Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1142-1145

ตอนที่ 1142 บั่นหัวอย่างน่าเหลือเชื่อ

 

ตูม!


ชั่วพริบตาเงาร่างสูงโปร่งของหลินสวินประดุจแปรเปลี่ยนเป็นเหวลึก พลังกลืนกินที่คลุมเครือไร้ใดเปรียบพวยพุ่งออกมา ท่ามกลางความพร่าเลือน มีดวงดาวนับไม่ถ้วนดับทำลายอยู่รอบกายเขา


มรรคดับดารากลืนกิน!


นับตั้งแต่ครอบครองมรรคนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่หลินสวินสำแดงพลังมรรคนี้ออกมาตั้งแต่เริ่มเปิดศึก หนำซ้ำยังไม่มีการยั้งแรงแต่อย่างใด


ประการแรกเพราะครั้งนี้อีกฝ่ายมีกันหลายสิบคน ไม่ขาดบุคลกร้าวแกร่งอย่างเช่นสัตว์ประหลาดยุคโบราณ


ประการที่สอง การสิ่งที่อาหลู่และเจ้าคางคกพบเจอ ทำให้หลินสวินระเบิดโทสะโดยสิ้นเชิง ไอสังหารและความเคียดแค้นที่สั่งสมอยู่ในใจเหมือนดั่งภูเขาไฟปะทุ หากไม่ระบายออกมาจะกลายเป็นย้อนทำร้ายตัวเอง!


ฆ่า!


เขาพุ่งรุกขึ้นหน้า ราวกับเทพมารออกศึก


“ตัวคนเดียวเพ้อฝันจะเป็นศัตรูกับพวกข้าหรือ ไม่รู้จักรักตัวกลัวตาย!”


เลี่ยอวิ๋นไห่คำรามลั่น ก่อนหน้านี้เขาถูกหลินสวินซัดพ่ายในการโจมตีเดียว แม้แต่ทวนศึกยังถูกหลินสวินฉกฉวยไป สิ่งนี้ทำให้เขาสีหน้าอึมครึม โกรธแค้นไม่สิ้น


สวบ!


เงาร่างเขาดั่งอสนี นัยน์ตาม่วงดุจสายฟ้า ร่างราวกับกลายเป็นจันทร์วิเศษสีม่วงดวงหนึ่ง พุ่งเข้าใส่หลินสวินอย่างรวดเร็ว


นี่คือมรดกวิชาลับขั้นสูงสุดของลัทธิบูชาจันทร์ น่าสะพรึงผิดธรรมดา ช่วยเสริมพลังแห่งดวงอาทิตย์ สามารถบดขยี้อีกฝ่ายได้โดยตรง


คนอื่นๆ ก็งัดพลังอย่างแท้จริงออกมาเช่นกัน ไม่กล้าชะล่าใจ คิดรวมพลังโหมสังหารหลินสวิน


ฉัวะ!


เหนือความคาดหมาย ที่ชิงตัดหน้าโจมตีใส่หลินสวินก่อนเป็นปราณกระบี่สายหนึ่ง แสงศักดิ์สิทธิ์สีเงินยวงพวยพุ่ง


เป็นชายหนุ่มที่สะพายกระบี่วิญญาณ ทั่วร่างรายล้อมด้วยแสงเงินลงมือ


นัยน์ตาหลินสวินวาบประกายสายฟ้า ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งเคลื่อนไหว เคลื่อนที่ว่องไว ถึงกับใช้พลังหมัดซัดขยี้กระบี่วิญญาณสีเงินยวงเล่มนั้นตรงๆ


ปึง!


ปราณกระบี่น่าสะพรึงดุกร้าวแตกเป็นเสี่ยงๆ พลังหมัดนั้นไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้


คนอื่นๆ หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย นี่ต้องผงาดผยองเพียงใด ถึงกล้าต้านทานกระบี่วิญญาณด้วยหมัดเปล่า ทุกท่วงท่าอิริยาบถให้ความรู้สึกเกรียงไกรไร้เทียมทานนัก!


เคร้ง!


กระบี่ร้องครวญบาดหู คมกระบี่ของชายหนุ่มชุดสีเงินคนนั้นพร่าวพราว ระเบิดเจตกระบี่อันแข็งแกร่งออกมา หมายจะตัดแขนขวาหลินสวินทิ้งในคราวเดียว


ใครเลยจะคิด การโจมตีครั้งนี้กลับถูกกลืนกินมอดดับราวกับวัวโคลนจมทะเล อย่าว่าแต่ตัดแขนหลินสวินทิ้งเลย แม้แต่พลังหมัดก็ยังต้านทานไม่อยู่


ตูม!


ต่อมาชายหนุ่มชุดเงินก็ถูกซัดกระเด็น เงาร่างซวนเซถอยกรูด สีหน้าเดี๋ยวคล้ำเขียวเดี๋ยวซีดขาว


และเกือบจะในเวลาเดียวกัน เลี่ยอวิ๋นไห่ก็พุ่งเข้ามาอีกครั้ง


แต่ไม่รอให้เข้าใกล้ รอบกายหลินสวินปรากฎตัวอักษร ‘เคราะห์’ สีทองอร่ามเก้าตัว ประดุจหลอมสร้างขึ้นด้วยเหล็กเทพ ร่วมกันสำแดงนัยเร้นลับผนึกป้าเซี่ย


ทันใดนั้นเลี่ยอวิ๋นไห่ที่ประดุจอาทิตย์สีม่วงดวงใหญ่ก็เหมือนจมสู่ตาข่ายมหามรรค เงาร่างปรากฏชะงักงัน


ปึง!


เสียงกระหึ่มก้องหนึ่งครา เลี่ยอวิ๋นไห่ถูกพลังหมัดหลินสวินกวาดซัด เงาร่างลอยคว้างอีกครั้ง กระแทกเข้าใส่เสาทองแดงต้นหนึ่งอย่างจัง กระดูกอกแตกหักดังกร๊อบแกร๊บ


“แข็งแกร่งนัก!”


คนอื่นๆ หน้าเปลี่ยนสีอีกครา สีหน้าเคร่งขรึม


เพียงพริบตาเท่านั้นผู้แข็งแกร่งสองคนก็ถูกกำราบ สิ่งนี้พาให้พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อ


ควรรู้ว่าไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่มชุดเงินคนนั้นหรือว่าเลี่ยอวิ๋นไห่ ก็ล้วนเป็นบุคคลที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตมกุฎทั้งสิ้น!


“ทุกท่านวันนี้หากไม่ฆ่าอสูรชั่วตัวนี้ทิ้ง วันหน้าต้องกลายเป็นปัญหาใหญ่ตำใจแน่!”


อูหลิงเฟยตะโกนลั่น พลันลงมือสุดแรง ด้านหลังปรากฏปีกสีทองอร่ามคู่หนึ่งทันที เปลวไฟไหลเวียนราวกับกระแสน้ำ แผดเผาห้วงอากาศ


เกือบจะในเวลาเดียวกันเสียงร้องตะโกนดังขึ้น คนอื่นๆ ล้วนเคลื่อนไหวสุดกำลัง บุกโจมตีจากทุกทิศทาง ไม่กล้าเลินเล่อ ต่างตระหนักได้ว่าคำพูดของอูหลิงเฟยหาใช่โป้ปด


ความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเทพมารหลินนี่ มีเค้าลางว่าจะเป็นท่วงท่าอันแข็งแกร่งที่สุดของราชันแห่งขอบเขตมกุฎแล้ว บุคลิกไร้เทียมทานในหมู่คนรุ่นเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้พวกเขาต่างใจสั่น!


ถึงตอนนี้ขอเพียงหลินสวินลงมือ สำหรับบุคคลขอบเขตมกุฎทั่วไปต้องสิ้นชีพแน่นอน และมีแต่พวกเขาเหล่านี้ร่วมมือกันเท่านั้นจึงจะสามารถต้านทานไหว


หากสู้เดี่ยวคนเดียว ใครก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้!


โครม!


ภายในตำหนักกว้างใหญ่การต่อสู้ดุเดือดปะทุ ชั่วขณะนั้นสมบัติทอแสงดุจดั่งดาวตกโปรยปราย วิชามรรคเดือดพล่านส่งเสียงกึกก้องไม่ขาดสาย


คลื่นการต่อสู้อันน่าสะพรึงประหนึ่งมรสุมเก้าชั้นฟ้า บดขยี้ห้วงอากาศ หอบม้วนทุกทิศทาง


หากเกิดขึ้นที่โลกภายนอก การทำล้ายล้างที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นไม่อาจจินตนาการได้อย่างแน่นอน


……


ในการต่อสู้ หลินสวินรับรู้ถึงแรงกดดันอันหาที่เปรียบไม่ได้ แต่กลับไม่หวาดหวั่น


ตรงกันข้ามยิ่งต่อสู้ยิ่งกล้าหาญ เขาก็เหมือนเหวลึกแห่งหนึ่ง หวดโจมตีทั่วลาน มีอานุภาพกลืนกินจักรวาลภูผาธารา ดับทำลายดาราวัฏจักร!


สิ่งนี้พาให้ผู้คนใจไหวสั่น


ตัวคนเดียวเผชิญหน้ากับบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นยักษ์ใหญ่ในหมู่คนรุ่นเดียวกันหลายสิบคน แถมในนั้นไม่ขาดปีศาจและสัตว์ประหลาด ไม่ว่าผลแพ้ชนะเป็นอย่างไรล้วนเพียงพอจะสะท้านโลก หากแพร่งพรายออกไปคงทำให้ใต้หล้าสั่นสะเทือน


“ฆ่า!”


ชายหนุ่มในชุดเกราะสีเขียวพุ่งออกมา โบกคันฉ่องสำริดคู่หนึ่ง


เพียงแต่ไม่รอให้เข้าใกล้ ก็ถูกอักษรเคราะห์ตัวหนึ่งปกคลุม กระจกสำริดคู่นั้นคร่ำครวญ แม้แต่ร่างกายของชายหนุ่มเกราะเขียวก็ถูกกดข่มจนกระดูส่งเสียงระเบิดแตก เกือบทรุดคว่ำลงกับพื้น


หลินสวินกำลังจะฆ่าเขาด้วยการโจมตีเดียว ทะเลเพลิงสีทองอร่ามแถบหนึ่งก็แผ่ออกมา ปกฟ้าคลุมดิน ทุกที่ที่กวาดผ่านห้วงอากาศล้วนมอดไหม้


เพลิงสมาธิสุริยัน!


วิชาลับพรสวรรค์ที่เผ่าอีกาทองครอบครอง เล่ากันว่าเพลิงวิเศษระดับนี้ แม้แต่สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันเมื่อโดนเข้าไปเพียงเสี้ยวเดียววิญญาณ็จะมอดไหม้ทันทีกลายเป็นเถ้าถ่าน อหังการและร้ายกาจอย่างที่สุด


ไกลออกไปอาหลู่และเจ้าคางคกหน้าเป็นสีทันที การโจมตีนี้ปุบปับเกินไป อีกทั้งหลินสวินยังอยู่ท่ามกลางวงล้อมอีก จะต้านไหวหรือ


นัยน์ตาดำหลินสวินหรี่ลงน้อยๆ แต่ไม่ได้ตื่นตระหนก รอบตัวโคจรพลังมรรคดับดารากลืนกิน ทำให้ห้วงอากาศบิดเบี้ยวราวกับหลุมดำฟ้าดารา


ตูม โครมๆ!


