Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 413-414
ตอนที่ 413 ความย่ามใจของฉู่ซานเหอ
โดย
ProjectZyphon
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง”
ระหว่างเดินฉู่ซานเหอถามขึ้นทันควัน
“เรียนรองหัวหน้าสาขา เด็กนั่นหนีเคราะห์ไม่พ้นแล้ว!”
ผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างๆ กล่าวเสียงเบา สีหน้าดูตื่นเต้น
“หืม? เล่ามาให้ละเอียด”
หว่างคิ้วของฉู่ซานเหอเองก็เผยความดีใจ
“สามวันก่อนเด็กนั่นซ่อมกระบี่เบิกฟ้ามาตลอด แต่วันที่สี่เขาเหมือนจะทำอะไรพลาด จู่ๆ ก็ดูเหมือนหมดอาลัยตายอยาก นั่งสมาธิอยู่บนพื้น จนวันนี้ยังไม่ฟื้นจากสมาธิเลยขอรับ!”
ผู้คุ้มกันรีบพูดต่อว่า “เสียดายที่ข้าไม่สามารถเข้าไปบนชั้นห้าของหอหลอมวิญญาณได้ ได้แต่ดูเหตุการณ์ทั้งหมดจากข้างนอก”
ได้ยินเช่นนี้จังหวะหายใจของฉู่ซานเหอเปลี่ยนเป็นถี่ขึ้นเล็กน้อย ในใจรู้สึกตื่นเต้น เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามข่มกลั้นความตื่นเต้นในใจเอาไว้แล้วพูดว่า “แล้วกระบี่เบิกฟ้าล่ะ”
“แตกไปแล้ว!”
ผู้คุ้มกันยิ้มอย่างย่ามใจ
“แตกไปแล้วงั้นหรือ”
แม้เดาออกตั้งแต่แรกแล้วว่าผลลัพธ์ต้องเป็นเช่นนี้ แต่ตอนนี้ได้รู้คำตอบ ในใจก็ยังคงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
“เจ้าแน่ใจนะ”
ฉู่ซานเป็นคนรอบคอบ จึงถามเพื่อความแน่ใจ
“ข้าน้อยกล้าเอาหัวเป็นประกัน กระบี่เบิกฟ้านั่นแตกเป็นเก้าชิ้น สองวันนี้ถูกวางทิ้งอยู่อย่างนั้น ไม่ได้รับการซ่อมเลย”
ผู้คุ้มกันสาบานอย่างจริงจัง
“ดี! ดี! ดี!”
ฉู่ซานเหอควบคุมความตื่นเต้นดีใจไม่อยู่แล้ว เรื่องนี้สำเร็จสักที อีกเดี๋ยวยามเจอหลินสวิน ดูซิเด็กนั่นจะสิ้นหวังและหวาดกลัวมากเพียงใด!
“รองหัวหน้าสาขา จะแจ้งทางราชวงศ์เลยหรือไม่”
ผู้คุ้มกันถาม
ฉู่ซานเหอชะงักไป สุดท้ายก็สกัดกั้นความวู่วามในใจไว้แล้วกล่าวว่า “รอดูสถานการณ์ให้แน่ชัดก่อนค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย”
ในขณะที่พูด ฉู่ซานเหอก็ได้นำอาจารย์และศิษย์กลุ่มใหญ่เข้าไปถึงชั้นห้าของหอหลอมวิญญาณแล้ว
ภายในโถงอันกว้างใหญ่เงียบสงัด
ฉู่ซานเหอตาเป็นประกาย เป็นอย่างที่ผู้คุ้มกันพูดไม่มีผิด หลินสวินนั่งขัดสมาธินิ่งไม่ขยับ
เด็กนี่ยอมแพ้แล้วดังคาดใช่หรือไม่
เขากวาดสายตา พลันเห็นบนโต๊ะที่อยู่ข้างๆ มีกระบี่เบิกฟ้าที่แตกเป็นเก้าชิ้นวางอยู่ แสงประกายสีม่วงแพร่กระจายไปทั่ว
แตกแล้วจริงๆ!
นัยน์ตาของฉู่ซานเหอยิ่งเปล่งประกายวาว
ใกล้ๆ โต๊ะ ปรมาจารย์สลักวิญญาณอาวุโสสี่ท่านกำลังพินิจพิเคราะห์อะไรสักอย่าง แต่ละคนต่างขมวดคิ้วแน่น จ้องกระบี่เบิกฟ้าที่แตกไปแล้ว โดยไม่รู้เลยว่าฉู่ซานเหอได้นำอาจารย์และศิษย์กลุ่มใหญ่มาถึงแล้ว
“นี่มัน…”
“กระบี่เบิกฟ้าแตกไปแล้วงั้นหรือ”
“นั่นก็หมายความว่าการซ่อมของอาจารย์เสี่ยวหลิน…ล้มเหลวแล้วจริงๆ หรือ”
“สวรรค์! เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ กระบี่เบิกฟ้าถูกทำลาย ราชวงศ์มีหรือจะปล่อยอาจารย์เสี่ยวหลินไว้ และจักรพรรดินีจะยอมได้อย่างไรที่สมบัติอันล้ำค่าที่สุดของตนถูกทำลาย?”
