Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 435-438
ตอนที่ 435 ภูตไพรไม้เขียว
โดย
ProjectZyphon
ฮือๆๆ~
เสียงนั่นเหมือนกำลังร้องไห้พลางตัดพ้อ ราวกับทารกร่ำร้องท่ามกลางผืนป่าอันมืดมิดเงียบสงบ ดูน่ากลัวมาก
หลินสวินหัวใจสะท้าน
เพียงแต่ยังไม่ทันที่เขาจะตระหนักได้ ก็ได้ยินเสียงพรึ่บ พร้อมกับที่เงาร่างหนึ่งแฉลบเข้ามาจากจุดไกลๆ
ราวกับสายฟ้าสีเทา รวดเร็วจนเหลือเชื่อ!
“พี่ชายตัวน้อย ท่านหลงทางหรือ เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่คนเดียว”
ทันใดนั้นเงาร่างสีเทานั่นก็ปรากฏ และกลายเป็นเด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างอายๆ พร้อมถามขึ้นเบาๆ
สิ่งที่ทำให้หลินสวินกลัวคือ เด็กผู้หญิงคนนี้เหมือนซย่าจื้อจนน่าตกใจ คิ้วตาปานภาพวาด ดวงหน้าเล็กงดงามอย่างที่สุด ความงามที่เกินมนุษย์มนาเช่นนั้นทำให้ฟ้าดินยังซีดจาง
“พี่ชายตัวน้อย ทำไมท่านไม่พูดล่ะ”
เด็กหญิงถามเบาๆ น้ำเสียงใสบริสุทธิ์ ดวงหน้าเล็กนิ่งสงบ แม้แต่ท่าทางและเสียงก็ยังเหมือนซย่าจื้ออย่างไม่มีผิดเพี้ยน
“ข้า…”
หลินสวินอึ้ง
“ท่านไม่ต้องพูด ให้ข้าเดา”
มุมปากของเด็กผู้หญิงเผยรอยยิ้ม รอยยิ้มนั่นงดงามจนแทบหยุดหายใจ
นางพูดพลางเดินเข้ามาใกล้ทีละก้าว “ท่านมาที่ ‘เทือกเขาราหู’ เป็นครั้งแรก ในใจเต็มไปด้วยความสงสัยใช่ไหม”
หลินสวินพยักหน้า
เด็กผู้หญิงยิ้มอย่างดีใจกว่าเดิมพลันพูด “พี่ชายตัวน้อย ข้าช่วยพี่ชายได้นะ ขอเพียงแค่ท่านยอมตั้งใจฟังข้า ท่านจะได้คำตอบในทุกความสงสัย”
เสียงของนางดูเหมือนมายาที่ยากจับต้อง ดูอ่อนโยนอย่างบอกไม่ถูกเกินต้านทาน
ในขณะที่หลินสวินสีหน้าอึ้งงัน เหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
เห็นเช่นนี้เด็กผู้หญิงพลันเร่งฝีเท้าจนกระทั่งมาอยู่ตรงหน้าหลินสวิน จึงเงยใบหน้าเล็กขึ้นพูดเบาๆ “พี่ชายตัวน้อย ตามข้ามา ข้าพาท่านไปหาคำตอบของคำถามที่ติดค้างอยู่ในใจ”
พูดจบนางก็ยกมือเล็กขึ้นจับแขนหลินสวิน
หลินสวินที่เดิมทีสีหน้าอึ้งงัน พลันเผยรอยยิ้มแทบจะในเวลาเดียวกัน
ขวับ!
เขายื่นมือออกไปบีบคอเด็กหญิงอย่างว่องไวปานสายฟ้าแทบจะในทันที
“พี่ชายตัวน้อย ท่านจะทำอะไร”
เด็กหญิงตกใจจนหน้าถอดสี บนร่างกายของนางมีแสงสีเทาสาดส่องขึ้นมา ราวกับคลื่นน้ำเข้ามาปกคลุมหลินสวิน
กลับเห็นว่ามีแสงประกายสีฟ้าอ่อนแผ่ลอยออกจากตัวหลินสวินด้วยเช่นกัน อานุภาพเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงครืนโครมดังขึ้นมาคราหนึ่ง ก่อนจะปิดคลุมแสงสีเทานั่นให้สลายไป
หลินสวินยิ้มตาหยีถามแทบจะในขณะเดียวกัน “แล้วเจ้าจะทำอะไร”
ใบหน้าของเด็กผู้หญิงหม่นแสงลง ราวกับสัมผัสได้ว่าไม่เข้าทีแล้ว สีหน้าเผยความน่าสงสาร “พี่ชายตัวน้อย ท่านปล่อยข้าไปเถอะ ข้าไม่ได้ตั้งใจทำเช่นนี้ ได้โปรดออมมือด้วย”
“ไม่ได้”
หลินสวินส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “เท่าที่ข้ารู้ ภูตไพรไม้เขียวเจ้าเล่ห์ที่สุด ร้องขอชีวิตไม่เป็นหรอก”
“ท่าน…”
สีหน้าของเด็กผู้หญิงเปลี่ยนไปฉับพลัน ริมฝีปากกรีดร้องเสียงแหลมราวกับเด็กทารก คลื่นเสียงราวกับเหล็กหมาดอันแหลมคม แทงหลินสวินอย่างจัง
วิ้ง!
แม้จะระวังตัว หลินสวินก็ยังรู้สึกว่าหูทั้งสองข้างเจ็บปวดขึ้นมา จากนั้นพลังลึกลับเย็นเยียบและน่าสะพรึงกลัวก็แทงใส่จิตวิญญาณแห่งการรับรู้ราวกับสายฟ้า!
เสียงคำรามแห่งภูตไพร!
เมื่อใช้ออกมา ไม่ว่าพลังปราณจะเก่งกาจแค่ไหน ขอเพียงจิตวิญญาณไม่กล้าแข็งพอ ก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสในทันที
ใบหน้าของเด็กหญิงเผยรอยยิ้มแปลกประหลาด นางมั่นใจว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าพลาดท่าแล้ว พอคิดว่าอีกเดี๋ยวก็จะได้กลืนกินดวงวิญญาณที่เต็มไปพลังดวงนี้ ในดวงตาของนางก็อดเผยความได้ใจไม่ได้
แต่ทันใดนั้นนางก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความอึ้งงัน
เด็กหนุ่มตรงหน้ามองนางพร้อมรอยยิ้ม นัยน์ตาดำขลับกระจ่างใสนิ่งสงบ ประหนึ่งบ่อน้ำโบราณไร้คลื่น ไม่มีท่าทางว่าได้รับการโจมตีอย่างหนักเลยสักนิด
“คิดจะทำร้ายจิตวิญญาณของข้างั้นหรือ พลังปราณของเจ้ายังไม่พอหรอกนะ ยังมีวิธีอื่นหรือไม่ หากไม่มี ข้าจะได้ส่งเจ้าสู่ประตูสวรรค์”
หลินสวินพูดพร้อมรอยยิ้ม
สีหน้าของเด็กหญิงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ส่งเสียงคำรามแสบหูอีกครั้ง
คราวนี้รูปลักษณ์ของนางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ผิวทั้งตัวเปลี่ยนเป็นสีเขียว ดวงตาเย็นเยียบขาวซีด ว่างเปล่าโหดอำมหิต ปากมีฟันแหลมคมงอกออกมาถี่ยิบ ท่าทางดูน่ากลัวอย่างมาก
เมื่อเผชิญกับเสียงคำรามนั้น หลินสวินกลับนิ่งเฉย มีเพียงภายในห้วงนิมิตที่ ‘ดาราจักรโคจร’ กำลังโคจร สลายการโจมตีจิตวิญญาณแต่ละระลอกอย่างง่ายดาย
“เจ้า…”
ภูตไพรกรีดร้อง ตระหนักถึงอันตรายอย่างเห็นได้ชัด จึงดิ้นรนคิดจะหนี
ปัง!
หลินสวินยกมือขึ้นตบ ฝ่ามือของเขารวบรวมพลังอันน่าสะพรึงเอาไว้ จับกะโหลกศีรษะของภูตไพรไว้มั่น ก่อนจะส่งแรงกำลังดุดันบนฝ่ามือลงไป
ตู้ม!
แสงสีฟ้าอ่อนเปล่งประกายเรืองรอง ประหนึ่งเป็นกระแสน้ำที่ปิดคลุมภูตไพรจนจมหายไปในทันที ไม่ว่ามันจะร้องโหยหวนอย่างไร หลินสวินก็ไม่ปล่อยมือ
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเสียงโหยหวนก็หยุดลงฉับพลัน และในมือของหลินสวินก็มีผลึกแวววาวเม็ดหนึ่ง เป็นผลึกสีเขียวรูปลักษณ์คล้ายกะโหลกศีรษะ
ภายในผลึก สามารถมองเห็นจิตวิญญาณที่กำลังดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งในนั้นได้รางๆ
หลินสวินเล่นไปมาพลางพินิจ สายตาเผยความชื่นชม
ภูตไพรไม้เขียว!
นี่คือร่างวิญญาณธรรมชาติที่หายาก อุปนิสัยเจ้าเล่ห์โหดเหี้ยมอำมหิต ชำนาญวิถีแปลงร่าง มีวิชาลับในการจับสังเกตจิตใจของมนุษย์ ชื่นชอบการกลืนกินวิญญาณเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะไปที่ใด สิ่งมีชีวิตล้วนไม่มีเหลือ ฝูงสัตว์หลบเลี่ยง
และนี่ก็เป็นการอธิบายได้อย่างดีว่า เหตุใดผืนป่าโบราณที่อยู่ตรงหน้าถึงได้เงียบเชียบปานนี้ แม้แต่แมลงสักตัวยังไม่มี
เหตุผลก็คือที่นี่มีภูตไพรไม้เขียวอยู่ตัวหนึ่ง!