ภายใต้สายตาจับจ้องรอคอยของทุกคน เพลิงสมาธิสุริยันทั่วฟ้าแผ่ครอบหลินสวิน พื้นที่ที่เขาอยู่ล้วนถูกปกคลุมมิด


เพียงแต่ยังไม่รอให้ทุกคนได้ดีใจ ก็เห็นเพลิงสมาธิสุริยันที่เผด็จการไร้ใดเปรียบนั้นถูกพลังรอบตัวหลินสวินกลืนกินดับมอด ราวกับสรรพสิ่งหวนคืนสู่ถิ่นเดิม ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยว


นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน


คนไม่น้อยเบิกตากว้าง


ความน่ากลัวของเพลิงสมาธิสุริยันนั้นใต้หล้าต่างรู้ดี แต่ยามนี้ยังไม่ทันสำแดงเดชก็มลายหายไปแล้ว!


ปึง!


และพร้อมกันนั้นหลินสวินพุ่งพรวดออกไป อักษรเคราะห์สายหนึ่งกลายเป็นประทับปี้อั้น ส่งเสียงกึกก้องพุ่งเข้าใส่อูหลิงเฟยที่อยู่ไกลออกไป


“รีบลงมือเร็ว!” อูหลิงเฟยตะคอกดังลั่น กระพือปีกสีทองคู่นั้นเบี่ยงหลบ ภายในใจเขาสะท้านสะเทือน แต่ไหนแต่ไรไม่เคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน


ขอเพียงใช้เพลิงสมาธิสุริยัน ไม่ว่าคู่ต่อสู่หน้าไหนก็ล้วนต้องหลีกหลบ ไม่กล้าฝืนต้าน แต่วันนี้กลับถูกคนสลายได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้!


นัยน์ตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ ไล่ตามติดๆ ไม่ยอมปล่อย หมายจะกำจัดอูหลิงเฟยก่อน หายนะในครั้งนี้ก็มีคนผู้นี้เป็นคนริเริ่ม ทำให้หลินสวินแค้นเข้ากระดูก


เพียงแต่เพิ่งตามไปครึ่งทางการบุกโจมตีของคนอื่นๆ ก็โถมเข้ามา บีบให้หลินสวินต้องรามือการไล่ล่าสังหารอูหลิงเฟย


“หลินสวิน ต่อให้เจ้าแข็งแกร่งแล้วอย่างไร ภายใต้การปิดล้อมเช่นนี้ แม้สู้สุดตัวก็ต้องเอาเจ้าให้ตายให้จงได้!” เทพธิดาหลิงหวาหัวเราะเยาะอยู่ไกลๆ


ขอเพียงบุคคลขอบเขตมกุฎหลายสิบคนร่วมแรงร่วมใจกัน ย่อมไม่เปิดโอกาสให้หลินสวินได้ฝ่าทะลวงใดๆ!


“งั้นหรือ”


นัยน์ตาดำของหลินสวินยิ่งเยียบเย็นขึ้นเรื่อยๆ ทั่วร่างเขาทอประกายราวกับเตาเผาสวรรค์อันลุกโหม ซัดการโจมตีที่อยู่เบื้องหน้าทั้งหมดอย่างรุนแรง จากนั้นก็ตวัดหมัดหนึ่งไปทางเทพธิดาหลิงหวา


ตูม!


หมัดนี้สะเทือนฟ้าดิน รายล้อมด้วยพลังแห่งดับดารากลืนกิน ทุกที่ที่กวาดผ่านห้วงอากาศประหนึ่งถูกกลืนกิน ฉีกแหวกออกเป็นช่องว่างอันน่าสะพรึง


และในสายตาของเทพธิดาหลิงหวา หมัดนี้ก็เหมือนเปิดประตูสู่ขุมนรกเหวลึก หมายจะกลืนกินร่างกาย วิญญาณ และดวงจิตของนางเข้าไปจนหมด!


แย่แล้ว!


ดวงหน้างามของนางเปลี่ยนสีทันที กระตุ้นพลังทั้งหมดออกมาเต็มแรง ใช้วิชาลับโดยไม่นึกเสียดาย พ่นเลือดสดออกมาคำหนึ่ง แผดเผาพลังต้นกำเนิดฝืนต้านสุดกำลัง


เสียงปะทะน่ากลัวดังก้องขึ้น ตรงนั้นราวกับมีเหวลึกโผล่ขึ้นมา มีอานุภาพกลืนกินทุกสิ่ง พาให้ผู้คนไม่น้อยล้วนหนังศีรษะชาวาบ


มองเห็นว่าเงาร่างของหลิงหวาจวนจะถูกกลืนเข้าไป แต่สุดท้ายพร้อมๆ กับเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งสายหนึ่ง ร่างของนางระเบิดแสงศักดิ์สิทธิ์น่าสะพรึงออกมาอย่างรุนแรง ถึงกับทลายการโจมตีครั้งนี้ได้อย่างหวุดหวิด หลบหนีเคราะห์นี้ไปด้วยอาการซวนเซ


สิ่งนี้ทำให้ผู้คนไม่น้อยลอบถอนหายใจโล่งอก และมีคนตื่นตกใจ ถูกพลังน่าสะพรึงที่หมัดนี้ของหลินสวินสำแดงออกมาทำเอาตกใจ


น่าสะพรึงเกินไปแล้ว!


การเผชิญหน้ากับหมัดนี้ทำเอาผู้คนยากจะเกิดความคิดต่อต้าน


และเวลานี้หลิงหวาที่หนีรอดจากความตายคล้ายได้รับแรงกระตุ้นอย่างใหญ่หลวง ผมเผ้ายุ้งเหยิง แหกปากหัวเราะลั่น “หลินสวิน ข้าบอกแล้ว ต่อให้เจ้าแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่สามารถ…”


เสียงพูดหยุดไปกะทันหัน


เพราะจังหวะที่นางเอ่ยปาก ดาบหักขาวเจิดจ้าราวหิมะสายหนึ่งกวาดขวางออกมา บั่นฉับลงไปในห้วงอากาศ


การฟันหนนี้มีเพียงแค่คำเดียว…


เร็ว!


เร็วจนน่าเหลือเชื่อ ราวกับทำลายพันธนาการแห่งเวลาและความว่างเปล่า ประหนึ่งเคลื่อนย้ายผ่านอากาศ ตวัดผ่านไปในพริบตาอย่างไร้สุ้มเสียง


และตรงลำคอของหลิงหวา กลับมีรอยเลือดสีแดงฉานเพิ่มขึ้นสายหนึ่ง


เนื่องจากเร็วเกินไป ขณะที่รอยเลือดสายนั้นปรากฏ หลิงหวายังคงส่งเสียงหัวเราะเยาะ กำลังเอ่ยพูดอยู่ จนกระทั่งถึงคำว่า ‘ไม่สามารถ’ สามคำนี้ นางถึงเพิ่งจะรู้ตัว


จากนั้นนัยน์ตาเบิกกว้าง สองมือพลันยกจับลำคอ


เพียงแต่จังหวะที่ปลายนิ้วสัมผัสเข้ากับลำคอ ศีรษะของนางก็ร่วงตุบทันควัน บริเวณลำคอโลหิตราวกับน้ำพุทะลัก สาดกระเซ็นกลางอากาศ


ภาพนี้พิสดารและน่าเหลือเชื่อเกินไป สัตว์ประหลาดยุคโบราณแห่งสำนักยุทธ์นครนิลคนหนึ่ง เพิ่งรอดจากเคราะห์สังหาร เดิมคิดว่าจะเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดีได้แล้ว


ใครเลยจะคิด นางกลับถูกบั่นหัวเรียบร้อย!


ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งคนใดที่เห็นภาพนี้นัยน์ตาต่างหดรัดทันที ในใจสั่นสะท้านรุนแรง ทั่วร่างแข็งทื่อน้อยๆ


เทพธิดาหลิงหวา ความภาคภูมิใจของสำนักยุทธ์นครนิล บุคคลสะท้านโลกที่ปรากฏตัวหลังจากจำศีลเก็บตัวมาเนิ่นนาน ทว่ากลับถูกตัดหัวทั้งอย่างนี้โดยไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบโต้


ก่อนตายบนใบหน้าเหลือเพียงความสับสนและความหวาดกลัวที่ไม่อาจบรรยายได้อย่างหนึ่ง ดวงตาเบิกกว้าง ตายตาไม่หลับ!


คนอื่นๆ ล้วนหนังศีรษะมึนชา ยากจะรับไหวยิ่ง


การร่วมมือกันล้อมสังหารของบุคคลขอบเขตมกุฎหลายสิบคน เทพมารหลินกลับพลิกสถานการณ์เป็นฝ่ายบุก สังหารคนผู้หนึ่งอย่างรวดเร็วปุบปับ นี่น่ากลัวเพียงใดกันแน่


นั่นเป็นถึงสัตว์ประหลาดยุคโบราณคนหนึ่ง เป็นคนที่ใกล้ผงาดขึ้นเป็นระดับมกุฎราชัน เป็นความภาคภูมิใจของสำนักโบราณแห่งหนึ่ง ถูกตั้งความหวังไว้สูงลิ่ว


ขอเพียงสูญเสียไป ไม่ใช่แค่เพียงคนผู้เดียวตายไปธรรมดาๆ เท่านั้น แต่จะสร้างผลกระทบหนักหน่วงไร้ใดเปรียบต่อขุมอำนาจใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังอีกด้วย


เดิมทีตอนที่หลินสวินต่อกรกับหลิงหวา ข้างหลังนางนั้น ซางหลันจากเผ่าวิญญาณสมุทรกำลังสำแดงวิชาลับ ปรากฏตัวขึ้นเงียบๆ เล็งขวานยักษ์ในมือใส่หลินสวิน


แต่ตอนที่ตั้งท่าจะฟันลงไปนั้น ได้เห็นภาพที่ศีรษะหลิงหวาร่วงหล่นก็ตกใจจนหัวใจไหวสะท้านทันที เกือบแหกปากร้องออกมา


ปึง!


และพร้อมกันนั้นเองข้างหลังหลินสวิน อักษรเคราะห์สายหนึ่งกลายร่างเป็นสัตว์เทพฟู่ชี่ ชนกระแทกเข้าไปอย่างจัง


ซางหลันราวกับถูกภูเขาเทพชน ร่างเหมือนกระสอบทรายที่ลอยขึ้น กระแทกเข้ากับผนังตำหนักที่อยู่ห่างออกไปโดยแรง


ตึง!


ผนังสั่นสะเทือนครู่หนึ่ง แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของพลังปะทะครั้งนี้ ซางหลันเลือดอาบร่าง ผิวกายทุกส่วนล้วนเจ็บปวดเหมือนเกิดการฉีกทึ้งก็ไม่ปาน ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่อีกต่อไป

 

 

 


ตอนที่ 1143 สัตว์ประหลาดยุคโบราณที่ตก...

 

เสียงร้องโหยหวนของซางหลันพาให้ทุกคนต่างสะดุ้งตื่นจากความตกใจกลัว


“จะให้โอกาสเขาอีกไม่ได้แล้ว!”