“แย่แล้ว คราวนี้อาจารย์เสี่ยวหลินเขา…ก่อภัยพิบัติครั้งใหญ่แล้ว!”
ไม่นานกลุ่มอาจารย์ศิษย์ต่างอุทานอย่างตกใจ สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนไป
เสิ่นทั่วที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนยังอดเผยสีหน้าตกใจไม่ได้ เดิมเขาคิดว่า ในเมื่อหลินสวินกล้ารับปากเรื่องนี้ ไม่แน่ว่าอาจสร้างปาฏิหาริย์ได้จริง
แต่ความจริง…
โหดร้ายเกินไปหรือเปล่า!
บรรดาศิษย์ระดับ ค. ห้องเก้ายิ่งใบหน้าหม่นแสง รู้สึกหนักใจอย่างที่สุด อาจารย์เสี่ยวหลินที่พวกเขาเคารพนับถือกลับตกหลุมพราง ทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย นี่เป็นสิ่งที่พวกเขายากจะรับได้
“ทุกท่าน แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา ไม่จำเป็นต้องตกใจขนาดนั้น”
ฉู่ซานเหอแค่นเสียงไอแห้งๆ คราหนึ่งก่อนพูดเสียงขรึม “เพียงแต่ไม่ได้เห็นความสามารถของอาจารย์เสี่ยวหลิน ช่างน่าเสียดาย”
หลายคนต่างเผยสีหน้าขึ้งโกรธ แม้แต่เหล่าอาจารย์และศิษย์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังรู้สึกว่าฉู่ซานเหอทำเกินไป
การซ่อมกระบี่ในครั้งนี้เดิมเป็นสถานการณ์ที่ฉู่ซานเหอจงใจสร้างขึ้น ยามนี้ยังเอาแต่พูดแดกดัน ดูต้องการแก้แค้นชัดเจนมาก
“รองหัวหน้าสาขาฉู่ กระบี่เบิกฟ้าเคยเสียหายอย่างรุนแรง แทบไม่มีหวังที่จะถูกซ่อมแล้ว การถูกทำลายเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น” เสิ่นทั่วพูดเสียงขรึม “เรื่องนี้…จะโทษหลินสวินคนเดียวไม่ได้”
“ใช่แล้ว ปัญหาที่ปรมาจารย์สลักวิญญาณมากมายในนครต้องห้ามยังจนปัญญา อาจารย์เสี่ยวหลินทำพลาดก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้”
อาจารย์และศิษย์คนอื่นๆ ต่างเสริมขึ้น
ฉู่ซานเหอคิดไม่ถึงเลยว่าในสถานการณ์แบบนี้จะมีคนโต้แย้งเขา
เขาหน้าขรึมลงเอ่ยว่า “ถ้ารู้แต่แรกว่าทำไม่ได้ เหตุใดอาจารย์เสี่ยวหลินไม่รีบปฏิเสธเล่า ในเมื่อเขารับปาก เขาก็ต้องรับผิดชอบต่อความล้มเหลวในครั้งนี้แต่เพียงผู้เดียว”
เขาหยุดไปครู่ ค่อยถอนหายใจยาวพูด “เฮ้อ ความจริงข้าก็ไม่อยากเห็นอาจารย์เสี่ยวหลินล้มเหลวเช่นกัน แต่กระบี่เบิกฟ้าสำคัญมาก ตอนนี้ถูกทำลายไปแล้ว ผลลัพธ์ต้องรุนแรงมากแน่”
เห็นว่าจนขนาดนี้แล้วฉู่ซานเหอก็ยังจะแสแสร้ง หลายคนจึงอดรู้สึกโมโหไม่ได้ ลอบก่นด่าในใจไม่หยุด
ตาแก่นี่เห็นได้ชัดว่าต้องการเล่นงานหลินสวินให้ตายในครั้งเดียว ไม่เหลือทางรอดให้หลินสวินอีกแล้ว!
“รองหัวหน้าสาขาฉู่…”
เสิ่นทั่วอยากพูดอะไรต่อแต่กลับถูกฉู่ซานเหอโบกมือตัดบท “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ในเมื่อเรื่องมันเกิดแล้ว หาข้ออ้างไปก็ไม่มีประโยชน์ วิธีเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือต้องรีบรายงานเรื่องนี้กับราชวงศ์อย่างเร็วที่สุด เพื่อขอความเห็นใจสูงสุด”
เหี้ยมมาก!
