Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1083-1086
ตอนที่ 1083 การชำระเริ่มต้นขึ้น
ระดับราชันแข็งแกร่งเพียงใด
ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาลงมือก็รู้แล้ว ราวกับนายเหนือหัวคนหนึ่ง เพียงโจมตีง่ายๆ ก็มีอานุภาพทำลายล้างจักรวาล บดขยี้ภูผาธารา
และคนที่ลงมือกับหลินสวินตอนนี้ ก็เป็นบุคคลระดับราชันแปดคน อีกทั้งยังมีหลายคนที่ก้าวสู่มรรคาอมตะแล้ว!
ที่น่ากลัวที่สุดคือ ด้วยความระแวงอย่างหนึ่ง ตอนที่พวกเขาลงมือจึงไม่ได้ออมมือเลยสักนิด
เพราะรู้ดีว่าในมือหลินสวินมีสมบัติอริยะและกระบวนผนึกมรรคราชันที่สามารถข่มขวัญระดับราชัน!
ตูม!
รอบๆ เกาะอากาศปั่นป่วน แสงมรรคพวยพุ่ง มีวิชาลับพลิกฟ้าแปรเป็นรัศมีศักดิ์สิทธิ์ เผยปรากฏการณ์ประหลาดน่ากลัวกดข่มออกไป
มีทวนวงเดือน หอกศึก โคมสำริด กระบี่วิญญาณน่าครั่นคร้ามโฉบผ่านอากาศ สังหารลงมา
ตอนนี้ไม่ว่าราชันคนใดพบเจอการโจมตีมืดฟ้ามัวดินเช่นนี้ เกรงว่าคงต้องหมดหวัง
แต่สีหน้าของหลินสวินยังคงนิ่งสงบ
ชุดของเขาโบกสะบัด ยืนตระหง่านอยู่บนโขดหินในเกาะสันโดษ นัยน์ตาดำเยือกเย็น มองดูการโจมตีจากสี่ด้านแปดทิศที่พุ่งเข้ามา
ตั้งแต่ต้นจนจบเงาร่างนิ่งไม่ขยับแม้แต่น้อย ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
เพียงแต่ในน้ำทะเลรอบๆ เกาะกลับปรากฏประกายดวงดาวที่ราวกับเมฆควัน แต่ละเสี้ยวแต่ละสายประหนึ่งภาพฝัน
ในเวลาเดียวกัน ในรัศมีสามพันลี้จากเกาะสันโดษ พื้นผิวทะเลสีเงินยวงใสบริสุทธิ์แต่เดิม ปรากฏระลอกคลื่นต้องห้ามคลุมเครือ แปรเปลี่ยนเป็นแสงดวงดาวทั่วฟ้า ประกอบเป็นกำแพงในระยะทางสามพันลี้
กำแพงแปลงมาจากแสงดารา ด้านบนเชื่อมสวรรค์ ด้านล่างเชื่อมทะเล
มองลงมาจากบนฟากฟ้าราวกับคุกแห่งหนึ่ง กักขังผิวทะเลในระยะสามพันลี้ ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง
ปัง!
เมฆที่แปรมาจากสายฟ้าสายหนึ่ง ตอนที่กำลังจะเข้าใกล้เกาะสันโดษ กลับถูกประกายดวงดาวที่ผุดจากผิวทะเลขวางไว้ และระเบิดอย่างกะทันหัน
โหวเทียนจงหรี่ตา สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
การโจมตีนี้เขาเตรียมมานานแล้ว เพียงพอที่จะผลาญภูผาต้มมหาสมุทร พลังทำลายล้างไร้ขีดจำกัด
แต่กลับระเบิดเป็นเสี่ยงๆ อย่างง่ายดายในชั่วพริบตา ไม่สามารถพุ่งไปถึงเกาะสันโดษ!
ปัง!
ในระยะไกล กระบี่วิญญาณสีทองเล่มหนึ่งโอดครวญ ถูกประกายดวงดาวมากมายพันรอบ จิตวิญญาณในตัวกระบี่ถูกกัดเซาะทันที จากนั้นร่วงลงน้ำทะเลราวกับงูตาย
ร่างกายของหลิวเจี้ยนคุนแข็งค้าง เลือดลมเดือดพล่าน แววตาเผยความแปลกใจวูบหนึ่ง
กระบี่นี้เป็นถึงยอดศาสตรามรรคราชันชิ้นหนึ่ง กลับถูกทำลายเช่นนี้ ทำให้เขายากจะเชื่อ
ปังๆๆ!
ในเวลาเดียวกัน วิชามรรคและสมบัติที่สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันคนอื่นๆ สำแดง ล้วนถูกประกายดวงดาวที่ราวกับหมอกควันขวางกั้น พากันสลายไป
เสียงกึกก้องราวกับฟ้าร้องสะเทือนฟ้าดินผืนนี้
มองจากไกลๆ ราวกับมีเปลวเพลิงสว่างไสวมากมายระเบิดออกรอบๆ เกาะสันโดษ ละอองแสงโปรยปรายหายไปในอากาศ
ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ หลินสวินเพียงมองอยู่แบบนี้ นิ่งสงบจนน่ากลัว!
โหวเทียนจง หลิวเจี้ยนคุน โก่วหยางหยวนและเหล่าราชันต่างตะลึง สายตาวูบไหว ตระหนักได้ว่ารอบๆ เกาะนี้มีพลังต้องห้ามปกคลุมไว้นานแล้ว
โชคดีที่ก่อนหน้านี้ พวกเขายังไม่เคยเข้าเกาะนั่นด้วยตัวเอง
และโชคดีที่พวกเขาระวังอยู่ตลอด เดาออกว่าหลินสวินกล้ารออยู่ตรงนี้ คงวางกระบวนผนึกมรรคราชันไว้ตั้งนานแล้ว
“นี่ก็คือกระบวนผนึกมรรคราชันที่เจ้าชิงมาจากเผ่าหงส์เขียวหรือ มิน่าถึงได้กล้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้ แต่ว่า…”
มุมปากของโหวเทียนจงเผยความเย้ยหยันดูถูก “เจ้าคิดว่าครั้งนี้เพื่อเล่นงานเจ้า พวกข้าจะไม่คำนึงถึงจุดนี้เลยหรือ”
ระดับราชันคนอื่นๆ กลับสู่ความสงบ สายตาที่มองหลินสวินแฝงความเย็นเยียบ
พวกเขาเดาออกว่าจะเป็นเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว
หลินสวินเหมือนไม่ได้ยิน สายตากวาดผ่านพวกโหวเทียนจง สุดท้ายก็พูดอย่างนิ่งสงบ “ดูเหมือนว่า กลุ่มแรกที่มาก็คือพวกเจ้า”
จากนั้นเขาชี้ไปยังพื้นผิวทะเลสีเงินยวงที่อยู่ห่างออกไปพร้อมพูดว่า “นี่คือสุสานที่ข้าเตรียมไว้ให้พวกเจ้า ตายที่นี่ เผยแพร่ออกไปก็ไม่ถือว่าทำลายชื่อเสียงของพวกเจ้า”
เหล่าราชันชะงักไปก่อนเป็นอันดับแรก ล้วนไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง เกือบคิดว่าฟังผิดไปแล้ว
จากนั้นใบหน้าของพวกเขาอึมครึทลงโดยพร้อมเพรียง คนรุ่นเยาว์ระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง ตัวตนราวกับมดตะนอย หากไม่ใช่เพราะหวาดเกรงกลัวสมบัติอริยะและกระบวนผนึกมรรคราชันในมือเขา อีกฝ่ายคงถูกสังหารไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว!
“ทุกท่านก็เห็นแล้ว เด็กนี่คิดว่าแค่วางกระบวนผนึกก็สามารถกวาดล้างพวกเราได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้ข้าลงมือ สลายกระบวนผนึกนี้ก่อน ให้เจ้าหมอนี่ได้ลิ้มรสสักหน่อยเป็นอย่างไร”
โหวเทียนจงพูดอย่างเย็นชา
ราชันคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่มีความคิดเห็นอื่น
โครม!
โหวเทียนจงเรียกคันฉ่องสำริดที่คล้ายกระดองเต่าเปล่งรัศมีแสงออกมา ทันทีที่ทะยานอากาศ สัญลักษณ์วิญญาณแน่นขนัดก้พวยพุ่ง มหัศจรรย์อย่างที่สุด
จานวิญญาณทำนาย!
สมบัติโบราณวิเศษอัศจรรย์สำหรับสลายกระบวนผนึกชิ้นหนึ่ง ด้วยหลอมจากกระดองเต่าโบราณ ภายในสั่งสมนัยเร้นลับ เพียงแค่โคจรก็สามารถมองทะลุความลี้ลับใดๆ ที่ซ่อนอยู่ในกระบวนผนึกมรรคราชัน
ราชันคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ในใจมั่นใจอย่างมาก เพราะต่างรู้ดีว่าอานุภาพอัศจรรย์ของจานวิญญาณทำนาย สามารถควบคุมทุกกระบวนผนึกมรรคราชันได้
“ทลาย!”
โหวเทียนจงตะโกน ท่าทางดุดัน พลานุภาพมรรคราชันพลุ่งพล่าน
ทันใดนั้นจานวิญญาณทำนายส่งเสียงกู่ก้อง จู่ๆ ก็ระเบิดสัญลักษณ์วิญญาณนับหมื่นพันออกมา ซัดไปทางเกาะนั้นประหนึ่งกระแสน้ำ
ฮูม
และเวลาเดียวกันนั้น ในน้ำทะเลหน้าเกาะปลดปล่อยหมอกแสงดาราแน่นขนัด ขวางอยู่ตรงนั้น
ราชันคนอื่นๆ เตรียมพร้อมโจมตี รอเพียงสลายกระบวนผนึกนี้ได้ก็จะพุ่งสังหารหลินสวินทันที
พร้อมกันนี้โหวเทียนจงเองก็เตรียมพร้อมลงมืออย่างเต็มที่แล้ว
แต่ที่ทำให้ทุกคนต่างผิดคาดก็คือ ท่ามกลางเสียงปะทะ จานวิญญาณทำนายกลับพ่ายแพ้ ไม่เพียงไม่สามารถสลายได้ กลับยังถูกแสงดารามากมายปกคลุม
จากนั้นเสียงปังดังลั่น สมบัติโบราณที่วิเศษอัศจรรย์ชิ้นนี้ระเบิดตัวอย่างกะทันหัน!
