Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 449-450

 ตอนที่ 449 เลือดหัวใจสามพันหยด

โดย

ProjectZyphon

สมบัติโบราณเชื่อมวิญญาณ ก่อนอื่นมันต้องเป็นสมบัติวิญญาณก่อน!


ในฐานะปรมาจารย์สลักวิญญาณคนหนึ่ง แน่นอนว่าหลินสวินรู้ชัดเรื่องนี้


เหมือนกับอาวุธวิญญาณที่แม้อานุภาพจะยิ่งใหญ่ แต่เมื่อเทียบกับสมบัติวิญญาณในระดับเดียวกันแล้ว อานุภาพยังด้อยกว่าไปหนึ่งระดับอย่างเห็นได้ชัด


เหตุผลอยู่ที่ว่า สมบัติวิญญาณมีจิตวิญญาณแสงสมบัติอันเป็นเอกลักษณ์ แต่อาวุธวิญญาณนั้นไม่มี


แต่เมื่อเทียบกันแล้ว สมบัติโบราณที่สามารถดำรงอยู่ได้ตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบันโดยไม่สึกกร่อนไปตามพลังกาลเวลา และรักษาความสมบูรณ์ของจิตวิญญาณได้นั้น มีความพิเศษมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด


ดังเช่นดาบวิญญาณม่วงในมือหลินสวินก็เป็นสมบัติวิญญาณเช่นกัน แต่หลินสวินกลับมั่นใจมากว่า ถ้าให้ดาบวิญญาณม่วงคงอยู่ผ่านยุคสมัย ผ่านการกัดกร่อนของกาลเวลา มันคงจะสลายไปไม่สามารถอยู่รอดอย่างสมบูรณ์แบบได้แน่


เช่นนี้ก็จะสะท้อนให้เห็นคุณค่าอันเป็นเอกลักษณ์ของสมบัติโบราณ


น้ำเต้าเพลิงแดงที่อยู่ในมือก็เป็นสมบัติโบราณชิ้นหนึ่ง อีกทั้งจิตวิญญาณยังหลั่งไหลสมบูรณ์แบบไม่มีสึกหรอ ลึกลับอย่างที่สุด ราวกับมีวิญญาณสถิตอย่างไรอย่างนั้น


พื้นผิวของมันเงาวาวหมดจดเหมือนหยกเพลิง เป็นประกายแวววาว สว่างไสวราวกับเปลวไฟแห่งเทพกำลังแผดเผา


เมื่อดูอย่างละเอียดจะพบว่ามีรอยสลักวิญญาณลึกลับคลุมเครือประทับอยู่ราวกับเป็นลวดลายเมฆ สลักเป็นภาพเซ่นไหว้ของบรรพบุรุษ ภาพเซ่นไหว้โบราณแห่งสรรพสิ่ง จิตวิญญาณอันเป็นธรรมชาติสายหนึ่งไหลวนเวียนอยู่ภายในราวกับมีชีวิต


หากเพียงเท่านี้ก็ไม่ต่างอะไรกับดาบวิญญาณม่วงในมือหลินสวิน


ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า ในลายสลักวิญญาณซึ่งประทับบนน้ำเต้านี้มีท่วงทำนองแห่งมรรคโบราณที่อธิบายไม่ถูกอยู่รางๆ ทำให้มันดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิง!


ท่วงทำนองมรรค ก็คือท่วงทำนองสัมผัสแห่งมหามรรคอันยิ่งใหญ่ อย่างเช่นกลิ่นอาย ร่องรอย ลึกลับเกินคาดเดา


สมบัติวิญญาณชิ้นหนึ่งถึงกับมีท่วงทำนองมรรค ก็ไม่แปลกที่มันจะสามารถคงอยู่ได้ตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน ทั้งยังรักษาจิตวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์เต็มเปี่ยม


เรียกได้ว่ายอดเยี่ยม ไม่อาจประเมินค่า!


หลินสวินเก็บสายตา ในใจก็รู้สึกตื่นเต้น เริ่มทำความเข้าใจวิธีใช้ที่ซ่อนอยู่ของสมบัติชิ้นนี้อย่างละเอียด


ปากน้ำเต้าถูกปิดผนึกด้วยลายลึกลับ เปลวไฟแผ่ลอย ราวกับตราประทับอันเจิดจ้า สมบูรณ์แบบไม่มีสึกหรอ


เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นกู่เหลยจากสำนักแสงทอง หรือเหลียนเตี๋ยอีที่ชิงสมบัตินี้ไปในภายหลัง ล้วนยังไม่ทันได้สำรวจความลึกลับของสมบัติชิ้นนี้


ครืน!


