Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 411-412
ตอนที่ 411 ให้ข้าเจ็ดวัน
โดย
ProjectZyphon
คำพูดนี้ของหลินสวินมีความหมายยั่วยุเต็มเปี่ยม!
เอาฉู่ไห่ตงที่กลายเป็นตัวตลกมาเป็นตัวอย่าง ใช้ยั่วยุฉู่ซานเหอ นี่จะต่างอะไรกับการตบหน้า
อย่างไรเสียฉู่ซานเหอก็เป็นคนตระกูลฉู่ ว่าตามศักดิ์ในตระกูลแล้ว เขายังเป็นผู้อาวุโสรุ่นลุงของฉู่ไห่ตง
ทั้งโถงล้วนอดสูดลมหายใจเยียบเย็นไม่ได้ หลินสวินใจกล้าเกินไปแล้ว!
พวกเขาไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่เล่นงานลูกหลานตระกูลซ่งและฮวา สองตระกูลใหญ่ทรงอิทธิพล และตอนหมายจะสังหารฮวาอู๋โยว ก็มีผู้คนมากมายเห็นว่าหลินสวินใจกล้าคับฟ้า
ยามหลินสวินเหยียดหยามฉู่ไห่ตงและฉู่อวิ๋นคงให้อับอายที่ภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณก่อนหน้านี้ หลินสวินก็ถูกมองว่าใจกล้าโอหัง
แต่จนถึงตอนนี้ หลินสวินก็ยังคงใช้ชีวิตโลดแล่นโดยราบรื่นดังเดิม
พูดอีกอย่างก็คือ ขอเพียงเป็นคนที่เข้าใจประวัติความเป็นมาของหลินสวินล้วนรู้ดีว่า หลินสวินทำเช่นนี้ต่างหากจึงจะเป็นเรื่องปกติ ถ้าไม่ทำเช่นนี้สิ ถึงเรียกได้ว่าแปลก
“เจ้า…“
เผชิญหน้ากับการยั่วยุอย่างหมดเปลือกเช่นนี้ ต่อให้จิตใจฉู่ซานเหอจะหยั่งถึงยากกว่านี้ เวลานี้ก็ถูกยั่วโมโหจนหน้าตึง ดวงตาปรากฏแววเหี้ยมโหด
บรรยากาศพลันตึงเครียดราวเงื้อดาบดึงธนูในชั่วพริบตา!
ผู้คนมากมายล้วนหวาดกลัวไม่อาจวางใจได้ กังวลใจแทนหลินสวิน
แต่เพียงครู่เดียว ฉู่ซานเหอพลันหัวเราะขึ้น ทั้งยังตบไหล่หลินสวินพลางพูดอย่างอารีว่า “คนรุ่นหลังน่ากลัวดังคาด ในเมื่ออาจารย์เสี่ยวหลินมั่นใจเช่นนี้ เช่นนั้นพวกข้าจะขอใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักฝีไม้ลายมือของเจ้าเสียหน่อย!”
เสียงหัวเราะสดใส วาจาอบอุ่นเหมือนเรื่องเมื่อครู่นี้ไม่เคยเกิดขึ้น ทำให้หลินสวินต้องชื่นชมว่าเจ้าแก่นี่ไม่เพียงจอมปลอม ขนาดหน้ายังหนาเกินธรรมดา
แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้วทุกคนกลับหนักใจ รู้ว่าฉู่ซานเหอหมายใจไว้แล้วว่าจะให้หลินสวินรับเผือกร้อนก้อนนี้
หากหลินสวินทำไม่ได้ เช่นนั้นก็อย่าได้คาดคิดถึงผลที่ตามมาเลย
“รองหัวหน้าสาขาฉู่ นี่ท่านไม่ใช่บีบให้เขาตกที่นั่งลำบากหรือ”
“นั่นสิ”
“เช่นนี้จะได้เห็นฝีมือของอาจารย์เสี่ยวหลินเสียที่ไหน เห็นชัดว่าต้องการทำให้เขาอับอาย”
เหล่าศิษย์ระดับค. ห้องเก้าอย่างไรเสียก็เป็นคนหนุ่มสาวมุทะลุ ควบคุมโทสะเช่นนี้ไม่อยู่ ต่างพากันส่งเสียงขัดเคือง
สีหน้าฉู่ซานเหอนิ่งขึง แต่ไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปาก หลินสวินก็ชิงปรามศิษย์เหล่านั้น “หุบปากให้หมด พวกเจ้าจะรู้อะไร นี่เป็นเจตนาดีของรองหัวหน้าสาขาฉู่ ที่ต้องการให้โอกาสข้าได้พิสูจน์ตัวเองสักครั้ง!”