นี่…
เหล่าราชันไม่ทันตั้งตัว ต่างตกใจ นี่เป็นไปได้อย่างไร
พวกเขารู้ชัดมานานแล้วว่า กระบวนผนึกมรรคราชันในมือหลินสวินมาจากเผ่าหงส์เขียว ชื่อว่าจตุลักษณ์ราชัน
ตามหลักแล้วด้วยอานุภาพของจานวิญญาณทำนายเพียงพอสลายมันได้ คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้!
“นี่ไม่ใช่กระบวนผนึกจตุลักษณ์ราชัน”
โหวเทียนจงตะโกน ราวกับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง สีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน
และตอนนี้เอง หลินสวินที่นิ่งสงบมาโดยตลอดรอบตัวพลันปลดปล่อยไอสังหารน่ากลัวไร้ขอบเขตออกมา ประหนึ่งภูเขาไฟที่กดข่มกาลเวลาอันไม่มีที่สิ้นสุดระเบิดออกในตอนนี้
นัยน์ตาดำของเขาแผ่ประกาย ไม่ปกปิดอีกต่อไป ร่างกายลอยขึ้นกลางอากาศเหนือโขดหินบนเกาะ แววตาดุจดั่งสายฟ้า จับจ้องโหวเทียนจงพร้อมพูดอย่างเรียบเฉย “ข้าบอกแล้วว่า จะส่งเจ้าลงนรกเป็นคนแรก”
เพิ่งจะสิ้นเสียง…
ตูมโครมๆ!
ท้องฟ้ายุบทลาย สะท้อนดวงดาวสว่างไสวแน่นขนัด สาดประกายสีใสไร้จำกัด
พื้นผิวน้ำทะเลอันเงียบสงบเดือดพล่านขึ้นในตอนนี้ ประกายดาราซึ่งไม่มีที่สิ้นสุดราวกับหมอกหนาที่ระเหยขึ้นมา แปรเปลี่ยนเป็นพลังต้องห้ามที่คลุมเครือ
ภาพนั้นน่ากลัวมาก ทันใดนั้นที่แห่งนี้ราวกับแปรเปลี่ยนเป็นนรก แสงดาราปกคลุม ทะเลท้องฟ้าพลิกตลบ ปลดปล่อยผนึกต้องห้ามไร้ขอบเขต
“เฉือน!” หลินสวินรวบนิ้วกวาดออกมา
กลางฟ้าดินนั่น คลื่นประกายดาราแปรเป็นดาบเล่มหนึ่ง ราวกับดาบแหลมมหามรรค เจิดจ้าสะท้อนท้องฟ้า ฟาดฟันลงมา
“นี่… นี่เป็นพลังต้องห้ามไร้เทียมทานของทะเลหมากดารา!”
โหวเทียนจงจิตวิญญาณหลุดลอย ในใจเขาเต้นระทึกตั้งแต่ตอนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าตะลึงแล้ว เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น
และเมื่อเห็นการโจมตีที่ราวกับดาบแหลมหามรรคพุ่งลงมาหาตน เขาก็ตกใจจนต่อต้านสุดชีวิตตามจิตใต้สำนึก ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้!
ทว่าเสียงฟุ่บดังขึ้น ท่ามกลางการโจมตีที่ราวกับสิ่งต้องห้ามไร้เทียมทาน เขาโดนฆ่าโดยตรง ไม่มีแรงจะโต้ตอบ ร่างกายถูกแปรสภาพทันที
ก่อนตายโหวเทียนจงยังยากจะเชื่อ พลังที่น่ากลัวเช่นนี้ จะถูกมดตะนอยระดับกระบวนแปรจุติตัวหนึ่งควบคุมได้อย่างไร
เขารับไม่ได้ และคิดไม่ตก!
น่าเสียดายที่เขาไม่มีเวลาคิด ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นเถ้าถ่านโดยพลัน แม้แต่พลังจิตยังถูกประกายแสงม้วนกลืน หายไปอย่างสิ้นเชิง!
การโจมตีเดียว สังหารราชัน!
เฮือก!
พวกโก่วหยางหยวนสูดหายใจด้วยความตกใจ จิตใจสะเทือนอย่างรุนแรง
การโจมตีนี้ควบรวมพลังผนึกต้องห้ามไร้จำกัด ราวกับดาบแห่งสวรรค์ ทำให้พวกเขาอกสั่นขวัญหนี ขนลุกไปทั้งกาย
ตอนนี้หลินสวินเปล่งแสงไปทั้งตัว ประกายดวงดาวไม่มีที่สิ้นสุดที่ร่วงลงจากท้องฟ้าเหนือศีรษะปกคลุมร่างกายของเขา สว่างไสวผิดปกติ กดข่มฟ้าดินผืนนี้ราวกับนายเหนือหัว ทำให้ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้
“เขา… เขาสามารถควบคุมพลังต้องห้ามของทะเลหมากดารา! นี่… นี่เป็นหลุมพราง!” โก่วหยางหยวนเข้าใจทันที
มิน่าเด้กนี่ถึงกล้ากำเริบเสิบสาน แม้ถูกเหล่าราชันปิดล้อมก็ยังใจเย็น ที่แท้เขาก็ขุดหลุมพรางไว้แล้ว!
โก่วหยางหยวนหมุนตัวหนี โกรธจนหน้าเขียว ในใจกระวนกระวาย คิดจนหัวแตกก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องที่เหลือเชื่อเช่นนี้
ทะเลหมากดาราดำรงอยู่มาตั้งแต่บรรพกาลจนถึงปัจจุบัน แม้แต่อริยะบังเอิญเข้ามายังหลงทาง เป็นเขตต้องห้ามมาโดยตลอด
แต่ใครจะคิดว่าพลังต้องห้ามของทะเลหมากดาราแห่งนี้ ตอนนี้กลับถูกคนรุ่นเยาว์ระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งควบคุม
ยิ่งคิดโก่วหยางหยวนก็ยิ่งขนลุก
“สุสานได้เตรียมไว้ให้พวกเจ้าแล้ว ทำไมต้องไป อยู่ต่อเถอะ!”
เสียงราบเรียบเย็นชาของหลินสวินดังขึ้นข้างหู โก่วหยางหยวนทั้งโกรธทั้งตกใจ เขาเป็นถึงราชันที่บรรลุระดับอมตะ กลับถูกคนรุ่นเยาว์คนหนึ่งดูหมิ่นเช่นนี้ นี่น่าอับอายเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
เขาอดหันกลับไปไม่ได้ เตรียมจะพูดจารุนแรง แต่ดวงตาพลันเบิกโพลง ในครรลองสายตา ดาบยักษ์สว่างไสวเล่มหนึ่งมาถึงตรงหน้าแล้ว!
ฟุ่บ!
จากนั้นโก่วหยางหยวนยังไม่ทันต่อสู้ก็ถูกสังหารภายใต้คมดาบ ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นเถ้าถ่านโปรยลงผิวทะเล
ระดับราชันถูกฆ่าอีกคนแล้ว!
บุคคลระดับราชันอย่างพวกหลิวเจี้ยนคุนต่างงุนงง ขาสั่นระริก แม้แต่ริมฝีปากยังสั่น จิตใจแทบจะทรุดทลายแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นโก่วหยางหยวนหรือโหวเทียนจง ล้วนเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีชื่อเสียงมานานแล้ว แต่ตอนนี้กลับเหมือนไก่กระเบื้องสุนัขดินเผาที่ต้านทานไม่ได้แม้แต่การโจมตีเดียว ถูกสังหารในชั่วพริบตา
ภาพอันนองเลือดนี้สยดสยองเกินไปแล้ว!
“หนี!”
พวกหลิวเจี้ยนคุนต่างหนีอย่างไม่ลังเลอีกต่อไป หนีไวกว่าตอนมา ราวกับสุนัขแตกฝูง หวาดกลัวอย่างที่สุด
น่าตกใจเกินไปแล้ว!
แม้แต่ระดับราชันยังถูกกำจัด ใครจะกล้าชักช้า
ก่อนหน้านี้พวกเขาเย่อหยิ่งสูงส่ง เผด็จการอย่างที่สุด เห็นหลินสวินเป็นเหยื่อไร้ค่า แต่ตอนนี้แต่ละคนกลับอยากจะมีขาเพิ่มมาอีกสักคู่เสียเหลือเกิน ท่าทางนั่นไม่ต้องพูดถึงว่าตื่นตระหนกและย่ำแย่แค่ไหน
หากเหล่าผู้แข็งแกร่งแต่ละขุมอำนาจบนชายฝั่งเห็นสถานการณ์เช่นนี้ คงตกใจจนลูกตาหลุดออกมา
หลินสวินไม่ได้ตามไป เพราะในรัศมีสามพันลี้ถูกปิดกั้นไปนานแล้ว ตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีทางหนีใดๆ
ส่วนในระยะสามพันลี้ เขาก็คือนายเหนือหัว!
แม้อริยะมาเยือนก็ไม่เกรงกลัว!
“เฉือน!”
ประกายดวงดาวทั่วฟ้าพลุ่งพล่าน แปรเป็นดาบสวรรค์สังหารลงมา เต็มไปด้วยไอน่าสะพรึงถึงขีดสุด
ห่างออกไปนอกพันลี้ หลิวเจี้ยนคุนเรียกกระถางสมบัติออกมาสู้ ผลลัพธ์คือกระถางสมบัติถูกผ่าเป็นสองท่อน ส่วนตัวเขาส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะแปรสภาพโปรยปรายลงกลางทะเล
การชำระแค้นของหลินสวิน เริ่มต้นขึ้น ณ ทะเลผืนนี้!
ตอนที่ 1084 สมบัติอริยะแต่ละอย่าง
เฉือน!
คำเดียวราวกับคำสั่งจากสวรรค์ ทันทีที่เอ่ยปากคำสั่งก็เป็นจริง!
