Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 354-355
ตอนที่ 354
เรื่องราวไม่คาดฝัน
โดย
ProjectZyphon
เห็นหลินสวินไม่พูด หลินเสวี่ยเฟิงก็ห้ามรอยยิ้มไว้ไม่อยู่
“หลินสวิน ข้ารู้ว่าเจ้าเหนื่อย สิ่งที่แบกรับไว้มีมากเกินไปแล้ว ด้วยความสามารถของเจ้าคงรับภาระหนักอึ้งนี้ไว้ไม่ไหวหรอก”
หลินเสวี่ยเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มอบให้ข้าเถอะ เจ้าไม่จำเป็นต้องเหนื่อยเช่นนี้ ตระกูลหลินแห่งนี้ต่อไปให้ข้ารับไว้แต่ผู้เดียวก็พอแล้ว!”
ตาทุกคู่มองไปที่หลินสวิน คนมากมายเห็นว่าหลินเสวี่ยเฟิงแสดงให้เห็นน้ำใจจริงที่มากพอแล้ว ถ้าหลินสวินจะไม่สนใจ ก็ถือว่าอยากตาย
สีหน้าหลินจงหม่นหมองลงไปมาก เดิมเขานึกว่านี่จะเป็นเพียงการประลองเท่านั้น ใครจะคิดว่ากลับซุกซ่อนลูกไม้สกปรกไว้มากมายขนาดนี้! ถ้ารู้เช่นนี้เสียแต่แรก คงไม่ให้นายน้อยมาที่นี่!
“เฮ้อ” หลินสวินพลันถอนหายใจยาวท่ามกลางความเงียบ “ไม่คิดว่าในตระกูลหลินจะได้พบคนรู้ใจข้าในที่สุด เข้าใจหัวอกข้า รู้สถานการณ์ของข้า ที่สำคัญยังอยากช่วยข้าแบ่งเบาภาระโดยไม่สนใจสิ่งใดเลย”
ฝูงชนตื่นเต้น ในใจคิดว่าเจ้าหนูนี่ยังพอมีปัญญา ย่อมเห็นว่าการยอมรับถึงจะเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุด ถ้าหลินสวินยังไม่รู้ว่าต้องปฏิบัติตัวเช่นไรอีกก็ไม่รู้อันตรายแล้ว
รอยยิ้มที่ระบายอยู่บนริมฝีปากของของหลินเสวี่ยเฟิงยิ่งอ่อนโยนขึ้น ท่าทีของหลินสวินทำให้เขาพึงพอใจ ในใจถึงกับคิดไว้แล้วว่า เมื่อหลินสวินยกสิทธิ์เหนือภูเขาชำระจิตให้ อาจจะมอบผลประโยชน์บางอย่างให้อีกฝ่ายก็เป็นได้
แต่ที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือ หลินสวินกลับพลิกลิ้นพูดเรียบๆ ว่า “ข้าหลินสวินมีคุณธรรมใด มีความสามารถใด จึงได้รับความกรุณาสนับสนุนเช่นนี้” พูดถึงตรงนี้ สีหน้าหลินสวินหนักแน่น พูดอย่างทรงอำนาจว่า “ช่างเถอะ ภาระนี้ให้ข้ารับไว้คนเดียวเถิด ถ้าข้าไม่ลงนรก แล้วใครมันจะไปลงนรกเล่า”
ทั้งลานตกตะลึง ล้วนแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เจ้าเด็กนี่มันบ้าไปแล้วกระมัง ถึงได้พูดจาไร้ยางอายเช่นนี้ออกมาได้
รอยยิ้มบนมุมปากของหลินเสวี่ยเฟิงเกร็งขึ้น พูดราวกับไม่เชื่อว่า “หลินสวิน เจ้า…เข้าใจผิดไปแล้วหรือไม่”
หลินสวินสีหน้าเคร่งขรึม ถอนหายใจพูดว่า “ท่านพี่ ท่านไม่ได้เข้าใจผิดไปหรอก บาปนี้ให้ข้ารับไว้เองเถิด”
ชั่วขณะนี้ ฝูงชนรับรู้ได้แล้วว่าหลินสวินตั้งใจกวนโมโหพวกเขา!
ร้ายนัก!
หลายคนแสดงสีหน้าไม่ชอบใจ เจ้าเด็กนี่มันแผลงฤทธิ์เกินไปแล้ว ไม่ยอบรับก็พูดตรงๆ ถึงกับกล้าล้อพวกตนเล่น มันรนหาที่ตายเสียจริง!
