Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1059-1064

 ตอนที่ 1059 รู้ใจ

 

ฝนวิญญาณเทพสามารถทำให้ผู้ฝึกปราณฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและความเสียหาย คืนสู่สภาพยอดเยี่ยมในชั่วพริบตา!


ก่อนหน้านี้ก่อนการประลองรอบแรกเริ่มต้นก็มีฝนวิญญาณเทพโปรยปรายลงมา ไม่เช่นนั้นหากกรำศึกผลาญพลังต่อไป แม้เป็นเหล่าผู้กล้าชั้นยอดก็คงทนไม่ไหว


หลินสวินสัมผัสได้ถึงพลังปราณที่ฟื้นฟูขึ้นมาก็ทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ พลังกฎระเบียบของภูเขาเทพไร้มรณะนี้ช่างอัศจรรย์เหลือเกิน เรียกได้ว่าปาฏิหาริย์


หลินสวินสูดหายใจลึก เริ่มใคร่ครวญการประลองลำดับต่อไป


หลังผ่านการประลองรอบแรก พวกเขาผู้กล้าขอบเขตมกุฎทั้งสิบแปดได้ดันตนขึ้นสู่สิบแปดอันดับแรกของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์


กล่าวอีกนัยหนึ่ง การประลองลำดับถัดไป ที่จะแย่งชิงก็คือตำแหน่งในสิบแปดอันดับแรก


การแข่งขันเช่นนี้ต้องอันตรายและยากลำบากกว่าโดยไม่ต้องสงสัย


ถึงอย่างไรการดันตนขึ้นสู่กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์เดิมก็ไม่ง่ายดายอยู่แล้ว และพวกที่สามารถแสดงความโดดเด่นจากการประลองรอบแรกได้ ต้องเป็นบุคคลชั้นยอดหาใดเปรียบ!


แน่นอนว่ามีข้อยกเว้น ตัวอย่างเช่นฉู่เป่ยไห่โชคร้ายยิ่งที่เจอกับมารกระบี่เยี่ยเฉิน หรืออย่างชิงเหวินเจวี้ยนที่มาเจอหลินสวินอย่างน่าเศร้า


จากพลังต่อสู้ที่แท้จริงของสองคนนี้ หากไม่ใช่ว่าโชคไม่เข้าข้างอยู่บ้าง การดันตนขึ้นสู่สิบแปดอันดับแรกของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์คงไม่ใช่ปัญหา


ทว่านี่ก็คือการต่อสู้แย่งชิง โชคถือเป็นศักยภาพอย่างหนึ่ง!


ถ้าไม่อย่างนั้นเหล่าผู้กล้าทรงพลังคงไม่มารวมตัวบนภูเขาเทพไร้มรณะนี่ เพื่อแย่งชิงโชควาสนามหามรรคอย่างเอาเป็นเอาตาย


ยิ่งไปกว่านั้น หากไร้โชควาสนาไหนเลยจะสามารถกลายเป็นราชัน


‘การประลองรอบสอง ยอดมกุฎรุ่นเยาว์ทุกคนล้วนมีโอกาสต่อสู้สามครั้ง’


‘ผู้ชนะทั้งสามการประลอง แน่นอนว่าจัดอยู่ในอันดับต้นๆ สามารถทำการต่อสู้รอบสุดท้าย’


‘ผู้ที่ชนะสองพ่ายหนึ่ง แม้สามารถผ่านการประลองรอบที่สอง แต่อันดับคงไม่อาจสูงนัก’


‘ผู้ชนะหนึ่งแพ้สอง ความเสี่ยงที่จะถูกคัดออกนั้นมีมาก’


‘ผู้พ่ายแพ้ทั้งสามการประลอง แน่นอนว่าต้องถูกคัดออก’


หลินสวินครุ่นคิด วิเคราะห์กฎของการประลองรอบที่สอง


ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นบอก พลังกฎระเบียบของภูเขาเทพไร้มรณะได้ประทับกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการประลองบนศิลามังกรขดไว้แล้ว สัมผัสเพียงเล็กน้อยก็สามารถเข้าใจได้


‘หากยึดตามกฎการประลองนี้ ไม่ว่าใครคงได้แค่หาคู่แข่งที่สามารถเอาชนะมาประลองด้วย’


‘ทว่าโอกาสการประลองของแต่ละคนมีแค่สามครั้ง อีกทั้งมีโอกาสเลือกคู่ต่อสู้เพียงครั้งเดียว ที่เหลืออีกสองครั้งได้แค่รับการท้าทายของคนอื่นเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ตัวแปรก็มากขึ้น…’


หลินสวินใคร่ครวญในใจ


ตัวแปรเยอะมากจริงๆ ก็เหมือนหากหลินสวินลงสนาม แน่นอนว่าสามารถเลือกคู่แข่งมาประลอง


แต่เช่นเดียวกัน เมื่อคนอื่นลงสนามก็สามารถเลือกหลินสวินมาต่อสู้!


นี่ยากจะวิเคราะห์ว่าตนจะเจอคู่แข่งคนไหนกันแน่


แน่นอนว่าสามารถปฏิเสธการท้าทายของคนอื่น


แต่การปฏิเสธต้องจ่ายค่าตอบแทน ทุกครั้งที่ปฏิเสธ โชควาสนามหามรรคบนศิลามังกรขดของตนจะถูกอีกฝ่ายเอาไปส่วนหนึ่ง!


หากไม่จำเป็น ไม่ว่าใครคงไม่เลือกปฏิเสธแน่ ถึงอย่างไรโชควาสนามหามรรคก็ได้มาไม่ง่าย ใครจะยอมปล่อยไป


ขณะที่หลินสวินใคร่ครวญ ยอดมกุฎรุ่นเยาว์คนอื่นก็วิเคราะห์ในใจ


การประลองรอบที่สองความไม่แน่นอนมากนัก ตัวแปรก็เยอะมาก ไม่ว่าใครล้วนไม่กล้าประมาทละเลย


‘หลินสวิน!’


‘หลินสวิน!’


‘หลินสวิน!’



แต่สำหรับพวกจินมู่อวิ๋น หลี่ชิงผิง อวี่หลิงคง โก่วเหยียนเจิน หลังจากเข้าใจกฎ คู่แข่งคนแรกที่อยากท้าทายซึ่งนึกได้ในหัวก็คือหลินสวิน!


พวกเขาต่างเห็นหลินสวินเป็นศัตรูด้วยสาเหตุต่างกันไป แทบอยากสังหารเขานานแล้ว


แต่หลังจากสงบสติอารมณ์ พวกเขากลับลังเลอยู่บ้าง


เห็นฝีมือที่หลินสวิน ‘ครองภูผา’ กับตา ทั้งเป็นพยานการต่อสู้ที่เขากำราบชิงเหวินเจวี้ยน ทำให้ในใจพวกเขาล้วนสงสัยและกริ่งเกรงในพลังต่อสู้ของหลินสวินไม่หยุด


และในการประลองรอบที่สอง โอกาสท้าสู้ด้วยตัวเองมีแค่ครั้งเดียว การประลองอีกสองครั้งกลับเต็มไปด้วยตัวแปร


เพื่อป้องกันการเกิดผลลัพธ์ที่แย่ที่สุด วิธีการอันชาญฉลาดคือเลือกเป้าหมายที่สามารถเอาชนะได้มาโจมตีก่อน


‘ทำอย่างไรดี’


‘กฎการประลองรอบที่สองนี้ช่างน่าชิงชังจริงๆ’


‘ไม่สนแล้ว ถึงเวลาค่อยปรับตัวตามสถานการณ์แล้วกัน’


‘หากมีโอกาสท้าทายเทพมารหลินจริง เช่นนั้นก็… สู้!’


พวกจินมู่อวิ๋นความคิดต่างกันไป ทำการตัดสินใจไม่เหมือนกัน นี่ก็คือการประเมินสถานการณ์ ผู้ที่สามารถมามาถึงขั้นนี้ไม่มีสักคนที่โง่เขลา


แต่สุดท้ายใครก็ไม่อาจทำการวางแผนได้รอบคอบ


รวมถึงหลินสวิน


เพราะกฎการประลองรอบที่สองนี้ตัวแปรมากเกินไป ไม่มีใครรู้ว่าผู้ใดจะลงสนามเป็นคนแรก และไม่รู้ว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายท้าทายใคร


ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อย่างมากคงได้แค่พลิกแพลงตามสถานการณ์!


ก็เหมือนพวกจินมู่อวิ๋น ต่างคิดฉวยโอกาสนี้กำราบหลินสวิน แต่โอกาสการประลองรอบที่สองมีแค่สามครั้ง อีกทั้งครั้งหนึ่งในนั้นยังเป็นหลินสวินที่ตัดสินใจ


เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาสี่คนไม่ว่าเป็นฝ่ายท้าทายหรือถูกท้าทาย อย่างน้อยต้องมีคนหนึ่งที่ไม่มีโอกาสประลองกับหลินสวิน


หากสถานการณ์เลวร้ายที่สุด พวกเขาอาจถึงขั้นไม่มีใครได้ประลองกับหลินสวินเลย


ณ เชิงเขา ผู้ชมการประลองมากมายกำลังวิเคราะห์ แต่สุดท้ายก็ต่างปวดหัวไม่หยุด


ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากตัวแปรเยอะเกินไป!



หืม?


ทันใดนั้นหลินสวินที่กำลังใคร่ครวญนัยน์ตาดำพลันหดรัดลง พริบตาต่อมาเขาก็ถูกพลังกฎระเบียบไร้รูปสายหนึ่งเคลื่อนย้ายมายังสนามประลองตรงกลาง


เห็นชัดว่าการประลองรอบที่สองได้เปิดฉากแล้ว และเขาก็เป็นคนแรกที่ลงสนาม


เห็นดังนี้พวกจินมู่อวิ๋นหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เทพมารหลินลงสนามคนแรก ต้องเลือกคนหนึ่งในพวกเขามาประลองแน่ นี่ไม่จำเป็นต้องคิด!


ณ เชิงเขา ผู้ชมการประลองทั้งหมดต่างตกใจ เทพมารหลินลงสนามคนแรก? เขาจะเลือกใครมาสู้ด้วย


‘โก่วเหยียนเจิน!’ จ้าวจิ่งเซวียนแอบกล่าวในใจ


ก็เห็นบนสนามประลองโชควาสนา นัยน์ตาดำหลินสวินพลันเคลื่อนกวาด ยอดมกุฎรุ่นเยาว์ที่สบตาเขาแต่ละคนล้วนสีหน้าต่างกันไป บ้างกระตือรือร้นอยากลอง บ้างหวาดกลัวและจริงจัง


กระทั่งยังมีคนหลบสายตาคล้ายกลัวถูกหลินสวินเลือก


ยามสายตาหลินสวินมองไปยังจินมู่อวิ๋น ฝ่ายหลังแค่นเสียงเย็นชา ในดวงตาสาดประกายคมปลาบดุดัน


ยามมองไปทางอวี่หลิงคง ฝ่ายหลังกลับสีหน้าเยียบเย็น ในดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกเคียดแค้นชิงชังชวนประหวั่น


ยามมองไปทางหลี่ชิงผิง สีหน้าฝ่ายตรงข้ามเย็นชา ริมฝีปากโค้งราวยั่วยุ


หลินสวินหยุดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เลื่อนสายตาไปยังโก่วเหยียนเจิน


“เจ้าลูกหมา รีบมานี่” เขากวักมือเรียก ยิ้มบางๆ เปิดเผยอบอุ่นคล้ายเรียกสัตว์เลี้ยงของตัวเอง


เป็นจริงดังคาด!


จ้าวจิ่งเซวียนยิ้มรู้ทัน ใบหน้าผุดผ่องงามสง่า ราวดอกบัวหลังฝนงามชื่นโดดเด่น


การคาดเดาเช่นนี้มาจากความเข้าใจ และเป็นการรับรู้ราวสื่อจิตถึงกันอย่างหนึ่ง จนบัดนี้ยังไม่เคยพลาด


คนอื่นต่างแอบเป่าปากโล่งอกไม่มากก็น้อย


ถามใจดูใครก็ไม่อยากเจอเทพมารหลินตั้งแต่รอบแรก ปะทะกับเขาบางทีอาจชนะ แต่คงยากลำบากยิ่ง


แน่นอนว่าเหล่าบุคคลอย่างเยี่ยเฉิน เซี่ยวชางเทียนไม่วิตก ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ


นี่มาจากความมั่นใจต่อศักยภาพของตน ไม่ว่าท้าทายด้วยตัวเองหรือถูกเชิญประลอง ล้วนไม่เพียงพอให้หวาดกลัว!


“หลินสวิน รู้ไหมว่าเจ้ารนหาที่ตายเอง!” โก่วเหยียนเจินสีหน้าอึมครึม


ถูกหลินสวินเลือกทำให้ในใจเขาอึดอัดนัก ในสายตาเขาตนเป็นมะพลับนิ่มที่บีบขยำได้ตามใจหรือไร


“เจ้าลูกหมา อย่ามัวแต่เห่าหอน ถ้ากล้าก็ไสหัวมา” หลินสวินกล่าวราบเรียบ


ภายใต้สายตาที่จับจ้อง หลินสวินคำก็ลูกหมาสองคำก็ลูกหมา ทำให้โก่วเหยียนเจินไอสังหารพรั่งพรูไม่อาจอดกลั้นอีก


เขาพลันแหงนหน้าขึ้นกู่ร้องเสียงยาว เงาร่างพริบไหวพุ่งทะยานมาบนสนามประลองโชควาสนา


“ในเมื่อเจ้ารีบรนหาที่ตาย ข้าจะให้เจ้าสมปรารถนา!”


โก่วเหยียนเจินสีหน้าทะมึน เขาสวมชุดคลุมดำ ทั่วร่างมีแสงโลหิตเหี้ยมโหดอหังการแผ่พุ่ง ประหนึ่งอสูรโลกันตร์เยือนพิภพ พลานุภาพน่าสะพรึงยิ่งยวด


ชั่วขณะทุกสายตาต่างมองไปจุดเดียวโดยพร้อมเพรียง


วิธีการของโก่วเหยียนเจินอาจวิปริตไม่เท่าชิงเหวินเจวี้ยน แต่กล่าวถึงความโหดเหี้ยม กลับเป็นสิ่งที่ชิงเหวินเจวี้ยนเทียบไม่ติด!


ในการครองภูผาก่อนหน้านี้ ไม่รู้มีผู้กล้าถูกเขาฉีกกระชากทั้งเป็นเท่าไหร่ วิธีต่อสู้ที่เหี้ยมโหดและนองเลือดนั้นทำให้ผู้ชมการประลองจำฝังใจนานแล้ว


ตูม!


ทันทีที่ก้าวสู่สนามประลอง โก่วเหยียนเจินก็ออกโจมตี เห็นชัดว่าควบคุมจิตสังหารไม่อยู่ เพียงก้าวออกมาห้วงอากาศล้วนปั่นป่วน


เขาประดุจอสูรตนหนึ่ง สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าผมยาวทั้งศีรษะของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดในชั่วพริบตา นัยน์ตาทั้งคู่แดงก่ำดุจเพลิงผลาญ อานุภาพทั่วร่างเปี่ยมความอำมหิตถึงขีดสุด


“เฉือน!”