ท่ามกลางหมอกสีดำพวยพุ่ง เงาร่างสายหนึ่งพุ่งเข้ามา มือกระชับเคียวสีเลือดเล่มหนึ่งกรีดวาดเบาๆ หนึ่งครา ฉีกทึ้งห้วงอากาศ คมกริบเฉียบขาดอย่างที่สุด


พื้นที่บริเวณนี้ล้วนถูกหมอกดำปกคลุม เจือกลิ่นอายแห่งความตายและเน่าเปื่อย


ครานี้เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่สีผิวขาวซีด ใบหน้าอิดโรย เป็นอัจฉริยะจากสำนักโลหิตเก้าบาดาลคนหนึ่ง


“ฆ่า!”


คนอื่นต่างตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของปัญหา ล้วนโหมโจมตีโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด


อีกทั้งยังได้รับแรงกระตุ้นจากการตายของหลิงหวา พวกเขาแทบจะสำแดงวิชาทั้งหมด เผยไม้ตายออกมา มองหลินสวินเป็นศัตรูตัวฉกาจ


ทันใดนั้นภายในตำหนักพราวแสงพร่าตา ผู้แข็งแกร่งแต่ละคนล้วนเหมือนกับภูเขาเทพ เปล่งอานุภาพน่าสะพรึง ต่างฝ่ายต่างขับเน้น พาให้ทุกอณูของพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยละอองแสงและเสียงมรรค


การเข่นฆ่าก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขาเข้าใจโดยสิ้นเชิงว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินกร้าวแกร่งมากเพียงใด เหนือการคาดเดาของพวกเขาลิบลับ


โดยเฉพาะการตายของหลิงหวายิ่งพาให้พวกเขาสัมผัสถึงอันตราย รับรู้ถึงภัยคุกคามร้ายแรง


เดิมทีพวกเขาต่างมั่นใจไร้เกรงกลัว นึกว่าหลินสวินหัวเดียวกระเทียมลีบ ต่อให้แข็งแกร่งสักแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขา ต้องสามารถสังหารได้ง่ายดายเป็นแน่แท้


แต่ยามนี้พลังต่อสู้น่าสะพรึงที่หลินสวินสำแดงออกมาทั้งหมดกลับทำให้สถานการณ์ร้ายแรงขึ้นทันใด


ทั้งหมดนี้ล้วนไม่ส่งผลต่อหลินสวินแม้แต่น้อย หลังจากใช้กระบวนเฉือนนภาสงัดสังหารหลิงหวาแล้ว เขายังคงเคลื่อนไหวไม่หยุด สยบการซุ่มโจมตีของซางหลันที่อยู่ด้านหลังก่อนเป็นสิ่งแรก จากนั้นเงาร่างก็โฉบพุ่งออกมา


สิ่งที่ออกมาพร้อมกับเขายังมีดาบหักด้วย


ฉึบ!


แสงเย็นเยียบสายหนึ่งปรากฏขึ้นทันที


เป้าหมายคือ… อูหลิงเฟย!


“โอหัง!”


อูหลิงเฟยสีหน้าอึมครึมปีกกระพือตบ เสียงตูมดังขึ้นหนึ่งครา เปลวเพลิงวิเศษสีทองนับไม่ถ้วนไหลเวียน ถึงกับวิวัฒน์เป็น ‘กระบี่เพลิง’ เล่มหนึ่ง


กระบี่วิเศษที่สร้างขึ้นจากการหลอมรวมของเพลิงสมาธิสุริยัน!


ปัง!


เพียงแต่หลังจากการปะทะอันน่าตระหนก ที่ตรงนั้นละอองแสงสาดกระเซ็น ขนปีกร่วงโรย ซ้ำยังอาบเลือดอีกด้วย


พอมองไปยังอูหลิงเฟยอีกครั้ง ปีกซ้ายของเขาถูกเฉือนเป็นรอยเลือดแคบยาวสายหนึ่ง สิ่งนี้ทำให้เขาตกใจจนหลั่งเหงื่อเย็นไปทั้งตัว เมื่อครู่หากไม่ใช่เพราะเบี่ยงหลบทันท่วงที คงเกือบซ้ำรอยหลิงหวาแล้ว!


จุดนี้พิสูจน์ได้อย่างไม่ต้องสงสัยแล้วว่า ต่อให้สู้กันตัวต่อตัวก็เป็นไปได้สูงว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินสวิน!


“หลีกทางให้ข้า!”


บุรุษประหลาดที่กลางหว่างคิ้วมีดวงตาแนวตั้งดวงหนึ่งร้องตะโกน ดวงตาแนวตั้งเบิกโพลงทันที กลายเป็นลำแสงงดงามแถบหนึ่ง เหมือนกับละอองแสงเซียนลอยล่องดั่งภาพฝันมายา


นี่คือ ‘เนตรแห่งหอยกาบเทพ’ !


มรดกสายเลือดสูงสุดอย่างหนึ่งของเผ่าหอยกาบมายา เป็นวิชามายาที่น่ากลัวอย่างที่สุดวิชาหนึ่ง พุ่งเป้าไปยังจิตวิญญาณของผู้ฝึกปราณ เมื่อสำแดงวิชานี้ ก็เหมือนกับสร้างเขตแดนความฝันอย่างหนึ่ง เพียงพอจะกักขังจิตวิญญาณของคู่ต่อสู้ไว้ในนั้นจนสูญเสียความเป็นตัวเองไป


น่าเสียดาย การโจมตีนี้อาจจะสามารถสะเทือนบุคคลขอบเขตมกุฎคนอื่นๆ แต่กลับไม่มีผลต่อหลินสวินสักนิด


“เฉือน!” ในห้วงนิมิตหลินสวิน เสี่ยวอิ๋นเตรียมต่อสู้ตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อเห็นเช่นนี้สองมือก็คว้าหมับ กระบี่แห่งจิตวิญญาณสายหนึ่งฟันฉับออกมา


ฉัวะ!


ไกลออกไปดวงตาแนวตั้งกลางคิ้วของบุรุษประหลาดปรากฏรอยเลือดสายหนึ่ง จากนั้นก็แตกระเบิดสาดโลหิตสีแดงฉานออกมา


“อ๊าก…”


เขาร้องโหยหวน ถูกโจมตีเข้ากลางดวงตา ไหนเลยจะคาดคิดว่าเพิ่งโจมตีครั้งเดียวเท่านั้น ไม่เพียงไม่เป็นผล ตรงกันข้ามพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองยังถูกทำลายอีกด้วย ทำเอาจิตวิญญาณได้รับบาดเจ็บสาหัส!


พรึ่บ!


เขาเพิ่งตั้งท่าจะเผ่นหนี ประกายคมกริบเจิดจ้าสายหนึ่งพลันปรากฏ ฟันตัดบั้นเอวของเขาจนฝนเลือดสาดกระจาย


คู่ต่อสู้คนที่สอง ตาย!


ถึงแม้คนอื่นๆ ล้วนเข้าช่วยเหลือ แต่ก็จนด้วยเกล้า


อานุภาพดาบหักของหลินสวินแตกต่างจากที่ผ่านอย่างสิ้นเชิง คละคลุ้งด้วยพลังมรรคดับดารากลืนกิน ทำให้ศักยภาพพุ่งทะยานไปสู่จุดที่ไม่เคยมีมาก่อนในชั่วพริบตา!


ทุกคนพากันอึ้งค้างไปครู่หนึ่ง พริบตาเดียวก็ตายแล้ว?


“หั่นแหลกไปเลย! พี่ใหญ่!” อาหลู่ตะโกนลั่นมาแต่ไกล ฮึกเหิมไร้ใดเปรียบ


“หึ! ตอนนี้เจ้าคงเข้าใจแล้วสินะว่าทำไมอัจฉริยะฟ้าประทานเป็นหนึ่งไม่มีสองอย่างข้าถึงได้เห็นเขาเป็นพี่น้อง คำเดียวเท่านั้น อหังการ!” เจ้าคางคกทำหน้าตาได้ใจ เพียงแต่พอพูดประโยคนี้ออกมาก็กระเทือนอาการบาดเจ็บ พาให้เขาไออย่างเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง


“นี่สองคำต่างหาก!” อาหลู่ร้องแก้


“นี่แม่งเวลาไหนแล้ว ยังมัวสนใจรายละเอียดยิบย่อยพวกนี้อีก” เจ้าคางคกพูดอย่างไม่สบอารมณ์


ขณะพูดคุยการต่อสู้ในที่นั้นระเบิดปะทุตลอดเวลา ทั้งยังดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย


“ทุกท่าน ถ้าพวกเจ้ายังเก็บงำอยู่อีก พวกเราจะตกอยู่ในอันตรายกันหมด!” อูหลิงเฟยสีหน้าคล้ำเขียว แหกปากเดือดดาลไม่หยุด ไม่มีบุคลิกงามสง่าและวางตัวสบายๆ เหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว


“เหตุใดพลังมหามรรคที่เขากับอวิ๋นชิ่งไป๋ครอบครองถึงได้คล้ายกันเช่นนี้!”


มีคนเอ่ยร้องเสียสั่น นี่เป็นชายหนุ่มรูปร่างบึกบึน เวลานี้สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก มีอาการไม่ยากจะเชื่อ


คนผู้นี้ก็คือสือเจินทงสัตว์ประหลาดยุคโบราณแห่งเผ่าสิงห์ค่อม!


เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งปรากฏตัวสู่โลก เคยกำราบบุคคลทรงอิทธิพลแห่งยุคสิบกว่าคนภายในเวลาสามวัน สั่นสะเทือนใต้หล้า


เพียงแต่เขากลับพ่ายแพ้ด้วยสามกระบี่ของอวิ๋นชิ่งไป๋!


ยิ่งกว่านั้นเขามั่นใจมากว่าหากอวิ๋นชิ่งไป๋อยากฆ่าเขา แค่กระบี่เดียวก็เพียงพอแล้ว


และเป็นเพราะการแพ้อนาถครั้งนี้ ทำให้เขาตระหนักได้ถึงความน่าสะพรึงของอวิ๋นชิ่งไป๋


เพียงแต่เขากลับคิดไม่ถึงว่ากลิ่นอายมหามรรคของเทพมารหลินที่อยู่ตรงหน้า จะถึงขั้นคล้ายคลึงกับอวิ๋นชิ่งไป๋เช่นนี้!


อีกทั้งยังน่าสะพรึงปานนี้ด้วย!


พริบตานี้จิตต่อสู้ของสือเจินทงล้วนกำลังสั่นไหว อยากจะเผ่นหนีนัก


“ฆ่า!”


เพียงแต่คนอื่นๆ ล้วนไม่เคยประจักษ์ความน่ากลัวของอวิ๋นชิ่งไป๋มาก่อน ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจความรู้สึกของสือเจินทงในเวลานี้


พวกเขาพากันโจมตีเข้าสังหารโดยไม่สนใจสิ่งใด


ในฐานะบุคคลแนวหน้าแห่งยอดมกุฎ พวกเขาแต่ละคนล้วนมีความภูมิและรากฐานที่กินกันไม่ลง หลายสิบคนจัดการกับเทพมารหลินคนเดียวก็เสียหน้ามากพออยู่แล้ว และยามนี้ยิ่งไร้ปัญญาต่อต้านอีก จุดนี้พาให้พวกเขาต่างเดือดดาล รู้สึกขายหน้านัก


การต่อสู้มหามรรค ที่แข่งขันกันก็คืออันดับสูงต่ำ!


