Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 409-410

 ตอนที่ 409 ซานเหอแห่งสกุลฉู่ เจตนาแอบแฝง

โดย

ProjectZyphon

เพียงชั่วพริบตานั้น ถ้อยคำที่เกี่ยวข้องกับคำพูดของหลินสวินที่ว่า ‘ไม่ได้ที่หนึ่งถือเป็นความอับอาย’ ก็กระจายไปทั่ว


ครู่หนึ่งสายตาที่อาจารย์และศิษย์หลายคนมองไปยังหลินสวินล้วนเปลี่ยนเป็นซับซ้อน ต่างไม่เคยคิดว่าระดับค. ห้องเก้าที่อันดับรั้งท้ายมาตลอดจะได้คะแนนโดดเด่นสะดุดตาเช่นนี้ แต่หลินสวินกลับดูเหมือนไม่พอใจเช่นเคย


อับอายหรือ


นี่…


มันกระทบกระเทือนจิตใจกันเกินไปแล้ว!


ขนาดเสิ่นทั่วยังยิ้มขื่นอย่างกลั้นไม่อยู่ หลินสวินผู้นี้…ไม่รู้จะพูดว่าเขาโอหังหรือคาดหวังสูงดี


“ฮ่าๆๆ ที่นี่ครึกครื้นเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องใหญ่ครึกโครมอะไรขึ้นกระมัง”


ท่ามกลางเสียงฮือฮา พลันมีเสียงหนาทุ้มราวฟ้าร้องดังขึ้นในห้องโถงใหญ่ชั้นหนึ่งของหอหลอมวิญญาณแห่งนี้


จากนั้นก็มีคนเดินเรียงแถวเข้ามาจากประตูโถงใหญ่


ที่นำหน้ามาเป็นชายสูงวัยสวมชุดยาวสีม่วงเข้มลงกะไหล่ทองทั้งตัวผู้หนึ่ง หนวดเคราเผ้าผมหวีอย่างเรียบร้อยทุกกระเบียด มีท่าทางภูมิฐานอย่างผู้มีตำแหน่งสูงมานาน


ทันใดนั้นเสียงฮือฮาในที่นั้นก็เงียบเชียบไร้เสียง ด้วยรู้ว่านี่คือรองหัวหน้าสาขาสลักวิญญาณ ปรมาจารย์สลักวิญญาณชั้นกลางที่เป็นที่นับหน้าถือตาผู้หนึ่ง…ฉู่ซานเหอ!


ในสาขาสลักวิญญาณนี้ ตำแหน่งของฉู่ซานเห่อสูงส่ง เป็นรองเพียงเหล่าหัวหน้าสาขาไม่กี่คน เรียกได้ว่าอำนาจคับฟ้า


ที่ควรค่าแก่การพูดถึงก็คือ เดิมทีเขาก็เป็นผู้อาวุโสที่มีอำนาจอย่างแท้จริงท่านหนึ่งในสกุลฉู่ หนึ่งในสามตระกูลนักสลักวิญญาณใหญ่!


“คารวะรองหัวหน้าสาขาฉู่”


พวกเสิ่นทั่วก้าวเท้ามาข้างหน้าแล้วคารวะพร้อมรอยยิ้ม นำผลการทดสอบเมื่อครู่รายงานต่อฉู่ซานเหอ


ทันใดนั้นฉู่ซานเหอก็อดอุทานด้วยความตกใจไม่ได้ “มิน่าเล่าถึงได้ครึกครื้นเช่นนี้ ระดับค.ห้องเก้าทำคะแนนเช่นนี้ได้ ช่างยอดเยี่ยมนัก”


เมื่อได้ยินวาจานั้น กลุ่มศิษย์ระดับค.ห้องเก้าอย่างหลิวฮุย ฟ่านจือชิว หยางจิ่งเหยาล้วนแสดงสีหน้าผึ่งผายภาคภูมิ


“รองหัวหน้าสาขาฉู่ ที่ครั้งนี้พวกข้าทำคะแนนเช่นนี้ได้ ต้องยกความดีความชอบยิ่งใหญ่ให้อาจารย์เสี่ยวหลินขอรับ!”


