Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 427-428
ตอนที่ 427 อานุภาพของหลิงเทียนโหว
โดย
ProjectZyphon
หลิงเทียนโหวไม่เหมือนฉือฉางเฟิง หรือพูดอีกอย่างก็คือเขามีชื่อเสียงก่อนฉือฉางเฟิง ภูมิหลังที่มีก็น่ากลัวกว่า
หลายปีก่อนตอนที่ถูกไล่ออกจากนครต้องห้ามเพราะราชโองการของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน หลิงเทียนโหวก็เป็นผู้กล้าที่สะดุดตาที่สุดแล้ว
เพียงเพราะนิสัยเผด็จการร้ายกาจ ไม่กลัวฟ้าดิน ก่อเรื่องสร้างความแค้นเคืองให้ทุกคนไว้มากมาย จึงถูกส่งตัวไปทำคุณไถ่โทษที่สนามรบชายแดน
แม้ว่าเขาไม่ได้กลับมาห้าปีแล้ว แต่ห้าปีนี้ในนครต้องห้ามกลับมีข่าวของหลิงเทียนโหวแพร่ออกมาอยู่บ่อยครั้ง
ข่าวว่าเขาตัดหัวข้าศึกในสนามรบไปนับไม่ถ้วน สร้างผลงานอย่างโดดเด่นในด้านการทหาร แม้แต่ทางฝั่งเผ่ามืด ชื่อเสียงอันดุร้ายของเขายังเผยแพร่ไปทั่ว
ตอนนี้เขากลับมานครต้องห้ามอีกครั้ง ย่อมเป็นเรื่องใหญ่ที่สร้างความฮือฮาอยู่แล้ว หลายคนต่างคาดเดาว่าหลังจากผ่านการเคี่ยวกรำในสนามรบมาเป็นเวลาห้าปี ความสามารถของหลิงเทียนโหวคงถึงระดับที่เรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัวแล้ว
ในสถานการณ์แบบนี้ หลินสวินกลับกล้าท้าทายหลิงเทียนโหว จะไม่ให้ตะลึงได้อย่างไร
“ก่อนงานฉลองพระชนมพรรษาของจักรพรรดินีจะเริ่มขึ้น หลินสวินก็ปะทะกับหลิงเทียนโหวที่ถนนหยกขาวรอบหนึ่งแล้ว เพื่อยืนยันความใจกล้า หลินสวินได้ฆ่าอสูรมังกรเจียวดำสามตัวของหลิงเทียนโหวตายคาที่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินสวินจะกล้าท้าทายขนาดนี้”
มีกล่าวขึ้นเบาๆ
“เด็กคนนี้คิดว่าหลิงเทียนโหวล่วงเกินได้ง่ายๆ หรือ นี่เขาไม่เกรงกลัวฟ้าดินหรือว่าอวดดีไร้เดียงสากันแน่”
“ได้ยินว่าเขาเดิมพันกับหลิงเทียนโหวเอาไว้ว่า ถ้าหลิงเทียนโหวแพ้ จะต้องคุกเข่าขอขมาคุณหนูหลิ่วชิงเยียน เหี้ยมจริงๆ”
“เหี้ยมงั้นหรือ ข้าว่าเขารนหาที่ตายมากกว่า! ใครไม่รู้บ้างว่าหลิงเทียนโหวขึ้นชื่อเรื่องความดุร้าย การกระทำเช่นนี้ของหลินสวินไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย!”
ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ ต่างคิดว่าหลินสวินไม่รู้รุกรู้ถอย ชนะฉือฉางเฟิงคนหนึ่งแล้วกลับยังไม่รู้จักหยุด ยังคิดจะไปท้าทายหลิงเทียนโหวต่อ เห็นได้ชัดว่ายโสโอหังยิ่งนัก
“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”
เสียงตะโกนที่ราวกับคลื่นลมหนาวอันเย็นเยียบระเบิดขึ้นเหนือลานแสดงยุทธ์
พลันเห็นหลิงเทียนโหวปรากฏตัวขึ้นบนลานแสดงยุทธ์ เขาอยู่ในชุดคลุมสีเลือด รูปร่างสูงเพรียวสง่า สูงตระหง่านมั่นคงอยู่ตรงนั้นราวกับเทพองค์หนึ่ง ดวงหน้าอันงดงามดุจปีศาจเรียบเฉย นัยน์ตามีรัศมีสายฟ้าไหลวน แฝงความน่าเกรงขามยากอธิบาย
“จำคำพูดของเจ้าไว้ให้ดี หากเจ้าแพ้แล้วกล้าคืนคำ ไม่ว่าบนสวรรค์หรือนรกก็ไม่มีใครช่วยเจ้าได้ทั้งนั้น!”