ผนึกถูกเปิดออก แสงเพลิงม่วงสายหนึ่งม้วนตัวออกมาส่งเสียงครืนครัน อากาศแถบนี้ถูกเผาในพริบตา เกิดเป็นคลื่นความร้อนอันน่าสะพรึงแผ่กระจายไปรอบๆ


ชั้นเมฆบริเวณใกล้ๆ ถูกระเหยแห้ง อากาศเกิดเสียงฉ่าๆ ภาพอันน่าตระหนกนั้นทำให้ในใจหลินสวินเองยังขมวดเคร่ง พลังของแสงเพลิงม่วงนี้น่ากลัวยิ่ง ถึงขั้นสามารถเผาแม่น้ำต้มทะเลได้เลยทีเดียว


จวบจนกระทั่งปากน้ำเต้าไม่พ่นแสงเพลิงสีม่วงออกมาแล้ว พลังการรับรู้ของหลินสวินจึงแทรกซึมเข้าไปอย่างเงียบๆ


‘เลือดหยดหนึ่ง!’


หลินสวินพลันหรี่ตา ภายในน้ำเต้ามีเลือดหยดหนึ่งกลิ้งอยู่ มันเป็นสีม่วงงดงามเป็นประกาย ในเลือดหยดเล็กๆ นั้นกลับเห็นสายฟ้าแสงหิมะน่ากลัวปรากฏอยู่อย่างคล้ายมีและไม่มี เกิดกลิ่นอายน่าสะพรึงปานจะทำลายสิ้นสรรพสิ่ง


เฮือก


หลินสวินสูดหายใจเย็นเยียบ แค่เลือดหยดหนึ่งแท้ๆ กลับประหนึ่งรวมพลานุภาพมหาศาล ให้ความรู้สึกอึดอัดกดดันอย่างบอกไม่ถูก น่าสะท้านขวัญเกินไปแล้ว


ซวบ!


ทันใดนั้นก็เห็นว่าภายในเลือดสีม่วงหยดนั้นยิงรัศมีสายฟ้าออกมาสายหนึ่ง ราวกับคมดาบไหลเข้าสู่การรับรู้และจิตวิญญาณของหลินสวิน


หลินสวินแค่นเสียงในคอ ใช้ ‘ดาราจักรโคจร’ ทำลายประกายสายฟ้าที่ราวกับเส้นผมนั้นทันที


ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น จิตวิญญาณของเขาก็ยังคงหวั่นหวาดสั่นไหว ปิดผนึกน้ำเต้าอีกครั้งอย่างไม่ลังเล!


นี่คืออะไร เหตุใดจึงถูกปิดผนึกอยู่ภายในน้ำเต้า


หว่างคิ้วของหลินสวินเผยความสงสัย เดิมเขาคิดว่าน้ำเต้าเพลิงแดงนี้เป็นอาวุธสังหารสมบัติโบราณที่ทรงพลังชิ้นหนึ่ง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า น้ำเต้านี้จะมีไว้เพื่อผนึกเลือดสีม่วงหนึ่งหยดที่อยู่ภายใน!


ทันใดนั้นภายในห้วงนิมิตของหลินสวินก็เพิ่มการตระหนักรู้เข้ามาอีกหนึ่งส่วน ทว่ากลับเป็นร่องรอยที่เหลือจากสายฟ้าซึ่งถูกทำลายไปแล้วสายนั้น


สิ่งที่อัศจรรย์ที่สุดคือ ร่องรอยนั้นกลับเป็นเสียงคำรามอันราบเรียบและเย็นชาไร้ที่เปรียบ…


‘ไอ้เฒ่าอู๋จิ้ว สักวันเมื่อเปิ่นจั้วหลุดออกไปได้ จะชำระล้างแดนพิสุทธิ์ยอดยุทธ์ด้วยเลือด!’


เสียงนั่นดังก้องอยู่ในห้วงนิมิต สะเทือนจนหลินสวินเลือดลมปั่นป่วน โชคดีที่มันหายไปอย่างรวดเร็ว มิเช่นนั้นหลินสวินคงสงสัยว่า แค่เสียงนี้บางทีอาจสามารถสะเทือนจิตวิญญาณของตนจนแหลกละเอียด ทำลายร่างกายตนให้สิ้นซากได้!


อู๋จิ้ว?


แดนพิสุทธิ์ยอดยุทธ์?


คำที่ไม่คุ้นเคยนี้ทำให้หลินสวินประหลาดใจ หรือเสียงนั่นจะเป็นเจ้าของเลือดสีม่วงหยดนั้น?


หลินสวินครุ่นคิดอยู่ครู่ พลันกัดฟันเปิดผนึกน้ำเต้าออกอีกครั้ง และใช้พลังการรับรู้แทรกเข้าไปเช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว


ซวบ!