ทุกคนหัวใจสะท้าน ถ้าราชวงศ์รู้เรื่องก็จะไม่เหลือโอกาสรอดอีกเลย
“ใครก็ได้” ไม่ทันที่ทุกคนจะตอบสนอง ฉู่ซานเหอก็ได้ออกคำสั่ง “ไปรายงานเรื่องที่อาจารย์เสี่ยวหลินซ่อมกระบี่เบิกฟ้าล้มเหลว จนทำให้กระบี่เบิกฟ้าถูกทำลายกับราชวงศ์ตามความจริง”
“ขอรับ”
ผู้คุ้มกันนายหนึ่งเดินออกมารับคำสั่งแล้วจากไป
ใจของทุกคนหนาวเยือก
ฉู่ซานเหอกลับระบายยิ้ม พยายามสกัดกั้นความตื่นเต้นในใจ กล่าวอย่างทอดถอนใจ “ทุกท่านอย่าได้เสียใจกับอาจารย์เสี่ยวหลิน เชื่อว่าราชวงศ์จะต้องจัดการเรื่องนี้ตามความเหมาะสมแน่นอน”
ฉู่ซานเหอในตอนนี้ แม้ภายนอกจะดูไม่ออก แต่ทุกคนต่างรับรู้ได้ว่าตอนนี้เขาต้องพอใจและได้ใจอย่างมากแน่!
“ใครบอกว่าข้าล้มเหลว”
และในขณะนั้นเองจู่ๆ หลินสวินที่นั่งสมาธิอยู่ก็ลุกขึ้นและลืมตามองมา
ไม่ได้เจอเพียงเจ็ดวัน ใบหน้าของหลินสวินดูผอมซูบไปไม่น้อย หนวดเครารุงรัง หว่างคิ้วแฝงความเหนื่อยล้า
เห็นได้ชัดว่าการซ่อมกระบี่เบิกฟ้าในช่วงหลายวันนี้ ทำให้เขาเสียแรงกายและแรงใจไปมาก
ทุกคนต่างเห็นใจหลินสวิน คิดว่าที่เขาส่งเสียงขึ้นตอนนี้เพราะรับผลของความล้มเหลวไม่ไหว
“อาจารย์เสี่ยวหลิน กระบี่เบิกฟ้าถูกทำลาย แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนอยากเห็น หวังว่าท่านจะไม่เสียใจเกินไป”
ฉู่ซานเหอแสร้งทำเป็นพูดอย่างเห็นใจ
หลินสวินกลับยิ้ม “ขอบคุณรองหัวหน้าสาขาฉู่ที่เป็นห่วง แต่…ข้าขอถามหน่อยเถิด ตาข้างใดของท่านที่เห็นว่าข้าล้มเหลว”
คำพูดนี้เห็นชัดว่าไม่มีความเกรงใจสักนิด เจือเค้าลางระบายโทสะกลายๆ
“อาจารย์เสี่ยวหลิน ข้ารู้ว่าท่านรู้สึกไม่ดี แต่ข้าหวังว่าท่านจะระวังคำพูด อย่าได้พูดเพ้อเจ้ออีก!”
ฉู่ซานเหอหน้าขรึม พูดอย่างไม่พอใจ
“ระวังคำพูดงั้นหรือ ก็ได้”
หลินสวินหัวเราะเบาๆ “รองหัวหน้าสาขาฉู่ จำฉู่ไห่ตงได้หรือไม่ ข้ารู้สึกว่าท่านกับเขาช่างสมกับที่มาจากตระกูลเดียวกัน”
คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร
หลายคนต่างตะลึงงัน และมีบางคนที่ตระหนักได้ในทันที ต่างเผยสีหน้าแปลกๆ ฉู่ไห่ตง นั่นมันคนที่ถูกหลินสวินพิสูจน์ว่าเป็น ‘ไอ้โง่’ อย่างไรเล่า
ตอนนี้หลินสวินพูดแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าจะจัดฉู่ซานเหออยู่ในประเภท ‘ไอ้โง่’ ด้วยอีกคน
คำพูดนี้ร้ายกาจเกินไปแล้ว!