ก่อนหน้านี้หลินสวินยังไม่มั่นใจ แต่พอเห็นอีกฝ่ายกลายร่างเป็นซย่าจื้อและพยายามล่อลวงตน เขาก็ตระหนักได้ทันที
ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็นถูกสะกดวิญญาณ และจับมันได้ในคราเดียวในช่วงเวลาสำคัญ!
“นี่เป็นสมบัติชั้นดีสำหรับการหลอมชุดศึกสลักวิญญาณ สามารถใช้เป็นวัตถุดิบวิญญาณชั้นยอดตอน ‘บรรจุวิญญาณ’ และยังเพิ่มอัตราความสำเร็จของการหลอมชุดศึกสลักวิญญาณได้ประมาณสามส่วน!”
หลินสวินทึ่งกับความวิเศษ
ที่เขารู้จักภูตไพรไม้เขียวเพราะใน ‘ตำราสรรพวิญญาณ’ ที่ท่านลู่ให้ตอนเด็ก มีบันทึกเกี่ยวกับสัตว์วิญญาณตัวนี้อยู่
กล่าวว่าร่างวิญญาณในโลกหล้าแบ่งเป็นสี่ประเภทใหญ่ คือผี ภูต พราย ปีศาจ ทุกประเภทต่างมีร่างวิญญาณที่ต่างกัน
ภูตไพรไม้เขียวจัดอยู่ในประเภท ‘ภูต’
สัตว์วิญญาณระดับนี้ เป็นวัตถุดิบวิญญาณชั้นเยี่ยมสำหรับการหลอมชุดศึกสลักวิญญาณ มูลค่าไม่อาจประเมิน แต่กลับยากที่จะจับได้
เหตุผลก็คือ พวกมันมีสติปัญญา อีกทั้งนิสัยเจ้าเล่ห์ ยามเจอคนที่แข็งแกร่งจะล่าถอย แต่เมื่อเจอคนที่อ่อนแอจะล่อลวง ถ้าสัมผัสได้ถึงอันตรายก็จะหนีทันที
ก่อนหน้านี้หากไม่ใช่เพราะหลินสวินแสร้งทำเป็นพลาดท่า คงไม่มีทางจับภูตไพรไม้เขียวตัวนี้ได้ในคราเดียว
ช่วยไม่ได้ พวกมันว่องไวมากเกินไป อีกทั้งพวกมันยังสามารถซ่อนตัวและหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้ทุกเมื่อในผืนป่าแห่งนี้
ภูตไพรตัวนี้ถือว่าโชคร้าย คิดว่าหลินสวินอายุน้อย อีกทั้งพลังปราณยังอยู่เพียงระดับมหาสมุทรวิญญาณ จะฆ่าจะแกงอย่างไรก็ได้
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะอ่านทุกอย่างออกตั้งนานแล้ว ทั้งยังอาศัยพลังจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งผนวกกับ ‘เคล็ดเวทบริกรรม’ จึงไม่กลัว ‘เสียงคำรามแห่งภูตไพร’ อันเป็นการโจมตีที่มันถนัดที่สุด
มิเช่นนั้นถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ แม้ระดับพลังปราณสูงกว่าหลินสวิน แต่หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ เกรงว่าคงพลาดท่าให้ภูตไพรไม้เขียวกลืนกินจิตวิญญาณไป
“ลูกกลอนปีศาจเสือดาวมรกตหนึ่งเม็ด ผลึกวิญญาณภูตไพรไม้เขียวที่ปิดผนึกไว้ มาแดนวิญญาณโบราณยังไม่ถึงสองชั่วยาม ก็เก็บเกี่ยวได้ขนาดนี้แล้ว ถือว่าเหนือความคาดหมายจริงๆ…”
หลินสวินปลาบปลื้มใจ ในขณะที่กำลังจะเก็บผลึกวิญญาณในมือ ในป่าที่ห่างออกไปไกลกลับมีเสียงทะลุอากาศดั่งแว่วขึ้น
กลิ่นอายของผู้ฝึกปราณ!
พลังการรับรู้จิตวิญญาณของหลินสวินในตอนนี้แข็งแกร่งอย่างมาก แทบจะพริบตาเดียวเท่านั้น ก็สัมผัสได้ว่าในที่ห่างไกลมีกลิ่นอายของผู้ฝึกปราณสายแล้วสายเล่ากำลังทะยานเข้ามา
ที่นี่ยังมีผู้ฝึกปราณคนอื่นอีกหรือ
หลินสวินหัวใจสะท้าน ดีใจอย่างที่สุด คราวนี้คงง่ายขึ้น น่าจะทำให้ตนได้เข้าใจสภาพการณ์ของ ‘แดนวิญญาณโบราณ’ จากพวกเขาได้
ในขณะที่หลินสวินกำลังใคร่ครวญอยู่นั้น ในผืนป่าไกลออกไปเงาร่างสามร่างทะยานเข้ามาพร้อมเสียงกึกก้อง
ผู้นำคือชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยชุดขนนก ศีรษะสวมเกี้ยวประดับสีเหลืองสด และถือหอกสีทองอ่อน กลิ่นอายทั่วทั้งร่างกายแผ่กระจาย เผยความน่าเกรงขามอันเป็นเอกลักษณ์ของระดับมหาสมุทรวิญญาณ
คนๆ นี้ไม่ธรรมดา!
ทันใดนั้นหลินสวินพลันสัมผัสได้ว่ามีพลังที่น่ากลัวซ่อนอยู่ในร่างกายของชายหนุ่มคนนี้ และพลานุภาพอันแข็งกล้านั่นแทบจะไม่ด้อยไปกว่าหลิงเทียนโหว
ข้างๆ ชายหนุ่มยังมีเด็กสาวสวมกระโปรงม่วงคนหนึ่ง และชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าคมสัน ดวงตาเฉียบคมดั่งเหยี่ยวอีกคน
ตอนที่เห็นหลินสวิน พวกเขาดูอึ้งอย่างเห็นได้ชัด
“ศิษย์พี่เหวยจวิ้น ท่านดูซิว่าสิ่งที่อยู่ในมือเจ้าหมอนี่ใช่ผลึกวิญญาณของภูตไพรไม้เขียวหรือไม่”
เด็กสาวกระโปรงม่วงเห็นสิ่งที่อยู่ในมือหลินสวินทันที อดพูดด้วยความตื่นเต้นไม่ได้
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าเหวยจวิ้นส่งเสียงอืมรับคำ สายตากวาดมองหลินสวินดั่งสายฟ้า “สหาย ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร พวกข้าเจอภูตไพรไม้เขียวตนนี้ก่อน โปรดส่งคืนมาเถิด”
ในเสียงแฝงนัยกดดัน
ความดีใจของหลินสวินหายไปทันที พูดพร้อมรอยยิ้ม “พวกเจ้าเห็นก่อนก็ต้องเป็นของพวกเจ้าหรือ หากข้าบอกว่าข้าต้องใจแม่นางที่อยู่ข้างๆ คนนี้ก่อน ก็ควรจะสั่งให้เจ้าส่งนางมาใช่หรือไม่”
“บังอาจ!”
เด็กสาวกระโปรงม่วงโมโห ด่าว่าออกมา “เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเราเป็นใคร”
หลินสวินอดกลอกตาใส่ไม่ได้ “แล้วพวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร”
“เจ้า…”
เด็กสาวกระโปรงม่วงโกรธจนกัดฟัน
กลับเห็นเหวยจวิ้นโบกมือพูด “ศิษย์น้องเหริน ให้ข้าจัดการเองเถอะ”
พูดจบเหวยจวิ้นก็มองหลินสวินอย่างเฉยเมย “สหาย ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจ เอาอย่างนี้เถอะ ข้าเองก็ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้เจ้า ทิ้งผลึกวิญญาณภูตไพรไม้เขียวนี้เอาไว้ ปล่อยให้เรื่องนี้จบเพียงแค่นี้ ถือว่าเป็นการผูกมิตรต่อกันดีหรือไม่”
คำพูดนี้ดูเหมือนสบายๆ ไม่ได้บังคับอะไร แต่กลับแฝงการออกคำสั่ง ราวกับว่าการที่พวกเขาแสดงท่าทีแบบนี้ ถือว่าให้เกียรติหลินสวินมากแล้ว
“ขออภัย ข้าไม่ได้คิดจะผูกมิตรกับพวกเจ้า หากไม่มีเรื่องอื่นก็ขอตัวก่อน”
หลินสวินยิ้มอย่างสดใส โบกมือแล้วหมุนตัวจะเดินออกมา
“ไม่ทิ้งของเอาไว้แล้วยังคิดจะไปงั้นหรือ ฝันไปเถอะ!”
เห็นว่าหลินสวินพูดดีๆ ด้วยไม่ชอบ ต้องให้บังคับกัน หญิงกระโปรงม่วงคนนั้นก็เดือดดาล โบกฝ่ามือตบแสงสีชาดสายหนึ่งออกมา พุ่งเข้าแผ่คลุมหลินสวินราวกับเมฆาเพลิง
พลังอันน่ากลัวนั่นทำให้ต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่ใกล้เคียงกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา อากาศดุจเผาไหม้ อานุภาพน่าสะพรึงกลัว
ลงมือสังหารคนทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง!
อะไรคือคำว่าจองหอง?
ก็แบบนี้อย่างไรล่ะ
หลินสวินพลันชะงักเท้า ในส่วนลึกของดวงตาดำขลับเผยประกายอันเย็นเยียบ
——
ตอนที่ 436 ตามฆ่าตลอดทาง
โดย
ProjectZyphon
ตูม!
