Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 1055-1058
ตอนที่ 1055 ในที่สุดก็ถึงคราวข้าออกโรง
ขณะเดียวกันยอดมกุฎรุ่นเยาว์บนยอดเขาอื่น สายตาที่มองสนามประลองโชควาสนาตรงกลางนั่นก็เจือความฮึกเหิมอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ไม่ว่าพรสวรรค์เป็นเลิศแค่ไหน และไม่ว่าความคิดลึกซึ้งเท่าใด คนที่สามารถเด่นตระหง่านบนกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ครั้งนี้ล้วนเป็นคนหนุ่มสาวที่อายุไม่เกินสามสิบปี
ช่วงเวลานี้ใครเล่าจะไม่สะทกสะท้าน
ในฐานะผู้กล้าที่ก้าวสู่ขอบเขตมกุฎ เหนือกว่าคนรุ่นเดียวกัน แน่นอนว่าต่างหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี การแย่งชิงโชควาสนาครานี้ ไม่ว่าใครล้วนต้องทุ่มสุดกำลัง
ไม่มีใครอยากอยู่ใต้คนอื่นแน่!
การแย่งชิง ก็คือการชิงพลานุภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดิน!
…
วู้ม!
ทันใดนั้นเสียงแปลกประหลาดพลันดังขึ้น ถาโถมปั่นป่วนฟ้าดิน
ภายใต้สายตาที่จับจ้องนับไม่ถ้วน ในเส้นทางประกายทองสามสิบหกสายนั่น มีสองสายที่กำลังเกิดคลื่นดุจกระแสวารี
เวลาต่อมายอดมกุฎรุ่นเยาว์ที่ยืนอยู่หน้าเส้นทางประกายทองสองสายนี้ ก็ถูกเคลื่อนย้ายไปบนสนามประลองตรงกลาง
แบ่งเป็นหนึ่งชายหนึ่งหญิง
ชายหนุ่มร่างกายสูงโปร่ง อานุภาพพลังดั่งหิมะน้ำแข็ง แผ่ความหนาวเย็นเสียดกระดูก
เขามาจากลัทธิเทพต้นกำเนิดแห่งแดนชัยบูรพา นามเลี่ยเหวินเหลียง
ส่วนหญิงสาวสะโอดสะองราวดอกบัวกลางสระ หน้าตาสุภาพ ทั่วร่างห้อมล้อมแสงมรรคสีม่วงอ่อนหลากสายเสมือนมายา
นางมาจากสำนักเอกอุ นามกู่เหลียงผิง
ทั้งสองต่างเป็นบุคคลแห่งยุคที่หลินสวินไม่รู้จัก แต่พวกเขาสามารถครองยอดเขากลายเป็นหนึ่งในสามสิบหกยอดมกุฎรุ่นเยาว์ได้ ก็เพียงพอพิสูจน์ความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้ว
ไม่นานการต่อสู้ปะทุขึ้นอย่างไม่ผิดจากที่คาด ในสนามประลองประกายศักดิ์สิทธิ์ตัดสลับไปมา แสงสมบัติจู่โจม ทันทีที่เริ่มต้นก็ปรากฏสถานการณ์ต่อสู้ดุเดือดสะเทือนใต้หล้า
ณ เชิงเขา เสียงร้องประหลาดใจดังไม่หยุด
บนยอดเขา หลินสวินและเหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์ต่างกำลังจับตามองใกล้ชิด
ไม่นานนักการต่อสู้ก็ปิดฉาก ตัดสินผลแพ้ชนะ
กู่เหลียงผิงอาศัยข้อได้เปรียบเล็กน้อย ซัดเลี่ยเหวินเหลียงจนแพ้พ่าย ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสเจียนตาย
ขณะเดียวกันบนศิลามังกรขดที่เดิมเป็นของเลี่ยเหวินเหลียง พลังโชควาสนามหามรรคดุจมายาสายหนึ่งพุ่งทะยาน โถมสู่ศิลามังกรขดที่กู่เหลียงผิงครอบครอง
อีกทั้งภูเขาเทพไร้มรณะยังมอบรางวัลโชควาสนามหามรรคต่างหากแก่กู่เหลียงผิงผู้ได้ชัยชนะคนนี้
การแย่งชิงโชควาสนาเป็นเช่นนี้นี่เอง!
ไม่เพียงยึดโชควาสนามหามรรคของคู่แข่ง ยังสามารถได้รับรางวัลจากภูเขาเทพไร้มรณะด้วยเหตุนี้
‘ไม่มีสมบัติอริยะและพลังต้องห้ามเป็นไพ่ตาย ที่ประลองกันคือพลังต่อสู้ที่แท้จริงของแต่ละคน เลี่ยเหวินเหลียงนั่นแข็งแกร่งยิ่ง แต่พลังมหามรรคที่ครอบครองกลับด้อยกว่ากู่เหลียงผิงเสี้ยวหนึ่ง’
หลินสวินใคร่ครวญ
ยอดมกุฎรุ่นเยาว์คนอื่นๆ ก็กำลังวิเคราะห์พลังต่อสู้ของกู่เหลียงผิงเช่นกัน พิจารณาว่าหากตนต้องประลองกับหญิงสาวผู้นี้ควรรับมือและชิงชัยอย่างไร
ไม่ช้าการประลองรอบที่สองก็เริ่มต้น ผู้ลงสนามคือโก่วเหยียนเจิน
คู่ต่อสู้ของเขาคือชายหนุ่มนามเกาซานไห่ มาจากสำนักยุทธ์เมฆาสวรรค์แห่งแดนฐิติประจิม พลังต่อสู้แข็งแกร่งยิ่ง
ตูม!
ทันทีที่การต่อสู้เริ่มต้น เกาซานไห่ก็เรียกสมบัติออกมาแล้วพุ่งเข้าไปเต็มกำลัง เห็นชัดว่าเขารู้ถึงความน่ากลัวของโก่วเหยียนเจินดี
โก่วเหยียนเจินยิ้มเหี้ยมเกรียม ถือแส้ยาวสีเลือดรวมเจ็ดสิบสองปล้องดุจกระดูกสันหลังสีโลหิต ภายใต้การสะบัดครั้งเดียว สนามประลองพลันเกิดเสียงสะเทือนเลือนลั่นเสียดหูหาใดเปรียบ
เงาร่างเขาอหังการฮึกเหิม แส้โลหิตทะยานฟ้าปล่อยคลื่นมหามรรคน่าหวาดกลัว เพียงแค่สิบกว่ากระบวนท่าก็กำราบเกาซานไห่ได้
ในกระบวนที่สี่สิบกว่า เกาซานไห่ถูกแส้เฆี่ยนจนแผลเต็มตัว กล้ามเนื้อกระดูกแตกหักเพิ่มมากขึ้น
ในกระบวนที่หกสิบกว่า เกาซานไห่ถูกฟาดจนศีรษะ ร่างกายต่างถูกแส้โลหิตฟาดกระจุยอย่างแข็งกร้าว
ซ่า…
ฝนโลหิตโปรยปราย อาบไล้เงาร่างโก่วเหยียนเจิน ขับเน้นจนเขาประหนึ่งมารร้ายกระหายเลือด น่าหวาดกลัวหาใดเปรียบ
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
“เจ้าลูกหมาทมิฬนี่หยั่งรู้มหามรรค ‘อสูรมายาทมิฬ’ แล้ว นี่เป็นถึงพลังมหามรรคหายากที่จัดอยู่ในอันดับมหามรรคเทียมฟ้า อานุภาพอัศจรรย์อำมหิต”
“เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬแม้ทำให้ผู้คนรังเกียจ แต่ไม่อาจไม่ยอมรับว่ารากฐานของเผ่านี้ช่างแข็งแกร่งยิ่ง โก่วเหยียนเจินนี่ต้องเป็นพวกคนแกนหลักระดับ ‘บั่นหมื่นเศียร’ ของเผ่าแน่”
ตรงเชิงเขาเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังต่อเนื่อง ล้วนถูกท่าทางต่อสู้อันเหี้ยมโหดดุดันนั่นของโก่วเหยียนเจินทำเอาตระหนก
หมายเอาชนะผู้แข็งแกร่งที่เป็นยอดมกุฎรุ่นเยาว์เหมือนตนนั้นไม่ง่าย
คิดสังหารอีกฝ่ายยิ่งยากเสียยิ่งกว่ายาก
โก่วเหยียนเจินกลับสามารถทำได้ถึงขั้นนี้ ล้วนพิสูจน์โดยไม่ต้องสงสัยแล้วว่า พลังต่อสู้ที่เขามีเพียงพอดันตนขึ้นสู่แนวหน้าในการแข่งขันชิงโชควาสนาครานี้!
