตนเหมือนเด็กๆ ทำให้รู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้จริงๆ


“เอ๋ เจ้าว่าอะไรนะ”


เหลียนเตี๋ยอีตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “อ๊า ข้าเข้าใจเจ้าผิดไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าหนุ่มน้อยสุดหล่อจะรู้บุญคุณคนขนาดนี้”


จู่ๆ ตนกลายเป็นคนที่รู้บุญคุณคนซะแล้ว…


หลินสวินพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดว่า “รีบไปกันเถอะ”


“ใช่ๆๆ ออกจากที่นี่ก่อน เจ้าสารเลวพวกนั้นใกล้จะตามมาฆ่าแล้ว”


สีหน้าของเหลียนเตี๋ยอีเปลี่ยนไปเล็กน้อย พลันเดินเข้าส่วนลึกของหมอกสีเลือดหนาทึบไปพร้อมกับหลินสวิน


ฟึ่บๆๆๆ~~


พวกเขาเพิ่งจากไปได้ไม่นาน เสียงระลอกหนึ่งก็ดังทะลุอากาศมา เงาร่างมากมายปรากฏขึ้น


ลำแสงสายฟ้าสีครามคำราม แปรเปลี่ยนเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง ผิวพรรณกระจ่าง นัยน์ตามีชีวิตชีวา รอบตัวมีกลิ่นอายสายฟ้าไหลหลั่งราวกับน้ำตก


หลิงจื่อนั่วแห่งเขาเมฆาสวรรค์ นางมีพรสวรรค์ ‘กายหยกวิญญาณสายฟ้า’ อันโดดเด่น ความสามารถยากจะคาดเดา มีชื่อเสียงที่โด่งดังไปทั่วหล้ามาหลายปีแล้ว


“นางหนีไปได้อีกแล้ว”


หลิงจื่อนั่วขมวดคิ้ว ประกายสายฟ้าไหลวนภายในนัยน์ตา


“ยังหนีไปได้ไม่ไกล”


อีกด้าน นักพรตน้อยคนหนึ่งปรากฏตัว แบกกระบี่โบราณลายสนไว้กลางหลัง ในขณะกวาดสายตา ปรากฏลายลึกลับสีทองอร่าม ไอสมบัติรอบตัวเขาแผ่กระจาย ดูโดดเด่นอย่างบอกไม่ถูก


เป็นอวิ๋นเคอผู้สืบทอดสำนักกระบี่แรกวิญญาณ บุคคลผู้โดดเด่นที่ได้รับการสืบทอดวิชาลับของลัทธิเต๋า


“แต่ถูกต้อง นางเคยสัมผัสกับมนุษย์ที่นี่ มีกลิ่นอายผิดปกติอยู่ในอากาศ”


เงาร่างลิงมายาตัวหนึ่งปรากฏ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นคนหนุ่มในชุดคลุมดำผิวคล้ำเข้ม นัยน์ตาสีแดง เขาสูดจมูกเบาๆ พลันขมวดคิ้วพูด “กลิ่นอายนี้ไม่ใช่ของเถี่ยเชียนหานผู้สืบทอดสำนักสงัดดารา และไม่ใช่ของไป๋อวี่เทพสังหารน้อยแห่งตระกูลปราบมาร”


“เช่นนั้นเป็นใครกัน คงไม่ใช่ผู้ช่วยของเหลียนเตี๋ยอีหรอกนะ”


ดวงตาของอวิ๋นเคอราบเรียบ


“ไม่ใช่ผู้สืบทอดในสำนักโบราณ เพราะข้าจำกลิ่นอายของพวกเขาได้ แต่นี่เป็นกลิ่นอายที่พิเศษมาก พลังชีวิตพลุ่งพล่าน น่าทึ่งมาก”


จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในตัวหยวนจั้นพลุ่งพล่าน ราวกับอสูรมารพญาลิงผู้ยิ่งใหญ่ เลือดลมเดือดพล่าน เพียงกลิ่นอายเดียวก็ปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าบุคคลลึกลับที่สัมผัสกับเหลียนเตี๋ยอีต้องพิเศษมาก!


“หืม แม่นางหลิงเจ้าจะไปไหน”


อวิ๋นเคอสังเกตเห็นว่า เงาร่างของหลิงจื่อนั่วหายไปในส่วนลึกของหมอกหนา


“ไปฆ่าอสูรมารสาวคนนั้น ชิงสมบัติลับราหูกลับมา!”