เสียงของหลิงเทียนโหวอึมครึม เย็นเยียบราวกับคลื่นลมหนาว ชวนให้รู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ
เขามีดีมากพอที่จะพูดแบบนี้จริงๆ เขามีฐานะเป็นราชนิกุล นิสัยยโสโอหังที่สุด มิเช่นนั้นคงไม่ต้องให้จักรพรรดิมีราชโองการกว่าจะขับเขาออกจากนครต้องห้ามได้
ก็เพราะเขาเป็นคนที่ทำอะไรไม่เห็นหัวใคร ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น และนี่ก็เป็นจุดที่ทำให้น่าหวาดกลัวที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
กลับเห็นว่าหลินสวินเองก็พูดอย่างจริงจัง “ข้าหวังเพียงว่า เจ้าจะไม่ลืมว่าหากแพ้แล้วต้องคุกเข่าขอขมาแม่นางชิงเยียนก็เพียงพอแล้ว”
ทุกคนต่างเผยสีหน้าตกใจ จะเดิมพันเช่นนี้จริงๆ หรือ แม้แต่บุคคลผู้ยิ่งใหญ่หลายท่านที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดยังเผยสีหน้าตะลึง
ก็แค่การประลองเท่านั้น ทั้งสองกลับท้าเดิมพันขนาดนี้ น่าตกใจจริงๆ
ไม่ว่าใครแพ้ ก็ต้องชดใช้อย่างหนักหน่วง
เมื่อเทียบกันแล้วสถานการณ์ตอนที่ฉือฉางเฟิงแพ้หลินสวินยังโชคดีกว่าเห็นๆ
“เหอะๆ กล้าขึ้นเรื่อยๆ เลยนี่ แต่ข้าชอบ จะรบก็ต้องรบกับคนที่กล้าท้าทายข้าอย่างเจ้าถึงจะสะใจ!”
หลิงเทียนโหวหัวเราะลั่นอย่างดุร้ายจองหอง เขาพลิกฝ่ามือ ง้าวสีทองอร่ามเล่มใหญ่พลันปรากฏขึ้นแล้วฟันออกไปทันที
ง่ายๆ สบายๆ เหมือนเห็นหลินสวินเป็นแค่ผักปลา หมายจะตัดหัวให้รู้แล้วรู้รอด
นี่เป็นความหยิ่งผยองอย่างหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นคือดุดันเผด็จการ ดวงตาแดงก่ำเย็นเยียบ ชุดสีเลือดบนร่างพลิ้วไปตามสายลม สาดแสงประกายสีเลือดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ขณะที่กำลังงุนงง ทุกคนราวกับเห็นภูเขาศพทะเลเลือดปรากฏขึ้นจากตัวหลิงเทียนโหว โครงกระดูกทับถม ไอสังหารสะเทือนวิญญาณ
โครม!
ง้าวสีทองนั่นกวาดผ่านกลางอากาศ ส่งเสียงคำรามสนั่นทลายอากาศ ฟาดฟันเข้าหาหลินสวิน ไอสังหารน่าสะพรึงกลัวราวกับจะกลืนกินอีกฝ่าย
หลายคนถึงกับกลั้นหายใจ สีหน้าเผยความตื่นตะลึง ไม่ได้เจอแค่ห้าปี พลังของหลิงเทียนโหวน่ากลัวขนาดนี้แล้ว!
เหมือนเทพสังหารที่ออกมาจากทะเลเลือดไม่มีผิด!
ปัง!
หลินสวินกำหมัดขึ้นแล้วปล่อยออกไปรับง้าวสีทองนั่น เกิดเสียงปะทะกันสนั่นหูอย่างที่สุด เสมือนภูเขาขนาดใหญ่สองลูกพุ่งชนกัน สั่นสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน
แรงลมแฝงพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวพาให้ฝุ่นทรายลอยฟุ้ง กระแสลมผันเปลี่ยน
หลินสวินสะเทือนจนเซถอยไปข้างหลัง ในขณะที่หลิงเทียนโหวทรงพลังดุจดั่งดวงตะวัน!
ทุกคนกลั้นหายใจดูการต่อสู้นี้ จากการโจมตีในครั้งนี้จะเห็นได้ว่า ถ้าไม่งัดอาวุธสักอย่างออกมา มีความเป็นไปได้สูงมากที่หลินสวินจะต้านทานได้อีกไม่นานแล้ว
“เอาอาวุธต่อสู้ของเจ้าออกมา! มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าเหมือนเชือดไก่!”
หลิงเทียนโหวเอ่ยเย็นชา ง้าวสีทองวาดตามขวางอย่างห้าวหาญเผด็จการเต็มประดา ท่าทีราวกับในใต้หล้ามีเพียงข้าเป็นหนึ่ง
ทันทีที่เริ่มการต่อสู้เขาก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน กลิ่นอายเผด็จการจองหองนั่น ทำเอาเด็กสาวชนชั้นสูงมากมายเผยสีหน้าหลากหลาย หัวใจสั่นไหว
“แรงแค่นี้ยังไม่ถึงขั้นที่ข้าต้องใช้อาวุธ”
หลังจากถูกโจมตีจนถอยออกไป หลินสวินกลับไม่ได้บาดเจ็บแต่อย่างไร เขาพลันก้าวกระโดด ประกายแสงสีฟ้าอ่อนรอบตัวยิ่งดูแข็งกล้า ราวกับลมพายุที่ดังกึกก้อง สำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ออกมาประมือ
นี่ต้องเป็นการประลองที่สุดยอดอย่างแน่นอน ผู้กล้าวัยหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่สองคนกำลังประลองกันอยู่ในลานแสดงยุทธ์ วิชาลับประกายวิญญาณต่างๆ สำแดงออกมาถี่ยิบ ก่อกวนจักรวาล
พวกเขาใช้กระบวนท่าพิฆาตแท้จริง ราวกับต่อสู้หวังเอาชีวิต เรียกได้ว่าสะเทือนไปทั้งโลกา
ผู้ยิ่งใหญ่ระดับอาวุโสหลายท่านเห็นแล้วต่างใจไหวสะเทือน แอบคิดว่าตอนที่ตนหนุ่มๆ ยังไม่เคยมีพลังที่สะเทือนโลกาเช่นนี้เลย
ตูม!