‘ไม่แปลกที่กล้าจองหองอำมหิตเช่นนี้ ที่แท้ก็พอมีฝีมือ’
หลินสวินนัยน์ตาวาววาบ เขาเก็บรายละเอียดของการต่อสู้ไว้หมด ถือว่าเข้าใจศักยภาพที่แท้จริงของโก่วเหยียนเจินโดยคร่าวๆ
“หลินสวิน! เจ้าน่าจะรู้ว่าคนที่ข้าอยากสังหารที่สุดก็คือเจ้า ทางที่ดีเจ้าล้างคอรอข้าได้เลย!”
ทันใดนั้นโก่วเหยียนเจินพลันส่งเสียงตวาด นัยน์ตาแดงก่ำฉายประกายเหี้ยมโหด
จากนั้นเขาถูกเคลื่อนย้ายกลับแท่นมรรคบนยอดเขา ศิลามังกรขดข้างกายเขาเพิ่มรางวัลโชควาสนามหามรรคเช่นกัน
“ดูสิ เมื่อครู่ข้าพูดอะไรได้อย่างนั้น เทพมารหลินนี่ต่อให้ดันตนขึ้นสู่กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ได้ ก็ต้องถูกหมายหัวและกดดัน!”
บริเวณเชิงเขา ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
สีหน้าหลินสวินราบเรียบ ไม่สะทกสะท้าน
การชิงโชควาสนาครั้งนี้ คนที่เขาอยากสังหารที่สุดมีสองคน คนแรกคือชิงเหวินเจวี้ยน คนที่สองก็คือโก่วเหยียนเจินนี่!
การประลองรอบที่สาม อวี่หลิงคงปรากฏตัวในสนามประลอง หลังผ่านไปหลายสิบกระบวนท่าก็เอาชนะคู่แข่งได้
เปรียบเทียบกับตอนนั้นที่เทศกาลโคมกถามรรค อวี่หลิงคงตอนนี้เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งกว่าเดิมโดยไม่ต้องสงสัย
ทว่าหลินสวินไม่ได้รู้สึกเกินคาด จากที่เขาดู พรสวรรค์ รากฐานของอวี่หลิงคงเดิมก็โดดเด่นกว่าคนอื่นอยู่แล้ว ทั้งมีชาติกำเนิดจากตระกูลอริยะ กราบเข้าเป็นศิษย์ในแดนพิสุทธิ์อมตะ ไม่อยากเปลี่ยนเป็นทรงพลังคงยาก
การประลองรอบที่สี่ เซี่ยวชางเทียนชนะ
การประลองรอบที่ห้า หลี่ชิงผิงชนะ
การประลองรอบที่หก…
การต่อสู้แต่ละสนามทยอยดำเนิน
ภายในนั้นมีพวกร้ายกาจส่วนหนึ่งที่ทำให้ใครต่างไม่อาจไม่ให้ความสำคัญ กระทั่งมีพวกที่ไม่คุ้นเคยบางส่วนอย่างจั่นเฟิงผู้สืบทอด ‘หอกระบี่นพเลิศ’ แห่งแดนกาฬทักษิณ ปี้ตงหลิ่วทายาท ‘เผ่าโบราณนกปี้ฟาง ’ แห่งแดนชัยบูรพาเป็นต้น
อันที่จริงจนถึงตอนนี้ ผู้ที่สามารถดันตนขึ้นสู่สามสิบหกอันดับของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ แต่ละคนล้วนน่ากลัวนัก
การประลองรอบที่สิบสี่ จ้าวจิ่งเซวียนปะทะทั่วป๋าเจ๋อ ทายาทตระกูลทั่วป๋า ตระกูลอริยะแห่งแดนชัยบูรพา
ทั่วป๋าเจ๋อคือคนหนึ่งที่ค่อนข้างเจิดจรัส รูปแบบการต่อสู้ของเขาสามารถใช้คำว่า ‘ร่างดั่งภูตผี รวดเร็วดุดันดุจอสนี’ มาอธิบาย ทำให้ผู้ชมการประลองจดจำเขาได้แม่นยำนานแล้ว
เพียงแต่…
ยามเขาเจอกับจ้าวจิ่งเซวียนกลับพ่ายแพ้ย่อยยับ!
เพียงชั่วขณะเขาก็ยอมแพ้อย่างอัดอั้นจนปัญญา เหตุผลนั้นง่ายมาก จ้าวจิ่งเซวียนสำแดง ‘เคล็ดวิชามรรคหมื่นมายา’ ยอดวิชาพิทักษ์สำนักของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณออกมา
ทันทีที่สำแดงวิชานี้ ร่างจ้าวจิ่งเซวียนกลายเป็นหมื่นพันร่าง บนสนามประลองโชควาสนานั่นทุกแห่งล้วนคือเงาร่างของนาง แต่ละร่างต่างเสมือนจริง
ที่พึ่งหลักของทั่วป๋าเจ๋อคือการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วอัศจรรย์ แต่พอเจอภาพนี้เข้าก็พลันเสียสมดุลทันที ไม่ว่าเขาบุกโจมตีอย่างไรล้วนไม่อาจเล็งถูกร่างจริงของจ้าวจิ่งเซวียน
สุดท้ายเขาได้แค่ยอมแพ้
เห็นดังนี้หลินสวินอดนึกถึงตอนที่ตนจู่โจมสังหารกงหยางอวี่ไม่ได้ เจ้าหมอนี่ฝึกเคล็ดวิชามรรคหมื่นมายาเช่นกัน น่าเสียดาย เทียบกับจ้าวจิ่งเซวียนแล้ว กงหยางอวี่ในตอนนั้นเห็นชัดว่าด้อยกว่าอยู่มาก
การประลองรอบที่สิบห้า ฉู่เป่ยไห่ออกเคลื่อนไหว
แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก ทำให้เขาเจอกับมารกระบี่เยี่ยเฉิน
การประลองนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก อีกทั้งสถานการณ์การต่อสู้ยังดุเดือดเป็นประวัติการณ์ ไม่ว่าฉู่เป่ยไห่หรือเยี่ยเฉินต่างเป็นผู้ทรงอิทธิพลในหมู่บุคคลแห่งยุค การต่อสู้ระหว่างพวกเขาเรียกได้ว่าเป็นการแข่งขันของพยัคฆ์มังกร
ทว่าหลังผ่านไปร้อยกว่ากระบวนท่า สุดท้ายฉู่เป่ยไห่ก็สู้ไม่ไหว ถูกกระบี่เดียวของเยี่ยเฉินทะลวงอก ไม่อาจไม่ยอมแพ้
“จากที่ข้าดู แม้เจ้ามีโอกาสประลองกับหลินสวิน ก็คงไม่สามารถเป็นคู่ต่อกรของเขาได้แน่”
หลังตัดสินแพ้ชนะ เยี่ยเฉินพลันเอ่ยวาจา ประโยคนี้ราวแทงทะลุใจฉู่เป่ยไห่ ทำให้เขาสีหน้ามืดทะมึนทันที เดือดดาลยากจะรับ
เยี่ยเฉินยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่ใส่ใจแล้วหันหลังจากไป
ฉู่เป่ยไห่แค่นเสียงฮึ นำความโกรธและความไม่พอใจสุมอกจากไป
เขากลับอยากดูว่า หลินสวินจะสามารถดันตนไปถึงอันดับไหนกัน!
