Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 425-426

ตอนที่ 425 อย่างไรเรียกได้ว่าแข็งกร้าว

โดย

ProjectZyphon

เมื่อได้ยินหลินสวินด่าคำก็สวะสองคำก็สวะ เหล่าคนรุ่นเยาว์อย่างฮวาอู๋โยว ฮวาอู๋เหินสีหน้าล้วนเปลี่ยนไปไม่น่าดู


เจ้าเด็กนี่…สมควรตายนัก!


และก็มีคนที่ชื่นชมจิตใจกล้าหาญของหลินสวิน อย่างเด็กสาวอ่อนต่อโลกคนหนึ่งก็รู้สึกว่าหลินสวินในตอนนี้ช่างโอหังนัก ทำให้พวกนางมีความรู้สึกเร้าใจแปลกใหม่


มีเพียงหลิ่วชิงเยียนที่ลอบยิ้มขื่น หลินสวินขณะนี้ผิดใจกับคนเหล่านั้นถึงที่สุดแล้ว


“หลินสวิน เชิญเลือก!”


หัวหน้าเผิงเตือนเสียงขรึม น้ำเสียงแฝงนัยไม่ยินยอมให้สงสัย นี่เป็นถึงการประลองที่จักรพรรดินีและบุคคลชั้นสูงจากดินแดนรกร้างโบราณหลายท่านจับตามอง ทั้งยังอยู่หน้าตำหนักกลาง หากแพร่งพรายออกไป จะให้คนใต้หล้ามองเกียรติภูมิของพระราชวงศ์อย่างไร


“ฉือฉางเฟิง เจ้าเพิ่งพูดว่าจะส่งข้าไปตายหรือ มาสิ ข้าก็อยากดูว่าวันนี้เจ้าจะมีความสามารถทำได้หรือไม่”


หลินสวินยิ้มบางๆ ดวงตาสีดำกลับจ้องฉือฉางเฟิงที่อยู่ไกลออกไปเขม็ง ชั่วพริบตาท่าทางของเขาก็พลันเปลี่ยนไป ราวห้วงน้ำใหญ่โตห้วงหนึ่งไหลเวียน มีพลังกลืนกินสวรรค์ ดูแข็งแกร่งเกินธรรมดา


“หึ!”


ฉือฉางเฟิงสีหน้าถมึงทึง เมื่อเสียงสวบดังขึ้น เงาร่างก็หายไปในห้วงอากาศอย่างรวดเร็ว ก่อนปรากฏตัวบนลานแสดงยุทธ์


“หลินสวิน หรือเจ้าลืมการเดิมพันกับข้าไปแล้ว!?”


เห็นเช่นนี้กลับเห็นหลิงเทียนโหวตะโกนออกมาสีหน้านิ่งขึง


เขานึกว่าหลินสวินหวาดกลัว ไม่กล้าประลองกับตน จึงเลือกฉือฉางเฟิงเป็นคู่ต่อสู้


“วางใจได้ รอสะสางกับฉือฉางเฟิงแล้ว ค่อยมาเก็บเจ้าก็ยังไม่สาย”


ทั้งร่างของหลินสวินอบอวลไปด้วยแสงสีฟ้าอ่อน ผมยาวดำขลับปลิวไสว ท่าทางยิ่งแข็งแกร่งรุ่งโรจน์ ทั้งยังลอบฉายแววโอหังอยู่ในที


ในที่นั้นพลันร้องอื้ออึงตะลึงพรึงเพริด


หลินสวินผู้นี้ช่างไม่รู้ดีชั่วเสียจริง ถึงกับยังจะประลองกับหลิงเทียนโหว ความหมายในถ้อยคำนี้ เห็นได้ชัดว่าคิดว่าฉือฉางเฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!


‘เจ้าหมอนี่ วันนี้ก่อเรื่องร้ายแรงเอาเรื่อง หรือคิดจะดึงดูดความสนใจจากบุคคลชั้นสูงในดินแดนลี้ลับเหล่านั้นด้วย’


ไป๋หลิงซีเลิกคิ้วคล้ายกับมีความคิด


“เขา…”


หลิ่วชิงเยียนตะลึงงัน ดวงตาสุกใสฉายแววประหลาด นางเพิ่งเคยเห็นโฉมหน้าจองหองแข็งกร้าวเช่นนี้ของหลินสวินเป็นครั้งแรก ท่าทีโอหัง ท่าทางยิ้มมองคนใต้หล้านั้น ดูต่างจากเขาในสมัยก่อนโดยสิ้นเชิง


“เฮอะ! เช่นนั้นข้าจะรอแล้วกัน จำไว้ หากเจ้าแพ้ล่ะก็ การเดิมพันครั้งนี้ยังอยู่ดังเดิม อย่าคิดเบี้ยว!”


หลิงเทียนโหวหัวเราะหยัน


หลินสวินไม่สนใจเขาอีก สายตามองไปยังฉือฉางเฟิงที่อยู่ตรงข้าม


กลับเห็นว่าเด็กหนุ่มที่ครอบครองเส้นปราณ ‘ดอกบัวม่วงกลางทะเลทอง’ เวลานี้สีหน้าเย็นชาหาใดเปรียบ ในดวงตามีเพียงความโกรธเคือง


เห็นได้ชัดว่าเขาถูกคำพูดเมื่อครู่ของหลินสวินยั่วโมโห ยังจะไปประลองกับหลิงเทียนโหวหรือ นี่แสดงชัดเจนว่าไม่เห็นเขาในสายตา!


