Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 443-448
ตอนที่ 443 การรวมตัวของเหล่าผู้กล้า
โดย
ProjectZyphon
โลหิตข้นคลั่กย้อมท้องฟ้าเป็นสีแดง!
ปรากฏการณ์ประหลาดนั่นกว้างใหญ่เกินไปจนหลินสวินอดหัวใจเต้นแรงไม่ได้
“โลหิตโบราณสะท้อนฟ้า นี่เป็นสัญญาณว่าเส้นทางสู่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นกำลังจะเปิดออก!”
หญิงกระโปรงม่วงตะลึง สายตาเผยแววแปลกประหลาด
“แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นหรือ?”
หลินสวินถามอย่างหาได้ยาก ทำให้หญิงกระโปรงม่วงอดตะลึงไม่ได้ พลันรีบอธิบาย
“ในนั้นจะมีสมบัติโบราณมากมาย…”
หลินสวินเองก็อดหวั่นไหวไม่ได้ สมบัติที่หลงเหลือจากยุคโบราณ ถูกกัดกร่อนจากสายธารแห่งกาลเวลามายาวนานแต่ไม่ถูกทำลาย แค่คิดก็รู้ว่าจะมีพลังแข็งแกร่งเพียงใด
“ใช่แล้ว ว่ากันว่าซากแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นเป็นหนึ่งในดินแดนต้องห้ามที่สำคัญที่สุดในภูเขาราหู ทุกครั้งที่เปิดออก จะดึงดูดผู้กล้าชั้นยอดมากมายมาแสวงหาโชควาสนา”
อาจเพราะต้องการรักษาชีวิต หญิงกระโปรงม่วงจึงให้ความร่วมมืออย่างมาก “สิ่งที่พิเศษที่สุดคือทางเดินนั้นถูกปกคลุมด้วยข้อจำกัดโบราณอันลึกลับ มีเพียงผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้อย่างปลอดภัย หากพลังสูงเกินไปก็จะถูกสะท้อนกลับ”
“แต่ในขณะเดียวกัน หากพลังอ่อนแอเกินไป ก็ไม่สามารถอยู่รอดในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นได้ แม้ที่นั่นมีโชควาสนา แต่ก็มาพร้อมกับอันตรายและการสังหารอันน่ากลัว”
พูดถึงตรงนี้หญิงกระโปรงม่วงก็เตือนอย่างตั้งใจ “เพราะฉะนั้นผู้ที่จะเข้าไปไขว่คว้าวาสนาในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น จึงล้วนเป็นผู้เก่งกาจชั้นยอดในระดับมหาสมุทรวิญญาณ”
ไม่เตือนยังพอว่า แต่พอเตือนแบบนี้หลินสวินก็ตาเป็นประกายขึ้นมา ตอนนี้เขาปรารถนาการต่อสู้ที่สุด หากได้เจอคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจย่อมเป็นเรื่องที่ดีมาก
ทันใดนั้นหลินสวินจึงตัดสินใจว่าจะมุ่งหน้าไปแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น ไม่เพียงเพื่อแสวงหาวาสนาเท่านั้น สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือใช้โอกาสนี้ก่อรวมชีพจรวิญญาณเส้นใหม่!
หญิงกระโปรงม่วงคิดไม่ถึงเลยว่า การเตือนของตนไม่เพียงไม่สามารถทำให้หลินสวินถอยทัพได้ แต่กลับตัดสินใจมุ่งหน้าเข้าไป
นางอดตกใจไม่ได้ เอ่ยว่า “พวกคนที่สามารถเข้าไปในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นล้วนไม่ธรรมดา ต่างมาจากสำนักโบราณของแดนวิญญาณโบราณทั้งสิ้น คนที่ความสามารถไม่ถึง ไปแล้วก็มีแต่จะโดนฆ่า”
หลินสวินเหลือบมองนาง “เจ้ากลัวหรือ?”
สีหน้าของหญิงกระโปรงม่วงเปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดอย่างขมขื่น “กลัวสิ ที่แบบนั้นมิใช่ที่ที่คนอย่างข้าจะกล้าเข้าไป”
พูดถึงตรงนี้ คล้ายต้องการยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ขี้ขลาด นางจึงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่เพียงเท่านี้ ผู้สืบทอดของสำนักโบราณเหล่านั้นล้วนมีข้ารับใช้ที่มีพลังปราณระดับหยั่งสัจจะคอยติดตาม ในสถานการณ์แบบนี้ คนอื่นๆ ไม่มีสิทธิ์แข่งกับพวกเขาด้วยซ้ำ”
หลินสวินขมวดคิ้ว “ไหนบอกว่ามีเพียงผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณเท่านั้นที่เข้าไปได้อย่างปลอดภัย”
หญิงกระโปรงม่วงพยักหน้า “ใช่ แต่สำนักโบราณเหล่านั้นกลับครอบครองวิชาลับที่สามารถกดพลังปราณของระดับหยั่งสัจจะเหล่านั้น ปะปนเข้าไปด้วยพลังของระดับมหาสมุทรวิญญาณ!”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
หลินสวินพึมพำ ถัดมาเขาพลันหรี่ตามองหญิงกระโปรงม่วงที่อยู่ข้างๆ เอ่ยว่า “ตอบคำถามข้าไม่กี่ข้อ แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไปทันที”
หญิงกระโปรงม่วงหัวใจสะท้าน คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กหนุ่มที่ดุร้ายราวปีศาจคนนี้จะใจอ่อนเป็นด้วย
นางถึงขั้นรู้สึกสงสัยว่า หลินสวินกำลังทดสอบตนหรือเปล่า
แต่ไม่นานนางก็ได้รู้ว่าตนคิดมากเกินไป หลังจากถามคำถามไม่กี่ข้อ หลินสวินก็หมุนตัวจากไปโดยไม่เคยคิดสังหารตนเลย
หญิงกระโปรงม่วงอึ้งค้างอยู่กับที่ ทั้งแปลกใจ ดีใจและงุนงง
ปล่อยตนง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ
หญิงกระโปรงม่วงนึกถึงสิ่งที่ประสบตลอดสิบวันที่ผ่านมาแล้วรู้สึกเหมือนฝันไป
สิ่งที่ทำให้นางไม่อยากจะเชื่อคือ คำถามที่หลินสวินถามเมื่อครู่นี้ง่ายมากเกินไป อย่างเช่นรูปแบบพลังในแดนวิญญาณโบราณ ที่มาของเทือกเขาราหู… คำถามเหล่านี้ไม่ใช่ความลับอะไรเลย
“หรือว่าเขา…มาจากดินแดนภายนอก ไม่ใช่คนในแดนวิญญาณโบราณ?”
ทันใดนั้นหญิงกระโปรงม่วงพลันตระหนักบางอย่างขึ้นได้ ในใจสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
นางนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้หลินสวินถามเกี่ยวกับ ‘ดินแดนรกร้างโบราณ’ อยู่หลายข้อ และแดนวิญญาณโบราณแห่งนี้ก็เป็นจุดเชื่อมต่อหนึ่งของดินแดนรกร้างโบราณ!
……
ฟุ่บ!
กลางอากาศ เงาร่างของหลินสวินแวบไปท่ามกลางเมฆหมอก
เหรินเมี่ยวเมี่ยวคือชื่อของหญิงกระโปรงม่วงคนนี้ นางมาจากสำนักหลอมไฟแห่งแดนวิญญาณโบราณ เป็นศิษย์ร่วมสำนักกับเหวยจวิ้นที่หนีหัวซุกหัวซุนไป
หลินสวินได้เบาะแสที่สำคัญยิ่งจากปากนาง นั่นก็คือแดนวิญญาณโบราณที่เขามาในครั้งนี้ เป็นดินแดนหนึ่งในดินแดนรกร้างโบราณ!
นี่มันเหลือเชื่อมากเกินไปแล้ว ด่านทดสอบที่สี่ของห้องโถงมรรคาสวรรค์ ‘อาณาเขตเดินทาง’ ได้ส่งตัวเขามายังแดนวิญญาณโบราณแห่งนี้ หรือว่าการดำรงอยู่ของห้องโถงมรรคาสวรรค์จะเกี่ยวข้องกับดินแดนรกร้างโบราณด้วย?
ถึงขั้นที่มองจากมุมนี้ ในเมื่อแดนวิญญาณโบราณเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนรกร้างโบราณ ถ้าอย่างนั้นจักรวรรดิจื่อเย่าจะเป็นหนึ่งในดินแดนของดินแดนรกร้างโบราณด้วยหรือไม่?
คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวหลินสวิน
ไม่ว่าคำตอบจะเป็นเช่นใด แต่ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้หลินสวินได้เปิดโลกทัศน์ ราวกับได้เห็นโลกใบใหม่ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่สายตาของเขายึดติดเพียงแต่จักรวรรดิจื่อเย่า
นี่ถือเป็นประสบการณ์ การมองฟ้าจากก้นบ่อน้ำ ไม่รู้ว่าโลกนี้กว้างใหญ่เพียงใดเป็นเรื่องที่น่าสลดใจ
ความโชคดีของหลินสวินคือ การบังเอิญเข้ามาในแดนวิญญาณโบราณ ทำให้เขาแตกต่างไปจากตอนอยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่า ทั้งสายตาและประสบการณ์ล้วนก้าวข้ามขอบเขตตอนที่อยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่าไปแล้ว
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดตอนงานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาสามร้อยปีของจักรพรรดินี ไป๋หลิงซีจึงยืนกรานว่าจะไปดินแดนรกร้างโบราณ
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อฝึกปราณ เพื่อไปเห็นโลกแห่งการฝึกปราณที่กว้างใหญ่กว่าเดิม!
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
หลินสวินพลันตื่นจากภวังค์ รับรู้ได้ว่าในบริเวณอันไกลโพ้นมีลำแสงมากมายปรากฏ งดงามดึงดูดสายตา และกำลังพุ่งมาทางนี้
นั่นเป็นกลุ่มผู้ฝึกปราณ มีทั้งชายทั้งหญิง และต่างยังหนุ่มสาว มีพลังกล้าแกร่ง รอบตัวมีผู้คุ้มกันและคนรับใช้ติดตามอย่างเกรียงไกร
“เหอะ พวกเจ้าดูสิ เด็กนั่นเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนมอมแมม แผลเต็มตัว ดูน่าสงสารมาก เหมือนเพิ่งถูกสัตว์อสูรรุมมาอย่างไรอย่างนั้น เขาก็จะไปแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นด้วยหรือ”
ชายชุดคลุมสีทองหัวเราะเยาะตอนที่เห็นหลินสวิน
“ฮ่าๆๆ พวกคนไม่รู้ที่ต่ำที่สูงแบบนี้มีเยอะมาก แต่ละคนต่างคิดว่าวาสนาในเทือกเขาราหูมีมากนับไมถ้วน จึงหวังจะได้รับวาสนาที่นี่เพื่อประสบความสำเร็จ เสียดายที่พวกเขาไม่เคยคิดว่า พวกที่ความสามารถยังไม่ถึงอย่างพวกเขา มาก็เหมือนรนหาที่ตาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้รับโชควาสนาอะไร”
ชายหนุ่มชุดฟ้าอีกคนเงยหน้าหัวเราะลั่น
“ศิษย์พี่เหวินพูดถูก คำว่าวาสนานี้ก็ต้องแลกด้วยชีวิต”
ชายหญิงคนอื่นๆ ต่างเสริม
‘ศิษย์พี่เหวิน’ ยิ่งย่ามใจ สะบัดมือพูด “ทุกท่าน เราเร่งเดินทางกันเถิด ข้าได้ยินมาว่า คราวนี้นอกจากคนในสำนักยอดกระบี่บูรพาของเราแล้ว ยังมีคู่แข่งที่เก่งกาจจากสำนักอื่นๆ อีกจำนวนไม่น้อย เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม”
ตอนที่คุยกัน กลุ่มของพวกเขาทะยานผ่านกลางอากาศ ไม่เห็นหลินสวินอยู่ในสายตาตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งยังวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่เกรงใจ ดูเย่อหยิ่งอย่างที่สุด
‘อย่าให้ข้าเห็นพวกเจ้าที่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นล่ะ!’
หลินสวินหัวเราะเย็นเยียบในใจ ยามนี้เขากำลังคลั่งการต่อสู้ กำลังกลัวว่าจะไม่มีคู่ต่อสู้ อยากจะกระโดดออกไปฝึกปรือกับพวกไม่ดูตาม้าตาเรือพวกนั้นแทบไม่ไหวแล้ว
พอออกเดินทางอีกครั้ง สีเลือดที่ปรากฏบนฟากฟ้าเข้มขึ้นเรื่อยๆ น่าสะพรึงกลัวประหนึ่งปีศาจ และยอดฝีมือที่เจอระหว่างทางก็มากขึ้นเรื่อยๆ และครึกครื้นขึ้นเรื่อยๆ
ตอนที่ใกล้จะถึงบริเวณที่เกิดแสงเลือดนั้น พลันเห็นลำแสงแพรวพราวพาดผ่านท้องฟ้า ตัดสลับไปมาแน่นขนัด เหินทะยานโคจรอยู่ตรงนั้น เป็นเหล่าผู้กล้าแห่งยุคที่เริ่มปรากฏเป็นกลุ่มๆ
ตอนที่ไปถึง หลินสวินไม่จำเป็นต้องตามหาทาง เพียงตามลำแสงพวกนั้นไปก็พอแล้ว
สุดท้ายพวกเขาก็มาถึงที่พื้นที่รกร้างแห่งหนึ่ง
ที่นี่ไม่มีต้นไม้ใบหญ้า ทุกอย่างแห้งเหี่ยว ราวกับเป็นเพียงที่ราบว่างเปล่า
แต่กลิ่นอายของที่นี่กลับน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด พื้นดินเป็นสีแดงราวกับถูกเลือดสดๆ ท่วมทับ แผ่กลิ่นอายดุดันชวนขนลุก
เห็นได้ชัดว่าแสงเลือดที่ปรากฏบนฟ้าล้วนมาจากที่นี่!
หลังจากลำแสงมากมายมาถึงที่นี่ก็เริ่มระมัดระวังมากขึ้น
ใจกลางที่ราบสีเลือดที่ไม่มีแม้แต่ต้นไม้ใบหญ้า มีเสาหินสีเลือดพันจั้งตั้งตระหง่านอยู่ มันบุบสลายไม่เหลือสภาพนานแล้ว พื้นผิวประทับด้วยร่องรอยแห่งกาลเวลา
ยามนี้มีแสงเลือดหมุนวนออกมาจากเสาหิน ปกคลุมไปทั่วฟ้าดินแห่งนี้ ราวกับเป็นแดนนรกสีเลือด ดูน่ากลัวมากเป็นพิเศษ
หลังจากผู้ฝึกปราณมากมายมาถึงที่นี่ ต่างยืนอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าใกล้เสาสีเลือดนั่น ราวกับกลัวว่าจะเปื้อนประกายเลือด
ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความระแวง คาดหวังและตื่นเต้น ต่างยืนรออยู่อย่างนั้น
เพราะพวกเขารู้ว่า อีกไม่นานจะมีเส้นทางเปิดออกจากกลางเสาหินที่มีแสงสีเลือดแผ่กระจาย!