วาจาของเขาเข้มงวด
ศิษย์เหล่านั้นแม้ไม่เข้าใจ แต่เห็นว่าอาจารย์เสี่ยวหลินโกรธ พวกเขาก็ทำได้เพียงข่มความโกรธเคืองที่อยู่ในใจ ไม่กล้าพูดอะไรอีก
มุมปากของฉู่ซานเหอกระตุกขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกเสมอว่าคำพูดนี้ของหลินสวินเหมือนกำลังเสียดสีตนอยู่ ในใจอดโมโหไม่ได้ รอดูเรื่องสนุกของหลินสวิน
ตั้งแต่วันแรกที่หลินสวินเข้ามาในสาขาสลักวิญญาณ เขาก็ใคร่ครวญว่าจะลงโทษเจ้าหนุ่มที่นำพาข่าวลือมากมายมาให้ตระกูลฉู่ผู้นี้อย่างสาสมอย่างไรดี
และเวลานี้ในที่สุดเขาก็พบโอกาสแล้ว ฉู่ซานเหอจะไม่ยอมถูกยั่วโมโหโดยง่ายแน่
กลับกัน เขาวางแผนทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงรอให้หลินสวินล้มเหลวก็จะเคลื่อนไหวอีกก้าวหนึ่ง ทำให้ชื่อเสียงของหลินสวินป่นปี้ นำพาความยุ่งยากมาสู่ตัวในคราวเดียว!
กระบี่เบิกฟ้าเป็นสมบัติล้ำค่ายิ่งที่อยู่ในมือของจักรพรรดินี หากหลินสวินไม่อาจซ่อมแซมได้ เช่นนั้นผู้ที่ล่วงเกินไปก็จะเป็นราชวงศ์ปัจจุบัน!
ความรุนแรงของผลที่ตามมา แค่คิดดูก็ทำให้ในใจของฉู่ซานเหอตื่นเต้นไม่หยุดหย่อน
“อาจารย์เสี่ยวหลิน เช่นนี้ก็เริ่มเลยไหม”
ฉู่ซานเหอพูดพลางยิ้ม
หลินสวินพยักหน้ารับ หันกายเดินไปกลางโถง
เมื่อเห็นเขาจะทำเรื่องนี้จริง ไม่ว่าพวกเสิ่นทั่ว หรือกลุ่มศิษย์ที่ตามมาเหล่านั้น สีหน้าต่างปรากฏความอดรนทนมาไหว
พวกเขาเห็นว่าการเคลื่อนไหวนี้ของหลินสวิน เท่ากับตกลงไปในกับดักที่ฉู่ซานเหอบรรจงวางไว้ สถานการณ์ดูเลวร้ายมากกว่าดี!
ไยเขาไม่ปฏิเสธกันนะ
ในใจทุกคนสงสัย กังวลใจไม่ว่างเว้น ถึงกับรู้สึกเสียใจภายหลังอยู่บ้าง เสียใจว่าไม่ควรคล้อยตามความคิดที่ฉู่ซานเหอเสนอขึ้นเสียแต่แรก เพียงเพื่อดูฝีมือของหลินสวิน กลับทำร้ายเขาจนตกอยู่ในจุดนี้
แต่ไม่ว่าจะเสียใจอย่างไร ตอนนี้พูดอะไรไปก็สายไปเสียแล้ว…
กระบี่เบิกฟ้าเล่มนั้นมหัศจรรย์ขนาดไหนน่ะหรือ ก็เป็นชุดศึกสลักวิญญาณที่ทรงพลังหาใดเปรียบชุดหนึ่ง ขนาดปรมาจารย์สลักวิญญาณมากประสบการณ์กลุ่มหนึ่งยังอับจนหนทาง อาจารย์เสี่ยวหลินที่เพิ่งผ่านการรับรองคุณสมบัติปรมาจารย์สลักวิญญาณ…
จะทำได้หรือ
…….
“พ่อหนุ่ม ถ้าตอนนี้ยอมแพ้เสียเองก็ยังทันนะ”
เมื่อหลินสวินมาถึงด้านข้างกระบี่เบิกฟ้าเล่มนั้น ชายสูงวัยผู้หนึ่งก็อดเตือนขึ้นประโยคหนึ่งไม่ได้
ชายสูงวัยคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ ก็เผยสีหน้าเห็นใจเช่นกัน
พวกเขาล้วนเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณมากประสบการณ์ รู้ดีว่าความเสียหายที่กระบี่เบิกฟ้าได้รับนั้นรุนแรงเพียงใด ความเป็นไปได้ที่จะซ่อมแซมได้น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
หากหลินสวินดึงดันไปซ่อมเข้า อาจถึงขั้นสามารถทำให้กระบี่เบิกฟ้าสลายสิ้นได้เลย!
ก็เพราะกังวลว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น จนถึงตอนนี้ชายสูงวัยเหล่านี้ถึงยังไม่กล้าลองโดยง่าย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กระบี่เบิกฟ้าสลายไปในมือของตน
เพราะหากเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับล่วงเกินราชวงศ์อย่างที่สุด ล่วงเกินจักรพรรดินีองค์ปัจจุบัน!