“หลินสวิน ขอเพียงมีโอกาสฆ่าเข้า ข้าไม่มีทางออมมือใดๆ ทั้งสิ้น”


เสียงฉือฉางเฟิงเย็นชาหยิ่งผยอง ดูโหดเหี้ยมไม่มีที่สิ้นสุด


“อ้อ คำพูดหมาๆ ที่พ่นออกมา หากทำไม่ได้ก็คงขายหน้านัก!”


หลินสวินหัวเราะเนิบๆ


“ตายเสียเถอะ!”


ฉือฉางเฟิงไม่ชักช้าอีก เสียงโครมดังขึ้น แสงแวววาวกลุ่มหนึ่งระเบิดออก นั่นคือกระบี่เล่มหนึ่ง มันส่งเสียงหวีดร้องออกมา ทลายห้วงอากาศฟันไปที่หลินสวิน


พลังนั้นดุดันหาใดเปรียบ น่าหวั่นกลัวจนทำให้ลานแสดงยุทธ์ที่ปูด้วนกระบวนรอยสลักวิญญาณไหวสะเทือนเล็กน้อย


ผู้คนมากมายตื่นตระหนก ในใจเกิดความหวาดผวา ความเย็นเยียบแล่นปราดทั่วร่าง


‘สมบัติวิญญาณหรือ’


หลินสวินหรี่ตาลง


นี่เป็นกระบี่วิญญาณเล่มหนึ่ง แวววาวราวสุริยันจันทรา ปลดปล่อยแรงกดดันคุกคามที่น่ากลัวออกมา เกลียวคลื่นมโหฬารราวมหาสมุทร เฉียบคมหาใดเทียบ


สวบ!


แสงกระบี่รวดเร็วดั่งรุ้งพาดผ่าน แต่หลินสวินไวกว่า เงาร่างของเขาเคลื่อนไหวอย่างว่องไว เบื้องหลังราวกับมีเงามังกรชือน้ำแข็งใหญ่ตัวหนึ่งปรากฏขึ้น ในชั่วพริบตา ตัวคนก็หายลับไปจากจุดเดิมแล้ว


ก้าวย่างชือน้ำแข็ง!


เสียงดังโครมใหญ่ ตำแหน่งที่หลินสวินเคยอยู่เกิดเสียงสั่นสะเทือนดัง แสงกระบี่สาดออกมา จินตนาการได้ว่าหากเมื่อกี้เขาหลบช้าไปนิดเดียวต้องถูกฟันตายแน่


“กระบี่วิญญาณวสันต์!”


เสียงร้องตื่นตะหนกดังขึ้นในลานแสดงยุทธ์ ในที่สุดก็เห็นสิ่งที่ฉือฉางเฟิงใช้ชัดเจนแล้ว


กระบี่นี้เป็นสีเขียวสว่างทั้งเล่ม ปกคลุมด้วยลายสลับซับซ้อนนานาชนิด แผ่แสงมหัศจรรย์ไม่มีที่สิ้นสุด แยงตาราวทินกรกลางนภากว้าง แข็งแกร่งน่าหวั่นกลัว


มันมีนามว่าวสันต์ เป็นสมบัติวิญญาณที่ตกทอดมาในตระกูลฉือ มีพลานุภาพของระดับปฐพีชั้นสูง เคยกำราบผู้แข็งแกร่งมากมาย อาบโลหิตนับไม่ถ้วน อานุภาพถึงกับเทียบชั้นได้กับอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์!


โครม!


เมื่อโจมตีไม่โดน เงาร่างฉือฉางเฟิงพลันไหววูบ ควบคุมกระบี่วิญญาณวสันต์โจมตีอีกครั้ง รอบกายเขามีแสงเรืองสีม่วงโอบล้อม ราวกับเทพกระบี่วัยเยาว์องค์หนึ่ง มีแต่ความหยิ่งทระนงซัดออกมารอบทิศ


ฟึ่บๆๆ


หลินสวินกระโจนขึ้น เงาเลือนรางของชือน้ำแข็งแปรเปลี่ยน ทะยานเมฆขี่หมอก ในชั่วขณะสั้นๆ ก็วาดรอยเงาเป็นเส้นๆ บนลานแสดงยุทธ์


ว่องไวเกินไปแล้ว!


ก้าวย่างที่คลุมเครือยากคาดเดาได้นั้นราวกับแอบซ่อนพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ เคลื่อนไหวเกินความคาดหมาย ไปมาไร้ร่องรอย ถึงกับหลบหนีคมกระบี่จากฉือฉางเฟิงได้ครั้งแล้วครั้งเล่า


“นี่มันก้าวย่างอะไรกัน”


หลายคนตกตะลึง ดูจากไกลๆ ราวกับว่าหลินสวินไม่ใช่มนุษย์คนหนึ่ง แต่เป็นชือน้ำแข็งตนหนึ่งเคลื่อนไหวรวดเร็วในเมฆหมอก หลบเร้นในฝุ่นละอองเล็กจิ๋ว บางเวลาแปลงร่างเป็นควัน บางเวลาเคลื่อนไหวราวสายฟ้า


ปราณกระบี่ของฉือฉางเฟิงสาดออกมาอย่างดุร้ายปานใด กลับถูกหลินสวินหลบพ้น นี่ช่างเกินคาดนัก


ขนาดฮวาอู๋โยวที่เคยประลองกับหลินสวินยังอดตะลึงไม่ได้ นางจำได้อย่างชัดเจนว่า หลินสวินในตอนนั้นไม่เคยใช้ก้าวย่างอัศจรรย์ชั้นนี้มาก่อนเลย


“ข้าจะดูว่าเจ้าจะหลบไปถึงเมื่อไร!”


