Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1097-1100

 ตอนที่ 1097 เปลี่ยนอริยะเป็นเดรัจฉาน

 

ทั่วลานเงียบสงัด มีเพียงเสียงเยียบเย็นของหญิงลึกลับเท่านั้นที่ดังสะท้อนอยู่


พวกอริยะอย่างฟางหลิงซู่ อวี่หมิงสีหน้ายิ่งมืดมนมากขึ้นเรื่อยๆ ในใจรัดเกร็งและอับอาย


ในฐานะอริยะผู้สูงส่ง ไม่ได้ออกสู่โลกมาแสนนาน พอปรากฏตัวย่อมต้องดึงดูดความสนใจจากใต้หล้า นี่เดิมทีก็เป็นการเคลื่อนไหวที่ถูกคนทั้งโลกจับตามองอยู่แล้ว


ไหนเลยจะคิดว่าจะพลาดท่าตั้งแต่ก้าวแรก โดนโจมตีไม่พอ ยังตกต่ำถึงขั้นนี้ ความอัปยศเช่นนี้เกิดกับระดับอริยะอย่างพวกเขา ชื่อเสียงเกียรติยศทั้งชีวิตเกรงว่าคงป่นปี้ในคราวเดียว!


เมื่อแพร่ออกไป จากนี้คนทั้งโลกจะมองพวกเขาแบบไหนกัน


แค่ลองคิดดูก็พาให้พวกฟางหลิงซู่อัดอั้นจนแทบกระอักเลือด


“สหายยุทธ์ นี่เจ้าคิดจะให้สิ้นสุดกันเท่านี้หรือ”


อริยะอวี่หมิงถามเสียงเข้ม


“แน่อยู่แล้ว”


หญิงลึกลับตอบสบายๆ “แค่การต่อสู้ของคนรุ่นหลังเท่านั้น กลับถูกพวกเจ้าเอาความเป็นผู้ใหญ่มารังแกเด็ก ครั้งนี้ข้าย่อมใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน หาไม่คงคิดว่าเด็กคนนี้ไร้ที่พึ่งจริงๆ สามารถถูกพวกเจ้ากดขี่รังแกตามใจชอบไม่ใช่หรือ”


เมื่อประโยคนี้เอ่ยออกมา อริยะที่ชมการต่อสู้อยู่ไกลๆ ต่างตกตะลึงในใจ การแก้แค้นมาเยือนแล้วจริงๆ!


เมื่อก่อนไม่ว่าจะเป็นสำนักโบราณสำนักไหนต่างก็เห็นหลินสวินเป็นจอกแหนไร้ราก แม้ว่าเขาจะโดดเด่นมากความสามารถเหนือใคร แต่ก็ยังไม่มีสำนักโบราณที่ไหนเก็บเขามาใส่ใจอยู่ดี


แดนฐิติประจิมเป็นเช่นนี้


แดนชัยบูรพาก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน!


สังเกตได้จากสำนักโบราณที่ป่าวร้องว่าจะสังหารหลินสวิน ตอนที่ต่อสู้กับหลินสวิน มีสำนักไหนบ้างที่เก็บงำและกริ่งเกรง


ไม่มี!


สาเหตุเป็นเพราะอะไร


ก็เพราะคิดว่าเบื้องหลังหลินสวินไร้ที่พึ่งพิง คิดว่าเขาตัวคนเดียวทั้งยังไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง จะฆ่าแกงตามใจย่อมได้!


แต่ยามนี้พลังกร้าวแกร่งของหญิงลึกลับปรากฏชัด ออกหน้าให้หลินสวิน สำนักโบราณที่เคยเล่นงานหลินสวินพวกนั้นเกรงว่าคงจะนั่งไม่ติดกันแล้ว


“นี่เจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับสำนักโบราณของพวกข้าจริงๆ หรือ ไม่คิดว่าการกระทำนี้เกินไปหน่อยหรือไร”


พวกฟางหลินซู่ต่างตกใจระคนเดือดดาล


“เกินไป? ถ้าอยากเกินไปจริงๆ ข้าคงล้างบางครั้งใหญ่ตั้งนานแล้ว มีหรือต้องไว้ชีวิตไร้ค่าของพวกเจ้าด้วย”


คำพูดหญิงลึกลับเยียบเย็นยิ่ง เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้เสียงของนางพลันเปี่ยมด้วยพลังน่าเกรงขามไร้รูป แผ่กว้างทั่วลาน


“นับแต่บัดนี้ ข้าจะมุ่งหน้าไปเยี่ยมเยียนสำนักโบราณของพวกเจ้าทีละแห่ง สำนักไหนเคยล่วงเกินหลินสวิน ข้าก็จะไปที่นั่น ไม่ใช้ว่าใช้วิธีผู้ใหญ่รังแกเด็กหรือ ข้าก็ทำเป็น!”


พริบตานี้เงาร่างนางโดดเด่น กลิ่นอายคลุ้งทะลวงเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน เสียงของนางเหมือนดั่งเสียงธรรมมหามรรค ก้องกระหึ่มทั่วสารทิศ แผ่กว้างไม่ขาดสาย


นี่กำลังประกาศก้องทั่วหล้า ออกหน้าแทนเทพมารหลินอยู่หรือ


ทุกคนล้วนตกใจยกใหญ่!


เห็นได้ชัดว่านับแต่วันนี้เป็นต้นไป เทพมารหลินไม่ใช่จอกแหนไร้รากอีกแล้ว เบื้องหลังเขายังมีหญิงสาวที่กร้าวแกร่งศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งหนุนอยู่ ใครกล้าลงมือกับเขาอีกคงต้องชั่งน้ำหนักผลที่ตามมาสักหน่อยแล้ว!


จุดเปลี่ยนนี้ย่อมพาให้ใต้หล้าฮือฮาอย่างแน่นอน


อย่างไรเสียก่อนหน้าหลินสวินยังถูกมองว่าเป็นผู้ฝึกปราณอิสระที่ไร้สำนักไร้พรรค ยืนโดดเดี่ยวบนโลก แม้จะเป็นที่สะดุดตา แต่คลื่นลมก็มีมาไม่ขาดสาย


แต่พริบตาเดียว เบื้องหลังเขาก็มีผู้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้าโผล่ขึ้นมาหนึ่งคน!


ฉากหลังนี้ไม่เพียงขู่ขวัญผู้คน ยังสามารถทำให้สำนักโบราณล้วนนั่งไม่ติดแล้วชัดๆ!


ไกลออกไปภายในใจหลินสวินร้อนรุ่ม สะทกสะท้านอย่างไม่เคยมีมาก่อน แต่สิ่งที่มีมากกว่ากลับเป็นความซาบซึ้งใจ


นับตั้งแต่เข้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณ เขาผ่านการเข่นฆ่านองเลือด ลิ้มรสอันตรายและความยากลำบาก แม้ทุกครั้งจะเปลี่ยนร้ายเป็นดีได้ แต่ก็มีช่วงเวลาที่ไร้ที่พึ่งและดาลเดือดอยู่เหมือนกัน!


ยามที่ถูกล่าสังหาร เขาทำได้แค่หนี!


ทุกครั้งที่หนีล้วนเจือความไม่ยินยอม เดือดดาลและอัปยศอดสู


ในสายผู้อื่นเขารอดมาได้หลายหน สำแดงอานุภาพยิ่งใหญ่ ท่วงท่าผงาดกร้าวพราวตาหาใดเปรียบ แต่สิ่งที่ต้องเสียไปเบื้องหลังนี้ ใครบ้างจะรู้


หากครอบครองพลังที่กร้าวแกร่งอย่างแท้จริง ใครเล่าจะเลือกหลบหนี


และใครยังจะกล้าไล่ล่าสังหารตนซ้ำแล้วซ้ำอีก


แต่ช่วยไม่ได้ ท้ายที่สุดหลินสวินก็หัวเดียวกระเทียมลีบ ในดินแดนรกร้างโบราณแห่งนี้ หากคิดจะผงาดง้ำก็ได้แต่เก็บงำอดทนเอาไว้ก่อน ทำให้ตนแข็งแกร่งขึ้น เฝ้ารอการแก้แค้นกลับในสักวัน


รสชาติเช่นนี้ ถ้าหากไม่ได้เจอเองกับตัวคงไม่มีทางเข้าใจเด็ดขาด


และตอนนี้ หญิงลึกลับเคลื่อนขวาง ไม่เพียงช่วยเขาสลายวิกฤติเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ซ้ำยังออกหน้าแทนเขา ประกาศกร้าวทั่วหล้า เรื่องนี้จะไม่ให้หลินสวินรู้สึกซาบซึ้งได้อย่างไร


ระหว่างที่เงียบงัน หลินสวินกำหมัดแน่น ควบคุมสภาพอารมณ์ภายในจิตใจ


เขารู้ว่าหญิงลึกลับทำเช่นนี้ เป็นการปลดโซ่ตรวนที่ขวางทางเขา ทำให้เขาเข้าร่วมสงครามมหายุคได้อย่างยุติธรรมมากขึ้น คว้าโอกาสบรรลุขอบเขตมกุฎระดับราชันมาด้วยเหตุนี้!


‘ผู้อาวุโส ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง…’ หลินสวินพึมพำในใจ เวลานี้ใจมุ่งสู่มรรคเปลี่ยนเป็นมั่นคงไร้ใดเปรียบ


……


“เจ้า… เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”


ในขณะเดียวกันพวกฟางหลิงซู่ต่างหน้าเปลี่ยนสีกะทันหัน เกือบไม่เชื่อหูตัวเอง มุ่งหน้าเยี่ยมเยียนสำนักโบราณของพวกเขาทีละแห่งหรือ นี่เห็นได้ชัดว่ามาด้วยเจตนามุ่งร้ายชัดๆ!


“ได้ยินไม่ชัดหรือ”


หญิงลึกลับกล่าว “เช่นนั้นข้าจะพูดอีกรอบ ใช้วิธีผู้ใหญ่รังแกเด็ก!”


ทุกถ้อยคำล้วนทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน ภูผาธาราสั่นระริก


เสียงเพิ่งสิ้นสุด หญิงลึกลับไม่รีรออีกต่อไป โบกแขนเสื้อหนึ่งครา รุ้งวิเศษเจิดจ้าสายแล้วสายเล่าพุ่งยิงออกมา ก่อนแยกไปทางอริยะทั้งหก


ปึง!


ภายใต้สายตาจับจ้องอย่างหวาดหวั่นของทุกคน อริยะแห่งโลกหล้าอย่างฟางหลิงซู่ถึงกับกลายร่างเป็นแกะตัวหนึ่งในชั่วพริบตา!


“แบ้ๆ~!”