และเส้นทางนั้น ก็เป็นเส้นทางเดียวที่สามารถไปยังแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นได้!
จำนวนผู้ฝึกปราณที่มารอที่นี่เยอะเกินไป ทั้งยังมีลำแสงสายแล้วสายเล่าเข้ามาไม่หยุด จนแทบจะแออัดกันเต็มพื้นที่แห่งนี้แล้ว
ตอนที่หลินสวินไปถึงก็อดหรี่ตาไม่ได้ ในนั้นเต็มไปด้วยผู้สืบทอดจากสำนักโบราณมากมาย มีทั้งศิษย์จากสำนักใหญ่ๆ ยิ่งไปกว่านั้นคือมีผู้ฝึกปราณสายอสูรและผู้อาวุโสที่ไม่รู้บรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณมานานเท่าไหร่แล้วอีกมากมาย
แน่นอนว่าคนที่ดึงดูดสายตาที่สุดก็คือผู้สืบทอดจากสำนักโบราณที่ปรากฏตัวกันเป็นกลุ่มก้อน แต่ละคนรูปงามบุคลิกโดดเด่น ดูก็รู้ว่าต้องเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้กล้าชั้นยอดอย่างไม่ต้องสงสัย!
ข้างกายพวกเขามีข้ารับใช้และผู้คุ้มกันมากมาย อำนาจระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่ลูกศิษย์สำนักทั่วๆ ไปจะสู้ได้
เมื่อหลินสวินมาถึงก็ถูกหลายคนชี้นิ้ววิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน คนอื่นๆ ต่างสวมเสื้อเกาะวาววับ อยู่กันเป็นกลุ่มเป็นก้อน แต่เขายังคงเสื้อเปื้อนเลือดมอมแมม หัวเดียวกระเทียมลีบ ทั้งยังมีแผลกระบี่เต็มตัว ดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
“เฮ้ เจ้าหนูนี่สภาพน่าเวทนานัก ไม่รู้ว่าเป็นพวกปราณแตกซ่านโผล่มากจากรูไหน”
“ดูเหมือนเขาเพิ่งผ่านศึกหนักมา ยามนี้ร่างกายบาดเจ็บ แต่ไม่ยอมตัดใจยังจะมาคว้าโชควาสนา กล้าดีจริงๆ”
ไม่ว่าหลินสวินเดินไปถึงไหน ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา ทำให้เขาขมวดคิ้ว เดินหน้าไปเพียงลำพัง หลีกหนีจากกลุ่มคน และมาหยุดอยู่บริเวณใกล้ๆ เสาหินแสงเลือด
ทว่าไม่นานก็ไม่มีใครสนใจหลินสวินอีก ต่างถูกเสียงอุทานด้วยความตะลึงเสียงหนึ่งดึงดูดความสนใจ
“ดูนั่น ผู้สืบทอดจากเขาเมฆาสวรรค์ก็มาด้วย!”
พร้อมกับเสียงอุทานด้วยความตะลึงนั้น กลางอากาศในบริเวณที่ห่างออกไป ท้องฟ้าแปรปรวน กลิ่นหอมอบอวลคละคลุ้ง สายรุ้งศักดิ์สิทธิ์ราวกับภาพฝันก็ปรากฏขึ้น
บนสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์มีชายหญิงกลุ่มหนึ่งยืนอยู่อย่างสง่า แผ่กระจายกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ ราวกับเซียนมาโปรดไม่มีผิด
………………
ตอนที่ 444 ความเหี้ยมโหดของเด็กหนุ่ม
โดย
ProjectZyphon
เขาเมฆาสวรรค์เป็นสำนักโบราณแห่งหนึ่งในแดนวิญญาณโบราณ ผู้สืบทอดในสำนักล้วนเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นแห่งยุค ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า!
เห็นชายหญิงกลุ่มนั้นเดินทางมาโดยรุ้งศักดิ์สิทธิ์ กลิ่นอายความศักดิ์สิทธิ์คละคลุ้ง เหล่าผู้ฝึกปราณต่างเผยสีหน้าระมัดระวังและเกรงกลัว
แม้แต่ผู้สืบทอดจากสำนักโบราณที่มาถึงก่อนแล้ว ยังเผยสีหน้าระแวงอย่างชัดเจน
“หลิงจื่อนั่ว!”
“ขนาดนางยังมา!”
ในกลุ่มผู้สืบทอดของเขาเมฆาสวรรค์ ผู้นำเป็นหญิงสาวในชุดกระโปรงสีฟ้า ผมยาวสลวยดำขลับ ผิวพรรณเรียบเนียน ดวงตาเปล่งประกาย ริมฝีปากแดงฟันขาวกระจ่าง รูปลักษณ์โดดเด่นงดงามราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด
รูปร่างของนางสง่างาม ร่างกายกำจายกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ ข้างกายก็เต็มไปด้วยสาวสวยหนุ่มหล่อ แต่เมื่อเทียบกับนางแล้วต่างจืดจางลงทั้งสิ้น
หลายคนที่อยู่ที่นี่จำผู้หญิงคนดังกล่าวได้ จึงส่งเสียงอุทานอย่างตกใจ
หลิงจื่อนั่ว เป็นบุคคลชั้นยอดที่มีคุณลักษณะพรสวรรค์ ‘กายหยกวิญญาณสายฟ้า’ แม้อายุเพียงสิบเจ็ด แต่มีชื่อเสียงสะเทือนทั่วหล้ามาหลายปีแล้ว และยังเป็นผู้สืบทอดอัจฉริยะคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาผู้โดดเด่นแห่งเขาเมฆาสวรรค์!
หลังจากพวกเขามาถึง บรรยากาศก็เงียบลงเล็กน้อย ราวกับทุกคนต่างไม่กล้าเสียงดังด้วยกลัวว่าจะรบกวนพวกเขา
ส่วนลูกศิษย์สำนักโบราณบางส่วนที่มั่นใจว่าฐานะของตนสามารถเทียบกับหลิงจื่อนั่วได้ สายตาที่มองหลิงจื่อนั่วจึงดูกล้ากว่ามาก ในความเร่าร้อนแฝงความชื่นชมและลุ่มหลง
จู่ๆ ผืนดินก็สั่นสะเทือน บริเวณอันไกลโพ้นราวกับมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น
เงาร่างอันสูงใหญ่กำยำย่างสามขุมเข้ามา โครงร่างของเขาหนาใหญ่ เปลือยท่อนบน กล้ามเนื้อคล้ายหล่อขึ้นจากสำริด เต็มไปด้วยพลังราวลูกระเบิด
บนไหล่ของเขาแบกกระบองเหล็กสีดำหนาใหญ่เอาไว้ท่อนหนึ่ง ทุกครั้งที่ก้าวเดินก็ราวกับขุนเขากำลังเคลื่อนที่ สะเทือนจนผืนดินสั่นสะท้าน เศษฝุ่นคละคลุ้ง ดูน่าเกรงขาม
ทุกคนอุทานด้วยความตกใจทันควัน เพราะจำได้ว่าผู้มาเยือนคือผู้สืบทอดแห่งสำนักสงัดดารา… เถี่ยเชียนหาน!
นี่ก็เป็นผู้กล้าที่สร้างความสะเทือนไปทั่วหล้ามาตั้งนานแล้วเช่นกัน มีคุณลักษณะพรสวรรค์ ‘ปฐพีสยบขุนเขา’ เต็มไปด้วยกลิ่นเลือดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เรี่ยวแรงเหลือหลายไม่มีที่สิ้นสุด
วิ้ง!
เถี่ยเชียนหานเพิ่งมาถึงไม่นาน บนภูเขาก็อยู่ใกล้ๆ พลันมีรุ้งวิเศษสีเขียวเส้นหนึ่งพุ่งลงมา แล้วแปลงเป็นเด็กหนุ่มในชุดนักพรตสีดำ แบกกระบี่โบราณลายสนเอาไว้กลางหลัง
ที่ไหลเวียนอยู่ในนัยน์ตาเป็นลายลึกลับสีทองอร่าม ไอสมบัติทาบทับไปทั่วร่างราวกับเป็นภาพมายา ดูก็รู้ว่าต้องเป็นอัจฉริยะชั้นยอดเช่นกัน
แต่เด็กหนุ่มคนนั้นเท้าเพิ่งจะถึงพื้น เสียงตูมก็ดังสนั่น แสงสีดำสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามาก่อนจะกลายเป็นลิงมายาแหงนหน้าร้องคำรามยาว เสียงราวกับคลื่นทะเลอันรุนแรงที่ชวนอกสั่นขวัญแขวน
ชายหนุ่มชุดนักพรตดำราวกับมีญาณทิพย์ เงาร่างวูบหลบ ภูเขาที่เหยียบอยู่เมื่อครู่พลันถูกลิงมายาตัวนั้นเหยียบจนแหลกละเอียด
โฮก~
ลิงมายาส่งเสียงคำรามแล้วพุ่งเข้าหาเด็กหนุ่มชุดนักพรตอีกครั้ง เท้าเพิ่งจะแตะลงไป พื้นดินก็เกิดเป็นรอยแยก ดูดุดันและโหดร้ายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ผู้ฝึกปราณที่อยู่รอบๆ ไม่อาจไม่หลีกหนี สีหน้าต่างเปลี่ยนไปเพราะจำฐานะของเด็กหนุ่มชุดนักพรตและลิงมายาตัวนั้นได้
เด็กหนุ่มชุดนักพรตเป็นผู้สืบทอดของสำนักกระบี่แรกวิญญาณ ชื่อทางธรรมคืออวิ๋นเคอ ส่วนลิงมายานั่นเป็นผู้สืบทอดสำนักเทพโลหิต ผู้ฝึกตนสายอสูรหยวนจั้น!
“หยวนจั้น เส้นทางสู่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นกำลังจะเปิดแล้ว เจ้าจะสู้ต่อจริงๆ หรือ”
อวิ๋นเคอร่างไหววูบหลบการสังหารของหยวนจั้น ในนัยน์ตาฉายลายลึกลับสีทอง ดูน่าสะพรึงกลัวถึงที่สุด
“หึ!”
ลิงมายาแค่นเสียงเย็น กลิ่นอายพิฆาตแผ่กระจาย จู่ๆ ก็กลายร่างเป็นชายชุดดำที่ผิวออกคล้ำๆ และมีนัยน์ตาสีแดงเข้ม
“ก็ดี รอให้เข้าไปในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นก่อน แล้วค่อยเชือดเจ้าจมูกโคน้อย[1]อย่างเจ้าก็ยังไม่สาย!”
หยวนจั้นกวาดสายตามองรอบๆ แล้วเก็บไอสังหาร ไม่พุ่งฆ่าฟันอีก
“หึๆ”
อวิ๋นเคอระบายยิ้ม ไม่พูดอะไรอีก
ทั้งสองต่างรู้ดีว่าที่นี่มีผู้ฝึกปราณมากมาย และมีคู่แข่งเก่งกาจไม่น้อย ถ้าสู้กันต่ออาจกลายเป็นเรื่องน่าหัวเราะเอาได้
ฮูว~~
และในขณะนั้นเอง สายลมอ่อนๆ ก็พัดเข้ามา ปรากฏเป็นดอกไม้หลากสี ลำต้นและกิ่งก้านล้วนงดงามตระการตาราวกับลายสลักวิญญาณลึกลับที่หนาแน่น ดูเป็นธรรมชาติ
ซู่ซ่า~
มันส่ายไปมาเบาๆ ก่อนจะกลายเป็นหญิงสาวในชุดหลากสีคนหนึ่ง เส้นผมสวยพลิ้วไหว ดวงตาคู่งามมีชีวิตชีวา รูปร่างเพรียวยาวบอบบาง ท่าทางเย้ายวนเปี่ยมเสน่ห์น่าหลงใหลนั้นดูร้อนแรงมาก
“เหลียนเตี๋ยอี!”
ทุกคนตกตะลึง ใบหน้าซีดขาว พวกเขาจำได้ว่าหญิงชุดหลากสีคนนั้นเป็นผู้สืบทอดของ ‘แดนวิญญาณหมื่นมายา’ ร่างเดิมเป็นบัวห้าสี และยังเป็นภูตวิญญาณธรรมชาติที่มีความสามารถยากคาดเดา
ตามบันทึกโบราณ เมื่อบัวห้าสีมีจิตวิญญาณ ธาตุทั้งห้าอันมหัศจรรย์จะมาสถิต พรสวรรค์น่าสะพรึงกลัวเกินจินตนาการ
ในอดีตเคยมีบัวห้าสีบรรลุยุทธ์ ทักษะฝีมือเลิศล้ำ เคยสังหารเทพมาร รบกับเหล่าอริยะ อาศัยเพียงคววามลี้ลับแห่งห้าธาตุก็สามารถสร้างชื่อเสียงให้โด่งดังไปทั่วหล้า!
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือบัวห้าสีมีนิสัยกระหายเลือด ทุกลมหายใจเข้าออกล้วนสามารถช่วงชิงจิตวิญญาณ สูบเลือดของอีกฝ่ายได้ ทั้งแปลกประหลาดและชวนขนลุกที่สุด
ตอนที่เหลียนเตี๋ยอีปรากฏตัว ผู้ฝึกปราณหลายคนต่างถอยหนี หลีกทางให้ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้แม้แต่คนเดียว
แม้แต่หยวนจั้นจากสำนักเทพโลหิตยังอดขมวดคิ้วไม่ได้ สีหน้าแฝงความหวาดกลัว
โครม! โครม! โครม!
ไม่นานก็มีเสียงราวกับกลองรบดังจากบนฟากฟ้า รถรบสำริดคันหนึ่งแล่นเข้ามาพร้อมเสียงคำรามของสายลม ด้านบนมีชายเกราะทองคนหนึ่งยืนอยู่ ในมือถือหอก สีหน้าดุดันราวกับเทพสังหาร
“ผู้สืบทอดตระกูลปราบมารไป๋อวี่!”
“สวรรค์ เทพสังหารน้อยคนนี้ก็มาด้วยหรือนี่!”