หลินสวินปล่อยหมัดหนึ่งกระแทกกับง้าวใหญ่ ในขณะที่หมัดอีกข้างพุ่งไปอยู่ตรงหน้าหลิงเทียนโหว แต่สุดท้ายกลับถูกหลิงเทียนโหวสะบัดฝ่ามือเข้าปัดป้อง คลี่คลายได้อย่างง่ายดาย
ณ ที่นั้นแสงประกายแวววาว เสียงคำรามกึกก้อง ร้อนแรงสะดุดตา พาให้อกสั่นขวัญหนี
แม้ว่าหลินสวินจะสะเทือนจนถอยไปหลายครั้ง แต่กลับดูแข็งแกร่งผิดมนุษย์ ยิ่งสู้ยิ่งหาญกล้า ทำให้ไม่สามารถจินตนาการได้ว่า ภายในร่างอันผอมแห้งของเขามีพลังอันน่าสะพรึงกลัวระดับไหนซ่อนอยู่กันแน่
แต่หลิงเทียนโหวยิ่งสุดยอดกว่า ไอสังหารพวยพุ่ง ร่ายรำง้าวใหญ่กลางอากาศ เต็มไปด้วยความเผด็จการ จู่โจมอย่างเอาแต่ใจ
“แข็งแกร่งนัก!”
ทุกคนอุทานอย่างตะลึง
เหล่าผู้กล้ารุ่นเยาว์อย่างไป๋หลิงซี ซ่งอี้ อวิ๋นฝูเฉิน เว่ยฉือเจ๋อยิ่งเผยสีหน้าจริงจัง ความสามารถที่แสดงออกมาหลายครั้งของหลินสวินทำให้พวกเขาแปลกใจ
ความน่ากลัวในพลังการต่อสู้ของหลิงเทียนโหว ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกกังวล!
ความจริงขอเพียงแค่ตามีแววสักหน่อยก็จะดูออกว่า การประลองในครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นการท้าชิงชั้นยอดที่สุดของระดับมหาสมุทรวิญญาณในจักรวรรดิจื่อเย่า เรียกได้ว่าเป็นที่หนึ่งในโลก
ส่วนหลินสวินและหลิงเทียนโหวซึ่งอยู่ในฐานะสองฝ่ายที่ประลองกัน เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่น่าทึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ท่าทางห้าวหาญเสมือนสามารถทำลายล้างสรรพสิ่งเช่นนั้น ถือว่าโดดเด่นในบรรดาเหล่าผู้กล้า!
ตู้ม!
ทอดสายตามองไป แสงสีฟ้าอ่อนโหมซัดอยู่รอบตัวหลินสวินราวกับพายุ ส่วนหลิงเทียนโหวกลับเผยไอสังหารอย่างกำเริบ ทั้งสองฆ่าฟันกันอย่างดุเดือด ราวกับสองเทพกำลังประลองกันไม่มีผิด
ปังๆๆ!
เสียงชนกระแทกราวกับสายฟ้าที่ผ่าสะเทือนนภา หลินสวินถูกโจมตีจนล่าถอยไม่หยุด เสื้อผ้าเปื้อนเลือด
พลังการต่อสู้ของหลิงเทียนโหวน่าสะพรึงกลัวมากเกินไป ง้าวสีทองในมือยิ่งเป็นอาวุธทรงพลัง สำแดงอานุภาพทำลายล้างไม่มีที่สิ้นสุด
อาศัยเพียงหมัดเปล่า เห็นชัดว่าหลินสวินเสียเปรียบไม่น้อยจริงๆ
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น หลิงเทียนโหวก็ยังไม่สามารถล้มหลินสวินได้ในทันที ต้องยอมรับว่าความแข็งแกร่งของหลินสวินเรียกได้ว่าน่ากลัวจริงๆ
ทุกคนล้วนตระหนักได้ว่า ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร นับตั้งแต่วันนี้หลินสวินได้ทะยานขึ้นมาอยู่ในอันดับผู้กล้าแห่งนครต้องห้ามสำเร็จแล้ว ไม่เพียงชนะฉือฉางเฟิง ยิ่งไปกว่านั้นคือสามารถประลองกับหลิงเทียนโหวได้ เท่านี้ก็เพียงพอทำให้ชื่อเสียงของเขาสะเทือนไปทั่วทุกสารทิศแล้ว
“หลินสวิน ข้าใช้พลังไปแค่เจ็ดส่วนเองนะ เจ้ากลับใกล้จะแย่แล้ว ทำให้เขาผิดหวังมาก!”
หลิงเทียนโหวตะคอก เส้นผมยาวทั้งศีรษะพลิ้วไปตามลม นัยน์ตาสาดประกายสายฟ้าสีเลือด ไอสังหารในตัวเดือดดาลสะเทือนนภา
เขาก้าวเดินกลางอากาศ ง้าวใหญ่สีทองส่องสว่างราวกับตะวันจันทรา แทงใส่หน้าอกของหลินสวินรุนแรง ระเบิดเสียงคำรามสะเทือนหู
ปัง!