ตามคาด เลือดม่วงหยดนั้นยิงสายฟ้าสีเงินที่บางราวขนวัวออกมาอีกเส้น พุ่งเข้าใจกลางพลังแห่งการรับรู้


หลินสวินเตรียมพร้อมเอาไว้ก่อนแล้ว จึงสลายมันด้วยดาราจักรโคจร


‘เปิ่นจั้วมีใจเข้าถึงมรรค กลับถูกพวกต่ำทรามลอบแว้งกัดปราบปราม คว้านเลือดพิสุทธิ์สามพันหยดจากหัวใจเปิ่นจั้วไป!’


หลินสวินขมวดคิ้ว เลือดพิสุทธิ์จากหัวใจสามพันหยด? หรือนี่ก็คือที่มาของหยดเลือดม่วงที่ถูกปิดผนึกอยู่ในน้ำเต้านี้


หลังจากนั้นหลินสวินก็ใช้วิธีเดิม ใช้พลังการรับรู้เข้าไปสำรวจภายในน้ำเต้า


‘น่าขันน่าสลดใจนัก เพื่อแย่งชิงตำแหน่ง ต้องมาประสบความทุกข์ยากเช่นนี้ สวรรค์ช่างไร้เมตตา!’


‘หึ! น้ำเต้าหลอมวิญญาณหรือ คิดว่าเพียงเท่านี้ก็จะทำลายเจตจำนงของเปิ่นจั้ว ชิงแก่นมรรคที่เร้นอยู่ในเลือดพิสุทธิ์ได้หรือ ฝันไปเถอะ!’


‘สักวันแดนพิสุทธิ์ยอดยุทธ์ของเจ้าก็ต้องเจอเคราะห์ ถูกสวรรค์ทอดทิ้ง ไม่อยู่ในมหามรรคอีกต่อไป!’


……


เสียงนั่นคำรามสะท้านสะเทือน เย็นเยียบหาที่เปรียบ เผยโทสะและความเสียใจไร้ที่สิ้นสุด ยิ่งไปกว่านั้นคือความชิงชังมหาศาลที่ยากควบคุม


สิ่งที่พูดก็สับสน จับใจความไม่ได้เลยสักนิด


เนิ่นนานกว่าหลินสวินจะสงบลง วิเคราะห์ได้ว่าเสียงพวกนี้เป็นความคิดที่หลงเหลืออยู่ในหยดเลือดสีม่วงหยดนั้น เห็นได้ชัดว่ามาจากผู้ยิ่งใหญ่สักท่านในสมัยโบราณกาล


ส่วนความหมายที่ความคิดนั้นต้องการจะสื่อก็ง่ายมาก ในขณะที่เจ้าของเลือดม่วงหยดนี้กำลังเข้าถึงมรรค ได้ถูก ‘ไอ้เฒ่าอู๋จิ้ว’ แห่งแดนพิสุทธิ์ยอดยุทธ์ที่ร่วมมือกับคนอื่นลอบทำร้าย ถูกกำราบในที่สุด


และ ‘เลือดหัวใจ’ สามพันหยดที่อยู่ในร่างเจ้าของเลือดม่วงนี้ก็ถูกคว้านไป!


สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ใน ‘เลือดหัวใจ’ ของเจ้าของเลือดม่วงนี้คือ ‘แก่นมรรค’ เพื่อจะหลอมมัน ‘ไอ้เฒ่าอู๋จิ้ว’ จึงใช้น้ำเต้าหลอมวิญญาณปิดผนึกเอาไว้


“ที่แท้สมบัติชิ้นนี้ก็คือน้ำเต้าหลอมวิญญาณ หยดเลือดสีม่วงที่ปิดผนึกอยู่ข้างใน คิดว่าคงเป็นหนึ่งในเลือดพิสุทธิ์สามพันหยดที่ซ่อนแก่นมรรคเอาไว้…”


ไม่นานหลินสวินก็เข้าใจ


แก่นมรรค ก็คือสิ่งที่สั่งสมพลังอันยอดเยี่ยมของมรดกมหามรรคในตำนาน!


จากการคาดเดานี้ เลือดพิสุทธิ์สามพันหยดนั่น ก็หมายความถึงมรดกมหามรรคสามพันรูปแบบ จากจุดนี้สามารถคะเนได้ว่า พลังปราณของเจ้าของเลือดม่วงในยามนั้นสะเทือนฟ้าน่าสะพรึงเพียงใด!


รับโชคซะแล้ว!


หลินสวินร้อนเร่าในใจ ไม่ต้องพูดถึงว่าน้ำเต้าหลอมวิญญาณใบนี้เป็นสมบัติโบราณเชื่อมวิญญาณ แม้แต่เลือดม่วงลึกลับหนึ่งหยดที่ถูกปิดผนึกอยู่ภายในก็ยังไม่อาจประเมินค่าได้!