หลิวฮุยฉีกยิ้มกว้าง


“อ้อ อาจารย์เสี่ยวหลินงั้นหรือ”


ใบหน้าของฉู่ซานเหอระบายยิ้ม สายตาจ้องเขม็งไปที่หลินสวินแทบจะในชั่วพริบตาแล้วเอ่ยว่า “ตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนข้าก็ได้ยินว่าอาจารย์เสี่ยวหลินสอนเก่ง มีวิธีสอนเป็นเอกลักษณ์ เมื่อได้เห็นเช่นนี้ ที่แท้ก็สมคำร่ำลือ”


“รองหัวหน้าสาขาฉู่ยอเกินไปแล้วขอรับ”


หลินสวินตอบเสียงเรียบ


การปรากฏตัวของฉู่ซานเหอพาให้เขาพลันนึกถึงฉู่ไห่ตงที่ถูกตนทำให้โกรธจนกระอักเลือด คิดถึงการประลองฝีมือว่าใครเป็น ‘ไอ้โง่’ นั้น


ท้ายที่สุดทั้งนครต้องห้ามก็รู้ว่าฉู่ไห่ตงที่ถูก ‘เสียงร้องแห่งเก้ามังกร’ กำราบราบคาบไป ย่อมกลายเป็น ‘ไอ้โง่’ สมดังกล่าว


เรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่งในนครต้องห้าม เห็นได้ว่าผลกระทบนั้นใหญ่หลวงเพียงใด


พูดได้ว่าด้วยเรื่องนี้ หลินสวินนั้นได้ผิดใจกับตระกูลฉู่โดยสมบูรณ์แล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้เมื่อเผชิญหน้ากับฉู่ซานเหอที่ปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน หลินสวินจึงระแวดระวังขึ้นโดยไม่รู้ตัว


นี่เป็นเพียงการทดสอบของศิษย์นักสลักวิญญาณชั้นต้นกลุ่มหนึ่งของตึกเล็กระดับค. เท่านั้น ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร ทว่าฉู่ซานเหอผู้นี้กลับปรากฏตัวขึ้น นี่ออกจะผิดปกติไปแล้ว


“อาจารย์เสี่ยวหลินไม่ต้องถ่อมตัวหรอก ว่าตามจริงข้าก็สงสัยในความสามารถด้านการสลักรอยวิญญาณของเจ้านัก”


ฉู่ซานเหอยิ้มแย้มพลางเอ่ยปาก “อย่างไรเสียในเวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้น ก็สามารถทำให้คะแนนของระดับค. ห้องเก้าเลื่อนขึ้นเป็นอันดับห้า นี่ไม่ใช่ว่าอาจารย์คนไหนก็ทำได้”


เมื่อเอ่ยคำนี้ออกมาก็พาให้ทั้งโถงยอมรับ


ที่จริงแล้วจนถึงตอนนี้ อาจารย์และลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งรู้เพียงว่าหลินสวินนั้นเคยชักนำให้เกิด ‘เสียงร้องแห่งเก้ามังกร’ ที่ครึกโครมไปทั้งนครต้องห้าม กลายเป็น ‘ปรมาจารย์สลักวิญญาณหนุ่มน้อย’ ที่เหมือนกับผู้กล้าแห่งรุ่นเยาว์


แต่ในเรื่องว่าความสามารถด้านการสลักรอยวิญญาณของหลินสวินนั้น แท้จริงแล้วอยู่ขั้นไหนกันแน่ จนตอนนี้กลับไม่เคยมีใครรู้


ทว่าถ้อยคำที่ดูเหมือนจะชื่นชมนี้ของฉู่ซานเหอ กลับทำให้ความระแวดระวังที่อยู่ในใจหลินสวินพลันรุนแรงขึ้นมาก


ไม่มีเรื่องอะไรแต่กลับทำดีด้วย ไม่ใช่ผู้ร้ายก็เป็นขโมย


นอกจากนี้เขายังเคยมีเรื่องกับตระกูลฉู่ ตระกูลเบื้องหลังฉู่ซานเหอ แล้วคนผู้นี้จะยกย่องคู่แค้นอย่างดีเช่นนี้ได้อย่างไรกัน


เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้


ดังคาด คำพูดต่อมาของฉู่ซานเหอได้ยืนยันการคาดเดาของหลินสวินแล้ว


เขาพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ข้ามีข้อเสนอหนึ่ง เหตุใดไม่ถือโอกาสนี้ให้อาจารย์เสี่ยวหลินได้แสดงฝีมือเลิศล้ำในศาสตร์สลักรอยวิญญาณของตน ให้ข้ากับบรรดาอาจารย์และลูกศิษย์ในที่นี้ได้เห็นฝีไม้ลายมือที่หาใครเทียบมิได้สักครั้งล่ะ”


“ดียิ่งนัก คำพูดนี้ของรองหัวหน้าสาขาฉู่ตรงใจพวกข้าพอดีเลย!”