ใครก็ไม่อาจยอมรับว่าตนอ่อนแอ


ครั้งนี้หากไม่อาจฆ่าหลินสวินให้ตายได้ ลำพังแค่ความพ่ายแพ้นี้ก็เป็นมลทินที่ไม่อาจลบล้าง ไม่เป็นผลดีต่อการฝึกปราณในภายหน้าแล้ว


“ตายซะเถอะ!”


ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งกลายร่างเป็นกระทิงสีเขียวตัวหนึ่ง เท้ามีขนาดใหญ่เท่ากับภูเขาลูกย่อมๆ สี่กีบย่ำอากาศ ส่งเสียงคำรามลั่นออกมา


“อุตตราไร้รูปอัตตา สรรพสิ่งไม่อาจข้ามผ่าน…”


เสียงมรรคคลุมเคลืออันไพศาลกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดเปล่งออกมาจากริมฝีปากของเขา ดั่งฝนฟ้าคะนองเก้าสวรรค์ก้องกระหึ่ม ทั้งยังเหมือนเสียงท่องธรรมของเทพมารบรรพกาล


นี่คือวิชามรรคพรสวรรค์ของมัน หนึ่งคำรามตัดขาดภูผาธารา ฉีกทึ้งจักรวาล!


หลินสวินถูกล้อมโจมตี ไม่สามารถแยกร่างได้ จวนจะถูกเสียงคำรามโหมโจมตีอยู่รอมร่อ ก็เห็นริมฝีปากเขาส่งเสียงร้องหนึ่งออกมา…


ม่านน้ำตกคลื่นเสียงสีทองอร่ามสายหนึ่งพุ่งออกมา กลายเป็นสัตว์เทพผูเหลา ราวกับย่ำแหวกฟ้าดารามาเยือน แหงนหน้าร้องคำรามอย่างถือดี


โครมครืน


นี่คือเสียงคำรามผูเหลา เป็นมรรคแห่งเสียงสังหารชั้นยอด


และยามนี้ถูกหลินสวินสำแดงโดยใช้มรรคดับดารากลืนกิน อานุภาพที่ปรากฏต่างจากที่ผ่านมาลิบลับ บริเวณที่คลื่นเสียงนั้นแผ่ไป ทั้งอากาศ การไหลเวียน….


ทุกอย่างล้วนปรากฏร่องรอยของการทำลายล้างครั้งใหญ่!


มองด้วยตาเปล่าจะเห็นว่าเสียงคำรามของกระทิงสีเขียวก็เหมือนกับยักษ์เล็กเจอยักษ์ใหญ่ ถูกบดขยี้กระจุยกระจาย พังทลายดับสิ้น


ตูม!


ตอนที่กระทิงสีเขียวเบี่ยงตัวหลบก็ไม่ทันการแล้ว ถูกเสียงคำรามผูเหลาซัดสะเทือนจนเลือดไหลเจ็ดทวารก่อนเป็นสิ่งแรก จากนั้นร่างราวกับภูเขาก็เหมือนถูกพายุหอบม้วน ปลิวกระเด็นออกไปเสียงดังปึง


มันกระดูกแตกเส้นเลือดขาด จิตวิญญาณและดวงจิตล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส น้ำลายสีขาวฟูมปากและหมดสติทันที


หนึ่งคำราม ทำลายศัตรู!


ฉึบ!


เพียงแต่ไม่รอให้หลินสวินจัดการต่อ ทันใดนั้นใต้เท้าเขาห้วงอากาศระเบิดกระจุย ปรากฏดอกอสูรมารสีดำดอกหนึ่ง กลีบดอกผลิบานราวกับถังเลือดใบใหญ่ก็ไม่ปาน


แม้ว่าหลินสวินจะเบี่ยงหลบได้โดยไม่มีอันตราย แต่กลับถูกการบุกโจมตีหลายสายที่พุ่งเข้ามากดดัน ซัดสะเทือนจนร่างซวนเซ ทั้งยังถูกคมกระบี่สายหนึ่งถากผ่านแก้มไปอีกด้วย


รอยเลือดเป็นทางปรากฏขึ้น


ไกลออกไปชายหนุ่มชุดคลุมเงินแอบร้องเสียดายคราหนึ่ง


ภาพเฉียดอันตรายไร้ใดเปรียบนี้เล่นเอาเจ้าคางคกกับอาหลู่ใจสั่นระรัว รู้สึกเกร็งขึ้นมา


“ไม่เลวยิ่ง นับว่าประเมินศักยภาพของพวกเจ้าต่ำไปเสียแล้ว!”


ถึงจะแค่บาดเจ็บภายนอก กลับทำให้สีหน้าหลินสวินยิ่งเย็นเยียบมากขึ้นเรื่อยๆ ถูกล้อมโจมตีจนป่านนี้ เดิมทีเขามีโอกาสที่จะลงมือสังหารอีกฝ่ายอยู่หลายหน


แต่ล้วนถูกขัดขวาง ไม่อาจสำเร็จดั่งใจ


และยามนี้ยิ่งเกือบได้รับบาดเจ็บสาหัสเข้าไปอีก ทำเอาไอสังหารในใจหลินสวินยิ่งลุกโหมมากขึ้นเรื่อยๆ


ชิ้ง!


ดาบหักส่องแสง ผิวนอกปรากฏลวดลายมรรคอันเร้นลับและแปลกประหลาด เปล่งประกายจนเหมือนภาพมายา พุ่งสังหารไปทางชายหนุ่มชุดเงินคนนั้น


“รีบขวางเขาเร็วเข้า!” ทุกคนต่างโหมโจมตี ดำเนินการกำราบ


อย่างไรก็ตามอานุภาพของหลินสวินในเวลานี้โหมกระพือยิ่งนัก ระเบิดปะทุอย่างคลุ้มคลั่งสิ้นเชิง เหมือนเทพมารที่เหยียบย่ำภูเขาศพทะเลเลือดออกมา


รอบตัวเขารายล้อมด้วยอักษรเคราะห์ บังเกิดอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ไร้สิ้นสุด ซัดสยบการโจมตีทั้งปวง


“เฉือน!”


เห็นหลินสวินพุ่งมาแล้ว สีหน้าชายหนุ่มชุดเงินเปลี่ยนสีไปยกใหญ่ กระบี่วิเศษในมือส่องสว่างไร้ใดเปรียบ ฟันฉับลงไปอย่างเดือดดาล


น่าเสียดายหลินสวินรวดเร็วอย่างที่สุด ดาบหักยิ่งน่าสะพรึง สำแดงกระบวนเฉือนเกิดดับทำลายเพลงกระบี่ของอีกฝ่ายจนสิ้นซากในพริบตา ประกายคมกวาดผ่านเกิดเสียงดังฉึบหนึ่งครา แทงทะลุหน้าอกของเขา


ชายหนุ่มชุดเงินส่งเสียร้องโหยหวนไร้ใดเปรียบ คลอนฟ้าสะเทือนดิน จากนั้นร่างก็ทรุดลงพื้นทั้งอย่างนั้น ตายอนาถคาที่


เสวียนจิงและผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ อีกหลายคนจากเผ่าโบราณแสงทมิฬดำเนินการซุ่มโจมตี หวังฉวยโอกาสนี้กำราบหลินสวิน


ใครเลยจะคิด ทั่วร่างหลินสวินเปล่งแสง พลังของมรรคดับดารากลืนกินถูกกระตุ้นเร้าถึงขีดสุด สำแดงฤทธิ์ราวกับเหวลึกที่กลืนกินแปดทิศไม่เหลือหลอ


การโจมตีทั้งหมดล้วนดับสิ้นลงทั้งอย่างนี้ ขับเน้นจนหลินสวินราวกับไม่อาจโค่นล้มได้!


ฉึบ! ฉึบ! ฉึบ!


อาศัยโอกาสนี้ดาบหักเคลื่อนโคจรฉับไว สังหารคู่ต่อสู้สามคน หากไม่ใช่เพราะเสวียนจิงเบี่ยงหลบอย่างรวดเร็วก็คงประสบเคราะห์ไปแล้ว


ภาพนี้สะเทือนจิตใจทุกคนอย่างที่สุด เพียงชั่วขณะเท่านั้นชายหนุ่มชุดเงินถูกฆ่าก่อนเป็นคนแรก จากนั้นหลายคนที่ซุ่มโจมตีหลินสวิน นอกจากขโมยไก่ไม่ได้ยังเสียข้าวสารไปอีกกำมือ ถูกสังหารตายคาที่!


ทั้งหมดนี้เร็วเกินไปแล้ว ก็เห็นหยาดโลหิตแดงฉานร้อนระอุพวยพุ่ง พาให้ตำหนักแห่งนี้คละคลุ้งด้วยบรรยากาศคาวเลือดเข้มข้น


“อวิ๋นชิ่งไป๋! ขะ เขาน่ากลัวเหมือนอวิ๋นชิ่งไป๋!”


และยามนี้สือเจินทงก็ส่งเสียงร้องตกใจออกมาคราหนึ่งอย่างกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป หมุนตัวเผ่นหนีอุตลุด!


หลินสวินระเบิดอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ออกมา ทำเอาจิตมารในใจสือเจินทงแพร่ขยาย นึกถึงภาพต่างๆ ยามถูกอวิ๋นชิ่งไป๋กำราบ จิตต่อสู้ที่สั่นคลอนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วพังทลายอย่างสิ้นเชิง


เขาหหนีแล้ว ไม่รักษาหน้าใดๆ แล้ว


“ทุเรศ!”


“ขายขี้หน้า!”


ผู้แข็งแกร่งคนอื่นเห็นเช่นนี้ต่างทั้งตกใจทั้งเดือดดาล


พูดตามตรงตอนที่เห็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณอย่างสือเจินทงถึงกับผวาจนหนีเตลิด หลินสวินเองก็อดแปลกใจน้อยๆ ไม่ได้


เพียงแต่เมื่อได้ยินคำพูดของสือเจินทงที่เอาเขาไปเปรียบเทียบกับอวิ๋นชิ่งไป๋แล้ว กลับทำให้หลินสวินผุดความรู้สึกต่อต้านอย่างบอกไม่ถูกแวบหนึ่ง


ยังไม่พูดถึงระดับสูงต่ำของพลังต่อสู้ อวิ๋นชิ่งไป๋ก็เป็นแค่โจรต่ำช้าคนหนึ่งเท่านั้น มีคุณสมบัติอะไรมาเทียบกับตน


และเวลานี้เอง หลินสวินฉุกคิดได้ว่าพวกอูหลิงเฟยและผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ อีกหลายคนจะฉวยโอกาสนี้ โจนไปทางเจ้าคางคกกับอาหลู่!


“รนหาที่ตาย!”


นัยน์ตาดำของหลินสวินสาดแสงศักดิ์สิทธิ์ชวนสยองออกมา

 

 

 


ตอนที่ 1144 พลิกเปลี่ยนถึงขีดสุด

 

ตู้ม!