แต่พอคิดทบทวนดูแล้ว ฉู่ซานเหอกลั่นแกล้งหลินสวินขนาดนี้ เขาจะรู้สึกโกรธเกลียดบ้างก็ไม่แปลก เสียดสีฉู่ซานเหอสักหน่อยก็พอจะเข้าใจได้
เห็นได้ชัดว่าฉู่ซานเหอเองก็เข้าใจแล้ว สีหน้าพลันอึมครึมทันตาเห็น ประกายเย็นเยียบทะลักท่วมในดวงตา จ้องหลินสวินเขม็ง “อาจารย์เสี่ยวหลินหมายความว่าอย่างไร”
บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที
หลินสวินไม่สะทกสะท้าน ยิ้มน้อยๆ กล่าว “หมายความอย่างไร? รองหัวหน้าสาขาฉู่ย่อมรู้ดีแก่ใจ แต่ว่าเมื่อครู่นี้ท่านกล่าวโทษข้าผิดแล้ว กระบี่เบิกฟ้านี้ข้าซ่อมเสร็จตั้งแต่สามวันก่อนแล้ว จะเรียกว่าล้มเหลวได้อย่างไร”
ทุกคนอึ้งงัน เหล่าอาจารย์และเหล่าศิษย์มองเศษกระบี่เบิกฟ้าที่แตกเป็นเก้าเสี่ยงบนโต๊ะ สีหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจ
ฉู่ซานเหอหัวเราะลั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ ส่ายหน้าพูด “อาจารย์เสี่ยวหลิน ข้าว่าท่านสับสนหมดแล้ว พูดจาเพ้อเจ้ออยู่ได้ กระบี่เบิกฟ้าแตกขนาดนั้นก็เรียกว่าซ่อมเสร็จหรือ”
พูดถึงประโยคสุดท้าย เขาพลันอดหัวเราะลั่นอีกครั้งไม่ได้ รู้สึกสะใจที่สามารถเล่นงานจนหลินสวินพูดจาเพี้ยนๆ ทำให้เขารู้สึกย่ามใจอย่างบอกไม่ถูก
“รองหัวหน้าสาขาฉู่ ท่าน…หยุดหัวเราะเถอะ”
ยามนั้นเองปรมาจารย์สลักวิญญาณอาวุโสสี่ท่านนั้นก็เดินเข้ามาและอดเตือนเสียงเบาไม่ได้ สีหน้าต่างแฝงความเวทนา
ใช่แล้ว คือความเวทนา!
ไม่ได้เวทนาหลินสวิน แต่เวทนาฉู่ซานเหอ!
พาให้ทุกคนแปลกใจ และรู้สึกลางๆ ว่าสถานการณ์กำลังจะพลิกผัน
ส่วนฉู่ซานเหอขมวดคิ้วพูดเสียงเย็น “พวกท่านหมายความว่าอย่างไร หรือว่าเมื่อครู่นี้ข้าทำอะไรผิด…”
พูดไม่ทันจบเสียงของเขาก็หยุดไปกะทันหัน ดวงตาเบิกกว้าง ตัวแข็งค้างอยู่กับที่ราวกับถูกฟ้าผ่า
พลันเห็นหลินสวินยื่นมือออกไป จู่ๆ บนโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ ตัวนั้นก็มีแสงประกายม่วงปรากฏขึ้นวงแล้ววงเล่า เห็นได้ชัดว่าแผ่กระจายออกมาจากกระบี่เบิกฟ้าที่แตกเป็นเก้าเสี่ยง
ยามนี้เศษกระบี่ทั้งเก้าเสี่ยงราวกับมีจิตวิญญาณ ได้ยินเพียงเสียงดังกราวอันมีจังหวะเป็นเอกลักษณ์ ดอกจื่อเย่าอันบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์เบ่งบานออกมาดอกแล้วดอกเล่า
ดอกจื่อเย่าทั้งเก้าดอกนี้พลิ้วไหวอยู่กลางอากาศ แผ่ประกายแสงแสบตา เพียงพริบตาก็กลายเป็นกระบี่วิญญาณขนาดยาวสามฉื่อที่ปลดปล่อยกลิ่นอายเก่าแก่ น่าเกรงขามและศักดิ์สิทธิ์!
มันลอยอยู่กลางอากาศ ตัวกระบี่สาดประกายสีม่วงแรงกล้า บีบอัดจนความว่างเปล่าตรงหน้าทรุดตัวลง อากาศเปลี่ยนเป็นแปรปรวน ส่งเสียงกึกก้องราวครวญคร่ำ
อาจารย์และศิษย์หลายคนถึงขั้นอุทานอย่างตะลึง รู้สึกเพียงแสบตาไปชั่วขณะ หัวใจสั่นสะท้าน ถึงกับไม่กล้ามองแสงประกายจากตัวกระบี่!
ถึงขนาดที่ศิษย์บางส่วนรู้สึกกลัว ขนลุกซู่ไปทั่วร่าง จิตวิญญาณสะท้านไหว สีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาวขึ้นมา
นี่มัน…
กระบี่เบิกฟ้ากลับไปเป็นเหมือนเดิมในพริบตาเดียว!
อีกทั้งเพียงแค่พลังที่ปลดปล่อยออกมาก็ต่างจากเจ็ดวันก่อนอย่างสิ้นเชิง ดูศักดิ์สิทธิ์กว่า น่าเกรงขามกว่า และน่ากลัวยิ่งขึ้น
ราวกับปลุกวิญญาณและชีวิตใหญ่ขึ้นมา!