ผลลัพธ์เช่นนี้ใครจะรับไหว
ก่อนหน้านี้พวกเขายังไม่พอใจอยู่บ้างที่หลินสวินยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่เมื่อได้เห็นเรื่องทั้งหมดเมื่อครู่กับตา ก็รู้ได้ทันทีว่าหลินสวินถูกต้อนเหมือนเป็ดเข้าเล้า ติดกับแผนของฉู่ซานเหอ ในใจจึงไม่เหลือความไม่พอใจ เหลือเพียงความเห็นใจ
“ลองดูก่อนค่อยว่ากันเถิด”
หลินสวินยิ้มให้ ดวงตากลับมองไปที่กระบี่เบิกฟ้า
กระบี่นี้พิเศษมหัศจรรย์ยิ่ง ยาวราวสามฉื่อ กว้างราวหนึ่งฝ่ามือ ตัวกระบี่ไหลเอ่อไปด้วยไอปราณม่วง ปรากฏดอกจื่อเย่าที่งดงามบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์เก้าดอก
พลังของมันไพศาล เก่าแก่ ทรงอำนาจ ราวดำรงอยู่ผ่านกาลเวลามาถึงปัจจุบัน ไม่ผุกร่อนแต่สุกสว่าง ราวกับหลุบตามองมายังโลกา!
ไม่ต้องสงสัยเลย เพียงดูจากพลังก็รู้ว่านี่ต้องเป็นอาวุธเทพที่มีตำนานโดดเด่นชิ้นหนึ่ง!
แต่ในสายตาหลินสวิน ต่อให้ไอพลังของกระบี่นี้มหัศจรรย์เพียงใด เมื่อคิดให้ถึงแก่นแล้ว ก็เป็นชุดศึกสลักวิญญาณชุดหนึ่งที่หลอมขึ้นมาโดยนักสลักวิญญาณ
ถ้าถูกหลอมขึ้นมาได้ก็ย่อมซ่อมแซมได้ เป็นเพียงปัญหาเรื่องวิธีการเท่านั้น
หลินสวินหยุดยืนอยู่ตรงนั้น มองนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จิตใจแปรเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งราวบ่อน้ำโบราณไร้คลื่น บนใบหน้าเกลี้ยงเกลาคมสันถูกสีหน้าจดจ่อและจริงจังเข้าแทนที่
เขาในเวลานี้ทั่วร่างกำจายกลิ่นอายสงบนิ่งยากบรรยาย แม้เงียบเชียบไม่พูดจา แต่กลับมีพลังที่พาให้คนสงบใจ
บรรยากาศในโถงเงียบสงบ ดวงตาทุกคู่ล้วนจ้องอยู่บนร่างหลินสวิน อากาศราวกับหยุดนิ่งไปในเวลานี้
ไม่มีคนรบกวนหลินสวิน
แต่ใบหน้าของทุกคนกลับเต็มไปด้วยความกังวลใจ
แน่นอน มีเพียงฉู่ซานเหอผู้เดียวที่มีรอยยิ้มระบายบนมุมปาก เห็นได้ชัดว่านี่เป็นท่าทีของผู้ที่ควบคุมทุกอย่างได้ดังใจ มีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่น
เวลาล่วงเลย หลินสวินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ไหวติง ราวกับกลายเป็นรูปปั้นไปแล้ว ไม่มีการเคลื่อนไหวแม้สักนิด
นี่พาให้อาจารย์และลูกศิษย์หลายคนอดวิตกไม่ได้ หากทำได้ พวกเขาอยากจะเตือนหลินสวินเสียจริง ให้เขารู้ถึงความยากลำบากแล้วถอนตัวเสีย ไม่ต้องไปทะเลาะโกรธแค้นกับฉู่ซานเหออย่างโดดเดี่ยว
เพียงแต่เห็นชัดว่าหลินสวินจมสู่ห้วงความคิดแล้ว ตอนนี้กำลังใคร่ครวญอะไรอยู่ ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าส่งเสียงรบกวนเขาในตอนนี้
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูปเต็มๆ เมื่อความรู้สึกของฝูงชนหนักอึ้งถึงที่สุดนั้น หลินสวินพลันเคลื่อนไหวแล้ว เขายกมือขวาขึ้นจะจับด้ามกระบี่เบิกฟ้า
“ไม่ได้!”
ด้านข้าง สีหน้าของชายสูงวัยผู้หนึ่งพลันแปลกไป ร้องขึ้นอย่างตกใจหยุดยั้งหลินสวิน
คนอื่นๆ ก็มีสีหน้าประหลาด นี่หลินสวินจะทำอะไร หรือเขาจะลองซ่อมกระบี่เบิกฟ้าจริงๆ
หากเป็นเช่นนั้น ถ้าเกิดล้มเหลวเข้า ผลที่ตามมาย่อมร้ายแรงนัก!
“ในเมื่อเป็นการซ่อมแซม จะมีเหตุผลอะไรให้แตะต้องกระบี่เบิกฟ้าไม่ได้ หลีกไปเสีย อย่าขัดขวางอาจารย์เสี่ยวหลิน!”
ฉู่ซานเหอตะคอกขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดนั้นทุกคนก็พากันลอบด่าทอในใจ เจ้าแก่นี่หมายจะผลักหลินสวินลงหลุมจริงๆ สินะ!