“นั่นสิ พวกข้าก็อยากรู้ฝีไม้ลายมือของอาจารย์เสี่ยวหลินนานแล้ว แต่เสียดายที่ไม่เคยมีโอกาสเลย ถ้าครั้งนี้ได้ตามที่หวังก็คงดียิ่งแล้ว”


“อาจารย์เสี่ยวหลิน แสดงฝีมือสักหน่อยน่า”


“อาจารย์เสี่ยวหลิน…”


คำพูดของฉู่ซานเหอเพิ่งเงียบลง ก็ก่อให้เกิดเสียงสะท้อนอย่างอุ่นหนาฝาคั่งไปทั้งโถง ไม่เพียงแค่เหล่าศิษย์เท่านั้น ขนาดอาจารย์บางคนยังพูดไม่หยุดปาก ท่าทางตื่นเต้นตั้งหน้าตั้งตารอ


มีเพียงเสิ่นทั่วและคนไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง มองฉู่ซานเหอ แล้วก็หันไปมองหลินสวิน ล้วนแสดงสีหน้าไม่สบายใจอยู่ลึกๆ


พวกเขาก็นึกขึ้นได้เช่นกันว่าระหว่างหลินสวินและตระกูลฉู่มีความแค้นต่อกัน


ถึงขั้นที่พวกเขาแน่ใจได้ว่า ข้อเสนอที่ฉู่ซานเหอยกขึ้นมาในเวลานี้ ย่อมไม่ได้มีเป้าหมายเรียบง่ายใสสะอาดเช่นนั้นแน่!


สายตาทั้งโถงมองมายังหลินสวิน ราวกับว่าหากเขาไม่ตอบรับในตอนนี้ ก็จะทำให้ทุกคนผิดหวังในทันที เหมือนกลายเป็นผู้ร้าย


หลินสวินนิ่งเงียบไป


บรรยากาศที่เดิมเคยคึกคัก พลันแปลกไปอย่างพูดไม่ถูกเพราะความนิ่งเงียบของหลินสวิน


“อาจารย์เสี่ยวหลิน….”


ศิษย์ระดับค. ห้องเก้าผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น


ไม่ทันพูดจบก็ถูกหลิวฮุยจ้องเขม็งขัดคอ “ชิงฉ่ง เจ้าหุบปากเสีย ธุระของอาจารย์เสี่ยวหลิน เจ้ามีสิทธิ์อะไรไปยุ่ง”


ประโยคนี้ทำให้เห็นว่าหลิวฮุยก็จับสังเกตสิ่งผิดปกติบางอย่างได้อย่างเฉียบแหลม


“เป็นอะไรไป หรืออาจารย์เสี่ยวหลินลำบากใจ”


ฉู่ซานเหอถามขึ้นอย่างใจเย็นพร้อมรอยยิ้ม


หลินสวินพลันหัวเราะ ไม่นิ่งเงียบอีก ดวงตามองฉู่ซานเหอ “ในเมื่อรองหัวหน้าสาขาฉู่ใจกว้างเชื้อเชิญข้าเช่นนี้ ถ้าข้าปฏิเสธอีกก็ดูไม่รักษาน้ำใจเกินไปนะขอรับ”


ฉู่ซานเหอเหมือนรอคำนี้ของหลินสวินอยู่ก่อนแล้ว พลันหัวเราะเสียงดัง “ข้ารู้อยู่แล้วว่าอาจารย์เสี่ยวหลินคงไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง”


เขาพูดพลางมองไปยังชายวัยกลางคนในชุดเทาผู้หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ช่วยอาจารย์เสี่ยวหลินจัดหาภารกิจหลอมอาวุธที่สามารถแสดงฝีมือได้สักภารกิจหนึ่งที”


ชายวัยกลางคนในชุดเทาตอบกลับทันที “อาจารย์เสี่ยวหลินเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณที่ผ่านการรับรองแล้ว ตอนนี้บนชั้นห้าของหอหลอมวิญญาณ มีภารกิจหลอมอาวุธหนึ่งสามารถทำให้อาจารย์เสี่ยวหลินพึงพอใจได้พอดีขอรับ”


ฉู่ซานเหอพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็เอาตามนี้ก็แล้วกัน”


พูดจากันสองสามประโยคก็ตกลงเรื่องราวกันเลย ตั้งแต่เริ่มจนจบไม่ได้ขอความเห็นหลินสวินอีก


เห็นได้ชัดว่ามีแผนในใจกันมาก่อนแล้ว!