ฟางหลิงซู่ตะโกนลั่นอย่างโกรธระคนกลัว กลับได้แต่ส่งเสียงร้องของแกะ สี่เท้าเตะไปมา ปราณอริยมรรคทั้งตัวถึงกับถูกจองจำโดยสิ้นเชิง ไร้หนทางสำแดงออกมา


มองดูแล้วเป็นภาพที่น่าขันยิ่ง


แต่อริยะที่ชมการต่อสู้อยู่ไกลๆ ล้วนตกใจจนหนาวสั่นไปทั้งร่าง สวรรค์ นี่เป็นวิชาอะไรกัน ถึงกับสามารถเปลี่ยนอริยะเป็นสัตว์เดรัจฉานได้


แม้แต่หลินสวินก็ยังตะลึงค้าง แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง ความสามารถระดับนี้เรียกได้ว่าฉกชิงศุภโชคแห่งฟ้าดิน เปลี่ยนสิ่งเน่าเฟะให้กลายเป็นปาฏิหาริย์!


“ไม่…!”


อริยะอวี่หมิงเห็นเช่นนี้ก็ตกใจยกใหญ่ กลายร่างเป็นแกะตัวหนึ่งหรือ เขาไม่มีทางยอมรับได้เด็ดขาด ยอมตายเสียยังดีกว่าตกต่ำกลายเป็นเดรัจฉาน!


แต่ไม่รอให้เขาขัดขืน รุ้งวิเศษสายหนึ่งก็โฉบเข้ามาปิดครอบทั่วร่างเขาเอาไว้


ตามมาด้วยเสียงดังปึงหนึ่งครา เขาเองก็กลายร่างเป็นแกะตัวหนึ่ง ร้องแบะๆ ระงม สี่เท้าเต้นพล่าน ท่าทางเหมือนแกะคลั่งตัวหนึ่ง


อริยะที่ชมการต่อสู้อยู่ไกลๆ งงเป็นไก่ตาแตกโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้หญิงลึกลับเคยบอกว่านางมองพวกฟางหลิงซู่เป็นเดรัจฉาน


ไหนเลยจะคิดว่าคำพูดนี้ถึงกับเป็นจริงในตอนนี้เสียได้!


“เจ้ากล้า!”


อริยะเต้าคุนตาโปนแทบถลน ขัดขืนอย่างคลุ้มคลั่ง แต่ท้ายที่สุดก็เปลืองแรงเปล่า และถูกเสกกลายร่างเป็นแกะตัวหนึ่งตามมาติดๆ


อริยะเมี่ยวหวาที่อ่อนปวกเปียกอยู่บนพื้น อริยะฝูหยาที่ถูกมัดบั้นเอว แต่ละคนล้วนกลายร่างเป็นแกะตามมาติดๆ


ที่น่าขันที่สุดเห็นจะเป็นอริยะเมี่ยวหวา


นางสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากอาการสลบไสล อ้าปากเตรียมจะร้อง กลับพบว่าเสียงที่ตนเปล่งออกมาเป็นเสียงร้องของแกะดังแบะๆ ก็ทรุดฮวบทันที ใช้หัวทิ่มพื้น อยากโขกหัวกับพื้นตายในคราวเดียว


ทว่าผลลัพธ์พาให้นางรู้สึกสิ้นหวังและไร้เรี่ยวแรง เขาแกะนั้นแข็งเกินไป พื้นดินถูกขุดจนเป็นหลุม แต่ร่างกายกลับปลอดภัยหายห่วง แม้แต่ฆ่าตัวตายก็ยังทำไม่ได้


ส่วนอริยะเซวี่ยถูที่ถูกตรึงกลางอากาศนั้นโชคดียิ่ง ไม่ได้ถูกเสกเป็นแกะด้วยซ้ำ


เขาถูกเสกกลับสู่ร่างเดิม กลายเป็นสุนัขสวรรค์มายาทมิฬตัวหนึ่ง แต่ร่างกายกลับมีขนาดเท่าหมาบ้านไม่มีผิด ยกเว้นเส้นขนดำสนิทนุ่มสลวย ก็ไม่ต่างอะไรกับหมาบ้านธรรมดาทั่วไป


จนบัดนี้ อริยะทั้งหกกลายร่างเป็นแกะไปห้าคน อีกคนถูกเสกกลับสู่ร่างเดิม กลายเป็นหมาดำตัวหนึ่ง ทอดมองจากไกลๆ เห็นได้ชัดว่าเหลือเชื่อพิสดาร


หากไม่เห็นกับตาตัวเอง เกรงว่าคงไม่มีใครกล้าเชื่อ ว่าแกะห้าหมาหนึ่งนี้จะเป็นอริยะหกคนที่เคยยืนกำแหงเหนือเมฆบนโลกหล้า


จนถึงตอนนี้อริยะที่ชมการต่อสู้ในมุมมืดล้วนงุนงงกันหมด


ความสามารถเช่นนี้ เห็นก็ไม่เคยเห็น ได้ยินก็ไม่เคยได้ยิน เหนือจินตนาการของพวกเขาโดยสิ้นเชิง


จนพาให้สายตาที่พวกเขามองไปยังหญิงลึกลับคนนั้น ล้วนเจือแววหวาดผวาอย่างสุดพรรณนา!


“ฮ่า… ฮ่าๆๆ…” ท้ายที่สุดอาหลู่ก็กลั้นไม่อยู่ ระเบิดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง หัวเราะจนท้องแข็งไปหมด


ก่อนหน้านี้เขามัวกังวลในความปลอดภัยของหลินสวิน เดือดดาลเหมือนวัวคลั่งมาโดยตลอด แต่พอได้ชมการต่อสู้ กลับพบว่าสถานการณ์เกิดการพลิกผันครั้งใหญ่ นี่พาให้เขาชื่นมื่นยิ่งนัก ลอบทอดถอนใจกับตัวเองในทันที ไม่เสียแรงที่เป็นพี่ใหญ่ที่ข้ายอมรับ แม้แต่ที่พึ่งยังเผด็จการสะท้านโลกถึงเพียงนี้


จวบจนตอนนี้ยามได้เห็นภาพขบขันที่อริยะกลายร่างเป็นเดรัจฉาน ก็สำลักความสุขจนล้นในทันที


ผัวะ!


เพียงแต่ช่วงเวลาดีๆ ช่างแสนสั้น ศีรษะลอาหลู่ก็ถูกฝ่ามือหนึ่งตบฉาด นักพรตเฒ่ามอมแมมกัดฟันสื่อจิตกล่าวว่า ‘ไอ้เด็กแสบ เจ้าหัวเราะทำบ้าอะไร นี่ใช่ที่ที่เจ้าส่งเสียงหัวเราะได้หรือไง รีบหุบปากให้ข้าเดี๋ยวนี้ หากก่อเรื่องสร้างปัญหา ข้าไม่ตามเช็ดก้นให้เจ้าหรอกนะ!’


กล่าวพลางเขาทำหน้ายิ้มแหย หันไปประสานมือให้จากไกลๆ “เด็กรุ่นเยาว์เบาปัญญา ไม่รู้ความอัศจรรย์ของวิชา ‘ลักฟ้าแลกตะวัน’ ขอได้โปรดอย่าถือโทษเลย”


หญิงลึกลับเหลือบมองเขาปราดหนึ่ง กล่าวว่า “เจ้ารู้จักวิชานี้ด้วยหรือ”


นักพรตเฒ่ามอมแมมส่ายหน้าพัลวัน “ข้าแค่ได้ยินมา เคยได้ยิน แต่ไม่เคยเห็นจริงๆ จังๆ ถึงอย่างไรวิชาเทียมฟ้าระดับนี้ก็เป็นถึงเก้าต้องห้ามบรรพกาล… เอ้อ แฮะๆ ทั้งหมดนี้ข้าแค่เดาสุ่ม สหายยุทธ์อย่าหัวเราะเยาะ และอย่าเข้าใจผิดเด็ดขาดเชียว!”


แววตาเขาลุกโชน หัวเราะได้ปลอมยิ่ง มีลับลมคมในยิ่ง แม้แต่อาหลู่ยังดูออก เจ้าเฒ่าสารเลวคนนี้ท่าทางเหมือนรู้แต่กลับทำไม่รู้ เห็นชัดว่ากะล่อนยิ่งนัก


สิ่งที่พิลึกพิลั่นที่สุดคือความกะล่อนจอมปลอมของเขายังแสดงออกมาได้อย่างเปลือยเปล่าโล่งโจ้งนัก


“ข้าไม่เข้าใจผิดหรอก ทางที่ดีเจ้าก็อย่าทำให้ข้าเข้าใจผิดเป็นดีที่สุด”


เสียงหญิงลึกลับเยียบเย็น เจือพลังที่กดข่มหัวใจคน


“เช่นนี้ดีที่สุดแล้ว”


นักพรตเฒ่ามอมแมมตอบรับขมีขมัน


และเมื่อเป็นพยานเห็นภาพนี้ อริยะมากมายที่ชมการต่อสู้ในมุมมืดต่างรู้สึกเย็นวูบในหัวใจ ตระหนักได้ว่านักพรตเฒ่ามอมแมมคนนี้ เกรงว่าจะเป็นหนึ่งในพวกเหนือธรรมดาแน่นอนแล้ว


“หลินสวิน เจ้ามานี่”


หญิงลึกลับโบกมือน้อยๆ ทันใดนั้นเงาร่างหลินสวินก็เหมือนถูกเคลื่อนย้ายมาอยู่ใกล้ๆ เบื้องหน้านาง


“ผู้อาวุโส”


หลินสวินค้อมกายคารวะ แม้จะอยู่ห่างกันแค่คืบแต่หลินสวินก็ยังไม่อาจมองเห็นลักษณะของนางได้ถนัดตาอยู่ดี


รอบกายนางรายล้อมด้วยรุ้งวิเศษใสวาวดั่งโซ่ศักดิ์สิทธิ์กฎระเบียบ สะอาดพิสุทธิ์แปลกแยก ไม่สามารถสอดส่องรูปโฉมของนางได้สักนิด


แต่ท่วงท่าสง่างามของนางกลับเรียกได้ว่าไร้ทัดเทียม!


ทั้งที่อยู่ใกล้กันนิดเดียวแท้ๆ แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ไกลสุดขอบฟ้า ห่างไกลไม่อาจเอื้อมแก่หลินสวิน ก็เหมือนกับจันทร์กระจ่างสว่างพราวบนฟากฟ้า ได้แต่แหงนมอง แต่ไม่อาจเอื้อมสัมผัส


“ยินดีต้อนแกะกับข้าหรือไม่”


หญิงลึกลับเอ่ยถาม


ต้อนแกะ?


หลินสวินอึ้งงันก่อนเป็นสิ่งแรก จากนั้นก็ตระหนักทันที นี่มีหรือจะเป็นการต้อนแกะ เห็นชัดๆ ว่าจะต้อนอริยะต่างหาก!