หลินสวินไม่สนใจฉู่ซานเหอ และไม่ได้สังเกตถึงสายตาเป็นกังวลแต่ละคู่ที่ทอดมาจากข้างหลัง
เวลานี้เขาเหมือนไม่สนใจทุกอย่าง ดวงตาเพ่งมองกระบี่เบิกฟ้านั้นโดยตลอด มือขวาจับด้ามกระบี่ที่พันด้วยไหมเกล็ดมัจฉาทองเส้นแล้วเส้นเล่าเงียบๆ
จากนั้นเขาก็หลับตาลง พลังการรับรู้มหาศาลยืดขยายออกมาปกคลุมทั่วทั้งกระบี่เบิกฟ้าราวกับเส้นไหมละเอียด
สามชั่วยามเต็มๆ
หลินสวินไม่ได้พูดจา ใช้มือขวาจับด้ามกระบี่นิ่งไม่ไหวติงแม้แต่นิดเดียว ปราณม่วงที่พวยพุ่งทะลักเอ่อตัวกระบี่ ความสวยงามบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ของดอกจื่อเย่าเก้าดอก อบอวลไปทั้งร่างสูงโปร่งเหยียดตรงของเขา ดูประหนึ่งภาพฝัน
ในขณะที่ทุกคนรออย่างกระวนกระวายใจนี้ ในที่สุดหลินสวินก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง เขาไม่ได้หันหน้ามา พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ให้เวลาข้าเจ็ดวัน”
เมื่อคำนี้เอ่ยออกมาทั้งโถงต่างตกตะลึง ล้วนไม่คิดว่าในเวลาสุดท้ายเช่นนี้ หลินสวินไม่เพียงไม่ยอมแพ้ กลับรับปาก!
“เจ้า…ทำได้จริงหรือ”
ชายสูงวัยผู้หนึ่งที่อยู่ด้านข้างอดถามไม่ได้
“ตอนนี้ยังไม่ทราบขอรับ แต่ข้าลองดูได้”
หลินสวินพูดพลางนั่งขัดสมาธิบนพื้น ขมวดคิ้วแน่น ตกอยู่ในห้วงความคิด
ผู้คนล้วนอดกระวนกระวายไม่ได้ กระทั่งความมั่นใจยังไม่มีแล้วทำไมถึงรับปาก อาจารย์เสี่ยวหลินไม่กังวลถึงผลที่จะตามมาหากล้มเหลวเลยหรือ
ส่วนฉู่ซานเหอในใจลิงโลดหาใดเปรียบ เพียงหลินสวินรับปากและไปซ่อมแซม เช่นนั้นเขาต้องล้มเหลวแน่นอน!
ด้วยฐานะปรมาจารย์สลักวิญญาณผู้หนึ่ง ฉู่ซานเหอก็รู้ดีว่าความเสียหายของกระบี่เบิกฟ้านั้นรุนแรงขนาดไหน ดูไม่มีความเป็นไปได้ที่จะซ่อมแซมได้ หลินสวินรับปากอย่างลวกๆ เช่นนี้ก็เท่ากับรนหาที่ตาย!
“เอาล่ะทุกท่าน เช่นนั้นตอนนี้ก็รอเจ็ดวันก่อนเถิด อาจารย์เสี่ยวหลินจะเริ่มซ่อมแซมแล้ว ไม่สามารถถูกโลกภายนอกรบกวนได้ พวกเราก็ออกไปก่อน รอเจ็ดวันให้หลังค่อยมาอีกก็ได้”
ฉู่ซานเหอยิ้มเอ่ย ดูเหมือนคิดคำนึงแทนหลินสวิน แต่แท้จริงนั้นกำลังไล่คนอื่นไป ด้วยกังวลว่าอาจารย์และลูกศิษย์เหล่านั้นจะพูดมากไป พาให้หลินสวินกลับลำ
“นี่…”
ฝูงชนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ล้วนลังเลไม่หยุดหย่อน
แต่ในที่สุดเสิ่นทั่วก็ถอนหายใจเสียงเบา มองหลินสวินที่นั่งขัดสมาธิบนพื้นไม่ส่งเสียงอยู่ไกลๆ ปราดหนึ่งก็ไม่ลังเลอีก นำกลุ่มคนจากไป
ฉู่ซานเหอเดินปิดท้าย ยามจากไปเขาเหลือบมองหลินสวินที่อยู่ไกลออกไปรอบหนึ่ง เพียงแต่ในดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชาและโหดเหี้ยม
ไม่นานกลางโถงชั้นห้าของหอหลอมวิญญาณก็เหลือเพียงหลินสวินกับปรมาจารย์สลักวิญญาณสี่ท่าน
“โธ่ พ่อหนุ่ม เจ้าจะลำบากลำบนเช่นนี้ทำไมกัน”
“กระบี่เบิกฟ้าไม่มีหวังจะซ่อมแซมได้แล้ว ทันทีที่เจ้าลองซ่อม จะต้องทำให้มันสลายไปแน่ เช่นนั้นแล้วย่อมชักนำเภทภัยใหญ่โตเท่าฟ้ามาให้เจ้า!”