เสียงฮือฮาดังกระหน่ำไม่ขาดสาย
ทันทีที่ไป๋อวี่ปรากฏตัวก็ใช้สายตาอันราบเรียบกวาดมองทุกคน ท่าทางดูเย่อหยิ่ง แต่กลับไม่มีใครกล้าต่อว่าเขา
ท่ามกลางเวลาที่ผ่านเลยไปเรื่อยๆ ในพื้นที่ที่ไร้ซึ่งต้นหญ้าแม้สักต้นแห่งนี้ มียอดฝีมือเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนหนาแน่น
มีผู้สืบทอดจากสำนักโบราณ มีร่างวิญญาณที่ถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางฟ้าดิน มีผู้ฝึกตนสายอสูรที่บ้าบิ่นเผด็จการ… หนาแน่นมืดฟ้ามัวดิน ล้วนแล้วแต่มีพลังน่าหวาดหวั่นอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้กล้าแห่งยุค
ในสถานการณ์แบบนี้ต่อให้เป็นอัจฉริยะที่ทะนงตนแค่ไหน ก็ล้วนระมัดระวังขึ้นมา ไม่กล้าประมาท เพราะกลัวว่าจะทำให้เกิดความขัดแย้งจนนำไปสู่จุดจบที่รุนแรง
หลินสวินยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพังโดยไม่หันไปมองตั้งแต่ต้นจนจบ
ไม่ได้มองข้ามทุกสิ่ง แต่เพราะถูกเสาหินที่อยู่ห่างออกไปดึงดูด เสาหินสูงพันจั้งต้นนั้นราวกับตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้นมานับหมื่นปีแล้ว แม้จะกระดำกระด่างไม่เหลือสภาพ แต่กลับมีพลังอันลึกลับ
และเป็นเพราะพลังลึกลับนี้ที่ชักนำแสงเลือดเต็มฟ้า สีเลือดแผ่กระจายนี้เข้ามา ดูน่าสยดสยองอย่างที่สุด
หลินสวินเพียงมองจากไกลๆ จิตใจก็ได้รับผลกระทบแล้ว เปลี่ยนเป็นรุ่มร้อน พลังที่เดิมพลุ่งพล่านอยู่ในร่างเริ่มมีทีท่าว่าจะระเบิดออกมารางๆ
เรื่องนี้ทำให้เขาตกใจ จำเป็นต้องรวบรวมสมาธิทั้งหมดควบคุมตัวเอง ในสถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจไปสนใจเรื่องอื่นหรอก
“ไอ้หนูรีบถอยไป! พื้นที่ตรงนี้ถูกสำนักยอดกระบี่บูรพาของพวกข้ายืดเอาไว้แล้ว!”
ทันใดนั้นเสียงผรุสวาทหนึ่งดังแว่วขึ้นข้างหู
หลินสวินหันไปเห็นเป็นชายหญิงกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ผู้ที่ด่าตนเป็นผู้คุ้มกันวัยกลางคนที่สีหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก
“หืม นี่มันเด็กที่เจอเมื่อครู่นี้มิใช่หรือ เขาดันกล้ามาจริงๆ ด้วย”
“เหอะๆ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ ด้วย ข้ากล้าทำนายเลยว่า หากเขาได้เข้าไปในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น จะต้องเสียมากกว่าได้อย่างแน่นอน”
ชายหญิงกลุ่มนั้นพูดขึ้นอย่างแปลกใจ เหมือนจะจำหลินสวินได้
และหลินสวินเองก็จำได้เช่นกัน ชายหญิงกลุ่มนี้คือพวกที่เคยวิจารณ์ตนระหว่างทาง
“ยืนเซ่ออะไรอยู่ รีบไสหัวไป!”
ผู้คุ้มกันวัยกลางคนสีหน้าเหลืออด
หลายสายตาต่างมองมาด้วยท่าทางชมดูความครึกครื้น มองอยู่ข้างๆ อย่างเฉยเมย
สำนักยอดกระบี่บูรพาถือว่าเป็นสำนักโบราณแห่งหนึ่ง มีอำนาจคับฟ้า ส่วนหลินสวินกลับเสื้อผ้าฉีกขาดเปื้อนเลือด ทั้งยังแผลกระบี่เต็มตัว สภาพดูแย่มาก อีกทั้งยังหัวเดียวกระเทียมลีบ เห็นได้ชัดว่าคงไม่ใช่คนที่มีที่มาใหญ่โตอะไร
ในสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่แปลกที่สำนักยอดกระบี่บูรพาจะแข็งกร้าวเพียงนี้
หลินสวินใคร่ครวญเงียบๆ สุดท้ายก็สูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามสกัดกั้นความรุ่มร้อนในใจแล้วหมุนตัวเดินออกไปเงียบๆ
เขาไม่อยากมีเรื่องตอนนี้ ที่นี่มีผู้ฝึกปราณเยอะเกินไป ถ้าเปิดฉากสังหารตอนนี้ จะพลาดโอกาสได้เข้าสู่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นได้ง่ายมาก
เห็นหลินสวินอดกลั้นแล้วถอยออกไปด้วยท่าทางเหมือนถูกรังแก ทำให้หลายคนที่รอดูเรื่องสนุกอดผิดหวังไม่ได้ หัวเราะเย้ยหยันดูแคลนหลินสวินอย่างมาก
บรรดาชายหญิงจากสำนักยอดกระบี่บูรพาเองต่างก็หัวเราะเยาะ ความ ‘รู้กาลเทศะ’ ของหลินสวินทำให้พวกเขารู้สึกพอใจมาก
“ดูก็รู้ว่าเป็นพวกเศษสวะ ยังจะกล้ามาที่นี่อีก รนหาที่ตายจริงๆ แต่โชคดีที่ยังฉลาดอยู่บ้าง รู้ว่าอะไรที่ไม่ควรล่วงเกิน”
ผู้คุ้มกันวัยกลางคนพูดอย่างย่ามใจ
เศษสวะ?
หลินสวินพลันชะงักเท้าหันกลับไปมอง ในดวงตาลึกล้ำดุจหุบเหวปรากฏอารมณ์ฉุนเฉียวที่ยากอธิบายสายหนึ่งรางๆ
“มองอะไร? ทำไม เจ้าไม่ยอมรับหรือ คำว่าเศษสวะก็ด่าเจ้านี่แหละ! แล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้ ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”
ผู้คุ้มกันวัยกลางคนสีหน้าอึมครึม เขามองว่าการกระทำนี้ของหลินสวินเป็นการท้าทายอย่างหนึ่ง จึงลงมืออย่างไม่ลังเล
ปัง!
ง้างมือขึ้นแล้วสะบัดฝ่ามือออกไปทันที
หลินสวินเองก็สะบัดฝ่ามือออกไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงเช่นกัน แสงประกายสีฟ้าอ่อนราวกับคลื่นทะเลม้วนซัดออกไป เสียงตูมดังสนั่น ปะทะเข้ากับอีกฝ่ายอย่างจัง
ในขณะที่ทุกคนคิดว่าหลินสวินจะถูกโจมตีจนทรุด ผู้คุ้มกันวัยกลางคนผู้นั้นกลับส่งเสียงร้องโอดครวญ ร่างกายคล้ายถูกภูเขาลูกใหญ่กดทับ เอ็นกระดูกระเบิดแตก ทวารทั้งเจ็ดหลั่งเลือด ล้มลงอย่างแรง
เขาทรุดลงไปร้องโอดครวญอยู่บนพื้น ลุกขึ้นไม่ไหวอีกเลย!
เสียงอุทานด้วยความตกใจพลันดังขึ้น เพียงฝ่ามือเดียวเท่านั้นก็สามารถจัดการผู้คุ้มกันระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นปลายได้แล้ว!
“ขืนมาหาเรื่องข้าอีก ฆ่าไม่เว้น!”
สายตาเรียบเฉยของหลินสวินกวาดมองบรรดาผู้สืบทอดจากสำนักยอดกระบี่บูรพา ในน้ำเสียงมีไอสังหารที่ใกล้จะสกัดกั้นไว้ไม่อยู่
จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินจากไป
ผู้แข็งแกร่งหลายคนต่างสูดหายใจเย็นเยียบ คิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มที่หัวเดียวกระเทียมลีบ เสื้อผ้าฉีกขาดคนนี้ ไม่เพียงไม่ใช่ผู้อ่อนแอ แต่พอลงมือขึ้นมายังแข็งแกร่งอย่างที่สุด
นั่นมันผู้สืบทอดจากสำนักยอดกระบี่บูรพาเชียวนะ มีผู้คุ้มกันติดตามมาเป็นขบวน เขาคนเดียวกลับกล้าพูดแบบนี้ หรือจะไม่กลัวตายจริงๆ
ยามนี้แม้แต่เหล่าผู้สืบทอดสำนักยอดกระบี่บูรพายังอึ้ง ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง พวกเขา…ถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งกล่าวเตือนงั้นหรือ
“อย่ามาจองหอง!”
ทันใดนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งก็พุ่งออกมา ฝ่ามือเต็มไปด้วยแสงสีดำและแปลงเป็นพลังรุนแรงเต็มฟ้า พุ่งเข้ามาทางหลินสวิน
ผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์แห่งสำนักยอดกระบี่บูรพาโจมตีแล้ว พาให้เกิดเสียงฮือฮา ผู้ฝึกปราณมากมายต่างหันมาดู
หลินสวินหยุดเท้าอีกครั้ง ไม่มีใครรู้ว่ายามนี้ความรุ่มร้อนในใจเขามาถึงขีดจำกัดแล้ว ใกล้จะควบคุมไม่อยู่อีกต่อไป
ตูม!
แสงดำปกคลุมฟ้าดิน กดทับกะโหลกศีรษะของหลินสวิน หมายจะฆ่าหลินสวินด้วยกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุด
หลินสวินนิ่งอยู่กับที่ เพียงยื่นมือข้างหนึ่งออกมาก็ทำลายแสงดำนั่นได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็โจมตีออกไป
——
[1] จมูกโค เป็นคำเรียกนักพรตเต๋าอย่างดูถูก
ตอนที่ 445 ทางเดินเปิดออก
โดย
ProjectZyphon
แรงหมัดคำราม สั่นสะเทือนไปทั่วฟ้าดิน ดังสนั่นเสียดหู
อานุภาพนั่นรวมพลังแห่งกระบวนท่าทลายภูผา ทลายสมุทรและทลายวิญญาณเอาไว้ น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก ทำให้สีหน้าของผู้ฝึกปราณจำนวนไม่น้อยที่อยู่โดยรอบเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ฟุ่บตึง!
ยังไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ ชายหนุ่มจากสำนักยอดกระบี่บูรพาคนนั้นถูกกดทับด้วยฝ่ามือนี้ตรงๆ ร่างกายแนบติดพื้นราวกับคางคก เลือดกบจมูกปาก
เฮือก!
หลายคนสูดหายใจอย่างตะลึง ใช้แค่กระบวนท่าเดียวก็สามารถล้มผู้สืบทอดรุ่นใหม่ที่เก่งกาจของสำนักยอดกระบี่บูรพาได้อีก!
สายตาที่พวกเขามองหลินสวินต่างเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้ตอนที่หลินสวินมาถึง หลายคนต่างชี้นิ้ววิพากษ์วิจารณ์เขาอย่างดูถูกสุดกำลัง คิดว่าเขาไม่รู้จักประมาณตน มาที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับการมารนหาที่ตาย
ทว่าเมื่อเห็นภาพนี้ พวกเขาต่างอดรู้สึกกลัวไม่ได้ สันหลังเย็นวาบ ตระหนักได้ว่าเด็กหนุ่มที่เสื้อผ้าฉีกขาด เลือดอาบตัวคนนี้ เป็นบุคคลที่เก็บงำความร้ายกาจได้อย่างลึกล้ำ
หลินสวินก้าวเข้าไป นัยน์ตาดำเผยไอสังหาร ท่าทางเหมือนจะฆ่าชายหนุ่มคนนั้นให้สิ้น
“เจ้าหหนูอย่าเหิมเกริม!”
ทันใดนั้นฝั่งสำนักยอดกระบี่บูรพาพลันมีผู้อาวุโสชุดม่วงคนหนึ่งพุ่งออกมา หว่างคิ้วพลันยิงแสงสายหนึ่งใส่หลินสวิน
หลินสวินสะบัดหมัดเข้าต้าน เสียงตูมดังสนั่น อากาศบริเวณนั้นทรุดตัว แสงเจิดจ้าม้วนตลบไปทั่ว อานุภาพนั้นทำให้หลายคนตกใจจนหัวใจสะท้าน
ยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะโจมตีแล้ว!
ผู้อาวุโสในชุดม่วงที่ก้าวออกมาคนนั้นสีหน้าเย็นชา ทันทีที่กำฝ่ามือแสงสีเงินเจิดจ้าพลันปรากฏ เคลื่อนตัวขวางกลางอากาศ
กลับเห็นว่าหลินสวินไม่เพียงไม่หลบหลีก แต่ยังพุ่งเข้าไปหา แสงสีฟ้าอ่อนบนฝ่ามือลุกโหมราวกับท้องทะเลโหมคลั่ง ปะทะแสงสีเงินนั่น กลางอากาศพลันระเบิดออกเป็นฝนแสงแสบตา ฟ้าดินล้วนสะเทือนจนฉีกขาด เกิดเสียงระเบิดปังๆ
“หึ!”
ผู้อาวุโสชุดม่วงหน้าเคร่งขรึมขึ้น ขนาดเขาเอาจริงแล้ว หลินสวินยังต้านทานไว้ได้ถึงสองครั้งติด ทำให้เขารู้สึกโกรธอย่างอดไม่ได้ หมายจะสังหารอย่างจริงจัง
ตูม!
รอบตัวเขาแสงเงินแผ่กระจายไป ทะยานตัวขึ้นกลางอากาศ กางสองแขนออกราวกับนกอินทรี พลังอำนาจน่าหวั่นหวาดอย่างที่สุด
ทุกคนต่างตกตะลึง ผู้อาวุโสชุดม่วงแข็งแกร่งเกินไป ราวกับน้ำป่าไหลหลาก สำแดงพลังของระดับหยั่งสัจจะออกมาอย่างเต็มกำลัง ทำให้ไม่มีใครกล้ามองใกล้ๆ!