จิตใจนิ่งสุขุมของหลินเสวี่ยเฟิง ขณะนี้เริ่มรู้สึกอึดอัดจนแสดงท่าทีเย็นชาโดยไม่รู้ตัว
“ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าไม่รับน้ำใจ เช่นนั้นพวกเรามาแสดงฝีมือที่แท้จริงกันเถอะ!” หลินเสวี่ยเฟิงแสดงท่าทีร้ายมาร้ายกลับ
หลินสวินยิ้มบาง เห็นด้วยอย่างยิ่งแล้วพูดว่า “ควรทำอย่างนี้เสียตั้งนานแล้ว”
ริมฝีปากหลินเสวี่ยเฟิงกระตุกเล็กน้อยอย่างยากสังเกตเห็น เขาพลันสัมผัสได้ว่าถ้าสนทนาต่อไปอีก น่ากลัวว่าตนจะถูกหลินสวินยั่วโมโหจนเสียอาการ
“น่าโมโหนัก เจ้าเด็กนี่ทำเกินไปแล้ว ท่านพี่เสวี่ยเฟิง ต้อนสั่งสอนบทเรียนที่ทำให้มันจำไปจนตายเชียว!” มีคนตะโกนออกมาอย่างขัดเคือง
“ใช่! จะปล่อยมันไปง่ายๆ ไม่ได้เด็ดขาด!” คนอื่นพลอยตะโกนตาม ในใจเต็มไปด้วยความเดือดดาล
หลินไหวหย่วน หลินต้าเชียนและคนอื่นๆ ที่อยู่ไกลออกไปอดนิ่วหน้าไม่ได้ ในใจไม่หวังให้หลินสวินรับรู้ได้ถึงความยากลำบากแล้วยอมแพ้ไปเองอีกแล้ว
ในความคิดของพวกเขา หลินสวินเป็นเด็กน้อยโอหังที่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา สู้หัวชนฝา ก็คงต้องให้บทเรียนจริงๆ ถึงทำให้เข้าใจสภาพการณ์ตอนนี้อย่างชัดเจน
ทว่าหลินจงกลับยิ้มออกมา นายน้อยก็ยังคงเป็นเช่นนั้น เก็บงำความสามารถของตนไว้ แต่อย่าได้คิดว่าจะเอาเปรียบเขาเชียว!
ฉับพลัน จิตใจหลินจงอดตึงเครียดไม่ได้ ถ้าประลองกันจริง เขาเองก็กังวลว่าหลินสวินจะทนสู้กับหลินเสวี่ยเฟิงได้ถึงร้อยกระบวนท่าหรือไม่
อย่างไรเสียพลังปราณของพวกเขาสองคนก็ห่างชั้นกันถึงหนึ่งขั้นใหญ่!
นอกจากนี้หลินเสวี่ยเฟิงก็เทียบกับคนทั่วไปไม่ได้ เป็นถึงผู้ถูกเลือกที่ผ่านการทดสอบระดับอาณาจักร นี่ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้นายน้อยขึ้นไปอีกอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ตอนนี้หลินจงก็อับจนหนทาง ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ได้แต่หวังให้เกิดปาฏิหาริย์กับหลินสวิน
…
“หนึ่งร้อยกระบวนท่า ถ้าเจ้าไม่ล้มก็ถือว่าเจ้าชนะ!”
ในลานฝึกยุทธ์ หลินเสวี่ยเฟิงเอ่ยเสียงเย็นเยียบ ชั่วพริบตานั้นพลังรอบตัวเขาพลันเปลี่ยนแปรผันผวน ละอองฝนลอยละล่อง เผยพลังออกมา พลังอำนาจน่าสะพรึงกลัวพุ่งปะทะผืนเมฆ ปั่นป่วนสภาพอากาศ
ชุดขาวของเขาปลิวไหว เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แสดงพลังอำนาจของผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณออกมาอย่างเต็มที่
คนในลานมากมายดวงตาเปล่งประกาย ทั้งส่งสียงร้องด้วยความตื่นตะลึงไม่หยุดหย่อน
“จำไว้ ข้าจะไม่เกรงใจ แสดงฝีมือออกมาเถอะ” ผมยาวของหลินเสวี่ยเฟิงปลิวไปตามลม รอบตัวห้อมล้อมด้วยละอองฝนลอยละล่อง ประหนึ่งเทพเซียน
หลินสวินยิ้มบางๆ “ดีที่สุดอย่าได้เกรงใจ มิเช่นนั้นหากท่านเกิดแพ้ขึ้นมา คนอื่นจะพานคิดว่าท่านจงใจออมมือให้ข้า ทำให้ข้าไม่สบายใจ”
“เจ้า…” ดวงตาหลินเสวี่ยเฟิงอึมครึม
สวบ!
ตอนนี้เอง หลินสวินเริ่มออกโจมตีแล้ว เงาร่างราวสายฟ้า เหนี่ยวนำแสงสว่างสีฟ้าใสเปล่งประกายราวหยกโผนกระโจนไปกลางนภา
โครม! หมัดเปล่งประกายพร่าพราวซัดออกมา
มีพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ดังหมัดทลายภูผานที กดทับสรรพสิ่ง ที่แท้ก็เป็นกระบวนท่าทลายภูผาในเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์นี่เอง!
เสียงหวีดหวิวระงมท้องฟ้า อากาศไหลเวียนวิปริตแปรปรวน
หืม?