“ยินดี” เขาตอบอย่างไม่ลังเลสักนิด ในใจกลับพลุ่งพล่านไม่สิ้น ทอดสายตาแลทั่วอดีตจนปัจจุบัน ใครกล้าเปลี่ยนเหล่าอริยะเป็นเดรัจฉาน แล้วไล่ต้อนบ้าง


วิธีการเช่นนี้ เรียกได้ว่าเทียมฟ้า!


ความกล้าหาญนี้ เพียงพอจะซัดสะเทือนกาลนิรันดร์!


และเหล่าอริยะที่ถูกเปลี่ยนร่างเป็นฝูงแกะกับหมาดำ หลังจากได้ยินประโยคนี้ต่างพากันตกใจจนร้องลั่นอย่างบ้าคลั่ง เสียงร้องแบะๆ กับเสียงหมาเห่าดังก้องกลางฟ้าดินไม่หยุด คล้ายติดโรคลมชักและพิษสุนัขบ้า

 

 

 


ตอนที่ 1098 ย่างเหยียบเขามายาทมิฬ

 

ต้อนอริยะ!


เหล่าอริยะที่ชมการต่อสู้ในมุมมืดต่างสูดหายใจเฮือก ไอเย็นวูบแล่นผ่านกระดูกสันหลังทะลักสู่กลางกระหม่อม แผ่สะท้านทั่วร่างประหนึ่งจมสู่ถ้ำน้ำแข็ง


ในฐานะอริยะแห่งโลกหล้า ถูกเสกให้เป็นเดรัจฉานก็อัปยศอดสูมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว


แต่ยามนี้หญิงลึกลับคนนั้นยังตั้งใจจะต้อนอริยะเหมือนต้อนสัตว์ก็ไม่ปานอีก นี่… เป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของอริยะเหล่านี้ถึงขีดสุดแล้ว!


จากนี้แม้พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ ชื่อเสียงก็ย่อมเสียหาย เชิดหน้าไม่ขึ้นอย่างแน่นอน!


นางเป็นใครกันแน่


เหล่าอริยะที่ชมการต่อสู้ในมุมมืดยิ่งรู้สึกกริ่งเกรงอยู่ในใจมากขึ้นเรื่อยๆ


และเวลานี้เอง พวกเขาพลันสังเกตเห็นว่าหญิงลึกลับที่อยู่ไกลๆ คนนั้นหมุนตัวพรึ่บ กวาดสายตามองเข้ามา พาให้อริยะเหล่านี้พากันแข็งทื่อไปทั้งร่าง


“วันนี้ข้าขอประกาศแก่ใต้หล้า จากนี้ไม่ว่าใครหน้าไหนกล้าใช้วิธีผู้ใหญ่รังแกผู้น้อย ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะไปเยือนสำนักโบราณพวกเจ้าด้วยเช่นกัน”


เสียงของนางเยียบเย็นชวนสยอง พาให้สีหน้าอริยะเหล่านั้นต่างวูบไหวไม่นิ่ง


“แต่หากเป็นการต่อสู้ของคนรุ่นเดียวกัน ข้าจะไม่ยื่นมือเข้าแทรกเด็ดขาด”


ประโยคต่อมานี้ทำให้ทุกคนล้วนอึ้งค้างอย่างยิ่ง ต่างเข้าใจในทันที


การต่อสู้แย่งชิงของคนรุ่นหลัง หญิงผู้นี้คร้านจะแยแสสิ้นเชิง แต่หากใครกล้าใช้อิทธิพลขุมอำนาจสำนักโบราณของตน ไม่สนฐานะ พุ่งเป้าเล่นงานหลินสวิน เช่นนั้นนางก็จะไปเยือนด้วยตัวเอง มอบการแก้แค้นให้!


ผู้หญิงที่ลึกลับน่าหวาดกลัวไร้สิ้นสุดเช่นนี้ หากคิดแก้แค้น ไม่ว่าเป็นขุมอำนาจใด เกรงว่าล้วนต้องชั่งน้ำหนักถึงผลร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นตามมาให้ดี!


“ไปเถอะ”


หญิงลึกลับสาวเท้าก้าวออกไป ภูเขาใหญ่ธารากว้างสั่นสะเทือน เมฆลมผันเปลี่ยน แสงมงคลซ่านเซ็น ก่อให้เกิดปรากฏการณ์อันงดงามและอลังการ


และยามที่นางย่ำเท้า ก็มีรุ้งวิเศษสีทองอร่ามสายหนึ่งแผ่กว้างใต้เท้าของนาง พุ่งตัดห้วงอากาศเป็นทางยาว กางแผ่สู่ส่วนลึกของห้วงอากาศอันไร้ขอบเขต


ท่ามกลางความงุนงง ทุกคนคล้ายจะเห็นกันหมดว่าระหว่างที่หญิงลึกลับเดินไปเบื้องหน้า กลางห้วงอากาศมีมังกรเจินหลงห้อทะยาน หงส์เซียนบนร่อน เต่าดำเบิกทาง….


ประกายมงคลหลากสีสันสายแล้วสายเล่าลอยระบำ พรั่งพรูละอองแสงปานอริยเทพ ประหนึ่งกำลังอารักขาคุ้มกันหญิงลึกลับอยู่


ภาพฉากเช่นนี้ เหมือนกับจักรพรรดินีเคลื่อนทัพในตำนานชัดๆ!


“นี่…”


“ต่อให้เป็นราชันอริยะ ก็เกรงว่าจะครอบครองพลานุภาพศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้ไม่ได้กระมัง”


อริยะที่มองดูอยู่ไกลๆ ใจสะท้าน เรื่องที่พบเห็นได้ยากเช่นนี้ ปาฏิหาริย์ที่ใกล้เคียงตำนาน ทำให้พวกเขาล้วนรู้สึกถึงความหวาดหวั่นและสั่นสะเทือนไร้ใดเปรียบ


ชั่วขณะนั้นเงาร่างหญิงลึกลับหายลับ มีเพียงแสงศักดิ์สิทธิ์โชติช่วง แผ่ครอบเวิ้งนภาประหนึ่งภาพฝันมายา


และที่หายไปพร้อมกับหญิงลึกลับ ยังมีหลินสวินรวมถึงแกะหนึ่งฝูงและสุนัขอีกหนึ่งตัวด้วย


เห็นได้ชัดว่านางไปต้อนอริยะจริงๆ!


……


ฟ้าดินคืนสู่ความเงียบสงัด ริมฝั่งทะเลหมากดารากลับไปเงียบสงบเหมือนก่อนหน้า


เพียงแต่เหล่าอริยะที่ชมการต่อสู้ในที่นั้นต่างจมสู่ความเงียบงัน ไม่เอ่ยวาจาเนิ่นนาน


พวกเขากำลังพยายามย่อยทุกอย่างที่ได้พบเห็นในวันนี้อยู่


อริยะหกคนปรากฏตัวก็สะท้านเมฆลมใต้หล้าแล้ว แต่ยามนี้ อริยะทั้งหกคนนี้กลับประสบเคราะห์ ถูกไล่ต้อนเหมือนเดรัจฉาน!


เหตุการณ์เหล่านี้หากเผยแพร่ออกไป ต้องก่อให้เกิดความสั่นผวาทั่วดินแดนรกร้างโบราณอย่างแน่นอน!


“นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ขุมอำนาจทั่วใต้หล้านี้ มีที่ใดยังจะกล้าเล่นงานหลินสวินเหมือนก่อนหน้านี้อีก”


“นั่นสิ เจ้าเด็กหลินสวินนี่พรสวรรค์โดดเด่น ครอบครองศักยภาพแฝงสะท้านโลกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยามนี้ยังมีที่พึ่งใหญ่โตเช่นนี้ให้พึ่งพาอาศัยอีก การผงาดขึ้นมาของเขาย่อมไม่อาจต้านทานได้แน่นอน”


“ข้าสงสัยแค่ว่า ผู้หญิงคนนั้น… เป็นใครกันแน่”


อริยะที่มาจากสำนักโบราณแตกต่างกันเหล่านี้ต่างวิพากษ์วิจารณ์ การต่อสู้เมื่อครู่นี้ทำให้พวกเขาสั่นสะท้านถึงขีดสุด


สามารถคาดการณ์ได้ว่า เรื่องนี้ต้องก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่อย่างไม่อาจปิดกั้นแน่นอน


“เฒ่าสารเลว พวกเราก็ไปดูกันหน่อยเถอะ”


อาหลู่ทำหน้าตั้งตาคอย “ต้อนแกะเชียวนะ แถมยังเป็นแกะอริยะฝูงหนึ่งอีกด้วย ภาพนี้จะต้องสูบฉีดมากเป็นแน่แท้ หาพบได้ยากตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันเ!”


นักพรตเฒ่ามอมแมมสีหน้าซับซ้อน กล่าวทอดถอนใจ “เรื่องนี้… ทางที่ดีอย่าไปร่วมวงด้วยเป็นดีที่สุด ที่มาของผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดาเอามากๆ เดิมทีข้านึกว่าในยุคบรรพกาลนางก็จะ… ใครจะไปคิด… เฮ้อ ไม่พูดดีกว่า”


อาหลู่ฟังจนงุนงงไปหมด อดกระทืบเท้าไม่ได้ “เฒ่าสารเลว เจ้าแม่งอยากพูดอะไรกันแน่”


ผัวะ!


นักพรตเฒ่ามอมแมมตบศีรษะอาหลู่อีกหนึ่งฉาด ผรุสวาท “เจ้ารีบร้อนหาอะไร อยากรู้เรื่องวงในหรือ รอให้เจ้าเหยียบย่างบนระดับมกุฎราชันให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน!”


กล่าวพลางคว้าหมับ ลากอาหลู่แล้วหมุนตัวทะยานผ่านห้วงอากาศ


“เจ้าเฒ่าสารเลว เจ้าคิดจะทำอะไร ข้าไม่กลับหมู่บ้านแล้ว ข้าจะไปหาพี่ใหญ่ของข้า!” อาหลู่ตะโกนโหวกเหวก


แต่ไม่ว่าเขาจะร้องตะโกนอย่างไรก็ยังถูกพาตัวไปอยู่ดี


ใกล้ชายฝั่งทะเลหมากดารา ทุกคนทยอยจากไป เงาคนแน่นขนัดในบริเวณนี้ ท้ายที่สุดก็ค่อยๆ กลับสู่ความเงียบสงบ


……


เกือบจะในเวลาเดียวกัน ข่าวสารก็แพร่สะพัดออกไป ก่อให้เกิดแรงสะเทือนทั่วดินแดนรกร้างโบราณ!