“ฉู่หลินเทียน ยอดฝีมือคนหนึ่งจากสำนักยอดกระบี่บูรพาที่มีชื่อเสียงมายาวนานแล้ว ไม่คิดว่าเขาจะมากับเหล่าลูกศิษย์ในสำนักด้วย”
“ดูเหมือนว่าการแย่งชิงเพื่อเข้าสู่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นในครั้งนี้จะโหดร้ายมาก”
สายตาหลายคู่ต่างเผยความแปลกใจ
ฉู่หลินเทียนเคลื่อนตัว นำพามาซึ่งแรงลม เศษฝุ่นดินทรายบินว่อน หมอกเงินแผ่กระจายไปทั่ว
สิ่งที่ทำให้ทุกคนตะลึงคือ แม้เผชิญกับการสังหารของระดับหยั่งสัจจะ หลินสวินก็ยังไม่เคยถอย
ตรงกันข้าม นัยน์ตาดำของเขาพลุ่งพล่านราวกับเหวลึก แสงสีฟ้าอ่อนแผ่ออกจากร่างกาย พลังก็เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่มีที่เปรียบ
ทันใดนั้นทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือด หนึ่งแก่หนึ่งเด็ก หนึ่งเด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณ อีกหนึ่งเป็นผู้อาวุโสระดับหยั่งสัจจะ ต่างสำแดงฝีมือท่ามกลางฟ้าดิน
พลันเห็นแสงประกายที่ดูราวกับคลื่นโหมคลั่งบดขยี้อากาศ ทำให้ผืนแผ่นดินสั่นสะเทือน ฟ้าดินเปลี่ยนสี
ผู้กล้าชั้นยอดไม่น้อยที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่อย่างหนาแน่น ยังมีผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะที่ติดตามมาและซ่อนตัวอยู่ในที่มืด
ยามเห็นการต่อสู้นี้สีหน้าต่างหวั่นไหวอย่างควบคุมไม่อยู่ พลังต่อสู้ของฉู่หลินเทียนนั้นไม่ต้องพูดถึง เป็นถึงระดับหยั่งสัจจะ พลังของเขาทุกคนต่างเห็นประจักษ์ชัดแจ้งมานานแล้ว
คนที่เหนือความคาดหมายจริงๆ คือหลินสวิน!
ใครจะคิดว่าเด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นปลายคนหนึ่ง จะสามารถสู้กับผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะได้ ทั้งยังไม่เคยถูกสยบโดยทันที!
น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว มองไปทั่วพื้นที่ตรงนี้ นอกจากพวกที่ความสามารถโดดเด่นสะดุดตาไม่กี่คนที่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้แล้ว คนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกันต่างดูจืดจางลงไป!
เด็กหนุ่มคนนี้เป็นใคร
เหตุใดจึงร้ายกาจเพียงนี้
ตูมมม!
สถานการณ์การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด เสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่อง สะเทือนฟ้าดิน
ทุกคนต่างดูออกว่าแม้หลินสวินจะถูกโจมตีจนถอยหลังครั้วแล้วครั้งเล่า แต่กลับสามารถพุ่งเข้ามาใหม่ได้ทุกครั้ง ราวกับไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ในระหว่างการต่อสู้อานุภาพและความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ!
“ข้านึกออกแล้ว เขาคือเด็กหนุ่มคนที่ประลองกับนักพรตสยง!”
“ที่แท้ก็เป็นเขา ข้าได้ยินมาว่าแม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะอย่างเฉียนไหว ซึ่งเป็นคนติดตามของเหวยจวิ้นผู้สืบทอดแห่งสำนักหลอมไฟยังถูกเด็กคนนี้ฆ่า หรือข่าวลือนี้จะเป็นความจริง”
เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นระลอกหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ามีคนเคยได้ยินข่าวลือของหลินสวินมาบ้าง
ทันใดนั้นเรื่องทั้งหมดพลันกระจายออกไปในวงกว้าง ผู้ฝึกปราณหลายคนในนั้นไม่รู้จักหลินสวิน แต่พอรู้ว่าเขาเคยฆ่าเฉียนไหว และบีบจนนักพรตสยงต้องถอยทัพกลับไปมือเปล่า ก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นไม่น้อย
ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจเกินไปแล้ว!
ใครจะกล้าจินตนาการว่าเด็กหนุ่มที่เสื้อผ้าฉีกขาดดูสะบักสะบอมอย่างที่สุดคนนี้ จะเคยทำเรื่องใหญ่สะเทือนฟ้าดินเช่นนี้
คนที่สามารถข้ามระดับไปฆ่าระดับหยั่งสัจจะ และบีบให้นักพรตสยงผู้ฝึกปราณสายอสูรต้องถอยทัพ นี่มัน…เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
แม้แต่หลิงจื่อนั่วแห่งเขาเมฆาสวรรค์ เถี่ยเชียนหานแห่งสำนักสงัดดารา อวิ๋นเคอแห่งสำนักกระบี่แรกวิญญาณ หยวนจั้นผู้ฝึกตนสายอสูรแห่งสำนักเทพโลหิต เหลียนเตี๋ยอีแห่งแดนวิญญาณหมื่นมายา บุคคลชั้นยอดพวกนี้ต่างถูกดึงดูด เริ่มสังเกตถึงการมีตัวตนของหลินสวิน
สามารถฆ่าผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะได้ด้วยพลังปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณ มองไปทั่วหล้านี้ เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่โดดเด่นสะเทือนฟ้าดินได้แล้ว!
สีหน้าของเหล่าชายหญิงแห่งสำนักยอดกระบี่บูรพาต่างเปลี่ยนไป ระหว่างทางก่อนหน้านี้พวกเขายังวิพากษ์วิจารณ์และดูถูกหลินสวินอยู่เลย
แต่ใครจะคิดว่ายามนี้เด็กหนุ่มที่พวกเขาดูถูก จะสยบคนคุ้มกันของพวกเขาได้ ทั้งยังชนะสหายร่วมสำนักของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้ยังสู้กับผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะของสำนักพวกเขาอย่างดุเดือดโดยไม่พ่ายแพ้!
เรื่องนี้ทำให้พวกเขาทำอะไรไม่ถูก ยิ่งทำให้พวกเขาทั้งตกใจและเดือดดาล
ฉู่หลินเทียนที่กำลังต่อสู้กับหลินสวินอย่างดุเดือดก็ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังขึ้นเช่นกัน เดิมเขาเองก็ประหลาดใจมาก เกือบจะคิดว่าหลินสวินเป็นผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะ แต่กดพลังปราณให้อยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณเท่านั้น
แต่ตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เป็นอัจฉริยะที่ไม่เปิดเผยตัว! ทั้งยังเคยฆ่ายอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะกับมือ!
เรื่องนี้ทำให้ฉู่หลินเทียนอดขนลุกไม่ได้ แม้แต่นักพรตสยงยังกลับไปมือเปล่า! เขาฉู่หลินเทียนเชื่อมั่นว่าพลังของตนไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่กล้าพูดว่าจะชนะนักพรตสยงได้
เมื่อเทียบกันแล้ว จะเห็นได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ป่าเถื่อนเพียงใด!
หากพ่ายแพ้การต่อสู้ในครั้งนี้ ไม่สามารถล้มเด็กหนุ่มคนนี้ได้ สำนักยอดกระบี่บูรพาของพวกเขาจะขายหน้าท่ามกลางสายตาของทุกคนอย่างที่สุด!
ยามนี้หลินสวินแผลงฤทธิ์ อานุภาพสะเทือนฟ้า ทำให้ทุกคนต่างหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าดูถูก
ส่วนฉู่หลินเทียนกลับดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง
อีกทั้งท่ามกลางสายตาของทุกคน ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะอย่างเขาลงมือขนาดนี้แล้วกลับยังไม่สามารถทำอะไรหลินสวินได้ ย่อมเป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างไม่ต้องสงสัย
ที่สำคัญที่สุดคือ ฝั่งสำนักยอดกระบี่บูรพาต่างไม่กล้าลงมือช่วยอีก ไม่ใช่ว่าไม่อยากช่วย แต่ถ้าส่งคนไปสู้กับหลินสวินอีกก็จะยิ่งเสียหน้า ไม่กี่วันเรื่องนี้คงแพร่กระจายไปทั่วทั้งแดนวิญญาณโบราณและกลายเป็นเรื่องตลกเป็นแน่
วู้ม~~
ทว่าไม่นานก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น แสงเลือดที่เกาะตัวบนฟากฟ้าแผ่คลื่นอันน่าสะพรึงออกมา ทันใดนั้นท้องฟ้าเหนือเสาหินโบราณที่อยู่ไกลๆ พลันระเบิด กลายเป็นเส้นทางที่ประหนึ่งน้ำวนสีเลือดเส้นหนึ่ง แพร่พลังต้องห้ามอันน่าหวั่นหวาดออกมามากมาย
ทางเดินสู่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นเปิดออกในตอนนี้!
พื้นที่ตรงนั้นเกิดแรงสะเทือนขึ้นกะทันหัน ทุกสายตาต่างถูกดึงดูด ไม่สนใจการต่อสู้ระหว่างหลินสวินกับฉู่หลินเทียนอีก
“ไป!”
“รีบลงมือ!”
“เร็วๆๆ โอกาสไม่เคยรอใคร!”
เสียงตะโกนร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พลันเห็นแสงสายแล้วสายเล่าพุ่งทะลวงอากาศ โฉบทะยานไปยังทางเดินน้ำวนสีเลือดนั่นราวกับกระแสน้ำหลาก
“ไอ้หนู คราวนี้ไว้ชีวิตเจ้าไปก่อน รอเข้าสู่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นเมื่อไหร่ก็จะเป็นวันตายของเจ้า!”
ฉู่หลินเทียนเองก็แอบร้อนรน ไม่มีกะจิตกะใจสู้กับหลินสวินต่อ รีบทิ้งท้ายด้วยคำพูดรุนแรงแล้วพุ่งไปยังทางเดินโลหิตที่อยู่ไกลๆ นั้น
โอกาสในการฆ่าหลินสวินมีมากมาย แต่โอกาสที่จะเข้าสู่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นนั้นมีเพียงหนึ่งครั้ง สิ่งใดสำคัญกว่ากันเขาย่อมรู้ดี
หลินสวินเห็นเช่นนี้ในใจก็ไม่ยินยอมอย่างมาก
แต่ไม่นานเขาก็สัมผัสได้อย่างมีไหวพริบว่า พลังของฉู่หลินเทียนกำลังอ่อนลง เห็นได้ชัดว่ากำลังกดระดับพลังปราณของตัวเอง พยายามหลบเลี่ยงพลังต้องห้ามในทางเดินสีเลือดนั่น เพื่อผ่านด่านเข้าสู่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น
เห็นเช่นนี้หลินสวินก็เอาธนูวิญญาณไร้แก่นสารออกมาอย่างไม่ลังเล ง้างสายธนูสีแดงก่ำดั่งเลือดจนสุด
วู้ม!
ลูกศรวิญญาณที่เลือนรางจนราวกับเป็นภาพมายาทะลุอากาศ พุ่งเข้าหาฉู่หลินเทียน
ลูกธนูนี้ไม่ได้ต้องการฆ่า เพียงสามารถบีบให้ฉู่หลินเทียนจำต้องใช้พลังระดับหยั่งสัจจะก็พอแล้ว
เพราะถ้าเป็นแบบนี้ หากฉู่หลินเทียนไม่อยากตายก็ต้องออกจากทางเดินสีเลือด ไม่กล้าเดินหน้าต่อ มิเช่นนั้นจะถูกพลังสะท้อนกลับ
ฉึก!
เลือดสดพุ่งออกมา ด้วยฉู่หลินเทียนไม่หลบเลี่ยง ตั้งรับลูกธนูของหลินสวินอย่างจัง ตรงแขนขวาปรากฏหลุมเลือดขึ้นหลุมหนึ่ง
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ฝากไว้ก่อนเถอะ…!” เสียงคำรามอย่างทั้งเจ็บปวดและโกรธเกรี้ยวของฉู่หลินเทียนดังขึ้นในทางเดินสีเลือด ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
หลินสวินหรี่ตา คิดไม่ถึงว่าเพื่อเข้าสู่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น ฉู่หลินเทียนถึงกับทำใจเหี้ยมกับตัวเองได้ถึงเพียงนี้
ตอนที่หลินสวินเก็บธนูวิญญาณไร้แก่นสาร ผู้ฝึกปราณในที่นั้นก็พุ่งเข้าแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นไปกว่าครึ่งแล้ว ยามนี้ไม่มีใครสนใจเขาอีก ต่างล้วนอยากพุ่งเข้าไปสุดกำลังอย่างบ้าคลั่ง
นี่ก็คือผู้ฝึกปราณ เมื่อเผชิญกับโอกาสหนึ่งเดียวในโลกที่สามารถเข้าสู่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นได้ ย่อมไม่มีใครยอมให้ตนพลาดโอกาสนี้
“หนุ่มน้อยสุดหล่อ ความสามารถของเจ้าไม่ธรรมดา หลังจากเข้าสู่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นเรามาร่วมมือกันตามหาสมบัติดีหรือไม่”
จู่ๆ สายลมอันหอมกรุ่นก็พัดเข้ามา เรือนร่างเพรียวบางร้อนแรงและน่าเย้ายวนปรากฏขึ้น เป็นเหลียนเตี๋ยอีผู้สืบทอดแห่งแดนวิญญาณหมื่นมายานั่นเอง
นางมีดวงตางดงาม เรือนร่างสะโอดสะอง ริมฝีปากแดงราวกับเพลิงไฟ ทุกอิริยาบถล้วนแฝงเสน่ห์ชวนหลงใหล
ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นคงหลงจนโงหัวไม่ขึ้น ก้มหัวให้ไปตั้งนานแล้ว
แต่หลินสวินเพียงเหลือบมองนางคราหนึ่งค่อยปฏิเสธอย่างเฉยชา “ขอโทษด้วย ข้าชินกับการเคลื่อนไหวคนเดียว”
“อ้อ น่าเสียดายจัง”
เหลียนเตี๋ยอีถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง เงาร่างพลันกลายเป็นแสงหลากสี มุ่งหน้าไปยังทางเดินสีเลือด
หลินสวินมองนางจนลับสายตาไป ก่อนสูดหายใจเข้าลึกๆ คำหนึ่ง พยายามสะกดพลังที่กำลังเดือดดาลบ้าคลั่งอยู่ในร่างกาย
การต่อสู้กับฉู่หลินเทียนเมื่อครู่นี้สั้นเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถควบรวมชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดอีกครึ่งที่ยังเหลืออยู่ได้
ทว่าขอเพียงแค่เข้าสู่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น ก็จะมีโอกาสมากมาย!
พรึ่บ!
เงาร่างของหลินสวินเองก็พริบไหว ทะยานไปยังทางเดินสีเลือดเช่นกัน และหายไปอย่างรวดเร็ว
“หากเด็กคนนี้คิดจะเป็นศัตรู ก็ฆ่าทันที!”
หลินสวินเพิ่งจะจากไปได้ไม่นาน เหล่าผู้ฝึกปราณที่ลอบเฝ้าสังเกตการกระทำของหลินสวินอยู่ต่างเผยสีหน้าโหดเหี้ยม
ความสามารถอันน่าทึ่งของหลินสวินเมื่อครู่นี้ ได้สร้างความหวาดกลัวและระแวงให้พวกเขาเข้าแล้ว
………………
ตอนที่ 446 น้ำเต้าเพลิงแดง
โดย
ProjectZyphon
ท้องฟ้ามืดสลัวย้อมสีเลือด หมอกดำแผ่ปกคลุม
นั่นคือไอสังหาร เพราะหนาแน่นเกินไปจึงไม่สามารถกระจายออกจากกันได้ ล่องลอยอยู่กลางอากาศอย่างน่าสะพรึงยิ่ง
บนพื้นดินราวกับเคยถูกเลือดอาบท่วม เศษอิฐหินกระดำกระด่าง กำแพงรอบๆ พังทลาย ถึงขั้นสามารถมองเห็นซากศพ ชุดเกราะทหารที่ผุพังมากมาย!