หลินไหวหย่วนที่อยู่ห่างออกไป รวมถึงผู้เก่งกาจจำนวนหนึ่งอย่างหลินต้าเชียนดวงตาฉายแววตกตะลึง ผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าสามารถใช้พลังน่ากลัวขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
มิน่าเด็กคนนี้ถึงกล้ารับคำท้าประลอง ที่แท้ก็พอมีดีอยู่บ้าง
น่าเสียดายคนที่เขาเจอคือเสวี่ยเฟิง ต่อให้ในขั้นผสานฟ้าเขาจะเก่งกาจแค่ไหน อย่างไรก็ต้องพ่ายแพ้ในการประลองครั้งนี้
หลินเสวี่ยเฟิงในตอนแรกไม่ใส่ใจอะไรมากนัก เขามองว่าหลินสวินเป็นเพียงเด็กหนุ่มขั้นผสานฟ้าเท่านั้น ทั้งยังอ่อนวัยกว่าตน มาดวลกับเขาก็ไม่ต่างกับมดน้อยเขย่าต้นไม้ หรือทุบหินด้วยไข่
ทว่าเมื่อหลินสวินโจมตีหมัดนี้ออกมา หลินเสวี่ยเฟิงรู้ได้ทันทีว่าเขาประเมินเจ้าเด็กคนนี้ต่ำไป แต่ก็เพียงคิดเช่นนี้เท่านั้น
“เปิดได้สวย” หลินเสวี่ยเฟิงหัวเราะชอบใจ ยืนตระหง่านอยู่ที่เดิม ครู่หนึ่งก็ปล่อยพลังออกมา
พลันลำแสงที่ดูเหมือนละอองฝนก่อตัวขึ้นแล้วเทลงมาอย่างแผ่วเบา เส้นสายที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดปรากฏขึ้นโดยทั่ว ราวกับจิตรกรมากฝีมือตวัดพู่กันเขียนภาพ
“เคล็ดวิชามายาหมอกพิรุณ!”
“ท่านพี่เสวี่ยเฟิงนำวิชาขั้นสูงมาใช้ได้อย่างงดงามหมดจดถึงขั้นนี้ ไม่มีข้อบกพร่องเลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้ผู้คนตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก”
“เฮอะ เจ้าเด็กหลินสวินนั่นต้องได้ลิ้มรสความเจ็บปวดเสียแล้วล่ะ!”
คนในลานมากมายฮึกเหิม ตื่นตาตื่นใจกับฝีมือที่หลินเสวี่ยเฟิงสำแดงออกมา
โครม!
พลันเสียงปะทะน่ากลัวดังขึ้น แสงวิญญาณสาดกระเซ็น กวาดกระจายไปทั่วทุกแห่ง
รอยสลักวิญญาณที่อยู่บนลานฝึกยุทธ์ถูกปลุกให้ตื่นอยู่ก่อนแล้ว สำแดงพลังป้องกันไร้รูปร่างขึ้น ส่งผลให้คลื่นที่ล้นออกมาจากการต่อสู้สลายไป ยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุที่ฝูงชนนอกลานถูกคลื่นกระทบได้
ตึงๆๆ
เห็นเรือนกายหลินสวินถูกสั่นสะเทือนจนถอยไปหลายก้าว
ในลานพลันเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ โจมตีครั้งเดียวก็รู้ที่ต่ำที่สูงแล้ว!
แต่ที่พวกเขาไม่คาดคิดคือ ขณะนี้ยังมีรอยยิ้มบางๆ ระบายอยู่บนใบหน้าของหลินสวิน พูดว่า “นี่เป็นพลังระดับมหาสมุทรวิญญาณหรือ ไม่เท่าไหร่นี่”
เสียงยังไม่ทันเงียบลง เขาก็พุ่งเข้าไปอีกรอบ เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ พลังรอบตัวเขาเพิ่มขึ้นอีกขั้นอย่างชัดเจน ทั้งร่างถูกพลังวิญญาณสีฟ้าปกคลุมหนาแน่น ท่าทางองอาจราวมังกร
“ไม่รู้ดีชั่ว!” หลินเสวี่ยเฟิงหัวเราะเย้ยหยัน พลันเกิดเสียงซ่า ร่างกายลอยละล่องราวหมอกฝน ย่างก้าวออกไปข้างหน้า ฝ่ามือขาวผ่องเรียวยาวควบพลังมหึมาไว้ แล้วปล่อยออกไปอย่างโหดเหี้ยม
ตูม!
ทั้งสองคนเข้าต่อสู้ราวภูเขาไฟสองลูกกระทบกัน ก่อให้เกิดพลังน่าสะพรึงไหลสะเปะสะปะ ฟ้าดินเปลี่ยนสี ห้วงอากาศแหลกสลาย
พูดได้ว่า พลังของระดับมหาสมุทรวิญญาณนั้นน่าสะพรึงกลัวหาใดเปรียบยิ่งนัก ยกมือวาดขาก็เกิดพลังที่มีผลต่อฟ้าดิน สร้างพลังที่สามารถปั่นป่วนหยินหยางได้
เพียงครู่เดียวหลินสวินก็ถูกซัดสะเทือนให้กระเด็นออกไป
แต่ที่ทำให้ทุกคนตกใจคือ เขาพุ่งเข้าประจันบาญอีกครั้งราวกับคนที่ไม่เป็นอะไรเลย
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
“ผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าเก่งกาจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร”
ผู้คนส่งเสียงฮือฮา
ขนาดพวกหลินไหวหย่วนที่อยู่ห่างออกไปยังอดหรี่ตาไม่ได้ ความแข็งแกร่งของหลินสวินเกินธรรมดาไปนัก
ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าคนอื่น จะรับมือหลินเสวี่ยเฟิงสองสามกระบวนท่ายังยาก!