ในมือเขาไม่รู้ว่ามีดาบแหลมแคบยาวสีเลือดเล่มหนึ่งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร โฉบทะลวงอากาศ ม้วนตลบมาเยือนดั่งธารโลหิตอเวจี


ครืนๆ


ณ ที่นั้นแสงโลหิตเจิดจ้า เสียงกัมปนาทดังต่อเนื่อง ไอสังหารมืดมนเผด็จการตวัดฟาดดั่งลมพายุทั่วทิศ


“แข็งแกร่งนัก!”


“นี่ก็คือพลังที่ถูกมองว่าเป็นมหามรรคอสูรมายาทมิฬหรือ น่าหวาดกลัวไร้ขีดจำกัดดังคาด!”


ทุกคนนอกสนามกลั้นหายใจจดจ่อ แววตาเจือความตระหนก ทันทีที่โก่วเหยียนเจินออกเคลื่อนไหวก็ใช้วิธีที่แข็งแกร่งที่สุด เห็นชัดว่าเขาเข้าใจพลังต่อสู้หลินสวิน การหยั่งเชิงและเก็บงำไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง


‘ควรสำแดงวิธีอื่นบางส่วนแล้ว’


อันที่จริงหลินสวินตั้งใจว่า จะสังหารโก่วเหยียนเจินภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ใช้ดาบหัก


เพียงแต่หากเป็นเช่นนั้นคงต้องโคจรนัยเร้นลับโทสะหยาจื้อและเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ถึงขีดสุด อย่างนั้นคงสะเทือนใต้หล้าเกินไป


ไพ่ตายแต่ละอย่างต่างควรมีเหลือ จึงจะไม่ถูกคนมองตื้นลึกหนาบางออก!


ชิ้ง!


ดาบหักเจิดจ้าดุจหิมะพลันปรากฏ พื้นผิวคมดาบมีลายมรรคเร้นลับไหลหลั่ง พริบตานั้นลำนำดาบดุจกระแสธาร สะท้อนก้องเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน


กระบวนท่าคว้าดารา!


เงาร่างหลินสวินพุ่งทะยาน ดาบหักถูกควบคุมอยู่ภายใต้จิตรับรู้อันยิ่งใหญ่หาใดเปรียบของเขา ฟาดฟันลงกลางอากาศ


ตูม!


เสียงปะทะดังสนั่นรุนแรง ห้วงอากาศกลางสนามประลองปั่นป่วนโดยสมบูรณ์ เหมือนดั่งสุริยันจันทรามาปะทะ ประกายศักดิ์สิทธิ์ถาโถมแผ่กระจาย ทำให้ฟ้าดินส่งเสียงกัมปนาท


“ฆ่า!”


ภายใต้การโจมตีเดียวทั้งสองไม่อาจตัดสินผลแพ้ชนะ ต่างบุกจู่โจมอีกครั้งโดยไม่ลังเล สำแดงพลังต่อสู้ในวิถียุทธ์ของตน


ก็เห็นบนสนามประลองนั่นราวอสูรโลหิตและเทพมารกำลังช่วงชิงความเป็นใหญ่ พุ่งเข้าสังหารฟาดฟันจนมืดฟ้ามัวดิน ผีร่ำไห้เทพโหยหวน ดั่งมาเยือนนรกภูมิแดนเซินหลัว


“น่ากลัวนัก! หากเปลี่ยนเป็นราชันกึ่งระดับมาเข้าใกล้คงถูกกำจัดทิ้งในชั่วพริบตา! นี่หรือคือพลังที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งมกุฎ”


ผู้ชมการประลองใจสั่นสะท้าน คนมากมายล้วนไม่อาจจินตนาการว่าการปะทะของพลังแห่งขอบเขตมกุฎจะแข็งแกร่งและพลิกฟ้าเช่นนี้ ทำลายความเข้าใจที่พวกเขาเชื่อมั่นอย่างสิ้นเชิง


เปรียบเทียบกันแล้ว การประลองก่อนหน้าของหลินสวินกับชิงเหวินเจวี้ยน เห็นได้ชัดว่าด้อยกว่าถึงสามส่วน!

 

 

 


ตอนที่ 1060 อานุภาพแห่งกระบวนเฉือนเกิ...

 

โก่วเหยียนเจินดั่งแปลงเป็นอสูรโลกันตร์ ผมโลหิตดุจเพลิงผลาญ ทั่วร่างมีแสงโลหิตพลุ่งพล่าน


พร้อมๆ กับที่เขาเคลื่อนเข้าต่อสู้ กลางอากาศปรากฏเงามายาราวอสูร ยักษา มารร้ายหลากหลายตนแผดคำรามก้องฟ้าดิน ซึมจิตชิงวิญญาณ


ท่ามกลางความพร่าเลือน ในลานประลองประหนึ่งกลายเป็นนรกขุมทมิฬ และโก่วเหยียนเจินก็คือจอมราชัน ทำให้ผู้ชมการประลองไม่น้อยต่างมองด้วยใจสั่นสะท้านไม่หยุด


หลินสวินกลับเงาร่างดุจห้วงมายา ดาบหักดั่งอาวุธดุดันพลิกฟ้า ประกายดาวร้อยล้านดวงแผ่พุ่ง ดุจน้ำตกธารดาราหลากสายม้วนแผ่ลงจากสวรรค์ ดุดันเผด็จการ ไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้


ทั้งคู่ต่อสู้อยู่บนสนามประลองตรงกลาง ทำให้ทุกคนสับสนตาลาย อกสั่นขวัญแขวน


“พวกเจ้าว่าห้ำหั่นกันเช่นนี้ต่อไป ใครจะแพ้ใครจะชนะ”


“โก่วเหยียนเจินใช้พลังมหามรรค ‘อสูรมายาทมิฬ’ ที่สำแดงคือความเร้นลับแห่ง ‘วิชาแปรโลหิตเซินหลัว’ พลังทำลายล้างน่าอัศจรรย์ โอกาสชนะของเขาต้องมากกว่าอยู่บ้างโดยไม่ต้องสงสัย”


“ดาบหักในมือเทพมารหลินนั่นคือศาสตราจิต พลานุภาพมหัศจรรย์เกินคาดเดา ทั้งเขายังบรรลุมหามรรคธาตุน้ำถึงขั้นแก่นมรรค ทุกการโจมตีล้วนมีอานุภาพเกรียงไกรมหาศาล ไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้ จากมุมมองของข้า เขาน่าจะได้หัวเราะทีหลัง”


“อันที่จริงหากบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่จะดีที่สุด! โก่วเหยียนเจินชวนให้รู้สึกรังเกียจ เทพมารหลินนั่นมีหรือไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกต่อต้าน”


เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นโดยรอบ ผู้ชมการประลองคิดเห็นต่างกันไป


ตูม!


ในสนามประลองโก่วเหยียนเจินนัยน์ตาแดงก่ำ หลังปะทะกับหลินสวินครู่หนึ่งเขาอดยิ้มเย็นไม่ได้ “หลินสวิน ป่านนี้แล้วเจ้ายังคิดเก็บงำไพ่ตายอีกรึ มีฝีมืออะไรก็ปล่อยออกมาให้หมด อย่าทำให้ข้าดูถูกเจ้า!”


ขณะกล่าวมือซ้ายที่ว่างเปล่าของเขาพลันปรากฏแส้ยาวโลหิตเส้นหนึ่ง แบ่งเป็นเจ็ดสิบสองปล้องราวกระดูกสันหลัง เพียงสะบัดแผ่วเบาเงาแส้พลันเต็มฟ้า ห้วงอากาศไหวเคลื่อน ก่อนวิวัฒน์เป็นเงามายาอสูรยักษามากมาย พุ่งสังหารไปทางหลินสวิน


แส้อสูร!


พริบตานั้นพลังต่อสู้ของโก่วเหยียนเจินพุ่งทะยานอีกครั้ง หนึ่งดาบหนึ่งแส้ อานุภาพการโจมตีดั่งมรสุมคลั่ง มืดฟ้ามัวดิน ทำให้ยอดมกุฎรุ่นเยาว์ไม่น้อยต่างหน้าเปลี่ยนสีอยู่บ้าง


ขณะเดียวกันหลินสวินก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาล


เทียบกับชิงเหวินเจวี้ยนแล้ว เห็นชัดว่าโก่วเหยียนเจินทรงพลังกว่าไม่น้อย


ไม่ใช่เพราะพลังต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งกว่าชิงเหวินเจวี้ยน แต่เป็นพลังมหามรรคอสูรมายาทมิฬที่เขาครอบครอง จัดเป็นมหามรรคพิเศษซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าสิบเก้ามหามรรคบนกระดานมรรคเทียมฟ้า พลานุภาพระดับนั้นแข็งแกร่งเกินไป


ปึงๆๆ


ดาบหักดั่งแสงไหลเคลื่อน หลังสลายการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม หลินสวินก็ถูกกระเทือนจนถอยร่นนอกระยะสิบกว่าจั้ง


นี่ทำให้ผู้ชมการประลองไม่มีใครไม่สูดหายใจหนาวเยือก ต่างคิดไม่ถึงว่าโก่วเหยียนเจินจะดุดันถึงขั้นนี้ แม้แต่คนอย่างเทพมารหลินยังถูกกำราบ


แต่สีหน้าหลินสวินกลับไม่ตระหนก นัยน์ตาดำวาบแววเยียบเย็นไม่อาจอธิบาย กล่าวว่า “จัดการลูกหมาอย่างเจ้า ดาบหักเล่มเดียวก็เพียงพอ!”


ตูม!


ในสนามประลองทั้งสองห้ำหั่นกันอุตลุดอีกครั้ง พื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยหมอกโลหิตแผ่ไพศาล เงามายานานัปการเผยปรากฏ


ต่อสู้มาถึงขั้นนี้ สิ่งที่ประลองกันคือรากฐานบนมกุฎมรรคา!


รากฐานนี้ไม่เกี่ยวข้องกับปราณเท่าไร แต่บ่งชี้ถึงพลังมหามรรค วิชาลับวิถียุทธ์ที่ครอบครอง รวมถึงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการต่อสู้ของแต่ละคน


หากเทียบกันบนรากฐานมหามรรค ความสามารถของโก่วเหยียนเจินในลานเจิดจรัสกว่าโดยไม่ต้องสงสัย เขาวาดดาบฟาดแส้ดั่งอสูรโลกันตร์กรำศึกเหนือเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน เปี่ยมพลังทำลายล้างยากจินตนาการ


เมื่อหันมองดูหลินสวิน ตั้งแต่ต้นจนจบอาศัยดาบหักต่อกรศัตรู แม้ดุดันและเผด็จการยิ่ง แต่วิธีต่อสู้กลับดูซ้ำซากเกินไป


แน่นอนว่านี่เป็นเพียงสิ่งที่แสดงออกมาภายนอก ไม่มีใครโง่คิดว่าหลินสวินจะมีความสามารถแค่นี้


เคร้ง!


การปะทะอุบัติขึ้นอีกครั้ง ทั่วร่างโก่วเหยียนเจินปรากฏสัญลักษณ์โลหิตเก่าแก่ แฝงอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ชวนประหวั่น หลอมรวมกับดาบแหลมสีเลือดในมือ


พริบตานั้นในดาบโลหิตพลันมีอสูรวิญญาณศึกหลายสิบตนพุ่งออกมา เตรียมพร้อมลงสมรภูมิ ไอชั่วร้ายทะลวงฟ้าดิน


นี่คือยอดวิชาสังหารอย่างหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นพลังลึกลับต้องห้ามในวิชาแปรโลหิตเซินหลัว เล่าลือกันว่า หากใช้โดยอสูรที่แท้จริงจะสามารถทำให้เทพผีสิ้นหวัง!


“หลินสวิน ข้าอยากดูนักว่าเจ้าจะต้านการโจมตีนี้อย่างไร!” โก่วเหยียนเจินหัวเราะลั่น ผมโลหิตแผ่สยาย ท่าทางดั่งพญาอสูรห้อทะยานแดนนรก


“เจ้าอยากรู้ไพ่ตายของข้าไม่ใช่รึ ดั่งเจ้าปรารถนา!”


นัยน์ตาดำของหลินสวินฉายแววเยียบเย็น ดาบหักทะลวงเมฆเสียงดังวู้ม สัญลักษณ์ลายมรรคคลุมเครือพลันเปล่งแสงวาบบนปลายดาบ


พริบตานั้นทุกคนรู้สึกเพียงเบื้องหน้าแสบแปลบ ประหนึ่งสายฟ้าสายหนึ่งฉีกกระชากความขุ่นมัว สะท้อนปรากฏบนโลก ส่องประกายและเจิดจ้ายิ่ง ทำให้ผู้คนไม่กล้ามองโดยตรง


ฉัวะ!


ท้องฟ้าเหนือสนามประลองแหวกออกเป็นรอยแยกยาวเหยียด จากนั้นทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง ฟ้าดินเงียบสงัด ทุกเสียงและการเคลื่อนไหวราวหายไปจนหมด


มีเพียงแสงดาบเจิดจ้าราวสายฟ้าแลบที่พุ่งออกมาจากความเงียบ


กระบวนเฉือนนภาสงัด!


ต่อสู้มาถึงตอนนี้ ในที่สุดหลินสวินก็ใช้กระบวนเฉือนที่สี่ของหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้าแล้ว!


ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!


เงามายาดั่งอสูรเทพสงครามสิบกว่าตนที่พุ่งเข้ามาถูกกำจัดในชั่วพริบตา ร่างกายระเบิดสนั่นหวั่นไหว กลายเป็นละอองแสงโปรยปราย


“กระบวนท่าแข็งแกร่งนัก!” คนไม่น้อยต่างใจสะท้าน ถูกอานุภาพการโจมตีนี้ทำเอาตกตะลึง


หืม?


ดวงตาแดงก่ำของโก่วเหยียนเจินพลันหดรัด ไม่ช้าก็หัวเราะลั่น “นี่น่ะหรือคือฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้า ก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่!”


เขาก้าวย่างดั่งมังกรพยัคฆ์ พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว ไม่มีถอยร่น แสงโลหิตทั่วร่างส่องประกาย แผดคำรามเปิดฉากบุกจู่โจมอีกครั้ง


ก่อนหน้านี้เขาหวาดกลัวหลินสวินอยู่บ้าง เป็นเพราะไม่อาจหยั่งรู้ไพ่ตายของหลินสวิน


แต่ตอนนี้เขาได้รู้ไพ่ตายของหลินสวินโดยคร่าวๆ แล้ว ความหวาดกลัวเสี้ยวหนึ่งในใจจึงหายไป โคจรผสานพลังมรรคอสูรมายาทมิฬร่วมกับนัยเร้นลับวิชาแปรโลหิตเซินหลัวถึงขีดสุด


ทั้งตัวทรงพลังยิ่งกว่าเดิม!


ต่อสู้ถึงตอนนี้ ปะทะกันมาห้าร้อยกว่ากระบวนท่า ถึงเวลาตัดสินผลแพ้ชนะแล้ว!


ในดวงตาแดงก่ำของโก่วเหยียนเจินไอสังหารไร้ขีดจำกัด เขารอเวลานี้มานานแล้ว


หลินสวินเห็นดังนี้กลับยืนนิ่งอยู่จุดเดิมไม่ขยับ นัยน์ตาดำล้ำลึก ในดวงตาสะท้อนเงาร่างโก่วเหยียนเจินที่พุ่งเข้ามา


เขารวบนิ้วกรีดตวัดคราหนึ่ง


ฟุ่บ!


พริบตานั้นแสงเรืองรองเจิดจ้าพุ่งโฉบออกมาจากดาบหักกลางอากาศ


กระบวนเฉือนนี้เกิดๆ ดับๆ เหมือนมายาไร้รูป รวดเร็วปานอสนี เปี่ยมล้นพลังสังหารยากจินตนาการ


เร็วเกินไปแล้ว!