การประลองรอบที่สิบหก คู่แข่งของจินมู่อวิ๋นยอมแพ้
การประลองรอบที่สิบเจ็ด
เส้นทางประกายทองหน้าหลินสวินพลันม้วนซัด
ในที่สุดก็ถึงคราวข้าแล้ว…
หลินสวินรู้สึกเพียงเงาร่างพลันสั่นสะเทือน ถูกพลังไร้รูปหนึ่งม้วนกลืน เวลาต่อมาก็ปรากฏอยู่บนสนามประลองตรงกลางนั่น
เมื่อเหลือบตามองไปยังฝั่งตรงข้าม เขาก็อดตะลึงงันไม่ได้
ในเวลาเดียวกันนั้น เงาร่างที่ถูกเคลื่อนย้ายมาบนสนามประลองตรงกลางพร้อมหลินสวินก็ชะงักไปเช่นกัน จากนั้นจึงเปล่งเสียงหัวเราะอ่อนโยนทันที “สวรรค์ช่างเมตตายิ่งนัก ถึงทำให้ข้ามาเจอเจ้าในการประลองรอบแรก ช่างโชคดีเหลือเกิน”
ในเสียงหัวเราะเปี่ยมความรื่นรมย์ราววิกลจริต
คนผู้นี้สวมชุดขนนก หน้าตาหล่อเหลามีเสน่ห์ งดงามกว่าผู้หญิงถึงสามส่วน ริมฝีปากบางดุจคมดาบเผาไฟ แดงสดน่าดึงดูด
เป็นชิงเหวินเจวี้ยนบุตรเทพเผ่าหงส์เขียวนี่เอง!
“ฮ่าๆๆ มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว”
“ชิงเหวินเจวี้ยนนั่นวิธีการวิปริตหาใดเปรียบ ทั้งพลังต่อสู้โดดเด่นเหนือใคร ทำให้ยอดมกุฎรุ่นเยาว์ไม่น้อยต่างรู้สึกหวาดกลัวยิ่ง ใครจะคิดว่าดันเจอหลินสวินเสียอย่างนั้น ช่างโชคร้ายจริงๆ”
“จะว่าไปชิงเหวินเจวี้ยนนั่นวิปริต แต่หลินสวินก็เป็นเทพมาร วิปริตเจอเทพมาร การประลองนี้ต้องมีสีสันแน่!”
“ข้าเฝ้ารอนัก หากชิงเหวินเจวี้ยนสามารถทำให้หลินสวินเป็นกุหลาบป่าสีเลือดดอกหนึ่ง ภาพฉากนั้นต้องสั่นสะเทือนใต้หล้าแน่”
ณ เชิงเขา ผู้ชมการประลองฮือฮาเต็มที่ ความวิปริตของชิงเหวินเจวี้ยนพวกเขาประจักษ์ชัดในสายตานานแล้ว ความทรงพลังของหลินสวินเองก็ทำให้พวกเขาไม่คาดฝันเช่นกัน
บัดนี้ทั้งสองกลับมาเจอกัน นี่ทำให้ผู้แข็งแกร่งมากมายที่เดิมเป็นศัตรูกับหลินสวินต่างหัวเราะ มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
ไม่มีอะไรทำให้ผู้คนเฝ้ารอยิ่งกว่าการประลองตรงหน้านี้อีกแล้ว!
ขณะเดียวกันเหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์คนอื่นต่างเผยสีหน้าต่างกันไป บ้างเพลิดเพลิน บ้างเฝ้าคอย บ้างเย้ยหยัน และบ้างมีความสุขบนทุกข์คนอื่นและหัวเราะขบขัน
‘รอบแรกก็เจอชิงเหวินเจวี้ยน โชคของเจ้าหมอนี่ช่างแย่เสียจริง…’
จ้าวจิ่งเซวียนอดทอดถอนใจไม่ได้ นางกลับไม่ห่วงหลินสวิน หรืออาจพูดได้ว่า ตั้งแต่ตอนอยู่ที่จักรวรรดิจื่อเย่า นางก็ไม่เคยกังวลเรื่องหลินสวินมาก่อน
นี่ไม่ใช่ความเชื่อมั่นที่ตาบอด แต่เป็นเพราะนางมั่นใจ ว่าคู่ต่อสู้คนใดที่ดูแคลนหลินสวินล้วนต้องจ่ายค่าตอบแทนสาหัสหาใดเปรียบ!
เช่นเดียวกัน ยามเผชิญหน้าสถานการณ์ไม่สู้ดี แต่ไหนแต่ไรหลินสวินล้วนไม่เคยขาดวิธีพลิกสถานการณ์
ที่จ้าวจิ่งเซวียนกังวลเพียงหนึ่งเดียวคือ ในการประลองครานี้ หลินสวินมีโอกาสสูงที่จะถูกบีบให้เผยไพ่ตายทั้งหมดก่อนเวลา
ไพ่ตายก็คือไพ่ตาย เป็นสิ่งสำคัญที่นำชัยโดยไม่คาดฝัน หากเปิดเผยแล้วคงทำให้ผู้แข็งแกร่งอื่นระวังตัวและเตรียมป้องกันแน่
“หลินสวิน คำที่ข้ากล่าวก่อนหน้ายังเชื่อถือได้ ขอแค่เจ้าคุกเข่าอ้อนวอน บางทีเมื่ออารมณ์ข้าดีขึ้น ก็จะไม่ไปทำร้ายเหล่าสหายสนิทที่เกี่ยวข้องกับเจ้าอีก”
บนสนามประลองตรงกลาง ชิงเหวินเจวี้ยนเลียริมฝีปากแดงสด ส่งเสียงหัวเราะหลอนประสาท ใบหน้าอ่อนโยนหล่อเหลาเปี่ยมความบ้าคลั่ง
ตอนที่ 1056 วิชาแยกฟ้าและเข็มร้อยสวรรค์
น้ำเสียงชิงเหวินเจวี้ยนเพิ่งแผ่วลง แค่ชั่วพริบตาหลินสวินก็นึกถึงเซียวชิงเหอที่ถูกเห็นเป็นผืนผ้าวาด ประสบความทรมานก่อนแพ้พ่าย ไอสังหารที่สั่งสมในใจมานานพลันถาโถมเต็มทรวงอย่างไม่อาจระงับ
“สวรรค์เมตตาหรือไม่ข้าไม่รู้ ข้ารู้เพียงครานี้หากไม่ทำให้ข้าพอใจ เจ้าก็อย่าได้หวังจะออกจากสนามประลอง!”
นัยน์ตาดำของหลินสวินเยียบเย็น กล่าวเน้นทีละคำ ไอสังหารไร้รูปแผ่กระจายจากร่างเขาประหนึ่งกระแสน้ำปกคลุมฟ้าดิน ทำให้อานุภาพพลังเขาเปลี่ยนแปลงฉับพลัน
ชิงเหวินเจวี้ยนหัวเราะ บนหน้าอ่อนโยนแปลกประหลาดเปี่ยมความบ้าคลั่ง กล่าวว่า “เทพมารหลิน ข้าจะรังสรรค์เจ้าเป็นดอกลำโพง รับรองว่าเจ้าต้องพอใจ!”
ตูม!
ยามกล่าววาจาทั้งสองเคลื่อนไหวพร้อมกัน เงาร่างทั้งคู่กลายเป็นสายฟ้าแลบ ดุจดาวหางสองดวงพุ่งเข้าหากัน ระเบิดแสงศักดิ์สิทธิ์แสบตา เสียงกัมปนาทดั่งฟ้าคะนองสะเทือนเก้าสวรรค์
ขณะนี้ศึกใหญ่ได้ปะทุขึ้นแล้ว
ในลานประหนึ่งเตาหลอมผลาญพิภพสองใบเข้าชนกัน ทำให้ห้วงอากาศสั่นสะเทือนไร้ระเบียบ ชั้นบรรยากาศส่งเสียงระเบิด
บนสนามประลองโชควาสนาเต็มไปด้วยหมอกควันโหมกระหน่ำ แสงมรรคพลุ่งพล่านโดยสมบูรณ์ แผ่ไพศาลราวมหาสมุทรไร้ขอบเขต การปะทะของพลังชั้นยอดนั้นทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี
“แข็งแกร่งนัก!”