โหวเทียนจงถูกเฉือน โก่วหยางหยวนถูกเฉือน หลิวเจี้ยนคุนก็ถูกเฉือน…
สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันสามคน หนึ่งในนั้นโก่วหยางหยวนยังเป็นถึงราชันที่บรรลุอมตะเคราะห์แล้ว แต่ทุกคนล้วนถูกสังหารอย่างไม่มีข้อยกเว้น!
ดาบเล่มนั้น ราวกับดาบตัดมหามรรค ภายใต้คมดาบ แม้พลังปราณของเจ้าเทียมฟ้า ก็จะสลายเป็นเถ้าถ่านในชั่วพริบตา
นี่ก็คือพลังของค่ายกลใหญ่วัฏจักรดารา!
ค่ายกลนี้มีวัฏจักรดาราเป็นพื้นฐาน ประกอบจากแผนภาพวัฏจักรดาราสามร้อยหกสิบห้าภาพ และแผนภาพอนุจักรวาลดาราอีกหนึ่งหมื่นสี่พันแปดร้อยภาพ
ทั้งค่ายกลใหญ่วิวัฒน์เป็นทะเลหมากดาราที่อยู่ตรงหน้า ราวกับจักรวาลที่เต็มไปด้วยดารา ดวงดาวที่อยู่ภายในสว่างไสว มากมายนับไม่ถ้วน โคจรไปตามวงวิถีที่แตกต่างกัน คลุมเครือหนาแน่นถึงขีดสุด
ค่ายกลนี้ ยังเป็นค่ายกลศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่ง!
พูดอย่างเคร่งครัด อานุภาพที่สามารถถูกหลินสวินใช้ ถึงขั้นไม่ถึงหนึ่งในพันของอานุภาพทั้งหมดของค่ายกลนี้
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ การฆ่าระดับราชันก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าไก่เชือดสุนัข
“เฉือน!”
หลินสวินยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศเหนือเกาะ ในระยะสามพันลี้ล้วนถูกจิตรับรู้ของเขาปกคลุม เพียงตวัดปลายนิ้วก็กลายเป็นดาบสวรรค์เล่มหนึ่งวาดออกมา
ราชันคนหนึ่งของแดนพิสุทธิ์อมตะเพิ่งพุ่งไปถึงสุดขอบระยะสามพันลี้ก็พลันพบอย่างตกใจว่า ทางข้างหน้าถูก ‘กำแพง’ ที่ก่อตัวจากประกายดวงดาวขวางกั้น ด้านบนเชื่อมสวรรค์ ด้านล่างเชื่อมทะเล ไม่สามารถผ่านไปได้!
เขาเพิ่งหมุนตัวหมายจะเปลี่ยนทิศ แสงดาบสว่างไสวก็เฉือนสังหารมาแล้ว
เหมือนบนลงโทษจากสวรรค์ ทำให้ร่างกายของเขาระเบิดสลายกลายเป็นเถ้าถ่านและหายไปในพริบตา
“หลินสวินข้ายอมแล้ว เจ้าไว้ชีวิตข้าสักครั้งเถอะ ข้าสาบานว่าต่อไปจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก!”
ผู้หญิงคนหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณกรีดร้องออกมา นางกลัวแล้วจริงๆ ร่างกายสั่นเทิ้ม ก้มหัวร้องขอชีวิตกับหลินสวิน
“เฉือน!”
หลินสวินทำเหมือนไม่ได้ยิน คำพูดหนึ่งออกจากปาก ดาบสวรรค์ผ่าฟันลงมา เสียงฟุ่บดังขึ้นพร้อมร่างของหญิงผู้นั้นที่สลายลง แม้แรงจะดิ้นรนยังไม่มี
ก่อนตาย สีหน้าของนางดูผิดคาด ราวกับยากจะเชื่อ
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน! เจ้าสังหารเช่นนี้จะต้องประสบมหาเคราะห์แน่!”
อีกด้าน ชายชราผมขาวคนหนึ่งตะโกนอย่างเดือดดาล เบ้าตาแทบถลน
ก่อนหน้านี้เขาสู้สุดกำลัง หมายจะทำลายกำแพงประกายดวงดาวนั่นหนีออกไป แต่สิ่งที่ทำให้เขาหมดหวังคือ กำแพงนั่นแปลงมาจากคลื่นผนึกต้องห้ามไร้เทียมทาน ไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่เสี้ยวเดียว!
“เฉือน!”
หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย ตอบกลับเพียงคำเดียว
ฟุ่บ!
ชายชราถูกสังหารภายใต้ความหวาดกลัวและเสียงตะโกนร้อง
ในที่นั้นเหลือระดับราชันอีกเพียงสองคน
เพียงแต่ตอนนี้สีหน้าของพวกเขากลับซีดขาวอย่างที่สุด สั่นไปทั้งตัว ในใจถูกความหวาดกลัวไร้สิ้นสุดครอบงำ
ก่อนหน้านี้พวกเขาทะยานเขามาอย่างทรงอำนาจ สีหน้าเย่อหยิ่ง เต็มไปด้วยอานุภาพแห่งราชัน มองหลินสวินเป็นเหมือนมด ล้วนอยากสังหารเขาเป็นคนแรกแล้วชิงศุภโชคในตัวเขา
เดิมคิดว่านี่เป็นการลงมือที่เหมือนกับจับตะพาบในไห ต้องประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย
ใครจะคิดว่ากลับเกิดการเปลี่ยนแปลงชวนตะลึงเช่นนี้!
พลังต้องห้ามของทะเลหมากดารา กลับถูกคนรุ่นเยาว์คนหนึ่งควบคุม เปิดฉากสังหารกลางฟ้าดินผืนนี้
ภาพการตายอันนองเลือดแต่ละภาพ เป็นความสยดสยองที่สุดในโลกแล้ว!
ตอนนี้ราชันเพียงสองคนที่เหลืออยู่ลนลานและหวาดกลัวอย่างสิ้นเชิงแล้ว สีหน้าหวาดหวั่นและตื่นตระหนก ยังจะเหลือความเย่อหยิ่งผงาดผยองเหมือนก่อนหน้านี้เสียที่ไหน
จู่ๆ มดที่สามารถบี้ให้ตายได้ง่ายๆ ก็มีพลังสังหารยิ่งใหญ่ นี่เป็นเรื่องน่าสะพรึงที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
“หลินสวิน มีอะไรพูดกันดีๆ ข้าเชื่อว่าการสังหารเช่นนี้ไม่ใช่ความต้องการของเจ้า เช่นนั้นพวกเรามาคุยกันดีๆ ดีไหม”
ชายกลางคนชุดขาวสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดเนิบช้า
“ใช่ เจ้ายังเด็ก ต่อไปจะต้องกลายเป็นราชันเป็นราชันอย่างแน่นอน ต้องจำไว้ว่าทุกอย่างห้ามทำเกินไป มิฉะนั้นแม้ดินแดนรกร้างโบราณจะกว้างใหญ่ ก็คงไม่มีที่ยืนสำหรับเจ้า”
ชายชราชุดคลุมทองอีกคนรีบพูดขึ้น
ตอนนี้พวกเขาไม่เหมือนราชันสองคนที่เรียกลมเรียกฝนได้อีกต่อไปแล้ว ตรงกันข้ามกลับเหมือนนักโทษที่ร้องขอชีวิต ท่าทางเคารพนบนอบ ไม่หลงเหลือฤทธิ์เดชอีกต่อไป
“ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเจ้ามาฆ่าข้า เคยพูดถึงโอกาสกับข้าหรือไม่”
มุมปากของหลินสวินเผยรัศมีโค้งเย็นเยียบ “พอความตายจะมาเยือน กลับมาขอโอกาสจากข้า พวกเจ้าคิดว่าข้าต่อรองง่ายมากหรือ”
“ไม่ใช่แบบนั้น!” ชายกลางคนชุดคลุมขาวกับชายชราชุดทองรีบส่ายหน้า
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดข้าต้องเสียเวลาพูดไร้สาระกับพวกเจ้า”
หลินสวินยังพูดไม่ทันจบ ทางเดินสวรรค์สว่างไสวสายหนึ่งตกลงจากท้องฟ้า ราวกับสายฟ้าวูบกะพริบ
ฟุ่บ!
ชายกลางคนชุดคลุมขาวถูกฆ่า
“เจ้าๆๆ… คิดจะทำจนถึงืที่สุด ไม่เหลือทางหนีทีไล่จริงๆ หรือ นี่เจ้ากำลังเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกอยู่นะ! ออกจากทะเลหมากดาราจะต้องประสบมเคราะห์ใหญ่แน่!”
ชายชราชุดทองคำรามอย่างเดือดดาล
“เป็นศัตรูกับคนทั้งโลก…”
หลินสวินพึมพำคำหนึ่ง จากนั้นนัยน์ตาดำทั้งคู่ยิ่งเย็นเยียบขึ้นมา “พวกเจ้าคิดว่าตัวเองสามารถเป็นตัวแทนของทั้งดินแดนรกร้างโบราณได้จริงๆ หรือ ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกแล้วอย่างไร ข้าหลินสวินไม่เคยกลัวการต่อสู้อยู่แล้ว!”
พูดจบเขาก็รวบนิ้วกรีดวาดลงมา
บนฟากฟ้า คมดาบเจิดจ้าลงมาเยือน ราวกับสวรรค์ลงโทษ ไม่ว่าชายชราชุดทองจะหลบอย่างไร สุดท้ายก็ถูกฆ่า!