นี่ไม่ใช่การดูถูกผู้กล้าใต้หล้า แต่ความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดของระดับพลังปราณ ยังผลให้ไม่ว่าผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าผู้ใดเผชิญหน้ากับระดับมหาสมุทรวิญญาณ ล้วนรับมือได้ลำบากนัก
ทว่าหลินสวินถูกผลักจนถอยออกไปถึงสองครั้งติด แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ท่าทางกลับดูแข็งแกร่งสมบูรณ์ขึ้น ต่างออกไปอย่างยิ่ง
‘เจ้าเด็กนี่หน่วยก้านไม่ธรรมดา ในระดับจิตผสานวิญญาณ น่ากลัวจะหาคู่ต่อสู้ได้ยาก ถ้าให้เวลาเขาอีกสองสามปี ไม่แน่ว่าจะสามารถเติบโตขึ้นเป็นที่สูสีกับเสวี่ยเฟิงได้’ หลินไหวหย่วนพึมพำในใจ ‘น่าเสียดาย ที่ผู้มีสิทธิ์ครอบครองภูเขาชำระจิตมีได้แค่คนเดียว หลินสวินในตอนนี้อย่างไรก็ห่างชั้นกับเสวี่ยเฟิงไปมาก’
หลินสวินในขณะนี้ เข้าร่วมต่อสู้เต็มตัว จิตใจว่างเปล่า จดจ่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า สำแดงพลังมหัศจรรย์แห่งเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ออกมาจนหมด
กระบวนท่าทลายสมุทร ทลายอากาศ ทลายวิญญาณ ทลายมังกร ทลายปักษาเพลิง…
นี่เป็นเคล็ดวิชาซึ่งตกทอดที่ห้องโถงมรรคาสวรรค์ ซุกซ่อนอยู่ในมรดกเก่าแก่กลางผนึกสะเทือนสวรรค์โบราณ เมื่อถูกหลินสวินปล่อยออกมาอย่างมุทะลุ เกิดเป็นภาพแปลกตามากมาย
แต่ถึงกระนั้น หลินสวินยังถูกทำให้กระเด็นถอยหลังอยู่เช่นเดิม แม้ว่าไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เลือดลมในกายกลับพลุ่งพล่านไม่หยุด ทรมานอย่างยิ่ง
หลินเสวี่ยเฟิงแข็งแกร่งมากจริงๆ ตั้งแต่หลินสวินฝึกปราณมา ในบรรดาคู่ต่อสู้ที่เคยประมือด้วย ถ้าไม่นับฉื่อฉางเฟิง เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
ทั้งยังเหมือนกับฉื่อฉางเฟิง เป็นผู้ฝึกระดับมหาสมุทรวิญญาณเช่นเดียวกัน!
ทว่าเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้ว หลินก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ในช่วงยี่สิบกว่าวันที่เขาฝึกปราณที่ยอดภูเขาชำระจิตนั้น เขาได้ตระหนักถึง ‘ลักษณ์ฟ้าดิน’ แล้ว สามารถรับรู้ได้ถึงพลังอำนาจที่เคลื่อนอยู่รอบโลก ภายนอกและในร่างเกิดความเปลี่ยนแปลงอัศจรรย์มากมาย
หลินสวินในตอนนี้มีปราณขั้นผสานฟ้าสมบูรณ์ มีโอกาสจะก้าวข้ามขั้นเลื่อนระดับเมื่อไรก็ได้
ที่ยังไม่ก้าวข้ามขั้นนั้น ก็เหมือนที่เขาเคยบอกหลินจงว่า ‘ข้ายังสังเกตลักษณ์แห่งฟ้าดินไม่พอ รอยามจำเป็นค่อยก้าวข้ามทะลวงขั้นตอนนั้นก็ไม่สาย’
ดูจากตอนนี้แล้ว แรงกดดันที่หลินเสวี่ยเฟิงนำมาให้เขานั้น ยังไม่มากพอที่จะทำให้เขาเกิดความคิดอยากก้าวข้ามขั้น!
ตู้มมม
การต่อสู้ดุเดือดดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ในเวลาสั้นๆ ก็สู้กันกันสามสิบกว่ากระบวนท่าแล้ว หลินสวินดูด้อยกว่าเมื่อเทียบกับอีกฝ่าย เขาถูกผลักกระเด็นออกมาไม่หยุดหย่อน ดูเหมือนจะถูกกำราบลงเมื่อไรก็ได้ แต่ทุกครั้งเขาก็ยังทนสู้ต่อได้อย่างเกินคาด ยังผลให้คนนอกลานจำนวนมากไม่คาดฝัน ส่งเสียฮือฮาไม่หยุด
ใบหน้าของหลินเสวี่ยเฟิงเยียบเย็นขึ้น ความสามารถของหลินสวินทำให้เขาประหลาดใจไม่หยุดหย่อน ราวกับแมลงสาบที่ตีไม่ตายเสียที
เดิมทีเขาคิดว่าเพียงไม่กี่กระบวนท่าก็สามารถกำราบหลินสวินได้อยู่หมัด แต่ดูจากตอนนี้ ถ้าไม่งัดฝีมือที่แท้จริงออกมาใช้คงสำเร็จได้ยาก
นี่ทำให้หลินเสวี่ยเฟิงไม่สบายใจอยู่บ้าง
เมื่อไรกันที่ผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ ถ้าข่าวนี้เล็ดรอดออกไป ตนคงถูกหัวเราะเยาะแย่!
ตอนที่ 355
หนึ่งดาบสอยจันทรา
โดย
ProjectZyphon
ตึง!