หลินสวินสะบัดแขนออกไปอย่างไม่ลังเล
แสงสีฟ้าอ่อนโหมซัดออกมา ดุจทะเลแห่งโทสะซัดกระหน่ำไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้เมฆาเพลิงที่ปกคลุมเข้ามาถูกกดทับหายไปทันที
กระแสลมส่วนที่เหลือกลับไม่ลดอานุภาพ กระหน่ำใส่หญิงกระโปรงม่วงคนนั้นจนกระเด็นออกไปอย่างหนักหน่วง
การโจมตีนี้หลินสวินใช้พลังที่แท้จริงของตัวเองอย่างไม่มียั้งมือ
หญิงกระโปรงม่วงคนนั้นจองหองพองขนเกินไป ถึงกับลงมือสังหารทีเผลอ จะให้หลินสวินปรานีได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้นคือ ตั้งแต่สัมผัสได้ว่าสถานการณ์ไม่ปกติ หลินสวินก็รู้แล้วว่า เพื่อชิงผลึกวิญญาณของภูตไพรไม้เขียว อีกฝ่ายไม่มีทางยอมพอแค่นี้แน่!
เสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้น
เหวยจวิ้นเข้าไปอุ้มหญิงกระโปรงม่วงทันที เห็นนางใบหน้าซีดเซียว เลือดซึมมุมปาก เพียงฝ่ามือเดียวก็ทำให้เจ็บสาหัสแล้ว!
นี่ทำให้เหวยจวิ้นตะลึงและขึ้งโกรธ ไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบกว่าปีจะลงมือได้เหี้ยมขนาดนี้
“ไอ้เด็กกำเริบ!”
ชายวัยกลางคนที่เงียบมาโดยตลอดตะเบ็งเสียงขึ้นและพุ่งเข้าหาหลินสวินแทบจะในขณะเดียวกัน
พรึ่บ
แต่หลินสวินได้หนีไปไกลก่อนหน้านี้แล้ว
เขาไม่กลัวเหวยจวิ้นและหญิงกระโปรงม่วง แต่กลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายถึงแก่ชีวิตจากตัวชายวัยกลางคนผู้นั้น
นี่ก็คือเหตุผลแท้จริงที่ก่อนหน้านี้เขาเลือกหนีออกมา
ตูม!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวแพร่กระจายจากร่างกายของชายกลางคน สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีลำแสงสีแดงสาดส่องออกจากทั่วร่างกายเขา แฝงพลังแห่งท่วงทำนองมรรคอันน่ากลัว
นี่ทำให้เขาเหมือนกลายเป็นเทพเจ้าในกองเพลิง เป็นผู้ควบคุมเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ อานุภาพน่าพรั่นพรึงอย่างที่สุด
ต้นไม้โบราณ เถาวัลย์และหญ้าที่อยู่บริเวณใกล้เคียงถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน พื้นดินเป็นรอยแตกและไหม้เกรียม
และทั้งหมดนี้เกิดจากพลังอันยิ่งใหญ่ที่ปล่อยออกมาจากชายวัยกลางคนผู้นั้นเท่านั้น!
ระดับหยั่งสัจจะ!
สัจวิถีธาตุไฟ!
หลินสวินที่หนีไปไกลสูดหายใจเย็นเยียบ เขาไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่าชายวัยกลางคนผู้นั้นอยู่ระดับหยั่งสัจจะไม่ผิดแน่!
มิน่าเหวยจวิ้นและหญิงกระโปรงม่วงถึงจองหองเพียงนี้ ที่แท้ก็มียอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะมาด้วย!
“เฉียนไหว ต้องฆ่าเด็กคนนั้นให้ได้ แล้วชิงภูตไพรไม้เขียวมาซะ!”
เหวยจวิ้นบันดาลโทสะ ออกคำสั่งเสียงเฉียบขาด
“นายน้อยวางใจ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าน้อยเถอะ!”
ตูม!
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าเฉียนไหวก็ได้กลายเป็นแสงไฟอันน่าสะพรึงกลัว หายแวบไปในบริเวณอันห่างไกล
ทุกที่ที่เขาผ่าน ต้นไม้มอดไหม้ ไฟลุกโหมกระหน่ำ พลังน่าครั่นคร้ามราวกับทะเลเพลิงลุกโชนโหมซัดไม่ผิดเพี้ยน
ยามนี้หลินสวินที่หนีไปไกลสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่อยู่ ถูกยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะตามฆ่า นั่นไม่ใช่เรื่องสนุกเลย
ฮูม~
ทันใดนั้นรอบกายของหลินสวินเต็มไปด้วยแสงประกายเจิดจรัสราวกับหมอกน้ำแข็ง ร่างอันเลือนรางของชือน้ำแข็งปรากฏขึ้น ส่งเสียงราวมังกรคำราม
ชั่วลมหายใจเดียวเท่านั้นเงาร่างของหลินสวินพลันเปลี่ยนไป เคลื่อนย้ายว่องไวดุจสายฟ้า เร็วกว่าเมื่อครู่นี้ไม่เพียงแค่เท่าตัว
ก้าวย่างชือน้ำแข็ง!
วิชายอดเยี่ยมนี้อยู่ในขั้นแรกของมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร เมื่อถูกใช้ออกมา สามารถขยายใหญ่หรือย่อส่วน สามารถเหินลอยหรือหลบซ่อน เมื่อขยายใหญ่จะเรียกเมฆคลายหมอก เมื่อย่อส่วนจะซ่อนรูปหลบเร้น เมื่อเหินลอยจะท่องทั่วสารทิศ เมื่อหลบซ่อนจะเร้นกายท่ามกลางละอองฝุ่น!
มองออกไปไกลๆ จะเห็นเงาร่างหลินสวินซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหมอกน้ำแข็ง ราวกับชือน้ำแข็งที่กำลังท่องทะยานอย่างต่อเนื่อง
หืม?
ด้านหลัง นัยน์ตาของเฉียนไหวเพ่งมอง ไวมาก ช่างเป็นท่าร่างที่ลึกลับยิ่งนัก!
ด้วยพลังระดับหยั่งสัจจะของเขา ที่ผ่านมาแค่ไม่กี่อึดใจก็สามารถตามทันผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณคนหนึ่งอย่างง่ายดายแล้วลงมือสังหารซะ
แต่ตอนนี้ หากเขาไม่ใช้พลังที่แท้จริงอาจถึงขั้นตามไม่ทัน!
“หึ!”
เฉียนไหวแค่นเสียงอย่างเยียบเย็น พลังรอบกายเดือดดาลขึ้น เร่งความเร็วขึ้นอย่างกะทันหันราวกับสายฟ้าสีเพลิง
ปล่อยให้ผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณหนีไปจากมือเขาได้ ถือเป็นความอับอายอย่างที่สุด หากแพร่ออกไปคงได้กลายเป็นเรื่องตลก
เพียงไม่กี่ลมหายใจ เฉียนไหวก็ไล่ตามหลินสวินโดยห่างกันเพียงแค่พันจั้งเท่านั้น!
‘ให้ตาย ความไวของระดับหยั่งสัจจะไวเกินไปแล้ว!’
หลินสวินตะลึงในใจ พลันกัดฟันสำแดงก้าวย่างชือน้ำแข็งออกมาอย่างถึงที่สุด เงาร่างราวกับชือน้ำแข็งที่กำลังลอดผ่านห้วงอากาศ
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น เฉียนไหวที่อยู่ข้างหลังเขาก็ไล่ตามเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
เร็วเกินไปแล้ว!
พลังปราณของทั้งสองห่างกันหนึ่งระดับใหญ่ แม้ว่าก้าวย่างชือน้ำแข็งจะวิเศษเพียงใด ถ้าระดับปราณห่างชั้นเกินไปก็ยากจะรับมือ
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน หากเจ้าหยุดตอนนี้ ข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้า มิเช่นนั้นก็รอกลายเป็นฝุ่นผงได้เลย!”
เฉียนไหวเผยรอยยิ้มเยือกเย็นตรงมุมปาก เหยื่อยากจะหนีไปได้ เขาไม่ต้องห่วงว่าจะมีเรื่องไม่คาดฝันอะไรแล้ว
“ตามข้าให้ทันแล้วค่อยมาอวดดีก็ยังไม่สาย”
หลินสวินกัดฟัน จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เดือดดาลถึงขีดสุด ประกายสีฟ้าอ่อนเจิดจ้าอาบชโลมทั่วร่าง พลังปราณได้ถูกขับเคลื่อนออกมาอย่างที่สุดแล้ว
“หึ! ยโสโอหัง รนหาที่ตาย!”
เฉียนไหวแค่นเสียงอย่างเยียบเย็นคราหนึ่ง สะบัดแขนเสื้อออกไป สายเพลิงสว่างไสวฉีกทึ้งห้วงอากาศถูกยิงออกไปทันทีราวกับฟ้าผ่า
เปรี้ยง!
สายเพลิงนี้ดูแสนจะธรรมดา แต่กลับเร็วจนน่ากลัว ฉีกกระชากอากาศในชั่วลมหายใจ พุ่งแทงเข้าใส่เบื้องหลังหลินสวินในทันที
กลับเห็นหลินสวินพลันกอดเข่างอตัวกลิ้งอยู่กลางอากาศ หลบสายเพลิงนั่นได้อย่างเฉียดฉิว
ปัง!
สายเพลิงนั่นร่วงสู่พื้น ระเบิดพื้นดินให้กลายเป็นดอกไม้เพลิงดอกแล้วดอกเล่า ต้นไม้หินดินทรายทั้งหมดในระยะร้อยจั้งถูกเผาในชั่วพริบตา
เฮือก!
หลินสวินสูดหายใจเข้าด้วยความตระหนก การโจมตีนี้แฝงพลังแห่งสัจวิถีธาตุไฟอย่างเห็นได้ชัด พลังทำลายล้างที่เกิดขึ้นน่าสะพรึงกลัวกว่าที่คิด
ตอนอยู่บนภูเขาชำระจิต หลินสวินก็เคยให้พญาแร้งและหลิงจงแนะนำวิธีใช้พลังของระดับหยั่งสัจจะ สิ่งที่หลินสวินจำได้แม่นที่สุดคือคำพูดประโยคหนึ่งของหลินจง…
ในสายตาของยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะ ผู้ที่ต่ำกว่าหยั่งสัจจะล้วนเป็นสิ่งไร้ค่า!