นี่ก็คือแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น
แต่ตอนที่หลินสวินมาถึงที่นี่ กลับพบว่ามันเหมือนสนามรบโบราณมากกว่า!
ไอสังหารคละคลุ้งอยู่ในอากาศเป็นพันปีไม่มีเสื่อมคลาย ทอดสายตามองไปสุดลูกหูลูกตาล้วนมีแต่สีเลือด พาให้คนใจสั่นสะท้าน
ฟุ่บๆๆ
ไกลออกไป ผู้ฝึกปราณหลายสำนักต่างเหินทะยานกันหนาแน่น เคลื่อนที่ไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน ราวกับมีเป้าหมายอยู่ก่อนแล้ว
ไม่นานหลินสวินก็เข้าใจแล้วว่า แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นนี้เป็นสถานที่แห่งโชควาสนาที่มีชื่อเสียง ทุกช่วงเวลาหนึ่งจะเปิดออกและดึงดูดคนหนุ่มสาวโดดเด่นจากทุกสารทิศให้เข้ามาไขว่คว้าโชควาสนา ค้นหาสมบัติโบราณ
ดังนั้นสำหรับลูกศิษย์จากสำนักโบราณที่มีต้นกำเนิดและขุมอำนาจยิ่งใหญ่ ย่อมต้องมีเบาะแสมากมายเกี่ยวกับแหล่งโลหิตสมบัติหล่นร่วงอยู่ในมือ
พวกเขาเข้ามาในนี้ แน่นอนว่าไม่มีทางเข้ามาอย่างไร้จุดหมาย ตรงกันข้าม พวกเขากลับมุ่งหน้าไปยังบริเวณที่มีโชควาสนาอันคุ้มค่าโดยเฉพาะ
หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ มิได้สนใจสิ่งเหล่านี้ การมาเยือนแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นในครั้งนี้ เขาไม่หวังจะได้รับโชควาสนาสะเทือนฟ้าดินอะไร ขอเพียงแค่ได้ต่อสู้เคี่ยวกรำ ทำให้ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดเส้นนั้นบนจุดปราณทั้งสี่แห่งเส้นปราณหัวใจได้ก่อตัวอย่างสมบูรณ์ก็เพียงพอแล้ว
หลังจากแยกแยะทิศทางอยู่ครู่ หลินสวินก็มุ่งไปข้างหน้าโดยไม่ปกปิดกลิ่นอายของตัวเอง ดูแข็งกร้าวอย่างมาก
ไม่นานพลันได้ยินเหมือนเสียงฉีกขาดเสียงหนึ่ง แสงสีเขียวเจิดจ้าพุ่งออกมาจากซากปรักหักพัง ราวกับเป็นรุ้งเขียวเจิดจรัส ห้อทะยานผ่านอากาศอย่างรวดเร็ว
ผู้ฝึกปราณหลายคนที่อยู่รอบๆ ตกตะลึง สีหน้าเผยความบ้าคลั่งทันใด ตะโกนอย่างบ้าระห่ำ
“สมบัติโบราณ! เป็นสมบัติโบราณ!”
“ตามไป!”
ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นราวกับฝูงฉลามได้กลิ่นคาวเลือด ต่างเหินตัวขึ้นตามไป
เห็นได้ชัดว่าสิ่งนั้นเป็นสมบัติโบราณที่มีจิตวิญญาณ ถูกกาลเวลากัดกร่อนไม่มีที่สิ้นสุดแต่ยังสามารถดำรงอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ รักษาจิตวิญญาณเอาไว้ เรียกได้ว่ามหัศจรรย์!
หากสามารถกำราบมันได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการได้รับวาสนาหนึ่ง!
‘ในซากปรักหักพังยังมีสมบัติโบราณซ่อนอยู่หรือ’
ดวงตาสีดำขลับของหลินสวินหรี่ลง เขาเห็นแสงสีเขียวที่ปรากฏขึ้นเมื่อครู่นี้ชัดเจน เป็นกระดูกสัตว์ที่แตกหัก แวววาวเปล่งประกาย ประทับลายโบราณลึกลับ จิตวิญญาณไม่ธรรมดา
ตูมโครม!
บนท้องฟ้าอีกฝั่งพลันระเบิดเสียงการต่อสู้ เหล่าผู้ฝึกปราณสำแดงวิชาลับ กำลังแย่งชิงสมบัติโบราณชิ้นหนึ่งกันอยู่
สมบัติโบราณชิ้นนั้นเป็นค้อนทองแดงขนาดเล็ก สีเงินแวววาวราวมีชีวิต มันไม่ยินยอมถูกกำราบ บินวนกลางอากาศอย่างบ้าคลั่ง ปล่อยลำแสงน่าสะพรึงกลัวราวกับสายฟ้า
เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นสมบัติโบราณวิญญาณสถิต!
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือ เหล่าผู้ฝึกปราณหลบไม่ทัน ถึงขั้นถูกแสงสีเงินนั่นโจมตีจนบาดเจ็บ ส่งเสียงร้องโอดครวญ
“อย่างน้อยก็ต้องเป็นสมบัติโบราณระดับสวรรค์! ดูพลังนั่นสิ แข็งแกร่งกว่าอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ที่หลอมขึ้นในยุคนี้ไม่รู้กี่เท่า!”
เสียงสะท้านสะเทือนดังสนั่นขึ้น ผู้ฝึกปราณหลายคนต่างกู่ก้อง พุ่งเข้าไปในสนามรบนั้นเพื่อแย่งชิงค้อนทองแดงเล็ก
หลินสวินเองก็อดหวั่นไหวไม่ได้ เพิ่งจะเข้าสู่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นก็มีสมบัติโบราณปรากฏขึ้นสองชิ้น นี่มันน่าตะลึงเกินไปแล้ว
ก็ไม่แปลกที่ครั้งนี้จะมีคนโดดเด่นมีชื่อเสียงหลายฝ่ายเข้ามามากมายเพียงนี้ แม้แต่ขุมอำนาจโบราณก็ถูกดึงดูดมาด้วย แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นแห่งนี้ช่างเป็นสถานที่แห่งโชควาสนาและทรัพย์สมบัติสมคำร่ำลือจริงๆ!
แต่ไม่นานหลินสวินก็สังเกตเห็นว่า ผู้สืบทอดชั้นยอดจากสำนักโบราณหลายคนกลับเมินสมบัติชิ้นนี้ ใจจดจ่อกับการเข้าไปในส่วนที่ลึกกว่าของซากปรักหักพัง
เห็นได้ชัดว่าในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นยังมีวาสนาที่สะเทือนฟ้าดินยิ่งกว่าซ่อนอยู่ และกำลังดึงดูดให้เหล่าผู้กล้าเข้าไปหา
หลินสวินครุ่นคิด สุดท้ายก็ส่ายหัวแล้วมุ่งหน้าต่อไป เขาหวังจะต่อสู้ก็จริง แต่จะไม่เข้าไปหาเรื่องก่อน
แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาลไร้ที่สิ้นสุด นอกจากบริเวณที่เป็นซากปรัก ยังมีบริเวณอื่นๆ ที่น่ากลัวอีกมากมาย ทั้งภูเขาสูงชัน เหวลึก หาดร้างเป็นต้น
แม้ว่าฟ้าดินแห่งนี้จะเต็มไปด้วยแสงเลือดอันมืดสลัวและไอสังหารหนาแน่น แต่ก็มีแสงสมบัติที่เปล่งประกายออกมาเป็นระยะๆ พุ่งออกมาแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว สว่างไสวจนแสบตา
ทันใดนั้นไกลออกไปพลันได้ยินเสียงร้องน่าอนาถ ทำให้หลินสวินหรี่ตาลง
เป็นผู้ฝึกปราณวัยกลางคนคนหนึ่งที่มาคนเดียวเหมือนหลินสวิน เมื่อครู่นี้สามารถช่วงชิงสมบัติโบราณสำริดรูประฆังชิ้นหนึ่งมาได้สำเร็จ
แต่ไม่ทันที่เขาจะดีใจ ก็ถูกปิดล้อมโดยกลุ่มลูกศิษย์จากสำนักอื่น สมบัติในมือยังไม่ทันอุ่นก็ถูกฆ่าตายคาที่!
“ถุย! ผู้ฝึกปราณพเนจรพรรค์นี้ยังกล้าหวังสมบัติโบราณระดับนี้ ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”
“ฮ่าๆ แบบนี้ก็ไม่เลว อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องเปลืองแรงไปกำราบสมบัติโบราณ เพียงแค่สังหารพวกเขาแล้วแย่งมาก็พอแล้ว”
ลูกศิษย์สำนักเหล่านั้นคุยกันอย่างยินดี แต่ละคนต่างย่ามใจ ฆ่าคนชิงสมบัติกันอย่างราบรื่น
“เอ๋ นั่นเด็กหนุ่มที่ประลองกับฉู่หลินเทียนเมื่อครู่นี้ไม่ใช่หรือ”
ลูกศิษย์เหล่านั้นสังเกตเห็นหลินสวิน สีหน้าเคร่งขรึมขึ้น หว่างคิ้วเผยความระแวดระวังและไอสังหารอย่างไม่ปิดบังสักนิด
หลินสวินเดินหน้าต่อไปโดยไม่สนใจพวกเขา
เพียงแต่ในใจเขาก็อดทอดถอนใจไม่ได้ หากไม่มีพลังอันยิ่งใหญ่ติดตัว โชควาสนาที่ว่านี้ก็เป็นเพียงแค่หายนะ!
“เหตุใดเด็กนั่นจึงว่าง่ายเพียงนี้”
“อย่าไปหาเรื่องเขา เด็กคนนี้สามารถสู้กับยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะได้ ไม่ควรมีเรื่องด้วย สิ่งที่เราต้องเร่งมือตอนนี้คือแย่งชิงสมบัติโบราณให้มากขึ้นโดยเร็วที่สุด”
มองเงาร่างอันโดดเดี่ยวของหลินสวินจนลับสายตาไป สายตาของลูกศิษย์เหล่านั้นต่างทอประกาย แต่สุดท้ายก็ข่มกลั้นเอาไว้ ไม่ได้ลงมือแต่อย่างไร
หลินสวินมุ่งหน้าต่อมาได้หนึ่งชั่วยามกว่า ระหว่างทางเห็นเหตุการณ์สังหารนองเลือดมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ล้วนเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงสมบัติโบราณทั้งสิ้น
และเห็นผู้แข็งแกร่งที่ยังไม่ทันได้ครอบครองสมบัติโบราณ ก็ถูกฆ่าท่ามกลางการแย่งชิงเหมือนผู้ฝึกปราณวัยกลางคนผู้นั้น
ที่นี่คือสถานที่แห่งโชควาสนา แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสุสานที่อันตรายเกินคาดเดาด้วยเช่นกัน!
ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่เคยสนใจและไม่เคยเข้าไปแย่งชิง เดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นแห่งนี้ใหญ่จนเหลือเชื่อ วาสนาย่อมมีมาก เขาไม่จำเป็นต้องไปหาเรื่องใส่ตัว
ฮูม~~
ทันใดนั้นแสงสีแดงแถบหนึ่งแผ่พุ่ง ส่งกระแสเสียงทุ้มต่ำ นั่นคือน้ำเต้าสีชาดใบหนึ่ง มันโฉบออกมาจากก้อนหินข้างๆ หลินสวิน เผาบริเวณนั้นให้มอดไหม้ราวกับเป็นเปลวเพลิง
พรึ่บ!
เงาร่างของหลินสวินตามไปอย่างไม่ลังเล สมบัติโบราณที่มาประเคนให้ถึงที่แบบนี้ หลินสวินไม่พลาดแน่
อีกอย่างเห็นได้ชัดว่าน้ำเต้าสีแดงนั่นต้องไม่ธรรมดา ดูเหมือนว่าจะใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อย แต่แววาวราวกับหยกไปทั่วทั้งตัว แสงเพลิงแผ่คลุม เปลวไฟน่าสะพรึงไหลหลั่ง เป็นภาพที่หาดูได้ยาก
ตูม!
หลินสวินสะบัดแขน แสงวิญญาณพลุ่งพล่านม้วนตัวราวกับปกคลุมฟ้าดิน ห่อหุ้มน้ำเต้าเพลิงแดงนั้นเอาไว้ทันที
เพียงแต่สมบัตินั่นเคลื่อนตัวไหลลื่น แผ่คลื่นเพลิงพันจั้งเป็นประกายราวกับปักษาทองและหลุดรอดออกไปได้!
หืม?
นี่ทำให้หลินสวินตาเป็นประกาย จิตวิญญาณของสมบัติชิ้นนี้เกินจะคาดเดา!
ครืน~
เขาใช้พลังทั้งหมด แสงสีฟ้าซัดสาดไล่หลัง
เพียงแต่มีเสียงวิ้งดังขึ้นแทบจะในขณะเดียวกัน อากาศสั่นสะเทือนเบาๆ แสงเงินราวทางช้างเผือกสายหนึ่งพลันปรากฏ กวาดซัดใส่หลินสวิน นี่เป็นประกายดาบอันน่าสะพรึง หมายจะเอาชีวิตหลินสวิน
เห็นเพียงหลินสวินใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง เงาร่างพลันแวบหายไปจากพื้นที่อันตราย ประกายดาบนั่นฟันหินก้อนใหญ่บริเวณนั้นแตกออกจากกัน รอยแตกเรียบกริบดุจกระจก!
ดาบเฉียบคมเหลือล้นนี้ หากถูกฟันเข้าต้องร่างสลายพลังดับสูญอย่างแน่นอน
และในตอนที่เกิดเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ กลางอากาศในบริเวณที่ไกลออกไปก็มีเงาร่างพุ่งออกมาติดๆ กัน พลันสะบัดแขนเสื้อเก็บน้ำเต้าเพลิงแดงนั่นไป!
สีหน้าราบเรียบของหลินสวินเคร่งขรึมลง แววตามีไอสังหารเดือดดาลแผ่พุ่งออกมา
คนที่โจมตีเขาเป็นผู้อาวุโสผมและเคราสีดอกเลาในชุดคลุมขาว ส่วนคนที่แย่งน้ำเต้าเพลิงแดงกลับเป็นชายกลางคนเจ้าเล่ห์ที่มีรอยแผลเป็นบนแก้ม
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองวางแผนไว้ก่อนแล้ว คนหนึ่งขวางหลินสวิน อีกคนช่วงชิงสมบัติโบราณ ลงมือพร้อมกัน ร่วมมือกันได้อย่างไร้ที่ติ
“ฮ่าๆๆ สมบัติชิ้นนี้จิตวิญญาณเปี่ยมล้น สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ หายากจริงๆ”
ชายวัยกลางคนหัวเราะลั่น
“เด็กน้อย สมบัติชิ้นนี้เป็นของพวกเราสำนักแสงทองแล้ว หากไม่อยากตายก็รีบไสหัวไปซะ!”