ในกลุ่มอริยะที่มาชมการต่อสู้ครั้งนี้ มีอริยะจากเผ่าวาทวาโยด้วยหนึ่งคน ข่าวสารที่มีเขากระจายออกไป ความเร็วในการแพร่สะพัดนั้นไม่อยากให้เร็วก็คงยาก


สี่แดนวิภูในดินแดนรกร้างโบราณ ไม่ว่าสถานที่ใดที่มีต้นข่าวสาร ต่างปรากฏคลื่นยักษ์เกรียวกราวทั้งสิ้น


“หกอริยะเคลื่อนทัพ คนทั้งโลกต่างคิดว่าเทพมารหลินตายแน่ ใครจะไปคิด ดันเกิดจุดพลิกผันสะท้านฟ้าเช่นนี้เสียได้!”


“สวรรค์ หญิงลึกลับคนนั้นเป็นใครกันแน่ ถึงกับสามารถกำราบเหล่าอริยะได้”


ทุกที่ล้วนฮือฮาคล้ายหม้อระเบิด ทุกแห่งหนล้วนไม่อาจสงบเงียบ


เพราะการต่อสู้ครั้งนี้เกี่ยวโยงถึงศึกแห่งอริยะ ไม่อยากให้ดึงดูดความสนใจผู้คนคงยาก!


“ต้อนอริยะจากไป นะ นี่… นี่ทำให้คนไม่อยากเชื่อชัดๆ!”


ยามที่บรรดาสำนักโบราณได้รับข่าวสาร ต่างถูกทำให้ตกใจทั้งสิ้น รู้สึกเสียวสันหลังวูบ


“เร็วเข้า! ไปสืบข่าวให้รู้ลึกกว่านี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตรวจสอบให้พบว่าหญิงลึกลับอหังการคนนั้นเป็นใครกันแน่!”


มีบางคนร้อนรน


“เทพมารหลินนี่มีคนหนุนหลังแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน หรือจะเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์จากแดนเร้นอริยะสักแห่งนะ”


การวิพากษ์วิจารณ์ คาดเดา วิเคราะห์ต่างๆ นานาเผยให้เห็นทั่วทุกที่


ทั้งใต้หล้ามีคลื่นลมโหมกระหน่ำ!


และก่อนที่คลื่นลมลูกใหญ่นี้จะม้วนพัดใต้หล้า หญิงลึกลับกับหลินสวินได้ต้อนแกะฝูงหนึ่งและหมาดำตัวหนึ่ง มาถึงเบื้องหน้าเขาวิญญาณที่สูงตระหง่านเก่าแก่ลูกหนึ่งแล้ว


ความเร็วนั้นว่องไวยิ่งยวด สำหรับหลินสวินแล้วเป็นเพียงแค่สิบกว่าลมหายใจเท่านั้น แต่พวกเขากลับเคลื่อนย้ายมาไกลเป็นพันหมื่นลี้!


การเคลื่อนย้ายครั้งใหญ่กลางห้วงอากาศโดยอาศัยแค่ปราณของตน ไม่ต้องหยิบยืมค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณเช่นนี้ พาให้หลินสวินอดใฝ่หาไม่ได้อยู่เหมือนกัน


“ที่นี่ก็คือเขามายาทมิฬ แหล่งอาศัยของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ เผ่าพันธุ์ที่ข้าเกลียดชังมาตั้งแต่เกิดมีไม่มากนัก หนึ่งในนั้นก็คือเผ่านี้”


หญิงลึกลับเอ่ยปากง่ายๆ


“โฮ่ง! โฮ่ง!”


เบื้องหน้า หมาดำที่กลายร่างจากอริยะเซวี่ยถูเห่าอย่างกระวนกระวาย นัยน์ตาเปี่ยมด้วยแววอับอายระคนโกรธจนอยากตาย


แต่เมื่อหญิงลึกลับกวาดสายตามองไป เจ้าหมาดำก็สั่นเทิ้มไปทั้งตัว ส่งเสียงสะอื้นเอ๋งๆ หมอบกระแตตัวสั่นกึกๆ อยู่บนพื้น


หลินสวินค่อนข้างงุนงง นี่ยังเป็นอริยะอยู่อีกหรือ เป็นหมาก็ยังเป็นอย่างอเนจอนาถขนาดนี้…


“พวกเราต้องรีบทำเวลาแล้ว” หญิงลึกลับคล้ายสัมผัสถึงอะไรบางอย่าง แหงนหน้าขึ้นขวับ ทอดมองไปยังเวิ้งนภาสุดลูกหูลูกตา


พริบตานี้หลินสวินสัมผัสได้อย่างฉับไว ว่าบนร่างหญิงลึกลับเผยไอหนาวเย็นที่อธิบายไม่ถูกออกมาเสี้ยวหนึ่ง คล้ายกับในส่วนลึกของเวิ้งฟ้านั้นมีอะไรบางอย่างที่ทำให้นางรังเกียจและขยะแขยงถึงที่สุด


ตูม!


ไม่รอให้หลินสวินทำความเข้าใจ หญิงลึกลับก็ยื่นมือหยกออกมาข้างหนึ่ง ตบเข้ากลางอากาศหนึ่งครา


ก็เห็นรอบภูเขาลูกใหญ่ตั้งตระหง่านที่อยู่ไม่ไกลนัก ปรากฏค่ายกลใหญ่สีเลือดน่าหวาดกลัวขึ้นมา หมายจะขัดขวางฝ่ามือที่คั่นด้วยห้วงอากาศนี้


แต่เพียงแค่ชั่วขณะค่ายกลนี้ก็พังทลาย ปรากฏรูโหว่ขึ้น ละอองแสงซ่านเซ็น


หลินสวินสูดหายใจเฮือก หากเขามองไม่ผิด ค่ายกลใหญ่ที่พิทักษ์บนเขามายาทมิฬนี้ น่าจะเป็นกระบวนค่ายกลอริยะอย่างหนึ่ง ถึงจะไม่น่าสะพรึงเท่าค่ายกลใหญ่วัฏจักรดารา แต่ก็เรียกได้ว่าอัศจรรย์ยิ่ง


แต่ยามนี้กลับถูกฝ่ามือหนึ่งฟาดกระจุยในคราเดียว!


“ใคร!”


“เจ้าบ้าระห่ำที่ไหนกล้าแจ้นมาหาเรื่องเผ่าข้า รนหาที่ตาย!”


หลังการระเบิดของค่ายกลใหญ่ ทิวทัศน์เขามายาทมิฬเปลี่ยนไปทันใด บนเขาลูกนั้นปรากฏอาคารโบราณแน่นขนัดมากมายเรียงเป็นทิวแถว มองไปแล้วถึงกับไม่เห็นจุดสิ้นสุด


และเวลานี้มีเงาร่างของผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่งพุ่งปราดออกมา ไอสังหารพวยพุ่ง ต่างตกใจแกมโมโหไร้ใดเปรียบ


คล้ายกับคาดไม่ถึง ว่าบนโลกใบนี้ยังมีคนใจกล้าถึงขั้นวิ่งมาอาละวาดในถิ่นของพวกเขาเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ


แต่เมื่อเห็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่อยู่นอกประตูเขา รวมถึงแกะฝูงหนึ่งและหมาดำหนึ่งตัว ผู้ฝึกปราณเหล่านี้ต่างก็ตะลึงอึ้งค้าง


ภาพนี้พิสดารเกินไปแล้ว นี่คือต้อนแกะมาปล่อยที่เขามายาทมิฬของพวกเขาหรือ แถมยังพาหมาต้อนแกะมาด้วยตัวหนึ่ง…


ช้าก่อน!


แต่เมื่อมองหมาดำตัวนั้นโดยละเอียดแล้ว ผู้ฝึกปราณเหล่านี้ต่างดวงตาแข็งทื่อ นี่มันใช่หมาต้อนแกะที่ไหนกัน เป็นคนในเผ่าพวกเขาชัดๆ!


ไม่ทันไรสีหน้าพวกเขาเปลี่ยนเป็นพิลึกพิลั่นไร้ได้เปรียบ สายตาที่มองหลินสวินและหญิงลึกลับล้วนเจือไอสังหารรุนแรง


เพียงแต่ยามที่หญิงลึกลับชำเลืองมองพวกเขาโดยผ่านๆ ปราดหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่ไอสังหารพลุ่งพล่านเหล่านี้ แต่ละคนล้วนตัวแข็งทื่อ จิตวิญญาณปวดแปลบ ภาพเบื้องหน้าดับวูบ จากนั้นทั้งหมดล้วนกลิ้งหลุนๆ ลงกับพื้น สลบเหมือดโดยไม่มียกเว้น


แม้แต่เสียงร้องก็ยังไม่ทันเปล่งออกมา!


นัยน์ตาหลินสวินฉายแววเวทนาวูบหนึ่ง เจ้าพวกหมาดำเหลือขอพวกนี้คงจะหยิ่งผยองจนเคยตัว ย่อมคิดไม่ถึงเด็ดขาดว่าบุคคลที่อยู่ตรงหน้าน่าสะพรึงมากเพียงใด


“น่าเบื่อมากใช่หรือไม่” หญิงลึกลับถาม


หลินสวินส่ายหน้า กล่าวยิ้มๆ “ไม่ สะใจมาก!”


หญิงลึกลับเอ่ย “แต่ข้าไม่สะใจ ใช้วิธีผู้ใหญ่รังแกเด็ก ก็ต้องหาเด็กที่เข้าท่าส่วนหนึ่งมาข่มเหงรังแกสักหน่อย”


นัยน์ตานางทอดมองเข้าไปในส่วนลึกของเขามายาทมิฬ กล่าวว่า “พวกเราเข้าไปกัน”


กล่าวพลางนางก็ไล่ต้อนแกะทั้งฝูงและหมาดำตัวนั้นเดินไปข้างหน้า


รู้ทั้งรู้ว่าที่นี่เป็นถิ่นที่อยู่ของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ เทียบได้กับค่ายใหญ่ของสำนักโบราณฝ่ายหนึ่ง แต่หญิงลึกลับกลับมองเหมือนไร้ความหมาย บอกจะเข้าก็เข้า ความองอาจยิ่งใหญ่ที่ไหลเวียนอย่างไร้รูปนั้นพาให้หลินสวินยังเลือดเดือดพล่านไปทั่วร่าง


โครม!


พร้อมๆ กับที่หญิงลึกลับเดินไปเบื้องหน้า พลังค่ายกลใหญ่ผนึกต้องห้ามของเขามายาทมิฬถูกกระตุ้นให้สำแดงฤทธิ์ทั้งหมด แต่ก็ไม่อาจต้านทานย่างเก้าของนางได้สักนิด พังทลายทรุดครืนทีละชุ่นราวกับว่าวกระดาษ


ในกระบวนการนี้มีผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬพุ่งออกมาไม่ขาดสาย เบียดเสียดแน่นขนัดประหนึ่งกระแสน้ำเชี่ยว แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็พากันทรุดฮวบลุกไม่ขึ้น!


ไม่มีสักคนที่ลุกยืนได้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนมาขัดขวาง!


