Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 439-440

 ตอนที่ 439 วาสนาอันน่าขัน

โดย

ProjectZyphon

ชิวเหวินเดินอยู่ท่ามกลางท้องฟ้ารัตติกาล


เขาในชุดดำทั้งตัวรูปร่างกำยำ มีพลังปราณอยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นกลาง เป็นศิษย์สืบทอดสำนักเมฆเขียวแห่งดินแดนวิญญาณโบราณ


ชิวเหวินมาที่เทือกเขาราหูในครั้งนี้ ก็เพื่อแสวงหาโอกาสวาสนาและเคี่ยวกรำวิชายุทธ์เหมือนลูกศิษย์ในสำนักอื่นๆ


เพราะลือกันว่า เทือกเขาราหูแห่งนี้เป็นที่ฝังกระดูกของราชาปีศาจราหูตัวหนึ่งนับตั้งแต่โบราณกาล ภายในมีซากปรักหักพังเก่าแก่ซ่อนอยู่ แม้จะอันตรายหาที่เปรียบไม่ได้ แต่กลับมีวาสนาดีๆ มากมายกระจายอยู่


ดังนั้นในดินแดนวิญญาณโบราณ ขอเพียงเป็นผู้ฝึกปราณที่อยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณ ก็จะเลือกมาฝึกที่เทือกเขาราหูทั้งสิ้น หนึ่งเพราะสามารถฝึกปรือวิชายุทธ์ได้ และสองคือสามารถมาเสี่ยงดวงเผื่อพบเจอวาสนา


ชิวเหวินอยู่ในเทือกเขาราหูนี้เกือบเดือนแล้ว เจออันตรายมามากมาย แต่จนถึงตอนนี้กลับยังไม่เคยได้พบโชควาสนาอย่างแท้จริงเลย


นี่ทำให้เขาค่อนข้างเหลืออด


‘หากไม่ได้ผลเก็บเกี่ยวภายในสามวันข้าจะกลับเมืองทันที ออกไปจากที่บ้าๆ นี่!’


ชิวเหวินลอบกัดฟันตัดสินใจ


ตูม!


ในตอนนั้นเอง บริเวณที่ห่างออกไปไกลพลันมีเสียงกึกก้องราวกับฟ้าผ่าดังขึ้นกะทันหัน


ถัดมาพายุอันน่าสะพรึงก็พุ่งตรงขึ้นฟ้า ฉีกทึ้งรัตติกาล สายลมเมฆาปั่นป่วน ทำให้สัตว์อสูรที่ซ่อนตัวอยู่ในผืนป่าโดยรอบต่างส่งเสียงคำรามอย่างตื่นตกใจ


ภาพอันยิ่งใหญ่นั้นดูสะดุดตามากในยามค่ำคืน ทำให้ชิวเหวินเองก็ตกตะลึงพรึงเพริด


วาสนา!


ทันใดนั้นชิวเหวินพลันตอบสนอง ดวงตาเป็นประกายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เกิดปรากฏการณ์ประหลาดอันยิ่งใหญ่ระดับนี้ ต้องเป็นโชควาสนามาเยือนแน่!


ฟุ่บ


ชิวเหวินพุ่งตัวไปทิศทางนั้นสุดแรงอย่างไม่ลังเล


……


“เป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก หรือจะมีสมบัติล้ำค่าปรากฏ?”


“รีบไปดูกันเร็ว ปรากฏการณ์ประหลาดในยามรัตติกาล พายุทะยานฟ้า ต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่!”


“ไป!”


แทบจะในเวลาเดียวกัน ในมุมต่างๆ ของพื้นที่ใกล้เคียง ผู้ฝึกปราณแต่ละคนต่างตื่นเต้น ด้วยเห็นภาพสะเทือนฟ้าดินนี้เช่นเดียวกับชิวเหวิน


พวกเขาจึงพุ่งไปยังแหล่งกำเนิดพายุจากทั่วทุกสารทิศโดยไม่ได้นัดหมาย


พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!


ท่ามกลางท้องฟ้าสีรัตติกาล เห็นเพียงลำแสงมากมายปรากฏตัวกลางอากาศ วิบวับแวววาว งดงามหาที่เปรียบไม่ได้ วาดเป็นร่องรอยสีสันสลับไปมากลางอากาศ


สามารถเคลื่อนไหวกลางอากาศได้ เห็นได้ชัดว่าอย่างน้อยๆ ก็ล้วนเป็นผู้ฝึกปราณในระดับมหาสมุทรวิญญาณ!


เมื่อชิวเหวินที่กำลังพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งเห็นแบบนี้ ในใจก็ยิ่งหงุดหงิด ให้ตายย ทำไมจู่ๆ ถึงมีคู่แข่งโผล่มามากมายขนาดนี้!