ผู้แข็งแกร่งระดับราชันแปดคนที่มาจากขุมอำนาจต่างกัน ล้วนถูกฆ่าทั้งหมดในตอนนี้
ชั่วขณะนั้นทะเลในระยะสามพันลี้นี้ได้คืนความสงบอีกครั้ง มีเพียงประกายดวงดาวเจิดจ้าพที่ม้วนแผ่อยู่กลางฟ้าดิน
หลินสวินลอยตัวลงบนเกาะสันโดษนั่น นั่งขัดสมาธิบนพื้น
สังหารราชันแปดคน แต่จิตใจเขาไร้ซึ่งความรู้สึก เพราะตั้งแต่ตอนที่พวกเขาใกล้เกาะแห่งนี้ ก็ถูกกำหนดความตายไว้แล้ว
หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ หยิบแกนวิญญาณออกมา เริ่มนั่งสมาธิ
การควบคุมค่ายกลใหญ่วัฏจักรดาราต้องเสียพลังงานในตัวมากเช่นกัน ก็เหมือนการสังหารราชันแปดคนนี้ ก็ใช้พลังวิญญาณของเขาไปกว่าครึ่งในชั่วขณะ
“นี่คือกลุ่มที่หนึ่ง ก็ไม่รู้ว่ากลุ่มที่สองจะมาตอนไหน…”
หลินสวินนั่งสมาธิพลางรอคอย
……
บนชายฝั่งทะเลหมากดารา
เวลาผ่านไปทีละนิด ผู้แข็งแกร่งแต่ละขุมอำนาจที่รอข่าวดีอยู่ในตอนแรก ค่อยๆ รู้สึกหมดความอดทนแล้ว
เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ราชันมากมายขนาดนี้เคลื่อนไหวพร้อมกัน หรือแค่เทพมารหลินคนเดียวยังหาไม่เจอ
หรือจนตอนนี้เจ้าหมอนั่นยังไม่ออกจากเขตหวงห้ามไร้มรณะ
เป็นไปไม่ได้!
ทุกคนล้วนรู้ดีว่าที่เขตหวงห้ามไร้มรณะเป็นหนึ่งในห้าเขตหวงห้ามของแดนชัยบูรพา ก็เพราะมันเป็นสถานที่ที่ห้ามเข้าใกล้!
นอกเสียจากกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ที่จัดขึ้นห้าปีครั้งจะเปิดฉากขึ้น จึงจะมีโอกาสก้าวเข้าไป มิฉะนั้นไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้าไปได้
นี่เป็นข้อสรุปอันเป็นเอกฉันท์ที่ผู้ฝึกปราณมากมายคาดเดาออกมา หลังจากผ่านการสำรวจมานับครั้งไม่ถ้วนในอดีต
เวลาค่อยๆ ล่วงเลย บนทะเลหมากดาราที่กระจ่างชัดบริสุทธิ์และกว้างใหญ่ไพศาลยังคงคลื่นสงัดลมสงบ ไม่มีความเคลื่อนไหวสักนิด
แม้เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันก็ค่อยๆ ขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกหมดความอดทน
เพียงแค่ล่าคนรุ่นเยาว์ระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งเท่านั้น เหตุใดต้องเสียเวลาขนาดนี้
ไม่มีใครรู้ว่าในส่วนลึกของทะเลหมากดารานั่นเคยถูกปิดกั้น และในพื้นที่ที่ถูกปิดกั้นนั้น สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันแปดคนนั้นได้ดวงจิตสลาย ถูกฝังในทะเลแล้ว
และไม่มีใครกล้าจินตนาการว่า หลินสวินคนเดียวจะมีความสามารถในการสังหารราชันแปดคนได้
ในจิตใต้สำนึกของพวกเขาต่างคิดว่า ที่ยังไม่มีข่าวส่งมาเสียที หากไม่ใช่เพราะหาหลินสวินไม่เจอ ก็คงเพราะพบเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันบางอย่างระหว่างทาง!
แน่นอนว่าแม้เจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็ไม่มีใครคิดว่าเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่เคลื่อนกำลังไปจะประสบเคราะห์หมดแล้ว
“ข้าไปดูสักหน่อย!”
ทันใดนั้นในเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ โก่วเหยียนเจินสูดหายใจเข้าลึกๆ ร้องเสียงดังออกมา
เขาทนรอไม่ไหวแล้ว ไม่สามารถทนได้แล้ว
ในฐานะลูกหลานของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ความฉับไวในการรับกลิ่นย่อมชนะขาด ในทะเลหมากดาราอันเวิ้งว้าง แม้จะกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด แต่เขาไม่เชื่อว่าจะหาร่องรอยของหลินสวินไม่เจอ!
“ไม่ได้!”
โก่วหยางซิวขวางโก่วเหยียนเจินไว้อีกครั้ง เอ่ยเสียงเย็น “เจ้าเป็นผู้กล้าขอบเขตมกุฎระดับบั่นหมื่นเศียรที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเยาว์เผ่าเรา ไม่เคยได้ยินหลักการที่ว่าคนสำคัญของบ้านไม่ควรนั่งเสี่ยงบนหลังคาหรือ”
“แต่ข้า…”
“ไม่มีแต่” โก่วหยางซิวพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “หยางเจี่ย เจ้าไป!”
สายตาของเขามองไปยังชายกลางคนสีผิวคล้ำ สีหน้าเย็นเยียบราวกับโขดหิน
ชายกลางคนนามว่าโก่วหยางเจี่ย คือบุคคลที่ก้าวสู่ระดับอมตะเคราะห์คนหนึ่ง ได้ยินเช่นนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงพยักหน้าเท่านั้น
“พกประทับนรกโลหิตไปด้วย!”
โก่วหยางซิวลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็กัดฟัน ยื่นตราประทับที่ปลดปล่อยประกายเลือดน่ากลัวอันหนึ่งให้โก่วหยางเจี่ย
ทันใดนั้นอานุภาพกดข่มอริยะมรรคที่น่ากลัวไร้ที่เปรียบแผ่กระจายออกจากประทับสีเลือด ทำให้ผู้ฝึกปราณบริเวณรอบๆ ฮือฮาขึ้นมา
ประทับนรกโลหิต สมบัติอริยะของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ เคยเปื้อนเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนตั้งแต่สมัยบรรพกาลแล้ว อานุภาพน่ากลัวคับฟ้า
“จำเป็นหรือ” โก่วหยางเจี่ยพูด รู้สึกเป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
‘ฆ่าเด็กเมื่อวานซืนคนนั้นง่าย แต่อย่าลืมว่ามีสหายยุทธ์คนอื่นๆ อยู่ในนั้นด้วย มีสมบัติอริยะเพิ่มมาชิ้นหนึ่ง ก็สามารถข่มขวัญและสร้างความมั่นใจได้มากขึ้น’
โก่วหยางซิวสื่อจิต ความหมายในคำพูดลึกซึ้ง
โก่วหยางเจี่ยพยักหน้า พุ่งออกไปโดยไม่ลังเลอีกต่อไป
……
“ดูเหมือนว่าพวกเราก็ควรเอากระบี่เทียมฟ้ามาทดสอบความแหลมคมสักหน่อยแล้ว”
อีกด้านหม่าหยวนชิงถอนหายใจเบาๆ หยิบกล่องกระบี่ที่เก่าคร่ำสีดำสนิทออกมา ยื่นให้ชายชราคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ
“ศิษย์น้องเหวินหย่วน อย่าให้สำนักกระบี่เทียมฟ้าเสียชื่อ” สีหน้าของเขาเคร่งขรึม
ชายชราในชุดผ้าหยาบ หนวดเคราเผ้าผมเป็นสีดอกเลา ใบหน้าผอมซูบคนนี้ นามว่าจงเหวินหย่วน
ได้ยินเช่นนี้จึงรับกล่องกระบี่ไป แล้วเอ่ยว่า “ไม่ให้เสียชื่อแน่!”
สวบ!
เขาแบกกล่องกระบี่ไว้กลางหลัง เงาร่างราวกับสายรุ้งทะลวงออกไป
……
“หึ เจ้าเฒ่าพวกนั้นอดไม่ไหวใช้สมบัติอริยะแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราจะรั้งท้ายไม่ได้”
ฝั่งแดนพิสุทธิ์อมตะ ซั่งเหวินจิ่นพลิกฝ่ามือ ตำหนักสำริดขนาดราวกำปั้นหลังหนึ่งปรากฏขึ้นมา ดูเหมือนเล็กมาก แต่กลับปลดปล่อยกลิ่นอายน่ากลัวที่สามารถกดข่มฟ้าดินภูผาธารา
ตำหนักอมตะ!
“ศิษย์น้องโม่เจิน ครั้งนี้ให้เจ้าไป จำไว้ว่าเป้าหมายของเราคือฆ่าหลินสวิน แต่ถ้ามีคนขวาง ก็อย่าไม่จำเป็นต้องกังวล!”
ซั่งเหวินจิ่นพูดพร้อมยื่นตำหนักอมตะให้ผู้หญิงที่งดงามไร้ที่ติในชุดสีเขียว ท่าทางราวกับเด็กสาวที่อยู่ข้างๆ
ในขณะที่พูดสายตาของซั่งเหวินจิ่นก็กวาดมองขุมอำนาจอื่นๆ มุมปากแฝงยิ้มเยาะ
แน่นอนว่านางดูออก ว่าเป้าหมายของสมบัติอริยะที่แต่ละฝ่ายเรียกออกมา บางทีอาจเพื่อให้มั่นใจว่าจะฆ่าหลินสวินได้แน่นอน
แต่เหตุผลที่สำคัญกว่า เกรงว่าคงเพื่อสกัดขุมอำนาจอื่นๆ ที่เข้ามาแย่งชิง!
……
“หึ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ให้พวกเขาได้ชื่นชม ‘ร่มรุ้งสมบัติม่วง’ ของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณสักหน่อย!”
“เอา ‘บรรทัดสยบฟ้า’ ของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ออกมา!”
ในเวลาเดียวกัน ขุมอำนาจอื่นๆ ต่างเคลื่อนไหว
การกระทำนี้มีนัยแข่งขันกันอ้อมๆ พร้อมๆ กับที่ขัดขวางคู่ต่อสู้ ไม่ให้ถูกคนอื่นใช้อานุภาพสมบัติอริยะชิงลงมือก่อนตอนฆ่าหลินสวิน
ตอนที่ 1085 ที่แห่งนี้ราวกับสุสาน ทะเ...
“เหตุใดจึงไม่ใช้สมบัติอริยะตั้งแต่แรก”
ข่งหลิงขมวดคิ้วถาม
“เพราะหลินสวินยังไม่มีคุณสมบัติมากพอ!”
หม่าหยวนชิงพูดเรียบๆ “ทุกคนต่างรู้ว่าในมือของเขามีสมบัติอริยะ และเคยใช้สิ่งนี้สังหารผู้แข็งแกร่งระดับราชัน แต่นั่นเป็นเพียงผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด เมื่อมีการป้องกัน ถึงจะให้สมบัติอริยะสิบชิ้นกับเขาก็ไม่สามารถฆ่าราชันได้แม้แต่คนเดียว!”