ถ้าเหลียนเตี๋ยอีรู้เรื่องพวกนี้ คงไม่มีทางคืนน้ำเต้าหลอมวิญญาณให้ตนง่ายๆ เช่นนี้กระมัง


หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกคราหนึ่ง แล้วเก็บน้ำเต้าหลอมวิญญาณอย่างระมัดระวัง


ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะให้เขามาทำความเข้าใจไปมากกว่านี้ รอหลังจากก่อชีพจรวิญญาณเส้นใหม่ในร่างได้อย่างสมบูรณ์ก่อน บางทีเขาอาจจะมีแรงและเวลาไปทำความเข้าใจความเร้นลับที่ซ่อนอยู่ภายในน้ำเต้าหลอมวิญญาณและหยดเลือดม่วงนี้อย่างลึกซึ้ง


หลินสวินเร่งเดินทางต่อ


ตูมโครม!


ไม่นาน ยามผ่านเทือกเขาสีดำสนิทอันรกร้างแตกทลาย ไกลออกไปในอากาศมีเสียงการต่อสู้ที่ดังกึกก้องราวกับสายฟ้าฟาด!


เสียงนั่นสั่นสะเทือนฟ้าดิน ดูน่ากลัวอย่างที่สุด เห็นได้ชัดว่ามีศึกใหญ่ที่แท้จริงเกิดขึ้น!


………………


ตอนที่ 450 ดาบดุดันพลิกฟ้า

โดย

ProjectZyphon

ตูม! โครม! โครม!


เสียงการต่อสู้อันดุเดือดราวกับเทพร้องคำราม กลางอากาศไกลออกไปเต็มไปด้วยแสงไฟลุกลามดุจธารดาราวิ่งเคลื่อน กลายเป็นภาพฉากน่าสะพรึงกลัว


“แย่แล้ว หนีเร็ว ดาบนี้น่ากลัวเกินไป ไม่ใช่อานุภาพที่ระดับมหาสมุทรวิญญาณจะต้านไหวแล้ว!”


มีคนตะโกน


ตรงนั้นเงาร่างของผู้ฝึกปราณวิ่งกระเจิงไปทั่วราวกับคลื่นน้ำ สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวไร้ซึ่งสีเลือด ในนั้นมีผู้สืบทอดที่เป็นผู้กล้าของสำนักโบราณไม่น้อย


พวกเขาล้วนกำลังหนีด้วยความตื่นตระหนกอย่างยิ่ง!


“ดาบแตกนั่นมันอะไรกัน เหตุใดจึงน่ากลัวเช่นนี้ สังหารผู้ฝึกปราณไปแล้วมากมาย หนีเร็ว!”


ชายหนุ่มที่ถือทวนทองตะโกนเสียงดัง เคลื่อนผ่านกลางอากาศราวสายฟ้า เขาเป็นบุคคลชั้นยอดที่มีชื่อเสียงจากสำนักรวมดาราอันเป็นสำนักโบราณ มีนามว่าหรั่นอิ๋น


หลินสวินซึ่งอยู่ไกลออกมาหรี่ตาลง ก็เห็นว่ากลางอากาศไกลๆ มีแสงดาบเปล่งประกายม้วนตัวผ่านท้องฟ้าดุจห้อทะยาน ลำแสงเจิดจ้า ราวกับห่อหุ้มดวงดารานับร้อยพันดวงเอาไว้ ส่องสว่างทั่วแผ่นดิน


ผู้ฝึกปราณหลายคนหนีกระเจิงพร้อมกรีดร้องเสียงดัง


สิ่งนั้นเป็นดาบแตกเล่มหนึ่ง ตัวดาบดำสนิทแผ่แสงเจิดจ้าสีเงินราวกับทางช้างเผือกม้วนตลบ อานุภาพน่าสะพรึงกลัว


หลินสวินหัวใจสะท้านขึ้นมาทันที ดาบแตกเล่มนี้ประหนึ่งเป็นราชันแห่งโลก สยบผู้ฝึกปราณทั้งหมด!?


นี่เป็นสมบัติโบราณน่าสะพรึงกลัวที่เชื่อมวิญญาณมากเพียงใด ถึงได้มีอานุภาพพลิกฟ้าเช่นนี้


เดิมหลินสวินคิดว่าน้ำเต้าหลอมวิญญาณที่ตนได้มาน่าตะลึงมากพอแล้ว แต่เมื่อเทียบกับดาบแตกเล่มนี้ ก็ด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด


ไม่ใช่อานุภาพที่เทียบไม่ได้ แต่เป็นจิตวิญญาณ!