หลินสวินถูกทำให้สะท้านสะเทือนอีกครั้ง หากตนครอบครองปราณเทียมฟ้าเช่นนี้เหมือนกัน ใต้หล้าอันกว้างใหญ่นี้ ยังจะมีที่ใดที่ไปไม่ได้อีก


ต่อให้เป็นถ้ำเสือบึงมังกร ก็สามารถเหยียบย่างเสมือนพื้นราบ!


เขามายาทมิฬกว้างใหญ่ถึงที่สุด สูงลิ่วสุดขีด บนเขาห้อมล้อมด้วยไอวิญญาณ พยับเมฆหมอกขมุกขมัว ทุกแห่งหนล้วนเห็นสายธารแร่วิญญาณ หญ้าเซียนแตกหน่อ เป็นบรรยากาศของแดนสมบัติแห่งเทพเซียนอย่างแท้จริง


แต่พร้อมๆ กับการรุกล้ำของหญิงลึกลับกับหลินสวิน สถานที่พักอาศัยของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬแห่งนี้ ความสันติและเงียบสงบแต่เดิมถูกทำลาย เปลี่ยนเป็นโกลาหลอลหม่านโดยสิ้นเชิง

 

 

 


ตอนที่ 1099 ไผ่เทพต้นกำเนิด

 

ณ เขามายาทมิฬ ภายในคฤหาสน์กว้างขวางแห่งหนึ่ง


หญิงแต่งงานแล้วคนหนึ่งกำลังร้องไห้เสียงสั่นเครือ หันไปร้องทุกข์กับชายชราที่เป็นผู้นำ


นางคือมารดาของโก่วเหยียนเจิน


ส่วนชายชราก็คือโก่วหยางไห่ หัวหน้าเผ่าของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ เป็นบุคคลน่าสะพรึงที่เหยียบย่างอมตะเคราะห์ด่านเก้า ขาดอีกแค่ก้าวเดียวก็จะก้าวสู่ประตูระดับอริยะ


“หัวหน้าเผ่า เหยียนเจินเป็นคนที่ท่านชุบเลี้ยงจนเติบใหญ่ ตอนนี้กลับตายที่ชายฝั่งทะเลหมากดารานั่น ข้า… ข้าแค้นใจนัก!”


โก่วหยางไห่กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ใต้เท้าเซวี่ยถูออกโรงแล้ว เจ้าเดรัจฉานน้อยอย่างหลินสวินต้องถูกสังหารแน่ นี่ยังไม่พอทำให้เจ้าคลายกังวลอีกหรือ”


พูดตามตรง ตอนที่ได้ยินข่าวการจากไปของโก่วเหยียนเจิน ก็ทำให้เขาเดือดดาลหาใดเปรียบเช่นกัน นี่เป็นถึงยอดผู้กล้าในเผ่าของเขา เป็นคนสมบูรณ์แบบที่มีความหวังในการเหยียบย่างระดับมกุฎราชันยามมหายุคมากที่สุด


แต่ตอนนี้กลับถูกคนฆ่าตายแล้ว!


“แต่ทะเลหมากดารานั่นมีผนึกต้องห้ามไร้เทียมทานปกคลุมอยู่ หากไอ้เด็กเหลือขอนั่นซ่อนตัวอยู่ในนั้น ใต้เท้าเซวี่ยถูเขา…” หญิงแต่งงานแล้วยังคงไม่เต็มใจ


แต่ไม่รอให้พูดจบก็ถูกโก่วหยางไห่ขมวดคิ้วตัดบท “บังอาจ! นี่เจ้ากำลังสงสัยในพลังของใต้เท้าเซวี่ยถูอยู่หรือ ระดับอริยะดุจสวรรค์ ใช่สิ่งที่เจ้าจะประเมินค่าได้หรือ”


หญิงแต่งงานแล้วถูกทำให้ตกใจ ตัวสั่นเทิ้มทั่วร่าง


โก่วหยางไห่พูดเสียงอ่อนลง “วางใจเถิด ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่ใต้เท้าเซวี่ยถู ยังมีอริยะอีกห้าคน เดรัจฉานน้อยหลินสวินนั่นมีแต่ต้องตายไร้ชีวิตรอด!”


ตูม!


และตอนนี้เอง เสียงระเบิดรุนแรงก็ดังลอยมาจากเชิงเขา ทั่วทั้งเขามายาทมิฬล้วนสั่นสะเทือน ลามมาถึงในโถงใหญ่แห่งนี้ด้วย


เวลาเพียงชั่วครู่ข้าวของต่างๆ อย่างโต๊ะเก้าอี้ เครื่องประดับ ถ้วยชาภายในห้องโถงใหญ่ก็สั่นกึกกัก ร่วงลงพื้นติดๆ กัน แตกกระจุยกระจาย


“เกิดเรื่องอะไรขึ้น!?” โก่วหยางไห่ดีดตัวผึง สีหน้ามืดทะมึนในบัดดล นัยน์ตาวาบประกายเลือดชวนหวาดหวั่นสองสาย


“หัวหน้าเผ่า แย่แล้ว มีคนบุกเขามายาทมิฬของเราขอรับ!” นอกโถงใหญ่ ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งร้องอย่างแตกตื่น


“ช่างกล้านัก! รู้หรือไม่ว่าเป็นขุมอำนาจสำนักไหน คร้านจะมีชีวิตแล้วสินะ!” โก่วหยางไห่เดือดดาล


เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬของพวกเขาอิทธิพลครอบคลุมดินแดนรกร้างโบราณ ขุมกำลังยิ่งใหญ่ มีแต่พวกเขาที่ไปรุกรานผู้อื่น เคยถูกใครบุกเข้ามาถึงที่เมื่อไหร่กัน


ขนาดสำนักโบราณยังไม่กล้าทำเช่นนี้!


“มีแต่ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง เอ่อ ใช่แล้ว ยังมีแกะอีกฝูงหนึ่งด้วย!” ผู้แข็งแกร่งคนนั้นกล่าวรายงาน


“แกะฝูงหนึ่ง?”


โก่วหยางไห่ตั้งตัวไม่ทัน เกือบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง “หรือจะเป็นผู้แข็งแกร่งเผ่าแกะเขียว”


“ไม่ใช่ นะ… นั่นเป็นแค่เดรัจฉานทั่วไปฝูงหนึ่ง!” ผู้แข็งแกร่งคนนั้นทำหน้าเหยเก ไม่รู้เลยว่าควรอธิบายอย่างไรดี


“ไม่ว่ามันเป็นใคร กล้ามาอาละวาดที่เขามายาทมิฬของข้า ไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่าคิดรอดชีวิตออกไป!”


โก่วหยางไห่สีหน้าเยียบเย็น ไอสังหารพลุ่งพล่าน สาวเท้าก้าวยาวๆ เดินออกนอกโถงใหญ่


ตู้ม!


เขามายาทมิฬโคลงเคลงรุนแรง หินผาพังครืน ต้นไม้เก่าแก่แหลกเป็นจุณ น้ำผุวิญญาณสาดกระเซ็นแห้งเหือด เสียงโหยหวนดังขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า


หญิงลึกลับย่างเท้า บุคลิกแปลกแยก รอบกายรายล้อมด้วยรุ้งเทพแวววาว


เบื้องหน้าของนางยังไล่ต้อนแกะหนึ่งฝูงกับสุนัขหนึ่งตัวไปด้วย


ดูเหมือนกับไล่ต้อนขึ้นภูเขาไม่มีผิด


แต่พร้อมๆ กับการเดินมุ่งหน้าของนาง ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่พุ่งกรูเข้ามาตลอดทางยังไม่ทันเฉียดใกล้ก็เหมือนถูกสายฟ้าฟาด พากันล้มคว่ำลุกไม่ขึ้น


สำหรับเรื่องนี้หญิงลึกลับไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำ ร่างอรชรยังคงปีนขึ้นเขาต่อไป


หลินสวินก็เดินตามอยู่อีกด้าน มองภาพเหตุการณ์ภาพแล้วภาพเล่า ในใจรู้สึกสะใจยิ่ง


ตอนอยู่แดนฐิติประจิม เขาก็ถูกเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬไล่ล่าสังหาร จนกระทั่งมาถึงแดนชัยบูรพา อีกฝ่ายยังคงไม่ยอมเลิกรา จ้องเล่นงานเขาเหมือนวิญญาณร้ายตามติด


และตอนนี้ เรื่องทั้งหมดกลับเกิดจุดพลิกผัน เขาถูกพาตัวมาด้วย มาถึงหน้าประตูใหญ่ของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ตลอดทางดุจดั่งย่างเข้าสู่ดินแดนไร้ผู้คน!


ไม่อาจขวางกั้นอย่างแท้จริง!


“เจ้าเป็นใคร ใจกล้าคับฟ้า ไม่รู้หรือว่าที่นี่คือถิ่นของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ!” ไกลออกไป ผู้แข็งแกร่งที่เหยียบย่างระดับราชันคนหนึ่งตวาดลั่น


เพียงแต่ตอนที่สายตาเขาตกไปยังร่างของหญิงลึกลับ กลับเหมือนถูกสายฟ้าฟาดกระหน่ำ ตกใจจนวิญญาณเกือบหลุดออกมา “จะจะเจ้าเป็น… อริยะ…”


น้ำเสียงยังไม่ทันสิ้นสุด จิตวิญญาณของเขาก็เจ็บปวดรุนแรง ทรุดคว่ำกับพื้นอย่างปวกเปียก


ด้านหลังของระดับราชันคนนี้ยังมีผู้แข็งแกร่งตามมาอีกสิบกว่าคน เห็นภาพนี้เข้าต่างพากันงงตาค้าง จากนั้นก็ร่วงกลิ้งเกลื่อนพื้นเสียงดังตุบๆ


หญิงลึกลับดูเหมือนเดินมุ่งหน้าทีละก้าว แต่ความเป็นจริงทุกๆ ย่างก้าวล้วนเหมือนย่อพื้นเหลือเพียงชุ่น ความเร็วว่องไวถึงขีดสุด


เมื่อมาถึงครึ่งไหล่เขา บนเส้นทางด้านหลังนางมีร่างนอนเกลื่อนขวางเต็มพื้น ส่วนใหญ่ล้วนตอบสนองไม่ทันก็ถูกสะเทือนจนสลบเหมือดไป


และมีบางคนตายค่าที่ตรงๆ เลือดย้อมภูเขา สาเหตุเป็นเพราะพวกเขาเคยสบถหยาบคาบ ด่าทอให้เสื่อมเสีย จึงต้องทิ้งชีวิตไป


ระเนระนาดเกลื่อนพื้น น่าสะพรึงอย่างยิ่ง


“สวรรค์ หนีเร็ว!” ไกลออกไป ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่ได้เห็นภาพนี้ตกใจจนขวัญบิน หันหน้าหนีขึ้นเขาไปทันที


พวกเขาต่างรู้ดีว่าไม่เหลือที่ให้โต้กลับเลยสักนิด ห่างชั้นกันลิบลับ


“พวกสวะ ถอยออกไปให้หมด!”