ดั่งทำลายพันธะเวลา ทะลวงผ่านพันธนาการฟ้าดิน


ยามกระบวนเฉือนนี้พุ่งทะยาน คนส่วนมากนอกสนามประลองต่างไม่ทันได้ตอบสนอง


แม้แต่โก่วเหยียนเจินก็เพิ่งสังเกตเห็นยามกระบวนเฉือนนี้จวนเข้าใกล้ เขาพลันขนพองสยองเกล้า ตกใจจนหนังศีรษะแทบระเบิด


เขาทำการป้องกันตามสัญชาตญาณ


น่าเสียดาย สุดท้ายยังช้าไปก้าวหนึ่ง ทั้งตัวเขาลอยกระเด็น แขนซ้ายถูกเฉือนขาดกลางอากาศ


และหน้าอกเขาก็ถูกแยกออกเป็นบาดแผลยาวตรง ผิวแตกเลือดอาบเผยกระดูกรางๆ โลหิตแดงก่ำหลั่งริน


เสียงตูมพรืดดังขึ้นมา ร่างกายเขากลิ้งลงไปกับพื้น ส่งเสียงร้องทุรนทุรายรวดร้าวหาใดเปรียบ


ขณะนี้มวลชนเงียบกริบไร้สุ้มเสียง ดวงตาทุกคนต่างเบิกกว้าง ท่าทางตกตะลึงยากจะเชื่อ


เร็วเกินไปแล้ว!


โก่วเหยียนเจินก่อนหน้านี้ยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ พลังโจมตีดั่งวายุพิโรธเพลิงปะทุ เงาร่างดุจอสูรท่องรัตติกาล เหี้ยมโหดและอหังการ ดึงดูดสายตามวลชน


แต่ชั่วพริบตาเขากลับได้รับบาดเจ็บสาหัส!


คนมากมายยังไม่เชื่อ อดขยี้ตาไม่ได้ด้วยคิดว่าตาลาย


แต่คนอีกมากกลับจิตใจสั่นสะท้าน รู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวที่ไม่อาจอธิบาย กระบวนเฉือนเมื่อครู่นั่นถึงขั้นไม่อาจถูกพวกเขาจับสัมผัส นี่ได้พิสูจน์โดยไม่ต้องสงสัยว่าความเร็วของการโจมตีนี้บรรลุถึงขั้นเขย่าขวัญ!


และโก่วเหยียนเจินถูกการโจมตีเดียวทำเอาบาดเจ็บสาหัส ก็เห็นได้ชัดว่าการโจมตีนี้ไม่เพียงแค่รวดเร็ว พลังสังหารยังน่าหวาดกลัวไร้ขอบเขต!


นี่ก็คือกระบวนเฉือนเกิดดับ!


ชั่วดีดนิ้วคือหกสิบขณะ ชั่วขณะคือเกิดดับเก้าร้อย


กระบวนเฉือนเกิดดับ มาจากแก่นอัศจรรย์แห่ง ‘การเกิดดับชั่วพริบตา’ การเกิดและการดับแบ่งแยกได้ในชั่วพริบตา


ความเร็วอันว่องไว ความดุดันแห่งการสังหาร เรียกได้ว่าหาใดเปรียบ แน่นอนว่าเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดในหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้าซึ่งหลินสวินครอบครองในปัจจุบัน


กระบวนท่านี้หลังถูกหยั่งถึง หลินสวินยังไม่เคยใช้จริงมาก่อน และตอนนี้ก็ใช้กับโก่วเหยียนเจินเป็นครั้งแรก


แน่นอนว่าหลินสวินยังเก็บงำไว้บางส่วน


ไม่เช่นนั้นหากเขาโคจรพลังโทสะหยาจื้อ วิชาอริยะยุทธ์ รวมถึงมรรคดับดารากลืนกินร่วมกับการโจมตีนี้ อานุภาพนั้นต้องไม่หยุดแค่ตรงหน้านี้แน่!


แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้โก่วเหยียนเจินก็บาดเจ็บสาหัสแล้ว


“เป็นไปได้อย่างไร!?” โก่วเหยียนเจินตระหนกระคนขุ่นเคือง สีหน้าซีดเผือด กระหืดกระหอบหมอบคลานอยู่บนพื้น ถึงขั้นลุกยืนไม่ไหว


บาดแผลภายนอกไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือพลังของกระบวนเฉือนนั่นดุดันเกินไป ทะยานเข้าใส่ร่างกายทำลายโจมตี ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บหนักกว่าภายนอก


นี่ก็คือจุดที่ทำให้โก่วเหยียนเจินรู้สึกหวาดกลัว


กระบวนเฉือนนั่นคือพลังอะไรกันแน่


ทำไมน่ากลัวเช่นนี้


หลินสวินมีหรือจะปล่อยโอกาสให้โก่วเหยียนเจินพักหายใจ เขาบุกโจมตีโดยไม่ลังเล พุ่งเข้าไปหมายจับตัวโก่วเหยียนเจิน


กลับเห็นโก่วเหยียนเจินส่งเสียงหัวเราะเหี้ยมเกรียม อาฆาตแค้นหาใดเปรียบ แสงโลหิตทั่วร่างพลุ่งพล่าน ทั้งตัวแผ่กลิ่นอายอันตรายสุดขีด


หืม?


นัยน์ตาหลินสวินพลันหดรัด เงาร่างหยุดชะงักทันที จากนั้นจึงพุ่งถอยไปข้างหลัง ขณะเดียวกันก็โคจรดาบหักเต็มกำลังป้องกันไว้ด้านหน้า


“ในเมื่อพ่ายแพ้ ข้าก็จะลากเจ้าไปปรโลกด้วย!”


โก่วเหยียนเจินคำรามกราดเกรี้ยว ร่างระเบิดภายใต้สายตาตื่นตระหนกมากมายที่จับจ้อง ราวภูเขาไฟที่เงียบสงัดผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุดลูกหนึ่งระเบิดออกในขณะนี้


ทั้งสนามประลองถูกแสงโลหิตไร้สิ้นสุดปกคลุม ทำให้ฟ้าดินสั่นคลอนเกิดเสียงกัมปนาทสะเทือนโสตประสาท


น่าสะพรึงเกินไปแล้ว โก่วเหยียนเจินนี่ถึงกับสำแดงวิชาต้องห้ามบางอย่างทำการระเบิดตัวเอง!


นี่คือสิ่งที่ใครต่างคาดไม่ถึง


เพียงแต่กระบวนท่านี้ก็เหี้ยมโหดยิ่ง ด้วยผนึกต้องห้ามของภูเขาเทพไร้มรณะ ถึงแม้เขาระเบิดตัวเองก็ไม่อาจตายได้อย่างแท้จริง


เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เพียงพอมอบการโจมตีถึงชีวิตแก่หลินสวินแล้ว!


ไม่ว่าผู้ชมการประลองตรงเชิงเขาหรือเหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์บนยอดเขา ขณะนี้ต่างไม่อาจนิ่งสงบ การประลองนี้ช่างอันตรายน่าหวาดกลัวถึงขีดสุด ทำให้ผู้คนแม้มองอยู่ห่างไกลล้วนรู้สึกจิตวิญญาณสั่นสะท้าน หวาดหวั่นยากสงบ


โดยเฉพาะการระเบิดตัวเองในตอนท้ายของโก่วเหยียนเจิน ทำให้เหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์นั้นต่างจิตใจสั่นสะท้าน สูดหายใจเย็นไม่หยุด


คนไม่น้อยต่างแอบยินดีที่คราวนี้ไม่ใช่ตนที่เจอกับโก่วเหยียนเจิน ถ้าไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาคงไม่อยากจะคิด!


“เทพมารหลินยังรอดไหม”


ท่ามบรรยากาศสั่นสะเทือนชวนตระหนก สายตามากมายมองไปยังสนามประลองโชควาสนาเขม็ง ที่นั่นแสงโลหิตแผ่ลอยเปี่ยมกลิ่นอายทำลายล้าง


‘เกรงว่าคงจบเห่แล้ว…’


พวกจินมู่อวิ๋น หลี่ชิงผิง อวี่หลิงคงในใจเลี่ยงที่จะมีความสุขบนความทุกข์คนอื่นไม่ได้


โก่วเหยียนเจินเป็นถึงบุคคลชั้นยอดในหมู่บุคคลแห่งยุค พลังระเบิดพลีชีพของเขามีหรือจะเป็นสิ่งที่สามารถต้านทานได้ง่ายดาย

 

 

 


ตอนที่ 1061 สวรรค์ช่วย

 

การระเบิดตัวเองของโก่วเหยียนเจินทำให้ทุกคนคาดไม่ถึง รวมถึงจ้าวจิ่งเซวียนด้วย


เมื่อได้เห็นภาพนี้ในใจของนางก็อดกังวลขึ้นมาไม่ได้ มือหยกเรียวเล็กขาวสะอาดทั้งสองกำแน่นโดยไม่รู้ตัว ดวงตากระจ่างจดจ้องแน่วนิ่งบนลานประลองโชควาสนา


แม้เชื่อมั่นในตัวหลินสวินเป็นอย่างยิ่ง แต่เวลานี้นางกลับไม่อาจไม่กังวลใจ


‘วิธีการต่ำช้าเกินไป พาตัวเองขึ้นมาบนกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์กับเขา ช่างเป็นความอัปยศของพวกเรา’ เยี่ยเฉินนิ่วหน้า ในใจมีความชิงชังผุดขึ้นอย่างล้นเหลือ


แค่การแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ ทุกคนต่างอาศัยฝีมือของตัวเองก็พอแล้ว แต่โก่วเหยียนเจินผู้นี้กลับทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ได้ ทำให้เยี่ยเฉินขัดตานัก


‘เหิมเกริมไม่เกรงกลัว ไม่มีขีดจำกัด เจ้าคนแซ่โก่วผู้นี้ไม่ใช่คนดีดังคาด น่าเสียดายเทพมารหลินผู้นี้ ถ้าเขาก็ถูกคัดออกเช่นกัน การประลองต่อๆ ไปคงเสียอรรถรสไปบ้าง’ เซี่ยวชางเทียนทอดถอนใจในใจ


ที่เชิงเขา เหล่าขุมอำนาจที่มองหลินสวินเป็นศัตรูแต่ละแห่งล้วนหมายจะให้หลินสวินถูกคัดออกตั้งแต่ตอนนี้ ส่วนพวกที่วางตัวเป็นกลางกลับตกใจกับวิธีการร้ายกาจของโก่วเหยียนเจิน


ทว่าขอเพียงคิดสักหน่อยก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล


เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬชื่อเสียงเลวร้ายลือกระฉ่อน พ่นพิษทั่วสี่สมุทร ฉาวโฉ่อย่างยิ่ง แต่ที่พวกเขายังสามารถยืนหยัดในดินแดนรกร้างโบราณมาถึงตอนนี้ได้นั้นมีเหตุผลมากมาย


ดังเช่นการต่อสู้ในครั้งนี้ แม้ว่าโก่วเหยียนเจินจะแพ้ แต่ก็สำแดงอานุภาพร้ายกาจออกมาแล้ว ภายหลังหากบังเอิญพบเขาที่โลกภายนอกเข้า ขอเพียงนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ เกรงว่าคงไม่มีใครต้องการสร้างความยุ่งยากให้กับบุคคลโหดเหี้ยมที่กล้าเอาชีวิตเข้าแลกเช่นนี้แล้ว


“รีบดูเร็ว! เทพมารหลินยังมีชีวิตอยู่!”


ทันใดนั้นมีคนร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก


ในขณะเดียวกันฝูงชนที่ทอดสายตาจับจ้องไปบนสนามประลองโชควาสนาอยู่ก่อนแล้วต่างมองเห็น ว่าเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมกับที่แสงโลหิตมลายหายไป


เป็นหลินสวินจริงๆ!


เพียงแต่ตอนนี้เขากลับโชกเลือดไปทั้งตัว สีหน้าซีดเผือด เสื้อผ้าขาดวิ่น ปากยังคงกระอักเลือดอย่างรุนแรง


ท่าทางน่าอนาถนัก!


แต่อย่างไรเขาก็ยังมีชีวิตอยู่!


ทุกคนอื้ออึงเซ็งแซ่กันโดยสมบูรณ์ราวกับได้เห็นปาฏิหาริย์ครั้งหนึ่ง


“ขนาดนี้ยังไม่ตายอีกหรือ” พวกจินมู่อวิ๋นงงงวย ทำใจเชื่อได้ยาก


เดิมทีพวกเขายังมีความสุขที่ได้เห็นผู้อื่นเป็นทุกข์ แต่ตอนนี้กลับเหมือนกินแมลงวันตายเข้าไป รู้สึกแย่ปานใดอย่าได้พูดถึงเลย


“เป็นไปไม่ได้!”


ที่ตีนเขา ชาวเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬคำราม ดวงตาแดงก่ำไปหมดแล้ว ค่าตอบแทนมหาศาลที่โก่วเหยียนเจินจ่ายออกไปเช่นนี้ กลับไม่สามารถลากอีกฝ่ายลงจากเวทีได้ดังเดิม นี่ทำให้พวกเขาไม่อาจยอมรับได้


“น่าเสียดายเกินไปแล้ว”


สำนักโบราณที่มองหลินสวินเป็นศัตรูเหล่านั้นเวลานี้ต่างอดส่ายหัวไม่ได้ หดหู่ใจนัก เทพมารหลินผู้นี้ดวงแข็งเสียจริง


“ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะไม่ถูกคัดออก เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงนัก…” จ้าวจิ่งเซวียนถอนหายใจโล่งอกยิ่งนัก อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงแทนหลินสวินอยู่บ้าง


ตอนนี้ไม่มีฝนวิญญาณเทพมาช่วยสลายอาการบาดเจ็บ ฟื้นฟูกำลังวังชา


เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว หลินสวินได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ ในการประลองครั้งต่อๆ ไป ทันทีที่ถูกคู่ต่อสู้หมายหัว สถานการณ์จะต้องไม่สู้ดีแน่!


ดังคาด เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น จ้าวจิ่งเซวียนก็สังเกตได้อย่างฉับไวว่าสายตาของเหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์บางคนแปรเปลี่ยนเป็นลึกลับขึ้นมา


ประหนึ่งพรานล่าสัตว์มากประสบการณ์จับจ้องเหยื่อ


โดยเฉพาะพวกจินมู่อวิ๋น หลี่ชิงผิง อวี่หลิงคง ยิ่งไม่ปกปิดจิตสังหารของพวกตนเลยสักนิด เริ่มกระสับกระสายหมายจะลงมือ


‘ถ้าข้ามีโอกาสชิงออกโรงก่อน ต้องเลือกประลองกับหนึ่งในพวกเขาสามคนเพื่อช่วยหลินสวินชิงโอกาสฟื้นฟูกำลังวังชาได้มากขึ้น!’


จ้าวจิ่งเซวียนลอบตัดสินใจ


ทันใดนั้นอาหลู่ที่อยู่บนยอดเขาอีกยอดหนึ่งตะโกนออกมาว่า “เทพมารหลิน เจ้าจะขลาดกลัวไม่ได้นะ ในแดนชัยบูรพา ข้าอาหลู่ก็มีแต่เจ้ากับเซียวชิงเหอเป็นเพื่อน ถ้าข้ามีโอกาสออกโจมตี จะต้องช่วยเจ้ากำจัดคู่แข่งทิ้งสักคน!”