ทันใดนั้นฉือฉางเฟิงแผดเสียงแข็ง กระบี่วิญญาณวสันต์วาดเงากระบี่เต็มนภาดั่งน้ำเชี่ยว ปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน


ในชั่วพริบตา ทุกคนก็ดูออกว่าหลินสวินไม่มีทางหลบพ้น!


กระบี่นี้น่ากลัวนัก ปกคลุมไปสิบด้านจองจำแปดระดับ ทาบทับฟ้าดิน นอกเสียจากหลินสวินจะถอยออกไปจากลานแสดงยุทธ์ มิเช่นนั้นต้องถูกต้อนจนมุมอย่างแน่นอน!


ฮูม!


กลับเห็นว่าหลินสวินย่างก้าวเหยียบย่างขึ้นไปในห้วงอากาศ เงาชือน้ำแข็งที่อยู่เบื้องหลังพลันพุ่งออกมา แหงนหน้าสู่ห้วงฟ้า เกิดเป็นเสียงสั่นสะเทือนราวมังกรครวญ


เงากระบี่เต็มฟ้านั้นพลันสลายลงสิ้น ส่วนหลินสวินอาศัยโอกาสนี้สลัดพ้นจากสถานการณ์ยากลำบากอย่างปลอดภัย


หลายคนอดขยี้ตาไม่ได้ ไม่อยากเชื่อเรื่องทุกอย่างนี้ ล้วนคิดไม่ถึงเลยว่าก้าวย่างประหลาดยากคาดเดาของหลินสวินนั้น กลับยังมีพลังโจมตีอีกด้วย


นี่ก็คือความแข็งแกร่งของก้าวย่างชือน้ำแข็ง!


ครั้นฝึกปรือจนถึงขั้นสมบูรณ์ ยามสำแดงออกมา ใต้เท้าราวมีชือน้ำแข็งแผ้วทาง ขึ้นสู่ฟ้าลงสู่ดิน ท่องไปสิบด้าน พลานุภาพหาใดเทียบ


“หลบหนีได้อย่างเดียว ช่างขี้ขลาดเสียจริง!”


ฉือฉางเฟิงจู่โจมหลินสวินไม่ได้อยู่ครู่หนึ่ง สีหน้ายิ่งเย็นชา เขาคำรามลั่น พลังรอบตัวพลุ่งพล่าน พุ่งทะลุท้องฟ้า ทั้งร่างราวกระบี่เล่มหนึ่ง ประหนึ่งว่าไม่อาจมีผู้ใดเทียบเทียมได้


ในชั่วขณะเดียวก็เห็นว่าในลานแสดงยุทธ์มีปราณกระบี่เกี่ยวกระหวัด พุ่งโจมตีดุจวัวกระทิง กรีดวาดแสงสีเขียวเรืองแสบตา


ระหว่างที่ปราณกระบี่แผ่ออกมาทุกทิศ หลินสวินก็หายตัวเคลื่อนกายราวรุ้งเผยโฉม ดุจสายฟ้าฟาด ดั่งแสงโผผิน ประหนึ่งควันอ่อนจาง เลือนลางล่องลอยอย่างบอกไม่ถูก


การต่อสู้เช่นนี้ดูประหลาดนัก ตั้งแต่เริ่มจนจบ หลินสวินไม่ได้โจมตีกลับเลย เอาแต่หลบหนี ทำให้สถานการณ์การต่อสู้ตกอยู่ในสถานะติดพัน


“หลินสวินผู้นี้ช่างต่ำช้าเสียจริง ไม่กล้าต่อกรตรงๆ”


คนหนุ่มสาวหลายคนไม่พอใจ คิดว่าหลินสวินขี้ขลาดเหมือนหนู


“ก้าวย่างนี้มหัศจรรย์จริง เหตุใดไม่เคยได้ยินมาก่อน”


ทั้งมีผู้มากประสบการณ์บางคนพอมองอะไรออก รับรู้ได้ถึงความร้ายกาจของก้าวย่างชือน้ำแข็ง ในใจลอบสงสัย


“คิดไม่ถึงว่าหลินสวินผู้นี้ แม้จะจองหองแต่ก็มีของอยู่จริง ทว่ารูปแบบการต่อสู้คร่ำครึเกินไป ทำให้คนดูแคลน”


“เขากำลังหาโอกาสโต้กลับอยู่กระมัง”


“โต้กลับหรือ น่ากลัวจะยาก ฉือฉางเฟิงยังไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายที่แท้จริง ขอแค่เขาได้โอกาส หลินสวินต้องแพ้แน่”


หลายคนกำลังคาดเดา


เวลานี้ทุกคนกำลังจับจ้องตาเขม็งไปยังลานแสดงยุทธ์


“หึ!”