คำพูดนี้อาจดูเกินจริง แต่ก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าพลังการต่อสู้ของระดับหยั่งสัจจะนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างไม่ต้องสงสัย
ยามนี้ในที่สุดหลินสวินก็ได้รับรู้ถึงความหมายของประโยคนี้แล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะความพิเศษของก้าวย่างชือน้ำแข็ง ไม่มีทางที่เขาจะหนีมาได้ถึงตอนนี้!
“หืม หลบการโจมตีของข้าได้งั้นหรือ เหอะๆ แต่ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะหลบไปได้สักกี่น้ำ!”
ท่ามกลางเสียงที่แฝงความประหลาดใจ หว่างคิ้วของเฉียนไหวแฝงไอสังหาร เขาสะบัดแขนเสื้อ สายเพลิงที่ส่องแสงสว่างไสวราวกับสายฟ้าอันน่ากลัวฉีกทำลายห้วงอากาศพร้อมเสียงคำราม
ชั่วขณะเดียวก็เห็นเพลิงพิรุณถาโถมใส่ห้วงอากาศนั้น ปกคลุมฟ้าดิน ลุกโชนรุนแรง งดงามอย่างที่สุด แต่ก็น่ากลัวไม่แพ้กัน
นี่คือวิชาชั้นยอดอันเป็นที่ภาคภูมิใจของเฉียนไหว… ‘เพลิงพิรุณไร้ปรานี’!
เมื่อระดับพลังปราณถึงขั้นสมบูรณ์ เพลิงพิรุณร่วงหล่น สามารถเผาแม่น้ำต้มมหาสมุทรหลอมภูผา อานุภาพรุนแรงเหนือทุกสิ่ง
ทันใดนั้นรอบๆ หลินสวินพลันมีสายเพลิงวิ่งว่อน ทับซ้อนไปมา ราวกับเพลิงพิรุณที่โหมกระหน่ำ!
“นี่ถ้ายังไม่ตาย เช่นนั้นก็…หือ”
เฉียนไหวกำลังเผยยิ้มเย็นเยียบ แต่ไม่นานนัยน์ตาเขาก็หดรัดทันใด ใบหน้าเผยความแปลกใจ
ด้วยเห็นเงาร่างของหลินสวินล่องลอย ราวกับแยกร่างออกมาจำนวนนับไม่ถ้วนในพริบตา ส่องประกายอยู่ท่ามกลางเพลิงพิรุณทั่วฟ้า
ท่าร่างนี้เหมือนหมอก เหมือนฝัน เหมือนรุ้ง เหมือนภาพลวงตา หลบหลีกการโจมตีถึงแก่ชีวิตครั้งแล้วครั้งเล่ากลางอากาศ
นี่มัน…
นัยน์ตาของเฉียนไหวสั่นไหว ดูออกทันทีว่าวิชาที่หลินสวินใช้เรียกได้ว่าเป็นท่าร่างชั้นยอด!
และท่าร่างแบบนี้ แม้แต่ในขุมอำนาจสำนักที่เขาอยู่ก็เรียกได้ว่าเป็นวิชาลับ!
สามารถครอบครองวิชาลับระดับนี้ หรือเด็กคนนี้มีที่มาไม่ธรรมดา?
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวเฉียนไหว สีหน้าเจือความสงสัย
ต่อมาสายตาของเขาพลันเผยไอสังหารเด็ดเดี่ยว ล่วงเกินไปขนาดนี้แล้ว คิดมากไปจะมีประโยชน์อะไร
ฆ่าก่อนค่อยว่า!
ตู้ม!
สองมือของเฉียนไหวทำมุทรา ก็เห็นสายเพลิงที่ราวกับสายฟ้าถูกยิงออกมา ดูเหมือนสับสนปนเป แต่ความจริงกลับเต็มไปด้วยไอสังหาร เล็งเข้าจุดสำคัญของหลินสวิน
เพียงพริบตาหลินสวินที่กำลังหลบหลีกก็รู้สึกกดดันขึ้นเป็นเท่าตัว!
ฉึก!
เขาไม่อาจหนีต่อไปได้อีก เงาร่างชะงักนิ่ง ชักดาบวิญญาณม่วงออกมาฟาดฟันใส่สายเพลิงสายหนึ่งที่หลบไม่ทันอย่างรุนแรง
เสียงตูมดังสนั่น หลินสวินรู้สึกเพียงว่าร่างสะท้าน พลังระเบิดร้อนแรงราวกับคลื่นน้ำซัดใส่ร่างอย่างแรง เลือดลมพลิกตลบ อวัยวะตันห้ากลวงหก[1]แทบจะเคลื่อนที่
ทว่าการฝืนตั้งรับการโจมตีนี้ กลับทำให้หลินสวินได้โอกาส หลุดออกจากการรุมล้อมจู่โจมอันหนักหน่วงนี้
จากนั้นก็หนีออกไปไกลโดยไม่คิดจะหันกลับมามองด้วยซ้ำ
หืม?
ในที่สุดเฉียนไหวก็หวั่นใจ ด้วยคิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มที่มีพลังปราณเพียงระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นปลายคนนั้น จะรอดชีวิตจากการโจมตีของเขาได้!
ถึงขั้นที่ไม่มีร่องรอยของการบาดเจ็บเลยสักนิด!
นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
“เด็กนี่ ต้องฆ่าซะ!”
ไอสังหารเผาไหม้รุนแรงในใจเฉียนไหว เขามั่นใจว่าบุคคลระดับหลินสวิน เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่โดดเด่นเหนือใครในบรรดาผู้กล้า
ทั้งยังครอบครองท่าร่างลึกลับไร้ที่เปรียบแบบนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นลูกศิษย์คนสำคัญในสำนักโบราณที่ไหนสักที่!
ถ้าไม่แอบฆ่าเขาให้ตายอย่างลับๆ ต่อไปคงต้องมีปัญหามากมายตามมาแน่!
ตูม!
เฉียวไหวไม่ลังเลอีกต่อไป ทะยานตัวขึ้นห้วงอากาศ เสียงดังราวกับเทพเจ้าแห่งเพลิงมาเยือน ไล่ตามหลินสวินด้วยความน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด
เพียงแต่ สิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขาคือ จู่ๆ หลินสวินที่อยู่ห่างไปไกลกลับชะงักฝีเท้า!
“ไอ้แก่ เจ้านี่ตื๊อเสียจริง!”
ท่ามกลางน้ำเสียงอันเย็นเยียบ หลินสวินเพียงสะบัดมือก็เห็นไข่มุกสะเทือนสวรรค์!
ไข่มุกสะเทือนสวรรค์ขนาดประมาณไข่นกพิราบหลุดออกจากมือ กลายเป็นสายฟ้าขบวนใหญ่ เห็นเพียงประกายสายฟ้าหนาแน่นถาโถม เสียงคำรามน่าสะพรึงดังกึกก้อง ท่ามกลางขบวนสายฟ้านั่น ประกายไฟฟ้าสายแล้วสายเล่ากะพริบวับวาบรางๆ
เฉียนไหวแค่นเสียงอย่างเย็นเยียบ “ก็แค่ดิ้นรนเฮือกสุดท้าย!”
เขายกมือขึ้นตบลงไป เปลวไฟอันรุนแรงทะลักออกมา ราวกับเพลิงเผาเมฆา เข้าไปคว้าจับขบวนสายฟ้าที่พุ่งเข้ามา
ตูม!!
เพียงขบวนสายฟ้าเล็กๆ เท่านั้น ไม่อยู่ในสายตาเฉียนไหวสักนิด แต่เมื่อปะทะกัน ในห้วงอากาศนั้นพลันเกิดระเบิดสะเทือนฟ้าดิน!
พริบตานั้นประกายสายฟ้าน่ากลัวที่ลอยอยู่ในห้วงอากาศก็ยิงทะยานสูงชั้นฟ้า!
ด้วยป้องกันไม่ทัน เฉียนไหวพลันถูกลำแสงระเบิดทั่วฟ้าปกคลุมทั้งตัว
ไข่มุกสะเทือนสวรรค์เป็นอาวุธสังหารที่ตะพาบเขียวหลอมขึ้นเองกับมือ ใช้เวลาหลายพันปีกว่าจะหลอมออกมาได้เก้าเม็ดเท่านั้น อานุภาพยิ่งใหญ่ เพียงพอจะสร้างความเสียหายให้กับผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะได้!
ตูม! ตูม! ตูม!
ท่ามกลางระเบิดลำแสงที่ไหวเคลื่อน เสียงฟ้าผ่าราวกับเสียงประทัดที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสงของประกายไฟฟ้าที่ระเบิดตัวรุนแรงเกินไปทำให้มองภาพภายในไม่ชัด
ทว่าไม่นาน เสียงคำรามด้วยความเดือดดาลอย่างที่สุดของเฉียนไหวก็ดังออกมา…
………………….
[1] อวัยวะตันห้ากลวงหก คือการแบ่งอวัยวะออกเป็น 2 พวกตามทฤษฎีแพทย์แผนจีน อวัยวะตันทั้งห้า ได้แก่ ตับ หัวใจ ม้าม ปอด ไต อวัยวะกลวงทั้งหก ได้แก่ ถุงน้ำดี ลำไส้เล็ก กระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ กระเพาะปัสสาวะ และซานเจียว
ตอนที่ 437 เล่นโคลนจนเสพติด
โดย
ProjectZyphon
เสียงฟ้าผ่าสะเทือน ลำแสงเจิดจ้าเป็นประกาย
เสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดของเฉียนไหวเต็มไปด้วยความดุร้าย เห็นภาพนี้หลินสวินอดรู้สึกสะใจไม่ได้
ก่อนหน้านี้ยามอยู่ในสังเวียนสวรรค์ยุทธ์ ตอนที่เขากำลังจะฆ่าฮวาอู๋โยวก็ถูกยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะฮวาเชียนเฉิงเข้ามาแทรกแซงกะทันหัน จนเกือบกลายเป็นฝ่ายโดนฆ่าแทน
สิ่งที่โจมตีให้ฮวาเชียนเฉิงถอยไปในตอนนั้น ก็คือไข่มุกสะเทือนสวรรค์!