ยังไม่ทันสิ้นเสียง เงาร่างของหลิงจื่อนั่วก็แวบหายไปแล้ว


“หึ ข้าว่าแล้วเชียว หลิงจื่อนั่วนิสัยสันโดษเย่อหยิ่ง ไปไหนมาไหนตามลำพัง จะเคลื่อนไหวพร้อมกับนางเห็นชัดว่าเป็นไปไม่ได้”


หยวนจั้นส่ายหน้า น้ำเสียงเผยความไม่พอใจกับนิสัยเอาแต่ใจของหลิงจื่อนั่วเต็มประดา


“ใครใช้ให้พลังต่อสู้ของนางไม่มีใครเทียบ ทั้งยังมีพรสวรรค์กายหยกวิญญาณสายฟ้า ในแดนโบราณโลหิตร้างแห่งนี้ ก็มีเพียงนางเท่านั้นแหละที่ไม่เกรงกลัวคำสาปชั่วร้าย”


อวิ๋นเคอถอนหายใจเบาๆ เป็นอัจฉริยะผู้โดดเด่นในแดนวิญญาณโบราณเหมือนกัน แต่หลิงจื่อนั่วกลับทำให้เขาไม่อาจไม่ระวังตัว ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์น่าสะพรึงกลัว นิสัยยังเย็นชา ฉลาดหลักแหลม โดดเด่นเหนือคนธรรมดา กวาดทุกตำแหน่ง แข็งแกร่งอย่างที่สุด


“เจ้าจมูกโคน้อย หยุดพูดมากได้แล้ว คราวนี้นอกจากพวกเราที่ตามฆ่าอสูรมารสาวนั่นแล้ว ยังมีผู้สืบทอดจากสำนักโบราณอีกมากมาย ล้วนปรารถนาสมบัติลับราหู จะต้องเกิดศึกนองเลือดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขืนยังพูดมาก อย่าว่าแต่กินเนื้อเลย น้ำสักคำก็คงไม่ได้ดื่ม!”


หยวนจั้นพูดอย่างเหลืออด


“อ้อ งั้นไปกันเถอะ”


อวิ๋นเคอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วทะยานออกไป


“ให้ตาย รอให้ได้สมบัติลับราหูมาก่อน ต้องหาโอกาสกำจัดเจ้าจมูกโคน้อยนั่นด้วย จะได้ไม่ถูกนินทาว่าข้าผู้สืบทอดสำนักเทพโลหิตมาพัวพันกับพวกนักพรต…”


หยวนจั้นพึมพำก่อนจะตามไป


โครม! โครม! โครม!


พวกเขาจากไปได้ไม่นาน แผ่นดินพลันสั่นสะเทือนดุจฟ้าผ่า เงาร่างหนึ่งย่างสามขุมออกจากหมอกสีเลือด สูงใหญ่แข็งแกร่งราวกับภูเขา เปลือยท่อนบน กล้ามเนื้อประหนึ่งสร้างด้วยสัมฤทธิ์ สาดประกายแสงวิญญาณ


เขาแบกกระบองเหล็กสีดำไว้บนบ่า ทุกย่างก้าวราวกับภูเขากำลังเคลื่อนที่ อานุภาพชวนตะลึง


เถี่ยเชียนหานผู้สืบทอดแห่งสำนักสงัดดารา!


หลังจากมาถึงที่นี่ สายตาของเขาก็กวาดมองรอบๆ อย่างเงียบเชียบ แล้วพลันพุ่งไปข้างหน้าต่อราวกับรับรู้ได้ถึงบางอย่าง


เส้นทางมุ่งไปเหมือนกับพวกหลิงจื่อนั่ว อวิ๋นเคอ หยวนจั้นไม่มีผิด


“หึ อสูรมารสาวสมควรตาย กล้าขโมยสมบัติลับราหูที่ควรเป็นของข้า!”


ไม่นานเงาร่างอีกเงาก็โฉบเข้ามา เป็นชายในชุดเกราะสีทอง ในมือถือหอก สีหน้าอาฆาตเย็นชา


ผู้สืบทอดแห่งตระกูลปราบมารไป๋อวี่!


จากนั้นภายในภูเขาลึกน่ากลัวที่เงียบเชียบราวป่าช้าแห่งนี้ ก็มีกลุ่มผู้ฝึกปราณทยอยกันเข้ามา ล้วนมาจากสำนักโบราณ และเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทั้งสิ้น


อีกทั้งยังมีหลายคนพาข้ารับใช้ระดับหยั่งสัจจะมาด้วย ดูยิ่งใหญ่เกรียงไกร ทำลายความเงียบสงบของแดนโบราณโลหิตร้างแห่งนี้


ทั้งหมดล้วนมาเพราะสมบัติลับราหูอันลึกลับ!


……


“ใครตามฆ่าเจ้ากันแน่”


“อ้อ ขอข้านับก่อนนะ หลิงจื่อนั่ว เถี่ยเชียนหาน หยวนเคอ หนานกงชิง หยวนจั้น เฟิงเซี่ยวเป่ย… โอ๊ย เยอะเกินไป นับไม่ไหวแล้ว!”