ทุกคนล้วนตะลึงงัน และเห็นหลินสวินยิ้มน้อยๆ มองฉู่ซานเหอที่อยู่ห่างออกไปพลางพูดว่า “รองหัวหน้าสาขาฉู่ สีหน้าของท่านตอนนี้เหมือนฉู่ไห่ตงตอนที่อยู่ที่ภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณไม่มีผิด ราวกับมาจากพิมพ์เดียวกันอย่างไรอย่างนั้น สมแล้วที่พวกท่านมาจากตระกูลเดียวกัน”
ตอนที่ 414 ตบหน้าคืนอย่างแรง
โดย
ProjectZyphon
ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัด หลินสวินพูดไม่ดังมากนักแต่ทุกคนกลับได้ยินชัดเจนถนัดหู นอกจากทำให้พวกเขาตะลึง ในใจก็อดรู้สึกแปลกประหลาดไม่ได้
หลินสวินตอบโต้ไวมากไปแล้ว เมื่อครู่นี้ยังถูกมองว่าเป็นผู้ล้มเหลว ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอยู่เลย ทั้งยังถูกฉู่ซานเหอทั้งเย้ยหยันและโจมตีอย่างต่อเนื่อง
แต่พริบตาเดียว เมื่อกระบี่เบิกฟ้าที่แตกเป็นเก้าเสี่ยงนั้นปรากฏตัวอย่างสมบูรณ์ไร้ที่ติ ก็ราวกับฝ่ามือล่องหนที่สะบัดลงบนใบหน้าของฉู่ซานเหออย่างแรง!
เรียกได้ว่าตบเข้าไปอย่างจัง!
อีกทั้งความนัยในคำพูดของหลินสวิน ยังเป็นการจัดฉู่ซานเหอว่าเป็นไอ้โง่เหมือนฉู่ไห่ตงอีกครั้ง…
เห็นเพียงสีหน้าของฉู่ซานเหอเปลี่ยนไป สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวและไม่อยากเชื่อ “เจ้า…นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไร”
ใช่แล้ว เขาคิดไม่ถึงเลยว่ากระบี่เบิกฟ้าที่แตกเป็นเก้าเสี่ยงแล้วแท้ๆ จะฟื้นคืนชีพอย่างสมบูรณ์แบบในชั่วพริบตา!
เชื่อถือเกินไปแล้ว!
“หลินสวิน กระบี่เบิกฟ้าเล่มนี้ถูกซ่อมจนกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วจริงๆ หรือ”
เสิ่นทั่วอดถามขึ้นมาไม่ได้ เขาตกตะลึงเกินไปจริงๆ กระบี่เบิกฟ้าเล่มนี้เคยได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ทำให้ปรมาจารย์สลักวิญญาณทั่วทั้งนครต้องห้ามต่างจนปัญญา แต่หลินสวินกลับใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้
จะไม่ให้เสิ่นทั่วตะลึงได้อย่างไร
ไม่เพียงแค่เสิ่นทั่ว อาจารย์และศิษย์คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ตื่นตะลึง
“ซ่อมได้แล้วจริงๆ พวกเราเห็นกับตา”
ชายชราข้างๆ หลินสวินพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความทอดถอนใจ
“ใช่แล้ว ไม่เพียงแค่ความเสียหายภายในตัวกระบี่ที่ถูกซ่อมแซมจนกลับเป็นเหมือนเดิม แม้แต่กระบวนรอยสลักวิญญาณสี่สิบเก้ากระบวนที่แฝงอยู่ในกระบี่ก็ถูกหลอมและจัดลำดับใหม่ อานุภาพของกระบี่เบิกฟ้าเล่มนี้เหนือกว่าเมื่อก่อนไปอีกระดับ!”
“สิ่งที่เหลือเชื่อที่สุดคือ อาจารย์เสี่ยวหลินเขา…ใช้เวลาเพียงแค่สี่วันก็ทำได้ถึงขั้นนี้ เทียบกับเขาแล้ว พวกข้าช่างละอายใจนัก!”
อีกสามท่านต่างทอดถอนใจ คำพูดเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ทุกคนมองหน้ากัน ความตะลึงท่วมท้นหัวใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เป็นเรื่องจริงหรือนี่!
หลินสวินใช้เวลาเพียงสี่วัน ซ่อมชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นหนึ่งของจักรพรรดินีสำเร็จ!
ปีนี้เขาเพิ่งอายุสิบหกปี ห่างจากตอนที่ได้รับการรับรองเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณครั้งที่แล้วแค่เดือนเดียวเท่านั้น!
เหลือเชื่อเหลือเกิน
ทุกคนต่างสะท้านขวัญ ตกอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบราวคนตาย ยิ่งคิดก็ยิ่งอึ้ง
ส่วนฉู่ซานเหอกลับสีหน้าอึมครึมผิดปกติ เส้นเลือดบนหน้าผากปูดนูนออกมา ตัวแข็งค้างอยู่กับที่ ท่าทางทั้งอัดอั้น ผิดหวังและตื่นตะลึงจนแทบจะกระอักเลือด
เห็นได้ชัดว่า จวบจนถึงตอนนี้เขายังรับเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ได้
เขาวางแผนมาขนาดนี้ ถึงขั้นที่เริ่มคิดวิธีว่าจะโจมตีหลินสวินอย่างไร หลังจากหลินสวินพลาด
แต่เขาคิดไม่ถึงว่า หลินสวินจะสามารถซ่อมกระบี่เบิกฟ้าได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่วัน!