เป็นเสียงปะทะอันน่าตะลึงอีกครั้ง หลินสวินหลบการโจมตีนี้พร้อมกับปล่อยหมัดกระแทกใส่ง้าวสีทอง
หลิงเทียนโหวไม่ใส่ใจ เพียงเผยรอยยิ้มน่ากลัว หมายจะโบกตวัดง้าวใหญ่กดดันให้หลินสวินถอยออกไป
แต่ใครจะคิดว่าจู่ๆ เขาก็รู้สึกเพียงว่าง้าวหนักขึ้น แรงกำลังอันน่าสะพรึงกลัวราวกับคลื่นน้ำที่ถาโถมเข้ามา เกิดเสียงดังปังคราหนึ่ง สะเทือนจนง่ามนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ของเขาชาวาบ เลือดลมโหมคลั่ง ง้าวทองแทบจะหลุดมือไป
“หืม?”
หลิงเทียนโหวนัยน์ตาหดรัดลง เขาสัมผัสได้อย่างฉับไวว่าพลังโจมตีครั้งนี้ของหลินสวินทวีความรุนแรงขึ้นมาก!
พลังของเจ้าหมอนี่เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้น!
หรือว่าเขาก็เก็บกลั้นมาโดยตลอดเช่นกัน?
“ตายซะ!”
หลิงเทียนโหวสะบัดง้าวพุ่งเข้าไปพร้อมไอสังหารอย่างไม่ลังเล
ฮูม~~
ง้าวทองส่องสว่างเล่มนั้นของเขาแผ่คลื่นสีทองไม่มีที่สิ้นสุดสะเทือนท้องนภา ทำให้ทุกคนต่างตะลึง ด้วยจำวิชาลับอันน่าสะพรึงกลัวนี้ได้
วิชาคลื่นทองท่องนภา!
วิชาชั้นยอดที่สืบทอดมาจากราชวงศ์ พลังอำนาจยากคาดเดา!
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนไหวหวั่นคือ แม้พลังของหลิงเทียนโหวจะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่หลินสวินก็ไม่เคยถูกกำราบแพ้พ่ายในทันทีเลย!
เห็นเพียงว่าในลานแสดงยุทธ์นั้น หลินสวินฟาดฟันกับหลิงเทียนโหว พุ่งปะทะดุเดือด แม้เสื้อผ้าจะเปื้อนเลือด เป็นฝ่ายถอยต่อเนื่อง แต่พลังของเขากลับยิ่งแข็งกล้า ตัวเขาราวกับภูเขาไฟที่สงบนิ่งมานาน พลังอำนาจเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ!
ทุกคนต่างอึ้งงันตกตะลึง หลินสวินคนนี้เหลือเชื่อเกินไปหรือเปล่า
แม้แต่หลิงเทียนโหวยังขมวดคิ้ว รู้สึกเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง
เพิ่งอยู่ในระดับมหาสมุทรขั้นกลางเท่านั้น ในด้านระดับพลังปราณด้อยกว่าตนไปขั้นหนึ่งแล้ว ทั้งยังถูกโจมตีต่อเนื่องจนแทบจะต้านไม่ไหวแล้ว
ใครจะไปคิดว่าพลังของเด็กนี่กลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ!
เป็นไปได้อย่างไร?
หลิงเทียนโหวแปลกใจ ในขณะเดียวกันก็ยิ่งเดือดดาล งัดวิชาทั้งหมดที่มีโจมตีหลินสวินเต็มกำลัง!
ตู้ม!
ด้วยการโจมตีด้วยโทสะของหลิงเทียนโหว เพียงชั่วขณะเดียวบนหน้าอกของหลินสวินก็ถูกกรีดเป็นรอยแผล เลือดสดๆ ไหลทะลัก อีกนิดเดียวก็ถูกผ่าอกตัดเอวขาดไปแล้ว
นี่ทำให้คนมากมายอุทานด้วยความตกตะลึง สั่นสะเทือนอย่างควบคุมไม่อยู่ ในที่สุดหลิงเทียนโหวก็เดือดดาลจนคิดเผด็จศึกหลินสวินแล้ว
พวกฮวาอู๋โยว ฮวาอู๋เหิน ซ่งเจ๋อ ซ่งชงเฮ่อยิ่งอุทานด้วยความตื่นเต้นยินดี พวกเขารอฉากนี้มานานแล้ว
ด้านหลิ่วชิงเยียนแอบร้อนใจ เจ้าหมอนี่โง่เกินไปแล้ว ทำไม่จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้จักใช้อาวุธ? ปรมาจารย์นักสลักวิญญาณอย่างเขาจะไม่มีอาวุธเลยแม้แต่ชิ้นเดียวได้อย่างไร!
จะรู้แพ้ชนะแล้วหรือ?
ผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ก็ถูกดึงดูดเช่นกัน จ้องตาไม่กะพริบ ความจริงหลินสวินใช้เพียงมือเปล่าสู้มาถึงตอนนี้ได้ก็เหนือความคาดหมายของพวกเขาแล้ว
ยามนี้พอเห็นว่าในที่สุดหลินสวินก็บาดเจ็บ พวกเขาก็แอบโล่งอกอย่างไม่ทราบสาเหตุ ด้วยเพราะถ้าแม้แต่หลิงเทียนโหวยังทำอะไรหลินสวินไม่ได้ นั่นมันก็น่ากลัวเกินไปแล้ว
——
ตอนที่ 428 การโจมตีที่โลกตกตะลึง
โดย
ProjectZyphon
ตูม!