ทันใดนั้นเสียงขึงขังหาใดเปรียบของโก่วหยางไห่พลันดังก้อง สะท้อนกลับไปมาทั่วบนล่างของเขามายาทมิฬ


และขณะเดียวกัน หญิงลึกลับเหยียบย่างบนเส้นทางภูเขา เงาร่างปราฏขึ้นที่บริเวณยอดเขา


บนยอดเขามายาทมิฬเป็นที่ราบกว้างอย่างที่สุด ตึกอาคารเก่าแก่ตั้งเรียงราย ทะเลเมฆแผ่พุ่ง ริ้วเมฆลอยเอื่อยดุจดั่งแดนพิสุทธิ์พ้นโลกีย์แห่งหนึ่ง


ประกายแสงสายหนึ่งส่องกระทบร่างหญิงลึกลับ พาให้ทั้งตัวนางย้อมด้วยกลิ่นอายดุจฝันมายา


“อริยะ!”


เพียงแวบเดียว โก่วหยางไห่ที่เดิมทีเดือดดาลจวนจะคลั่งประหนึ่งถูกคนสาดน้ำเย็นจัดใส่ สงบลงมาอย่างสิ้นเชิง หว่างคิ้วเจือแววตกใจระดันสงสัยอย่างควบคุมไม่อยู่


อริยะ!


คำสั้นๆ พาให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬคนอื่นๆ ที่เดิมทีเอะอะโกลาหล ต่างประหนึ่งถูกตอกแน่นอยู่กับที่ ทั่วร่างแข็งทื่อ


ในลานเงียบสงัดทั้งแถบ


สายตาทุกคู่ต่างพากันมองไปยังที่เดียวกัน


ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง แกะหนึ่งฝูง สุนัขดำหนึ่งตัว


ภาพนี้มองอย่างไรก็ให้ความรู้สึกแปลกพิกลและเหลวไหวสิ้นดี


แม้แต่โก่วหยางไห่ยังอึ้งไปวูบหนึ่ง อริยะคนหนึ่งบุกมาถึงหน้าประตู กลับพาแกะหนึ่งฝูงและสุนัขหนึ่งตัวมาด้วย มองอย่างไรก็แปลกพิสดาร


“เป็นเจ้า เจ้าเดรัจฉานน้อยนั่น!”


ทันใดนั้นเสียงร้องแหลมสายหนึ่งพลันดังขึ้น หญิงแต่งงานแล้วคนหนึ่งจ้องหลินสวินที่อยู่ข้างๆ หญิงลึกลับด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย ท่าทางเดือดคลั่งอยากจะกัดคน


ในใจโก่วหยางไห่สั่นเทิ้ม จำหลินสวินได้เช่นกัน ก่อนหน้านี้ใจของเขาถูกหญิงลึกลับทำเอาสะเทือนขวัญ ถึงได้จำไม่ได้ในทันทีว่าคนหนุ่มคนนั้นเป็นใคร


เด็กนี่ยังไม่ตาย!


นี่คงไม่ได้หมายความว่า การเคลื่อนไหวมุ่งหน้าไปทะเลหมากดาราของใต้เท้าเซวี่ยถู…


คิดถึงตรงนี้ในใจโก่วหยางไห่ก็สั่นเทิ้ม สีหน้าวูบไหวไม่มั่นคง ออกจะไม่อยากเชื่อ


“หัวหน้าเผ่า! รีบฆ่าเขาเร็ว ฆ่าเขาล้างแคนให้ลูกชายข้า!”


เสียงกรีดร้องของหญิงแต่งงานแล้วพาให้โก่วหยางไห่หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ลงมือตบหญิงแต่งงานแล้วจนสลบหนึ่งฉาด นี่เป็นการกระทำจากจิตใต้สำนึกล้วนๆ


เพราะรู้ดีว่าการแหกปากร้องปาวๆ เช่นนี้ต่อหน้าอริยะคนหนึ่ง ผลที่ตามมานั้นร้ายแรงยิ่ง!


“ผ่านไปตั้งหลายปีขนาดนี้ เขามายาทมิฬแห่งนี้ยังสภาพเหมือนเดิม เผยกลิ่นอายสกปรกเหม็นโฉ่”


หญิงลึกลับเอ่ยปาก กวาดมองรอบบริเวณพักหนึ่ง คล้ายผิดหวังน้อยๆ


น้ำเสียงของนางราบเรียบ แต่กลับเหมือนสัทครรลองมหามรรค แฝงความเคร่งขรึมที่สุด แผ่ครอบฟ้าคลุมดิน พาให้ทุกคนในลานตัวเกร็งทั้งร่าง รู้สึกถึงแรงกดดันยากบรรยาย


“ไม่ทราบสหายยุทธ์มาที่นี่มีธุระอันใด”


โก่วหยางไห่สูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง กล่าวเสียงเข้ม มองข้ามความรังเกียจเดียดฉันท์ในคำพูดของหญิงลึกลับไป


เพียงแต่เวลานี้เสียงแหบชราหาใดเปรียบสายหนึ่งดังขึ้น “หยางไห่ เจ้าถอยไปเถอะ อริยะมาเยือน มีแต่ต้องให้ข้ามารับหน้าด้วยตัวเอง”


พร้อมๆ กับเสียงนั้น ชายชราเงาร่างผอมแห้ง สวมชุดคลุมสีดำ รอยเหี่ยวย่นทั่วหน้าคนหนึ่งปราฏตัวขึ้นกลางอากาศ มาถึงในลานแห่งนี้


“ใต้เท้าเซวี่ยซิง!”


ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬในลานอย่างพวกโก่วหยางไห่ต่างจิตใจสะท้านสะเทือน แรงกดดันและความหวาดกลัวในใจพลันหายไปเป็นปลิดทิ้ง


อริยะเซวี่ยซิง สัตว์ประหลาดเฒ่าที่ปิดด่านจวนครบแปดพันปีคนหนึ่ง!


สำหรับพวกโก่วหยางไห่ นี่คือบุคคลที่เป็นดั่งเสาหลักอย่างแน่นอน พาให้พวกเขาสบายใจไร้กังวล


“สหายยุทธ์ต้อนแกะฝูงหนึ่งมุ่งหน้ามาเพื่อธุระอันใด”


อริยะเซวี่ยซิงส่งเสียงแหบชรา มองหญิงลึกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย ส่วนหลินสวิน ถูกเขามองข้ามไปตรงๆ


“หนึ่งคือช่วยเด็กคนนี้ระบายแค้น สองคือทำการค้าขายกับพวกเจ้า”


หญิงลึกลับกล่าวสบายๆ


คราวนี้อริยะเซวี่ยซิงจึงเบนสายตาไปมองทางหลินสวิน


พริบตานั้นหลินสวินรู้สึกถึงแรงกดดันแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน จิตวิญญาณยังสั่นสะท้าน เสมือนว่าเพียงสายตาวูบเดียวก็สามารถสังหารตนได้!


“หากเจ้าสายตาไม่ดี ข้าสามารถช่วยเจ้าควักออกมาได้ ถึงอย่างไรเหลือไว้ก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี” ทันทีที่หญิงลึกลับเอ่ยประโยคนี้ออกมา แรงกดดันและความอัดอึดที่หลินสวินรับรู้อยู่พลันมลายหายไปทันที


พร้อมกันนั้นอริยะเซวี่ยซิงก็เก็บสายตากลับไป ยิ้มกล่าวว่า “สหายยุทธ์อย่าพูดเป็นเล่นไป ข้าก็แค่สงสัย ว่าเพราะอะไรกันแน่คนอย่างเจ้าถึงบุกเข้ามาในเขามายาทมิฬของข้า เพียงเพราะเด็กรุ่นหลังคนหนึ่ง”


“ง่ายนัก พวกเจ้าเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก ข้าเองก็ได้แต่มาด้วยตัวเองสักเที่ยวก็เท่านั้น” หญิงลึกลับกล่าวสบายๆ


อริยะเซวี่ยซิงอึ้งงัน โก่วหยางไห่เห็นเช่นนี้ก็รีบสื่อจิตอธิบายเป็นพัลวัน


ชั่วอึดใจอริยะเซวี่ยซิงหน้าเปลี่ยนสี นัยน์ตาปรากฏลำแสงเทพน่าสะพรึง กล่าวว่า “สหายยุทธ์ ข้าขอทราบได้หรือไม่ว่า เกิดอะไรขึ้นที่ชายฝั่งทะเลหมากดารา”


หญิงลึกลับกล่าว “รอให้ทำการค้าขายหนนี้เสร็จ เจ้าย่อมได้รู้แน่”


กล่าวพลางนางยกมือขึ้น ชี้นิ้วไปที่หมาดำที่นอนหมอบอยู่ตรงนั้น ฝังหัวลงดิน ท่าทางอับอายจนอยากมุดดินไปให้รู้แล้วรู้รอด กล่าวว่า “ชีวิตของหมาตัวนี้ ขายให้พวกเจ้าแล้วกัน”


หมาดำตัวนี้ย่อมเป็นอริยะเซวี่ยถู เขามายาทมิฬแห่งนี้เดิมทีก็เป็นถิ่นที่อยู่ของเขา แต่ตอนนี้อริยะผู้สูงส่งอย่างเขากลับถูกคนไล่ต้อนมาถึงเผ่าตน หนำซ้ำยังจะขายให้คนเผ่าตัวเองอีก นี่อัปยศอดสูเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย พาให้เขาอับอายจนอยากตาย จวนจะบ้าคลั่ง


“หากข้ามองไม่ผิด นี่… เดิมทีก็เป็นคนของเผ่าข้า”


อริยะเซวี่ยซิงขมวดคิ้วกล่าว “ช่างเถิด พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ สหายยุทธ์ตั้งใจไว้ว่าจะเจรจาค้าขายครั้งนี้อย่างไร”


“ไผ่เทพต้นกำเนิดสิบปล้องก็พอ” หญิงลึกลับกล่าว


ไผ่เทพต้นกำเนิด!


ทุกคนในที่นั้นต่างเปลี่ยนท่าทีฉับพลัน นี่เป็นถึงสมบัติสูงสุดของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬของพวกเขา เป็นวัตถุดิบเทพที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกหล้า


ทอดสายตาไปทั่วหล้า ก็มีแต่ถิ่นกำเนิดบรรพบุรุษของเผ่าพวกเขาเท่านั้น ถึงจะสามารถฟูมฟักวัตถุดิบเทพเช่นนี้ออกมาได้!


อีกอย่างทุกๆ สามพันปีไผ่เทพต้นกำเนิดจึงจะงอกออกมาหนึ่งปล้อง ผลผลิตมีกำจัดอย่างที่สุด อย่าว่าแต่ขายเลย แม้แต่เผ่าของพวกเขาเองก็ยังไม่พอแบ่งกันด้วยซ้ำ!