“สมบัติอริยะแม้จะดี แต่ก็ต้องมีพลังที่คู่ควรจึงจะใช้พลังทั้งหมดของมันออกมาได้ พลังเล็กน้อยของเจ้าหมอนี่ เกรงว่าแม้แต่อานุภาพเพียงหนึ่งในพันของสมบัติอริยะก็ไม่สามารถใช้ได้
หยุดไปครู่หนึ่งเขาจึงพูดต่อว่า “ใช้สมบัติอริยะครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อฆ่าเด็กนี่ จุดประสงค์ง่ายมาก นั่นคือเพื่อสกัดพลังของขุมอำนาจอื่นๆ ก็เท่านั้น “
ข่งหลิงเพิ่งจะเข้าใจ
……
น้ำทะเลสีเงินระลอกคลื่นเงียบสงบ เกาะสันโดษเสมือนตัวหมากประดับอยู่ภายใน
หลินสวินที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนโขดหินลืมตาขึ้น ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าสงบ
เขาสังเกตเห็นแล้ว ว่าศัตรูกลุ่มที่สองกำลังมุ่งหน้ามาจากไกลๆ
สวบ! สวบ! สวบ! สวบ! สวบ! สวบ!
ครั้งนี้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันมาหกคน แต่ละคนอานุภาพคับฟ้าทะลวงอากาศเข้ามา ราวกับนายเหนือหัวมากมาย มายืนอยู่รอบเกาะสันโดษ
ตอนแรกที่พบว่าหลินสวินอยู่ที่นี่โดยไม่หลบไม่หนีก็ทำให้พวกเขาอึ้งไม่น้อยเช่นกัน จากนั้นต่างขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ
ทีแรกพวกเขาล้วนคิดว่าราชันกลุ่มแรกที่เคลื่อนไหวยังตามหาหลินสวินไม่พบ หรือไม่ก็เจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดบางอย่าง จึงมาเสริมกำลัง
ใครจะคิดว่า ทันทีที่เข้าสู่ส่วนลึกของทะเลหมากดาราก็เจอหลินสวินทันที
นี่ก็แปลกประหลาดแล้ว
“พี่ชายตัวน้อยเห็น… คนอื่นบ้างหรือไม่”
โม่เจินที่มาจากแดนพิสุทธิ์อมตะพูดขึ้น ยิ้มอย่างน่าดึงดูด ท่าทางหยาดเยิ้ม รูปลักษณ์ของนางเหมือนสาวน้อย ชุดคลุมเขียวราวกับสายน้ำ สีหน้าเย้ายวน
“เห็น” หลินสวินกล่าวอย่างสบายๆ
ราชันที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างนัยน์ตาหดรัด
โม่เจินแววตาวูบไหวกล่าว ”แล้วพวกเขาล่ะ”
หลินสวินยื่นมือชี้ไปที่น้ำทะเลสีเงินตรงหน้าพร้อมพูด “พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อไว้อาลัยผู้ตายหรือ ข้าได้ฝังศพพวกเขาไว้ที่นี่แล้ว”
สีหน้าของเหล่าราชันมืดทะมึน ในดวงตาวาบประกายเย็นเยียบ ยิ่งรู้สึกแปลกมากขึ้นเรื่อย ๆ
ระดับกระบวนแปรจุติรุ่นเยาว์คนหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นผู้กล้าขอบเขตมกุฎ แต่ในเวลานี้เขาดูนิ่งเกินไป ไม่เหมือนกำลังรอความตาย แต่เหมือนรอคอยพวกเขาอยู่ตลอดมากกว่า!
สิ่งนี้ทำให้เหล่าราชันต่างเกิดความสงสัย มองหน้ากันไปมา ล้มเลิกความคิดชั่ววูบที่จะลงมือในทันที ตัดสินใจทำความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดก่อน
ในส่วนลึกของหัวใจ ความจริงพวกเขาไม่เชื่อคำพูดของหลินสวินเลยสักนิด คิดว่าเขาคุยโวโอ้อวดและพูดจาเหลวไหล
“พี่ชายตัวน้อยอย่าล้อเล่น พี่สาวอย่างข้าหัวใจไม่แข็งแกร่ง คุยกับพี่สาวดีๆ ได้หรือไม่”
น้ำเสียงของโม่เจินนุ่มนวล เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนชวนใจสั่น
นางงดงามมากจริงๆ ทุกท่าทาง ทุกอิริยาบถ แฝงกลิ่นอายความเป็นธรรมชาติ ทำให้ราชันคนอื่นๆ เหลียวหลังอย่างควบคุมไม่อยู่ ลอบด่าในใจว่าผู้หญิงแดนพิสุทธิ์อมตะช่างพราวไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน
หลินสวินขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ยายแก่ เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว ยังเรียกตัวเองว่าพี่สาว เจ้าคุยกับข้าดีๆ ได้ไหม รู้หรือไม่ว่าอะไรที่เรียกว่าแก่แล้วยังไม่เจียมตัว”
ใบหน้าของโม่เจินเปลี่ยนไปทันที ยายแก่หรือ เจ้าเดรัจฉานสมควรตาย ปากดันร้ายขนาดนี้!
“เจ้าหมอนี่ ในเมื่อพูดด้วยดีๆ ด้วยไม่ยอมเชื่อฟัง ก็คงต้องใช้กำลังแล้ว! คิดว่าในมือมีสมบัติอริยะก็จะไม่เห็นพวกข้าในสายตาได้หรือ”
ใบหน้าของโม่เจินเยียบเย็นราวน้ำค้างแข็ง คำพูดเปลี่ยนไปกะทันหัน เสน่ห์หายไป ถูกไอสังหารที่กระทบใจผู้คนเข้าแทนที่
ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้นางมีเสน่ห์เย้ายวน นางในตอนนี้ก็เหมือนเปลี่ยนเป็นอสูรหญิง!
ความรวดเร็วของการเปลี่ยนแปลงทำให้ราชันคนอื่นๆ ใจสั่น ตระหนักได้ว่าผู้หญิงคนนี้สามารถเป็นราชันได้ อย่าดูถูกเด็ดขาด
กลับเห็นหลินสวินราวกับไม่รู้สึกรู้สา ดวงตาดำเย็นเยียบกวาดมองราชันทั้งหกในที่นั้นแล้วเอ่ย “หากพวกเจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อไว้อาลัยคนตาย เช่นนั้นพวกเจ้าก็มารนหาที่ตาย”
เขายื่นมือชี้นิ้วไปที่ทะเลอันไกลโพ้นอีกครั้งพร้อมพูดว่า “ที่แห่งนี้เป็นเหมือนสุสาน ทะเลแห่งนี้ราวกับโลงศพ มากเกินพอจะฝังเดรัจฉานอย่างพวกเจ้าร้อยคนพันคน ตอนนี้ข้าจะส่งพวกเจ้าลงนรกกับมือ!”
ตอนที่สิ้นเสียงเขาก็พุ่งขึ้นอากาศแล้ว
ตูม!
บนท้องฟ้าดวงดาวนับหมื่นปรากฏ ปลดปล่อยประกายดาราหมื่นล้านอาบเงาร่างหลินสวินจนเจิดจ้าสว่างไสว ไอสังหารอันน่ากลัวไร้ขอบเขตแพร่กระจายออกไป
พวกโม่เจินยิ้มเยาะในใจ ดูนิ่งมาก ไม่ตื่นตระหนกเลยสักนิด
พวกเขาเดาออกตั้งนานแล้วว่า หลินสวินกล้ารออยู่ที่นี่อย่างไม่เกรงกลัว ล้วนเพราะมีที่พึ่งพิง ส่วนที่พึ่งของเขาก็หนีไม่พ้นสมบัติอริยะและกระบวนผนึกมรรคราชัน
ภาพตรงหน้าไม่ได้ทำให้พวกเขาตกใจ
ทว่าเพียงพริบตาเดียวพวกเขาก็ชะงัก นัยน์ตาหดรัดโดยพลัน สังเกตเห็นว่าคลื่นต้องห้ามที่เคลื่อนอยู่ในฟ้าดินผืนนี้ แตกต่างจากกระบวนผนึกมรรคราชันอย่างสิ้นเชิง
“นี่คือพลังต้องห้ามไร้เทียมทานที่ปกคลุมอยู่ในทะเลหมากดารา เจ้าเดรัจฉานนี่คิดจะยืมดาบฆ่าคน!”
จงเหวินหย่วนแห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้าส่งเสียงตะโกน เปิดกล่องกระบี่ออกมา กระบี่สีเขียวยาวสามฉื่อเล่มหนึ่งพุ่งทะลวงฟ้าขึ้นมา
ชั่วขณะนั้นราวกับมีเทพกระบี่องค์หนึ่งปรากฏตัวกลางอากาศ ปลดปล่อยประกายคมอริยะมรรค!
กระบี่เทียมฟ้า!
กระบี่นี้โค้งงอบาดตา ไม่สามารถจ้องมองได้ มีอานุภาพอันน่ากลัวไม่อาจประเมิน เป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญพิทักษ์สำนักชั้นยอดของสำนักกระบี่เทียมฟ้า
ทันใดนั้นจงเหวินหย่วนเปลี่ยนเป็นหยิ่งยโสและมั่นใจอย่างที่สุด ไม่กระวนกระวายสักนิด
ในเวลาเดียวกัน…
ครืนโครม!
โม่เจินสะบัดมือคราหนึ่ง ตำหนักอมตะก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ราวกับหลอมจากสำริดโบราณ รอบๆ ตำหนักสลักลายมรรคคลุมเครือ เผยภาพอันยิ่งใหญ่อย่างสุริยันจันทราและหมู่ดาว ภูผาธาราไพศาลเป็นต้น
วู้ม!
ร่มคันหนึ่งกางออก พื้นผิวปรากฏรัศมีเทพสีม่วงเขียวสองสาย สำแดงเป็นภาพหยินหยาง ราวกับสามารถบดบังและแยกท้องฟ้า
ร่มรุ้งสมบัติม่วง!
ชายชราเคร่งขรึมของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณถือร่มขวางกั้นท้องฟ้า เงาร่างสูงใหญ่
ตูม!