เป็นไปได้อย่างไร!
ฉู่ซานเหอจำได้แม่นว่ากระบี่เบิกฟ้าเล่มนี้เคยได้รับความเสียหายอย่างหนัก เคยทำให้ปฐมาจารย์สลักวิญญาณท่านหนึ่งยังรู้สึกจนปัญญา
ด้วยเหตุนี้เขาจึงมั่นใจไร้กังวล ว่าหลินสวินที่เพิ่งได้รับการรับรองเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณไม่มีทางทำสำเร็จแน่
แต่ความจริง…
กลับโหดร้ายถึงเพียงนี้ เหมือนมีดด้ามหนึ่งที่ฟันทำลายแผนการทั้งหมดของฉู่ซานเหอให้พังพินาศ ก่อนจะทิ่มแทงเข้าขั้วหัวใจของเขาอย่างจัง ทำให้เขาอัดอั้นจนหายใจไม่ออก
หลายคนต่างสัมผัสได้อย่างมีไหวพริบว่าสีหน้าของฉู่ซานเหอทะมึนขึ้นเรื่อยๆ ไม่น่าดูขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าโกรธจนแทบคลั่งแล้ว
ทำให้หลายคนอดรู้สึกดีใจไม่ได้ ก่อนหน้านี้ฉู่ซานเหอทั้งเย้ยหยันและวิพากษ์วิจารณ์หลินสวินไม่หยุด แม้จะใช้แผนร้ายอย่างเปิดเผย แต่วิธีนั้นช่างเหี้ยมเกรียมและโหดร้ายจนหลายคนรู้สึกไม่ชอบใจ
แต่ตอนนี้ฉู่ซานเหอกลับตกหลุมพรางที่ตัวเองขุดไว้เสียเอง จุดจบแบบนี้ช่างสะใจจริงๆ
โดยเฉพาะศิษย์ระดับ ค. ห้องเก้า สายตาที่มองฉู่ซานเหอไม่เก็บความดูถูก เวทนาและสะใจของตัวเองเลยสักนิด
ตาเฒ่านี่คิดแต่จะทำร้ายอาจารย์เสี่ยวหลิน คราวนี้ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว แบบนี้เรียกว่ากรรมตามทัน!
ส่วนพวกตามีแววต่างมองออกว่า หลังจากเรื่องนี้บารมีของหลินสวินคงจะเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับใหม่!
เพราะที่มาของกระบี่เบิกฟ้านั้นไม่ธรรมดา ทั้งยังเป็นสมบัติชิ้นสำคัญของจักรพรรดินี ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นชุดศึกสลักวิญญาณที่มีตำนานมากมาย และหลินสวินสามารถใช้ความสามารถของตัวเองซ่อมสมบัติชิ้นสำคัญนี้ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน ฝีมือนั้นมหัศจรรย์ยากคาดเดา สร้างความตกตะลึงถ้วนหน้า!
สามารถจินตนาการได้ว่า เมื่อข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปจะสร้างความฮือฮาและเสียงตอบรับมากเพียงใด ส่วนหลินสวินก็สามารถฉวยโอกาสนี้เพิ่มพูนชื่อเสียงอย่างสูงสุด
มองย้อนกลับไปที่ฉู่ซานเหอ ครั้งนี้เขาวางแผนมาอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต แต่สุดท้ายกลับตกหลุมที่ตัวเองขุดไว้
แม้เขาไม่ได้รับความเสียหายอันใด แต่หลังจากเรื่องนี้ชื่อเสียงและบารมีของเขาจะต้องได้รับผลกระทบอย่างไม่ต้องสงสัย และกลายเป็นผู้ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วทั้งนครต้องห้าม
เหตุการณ์ที่ประสบไม่ต่างจากฉู่ไห่ตงญาติรุ่นหลานของเขาเท่าไหร่
ก็ไม่แปลกที่ก่อนหน้านี้หลินสวินเสียดสีว่าฉู่ซานเหอเหมือนมาจากพิมพ์เดียวกันกับฉู่ไห่ตง
ฉู่ซานเหอลอบสูดหายใจเข้าลึกๆ หลายเฮือกติดต่อกัน เห็นได้ชัดว่ากำลังควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ฝืนยิ้มพูด “ฝีมือของอาจารย์เสี่ยวหลินช่างสูงส่ง ทำให้ข้าได้เปิดโลกจริงๆ เชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ที่นี่ก็คงคิดเหมือนข้า ข้ายังมีเรื่องด่วนบางอย่างต้องจัดการ ขอตัวก่อน”