ร่างของหลินเสวี่ยเฟิงกระโจนขึ้นด้วยความโกรธเคือง ยกแขนกางฝ่ามือ กลางฝ่ามือนั้นมีละอองฝนหนาแน่น ราวภาพฝันในจินตนาการ
ชั่วขณะนั้นเองเกิดเสียงปะทะราวสายฟ้าฟาดดังกระหึ่มขึ้นในลานฝึกยุทธ์ พื้นลานแข็งแกร่งที่ปูลาดด้วยหินเหล็กกล้าสั่นสะเทือนแยกออกจากกัน
หลินสวินถูกกระแทกออกไปอีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย
“จากนี้ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ว่าพลังอำนาจที่แท้จริงของระดับมหาสมุทรวิญญาณเป็นอย่างไร”
ท่ามกลางถ้อยคำเรียบเฉยชัดถ้อยชัดคำ ร่างของหลินเสวี่ยเฟิงก็ทะยานขึ้นกลางอากาศ รอบตัวโอบล้อมไปด้วยแสงแรงกล้า พลางมองหลินสวินจากที่สูง
“ท่านพี่เสวี่ยเฟิงไม่ยั้งมือแล้ว!”
“ควรทำอย่างนี้เสียตั้งแต่แรก”
ฝูงชนรอบข้างตื่นเต้น อยากเห็นหลินเสวี่ยเฟิงกำราบหลินสวินเต็มที
‘บีบให้เสวี่ยเฟิงแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมาได้ เจ้าเด็กนี่ก็ถือว่ามีความสามารถเก่งกล้าแล้ว แต่ว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไปนับแต่นี้ล่ะ’ หลินไหวหย่วนที่อยู่ไกลออกไปพึมพำอยู่ในใจ
‘เคลื่อนไหวกลางเวหา แผ่พลังกลางอากาศ การจู่โจมนี้เมื่อสำแดงออกมาก็ไม่ต้องสู้ต่อแล้ว นายน้อยตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบแล้ว’
หลินจงพลันบีบคั้นหัวใจ สีหน้ากังวลปรากฏบนใบหน้า
ความโดดเด่นที่สุดของระดับมหาสมุทรวิญญาณ คือสามารถเคลื่อนที่ในเวหา แผ่พลังกลางอากาศ หลินสวินในตอนนี้ยังไม่สามารถไปถึงขั้นนั้นได้
ด้านพลังที่มีแต่เดิมนั้น ถูกหลินเสวี่ยเฟิงกดลงให้ด้อยกว่าไปแล้ว!
ครืน
กลางอากาศนั้น หลินเสวี่ยเฟิงเหลือบมองด้วยสายตาดูถูกอย่างชัดเจน ราวกับเทพเจ้ามองลงมาสู่เบื้องล่าง มือทั้งสองของเขาไขว้เข้าหากัน เมื่อกระแทกออกไป แสงวิญญาณละอองฝนก็ไหลรินลงมา ทาบทับห้วงอากาศที่นี่
ปังๆๆๆ
เสียงระเบิดต่อเนื่องดังขึ้น
แสงวิญญาณละอองฝนที่ลอยละล่องนั้นดูอ่อนโยน ทว่าทันทีที่เทลงมาก็ยังให้ห้วงอากาศแตกสลาย เกิดเป็นเสียงอื้ออึงสั่นสะเทือนจนหูแทบดับ
น่ากลัวนัก เห็นได้ชัดว่าเป็นวิชาลับที่มีเอกลักษณ์วิชาหนึ่ง!
ทว่าดวงตาดำขลับของหลินสวินกลับนิ่งสงบ เคลื่อนไหวฉับพลันด้วยความเร็วทั้งหมด ราวสายฟ้าที่ฟาดฉับ ดุจปีศาจที่กระโดดไปมาไม่อยู่นิ่ง
ซ่าๆๆๆ
ในชั่วเวลาหนึ่ง ลานฝึกยุทธ์มีแต่รอยเงาที่หลินสวินทิ้งไว้ยามเคลื่อนไหว เห็นได้ว่าความเร็วของเขานั้นทำให้ผู้คนตกตะลึงได้มากแค่ไหน
และอาศัยแค่ความเร็วในการหลบหลีกนี้ ก็สามารถทำให้หลินสวินปลอดภัยจากการโจมตีของหลินเสวี่ยเฟิงได้แล้ว
“เวรเอ๊ย! เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”
“แผ่พลังกลางอากาศเชียวนะ การโจมตีนี้ของท่านพี่เสวี่ยเฟิงปกคลุมไปทั่วทั้งสี่ด้านแปดทิศ ถ้าลองเป็นผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าคนอื่นคงหลบพ้นได้ยาก แต่หลินสวินผู้นี้…”
“เขาทำได้อย่างไรกันนะ”
“พลังของระดับมหาสมุทรวิญญาณน่าสะพรึงกลัวขนาดสร้างตาข่ายฟ้าที่ไม่สามารถหลุดพ้นไปได้ เจ้าเด็กนี่หลบพ้นได้อย่างไร”
เสียงเซ็งแซ่ไปทั้งลาน ทุกคนล้วนมีสีหน้าประหลาดใจ ไม่คิดเลยว่าหลินสวินที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจะสามารถหลบหนีการโจมตีของหลินเสวี่ยเฟิงได้
“หึ!” กลางอากาศนั้น หลินเสวี่ยเฟิงส่งเสียงหยัน ใช้วิชาไม้ตายทั้งหมดที่ตนมี พลันปรากฏละอองฝนสวยงามราวนิมิตระลอกแล้วระลอกเล่าโปรยปรายลงมา
ทุกครั้งที่โจมตี เพียงพอที่จะฆ่าผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณทุกคนอย่างง่ายดาย และสามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งในระดับมหาสมุทรวิญญาณล้วนหวาดกลัว
อำนาจที่ปลดปล่อยออกมานั้นยังให้ท้องฟ้าเหนือลานฝึกยุทธ์ตกอยู่ในสภาวะยุ่งเหยิง มีเสียงหวีดหวิวกลางอากาศ กระแสลมพัดปั่นป่วน กลายเป็นเสียงระเบิดเสียดหู
ฝูงชนจ้องมองด้วยใจระทึก ตื่นเต้นไม่หยุด
นี่คือพลังอำนาจของปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณ หยัดยืนอย่างโอหังกลางห้วงเวหา แผ่พลังกลางอากาศสังหารศัตรู ชั่วขณะที่โบกมือ ก็สามารถปลดปล่อยพลังที่สามารถพลิกภูเขาล้มสมุทรได้!