ปรมาจารย์สลักวิญญาณเหล่านั้นทอดถอนใจ
ทว่าหลินสวินกลับมีสีหน้าเรียบเฉยไม่หวั่นเกรง ปากพูดอย่างว่องไวว่า “เจ็ดวันนี้ยังต้องรบกวนผู้อาวุโสทุกท่าน ช่วยข้าจัดเตรียมวัสดุวิญญาณ หมึกวิญญาณและด้ามสลัก อ้อ แล้วก็จัดเตรียมสมุนไพรวิญญาณฟื้นฟูพลังกายด้วยขอรับ”
ปรมาจารย์สลักวิญญาณสี่ท่านพากันตะลึงงัน เจ้าเด็กนี่…หรือคิดจะเสี่ยงอันตรายใหญ่โตเทียมฟ้าไปทำเรื่องนี้จริงๆ?
ตอนที่ 412 อิทธิพลของอาจารย์เสี่ยวหลิน
โดย
ProjectZyphon
และในวันนั้นเอง ข่าวที่หลินสวินจะซ่อม ‘กระบี่เบิกฟ้า’ ก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
“นี่มัน…โหดร้ายเกินไปหรือเปล่า?”
“โหดร้ายอะไรกัน อาจารย์เสี่ยวหลินโดนกลั่นแกล้งชัดๆ!”
“วิธีของรองหัวหน้าสาขาฉู่ช่างเหี้ยมจริงๆ เห็นได้ชัดว่าต้องการจะแก้แค้นให้ฉู่ไห่ตง”
“ชู่ว เบาๆ หน่อย!”
ในสาขาสลักวิญญาณ ไม่ว่าในห้องเรียน หอพักอาจารย์หรือมุมอื่นๆ ล้วนกำลังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อยู่ทุกแห่งหน
ทุกคนต่างโกรธแทนหลินสวิน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ฉู่ซานเหอทำทุกอย่างอย่างเปิดเผย วางแผนร้ายโจ่งแจ้งขนาดนี้ แม้รู้ว่าเขาจงใจกลั่นแกล้งหลินสวิน แต่ก็ไม่มีใครกล้าบอกว่าฉู่ซานเหอทำผิด
จวบจนกระทั่งภายหลัง ข่าวถูกแพร่กระจายออกจากสาขาสลักวิญญาณ ไม่นานแม้แต่สาขามังกรเร้น สาขายุทธ์วิถี สาขายอดยุทธศาสตร์ สาขารกลยุทธ์เทพพวกนี้ ก็เริ่มแพร่กระจายข่าวการซ่อมกระบี่เบิกฟ้าในครั้งนี้
ที่ได้รับความสนใจมากเช่นนี้ เหตุผลแรกเพราะหลินสวินเป็นผู้มีชื่อเสียงในนครต้องห้ามอยู่แล้ว และตอนนี้ก็เป็นที่รู้จักของศิษย์และอาจารย์มากมายในสำนักศึกษามฤคมรกต
เหตุผลที่สอง เพราะ ‘กระบี่เบิกฟ้า’ นี้มีที่มาน่าตกตะลึง ทั้งยังเป็นสมบัติล้ำค่าของจักรพรรดินีองค์ปัจจุบัน ถือว่ามีแรงดึงดูดมากอยู่แล้ว
ส่วนเหตุผลที่สาม เกี่ยวข้องกับบุญคุณความแค้นระหว่างหลินสวินและตระกูลฉู่ ตอนนี้ใครๆ ก็รู้ว่าฉู่ไห่ตงเคยถูกหลินสวินสยบ กลายเป็นเรื่องตลกฉากใหญ่จนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของตระกูลฉู่
ในสถานการณ์แบบนี้ จู่ๆ ฉู่ซานเหอรองหัวหน้าสาขาสลักวิญญาณก็เอาแผนซ่อม ‘กระบี่เบิกฟ้า’ มาสร้างความลำบากใจและเล่นงานหลินสวิน ไม่อยากให้เป็นที่สนใจยังยาก
“กระบี่เบิกฟ้าเชียวนะ นั่นเป็นชุดศึกสลักวิญญาณที่เต็มไปด้วยตำนาน หลินสวินเขา…ถูกกลั่นแกล้งจนน่าอนาถเลย”
“พูดจริงๆ นะ คราวนี้หลินสวินคงเอาตัวไม่รอด เพราะเท่าที่ข้ารู้มา แม้แต่ปรมาจารย์สลักวิญญาณระดับอาวุโสในภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิและสาขาสลักวิญญาณของเรา ยังจนปัญญากับการซ่อมกระบี่เบิกฟ้านี้ ต่อให้หลินสวินจะเก่งแค่ไหน ก็เพิ่งได้เป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณ เขาจะมีความสามารถขนาดนั้นได้อย่างไร”
“ใช่ ถ้าหลินสวินซ่อมไม่สำเร็จ ก็จะเป็นการทำลายกระบี่เบิกฟ้า ถึงตอนนั้นเขาไม่เพียงเสื่อมเสียชื่อเสียง กลัวว่าจะเจอโทษหนักจากราชวงศ์ด้วย!”