โชควาสนาคือสิ่งที่ทุกคนต่างใฝ่หา


แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีความสามารถไขว่คว้ามันไว้ได้


โดยเฉพาะในเทือกเขาราหูอันเป็นสถานที่ที่ศิษย์จากสำนักใหญ่มากมายเลือกมาฝึก ยามนี้จู่ๆ มีปรากฏการณ์ประหลาดสะเทือนฟ้าดินเช่นนี้เกิดขึ้น แค่คิดก็รู้ว่าจะดึงดูดผู้ฝึกปราณมากมายเพียงใดเข้ามาแย่งชิง


ไม่นานทุ่งโล่งแห่งหนึ่งก็ปรากฏอยู่ในสายตา


เพียงแต่ตอนที่ชิวเหวินมาถึงที่นี่ กลับพบอย่างตะลึงว่า กระแสลมพายุที่ราวกับจะทะลุฟากฟ้านั่นได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว


ราวกับทุกสิ่งที่เห็นเมื่อครู่นี้ล้วนเป็นเพียงภาพมายา


นี่ไม่ใช่ภาพมายา!


ไม่นานชิวเหวินก็สังเกตเห็นว่า ตรงกลางทุ่งท่ามกลางท้องฟ้ารัตติกาลไม่มีหญ้าขึ้นอยู่เลยแม้แต่ต้นเดียว พื้นดินยับเยินราวกับว่าถูกบดขยี้ด้วยฝ่ามือใหญ่ล่องหนอย่างรุนแรงมารอบหนึ่ง


นั่นต้องเป็นจุดกำเนิดพายุเมื่อครู่นี้แน่!


“อยู่ตรงนั้น!”


“ปรากฏการณ์ประหลาดหายไป ย่อมหมายความว่ามีสมบัติล้ำค่าปรากฏแน่ รีบหาให้ทั่ว!”


“รีบลงมือ!”


ในบริเวณใกล้เคียง แสงรำไรส่องสะท้อนเงาร่างของผู้ฝึกปราณมากมาย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็เห็นปรากฏการณ์ประหลาดบนทุ่งโล่งนี้เหมือนกับชิวเหวิน


“เวรเอ๊ย!”


ชิวเหวินลอบสบถและพุ่งปราดไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว


แต่ไม่นาน ไม่ว่าจะเป็นชิวเหวินหรือยอดฝีมือคนอื่นๆ ที่มารวมกัน ณ ที่แห่งนี้ต่างต้องตะลึง


เพราะพวกเขาเห็นว่า ตรงกลางของพื้นที่ที่ยับเยินไม่มีหญ้าขึ้นแม้แต่ต้นเดียว มีร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้นดินที่ไหม้เกรียม


นี่…


สถานการณ์แปลกประหลาดไปชั่วขณะ เหล่ายอดฝีมือต่างงงเป็นไก่ตาแตก


ในจุดกำเนิดลมพายุอันชวนตะลึง เดิมคิดว่าจะเป็นจุดกำเนิดวาสนาอันยิ่งใหญ่ แต่ใครจะคิดว่าจะมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่ที่นี่


เขาเป็นใคร


แน่นอนว่าคนๆ นั้นคือหลินสวิน


“สมบัติล้ำค่าที่เกิดจากปรากฏการณ์ประหลาดนี้ต้องถูกเด็กคนนี้แย่งไปแล้วแน่ๆ!”


ทันใดนั้นชายในชุดคลุมสีแดงคนหนึ่งพุ่งเข้าหาหลินสวินที่อยู่บนพื้นอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า พยายามจะจับกุมหลินสวิน


คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ต่างตอบสนองขึ้นมา พลันตะเบ็งเสียงอย่างกราดเกรี้ยว


“ข้าฝูหลิงกวงแห่งสำนักพยัคฆ์มังกร ใครกล้าแย่งกับข้า”


“ใครจะสนว่าเจ้าเป็นใคร ไสหัวไป! วาสนาระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่สำนักพยัคฆ์มังกรอย่างพวกเจ้าอาจเอื้อม!”


“บุกไป! ไม่ว่าเป็นใคร ถ้ากล้าแย่งวาสนากับสำนักแสงทองของข้าก็ฆ่าทิ้งให้หมด!”


สถานการณ์วุ่นวายขึ้นมาทันที เพื่อแย่ง ‘วาสนา’ ที่ว่านี้ แต่ละคนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ดวงตาแดงก่ำ


แต่พวกเขาเพิ่งพุ่งตัวออกไปก็ได้ยินเสียงโครมดังสนั่น ชายชุดคลุมสีแดงที่พุ่งเข้าไปหาหลินสวินเป็นคนแรก ตอนออกตัวว่าไวแล้ว แต่ตอนกลับมานั้นไวกว่า!


เขาราวกับถูกค้อนขนาดใหญ่ทุบ ร่างกายเหินถอยกลับมาอย่างแรง ส่งเสียงโอดครวญ เสียงร้องเจ็บปวดบาดทะลุท้องฟ้ารัตติกาล


ทันใดนั้นสถานการณ์อันวุ่นวายเปลี่ยนเป็นเงียบกริบ ทุกคนต่างหยุดการกระทำ สายตาหันไปมองสถานที่เกิดเหตุเป็นตาเดียวกัน สีหน้าเผยความฉงนใจ


และเห็นว่าบนพื้นตรงนั้น เด็กหนุ่มที่ดูเหมือนหมดสติอยู่ค่อยๆ ลุกยืนขึ้น!