เสิ่นทั่วรู้สึกหนักอึ้งอยู่ในใจ แน่ใจอย่างที่สุดว่าครั้งนี้ฉู่ซานเหอต้องเตรียมตัวก่อนแล้วจึงมาที่นี่ และเป้าหมายก็คือหลินสวิน


ไม่เพียงเสิ่นทั่วเท่านั้น ขนาดอาจารย์และศิษย์บางคนในที่นั้นยังลอบสังเกตเห็นว่าบรรยากาศเหมือนไม่ชอบมาพากล ฉงนใจไม่หยุดหย่อน


“ชั้นห้าของหอหลอมวิญญาณหรือ นั่นเป็นสถานที่หลอมอาวุธที่เตรียมไว้ให้ปรมาจารย์สลักวิญญาณชั้นกลางนะ ภารกิจหลอมอาวุธในนั้นล้วนมีขึ้นเพื่อปรมาจารย์สลักวิญญาณชั้นกลาง รองหัวหน้าสาขาฉู่ จัดแจงเช่นนี้ออกจะ…ไม่เหมาะกระมังขอรับ”


อาจารย์ผู้หนึ่งอดเอ่ยปากไม่ได้


สีหน้าฉู่ซานเหอพลันถมึงทึง พูดอย่างไม่พอใจว่า “เจ้าอย่าได้ดูเบาอาจารย์เสี่ยวหลินเกินไป เขาเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณที่โดดเด่นที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์นะ ในคราวนั้นยังชักนำปรากฏการณ์ ‘เสียงร้องแห่งเก้ามังกร’ ได้ ชื่อเสียงเลื่องลือทั่วนครต้องห้าม ผู้มีฝีมือเก่งกล้าชั้นนี้จะไปชั้นห้าของหอหลอมวิญญาณไม่ได้หรือ”


น้ำเสียงของเขาก้องกังวาน สีหน้าอารี มีท่าทีเรียกร้องความยุติธรรมแทนหลินสวิน กลับทำให้อาจารย์และศิษย์มากมายซาบซึ้งใจไม่ลดละ


นั่นสิ อาจารย์เสี่ยวหลินไม่ใช่ปรมาจารย์สลักวิญญาณทั่วไปสักหน่อย!


เพียงได้ยินคำพูดนี้ ก็พาให้ส่วนลึกในดวงตาหลินสวินฉายแววเย็นเยียบขึ้นวาบ ฉู่ซานเหอผู้นี้พูดเช่นนี้ ก็ยิ่งพิสูจน์ว่าการจัดแจงนี้ไม่ได้มีเจตนาดีแน่แล้ว!


“ไปกันเถอะ พวกเราไปชั้นห้าของหอหลอมวิญญาณ ทุกคนก็สามารถใช้โอกาสนี้รับรู้ฝีไม้ลายมือของอาจารย์เสี่ยวหลินด้วยตาตัวเองสักหน่อย”


เหมือนกลัวว่าหลินสวินจะกลับคำ เมื่อฉู่ซานเหอพูดประโยคนี้จบก็นำฝูงชนออกไปจากห้องโถงใหญ่


‘ถึงเวลา ถ้ารู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล ปฏิเสธไปเสียก็ได้’


เมื่อเสินทั่วเดินผ่านร่างหลินสวินก็พลันสื่อจิตเตือน ชัดเจนว่าเขาก็มองเจตนาแฝงของฉู่ซานเหอออก


หลินสวินยิ้มให้ แต่ไม่ได้พูดอะไรมากความ


…..


ชั้นห้าของหอหลอมวิญญาณ


ภายในนั้นมีพื้นที่กว้างขวาง ราวกับจัตุรัสขนาดมหึมาที่ผุดขึ้นกลางหอ กว้างใหญ่ไพศาลนัก


ที่นี่มีกระบวนรอยสลักวิญญาณปกคลุมหนาแน่นทุกกระเบียดนิ้ว ทุกที่ไหลบ่าไปด้วยกลิ่นอายน่ากลัวราวสถานที่ต้องห้าม พาให้คนสะท้านขวัญ


ในสาขาสลักวิญญาณ ก็มีเพียงผู้มีฐานะปรมาจารย์สลักวิญญาณชั้นกลางขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะเหยียบย่างเข้ามาในที่แห่งนี้ได้โดยราบรื่น


ดังนั้นสำหรับกลุ่มอาจารย์และศิษย์ที่ตามฉู่ซานเหอมาในครั้งนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้มาถึงที่นี่