ตอนนี้หลินสวินเพียงแค่เอาวิธีเดิมกลับมาใช้ใหม่ แต่เห็นได้ชัดว่าผลลัพธ์ดีมาก ท่ามกลางความประมาทเฉียนไหวจึงถูกโจมตีใส่เต็มๆ
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ทันใดนั้นเงาร่างของเฉียนไหวก็ทะลวงออกมาจากขบวนสายฟ้า เพียงแต่ท่าทางของเขาในตอนนี้ต่างไปจากเมื่อครู่เป็นคนละคนเลยทีเดียว
เสื้อผ้าของเขาฉีกขาด ผิวหนังที่เปลือยเปล่าไหม้เกรียม เส้นผมถูกเผา ใบหน้ากว่าครึ่งระเบิดไม่เหลือสภาพ ดูน่ากลัวผิดปกติ
เป็นถึงยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะ โดดเด่นสะดุดตาระดับไหน ยามนี้กลับสะบักสะบอมถึงเพียงนี้ ช่างเป็นความอับอายอย่างสูงสุด!
เฉียนไหวโกรธจนแทบคลั่ง พุ่งปราดออกไปหาหลินสวิน
“เอาชีวิตมา!”
เฉียนไหวในยามนี้ราวกับปีศาจร้ายผู้เหี้ยมโหด ยโสโอหัง คิดแต่จะตามฆ่าหลินสวินโดยไม่สนกิริยา
เพียงแต่หลินสวินหนีไปตั้งนานแล้ว เพราะฉะนั้นจึงกลายเป็นสงครามการไล่ล่าอีกครั้ง
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เจ้าหนีไม่พ้นหรอก คราวนี้ถ้าไม่ได้หักกระดูกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ ข้าสาบานว่าจะไม่หยุด!”
เฉียนไหวเดือดดาลอย่างแท้จริง ดวงตาแดงก่ำเป็นสีเลือด
ก่อนหน้านี้เขาประมาทไป คิดว่าด้วยฝีมือของหลินสวิน ไม่มีทางมีอาวุธอะไรที่ทำร้ายตัวเองได้แน่
แต่ใครจะคิดว่าอานุภาพของสายฟ้าสะเทือนสวรรค์นั่นจะน่ากลัวขนาดนี้ แม้แต่เขายังถูกโจมตีจนรับมือไม่ทัน ได้รับบาดเจ็บสาหัส
จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไรเล่า
เหมือนกับโดนมดตัวหนึ่งตบหน้าอย่างแรง ความรู้สึกนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าอัดอั้นแค่ไหน
เฉียนไหวที่ถูกโทสะครอบงำดูน่ากลัวที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงครู่เดียวก็ตามหลินสวินทันอีกครั้ง
เพียงแต่ยังไม่ทันที่เขาจะลงมือ เงาร่างของหลินสวินที่อยู่ห่างออกไปก็ชะงักงัน หยุดฝีเท้ากลางอากาศอีกครั้งแล้วทำท่าเหมือนจะโยนของ
พรึ่บ!
แสงดำสายหนึ่งปรากฏขึ้น
หือ?
เฉียนไหวเพ่งสายตา ในใจสั่นสะท้าน นึกถึงสิ่งที่ประสบเมื่อครู่ มีหรือที่เขาจะกล้าชะล่าใจ เงาร่างพลันแวบหลบไปอย่างรวดเร็ว
และในขณะนั้นเอง ในที่สุดเขาก็ได้เห็นตัวจริงของแสงสีดำนั่น ไม่ใช่เม็ดไข่มุกอย่างที่เขากลัว แต่เป็น…
โคลนก้อนหนึ่งงั้นหรือ
ปัง!
พลันเห็นโคลนนั่นระเบิดตัวกลางอากาศ และกลายเป็นฝุ่นผงร่วงพรูลงมากลางอากาศ ราวกับเป็นการหัวเราะเยาะอ้อมๆ
เส้นเลือดเขียวบนหน้าผากของเฉียนไหวเต้นตุบๆ มุมปากกระตุกรุนแรงอย่างกลั้นไม่อยู่ ในใจมีเพลิงโกรธพลุ่งพล่านอย่างยากจะควบคุม
ไอ้เด็กเมื่อวานซืนจองหองคนนี้ บังอาจ…บังอาจเอาโคลนก้อนหนึ่งมาเย้ยหยันเขา!!
ทันใดนั้นเฉียนไหวก็โกรธจนแทบระเบิด ส่งเสียงคำรามประหนึ่งสัตว์ป่า เงาร่างไล่ตามไปราวกับเปลวเพลิงที่ลุกโชนอีกครั้ง
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เจ้าจบสิ้นแล้ว เจ้าตายแน่! ถ้าข้าไม่ได้เผาเจ้าให้ตายทั้งเป็น ข้ายอมเปลี่ยนไปใช้แซ่เจ้า!”
“อย่า ข้าไม่อยากได้ลูกหลานไม่ได้เรื่องอย่างเจ้า!”
เสียงหัวเราะของหลินสวินดังมาจากบริเวณที่ห่างออกไป
สีหน้าของเฉียนไหวยิ่งดูแย่เข้าไปใหญ่ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามข่มกลั้นเพลิงโทสะดั่งภูเขาไฟปะทุในใจ กัดฟันไล่ตามไปอย่างบ้าคลั่ง
ในใจได้เริ่มใคร่ครวญว่าหลังจากจับหลินสวินได้จะใช้วิธีรุนแรงอันใดทรมานหลินสวิน
เขาเป็นถึงผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะ เคยเสียเปรียบขนาดนี้ซะที่ไหนกัน เคยถูกเด็กเมื่อวานซืนระดับมหาสมุทรวิญญาณปั่นหัวจนเสียหน้าขนาดนี้ซะที่ไหน
ไม่เคย!
คราวนี้แม้ว่าหลินสวินจะมีที่มายิ่งใหญ่แค่ไหน เขาก็ไม่สนใจแล้ว ถ้าไม่ได้ฆ่าหลินสวินให้ตาย ก็ไม่เพียงพอจะระบายความอับอายและโทสะภายในใจของเขาออกมา
“ตายซะ!”
ไม่นานเขาก็ตามหลินสวินทันอีกครั้ง รอบตัวเขาปล่อยเปลวไฟออกมา สองมือผายออก ฝ่ามือมีแสงเจิดจ้าปกคลุม
นี่คือท่าไม้ตายของเขา มั่นใจว่าเพียงพอที่จะทำให้หลินสวินกลายเป็นฝุ่นผงไม่เหลือซากได้ในคราเดียว!
“ไอ้แก่ รับกระบวนท่า!”
แต่ในเวลาเดียวกันนั้น หลินสวินกลับสะบัดมือไปข้างหลังอย่างแรงโดยไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำ แสงดำสายหนึ่งถูกปล่อยออกมาราวสายฟ้า
อีกแล้ว!
ไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนนี้คิดว่าตนจะหลงกลอีกหรือ
แต่ถ้า…
ถ้าคราวนี้เป็นของจริงจะทำอย่างไร
ชั่วขณะนั้นเฉียนไหวสับสนขึ้นมา ทั้งโกรธทั้งอัดอั้น
แต่ไม่มีเวลาให้เขาคิดมากไปกว่านี้แล้ว ท่ามกลางความอับจนปัญญา เขาจำต้องหลบหลีกอีกครั้ง
เขาไม่กล้าเสี่ยง การโจมตีเมื่อครู่นี้ทำให้เขาบาดเจ็บไม่น้อยแล้ว ถ้าถูกโจมตีอีกครั้งเกรงว่าจะเจ็บจนล้มลง
ปัง!
โคลนก้อนหนึ่งระเบิดตัวไม่ไกลนัก ก่อนที่ฝุ่นจะฟุ้งกระจาย…
“ข้า…ข้าจะฆ่าไอ้เด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้าซะ!”
เฉียนไหวโกรธจนแทบกระอักเลือด หลงกลอีกแล้ว นี่ทำให้เขาหน้าร้อนผ่าว ในใจเต็มไปด้วยความอับอายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เฉียนไหวที่โกรธจนคลั่งไปแล้วไล่ตามไปอย่างไม่ลังเลอีกครั้ง
เพียงแต่ครั้งนี้เขาตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่า ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก จะไม่! จะไม่หลงกลอีกเด็ดขาด!
คนๆ หนึ่งตกหลุมพรางหนึ่งครั้ง อาจจะเพราะประมาท ถ้าตกหลุมพรางเป็นครั้งที่สอง ก็อาจจะเพราะประมาทเช่นกัน แต่ถ้าตกหลุมพรางสามครั้งติด นั่นย่อมไม่ใช่ปัญหาเรื่องความประมาท แต่เป็นความอับอายอย่างหนึ่ง!
ตาม!
ตาม!
ตาม!
คราวนี้เฉียนไหวรักษาความนิ่งสงบอย่างที่สุด สกัดกั้นความเดือดดาล อัดอั้นและอับอายภายในใจไว้สุดกำลัง
เพื่อให้มั่นใจว่าคราวนี้จะฆ่าได้ในคราเดียว เขาถึงกับเปลี่ยนเป็นรอบคอบยิ่งขึ้น เขาเริ่มรวบรวมพลังตั้งแต่ยังห่างจากหลินสวินอีกหลายพันจั้ง
ยามห่างจากหลินสวินราวหนึ่งพันจั้ง เขาก็ลงมืออย่างไม่ลังเล!
ชิ้ง!