หลิงเทียนโหวฉวยโอกาสตอนที่หลินสวินบาดเจ็บวาดง้าวออกไป แสงประกายสีทองสาดกระจายไปทั่ว ปกคลุมฟ้า เผยไอสังหารอันน่าสะพรึงกลัว
หลินสวินหลบเลี่ยง ไม่ฝืนเข้าไปรับอีก
ทำแบบนี้กลับถูกหลิงเทียนโหวมองว่าเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าต้านทานไม่ไหวแล้ว จึงโจมตีรุนแรงกว่าเดิม
ง้าวสีทองของเขาเหมือนแฝงพลังทำลายล้างมหาศาล ระเบิดแสงสีทองลึกลับไร้ที่เปรียบ อานุภาพเกรียงไกร ทุกคนที่เห็นล้วนอุทานด้วยความตกใจไม่ขาดสาย
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ในฐานะบุคคลชั้นยอดในระดับมหาสมุทรวิญญาณ พลังที่หลิงเทียนโหวแสดงออกมา เพียงพอที่จะทำให้ผู้ฝึกปราณมากมายในระดับเดียวกันละอายใจ!
ส่วนหลินสวินก็ดูเหมือนจะต้านทานไม่ไหวแล้วจริงๆ หลบเลี่ยงออกไปเรื่อยๆ
เขาถึงขั้นฉวยโอกาสช่องว่างตอนหลบหนี ยกสุราชั้นดีของราชวัง ‘เก้ามังกรสยบวิญญาณ’ ขึ้นมาดื่ม!
หลายคนเห็นภาพนี้แล้วอดส่งเสียงฮือฮาไม่ได้ เช่นนี้หมายความว่าก่อนหน้านี้หลินสวินแสร้งทำเป็นผึ่งผายไม่ใช่หรือ ยามนี้เห็นได้ชัดว่าเสียแรงไปมาก จึงจำต้องเสริมกำลัง
“ก่อนหน้านี้เด็กคนนี้เพิ่งจะประลองกับฉือฉางเฟิง ตอนนี้ก็มาฟาดฟันกับหลิงเทียนโหว พลังในร่างกายย่อมต้องหมดเป็นธรรมดา มิเช่นนั้นคงไม่สะบักสะบอมเช่นนี้”
“เหอะๆ เอาสุราเก้ามังกรสยบวิญญาณมาเสริมกำลัง ฤทธิ์ยานั่นรุนแรงยิ่งใหญ่นัก เขาไม่กลัวตายหรือไง!”
“เขากำลังเล่นกับไฟ ถ้าไม่สามารถหลอมรวมพลังได้ อย่าว่าแต่ฟื้นพลังกายเลย อาจสามารถธาตุไฟเข้าแทรกได้ นี่มันในระหว่างการประลองนะ ใครจะกล้าเสี่ยงแบบนี้”
ทุกคนต่างเผยสีหน้าสงสาร หลินสวินไม่เพียงบาดเจ็บ ยังใช้สุรายาในการเสริมกำลัง จึงถูกพวกเขามองเป็นสัญญาณว่ายืนหยัดต่อไปไม่ไหว
“ฮ่าๆๆ หลินสวิน เจ้าคุกเข่ายอมแพ้ตอนนี้ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากไปมากกว่านี้ เป็นอย่างไร?”
หลิงเทียนโหวหัวเราะลั่น สายตาราวกับเทพสังหารผู้หยิ่งผยองไร้ผู้เทียบเทียม
เขากุมง้าวพุ่งโจมตีเข้าใส่ บีบจนหลินสวินไร้ที่หลบแล้ว
ฟุ่บ!
หลินสวินโยนกาสุราออกไปแทบจะในเวลาเดียวกัน จากนั้นเขาก็พลันพุ่งขึ้นหน้า ไม่คิดหลบหนีอีก!
ยังคงใช้มือเปล่าดังเดิม เสื้อผ้ายังคงเปื้อนเลือดดังเดิม
แต่เขาในตอนนี้เหมือนอยากสู้จนตัวตายก็ไม่ปาน ยื่นมือออกไปฉับพลัน คว้าจับง้าวที่กวาดวาดเข้ามาทั้งอย่างนั้น!
“เขาต้องการให้บาดเจ็บทั้งสองฝ่ายหรือ”
หลายคนอุทานอย่างตกใจ
ปัง!
พลังอันน่าหวาดหวั่นพวยพุ่งออกจากง้าวใหญ่ราวเขื่อนแตก
มุมปากของหลิงเทียนโหวเผยความเย็นชา การโจมตีนี้รวบรวมพลังทั้งหมดของเขาเอาไว้ หลินสวินกล้าเอามือมาจับ จะต้องบาดเจ็บอย่างหนักแน่!
ทุกคนต่างดูออกว่าการโจมตีนี้รุนแรงเกินไป การกระทำของหลินสวินเหมือนเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง รนหาที่ตายชัดๆ!