“เปรียบเทียบกันแล้ว การประลองนี้ดุเดือดที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย ประหนึ่งศึกสุริยันจันทรา พลานุภาพน่าตื่นตา!”
ตรงเชิงเขา ผู้ชมการประลองทุกคนต่างไหวหวั่น
ยอดมกุฎรุ่นเยาว์คนอื่นๆ ที่ยืนอยู่บนยอดเขาก็กำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด บัดนี้พวกเขาต่างรู้แล้วว่าเทพมารหลินแข็งแกร่งยิ่ง แต่จะทรงพลังมากแค่ไหนใครก็ไม่อาจให้คำตอบที่แน่ชัด
ในการประลองนี้อาจได้เห็นร่องรอยบ้าง!
ตูม!
บนสนามประลองโชควาสนา ทั้งสองฝ่ายห้ำหั่นดุเดือดแล้วแยกห่าง ผ่านไปครู่หนึ่งที่นั่นจึงฟื้นคืนความสงบ แสงมรรคประกายศักดิ์สิทธิ์นานัปการเลือนหาย
เงาร่างทั้งคู่คุมเชิงกันห่างไกล ยืนอยู่คนละฝั่ง
“สมเป็นเทพมารหลิน ได้ยินว่าหลายวันก่อนเจ้าเคยทำลายสถิติส่วนหนึ่งที่อวิ๋นชิ่งไป๋สร้างไว้เมื่อสิบปีก่อน หากวันนี้ข้าสังหารเจ้าได้ ก็หมายความว่าอวิ๋นชิ่งไป๋เมื่อสิบปีก่อนสู้ข้าในวันนี้ไม่ได้ใช่หรือไม่”
แววตาชิงเหวินเจวี้ยนวาบประกาย มีแสงมรรคเจิดจรัสไหลบ่าอยู่ภายใน
ทันทีที่วาจานี้กล่าวออกมา ผู้แข็งแกร่งสำนักกระบี่เทียมฟ้าต่างสีหน้าไม่น่าดู ถึงกับนำอวิ๋นชิ่งไป๋ที่เหมือนดั่งเทพไท้ในใจพวกเขามาเปรียบเทียบ ช่างเหิมเกริมจริงๆ!
จินมู่อวิ๋นเองก็แค่นเสียงเย็นชา แววตาดุดันเจือความไม่พอใจ
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว” หลินสวินสีหน้าเยียบเย็น
เวลานี้ผู้คนมากมายล้วนมองออก แม้ทั้งคู่กำลังสนทนา แต่อานุภาพพลังของพวกเขากลับกำลังพุ่งทะยาน เปลี่ยนเป็นน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม
ชุดหลินสวินส่งเสียงสะบัด ผมดำแผ่สยาย ประหนึ่งเทพมารตื่นขึ้นในกาย!
อีกฟากหนึ่ง รูขุมขนทั่วร่างชิงเหวินเจวี้ยนเปิดกว้าง ประกายศักดิ์สิทธิ์หลากสายพรั่งพรู ทั้งตัวดั่งมีเปลวอัคคีห้อมล้อม ทำให้ห้วงอากาศละแวกใกล้เคียงต่างบิดเบี้ยวร้อนแรง พลานุภาพสะท้านฟ้า
บรรยากาศในลานเปลี่ยนเป็นกดดัน แม้อยู่ห่างไกลกันมากก็ยังทำให้ผู้ฝึกปราณไม่น้อยตรงเชิงเขาสัมผัสได้ถึงความกดดันปิ่มจะหายใจไม่ออก
ตูม!
ชิงเหวินเจวี้ยนบุกโจมตีก่อน เขาเยื้องย่างลอยชาย ก้าวสู่ห้วงอากาศดั่งหงส์เขียวร่ายรำบนเวิ้งฟ้า กลางฝ่ามือปรากฏลายมรรคแถบหนึ่ง ประกายแสงสีแดงชาดพุ่งโจมตีไปข้างหน้า น่าหวาดกลัวอย่างที่สุด
ขณะนี้กลิ่นอายเขาคลั่งระห่ำ พลังฝ่ามือส่องประกายท่วมฟ้า ประหนึ่งทวยเทพออกเคลื่อนไหว สั่นสะเทือนทั่วทั้งลาน
“ยอดวิชามรดกเผ่าหงส์เขียว… วิชาแยกฟ้า!” มีพวกผู้อาวุโสเอ่ยเสียงต่ำ ไหวหวั่นไปกับมัน
เกือบจะเวลาเดียวกัน ทางด้านหลินสวินแผ่ประกายศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์แถบใหญ่ เงาร่างเขาดุจภาพมายา สง่างามไร้มลทิน แต่กลับระเบิดคลื่นพลังวิญญาณหาใดเทียมออกมา
ตูม!
เขากำหมัดสำแดงนัยเร้นลับของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ ชั่วพริบตาห้วงอากาศทรุดตัวลง พลังหมัดราวทะลวงผ่านกาลเวลาแต่โบราณ ปะทุพล่านเหนือสนามประลอง
เสียงปะทะสะเทือนโสตดังขึ้นราวภูเขาไฟระเบิด!
ทั้งสองต่อสู้กันดุเดือด รวดเร็วรุนแรงดุจอสนี พลังดั่งบรรพต ต่างสำแดงวิชาต่อสู้ล้ำเลิศ ยึดกุมทุกโอกาส สำแดงความแข็งแกร่งของบุคคลแห่งยุคที่แท้จริงอย่างเต็มที่
แถบเชิงเขาเงียบสนิท ผู้ชมการประลองต่างกลั้นหายใจจดจ่อ จิตวิญญาณปั่นป่วนอลหม่าน
ต่อให้เป็นเหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์ที่ยืนตระหง่านบนยอดเขาแต่ละยอด เวลานี้ล้วนเผยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ดวงตาไม่แม้แต่จะกะพริบ ด้วยเกรงจะพลาดรายละเอียดอะไรไป
ตูม!
นิ้วมือชิงเหวินเจวี้ยนดุจคมดาบแหลมคมคู่หนึ่ง ห้อมล้อมเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีชาด เฉือนตัดห้วงอากาศแหลกสะบั้น เปลวเพลิงโหมกระหน่ำ ยามทอดสายตามอง กลางสนามประลองลมฝ่ามือดุจอัคคี แปรเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิง
การเคลื่อนไหวเขาแคล่วคล่องดุจหงส์เขียวโฉบเวิ้งฟ้า มีความเร็วสูงสุดที่ทำให้ผู้คนสับสนตาลาย กลิ่นอายชวนประหวั่นดั่งวิญญาณเทพสัญจรผ่านเปลวเพลิง
หลินสวินใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งปะทะกลับอย่างรวดเร็วเช่นกัน พลังหมัดเรียบง่ายธรรมดา ไม่เจือกลิ่นอายผลาญเผาเพียงเสี้ยว แต่ทุกหมัดต่างมีอานุภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ไม่ถอยหลีกแม้แต่น้อย
ชั่วพริบตากลางฟ้าดินเต็มไปด้วยเสียงครั่นครืน เสมือนมีหงส์เขียวส่งเสียงเดือดดาล เสียงเทพมารกู่ก้อง
ทั้งสองห้ำหั่นกันดุเดือด เพลิงศักดิ์สิทธิ์สีชาดกับประกายอัศจรรย์สีเขียวแผ่ลอย ระเบิดแสงไร้สิ้นสุดปกคลุมสนามประลอง
“ไม่เลวๆ!”
ขณะนี้เห็นได้ว่าชิงเหวินเจวี้ยนตื่นเต้นนัก ใบหน้างามประหลาดหล่อเหลาปรากฏสีแดงเรื่อราววิกลจริต เขาหัวเราะลั่น กลิ่นอายทรงพลังยิ่งกว่าเดิม
ทั่วร่างเขาปรากฏมายาโคมเขียวเก่าแก่มากมาย เพลิงศักดิ์สิทธิ์พร่างพราว ลักษณ์ประหลาดสะเทือนใต้หล้า นี่คือสิ่งสะท้อนถึงวิชาลับมหามรรค
คือพลานุภาพที่แข็งแกร่งที่สุดของมรดกวิชาแยกฟ้าแห่งเผ่าหงส์เขียว โคมเขียวเรืองอัคคี สามารถแหวกทลายเวิ้งฟ้า!