ท่ามกลางหมอกสีเลือดที่คละคลุ้ง หลินสวินและเหลียนเตี๋ยเคลื่อนตัวไปข้างหน้าพลางพูดคุยกัน


พอรู้ว่าคนที่ตามฆ่าเหลียนเตี๋ยอีมีมากมายขนาดนี้ หลินสวินก็อดอึ้งไม่ได้ เอ่ยว่า “เจ้าไปก่อเรื่องใหญ่อะไรไว้ ถึงได้ทำให้คนมากมายขนาดนี้ตามฆ่าเจ้า”


เหลียนเตี๋ยอีถอนหายใจเบาๆ กล่าว “เฮ้อ คนไร้ความผิด ผิดที่ถือครองหยก ข้าเพียงแย่งสมบัติมาได้ชิ้นหนึ่งเท่านั้น พวกเขาก็โกรธจนคลั่งจะชิงสมบัติของข้า เอาชีวิตข้า เจ้าลองคิดดูว่ารังแกกันเช่นนี้ได้อย่างไร”


นางกัดริมฝีปากแดงอวบอิ่ม เผยให้เห็นฟันขาวเล็กน้อย แววตาแฝงความขึ้งโกรธ ดวงหน้างดงามดูน้อยใจ


หลินสวินไม่หลงกลนาง ขมวดคิ้วพูด “ถ้าเจ้ายังไม่ยอมพูดความจริง อย่าโทษที่ข้าจะทิ้งเจ้าไว้ที่นี่”


เหลียนเตี๋ยอีรีบพูดว่า “หนุ่มน้อยสุดหล่อ สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริงทั้งหมด เพียงแต่…เพียงแต่สมบัติที่ข้าแย่งมาค่อนข้างพิเศษก็เท่านั้น”


หลินสวินรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้!


เขาอดสงสัยไม่ได้ สามารถทำให้ทุกคนโกรธได้ สมบัติที่ทำให้ผู้กล้าที่มีชื่อเสียงมากมายไล่ตามไม่ยอมห่าง ที่แท้เป็นสิ่งใดกันแน่


“ข้าพูดไปแล้ว เจ้าอย่าได้คิดโลภอยากได้ขึ้นมาเชียว”


เหลียนเตี๋ยอีจ้องหลินสวินเขม็งเหมือนเป็นการเตือน ทว่าครู่ต่อมานางก็เอ่ยว่า “แน่นอนว่าหากเราร่วมมือกัน และสามารถหลุดพ้นการตามฆ่าครั้งนี้ได้ ข้าจะแบ่งปันความลี้ลับของสมบัตินี้กับเจ้า”


นี่เป็นการโน้มน้าวอย่างหนึ่ง


หลินสวินหมุนตัวแยกออกไปโดยไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ ถึงขนาดนี้แล้วยังจะเสนอเงื่อนไขกับเขา คิดว่าเพื่อสมบัติชิ้นหนึ่ง เขาหลินสวินจะยอมเป็นปรปักษ์กับเหล่ายอดฝีมือผู้กล้างั้นหรือ


“นี่ๆๆ หนุ่มน้อยสุดหล่อ เจ้าไร้เยื่อใยเกินไปหรือเปล่า”


“นี่ เจ้าไปจริงๆ หรือ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”


“ได้ๆๆ เจ้ากลับมา ข้าผิดไปแล้วพอใจหรือยัง เจ้าอยากรู้อะไรข้าจะบอกเจ้าทุกอย่าง”


สุดท้ายเหลียนเตี๋ยอีก็มอบความจริงใจ คายความลับหลายอย่างออกมากว่าจะเกลี้ยกล่อมหลินสวินให้กลับมาได้สำเร็จ ทำให้นางโมโหจนกัดฟัน อยากจะกัดหลินสวินสักคำ


ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นคงหลงใหลความงดงามไร้ที่เปรียบของนางไปตั้งนานแล้ว ก้มหัวยอมแพ้ ว่านอนสอนง่าย แต่หลินสวินกลับดีนัก วิธีเหล่านี้ใช้ไม่ได้ผลกับเขาเลย


หลินสวินคร้านจะสนใจว่านางคิดอย่างไร เมื่อได้ยินคำพูดของเหลียนเตี๋ยอี ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดยอดฝีมือมากมายถึงตามฆ่าเหลียนเตี๋ยอีอย่างไม่ยอมลดละเช่นนี้


ที่แท้สมบัติที่นางแย่งมาก็คือเขาเดี่ยวอันหนึ่ง เป็นของราชาอสูรมารราหูในสมัยโบราณ ภายในมีความลับอันน่าทึ่งซ่อนอยู่ หากสามารถคลี่คลายได้ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะได้รับมรดกชั้นยอดของราชาอสูรมารราหู!