ทันทีที่เข้ามาจิตใจก็อดสั่นไหวไม่ได้ พื้นดิน ผนัง เสาคาน กระทั่งของตกแต่งต่างๆ ที่อยู่ในโถงนั้น ไม่มีสิ่งใดไม่ถูกปกคลุมไปด้วยกระบวนรอยสลักวิญญาณลึกลับน่าหวั่นกลัว ดูศักดิ์สิทธิ์หาใดเปรียบ


ขนาดหลินสวินยังหรี่ตาลง จากสายตาที่มองไป ในหอหลอมวิญญาณนี้ไม่เพียงมีกระบวนรอยสลักวิญญาณขนาดใหญ่น่ากลัวหาใดเปรียบอย่างต่ำร้อยแบบขึ้นไป ถ้าบุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต น่ากลัวว่าขนาดผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะมาถึงก็คงถูกสังหารทิ้งในชั่วพริบตา!


ฉู่ซานเหอกล้าลงมือฆ่าตนที่นี่หรือ


ฉับพลัน ในสมองของหลินสวินก็มีความคิดประหลาดผุดขึ้นมา ทันใดนั้นก็ส่ายหัว สถานการณ์เช่นนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นได้ นอกเสียจากว่าฉู่ซานเหอเสียสติไปแล้ว


“นี่คือ?”


“จิตกระบี่ที่น่ากลัวยิ่งนัก!”


“ชุดศึกสลักวิญญาณ?”


“รอยประทับบนนั้นคือดอกจื่อเย่าเก้าดอก ใช้อำนาจทั้งเก้าวังกดอัดโครงกระบี่ ด้ามกระบี่พันด้วยไหมเกล็ดมัจฉาทอง นี่ดูเหมือน…ดูเหมือนจะเป็น ‘กระบี่เบิกฟ้า’!


เสียงฮือฮาระลอกหนึ่งดังขึ้น หลินสวินเงยหน้ามองไป ก็เห็นว่ากลางโถงมีกระบี่ยาวสามฉื่อปักลงตรงแน่ว กระบี่นี้ไหลเอ่อไปด้วยปราณม่วงตลอดเล่ม ตัวกระบี่ปรากฏดอกจื่อเย่าที่งดงามบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์เก้าดอก อบอวลไปด้วยพลังไพศาล เก่าแก่และทรงอำนาจยากอธิบาย


ราวกับนั่นไม่ใช่กระบี่เล่มหนึ่ง แต่เป็นราชันอมตะ ตั้งตระหง่านจากส่วนลึกของกาลเวลามาจนถึงปัจจุบัน ชำเลืองมองอย่างโอหังมายังโลก!


เวลานี้ดวงตาอาจารย์และลูกศิษย์เหล่านั้นล้วนจ้องกระบี่นี้เขม็ง สีหน้าตื่นเต้นเคลิบเคลิ้ม กระทั่งมีความยำเกรงอย่างลึกซึ้ง


ส่วนที่ด้านข้างของกระบี่นี้ เดิมทีมีชายสูงวัยสามสี่คนกำลังพินิจพิเคราะห์อะไรอยู่ เมื่อเห็นว่าฉู่ซานเหอนำผู้คนมากมายเช่นนี้มา ชายสูงวัยเหล่านี้ต่างงงงัน แสดงสีหน้าไม่พอใจในทันที


“ฉู่ซานเหอ สถานที่สำคัญเช่นนี้ เจ้าพาคนเข้ามาตามใจชอบได้อย่างไร”


ชายสูงวัยผู้หนึ่งเอ่ยตำหนิฉู่ซานเหออย่างไม่เกรงใจ


——



ตอนที่ 410 เจตนาที่แท้จริงเปิดเผย

โดย

ProjectZyphon

ชายสูงวัยสามสี่ท่านนั้นล้วนเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณที่มากประสบการณ์ในสาขาสลักวิญญาณ รักษาการณ์ที่ชั้นห้าของหอหลอมวิญญาณมานานปี


เมื่อถูกตำหนิ ฉู่ซานเหอไม่สนใจสักนิด หัวเราะร่าแล้วพูดว่า “ขอทุกท่านอย่าขัดเคือง ข้ามาครั้งนี้เพื่อนำข่าวดีข่าวหนึ่งมาให้พวกท่าน”


“ข่าวดีอะไร”


ชายสูงวัยคนหนึ่งขมวดคิ้ว


ฉู่ซานเหอพูดพลางชี้ไปที่หลินสวิน “ท่านนี้ก็คือหลินสวิน ผู้กล้าหนุ่มน้อยที่ชักนำปรากฏการณ์เสียงร้องแห่งเก้ามังกรในการรับรองปรมาจารย์สลักวิญญาณก่อนหน้านี้ไม่นาน เป็นผู้ที่ได้รับการเชิญเป็นกรณีพิเศษจากสาขาสลักวิญญาณของเราให้เป็นอาจารย์ชั้นหนึ่ง”