ดาบแตกเล่มนั้นราวกับมีสติปัญญา พุ่งสังหารไปทั่วหล้า แสงประกายสีเงินม้วนวน เปรียบได้กับผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะที่ทรงพลังกำลังสยบภูผาธารา


พรูด!


แสงเลือดสาดกระเซ็น ผู้ฝึกปราณวัยกลางคนผู้หนึ่งที่กำลังหลบหนีถูกแสงประกายแหลมคมนี้กวาดผ่าน ศีรษะขาดลอยไปในอากาศ เลือดพุ่งกระฉูด ก่อนที่ร่างจะร่วงลงพื้น


“อ๊าก…”


อีกด้านเหล่าคนหนุ่มสาวที่พลังปราณด้อยกว่าต่างกรีดร้องโหยหวน ถูกแสงประกายสีเงินปกคลุมไล่หลัง ร่างกายถูกเผากลายเป็นฝุ่นผงไม่เหลือแม้แต่ซากในทันที


สถานการณ์นี้น่าสะพรึงกลัวนัก ดาบแตกเล่มหนึ่งราวกับเชื่อมวิญญาณ โจมตีสังหารผู้ฝึกปราณทั่วทุกสารทิศ ส่องแสงประกายสะดุดตา เปลี่ยนให้ใต้หล้านี้กลายเป็นนรกสีเลือด


“หนี!”


ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นต่างบ้าคลั่ง หวาดผวาอย่างที่สุด พลังของดาบแตกเล่มนั้นยอดเยี่ยมเกินไป แผ่กระจายแสงประกาย ทุกที่ที่ผ่านล้วนไม่มีผู้ใดสามารถต่อต้านได้


เพียงแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น หลินสวินก็เห็นผู้ฝึกปราณยี่สิบกว่าคนตายอย่างอนาถ สภาพชวนอกสั่นขวัญแขวน


นี่เป็นเพียงสิ่งที่หลินสวินเห็นเท่านั้น ก่อนหน้าที่เขาจะมาถึง เกรงว่าคงมีผู้ฝึกปราณที่ตายภายใต้ดาบแตกนี้มากกว่านี้!


แข็งแกร่งมาก!


แม้แต่หลินสวินยังหวั่นไหว ในใจสั่นสะท้าน


เห็นได้ชัดว่าดาบแตกนี้เป็นอาวุธสงครามชั้นยอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ แม้อยู่ท่ามกลางสมบัติโบราณมากมายในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นแห่งนี้ ก็ยังเรียกได้ว่าโดดเด่นน่าพรั่นพรึง


สิ่งที่ชวนให้ใจสั่นที่สุดคือมันยังเป็นเพียงแค่สมบัติโบราณที่ไม่สมประกอบ คมดาบเสียหาย ไม่สามารถจินตนาการได้จริงๆ ว่าตอนที่มันสมบูรณ์แบบนั้น อานุภาพของมันจะน่าสะพรึงกลัวแค่ไหน


ศึกอันดุเดือดก่อนหน้านี้ต้องเกิดขึ้นเพราะดาบแตกปรากฏกายเป็นแน่ ด้วยอานุภาพน่าตระหนกอย่างที่สุดทำให้ผู้ฝึกปราณทั่วทุกสารทิศปรารถนาจะครอบครองมัน


เพียงแต่ไม่มีใครคาดคิดว่า ดาบแตกเล่มนี้จะสะเทือนสวรรค์มากเพียงนี้


หลินสวินตัวสะท้านโดยพลัน ด้วยเห็นว่ามีผู้ฝึกปราณที่อยู่ไกลๆ หลายคนกำลังทะยานมาทางเขา และด้านหลังของพวกเขาก็มีดาบแตกหอบม้วนประกายแสงตามมา


ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นก็เห็นว่าหลินสวินยืนอยู่ตรงนั้น แต่กลับไม่มีใครสนใจเขา ต่างหนีตายเอาตัวรอดอย่างบ้าคลั่ง


เห็นได้ชัดว่าพลังของดาบแตกนั่นทำให้พวกเขาตกใจจนขวัญหนีกันหมดแล้ว


“เจ้าหนู เจ้าเป็นลูกศิษย์สำนักไหน อยากตายหรือไง รีบหนี!”


ชายชราชุดคลุมสีเขียวคนหนึ่งวิ่งผ่านมา เห็นหลินสวินยืนนิ่งไม่ขยับก็นึกว่าเขาตกใจจนอึ้งค้างไปแล้ว จึงอดเตือนเสียงเคร่งไม่ได้


“หนีหรือ”


นัยน์ตาดำของหลินสวินสาดประกายเจิดจ้า กลับเป็นฝ่ายพุ่งเข้าหาดาบแตกเล่มนั้นภายใต้สายตาหวาดผวาของชายชราชุดเขียว


“เด็กนี่บ้าไปแล้ว!”