นี่ทำให้หลินสวินตกใจเช่นกัน วิชาลับที่สืบทอดมาแต่โบราณ ทั้งยังเป็นมรดกของราชาอสูรมาร แค่คิดก็รู้ว่าจะสะเทือนโลกเพียงใด


และในแดนโบราณโลหิตร้างแห่งนี้ ก็คือสถานที่ที่ราชาอสูรมารราหูสิ้นชีพ เล่ากันว่าในสมัยโบราณเคยเกิดสงครามระหว่างเทพขึ้น ณ ที่แห่งนี้ มีบุคคลยิ่งใหญ่มากมายล้อมปราบราชาอสูรมารราหูที่นี่ สุดท้ายเหล่าเทพตายกันเกลื่อน ทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นที่ฝังกระดูกอันน่าสะพรึงกลัว


เขาเดี่ยวราหูชิ้นนั้นปรากฏขึ้นที่นี่ ดึงดูดให้บุคคลชั้นยอดมากมายลงมือ แต่สุดท้ายกลับถูกเหลียนเตี๋ยอีชิงมา


เมื่อเข้าใจเรื่องพวกนี้แล้ว หลินสวินก็ได้รู้จักเหลียนเตี๋ยอีใหม่อีกครั้ง นางสามารถชิงสมบัติหนีการล้อมโจมตีของทุกคนได้ เห็นได้ชัดว่าความสามารถแข็งแกร่งเพียงใด


“เจ้าคิดไม่ซื่อกับข้าได้ แต่ห้ามคิดไม่ซื่อกับเขาเดี่ยวนี่เด็ดขาด”


เห็นหลินสวินเงียบ เหลียนเตี๋ยอีก็อดระแวงไม่ได้


“เพียงแค่เขาเดี่ยวข้างหนึ่งเท่านั้น ยังไม่แน่ว่าภายในมีมรดกจริงหรือเปล่า ข้าคร้านจะแย่งกับเจ้า”


หลินสวินยิ้มพูด “แน่นอนว่าหากเจ้ายินดีแบ่งปันความลับกับข้า ข้าเองก็ไม่ปฏิเสธ”


เหลียนเตี๋ยอีเองก็ยิ้ม ยิ้มอย่างงดงามตราตรึง ยั่วยวนน่าดึงดูด พลันพูดอย่างหยาดเยิ้ม “แน่นอนอยู่แล้ว หลังผ่านวิกฤตครั้งนี้ข้ายังจะให้โอกาสเจ้าจีบข้าด้วยนะ นี่คือวาสนาที่คนอื่นๆ แย่งกันหัวแทบแตกยังไม่ได้เลยนะ”


ผมของนางราวน้ำตก ดวงตาคู่โตมีชีวิตชีวา ริมฝีปากแดงดั่งไฟ รูปลักษณ์งดงามไร้ที่ติ ยามเอ่ยวาจาน้ำเสียงเต็มไปด้วยความหยอกเย้า ยั่วยวนมากเป็นพิเศษ เป็นตัวตนอันงดงามไม่มีใครเทียบตัวเป็นๆ เลยเชียว


ทว่าหลินสวินกลับเมินสิ่งเหล่านี้ พูดอย่างเรียบเฉย “เจ้าเก็บโอกาสของเจ้าไว้เถอะ ข้าไม่สนใจในตัวเจ้า”


เหลียนเตี๋ยอีเอ่ยอย่างแปลกใจ “หรือเจ้าชอบผู้ชาย? ความชอบนี้พิเศษมาก หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าสามารถแนะนำผู้ชายหล่อๆ ให้เจ้าได้ แต่ละคนสุดยอดทั้งนั้นเลยนะ”


หลินสวินใบหน้าอึมครึมทันที “อยากให้ข้าช่วยเจ้าหรือไม่”


คราวนี้เหลียนเตี๋ยอีหุบปากตามคาด


ระหว่างที่มุ่งไปข้างหน้า ทั้งสองพูดคุยกันเป็นระยะๆ ไม่ถือว่าเงียบเหงา เพียงแต่ไม่นานสีหน้าของหลินสวินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย สัมผัสได้ถึงอันตรายที่ยากจะอธิบาย ราวกับว่าในส่วนลึกของหมอกสีเลือดนั้น กำลังจะเกิดเรื่องน่าสะพรึงอย่างที่สุด


“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้างหน้าเป็นสถานที่ใด”


หลินสวินถาม


เหลียนเตี๋ยอีงงงัน “ไม่รู้”


มุมปากของหลินสวินกระตุกอย่างยากจะสังเกตเห็นคราหนึ่ง เดิมเขานึกว่าในเมื่อเหลียนเตี๋ยอีสามารถเล่าที่มาของ ‘แดนโบราณโลหิตร้าง’ ได้ ย่อมต้องคุ้นเคยกับที่แห่งนี้เป็นอย่างดี


ใครจะคิดว่าผลลัพธ์กลับเป็นเช่นนี้!


ฉึก!


และในขณะนั้นเอง ท่ามกลางหมอกสีเลือดจู่ๆ ก็มีแสงสีดำประหลาดปรากฏขึ้น พุ่งเข้ามาแทงตรงหว่างคิ้วของหลินสวินฉับพลันราวกับดาบสายฟ้า!


——


ตอนที่ 456 ปรากฏการณ์ประหลาดในแดนต้องห้าม <ประกาศผลผู้โชคดี>

โดย

ProjectZyphon

พรึ่บ!


หลินสวินใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งหลบทันอย่างหวุดหวิด


ด้านหลังเขา ก้อนหินก้อนหนึ่งถูกฟันออกอย่างไร้สุ้มเสียง รอยแผลส่องประกาย


ฉึกๆๆ


ไม่รอให้หลินสวินตอบสนอง ท่ามกลางคลื่นหมอกสีเลือดก็มีแสงดำปรากฏขึ้นอีกครั้ง ราวกับเป็นสายฟ้าสีดำ ทั้งแปลกประหลาด มืดมน และน่าสะพรึงกลัว


พวกมันพุ่งเข้ามาอย่างรุนแรงดุจสายฝน


“หนอนกินเทพ! หนีเร็ว!”


เหลียนเตี๋ยอีส่งเสียงอุทานด้วยความตกใจ ดวงหน้าขาวซีด หว่างคิ้วเผยความหวาดกลัว เงาร่างเคลื่อนอย่างว่องไวไปอีกด้าน


หนอนกินเทพ!


ฟังจากชื่อก็รู้ว่าสัตว์ชนิดนี้น่าสะพรึงกลัวเพียงใด


หลินสวินเองก็ไม่กล้าชักช้า ทะยานตัวตามเหลียนเตี๋ยอีไป ความสามารถของผู้หญิงคนนี้ไม่อ่อนด้อยเลย แต่กลับตกใจกลัวจนหันหนี ทำให้หลินสวินตระหนักได้ถึงความร้ายแรง


ทันใดนั้นเงาดำสายหนึ่งก็โฉบเข้ามา เพราะหลบไม่ทันจริงๆ หลินสวินจึงสะบัดฝ่ามือออกไป


เสียงปังดังสนั่น แสงสีฟ้าอ่อนสาดส่อง แต่กลับเห็นว่าแสงดำนั่นไม่ได้รับผลกระทบเลยสักนิด ทะลุผ่านพลังฝ่ามือพุ่งเข้ากลางหว่างคิ้วของหลินสวินโดยตรง


ไม่กลัวการโจมตีงั้นหรือ


หลินสวินหัวใจสั่นสะท้าน นี่เป็นฝ่ามือแรกที่เขาซัดออกไปหลังพลังเกิดการเปลี่ยนแปลงและบรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นสมบูรณ์ อานุภาพนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่ผ่านมาไม่รู้เท่าไหร่ แต่กลับทำอะไรแสงสีดำนี้ไม่ได้!


โครม!


ทันใดนั้นแสงดำนั่นพลันมุดเข้าไปตรงหว่างคิ้วของหลินสวิน พาให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวด


ในชั่วพริบตานั้นหลินสวินก็ได้เห็นร่างเดิมของแสงดำนั่นชัดเจน มันเป็นหนอนที่รูปร่างเหมือนเข็มแสง ดำสนิทไปทั้งตัว ขนาดประมาณเม็ดข้าว เงาร่างราวกับภาพมายา เหมือนไม่ใช่ของจริง


มันพุ่งเข้าไปในห้วงนิมิตทันที มุดเข้าจิตวิญญาณของหลินสวิน!


น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว นี่เป็นการโจมตีจิตวิญญาณหาใช่ร่างกายไม่ เหี้ยมโหดเกินจะคาดเดา ลงมือยามคนเผลอไผลไม่ใส่ใจ ทำให้ไม่ทันระวัง


เหลียนเตี๋ยอีที่หนีห่างไปถอนหายใจ ไม่จำเป็นต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่าหลินสวินต้องพลาดท่าแล้วแน่ๆ


หนอนกินเทพนั่นเป็นสัตว์ที่ดุร้าย เคลื่อนไหวกันเป็นฝูง พวกมันเกิดจากจิตวิญญาณที่มาจากการรวมตัวของปราณร้ายทั่วฟ้าดิน ไม่มีรูปร่าง ไม่กลัวการโจมตี


ในสถานการณ์แบบนี้ แม้จะมีพลังเทียมฟ้าก็ไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้


สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือหนอนนั่นกลืนกินเฉพาะจิตวิญญาณ ในอดีตพวกมันถึงขั้นจู่โจมเข้าไปกลืนกินจิตวิญญาณของเหล่าเทพอย่างฉับพลันขณะที่อีกฝ่ายเผลอเรอ!


‘หนุ่มน้อยสุดหล่อ ขอโทษจริงๆ พี่สาวคงต้องไปก่อน ถ้าผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ พี่สาวจะตั้งสุสานวางป้ายหินให้เจ้า ประกอบพิธีเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของเจ้า’


เหลียนเตี๋ยอีลอบถอนหายใจ การเคลื่อนไหวกลับไม่ชักช้า หนีหายไปอย่างรวดเร็ว นางไม่อยากถูกหนอนกินเทพพวกนั้นล้อมโจมตีหรอกนะ


“เห็นคนจะตายก็ไม่ช่วย หนีเอาตัวรอดคนเดียว ไม่มีความจริงใจเอาซะเลย”


เสียงหนึ่งดังแว่วขึ้นข้างหูเหลียนเตี๋ยอี ทำให้นางตกใจจนตัวแข็งค้าง พลันมองเห็นหลินสวินที่นางนึกว่าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยตามมาทันแล้ว!