คราวนี้เขาใช้สมบัติของตัวเอง เป็นกระบี่วิญญาณที่ปล่อยเปลวเพลิงสีเงินเจิดจ้าและบิดงอราวกับงูสีเงิน
หนึ่งกระบี่ทะลวงอากาศ เพียงพริบตาก็ฟาดฟันสังหารใส่บริเวณที่ห่างออกไปพันจั้ง
เพียงการโจมตีเดียวก็ดูออกว่าเฉียนไหวหมกมุ่นในศาสตร์กระบี่มานานหลายปี ทั้งความไว ความแม่นยำและความรุนแรง ล้วนแล้วแต่ร้ายกาจยากใครเทียบ
เพียงแต่…
หลินสวินราวกับมีญาณทิพย์ เงาร่างแวบหนีหายกลางอากาศอย่างแปลกประหลาด หลบการโจมตีนี้แล้วหนีต่อ
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
กระบี่วิญญาณสีเงินถูกเฉียนไหวกวัดแกว่ง ฟาดฟันอย่างต่อเนื่อง บีบจนหลินสวินทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ แม้แต่ความเร็วในการหนียังช้าลง สถานการณ์อันตรายยิ่ง
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ทำไมไม่หนีแล้วล่ะ ฮะ? ฮ่าๆๆ ข้าคิดไว้แล้วว่าเดี๋ยวจับเจ้าได้จะแล่เนื้อเจ้าออกเป็นชิ้นๆ แล้วเอาชิงจิตวิญญาณเจ้าออกมา ค่อยๆ เผาด้วยเพลิงหยินใต้พิภพให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตาย!”
เฉียนไหวหัวเราะลั่นอย่างร้ายกาจราวกับกำลังปลดปล่อยอารมณ์
เขาหัวเราะพลางกวัดแกว่งกระบี่วิญญาณ อานุภาพยิ่งดูเหี้ยมโหดกดดัน บีบจนหลินสวินหลบแทบไม่ทันแล้ว
“ไอ้แก่ รับกระบวนท่า!”
จู่ๆ หลินสวินก็ตะเบ็งเสียง
สีหน้าของเฉียนไหวที่เดิมกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแข็งทื่อไปทันที ใช้วิธีบ้าๆ นี่อีกแล้ว!
จากนั้นเขาพลันตะเบ็งเสียงอย่างเกรี้ยวกราด “มาสิ ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้ของเจ้าจะเล่นได้ถึงเมื่อไหร่!”
ฟุ่บ
แสงดำสายหนึ่งปรากฏขึ้น
ส่วนเฉียนไหวกัดฟันทันที ไม่คิดจะหนีอีกแล้ว เขาสูดหายใจลึก ฟันกระบี่ออกไปตั้งแต่ที่แสงสีดำนั่นยังไม่เข้ามาใกล้
ฉึก!
ตามคาด เป็นโคลนอีกก้อนหนึ่งที่ถูกฟันเป็นฝุ่นผง
ทำให้เฉียนไหวหัวเราะลั่นออกมาทันที “ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ข้าว่าเจ้าคงมีไข่มุกสายฟ้าอะไรนั่นแค่เม็ดเดียว แต่ยังกล้าใช้วิธีแบบนี้มาหลอกข้า น่าขำจริงๆ!”
ในขณะที่พูด กระบี่วิญญาณสีเงินอร่ามนั่นก็ร่ายรำบ้าคลั่ง พลานุภาพน่าสะพรึงกลัว
สุดท้ายหลินสวินหมดทางหนี ถูกไอกระบี่สายหนึ่งกวาดผ่าน แผ่นหลังฉีกเป็นรอยเลือดยาว ผิวหนังแตกเนื้อเปิด เลือดไหลดั่งสายน้ำตก
อีกนิดก็จะฟันโดนอวัยวะภายใน!
แต่หลินสวินราวกับไม่รู้สึก หลบพลางหัวเราะลั่น “ไอ้แก่ เจ้าลองอีกทีสิ”
ในขณะที่พูดเขาก็สะบัดมือขว้างแสงดำสายนั้นออกมาอีกครั้ง
ปัง!
แสงสีดำถูกฟันทิ้ง ยังคงเป็นโคลนก้อนหนึ่ง
เฉียนไหวอดหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่ได้ “คิดจะหลอกข้าหรือ เจ้าหนูอย่างเจ้าช่างแปลกจริงๆ จะตายแล้วยังไม่รู้ตัว!”
“เจ้าลองอีกที”
เป็นแสงสีดำที่ถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง
ปัง!
ยังคงเป็นโคลน
“ไอ้โง่ เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ”
“ลองดูอีก”
ปัง!
โคลน
ปัง!
โคลน
และในระหว่างนี้ สถานการณ์ของหลินสวินยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ แม้ว่าเขาจะหลบอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ยังคงได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแผลจากกระบี่ เลือดสีสดไหลอาบ
ต้องยอมรับว่ายอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะน่ากลัวเกินไปจริงๆ โดยเฉพาะยามโกรธ พลังนั่นไม่ใช่พลังที่ระดับมหาสมุทรวิญญาณจะสู้ได้
แม้ว่าพรสวรรค์ของหลินสวินจะโดดเด่นเพียงใด รากฐานแน่นหนาแค่ไหน แต่ก็ยังห่างกันหนึ่งระดับใหญ่ พลังที่ครอบครองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน อยากจะข้ามระดับไปสู้กับระดับหยั่งสัจจะจึงแทบไม่มีหวัง
ตรงข้ามกับหลินสวิน เฉียนไหวกลับหัวเราะคลุ้มคลั่ง ความเดือดดาล คับแค้น อับอายในใจล้วนได้รับการปลดปล่อย ทำให้เขาถึงขั้นไม่อยากฆ่าหลินสวินให้ตายในทันที
ไม่ใช่ว่าไม่เกลียด แต่เกลียดมากเกินไปจนไม่อยากให้หลินสวินตายง่ายๆ แบบนี้!
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เข้ามา! ข้าจะดูซิว่าเจ้ายังเหลือโคลนอีกเท่าไหร่!”
เฉียนไหวแสยะยิ้ม ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาโดนระเบิดจนเลือดเนื้อปนเป ยิ้มแล้วดูน่าสยดสยองกว่าปกติ
“ไอ้แก่อย่างเจ้านี่น่าสนใจจริงๆ เล่นโคลนจนเสพติดแล้วหรือ”
หลินสวินเยาะเย้ย
ท่าทางดูถูกแบบนี้กระตุ้นให้เฉียนไหวเกือบคลุ้งคลั่ง ถึงขั้นถูกเด็กเมื่อวานซืนที่กำลังจะตายเย้ยหยันว่าเขากำลังเล่นโคลน!
ถ้าแพร่กระจายออกไป ผู้ฝึกปราณทั้งใต้หล้าจะคิดอย่างไร
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เฉียนไหวบันดาลโทสะ ไม่ชักช้าอีก สำแดงกระบวนท่าพิฆาตออกมา
“งั้นหรือ ลองลิ้มรสโคลนก้อนนี้ก่อน!”
แทบจะในขณะเดียวกันแสงสีดำถูกปล่อยออกจากมือหลินสวินอีกครั้ง
สู้กันมาจนถึงตอนนี้ เฉียนไหวฟันโคลนไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว เห็นเช่นนี้จึงฟันกระบี่ออกไปทันทีตามจิตใต้สำนึก ไม่มีความรู้สึกกังวลใดๆ ทั้งสิ้น
หรือพูดอีกอย่างว่า จากสัญญาณหลายๆ อย่างตั้งแต่เมื่อครู่นี้ เขามั่นใจตั้งนานแล้วว่าหลินสวินใช้ความสามารถแค่ขี้ปะติ๋วของตัวเองหมดแล้ว เพียงวางมาดใหญ่โตเพื่อตบตา ดูน่าขันยิ่งนัก
เพียงแต่…
ตอนที่ไอกระบี่ฟันออกมา ในใจเฉียนไหวกลับรู้สึกตื่นตระหนกอย่างบอกไม่ถูก ทันใดนั้นเขาก็หน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน
เพราะเขาเห็นอย่างชัดเจนว่า แสงสีดำนั่นไม่ใช่โคลน แต่เป็นไข่มุกที่มีสายฟ้าโหมซัดสาด…
ไม่ได้การแล้ว!
เฉียนไหวตกใจอกสั่นขวัญหนีทันที ร่างกายแข็งทื่อ สีหน้าเปลี่ยนไปกะทันหัน มีหรือจะกล้าลังเล รีบหลบหนีไปข้างๆ ทันที
แต่การตอบสนองของเขาช้าไปหนึ่งระดับ พลันได้ยินเสียงคำรามที่ดังสะเทือนฟ้าดิน บนท้องฟ้าราวกับมีพระอาทิตย์ดวงหนึ่งปรากฏขึ้น สว่างไสวอย่างที่สุด พลังระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวก็ปกคลุมเงาร่างของเฉียนไหวทันที…
——
ตอนที่ 438 ลูกกลอนวิญญาณที่เรียกได้ว่าน่าสะพรึง
โดย
ProjectZyphon
สายฟ้าผ่ากระหน่ำ สะเทือนทั่วฟ้าดิน
ท่ามกลางประกายสายฟ้าที่พลุ่งพล่านมีเสียงโอดครวญราวถูกเชือดของเฉียนไหวดังแว่วขึ้น เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
หลินสวินยืนอยู่ในระยะที่ห่างออกไปไกล นัยน์ตาดำขลับจับจ้องทุกสิ่ง
เขาเลือดอาบตัว มีแผลกระบี่นับไม่ถ้วน ราวกับแช่ตัวในแอ่งเลือดมา ดูกระหายเลือดผิดปกติ
ทว่าตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้หลินสวินราวกับไม่รู้สึกเจ็บ สีหน้าเผยความนิ่งสงบและเย็นชาอย่างที่สุด
ตอนอยู่ในค่ายกระหายเลือด เขาผ่านการเคี่ยวกรำถึงขั้นเลือดตกยางออกมาแล้วไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ เกรงว่าต่อให้ตอนนี้จะได้รับบาดเจ็บยิ่งกว่านี้ แต่ขอเพียงแค่ยังมีลมหายใจ เขาก็จะไม่มีทางถูกความเจ็บปวดใดๆ ก่อกวนความแน่วแน่ในใจ
ไม่นานเสียงโอดครวญของเฉียนไหวก็อ่อนแรงลง ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน เพราะเงาร่างของเขาไม่ได้พุ่งออกมาอีก
จวบจนกระทั่งแสงจากสายฟ้านั่นหายไป จึงเห็นเงาร่างหนึ่งร่วงลงจากกลางอากาศมากระแทกพื้น
แน่นอนว่าต้องเป็นเฉียนไหว เพียงแต่บัดนี้ยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะผู้นี้กลับบาดเจ็บหนักเจียนตาย
ร่างกายของเขาราวกับถูกระเบิด เลือดอาบเนื้อโผล่ บาดแผลรุนแรงจนไม่เหลือชิ้นดี นอนกองบนพื้น เหลือเพียงแค่เรี่ยวแรงใช้หายใจเท่านั้น
นี่ก็คือความน่ากลัวของไข่มุกสะเทือนสวรรค์ เฉียนไหวถูกโจมตีด้วยสายฟ้าพิฆาตจากไข่มุกสะเทือนสวรรค์ถึงสองเม็ด แม้แต่พลังปราณระดับหยั่งสัจจะของเขายังรับไม่ไหว!