“แปลกจริง ทุกคนต่างดูออกว่าเป็นหลุมพราง เหตุใดหลินสวินยังจะกระโดดลงไป หรือเขาไม่กลัวตายจริงๆ”
“รอดูต่อไป อีกเจ็ดวันก็รู้ผลแล้ว”
……
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทำนองนี้กลายเป็นประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดในสำนักศึกษามฤคมรกตในวันนี้ไปแล้ว คนส่วนใหญ่ล้วนไม่เห็นด้วยกับหลินสวิน
พูดถึงแผนการของฉู่ซานเหอ ทุกคนต่างถอนหายใจ ขิงแก่ย่อมเผ็ด ยามไม่ลงมือก็ช่างเถอะ แต่พอลงมือขึ้นมาก็ไม่เหลือโอกาสให้หลินสวินกลับตัวเลย วิธีนี้น่ากลัวมากจริงๆ
……
พรวด!
ตอนที่สืออวี่รู้เรื่องนี้ เหล้าที่เพิ่งเข้าปากไปพลันถูกพ่นออกมา สำลักจนเขาหน้าแดง ทุลักทุเลอย่างมาก
“เจ้าหมอนี่คิดอะไรอยู่กันแน่” ครู่หนึ่ง สืออวี่จึงพึมพำ
……
“หนอยแน่ เหตุใดข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้าหลินสวินนั่นยโสโอหังเยี่ยงนี้ แต่นิสัยของเขาก็ทำให้ข้าชอบมากขึ้นทุกวัน”
หนิงเหมิงทอดถอนใจ
……
“กระบี่เบิกฟ้า… เขาเพิ่งเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณก็กล้าไปซ่อมชุดศึกสลักวิญญาณแล้วหรือ นี่มัน…” ตระกูลฉือ ฉือฉางเหมยอดปวดหัวไม่ได้ หลินสวินมักจะทำเรื่องเหนือความคาดหมายตลอด เขาไม่เคยกลัวอะไรเลยหรือไง
……
“พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไร”
บนภูเขาชำระจิต หลินเสวี่ยเฟิงดูกังวล
“รอฟังข่าวก็พอ”
เสี่ยวเคอสีหน้าเรียบเฉย ไม่ใส่ใจ
“อืม ทำงานต่อไปเถอะ”
ปฏิกิริยาของพญาแร้งยิ่งนิ่งกว่า ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรเลย และสั่งให้หลินเสวี่ยเฟิงสะสางงานของภูเขาชำระจิตต่อ
หลินเสวี่ยเฟิงอดยิ้มขื่นไม่ได้ พวกเขาไม่เป็นห่วงความเป็นความตายของหลินสวินเลยหรือ
หลินจงยิ้มปลอบใจหลินเสวี่ยเฟิง “ไม่ต้องห่วง ทุกคนรู้ว่านายน้อยไม่ทำอะไรโง่ๆ แน่”
……
ในนครต้องห้าม ภายในจอภาพวิญญาณกำลังรายงานข่าวที่หลินสวินจะซ่อมกระบี่เบิกฟ้า
และรอบๆ จอภาพวิญญาณ ผู้ฝึกปราณจำนวนนับไม่ถ้วนต่างอึ้งงัน ท่าทางเหมือนไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
หลินสวินเพิ่งเข้าไปอยู่ในสำนักศึกษามฤคมรกตแค่เดือนเดียวเท่านั้นก็เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้ว สร้างเรื่องเก่งเกินไปแล้ว
แต่ครั้งนี้ เกรงว่าเขาคงจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี!
……
ตระกูลหลินแห่งธารประจิม
ได้ยินข่าวนี้ หลินเทียนหลง หลินเนี่ยนซานและหลินผิงตู้ก็อดตะลึงไม่ได้ เดิมทีพวกเขาคิดว่า หลังจากหลินสวินเข้าไปอยู่ในสำนักศึกษามฤคมรกต ต้องถูกตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลจั่วและฉินเล่นงานแน่
ใครจะคิดว่าตระกูลจั่วและฉินยังไม่ทันลงมือด้วยซ้ำ ตระกูลฉู่กลับกระโดดออกมาก่อน!
“ฮ่า แบบนี้เรียกว่าหนีกรรมที่ตัวเองก่อไม่พ้น! ดูสิ ตั้งแต่ไอ้ระยำนั่นเข้ามาอยู่ในนครต้องห้ามก็ล่วงเกินคนไปมากน้อยเท่าไรแล้ว ทั้งตระกูลฉือ ตระกูลซ่ง ตระกูลฮวา ตระกูลฉู่… ตระกูลไหนบ้างที่ไม่ใช่ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นยอดที่อำนาจล้นฟ้า?”