“เจ้า…ไม่เป็นอะไรหรือ”


เหลียนเตี๋ยอีแปลกใจ


“เจ้าหวังให้ข้าเป็นอะไรงั้นหรือ”


หลินสวินย้อนถาม


กลับเห็นว่าเหลียนเตี๋ยอียิ้มอย่างสดใส ท่าทางดูดีใจ “ไม่เป็นอะไรจริงๆ ด้วย ดีจังเลย แต่เจ้าอย่ามาโทษข้านะ หนอนกินเทพนั่นน่ากลัวเกินไป หากข้าอยู่ต่อจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”


หลินสวินขานรับว่าอ้อ ก่อนจะพูดว่า “ไปเถอะ เร่งเดินทางได้แล้ว หลังจากผ่านความยากลำบากที่นี่ ข้าไม่อยากร่วมมือกับเจ้าอีกแล้ว”


สีหน้าของเหลียนเตี๋ยอีเปลี่ยนไปเล็กน้อย รับรู้ได้ว่าหลินสวินไม่พอใจการกระทำเมื่อครู่นี้ของนาง


“ให้อภัยข้าสักครั้งได้ไหม ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าจะมีสัตว์น่ากลัวอย่างหนอนกินเทพโผล่ออกมา ถ้ารู้แต่แรกข้าไม่มีทางที่จะไม่ช่วย”


เหลียนเตี๋ยอีพูดอย่างน่าสงสาร


คนงามไร้ใดเปรียบอย่างนางยามนี้กำลังขอร้องเสียงอ่อนเสียงหวาน ถ้าเป็นคนอื่นคงหัวใจอ่อนระทวยไปตั้งนานแล้ว


“ข้า…”


เหลียนเตี๋ยอีเพิ่งจะอ้าปาก กลับเห็นว่าหลินสวินทำท่าให้เงียบ สายตามองไกลออกไป


ส่วนลึกของหมอกหนาสีเลือดนั่น มีเงาร่างปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง เพราะหมอกหนาดุจภาพลวงตาเกินไป ทำให้มองเห็นไม่ชัด ดูลี้ลับอย่างมาก


ไม่นานหลินสวินก็สังเกตเห็นว่านั่นเป็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดขนสัตว์ขาดวิ่น ดวงตากลวงโบ๋ ทั่วตัวมีเลือดสีดำหลั่งออกมาเป็นสาย


นางยืนนิ่งไม่ขยับ ตรงบริเวณหัวใจมีหลุมที่ใหญ่ประมาณถ้วยข้าว ราวกับถูกกรงเล็บอันแหลมควักหัวใจไปทั้งอย่างนั้น


มองเพียงแวบเดียวหลินสวินก็รู้สึกหนาวยะเยือก ขนลุกไปทั้งตัว


“ศพเทพโบราณแม่น้ำเลือด! นาง… นางถึงกับทำลายคำสาป… ขึ้นฝั่งมาแล้ว…”


เหลียนเตี๋ยอีที่อยู่ข้างๆ เองก็ใบหน้าขาวซีด หวาดกลัวอย่างที่สุด


หนี!


ทั้งสองเปลี่ยนทิศทาง หนีอย่างบ้าคลั่งโดยไม่ได้นัดหมาย


กลิ่นอายของศพโบราณนั่นน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก ทั้งที่ตายแล้วชัดๆ แต่กลับแผ่พลังที่พาให้คนสิ้นหวัง อกสั่นขวัญแขวน


“ศพโบราณอีกศพแล้ว!”


ไม่นาน ทางเบื้องหน้าที่ทั้งสองหนีไปก็เห็นศพวิญญาณปรากฏขึ้นอีก เป็นโครงกระดูกที่ใส่เสื้อเกราะพังๆ เบ้าตาหลั่งเลือดดำ กำลังกวาดมองอย่างเลื่อนลอยไปทั่วทิศภายในหมอกเลือด


ตอนที่ขอบตากลวงๆ ของอีกฝ่ายกวาดมา หลินสวินพลันตัวแข็งทื่อราวกับถูกสะกด แทบจะหยุดหายใจ


โชคดีที่ศพโบราณนั่นคล้ายไม่เห็นเขา ไม่นานก็หายเข้าไปในหมอกสีเลือด


“หากข้าเดาไม่ผิด ที่นี่น่าจะเป็น…พื้นที่ต้องห้ามของแดนโบราณโลหิตร้าง แม้แต่ราชันระดับสังสารวัฏยังไม่กล้าบุกรุกเข้ามา!”


ดวงหน้าของเหลียนเตี๋ยอีขาวซีดไร้สีเลือด เสียงสั่นน้อยๆ “เราต้องหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!”