ทันใดนั้นใบหน้าฉือฉางเฟิงปรากฏรอยนิ่วหน้า ไอสีม่วงที่อบอวลไปทั่วร่างกลบทับด้วยแสงสีทองเปล่งประกายรางๆ


และพลังของเขาก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างน่ากลัว


“หลินสวิน ครั้งนี้ข้าจะดูว่าเจ้าจะตั้งรับอย่างไร”


กระบี่วิญญาณวสันต์ฟันลงมาท่ามกลางเสียงตะคอก ชั่วพริบตาประหนึ่งอาทิตย์สีเขียวปรากฏ ส่องแสงไปทั่วฟ้าดิน ม้วนกลืนห้วงอากาศ!


พลานุภาพนั้นน่ากลัวเกินไป พาให้ทั้งลานร้องฮือฮา


กระบี่นภาไพศาล!


วิชาลับที่ไม่เผยแพร่ออกไปของตระกูลฉือ!


แทบจะในเวลาเดียวกัน เงาร่างหลินสวินที่อยู่ไกลออกไปก็ชะงัก ดวงตาสีดำฉายแววเย็นเยียบ นี่คือพลังที่แท้จริงของเจ้าหรือ


ตู้ม!


เวลานี้หลินสวินไม่หลบหนีอีกแล้ว กำหมัดในทันใด พลังทั้งร่างระเบิดปะทุ ก้าวเท้าใหญ่ข้ามห้วงอากาศ เป็นฝ่ายพุ่งตัวรับการโจมตี


หนึ่งหมัดกระแทกออกไป ลมหมัดโหมใหญ่มหึมาราวจะเบิกภูเขาเทพแหวกมหาสมุทรหยก!


“เขาถึงกับกล้าพุ่งรับการโจมตี แถมยังใช้หมัดเปล่าด้วยหรือ”


ทั้งสนามสั่นสะท้านไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง คิดว่าการเคลื่อนไหวนี้ของหลินสวินเห็นได้ชัดว่ารนหาที่ตาย


เสียงกระแทกครั่นครืนดังขึ้น และเห็นว่าคมกระบี่เปล่งประกายราวตะวันสีเขียวปรากฏลวดลายลึกลับหลายรูปแบบไม่หยุดหย่อน


ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น ร่างของหลินสวินสั่นไหวอย่างรุนแรง ลำแสงเทพวิ่งวนบนร่าง ในที่สุดก็ถูกซัดกระเด็นถอยไปแล้วล้มลงบนพื้น


ยามเมื่อตกสู่พื้น พื้นดินก็สั่นสะเทือน


แต่ที่เกินคาดก็คือ เขากลับไม่ถูกโจมตีถึงตาย ถึงกับไม่บาดเจ็บสาหัสด้วยซ้ำ เพียงเลือดไหลออกมาจากมุมปาก ดูสะบักสะบอมอยู่บ้างเท่านั้น


ทุกคนสูดหายใจเยียบเย็น เจ้าหมอนี่จะร้ายกาจไปแล้ว ถึงกับใช้เพียงร่างกายก็ตั้งรับการกำราบของกระบี่นภาไพศาล วิชาลับของตระกูลฉือได้!


ทั้งยังมีหลายคนที่ทำใจเชื่อไม่ได้ ตกตะลึงอ้าปากค้าง


“อานุภาพนี้ก็ไม่เลว แต่ยังไม่สามารถสังหารข้าได้”


หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แสงวิญญาณทั้งร่างไหววูบ ไม่นานก็ฟื้นฟูพลัง ท่าทีกลับมาโอหังดังเดิม


ผลลัพธ์นี้ทำให้หลายคนสั่นสะท้านในจิตใจ ล้วนมองออกแล้วว่า ในการแลกหมัดอย่างแข็งกร้าวครั้งนี้ เห็นได้ชัดหลินสวินเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่า


อย่ามองว่าหลินสวินถูกกำราบจนสะบักสะบอม เขายังไม่ได้ใช้อาวุธด้วยซ้ำ ทั้งไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย!


เมื่อกลับมาดูฉือฉางเฟิง กลับใช้สมบัติวิญญาณกระบี่วสันต์ต่างพลทหาร สำแดงวิชาลับกระบี่นภาไพศาล ทว่ายังไม่อาจทำอะไรหลินสวินได้ นี่ย่อมสามารถตัดสินสูงต่ำ


“เด็กนี่ แข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ”


“ยามประลองกับฮวาอู๋โยวก่อนหน้านี้ พลังของเขาไม่ได้แข็งกล้าอย่างตอนนี้!”


ความสามารถที่หลินสวินแสดงออกมาเกินความคาดหมายของผู้คนมากมาย


โดยเฉพาะเหล่าผู้กล้ารุ่นเยาว์ที่ดูถูกหลินสวินก่อนหน้านี้ เวลานี้ต่างลอบตื่นตระหนก รับรู้ได้ถึงความไม่ธรรมดาของหลินสวิน


“ฉือฉางเฟิง เจ้ายังมีวิชาอะไรอีกก็ใช้ออกมาให้หมด หาไม่เมื่อข้าโต้กลับ เจ้าจะไม่มีโอกาสได้สำแดงออกมาอีกแล้ว”


หลินสวินเอ่ยเสียงเนิบ วาจาแฝงความดุดันน่าหวาดหวั่นอยู่ในที


จากการสังเกตและลองเชิงก่อนหน้านี้ทำให้หลินสวินมั่นใจแล้วว่า ฉือฉางเฟิงในตอนนี้ หากไม่เก็บงำวิชาเย้ยฟ้าอะไรไว้ ก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของตนได้เลย!


“หึ!”