ทว่าแม้เขาจะแข็งแกร่ง หลินสวินก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน ยามขยับเคลื่อนพลังหมัดแผ่ไพศาล สะท้านฟ้าครอบปฐพี ปั่นป่วนทลายห้วงอากาศ
การต่อสู้ระหว่างทั้งคู่ช่างน่าตื่นตะลึง แค่เพิ่งเริ่มต้นก็ปรากฏพลานุภาพที่เหนือกว่าขอบเขตมกุฎทั่วไป วิชามรรคยิ่งใหญ่เกรียงไกร ประกายแสงล้นฟ้า
ทุกคนหน้ามืดตามัว จิตใจไหวสั่น ต่างสูดหายใจเย็นไม่หยุด
เปรียบเทียบกันแล้ว เหล่าบุคคลแห่งยุคที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยดันตนขึ้นสู่กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์นั้น เห็นได้ชัดว่าจืดจางเกินไปโดยไม่ต้องสงสัย!
สิ่งนี้ได้พิสูจน์โดยไร้ข้อกังขา ว่าอย่างน้อยบนมกุฎมรรคา ไม่ว่าหลินสวินหรือชิงเหวินเจวี้ยนต่างบรรลุถึงระดับสูงที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงตาค้าง
ความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้น ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ของชิงเหวินเจวี้ยน แน่นอนว่าอยู่ในอับดับสูงของสามสิบหกยอดมกุฎรุ่นเยาว์
แม้แต่เหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์ที่ชนะในการต่อสู้ก่อนหน้า ก็ล้วนเฝ้ามองอย่างหวาดหวั่น
คนไม่น้อยถึงขั้นยินดีที่การแข่งขันชิงโชควาสนารอบแรกไม่เจอสองคนนี้ ไม่เช่นนั้น… ผลที่ตามมาคงยากจะเอ่ย!
ตูม!
เสียงปะทะสะท้อนก้องอีกครั้ง ทั้งสองประลองกันถึงตอนนี้ประมือกันแล้วมากกว่าร้อยกระบวนท่า สถานการณ์การต่อสู้ดุเดือดรุนแรง ตาต่อตาฟันต่อฟัน เร็วจนผู้ฝึกปราณไม่น้อยถึงขั้นไม่อาจจับรายละเอียดในการต่อสู้ได้อย่างชัดเจน
ชิ้ง!
ทันใดนั้นชิงเหวินเจวี้ยนเรียกเข็มทองเจิดจรัสที่มีประกายแสงไหลเวียนออกมา อาศัยความเร็วน่าเหลือเชื่อพุ่งแทงไปทางหลินสวิน
เขามีวิชาแยกฟ้า ทั้งมีเข็มร้อยสวรรค์!
เข็มทองนี้ก็คือวิธีสังหารที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา
ฉึบ!
กลางอากาศปลายเข็มดุจอสนี ประกายทองดั่งพิรุณ แค่ชั่วพริบตาเข็มทองก็พุ่งแหวกอากาศ ร่ายเส้นแสงดุดันหมื่นพันสายราวตาข่ายยักษ์ หมายครอบคลุมเฉือนตัดหลินสวิน
พริบตานั้นแม้แต่เหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์อย่างเซี่ยวชางเทียน เยี่ยเฉิน จินมู่อวิ๋นล้วนอดไหวหวั่นไม่ได้ ตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของเข็มร้อยสวรรค์
‘ชิงเหวินเจวี้ยนที่มาจากเผ่าหงส์เขียวแห่งแดนฐิติประจิมนี่แข็งแกร่งเช่นนี้ ดูท่าบนโลกนี้นอกจากแดนชัยบูรพาแล้ว ในแดนวิภูอื่นยังมีพวกควรค่าแก่การใส่ใจไม่น้อย…’
แม้แต่เยี่ยนจั่นชิวตอนนี้ก็ตกตะลึงอยู่บ้าง ความสามารถของชิงเหวินเจวี้ยนก่อนหน้านี้แม้สะดุดตา แต่สุดท้ายก็มาจากแดนฐิติประจิม ชื่อเสียงในแดนชัยบูรพาไม่เด่นชัด
แต่ดูท่าตอนนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคือบุคคลขอบเขตมกุฎที่ไม่อาจดูแคลนคนหนึ่ง!
‘หลินสวินนี่โชคช่างไม่เข้าข้าง’ เยี่ยนจั่นชิวแอบกล่าวในใจ เพิ่งแย่งชิงโชควาสนารอบแรกก็เจอกับชิงเหวินเจวี้ยน ไม่อาจไม่พูดว่านี่เป็นโชคร้ายนัก
ทว่าไม่นานเยี่ยนจั่นชิวก็ไม่คิดมากอีก จิตจดจ่อไปในสนามประลองใหม่อีกครั้ง
ฉึบ… ฉึบ…
เข็มร้อยสวรรค์ประกายทองเอ่อล้นห้อมล้อม เส้นไหมทองนับไม่ถ้วนเฉือนตัดอากาศ ดุดันถึงขีดสุดราวไม่มีสิ่งใดไม่อาจทำลาย
แต่เหนือความคาดหมายของทุกคน เผชิญการสังหารเช่นนี้หลินสวินยังคงใช้มือเปล่า เพียงแต่พลังหมัดของเขาเปลี่ยนเป็นทรงอานุภาพไร้ขีดจำกัด ดั่งทะเลไร้สิ้นสุดม้วนซัดคลื่นระห่ำคลั่งโทสะ
หมัดเดียวที่ปล่อยออกมา แค่เพียงพลังนั่นล้วนกดอัดจนเส้นไหมทองหลากสายขาดสะบั้น ปั่นป่วนอลหม่าน
ทั้งหมดนี้ก็คือวิธีใช้พลังขยี้กลเม็ด
ซ้ำที่น่าอัศจรรย์คือ หลินสวินกำราบการโจมตีของเข็มร้อยสวรรค์ได้สำเร็จ
นี่ทำให้ผู้ชมการประลองมากมายไหวหวั่น ชิงเหวินเจวี้ยนเผยพลังต่อสู้วิปริตยิ่งยวด แต่เทพมารหลินกลับมีแต่เหนือกว่า!
ต่อสู้มานานเอาชนะไม่สำเร็จ ชิงเหวินเจวี้ยนที่กำลังประมืออยู่คล้ายหมดความอดทนอยู่บ้าง พลันส่งเสียงคำรามทุ้มต่ำ เหวี่ยงแขนเต็มกำลัง
ชิ้ง!
เข็มทองในมือพลันโฉบพุ่ง ใช้ความเร็วน่าเหลือเชื่อแหวกทะลวงพลังหมัดหลินสวิน ทะลุผ่านกำปั้นนั้น นำมาซึ่งโลหิตสีแดงก่ำ
ในเวลาเดียวกันนั้นพลังเสียดกระดูกเยียบเย็นหาใดเปรียบแผ่ลามจากปากแผล ประดุจสายฟ้าแลบพุ่งแทงจิตรับรู้หลินสวินอย่างหนักหน่วง
นี่คือพลังของเข็มร้อยสวรรค์ ผสานการโจมตีจิตวิญญาณ ผู้ฝึกปราณที่ไม่เข้าใจ ภายใต้การจู่โจมฉับพลันจะต้องเสียเปรียบใหญ่หลวง
เห็นชัดว่าหลินสวินเองต้องอุบายแล้ว
“อะไรกัน เทพมารหลินได้รับบาดเจ็บแล้วรึ” ห่างออกไปทุกคนตกตะลึง
ทุกคนล้วนเห็นภาพนี้กับตา โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งที่เคยประมือกับหลินสวิน รู้ดีว่าหลินสวินน่ากลัวแค่ไหน
แต่ตอนนี้กลับถูกชิงเหวินเจวี้ยนทำบาดเจ็บ!