หลิ่วชิงเยียนหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มทันที ตื่นเต้นกังวลอย่างที่สุด ถึงขึ้นที่ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว
แต่ภาพอันเหนือความคาดหมายได้ปรากฏขึ้น ง้าวใหญ่สีทองน่าสะพรึงของหลิงเทียนโหวกลับถูกหลินสวินจับไว้มั่น ถึงขั้นที่ไม่ได้ล่าถอยออกไปแม้แต่ครึ่งก้าว!
หือ?
ทุกคนอึ้งงัน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน
แทบจะในเวลาเดียวกัน ความเย็นชาบนมุมปากของหลิงเทียนโหวก็แข็งทื่อไป นี่มัน…
ตูม!
พลันเห็นบนร่างหลินสวินแผ่อานุภาพน่าหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งตัวเขาราวกับเกิดใหม่ท่ามกลางกองเพลิง เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้ว พลังเพิ่มขึ้นไม่เพียงแค่เท่าตัว!
ไม่ได้การแล้ว!
หลิงเทียนโหวสัมผัสได้ถึงความอันตรายโดยพลัน เขาทะยานตัวขึ้นกลางอากาศอย่างแทบจะมาจากจิตใต้สำนึก ขาขวาขยับเหวี่ยง ราวกับเสาหินสีทองต้นหนึ่งที่มีพลานุภาพในการกวาดล้างจักรวาล กระแทกใส่ศีรษะของหลินสวินอย่างจัง
ถ้าถูกเขาฟาดโดนจริงๆ ศีรษะจะต้องแหลกละเลือด กลายเป็นศพไม่มีหัวอย่างแน่นอน!
กลับเห็นว่าหลินสวินใช้มือขวาจับง้าวไว้แน่น มือซ้ายกำเป็นหมัด ทุบใส่ขาขวาของหลิงเทียนโหวราวกับค้อนเหล็กก็ไม่ปาน
ปึง!
เสียงกระแทกดังลั่น แสงประกายล้นทะลัก พลันเห็นหลิงเทียนโหวร้องโอดครวญ ขาขวามีเสียงกระดูกแตกหักดังกร๊อบคราหนึ่ง
ทุกคนตะลึงงัน ไม่อาจเชื่อสายตาของตัวเอง!
หลินสวินก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าอ่อนแรงใกล้จะยันไว้ไม่อยู่ กำลังจะพ่ายแพ้อยู่แล้ว ใครจะคิดว่าเขาไม่เพียงจับง้าวของหลิงเทียนโหวได้ ยังถึงขนาดสามารถหักขาขวาของหลิงเทียนโหวได้ด้วย!
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
กลับเห็นว่าภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ หลิงเทียนโหวทะยานถอยหลังโดยไม่ลังเล ออกแรงที่มือหมายจะชิงง้าวกลับไป
ทว่าใครจะคิดว่าหลินสวินจะกระชับแรงที่จับง้าวเอาไว้โดยพลัน จนพาร่างของหลิงเทียนโหวให้ลอยขึ้น ก่อนจะกระแทกลงพื้นอย่างจัง!
เสียงปังดังสนั่น หลิงเทียนโหวกระแทกลงพื้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เศษฝุ่นคละคลุ้ง
เขากระอักเลือด ใบหน้างดงามราวปีศาจเปลี่ยนเป็นซีดเซียว
เฮือก
ทุกคนสูดหายใจอย่างตกใจ นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้วกระมัง
“ความสามารถแค่นี้ ยังจะกล้าให้ข้าคุกเข่า?”
หลินสวินพูดเสียงเรียบ เงาร่างพุ่งไปข้างหน้า จับง้าวสีทองของหลิงเทียนโหวฟาดลงไป
“เขาบรรลุขั้นปราณแล้ว! บรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นปลายแล้ว!”
ในที่สุดก็มีคนใหญ่คนโตมองต้นสายปลายเหตุออก สีหน้าเปลี่ยนไปทันควัน ไม่อาจรักษาความนิ่งสงบไว้ได้อีกต่อไป
เรื่องการบรรลุพลังปราณระหว่างต่อสู้ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่เป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงอย่างมาก หากไม่ระวังก็อาจร่างแหลกพลังยุทธ์สลายได้
แต่เห็นได้ชัดว่าหลินสวินทำสำเร็จแล้ว!
“ถึงว่าจู่ๆ พลังการต่อสู้ของเขาก็เปลี่ยนเป็นน่ากลัวขึ้นขนาดนั้น ที่แท้…ที่แท้ก็บรรลุพลังปราณแล้ว!”
“ตัวประหลาด! เด็กคนนี้ผิดมนุษย์มนาเกินไปแล้ว!”
“ข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเมื่อครู่นี้เขาถึงดื่ม ‘เก้ามังกรสยบวิญญาณ’ ไม่ใช่เพื่อเสริมกำลัง แต่เป็นการช่วยให้บรรลุพลังปราณ!”
ทุกคนฮือฮา ตื่นตะลึงกันถ้วนหน้า
ไม่ว่าใครก็ไม่อาจจินตนาการได้ว่า ในระหว่างที่ประลองกับหลิงเทียนโหว หลินสวินกลับคิดจะใช้โอกาสนี้บรรลุพลังปราณ!