สีหน้าของพวกจินมู่อวิ๋นพลันอึมครึมขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าวาจาของเจ้าคนเถื่อนผู้นี้กำลังพุ่งเป้ามาที่พวกเขา!


แทบจะในเวลาเดียวกัน มารกระบี่เยี่ยเฉินก็เอ่ยปาก “หลินสวิน อยากให้ช่วยไหม ถ้าเจ้าถูกคัดออกเสียแล้ว ข้าร่ำสุราคนเดียวไม่ใช่ว่าจะหมดสนุกไปหน่อยหรือ”


นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาเอ่ยปากแล้ว ออกหน้าแทนหลินสวิน ป่าวประกาศถึงความอยุติธรรม!


พวกจินมู่อวิ๋นยิ่งสีหน้าทะมึน ต่างคิดไม่ถึงว่าเยี่ยเฉินจะถึงกับให้ความสำคัญกับหลินสวินเช่นนี้


ในสนามประลอง หลินสวินหยุดอาการไอ เช็ดรอยเลือดที่มุมปากทิ้งไปแล้วยิ้มพูดว่า “ไม่ต้องแล้ว แค่บาดเจ็บเล็กน้อยสองสามที่เท่านั้น ยังไม่ต้องให้เจ้ามาเดือดร้อนหรอก”


คุยโวอย่างไม่ละอาย!


ผู้ชมการต่อสู้ไม่น้อยแทบจะกลอกตา คนโง่ยังดูออกว่าเจ้าเทพมารหลินเลือดไหลรินไปทั้งกาย พลังปราณของเขายุ่งเหยิงร่อแร่เต็มที นี่ใช่การบาดเจ็บเล็กน้อยเสียที่ไหน


“เขากลัวขายหน้า ถูกผู้อื่นหมายหัว อย่างไรเสียต่อไปยังมีการประลองอีกสองรอบ เขาที่ได้รับบาดเจ็บต้องถูกมองเป็นเหยื่อชั้นเลิศแน่ๆ”


บางคนวิเคราะห์อย่างเชื่อมั่นในตัวเองยิ่ง ท่าทางมองความรู้สึกนึกคิดของหลินสวินออก


หลินสวินไม่ได้พูดอะไรอีก หายตัวกลับไปยังแท่นมรรคบนยอดเขา เพียงแต่ยามเพิ่งลงมาถึงเท้าก็ซวนเซ เงาร่างโงนเงน ในปากพลันไอออกมาอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง


“ดูเข้าสิ! จะรับไม่ไหวแล้วกระมัง ตอนนี้ขอเพียงแค่มีคนลงมือ จะต้องเอาชนะเทพมารหลินได้อย่างง่ายดายแน่!”


ผู้ชมการต่อสู้ไม่น้อยตื่นเต้นขึ้นมา


ทั้งมีคนถอนหายใจเพราะสิ่งนี้ โก่วเหยียนเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว เขาระเบิดตัวเองไม่ว่า ยังทำร้ายเทพมารหลินด้วย เดิมทีเทพมารหลินยังมีโอกาสทะลวงกระดานได้ แต่ตอนนี้… เกรงว่าจะหยุดลงเสียแล้ว!


หลินสวินไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ เขานั่งขัดสมาธิกับพื้น ก้มหน้าก้มตาเอายาลูกกลอนวิญญาณชั้นดีออกมา แล้วกรอกลงปากอย่างไม่เสียดาย


นี่ทำให้ผู้อื่นยิ่งมั่นใจว่าบาดแผลที่เทพมารหลินได้รับคราวนี้ต้องร้ายแรงถึงที่สุด!


มีเพียงจ้าวจิ่งเซวียนที่ออกจะแคลงใจ แต่ก่อนแม้ได้รับบาดเจ็บหนักหน่วงกว่านี้ หลินสวินก็ไม่แสดงออกอย่างชัดเจนเช่นนี้มาก่อน เขาจะอดทนไว้ ไม่ยอมให้คนอื่นระแคะระคายอะไรได้


‘ตกลงอาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรกันแน่แล้ว’ นางอดไม่ได้สื่อจิต


หลินสวินไอไม่ว่างเว้น สีหน้าซีดเผือด เอ่ยอย่างยากลำบากว่า ‘ข้าเป็นถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังดูไม่ออกหรือ…’


‘จริงหรือเปล่า’ ดวงตากระจ่างของจ้าวจิ่งเซียวเบิกกว้าง ในใจออกจะกังวลอยู่บ้าง


‘อย่างน้อย… ทนจนจบรอบที่สองก็คงไม่มีปัญหากระมัง’ หลินสวินขยิบตา แม้สีหน้าซีดเซียว แต่ดวงตาดำกลับเจือรอยยิ้ม


‘เจ้านี่มันเลวจริงๆ!’ จ้าวจิ่งเซวียนมองเขาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ วาจาเจือความโกรธ ความกังวลที่ปรากฏขึ้นบนหว่างคิ้วจางหายไป ถูกความปรีดาเข้าแทนที่


‘เจ้าอย่าแพร่งพรายไปเด็ดขาดเชียว ข้าอยากเห็นนักว่าใครจะทนไม่ไหวแจ้นออกมาก่อน’ หลินสวินรีบร้อนสื่อจิต


จ้าวจิ่งเซวียนกลอกตา เอ่ยว่า ‘เจ้าคิดจะเสแสร้งไปถึงเมื่อไร’


‘แสร้งได้จนจบจะดีที่สุด’ คำพูดนี้ของหลินสวินเดิมก็ออกจะเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ แต่เขากลับพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาตินัก


จ้าวจิ่งเซวียนสีหน้าพิกล พยักหน้าน้อยๆ อย่างไม่เป็นที่สังเกต


ในใจนางกลับพึมพำว่า ‘ไม่เจอกันหลายปี เจ้าหมอนี่หน้าเนื้อใจเสือปานนี้ตั้งแต่เมื่อไร คงไม่ได้ถูกเจ้าคางคกนั่นพาเสียคนหรอกกระมัง…’


ยามสนทนา บนศิลามังกรขดที่หลินสวินครอบครองพลันมีโชควาสนามหามรรคเพิ่มมาสองสาย เป็นรางวัลจากภูเขาเทพไร้มรณะสายหนึ่ง


อีกสายหนึ่งก็มาจากโก่วเหยียนเจินที่แพ้ไป เพียงแต่โชควาสนามหามรรคสายนี้ดูแข็งแกร่งผิดธรรมดา เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นกลับทำให้ส่วน ‘ตัวมังกร’ บนป้ายศิลาฉายแสงสีทองอร่าม อัศจรรย์เกินธรรมดา


ดวงตาดำของหลินสวินแข็งทื่อ รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก


ในขณะเดียวกันบนยอดเขาก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้น


กลับเห็นว่าเหนือแท่นมรรคบนยอดเขาที่เดิมเป็นของโก่วเหยียนเจินในตอนแรก พลังโชควาสนามหามรรคที่อยู่บนศิลามังกรขดกลับมลายหายไปสิ้นในชั่วพริบตา!


“เขาใช้วิธีต้องห้าม ฝ่าฝืนกฎระเบียบของภูเขาเทพไร้มรณะ ถูกถอนสิทธิ์ในการเข้าประลองรอบที่สอง!”


“ก็หมายความว่า อันดับที่เขาได้ในการประลองรอบแรกก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย เป็นไปได้สูงยิ่งที่จะหลุดออกไปจากสิบแปดอันดับหรือ”


“นี่เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว ใช่ว่าแต่ก่อนไม่เคยเกิดเรื่องทำนองนี้เสียหน่อย”


“เทพมารหลินนี่ได้ทุกขลาภจริงๆ โชควาสนามหามรรคที่โก่วเหยียนเจินได้ไปในตอนแรก ตอนนี้กลายเป็นของเทพมารหลินหมดแล้ว!”


เสียงวิพากษ์วิจารณ์ระลอกแล้วระลอกเล่าดังขึ้น สายตาที่มองมายังหลินสวินมากมายต่างแปรเปลี่ยนเป็นซับซ้อน


หากเปรียบเทียบโชควาสนามหามรรคที่อยู่บนศิลามังกรขดของเหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์ หลินสวินได้อันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!


แน่นอนว่าการช่วงชิงโชควาสนายังไม่สิ้นสุดลง อันดับหนึ่งในตอนนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรักษาอันดับหนึ่งไปจนจบได้


ส่วนยอดมกุฎรุ่นเยาว์ที่เดิมมองหลินสวินเป็นเหยื่อบางคน ตอนนี้ออกจะควบคุมแรงกระตุ้นที่อยู่ในใจไว้ไม่อยู่แล้ว


หลินสวินในตอนนี้อยู่ในช่วงที่เจ็บหนักอ่อนแอพอดี แต่โชควาสนามหามรรคของเขากลับนำโด่ง ถ้าสามารถเอาชนะเขาได้ ต้องชิงพลังโชควาสนาที่เหนือธรรมดายิ่งมาครองได้แน่!


เมื่อเผชิญกับสายตาเหล่านี้ หลินสวินก็ทำเพียงนิ่วหน้าไอ ทั้งยังคายเลือดออกมาคำหนึ่ง ท่าทางบาดเจ็บสาหัส


‘เสแสร้งเก่งเกินไปแล้ว’ จ้าวจิ่งเซวียนต่อว่าในใจไม่หยุด


‘โอกาสเช่นนี้ ถ้าถูกข้าเอาไป ไม่เพียงสามารถบดขยี้เทพมารหลินได้โดยสมบูรณ์ ยังสามารถชิงโชควาสนามหามรรคของเขามาได้ด้วย เรียกได้ว่ายิงธนูครั้งเดียวได้นกสองตัว เพียงแต่ทุกคนต่างมองจุดนี้ออก ก็ไม่รู้ว่าเจ้าคนโชคดีที่ไหนจะได้ประลองเป็นคนที่สอง สามารถได้ประโยชน์ไปโดยไม่เปลืองแรง…’


หลี่ชิงผิงพึมพำในใจ


หืม?


ทันใดนั้นเขาเพียงรู้สึกว่าร่างกายถูกพลังไร้รูปปกคลุม ครู่ต่อมาก็ปรากฏตัวขึ้นบนสนามประลองโชควาสนา!


นี่…


หลี่ชิงผิงเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง รู้สึกเหมือนได้ส้มหล่น ตัวเขามีความปรีดาอย่างบอกไม่ถูก


สวรรค์ช่วยชัดๆ!


เขาอดกลั้นไม่ให้ส่งเสียงหัวเราะออกมา อีกทั้งยังควบคุมความรู้สึกยินดีปรีดาของตัวเองไว้ ทำให้ตนรักษาความเยียบเย็นขึงขังไว้ได้อย่างเต็มกำลัง


ถ้าถูกคนอื่นมองออกว่าบุคคลขอบเขตมกุฎอย่างเขาจะฉวยโอกาสเอาเปรียบหลินสวินที่กำลังย่ำแย่ ใช้ความแข็งแกร่งรังแกคนอ่อนแอ พูดออกไปจะดูไม่โสภาอยู่บ้าง


‘เป็นเขาเสียอย่างนั้น!’ ในใจของมกุฎรุ่นเยาว์ไม่น้อยบังเกิดความอิจฉา ลอบด่าว่าหลี่ชิงผิงช่างโชคดีเป็นบ้า ดันชิงนำไปก่อนได้


ที่ตีนเขา ผู้ชมการต่อสู้ก็ทอดถอนใจ ต่างไม่แน่ใจอยู่บ้างว่าผลสุดท้ายเทพมารหลินนั้นโชคร้ายหรือโชคดีกันแน่


จะกล่าวว่าโชคร้าย แต่กลับรอดชีวิตจากการระเบิดตัวเองของโก่วเหยียนเจิน ทั้งยังได้รับโชควาสนามหามรรคที่เดิมเป็นของโก่วเหยียนเจินทั้งหมดมาเพิ่มเติม


แต่จะกล่าวว่าเขาโชคดี คนที่ออกมาประลองเป็นคนที่สองกลับเป็นหลี่ชิงผิงเสียอย่างนั้น!


หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นอาจจะยับยั้งชั่งใจ ไม่ลงมือกับเขา


แต่หลี่ชิงผิงต่างออกไป บุคคลขอบเขตมกุฎที่มาจากสำนักยุทธ์สมุทรครามผู้นี้ ตั้งแต่ก่อนขึ้นเขาก็เผยเจตนาสังหารหลินสวินอย่างไม่ปิดบังสักนิด!


ในสถานการณ์เช่นนี้ คนโง่ยังรู้ดีว่าหลี่ชิงผิงจะเลือกทำเช่นไร


ดังคาด ก็เห็นว่าสายตาราวสายฟ้าของหลี่ชิงผิงพลันจับจ้องไปที่ร่างหลินสวิน มุมปากยกยิ้มเหี้ยมเกรียม เอ่ยอย่างเฉยชาว่า “หลินสวิน แม้เจ้าจะบาดเจ็บสาหัส แต่เจ้าน่าจะรู้ดีว่านี่เป็นการช่วงชิงโชควาสนา ภายใต้กฎเกณฑ์นี้ แม้เจ้าจะเหลือเพียงลมหายใจเดียว วันนี้ก็ต้องเดินขึ้นมาบนสนามประลองสู้กับข้าสักตั้ง!”

 

 

 


ตอนที่ 1062

 

ในใจทุกคนลอบด่าทอว่าหลี่ชิงผิงไร้ยางอาย พูดจาสวยหรู แต่ไม่มีอะไรมากไปกว่าคิดจะเอาเปรียบ ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจ เหตุใดถึงต้องเสแสร้งเช่นนี้


หลี่ชิงผิงย่อมไม่รู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของทุกคน แม้จะรู้ก็คร้านจะใส่ใจ


มีโอกาสเอาเปรียบได้แต่ไม่ทำ เช่นนั้นก็เรียกว่าโง่เขลา!


ฝึกปราณถกมรรค ช่วงชิงทรัพยากร ช่วงชิงวาสนา แก่งแย่งโชควาสนาฟ้าดิน ใครจะยอมสละโอกาสดียิ่งไปอย่างง่ายดายกัน


ทั้งนับประสาอะไรกับที่หลี่ชิงผิงทำเช่นนี้ มีเหตุผลเพียงพออย่างยิ่ง น้องชายของเขาหลี่ชิงฮวนถูกหลินสวินฆ่าตาย!


เพียงอาศัยเหตุผลนี้ ก็สามารถทำให้เขาไม่อาจปล่อยโอกาสกำราบหลินสวินให้หลุดมือไป


“ก็ดี ในเมื่อเจ้าอยากสู้ ข้าก็ปฏิเสธไม่ได้แล้ว เช่นนั้นมาสู้กันเถอะ”


หลินสวินหยัดกายขึ้นอย่างโซเซ สูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง จากนั้นก็พุ่งขึ้นไปบนสนามประลองโชควาสนา เท้าเพิ่งแตะพื้นก็อดไม่ได้ที่จะหอบหายใจถี่กระชั้นขึ้นมา ท่าทางอ่อนแอเปราะบางนัก


ทุกคนเห็นเช่นนี้ต่างอดไม่ได้ลอบถอนใจ เทพมารหลินช่างโชคไม่เข้าข้างเสียจริง


เขาก่อนหน้านี้โอหังและแข็งแกร่งปานไหน แต่ตอนนี้กลับอ่อนแอจนพาให้ผู้คนทนดูไม่ได้


เห็นเช่นนี้หลี่ชิงผิงแทบจะเก็บกลั้นความยินดีปรีดาในจิตใจไว้ไม่อยู่ ปากกลับพูดอย่างเยียบเย็นว่า “หลินสวิน บอกเจ้าก่อนว่าในสายตาของข้ามีเพียงตัวข้าและศัตรู จะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอก็ไม่ต่างกัน อีกเดี๋ยวพอข้าลงมือ จะมีไม่มีความปรานีใดๆ”


หลินสวินพยักหน้า “นี่เป็นเรื่องธรรมดา”


“เช่นนั้นก็ไปตายเสียเถอะ!”