เข็มร้อยสวรรค์ของเผ่าหงส์เขียว ทำไมน่าหวาดกลัวเช่นนี้
ไม่ใช่บอกว่าปริศนาที่แท้จริงของวิชาลับนี้ไม่ได้รับการสืบทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล ที่หลงเหลือไว้มีเพียงบทวิชาที่เสียหายหรอกรึ
เหล่าผู้อาวุโสส่วนหนึ่งก็ไม่อาจนิ่งสงบ
สำหรับเหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์บนยอดเขานั้น ส่วนใหญ่สีหน้าจริงจังเคร่งขรึม ยอดมกุฎรุ่นเยาว์บางส่วนที่มีความแค้นกับหลินสวินล้วนแปลกใจอยู่บ้าง
ความแข็งแกร่งของชิงเหวินเจวี้ยนอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาเช่นกัน
เวลานี้ชิงเหวินเจวี้ยนเผยรอยยิ้มตื่นเต้นวิกลจริต บังคับเข็มทองเข้าใกล้โดยไม่ลังเล หมายจะฉวยโอกาสนี้เริ่มสรรสร้างจิตรกรรม!
คิดจะใช้ร่างกายหลินสวินแทนผืนผ้าวาด ใช้โลหิตแดงสดของเขาแทนหมึกเขียน รังสรรค์เป็นดอกลำโพงสีเลือด!
แค่นึกถึงภาพนองเลือดนั่นก็ทำให้ชิงเหวินเจวี้ยนรู้สึกตื่นเต้น สั่นสะท้านเหลือจะเอ่ย
จากมุมมองเขา ภายใต้การลอบสังหารของเข็มร้อยสวรรค์ จิตวิญญาณหลินสวินต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่ อีกเดี๋ยวก็ต้องกลายเป็นผลงานจิตรกรรมของตน เหมือนที่เขาจัดการกับเซียวชิงเหอก่อนหน้านี้!
ทว่าทันทีที่เขาเข้าประชิด เข็มร้อยสวรรค์เพิ่งเล็งไปทางหลินสวิน ทั่วร่างก็พลันแข็งทื่อ สัมผัสได้ถึงความกระสับกระส่ายและหวาดหวั่นอย่างเด่นชัด
ขณะเดียวกันเขาก็สบสายตาเยียบเย็นล้ำลึกดุจหุบเหวคู่นั้นของหลินสวิน แววตานั่นเหมือนกำลังจ้องมองคนตาย!
ตอนที่ 1057 ข้าชอบปีกไก่ย่าง
พลังของเข็มร้อยสวรรค์ทำอะไรเขาไม่ได้หรือ
นี่เป็นไปได้อย่างไร
เข็มร้อยสวรรค์ สมบัติโบราณพิทักษ์เผ่าของเผ่าหงส์เขียว เกือบจะไร้การสืบทอดต่อกันมา สมบัตินี้ผสานรวมพลังสังหารจิตวิญญาณ มหัศจรรย์เกินคาดเดา เหี้ยมโหดอัศจรรย์
ผู้ที่ถูกโจมตี แม้มีสมบัติจิตวิญญาณก็ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส!
นี่ก็คือที่พึ่งและความมั่นใจที่ทำให้ชิงเหวินเจวี้ยนกล้าเข้าใกล้หลินสวินโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใดเช่นนี้
เพียงแต่…
ขณะนี้ยามสบตาหลินสวิน ชิงเหวินเจวี้ยนกลับรู้ว่าคราวนี้เกิดเรื่องไม่คาดฝันแล้ว!
เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย เงาร่างกระโจนถอย ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงเรียกได้ว่าน่าตกตะลึง
แต่หลินสวินที่พร้อมจู่โจมนานแล้วมีหรือจะปล่อยให้เหยื่อตรงหน้าหนีไป ขณะที่ชิงเหวินเจวี้ยนเพิ่งกระโจนถอย เขาก็ชิงลงมือก่อนแล้ว
ตูม!
แรงหมัดที่รวมพลังทั้งหมดของหลินสวินซัดลงมาจากเบื้องบน พลันปะทุระเบิดแสงบริสุทธิ์ไร้ขีดจำกัด ไม่เพียงแค่เร็ว พลังยังน่าหวาดกลัวหาใดเปรียบ
เสียงปังดังสนั่น ทั้งตัวชิงเหวินเจวี้ยนถูกอัดกับพื้นอย่างหนักหน่วง กระดูกไหล่แตกละเอียด เลือดเนื้อสาดกระจาย พื้นดินต่างถูกกระเทือนจนสั่นระรัวพักหนึ่ง
สีหน้าผู้ชมการประลองตื่นตะลึงและประหลาดใจ
ก่อนหน้านี้ต่างคิดว่าหลินสวินจะได้รับบาดเจ็บ มีโอกาสสูงที่จะถูกกำราบ แต่เพียงชั่วพริบตาเขากลับเปิดฉากเอาคืน!
เห็นชิงเหวินเจวี้ยนถูกหมัดเดียวซัดติดพื้น ผู้คนไม่น้อยต่างรู้สึกเจ็บแทนทันที การโจมตีนี้ร้ายกาจเกินไปแล้ว
ทว่าไม่อาจไม่พูดถึง พลังตอบสนองของชิงเหวินเจวี้ยนไม่ธรรมดายิ่ง หลังถูกซัดติดพื้นเขาแทบไม่สนอาการบาดเจ็บ กระโจนถอยทันที
ขณะเดียวกันปากเขาพ่นเปลวอัคคีแดงชาดออกมาต้านการสังหารของหลินสวิน
ตูม!
เพียงแต่หลังหลินสวินช่วงชิงโอกาส มีหรือจะล่าช้าอีก เงาร่างเขาพุ่งไปข้างหน้าราวมีอานุภาพไม่อาจทัดเทียม พลังหมัดไหลรุนแรง จู่โจมสังหารดุดันและเผด็จการ
พรูด!
ไม่ทันไรชิงเหวินเจวี้ยนถูกซัดอีกครั้ง ริมฝีปากพลันกระอักเลือดออกมา
เขาทั้งตระหนกระคนขุ่นเคือง หวีดร้องตะโกนลั่น โคจรวิชาแยกฟ้าและเข็มร้อยสวรรค์เต็มกำลัง
น่าเสียดาย ทันทีที่เสียโอกาส แต่ละก้าวก็ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ บุคคลระดับหลินสวินย่อมไม่มีทางพลาดโอกาสกำราบคู่แข่งเช่นนี้แน่
ชั่วขณะก็เห็นบนสนามประลองโชควาสนานั่น ชิงเหวินเจวี้ยนกระโจนถอยหลีกหลบไม่หยุด หนีหัวซุกหัวซุนไปมา เห็นได้ว่าน่าอเนจอนาถหาใดเปรียบ
ตรงกันข้ามหลินสวินกลับไล่ต้อนให้จนมุมทีละก้าว ตั้งท่าไล่กวดไม่ยั้ง โจมตีจนชิงเหวินเจวี้ยนได้รับบาดเจ็บไม่หยุด
มวลชนนอกสนามต่างสั่นสะท้าน ตกตะลึงอ้าปากค้าง
ทุกอย่างพลิกผันเร็วมาก!
ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ยังห้ำหั่นสูสีไม่แบ่งสูงต่ำ
แต่ตอนนี้ชิงเหวินเจวี้ยนที่เดิมเพิ่งได้เปรียบกลับถูกเทพมารหลินไล่ขยี้ ท่าทางอเนจอนาถนั้นทำให้ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยยากจะเชื่ออยู่บ้าง
“ก้าวผิดเพียงครา ทุกก้าวย่างล้วนพลาดพลั้ง!”