หลินเทียนหลงพลันยิ้มเยาะ
“แบบนี้เรียกว่า เมื่อถึงเวลากรรมนั้นย่อมสนอง คราวนี้หลินสวินอวดดีได้อีกไม่นานแน่ กระบี่เบิกฟ้านั่นใช่สิ่งที่เขาจะซ่อมได้หรือ”
หลินเนี่ยนซานและหลินผิงตู้เองก็เสริมขึ้น สีหน้าเผยความสะใจ
ช่วงที่ผ่านมาทั้งสามตระกูลรองถูกกดดันอย่างหนัก จนสุดท้ายจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากตระกูลจั่วและฉิน จะเห็นได้ว่าพวกเขาถูกหลินสวินกดดันจนจนตรอกแค่ไหน
ตอนนี้ในที่สุดก็มีข่าวดี ทำให้พวกหลินเทียนหลงอดกระชุ่มกระชวยไม่ได้ รู้สึกเหมือนโล่งอกยกใหญ่
……
สรุปแล้วนับตั้งแต่หลินสวินเข้าสู่นครต้องห้าม เขาซัดลูกหลานตระกูลซ่งและฮวาจนร่วง หลังจากนั้นก็ชนะการประลองกับฮวาอู๋โยว ได้รับการรับรองเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณและทำให้เกิด ‘เสียงร้องเก้ามังกร’…
ข่าวเกี่ยวกับเขาจะมีความเคลื่อนไหวอย่างยิ่งใหญ่ออกมาอยู่เรื่อยๆ ทั้งยังเหนือความคาดหมายของทุกคนทุกครั้งไป ความฮือฮาระดับนี้ทำให้เขากลายเป็นคนที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในนครต้องห้าม
ตอนนี้พอรู้ข่าวว่าหลินสวินจะซ่อมกระบี่เบิกฟ้า ทำเอาผู้คนมากมายอดตะลึงไม่ได้ บนโลกนี้มีเรื่องอะไรที่หลินสวินไม่กล้าทำหรือไม่?
……
ในขณะที่โลกภายนอกกำลังวิพากษ์วิจารณ์กัน แต่ภายในชั้นห้าบนหอหลอมวิญญาณราวกับได้ตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่ได้รับผลกระทบเลยสักนิด
“ส่งหมึกวิญญาณเจ็ดทองคำหลากสีให้ข้า”
“อาจารย์เสี่ยวหลินหมึกวิญญาณนี้มีความสำคัญอย่างไรกับการซ่อมครั้งนี้?”
“ใช้ร่วมกับกระบวนรอยสลักวิญญาณเจ็ดทองคำ กระตุ้นพร้อมกับกระบวนรอยสลักวิญญาณอีกเจ็ดสิบสองกระบวน มีเพียงวิธีนี้จึงจะรับรองได้ว่าตอนที่ซ่อมรอยแตกที่สามจะประสานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ระวังอีกด้านด้วย อย่าให้โดนดอกตูมของดอกเนตรมาร”
“อาจารย์เสี่ยวหลิน ดอกเนตรมารนี้ต้องหลอมกลั่นหรือไม่”
“ไม่ต้อง แม้ประโยชน์ของดอกเนตรมารจะธรรมดา แต่ประเด็นสำคัญคือดอกตูมของมันเต็มไปด้วยพลังหยินอันมืดดำ สามารถดูดซับเข้าไปในตัวกระบี่และทำให้แข็งตัวได้ในระยะสั้นๆ เช่นนี้ก็สามารถแก้ปัญหารอยแตกที่เจ็ดไม่ให้ลามต่อไปอีก”
“เช่นนี้นี่เอง จริงสิ อาจารย์เสี่ยวหลิน ตอนนี้ท่านใช้วิธีลงด้ามสลักแบบใดอยู่หรือ เหมือนกำลังสลักลายลับบางอย่างใช่หรือไม่”
“หืม พวกท่านไม่รู้หรือ วิธีสลักนี้มีนามว่า ‘เมฆนภาเชื่อมประสาน’ เหมาะสำหรับการสลักกระบวนรอยสลักวิญญาณที่มีคุณสมบัติเป็นน้ำ เมฆ หมอกเทือกนี้ ‘กระบวนรอยสลักวิญญาณหยาดมรกต’ ที่ข้าสลักอยู่ตอนนี้ ก็เพื่อแก้ปัญหารอยแตกที่สิบเก้า”
เสียงพูดคุยของหลินสวินและปรมาจารย์สลักวิญญาณอีกสี่ท่านดังก้องอยู่ภายในโถง
เพียงแต่สถานการณ์ในตอนนี้ ดูแปลกอยู่บ้าง
ด้วยเห็นหลินสวินนั่งตัวตรงอยู่ตรงนั้น โดยมีกระบี่เบิกฟ้าวางอยู่บนโต๊ะด้านหน้าเขา รวมทั้งหมึกวิญญาณมากกว่าสิบชนิดที่อยู่ในถ้วยและจานรองที่หลอมขึ้นพิเศษ
มือขวาของหลินสวินกุมด้ามสลักสีทองเรียวเล็ก เอนตัวลงเหนือกระบี่กำลังวาดเค้าโครงลาย