แม้ท่าทางของฉือฉางเฟิงยังดุดันดังเดิม แต่ในใจก็ฉงนอยู่บ้าง หลินสวินเปลี่ยนไปยิ่งนัก เกินความคาดหมายของเขาไปเช่นกัน


——


ตอนที่ 426 อย่างไรเรียกได้ว่าโอหัง

โดย

ProjectZyphon

ก่อนหลินสวินเหยียบย่างเข้านครต้องห้ามครั้งแรก ยังเป็นผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าที่แม้แต่เหาะเหินยังทำไม่ได้ผู้หนึ่ง ก็เหมือนมดบนพื้นดินที่จะถูกเหยียบตายเมื่อไรก็ได้


ฉือฉางเฟิงในตอนนั้นย่อมคิดและทำเช่นนี้ ที่น่าเสียดายก็คือตอนนั้นมีคนยื่นมือมาช่วยหลินสวินได้ทันเวลาพอดี ทำให้เขาไม่อาจสมหวังได้


ถึงกระนั้น เวลาเพิ่งผ่านไปไม่ถึงหนึ่งปี หลินสวินที่เดิมทีฉือฉางเฟิงมองว่าเป็นมดตัวหนึ่งนี้ กลับมีความสามารถในการต่อสู้ที่สามารถต้านรับเขาได้ ในใจของฉือฉางเฟิงจะไม่ตื่นตระหนกได้อย่างไร


เพิ่งครึ่งปีกว่าเองนะ!


กลับเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งน่ากลัวถึงขั้นนี้แล้ว ใครจะกล้าคาดคิดกัน


ฉือฉางเฟิงก่อนหน้านี้ เพราะพรสวรรค์โดดเด่นเหนือใครมาโดยตลอด จึงมีความโอหังดูแคลนผู้กล้าในใต้หล้า คิดว่ารอยามตนรุ่งเรือง ผู้ที่ถูกเรียกว่าผู้กล้าในรุ่นเดียวกันต้องพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือตน กลายเป็นหินรองเท้าแน่


แต่เมื่อเทียบกับหลินสวินที่อยู่ตรงหน้า ฉือฉางเฟิงกลับพบว่า พรสวรรค์ หน่วยก้านและพลังที่ตนเคยถือเป็นความภาคภูมิใจ กลับดูด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด!


สำหรับฉือฉางเฟิงแล้ว ย่อมเป็นการกระทบกระเทือนจิตใจที่ยากยอมรับได้


เขาเป็นถึงปีศาจที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุดของตระกูลฉือ ปีนี้เพิ่งอายุสิบสี่ปี ทั้งเชื่อมั่นว่าภายในสามปีต้องได้ก้าวเท้าเข้าสู่ระดับหยั่งสัจจะ!


แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินที่ภูมิหลังไม่ดีเท่าเขา ฐานะไม่เทียบเท่าเขา ขนาดพรสวรรค์ยังมีไม่เท่าเขาตามทัน นี่พาให้ฉือฉางเฟิงแทบไม่อยากเชื่อ


“ฆ่า!”


เขาตะคอกดังลั่น วิชาลับไหลเวียน ไอพลังสีม่วงทองพลุ่งพล่านทั่วร่าง กระบี่วิญญาณวสันต์กลืนกิน นำวิชาลับกระบี่นภาไพศาลที่สืบทอดในตระกูลสำแดงออกมาอย่างสุดพลัง


ก็เห็นว่าในลานปรากฏคมกระบี่ราวทินกรวงแล้ววงเล่า พลานุภาพเกรียงไกร ยิงพุ่งไปเก้าชั้นฟ้าสิบชั้นดิน น่าพรั่นพรึงยิ่ง


ตู้มๆๆ!


ในลานแสดงยุทธ์เกิดเสียงดังลั่นราวอัสนีบาต สั่นคลอนสภาพอากาศ ฉีกกระชากห้วงนภา หากไม่ได้กระบวนรอยสลักวิญญาณมหัศจรรย์ป้องกันไว้ น่ากลัวว่าลานแสดงยุทธ์คงแหลกสลายไปนานแล้ว


ฉือฉางเฟิงและหลินสวินประลองอยู่ในนั้น เดี๋ยวก็พุ่งทะลวงชั้นฟ้า เดี๋ยวก็ขึ้นลงทั่วทั้งลาน จิตกระบี่ส่องสว่าง ลมหมัดพุ่งแรง พาให้สภาพฟ้าดินแปรผัน เกิดเป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่น่าหวาดหวั่นหลายแบบ


ทุกคนจับจ้องด้วยใจสั่นระรัว มองภาพตามไม่ทัน


ความสามารถที่ฉือฉางเฟิงแสดงออกมาสมกับที่ได้คะแนนอันดับสองในการทดสอบระดับอาณาจักร ดุดันสะดุดตา เผยคมออกมาจนหมด หากไม่เกินความคาดหมาย วันหน้าต้องเป็นผู้มีอิทธิพลยิ่งในศาสตร์กระบี่


นี่เป็นเรื่องธรรมดา เขาครอบครองเส้นปราณ ‘ดอกบัวม่วงกลางทะเลทอง’ พรสวรรค์เกินใครในโลกา ทั้งได้รับการอบรมบ่มเพาะอย่างใส่ใจจากตระกูลฉือที่มีฐานะเป็นตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง คิดจะไม่โดดเด่นเกินผู้อื่นคงยาก


ที่ทำให้ฝูงชนประหลาดใจคือความสามารถของหลินสวิน!