อีกด้านผู้อาวุโสชุดขาวก็ข่มขู่หลินสวินด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
ขณะที่พูด ห่างออกไปมีเสียงทะลวงอากาศระลอกหนึ่งดังขึ้น ล้วนเป็นชายหญิงวัยเยาว์ที่มารวมตัวกับผู้อาวุโสชุดขาวและชายกลางคนหน้าแผลเป็น
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่างมาจากสำนักแสงทอง
“พวกเจ้าไม่ควรมาหาเรื่องข้า”
เสียงของหลินสวินราบเรียบ สมบัติโบราณที่อยู่เพียงแค่เอื้อมถูกแย่งไป ทำให้หลินสวินมีโทสะ
“งั้นหรือ? เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถประลองกับฉู่หลินเทียนได้ ก็จะมาพูดจาสามหาวแบบนั้นได้งั้นหรือ ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”
ผู้อาวุโสชุดขาวหัวเราะเยาะ เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักหลินสวิน
หลินสวินไม่พูดพร่ำเพรื่อ เงาร่างพริบไหวทะยานเข้าไปสังหาร ทั้งร่างราวกับเหวลึกที่ถูกสะกดมาเป็นเวลานาน ระเบิดพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
ตูม!
หมัดหนึ่งกระแทกออกไป สะท้านไปถึงชั้นฟ้า
“รนหาที่ตายจริงๆ!”
ผู้อาวุโสชุดขาวใบหน้าคล้ำเคร่ง ดาบศึกสีเงินปรากฏขึ้นบนฝ่ามือแล้วฟาดฟันออกไป
เสียงปะทะน่าสะพรึงดังขึ้น อากาศสั่นสะเทือน ผู้อาวุโสชุดขาวถึงกับเซถอยเพราะหมัดนี้ ดาบศึกส่งเสียงครวญ
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปฉับพลัน ในที่สุดก็สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของหลินสวินแล้ว!
“ลงมือด้วยกัน! รีบรบรีบจบ!”
อีกด้านชายวัยกลางคนหน้าแผลเป็นส่งเสียงก้อง สำแดงวิชาลับด้วยอานุภาพประหนึ่งจะกลืนกินสรรพสิ่ง ลำแสงดำนับหมื่นพลันเปิดฉากถาโถมใส่หลินสวิน
“ฆ่า!”
หนุ่มสาวสำนักแสงทองเหล่านั้นก็ไม่ได้มองดูอยู่เฉยๆ ต่างลงมือจู่โจมใส่หลินสวินคนเดียว
ในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นแห่งนี้ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อฆ่าหลินสวินในระยะเวลาที่สั้นที่สุด ไม่มีใครจะมาห่วงหน้าตาตอนนี้
เพราะในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้แข็งแกร่ง หากใช้เวลานานไปอาจจะดึงดูดพวกคนโลภคนอื่นๆ เข้ามาแย่งชิงด้วย
ตูม! โครม! ปัง! ตูม!
ศึกใหญ่ระเบิดขึ้นที่นี่ เส้นผมสีดำของหลินสวินพลิ้วไหวอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าราบเรียบอันตราย กลิ่นอายรอบตัวราวกับเหวลึกที่เดือดดาล แฝงพลังกลืนกินผืนฟ้าช่วงชิงผืนดินอยู่รางๆ
เขาคนเดียวสู้กับศัตรูมากมายเพียงนี้ แต่ไม่เพียงไม่ถูกกดดัน ยังเผชิญหน้าสู้ ดูแข็งแกร่งอย่างมาก
นี่พาให้สีหน้าของทุกคนจากสำนักแสงทองต่างเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงเลยว่า ในสถานการณ์แบบนี้พลังต่อสู้ของหลินสวินยังคงน่าพรั่นพรึง ยากจะกำราบเช่นนี้
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นเสียงปังดังลั่น แรงหมัดของหลินสวินราวกับกราดเกรี้ยว บดขยี้อากาศ กระแทกใส่หน้าอกของชายหนุ่มซึ่งพุ่งเข้ามาหน้าสุดจนเป็นหลุมเลือด เลือดสดสาดกระจาย ส่งเสียงโหยหวนชวนสยอง ก่อนจะร่วงลงไปสิ้นชีพในทันที!
นี่ทำให้สีหน้าของเหล่าหนุ่มสาวเปลี่ยนไปอีกครั้ง เมื่อสู้กับหลินสวินจริงๆ จึงได้ตระหนักถึงพลังอันพลิกฟ้าและดุดันของเขา
ไม่เหมือนเป็นผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณเลยสักนิด กลับเหมือนเทพมารที่สามารถช่วงชิงความเป็นใหญ่กับระดับหยั่งสัจจะได้เสียมากกว่า!
——
ตอนที่ 447 พลังต้องห้าม
โดย
ProjectZyphon
ฟ้าดินสั่นสะเทือน แสงอันงดงามกระเพื่อมไหว
ร่างกายของหลินสวินราวกับเหวลึก ท่าทางดุจเทพมาร สำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ออกมาถึงขีดสุด
แม้จะสู้กับศัตรูทั่วทิศเพียงลำพัง แต่ก็มีอานุภาพราวเย้ยหยันอยู่รางๆ
ตูม!
แรงหมัดพวยพุ่ง แสงสีฟ้าอ่อนลุกโชน ในนั้นเต็มไปด้วยอานุภาพราวทลายภูผา ถล่มมหาสมุทร อากาศล่มสลาย มังกรเหินทะยาน ยากที่จะจินตนาการถึง
แย่แล้ว!
สีหน้าของผู้อาวุโสชุดขาวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เข้าสกัดกั้นสุดกำลัง
แต่สุดท้ายเขาก็ถูกสะเทือนถอย แรงหมัดซัดกระแทกคนหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เขาจนปลิวออกไป กระอักเลือดแดงสด ร้องครวญลั่นฟ้า
คนอื่นๆ ต่างอุทานด้วยความตกใจ ในใจตื่นตะลึง ไม่อาจคาดคิดได้เลยว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินจะน่าสะพรึงเพียงนี้
พวกเขาสิบกว่าคนลงมือโจมตี ทั้งยังมีผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะถึงสองคนเป็นหัวเรือหลัก
แม้ว่าระดับหยั่งสัจจะทั้งสองจะกดพลังปราณของตัวเองให้อยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณ แต่ก็ครอบครองพลังแห่งสัจจะ ฝีมือการต่อสู้เลิศล้ำ เพียงพอที่จะกวาดล้างผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณได้อย่างแน่นอน
ทว่าตอนนี้พวกเขากลับทำอะไรหลินสวินไม่ได้ ทั้งยังถูกบีบจนแทบจะต้านไม่ไหว!
“ฟัน!”
ทันใดนั้นชายวัยกลางคนหน้าแผลเป็นคนนั้นพลันงัดกระบี่วิญญาณที่ราวกับเกล็ดหิมะออกมาใช้ มันกลายเป็นสายยาวฟันไปทางหลินสวินโดยพลัน
หลินสวินสะบัดหมัดเข้ารับอย่างแข็งกร้าว แรงหมัดน่าหวาดหวั่นกระแทกกระบี่วิญญาณจนส่งเสียงครวญ แสงวิญญาณสั่นสะท้านสับสน
ชายวัยกลางคนหน้าแผลเป็นหรี่ตาลง เด็กคนนี้…เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
“หากไม่ใช้พลังระดับหยั่งสัจจะ วันนี้พวกเจ้าตายแน่!”
หลินสวินเอ่ยเสียงเรียบราวกับเป็นการเตือน อันที่จริงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในร่างเขากำลังซัดโหม พลังบ้าคลั่งไร้ที่เปรียบราวกับระเบิดเพลิง ต้องการผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงมาสู้กับตนอย่างเร่งด่วน
จึงจงใจส่งเสียงกระตุ้นอีกฝ่าย
“น่าชังนัก!”
“ใช้พลังทั้งหมดที่มีฆ่าเขาซะ!”
ผู้อาวุโสชุดขาวคำรามพลางสะบัดฝ่ามือ ดาบศึกสีเงินใช้วิชาลับ ทำลายหยินหยาง ย้อนกลับห้าธาตุ น่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
แทบจะในขณะเดียวกัน คนอื่นๆ ในที่นั้นต่างกัดฟันสำแดงพลังทั้งหมดที่มี ใช้ทั้งวิชาลับและสมบัติสารพัดชนิดราวกับไม่เสียดาย เพื่อเอาชีวิตหลินสวิน
นัยน์ตาดำของหลินสวินเป็นประกาย ในที่สุดก็รู้สึกถึงแรงกดดันขึ้นมาแล้ว กระตุ้นให้เลือดทั้งร่างเขาเดือดคลั่ง
“แบบนี้ค่อยน่าสนใจหน่อย!”
เขาส่งเสียงคำรามสะเทือนฟ้าดิน ใจต่อสู้ระเบิดออกอย่างสิ้นเชิงราวกับภูเขาไฟ
ชั่วขณะนี้หลินสวินถึงขั้นที่เกือบจะลืมน้ำเต้าเพลิงแดงซึ่งถูกแย่งไป จดจ่ออยู่กับการต่อสู้ พลังสะท้านขวัญ
และในร่างเขา ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดเส้นใหม่สาดแสงสว่างไสวบริสุทธิ์ ราวกับกำลังหายใจ เริ่มก่อตัวทีละนิด…
ปัง!
ไม่นานทวนยาวเล่มหนึ่งถูกหลินสวินซัดจนแตก หญิงสาวที่ถือทวนไม่ทันได้หนีก็ถูกลมหมัดไพศาลปกคลุม เลือดสีแดงสดสาดกระเด็น ตายคาที่อย่างน่าอนาถ
เสียงตะโกนด้วยความตกใจระคนกราดเกรี้ยวดังลั่น หลายคนเดือดดาลจนถึงขีดสุด ดวงตาแดงก่ำ
จนถึงตอนนี้หลินสวินฆ่าคนของพวกเขาไปสองคนแล้ว แต่ตัวเองกลับไม่บาดเจ็บแม้แต่ปลายเล็บ ทั้งยังยิ่งสู้ยิ่งห้าวหาญ พลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ!
น่ากลัวเกินไปแล้ว ใครที่ไหนจะเคยเห็นคนที่พลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในระหว่างการต่อสู้
และใครจะเคยเห็น เด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นปลายคนหนึ่งที่ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อม กลับยังสำแดงพลังราวกับทำลายทัพแตกพ่ายเช่นนี้
“ฆ่า!”
ผู้อาวุโสชุดขาวใบหน้าเขียวคล้ำ จิตสังหารราวกับคลื่นน้ำถาโถม แสงประกายแผ่พุ่งทั่วตัว โทสะพลุ่งพล่านถึงขีดสุด
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้เขากลับยังอดทน ไม่เคยเปิดผนึกในร่างให้ฟื้นคืนสู่พลังของระดับหยั่งสัจจะ
ไม่เพียงแค่เขา แม้แต่ชายกลางคนหน้าแผลเป็นก็เช่นเดียวกัน
เรื่องนี้ทำให้หลินสวินขมวดคิ้วน้อยๆ สู้กันมาจนถึงตอนนี้แล้ว ระดับหยั่งสัจจะทั้งสองกลับยังคงใช้พลังระดับมหาสมุทรวิญญาณ ความอดทนสูงจริงๆ
ทันใดนั้นหลินสวินพลันเข้าใจขึ้นมารางๆ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากทำ แต่ไม่กล้าทำต่างหาก!
แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นเต็มไปด้วยพลังต้องห้าม มีเพียงผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้อย่างปลอดภัย เห็นได้ชัดว่าเหล่าคนที่กดพลังให้อยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณ ไม่กล้าเผยพลังระดับหยั่งสัจจะออกมาเพราะกลัวการสะท้อนกลับของพลังต้องห้าม
เสียงตูมดังสนั่น หลินสวินสำแดงพลังอีกครั้ง อากาศราวกับระเบิดออกจากกัน แรงหมัดโถมคลั่งราวกับน้ำหลาก ทั้งกว้างใหญ่และหนาแน่นเกินไปจนไม่มีใครเทียบ
พริบตานั้นชายวัยกลางคนหน้าแผลเป็นก็สะเทือนจนกระอักเลือด สีหน้าขาวซีด ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ ไม่จำยอมและฉุนเฉียว
“กู่เหลย เจ้าพาพวกเขาออกไป!”
ผู้อาวุโสชุดขาวตะโกนแล้วชิงพุ่งออกมา เงาร่างสาดกลิ่นอายอันน่าสะพรึงโดยพลัน เขาทะยานขึ้นฟ้า ราวกับพริบตานั้นได้กลายเป็นอีกคน ดูน่ากลัวอย่างที่สุด
ครืนโครม~
คลื่นพลังแผ่กระจายไปทั่ว อากาศบริเวณนี้ระเบิดออก แสงสีเงินลุกโหมม้วนห่อร่างหลินสวินเอาไว้แน่น
เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสชุดขาวตระหนักได้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์ ทนให้หลินสวินอวดดีต่อไปไม่ได้แล้ว จึงเปลี่ยนวิธีใหม่ สำแดงพลังของผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะออกมา!
ฮู้ม~
หลินสวินไม่เพียงไม่ตกใจแต่กลับดีใจ ทั้งร่างส่องประกาย เท้าเคลื่อนไหวด้วยก้าวย่างชือน้ำแข็ง แผ่เมฆหมอกแสงศักดิ์สิทธิ์ เข้าปะทะกับผู้อาวุโสชุดขาว
ในเวลาเดียวกันนั้น ชายกลางคนหน้าแผลเป็นที่ถูกเรียกว่ากู่เหลยก็นำหนุ่มสาวคนอื่นๆ ของสำนักแสงทองทะยานหนีไปไกลอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล
เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสชุดขาวตัดสินใจจะเสี่ยงดูสักตั้งเพื่อคว้าโอกาสให้พวกเขาหนีไป ยามนี้แม้กู่เหลยจะไม่ยินยอมเพียงใด ก็ทำได้เพียงเลือกหนีไปก่อน
“คิดหนีงั้นหรือ ทิ้งชีวิตไว้!”
กลับเห็นเงาร่างของหลินสวินราวกับมังกร แผ่พลังอันยิ่งใหญ่ ชักดาบออกจากฝักแล้วตวัดฟันด้วยกระบวนท่าคว้าดาราอย่างไม่ลังเล
ฟ้าดินราวกับค่ำคืนนิรันดร์มาเยือน ดวงดารานับหมื่นตกจากฟากฟ้า พลังทำลายล้างสะเทือนฟ้าดินปรากฏขึ้นในดาบเดียว ควบคุมฟ้าดินแต่เพียงผู้เดียว!