เสื้อผ้าของเด็กหนุ่มขาดวิ่น เปื้อนสีเลือดสด รอยกระบี่กระจายเต็มเนื้อตัว แต่เขากลับดูเหมือนไม่รู้สึกสักนิด ใบหน้าหล่อเหลาดูเย็นชามากเป็นพิเศษใต้ท้องฟ้ายามราตรี


โดยเฉพาะดวงตาดำขลับคู่นั้นของเขา ลึกล้ำราวกับหุบเหว มีแสงประกายอันน่ากลัวดั่งลมพายุพลุ่งพล่านราวกับจะกลืนกินคน


เมื่อสบสายตากับเขา ผู้ฝึกปราณหลายคนอดหัวใจสั่นสะท้านไม่ได้ รู้สึกราวกับว่าที่เผชิญหน้าอยู่ไม่ใช่คน แต่เป็นภูเขาไฟเหวลึกที่กำลังจะปะทุ มีอานุภาพทำลายล้างสรรพสิ่ง


เห็นได้ชัดว่าชายเสื้อคลุมแดงนั่นถูกเด็กหนุ่มคนนี้โจมตีจนลอยกลับมา!


“เจ้าหนู สมบัติล้ำค่าที่กำเนิดขึ้นที่นี่เมื่อครู่นี้อยู่กับเจ้าหรือไม่”


ชายชุดขาวถือกระบี่วิญญาณยาวสามฉื่อตะโกนลั่น


หลินสวินเงียบไม่ตอบ มีเพียงสายตาที่กวาดมองไป


พริบตานั้นสีหน้าของชายชุดขาวเปลี่ยนไปฉับพลัน รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว นี่มันสายตาอะไรกันเนี่ย น่ากลัวราวกับดวงตาของสัตว์ปีศาจโบราณ


“บังอาจ! ข้าถามเจ้า เหตุใดจึงไม่ตอบ”


ชายชุดขาวสูดหายใจเข้าลึกๆ ดุด่าเสียงเข้ม


ทันใดนั้นหลินสวินสะบัดฝ่ามือข้างหนึ่ง แสงแวววาวพลันปรากฏขึ้นราวพายุโหม


ปัง!


ไม่ทันได้หลบด้วยซ้ำ ร่างของชายชุดขาวพลันระเบิด เลือดเนื้อปลิวว่อนไปทั่ว พาให้ผู้ฝึกปราณที่อยู่ใกล้ๆ ตกใจจนต้องหลบด้วยความสยดสยอง


“นี่มัน…”


“พลังน่ากลัวนัก!”


“เด็กนี่เป็นใคร ถึงได้กล้าลงมือฆ่าคน”


“ลี่เจี้ยนหนานนั่นเป็นผู้โดดเด่นแห่งยุคของสำนักหกประสานเชียวนะ มีพลังปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นกลาง แต่กลับต้านทานการโจมตีเดียวของอีกฝ่ายไม่ได้!”


เสียงฮือฮาดังขึ้นจากทั่วทุกมุม สายตาที่หลายคนมองหลินสวินอดเปลี่ยนไปไม่ได้


กลับเห็นหลินสวินเอ่ยเสียงเบา “พวกเจ้าอ่อนแอเกินไป อย่าได้รนหาที่ตายอีก”


พูดจบเขาก็หมุนตัว เดินมุ่งหน้าออกจากทุ่งโล่ง


เดินอยู่ท่ามกลางท้องฟ้ารัตติกาลเพียงลำพังเช่นนี้ ดูเงียบเหงาวังเวงอย่างไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้


“คิดหนีหรือ ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ทิ้งสมบัติล้ำค่าไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”


เสียงตะโกนดังขึ้น เด็กหนุ่มผู้กล้าหาญคนหนึ่งถือหอกสำริดพุ่งออกไป อานุภาพรวดเร็วและดุร้าย สะบัดหอกใส่หลินสวิน


“โจวข่งซิ่วแห่งสำนักพันเวท! เขาก็มาด้วยหรือ”


หลายคนต่างอุทานด้วยความตกใจ จำเด็กหนุ่มผู้กล้าหาญคนนั้นได้ เขาเป็นผู้กล้าที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของสำนักพันเวท


“ยืนอึ้งอยู่ทำไม ไปฆ่าเด็กนั่นด้วยกัน!”


“เร็ว! จะปล่อยให้เขาหนีไปไม่ได้เด็ดขาด วาสนาหายาก แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็คุ้ม!”


มีโจวข่งซิ่วนำทัพ ทำให้ยอดฝีมือคนอื่นๆ ต่างกระตือรือร้น ตะเบ็งเสียงเคลื่อนขบวนออกไปอย่างพร้อมเพรียงกันเพื่อสังหารหลินสวิน


ฮูม!


หลินสวินชะงักเท้าหมุนตัวกลับมา ใบหน้าหล่อเหลาราบเรียบเย็นชา รอบตัวเขาแผ่พลังอันน่าสะพรึงกลัวราวกับลมพายุพุ่งตัวขึ้นฟ้า


“ในเมื่อรนหาที่ตาย ข้าก็จะเล่นเป็นเพื่อนพวกเจ้า!”