ตอนเพิ่งเริ่มต่อสู้ หลินสวินหลบหลีกโดยตลอด หลายคนยังนึกว่าเขาหวั่นกลัวอานุภาพของฉือฉางเฟิง ไม่กล้าสู้ตรงๆ


แต่ไม่นานนักพวกเขาก็พบว่า หลินสวินมีหรือจะกลัว เห็นชัดว่าคอยหยั่งเชิงไพ่ตายของฉือฉางเฟิงมาโดยตลอด!


จนถึงตอนนี้หลินสวินประจัญหน้ากับฉือฉางเฟิง เพียงอาศัยพลังจากหมัดเปล่า กลับสู้กับฉือฉางเฟิงได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ นี่จะไม่ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกได้อย่างไร


ช่วงนี้ทั่วนครต้องห้ามล้วนเลื่องลือกันว่าหลินสวินเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณที่โดดเด่นเกินคนธรรมดาผู้หนึ่ง จนเกือบทำให้ทุกคนลืมไปแล้วว่า เจ้านี่ยังเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ด้านศาสตร์การยุทธ์ด้วย!


ก่อนหน้านี้ใช้พลังปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นต้นเอาชนะฮวาอู๋โยวได้ก็พิสูจน์จุดนี้ได้แล้ว


แต่ตอนนี้ การประลองชั้นยอดระหว่างเขากับฉือฉางเฟิง ยิ่งพิสูจน์ความสามารถด้านการยุทธ์ที่น่ากลัวของหลินสวินได้อย่างไม่ต้องสงสัย


“เจ้านี่มันเป็นสัตว์ประหลาดอะไรกันแน่นี่!”


คนใหญ่คนโตหลายคนล้วนใจสะท้าน ไม่อาจจินตนาการได้จริงๆ ว่า หลินสวินในฐานะปรมาจารย์สลักวิญญาณหนุ่มน้อยที่สามารถชักนำปรากฏการณ์เสียงร้องเก้ามังกรได้ ก็เรียกว่าเย้ยฟ้าได้แล้ว แต่หลินสวินผู้นี้ กลับยังเป็นผู้มีพรสวรรค์เกินธรรมดาในศาสตร์การยุทธ์ด้วย นี่ช่างเกินคาดไปแล้ว


“แปลก เจ้าไม่อยากฆ่าข้าหรือ เหตุใดจนถึงตอนนี้ยังทำไม่ได้เล่า”


บนลานแสดงยุทธ์หลินสวินหัวเราะเบาๆ สำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ที่มีลมหมัดราวมังกรห้อทะยานทั่วแปดทิศอย่างครบถ้วนกระบวนความ


ใต้เท้าเขามีก้าวย่างชือน้ำแข็งเข้าคู่กับการประจัญบาน ทั่วทั้งตัวช่างดูโอหังอย่างที่สุด


“เจ้าเลิกสามหาวได้แล้ว! ตอนนั้นหากไม่มีคนช่วยเจ้า เจ้าจะยังมีชีวิตอยู่ได้ที่ไหน”


ฉือฉางเฟิงกัดฟันกรอด ถูกวาจาเย้ยเยาะของหลินสวินยั่วโมโห บนใบหน้าเย่อหยิ่งเต็มไปด้วยความเย็นชา


ตูม!


ฉับพลันทันใด พลังกระบี่ที่เขาสำแดงออกมาถูกขยี้สิ้น กระบี่วิญญาณวสันต์หวีดร้องโหยหวนแทบควบคุมไม่ได้


นี่ทำให้ฉือฉางเฟิงหน้าเปลี่ยนสีทันใด ความสามารถในการต่อสู้ของหลินสวินยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว หรือว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด


“เจ้ายังมีหน้าพูดถึงเรื่องนี้หรือ เหอะๆ บอกเจ้าให้เอาบุญ ตอนนั้นหากผู้อาวุโสคนนั้นไม่ได้ยื่นมือเข้ามา เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะรอดถึงตอนนี้”


อานุภาพของหลินสวินยิ่งแข็งกร้าว เงาร่างราวชือน้ำแข็งเหาะเหินในอากาศ ก้าวมาข้างหน้าบีบใกล้ฉือฉางเฟิง


ไม่ยกเรื่องตอนนั้นมาพูดยังดี แต่เมื่อยกขึ้นมาก็ทำให้ไฟโทสะของหลินสวินพุ่งขึ้นในใจ ตอนนั้นเขาถูกฉือฉางเฟิงเข้าพุ่งสังหารจนเกือบประสบเคราะห์


“น่าขัน! เจ้าในตอนนั้นเป็นเพียงมดปลวกขั้นผสานฟ้า ยังเพ้อเจ้อคิดฆ่าข้าหรือ น่าตลกยิ่งนัก!”


ฉือฉางเฟิงเกรี้ยวกราด


แต่ไม่ว่าเขาจะสำแดงฝีมืออย่างไร ทว่าในตอนนี้กลับต้านรับการเข้าประชิดของหลินสวินไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ตัวเขาถูกกดดันจนเริ่มถอยหลัง


หลินสวินในเวลานี้เริ่มกำราบไม่ออมแรงอีก ฉือฉางเฟิงเริ่มหมดพิษสง ไม่เป็นภัยต่อเขาแล้ว


ตูม!