พูดจบนางก็หมุนตัวแล้วหนีทันที


วินาทีนั้นเหลียนเตี๋ยอีราวกับตัดสินใจแล้ว แม้ว่าต้องย้อนกลับทางเดิม พบเจอผู้มีฝีมือที่ตามฆ่านางก็ไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว


เห็นได้ชัดว่านางสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของพื้นที่ต้องห้าม ทำให้ไม่กล้าอยู่ต่อ


“พื้นที่ต้องห้ามคืออะไร”


หลินสวินถามขึ้นมา


“ในอดีต ที่แห่งนี้เคยเป็นสนามรบของเหล่าเทพ ล้วนมาเพื่อตามฆ่าราชาอสูรมารราหู แต่สุดท้ายไม่ว่าใคร แม้กระทั่งราชาอสูรมารราหูก็ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตได้ ต้องจบสิ้นอยู่ที่นี่ กล่าวกันว่าเพราะในพื้นที่ต้องห้ามนี้เต็มไปด้วยคำสาปลึกลับ สามารถทำให้มหามรรคไร้ตัวตน วิญญาณนับหมื่นจมสิ้น!”


เหลียนเตี๋ยอีเหินทะยานไปพลางเล่าให้ฟังไปด้วย สีหน้าหนักอึ้ง น้ำเสียงสั่นพร่า “ถ้าข้ารู้แต่แรกว่าแถบนี้คือพื้นที่ต้องห้าม ข้ายอมสู้กับพวกนั้นให้ตายกันไปข้าง แต่จะไม่ยอมมาที่นี่เด็ดขาด”


ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าภายในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นแห่งนี้ จะยังมีสถานที่น่าสะพรึงกลัวเพียงนี้ น่าตระหนกเกินไปแล้ว


โครมครืน~~


ทันใดนั้นในส่วนลึกของหมอกสีเลือด มีเสียงราวกับฟ้าร้องสั่นสะท้านดังทะลวงออกมา ราวกับสายฟ้าที่ผ่าทำลายความเงียบบนพื้นที่แถบนี้


ชิ้ง


แสงกระบี่สีเลือดพุ่งขึ้นฟ้า กลายเป็นอาทิตย์เลือดดวงหนึ่งหลั่งเลือดสีดำ!


ตึง! ตึง! ตึง!


ทันใดนั้นเสียงกลองรบลั่นดัง ทั้งกว้างใหญ่ไพศาล หนาแน่นสะเทือนฟ้าดิน พลันเห็นกลองใหญ่สำริดที่ชำรุดพัง หน้ากลองเปื้อนเลือดดำ


ฟ้าดินโหมคลั่ง ประกายกระบี่สีเลือดอาบเลือด ทำให้รู้สึกเหมือนอวัยวะภายในร่างกายจะแหลกเหลว ไม่กล้ามองจ้อง ราวกับมองเพียงแวบเดียววิญญาณก็จะถูกช่วงชิง


กลองศึกนั่นยิ่งน่ากลัว มาพร้อมกับความลึกลับมากมาย สะท้านสะเทือนวิญญาณ พาให้จิตวิญญาณเหมือนจะหลุดออกจากร่าง


“รีบหนีเร็ว!”


เหลียนเตี๋ยอีกรีดร้อง


ปรากฏการณ์ประหลาดนี้น่ากลัวมาก ราวกับวิญญาณน่าหวาดหวั่นที่ร่วงหล่นอยู่ ณ ที่แห่งนี้มาตั้งแต่โบราณ ยามนี้ต่างฟื้นจากความตาย


ไม่ต้องให้เตือนหลินสวินก็ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งอย่างเต็มกำลัง เหินทะยานออกไปไกล สีหน้าของเขาก็ดูเคร่งเครียดจริงจัง จิตวิญญาณสั่นสะท้าน


ในขณะที่พวกเขาหนีอยู่นั้น ในส่วนลึกของหมอกสีเลือดมีธงรบสีเลือดที่เต็มไปด้วยริ้วรอยปรากฏ พัดโบกส่งเสียง แผ่แสงประกายเลือดสีดำ


นอกจากนี้ยังมีเสียงฆ่าฟัน เสียงตะโกนร้อง ราวกับกำลังเกิดสงครามสะเทือนฟ้า ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี


ถ้าสังเกตดูให้ดีจะเห็นว่าท่ามกลางหมอกสีเลือดนั่น ศพโบราณที่ทรุดโทรมแต่ละศพหลั่งเลือดสีดำไปทั้งตัว กำลังต่อสู้ราวกับเทพเจ้าในยุคโบราณ เพียงแต่ทั่วตัวของพวกเขามีเลือดสีดำไหลหลั่ง จึงทำให้ดูเร้นลับน่าสยดสยอง


ทั้งหมดนี้แน่นอนว่าหลินสวินและเหลียนเตี๋ยอีมองไม่เห็น แต่เพียงแค่ได้ยินเสียงก็ทำให้ทั้งสองรู้สึกหวาดหวั่นยากจะอธิบายแล้ว


สถานที่เช่นนี้ไม่ใช่ที่ผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณอย่างพวกเขาจะเข้ามาได้!