เขาเคลื่อนไหวกลางอากาศ ยื่นมือไปคว้าหอกสำริดที่ฟาดเข้ามาสังหาร แล้วสั่นเบาๆ หนึ่งครั้ง


โจวข่งซิ่วตัวสะท้าน พลังมหาศาลราวกับภูเขาถล่มคลื่นกระหน่ำโหมเข้าใส่จนเขากระอักเลือด ร่างกายกระเด็นออกไปอย่างควบคุมไม่อยู่


ฟุ่บ!


เพียงแต่ ขณะที่ตัวเขากำลังลอยอยู่กลางอากาศ กลับถูกหอกแทงทะลุร่าง เลือดสาดกระเซ็นในท้องฟ้ายามราตรี!


หอกนั่นคือสมบัติของเขา เพียงแต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินแย่งไปถือไว้


“เจ้า…”


เพิ่งจะเปล่งเสียงออกมา โจวข่งซิ่วก็สิ้นใจแล้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน ราวกับคิดไม่ถึงว่าศิษย์สำนักพันเวทระดับผู้กล้าอย่างเขา จะถูกสังหารด้วยกระบวนท่าเดียว…


ตูม!


ยามนี้ผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ก็ถือสมบัติต่างๆ พุ่งเข้ามาหมายจะสังหาร ทั้งดาบ ทวน กระบี่ ง้าว สาดประกายไปทั่วฟ้าดิน เข้าปกคลุมหลินสวินเพียงผู้เดียว


สถานการณ์น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด เพราะอย่างไรก็เป็นการจู่โจมของผู้แข็งแกร่งระดับมหาสมุทรวิญญาณทั้งกลุ่ม อีกทั้งยังเป็นการรุมคนแค่คนเดียว แน่นอนว่าพลังต้องน่ากลัวอย่างที่สุด


ฉัวะ!


เพียงแต่ยังไม่ทันเข้าไปใกล้ ก็เห็นหลินสวินกวัดแกว่งหอก แสงสีฟ้าอ่อนแผ่กระจายออกมา ราวกับคลื่นมหาสมุทรที่กวาดทุกอย่างจนเรียบ


ฟุ่บ!


ฟุ่บ!


ฟุ่บ!


กลางอากาศมีแสงเลือดกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าระเบิดออก แขนขาปลิวว่อน


แต่ทุกคนที่ถูกพลังหอกกวาดผ่านล้วนสิ้นชีพในทันที! ไร้ซึ่งคนโชคดี และไร้ซึ่งคนรอดชีวิต!


เพียงพริบตาเดียวก็พรากไปสิบกว่าชีวิต


ภาพอันนองเลือดนี้ทำให้ผู้แข็งแกร่งอีกกลุ่มที่พุ่งมาจากระยะไกลร้องเสียงหลง ร่างกายหยุดชะงักโดยพร้อมเพรียง สีหน้าเต็มไปด้วยความสะพรึงกลัว


“เป็นไปได้อย่างไร”


“เด็กคนนี้เป็นใคร เหตุใดจึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้”


ยามนี้ในที่สุดพวกเขาก็รู้สึกได้ถึงความน่าหวาดหวั่น และตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของหลินสวิน!


เด็กหนุ่มที่ดูมีอายุเพียงสิบกว่าปี กลับสามารถสังหารศิษย์ที่มีพลังปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณจากสำนักต่างๆ สิบกว่าคนได้อย่างง่ายดายเพียงนี้ นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!


กลับเห็นหลินสวินส่ายหน้า หมุนตัวแล้วเริ่มเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง


ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ สีหน้าของเขายังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง เรียบเฉยเย็นชา ราวกับไร้ซึ่งความรู้สึก


มองเขาเดินจากไป ค่อยๆ ไกลออกไปเรื่อยๆ เหล่าผู้แข็งแกร่งต่างลังเลว่าจะตามไปหรือไม่


ภาพฉากเมื่อครู่นี้น่าสะพรึงเกินไป สะเทือนจิตใจพวกเขา จนทำให้พวกเขาไม่กล้าลงมือโดยพลการ แต่ถ้าจะให้ยอมแพ้ง่ายๆ เช่นนี้ ก็ทำให้พวกเขารู้สึกไม่จำยอม


สิ่งที่น่าตลกที่สุดคือ จวบจนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่รู้ว่าปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ไม่ใช่โชควาสนาอะไร และไม่ได้มีสมบัติล้ำค่าอะไรปรากฏ


พวกเขาคิดเองเออเองว่า ‘สมบัติล้ำค่า’ ที่ว่านี้ ต้องซ่อนอยู่ในตัวหลินสวินเป็นแน่


“เด็กน้อย วาสนาระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณตัวเล็กจ้อยอย่างเจ้าจะครอบครองได้ ทิ้งไว้เถอะ!”