ชายชราชุดเขียวตัวแข็งค้าง หลุดปากด่า “เพื่อดาบหนึ่งเดียวในโลกนี้ ทิ้งได้แม้แต่ชีวิต ช่างโง่เขลาจริงๆ!”


ห่างออกไปก็มีผู้ฝึกปราณมากมายมองหลินสวินด้วยสีหน้าตะลึง


ไม่มีใครคาดคิดว่าดาบแตกเล่มนั้นจะน่าหวาดหวั่นเพียงนี้ สังหารเหล่าผู้กล้าจากทั่วทุกสารทิศ แต่ในสถานการณ์แบบนี้กลับยังมีคนไม่รู้ดีชั่ว จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว!


นี่มันไม่อยากมีชีวิตแล้วชัดๆ!


เงาร่างของหลินสวินเปล่งประกาย แสงสีฟ้าอ่อนเจิดจ้าแผ่กระจาย พลังที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างอย่างบ้าคลั่งห้อทะยานจนแทบควบคุมไม่ได้


อานุภาพของดาบแตกเรียกได้ว่าไม่อาจประเมินได้ แต่สำหรับหลินสวินแล้วนี่กลับเป็นคู่ต่อสู้ที่ดีที่สุด ทำให้เขาสามารถเคี่ยวกรำตัวเองในการต่อสู้ หลอมรวมชีพจรวิญญาณ!


บางทีการกระทำนี้อาจบ้าคลั่งมาก แต่หลินสวินกลับไม่ยอมพลาดโอกาสนี้


ชิ้ง!


ดาบวิญญาณม่วงถูกชักออกจากฝัก เกิดเสียงครวญกระจ่างดังไปทั่วฟ้า เขาฟันสังหารออกไป เข้ากำราบดาบแตกที่พุ่งเข้ามา


หนึ่งดาบฟ้าดินเปลี่ยนสี ดุจคืนนิรันดร์มาเยือน ปรากฏการณ์ประหลาดพลันปรากฏ!


นี่คือกระบวนท่าคว้าดารา หลินสวินดูเหมือนบ้าคลั่ง แต่ความจริงก็ไม่กล้าประมาท พลังของดาบแตกเล่มนั้นน่ากลัวเกินไป ร้ายกาจยิ่งกว่าระดับหยั่งสัจจะทั่วๆ ไปเสียอีก


วู้ม!


พลันเห็นดาบแตกนั่นส่องสว่าง แสงเจิดจ้าสีเงินกวาดมา เพียงพริบตาเดียวก็ทำลายกระบวนท่านี้ เกิดเสียงตูมดังลั่น สะเทือนจนหลินสวินกระเด็นออกไป


เขากระอักเลือด ใบหน้าขาวซีด เพียงการโจมตีเดียวก็ทำให้เขารู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของพลังดาบแตก


กลางอากาศ ดาบแตกแผ่แสงประกายสว่างไสวหาที่เปรียบ ลำแสงที่กระจายออกมาของมันทุกเส้นทุกสายราวกับทางช้างเผือกร่วงหล่น


เห็นเงาร่างของหลินสวินใกล้จะถูกปกคลุม ทว่ากลับเห็นเขาคำรามเสียงยาว เส้นผมสีดำปลิวพลิ้วขึ้น กวาดดาบวิญญาณม่วงออกไปอีกครั้ง


ไอดาบพราวพร่างพุ่งขึ้นท้องฟ้า ยิ่งใหญ่อลังการ ดุจผืนน้ำเชื่อมประสานผืนฟ้า ประหนึ่งเจิดจ้าส่องสว่างมานับตั้งแต่อดีตกาลจวบจนทุกวันนี้


กระบวนท่าสอยจันทรา!


โครม!


ฟ้าดินสั่นสะเทือน ส่งเสียงคำรามไม่ขาดสาย บริเวณนี้ถูกแสงแรงกล้าปกคลุม ทำให้คนไม่กล้ามองจ้อง


หลายคนต่างตกใจกลัวจนหลับตาลง ในใจกระวนกระวาย


ประกายแสงสีเงินระเบิดออก เงาร่างของหลินสวินสะเทือนจนเซถอย ทั่วร่างถูกดาบคมฟาดฟัน แผลกระบี่ที่เดิมทียังไม่หายดียิ่งน่าสะพรึงกลัวกว่าเดิม


เขากระอักเลือดระรัว แต่กลับยังไม่ตาย!


ผู้ฝึกปราณในที่นั้นต่างหวั่นไหว ชะงักฝีเท้าที่กำลังหนี ต่างไม่กล้าเชื่อว่ามีคนสามารถต้านทานการสังหารของดาบแตกนี้ได้


วู้ม!