เห็นเช่นนี้หลินสวินก็ชักดาบออกมา ถือดาบเดินเข้าไปอย่างไม่ลังเลแล้วง้างมือขึ้นฟันลงไป ตัดคอเฉียนไหวขาดในทันที!
ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉียนไหวไร้ซึ่งเรี่ยวแรงดิ้นรน ทำได้เพียงใช้สายตาเดือดดาล สับสน หวาดกลัวและไม่จำยอมจ้องมองทุกอย่าง
จวบจนกระทั่งตอนนี้ แววตาของเขาจึงคลายและหม่นแสงลง
ตัวเฉียงไหวเองก็คงคิดไม่ถึงว่า เขาที่เป็นถึงยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะ สุดท้ายกลับตายในมือของเด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณคนหนึ่ง
หลินสวินเก็บดาบเงียบๆ และเก็บแหวนเก็บของที่เฉียนไหวพกติดตัวกับกระบี่วิญญาณเงินอร่ามที่ตกอยู่บนพื้นเล่มนั้นขึ้นมา
หลังจากนั้นจึงหมุนตัวจากไป
เขาเลือดไหลทั่วร่าง แต่กลับเหมือนไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เงาร่างพุ่งไปข้างหน้าราวหมาป่าเดียวดายที่บาดเจ็บ อาศัยเพียงความมุ่งมั่นและสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดพุ่งทะยานต่อไป
มองจากภายนอกคงไม่มีใครรู้เลยว่า หลินสวินในตอนนี้พลังเสื่อมทรุดถึงที่สุดแล้ว ทั้งยังบาดเจ็บสาหัส สามารถล้มลงได้ตลอดเวลา!
ศึกไล่ล่าก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะผ่อนคลาย แต่มีเพียงหลินสวินที่รู้ตัวดีว่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวของเฉียนไหว เขาต้องแบกรับแรงกดดันหนักหน่วงเพียงใด
สามารถกล่าวได้อย่างไม่เกินจริงเลยว่า การต่อสู้ในครั้งนี้ ที่พึ่งเดียวของเขาก็คือไข่มุกสะเทือนสวรรค์เพียงสองเม็ดที่เหลืออยู่
และเพื่อให้ไข่มุกสะเทือนสวรรค์สำแดงอานุภาพรุนแรงที่สุด ตั้งแต่ต้นจนจบเขาจึงใช้วิธีที่เสี่ยงมากตอบโต้เฉียนไหว
สำหรับเฉียนไหว หลินสวินเหมือนกำลังทำเก่งเพื่อตบตา ดูตลกอย่างที่สุด
แต่สำหรับหลินสวิน นั่นกลับเป็นทางเลือกเดียวของเขา!
โชคดีที่สุดท้ายเขาทำสำเร็จ ไข่มุกสะเทือนสวรรค์ทั้งสองเม็ดไม่ได้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ สามารถกำจัดเฉียนไหวให้อยู่หมัดได้ในคราเดียว จบศึกการไล่ล่าที่ชวนขวัญหนีดีฝ่อนี้ได้อย่างงดงาม
……
ฟุ่บๆ
หลินสวินจากไปได้ราวครึ่งเค่อ เงาร่างชายหนึ่งหญิงหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบริเวณนี้ เป็นเหวยจวิ้นและหญิงกระโปรงม่วงนั่นเอง
“เฉียนไหว!”
ยามเห็นศพที่ถูกตัดหัวของเฉียนไหวซึ่งนอนอยู่บนพื้น เหวยจวิ้นตัวแข็งค้างอย่างควบคุมไม่อยู่ ร้องเสียงหลงออกมา
ในขณะที่หญิงกระโปรงม่วงเองก็หน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน มือเท้าเย็นเฉียบ
ทั้งสองต่างคิดไม่ถึงว่ายอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะอย่างเฉียนไหว เพียงสู้กับเด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรขั้นปลายคนหนึ่งเท่านั้น ถึงกับต้องตายอย่างอนาถเช่นนี้!
“ใครเป็นคนทำ? มันเป็นใคร!”
ครู่ใหญ่เหวยจวิ้นพลันตะเบ็งเสียงอย่างกราดเกรี้ยว เฉียนไหวเป็นข้ารับใช้เก่าแก่ข้างกายเขา คุ้มกันเขาอย่างเงียบๆ มาโดยตลอด ซื่อสัตย์และจงรักภักดีเสมอมา
“ศิษย์พี่เหวยจวิ้น ต้องเป็นฝีมือของเด็กนั่นแน่!”
หญิงกระโปรงม่วงกัดฟันพูด
“ไม่ว่าจะเป็นใคร ข้าจะให้มันชดใช้เป็นร้อยเท่าพันเท่า!”
เหวยจวิ้นตะโกนเดือดดาล สีหน้าดุร้าย
หญิงกระโปรงม่วงสั่นไปทั้งตัว เพราะรู้ว่าการตายของเฉียนไหวได้กระตุ้นความโกรธของศิษย์พี่เหวยจวิ้น ผู้ที่ทางสำนักให้ความสำคัญอย่างมาก อีกทั้งที่มาก็ไม่ธรรมดาผู้นี้!
“ศิษย์น้องเหริน ส่งสารออกไป เรียกรวมศิษย์พี่ศิษย์น้องสำนักหลอมไฟของเราทุกคนที่กระจายตัวอยู่ในเทือกเขาราหู มาตามฆ่าไอ้เด็กเมื่อวานซืนนั่นด้วยกัน!”
เหวยจวิ้นสูดหายใจเข้าลึก หน้าเขียวเยียบเย็น “บอกพวกเขาว่า ถ้าใครตามฆ่าไอ้เด็กนั่นได้ก่อน ข้าเหวยจวิ้นจะยก ‘ลูกกลอนเสวียนจีทะลุสวรรค์’ ให้หนึ่งเม็ด และผลึกวิญญาณระดับสูงอีกร้อยเม็ด!”
หญิงกระโปรงม่วงสูดหายใจอย่างตะลึง ลูกกลอนเสวียนจีทะลุสวรรค์! นั่นมันลูกกลอนหายากที่สามารถช่วยให้ยอดฝีมือระดับมหาสมทุรวิญญาณบรรลุสู่ระดับหยั่งสัจจะเชียวนะ!
แม้แต่ในสำนักหลอมไฟก็มีเพียงลูกศิษย์คนสำคัญเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ มูลค่าไม่อาจประมาณได้!
และนอกจากนี้ยังมีผลึกวิญญาณระดับสูงอีกหนึ่งร้อยเม็ด แรงจูงใจขนาดนี้ เพียงพอที่จะทำให้ยอดฝีมือระดับมหาสมุทรวิญญาณทุกคนไม่อาจปฏิเสธได้!
เด็กนั่นแย่แน่…
ทันใดนั้นหญิงกระโปรงม่วงพลันตระหนักได้ว่า ไม่ว่าหลินสวินจะเป็นคนฆ่าเฉียนไหวจริงๆ หรือไม่ และไม่ว่าหลินสวินจะมีที่มายิ่งใหญ่แค่ไหน ก็ไม่สามารถออกจากเทือกเขาราหูได้ตั้งแต่วินาทีที่เขาทำให้เหวยจวิ้นโกรธแล้ว!
……
อาทิตย์อัสดงสาดแสง
หมู่เขาตั้งตระหง่านไม่มีที่สิ้นสุด
ท่ามกลางทุ่งโล่งบนภูเขา หญ้าป่าสีทองกระจายไปทั่วราวกับมหาสมุทร พลิ้วไหวในสายลม ถูกอาทิตย์ตกสีเลือดย้อมเป็นสีแดงอันงดงาม
เงาร่างอันโดดเดี่ยวเดินไปข้างหน้าเพียงลำพัง คราบเลือดบนร่างเขาสะท้อนแสงอาทิตย์ตก ทำให้แยกไม่ออกว่าสีเลือดเข้มกว่าหรือสีจากอาทิตย์อัสดงแดงกว่า
หลินสวินไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดกลับเป็นพลังขับเคลื่อนให้เขาเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ
ร่างกายของเขาชาจนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ แม้ไม่มีเลือดไหลออกจากแผลกระบี่แล้ว แต่บาดแผลก็แย่ลงเรื่อยๆ
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ พลังกายของเขาใกล้จะเหือดแห้งแล้ว!