ก่อนหน้านี้เขาดูเหมือนถูกกดดันจนยากจะโต้ตอบ แต่การต่อสู้ท่ามกลางความเป็นความตายเช่นนี้กลับทำให้เขาได้กระตุ้นพลังแฝง ทำลายกำแพงแห่งพลังปราณ บรรลุสู่ขั้นใหม่!
“ที่แท้ที่เขาไม่ยอมใช้อาวุธก็เพราะต้องการเคี่ยวกรำพลังปราณระหว่างการต่อสู้ เพื่อบรรลุเป้าหมายของการทะลวงขั้นปราณ…”
หลิ่วชิงเยียนอึ้งงัน นางไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าหลินสวินจะใจกล้าขนาดนี้ หรือว่าเขาไม่กลัวว่าจะเกิดข้อผิดพลาดจนร่างแหลกพลังยุทธ์สลาย?
แน่นอนว่าหลินสวินในตอนนี้บรรลุขั้นสำเร็จแล้ว แต่เมื่อหวนคิดถึงความอันตรายที่เขาได้ประสบแล้ว ก็พาให้รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
“ไสหัวไป!”
หลิงเทียนโหวที่ล้มอยู่บนพื้นหัวเสีย ผมยาวปลิวสยาย กระโจนตัวลุกขึ้นโดยไม่รอให้หลินสวินโจมตีมาอีก อ้าปากกระอักเลือดอย่างน่าสะพรึงกลัว
แสงเลือดถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายลึกลับแน่นขนัด ราวกับโครงกระดูกขาว ส่งกลิ่นคาวเลือดน่าสยดสยอง จนห้วงอากาศย้อมกลิ่นเลือด
หลินสวินเลิกคิ้วพลางวาดง้าว
พลันได้ยินเสียงกระแทกดัง หลินสวินรู้สึกเพียงว่าเจ็บแขนขวา ง้าวสีทองนั่นก็ถูกกระแทกจนหลุดมือไป
หลังจากการโจมตีนี้ ในที่สุดหลินสวินก็มองเห็นชัดเจนแล้วว่า แสงเลือดน่าพรั่นพรึงนั่นที่แท้เป็นยันต์ เป็นอาวุธสังหารน่าหวาดหวั่นเหมือนไข่มุกสะเทือนสวรรค์ในมือตน
โชคดีที่ของเล่นพรรค์นี้ใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว
ตูม!
ยามนี้หลิงเทียนโหวก็ฉวยโอกาสแย่งง้าวกลับมา แสงประกายสีทองขับเคลื่อนอยู่รอบกาย พลังกลับคืนสู่สภาพเดิม
“สามารถทำให้ข้าเสียยันต์เลือดวิญญาณไปอันหนึ่งได้ เจ้าหนูอย่างเจ้าสามารถพ่ายแพ้โดยไม่ต้องเสียใจได้แล้ว!”
สีหน้าของเขาเย็นเยียบ เดือดดาลอย่างที่สุด โจมตีราวพายุโหมกระหน่ำ
ต้องยอมรับว่าพลังต่อสู้ของหลิงเทียนโหวน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง แม้เมื่อครู่นี้เพิ่งถูกหลินสวินจู่โจมโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ไม่ทำให้เขาตกเป็นรอง
ฆ่า!
หลินสวินในยามนี้ก็แผลงฤทธิ์เช่นกัน เงาอันรางเลือนของชือน้ำแข็งปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขา ดูองอาจราวเทพเซียน แฝงพลังทำลายล้างสรรพสิ่ง
ทั้งสองพุ่งปะทะกันอีกครั้ง ทุกคนในที่นั้นต่างหัวใจเต้นระทึก กลั้นหายใจเพ่งสมาธิ สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
แข็งแกร่งยิ่งแล้ว!
ศึกครั้งนี้ของหลินสวินและหลิงเทียนโหวเป็นการแย่งชิงกันระหว่างผู้กล้ายิ่งใหญ่สองคน พลังที่สำแดงออกมาสามารถใช้คำว่าฟ้าดินตะลึงภูตผีร่ำไห้มาเปรียบเทียนได้แล้ว
“บรรลุแล้วอย่างไร ยังไม่มีคุณสมบัติมาสู้กับข้าอยู่ดี!”
หลิงเทียนโหวตะคอก นัยน์ตาเย็นเยียบไร้ใดเปรียบ กดดันบีบคั้นราวกับสายฟ้าสีเลือด ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
แต่หลินสวินเองก็ดูถูกไม่ได้เช่นเดียวกัน การบรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นปลายทำให้ความสามารถโดยรวมของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เขากำลังพยายามปรับตัวและควบคุมพลังใหม่นี้ โดยใช้หลิงเทียนโหวเป็นตัวขัดเกลา!
ครู่ต่อมา
โครม!
ง้าววาดฟัน หลิงเทียนโหวยิ่งสู้ยิ่งแกร่ง เส้นผมของเขาพลิ้วไหว แสงสีทองรอบกายโหมคลั่ง เปล่งประกายแสบตาน่าสะพรึงกลัว
“พ่ายไปซะ!”
เขาตะคอก ง้าวใหญ่ส่งเสียงกึกก้องกังวานราวมีวิญญาณ ก้มตัวแทงใส่หลินสวินตรงๆ ด้วยการโจมตีอย่างรุนแรงที่สุด หมายจะแทงร่างหลินสวินให้ทะลุ
อากาศสั่นสะเทือน แปรปรวนอย่างต่อเนื่อง
การโจมตีนี้ชวนตะลึงจนเหมือนสามารถช่วงชิงใต้หล้าได้!