แต่หญิงลึกลับคนนี้ พออ้าปากก็เรียกร้องไผ่เทพต้นกำเนิดสิบปล้อง นี่มันมากเกินไปชัดๆ!

 

 

 


ตอนที่ 1100 ไปกลับล้วนไร้อุปสรรค

 

ทุกคนต่างฉุนเฉียวไม่สงบ คิดว่าหญิงลึกลับเรียกร้องมากเกินไป เห็นชัดว่าคิดว่าเผ่าพวกเขารังแกได้ง่ายๆ!


หมาดำบนพื้นตัวนั้น นอกจากเส้นขนดำขลับนุ่มลื่นแล้ว ดูลักษณะอย่าเอ่ยถึงเลยว่าใจเสาะปานใด ตั้งแต่ปรากฏตัวจนป่านนี้ก็เอาแต่หมอบฟุบกับพื้น หัวแทบจะมุดเข้าไปในรอยแยกชั้นดินอยู่แล้ว


ของห่วยๆ พรรค์นี้มีค่ามากถึงไผ่เทพต้นกำเนิดสิบปล้องด้วยหรือ


ห่วยๆ? หากให้อริยะเซวี่ยถูที่อยู่บนพื้นรู้ถึงความคิดความอ่านของพวกเขา คงโกรธจนแทบคลั่งกระอักเลือดเป็นแน่


นี่มันทนไม่ได้เลยสักนิด!


“สหายยุทธ์ เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬของข้ามีทายาทมากมายหลายหมื่น เจ้าเลือกส่งๆ ออกมาสักคนก็เรียกร้องเอาไผ่เทพต้นกำเนิดสิบปล้อง นี่… ออกจะเกินไปหน่อยหรือไม่”


อริยะเซวี่ยซิงเอ่ยปากเนิบช้า ถึงแม้ตัวเขาจะแก่ชราหาใดเปรียบ ท่าทางดูเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง แต่กลับมีความน่าเกรงขามไร้รูปแฝงอยู่


“กล่าวเช่นนี้ เจ้าคิดว่าสุนัขตัวนี้ไม่คุ้มค่ากับราคานี้หรือ” หญิงลึกลับเอ่ยถาม


“ไม่คุ้ม ไม่คุ้มเลยสักนิด”


อริยะเซวี่ยซิงกล่าว “อย่างมาก… ก็แค่ไผ่เทพต้นกำเนิดสามปล้อง นี่ยังเห็นแก่หน้าสหายยุทธ์ หาไม่ เฮอะๆ…”


คำพูดไม่ได้กล่าวจนจบ แต่ความหมายก็เปิดเผยอย่างแจ่มแจ้ง


แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬคนอื่นๆ ในลานก็ยังคงสีหน้าไม่น่าดู


ถูกคนบุกรุกประตูเขา ระหว่างทางโจมตีคนในเผ่าบาดเจ็บไปไม่รู้เท่าไหร่ ตอนนี้ยังมาถูกอีกฝ่ายรีดไถอีก นี่น่าคับแค้นเกินไปแล้วชัดๆ!


หลินสวินก็เกือบกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ สีหน้าแปลกพิกล หากให้เจ้าเฒ่านี่รู้ตัวตนของสุนัขตัวนี้ เกรงว่าคงต้องตบปากตัวเองเป็นแน่แท้


“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นสุนัขตัวนี้ข้าก็ไม่ขายแล้ว” หญิงลึกลับกล่าว


“โฮ่ง! โฮ่ง!”


เวลานี้อริยะเซวี่ยถูที่กลายร่างเป็นหมาดำบนพื้นตาตั้งทันที เงยหัวขึ้นมา เห่าใส่อริยะเซวี่ยซิงอย่างบ้าคลั่ง ท่าทางโกรธจัดหาใดเปรียบ


“บังอาจนัก! ถึงขั้นกล้าเสียมารยาทกับผู้อาวุโส!” โก่วหยางไห่ที่อยู่ข้างๆ ข่มกลั้นอารมณ์มาตลอด พอเห็นเช่นนี้ก็ถีบเท้าเข้าใส่คราหนึ่งอย่างไม่ลังเล


ตุ้บ!


หมาดำลอยคว้างทันที กระแทกลงบนโขดหินไกลออกไปสิบกว่าจั้ง ฝุ่นดินลอยคลุ้ง หมดสภาพอย่างที่สุด


หลินสวินอึ้งงัน เกือบยกนิ้วโป้งให้โก่วหยางไห่ สมกับเป็นหัวหน้าเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ถีบเดียวก็เตะอริยะคนหนึ่งลอยคว้างอย่างจัง!


“โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง!” กลับเห็นหมาดำเหมือนเสียสติ กระโจนออกมา เสียงขู่คำรามยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับโรคพิษสุนัขบ้ากำเริบขึ้นอีกครั้ง


เมื่อเห็นว่าเจ้าหมอนี่ยังไม่รู้ภาษาเช่นนี้ โก่วหยางไห่ก็โกรธจนหน้าเขียวคล้ำ ตั้งท่าจะจัดการเขางามๆ สักตั้ง กลับเห็นอริยะเซวี่ยซิงคล้ายเอะใจอะไรขึ้นมา พลันร้องเสียงหลง “หยุดก่อน!”


เสียงตวาดลั่นสายนี้ดุจดั่งสายฟ้า สะเทือนฟ้าดิน ซัดจนโก่วหยางไห่เซเสียหลัก เกือบหกคะเมนลงกับพื้น


คนอื่นๆ ต่างพากันขวัญหนีดีฝ่อ หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ไม่เข้าใจที่มาที่ไป


“เจ้า… เจ้าคือเซวี่ยถู?” นัยน์ตาเซวี่ยซิงวาบประกายชวนสยอง จ้องหมาดำที่เห่าอย่างบ้าคลั่งตัวนั้น


ชั่วขณะนี้หลินสวินเห็นชัดเจนว่าขอบตาของหมาดำมีร่องรอยน้ำตาวาบผ่าน ก็ไม่รู้ว่าตื้นตันจนน้ำตาไหลหรืออะไรกันแน่


ทั่วลานเงียบกริบ ทุกคนงงตาค้าง จ้องหมาดำบนพื้นอย่างอึ้งงัน ล้วนสงสัยว่าตัวเองหูเพี้ยนไปแล้วใช่หรือไม่


ใต้เท้าเซวี่ยถู?


หมาดำตัวนี้… เป็นใต้เท้าเซวี่ยถูได้อย่างไร


โดยเฉพาะโก่วหยางไห่ เมื่อครู่เขาเพิ่งเตะหมาดำตัวนี้เต็มเหนี่ยวไปหนึ่งครา หนำซ้ำยังตั้งใจจะจัดการมันงามๆ สักตั้งด้วย ไหนเลยจะคิดว่าดันเกิดเรื่องผิดคาดสุดขั้วเช่นนี้!


ครู่ต่อมาสีหน้าเขาดำมืดเหมือนก้นหม้อ


สุดท้ายหลินสวินก็กลั้นหัวเราะไม่อยู่ ภาพเบื้องหน้านี้ช่างน่าสนใจเหลือเกิน หยิบยกกลับมาเล่าซ้ำได้หลายครั้งแน่นอน


ท้ายที่สุดอริยะเซวี่ยซิงก็ยืนยันเรื่องนี้ได้ ครู่ต่อมาสีหน้าเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นมืดทะมึนหาใดเปรียบ แววตาปานสายฟ้าจับจ้องหญิงลึกลับ “สหายยุทธ์! เจ้ามาหยามหน้าเผ่าของข้าอย่างนั้นหรือ”


คนอื่นๆ ก็เดือดดาลยากระงับเช่นกัน รู้สึกอดสูหาใดเปรียบ อริยะคนหนึ่งกลับถูกมองเป็นหมา ถูกไล่ต้อนและซื้อขาย เรื่องนี้ใครจะทนไหว


หญิงลึกลับสีหน้านิ่งสนิทไร้ความตกใจ กล่าวว่า “หยามหน้า? ไม่ขนาดนั้น ก็แค่บทลงโทษของเขาเท่านั้นเอง หากพวกเจ้าไม่ยอม จะสู้กันสักคราก็ได้”


คำกล่าวแสนเรียบง่าย แต่กลับเผยความเผด็จการผงาดผยองอย่างไม่อาจบรรยาย พาให้ฟ้าดินล้วนสั่นโคลง คล้ายกำลังก้มหัวศิโรราบ


ผู้แข็งแกร่งที่ระดับต่ำกว่าอริยะในลานเหล่านั้นล้วนรู้สึกพียงว่าในสมองเกิดเสียงดังวู้ม เบื้องหน้าสายตาปรากฏดาวสีทอง รู้สึกโดนกดบีบหาใดเปรียบ เกือบหายใจไม่ออก!


ชั่วขณะนี้หญิงลึกลับประหนึ่งกลายเป็นนายเหนือหัว อานุภาพปานเหนือสุดนั้นทำให้อริยะเซวี่ยซิงยังหน้าเปลี่ยนสี


“โฮ่ง! โฮ่ง!”หมาดำเห่าขึ้นมาอีกครั้ง คล้ายร้อนรนหาใดเปรียบ


อริยะเซวี่ยซิงใช้พลังจิตวิญญาณสื่อสารกับเขา ก็ไม่รู้ว่าทั้งคู่พูดอะไรกัน ทำเอาอริยะเซวี่ยซิงสีหน้าวูบไหวไม่มั่นคง


ตอนที่เงยหน้าขึ้นมองหญิงลึกลับอีกครั้ง นัยน์ตาของเขาเจือแววตกใจอย่างสุดซึ้ง คล้ายไม่อยากจะเชื่อ


หลินสวินพอจะเดาออก เกรงว่าอริยะเซวี่ยซิงคงเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ชายฝั่งทะเลหมากดาราแล้ว


“ได้ ตามที่สหายยุทธ์ว่า!”


ในที่สุด อริยะเซวี่ยซิงสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง ทำการตัดสินใจ สั่งคนไปหยิบกล่องไม้ทรงสี่เหลี่ยมใบหนึ่งออกมา ด้านในกล่องวางไผ่สิบปล้องอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย


ไผ่นี้ตัวไผ่ขาวแวววาวเจิดจ้า แต่ละปล้องประทับลายมรรคแปลกประหลาดตามธรรมชาติเอาไว้ มีแสงอสนีเป็นริ้วๆ ดุจเส้นผมไหลเวียนอยู่บนนั้น แผ่พลังชีวิตเข้มข้นหาใดเปรียบ


นี่ก็คือไผ่เทพที่ฟูมฟักในถิ่นกำเนิดบรรพบุรุษของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ สามพันปีจึงจะงอกออกมาหนึ่งปล้อง เป็นวัตถุดิบเทพที่ได้แต่เฝ้าฝันไม่อาจครอบครอง


หญิงลึกลับเหลือบมองปราดหนึ่ง แล้วสั่งให้หลินสวินไปรับมันไว้


ในใจอริยะเซวี่ยซิงเจ็บปวด ไผ่เทพต้นกำเนิดสิบปล้อง นี่เท่ากับของที่สั่งสมมาสามหมื่นปีปลิวหายไปในพริบตา!