เยี่ยเฉินแววตาเป็นประกายดุจดารา มุมปากเผยยิ้มบางๆ วูบหนึ่ง แน่นอนว่าเขามองความเร้นลับนั้นออก
“ก็ไม่รู้ว่าเขาสลายพลังเข็มร้อยสวรรค์ได้อย่างไร…”
คนอีกมากกำลังใคร่รู้ว่าหลินสวินพลิกสถานการณ์อย่างไร
สาเหตุนั้นง่ายดาย ด้วยพลังของเขตหวงห้ามไร้มรณะ แม้เสี่ยวอิ๋นไม่อาจปรากฏตัวช่วยหลินสวินต่อสู้ แต่ในห้วงนิมิตกลับไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย
แม้พลังของเข็มร้อยสวรรค์ทรงอานุภาพหาใดเปรียบ แต่ยามเจอเสี่ยวอิ๋นเผ่าหนอนกินเทพก็แตกต่างราวฟ้ากับเหวโดยสิ้นเชิง ไม่ต้องลงแรงเยอะก็กำจัดพลังนี้ได้สิ้นซาก
แน่นอนว่าหลินสวินไม่มีทางประสบผลกระทบอะไร
น่าเสียดาย ชิงเหวินเจวี้ยนไม่รู้ถึงจุดนี้ และเพราะความประมาทนี่ หรือพูดได้ว่าเขามั่นใจในเข็มร้อยสวรรค์เกินไป จึงถูกหลินสวินชิงโอกาสไปในคราเดียว!
เวลานี้บนดวงหน้าสง่างามดึงดูดของชิงเหวินเจวี้ยนเต็มไปด้วยสีคล้ำเขียว แค้นจนคลุ้มคลั่ง อัดอั้นจนแทบบ้า
ความผิดพลาดเล็กน้อยครั้งเดียวกลับทำให้สถานการณ์พลิกผัน นี่ทำให้เขาแทบอยากตบปากตัวเอง ตอนนั้นทำไมไม่ระวังขนาดนี้
ปึง!
หลินสวินบุกโจมตีเข้ามา พลังหมัดเคลื่อนกวาดเกือบซัดถูกหน้าผากเขา
“เทพมารหลิน คิดจริงหรือว่าแค่นี้จะชนะข้าได้ ไร้เดียงสา!”
ชิงเหวินเจวี้ยนระงับใจไม่อยู่อีกต่อไป แผดเสียงคำราม ชั่วพริบตาทั่วร่างเขามีเพลิงลุกโชน กลิ่นอายชวนประหวั่น กายหยาบราวภูเขาไฟแผ่เพลิงศักดิ์สิทธิ์เจิดจรัส
เขาพุ่งออกมา นิ้วดั่งปีก ขยับเคลื่อนเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทั่วฟ้า หมายจู่โจมเวิ้งนภาจนละเอียด
ปึง!
การโจมตีที่หมายเผด็จศึกของหลินสวินถูกต้านไว้ได้ นี่ทำให้นัยน์ตาดำเขาหดเกร็ง รู้ว่าเจ้าหมอนี่จะสู้สุดชีวิตแล้ว
ครืน!
ขณะเดียวกันทั้งตัวชิงเหวินเจวี้ยนพลันแปรเปลี่ยน กลายเป็นหงส์เขียวปีกมรกต สง่างามไร้ใดเปรียบตัวหนึ่ง กรงเล็บคมกริบดั่งทอง ทั่วร่างแผ่เพลิงศักดิ์สิทธิ์หมื่นจั้ง
เขาเหมือนดั่งปักษาเทพที่แท้จริง กระพือปีกกลางอากาศ สูงส่งเหนือคนอื่น ผงาดง้ำและน่าพรั่นพรึง
“เดิมทีจัดการเจ้าข้าไม่จำเป็นต้องใช้ไพ่ตายด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้จะให้เจ้าได้สัมผัสยอดวิชาที่แท้จริงของเผ่าหงส์เขียวของข้าบ้าง!”
ชิงเหวินเจวี้ยนเปล่งเสียงกระจ่าง ปีกทั้งสองสยายออกดั่งพัดคู่ เพลิงศักดิ์สิทธิ์หมุนโคจร แดงชาดดุจเพลิงผลาญ เปล่งประกายบาดตา
ฟุ่บ!
เขาพุ่งดิ่งลงมา ปีกบดขยี้ห้วงอากาศ รวดเร็วดุดันถึงขั้นน่าตกตะลึง
หลินสวินหลีกหลบ ตำแหน่งที่อยู่เดิมพลันเกิดการระเบิดชวนประหวั่น ปั่นป่วนอลหม่านหาใดเปรียบ ราวอุกกาบาตร่วงหล่นลงตรงนั้น พลังทำลายล้างน่าอัศจรรย์!
ยอดมกุฎรุ่นเยาว์ส่วนหนึ่งล้วนมองดูจนตากระตุก ชิงเหวินเจวี้ยนในตอนนี้เห็นชัดว่าทรงพลังขึ้นไม่น้อย สำแดงวิชาลับบางประการ พลานุภาพเกินคาดเดา
“นี่คือการโจมตีแปดยอดหงส์เขียว วิชาบรรพชนขั้นสูงของเผ่าหงส์เขียว!” เหล่าผู้อาวุโสตกตะลึง ไม่กล้าเชื่ออยู่บ้าง
ความสามารถของชิงเหวินเจวี้ยนทำให้ทุกคนต่างรู้สึกราวได้พบเห็นเรื่องใหม่อีกครั้ง
“หลบ? ฮ่าๆ เทพมารหลินอย่างเจ้าก็หลบเป็นรึ เมื่อครู่เจ้าไม่ได้ไล่สังหารข้าจนสาแก่ใจหรืออย่างไร”
ชิงเหวินเจวี้ยนหัวเราะคลั่ง
การโจมตีของเขารวดเร็วรุนแรงยิ่งกว่าเดิม การจู่โจมแต่ละครั้งล้วนมีพลังทำลายล้างยิ่งใหญ่ เพลิงศักดิ์สิทธิ์ดั่งสายฝน เผาทลายห้วงอากาศ ปกคลุมทั่วสนามประลอง
หลินสวินเห็นดังนี้ก็รู้ว่าคิดเก็บงำไว้อีกคงเป็นไปไม่ได้ บุคคลแห่งยุคอย่างชิงเหวินเจวี้ยนไม่ใช่พวกที่ถูกกำราบง่ายดายเช่นนั้นแน่
ตูม!
หาได้ลังเลไม่ พลังทั่วร่างหลินสวินพลันพุ่งทะยาน นัยเร้นลับแห่งโทสะหยาจื้อถูกเขาโคจรออกมาโดยไม่เก็บซ่อนแม้แต่น้อย
หืม?
ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยหน้าเปลี่ยนสี หรือเทพมารหลินก็เก็บงำอะไรไว้
อีกทั้งจนถึงตอนนี้ เขายังไม่เคยใช้ดาบหักอัศจรรย์นั่น!
นี่เป็นเพราะอะไร
เพราะไม่คู่ควรหรือมีแผนการอื่น
ช่วงที่ทุกคนแปลกใจ เงาร่างหลินสวินพุ่งทะยานขึ้นนานแล้ว ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งเคลื่อนไหวกลางอากาศ ชั่วพริบตาก็เข้าปะทะชิงเหวินเจวี้ยน
ตูม!
ท่ามกลางการปะทะสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ในลานก้องเสียงหวีดร้องตระหนกขุ่นเคืองหาใดเปรียบของชิงเหวินเจวี้ยน “ทำไมพลังต่อสู้ของเจ้าถึงเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งเช่นนี้”
เวลานี้ในที่สุดทุกคนก็เห็นชัด ในเสียงกัมปนาทประกายศักดิ์สิทธิ์ หงส์เขียวที่ชิงเหวินเจวี้ยนจำแลงถูกซัดจนบินโงนเงน ปีกเอียงกระพือกลางอากาศไม่หยุด
ทุกคนตรงนั้นเงียบกริบไร้สุ้มเสียง
ไม่ว่าผู้ชมการประลองตรงเชิงเขาหรือเหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์บนยอดเขาล้วนท่าทางเหมือนเห็นสัตว์ประหลาด ต่างเพิ่งค้นพบว่าการต่อสู้ก่อนหน้านี้หลินสวินเก็บงำมาตลอด!
พลังที่เขาสำแดงออกมายามนี้ทรงอานุภาพมากกว่าเมื่อครู่มากกว่าเท่าตัว!