ห้วงอากาศแตกเป็นเสี่ยง เงาร่างหลินสวินดุจมังกรคลั่งโผล่จากเหว ความเร็วว่องไวถึงขีดสุด พุ่งโถมไปทางพวกอูหลิงเฟย


มองด้วยตาเปล่าจะเห็นว่าทุกจุดที่เขาเคลื่อนผ่านห้วงอากาศดุจดั่งถูกกลืนกิน ดับสลายจมดิ่ง ภายในนั้นยังตามมาด้วยแสงมรรคอันโชติช่วง


ตลอดทางมีผู้แข็งแกร่งบุกโจมตีขวางกั้นไม่ขาดสาย แต่ล้วนถูกซัดสะเทือน เงาร่างซวนเซลอยออกไปในพริบตาโดยไม่มีข้อยกเว้น


นี่ทำให้ผู้คนตกใจขวัญผวา ต่างพากันไม่กล้าเชื่อ!


ไกลออกไปหลินสวินก็ยังมาช้าไปหนึ่งก้าวอยู่ดี


บรรดาผู้แข็งแกร่งเจ็ดแปดคนอย่างพวกอูหลิงเฟยบุกโจมตีพร้อมกัน เชี่ยวชาญทั้งความเร็ว ความแม่นยำ และความโหดเหี้ยม กลุ่มหนึ่งพุ่งไปทางอาหลู่ อีกกลุ่มพุ่งไปทางเจ้าคางคก


สถานการณ์สุ่มเสี่ยง!


อาหลู่กับเจ้าคางคกล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส และตอนนี้ก็ทำได้แค่ฝืนตัวไว้ เผชิญหน้ากับการโจตมีระดับนี้ย่อมยากจะต้านทานไหวเป็นแน่


ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่อันตรายหาใดเปรียบ หลินสวินเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นอย่างน่าประหลาด ความเคียดแค้นทั้งมวลล้วนกลายเป็นไอสังหารเยียบเย็น


ชิ้ง!


ดาบหักส่งเสียงครวญกระจ่างกังวานหาใดเปรียบ ก่อนพริบไหวลับหายกลางอากาศ


กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้!


ไม่เที่ยงแท้ ย่อมไม่อาจระบุจำนวน ไม่อาจคาดเดาราวกับโชคชะตา ลี้ลับสุดหยั่งดั่งผลกรรมก็ไม่ปาน


อริยบุคคลบรรพกาลถึงกับกล่าวว่า ‘เมื่อไม่เที่ยงแท้มาเยือน หมื่นวิชาล้วนดับสิ้นวายวอด’!


กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ก็เป็นแบบเดียวกัน ในฐานะกระบวนเฉือนสุดท้ายของหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้า ยามเมื่อกระบวนนี้สำแดงเดชออกมา ก็เหมือนตัวแปรมากมายมาเยือน มีอานุภาพที่เทพผีต่างผวา


กระบวนเฉือนนี้ แก่นอัศจรรย์ที่ซ่อนแฝงไว้ทั้งหมดไม่อาจใช้คำว่าน่าสะพรึงและคลุมเครือตามนิยามของโลกปุถุชนมาบรรยายได้ หากแต่เกี่ยวโยงถึงโอกาสแห่งตัวแปรมหามรรค เรียกได้ว่าพลิกฟ้า


และหลินสวิน ยามนี้เพิ่งจะหยั่งถึงแก่นอัศจรรย์เพียงน้อยนิดของมันเท่านั้น


แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ กระบวนเฉือนนี้ก็เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาครอบครองในตอนนี้!


และตอนนี้ กระบวนเฉือนนี้พุ่งปราดไปทางบรรดาผู้แข็งแกร่งที่บุกฆ่าอาหลู่พวกนั้น


ขณะเดียวกันหลินสวินก็ตะโกนลั่น “เจ้าคางคก มานี่!”


เจ้าคางคกไม่ต้องคิดมากความใดๆ ใช้พลังทั้งหมดที่เหลืออยู่โถมไปหาหลินสวินอย่างไม่ลังเลสักนิด


นี่คือความไว้เนื้อเชื่อใจแบบไม่มีเผื่อแต่อย่างใด ต่อให้การโจมตีแสนแข็งแกร่งพวกนั้นจะอยู่ใกล้แค่เอื้อม เขาก็ไม่เคยขมวดคิ้วนิ่วหน้า


ผู้แข็งแกร่งที่ปิดล้อมเจ้าคางคกมีทั้งหมดสี่คน ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะยืนมองเจ้าคางคกไปรวมกลุ่มกับหลินสวินตาปริบๆ


ล้วนบุกฆ่าเต็มกำลังโดยไม่ลังเล!


ทุกอย่างต่างรวดเร็วเกินไป เร็วจนห่างเพียงชั่วแล่น ชั่วระยะเผาขน


พรึ่บ!


ตรงไหล่เจ้าคางคกถูกแทงจ้วงเป็นรูโบ๋ เลือดสดสาดกระเซ็น


นี่เป็นการโจมตีจากเลี่ยอวิ๋นไห่ผู้สืบทอดลัทธิบูชาจันทร์ เดิมทีนึกว่าจะสามารถแทงทะลุหน้าผากเจ้าคางคกได้ กลับเกิดการคลาดเคลื่อนไปเสี้ยวหนึ่ง


ที่ทำให้เขาแปลกใจสุดๆ ก็คือ ภายใต้สถานการณ์สิ้นหวังเช่นนี้ เด็กหนุ่มชุดเขียวที่เห็นได้ชัดว่าเหมือนตะเกียงน้ำมันเหือดแห้งคนนี้ถึงกับระเบิดพลังแฝงที่ไม่เคยมีมาก่อนออกมา หลังจากได้รับบาดเจ็บไม่เพียงไม่ถอยร่น ตรงข้ามกลับมุ่งฝ่าไปทางฝั่งหลินสวินต่อ


ตูม!


ขวานยักษ์เล่มหนึ่งแทบจะฟันฉับลงมาในเวลาเดียวกัน หมายจะผ่าเจ้าคางคกออกเป็นสองส่วน


การโจมตีนี้หากใช้ได้ผล เจ้าคางคกต้องตายสถานเดียวไร้ทางรอด


“เชี่ย แม่งเอ๊ย ไสหัวไป!”


ดุจดั่งสัตว์ร้ายติดบ่วงที่เจียนจะหมดหวัง เจ้าคางคกแผดเสียงคำราม ตบฝ่ามือหนึ่งออกไป กลืนตะวันคายจันทรา


แต่เขาขาดเจ็บสาหัสเกินไป การโจมตีนี้ถึงแม้จะต้านพลังโจมตีของขวานยักษ์ได้ แต่กลับสะเทือนจนริมฝีปากกระอักเลือดยกใหญ่ สีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเซียวยิ่งขึ้น


แต่ว่าร่างของเขาหยิบยืมพลังสะท้อนกลับนี้ พุ่งไปทางฝั่งหลินสวินด้วยความเร็วที่รวดเร็วกว่าเมื่อครู่เสียอีก


“ตาย!”


เพียงแต่ที่ทำให้เจ้าคางคกหมดหวังคือดาบศึกเล่มหนึ่งที่พุ่งตามหลังแต่มาถึงก่อน สาดประกายทองที่เจิดจ้าบาดตา ฟันฉับลงมา


ทุกอย่างล้วนเร็วเกินไปแล้ว!


จากแทงทะลวงไหล่เจ้าคางคก กระทั่งถูกขวานยักษ์ซัดสะเทือน เรื่อยมาจนถึงถูกดาบศึกโจมตีในตอนนี้ ต่างแทบจะเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น


หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเกรงว่าคงยอมรับชะตาตั้งนานแล้ว


แต่เจ้าคางคกไม่ใช่


หลินสวินก็ไม่ใช่!


ในช่วงสำคัญที่เกือบไปเยือนแดนมรณะนี้ ร่างกายเจ้าคางคกพลันพริบไหว กลายร่างเป็นคางคกทองสามขาขนาดเท่าฝ่ามือโดยพลัน


ส่วนหลินสวินก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะลงมือ ใช้พลังทั้งหมดโคจรก้าวย่างชือน้ำแข็ง ความเร็วพุ่งกระฉูดขึ้นหลายโข


จากนั้นเจ้าคางคกก็พุ่งเข้าสู่อ้อมอกหลินสวิน


หลินสวินกลับถูกดาบศึกสีทองอร่ามนั่นฟันเข้าที่กลางอก ฉีกแหวกเป็นรอยแผลน่าสยดสยองสายหนึ่ง เนื้อปลิ้นหนังปริ เห็นแกนกระดูกรำไร


นี่ยังเป็นเพราะมีพลังป้องกันที่สกัดไว้ได้ หาไม่ เพียงแค่ดาบเล่มนี้ก็เพียงพอจะฟันเขาขาดเป็นสองท่อนแล้ว!


หืม?


คนที่ถือดาบศึกเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาเย็นชาคนหนึ่ง บุกฆ่าเจ้าคางคกไม่ได้ กลับทำร้ายหลินสวินบาดเจ็บแล้ว นี่ทำให้เขาอึ้งงันอยู่บ้าง จากนั้นก็ดีใจยกใหญ่!


ฝ่ามือเขาออกแรงเพิ่ม หมายจะแหวกอกหลินสวินออก


ตูม!


หลินสวินตบฝ่ามือหนึ่งใส่ดาบศึกอย่างแรง ร่างกายเบี่ยงถอยไปด้านข้าง หลบเลี่ยงเคราะห์สังหารครั้งนี้ได้อย่างหวุดหวิด


เขาพาเจ้าคางคกพุ่งตัวไปหาอาหลู่โดยไม่รีรอแต่อย่างใด


ในเวลาเดียวกันนั้น เหตุการณ์ทางด้านอาหลู่แม้จะร้ายแรงแต่ก็ยังนับว่าปลอดภัยเช่นกัน


กระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ที่หลินสวินโจมตีออกไปก่อนหน้านี้ ชั่วอึดใจเดียวก็พาดขวางตรงหน้าอาหลู่ สลายการโจมตีจากพวกอูหลิงเฟย


หนำซ้ำอาหลู่ยังเป็นผู้หลอมกาย เส้นทางที่ก้าวเดินเป็นเส้นทางแห่งกายหยาบบรรลุอริยะ ถึงจะได้รับบาดเจ็บร้ายแรงแต่ยังมีพลังต่อสู้อยู่ อาศัยจังหวะนี้เขาผินหน้าพลันเผ่นหนี ถือโอกาสพุ่งเข้ามารวมกลุ่มกับหลินสวิน!


สถานการณ์สิ้นหวังจึงถูกคลี่คลายไปเช่นนี้


ตั้งแต่พวกอูหลิงเฟยลงมือ แยกตัวกันพุ่งใส่อาหลูกับเจ้าคางคก เรื่อยมาจนถึงตอนนี้ที่พวกหลินสวินรวมกลุ่มกัน เป็นชั่วพริบตาสั้นๆ แต่กลับบังเกิดสถานการณ์สุ่มเสี่ยงถึงขีดสุด!


ถึงขั้นที่คลาดเคลื่อนแม้แต่นิดเดียว ก็เป็นไปได้ว่าอาจเกิดผลลัพธ์อีกอย่าง เรียกได้ว่าอกสั่นขวัญผวา!