ทันใดนั้นเสียงชราเสียงหนึ่งพลันดังก้องไปทั่วฟ้าดิน


——


ตอนที่ 440 ต่อสู้ดุเดือดทั่วฟ้าดิน

โดย

ProjectZyphon

ฟุ่บ!


แสงแววาวแผ่ลงมาจากฟากฟ้าพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น ส่องสว่างท้องฟ้าในยามรัตติกาล แสบตาอย่างที่สุด เข้าปกคลุมหลินสวินที่อยู่บนพื้น


ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะลงมือแล้ว!


ทุกคนที่อยู่ห่างออกไปต่างตกตะลึง


หลินสวินเงยหน้าขึ้นโดยพลัน ใบหน้าหล่อเหลายังคงเรียบเฉย มีเพียงในดวงตาสีดำขลับที่ราวกับลมพายุกำลังโหมกระหน่ำ สาดประกายอันน่าสะพรึงกลัว


เขากวัดแกว่งหอกเป็นแนวนอน เป็นการโจมตีง่ายๆ แต่กลับเหมือนเต็มไปด้วยพลังมหาศาล เสียงครืนโครมดังสนั่น ทำให้แสงสว่างนั่นกระจายหายไป


พรึ่บ!


เงาร่างของหลินสวินหายไปจากจุดเดิม ในมือถือหอกไว้ ก้าวเท้าเหยียบย่างขึ้นกลางอากาศ เงาร่างดุจชือน้ำแข็งพุ่งแทงอากาศในตำแหน่งหนึ่งอย่างรุนแรง


“เอ๋!”


อากาศตรงบริเวณนั้นเกิดเสียงร้องประหลาด เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่าตำแหน่งที่ซ่อนของตัวเองจะถูกหลินสวินจับได้ในทันที


แทบจะในเวลาเดียวกัน ตรงบริเวณนั้นปรากฏเงาร่างกำยำดั่งภูผา กระแทกหมัดออกมา


ตูม!


หอกสำริดส่งเสียงร้องครวญ สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เสียงเสียดหูที่ดังไปทั่วฟ้าดินนั่นทำให้ทุกคนต่างใจสั่น สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย


แค่อานุภาพเสียงนี้ก็รู้แล้วว่า ความสามารถของร่างล่ำสันนั่นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด


ตึกๆๆ~


เงาร่างของหลินสวินถอยกลางอากาศไปหลายก้าว แต่เพียงชั่วขณะเขาก็ถือหอกเข้ามาสังหารอีกครั้ง ท่าทางเหยียดมองเย่อหยิ่งนั่นเหนือความคาดหมายของทุกคน


เด็กหนุ่มที่อายุเพียงสิบกว่าปี ทั้งยังเปื้อนเลือดไปทั้งตัว มีแผลกระบี่นับไม่ถ้วน แม้พลังต่อสู้จะพลิกฟ้าเพียงใด แต่อย่างมากก็เป็นแค่ผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นปลายเท่านั้น


แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการลงมือของผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะ เขาไม่เพียงไม่กลัว แต่ยังเป็นฝ่ายลงมือสังหารก่อนโดยไม่มีความลังเลเลย นี่ทำให้ทุกคนตะลึงมาก


เด็กนี่ไม่กลัวตายหรือไร


ศึกใหญ่ปะทุขึ้นกลางอากาศ หลินสวินกวัดแกว่งหอก เงาร่างราวกับแสงหมอกสีฟ้าอ่อนที่กำลังลุกโหม ให้ความรู้สึกเหมือนจะกลืนกินสรรพสิ่ง


สีหน้าของเขาเรียบเฉย แม้จะถูกโจมตีจนเซถอย แต่ไม่เพียงไม่บาดเจ็บ กลับยิ่งสู้ยิ่งห้าวหาญ ทำให้ทุกคนอึ้งจนอ้าปากค้าง


คู่ต่อสู้ของเขาเป็นผู้อาวุโสท่านหนึ่ง ร่างกายแข็งแกร่งปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีทองหนาแน่น ราวกับประกอบขึ้นจากทองคำ เปล่งแสงสีทองสุกใส พลังนั้นชวนให้รู้สึกกดดันเหมือนภูเขาลูกใหญ่ กลิ่นเลือดคละคลุ้ง ชวนให้รู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ


“นักพรตสยงผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะแห่งตำหนักหมื่นอสูร!”


มีคนจำที่มาของชายชราได้ จึงอดร้องเสียงหลงด้วยความตกใจไม่ได้


นักพรตสยงเป็นผู้ฝึกตนสายอสูรอย่างแท้จริง ร่างเดิมยังเป็นหมีทองที่แข็งแกร่ง จนถึงตอนนี้ฝึกปราณมาพันปีแล้ว!


“นักพรตสยงงั้นหรือ เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หรือลูกศิษย์ของตำหนักหมื่นอสูรก็มาเทือกเขาราหูด้วย”


หลายคนต่างสงสัย


ตำหนักหมื่นอสูรคือขุมอำนาจขนาดใหญ่ที่รวบรวมผู้ฝึกตนสายอสูรเอาไว้ มีชื่อเสียงมากในดินแดนวิญญาณโบราณ


สำหรับนักพรตสยง แม้จะมีพลังปราณในระดับหยั่งสัจจะขั้นต้น แต่ร่างต้นของเขาคือหมีทอง พลังแห่งเส้นปราณโลหิตแข็งแกร่ง พลังต่อสู้ก็ทรงพลังมากกว่าผู้ฝึกปราณในระดับเดียวกันอยู่มาก!