แสงมหัศจรรย์สีครามพวยพุ่งไปทั่วร่าง เขาพุ่งไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง ราวห้วงน้ำใหญ่ไหลเคลื่อนแฝงพลังกลืนสวรรค์


กระบวนท่าทลายภูผามหาสมุทร!


กระบวนท่าทลายวิญญาณอากาศ!


กระบวนท่าทลายมังกรปักษาเพลิง!


……


พลานุภาพทบทวีของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ผนวกกับก้าวย่างชือน้ำแข็ง ทำให้หลินสวินดูทรงพลังยิ่ง มากไปด้วยอานุภาพที่ไม่อาจต้านทานได้


ทันใดนั้นฉือฉางเฟิงก็เริ่มปรากฏท่าทีล่าถอยขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าซีดขาว หอบหายใจเฮือกใหญ่ โกรธจนหน้าเขียว ไม่กล้าเชื่อทุกอย่างนี้


หลินสวินเพิ่งมีปราณระดับมหาสมุรวิญญาณขั้นกลางเท่านั้น อีกทั้งยังใช้หมัดเปล่าๆ ทำไมถึงแข็งแกร่งเช่นนี้


‘เจ้าคนนี้ เดิมทีนึกว่าช่วงนี้เขาหมกมุ่นในศาสตร์สลักรอยวิญญาณ ใครจะคิดว่าเขาไม่ได้ว่างเว้นจากการฝึกยุทธ์เลย!’


ดวงตาสุกใสของไป๋หลิงซีเต็มไปด้วยแววตาประหลาดใจ ฉือฉางเฟิงน่ากลัวนัก ด้วยอายุเพียงสิบสี่ปีก็ก้าวเข้ามาคว้าอันดับสองในการทดสอบระดับอาณาจักรได้แล้ว เพียงพอที่จะพิสูจน์ความเก่งกาจของเขาได้


แต่เมื่อเทียบกับหลินสวิน ก็เห็นได้ชัดว่าด้อยกว่าขั้นหนึ่ง!


“เขาฝึกฝนอย่างไรกันแน่!”


หลายคนทำใจเชื่อได้ยาก ไม่อาจจินตนาการได้เลย พวกเขายังจำได้ว่า ตอนหลินสวินเอาชนะฮวาอู๋โยวยังไม่ทรงพลังเช่นวันนี้!


“วิชาเคลื่อนกาย วิชาหมัด พื้นฐานพลังปราณ ทักษะการต่อสู้…ไม่มีด้านไหนที่ไม่เป็นชั้นยอดของโลก เจ้านี่ไม่ธรรมดาจริงๆ นะ”


คนใหญ่คนโตรุ่นอาวุโสหลายคนมองที่มาที่ไปบางอย่างจากพลังวิชายุทธ์ที่หลินสวินแสดงออกมาได้ บังเกิดสีหน้าอ่านยาก


ตระกูลหลินที่ตกต่ำอย่างหาใดเทียบไปนานแล้วนั้น กลับมีอัจฉริยะที่น่าตื่นตาเช่นนี้เพิ่มมาคนหนึ่ง นี่เป็นสิ่งที่ใครก็ไม่อาจคาดเดาได้


“ท่านภาไพศาล!”


ทันใดนั้น ฉือฉางเฟิงที่ถูกบีบให้เข้าตาจนในลานแสดงยุทธ์ก็คำรามเกรี้ยวกราด คมกระบี่แล่นปราดออกไปอย่างรวดเร็วยิ่งราวตะวันสาดแสงสว่างจ้า


รัศมีแสงในดวงตาหลินสวินไหวระยับ แทบจะในเวลาเดียวกัน เขาสูดหายใจลึก กลางฝ่ามือมีแสงสีฟ้าอ่อนหนักแน่นไหววน ก่อนจะกระแทกออกไปอย่างรุนแรง


กระบวนท่าทลายอเวจีสวรรค์!


ตู้ม!


เสียงตูมดังสะเทือนฟ้าดิน แสงอัศจรรย์กระเซ็นกระสายไปทั่วทิศ


กระบี่วิญญาณวสันต์ส่งเสียงครวญดังวิ้ง ถูกโต้กลับเข้าอย่างจัง ในเวลาเดียวกันฉือฉางเฟิงก็ถูกกำราบลงกับพื้น กระอักเลือดอึกใหญ่


หลินสวินตวัดเท้าลงไป เหยียบลงบนร่างฉือฉางเฟิง


กร๊อบ!


เสียงกระดูกหักดังขึ้น อย่าว่าแต่ฉือฉางเฟิง ต่อให้เป็นฝูงชนในที่นั้นเมื่อได้ยินก็รู้สึกเจ็บปวด


“เจ้ารนหาที่ตาย!”


ฉือฉางเฟิงคำรามเดือดดาล ดิ้นรนลุกขึ้นจะโต้กลับ


นี่เป็นการเหยียดหยามอย่างหนึ่ง ทำให้เขาโกรธจนคลุ้มคลั่ง เป็นถึงอนุชนตระกูลฉือ ผู้กล้ารุ่นเยาว์ที่มีชื่อลือลั่นนครต้องห้าม กลับถูกหลินสวินเหยียบย่ำต่อหน้าต่อตาผู้คนมากมาย ต่อไปจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน


“เจ้าไม่ได้จะฆ่าข้าหรอกหรือ ทำไมถึงไม่ได้เรื่องเช่นนี้ คนหนุ่มนั้น ทำตามที่คุยโวไว้ไม่ได้น่าขายหน้านะ”