ช่วงระหว่างความเป็นความตายสยดสยองยิ่งยวด


ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ก่อนหน้านี้มีหรือจะไม่เป็นเช่นนี้


……


สำหรับผลลัพธ์นี้ เห็นได้ชัดว่าทำให้พวกอูหลิงเฟยประหลาดใจ


โดยเฉพาะพลังชั้นยอดที่หลินสวินระเบิดออกในจังหวะนั้น ทำเอาพวกเขาต่างรู้สึกหวาดหวั่นขวัญผวา


แต่ไม่นานพวกเขาก็ยิ้มแล้ว รู้สึกถึงความผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน


สาเหตุก็เพราะ แม้ก่อนหน้านี้หลินสวินจะแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้กลับได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว!


บริเวณหน้าอกของเขามีรอยดาบชุ่มเลือดชวนสยอง บริเวณนั้นเนื้อปริหนังปลิ้น กระดูกโผล่รำไร เลือดยังคงไหลออกมาข้างนอกไม่หยุด


หนำซ้ำพลังดาบนี้ เห็นได้ชัดว่ายังสร้างอาการบาดเจ็บรุนแรงถึงขีดสุดให้แก่เขา!


“อ้อ รู้เช่นนี้แต่แรกพวกข้าคงจัดการขยะสองคนนี่ก่อนแล้ว”


อูหลิงเฟยสาวเท้าก้าวยาวๆ ออกมา สีหน้ากลับสู่ความสงบเยือกเย็นเช่นแต่ก่อน ยิ้มแย้มออกมา เพียงแต่รอยยิ้มกลับเห็นชาอย่างยิ่ง


ในสายตาเขา หลินสวินและอาหลู่ต่างบาดเจ็บสาหัส เจ้าคางคกยิ่งชีวิตแขวนบนเส้นด้าย สถานการณ์โดยรวมชัดเจนแล้ว ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป


“เมื่อครู่เพราะพวกเราเลินเล่อ คิดว่าสามารถบุกฆ่าเขาได้ แต่ใครก็ไม่อาจคาดคิดว่าเทพมารหลินนี่ตัวคนเดียวจะแกร่งกล้าปานนี้ แม้แต่ข้าก็ยังไม่อาจไม่ศิโรราบ”


เลี่ยอวิ๋นไห่จากลัทธิบูชาจันทร์สีหน้าไร้ความรู้สึก ถึงจะบอกว่ายอมศิโรราบ แต่สายตาที่เขามองหลินสวินกลับเปี่ยมด้วยไอสังหารอย่างไม่มีปิดบังสักนิด


“ไม่ว่าอย่างไร เทพมารหลินที่กล้าหาญชาญชัย อุทิศตนฝ่าความตายเพื่อสหาย นี่ช่างควรค่าให้พวกเราชื่นชมยิ่ง ทุกท่าน ข้าแนะนำให้ไว้ชีวิตเขาสักหน อบรมสั่งสอนเขาให้ดีสักหน ต่อไปจะต้องกลายเป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ภักดีคนหนึ่ง อุทิศตนทุ่มแรงกายเพื่อพวกเราอย่างแน่นอน”


เสวียนจิงจากเผ่าโบราณแสงทมิฬกล่าวอย่างอวดดี วางท่าสูงส่ง กำชัยมั่นเหมาะ


ไม่ว่าคำพูดจะเป็นแบบใดล้วนแฝงแววฮึกเหิม เยียบเย็น รวมถึงลำพองตนและสะใจปานได้แก้แค้นสำเร็จ


อันที่จริงก่อนหน้านี้หลินสวินแข็งแกร่งเกินไป ทำให้พวกเขาตกใจแกมเดือดดาล พบแต่ความพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ให้รู้สึกเสียหน้า อับอายจนกลายเป็นโกรธอยู่ภายในใจด้วยเหตุนี้


ตอนนี้ได้เห็นหลินสวินกลายเป็นพยัคฆ์ที่เพลี่ยงพล้ำ ภายในใจย่อมรู้สึกลำพองและสาแก่ใจอย่างบอกไม่ถูก


ขณะพูดการเคลื่อนไหวของพวกเขากลับไม่ได้อืดอาด พากันพุ่งเข้าใส่พวกหลินสวิน!


เพราะทุกคนต่างเข้าใจดีถึงหลักการการช่วงชิงชีวิตยามอีกฝ่ายเจ็บป่วย คู่ต่อสู้อย่างเทพมารหลิน หากให้โอกาสเขาได้หายใจ เป็นไปได้สูงว่าอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้!


ตูม!


เวลานี้เงาร่างสายแล้วสายเล่าต่างแย่งกันพุ่งเข้ามา ล้วนอยากฆ่าหลินสวินให้ตายเป็นคนแรก เห็นเขาเป็นเป้าหมายที่จะเข่นฆ่าได้ตามอำเภอใจ


พวกเขากำลังเคลื่อนไหว หลินสวินเองก็กำลังเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน!


เขากับอาหลู่ถอยหลบไปทางส่วนลึกของตำหนักใหญ่อย่างรวดเร็ว สภาพที่บาดเจ็บร้ายแรงได้แต่หลบหนี ไม่ได้แข็งกร้าวและผงาดผยองเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว


เพียงแต่ใครก็ไม่ทันสังเกตเห็นว่า ตั้งแต่ต้นจนจบนัยน์ตาดำของหลินสวินปรากฏเพียงความเยือกเย็นเป็นพิเศษ แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสปานนี้ก็ไม่เคยไหวหวั่นสักเสี้ยว


ตูม!


การโจมตีทุกรูปแบบราวกับรุ้งพรั่งพรูอันเจิดจ้า สาดกระหน่ำเข้ามา


หลินสวินเอาแต่ถอยร่น


ตำหนักแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาล ชายคาดั่งเวิ้งฟ้า ลำพังเพียงแค่เสาทองแดงแต่ละต้นก็สูงใหญ่ราวกับเสาค้ำสวรรค์ เมื่อคนยืนอยู่ภายในนั้นก็เหมือนมดตัวเล็กจ้อย


และเคราะห์ดีที่เป็นเช่นนี้ จึงจะเปิดโอกาสให้หลินสวินได้เคลื่อนย้ายหลบหนี


“หลินสวิน ไม่ไหว… เจ้า… หนีไป… คนเดียวเถอะ ข้า… ข้าไม่อยากเป็น… ตัวถ่วงของเจ้า”


เสียงของเจ้าคางคกโรยแรงหาใดเปรียบ


มันกลายร่างเป็นคางคกทองสามขาตัวเท่าฝ่ามือ ผิวภายนอกหม่นมัวแตกระแหง เต็มไปด้วยคราบเลือด


“พี่ใหญ่ เจ้าคางคกพูดถูก ท่านหนีไปเถิด ข้าจะทุ่มชีวิตบุกเบิกเส้นทางนองเลือดสายหนึ่งให้แก่ท่าน ท่านแค่ต้องจำไว้ ต่อไปช่วยพวกเราสองคนแก้แค้น ฆ่าเจ้าต่ำช้าพวกนี้ให้วายวอดก็พอแล้ว!”


อาหลู่ทำหน้าเคียดแค้นและเด็ดเดี่ยว คนเถื่อนนี่เมื่อก่อนปากจัดยิ่งนัก พิลึกกึกกือยิ่ง แต่ยามนี้กลับเห็นได้ชัดว่าเด็ดเดี่ยวปานนั้น กลิ่นอายในคำพูดพาให้ผู้คนสะเทือนอารมณ์


ริมฝีปากหลินสวินกระตุกหนึ่งครา ภายในใจคุกรุ่นเดือดพล่าน ริมฝีปากกลับยิ้มเย็นกล่าวว่า “อยากตายหรือ ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอก อีกเดี๋ยวพวกเจ้าทุกคนต้องฆ่าศัตรูพร้อมกับข้า!”


“จะเจ้า… ข้า… ข้ามีสภาพปานนี้แล้ว!” เจ้าคางคกคล้ายตื้นตันอย่างยิ่ง เพียงแต่ยังไม่ทันพูดจบ ริมฝีปากของเขาก็ถูกท่อนไผ่ขาวแวววาวราวกับหิมะท่อนหนึ่งขัดเอาไว้


เจ้าคางคกร้องอื้อคราหนึ่ง ก็รู้สึกถึงพลังร้อนระอุที่เดือดพล่านแน่นหนาทะลักลงสู่ลำคอ


และพร้อมกันนั้นริมฝีปากอาหลู่ก็ถูกยัดด้วยไผ่ท่อนหนึ่งเช่นกัน


เขาเบิกตากว้าง ไม่เข้าใจยิ่ง เวลาไหนแล้วพี่ใหญ่ยังไม่ยอมให้คนพูดอยู่อีกหรือ ซ้ำยังเอาท่อนไผ่มายัดใส่ปากพวกเขาอีก ช่าง… หืม?


ทันใดนั้นอาหลู่เองก็ตระหนักว่ามีกระแสร้อนระอุปะทุเดือดทะลักเข้าสู่ร่างกาย


นี่คือ ‘ของเหลววิญญาณปฐมอสนี’ ที่บรรจุอยู่ภายในไผ่อสนีหมื่นเคราะห์!


ไม่ว่าบาดแผลที่ได้รับจะหนักหนาปานใด ขอเพียงใช้ของเหลววิญญาณปฐมอสนี ก็สามารถฟื้นตัวสู่สภาพสูงสุดได้ภายในเวลาอันสั้นที่สุด เรียกได้ว่าเป็นวัตถุเทพชั้นเลิศในโลกหล้า


สมบัติเลอค่าระดับนี้ เป็นของชดเชยยามหญิงลึกลับผู้นั้นบุกถิ่นเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ใช้กำลังบังคับเอามา


ไม่มีใครรู้ จังหวะแรกหลังจากที่หลินสวินได้รับบาดเจ็บก็กลืนกินของเหลววิเศษชนิดนี้ลงไปแล้ว…


ตูม!


และในระหว่างขั้นตอนนี้ การบุกโจมตีจากพวกอูหลิงเฟยก็บีบกระชั้นเข้ามา พลังโจมตีดุดันเหี้ยมหาญอย่างที่สุด มีเค้าลางแห่งการฆ่าล้างทำลายสิ้น


สาเหตุที่พวกเขาเป็นเช่นนี้ หนึ่งก็เพื่อแก้แค้น สองคือหากฆ่าหลินสวินได้ เมื่อข่าวกระจายออกไปก็จะเป็นผลงานการต่อสู้อันเฉิดฉาย ที่เพียงพอจะทำให้ผู้คนทั่วหล้าต่างตกใจ!


“เทพมารหลิน เจ้ายังจะดิ้นรนไปถึงเมื่อไหร่ ตายซะ!”


ทันใดนั้นเลี่ยอวิ๋นไห่จากลัทธิบูชาจันทร์พุ่งเข้ามาเป็นคนแรก สีหน้าขึงขัง นัยน์ตาเจือแววฮึกเหิมและโหดเหี้ยม


และเวลาเดียวกันนั้น หลินสวินชะงักเท้าโดยพลัน ไม่ถอยหลังอีกต่อไป แหงนหน้าขึ้นน้อยๆ นัยน์ตาเยียบเย็นจับจ้องเลี่ยอวิ๋นไห่ที่บุกสังหารเข้ามา

 

 

 


ตอนที่ 1145 ย้อนสังหารผู้กล้า

 

ชิ้ง!