ยามนี้เห็นหลินสวินสามารถประลองกับนักพรตสยงได้ ทุกคนต่างตื่นตะลึงขึ้นมาทันที ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าเขาทำได้อย่างไร


ตูม!


บนท้องฟ้า นักพรตสยงใช้วิชาลับ แสงสีทองสาดส่องไปทั่ว แม้จะใช้มือเปล่า แต่ทุกครั้งที่โจมตีออกมากลับเกิดเสียงฟ้าร้องอันน่าตกใจ


ปัง! ปัง! ปัง!


เงาร่างของหลินสวินราวกับชือน้ำแข็ง หอกสำริดมีแสงสีฟ้าอ่อนแผ่ลอยเผาผลาญ กวาดวาดฟาดฟันเสียงดังสนั่น


สุดท้ายเขาถูกโจมตีจนตกสู่พื้น กระแทกเป็นหลุมใหญ่ เศษฝุ่นคละคลุ้ง


“สามารถประมือกับข้าได้ก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะจำนวนน้อยในเผ่ามนุษย์แล้ว ส่งสมบัติล้ำค่าในมือมา แล้วคุกเข่ายอมรับข้าเป็นนาย ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”


เสียงของนักพรตสยงราวกับฟ้าร้อง ย่างสามขุมเข้ามา ประหนึ่งภูเขาลูกใหญ่แผ่คลุม อานุภาพน่าพรั่นพรึง


ฟุ่บ!


เพียงแต่ไม่รอให้เขาเข้าใกล้ เงาร่างของหลินสวินก็พุ่งออกไปทันที หอกแทงเข้าลำคอของนักพรตสยงราวกับสายฟ้า


เฮือก


ทุกคนที่อยู่ห่างออกไปต่างสูดหายใจเย็นเยียบด้วยความตะลึง แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง หลินสวินเป็นฝ่ายถูกกดดันชัดๆ เดิมคิดว่าจะต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา แต่ใครจะคิดว่าเขากลับพุ่งตัวออกมาอีกครั้ง!


เขาเป็นอมตะหรืออย่างไร


เหลือเชื่อจริงๆ ทำให้ทุกคนยากจะจินตนาการ อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้หลินสวินก็บาดเจ็บหนักและมีรอยแผลกระบี่ทั่วตัว


ยามนี้ถูกนักพรตสยงกำราบด้วยพลังอันยิ่งใหญ่สะเทือนฟ้าดินระลอกแล้วระลอกเล่า ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นเกรงว่าคงตายไปนานแล้ว แต่หลินสวิน…


ยังคงมีกำลังต่อสู้!


เขาทำได้อย่างไร


“หืม”


ยามนี้แม้แต่นักพรตสยงเองก็แปลกใจ วินาทีต่อมาสีหน้าพลันทวีความเคร่งขรึม รอบตัวเดือดพล่านด้วยแสงสีทองท่วมท้น


ในฐานะผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะ หากไม่สามารถฆ่าเด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณได้ ถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก


เขาใช้พลังที่แท้จริงของตัวเองสำแดงวิชาลับ พลานุภาพแห่งระดับหยั่งสัจจะแผ่กระจาย ราวกับเทพอสูรทองคำสะท้านจักรวาล


ครืนโครม~


ท้องฟ้าปริแตก แผ่นดินแยกเปิด กลิ่นคาวเลือดพัดม้วนเข้ามา เศษหินทรายบินว่อน สับสนอลหม่านไปทั่ว


ไม่นานก็แทบจะปกคลุมท่วมร่างของหลินสวิน ราวกับเรือที่ถูกพายุโหมกระหน่ำกลางมหาสมุทรเพียงลำพัง สถานการณ์อันตรายอย่างมาก ไม่ทันไรก็สะเทือนจนเซถอยไปหลายต่อหลายครั้ง น่าหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด ราวกับว่าเขาสามารถถูกฆ่าได้ทุกเมื่อ


แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจคือ แม้จะเป็นเช่นนั้นหลินสวินก็ยังยืนหยัด ทั้งที่ดูเหมือนกำลังจะแพ้แล้วชัดๆ แต่กลับรอดมาได้ราวกับปาฏิหาริย์


นี่…


นี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อและน่าตื่นตะลึงเกินไปแล้ว!


“พวกเจ้าสังเกตเห็นหรือไม่ พลังของเด็กนั่นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าทุกครั้งที่ถูกกำราบ ก็สามารถยกระดับพลังต่อสู้ของเขาให้สูงขึ้นหนึ่งส่วน”


มีคนสีหน้าหนักใจ ตกตะลึงอย่างที่สุด


หลังจากคำเตือนนี้ ผู้ฝึกปราณหลายคนก็ตระหนักได้ทันที เหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริง!