เห็นได้ชัดว่าอานุภาพของกระบวนท่าคว้าดาราในยามนี้แตกต่างจากที่ผ่านมาอย่างชัดเจน กลิ่นอายอันน่าสะพรึงที่แผ่ซ่านทำให้ผู้อาวุโสชุดขาวยากจะสกัดขวางได้
ฟุ่บๆๆ
ประกายดาบกวาดผ่านกลางอากาศ รวมเข้ากับสัญญาณแห่งการทำลายล้างที่ราวกับคืนนิรันดร์ ผู้ฝึกปราณมากมายของสำนักแสงทองที่ทะยานหนีไปเมื่อครู่นี้ บ้างถูกฟันเข้าที่แขน บ้างถูกฟันหลังไหล่ บ้างถูกฟันศีรษะหลุดร่วงลอยล่อง เสียงร้องน่าอนาถดังขึ้นไม่ขาดสาย
“อ๊าก…”
“ไม่!”
ภาพฉากอันโหดเหี้ยมน่าหวาดหวั่นนั้นราวกับไม่มีสิ่งใดไม่แตกหัก เพียงดาบเดียวนำพามาซึ่งแสงโลหิตอันงดงามเศร้าระทม สังหารไปสามสี่ชีวิตและบาดเจ็บสาหัสอีกเจ็ดแปดคน
แม้แต่กู่เหลยยังถูกกดดัน เงาร่างโซซัดโซเซ เกือบจะร่วงหล่นจากกลางอากาศ
อานุภาพนั้นทำให้ทุกคนหัวใจสะท้าน จิตวิญญาณสั่นสะเทือน น่ากลัวเกินไปแล้ว กระบวนท่าเดียวก็ตะลึงไปทั้งฟ้าดิน
“ไอ้เวรเอ๊ย!”
ผู้อาวุโสชุดขาวกราดเกรี้ยวอย่างที่สุด คำรามเดือดดาล คิดไม่ถึงเลยว่า ขนาดตนใช้พลังระดับหยั่งสัจจะแล้วกลับไม่สามารถกดดันหลินสวินได้ ทั้งยังให้เขาได้ลงมือทำร้ายคนของฝ่ายตน น่าชังนัก
ชิ้ง!
เขาใช้วิชาลับ ดาบศึกสีเงินพุ่งสู่ฟากฟ้าม้วนคลื่นนับพัน ชั่วขณะเดียวราวกับกลายเป็นสัตว์ปีศาจตัวสูงใหญ่ สูงเทียบเท่าภูเขา ปกคลุมไปด้วยเกล็ดหนาแน่น เปล่งประกายแสงอันเย็นเยียบนับไม่ถ้วน
ฮู้ม~
การโจมตีนี้แฝงพลังแห่งสัจจะ ทันทีที่ใช้ก็เห็นท้องฟ้าปั่นป่วน มีพลังต้องห้ามกำลังรวมตัวกันรางๆ
หลินสวินหรี่ตาลงทันควัน รับรู้ได้ถึงความกดดันยิ่งใหญ่เหลือล้น แต่เขาสงบเยือกเย็น ไม่สะทกสะท้าน พุ่งเข้าไปเผชิญหน้าด้วยท่าทางดูถูกเหมือนเดิม
ตูมๆๆ
พริบตานั้นทั้งสองปะทะกันเป็นสิบเป็นร้อยกระบวนท่า สังหารกันอย่างดุเดือดจนหินทรายบินว่อน อากาศพังทลาย อาทิตย์จันทร์ไร้แสง
หลินสวินเป็นรองจริงๆ แต่เขาราวกับไม่รู้ตัว ไม่รู้สึกเจ็บ ยังคงพุ่งเข้าไปสังหาร และระหว่างต่อสู้พลังก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!
ผู้อาวุโสชุดขาวตระหนกระคนกราดเกรี้ยว แทบจะบ้าคลั่งขึ้นมาแล้ว ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าเหตุใดก่อนหน้านี้หลินสวินจึงสู้กับฉู่หลินเทียนได้
เด็กนี่มันตัวประหลาดชัดๆ ยิ่งแพ้ยิ่งห้าวหาญ ยิ่งสู้ยิ่งแข็งแกร่ง! ราวกับฆ่าไม่ตายอย่างไรอย่างนั้น!
“มาอีก!”
ผมยาวของหลินสวินปลิวไสว นัยน์ตาดำดุจเหวลึกพลุ่งพล่านราวกับจะกลืนกินฟ้าดิน ดาบวิญญาณม่วงหลั่งแสงเจิดจ้า บุกทะลวงเข้าปะทะ
“ในเมื่อรนหาที่ตาย ข้าจะให้เจ้าได้สมปรารถนา!”
ผู้อาวุโสชุดขาวบันดาลโทสะ ถูกบีบจนถึงขั้นนี้ เขาแทบจะกลายเป็นปีศาจคลั่งอยู่แล้ว พลันอ้าปากพ่นเลือดพิสุทธิ์ออกมา
เห็นธงดำเหินออกมา หลังจากเปื้อนเลือดนั้นก็ส่งเสียงคำรามสะท้านสะเทือนราวกับลมพายุ
ครืนโครม~
เพียงส่ายไหวเบาๆ ทุกชีวิตต่างหวาดกลัว แผ่ไอสังหารอันยิ่งใหญ่
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสมบัติที่น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุดชิ้นหนึ่ง ไอสังหารที่แผ่พุ่งราวกับลมเย็นเยียบจากนรกเข้าทำลายโลก
หลินสวินร่างสะท้าน ถูกพลังอันน่าสะพรึงกลัวนั่นสะเทือนจนเซถอย นัยน์ตาหดรัด สมบัตินั่นน่ากลัวถึงขั้นนี้เชียว!
พอหันมองผู้อาวุโสชุดขาวอีกทีก็พบว่ารอบตัวเขาถูกควันสีดำปกคลุมไว้ ในมือถือธงดำ ราวกับกลายเป็นอสูรนรก ปลดปล่อยพลังอันบีบคั้นและน่าพรั่นพรึง
สามารถเห็นได้รางๆ ว่ารอบตัวเขายังมีสัญลักษณ์รอยสลักวิญญาณหนาแน่นซับซ้อน ดูลึกลับน่ากลัวชัดแจ้ง
ชุดศึกสลักวิญญาณ!
หลินสวินหัวใจกระตุกวูบ ในที่สุดก็รู้แล้วว่าธงดำในมือผู้อาวุโสชุดขาวเป็นสมบัติระดับชุดศึกสลักวิญญาณอันน่าสะพรึง
“ฆ่า!”
ผู้อาวุโสชุดขาวตะโกนก้อง ผืนธงโบกสะบัด ภูตผีร่ำไห้เทพยดาร้องครวญทั่วฟ้า คลื่นเสียงสะท้านจิตวิญญาณ ไอสังหารยิ่งโหมคลั่งราวกับคลื่นสมุทรซัดกระหน่ำ
อานุภาพของเขาเปลี่ยนไป พริบตาเดียวก็กดข่มหลินสวินจนเงยหน้าไม่ขึ้น
พลังนี้แข็งแกร่งเกินไป ทำให้หลินสวินกระอักเลือดรัวๆ หวั่นไหวอย่างควบคุมไม่อยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาปะทะกับอานุภาพของชุดศึกสลักวิญญาณ และในที่สุดก็ได้เข้าใจความน่าสะพรึงกลัวของสมบัติระดับนี้
โครม!
ไม่นานเขาก็ถูกโจมตีจนกระเด็นออกไป
แต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินฮึกเหิมคือ หลังจากผ่านความทรมานครั้งนี้ พลังที่พลุ่งพล่านรุนแรงอยู่ในร่างได้รับการเคี่ยวกรำอย่างหนัก การควบรวมของชีพจรวิญญาณเส้นใหม่ก็ไวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด!
“ฆ่า!”
หลินสวินตะเบ็งเสียง ดาบวิญญาณม่วงในมือระเบิดประกาย ในไอดาบมีปรากฏการณ์ประหลาดที่หมู่ดาวล่องลอยโคจรอยู่รางๆ
“ยังไม่ตายอีกหรือ”
ผู้อาวุโสชุดขาวตะคอกกราดเกรี้ยว หนวดเคราเผ้าผมพลิ้วไหว
ครืน!
เพียงแต่ขณะที่ผู้อาวุโสชุดขาวคิดกำราบหลินสวินต่อ กลับเห็นว่าบนชั้นฟ้า สีเลือดประหนึ่งอสูรประหลาดกลายเป็นวังวนสายฟ้าแผ่พลังต้องห้ามออกมา!
นี่มัน…
แย่แล้ว!
ผู้อาวุโสชุดขาวตกใจจนขวัญแทบบินหนี นี่คือพลังต้องห้าม เพราะเขาใช้พลังของระดับหยั่งสัจจะ สุดท้ายจึงดึงดูดให้เกิดการสะท้อนกลับของฟ้าดิน!
เขาพลันกระโจนหนีไปไกลๆ อย่างบ้าคลั่ง เริ่มเก็บงำอานุภาพ บีบอัดพลังปราณ
พลังต้องห้ามนั่นไม่ธรรมดา เพียงแค่การโจมตีเดียว ไม่ว่าพลังปราณของเขาจะสูงแค่ไหนก็ต้องถูกฆ่าตายคาที่! ไม่ใช่สิ่งที่พลังคนจะต้านทานได้
หลินสวินเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ในใจตระหนกกลัวอย่างอดไม่ได้เช่นกัน แต่สุดท้ายเขาก็กัดฟันไล่ตามผู้อาวุโสชุดขาวคนนั้นไป
ตูม!
สุดท้ายผู้อาวุโสชุดขาวก็ไม่อาจหนีพ้น ถูกแสงเลือดดุจอสูรประหลาดที่ฟาดลงมาจากฟากฟ้าโจมตี เสียงกรีดร้องน่าอนาถดังสะเทือนฟ้าดิน ก่อนจะได้ยินเสียงฟู่แล้วหล่นร่วงจากฟ้า
หลินสวินฉวยโอกาสนั้นใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งพุ่งเข้าไปราวสายฟ้า โฉบไปข้างตัวผู้อาวุโสชุดขาวแล้วชิงธงดำนั่นไป
แทบจะในขณะเดียวกัน แสงเลือดอสูรประหลาดอีกสายก็ฟาดลงมา ร่างของผู้อาวุโสชุดขาวราวกับน้ำแข็งที่ละลายตัว สลายสิ้นไม่เหลือแม้แต่ซาก!
——
ตอนที่ 448 หญิงงามคือบ่อเกิดแห่งหายนะ
โดย
ProjectZyphon
ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่ง สุดท้ายกลับต้องตายเพราะการสะท้อนกลับของพลังต้องห้าม แม้แต่หลินสวินยังคาดไม่ถึง ไหวสะท้านอย่างควบคุมไม่อยู่
แต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือความเสียดาย
ถ้าพลังต้องห้ามไม่มาเยือน ในการต่อสู้เมื่อครู่นี้ก็มีหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดจะสามารถรวมตัวอย่างสมบูรณ์แบบ
เสียดายที่ตอนนี้มันหยุดลงอีกแล้ว
วู้ม~
บนฝ่ามือ ธงสีดำสาดแสงคลุมเครือ
หลินสวินกวาดตามอง ในส่วนลึกของหัวใจอดรู้สึกเจ็บแปลบไม่ได้ ชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นนี้ได้รับความเสียหายจากการจู่โจมของพลังต้องห้ามเมื่อครู่
“คงต้องรอมีโอกาสค่อยซ่อมในภายหลัง…”
หลินสวินเก็บธงดำ สูดหายใจเข้าลึกๆ สายตามองไกลออกไป
เมื่อครู่นี้กู่เหลยพาเหล่าผู้สืบทอดของสำนักแสงทองที่บาดเจ็บสาหัสหนีไปทางนั้น เวลาเพิ่งผ่านไปไม่นาน
พรึ่บ!
เงาร่างของหลินสวินแวบหายไปจากจุดเดิม
เขาไม่อาจทนให้น้ำเต้าเพลิงแดงที่ควรเป็นของเขาถูกแย่งไปได้!
……
“เด็กคนนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
หลินสวินเพิ่งจะจากไป บริเวณนั้นก็มีเงาร่างของผู้ฝึกปราณปรากฏขึ้นมากมาย ทุกใบหน้าล้วนเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่าได้เห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
“ตัวคนเดียวสังหารคนสำนักแสงทองจนพ่ายแพ้อย่างราบคาบ แม้แต่ยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะอย่างเหลียงเย่าเจินยังถูกบีบให้ใช้พลังทั้งหมด สุดท้ายต้องมาตายเพราะพลังต้องห้าม จุดจบแบบนี้น่าอนาถเกินไปแล้ว”
หลายคนถอดถอนใจ สีหน้าแปรเปลี่ยน
“เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใครกันแน่ พลังต่อสู้น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ ในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นแห่งนี้ ไม่ใช่ว่ากลายเป็นมีพลังมากพอจะฆ่าคู่แข่งทุกคนได้หรือ”
“ใช่ มีพลังต้องห้ามอยู่ทั่วหล้าเช่นนี้ หากไม่ถูกบีบจนอันตรายถึงชีวิตจริงๆ ยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะเหล่านั้นไม่กล้าใช้พลังที่แท้จริงแน่ แต่เด็กหนุ่มคนนั้นกลับแตกต่าง พลังต่อสู้ของเขาเพียงพอให้สู้กับระดับหยั่งสัจจะได้ แบบนี้น่ากลัวมาก”
ตอนที่ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นวิพากษ์วิจารณ์ถึงหลินสวิน สีหน้าต่างเผยความหวาดกลัว ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าเด็กหนุ่มที่ราวกับปีศาจคนนี้โผล่มาจากไหนกันแน่ เหตุใดที่ผ่านมาจึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาก่อน
……
ฟุ่บ
เงาร่างของหลินสวินทะยานผ่านกลางอากาศ พลังจิตวิญญาณอันกว้างขวางแผ่กระจายออกไป ตามหากลิ่นอายของผู้สืบทอดสำนักแสงทองเหล่านั้นมาตลอดทาง
ในขณะเดียวกันเขาก็กำลังสัมผัสพลังของตัวเอง
พลังที่พลุ่งพล่านราวคลุ้มคลั่งในร่างโหมซัดอยู่ตลอดเวลา อันตรายอย่างที่สุด และในจุดปราณทั้งสี่แห่งเส้นปราณหัวใจ ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดเส้นใหม่ยังขาดอีกก้าวหนึ่งจึงจะสามารถก่อตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ทำให้หลินสวินเองก็จนปัญญา
นี่ก็คืออุปสรรคในการฝึกปราณ ชีพจรวิญญาณเป็นส่วนหนึ่งของพรสวรรค์อันแสนวิเศษ ‘หุบเหวกลืนกิน’ ที่ไม่มีอะไรในโลกเทียบได้
หลังจากถูกชิงในตอนนั้นไป หลินสวินก็ไม่เคยหวังว่าจะได้ครอบครองมันอีกเลย
แต่ตอนนี้ด้วยความบังเอิญ ในที่สุดก็มีความหวังอย่างหาได้ยากว่ามันจะเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่กลับไม่สมปรารถนาเสียที นี่ไม่ใช่แค่โชคไม่เข้าข้างแล้ว!
หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ชีพจรวิญญาณที่เกิดขึ้นใหม่นี้ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าอาจเป็นเพราะมันแข็งแกร่งและมีพลังพลิกฟ้าเกินไป จึงทำให้ระดับความยากของการก่อตัวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
บางทีหลินสวินยังอดสงสัยไม่ได้ว่า มีพลังบางอย่างที่ไม่อาจควบคุมได้กำลังขัดขวางเรื่องทั้งหมดนี้อยู่หรือไม่
เหมือนตอนที่สู้กับนักพรตสยงที่อีกฝ่ายถอยทัพมือเปล่า
หรือตอนที่สู้กับฉู่หลินเทียน จู่ๆ ก็ถูกทางเดินที่เปิดออกหยุดไปซะก่อน
และเมื่อครู่นี้ตอนสู้กับผู้อาวุโสชุดขาว อีกเพียงนิดหลินสวินก็จะสมปรารถนาแล้ว แต่สุดท้ายพลังต้องห้ามกลับปรากฏขึ้นและฆ่าผู้อาวุโสชุดขาว
ถ้าเพียงครั้งเดียวก็ช่างเถอะ แต่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นสามครั้งติด ทำให้หลินสวินอดสงสัยไม่ได้ว่า หรือเป็นเพราะชีพจรวิญญาณที่เกิดขึ้นใหม่ของตัวเองพิเศษเกินไป จึงทำให้ทุกอย่างดูไม่ราบรื่นขึ้นมา
‘ช่างเถอะ การมาเยือนแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นในครั้งนี้ ไม่ว่าใครก็ขัดขวางการครอบครองพลังแห่งหุบเหวกลืนกินอีกครั้งของข้าไม่ได้’
หลินสวินสูดหายใจเข้าลึก นัยน์ตาดำเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
เวลาหนึ่งก้านธูปหลังจากนั้น
หลินสวินชะงักเท้ากะทันหัน กลางอากาศในบริเวณที่ห่างออกไปศึกหนึ่งเพิ่งปิดม่านลง
สิ่งที่ทำให้หลินสวินหน้าขรึมขึ้นคือ ในการต่อสู้นั้น ผู้ฝึกปราณที่ถูกกวาดล้างจนสิ้นซากคือเหล่าผู้ฝึกปราณแห่งสำนักแสงทอง
ส่วนคนที่ทำเรื่องทั้งหมดนี้คือหญิงรูปร่างชวนมอง งดงามเย้ายวนคนหนึ่ง ผิวของนางขาวใสดั่งหิมะ หน้าตาเปี่ยมเสน่ห์ หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความงามปานล่มเมือง
เป็นผู้สืบทอดแดนวิญญาณหมื่นมายาเหลียนเตี๋ยอี!
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง แม้แต่ผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะอย่างกู่เหลยก็ยังถูกฆ่า ช่างเป็นภาพที่ชวนตะลึง
เหลียนเตี๋ยอียืนอยู่ตรงกลาง ท่าทางอ่อนช้อย นิ้วขาวเรียวเล่นน้ำเต้าเพลิงแดงที่ส่องแสงระยิบระยับ ดวงตาคู่งามวูบไหว มุมปากเผยรอยยิ้ม
ถ้าไม่ได้เห็นกับตาคงไม่มีใครเชื่อว่า ผู้หญิงที่เย้ายวนเปี่ยมเสน่ห์คนนี้เพิ่งฆ่าผู้สืบทอดสำนักแสงทองจนสิ้นซากด้วยพลังของนางเอง!
“อุ๊ย หนุ่มน้อยสุดหล่อ เราเจอกันอีกแล้ว”
เหลียนเตี๋ยอีเห็นหลินสวินก็ไม่ได้แปลกใจ ก้าวเท้าแผ่วเบาเข้ามากลางอากาศ ผิวของนางขาวกระจ่างแวววาว ยามเยื้องย่างดูอ่อนช้อยงดงามนัก
“คืนสมบัติโบราณชิ้นนั้นมาให้ข้า”
หลินสวินนิ่งเฉย สายตาจับจ้องเหลียนเตี๋ยอีอย่างเย็นชา
“นี่เป็นของที่ข้าแย่งมาได้นะ หนุ่มน้อยสุดหล่อเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”
เหลียนเตี๋ยอีกะพริบตาคู่งามสุกใส มุมปากเหยียดขึ้นเล็กน้อย ฟันขาวเป็นประกาย ดูเจ้าเล่ห์และซุกซนอยู่บ้าง
ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ คงถูกเสน่ห์สะท้านโลกของนางยั่วยวนจนจิตใจฟุ้งซ่าน เลือดลมเดือดพล่านไปแล้ว
แต่หลินสวินกลับไม่สะทกสะท้าน กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ยามข้าปะทะกับเหล่าผู้สืบทอดสำนักแสงทอง เจ้าแอบดูอยู่ในมุมมืดมาโดยตลอด ยามนี้มาแย่งกันซึ่งๆ หน้าเช่นนี้ คิดว่าข้าไม่รู้จริงๆ หรือ”
เหลียนเตี๋ยอีอึ้งไปเล็กน้อย ปรบมือชื่นชม “ไม่ธรรมดา ข้าดูคนไม่ผิดจริงๆ หนุ่มน้อยสุดหล่อเจ้าร้ายกาจมาก”
นี่เท่ากับเป็นการยอมรับ
“เอามา”
คำพูดของหลินสวินแข็งกระด้าง ทำท่าเหมือนว่าถ้าไม่พอใจก็จะชักดาบเข้าสู้ทันที
“หนุ่มน้อยสุดหล่อ เจ้าใจร้ายเกินไปแล้ว แบบนี้เท่ากับข้าช่วยเจ้านะ แต่เจ้ากลับทำกับข้าเช่นนี้หรือ”
เหลียนเตี๋ยอีมุ่นคิ้วสวยงามได้รูป เอ่ยวาจาน่าสงสาร ริมฝีปากแดงของนางสั่นเล็กน้อย หน้าอกอวบอิ่มเผยความขาวผ่องดั่งหิมะออกมาให้เห็น ท่าทางยั่วยวน
ชิ้ง!
หลินสวินชักดาบวิญญาณม่วงออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ปลายดาบชี้ไปที่เหลียนเตี๋ยอี ความหมายนั้นชัดเจนและรุนแรงมาก แม้แต่คนโง่ก็เข้าใจ
ในที่สุดสีหน้าของเหลียนเตี๋ยอีก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่นางกลับไม่โกรธ เพียงถอนหายใจเบาๆ แล้วโยนน้ำเต้าเพลิงแดงนั่นให้หลินสวิน
“คราวนี้เจ้าพอใจหรือยัง”
หว่างคิ้วของเหลียนเตี๋ยอีแฝงความอัดอั้นใจ
หลินสวินเองก็ประหลาดใจที่ได้น้ำเต้าเพลิงแดงมาครองง่ายๆ เช่นนี้ จ้องเหลียนเตี๋ยอีอยู่ครู่ สุดท้ายเขาก็เก็บดาบศึกแล้วหมุนตัวจากไป
หญิงผู้นี้มีความงามที่ชักนำภัยพิบัติมาสู่บ้านเมืองได้ เดิมทีเป็นสิ่งที่เห็นแล้วพาให้คนเจริญหูเจริญตามาก แต่สำหรับหลินสวิน ผู้หญิงแบบนี้ไม่ควรมีเรื่องด้วย จิตใจเกินจะคาดเดา สามารถฆ่าเหล่าผู้สืบทอดสำนักแสงทองได้ด้วยตัวคนเดียว พลังต่อสู้ต้องน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด
หลินสวินไม่อยากข้องเกี่ยวกับนางมากนัก
“นี่ เจ้าจะไปง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ ใจร้ายเกินไปหรือเปล่า”
เหลียนเตี๋ยอีตามไปอย่างหัวเสีย ดวงตาคู่งามถลึงใส่ กัดริมฝีปากแดงอวบอิ่มเบาๆ มีเสน่ห์ดึงดูดใจมากเป็นพิเศษ
“เจ้าจะเอายังไงอีก”
หลินสวินมุ่นคิ้ว เหลียนเตี๋ยอีทำเช่นนี้ก็ยิ่งพาให้เขาระแวง
“เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ ข้าอยากร่วมมือกับเจ้า ไปแสวงหาโชควาสนาครั้งใหญ่!”
เหลียนเตี๋ยอีเองก็คล้ายดูออกว่า หากไม่ใช้ความจริงใจก็ยากจะได้การยอมรับจากหลินสวิน จึงบอกจุดประสงค์ของตนไปตรงๆ
“เหตุใดจึงเป็นข้า”
หลินสวินเหลือบมองนาง
“ง่ายมาก เจ้าแข็งแกร่งมาก ไม่ใช่แข็งแกร่งธรรมดา และข้าก็ดูออกว่าพลังของเจ้ายังอยู่ในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลง”
ดวงตาคู่งามของเหลียนเตี๋ยอีมีสีรุ้งประหลาดเคลื่อนวน “ถ้าอยู่ในโลกภายนอกอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น พลังที่เจ้ามีคุ้มค่าให้ข้าผูกมิตรเพื่อทำการใหญ่ด้วยกัน”
หลินสวินเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย ในใจก็อดตะลึงไม่ได้ ความสามารถในการหยั่งรู้ของหญิงผู้นี้เฉียบคมเหลือเกิน
ก็จริงดังว่า ในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะไม่สามารถใช้พลังที่แท้จริงได้ ด้วยกลัวว่าจะถูกพลังต้องห้ามสะท้อนกลับ
ในสถานการณ์แบบนี้หลินสวินซึ่งมีพลังที่ไม่ใช่ระดับหยั่งสัจจะ ย่อมดูพิเศษอย่างไม่ต้องสงสัย
“ว่าอย่างไร อยากลองเสี่ยงดูหรือไม่”
เหลียนเตี๋ยอีจ้องหลินสวินนิ่ง บนใบหน้ารูปเมล็ดแตงเผยความจริงจังที่น้อยนักจะได้เห็น “ข้าบอกเจ้าได้ว่า ถ้าสามารถคว้าวาสนาครั้งนี้ได้ ไม่เพียงแค่จะได้รับสมบัติโบราณอันเหลือเชื่อมากมาย ยังถึงขั้นที่สามารถได้วิชาลับซึ่งสืบทอดมาจากราชาปีศาจราหูอีกด้วย!”
ราชาปีศาจราหู!
หลินสวินหัวใจสะท้านคราหนึ่ง นึกถึงเรื่องที่ได้ยินจากเหรินเมี่ยวเมี่ยว เล่าลือกันว่าเทือกเขาราหูแห่งนี้เป็นสถานที่ฝังราชาปีศาจราหูซึ่งมีอำนาจสะท้านฟ้าในสมัยโบราณ!
หากในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นนี้มีมรดกตกทอดจากผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้จริงๆ ย่อมเป็นวาสนาอันยอดเยี่ยม
มุมปากของเหลียนเตี๋ยอีเผยรอยยิ้มบางๆ รู้ว่าหลินสวินหวั่นไหวแล้ว นี่ทำให้นางพอใจอย่างมาก คิดว่ามันควรเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว เพราะวาสนาชั้นยอดเช่นนี้ผู้ฝึกปราณคนไหนจะปฏิเสธได้
แต่ที่เหนือความคาดหมายของนางคือ สุดท้ายหลินสวินกลับส่ายหน้าปฏิเสธ “ขออภัย ข้าไม่สนใจเรื่องพวกนี้”
พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินออกไป
“เจ้า…”
เหลียนเตี๋ยอีอึ้งงันอย่างสิ้นเชิง แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เด็กนั่น…ปฏิเสธงั้นหรือ
ทันใดนั้นหว่างคิ้วของนางก็เผยความขุ่นเคือง นางเป็นถึงผู้สืบทอดของแดนวิญญาณหมื่นมายา ในโลกภายนอกก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างมาก ไปถึงไหนก็ได้รับความเกรงกลัวและให้ความสำคัญ
แต่ดูตอนนี้สิ นางเอาความจริงใจเข้าแลกหวังจะผูกมิตร เด็กนั่นกลับไม่ยอมทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้การเอาใจของนางเสียเปล่า ความรู้สึกเช่นนี้นางไม่เคยได้ลิ้มรสมาก่อน
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน น่าโมโหนัก อย่าให้ข้าเจอเจ้าอีกล่ะ มิเช่นนั้นข้าจะดูดเลือดพิสุทธิ์ของเจ้าให้แห้งแล้วกินเจ้าซะ!”
เห็นเงาร่างของหลินสวินหายไป เหลียนเตี๋ยอีโกรธจนกัดฟัน กระทืบเท้าอย่างแรงแล้วหมุนตัวเดินออกไป
‘ผู้หญิงคนนี้คงไม่พอใจข้ามากสินะ’
ในบริเวณไกลโพ้น หลินสวินครุ่นคิด แต่เพียงครู่ก็ส่ายหน้า
คำว่าร่วมมือของเหลียนเตี๋ยอีน่าดึงดูดมากจริงๆ เสียดายที่หลินสวินคิดแต่ว่าอยากรวมชีพจรวิญญาณให้สำเร็จก่อน จึงไม่สนใจเรื่องนี้นัก
ที่สำคัญกว่านั้นคือ เขาดูจุดประสงค์ที่แท้จริงของเหลียนเตี๋ยอีไม่ออก!
เรื่องนี้ต่างหากที่หลินสวินกังวล เพื่อความปลอดภัย เขาขออยู่ห่างๆ จากผู้หญิงที่เย้ายวนเกินไปคนนี้ ดีกว่าจะเอาชีวิตของตนไปเสี่ยง
ฟุ่บ!
หลินสวินเลือกทิศทางหนึ่งแล้วทะยานตัวไปโดยไม่คิดอะไรมากกว่านั้น
ระหว่างทางเขาเอาน้ำเต้าเพลิงแดงขึ้นมาเริ่มพินิจอย่างละเอียด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สมบัติโบราณ จึงอยากรู้ว่าสมบัติที่สามารถคงอยู่มาตั้งแต่โบราณกาลจนถึงตอนนี้ และยังสามารถรักษาจิตวิญญาณในตัวไม่ให้ถูกทำลายได้ จะวิเศษถึงเพียงใด
——
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น