ทวนศึกสีน้ำเงินเข้มที่ห่อหุ้มด้วยสายฟ้าพุ่งยิงแหวกอากาศ เกิดเสียงดังชิ้ง พลังเข่นฆ่าคับฟ้า


ก่อนหน้านี้ผู้สืบทอดลัทธิบูชาจันทร์คนนี้ก็เคยใช้กระบวนท่านี้เช่นกัน แทงทะลุเข้าที่ไหล่เจ้าคางคก อีกนิดเดียวก็เกือบโจมตีเจ้าคางคกหัวแบะ


และเวลานี้เขาก็ใช้วิธีการเดียวกัน หมายจะแทงทะลุศีรษะหลินสวิน!


เพียงแต่การแทงครั้งนี้ ยามห่างจากหัวคิ้วของหลินสวินสามชุ่นกลับชะงักกึกโดยพลัน ไม่สามารถขยับไปข้างหน้าได้อีกสักเสี้ยว


หืม?


นัยน์ตาเลี่ยอวิ๋นไห่หดรัด ความคึกคะนองและโหดเหี้ยมที่เดิมทีฉายตรงมุมปากก็พลันแข็งทื่อในจังหวะนี้ด้วยเช่นกัน


ทวนศึกของเขาถูกมือใหญ่ที่เรียวยาวขาวกระจ่างข้างหนึ่งกำไว้แน่น


หนำซ้ำ พลังเข่นฆ่าที่สั่งสมบนทวนศึกทั้งหมดก็ถูกสลายไปหมดสิ้น!


แย่แล้ว!


ในใจเลี่ยอวิ๋นไห่พลันสั่นสะเทือนรุนแรง ระเบิดพลังทันใด ไม่ถอยกลับรุกขึ้นหน้า หมายจะฝืนดันทวนศึกเข้าไปเสียบทะลุหัวคิ้วที่ห่างแค่สามชุ่น


ตูม!


แต่หลินสวินเคลื่อนไหวนานแล้ว ฝ่ามือที่กำทวนศึกไว้เริ่มออกแรง พลังดุเดือดพุล่งพล่านระเบิดออกมาราวกับกระแสน้ำเชี่ยว


จากนั้นง่ามนิ้วของเลี่ยอวิ๋นไห่แหวกขาด ร่างกายราวกับถูกวัวป่าบรรพกาลบดขยี้ ถูกซัดลอยคว้างออกไปเสียงดังปึงหนึ่งครา


สวบ!


และขณะเดียวกันหลินสวินก็สะบัดมือขว้างทวนศึกออกไป ราวกับสายฟ้าสีน้ำเงินเข้มที่เจิดจ้าหนาใหญ่สายหนึ่งแทงทะลุผ่านอกเลี่ยอวิ๋นไห่ ทะลวงเป็นรูโชกเลือดขนาดเท่าปากชาม


ซ่า!


เลือดสดสาดกระจาย เลี่ยอวิ๋นไห่ตายอนาถ เขาเป็นคนแรกที่พุ่งเข้ามา แต่ยามนี้ร่างของเขาที่ปกติจะพุ่งเข้าโจมตีเป็นนิสัย ตอนนี้กลับกระเด็นลอยออกไปอย่างแรง


สุดท้ายเกิดเสียงดังปึง กระแทกลงกับพื้นไม่ขยับเขยื้อน


“นี่…”


“แย่แล้ว!”


พวกอูหลิงเฟยต่างพากันหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ความฮึกเหิมและได้ใจในหัวพลันหายไป แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง


เลี่ยอวิ๋นไห่ ปีศาจแห่งยุคจากลัทธิบูชาจันทร์ ถูกฆ่าทั้งอย่างนี้หรือ


“บาดแผลของเขา…”


ทันใดนั้นเสวียนจิงกรีดเสียงร้องออกมา ค้นพบด้วยความตกตะลึงว่ารอยแผลน่าสะพรึงบริเวณอกของหลินสวินสายนั้น ไม่รู้ว่าสมานกันตั้งแต่เมื่อไร นอกจากคราบเลือดที่เหลือทิ้งไว้ ถึงกับมองไม่เห็นรอยแผลจากการบาดเจ็บเลยสักนิด


“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”


ในใจคนอื่นๆ ก็ปั่นป่วนไปพักหนึ่งเช่นกัน


ก่อนหน้านี้หลินสวินได้รับบาดเจ็บสาหัส เกือบถูกแหวกอกคว้านท้อง เพิ่งถูกพวกเขามองว่ามีโอกาสเลี้ยงให้เชื่อง แต่ละคนครึ้มใจหาใดเปรียบ ยื้อยุดแย่งชิงอยากเป็นคนแรกที่ฆ่าหลินสวินให้ตาย ใช้เรื่องนี้ล้างความอัปยศ ทำการแก้แค้น


ไหนเลยจะคาดคิด นี่เพิ่งผ่านไปเท่าไรเอง อาการบาดเจ็บของอีกฝ่ายถึงกับหายเป็นปกติแล้ว!


“กลิ่นอายของเขา… ถึงกับแกร่งกร้าวยิ่งกว่าเดิม!”


มีคนใจสะท้าน สัมผัสได้ว่าแม้หลินสวินดูเหมือนจะชุ่มเลือดทั่วร่าง แต่อานุภาพที่แผ่ซ่านออกมากลับน่าสะพรึงและแกร่งกล้ายิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก


การเปลี่ยนแปลงนี้พาให้ในใจพวกเขาไหวสะท้านอีกครั้ง


ตู้ม!


หลินสวินไม่พูดพล่าม หลังจากสังหารเลี่ยอวิ๋นไห่ก็พุ่งทะยานออกมาเหมือนพายุคลั่งที่หอบม้วนฟ้าดิน ทั่วร่างเปล่งแสงเขียวเรืองรอง ท่วมท้นด้วยพลังแห่งมรรคดับดารากลืนกิน


พลังหมัดพุ่งซัด ราวกับมังกรคลั่งโผล่จากหุบเหว


ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งเพิ่งถูกการตายของเลี่ยอวิ๋นไห่ทำให้อึ้งค้าง รู้สึกไม่ทันตั้งตัว ตอนนี้ยังถูกพลังหมัดปิดครอบ จึงตกใจจนอดร้องลั่นออกมาไม่ได้ พยายามขัดขืนเต็มกำลัง


ปึง!


ร่างกายเขาระเบิดเป็นจุณ ต่อให้ใช้ทุกสิ่ง ภายใต้หมัดที่สะเทือนฟ้าสะท้านดินของหลินสวินนี้ก็ราวกับกระดาษว่าว ถูกฆ่าตายคาที่


หมัดเดียว เฉียบขาดเด็ดเดี่ยว เผด็จการไร้สิ้นสุด!


“ลงมือเร็วเข้า!”


มีคนร้องอุทาน สังหรณ์ใจว่าสถานการณ์ไม่ปกติ


ไม่จำเป็นต้องเอ่ยเตือนสักนิด ในที่นี้ล้วนมีแต่บุคคลขอบเขตมกุฎ ไม่มีคนอ่อนแอสักคน ต่างตระหนักได้ถึงความไม่เข้าที ล้วนบุกโจมตีโดยพลัน


เพียงแต่ในใจพวกเขายังคงสั่นสะท้าน เทพมารหลินนี่ฟื้นตัวได้ไวปานนี้เชียวหรือ


ตูม โครม!


การต่อสู้ปะทุขึ้น


การประมือในระดับนี้น่าสะพรึงถึงขีดสุดอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นการปะทะดุเดือดของบุคคลขอบเขตมกุฎแห่งยุค แต่ละคนพลังต่อสู้เหนือธรรมดา


เพียงแต่สานการณ์กลับบังเกิดการพลิกผัน!


ที่บาดเจ็บก่อนหน้านี้ ก็เพราะต้องช่วยอาหลู่กับเจ้าคางคก


แต่ยามนี้หลังจากกลืนของเหลววิญญาณปฐมอสนี กอปรกับพลังซ่อมแซมอันน่าตกใจของพลังมหามรรคไร้มรณะ ทำให้หลินสวินคืนสู่สภาพสมบูรณ์สูงสุดตั้งนานแล้ว!


หลินสวินซึ่งกล้ำกลืนความเคืองขุ่นเรื่อยมา เวลานี้ย่อมไม่ปรานีใดๆ


เขาเดือดคลั่งอย่างสมบูรณ์!


ปึง!


ท่ามกลางละอองแสงปลิวลอย มีเสียงกระหึ่มบาดหูดังออกมาสายหนึ่ง


จากนั้นเสียงแผดคำรามแสนดุดันหาที่เปรียบไม่ได้สายหนึ่งก็ดังก้อง


“คิดสังหารข้า? เจ้าก็ต้องตายด้วย!”


ครานี้เป็นหลันซางจากเผ่าวิญญาณสมุทร ถูกพลังหมัดของหลินสวินซัจนกระดูกเส้นเอ็นขาดสะบั้น เลือดออกเจ็ดทวาร หน้าตาบิดเบี้ยวเขียวคล้ำ


“ลำพังแค่เจ้า ยังคิดจะลากข้าไปตายด้วยหรือ ตาย!”


ในเวลาไล่เลี่ยกัน เสียงเยียบเย็นดุดันของหลินสวินก็ดังขึ้น


เสียงยังไม่ทันสิ้นสุด ในครรลองสายตาของทุกคน หลินสวินที่เสื้อผ้าเปื้อนเลือดทั่วร่างไหลเวียนด้วยกลิ่นอายราวหุบเหวลึกอันน่าสะพรึง พลันเหยียบย่างกลางอากาศ ดาบหักก็โฉบพุ่งออกไปในเวลาเดียวกัน


พรึ่บ!


ดุจดั่งแสงสายหนึ่งจากส่วนลึกของฟ้าดาราที่เดี๋ยวเจิดจ้าเดี๋ยวมืดมน ลวงตาราวกับภาพมายา จากนั้น ศีรษะหนึ่งก็หลุดลอยออกไป


ศีรษะนั่นลอยขึ้นสูงยิ่ง บนใบหน้าเจือแววหวาดผวา ไม่ยินยอม สับสนและไม่อยากเชื่อ


ในแววตาสุดท้ายของเขา หลินสวินที่อยู่ตรงหน้าก็เหมือนเทพสังหารที่ไร้ทัดเทียมคนหนึ่ง แข็งแกร่ง ดุดันและเยือกเย็นปานนั้น


ปึ้ก!


ร่างไร้หัวล้มลงกับพื้น เลือดเนื้อกระจุยกระจาย


สัตว์ประหลาดยุคโบราณถูกตัดหัวไปอีกคนแล้ว!