ดาบแตกผ่าขวางกลางอากาศราวกับถูกหลินสวินกระตุ้นจนขึ้งโกรธ ฟันสังหารฟ้าดิน ดวงดารามากมายปรากฏขึ้น เคลือบแฝงด้วยคลื่นสีเงิน โถมทับใส่หลินสวิน


ตูม!


เป็นการต่อสู้ระหว่างแข็งชนแข็งอีกครั้ง อากาศบริเวณนี้ส่งเสียงครวญ ภูเขาหลายลูกที่อยู่รอบๆ ต่างกลายเป็นฝุ่นผง พังทลายสิ้น


ผู้ฝึกปราณบางส่วนที่หนีไม่ทันถูกคลื่นกระแทกนี้อย่างจังก็ล้มพับกับพื้น วิญญาณแทบหลุดจากร่าง


เสียงสวบดังขึ้น พลันเห็นเงาร่างของหลินสวินพุ่งออกมาจากแสงสีเงินอันเจิดจ้า ทว่าสภาพของเขายิ่งอนาถและย่ำแย่กว่าเดิม เลือดไหลทั่วตัว ย้อมให้อากาศบริเวณนั้นกลายเป็นสีแดง


เขายืนถือดาบ นัยน์ตาดำเฉียบคม พลังทั่วร่างราวกับเหวลึกที่ระเบิดตัว เกิดเป็นลมพายุพุ่งขึ้นฟ้า


ประหนึ่งว่าเขาไม่เคยบาดเจ็บหนักระหว่างการต่อสู้ ตรงกันข้ามพลังนั้นยิ่งแข็งแกร่งมากกว่าเดิม!


“เขา…เป็นใคร”


นี่คือคำถามของหลายคน พวกเขาต่างตกใจกับภาพนี้ ดาบแตกนั่นน่าสะพรึงกลัวแค่ไหน ก่อนหน้านี้เพิ่งจะพิชิตโลกา สังหารเหล่าผู้กล้า ทำให้คนอกสั่นขวัญหนี ไม่มีใครกล้าสู้กับมัน


แต่ยามนี้กลับมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งถือดาบเข้ามา แม้ว่าจะบาดเจ็บสาหัสจนเลือดท่วมตัว แต่กลับสามารถต้านทานการโจมตีของดาบแตกได้หลายต่อหลายครั้ง!


“สวรรค์ เป็นเขา! เด็กหนุ่มดุดันที่ก่อนหน้านี้เคยสู้กับผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะแห่งสำนักยอดกระบี่บูรพา!”


ผู้ฝึกปราณบางคนที่อยู่ห่างออกไปก็หยุดฝีเท้า สีหน้าเผยความตะลึง ด้วยจำฐานะของหลินสวินได้จึงส่งเสียงอุทานเป็นระลอก


“เขาเคยฆ่าผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะเฉียนไหว และสู้กับนักพรตสยงจนไม่อาจประเมินแพ้ชนะได้ ทำให้นักพรตสยงต้องกลับไปมือเปล่า ยามนี้เขากลับดุดันจนสู้กับดาบแตกนั่น!”


“เขาเป็นใครกันแน่ เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน”


รอบๆ พลันมีเสียงฮือฮาด้วยความแปลกใจดังขึ้น


ตูม!


กลางอากาศดาบแตกระเบิดอานุภาพ ร่ายระบำอยู่กลางท้องฟ้า แสงเรืองรองสะท้านโลกาถาโถม ห้อตะบึงรุนแรง


อานุภาพนั้นทำให้ผู้ฝึกปราณมากมายตัวสั่น พูดอะไรไม่ออก แทบจะหยุดหายใจ


ทว่าหลินสวินกลับไม่กลัวเกรง พลังทั่วทั้งร่างพุ่งสูงขึ้น ราวกับเทพมารที่มองใต้หล้านี้อย่างดูถูก เสียงครืนโครมดังลั่น เขาใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งพุ่งเข้าไป


ทั้งสองพุ่งชนกัน ดวงดาราสะท้อนเต็มฟ้า ประกายดาบสะเทือนโลก ภาพนี้ยิ่งใหญ่อลังการเกินไป พาให้ผู้คนระทึกขวัญ


จากนั้นบริเวณนั้นก็ระเบิด แสงสว่างกระจัดกระจาย ดาบแตกพุ่งลง ประกายดาบแสบตาราวกับแสงดารา เบียดแทรกอากาศทุกส่วน


ไม่สามารถหลบหลีกได้สักนิด!