แสงโลหิตบาดตาทั่วฟ้าปะทุขึ้น วิวัฒน์เป็นเงามายาเทพมารมากมาย พิทักษ์อยู่รอบๆ ประทับสีเลือด กู่ร้องกลางฟ้าดิน
ประทับนรกโลหิต!
อานุภาพรอบตัวโก่วหยางเจี่ยก็เปลี่ยนไปด้วย
ฉัวะ!
บรรทัดหยกเขียวที่รัดพันด้วยสายฟ้าสะดุดตาปรากฏขึ้น ก้าวเพียงสี่นิ้วมือ ยาวสองฉื่อ แต่ภายในกลับปลดปล่อยพลังแข็งกร้าวเผด็จการที่เพียงพอจะทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือน
บรรทัดสยบฟ้า!
สมบัติพิทักษ์สำนักของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ตอนนี้ถูกชายกลางคนรูปร่างอ้วนเตี้ยในชุดผ้าไหมคนหนึ่งควบคุม
ด้านสำนักยุทธ์สมุทรคราม ในมือบัณฑิตวัยกลางคนผู้หนึ่ง ตำราหยกสีทองโฉบเข้ามา รัศมีแสงทองอร่ามว่ายวน แผดเผาห้วงอากาศ
ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน สมบัติอริยะหกชิ้นปรากฏกลางฟ้าดินผืนนี้ เพียงแค่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็ทำให้เมฆลมเปลี่ยนสี ห้วงอากาศยุบทลายโอดครวญ
นี่เป็นภาพที่สามารถสะเทือนโลกอย่างไม่ต้องสงสัย ในอดีต การจะเห็นสมบัติอริยะชิ้นหนึ่งปรากฏยังเป็นเรื่องยาก แต่ตอนนี้กลับมีถึงหกชิ้น!
“เดรัจฉานน้อย เจ้ายอมให้จับโดยดีเถอะ ในสถานการณ์เช่นนี้เจ้าจะเอาอะไรมาสู้กับพวกเรา”
สีหน้าของโม่เจินเย็นชา คำพูดเต็มไปด้วยความดูถูก
เดิมทีสมบัติอริยะถูกพวกเขาเอามาใช้เพื่อสกัดคู่ต่อสู้ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ถือสาที่จะใช้สมบัตินี้ฆ่าหลินสวินก่อน
ดวงตาดำของหลินสวินหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะกลับสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว
สมบัติอริยะ?
อยู่ในความคาดหมายของเขาตั้งแต่แรกแล้ว!
“ในอดีตที่ผ่านมา แม้แต่อริยะเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ยังยากจะรอดออกไป สุนัขเฒ่าอย่างพวกเจ้า คิดว่าด้วยสมบัติแค่นี้ก็สามารถทำตามอำเภอใจได้แล้วหรือ”
เสียงของหลินสวินไม่ดัง แต่กลับเผยไอสังหารไร้จำกัด
“เฉือน!”
หลินสวินตะโกน ชิงลงมือก่อนแล้ว ประกายดวงดาวซึ่งไม่มีที่สิ้นสุดรวมตัวกันในอากาศ แปรเป็นดาบยาวเจิดจ้าตะลึงโลก ราวกับดาบตัดมหามรรค
จากนั้นเล็งไปที่โม่เจิน ฟันลงไป
ตูม!
ที่แห่งนี้ท้องฟ้าปั่นป่วน น้ำทะเลพลิกตลบ หนึ่งดาบฟันลงมา ฟ้าดินตะลึงเทพผีร่ำไห้ ราวกับบทลงโทษจากสวรรค์
“เด็กนี่ถึงกับใช้พลังต้องห้ามทะเลหมากดาราได้?”
โม่เจินสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตำหนักอมตะเปล่งแสงโดยพลัน ปลดปล่อยลำแสงสีสำริดทั่วฟ้า แปรเป็นเงามายาสูงใหญ่ กระแทกหมัดหนึ่งใส่ดาบยาวทันใด
โครม!
ทว่าเงามายาสกัดไว้ไม่ได้ ดาบยาวราวกับทัณฑ์สวรรค์ ฟันหมัดจนแหลกละเอียด ผ่าร่างกายมันออก แตกสลายกลายเป็นละอองแสงพันหมื่น
สุดท้ายดาบยาวร่วงลงไป ฟันใส่ตำหนักอมตะ เกิดเสียงปะทะสะเทือนหูขึ้นมา
ตำหนักอมตะส่ายสั่นคล้ายจะร่วงหล่น ลำแสงสั่นไหวรุนแรง ส่วนโม่เจินกลับถูกพลังสะท้อนกลับ ร่างกายประหนึ่งโดนสายฟ้าฟาด สั่นสะท้านอย่างรุนแรง ใบหน้างามซีดเซียว ปากกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
“เหตุใดจึงน่ากลัวเพียงนี้” โม่เจินพลันกรีดร้องออกมา
ระดับราชันคนอื่นๆ ก็ตกใจอย่างที่สุด เดิมทีพวกเขาคิดว่ามีสมบัติอริยะในมือ ก็ไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใดแล้ว การสังหารหลินสวินก็เหมือนกับบี้มดตัวหนึ่ง
ใครจะคิดว่าพลังต้องห้ามไร้เทียมทานที่ราวกับดาบตัดมหามรรคนั่นจะน่ากลัวเกินไปจริงๆ เหนือความคาดหมายของพวกเขา ทำให้พวกเขาทำอะไรไม่ถูก ขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“ฆ่า เข้าไปพร้อมกัน สังหารสุนัขตัวนี้ซะ!’
ระดับราชันคนอื่นๆ สบตากัน แล้วพุ่งออกไปพร้อมกัน
เพราะสิ่งที่โม่เจินประสบ ทำให้พวกเขาตระหนักได้ว่าพลังของทะเลหมากดารานั่นน่ากลัวเพียงใด ในใจต่างสะท้านไหว
อีกอย่างพวกเขาไม่อาจไปสนใจได้ว่า เหตุใดคนรุ่นเยาว์ระดับกระบวนแปรจุติอย่างหลินสวิน จึงสามารถใช้พลังของทะเลหมากดาราได้
เฉือน!
กระบี่เทียมฟ้าในมือจงเหวินหย่วนส่งเสียงครวญใส คมกระบี่ราวกับสายฟ้า ปลดปล่อยแสงอริยะมรรคเฉือนออกไปทันที
ตูม!
ประทับนรกโลหิตทะยานอากาศ เงามายาเทพมารทับซ้อนกัน กดข่มห้วงอากาศลงมาอย่างแรก
ฉึบ
ร่มรุ้งสมบัติม่วงหมุนอยู่กลางอากาศ ห้วงอากาศพลันระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ไอม่วงเขียวสองสายแปรเปลี่ยนเป็นหนึ่งมังกรหนึ่งเสือ กึกก้องจักรวาล
ในเวลาเดียวกันบรรทัดสยบฟ้าโฉบขึ้น ตำราหยกสีทองพุ่งขึ้นฟ้า…
ชั่วขณะนั้นกลางฟ้าดินมีสมบัติอริยะมากมายสำแดงฤทธิ์ เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ไม่มีที่สิ้นสุด ย้อมทะเลผืนนี้ให้เป็นสีสันงดงาม
กลิ่นอายทำลายล้างอันน่ากลัวไร้สิ้นสุด ราวกับพิบัติเคราะห์วันสิ้นโลกมาเยือน ถ้าเป็นราชันคนอื่นๆ คงถูกฆ่าในชั่วพริบตาแล้ว!
เพราะนี่ตะลึกโลกและน่ากลัวเกินไป แม้ราชันเหล่านี้ไม่สามารถใช้อานุภาพของสมบัติอริยะได้อย่างเต็มที่ แต่พลังระดับนั้นยังคงน่ากลัวอย่างเหนือจินตนาการ!
และตอนนี้ หลินสวินเองก็กำลังลงมือ
เขาก้าวย่างไปตามตำแหน่งดวงดาว ประกายดาราบนร่างกายยิ่งจรัสแสง ราวกับเป็นนายแห่งหมื่นดารา เพิ่มพูนคลื่นพลังต้องห้ามให้เขาอย่างไม่ขาดสาย
เขาอาบแสงดารา ทุกอณูรูขุมขนขยายออก เป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดินผืนนี้ ผสมผสานเข้าด้วยกัน เงาร่างยิ่งดูสว่างไสว
ตูม!
เงาร่างของหลินสวินขยับเบาๆ คราหนึ่ง พลังต้องห้ามแผ่ออกไปสิบทิศ ราวกับค่ายกลวัฏจักรดาราอันหนาแน่นคลุมเครือโคจรพลุ่งพล่าน
อานุภาพสมบัติอริยะที่พุ่งสังหารเข้ามา ถูกทะลวง ระเบิดและสลายไปในชั่วพริบตา!
เป็นไปได้อย่างไร
ราชันเหล่านั้นตกใจ ลูกตาแทบหลุดออกมา
ส่วนหลินสวินได้ก้าวออกไปตั้งนานแล้ว ราวกับเคลื่อนไหวในชั่วพริบตา ปรากฏตัวตรงหน้าโม่เจิน กำปั้นห่อหุ้มพลังต้องห้ามกระแทกออกไปอย่างแรก
ตูม!
ราวกับแสงดารากระแทกพื้น เจิดจ้ารุนแรง
โม่เจินใช้ตำหนักอมตะขวางกั้น กลับคิดไม่ถึงว่าสมบัติอริยะพิทักษ์สำนักของแดนพิสุทธิ์อมตะชิ้นนี้ ทันทีที่เข้าปะทะก็ถูกกระแทกจนปลิวไปทั้งอย่างนั้น เกิดเสียงคำรามราวกับจะฉีกแก้วหู
พรวด!
ในเวลาเดียวกันโม่เจินกระอักเลือดอีกครั้ง จิตวิญญาณสะเทือนอย่างรุนแรง เลือดลมตีกลับ ทรมานจนเกือบจะร่วงจากกลางอากาศ
และนี่ เป็นเพียงแค่อานุภาพหมัดเดียวของหลินสวินเท่านั้น!
ตอนที่ 1086 กำราบสมบัติอริยะ
โม่เจินร้องโหยหวน คิดไม่ถึงว่าตนจะต้านไม่ได้แม้แต่หมัดเดียวของหลินสวิน!