ในดวงตาดำของหลินสวินวาบไปด้วยจิตสังหาร ยกมือขึ้นจะโจมตีให้ถึงตาย


แต่ในเวลานี้เอง บังเกิดพลังไร้รูปขึ้น ทำให้หลินสวินไม่ทันได้มีปฏิกิริยา ร่างถูกซัดออกไปสิบกว่าจั้ง


ในเวลาเดียวกันหัวหน้าเผิงที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งของลานแสดงยุทธ์โบกมือ นำฉือฉางเฟิงออกจากลาน


“วันนี้เป็นวันฉลองพระชนมพรรษาขององค์จักรพรรดินี ประลองได้แต่เอาชีวิตคนไม่ได้”


หัวหน้าเผิงเอ่ยเตือนหลินสวินเสียงเรียบ


หลินสวินแม้ไม่พอใจ แต่พอคิดแล้วก็ยิ้มพูดว่า “ขอบพระคุณผู้อาวุโสที่เตือน”


ถึงตรงนี้ การประลองยกแรกก็จบลง


ฉือฉางเฟิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งอายทั้งโกรธอย่างหาใดเทียบ ถูกคนตระกูลฉือรีบร้อนนำตัวจากไป ไม่มีหน้าจะอยู่ต่ออีก


ทุกคนในลานเห็นเช่นนี้ก็อดทอดถอนใจไม่ได้ สายตาที่มองไปยังหลินสวินล้วนเปลี่ยนแปลงไป ต่างคาดไม่ถึงว่าผู้ที่พ่ายแพ้ในท้ายที่สุดจะเป็นฉือฉางเฟิง


และคาดไม่ถึงเช่นกันว่าหลินสวินจะแข็งแกร่งผิดธรรมดาเช่นนี้ ไม่ได้ใช้สมบัติวิญญาณก็กำราบฉือฉางเฟิงได้ในหมัดเดียว ช่างน่าตระหนกยิ่งนัก


หลินสวินไม่มีสมบัติวิญญาณหรือ


ตลกน่า!


เขาเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณเชียวนะ เคยช่วยจักรพรรดินีซ่อมกระบี่เบิกฟ้า จะไม่มีสมบัติวิญญาณคู่มือสักชิ้นได้อย่างไร


เช่นนั้นเหตุใดเขาถึงไม่ใช้สมบัติวิญญาณ


คำตอบก็ง่ายดายนัก เพราะเขาไม่เคยเห็นฉือฉางเฟิงอยู่ในสายตา ไม่ควรค่าให้ใช้สมบัติวิญญาณ!


ความพ่ายแพ้ของฉือฉางเฟิงตรงหน้า พิสูจน์จุดนี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย!


“เจ้านี่แข็งแกร่งนัก จริงด้วย เขามีคู่หมายหรือยัง”


“เฮอะ ถอดใจแต่เนิ่นๆ เถอะ คนพรรค์นี้ไม่ใช่คนที่เจ้าจะคิดถึงได้หรอก”


“สงสารฉือฉางเฟิงผู้นั้น เป็นถึงอันดับสองในการทดสอบระดับอาณาจักร กลับถูกหลินสวินที่ไม่เคยเข้าร่วมการทดสอบระดับอาณาจักรเล่นงานจนเป็นแบบนั้น ชื่อเสียงผู้กล้าตอนนี้ถูกทำลายเสียแล้ว”


“หลินสวินคนนี้ ก่อนหน้านี้กำเริบเสิบสานก็จริง แต่เขาก็มีความสามารถนะ”


หลายคนวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ ในถ้อยวาจา ท่าทีต่อหลินสวินเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด


แต่คนเช่นฮวาอู๋โยว ฮวาอู๋เหิน ซ่งเจ๋อ กลับสีหน้าอึมครึม ขัดเคืองจนกัดฟันกรอด ขนาดฉือฉางเฟิงลงมือยังกำราบหลินสวินไม่ได้ นี่ทำให้พวกเขาทำใจเชื่อได้ยาก


“ด้วยการต่อสู้ครั้งนี้ ความสามารถที่เจ้าหนูนี่แสดงออกมาต้องเข้าตาจักรพรรดินีองค์ปัจจุบันกับพวกบุคคลชั้นสูงที่มาจากดินแดนรกร้างโบราณแน่…”


คนใหญ่คนโตหลายคนความรู้สึกซับซ้อน


ที่เกินความคาดหมายก็คือ หลินสวินไม่ได้ออกจากลานฝึกยุทธ์ เขากวาดสายตาไปยังหลิงเทียนโหวที่อยู่ไกลออกไป


“ถึงตาเจ้าแล้ว”


ประโยคอันราบเรียบประโยคนี้ประหนึ่งอัสนีบาตรฟาดผ่า ทำให้ทั้งลานเงียบงัน ทุกคนนิ่งไป เจ้านี่พูดอะไรน่ะ ไม่ได้ยินผิดไปใช่ไหม!


เขาถึงกับจะประลองกับหลิงเทียนโหวหลังสะสางฉือฉางเฟิงเรียบร้อยแล้วจริงหรือ


อย่างไรเรียกได้ว่าโอหัง


ก็อย่างนี้อย่างไรเล่า!


ไม่เพียงบ้าระห่ำ ยังกล้าทำตามสัญญา ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น แค่จิตวิญญาณเช่นนี้ก็เพียงพอให้คนมากมายรู้สึกด้อยกว่าแล้ว


—— 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)