ภายใต้การกดดันระดับนี้ หลินสวินกระอักเลือดไม่หยุด เงาร่างเซถอยอย่างต่อเนื่อง ร่างกายราวกับจะแตกออกจากกันก็ไม่ปาน เลือดยังคงไหลไม่หยุด


ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้พลังของเขากลับยิ่งแข็งแกร่ง ประหนึ่งเตาเผาที่ปั่นป่วน จิตวิญญาณทั้งหมดถูกแผดเผา ต่อต้านอย่างสุดความสามารถ


แรงสะเทือนระลอกนี้ประหนึ่งทำให้ท้องฟ้าที่ราวกับเลือดยังสั่นสะท้านตาม ไอสังหารอันน่าสะพรึงและความปั่นป่วนกระจายอยู่ทั่วทุกแห่งหน ม้วนคลื่นแสงเจิดจ้าสาดส่องไปทั่วราวกับวันสิ้นโลก


“แม้ได้รับบาดเจ็บหนักอย่างต่อเนื่อง แต่เขา…กลับต้านไว้ได้!”


ในที่นั้น ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เหล่าผู้ฝึกปราณซึ่งเดิมยังหนีกระเจิงอยู่ชะงักฝีเท้าโดยไม่ได้นัดหมาย ยืนมองศึกนี้จากระยะไกลด้วยสีหน้าตื่นตะลึง


“ระดับมหาสมุทรวิญญาณนี่! แม้แต่ระดับหยั่งสัจจะยังไม่ใช่ กลับสามารถต้านดาบดุดันพลิกฟ้าเล่มนั้นได้ เด็กหนุ่มคนนี้เก่งกาจผิดธรรมดาไปแล้ว!”


“พวกเจ้าเห็นหรือไม่ ร่างเขาใกล้จะถูกระเบิดอยู่รอมร่อ แต่พลังกลับแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือเขาฝึกวิชาลับบางอย่างที่สามารถยกระดับของตนในระหว่างการต่อสู้ได้”


“เป็นไปไม่ได้ ต้องมีขุมทรัพย์แห่งพลังปิดผนึกอยู่ในร่างกายเขาเป็นแน่ และเมื่อเขาต่อสู้ก็จะถูกเปิดทีละชั้น”


เหล่าผู้ฝึกปราณวิพากษ์วิจารณ์ สายตาวูบไหว ตื่นตะลึงไม่อาจสงบลงได้


ดาบแตกเล่มนั้น ก่อนหน้านี้ถึงกับสังหารผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะที่ไม่ทันได้ใช้พลังแท้จริงของตัวเองได้อย่างง่ายดาย จุดจบคือเปลวไฟที่ลุกโชน


แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มคนหนึ่งกลับวิปริตยิ่งกว่าดาบแตกนั่น สู้กับมันด้วยพลังระดับมหาสมุทรวิญญาณซึ่งๆ หน้า ภาพที่เกินจะจินตนาการนี้เป็นเหมือนตำนานก็ไม่ปาน


ตูม โครม~~


ศึกอันดุเดือดยังคงดำเนินต่อไปภายใต้ผืนฟ้า ดาบแตกที่ทุกคนมองว่าดุดันพลิกฟ้ากำลังปะทะกับหลินสวิน ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี


หลินสวินไม่ได้สบายเลย ร่างกายราวกับกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ บาดแผลหนักขึ้นเรื่อยๆ แบกรับแรงกดดันถึงชีวิตที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูดได้


ถ้าไม่ใช่เพราะก้าวย่างชือน้ำแข็ง บวกกับพลังของเขาที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างการต่อสู้ เกรงว่าคงถูกฆ่าตายคาที่ไปนานแล้ว


สิ่งเดียวที่ทำให้หลินสวินตื่นเต้นคือ บนจุดปราณทั้งสี่แห่งเส้นปราณหัวใจของเขา ชีพจรวิญญาณเส้นนั้นกำลังก่อตัวอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้นก็จะเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์แล้ว!


‘จะต้องชิงก่อชีพจรวิญญาณออกมาให้ได้ก่อนที่ร่างจะถูกโจมตีระเบิด มิเช่นนั้นไม่เพียงแค่จะคว้าน้ำเหลว แม้แต่ชีวิตก็อาจต้องสังเวยให้กับดาบเล่มนี้!’


ในระหว่างการต่อสู้ นัยน์ตาดำของหลินสวินเต็มไปด้วยความแน่วแน่และโหดเหี้ยม เขาเองก็บ้าคลั่งเช่นกัน


ศึกนี้เป็นทั้งโอกาสที่หายากและยังเป็นวิกฤตอันร้ายแรงอีกด้วย ขึ้นอยู่กับว่าสุดท้ายเขาจะคลี่คลายมันได้หรือไม่!


——

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)