“หลินสวินหรือ ที่แท้นี่ก็คือเจ้าหนุ่มคนนั้นหรือ”


“ดูแล้วยังเยาว์มากจริงๆ”


ชายสูงวัยเหล่านั้นล้วนประหลาดใจ กวาดตามองหลินสวิน ความขัดเคืองที่ปรากฏบนใบหน้าลดลงไปไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับหลินสวินมาก


“ครั้งนี้ข้าพาหลินสวินมาที่นี่ ก็เพื่อขจัดปัญหาวุ่นวายใจของทุกท่าน”


ฉู่ซานเหอพูดไปยิ้มไป


เมื่อพูดคำนี้ออกมา ชายสูงวัยเหล่านั้นพลันส่งเสียงโวยวาย สีหน้าแสดงความประหลาดใจและโกรธเคือง


“หมายความว่าอย่างไร หรือเจ้าจะให้เขา…แก้ปัญหาซ่อมแซมกระบี่เบิกฟ้างั้นหรือ”


มีคนตั้งคำถาม


“เหลวไหล!”


มีคนโกรธเคือง


“การตัดสินใจเช่นนี้ขาดสติเกินไปแล้ว หรือเจ้าฉู่ซานเหอไม่รู้ว่า ‘กระบี่เบิกฟ้า’ นี้ทรงพลังเพียงใด จะให้เด็กหนุ่มที่เพิ่งเลื่อนขั้นเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณผู้หนึ่งมาแก้ไขได้อย่างไร”


มีคนตำหนิเสียงแข็ง


เมื่อคำพูดเหล่านี้เปล่งออกมา กลุ่มอาจารย์และลูกศิษย์ที่เดิมทีตามฉู่ซานเหอมาด้วยเหล่านั้นก็ต่างส่งเสียงฮือฮา แสดงสีหน้าตกอกตกใจ


“ที่แท้นี่ก็คือ ‘กระบี่เบิกฟ้า’ อาวุธเทพที่ทรงพลังที่สุดในมือจักรพรรดินีองค์ปัจจุบัน นี่เป็นชุดศึกสลักวิญญาณที่ร้ายกาจยิ่งชุดหนึ่ง!”


“กระบี่เบิกฟ้า! รองหัวหน้าสาขาฉู่คงจะไม่…คงจะไม่นำสิ่งนี้มาเป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถด้านการสลักรอยวิญญาณของอาจารย์เสี่ยวหลินกระมัง”


ฝูงชนสีหน้าฉงน


หลินสวินกลับหรี่ตาลง เขาแน่ใจแล้วว่า ‘กระบี่เบิกฟ้า’ นี้ก็คือวิธีที่ฉู่ซานเหอต้องการใช้ต่อกรกับตน!


ชุดศึกสลักวิญญาณชั้นสูง


ทั้งเป็นสิ่งที่อยู่ในการครอบครองของจักรพรรดินีองค์ปัจจุบัน!


ขนาดชายสูงวัยเหล่านั้นยังซ่อมแซมไม่ได้ แค่คิดก็รู้ว่าปัญหาที่เกิดกับ ‘กระบี่เบิกฟ้า’ นี้ยุ่งยากขนาดไหน


“หึ!”


ทันใดนั้นก็เห็นว่าฉู่ซานเหอส่งเสียงหึหยัน กำราบเสียงฮือฮาที่ดังขึ้นในที่นั้นทันที


ท่ามกลางความเงียบเชียบ ฉู่ซานเหอพูดเสียงขรึมว่า “พวกท่านซ่อมแซมไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะซ่อมแซมไม่ได้ อะไรกัน หรือพวกท่านคิดว่าอาจารย์เสี่ยวหลินผู้นี้ไม่มีแม้คุณสมบัติที่จะซ่อมแซม ‘กระบี่เบิกฟ้า’ งั้นหรือ”


คำพูดนี้พาให้สีหน้าของชายสูงวัยเหล่านั้นแปรเปลี่ยนไป ชายสูงวัยผู้หนึ่งอดไม่ไหวพูดว่า “พวกข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น แต่กระบี่เบิกฟ้าเล่มนี้เป็นความรับผิดชอบใหญ่หลวง หากมีข้อผิดพลาดอะไรขึ้น ผลที่ตามมาใช่ว่าใครจะรับไหว”