หลี่ชิงผิงออกโจมตีอย่างไม่ลังเล สะบัดแขนเสื้อครั้งเดียวแสงมรรคสีม่วงก็ผุดขึ้นเต็มฟ้า แปรสภาพเป็นมือใหญ่สีม่วงแสบตาบดบังฟ้าดิน ตบลงมาอย่างรุนแรง


เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุพลิกผัน เขาย่อมไม่ออมมือ ใช้พลังที่แท้จริงหมายจะกำจัดหลินสวินในการโจมตีเดียว เช่นนี้แล้วถึงได้ผลลัพธ์น่าครั่นคร้ามที่สุด


สิงโตตีกระต่ายก็ใช้แรงทั้งหมดที่มี เพียงมองจากจุดนี้ก็รู้ว่าหลี่ชิงผิงไม่ได้ชะล่าใจเพราะหลินสวินได้รับบาดเจ็บ นี่เป็นท่วงท่าต่อสู้อันสง่างามที่ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงผู้หนึ่งมีอย่างไม่ต้องสงสัย


เงาร่างหลินสวินไหววูบครั้งหนึ่ง หลบการโจมตีนี้พ้นได้อย่างเสี่ยงเสียยิ่งกว่าเสี่ยง เพียงแต่ร่างของเขาออกจะโซซัดโซเซ ทำให้มีคนไม่น้อยใจหายใจคว่ำแทนเขา


ตูม!


ประทับฝ่ามือตกลงมาจากฟากฟ้าแล้วระเบิดออกบนผืนดิน อานุภาพน่าตื่นตระหนก


ทว่าหลี่ชิงผิงกลับสีหน้าไม่น่าดูอยู่บ้าง ต่อกรกับเทพมารหลินที่อ่อนแอหาใดเทียบผู้หนึ่ง กลับไม่สามารถสังหารได้ในการโจมตีเดียว นี่ออกจะเสียหน้าไปแล้ว


เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วประทับฝ่ามือออกไปอีกครั้ง


ประทับฝ่ามือเปล่งประกายปกคลุมห้วงอากาศ รัศมีแสงมรรคพรั่งพรู พลานุภาพแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด


ก็เห็นว่าเงาร่างหลินสวินไหววูบ หลบหนีด้วยท่วงท่าชวนหวาดเสียวหาใดเทียบอีกครั้ง แม้ร่างจะยับเยินไปบ้าง แต่กลับไม่บุบสลายแต่อย่างใด


“เจตจำนงต่อสู้ของเทพมารหลินแข็งกล้านัก!” มีคนไม่น้อยตกตะลึง


การโจมตีสองครั้งก่อนหน้านี้ ทำให้หลายคนคิดว่าเทพมารหลินอาจจะถูกตบจนกลายเป็นเนื้อแหลกเหลว จะคิดได้อย่างไรว่าเขากลับหลบหนีไปได้ราวปาฏิหาริย์


“หลี่ชิงผิง เจ้าไหวหรือไม่กันแน่เนี่ย ต่อกรกับคนอ่อนแอที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสคนหนึ่งจะต้องเปลืองแรงเช่นนี้เชียวหรือ” จินมู่อวิ๋นยิ้มหยัน กระแนะกระแหนไม่ว่างเว้น


หลี่ชิงผิงส่งเสียงหึ สีหน้าอึมครึม จิตสังหารผุดขึ้นในใจเขา พลันสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วโคจรวิชามรรคชั้นเลิศ


ตูม!


เห็นว่าบนศีรษะของเขาปรากฏเงามายาสีทองอร่ามเงาหนึ่ง สูงใหญ่หลายสิบจั้ง มีแขนหกแขน รูปลักษณ์น่าเกรงขามประหนึ่งทวยเทพในตำนานบรรพกาลองค์หนึ่ง แผ่กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นสะท้านโลกา


“‘วิชาวิญญาณทองเทพมายา’ ของสำนักยุทธ์สมุทรคราม!” มีคนรุ่นอาวุโสตกตะลึง


ต่อกรกับเทพมารหลินที่อ่อนแรงหาใดเทียบผู้หนึ่ง ถึงกับต้องใช้วิชามรรคที่แข็งแกร่งปานนี้เลยหรือ


‘ต่ำทราม!’


‘ไร้ยางอาย!’


หลายคนต่างลอบตำหนิในใจไม่ว่างเว้น เทพมารหลินอ่อนแอถึงขนาดนี้แล้ว ยังใช้วิชามรรคน่าหวาดหวั่นปานนี้อีก นี่ทำเกินไปอย่างเห็นได้ชัด


หากเปลี่ยนเป็นก่อนหน้านี้จ้าวจิ่งเซวียนก็ต้องขุ่นเคืองเพราะเรื่องนี้


เพียงแต่เวลานี้นางดูเยือกเย็นเป็นพิเศษ กระทั่งสายตาที่มองไปยังหลี่ชิงผิงเจือไปด้วยความเวทนา


ตูม! ตูม! ตูม!


เงามายาสีทองพุ่งขึ้นมา สามเศียรหกกรหมุนวน นิ้วมือบ้างกำเป็นหมัด บ้างทำมุทรา บ้างรวบนิ้วมือเข้าด้วยกันเป็นดาบ บ้างกดลงมาทั้งซัดฝ่ามือไปในอากาศ…


ชั่วพริบตานั้นพลังหมัด ผนึกสมบัติ พลังนิ้วมือ ลมจากฝ่ามือสีทอง ราวฝนห่าใหญ่หนาแน่นไปทั่วห้วงอากาศ เทลงมาอย่างครั่นครืน…


อานุภาพเช่นนั้นเรียกได้ว่าสะเทือนฟ้าดิน


เงาร่างของหลินสวินพลันถูกปกคลุมอยู่ภายในนั้น ในตอนที่ทุกคนล้วนคิดว่าเขาจะประสบเคราะห์ ทนดูต่อไปไม่ได้ กลับค้นพบอย่างตกตะลึงว่าเทพมารหลินกลับยังไม่ตาย!


เขาหลบหนีไม่ว่างเว้น เงาร่างยับเยิน ก้าวย่างโงนเงนไม่มั่นคง แต่ยังสามารถหลบหนีการสังหารแน่นขนัดราวพายุฝนถาโถมได้อย่างฉิวเฉียด


ทุกคนต่างตื่นตะลึงอ้าปากค้าง จิตต่อสู้กับความสามารถในการปรับตัวกับสถานการณ์เช่นนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้วกระมัง บาดเจ็บขนาดนั้นยังหลบพ้นไปได้ หากเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ มีหรือหลี่ชิงผิงจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้


“เหอะๆ หลี่ชิงผิง เจ้าไม่ละอายแก่ใจหรือ เจ้าหมอนั่นบาดเจ็บปานนั้นแล้ว เจ้ากลับยังทำอะไรเขาไม่ได้ ช่างน่าอับอายขายหน้า!”


อวี่หลิงคงก็ยิ้มหยันขึ้นมา


สีหน้าของหลี่ชิงผิงเวลานี้อึมครึมถึงที่สุดแล้ว ถูกหัวเราะเยาะเย้นเช่นนี้ทำให้เขาโมโหนัก


ตู้ม!


เขากระโจนตัวออกไปอย่างแรง เงามายาสีทองอร่ามเบื้องหลังแกว่งไกวแขนทั้งหก ต่างสำแดงวิชามรรคที่ต่างกันออกไปหกวิชา พลานุภาพระดับนี้แข็งแกร่งมากยิ่งแล้ว


อย่าว่าแต่สังหารเทพมารหลินที่อ่อนแอหาใดเทียบคนหนึ่ง ต่อให้เป็นมกุฎรุ่นเยาว์คนอื่นก็สามารถประชันด้วยได้อย่างแท้จริง


แต่ภาพที่เกิดขึ้นต่อมากลับทำให้เขางุนงงอยู่บ้าง


กลับเห็นว่าเทพมารหลินที่ตั้งรับก็ไม่ได้ หลบหนีก็ไม่ได้ เห็นอยู่กับตาว่าจะถูกสังหาร ใครจะคิดได้ว่าเขาเพียงใช้ฝ่ามือตบออกไปครั้งหนึ่งก็สลายพลังจู่โจมเต็มฟ้านั่น


โครม!


เสียงกระแทกดังก้อง แสงสีทองที่แผ่กระจายม้วนตลบครืนครัน ละอองแสงปลิวว่อน


หลินสวินอดไม่ได้ที่จะไอออกมาอย่างรุนแรง แต่ยังพูดด้วยสีหน้าฉงนว่า “ทำไมถึงอ่อนแอปานนี้ เจ้าจงใจปรานีอ่อนข้อให้หรือ”


ทุกคนต่างงุนงง รู้สึกประหลาดใจยิ่ง


หรือจะจริงอย่างที่เทพมารหลินพูด หลี่ชิงผิงปรานีสงสาร ไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงหรือ


ปรานีกับผี!


มุมปากหลี่ชิงผิงกระตุก โกรธจนควันออกหู หมายจะบีบคอหลินสวินให้ตายสักครั้ง


ที่น่าชังที่สุดก็คือเวลานี้จินมู่อวิ๋นกับอวี่หลิงคงก็เอ่ยปากถากถาง ว่าขนาดเทพมารหลินที่บาดเจ็บสาหัสเขายังต่อกรไม่ได้ สามารถปาดคอฆ่าตัวตายได้อย่างสมบูรณ์แล้ว


ชิ้ง!


หลี่ชิงผิงออกโจมตีอีกครั้ง เรียกทวนวงเดือนสีเงินเจิดจ้าเล่มหนึ่งออกมา


ในเวลานี้ อาหลู่ดูต่อไปไม่ไหวแล้ว หัวเราะเยาะเย้ยเสียงดังว่า “ดูสิ ใช้ยอดศาสตรามรรคราชันแล้ว ข้าเพิ่งเคยเห็นเรื่องน่าขันเช่นนี้เป็นครั้งแรก ถุย! น่าขายหน้าเป็นบ้า!”


“หุบปาก!”


หลี่ชิงผิงเก็บกลั้นไฟโทสะในใจไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ตะคอกออกมาครั้งหนึ่ง จากนั้นเขาก็สะบัดทวนวงเดือนโจมตีไปยังหลินสวิน


แต่เทียบกับก่อนหน้านี้ การโจมตีนี้ยิ่งน่ากลัวขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย


ปึง!


เพียงแต่เงาร่างของเขาเพิ่งมาถึงครึ่งทาง ดาบหักเล่มหนึ่งพลันเคลื่อนผ่านอากาศทันใด แสงเย็นเยียบแผ่พุ่ง


หือ?


หลี่ชิงผิงนัยน์ตาหดหรี่ พริบตานั้นในสมองนึกถึงภาพที่โก่วเหยียนเจินถูกสยบขึ้นมา ในใจบังเกิดความหวาดผวา หรือเทพมารหลินผู้นี้จะสำแดงท่าไม้ตายทั้งหมดมาทำลายตนไปด้วยกัน


เขาไม่กล้าร่ำไร ตั้งมั่นพร้อมรับมือ เปลี่ยนจากจู่โจมเป็นตั้งรับ ทวนวงเดือนสีเงินเจิดจ้ากวัดไกวขึ้น เกิดเป็นม่านแสงเปล่งประกายม่านหนึ่งป้องกันอยู่เบื้องหน้า


แต่ดาบหักนั้นมาได้ครึ่งทางก็เหมือนสูญเสียพลัง ตกลงบนพื้นเสียงดังเคร้ง


ทั้งที่นั้นงงงวย


เวลาราวหยุดเดิน หลี่ชิงผิงที่ออมพลังรอตั้งรับ แสดงการป้องกันอย่างสมบูรณ์แบบถึงที่สุด แต่สิ่งที่ได้มากลับเป็นภาพน่าอึดอัดใจเช่นนี้!


นี่ทำให้เขาหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที เส้นเลือดบนหน้าผากปูดนูน


ตน… ถูกเจ้าคนอ่อนแอบาดเจ็บสาหัสคนหนึ่งทำให้ตกใจเสียอย่างนั้น!


นอกสนามประลอง เสียงหัวเราะขรมดังขึ้น ทำลายความเงียบงันที่น่าอึดอัดนี้ แต่เสียงหัวเราะระงมนี้กลับเหมือนหนามพิษหนามแล้วหนามเล่าทิ่มแทงเข้าไปในใจหลี่ชิงผิง


เขาสีหน้าคล้ำเขียว จ้องหลินสวินที่กำลังหอบหายใจเฮือกใหญ่อยู่ไกลออกไป ควบคุมไฟโทสะที่อยู่ภายในใจอย่างสุดกำลัง พูดชัดถ้อยชัดคำว่า “ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างไม่น่าดู!”


โครม!


ทวนวงเดือนสีเงินร่ายรำกลางอากาศ สาดแสงมรรคนับหมื่นแสน พาให้ฟ้าดินร้องส่งเสียงกึกก้อง ห้วงอากาศระเบิดแหลก


ทุกคนต่างรับรู้ว่าหลี่ชิงผิงเดือดดาลโดยสมบูรณ์แล้ว อานุภาพของการโจมตีนี้ทำให้มกุฎรุ่นเยาว์บางคนใจเต้น หน้าเปลี่ยนสีไม่หยุดหย่อน


ชิ้ง!


บนพื้น ดาบหักสั่นระรัว เหมือนดิ้นรนจะพุ่งขึ้นมา แต่กลับพุ่งขึ้นมาไม่ได้


ทุกคนทอดถอนใจในใจ เทพมารหลินอ่อนแอจนขนาดสมบัติของตนยังควบคุมไม่ได้แล้วหรือ


“อับจนหนทางแล้วยังจะดิ้นรนอะไรอีก ตาย!”


หลี่ชิงผิงสีหน้าเหี้ยมเกรียม พุ่งกระโจนไปเบื้องหน้าหลินสวิน ทวนวงเดือนสีเงินควบรวมเป็นแสงมรรคราวน้ำตกฟาดฟันออกไป


เพียงแต่การจู่โจมไปได้แค่ครึ่งทาง ดวงตาของเขาพลันเบิกโพลง ถลนออกมา มองหลินสวินอย่างเคียดแค้นว่า “เจ้า…”


ไม่รอให้พูดจบร่างของเขาแยกออกตั้งแต่ศีรษะในทันใด เหมือนถูกดาบเฉียบคมฟันตรงแน่วออกเป็นสองท่อน!


ภาพที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำให้ทุกคนในที่นั้นหวาดหวั่น นัยน์ตาขยายออก ตื่นตระหนกจนหัวใจแทบหยุดเต้น เมื่อกี้… เกิดอะไรขึ้น


ตุ้บ! ตุ้บ!