“เป็นไปได้อย่างไร”


“หรือจะมีผนึกพลังบางอย่างซ่อนอยู่ในร่างกายของเขา ต้องต่อสู้จึงจะเปิดทีละชั้น?”


“เหลือเชื่อจริงๆ!”


ทุกคนตกตะลึง ความสามารถพลิกฟ้าของหลินสวินทำให้พวกเขาหวั่นไหว หัวใจสั่นสะท้านขึ้นมา มองไปทั่วหล้า ผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณที่สามารถสู้กับระดับหยั่งสัจจะได้ ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่น้อยจนนับนิ้วได้!


แต่กรณีของหลินสวินนั้นพิเศษยิ่งกว่า เขาบาดเจ็บหนักอยู่ก่อนแล้ว แต่กลับยิ่งสู้ยิ่งห้าวหาญ ยิ่งสู้ยิ่งเก่งกาจ ราวกับเป็นร่างอมตะ น่าสะพรึงกลัวอย่างไม่อาจจินตนาการได้!


“ตาย!”


นักพรตสยงตะคอก แสงสีทองโหมคลั่งส่องประกายทั่วเรือนร่าง ทำลายห้วงอากาศในหมัดเดียว


ทันใดนั้นหอกในมือหลินสวินก็แตกละเอียด ส่วนตัวเขาถูกแรงสะเทือนกระแทกออกไปอย่างแรง กระอักเลือดไม่หยุด


ทว่าเพียงไม่นานบนร่างเขาก็ระเบิดพลังน่าพรั่นพรึงขึ้นอีกครั้ง ดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อครู่ เขาพลันเคลื่อนตัวเข้าสังหารด้วยมือเปล่า!


“นี่มัน…”


นักพรตสยงอดตะลึงไม่ได้ เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ถูกกำราบไปนับครั้งไม่ถ้วน แต่จนยามนี้ก็ยังไม่ตาย


“เจ้าหนู บอกชื่อเจ้ามา!”


นักพรตสยงตะโกน เขารู้สึกได้รางๆ ว่า พลังของเด็กหนุ่มคนนี้พลิกฟ้าปานนี้ น่ากลัวว่าจะมีที่มายิ่งใหญ่ ไม่แน่ว่าอาจเป็นผู้สืบทอดของเซียนปลีกวิเวกท่านใด


ตูม!


หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย ใช้เคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์พุ่งสังหารโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง


หรือเรียกได้ว่าตั้งแต่เริ่มสู้จนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยปริปากพูดอะไรเลย ดูเย็นชาและเคร่งขรึมอย่างที่สุด


“รนหาที่ตาย!”


นักพรตสยงเดือดดาล ท่าทางเฉยเมยของหลินสวินทำให้เขาไม่ลังเลอีกต่อไป สะบัดแขนเสื้อ ดาบจันทร์เสี้ยวทองอร่ามพลันปรากฏ ทอแสงระยิบระยับ ฟันเข้าใส่หลินสวิน


โครม!


ลมหมัดและดาบจันทร์เสี้ยวปะทะกันตรงๆ ไม่มีหลบหลีก ทำให้เกิดเสียงเลื่อนลั่นสะเทือนฟ้าดิน


ท่าทางทรงพลังของหลินสวินทำให้บรรดาผู้แข็งแกร่งที่อยู่ห่างออกไปตื่นตะลึง


นักพรตสยงใช้สมบัติวิญญาณแล้วนะ!


แต่หลินสวินกลับใช้หมัดเปล่าเข้าสู้ นี่มัน…นี่มันดุดันทารุณถึงขีดสุด!


กลางฟ้าดิน ลมเมฆปั่นป่วน ท้องฟ้ารัตติกาลราวกับถูกบดขยี้ มีเสียงจากการต่อสู้ดังก้องไม่หยุด


นักพรตสยงสำแดงพลัง ฟันดาบทองผ่าอากาศ ทำให้ทุกคนขวัญหนีดีฝ่อ หลายคนถอยหนีออกไปไกลจากสนามรบอันน่าพรั่นพรึงนี้


การต่อสู้ระดับนี้สะเทือนออกไปเป็นวงกว้าง ใช่ว่าทุกคนจะต้านทานพลังของผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะได้


ตูม! ตูม! ตูม!


หลินสวินถูกกำราบไปหลายครั้ง แต่เพราะความช่วยเหลือจากก้าวย่างชือน้ำแข็งอันแสนวิเศษ ทำให้ทุกการโจมตีที่เขาได้รับไม่ถึงแก่ชีวิต


ที่น่ากลัวที่สุดคือ เขายิ่งสู้พลังก็ยิ่งแข็งแกร่ง ทั้งร่างเหมือนหุบเหวลึกที่กำลังปะทุ อานุภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


บนทุ่งกว้างแห่งนี้ฟ้าดินแยกจาก หญ้าป่าแหลกละเอียดกลายเป็นเถ้าถ่าน อากาศปั่นป่วน เป็นภาพฉากที่น่าสะพรึง


“ตาย!”