พูดจบเขาก็ทำเหมือนจะจากไป
ช่วยไม่ได้ วันนี้เสียหน้ามากแล้ว ถูกหลินสวินเอาคืนด้วยวิธีที่เหลือเชื่อท่ามกลางสายตาทุกคนเช่นนี้ ทำให้ฉู่ซานเหออับอายจนอยากตาย ยังจะมีอารมณ์อะไรอยู่ต่อ
“ช้าก่อน รองหัวหน้าสาขาฉู่คล้ายจะลืมบางเรื่องไป”
หลินสวินพลันพูดขึ้น
ฉู่ซานเหอหัวใจกระตุกวูบ พยายามข่มกลั้นความหงุดหงิดใจเอาไว้ ถามด้วยน้ำเสียงเนิบช้า “เรื่องใด”
“ในเมื่อจักรพรรดินีมอบหมายให้สาขาสลักวิญญาณซ่อมกระบี่เบิกฟ้า ย่อมต้องมีค่าตอบแทนและรางวัลอย่างมหาศาล ยามนี้ในเมื่อข้าเป็นผู้ซ่อมกระบี่เบิกฟ้าสำเร็จ ก็ควรจะคิดคำนวณผลตอบแทนและรางวัลให้กับข้าสักหน่อยใช่หรือไม่”
หลินสวินยิ้มถาม
ได้ยินแบบนี้ทุกคนพลันพูดอะไรไม่ออก แต่ก็จริงอย่างที่หลินสวินพูด นั่นมันกระบี่เบิกฟ้าเชียวนะ ถ้าไม่มีผลตอบแทนที่มากพอ ใครจะกล้ารับมาซ่อม
ฉู่ซานเหอมุมปากกระตุกมุมปากอย่างแรงคราหนึ่ง ยิ้มพูดอย่างแข็งทื่อ “เรื่องนี้… รอให้ส่งกระบี่เบิกฟ้าคืนราชวงศ์ก่อน แน่นอนว่าต้องประทานรางวัลมหาศาลลงมา”
หลินสวินระบายยิ้ม “เช่นนั้นก็ดี”
เพียงแต่ในขณะที่ฉู่ซานเหอเตรียมจะจากไปอีกครั้ง หลินสวินพลันพูดขึ้นอีก “รองหัวหน้าสาขาฉู่ ยังมีอีกเรื่อง”
ไอ้เด็กเวรนี่ เจ้าจะพอได้หรือยัง!
ฉู่ซานเหอโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา รู้สึกว่าหลินสวินกำลังดูหมิ่นและทรมานเขาครั้งแล้วครั้งเล่า รังแกกันเกินไปแล้ว
“ว่ามา”
ฉู่ซานเหอกัดฟันทน พ่นคำนี้ออกจากไรฟันเบาๆ
“ข้าจำได้ว่าเมื่อครู่นี้ท่านได้ส่งคนไปแจ้งกับราชวงศ์ว่ากระบี่เบิกฟ้าถูกข้าหลินสวินทำลายไปแล้ว ถ้าข่าวสารที่ทางราชวงศ์ได้รับตรงข้ามกับสถานการณ์จริง…”
ไม่ทันที่หลินสวินจะพูดจบฉู่ซานเหอก็ตัวสะท้านทันที สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างควบคุมไม่อยู่ ไม่ต้องให้หลินสวินพูดให้จบเขาก็ตระหนักได้ถึงความรุนแรงของปัญหา
นี่มันโทษโกหกหลอกลวงจักรพรรดินีเชียวนะ!
ถ้าจักรพรรดินีรู้ว่าตนยื่นมือสอดขาเข้ามายุ่มย่าม จุดจบนั้น…ไม่อยากจะคิด!
ยามนี้เหล่าอาจารย์และศิษย์อดสูดหายใจด้วยความตกใจไม่ได้ เดาได้รางๆ ว่าหลินสวินตั้งใจให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้ เมื่อครู่นี้หากหลินสวินรีบเตือนก่อนโดยประกาศผลการซ่อมกระบี่เบิกฟ้า จะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร
วิธีแก้เผ็ดนี้เหี้ยมเหลือเกิน!
ทว่าถ้าฉู่ซานเหอไม่ได้จงใจใช้วิธีอันเหี้ยมโหดพรรค์นี้มาเล่นงานหลินสวิน ก็คงไม่ถูกหลินสวินฉวยโอกาสเอาคืน
สีหน้าของฉู่ซานเหอพลันเปลี่ยนเป็นซีดเซียวไร้สีเลือด ไม่สามารถควบคุมโทสะในใจได้อีก เขาชี้หน้าหลินสวินคำรามก้อง “หลินสวิน เจ้ารู้อยู่แล้วเหตุใดถึงไม่เตือนข้าแต่แรก ปล่อยให้ข้าตกที่นั่งลำบากเช่นนี้”
หลินสวินกลอกตา “รองหัวหน้าสาขาฉู่ กระบี่เบิกฟ้าซ่อมยากเพียงนี้ ข้าก็ไม่เห็นว่าท่านจะเคยเตือนข้านี่”
“เจ้า…!”