“สหายยุทธ์ ตอนนี้พอใจหรือยัง” อริยะเซวี่ยซิงกล่าวเสียงเข้ม


“ค่อยยังชั่วแล้ว”


หญิงลึกลับพยักหน้า จากนั้นสายตากวาดมองคนทั่วลาน กล่าวว่า “ครั้งนี้ข้าแค่มาเยี่ยมเยียนถึงที่ หากครั้งหน้ายังเกิดเรื่องผู้ใหญ่รังแกเด็กขึ้นอีก เช่นนั้นคงไม่ใช่แค่เยี่ยมเยียนง่ายๆ ขนาดนั้นแล้ว”


นี่เป็นคำข่มขู่อย่างแน่นอน!


ใครก็ฟังออก แต่สุดท้ายอริยะเซวี่ยซิงก็ยังข่มไอสังหารภายในใจเอาไว้ กล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สหายยุทธ์ปล่อยตัวคนได้แล้วกระมัง”


ในตอนท้าย หญิงลึกลับทิ้งอริยะเซวี่ยถูไว้ และต้อนแกะทั้งฝูงออกไปพร้อมกับหลินสวิน


ขามา บุกฝ่าประตูเขาขึ้นมา ตลอดทางเหมือนเข้าสู่ดินแดนไร้ผู้คน บีบจนอริยะเซวี่ยซิงก็ไม่อาจไม่ก้มหัว


ขากลับ ไม่มีใครกล้าหยุดยั้ง ไม่มีใครกล้าขวางเช่นเดียวกัน!


มาดเช่นนี้พาให้หลินสวินได้เปิดโลกทัศน์ หากมีฝีมือระดับนี้ ต่อให้ตัวคนเดียวไร้ที่พึ่งพิงก็ย่อมไม่มีใครกล้ารังแกแน่!



“ใต้เท้า เหตุใดถึงตกปากรับคำนาง! หรือพลังของทั้งเผ่าเรายังเอาอริยะคนหนึ่งไม่อยู่เชียวหรือ”


เนิ่นนานโก่วหยางไห่ถึงกล่าวลอดไรฟัน


เรื่องในวันนี้ สำหรับทั้งเผ่าของพวกเขาล้วนเรียกได้ว่าเป็นการโจมตีหนักอึ้งหาใดเปรียบ ซ้ำยังเป็นความอัปยศครั้งใหญ่หลวงอีกด้วย!


“เจ้าสังเกตแกะฝูงนั้นบ้างหรือไม่” อริยะเซวี่ยซิงกล่าวด้วยสีหน้าไม่แสดงอารมณ์


โก่วหยางไห่อึ้งงัน ในใจผุดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา กล่าวว่า “หรือว่า…”


“ถูกต้อง นั่นเป็นอริยะจากห้าสำนักโบราณอื่น เสกอริยะเป็นเดรัจฉาน ต้อนฝูงสัตว์เดินทางมา หากผู้หญิงคนนี้คิดฆ่าคน ครั้งนี้ตอนที่ขึ้นเขามา เจ้าคิดว่าคนในเผ่าจะโชคดีเหลือชีวิตรอดได้เท่าไหร่กัน”


อริยะเซวี่ยซิงกล่าวแค่นเสียงเย็น


โก่วหยางไห่เย็นวาบไปทั้งร่าง ยิ่งคิดในใจก็ยิ่งพรั่นพรึง


“หยางไห่ เจ้าในฐานะหัวหน้าเผ่า แต่ความเฉียบคมของสายตาจุดนี้ยังไม่มี มิน่าปราณถึงได้หยุดค้างอยู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านเก่า ตั้งนานก็เหยียบย่างระดับอริยะไม่ได้เสียที!”


อีกด้านหนึ่ง อริยะเซวี่ยถูที่คืนร่างเดิมก็กล่าวถ้อยคำเย็นชา


โก่วหยางไห่หนังหัวชาหนึบ ไม่กล้าสบตาอริยะเซวี่ยถูสักนิด ควรรู้ว่าเมื่อครู่นี้เขาเตะอริยะเซวี่ยถูปลิวเลยเชียว…


ถึงจะไม่ได้ตั้งใจ แต่หากอริยะเซวี่ยถูถือสาเอาความขึ้นมา ผลที่ตามมาคงไม่ดีสักเท่าไหร่เป็นแน่!


“แต่… เรื่องนี้จะปล่อยไปทั้งอย่างนี้เลยหรือ”


ในใจโก่วหยางไห่อึดอัด


“เป็นไปไม่ได้แน่นอน!”


อริยะเซวี่ยซิงไม่ลังเลสักนิด ใบหน้าเหี่ยวชราของเขาทะมึนเยียบเย็น นัยน์ตาสีแดงฉานวาบแสงเลือดน่าสะพรึง “ไม่ว่าใครหน้าไหน กล้าหยามเกียรติเผ่าข้าก็ต้องชดใช้คืนสิบเท่าร้อยเท่า!”


เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ออกคำสั่ง “ตรวจสอบ! ไม่ว่าต้องเสียอะไรมากเท่าไหร่ ก็ต้องตรวจสอบที่มาที่ไปและภูมิหลังของผู้หญิงคนนี้ออกมาให้ได้! แม้ว่าตอนนี้ยังไม่อาจแก้แค้น ต่อไปก็ต้องแก้แค้นให้ได้!”


ถึงแม้คำพูดจะเกี้ยวกราดหาใดเปรียบ แต่ทุกคนล้วนฟังออก อย่างน้อยก่อนที่จะรู้ชัดถึงภูมิหลังของหญิงลึกลับคนนั้น แค้นนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะชำระในทันทีทันใด


เรื่องนี้ยิ่งทำให้ในใจพวกเขาไม่อภิรมย์มากขึ้นเรื่อยๆ



“สมบัตินี้น่าจะชื่อว่า ‘ไผ่อสนีหมื่นเคราะห์’ เติบโตในการดับสูญ ทุกๆ สามพันปีจะข้ามเคราะห์หนึ่งครั้ง แต่ละครั้งล้วนได้รับ ‘ของเหลววิญญาณปฐมอสนี’ จากอสนีเคราะห์”


“ของเหลวนี้ทั้งสามารถปลุกกระดูกคนตายได้ ทั้งสามารถเอื้อประโยชน์ที่ประเมินค่าไม่ได้ต่อการฝึกปราณ ถือได้ว่าเป็นวัตถุดิบเทพโอสถวิญญาณอย่างแท้จริง”


รุ้งเทพสีทองอร่ามแผ่ขยาย พาดกลางห้วงอากาศไร้ที่สิ้นสุด หญิงลึกลับเหยียบย่างอยู่บนนั้น กำลังชี้แนะหลินสวิน บอกให้เขารู้ถึงที่มาของ ‘ไผ่เทพต้นกำเนิด’


หลินสวินเพิ่งรู้ถึงมูลค่าของไผ่อสนีหมื่นเคราะห์สิบปล้องในมือ!


ไม่ว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงใด ขอเพียงดื่ม ‘ของเหลววิญญาณปฐมอสนี’ ภายในกระบอกไผ่เข้าไป ก็สามารถคืนสภาพสูงสุดภายในชั่วอึดใจ


หนำซ้ำตอนที่ฝึกปราณ ยังสามารถหลอมฐานมรรค หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ หลอมชำระจิตใจได้อีกด้วย!


กล่าวว่าสมบัตินี้เป็นของล้ำค่าแห่งฟ้าดินที่ได้แต่เฝ้าฝันไม่อาจครอบครองก็ไม่เกินจริงอย่างแน่นอน


“คิดไม่ถึงว่าเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬยังมีไผ่วิเศษเช่นนี้ด้วย…” หลินสวินกล่าวพึมพำ


“เจ้าอยากถอนรากไผ่นี้ติดตัวไปด้วยหรือ” จู่ๆ หญิงลึกลับก็ถามขึ้น


หลินสวินอ้ำอึ้งไป ก่อนส่ายหน้ากล่าวว่า “ตอนนี้ยังไม่มีความคิดนั้น”


“แสดงว่าต่อไปก็คิดจะทำเช่นนี้”


หญิงลึกลับกล่าว “แต่ว่า ข้าขอเตือนเจ้าว่าก่อนที่จะกลายเป็นมหาอริยะ อย่าเพิ่งพะวงกับสมบัตินี้จะดีกว่า”


“มหาอริยะ?”


ในใจหลินสวินสั่นสะท้าน


“ใช่ อริยะบนโลกนี้ มีแบ่งเทียมแท้ และบนเส้นทางอริยะแท้จริง ก็มีขอบเขตที่ต่างกันออกไปอีก”


หญิงลึกลับพยักหน้า ชี้แนะหลินสวิน


อริยะเทียม แบ่งออกเป็นสองประเภท


ประเภทแรกคือตอนที่กลายเป็นราชัน ไม่สามารถสร้าง ‘เมล็ดพันธุ์มรรคแห่งตน’ ได้ จึงต้องหยิบยืม ‘เมล็ดพันธุ์มรรค’ มาสร้างรากฐานมรรคราชันอย่างไม่อาจเลี่ยง


คนประเภทนี้จริงอยู่ว่ามีเมล็ดพันธุ์มรรค สามารถหยั่งถึงมรรคแห่งอมตะ ข้ามเคราะห์อมตะได้ แต่เพราะเมล็ดพันธุ์มรรคแต่เดิมก็ไม่ใช่ของตน แม้กลายเป็นอริยะได้ แต่ก็เป็นปลายทางแห่งมรรคาของเขาแล้ว


คิดจะแยกอริยะเทียมประเภทนี้มีวิธีที่ง่ายที่สุดหนึ่งอย่าง ก็คือดูว่าเขาสามารถควบรวมกฎระเบียบอริยมรรคได้หรือไม่


หากไร้กฎระเบียบอริยมรรค นั่นก็คืออริยะเทียม เป็นพวกที่ด้อยคุณภาพมากที่สุดในระดับอริยะ


แน่นอน ความด้อยคุณภาพเช่นนี้หมายถึงในหมู่อริยะเท่านั้น สำหรับผู้ฝึกปราณที่ระดับต่ำกว่าอริยะแล้ว แม้จะเป็นอริยะเทียม ก็ยังเป็นบุคคลที่ต้องแหงนหน้ามองเท่านั้น


ระดับอริยะดุจสวรรค์ หาใช่การเปรียบเทียบที่เกินจริงเลยสักนิด!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)