ภายใต้การโจมตีโหดเหี้ยมรุนแรงน่าสะพรึงขั้นนี้ หลินสวินตกที่นั่งลำบากอย่างชัดเจน ราวกับเรือน้อยโดดเดี่ยวกลางมหาสมุทรเวิ้งว้างที่จะล่มเมื่อไรก็ได้
สภาพการณ์ที่โอบล้อมไปด้วยอันตรายเช่นนั้นทำให้หลินจงใจสะท้านด้วยความกลัว วิตกกังวลถึงที่สุด ผู้คนจำนวนมากในลานอดส่งเสียงโห่ร้องยินดีไม่ได้ ด้วยคิดว่าถูกกดดันถึงขั้นนี้ หลินสวินยากนักจะหนีพ้นเภทภัยไปได้!
แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลินสวินที่ทุกคนเห็นว่าควรถูกกำราบเสียตั้งนานแล้ว กลับหลบท่าพิฆาตได้รอบแล้วรอบเล่า พาตัวเองพ้นจากอันตรายออกมาได้
ร่างกายของเขาแม้สะบักสะบอมหาใดเปรียบ ทั้งในระหว่างที่หลบหนีก็ได้รับบาดเจ็บอย่างมาก หลายจุดถึงกับมีเลือดไหลออกมา
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ หลินสวินก็ยังไม่ล้มลงเลยจนถึงตอนนี้
“ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะทนได้ถึงเมื่อไร”
หลินเสวี่ยเฟิงสีหน้าถมึงทึงขึ้น มือทั้งสองของเขาเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ถักทอลำแสงละอองฝนเต็มท้องฟ้า ราวกับคลื่นน้ำตกม้วนเกลียว
ทั้งลานฝึกยุทธ์สั่นสะเทือน เกิดเสียงอื้ออึง เห็นได้ว่าการโจมตีของหลินเสวี่ยเฟิงน่าสะพรึงเพียงใด
แต่หากเพ่งพิศหลินเสวี่ยเฟิงโดยถ้วนถี่จะพบว่า ใบหน้าเขาแดงขึ้นแล้ว บนร่างเอ่อล้นไปด้วยลำแสงแรงกล้า แสดงให้เห็นว่าใช้พลังทั้งหมดจนสิ้น
ในการโจมตีระดับนี้ สถานการณ์ของหลินสวินยิ่งเข้าใกล้วิกฤติ เวลานี้เขาเลือดไหลไปทั้งร่าง ตามตัวมีรอยแผลเล็กๆ นับไม่ถ้วน
เพียงดวงตาสีดำล้ำลึกคู่นั้นยังคงสงบนิ่งน่ากลัวดังเดิม
เงาร่างของเขาดูเหมือนหลบหนีหัวซุกหัวซุน แต่กลับไม่ถูกกำราบจนราบ
“แปลก เจ้าเด็กนี่เหตุใดยังไม่แพ้อีก”
“เสวี่ยเฟิงเป็นถึงผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณ ทั้งยังผ่านการทดสอบระดับอาณาจักรมาได้อย่างราบรื่น แต่เจ้าหลินสวินนั่นเป็นเพียงผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าเต็มขั้นชัดๆ เหตุใดถึงยืนหยัดมาได้ถึงตอนนี้”
“ไม่เข้าใจเลย การต่อสู้นี้แปลกเกินไปแล้ว”
ฝูงชนโดยรอบประหลาดใจไม่หยุดหย่อน ไม่รู้ว่าหลินสวินสู้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
กระทั่งหลินไหวหย่วนที่อยู่ไกลออกไปยังตกใจระคนสงสัย ในสายตาเขา เพียงดูออกว่าหลินสวินคล้ายมีลางสังหรณ์ล่วงหน้า ทำให้ทุกครั้งที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายถึงขีดสุด สามารถหลบท่าสังหารรอบแล้วรอบเล่าได้พ้น
นี่ทำให้คนทำใจเชื่อได้ยาก
‘นายน้อยเข้าใจพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของฟ้าดินได้ดีเยี่ยมถึงขั้นนี้แล้ว! ถึงกับก้าวข้ามหลินเสวี่ยเฟิงที่อยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณไปได้!’