นักพรตสยงคำราม คลื่นเสียงราวกับสายฟ้าระเบิด ดาบทองสาดแสงสู่ฟ้า ราวคลื่นมหาสมุทรโหมกระหน่ำปกคลุมฟ้าดิน ประหนึ่งคลื่นพายุรุนแรงซัดเข้าหาฝั่ง


ทั้งสองพุ่งใส่กันอย่างคลุ้มคลั่ง จากท้องฟ้าเบื้องบนสู่พื้นดินเบื้องล่าง เนินเตี้ยจำนวนหนึ่งที่กระจายอยู่ในทุ่งกว้างแห่งนี้แตกกระจายไปทั่ว เศษหินบินว่อน


เหล่าผู้แข็งแกร่งที่มองตามตลอดทางต่างตกตะลึงไปตามๆ กัน แต่ละคนตัวสั่นไปหมด พลังของระดับหยั่งสัจจะน่ากลัวเกินไปแล้ว


ทุกครั้งที่เขาโจมตี ล้วนเกิดพลังที่ทำให้ภูเขาถล่มทะเลคลั่ง ฟ้าดินสะเทือน


แต่ที่ทำให้ทุกคนตะลึงไม่ใช่นักพรตสยง แต่เป็นเด็กหนุ่มร่างอาบเลือดและมีแผลกระบี่นับไม่ถ้วน เป็นเพียงผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณ เหตุใดจึงสู้มาได้ถึงตอนนี้!


ไม่เพียงแค่พวกเขา แม้แต่นักพรตสยงเองในใจยังเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ยิ่งสู้ยิ่งค้นพบว่าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นไม่เพียงดวงแข็ง แม้แต่กำลังการต่อสู้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ!


นี่ยังใช่ผู้แข็งแกร่งระดับมหาสมุทรวิญญาณอีกหรือ


เป็นตัวประหลาดชัดๆ!


……


ฆ่า!


ผมยาวของหลินสวินพลิ้วไหว ใบหน้าหล่อเหลาราบเรียบ ภายในนัยน์ตาดำราวกับพายุโหมเหวลึก สะท้อนภาพฟ้าดิน


ไม่มีใครรู้ว่าพลังในร่างเขาปะทุราวกับภูเขาไฟ ทั้งพลุ่งพล่านทั้งเหิมหาญจนเขาแทบควบคุมไม่อยู่


หลังจากกลืนลูกกลอนวิญญาณลึกลับที่จักรพรรดินีมอบให้ เขาก็ไม่สามารถควบคุมพลังได้ แม้จะใช้เคล็ดวิชาหลุมดำกลืนกินและหินโม่พายุร่วมกันแล้ว ก็ยังไม่สามารถควบคุมพลังอันรุนแรงนั้นได้


เดิมหลินสวินคิดว่า สาเหตุหลักคือลูกกลอนวิญญาณลึกลับเม็ดนั้น


ทว่าจนถึงยามที่เขาถูกปลุกให้ได้สติขึ้นมา เขาถึงตระหนักว่า สาเหตุหลักไม่ใช่ลูกกลอนวิญญาณเม็ดนั้น แต่เป็นจุดปราณทั้งสี่แห่งเส้นปราณหัวใจของเขา!


ตรงนั้นมีชีพจรวิญญาณสายหนึ่งที่ราวกับภาพมายาปรากฏขึ้นรางๆ และกำลังรวมตัวทีละน้อย ดูเชื่องช้าจนไม่เป็นที่สังเกต


แต่ก็เพราะการมีอยู่ของมัน ทำให้พลังทั่วร่างของเขาเพิ่มพูนขึ้นราวกับจะระเบิดก็ไม่ปาน


ราวกับว่าชีพจรวิญญาณที่ประหนึ่งภาพมายานั้นเป็นหุบเหวลึกล้ำเกินคาดเดา ตื่นขึ้นมาจากความเงียบและแปรเปลี่ยนรูปร่าง!


ลูกกลอนวิญญาณลึกลับที่จักรพรรดินีให้มา เป็นเพียงแค่สื่อนำที่ทำให้หุบเหวใหญ่ซึ่งซ่อนอยู่ในร่างเขาปรากฏออกมา


ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิด


หุบเหวกลืนกิน!


ทั้งหมดนี้ทำให้หลินสวินตระหนักได้อย่างฉับไวว่า ร่างกายและจิตวิญญาณของตนกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง หากสำเร็จ บางทีอาจทำให้เขาสามารถรวบรวมชีพจรวิญญาณขึ้นใหม่ได้


แต่ถ้าพลาด ร่างกายก็จะแตกสลายสิ้นชีพ สูญสิ้นพลังปราณ!


นี่ก็คือวิกฤตที่หลินสวินเผชิญอยู่ตอนนี้ เต็มไปด้วยความอันตรายอย่างยิ่ง แต่ก็ซ่อนโอกาสอันสะเทือนโลกที่ยากจะจินตนาการ


และในตอนนี้การต่อสู้ก็คือวิธีเดียวที่เขาสามารถคลี่คลายวิกฤตได้!


——

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)