พูดได้ว่า ตอนนี้เพียงแค่ผู้ฝึกปราณธรรมดาคนหนึ่งก็สามารถฆ่าหลินสวินได้อย่างง่ายดาย
เดินแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว!
ทันใดนั้นหลินสวินหยุดฝีเท้า สัมผัสได้ว่าความมุ่งมั่นของเขากำลังยันไว้ไม่อยู่ ใกล้จะพังทลายเต็มที สติก็เริ่มพร่าเลือน
เขาจึงนั่งขัดสมาธิลงกับพื้นทันใด กัดฟันแน่นทำจิตใจให้สงบ แล้วหยิบขวดหยกมันแพะโปร่งแสงใบหนึ่งขึ้นมา
ปากขวดหยกถูกปิดผนึกด้วยลายสลักวิญญาณแปลกประหลาดลึกลับ นี่เป็นรางวัลที่ได้รับในงานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาของจักรพรรดินี ด้านในมีลูกกลอนวิญญาณอยู่เม็ดหนึ่ง
เขาเจาะผนึกลายสลักลึกลับบนปากขวดด้วยปลายนิ้วที่สั่นระริก ทันใดนั้นกลิ่นหอมเย็นยะเยือกดั่งน้ำแข็งก็อบอวลไปทั่ว ทำให้จิตวิญญาณของหลินสวินสั่นสะเทือนฉับพลัน
เพียงแค่กลิ่นหอมจากยาเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าจะได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ!
เขาเอียงปากขวดหยกมันแพะเล็กน้อย ได้ยินเสียงขลุกขลักพร้อมกับที่มีลูกกลอนวิญญาณขนาดเท่าลำไยเม็ดหนึ่งกลิ้งออกมา มันแวววาวราวไพลิน เจือประกายแสงสีฟ้า มองเห็นรางๆ ว่าคล้ายมีเมฆหมอกลอยคลุ้งอยู่ภายในลูกกลอนวิญญาณ วิเศษหาที่เปรียบไม่ได้
เพียงแค่ดูจากภายนอกก็รู้แล้วว่าลูกกลอนเม็ดนี้มีความพิเศษอย่างยิ่ง! อย่างน้อยๆ ก็คงเป็นลูกกลอนวิญญาณระดับสวรรค์ ถึงขนาดที่อาจมีที่มายิ่งใหญ่กว่าด้วยซ้ำ!
หลินสวินไม่รู้ว่ายานี้มีฤทธิ์วิเศษอย่างไร แต่ยามนี้เขาไม่มีเวลาสนใจมากขนาดนั้นแล้ว จึงอ้าปากแล้วกลืนลงไป
พริบตานั้นในปากราวกับถูกจู่โจมด้วยความเย็นยะเยือก ทำให้หลินสวินเย็นจนตัวสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่
และยามกลืนลงท้อง ความเย็นเยียบถึงขั้วกระดูกนั้นก็ระเบิดออกฉับพลัน กลายเป็นพลังอันน่าสะพรึงเหมือนคลื่นน้ำซัดกระหน่ำ แพร่กระจายออกไปทันใด
พลังนั้นใหญ่โตเกินไป และน่ากลัวเกินจินตนาการ ทันใดนั้นหลินสวินรู้สึกราวกับว่าในร่างมีม้าหลายพันตัวกำลังห้อทะยานพุ่งชน อวัยวะตันห้ากลวงหก เส้นลมปราณทั่วร่าง แม้แต่ทุกส่วนของร่างกายล้วนสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดรุนแรง!
ครืน~~
เมื่อพลังอันเยียบเย็นที่ยิ่งใหญ่เกินจะควบคุมนี้พุ่งเข้าสู่ทะเลปราณที่ใกล้จะเหือดแห้ง ก็ราวกับหาที่ระบายได้ ส่งเสียงครืนครันกึกก้องแผ่ซ่านออกมาอย่างรวดเร็ว
หลินสวินรู้สึกตระหนกในใจ ลูกกลอนวิญญาณนี้คืออะไรกันแน่ เหตุใดฤทธิ์ยาจึงน่ากลัวถึงเพียงนี้!
เขาไม่กล้าลังเลอีกต่อไป พลันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วโคจร ‘เคล็ดวิชาหลุมดำกลืนกิน’ ควบคุมลมหายใจ เริ่มนั่งสมาธิ
แต่เพียงชั่วครู่เท่านั้นในใจหลินสวินก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาประเมินพลังของลูกกลอนวิญญาณเม็ดนี้ต่ำไปมาก พลังอันเย็นยะเยือกที่พลุ่งพล่านรุนแรงนั้นราวกับไม่มีที่สิ้นสุด กลายเป็นคลื่นใหญ่โหมซัดพลิกม้วนอยู่ในทะเลปราณ ทั้งยังหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ พลุ่งพล่านมากขึ้นเรื่อยๆ…
อาศัยความเร็วในการหลอมกลั่นของ ‘เคล็ดวิชาหลุมดำกลืนกิน’ อย่างเดียว ก็เกือบจะตามพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั่นไม่ทัน!
ครืน~~
จวบจนถึงตอนท้าย ในทะเลปราณปรากฏคลื่นพายุพุ่งสูงจรดฟ้า เริ่มโคจรอย่างบ้าคลั่งร่วมกับเคล็ดวิชาหลุมดำกลืนกิน หล่อหลอมฤทธิ์ยาน่าพรั่นพรึงนั้น
และบนจุดปราณทั้งสี่แห่งเส้นปราณหัวใจก็มีพายุก่อตัวขึ้น พาให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปด้วย กลายเป็นหินโม่พายุที่สอดรับไปพร้อมกับคลื่นพายุจรดฟ้าในทะเลปราณ!
จวบจนถึงตอนนี้ หลินสวินจึงสามารถฝืนขับเคลื่อนและควบคุมพลังที่พลุ่งพล่านอยู่ในตัวได้บ้าง
สิ่งนี้ทำให้เห็นถึงความน่าสะพรึงกลัวของลูกกลอนวิญญาณนี้ แม้จะใช้เคล็ดวิชาหลุมดำกลืนกินไปพร้อมกับหินโม่พายุ ก็ต้องทุ่มกำลังทั้งหมดโคจรจนถึงขีดจำกัด จึงจะสามารถพอควบคุมได้บ้าง!
สามารถจินตนาการได้ว่า หากเป็นผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณคนอื่นๆ เกรงว่าคงถูกฤทธิ์ยาน่าสะพรึงนั่นพุ่งทะลวงจนทำลายพลังปราณ และบีบร่างกายจนระเบิดไปแล้ว
ทว่า…
เพียงหนึ่งถ้วยชาหลังจากนั้น สีหน้าของหลินสวินก็เปลี่ยนไปอีก พลังของลูกกลอนวิญญาณภายในร่างยังคงพลุ่งพล่าน!
ราวกับปากภูเขาไฟที่ปะทุอย่างไม่สามารถควบคุมได้!
ตูม!
พริบตานั้นหลินสวินรู้สึกเพียงว่าร่างกายเหมือนจะระเบิดออก ถูกพลังมหาศาลเข้ามาเติมเต็ม ซัดกระหน่ำอย่างเอาแต่ใจและไม่มีที่สิ้นสุด
และตัวหลินสวินเองก็เสียการควบคุมไปชั่วขณะ สติหลุดลอย ภาพตรงหน้าดับวูบ หงายหลังล้มลงพื้น
ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ทุ่งโล่งสีทองอร่ามถูกปกคลุมด้วยเงารัตติกาล
เด็กหนุ่มนอนหมดสติอยู่กับพื้น เพียงแต่ก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดมิดไปทั้งผืน กลับมีพลังน่าหวาดหวั่นพุ่งออกจากร่างเขาโดยพลัน
พลังนั่นลึกล้ำและรุนแรงมาก!
พุ่งพรวดขึ้นท้องฟ้ากลายเป็นพายุลูกหนึ่ง สาดซัดมวลอากาศ ก่อกวนสายลมเมฆา!
ครื้น~
เสียงสั่นสะเทือนราวกับฟ้าผ่าดังมาจากบนฟากฟ้า สีรัตติกาลแผ่คลุม แสงดาวบิดเบี้ยว หญ้าป่าเขียวชอุ่มบนพื้นดินประหนึ่งถูกฝ่ามือใหญ่ล่องหนข้างหนึ่งบดขยี้จนแหลกละเอียด กลายเป็นฝุ่นผงปลิวกระจาย
วู้มๆๆ~~
ที่ตรงนี้สายลมโหมกระหน่ำโดยมีหลินสวินเป็นศูนย์กลาง ภายในรัศมีสิบลี้ ต้นไม้ใบหญ้า ก้อนหินและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดถูกบดขยี้จนแหลกละเอียดสลายไป
ในบริเวณห่างไกลออกไปมีเสียงคำรามอย่างตื่นตระหนกของสัตว์อสูรมากมาย พวกมันวิ่งหนีกระเจิงไปซ่อนตัวอยู่ในระยะไกล ราวกับกลัวว่าจะได้รับผลกระทบ เมื่อดังขึ้นท่ามกลางท้องฟ้าสีรัตติกาลแล้วชวนขนลุกมากเป็นพิเศษ
มองจากระยะไกลบริเวณนี้เหมือนกลายเป็นกระแสน้ำวนใหญ่ พุ่งออกมาเป็นลมพายุทะลวงฟ้า ราวกับจะกลืนท้องนภา!
และทั้งหมดนี้ล้วนมาจากพลังที่ปลดปล่อยออกจากภายในร่างหลินสวิน
หลินสวินที่หมดสติอยู่ไม่อาจสังเกตได้เลยว่า ยามนี้ในจุดปราณทั้งสี่แห่งเส้นปราณหัวใจของเขา มีชีพจรวิญญาณที่ราวกับเป็นภาพมายาหนึ่งซ่อนอยู่รางๆ และค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง…
——
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น