หลายคนต่างนั่งไม่ติด สีหน้าตะลึงไม่เหลือสภาพ แม้แต่เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ยังหัวใจสะท้าน ความแข็งแกร่งของหลิงเทียนโหวนั้นเหนือความคาดหมายของพวกเขาจริงๆ
สีหน้าของหลินสวินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าพลังที่หลิงเทียนโหวซ่อนไว้จะน่ากลัวขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าตอนที่ปะทะกับตนเมื่อครู่นี้ เขายังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด
เหมือนว่าการโจมตีนี้หลอมรวมไปกับฟ้าดิน ราวกับแฝงไว้ด้วยอานุภาพแห่งจักรวาล ถึงขั้นเจือพลังแห่งสัจจะอยู่รางๆ!
อะไรคือคำว่าคนและฟ้ารวมเป็นหนึ่ง?
ก็คือเช่นนี้อย่างไรเล่า มิเช่นนั้นเพียงการโจมตีเดียวจะชวนตะลึงและแฝงอานุภาพมากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
เสียงตูมดังสนั่น หลินสวินโต้กลับ ทว่าเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้นก็แพ้พ่ายให้กับการโจมตีนี้ ง้าวใหญ่สีทองนั่นพุ่งเข้าหาหลินสวินด้วยพลังทำลายล้างอันรวดเร็ว
“เจ้าจะเอาอะไรมาสู้กับข้า”
หลิงเทียนโหวตะเบ็งเสียง
เขาบรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นสมบูรณ์มาตั้งนานแล้ว อยู่ในจุดที่แข็งแกร่งที่สุดของระดับนี้ ประสบการณ์ห้าปีแห่งการฟาดฟันในสนามรบ ทำให้เขามีความมั่นใจว่าตนไม่ใช่คนที่ผู้ฝึกปราณในระดับเดียวกันจะสู้ได้
ชิ้ง!
ยามนี้ในที่สุดหลินสวินก็เคลื่อนไหว งัดสมบัติวิญญาณระดับปฐพีที่ตนหลอมขึ้นเองออกมา…ดาบวิญญาณม่วง!
“ในที่สุดเด็กนั่นก็ใช้สมบัติวิญญาณแล้ว!”
หลายคนอุทานด้วยความตกใจ
หลังจากปะทะกับฉือฉางเฟิงจวบจนถึงตอนนี้ หลินสวินใช้หมัดเปล่ามาโดยตลอด ทำให้หลายคนสงสัยว่าเขาไม่เคยเตรียมอาวุธไว้
แต่ตอนนี้ทุกคนต่างได้รู้ว่า หลินสวินใช่ว่าจะไม่มีสมบัติวิญญาณ เพียงแค่ไม่เคยเอาออกมาใช้ก็เท่านั้น!
“เพิ่งจะใช้ตอนนี้? สายไปแล้ว คุกเข่าให้ข้า!”
เสียงของหลิงเทียนโหวเย็นยะเยือก พลานุภาพยิ่งใหญ่ แสงเลือดบนร่างพุ่งขึ้นออกมา เบียดแทรกเต็มฟ้าดิน ราวกับเทพสังหารที่ทะลวงฆ่าสรรพสิ่ง
เขาในยามนี้น่ากลัวอย่างมากจริงๆ การขับเคลื่อนของพลังพุ่งไปยังหลินสวิน หมายจะสยบอีกฝ่าย
วู้ม~
แต่แทบจะในเวลาเดียวกัน ปลายดาบเล่มหนึ่งตวัดวาบ พริบตานั้นราวกับคืนนิรันดร์มาเยือน ดวงดารานับไม่ถ้วนร่วงหล่น กรีดตัดแสงอันระยิบระยับพวกนั้น
โลกและสรรพสิ่งประหนึ่งล่มสลายจมลึกในวินาทีนี้!
กระบวนท่าคว้าดารา!
ยามนี้ในที่สุดหลินสวินก็ใช้ท่าไม้ตายของตน
ทั้งลานเงียบสงัด ต่างตื่นตะลึงกันถ้วนหน้า ดวงตาเบิกโพลง นี่มันวิชาดาบอันใดกัน กลิ่นอายช่างน่าสะพรึงกลัว!
โครม!
ไม่รอให้ตั้งสติได้ เสียงชนกระแทกราวโลกสะเทือนพลันดังขึ้น บรรยากาศในลานแสดงยุทธ์ตกอยู่ท่ามกลางความตื่นตะลึง ค่ายกลวิญญาณหมุนเคลื่อน ปรากฏสัญลักษณ์ยันต์รอยสลักวิญญาณที่เป็นประกาย กำลังคลี่คลายและลบล้างการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวนี้
ไม่รอให้ตั้งสติได้ ท่ามกลางฝุ่นควันที่คละคลุ้งพลันได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของหลิงเทียนโหว ส่วนร่างเขากระเด็นออกไปอย่างแรง ปากกระอักเลือด
ในขณะเดียวกันน้ำเสียงราบเรียบของหลินสวินก็ดังขึ้น “ข้าอยากเห็นนัก ว่าใครจะคุกเข่าก่อน!”
——
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น