ร่างกายสองท่อนของหลี่ชิงผิงตกลงบนพื้น เลือดสดๆ ย้อมผืนดินให้เป็นสีแดง แปรสภาพเป็นบ่อเลือด


ทวนวงเดือนสีเงินในมือเขาก็กระแทกลงกับพื้นเสียงดังเคร้ง ในบรรยากาศเงียบสงัดเช่นนี้ฟังดูแสบแก้วหูเป็นพิเศษ


ตายแล้วหรือ


ทั้งลานล้วนเงียบเชียบไร้เสียง ศีรษะชาหนึบ


เมื่อกี้ พวกเขาส่วนใหญ่ยังดูไม่ออกว่าหลินสวินลงมืออย่างไร!


สวบ!


ก็ในตอนนี้เอง ดาบหักบินกลับไปที่มือหลินสวิน ดึงดูดความสนใจของทุกคน ตอนนี้พวกเขาถึงเพิ่งรับรู้อะไรบางอย่าง สีหน้าผันผวนไม่ว่างเว้น


และในตอนนี้เอง หลินสวินไออย่างรุนแรงพลางเอ่ยทอดถอนใจว่า “แม้ข้าจะเจ็บหนัก แต่ก็ไม่ได้ไม่มีพลังต่อสู้ นับประสาอะไรกับสมบัติชิ้นนี้ของข้าควบคุมได้ด้วยพลังจิตวิญญาณ เหตุใดเจ้าถึงเลินเล่อได้ขนาดนั้นล่ะ ยังดีที่ที่นี่เป็นภูเขาเทพไร้มรณะ เจ้ายังมีโอกาสรอดชีวิต คราวหน้าก็ระวังตัวขึ้นหน่อยเถอะ”


เมื่อพูดคำนี้ออกมา ริมฝีปากหลายคนก็กระตุก เหตุใดเมื่อได้ยินถึงรู้สึกว่านี่เหมือนคำพูดเสียดสี


ส่วนพวกจินมู่อวิ๋น อวี่หลิงคงต่างฉงนใจไม่ว่างเว้น กระทั่งออกจะสงสัยว่าหลินสวินได้รับบาดเจ็บจริงๆ หรือไม่แล้ว


“เจ้าหมอนี่ เจ้าเล่ห์เช่นนี้เชียว!”


นึกถึงภาพดาบหักที่ตกลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรงเมื่อกี้ หลายคนต่างแน่ใจว่าตอนนั้นหลินสวินต้องจงใจหลอกหลี่ชิงผิง เป้าหมายก็เพื่อให้เขาชะล่าใจ!


‘ทั้งที่บาดเจ็บหนักก็ยังเอาชนะคู่ต่อสู้คนหนึ่งได้ เจ้าหมอนี่จะแข็งแกร่งไปแล้วกระมัง…’ ในใจของบุคคลขอบเขตมกุฎรุ่นเยาว์บางคนต่างปั่นป่วนขึ้นมาระลอกหนึ่ง


การโจมตีนี้ ตั้งแต่เริ่มทุกคนก็นึกว่าหลินสวินจะประสบเคราะห์ยากหลบหนี แต่ผลสุดท้ายกลับทำให้ทุกคนต่างไม่ทันตั้งตัว


ดูน่าขันนัก และดูน่าหวาดหวั่นด้วย!


บุคคลขอบเขตมกุฎอย่างหลี่ชิงผิง อิงตามพลังต่อสู้ของเขา ต่อให้เป็นการประลองกับเทพมารหลินในสภาพที่ดีที่สุด อย่างน้อยก็สามารถประจัญบานอย่างดุเดือดได้ชั่วขณะหนึ่ง


แต่ตอนนี้กลับถูกสังหารอย่างสับสนงุนงง พาให้ทุกคนพูดไม่ออก

 

 

 


ตอนที่ 1063 เทพมารหลินเป็นจอมโกหก

 

หลี่ชิงผิงพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นธรรมจริงๆ


ตั้งแต่เริ่มต่อสู้ แม้เขาไม่ได้เลินเล่อ แต่ในจิตใต้สำนึกก็มองหลินสวินเป็นคนบาดเจ็บสาหัสคนหนึ่งไปแล้ว


พูดง่ายๆ ก็คือ นี่เป็นการประเมินต่ำไปอย่างรุนแรง


ถึงขั้นที่ยามเขาถูกฆ่ายังอยู่ในสภาพงุนงง


……


“หลินสวิน เจ้าคนต่ำทราม!”


เมื่อการต่อสู้ปิดฉากลง หลินสวินกลับไปบนแท่นมรรคบนยอดเขา ในที่นั้นพลันมีเสียงคำรามด้วยความโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เดือดดาลหาใดเทียบของหลี่ชิงผิงดังขึ้น


ต่างจากโก่วเหยียนเจินที่ถูกคัดออกเพราะละเมิดกฎ แม้จะถูกฆ่าแต่หลี่ชิงผิงไม่ได้โดนคัดออก ถูกกฎระเบียบของภูเขาเทพไร้มรณะ ‘ชุบชีวิต’ ขึ้นมาได้


เวลานี้เขาโกรธจนสั่นระริกไปทั้งตัว กำลังยืนคำรามอยู่บนยอดเขา


เพียงแต่แม้กลับมามีชีวิต พลังปราณของเขากลับอ่อนแอถึงขีดสุด อยู่ในสภาวะหมดพลัง


ทุกคนต่างทอดถอนใจไม่หยุด เข้าใจความเดือดดาลของหลี่ชิงผิงดี หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นถูกสังหารอย่างสับสนงงงวยเช่นนี้ เกรงว่าคงล้วนกราดเกรี้ยวกันทั้งนั้น


หลินสวินก็ถอนหายใจออกมา พูดด้วยสีหน้าเวทนาว่า “หลี่ชิงผิง แพ้ก็แพ้แล้ว เหตุใดถึงยอมรับไม่ได้เช่นนี้ หากข้าเป็นเจ้า ตอนนี้ย่อมรีบเร่งฟื้นฟูพลังกาย เพื่อไม่ให้ผู้อื่นฉวยโอกาสหาประโยชน์ในความโชคร้ายของเจ้า”


หาประโยชน์ในความโชคร้าย!


สายตาทุกคนแปรเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด หลี่ชิงผิงก่อนหน้านี้ไม่ใช่คิดฉวยโอกาสในช่วงที่หลินสวินบาดเจ็บหรอกหรือ แต่สุดท้ายกลับตกอยู่ในสภาพเช่นนี้


ที่น่าแปลกที่สุดคือ หลี่ชิงผิงในตอนนี้ถึงกับอ่อนระโหยโรยแรงยิ่งกว่าหลินสวินเสียอีก เวลานี้หามีคนไปท้าเขาสู้…


เช่นนั้นย่อมไม่ต่างอะไรกับการเอาความโชคร้ายมาเป็นประโยชน์


ประโยคนี้ของหลินสวินก็ทำให้สายตาของยอดมกุฎรุ่นเยาว์ไม่น้อยไหววูบ ประเมินหลี่ชิงผิงอย่างยากจับสังเกตราวกับจดจ้องเหยื่ออยู่


หลี่ชิงผิงทำตัวไม่ถูกไปครู่หนึ่ง สีหน้าบิดเบี้ยวไม่มั่นคง โกรธจนแทบคลั่งแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าตนจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้


“เจ้ารอข้าก่อนเถอะ!”


สายตาของเขาจ้องหลินสวินอย่างเคียดแค้นก่อนชักสายตากลับไป สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง นั่งขัดสมาธิกับพื้นเริ่มฟื้นฟูพลัง


“ขโมยไก่ไมได้ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ ฮ่าๆ” ไกลออกไปอาหลู่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง


เสียงนั้นทำให้หลี่ชิงผิงโมโหจนจิตใจไม่มั่นคง แทบเจ็บหน้าอก ในใจลอบตั้งมั่นไว้ว่ารอภายหน้าจะต้องหาโอกาสปลิดชีพคนเถื่อนผู้นี้ให้ได้!


แต่ไม่นานนักหลี่ชิงผิงก็แข็งทื่อไปทั้งตัว สมองแทบระเบิด เพราะคนที่ประลองรอบต่อมาเป็นคนเถื่อนอย่างอาหลู่ผู้นี้!


เขารีบร้อนก้มหัวลงจนตาแทบแนบไปกับจมูก จมูกแบนไปกับหน้าอก ในใจลอบอธิษฐานไม่ให้คนเถื่อนผู้นี้ฉวยโอกาสในความโชคร้ายของตน


ใครจะรู้ว่าทันทีที่อาหลู่ขึ้นไปบนสนามประลอง ก็คำรามออกมาอย่างไม่มีรั้งรอว่า “หลี่ชิงผิง ไสหัวออกมาหาปู่เสียดีๆ!”


ทุกคนสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นแปลกพิกล มุมปากกระตุกขึ้น นี่ช่างเป็นสวรรค์มีตา กรรมตามสนองอย่างสาสม คราวนี้หลี่ชิงผิงโชคร้ายแล้ว


หลินสวินแทบจะหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่


หลี่ชิงผิงเงยหน้าขึ้นมาอย่างยากเย็น สีหน้าคล้ำเขียวและแข็งทื่อ พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ใช้ความแข็งแกร่งรังแกคนอ่อนแอสนุกมากมั้ย กล้ารอข้าฟื้นพลังแล้วมาประลองอีกครั้งหรือไม่”


อาหลู่ถ่มน้ำลายออกมาแล้วร้องว่า “ข้าชอบใช้ความแข็งแกร่งรังแกคนอ่อนแอ ไม่เช่นนั้นจะเป็นปู่เจ้าได้อย่างไร รีบไสหัวออกมา!”


“เจ้า…” หลี่ชิงผิงโมโหจนแทบกระทืบเท้า


“เจ้าอะไร หลานชาย เจ้าเรียกปู่ของเจ้าเช่นนี้หรือ” อาหลู่ตะโกน


ทั้งลานตื่นตะลึง เจ้าคนเถื่อนผู้นี้เอาเรื่องดีจริง หลี่ชิงผิงจะดีจะร้ายก็เป็นยอดมกุฎรุ่นเยาว์ผู้หนึ่ง ไม่กลัวหมางใจกับเขาโดยสมบูรณ์หรือ


“การต่อสู้นี้ข้าขอยอมแพ้!”


หลี่ชิงผิงสูดหายใจลึกอยู่หลายครั้งถึงเก็บกลั้นความเดือดดาลภายในใจไว้ได้ เสียงเหมือนพูดลอดไรฟันออกมา


พูดจบสีหน้าของเขาก็เย็นชาอึมครึมถึงที่สุดแล้ว


ยอมแพ้แล้ว!


ในใจทุกคนสั่นสะท้าน


ทำให้ยอดมกุฎรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งยอมแพ้อย่างน่าอดสูเช่นนี้ นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ใครก็ไม่อาจคาดเดาได้


“ไอ้ขี้ขลาด! ไอ้สวะ! ไอ้คนไร้ค่า! ไอ้ผู้ชายเฮงซวย!” บนสนามประลอง อาหลู่ไม่พอใจยิ่ง ปากก็เอาแต่เอะอะโวยวาย


เดิมหลี่ชิงผิงก็อัดอั้นตันใจพอดูแล้ว เวลานี้แทบจะโกรธจนลมจับ


การประลองรอบที่สามจบลงอย่างรวบรัดเช่นนี้ พาให้ทุกคนจะหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้


แรกเริ่มเดิมทีหลี่ชิงผิงนึกว่าจะสามารถหาเวลาฟื้นฟูพลังได้เล็กน้อย จะคิดได้อย่างไรว่าเยี่ยเฉินที่ออกโรงในรอบที่สี่ก็มายิ้มละไมท้าเขาสู้เสียอย่างนั้น


ชั่วขณะหนึ่งเขาสับสนงงงวยแล้ว


ผู้อื่นก็ต่างสีหน้าพิกล อยากจะหัวเราะแต่ไม่กล้า ข่มกลั้นอย่างลำบากยากเย็น


“เยี่ยเฉิน เจ้าเป็นถึงคนที่มาจากเขาเทพจื่อเวย มีสมญาว่ามารกระบี่ ทำเช่นนี้จะไร้ยางอายเกินไปหรือเปล่า”


หลี่ชิงผิงโกรธจนสั่นไปทั้งตัว


เยี่ยเฉินยิ้มเอ่ยว่า “สิ่งที่ข้าฝึกก็คือทำตามใจนึก สนใจความคิดของคนอื่นเสียที่ไหน ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้เคยพูดหรอกหรือ ว่าภายใต้กฎระเบียบมีเพียงตัวข้าและศัตรู จะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอก็ไม่ต่างกัน ทำไมตอนนี้กลับตบหน้าตัวเองเสียล่ะ”


หลี่ชิงผิงถูกย้อนจนแทบหายใจไม่ทัน ความรู้สึกคับข้องในใจสะสมมามากเกินไป ทำให้เขาทนไม่ได้กระอักเลือดออกมา


“ข้า… ยอมแพ้!”


เสียงหลี่ชิงผิงเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยและขุ่นเคือง ทำให้ผู้ที่ได้ยินหน้าเปลี่ยนสี


จินมู่อวิ๋นกับอวี่หลิงคงเกิดความรู้สึกเห็นใจเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ น่าอนาถไปแล้ว หลี่ชิงผิงก็นับเป็นยอดมกุฎรุ่นเยาว์ในหมู่บุคคลขอบเขตมกุฎ ฐานะไม่ธรรมดา


แต่เขามาแพ้ให้หลินสวินอย่างน่าสับสนงุนงงเสียก่อน แล้วยังถูกบีบให้ยอมแพ้อย่างต่อเนื่องสองครั้ง หากเรื่องนี้กระจายออกไปต้องกลายเป็นตัวตลกของผู้คนในใต้หล้าแน่


กระทั่งตอนนี้หลี่ชิงผิงก็ถูกคัดออกแล้ว หยุดลงที่การประลองรอบที่สอง อันดับของเขาอย่างมากที่สุดก็อยู่แถวๆ อันดับที่สิบแปด


“เทพมารหลินผู้นี้ช่างเป็นดาวมารเสียจริง ใครต่อต้านเขาก็ต้องโชคร้าย”


มีคนพึมพำ


“นั่นสิ ก่อนหน้านี้มีโก่วเหยียนเจินละเมิดกฎเลยถูกขับออก ตอนหลังมีหลี่ชิงผิงถูกคัดออกโดยสมบูรณ์อย่างน่าสับสนงงงวย ช่างแปลกประหลาดผิดธรรมดาเสียจริง”


หลายคนต่างทอดถอนใจ สายตาที่มองไปยังหลินสวินล้วนไม่เหมือนเดิมแล้ว


“พูดจาไร้สาระให้มันน้อยๆ หน่อย นี่ไม่ใช่โชคดี เขาเทพมารหลินตอนนี้ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่หรือ ไม่แน่ว่าต่อไปก็อาจจะถึงตาเขาซ้ำรอยกับหลี่ชิงผิงก็ได้!”