“ถูกต้อง อีกไม่นานก็จะเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสามร้อยพรรษาขององค์จักรพรรดินี พระราชวังมีบัญชาเด็ดขาดลงมาแล้วว่าหากซ่อมแซมกระบี่เบิกฟ้าไม่เสร็จ…”


เมื่อเห็นว่าชายสูงวัยคนอื่นก็เอ่ยปากอย่างต่อเนื่องด้วยต้องการคัดค้าน สีหน้าของฉู่ซานเหอก็นิ่งขึง พูดตัดบทว่า “ทุกท่าน ข้าเพียงถามคำเดียว จนถึงตอนนี้พวกท่านหาวิธีซ่อมแซมกระบี่เบิกฟ้าได้หรือยัง”


ชายสูงวัยเหล่านั้นพลันพากันน้ำท่วมปาก


ฉู่ซานเหอพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “ในเมื่อพวกท่านทำไม่ได้ เหตุใดถึงให้อาจารย์เสี่ยวหลินลองสักครั้งไม่ได้เล่า”


“นี่…”


ชายสูงวัยเหล่านั้นหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก


เวลานี้ในโสตประสาทของหลินสวินพลันได้ยินเสียงสื่อจิตของเสิ่นทั่ว แสดงความกังวลใจหาใดเปรียบว่า ‘หลินสวิน อย่ารับปากเชียวนะ! กระบี่เบิกฟ้าเป็นอาวุธสำคัญของราชวงศ์ หลายปีก่อนเพราะเหตุไม่คาดคิดที่ไม่อาจล่วงรู้ได้ ส่งผลให้ของสิ่งนี้เสียหายอย่างหนัก จักรพรรดินีองค์ปัจจุบันเชิญผู้มีฝีมือมากมายลงมือ แต่ถึงตอนนี้ยังไม่มีใครซ่อมแซมได้’


หลินสวินใจสั่นสะท้าน ที่แท้เหตุการณ์เหล่านี้ก็มีที่มาที่ไปเช่นนี้


ได้ยินเสิ่นทั่วพูดต่อ ‘อย่างภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิ รวมถึงปรมาจารย์สลักวิญญาณที่มีชื่อเสียงในอาณาจักรส่วนหนึ่ง ล้วนถูกราชวงศ์เชื้อเชิญมาซ่อมกระบี่เบิกฟ้า แต่ถึงตอนนี้กลับไม่มีใครทำสำเร็จเลยสักคน อีกทั้งหลายคนยังเห็นว่า กระบี่เบิกฟ้านี้เดิมทีก็ไม่มีทางซ่อมแซมให้กลับสู่สภาพเดิมได้อีกแล้ว!’


หลินสวินลอบสูดหายใจเย็นเยียบ วิธีการร้ายกาจยิ่งของฉู่ซานเหอผู้นี้ ถึงกับหมายจะใช้ปัญหาที่รับมือยากนี้มาโจมตีตน!


ถ้าตนทำไม่ได้ เช่นนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาย่อมไม่ต้องคาดคิด


เสียงสื่อจิตของเสิ่นทั่วนั้นปิดบังซ่อนเร้นยิ่ง ทั้งไม่ดึงดูดความสนใจจากผู้อื่น ขณะที่หลินสวินเตรียมจะพูดอะไรออกมา ก็เห็นว่าฉู่ซานเหอเอ่ยปากเสียงขรึมขึ้นแล้วว่า “ทุกท่านไม่ต้องลังเลแล้ว เรื่องนี้ข้าได้ไหว้วานให้คนไปที่พระราชวัง กราบทูลว่าอาจารย์เสี่ยวหลินจะลงมือช่วยแก้ไขปัญหานี้ หากพวกท่านขัดขวาง จะเป็นการฝ่าฝืนเสียเปล่าๆ!”


เฮือก!


เสียงสูดลมหายใจเย็นเยียบระลอกหนึ่งดังขึ้นทั่ว ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์เหล่านั้นหรือว่าศิษย์ ล้วนมีสีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน เผยให้เห็นความหวั่นกลัว


ในที่สุดพวกเขาก็แน่ใจว่าฉู่ซานเหอจงใจเพ่งเล็งหลินสวิน ต้องการอาศัยเรื่องนี้โจมตีเขา!


นี่เป็นปัญหาที่ขนาดปรมาจารย์สลักวิญญาณมากประสบการณ์กลุ่มหนึ่งยังไม่มีทางแก้ไขได้ แต่ฉู่ซานเหอผู้นี้กลับนำเผือกร้อนหัวนี้โยนให้หลินสวิน ทั้งยังลอบส่งคนไปรายงานราชวงศ์ด้วย!