ภาพเหตุการณ์นี้เสียดแทงประสาทรับรู้ของผู้คนไม่น้อยอีกครั้ง สีหน้าล้วนเปลี่ยนเป็นมืดทะมึนไม่น่าดูอย่างที่สุด เจือแววตกใจแกมสงสัยอย่างลึกซึ้ง


ก่อนหน้านี้พวกเขายังแทบทนไม่ไหว อยากเป็นคนแรกที่ฆ่าหลินสวินตาย ใช้เรื่องนี้สร้างชื่อเสียง ล้างแค้นและลบความอัปยศในใจ


แต่ยามนี้ เผชิญหน้ากับหลินสวินที่คืนสู่สภาวะสูงสุด พวกเขากลับได้แต่รู้สึกใจสะท้าน หวาดหวั่นและไม่เข้าใจ


ไม่อาจจินตนาการได้เลย เหตุใดจู่ๆ สถานการณ์ถึงได้เปลี่ยนเป็นน่าอนาถเช่นนี้ พลิกผันเร็วเกินไปแล้ว!


ไม่มีใครกล้าประมาทเลินเล่อ ทุกคนล้วนสู้ไม่คิดชีวิต หลินสวินในเวลานี้ ในสายตาพวกเขาก็เหมือนสัตว์ร้ายอุทกภัยตัวหนึ่ง แผ่ภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อชีวิต


เขาตัวคนเดียว แม้จะอยู่ท่ามกลางการปิดล้อมของทุกคนแต่กลับไม่เคยถูกสยบ ตรงข้ามกลับเหมือนหุบเหวลึกที่เดือดปะทุกำลังพาดขวาง มีอานุภาพกลืนกินแปดทิศ ดับสิ้นความเวิ้งว้างโดยรอบ ทั่วร่างเปล่งประกายเจิดจรัส ดุจเทพมารที่ไม่อาจทัดเทียม เหยียดหยันและเผด็จการ


ท่วงท่าแข็งแกร่งปานนั้น พาให้คนไม่น้อยต่างใจสะท้าน!


พรึ่บ!


ไม่ทันไรหลินสวินก็คว้าโอกาส ทะยานตัวกระโจนขึ้นไป ร่างกายพุ่งปะทะใส่กลางอกชายหนุ่มชุดเหลืองอย่างจัง


กร๊อบๆ… เสียงกระดูกระเบิดแตกดังชัดในหู ผิวหนัง กระดูก รวมถึงอวัยวะภายในและสารกาย พลังชีวิต จิตวิญญาณทุกอณูของชายหนุ่มชุดเหลืองคนนั้นล้วนแตกปะทุ ส่งเสียงโหยหวนออกมา


จากนั้นร่างของเขาถึงกับระเบิดแตกทั้งอย่างนั้น ฝนเลือดดุจน้ำตกสาดกระเซ็น!


สวบ!


แต่ก่อนหน้านี้อูหลิงเฟยและอีกหลายคนได้พุ่งไปหาอาหลู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าตั้งใจใช้ลูกไม้เดิมกำจัดศัตรู หมายจะใช้เรื่องนี้มาควบคุมหลินสวิน


เพียงแต่หลินสวินกลับไม่ได้คิดจะยื่นมือเข้าช่วยอีกสักนิด


และอาหลู่เองก็ไม่ได้หลบเช่นกัน เจ้าคนที่กำยำใหญ่หนาปานเทพเถื่อนคนนี้ ยามนี้กระตุกยิ้มเยาะหนึ่งครา ริมฝีปากส่งเสียงคำรามลั่นสะเทือนสวรรค์ออกมา…


“บิดาจะอัดไอ้เวรชาติชั่วอย่างพวกเจ้าให้เรียบ!”


ตูม!


บนผิวหนังปานหินผาทั่วร่างของเขาปรากฏเงามายาช้างเทพแล้วสายเล่าขึ้น ราวกับกำลังสยบมหาพิภพ สะท้อนไอเลือดเย้ยฟ้าที่แข็งแกร่งไร้สิ้นสุด


กระบองยักษ์เหล็กนิลท่อนหนึ่งตวัดกวาด ห้วงอากาศถูกซัดระเบิดป่นปี้ เสียงครวญแหลมปานจะฉีกทึ้งแก้วหู


เสียงดังปึงหนึ่งครา ชายหนุ่มคนหนึ่งปัดป้องไม่ทัน ถูกกระแทกลอยออกไปอย่างจังราวกับกระสอบทรายที่ลอยพุ่ง กระแทกใส่เสาทองแดงที่ห่างออกไปนอกพันจั้ง ทั้งตัวล้วนฝังติดอยู่บนเสาทองแดง


“แย่แล้ว! เจ้านี่ก็ฟื้นพลังต่อสู้ด้วย!” สีหน้าอูหลิงเฟยทะมึนลง ภายในใจยิ่งรู้สึกไม่สงบมากขึ้นเรื่อยๆ


“ไป!”


และเสวียนจิงยิ่งตรงไปตรงมา ถอยร่นโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด พุ่งไปทางด้านนอกตำหนักใหญ่


หลินสวินเดิมก็แข็งแกร่งหาใดเปรียบอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ได้รับบาดเจ็บก็ยังสำแดงพลังต่อสู้ที่เรียกได้ว่าพลิกฟ้า ยามนี้เขาฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บแล้ว ใครจะกำราบได้กัน


ส่วนอาหลู่ก็แข็งแกร่งมากเช่นเดียวกัน หากไม่เป็นเช่นนี้ ก่อนที่หลินสวินจะมาถึงคงถูกพวกเขาปิดล้อมโจมตีและฆ่าตายไปแล้ว


และยามนี้แม้แต่อาหลู่ก็ยังฟื้นคืนพลังต่อสู้โดยสมบูรณ์ นี่ทำให้หลินสวินเหมือนเสือติดปีก พาให้สถานการณ์เกิดการพลิกผันรุนแรงไปด้วย ไม่มีทางสู้ต่อไปได้อีก!


“คิดหนีเรอะ เคยถามปู่เจ้าบ้างหรือไม่!”


ทันใดนั้นเจ้าคางคกก็บุกโจมตีแล้ว ทั้งร่างเป็นสีทองอร่าม ส่งเสียงคำรามลั่นออกมาแล้วโถมไปทางเสวียนจิง ทั่วร่างเดือดพล่านด้วยไอสังหารไร้ที่สิ้นสุด


ก่อนหน้านี้หากไม่ใช่เพราะหลินสวินเข้าช่วยเหลือ เขาก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว ตอนนี้อาศัยความช่วยเหลือจากของเหลววิญญาณปฐมอสนีฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ มีหรือเขายังจะออมมือ


ระเบิดปะทุออกมาตรงๆ แล้ว!


ตูม!


ท่ามกลางตำหนักใหญ่ การต่อสู้ยิ่งดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ แสงเรืองรองศักดิ์สิทธิ์ชนปะทะ แสงสมบัติเดือดพล่าน


เพียงแต่ แน่นอนว่าสถานการณ์ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง!


หลินสวิน เจ้าคางคก อาหลู่ ทั้งสามคนร่วมมือกัน พลานุภาพดุจสายรุ้ง บุกฆ่าท่ามกลางศัตรูแข็งแกร่ง แต่ละคนสำแดงพลังต่อสู้ที่แทบจะวิปริตอออกมา


สิ่งที่หลินสวินใช้คือพลังสังหารที่แข็งแกร่งที่สุด ใช้มรรคดับดารากลืนกินสำแดงวิชาแห่งตน กวาดขวางทั่วลาน


ส่วนเจ้าคางคกและอาหลู่ด้อยกว่าเสียที่ไหน ฝ่ายแรกเป็นทายาทเผ่าคางคกทองสามขา สัตว์ประหลาดยุคโบราณที่ชื่อเสียงเรืองรอง ครอบครองเคล็ดวิชากลืนตะวันคายจันทรา ยอดวิชาที่สะเทือนอดีตสะท้านปัจจุบัน


ด้านอาหลู่ก็มีแนวโน้มว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับสายเลือดเทพยุทธ์คชสารมังกรบรรพกาล ครอบครองวิชาดาวเหนือสยบโลกา ทั้งก้าวเดินบนเส้นทางแห่งกายหยาบบรรลุอริยะ ความแข็งแกร่งของพลังเรียกได้ว่าวิปริต


สามคนร่วมกันบุกโจมตี อานุภาพดุจผ่าลำไผ่ ง่ายดายเสมือนหักทำลายหญ้าแห้งไม้ผุ แตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง


พรึ่บๆๆ!


เพียงเวลาสั้นๆ ก็มีผู้แข็งแกร่งเจ็ดแปดคนชะตาดับ ล้วนตายอนาถยิ่ง ยามพวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ละคนล้วนเป็นอัจฉริยะมากพรสวรรค์ เหยียดหยันหยิ่งทระนง


แต่พอตายไป ทั้งหมดล้วนมลายหายลับ กลายเป็นความว่างเปล่า


เมื่อย้อนมองในลานอีกครั้ง ตั้งแต่เริ่มต่อสู้จนถึงตอนนี้ เดิมทีมีผู้แข็งแกร่งยี่สิบหกคนจากขุมอำนาจแตกต่างกัน สามารถเข้าสู่ตำหนักเพลิงเทพแห่งนี้ได้ก็พอรู้ถึงความไม่ธรรมดาของพวกเขาแล้ว


แต่ยามนี้ คนที่ยังยืนอยู่ในลานเหลืออยู่เพียงแปดคนเท่านั้น!


หรือกล่าวได้ว่า ผู้แข็งแกร่งมากกว่าครึ่ง เวลานี้ไม่ล้มตายก็เสียพลังต่อสู้ บาดเจ็บปางตาย


ยามนี้แม้แต่อูหลิงเฟยก็ยังขลาดกลัว หมุนตัวแล้วหนีทันที


ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ล้วนถูกทำให้ตกใจจนขวัญเสียตั้งนานแล้ว ต่างพากันเผ่นหนีโดยไม่ลังเลใดๆ


เดิมทีเทพมารหลินคนเดียวก็น่ากลัวเกินพอแล้ว ยามนี้ดันมีผู้ช่วยโผล่มาอีกสองคน นี่ไม่มีทางสู้ต่อไปได้เลยสักนิด


“จะไปไหน!”


หลินสวินตวาดลั่น เรียกดาบหักออกมา ไล่ตามขึ้นไปพร้อมกับเจ้าคางคกและอาหลู่


พรึ่บ!


ชายหนุ่มที่ถือเคียวสีเลือดถูกดาบหักฟันเป็นสองท่อน


และพร้อมกันนั้น อาหลู่กับเจ้าคางคกรวมพลังกันสังหารผู้แข็งแกร่งอีกคน


จนกระทั่งไล่ล่าสังหารมาถึงหน้าตำหนักนั่น สิ่งที่ทำให้อูหลิงเฟยและผู้แข็งแกร่งอีกห้าคนสิ้นหวังคือ ประตูบานใหญ่ของตำหนักที่ปิดสนิทนั้นดันไม่สามารถเปิดออกได้!


ไม่ว่าพวกเขาจะโจมตีอย่างไรล้วนไม่สามารถสั่นคลอนได้สักเสี้ยว


“ไม่…!”


“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”


เสียงคำรามเดือดจัดดังก้องขึ้น พวกอูหลิงเฟยจวนจะเสียสติ ตาแทบถลนเบ้า


ตีหัวจนแตกก็คิดไม่ถึงว่าตำหนักเร้นลับแห่งนี้ ถึงกับมีแต่สภาพที่เข้ามาได้แต่ออกไม่ได้!


ห่างออกไปหลินสวิน เจ้าคางคกและอาหลู่ได้พุ่งเข้ามาราวกับเทพสังหารแล้ว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)