หลินจงเหมือนดูบางอย่างออก จิตใจสะท้านไหว
แน่นอนว่าหลินสวินยังไม่มีพลังพอโจมตีกลับ แต่ระหว่างที่เขาหลบการโจมตีนั้น กลับไล่ตามพลังฟ้าดินที่หลินเสวี่ยเฟิงก่อขึ้นตอนต่อสู้ได้!
เพราะมองสิ่งนี้ออก จึงทำให้ยามเขาหลบหนี สามารถหลบหลีกภัยสังหารได้ราวทำนายไว้แล้ว
ไม่นานนักก็เกิดเรื่องที่ทำให้ฝูงชนในลานไม่คาดฝันยิ่งไปกว่าเดิม หลินเสวี่ยเฟิงที่ใช้พลังอำนาจราวเทพกลางห้วงอากาศอยู่นั้น กลับลอยละล่องลงมาสู่พื้นดิน!
ใจหลินเสวี่ยเฟิงก็เกิดความทุกข์ยากเอื้อนเอ่ย อย่าได้มองว่าเมื่อครู่เขาได้เปรียบอย่างหมดจดอยู่กลางอากาศ เมื่อเขาโจมตีด้วยแรงทั้งหมดที่มี พลังที่ผลาญออกไปก็มากมายถึงที่สุดเช่นกัน
ยิ่งเขาเพิ่งเข้าสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณ ยังไม่สามารถใช้พลังของระดับมหาสมุทรวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เขาไม่กล้าสู้ต่อไปเช่นนี้
มิเช่นนั้นแล้วหากพลังกายถูกผลาญสิ้น ไม่แน่ว่าอาจกลายเป็นโอกาสดีแก่หลินสวินเอาได้!
แต่หลินเสวี่ยเฟิงก็วางแผนไว้แล้ว ทันทีที่ลงมาถึงพื้น ร่างเขาพลันกระโจนพุ่งไปทางหลินสวิน หมายจะฆ่าให้สิ้น
ห้วงอากาศไม่อาจทำร้ายหลินสวินได้ อย่างนั้นก็เปลี่ยนเป็นเข้าสังหารระยะประชิดก็แล้วกัน!
อาศัยอานุภาพของระดับมหาสมุทรวิญญาณ แม้ปลากดที่ตัวไหลลื่นก็ต้องยอมแพ้ ยากหลบการโจมตีนี้!
ทว่าหลินสวินราวกับรอเวลานี้มานานแล้ว ชั่วขณะที่หลินเสวี่ยเฟิงเข้าสังหารนั้น เงาร่างที่คอยหลบหลีกพลันหยุดลงทันใด
“หือ?”
หลินเสวี่ยเฟิงหรี่ตา คล้ายคาดไม่ถึงอยู่บ้าง
ชิ้ง!
ชั่วขณะนั้นเองดาบเวทเรืองแสงพลันปรากฏ กระบวนท่า ‘คว้าดารา’ ที่ไปถึงขั้นสมบูรณ์สำแดงฤทธิ์!
ฝูงชนรู้สึกเพียงดวงตาพร่ามัว ราวมองเห็นราตรีแสนยาวนานมาเยี่ยมเยือน ดารานับหมื่นร่วงหล่น พลังที่สามารถทำลายล้างฟ้าดินแผ่ซ่านออกมา
ปึ้ง!
พลันเห็นหลินเสวี่ยเฟิงถูกดาบนี้ฟันอย่างจังจนถอยออกไปดังตึงๆๆ สิบกว่าจั้ง ถ้าในเวลานั้นเขาไม่ได้ยื่นกระบี่สำริดมาบังร่างไว้ ดาบนี้คงฟันเขาขาดกระเด็นเป็นสองท่อน
“เจ้า!”
หลินเสวี่ยเฟิงสะท้านไปด้วยความโกรธ ไม่อาจเชื่อได้ว่าสู้กันมาถึงตอนนี้ หลินสวินที่ยังเป็นผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าเท่านั้นจะสามารถโจมตีจนเขาถอยไปได้!
แต่หลินสวินไม่ให้เวลาเขาได้ตกใจหรือแสดงท่าทีตอบกลับ กระโจนร่างขึ้นไปแล้วฟาดดาบลงมาอีกครั้ง!
ดาบนี้ราวกับดวงจันทร์ที่สะท้อนในทะเลคราม!
กักเก็บความโกรธเคืองที่หลินสวินเก็บซ่อนในใจมานาน
ดาบนี้ เป็นการเอาคืนที่แข็งแกร่งแน่วแน่ที่สุดแก่การเหยียดหยามและหัวเราะเย้ยหยันรอบตัวที่ได้รับตั้งแต่เริ่มต่อสู้!
ใครไม่มีไฟแค้นเล่า? ใครจะเผชิญหน้ากับการถากถาง หัวเราะเยาะ และเหยียดหยามโดยไม่สะทกสะท้านได้เล่า?
ตั้งแต่เหยียบย่างเข้าตระกูลหลินแห่งแสงอุดร สิ่งที่ได้พบตลอดทางคือการต่อต้านและประชดประชัน ไม่มีแม้แต่ความเคารพเลยสักนิด!