ส่วนข้างๆ หลินสวิน ปรมาจารย์สลักวิญญาณระดับอาวุโสทั้งสี่ล้วนนั่งตัวตรง จ้องการกระทำของหลินสวินอย่างจดจ่อ ทุกครั้งที่มีข้อสงสัยก็จะเอ่ยปากถาม
ตอนที่ได้ยินคำตอบจากหลินสวิน พวกเขาจะเผยสีหน้าใคร่ครวญ ดีใจ แปลกใจ เข้าใจโดยพลันเป็นต้น
ความรู้สึกนี้ประหนึ่งศิษย์ที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียนกลุ่มหนึ่งกำลังฟังอาจารย์คลี่คลายข้อสงสัยอย่างไรอย่างนั้น ดูแปลกอย่างบอกไม่ถูก
ที่บอกว่าแปลก เพราะทั้งสี่ล้วนเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณระดับอาวุโส! นั่งอยู่บนชั้นห้าของหอหลอมวิญญาณนี้ไม่รู้กี่ปีแล้ว เรียกได้ว่ามากด้วยคุณธรรมและบารมี ฐานะสูงส่ง
แต่ตอนนี้พออยู่ต่อหน้าหลินสวิน พวกเขากลับเหมือนศิษย์กลุ่มหนึ่ง ความแตกต่างนี้ช่างมากเหลือเกิน ถ้าอาจารย์และศิษย์คนอื่นๆ ในสาขาสลักวิญญาณมาเห็นเข้า คงตะลึงจนอ้าปากค้าง
ใครจะกล้าจินตนาการ ว่าเด็กอายุสิบกว่าปีและเพิ่งได้รับการรับรองการเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณจะทำได้ขนาดนี้
ความจริงหลินสวินก็ไม่ได้จงใจทำแบบนี้
ตอนที่เขาเตรียมจะซ่อมกระบี่เบิกฟ้า ก็ถูกปรมาจารย์สลักวิญญาณอาวุโสเหล่านี้ต่อต้านและแสดงความเคลือบแคลงใจ ถึงขั้นสงสารและเห็นใจด้วยซ้ำ
แต่หลังจากหลินสวินลงมือจริงๆ สถานการณ์ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
ดั่งคำที่ว่า ผู้เชี่ยวชาญถึงจะรู้ว่าเป็นจริงหรือไม่ ผู้ชราเหล่านี้ล้วนเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณมากความรู้สมชื่อ ดูออกทันทีว่าความสามารถด้านการสลักวิญญาณที่หลินสวินแสดงออกมานั้น เรียกได้ว่าลึกลับเกินคาดเดา เหลือเชื่อมากจริงๆ!
ทำให้พวกเขาต่างตะลึง ถึงขั้นที่มีวิธีและกลเม็ดบางอย่างที่แม้แต่พวกเขาเองยังดูไม่ค่อยเข้าใจ
และตอนที่ได้รับคำตอบจากหลินสวินจนเข้าใจแล้ว พวกเขาก็ยิ่งตะลึง ในใจเลื่อมใสอย่างไม่รู้ตัว
จวบจนถึงตอนนี้ จึงได้กลายเป็นภาพอย่างที่เห็นอยู่ตรงหน้า
ถ้าฉู่ซานเหอมาเห็นภาพนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไร
……
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานเวลาเจ็ดวันก็ผ่านพ้นไป
วันนี้ฉู่ซานเหอตื่นแต่เช้า ตั้งใจแต่งตัวให้เรียบร้อย หวีผมเรียบสนิท ก่อนจะออกจากที่พักอย่างสบายอารมณ์
ไม่ต้องให้เขาได้เรียกด้วยซ้ำ ตอนที่เขาไปถึงหอหลอมวิญญาณก็มีคนมากมายไปรวมตัวกันอยู่แล้ว
ส่วนใหญ่เป็นอาจารย์และศิษย์จากสาขาสลักวิญญาณ และยังมีอาจารย์และศิษย์จากสาขาอื่นๆ ในสำนักศึกษามฤคมรกตมาดูด้วย บรรยากาศคึกคักอย่างมาก
เพราะทุกคนล้วนรู้ว่า วันนี้เป็นวันที่หลินสวินรับปากว่าจะซ่อมกระบี่เบิกฟ้าให้เสร็จ!
ตอนที่เห็นฉู่ซานเหอไปถึง ผู้คนพลันฮือฮาขึ้นมา ด้วยรู้ว่าตัวเอกของเรื่องมาแล้ว
เรื่องนี้ฉู่ซานเหอไม่ได้สนใจนัก เขาเรียกผู้คุ้มกันคนหนึ่งมานำทาง แล้วเชิดหน้าก้าวเท้าขึ้นไปที่ชั้นห้าของหอหลอมวิญญาณ
ในเจ็ดวันนี้หลินสวินทำอะไรบ้างหนอ แล้วซ่อมกระบี่เบิกฟ้าสำเร็จหรือไม่
ทุกคนต่างรอคอย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น