นี่สั่นสะท้านใจคนเกินไป
ตูม!
ประกายดาวเจิดจรัสผสานรวมหน้ากำปั้น ออกทะลวงสังหารอีกครา
ด้านหลังหมัดคือใบหน้าเยียบเย็นและเฉยเมยของหลินสวิน
ในช่วงวิกฤติหาใดเปรียบนี้ ริมฝีปากโม่เจินพลันเปล่งเสียงหวีดแหลมอย่างที่สุดออกมา
เหนือศีรษะนางควบรวมเป็นแมวยักษ์ขนดำสนิท นัยน์ตาเขียวมรกตตัวหนึ่ง กางกรงเล็บทะยานฟ้าพุ่งตะครุบหมัดหลินสวินเต็มแรง
นี่ก็คือพลังดั้งเดิมของโม่เจิน เดิมตัวนางคือทายาทเผ่าแมวเก้าหาง ขณะนี้เพื่อรักษาชีวิตได้ใช้พลังสายเลือดโดยไม่เสียดาย
แต่ทว่าเปล่าประโยชน์ ภายใต้การบุกสังหารของหมัดหลินสวิน เงามายาแมวยักษ์นั่นก็ถูกพิฆาตในชั่วพริบตา ระเบิดแหลกกลายเป็นฝนโลหิตทั่วฟ้า
เพียงแต่โม่เจินกลับฉวยโอกาสนี้เคลื่อนหลบห่างไกล
ใบหน้างามของนางซีดเผือด เส้นผมดำปรากฏสีขาวเทาชั้นหนึ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความตระหนกขุ่นเคืองและยากจะเชื่อ
ทุกอย่างดูเหมือนช้า แต่ความจริงล้วนสิ้นสุดชั่วพริบตา
เมื่อเห็นภาพหลินสวินสยบโม่เจินกับตาก็ทำให้ราชันคนอื่นตระหนกจนหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ รู้ว่าสถานการณ์อันตราย
คนหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกพวกเขาเห็นเป็นปลวกมด บัดนี้กลับสำแดงพลังน่าหวาดกลัวถึงขีดสุดเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจไม่ไหวหวั่น
“เร็วเข้า ลงมือพร้อมกัน! เด็กนี่สามารถยืมพลังต้องห้ามทะเลหมากดารา หากไม่ร่วมแรงร่วมใจกัน พวกเราใครก็อย่าได้คิดรอดจากไป!”
โม่เจินเปล่งเสียงตะโกนอาฆาต
ขณะกล่าวหลินสวินกลับไม่ชักช้าแม้แต่น้อย รุกไล่ต่อเนื่องหมายจัดการโม่เจินก่อน
ตูม!
ทว่ากระบี่เทียมฟ้าพาดขวางเข้ามา เปล่งแสงอริยมรรคราวไม่อาจทัดเทียม คมกริบสะท้านฟ้าดินประหนึ่งไม่อาจต้านทาน
เงาร่างหลินสวินพลันชะงักไป เหวี่ยงหมัดเข้าปะทะ
กระบี่นี้มาจากจงเหวินหย่วนแห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้า พร้อมๆ กับที่เขาบัญชากระบี่ขวางหลินสวินไว้ ก็ส่งเสียงตะโกนไปด้วย
“สหายยุทธ์โม่เจินกล่าวไม่ผิด พวกเราพกสมบัติอริยะติดตัวมา หากครั้งนี้ไม่สังหารเจ้าเดรัจฉานนี่ได้ ยังจะมีหน้ายืนหยัดในดินแดนรกร้างโบราณได้อย่างไร”
เสียงสะเทือนเลือนลั่นปั่นป่วนโดยรอบ
โม่เจินเรียกตำหนักอมตะออกมาผสานการโจมตีของจงเหวินหย่วน พุ่งสังหารหลินสวินจากอีกฝั่ง
“เด็กนี่ผงาดขึ้นเร็วเกินไป หากเขากลายเป็นราชัน ในระดับราชันใครยังจะเป็นคู่ต่อสู้เขาได้ วันนี้หากไม่กำจัดเขาให้สิ้นซาก วันหน้าก็คือตัวหายนะ!”
“ไม่ผิด เด็กนี่ครองสมบัติอริยะมีศุภโชคใหญ่ ครั้งนี้หากสามารถสังหารเขาได้ ข้ายินดีแบ่งปันสมบัติอริยะและวาสนาติดตัวเขา!”
ขณะต่อสู้จงเหวินหย่วนและโม่เจินต่างเอ่ยเชื้อเชิญราชันคนอื่นลงมือพร้อมกันไม่ว่างเว้น
ราชันคนอื่นๆ อีกสี่คนเห็นดังนี้แววตาวูบไหวไม่หยุด แต่สุดท้ายพลันกัดฟันกรอดเข้าร่วมศึก
หลินสวินอาจแข็งแกร่ง สามารถยืมพลังต้องห้ามของทะเลหมากดารา แต่พวกเขาเองก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน แต่ละคนต่างก้าวสู่ระดับราชันและครอบครองสมบัติอริยะ!
อีกทั้งก้นบึ้งของหัวใจพวกเขายังไม่อาจยอมรับ ว่าคนหนุ่มระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งจะสามารถต่อกรกับพวกเขาเหล่าราชันได้
ต่อให้พึ่งพาพลังต้องห้ามของทะเลหมากดารา แต่ก็ไม่มีทางยืนหยัดได้นานแน่!
ถึงอย่างไรสมบัติอริยะก็เหมือนกระบวนค่ายกลอริยะ หากไร้พลังและระดับขั้นที่คู่ควรกับมัน แม้สามารถใช้ประโยชน์ได้ แต่อานุภาพที่สำแดงออกมาก็มีจำกัด
กระทั่งยิ่งนานไปกลับ จะนำมาซึ่งความเสียหายมหาศาลไม่อาจคาดเดาแก่ตัวเอง!
หลินสวินมีปราณระดับกระบวนแปรจุติ นี่คือสิ่งที่แน่ใจได้ และเขายังอาศัยพลังต้องห้ามของทะเลหมากดาราต่อกรศัตรู ตัวเขาเองจะยืนหยัดได้นานเท่าไหร่กัน
ด้วยความเข้าใจนี้ เหล่าราชันจึงล้วนลงมือแล้ว!
…
พูดแล้วเหมือนช้า แต่ความจริงการต่อสู้ปะทุขึ้นนานแล้ว
ก็เห็นราชันหกคนควบคุมสมบัติอริยะนานัปการพุ่งสังหาร แต่หลินสวินไม่ตระหนกกลับยินดี!
ตูม!
ในห้วงนิมิตของหลินสวิน แผนภาพวัฏจักรดารากึกก้อง นัยเร้นลับในนั้นไม่ถึงหนึ่งในพันถูกหลินสวินควบคุมโดยสมบูรณ์ จากนั้นจึงถูกเขาใช้บนค่ายกลใหญ่วัฏจักรดาราในทะเลหมากดารา
แค่ชั่วพริบตาประกายดาวบนเวิ้งฟ้าหลั่งรินดั่งน้ำตกปกคลุมทั่วร่างหลินสวิน ทำให้อานุภาพพลังเขาเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น…
เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
เพราะนี่ไม่ใช่พลังที่เป็นของเขา แต่เป็นอานุภาพของคลื่นผนึกต้องห้าม เพียงแต่ถูกเขาใช้กระบวนค่ายกลควบคุมเท่านั้น
“ฆ่า!”
เงาร่างหลินสวินราววิวัฒน์จากแสงดารา ส่องประกายถึงขีดสุดและเปล่งแสงเจิดจ้าเหลือประมาณ ทั่วทั้งตัวเอ่อล้นด้วยคลื่นผนึกต้องห้ามเร้นลับน่าหวาดกลัว
ตัวคนเดียวเผชิญหน้าราชันหกคนที่ต่างถือสมบัติอริยะ ไม่ถอยร่นแต่กลับบุกเข้าไปสังหารด้วยตัวเอง หากแพร่ออกไปคงสั่นสะเทือนไปทั้งใต้หล้า
ใครจะกล้าอาจหาญเช่นนี้
ผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติคนไหนกล้าแข็งกร้าวเช่นนี้เล่า
ตูม!
ทันใดนั้นอาณาเขตทะเลแถบนี้มีแสงดาราโถมกระหน่ำ พลังหมัดปะทุพล่านทั่วสารทิศเป็นพันหมื่นทบ
พลังหมัดหลากสายนั่นประหนึ่งไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้ เปี่ยมพลานุภาพไร้เทียมทาน ซัดกระบี่เทียมฟ้าออก ทะลวงการปกคลุมของบรรทัดสยบฟ้า ทำลายประกายศักดิ์สิทธิ์ของตำหนักอมตะ…
หลินสวินปล่อยตัวไปตามหมัด ตัดขวางอหังการ
ฟ้าดินแถบนี้ต่างกำลังปั่นป่วนรุนแรง สมบัติอริยะลอยล่อง หมอกแสงดั่งพิรุณ คลื่นต่อสู้ชวนประหวั่นม้วนแผ่คลุมเก้าชั้นฟ้า สับสนอลหม่านถึงขีดสุด
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังต่อเนื่อง
เสียงกัมปนาทของสมบัติที่เข้าปะทะดังลั่น
สถานการณ์การต่อสู้ดั่งเพลิงโหมเติมเชื้อไฟ รุนแรงถึงขั้นไม่มีอะไรยิ่งกว่า!
แต่เหนือความคาดหมายทุกคน ราชันหกคนใช้สมบัติอริยะหกอย่าง อาศัยสถานการณ์ล้อมโจมตีจัดการหลินสวินคนเดียว แต่กลับไม่ได้เปรียบอะไร
กระทั่งล้วนไม่อาจสกัดการโจมตีของหลินสวินได้
นี่ทำให้พวกโม่เจิน จงเหวินหย่วนต่างสะท้านในใจ สีหน้าเคร่งครัดขึ้นเรื่อยๆ ประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้าย
แม้แต่อานุภาพแห่งสมบัติอริยะก็ไม่อาจกำราบเจ้าหนุ่มระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง ใครเล่าจะกล้าเชื่อ
ที่ทำให้พวกเขาตื่นตระหนกที่สุดคือ พลังต้องห้ามของทะเลหมากดารานั่นแม้แต่อริยะล้วนไม่กล้าล่วงล้ำเพียงก้าว เหตุใดกลับถูกหลินสวินใช้ประโยชน์
ปึง!