นี่เห็นชัดว่าเดิมทีก็ไม่คิดให้หลินสวินถอยหลังกลับแล้ว


น่ากลัว


น่ากลัวเกินไปแล้ว!


จนถึงเวลานี้ผู้เก่งกาจมากมายถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่า ก่อนฉู่ซานเหอมาหอหลอมวิญญาณ ต้องวางแผนทุกอย่างนี้ไว้ในใจอยู่ก่อนแล้ว!


ที่พาให้ทุกคนใจสั่นระรัวที่สุดก็คือ อุบายที่ฉู่ซานเหอใช้ ใหญ่โตเปิดเผย ไม่อาจให้ผู้ใดตำหนิอะไรได้เลย


วิธีนี้ต่างหากที่เรียกว่าโหดเหี้ยมร้ายกาจ


หลินสวินยังจะปฏิเสธได้หรือ


แน่นอนว่าไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขาได้รับปากฉู่ซานเหอไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ก็ถูกฉู่ซานเหอส่งคนไปรายงานราชวงศ์แล้ว ถ้าหลินสวินปฏิเสธ เช่นนั้นผู้ที่เขาล่วงเกินจะไม่ใช่แค่ฉู่ซานเหอ แต่ยังมีราชวงศ์แห่งจักรวรรดิด้วย!


นี่ต่างหากที่น่ากลัวที่สุด!


ชั่วขณะหนึ่งทั่วทั้งโถงเงียบเชียบไร้เสียง ล้วนสะเทือนขวัญด้วยวิธีการที่ฉู่ซานเหอเผยออกมา


ขนาดหลินสวินยังคิดไม่ถึงว่า เพื่อพุ่งเป้ามาที่ตน ฉู่ซานเหอจะถึงกับวางแผนรอบคอบรัดกุมเช่นนี้


เดิมทีหลินสวินนึกว่า เมื่อตนมาถึงสำนักศึกษามฤคมรกต สิ่งที่ควรหวั่นกลัวที่สุดก็คือการแก้แค้นจากตระกูลจั่วและฉิน สองตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง


แต่เห็นได้ชัดว่าเขาละเลยตระกูลฉู่ ทั้งประเมินความแน่วแน่ร้ายกาจที่ตระกูลฉู่หมายจะแก้แค้นตนต่ำเกินไป!


“หลินสวิน เจ้าคงไม่หาว่าข้าทำเกินหน้าที่ที่ช่วยเจ้าตอบรับเรื่องนี้ใช่ไหม”


ฉู่ซานเหอเอ่ยพลางหัวเราะลั่น


หลินสวินหรี่ตาลง เกลียดจนอยากทุบใบหน้าจอมปลอมนี้ของฉู่ซานเหอให้แหลกละเอียด


แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “รองหัวหน้าสาขาฉู่ ท่านเคยได้ยินเรื่องตอนที่ข้าได้รับรองให้เป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณกระมัง”


ฉู่ซานเหอนิ่งชะงัก ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างยากสังเกตเห็น ราวกับเดาได้ว่าหลินสวินจะพูดอะไร


กลับเห็นหลินสวินพูดพลางยิ้มว่า “ตอนนั้นมีคนผู้หนึ่งนามว่าฉู่ไห่ตง ปากพ่นคำพูดเพ้อเจ้อ จะใช้การรับรองของเก้าศิลาประตูมังกรมาพิสูจน์ว่าระหว่างข้ากับเขา ใครกันแน่ที่โง่เง่าไม่รู้ความ และใครกันแน่ที่เป็น…ไอ้โง่”


สีหน้าของฉู่ซานเหอถมึงทึงนัก ส่วนคนอื่นในที่นั้นต่างขวัญสะท้าน คิดไม่ถึงว่าในเวลาแบบนี้หลินสวินจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาได้


สำหรับฉู่ซานเหอ หรือแม้กระทั่งตระกูลฉู่ทั้งตระกูลแล้ว นี่เป็นเรื่องอื้อฉาวและเป็นรอยแผลเป็นที่น่าอับอายหาใดเปรียบ!


หลินสวินดูราวไม่รับรู้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป รอยยิ้มยิ่งอบอุ่นสดใสมากขึ้น เอ่ยช้าๆ ว่า “ผลลัพธ์สุดท้ายคิดว่าท่านย่อมรู้ดี ดังนั้นตอนนี้รองหัวหน้าสาขาฉู่ต้องการจะใช้วิธีเช่นนี้ทำให้ข้า…แสดงฝีมือจริงหรือขอรับ”


——

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)