“ไม่ได้การแล้ว!”


ในพื้นที่อันตรายอีกที่ หลิงจื่อนั่วเพ่งสายตาแล้วหมุนตัวถอยทัพอย่างไม่ลังเล นางเองก็สัมผัสได้ถึงปรากฏการณ์ประหลาดสะท้านโลกเช่นเดียวกัน น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว


“สมควรตาย หรือว่าอสูรมารสาวคนนั้นบุกรุกเข้าไปในแดนต้องห้าม ทำให้พลังคำสาปฟื้นคืน?”


สีหน้าของหยวนเคอเปลี่ยนไปฉับพลัน หันหลังหนีโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น


“มารดามันเถอะ!”


หยวนจั้นตะโกนและหนีตามไปเช่นกัน


ยามนี้ ผู้กล้าที่เข้ามาในพื้นที่แถบนี้ต่างหนีกระเจิง พวกเขาตระหนักได้ถึงอันตราย จึงตัดสินใจทันทีโดยไม่ลังเล


เพราะพวกเขาเคยได้ยินว่าพื้นที่ต้องห้ามภายในแดนโบราณโลหิตร้างเคยเป็นที่ฝังศพของเหล่าเทพ เต็มไปด้วยพลังแห่งคำสาปอันยากจะคาดเดา หากปะทุขึ้นมาก็ประหนึ่งวันสิ้นโลก!


โครม~~


ตอนที่หลินสวินและเหลียนเตี๋ยอีหนีออกมา พลันเห็นว่าในแดนโบราณโลหิตร้างหมอกสีเลือดพุ่งขึ้นฟ้า ย้อมท้องฟ้าให้กลายเป็นสีเลือด ไอกระบี่ กลองศึก ธงรบ ประกายดาบ… ปรากฏการณ์ประหลาดน่าสะพรึงกลัวต่างๆ ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า


ทั้งยังมีเสียงฆ่าฟันดังสนั่นราวกับสงครามเหล่าเทพ ฟ้าดินสั่นสะเทือน อาทิตย์จันทร์ดับแสง


“นี่อะไร?”


“น่ากลัวนัก!”


“รีบหนีเร็ว!”


ยามนี้ผู้ฝึกปราณทุกคนที่กระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ภายในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นต่างตื่นตะลึง มองไปยังทิศทางนั้นโดยพร้อมเพรียงกัน พลันเห็นปรากฏการณ์ประหลาดสะเทือนฟ้าดิน


“ปรากฏการณ์สงครามเหล่าเทพเกิดขึ้นอีกครั้ง ทุกอย่างกำลังจะจบลงแล้ว เฮ้อ ครั้งนี้มีเวลาไม่ถึงสองเดือน ก็ไม่รู้ว่าคราวหน้าต้องรออีกนานเท่าไหร่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นจึงจะเปิดขึ้นอีกครั้ง”


ในซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง ชายชราระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งถอนหายใจยาว


เขามากประสบการณ์ ตอนหนุ่มๆ เคยเข้าไปในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แล้วรู้ว่าทุกครั้งที่เกิดปรากฏการณ์ประหลาดแบบนี้ขึ้นก็หมายความว่าทุกอย่างกำลังจะจบลงแล้ว แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นจะเข้าสู่ความเงียบและหายไปจากโลกนี้อีกครั้ง


เล่ากันว่าสมบัติโบราณที่กระจายอยู่ในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น มาจากปรากฏการณ์ประหลาดของสงครามเหล่าเทพ


ซึ่งก็หมายความว่าทุกครั้งที่เกิดปรากฏการณ์แบบนี้ขึ้น จะมีสมบัติโบราณร่วงหล่นลงมา กระจายไปทั่วทั้งแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น


สิ่งที่น่าเสียดายคือตอนที่ปรากฏการณ์ประหลาดแบบนี้จบลง ทางเดินแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นก็จะปิดลง ถ้าต้องการไขว่คว้าหาวาสนาสมบัติโบราณอีก ก็ต้องรอทางเดินแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นเปิดในครั้งต่อไป


“ไป!”


“รีบไปกันเถอะ ถ้ายังไม่ไปอีกต้องฝังร่างไว้ที่นี่แน่!”


ภายในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นเต็มไปด้วยเงาร่างของผู้ฝึกปราณที่หนีเอาตัวรอดอย่างบ้าคลั่ง หนาแน่นราวกับคลื่นน้ำ พุ่งไปยังทางออก


หลินสวินกับเหลียนเตี๋ยอีก็อยู่ในนั้นด้วย ทั้งสองต่างพ้นจากอันตราย จิตใจที่ตื่นตระหนกสงบลง หันกลับไปมองแดนโบราณโลหิตร้างที่อยู่ไกลสุดสายตาแล้วต่างรู้สึกโชคดีเหมือนได้เกิดใหม่


ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้น่ากลัวมากจริงๆ


——

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)