เวลานี้หลินสวินเหวี่ยงหมัดซัดตำหนักอมตะกระเด็นอย่างแข็งกร้าว โม่เจินโชคร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง จมูกปากกบเลือด
เวลาต่อมาหลินสวินพลันพุ่งแหวกอากาศ ใช้มือใหญ่ประกายดาราข้างหนึ่งที่วิวัฒน์มาจากคลื่นผนึกต้องห้ามบีบร่างโม่เจินไว้แน่น จากนั้นออกแรงเต็มกำลัง
โพละ!
โม่เจินเป็นถึงราชันที่ก้าวสู่อมตะเคราะห์ขั้นหนึ่ง แต่บัดนี้กลับประหนึ่งมดปลวกที่ถูกบีบกลางฝ่ามือ ไม่มีแม้แต่พลังจะดิ้นรนก็ถูกมือใหญ่บีบแหลก!
ร่างกายนางระเบิดออกกลายเป็นน้ำเลือด จิตสิ้นวิญญาณสลาย
นี่คือราชันคนแรกที่ตายลงนับแต่เปิดศึก!
ถึงแม้ก่อนหน้านี้โม่เจินถูกหลินสวินโจมตีจนบาดเจ็บหนัก แต่ตอนนี้เมื่อเห็นภาพตายอนาถหาใดเปรียบนั่นของนางก็ทำให้ราชันคนอื่นสูดหายใจเย็น จิตใจสั่นสะเทือนรุนแรง
ตำหนักอมตะล้วนไม่อาจปกป้องนางไว้ได้หรือ
นี่เป็นไปได้อย่างไร!?
การตายของโม่เจินเหมือนน้ำเย็นถังหนึ่งสาดใส่ศีรษะเหล่าราชัน ทำเอาพวกเขาใจสั่น สัมผัสได้ถึงแรงกดดันถึงชีวิต!
ยามมองไปทางหลินสวินอีกครั้ง นอกจากความตระหนกขุ่นเคืองและยากจะเชื่อแล้ว สีหน้าพวกเขายังเจือความหวาดหวั่นและกริ่งเกรงสุดขั้ว
กระทั่งพวกเขาต่างมั่นใจว่าราชันแปดคนที่มาสังหารหลินสวินเป็นกลุ่มแรก เกรงว่าคงเหมือนที่หลินสวินกล่าวไว้ ถูกฝังกลบในทะเลนี้นานแล้ว!
ตูม!
ตำหนักอมตะส่องสว่าง ประกายอริยะไหลบ่า กลายเป็นแสงเคลื่อนสายหนึ่งหมายหลบหนี
นี่ก็คือสมบัติอริยะ มีจิตวิญญาณอยู่ก่อนแล้ว เมื่อไร้คนควบคุมเจตจำนงในสมบัติจะโคจรด้วยตัวเอง หวนกลับสู่มือเจ้าของเดิม
ก่อนหน้านี้ตอนสังหารอวี่หลิงคงครั้งแรกที่เทศกาลโคมกถามรรค หลินสวินก็เคยเจอครั้งหนึ่ง ตอนนั้นก็เป็นตำหนักอมตะนี่ที่ทำให้อวี่หลิงคงรักษาชีวิตไว้ได้
บัดนี้เหตุการณ์คล้ายคลึงกันดูเหมือนจะเปิดฉากอีกครั้ง
“สยบ!”
แน่นอนว่าหลินสวินไม่มีทางยอมเห็นภาพนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง เขาตวาดลั่นก้าวสู่ห้วงอากาศ คลื่นผนึกต้องห้ามไร้สิ้นสุดกลายเป็นรุ้งดาราหลากสาย ทะลวงเมฆาพุ่งไปกำราบตำหนักอมตะ
ปึงๆๆๆ
เสียงปะทะน่าหวาดกลัวดังขึ้น ตำหนักอมตะมีพลังกฎระเบียบอริยมรรคไหลเวียน สลายพลังต้องห้ามที่พุ่งซัดมาจากทั่วสารทิศไม่หยุด
แต่เห็นชัดว่าสุดท้ายมันก็ไม่สามารถต้านทาน ถูกอัดเข้าสู่ส่วนลึกของน้ำทะเลสีเงินที่ม้วนซัดรุนแรงนั่น
จากนั้นก็เงียบสงบลง
ไม่ทะยานออกมาอีก!
ราชันคนอื่นเห็นดังนี้ต่างหยุดการจู่โจมในมือ ถูกทำให้ตระหนกจนขนพองสยองเกล้า ทั่วร่างแข็งทื่อดั่งตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง
นั่นเป็นถึงสมบัติอริยะ!
คือสมบัติพิทักษ์สำนักที่เลื่องชื่อลือนามที่สุดของแดนพิสุทธิ์อมตะ!
ถูกกำราบลงเช่นนี้ได้อย่างไร
นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว ควรรู้ว่าสมบัติอริยะแต่ละชิ้นต่างประทับกฎเกณฑ์อริยมรรค ภายในแฝงวิญญาณอาวุธ มีอานุภาพพอทัดเทียมอริยะ
หากสมบัติอริยะคิดหนีก็แทบไม่อาจขวาง!
แต่ทว่าตอนนี้ตำหนักอมตะกลับถูกกำราบสู่ก้นทะเลสีเงินนั่นไม่เห็นร่องรอย นี่จะไม่ให้ราชันคนอื่นตกใจได้อย่างไร
และตอนนี้เงาร่างหลินสวินพลันส่องประกาย ฉวยโอกาสนี้พุ่งสังหารจงเหวินหย่วน
ไม่มีใครนั่งรอความตาย โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งที่สามารถกลายเป็นราชัน ไม่มีสักคนไม่ใช่บุคคลที่ฝีมืออำมหิต อุดมไปด้วยประสบการณ์ต่อสู้
เมื่อเห็นหลินสวินพุ่งเข้ามา จงเหวินหย่วนกระตุ้นกระบี่เทียมฟ้าโดยไม่ลังเล ซัดประกายกระบี่เจิดจรัสราวฉีกกระชากเวิ้งฟ้าสายหนึ่งออกมา
ปึง!
ดาบสวรรค์ที่แปรมาจากผนึกต้องห้ามโฉบสะบั้นทุกอย่างแหลกละเอียดง่ายดาย และหลินสวินก็ใช้หนึ่งหมัดซัดใส่จงเหวินหย่วน
ฝ่ายหลังกระโจนถอย กระบี่เทียมฟ้าส่งเสียงบางเบา ระเบิดเจตกระบี่แรงกล้าแหวกสังหารเต็มกำลัง
ทว่าการโจมตีที่สามารถสังหารระดับราชันเช่นนี้ ขณะนี้กลับทำลายแม้แต่พลังหมัดของหลินสวินไม่ได้ ถูกกำราบจนคร่ำครวญไม่หยุด
ตูม!
สุดท้ายกระบี่เทียมฟ้ากระเด็นหลุดจากมือ พลังหมัดหลินสวินรุกเข้าไปเหมือนผ่าลำไผ่ ปกคลุมตัวจงเหวินหย่วน
“ไม่…!” จงเหวินหย่วนตกใจตะโกนลั่น ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง แต่สุดท้ายเขาก็ถูกพลังหมัดส่องประกายนั่นระเบิดร่าง
พลังจิตของเขาทะยานออกลุกลี้ลุกลนหมายหลบหนี แต่กลับถูกหลินสวินคว้าขยี้เต็มแรง
ละอองแสงพลังจิตโปรยปราย งามตระการดุจภาพฝัน ขับเน้นจนหลินสวินประหนึ่งเทพมารไม่อาจทัดเทียมตนหนึ่ง น่าหวาดกลัวไร้ขีดจำกัด
ปึง!
แต่เวลาเดียวกันด้านหลังหลินสวินก็เจอการโจมตีน่าสะพรึง ถูกบรรทัดสยบฟ้าเขียวอร่ามฟาดลงแผ่นหลังเต็มแรง
เป็นราชันของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ที่ทำการลอบโจมตี อาศัยช่องว่างช่วงจงเหวินหย่วนถูกสังหาร ฟาดโดนหลินสวินในคราเดียวเต็มมือ
แต่ยังไม่รอให้ราชันผู้นี้ยินดี ก็เห็นบนแผ่นหลังหลินสวินพลันปรากฏสัตว์เทพฟู่ซี่ตัวหนึ่ง ทั้งตัวห้อมล้อมด้วยคลื่นผนึกต้องห้ามชวนปะหวั่น กรงเล็บเหยียดซัดบรรทัดสยบฟ้ากระเด็นไปยังฟ้าสูงนอกระยะหลายพันจั้ง
ราชันคนนั้นแผดร้องกระอักเลือดราวถูกสายฟ้าฟาด โดนพลังสะท้อนกลับ
เขาตื่นตระหนกหาใดเปรียบ ลุกลี้ลุกลนถอยหลบ
ทว่าหลินสวินไม่สนใจเขา หลังถูกลอบโจมตีเช่นนี้หลินสวินยังไม่หันมามองด้วยซ้ำ แต่กลับกำลังกำราบกระบี่เทียมฟ้า!
ครืนๆ
ระหว่างผืนทะเลและท้องฟ้า คลื่นผนึกต้องห้ามชวนประหวั่นกลายเป็นรุ้งเทพประกายดาวปกคลุมฟ้าดิน
กระบี่เทียมฟ้าถือเป็นสมบัติพิทักษ์สำนักของสำนักกระบี่เทียมฟ้า เทียบพลังสังหารกับตำหนักอมตะแล้วยังแกร่งกว่าอยู่บ้าง
แต่เพียงชั่วพริบตา กระบี่เทียมฟ้าก็ต้านไม่อยู่ถูกสยบลงทะเลนั่น ส่งเสียงคร่ำครวญราวไม่พอใจ
จากนั้นก็เหมือนตำหนักอมตะ ไม่มีการเคลื่อนไหวอีก
สมบัติอริยะชิ้นที่สองถูกกำราบแล้ว!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น