ฉู่ซานเหอโกรธจนตาแทบถลน ในคอปรากฏรสคาวหวานอย่างหนึ่ง เกือบจะกระอักเลือดออกมา
เขาวางแผนมานานขนาดนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าสุดท้ายกลับถูกหลินสวินเล่นงานกลับอย่างร้ายกาจ ทำให้เขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว
“ข้าทำไมหรือ มีจุดไหนที่ทำให้รองหัวหน้าสาขาฉู่ไม่พอใจหรือ”
หลินสวินทำเป็นงุนงง “อีกอย่างข้าช่วยสำนักศึกษาของเราซ่อมกระบี่เบิกฟ้า ถือเป็นผลงานชิ้นใหญ่ ในฐานะรองหัวหน้าสาขา ท่านควรจะดีใจแทนข้าถึงจะถูก เหตุใด…เหตุใดจึงโกรธขนาดนี้เล่า ข้าด่าท่านเหมือนด่าฉู่ไห่ตงว่าเป็น…ไอ้โง่แล้วหรือ”
ได้ยินคำว่าไอ้โง่ ฉู่ซานเหอก็กลั้นไม่อยู่อีกต่อไป ตะคอกออกมา “ไอ้หนู อย่ารังแกกันให้มากนัก!”
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว สีหน้าแฝงความดุร้ายรางๆ ดูน่ากลัวพอดู พาให้เหล่าอาจารย์และศิษย์หน้าเปลี่ยนสีไปอยู่บ้าง
“ข้ารังแกกันเกินไปงั้นหรือ รองหัวหน้าสาขาฉู่ ระหว่างเราใครกันแน่ที่ทำเกินไป ในใจท่านควรรู้ดีที่สุด”
หลินสวินยิ้มพูดเสียงเรียบ “ท่านไม่จำเป็นต้องเอาฐานะมาข่มข้า ท่านคงรู้ว่าสำนักศึกษามฤคมรกตเป็นฝ่ายเชิญข้ามา ถ้าทำให้ข้าโกรธจริงๆ ข้าสะบัดก้นเดินจากไปก็ได้แล้ว”
ได้ยินเช่นนี้พวกเสิ่นทั่วและเหล่าอาจารย์ต่างหัวใจสั่นไหว ไม่คิดเลยว่าพอหลินสวินโจมตีกลับจะยอมแตกหักได้ถึงเพียงนี้
ถ้าบีบจนหลินสวินออกไปจริงๆ ความสูญเสียนั้นไม่อาจจะประเมินได้!
เพราะตอนนี้หลินสวินไม่ใช่แค่ปรมาจารย์สลักวิญญาณที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเยาว์ แต่เขายังสามารถซ่อมชุดศึกสลักวิญญาณได้อีกด้วย!
กระบี่เบิกฟ้าที่เหล่าปรมาจารย์สลักวิญญาณอาวุโสยังจนปัญญา หลินสวินกลับซ่อมได้ภายในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน ความสามารถระดับนี้จะมีเสียกี่คน
ดังนั้นตอนที่หลินสวินประกาศกร้าวอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ บรรดาอาจารย์พวกนั้นจึงไม่อาจรักษาท่าทีสงบนิ่ง ต่างลอบตำหนิฉู่ซานเหอในใจว่าทำเกินไป ถ้าบีบจนหลินสวินจากไปจริงๆ สาขาสลักวิญญาณของพวกเขาก็จะกลายเป็นตัวตลกในนครต้องห้าม
“เจ้า…เหี้ยมนัก!”
ด้วยความรู้สึกฉับไวจึงสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป ทำให้ฉู่ซานเหออัดอั้นจนปอดแทบระเบิดออกจากกัน เขาขบกรามแน่น ถลึงตาจ้องหลินสวิน ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไป
เห็นได้ชัดว่าพอเผชิญกับคำขู่ของหลินสวิน เขาก็ไม่กล้าแตกหักด้วยจริงๆ ทำได้เพียงหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและเลือกที่จะถอย
แบบนี้เท่ากับเป็นการก้มหัวให้อย่างไม่ต้องสงสัย!
เมื่อเห็นว่าฉู่ซานเหอผู้เป็นถึงระดับรองหัวหน้าสาขาที่มีอำนาจอย่างแน่แท้ ยังถูกหลินสวินเล่นงานจนสะบักสะบอม จากไปด้วยความอับอายและโมโห ทุกคนก็อดสลดใจไม่ได้
ใครเล่าจะจินตนาการได้ว่า แผนการที่ใช้เล่นงานหลินสวิน สุดท้ายกลับพลิกผันจนชวนตะลึงถึงเพียงนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น