มีคนร้องหึหยัน


เหมือนเป็นการพิสูจน์คำพูดของคนผู้นี้ ยอดมกุฎรุ่นเยาว์ที่ออกโรงเป็นคนที่ห้าก็เรียกชื่อออกมาตรงๆ หมายจะท้าสู้หลินสวิน


คนผู้นี้เป็นทายาทเผ่าโบราณนกปี้ฟางนามว่าปี้ตงหลิ่ว แต่งกายด้วยชุดศึกขนนกทองทั้งตัวดั่งนักรบเทพ บุคลิกไม่ธรรมดา


คราวนี้หลินสวินตรงไปตรงมานัก ไม่พูดพร่ำทำเพลงแต่อย่างใดก็มาถึงบนสนามประลอง


“ข้าต่างจากหลี่ชิงผิง จะไม่ปรานีใดๆ เจ้าต้องระวังตัวให้ดีล่ะ” ปี้ตงหลิ่วสีหน้าเฉยชา มีความทระนงที่เก็บซ่อนไว้ภายในอยู่ในที


“ข้าชนะติดต่อกันมาแล้วสองยก ถ้ายกนี้ยังชนะต่ออีกก็สามารถเข้าประลองรอบต่อไปได้แล้ว”


หลินสวินสีหน้าซีดเผือดยิ่งเหมือนเดิม แต่วาจาที่เอ่ยออกมากลับทำให้ปี้ตงหลิ่วนิ่วหน้าพูดว่า “เจ้าไม่คิดเกินไปหน่อยหรือ”


หลินสวินสูดหายใจลึก แสร้งพูดอย่างแน่วแน่ว่า “ข้าเพียงอยากบอกเจ้าว่า ต่อให้ต้องเค้นพลังเฮือกสุดท้ายข้าก็อยากชนะการต่อสู้นี้ พูดอีกอย่างก็คือ เจ้าต้องระวังตัวแล้ว!”


ปี้ตงหลิ่วสีหน้าขึงขัง คนที่บาดเจ็บสาหัสคนหนึ่งยังกล้าคุยโวอย่างไม่ละอาย นี่ทำให้เขารู้สึกขันนัก


“พูดไร้สาระให้มันน้อยๆ หน่อย ลงมือเถอะ!”


ปี้ตงหลิ่วตะคอก กระโจนขึ้นไปในอากาศ แสงสีทองช่วงโชติแผ่พุ่งออกมาจากเงาร่างผอมบางประหนึ่งอสนีสีทอง ตัดแบ่งห้วงอากาศออกจากกัน


ทุกคนกลั้นหายใจจับจ้องอย่างตื่นเต้น ใครก็ดูออกว่าหลินสวินบาดเจ็บสาหัส แต่เช่นเดียวกัน หากเขาเค้นพลังทั้งหมดออกโจมตี พลังโต้กลับก็ต้องน่าตื่นตระหนกถึงที่สุด


ตูม!


พลานุภาพของปี้ตงหลิ่วแข็งแรงดุดัน ร้ายกาจถึงที่สุด ค้อนยักษ์ที่ปกคลุมด้วยรัศมีสายฟ้ากระแทกไปทางหลินสวินอย่างรุนแรง


ห้วงอากาศระเบิดแหลกยุ่งเหยิง!


หลินสวินยืนนิ่งไม่ขยับ ไอเลือดรอบกายแผดเผาดั่งเพลิงเทพสีใส สาดส่องเวิ้งฟ้าให้เจิดจรัส เขาสีหน้าแข็งกระด้างเหี้ยมเกรียม ท่าทางเอาชีวิตเข้าแลก


ชิ้ง!


ดาบหักที่เจิดจ้าราวมายาออกโจมตี ส่งเสียงกังวาน สำแดงกระบวนเฉือนนภาสงัด


เสียงเคร้งดังขึ้น การโจมตีที่ดุดันหาใดเทียบนี้ถูกปี้ตงหลิ่วสลายไปด้วยการโจมตีในค้อนเดียว เขายิ้มเหี้ยม “เจ้านึกว่าข้าจะยังติดกับเหมือนหลี่ชิงผิงหรือ ดูถูกข้าปี้ตงหลิ่วเกินไปแล้ว!”


ตูม!


ยามเอ่ยคำเงาร่างเขาก็โฉบพุ่งอย่างรวดเร็ว ท่วงท่าราวรุ้งเทพสีทอง ตัวเขาส่องแสง ค้อนยักษ์สายฟ้าที่อยู่ในมือกำราบห้วงอากาศลงมา


พริบตานั้นประหนึ่งอสนีเคราะห์พรั่งพรูลงมาบนสนามประลอง


ทุกคนสูดหายใจหนาวเยือก ยอดมกุฎรุ่นเยาว์ที่เลื่อนเข้ามาในการประลองรอบที่สองไม่มีผู้อ่อนแอสักคน


เทียบกับหลี่ชิงผิง ปี้ตงหลิ่วไม่ด้อยไปกว่ากันเลยสักนิด ถึงกับแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ เขาเก่งทั้งโจมตีและป้องกัน เยือกเย็นมากประสบการณ์ เห็นได้ชัดว่าปฏิบัติกับหลินสวินอย่างศัตรูผู้ร้ายกาจ ไม่ได้ประเมินต่ำ


ในขณะเดียวกัน ความสามารถที่แสดงออกมาของหลินสวินก็ทำให้ทุกคนอ้าปากค้างจนคางแทบตกลงไปกับพื้น เขาไม่ถอยกลับรุก รับการโจมตีอย่างห้าวหาญ!


โครม!


เสียงปะทะดังขึ้น ทั้งสองโรมรันกันอย่างดุเดือด ชั่วพริบตาก็ต่อสู้กันเป็นร้อยกระบวนท่าแล้ว เป็นการปะทะอันรุนแรงโดยสมบูรณ์ แต่ละกระบวนท่าดุดันร้ายกาจ


“ถูกกำราบในทันทีเสียแล้ว…” ทุกคนมีท่าทางเหมือนเห็นผีกลางวันแสกๆ


ไม่นานนักภาพที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าก็ปรากฏขึ้น ในการประลอง ปี้ตงหลิ่วกลับถูกกระแทกให้ถอยออกไปอย่างโซซัดโซเซ แขนขวาทั้งท่อนเป็นตะคริว สูดหายใจเย็นเพราะเจ็บปวด


“เจ้า… เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บหรือ” ปี้ตงหลิ่วร้องออกมา พวกเขาเผ่านกปี้ฟาง สร้างชื่อด้วยพลังและความเร็ว ลือนามตั้งแต่บรรพกาล


อีกทั้งเขายังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด แต่ในระหว่างปะทะกันกลับรับมือไม่ไหวอยู่บ้าง


“ข้าบอกแล้วว่าข้ากำลังเอาชีวิตเข้าแลก!” หลินสวินจริงจังยิ่ง เมื่อพูดจบมุมปากก็มีคราบเลือดไหลออกมาอย่างน่าสะพรึง


“หึ!”


ปี้ตงหลิ่วสีหน้าอึมครึม กลิ่นอายรอบกายพุ่งสูงขึ้นอย่างยิ่ง เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นรอบกายเขาก็โอบล้อมไปด้วยอสนีบาต สายฟ้ากะพริบวาบ แม้แต่ในดวงตายังมีแสงสายฟ้าปั่นป่วน ตัวเขาเปล่งประกายสะดุดตาประหนึ่งบุตรเทพที่ถือกำเนิดขึ้นด้วยการอาบชโลมอสนี


นี่เป็นวิชาลับของเผ่านกปี้ฟาง แปลกประหลาดน่าตื่นตา หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณอื่นจะต้องถูกสายฟ้าสังหารทิ้งโดยตรงแล้ว แม้แต่บุคคลขอบเขตมกุฎทั่วไปยังยากต้านทานได้


ทว่าระหว่างที่หลินสวินเงื้อมือขึ้น ดาบหักก็เคลื่อนผ่านอากาศ สำแดงกระบวนเฉือนนภาสงัด คมดาบอันน่าเหลือเชื่อพริบไหว เสียงฟุ่บดังขึ้นก็สร้างรอยแยกรอยหนึ่งบนร่างของปี้ตงหลิ่ว เลือดสดๆ กระเซ็นกระสาย


“แม้เป็นการเอาชีวิตเข้าแลกก็ไม่น่าแข็งแกร่งปานนี้กระมัง” ปี้ตงหลิ่วร้องตะโกนขึ้นอีกครั้ง ความตื่นตระหนกและโกรธเคืองปนเปกันไป ไม่อาจทำใจเชื่อได้


ทุกคนที่อยู่นอกสนามประลองก็ฉงนใจไม่ว่างเว้น จริงด้วย นี่เหมือนบาดเจ็บสาหัสที่ไหนกัน ดูร้ายกาจกว่าคนที่สมบูรณ์ไม่สึกหรอเสียด้วยซ้ำ!


หลินสวินไอพลางนิ่วหน้าพูดว่า “นั่นน่ะ ไม่ใช่เพราะพลังเจ้าอ่อนด้อยหรอกหรือ”


ปี้ตงหลิ่วพลันสีหน้าอึมครึม ส่งเสียงตะคอกดัง ทันใดนั้นร่างกายก็แปรสภาพเป็นนกปี้ฟางสามขาตัวหนึ่ง ทั้งร่างอาบไล้ด้วยสายฟ้าสีทองเจิดจรัส สยายปีกถล่มสังหาร


ทุกการโจมตีล้วนปกคลุมสนามประลอง ดุจทัณฑ์อสนีมาเยือนโลก น่าสะพรึงอย่างที่สุด


แต่เพียงครู่เดียวเขาก็ถูกกระบวนเฉือนนภาสงัดโจมตีอีกครั้ง ทรวงอกแทบเปิดออก บนรอยแผลที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงเลือดสดๆ ไหลริน


ปี้ตงหลิ่วตีปีกอย่างทุลักทุเล ยังไม่ถูกกระบวนเฉือนนี้ฆ่าตาย ประสบเคราะห์คราวนี้ทำให้เขาบันดาลโทสะโดยสมบูรณ์แล้ว ตะโกนเสียงแหบว่า “เทพมารหลิน เจ้ามันเป็นจอมโกหก หลอกข้ามาตลอด!”

 

 

 


ตอนที่ 1064 เลื่อนขึ้นเป็นสี่อันดับแรก

 

เสียงของปี้ตงหลิ่วเผยให้เห็นความเดือดดาล อัดอั้น และเจ็บปวด


เขาสาบานต่อฟ้าว่าตั้งแต่การต่อสู้นี้เริ่มขึ้นเขาไม่เคยดูถูกหลินสวินเลย ทั้งยามต่อสู้ก็โคจรพลังต่อสู้ของตนถึงขีดสุด


เขาเชื่อว่าสามารถต่อกรกับหลินสวินที่บาดเจ็บสาหัสได้อย่างเหลือเฟือ


จะคิดได้อย่างไรว่าตั้งแต่เริ่มต่อสู้กระทั่งตอนนี้ เขากลับได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง!


นี่ทำให้เขาแทบบ้า


คนนอกเห็นเช่นนี้ล้วนพูดไม่ออก เทพมารหลินผู้นี้ช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว สู้ถึงขั้นนี้ทั้งที่บาดเจ็บสาหัส ใครจะกล้าเชื่อได้กัน


“เจ้าก็เป็นบุคคลขอบเขตมกุฎผู้หนึ่ง ดูไม่ออกหรือว่าข้าบาดเจ็บรุนแรงขนาดไหน” หลินสวินทอดถอนใจ ท่าทางเหมือนถูกเข้าใจผิด


ปี้ตงหลิ่วสีหน้าผันแปรไม่ว่างเว้น


เขาย่อมดูออก การขับเคลื่อนพลังของหลินสวินยุ่งเหยิงนัก สีหน้าซีดเผือด ทั้งบนร่างก็ไม่มีที่ที่สมบูรณ์เลยสักจุด ล้วนมีแต่รอยแผลทั้งนั้น


อีกอย่าง เขายังไอออกมาเป็นเลือดอยู่ตลอด ทั้งหมดนี้ทำให้ทุกคนไม่อาจไม่เชื่อว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ


“ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นการประลอง แพ้ชนะขึ้นอยู่กับพลังที่แท้จริงของแต่ละคน ที่เจ้ามาถือสากับเรื่องพวกนี้จะดู… ไร้ความสามารถไปหรือไม่”


เมื่อหลินสวินพูดคำนี้ออกไป ปี้ตงหลิ่วพลันกระทืบเท้า ยิ่งบันดาลโทสะขึ้นไปอีก “ได้ ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าเจ้าจะเอาชีวิตเข้าแลกได้ถึงตอนไหน!”


ตู้ม!


เขาออกโจมตีอีกครั้งหนึ่ง ปีกสีทองเจิดจ้ามีสายฟ้าหลั่งไหลลงมากลางฟ้าดิน รวดเร็วอัศจรรย์ พลังทำลายล้างน่าตระหนก


เพียงแต่ไม่นานนักปี้ตงหลิ่วก็ถูกโจมตีจนบาดเจ็บอีกครั้ง เขายังไม่ทันได้แสดงความกราดเกรี้ยวก็ถูกหลินสวินที่พุ่งมาข้างหน้ากำราบลงกับพื้นด้วยฝ่ามือเดียว


ตึง!


พื้นดินสั่นสะเทือน ปี้ตงหลิ่วร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด ปีกถูกฟันขาด เลือดสดๆ ไหลหลั่งออกมาจากร่าง


เสียงชิ้งดังขึ้น ดาบหักที่เฉียบคมหาใดเทียบมาถึงบริเวณคอของปี้ตงหลิ่วแล้ว


ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง คับข้องและไม่ยินยอม ไม่อาจเชื่อได้ว่าตนจะแพ้คามือเทพมารหลินที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เรื่องนี้กระทบจิตใจเขาเกินไปแล้ว


“ยอมแพ้ตอนนี้จะไว้ชีวิตไม่ฆ่าเจ้า หาไม่แล้ว เกรงว่าเจ้าจะถูกคนอื่นฉวยโอกาสตอนที่อ่อนแอเหมือนหลี่ชิงผิง” หลินสวินกล่าว


ปี้ตงหลิ่วอึ้งไป จากนั้นหน้าเปลี่ยนสียิ่ง พูดอย่างไม่รู้ตัวว่า “ข้ายอมแพ้!”


เมื่อคำพูดนี้ออกจากปาก เขาก็อดไม่ได้ที่จะทั้งโกรธทั้งอายจนอยากตาย แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี น่าอดสูเกินไปแล้วจริงๆ ถูกคนอื่นเอาชนะ ทั้งยังยอมแพ้อย่างน่าขายหน้า ทำให้ความยโสโอหังของเขาได้รับการกระทบกระเทือน


หลินสวินเก็บดาบหักขึ้นมา พ่นลมหายใจยาวแล้วพูดอย่างโล่งใจว่า “สู้สามชนะสาม ในที่สุดก็ไม่ต้องยืนหยัดต่อไปแล้ว…”


ปี้ตงหลิ่วอดถามไม่ได้ว่า “ตกลงเจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่”


หลินสวินอึ้งไป เอ่ยว่า “เรื่องนี้สำคัญหรือ”


นั่นสิ สำคัญหรือ


ยอมแพ้ไปแล้ว ถามเรื่องพวกนี้ไปก็ไม่มีความหมายสักนิด


ปี้ตงหลิ่วยิ้มอย่างเศร้าสร้อย เงาร่างออกจากสนามประลองอย่างโซซัดโซเซ เบื้องหลังโดดเดี่ยว


‘ด้วยพลังต่อสู้ของเจ้า สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ทำไมถึงต้องหลอกลวงกันเช่นนี้’ เสียงสื่อจิตของจ้าวจิ่งเซวียนแว่วขึ้นในโสตประสาทของหลินสวิน


หลินสวินกลับไปยังยอดเขาพลางเอ่ยว่า ‘หลอกลวงหรือ ใช่เสียที่ไหน ข้าได้รับบาดเจ็บจริงๆ นะ เพียงแต่ไม่ได้รุนแรงเท่านั้นเอง เป็นพวกเขามาท้าข้าสู้ไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่ใช่ข้าจงใจเสียหน่อย นี่เรียกหลอกลวงได้หรือ’


จ้าวจิ่งเซวียนลอบดูแคลน ทำแล้วยังไม่ยอมรับ หนังหน้าของเจ้าหมอนี่หนากว่าแต่ก่อนมากนัก


ตอนนี้ทุกคนที่อยู่นอกสนามประลองล้วนสีหน้าหนักอึ้งและฉงน เทพมารหลินแข็งแกร่งเกินไปแล้ว สู้สามครั้งชนะสามครั้ง พาให้คนประหลาดใจ


ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงเช่นนี้ แต่กลับเอาชนะหลี่ชิงผิงกับปี้ตงหลิ่ว ดูเหลือเชื่อเกินคาดยิ่งนัก


“เขาต้องแสร้งทำแน่ๆ!”