หลินสวินจะไม่เกิดไฟแค้นในใจได้อย่างไร
เขารอเวลานี้มานานมากแล้ว ในที่สุดโอกาสก็มาถึง เขาไม่สนสิ่งใด แสดงการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมา
ดาบนี้ ก็คือหนึ่งในสามกระบวนท่าสุดยอดของเพลงดาบวัฏจักรฟ้า ‘สอยจันทรา’!
ฟ้าดินราวราตรีอันยาวนาน มีเพียงแสงจากกระบี่วาดเป็นรูปดวงจันทร์นวลลออลอยเด่นกลางนภา สาดแสงวังเวงเย็นเยียบออกมา
กลิ่นอายแผ่วเบาสิ้นหวังยากบรรยายคืบคลานสู่หัวใจของฝูงชนในลานอย่างควบคุมไม่ได้ ทำให้พวกเขาเหม่อลอย
ปึ้ง!
หลินเสวี่ยเฟิงคำรามเดือดดาล ใช้พลังทั้งหมดป้องกันก็ยังตั้งรับดาบน่าสะพรึงนี้ไม่ได้ กระบี่สำริดในมือพลันระเบิดกระจุย สลายกลายเป็นผงละเอียด
ร่างของเขาถูกกระแทกกระเด็นออกไปอย่างโหดเหี้ยม กระดอนไปบนพื้นเสียงดังตึง ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวประหลาดใจหาใดเปรียบ อดกลั้นไม่กระอักเลือดออกมาไม่ได้
ทั้งลานไร้เสียง เงียบสนิทยิ่ง
ทุกคนต่างเบิกตากว้าง มองภาพนี้อย่างไม่กล้าเชื่อสายตา ตระหนกตกใจไม่อยากยอมรับ
ดาบเดียวเท่านั้น!
ก็เอาชนะและทำร้ายหลินเสวี่ยเฟิงได้หรือ
ใครจะกล้าเชื่อได้
เวลานี้แม้แต่กลุ่มคนใหญ่โตอย่างพวกหลินไหวหย่วนก็ล้วนสะท้านใจ วิชาดาบที่หลินสวินใช้เมื่อครู่นี้ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงคาดไม่ถึง
นั่นไม่เหมือนวิชาที่ผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าจะใช้ได้! แข็งแกร่งไปแล้ว!
พวกเขาไม่อาจคาดคิดได้ว่า โลกนี้จะมีวิชาดาบมหัศจรรย์เช่นนี้ได้อย่างไร ถึงทำให้เด็กหนุ่มขั้นผสานฟ้าก้าวข้ามระดับมาทำร้ายคู่ต่อสู้ได้!
‘ที่แท้ นายน้อยก็มีดาบเพชฌฆาตอยู่ในกรุ…’ หลินจงพึมพำในใจ
เขาพลันหันหน้าสื่อจิตถามว่า ‘จูเหล่าซาน เจ้าดูความลับของกระบวนท่าดาบเมื่อครู่นั้นออกไหม’
จูเหล่าซานเงียบงันไม่เอ่ยปาก
หลินจงพลันยิ้มกับตัวเอง ไม่ขัดข้องใจ คิดจะให้เจ้าคนเงียบขรึมพูดน้อยอย่างจูเหล่าซานเปิดปากพูด คงยากกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก
‘เหมือนพลังหยั่งเจตจำนงมาก บนโลกนี้พบได้ยากนัก’
แต่ที่หลินจงคาดไม่ถึงก็คือ ไม่นานนักจูเหล่าซานก็สื่อจิตตอบเขา ทำให้เขาอดอึ้งเล็กน้อยไม่ได้ พลันพยักหน้า
เขาเองก็รู้สึกเช่นนี้
อนุภาพวิชาดาบของหลินสวินก้าวข้ามความธรรมดาสามัญที่ทั้งโลกยอมรับไปแล้ว ราวกับเป็นวิชาเทพที่อยู่ในตำนานเล่าขาน ครอบครองความลี้ลับที่จะแย่งชิงโชคชะตาฟ้าดินทั้งมวล
กลางลานนั้น ร่างหลินสวินโชกไปด้วยเลือด ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาใต้ผมสีดำยาวนั้น เมื่อถูกแสงจากบนฟากฟ้าสาดส่องลงมา ก็ฉายให้เห็นแววตาดูถูกชัดเจน
ชั่วขณะนี้เอง คนในตระกูลหลินแห่งแสงอุดรอึ้งงันไร้เสียง ราวถูกมือที่มองไม่เห็นตบหน้าอย่างร้ายกาจ ไม่มีใครกล้าเหยียดหยามหัวเราะเยาะอีก
ถึงขั้นที่ว่าแค่มองหลินสวินก็ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเยียบเย็น เด็กหนุ่มผู้นี้…เป็นตัวอะไรกันแน่!
ถึงได้…ถึงได้ใช้พลังปราณขั้นผสานฟ้าโต้กลับทำร้ายหลินเสวี่ยเฟิงได้!
น่ากลัวยิ่งนัก!
“นี่เป็นไปไม่ได้…!”
ไกลออกไป หลินเสวี่ยเฟิงที่ล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้นเหม่อลอยไปครู่หนึ่งเช่นกัน ราวไม่อาจทำใจเชื่อได้ พลันสีหน้าเขียวขึ้นอย่างหาใดเปรียบ คำรามออกมาอย่างขัดเคืองแล้วพลิกตัวลุกขึ้นยืน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น