มีคนกัดฟัน คิดว่าหลินสวินตั้งใจหลอกลวง


“ก็อาจเป็นไปได้ อาการบาดเจ็บของเขาไม่ได้รุนแรงอย่างที่เห็น พวกเราถูกเขาหลอกหมดแล้ว”


ผู้อาวุโสบางคนวิเคราะห์


“ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เขาได้รับชัยชนะไปสามยกแล้ว ผ่านการประลองรอบที่สองแน่นอน สามารถไปชิงห้าอันดับแรกในการประลองสุดท้ายได้แล้ว!”


บางคนทอดถอนใจ การต่อสู้ห้ายกก่อน เทพมารหลินประลองต่อเนื่องสามครั้ง และเอาชนะได้ทุกครั้ง ความเร็วในการเลื่อนระดับนี้ย่อมเรียกได้ว่าเป็นคนแรกในสนามนี้


……


ไม่นานนักการประลองยกที่หกก็เริ่มขึ้นแล้ว


ผู้ที่ออกโรงคือเซี่ยวชางเทียน คู่ต่อสู้ของเขาคือจั่นเฟิงที่มาจากหอกระบี่นพเลิศ


หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจั่นเฟิงก็ออกปากยอมแพ้


ยกที่เจ็ด คู่ต่อสู้ของจินมู่อวิ๋นเอ่ยยอมแพ้เอง


ยกที่แปด คู่ต่อสู้ของอวี่หลิงคงเอ่ยยอมแพ้


ยกที่เก้า…


การประลองยกแล้วยกเล่าเปิดฉากขึ้น แล้วจากนั้นก็ปิดฉากลง


สถานการณ์การต่อสู้ย่อมดุเดือดหาใดเทียบ ยอดมกุฎรุ่นเยาว์ที่เหยียบย่างขอบเขตมกุฎเหล่านี้ แต่ละคนต่างเรียกได้ว่าวิปริต มาประลองกันเองก็เหมือนสุริยันจันทราแข่งรัศมี มังกรพยัคฆ์ขับเคี่ยว มีสีสันหาใดเทียบ


ทุกคนที่อยู่นอกสนามประลองต่างดูด้วยความตื่นตระหนก เสียงร้องตกตะลึงและเสียงฮือฮาระลอกแล้วระลอกเล่าปะทุขึ้นอยู่ตลอด


มีคนยินดีปรีดา และมีคนผิดหวัง


เพียงแต่ทั้งหมดนี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับหลินสวิน


เขาประลองต่อเนื่องมาสามยกแล้ว ทั้งไม่มีสถิติแพ้เลยสักครั้ง สามารถเข้าประลองรอบที่สามได้อย่างแน่นอน


เวลานี้เขากำลังสงบจิตทำสมาธิ


การระเบิดตัวเองของโก่วเหยียนเจินทำให้เขาได้รับบาดเจ็บจริงๆ ตอนนั้นหากเขาไม่โคจรพลังมรรคดับดารากลืนกิน สลายพลังระเบิดตัวเองที่เข้ามาอย่างจังนั้นทันท่วงที เป็นไปได้สูงยิ่งที่จะบาดเจ็บสาหัสเข้าจริงๆ


แม้เป็นเช่นนี้เขาก็ยังถูกจู่โจม ผิวหนังทุกกระเบียดแตกออกเป็นรอยแผลแน่นขนัด ดูแล้วน่าตกใจนัก


แน่นอนว่านี่เป็นเพียงบาดแผลภายนอกเท่านั้น


ยามนั่งสมาธิ ดวงตาดำของหลินสวินเยือกเย็นประหนึ่งผู้สังเกตการณ์คนหนึ่ง มองการประลองทุกครั้งที่เกิดขึ้นบนสนามประลองอยู่เงียบๆ


จิตรับรู้ที่กว้างใหญ่ไพศาลหาใดเทียบของเขาปกคลุมไปตามมุมต่างๆ ในสนามประลองราวกับขยับมือจับต้อง สัมผัสทุกรายละเอียดของการต่อสู้ที่ปะทุขึ้นบนนั้นอย่างแม่นยำ


สภาวะจิตของเขาปลอดโปร่งผ่องแผ้ว ราบเรียบไม่ตระหนก


ในห้วงนิมิต วิญญาณแห่งพลังจิตกลับกำลังอนุมานรายละเอียดของการต่อสู้ทุกรอบซ้ำไปซ้ำมา จากนั้นก็นำการรับรู้ด้านการต่อสู้ของตนเข้าไปอยู่ในนั้นเพื่อเปรียบเทียบ


รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง


หลินสวินยังไม่โอหังบ้าระห่ำถึงขั้นดูแคลนคนรุ่นเดียวกันในใต้หล้า


แต่เช่นเดียวกัน เขาก็จะไม่ดูถูกตัวเองเกินไป อย่างน้อยถึงตอนนี้ ในหมู่ยอดมกุฎรุ่นเยาว์ที่ขึ้นสู่ลานประลองไม่ขาดสาย มีน้อยคนนักที่เขาให้ความสำคัญ


หรือพูดได้ว่า เป็นผู้ที่ทำให้เขาไม่อาจมองทะลุตื้นลึกหนาบาง


เซี่ยวชางเทียนเป็นหนึ่งในคนกลุ่มนั้น สู้ต่อเนื่องสามรอบ เขาระเบิดพลังต่อสู้ที่ไม่เคยมีมาก่อน คมดาบราวโทสะ ภายในสิบกระบวนท่าก็เอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างราบคาบ


เขาถูกขนานนามว่าดาบคลั่ง เจตดาบก็บ้าระห่ำไร้การควบคุม เจือกลิ่นอายอิสระไม่ถูกผูกมัด ทุกที่ที่คมดาบพาดผ่านผ่าน เหมือนสามารถทำลายโซ่ตรวนทั้งมวลได้


ความสามารถที่เขาสำแดงออกมาก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนไปทั้งที่นั้น โดดเด่นสะดุดตาหาใดเทียบ ถูกมองว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีความหวังว่าจะช่วงชิงอันดับหนึ่งในกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ไปได้มากที่สุด!


มารกระบี่เยี่ยเฉินก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน มรรคกระบี่ของเขาผ่าเผยเกรียงไกร เจิดจรัสเหลือคณา ดุดันถึงที่สุด และแกร่งกล้ายิ่งนัก


กระบี่เดียวทำให้เทพผีล้วนตื่นตระหนก!


ยอดมกุฎรุ่นเยาว์สองคนที่ประลองกับเขาต่างถูกกำราบในสามกระบวนท่า ต้องขอยอมแพ้ไปจากการแข่งขัน


จินมู่อวิ๋นก็น่าตื่นตายิ่งยวด มีฐานะเป็นบุคคลระดับผู้นำของคนรุ่นเยาว์สำนักกระบี่เทียมฟ้า มรรคกระบี่ของเขาอหังการดุจอัคคี ประหนึ่งราชันกระบี่พาดขวางจักรวาล


อวี่หลิงคง…


จี้ซิงเหยา…


ยอดมกุฎรุ่นเยาว์ทุกคนล้วนมีอานุภาพโดดเด่น ราวกับทินกรแข่งกันสาดแสง สำแดงความสง่างามเหนือธรรมดาไปไกลออกมาให้เห็น


อีกทั้งด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในที่นั้น ก็ทำให้หลินสวินได้เข้าใจแล้ว


มกุฎมรรคาแบ่งออกเป็นสามระดับคือ ‘แรกก้าวสำรวจ’ ‘เข้าถึงชำนาญ’ ‘บรรลุสูงสุด’


ยอดมกุฎรุ่นเยาว์ขอบเขตมกุฎสิบแปดคนแรกที่พาตัวเองเข้ามาในการประลองรอบที่สองได้ แทบจะอยู่ในระดับเข้าถึงชำนาญทั้งนั้น


ส่วนพวกแนวหน้าอย่างเซี่ยวชางเทียน เยี่ยเฉินได้เริ่มสัมผัสระดับบรรลุสูงสุดแล้ว พลังต่อสู้ยิ่งแข็งแกร่ง


แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความต่างของมรรคา


สำหรับการต่อสู้ ภายใต้สภาวะที่พลังปราณใกลเคียงกัน สิ่งที่ประชันกันก็คือวิถียุทธ์ของตน


และวิถียุทธ์ ยิ่งมีความเกี่ยวโยงแน่นแฟ้นจนแยกไม่ออกกับการจิตต่อสู้ ฝีมือ และพลังมหามรรค


ย่อมไม่สามารถมีมาตรฐานที่แบ่งแยกได้อย่างแม่นยำ


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศักยภาพแท้จริงระหว่างยอดมกุฎรุ่นเยาว์ขอบเขตมกุฎเดิมทีก็ต่างกันไม่มาก คิดจะอยู่เหนือผู้อื่นก็ต้องดูไพ่ตายที่แต่ละคนครอบครองแล้ว!


……


หลังจากผ่านไปสามชั่วยามเต็มๆ การประลองรอบที่สองก็ปิดฉากลง


นอกจากโก่วเหยียนเจินที่ถูกคัดออกไปก่อน หลี่ชิงผิงที่สู้สามแพ้สาม ยังมียอดมกุฎรุ่นเยาว์ขอบเขตมกุฎหลายคนที่แพ้ไปทั้งหมดเช่นเดียวกัน


คนที่สามารถสู้สามชนะสามมีเพียงสี่คนได้แก่ หลินสวิน เซี่ยวชางเทียน เยี่ยเฉิน และจินมู่อวิ๋น


ผู้ที่สู้สามชนะสองมีหกคนได้แก่ จ้าวจิ่งเซวียน จี้ซิงเหยา อาหลู่ อวี่หลิงคง กู่เหลียงผิง และฉีชงโต้ว


ผู้ที่สู้สามชนะหนึ่งมีหกคน อิงตามกฎแล้ว พวกเขาย่อมไม่มีวาสนาได้เข้าประลองในรอบที่สาม


การประลองรอบที่สามจะแบ่งออกเป็นสองประเภท


ประเภทหนึ่งคือช่วงชิงอันดับห้าถึงอันดับสิบ ผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันนี้เป็นยอดมกุฎรุ่นเยาว์ขอบเขตมกุฎหกคนที่สู้สามชนะสองเหล่านั้น


อีกประเภทหนึ่งคือช่วงชิงสี่อันดับแรก คนที่เข้าร่วมการแข่งขันคือพวกหลินสวินสี่คน


หรือพูดได้ว่ากลุ่มหกคนที่รวมจ้าวจิ่งเซวียน อวี่หลิงคง และจี้ซิงเหยาไว้ไม่มีคุณสมบัติจู่โจมสี่อันดับแรกแล้ว!


เมื่อได้รู้ผลลัพธ์นี้ อวี่หลิงคงพลันรู้สึกเสียศูนย์ สีหน้าอึมครึมไม่สิ้นสุด ความแค้นที่น่าตกตะลึงไหวเคลื่อนในดวงตา


เดิมทีเขาหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าจะเอาชนะหลินสวินในการประลองครั้งนี้เพื่อชำระล้างความอัปยศ แต่ผลลัพธ์กลับทำให้เขากระทบกระเทือนจิตใจ


ขนาดคุณสมบัติจะไปสู้กับหลินสวินยังไม่มี!


ไม่ต้องสงสัยว่าในสถานการณ์เช่นนี้ อย่าว่าแต่ล้างความอัปยศ สุดท้ายยังถูกหลินสวินกดหัวเสียอีก นี่จะให้อวี่หลิงคงยินยอมได้หรือ


“น่าแค้นนัก!” อวี่หลิงคงกัดฟันกรอด


‘การประลองคราวนี้ น่าเสียดายที่ไม่ได้สู้กัน’ จี้ซิงเหยาถอนใจในใจเบาๆ และออกจะไม่ยินยอม


ก่อนหน้านี้คนที่นางท้าสู้ยกแรกคือเซี่ยวชางเทียน สู้โดยเอาทุกอย่างเข้าแลก สุดท้ายเพราะฝีมือด้อยกว่าจึงไม่ได้รับชัยชนะ


และก็เพราะการต่อสู้นี้ ทำให้นางเสียคุณสมบัติที่จะจู่โจมผู้ที่อยู่ในสี่อันดับแรก


พวกจ้าวจิ่งเซวียนกับอาหลู่กลับสีหน้าเป็นปกติ สามารถพาตัวเองขึ้นมาในสิบอันดับได้ ก็ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ไม่เลวแล้ว


กู่เหลียงผิงกับฉีชงโต้วก็ดูไม่ยินยอมอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงเก็บกลั้นความไม่พอใจไว้ในใจ


“น่าชังนัก! เจ้าเทพมารหลินนั่นเจ้าเล่ห์เพทุบาย ดันแย่งชิงตำแหน่งสี่อันดับแรกไปได้ นี่มันไม่ยุติธรรม!”


ที่ตีนเขามีคนร้องเสียงดัง คลื่นนับพันชั้นโหมขึ้นในครู่เดียว ผู้แข็งแกร่งสำนักโบราณที่มองหลินสวินอย่างแค้นเคืองอยู่ก่อนแล้วบางคนพากันเอะอะโวยวายขึ้นมา


“ใช่แล้ว เขาเทพมารหลินหากไม่เสแสร้งหลอกลวงทำให้หลี่ชิงผิงชะล่าใจติดกับ มีหรือจะได้รับชัยชนะ”


“อาศัยแค่พลังต่อสู้ของเทพมารหลิน เดิมก็ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะฝ่าไปสี่อันดับแรกได้เลย!”


ผู้ที่โวยวายและโจมตีหลินสวินเหล่านี้แทบจะเป็นเหล่าขุมอำนาจอย่างแดนพิสุทธิ์อมตะ เรือนกระบี่เร้นปุจฉา แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ที่กำลังเรียกร้องความยุติธรรมแทนพวกอวี่หลิงคง จี้ซิงเหยา


เมื่อผู้ฝึกปราณอื่นได้ยิน แม้ไม่ได้เออออแต่ในใจก็เห็นด้วยนัก


อย่างไรเสียไม่ว่าจะเป็นเซี่ยวชางเทียน เยี่ยเฉิน หรือจินมู่อวิ๋นก็ล้วนอาศัยพลังต่อสู้ที่แท้จริงถึงโดดเด่นเกินคนทั่วไปขึ้นมา


แต่หลินสวินในการประลองสองรอบหลัง วิธีที่ได้ชัยชนะมากลับน่าประณามนัก ดังนั้นถึงถูกโจมตีอย่างไม่พึงพอใจมากมาย คิดว่าเขาไม่มีคุณสมบัติขึ้นมาแข่งขันการชิงอันดับหนึ่ง!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)