ไม่แปลกที่ชิงเหวินเจวี้ยนจะตระหนกขุ่นเคืองเช่นนี้ ไม่ว่าใครเจอฉากนี้คงต่างตกใจสะดุ้งโหยง
“เจ้าคิดว่าเจ้ามีไพ่ตายแล้วข้าไม่มีรึ ข้าบอกแล้วว่าวันนี้หากไม่ทำให้ข้าพอใจ เจ้าอย่าหวังจะได้ออกจากสนามประลองนี่!”
หลินสวินพุ่งมาเบื้องหน้า ผมดำแผ่สยาย
เขาในตอนนี้เปี่ยมความองอาจของเทพมารที่เหยียดมองทั่วแห่งหน พลานุภาพเฟื่องฟู ทั่วร่างล้วนถูกแสงมรรคประกายเขียวปกคลุม
เดิมทีหากเขาใช้ดาบหักก็เพียงพอสังหารฝ่ายตรงข้าม แต่หลินสวินไม่คิดจะให้เจ้าเดรัจฉานวิปริตอำมหิตนี่สบายเช่นนั้น
ตูม!
บนสนามประลองการต่อสู้ดุเดือดยิ่งกว่าเดิม ทว่าสถานการณ์เกิดพลิกผันอีกครา
หลินสวินครองสถานะผู้กระทำอีกครั้ง ไล่ต้อนชิงเหวินเจวี้ยน เหวี่ยงหมัดซัดกระหน่ำ อัดจนฝ่ายหลังขนปีกกระจาย หวีดร้องเดือดดาล
“ช่างทำให้… ผู้คนเกินคาดหมาย” เซี่ยวชางเทียนอดตะลึงงันไม่ได้ หมดคำจะพูดกับพลังที่หลินสวินแสดงออกมาอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
สีหน้าคนอื่นล้วนไม่ต่างกัน รู้สึกสับสนยิ่ง เทพมารหลินนี่มักเหนือความคาดหมาย ครั้งนี้ก็ไม่ยกเว้น
ชิงเหวินเจวี้ยนนั่นวิปริตพออยู่แล้ว แต่ใครจะคิดว่าหลินสวินยังทรงอานุภาพ กำราบแข็งกร้าว ทรงพลังจนปั่นป่วนไปหมด
‘ช่างเป็นตัวไร้ประโยชน์จริงๆ!’
พวกจินมู่อวิ๋น หลี่ชิงผิง โก่วเหยียนเจินเห็นดังนี้ ในใจกลับไม่ยินดีนัก หลินสวินยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งทำให้พวกเขาระวังตัวกว่าเดิม
เดิมทียังคิดว่าหากสามารถยืมมือชิงเหวินเจวี้ยนซัดอีกฝ่ายจนถูกคัดออกก็ไม่เลว แต่ใครเล่าจะคิดว่าชิงเหวินเจวี้ยนกลับไม่ไหวแล้ว
“รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้” จ้าวจิ่งเซวียนไหวไหล่ นัยน์ตากระจ่างไหวเคลื่อน ท่าทางเหมือนเห็นเรื่องแปลกจนชาชิน
บางทีในที่นั้นคงมีแค่นางที่เข้าใจรูปแบบการต่อสู้ของหลินสวินที่สุด
หากไม่จำเป็นต้องใช้ไพ่ตายก็จะไม่มีทางใช้แน่ แสร้งทำทีถ่อมตนเหมือนหมาป่าห่มหนังแกะได้ถึงแก่น
หาได้เจตนาทำเช่นนี้ไม่ เดิมนี่ก็เป็นกลยุทธ์การศึกที่เลิศล้ำประการหนึ่ง หากถูกคนมองสถานการณ์ออกในปราดเดียว เช่นนั้นคงไม่เข้าทีแล้ว
ตูม!
กลางสนามประลอง ภายใต้การจู่โจมเผด็จการนั่นของหลินสวิน หงส์เขียวที่ชิงเหวินเจวี้ยนจำแลงถูกซัดติดพื้นอย่างหนักหน่วง ปีกอาบโลหิต ริมฝีปากพ่นไอเลือด ร่างกายล้วนกำลังสั่นสะท้าน
เขาดิ้นรนหมายหยัดยืน ก็ถูกหลินสวินที่ดิ่งมาจากฟ้ายันเท้าลงแผ่นหลัง เหยียบติดพื้นไม่อาจขยับเขยื้อน
“ชิงเหวินเจวี้ยนจบเห่แล้ว…” คนมากมายถอนใจ
ถามใจดูแล้วชิงเหวินเจวี้ยนไม่ใช่ว่าไม่แข็งแกร่ง ถึงขั้นน่าทึ่งกว่าเหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์ที่เพิ่งชนะไปก่อนหน้าอยู่บ้าง
แต่เขากลับเจอเทพมารหลินที่กระทำการไร้กฎเกณฑ์ จึงต้องพบเจอความพ่ายแพ้ย่อยยับ
นี่ทำให้ผู้ชมการประลองตรงเชิงเขานอกจากสั่นสะท้านแล้วยังเลี่ยงไม่ได้ที่จะเสียดาย รอบแรกก็ถูกกำราบ อันดับของชิงเหวินเจวี้ยนบนกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ต้องตกต่ำแน่
แต่เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าหงส์เขียวแต่ละคนกลับสีหน้าไม่น่าดู ดวงตาทั้งสองดุจเปลวเพลิงร้อนระอุ เดิมพวกเขาวาดหวังให้ชิงเหวินเจวี้ยนสามารถดันตนขึ้นสู่สิบอันดับแรกของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์!
แต่ตอนนี้…
ตอนนี้แม้ชิงเหวินเจวี้ยนคิดเงยหน้ายังเป็นไปไม่ได้ ถูกวิธีการหยามหมิ่นกำราบลงใต้เท้าหลินสวินจนไม่อาจขยับ
“เจ้าชอบสร้างงานจิตรกรรมมาก ข้าก็ชอบปีกไก่ย่างมาก”
หลินสวินเอ่ยประโยคหนึ่งที่ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกประหลาด นี่มันเวลาไหนแล้วยังกล่าววาจาไร้สาระเช่นนี้อีกหรือ
แต่ไม่ช้าพวกเขาก็เข้าใจ ก็เห็นหลินสวินเหยียบร่างหงส์เขียวที่ชิงเหวินเจวี้ยนจำแลง ใช้สองมือถอนขนอีกฝ่ายทั้งตัวอย่างรวดเร็วง่ายดาย
ในกระบวนการนี้ชิงเหวินเจวี้ยนโกรธจนแทบกระอักเลือด ก่นด่าสาปแช่งไม่หยุด แต่แน่นอนว่าเปล่าประโยชน์
เพียงไม่กี่อึดใจขนนกของเขาก็ถูกถอนเกลี้ยง ทั้งตัวเกลี้ยงเกลาสะอาดสะอ้าน เผยเนื้อปีกคู่หนึ่งที่ขาวกระจ่างดุจหิมะ ยาวประมาณสิบกว่าจั้ง
“วัตถุดิบแสนวิเศษ” นัยน์ตาดำของหลินสวินส่องประกายเอ่ยชื่นชม
ตอนที่ 1058 ฝนวิญญาณเทพโปรยปราย
ชิงเหวินเจวี้ยนคับแค้นอับอายจนอยากตาย หน้าเขียวไปหมด
เขาคือบุตรเทพคนปัจจุบันของเผ่าหงส์เขียว ฐานะสูงส่ง ก้าวสู่ขอบเขตมกุฎ ถูกเลี้ยงดูให้เป็นผู้นำในอนาคต ไหนเลยจะเคยประสบความอัปยศเช่นนี้มาก่อน
ภายใต้สายตาที่จับจ้อง ต่อหน้าผู้กล้ารุ่นเดียวกันนับไม่ถ้วน กลับถูกคนใช้เท้าเหยียบติดพื้น ถอนขนปีกบนร่างจนโล่งโจ้งทั้งตัว นี่ทำให้เขาเลือกจะฆ่าตัวตาย
ใช่ ฆ่าตัวตาย!
ถึงอย่างไรบนภูเขาเทพไร้มรณะก็ไม่มีทางตายจริง หากต้องถูกคนหยามเหยียดและทรมาน สู้ใช้ ‘ความตาย’ ลงจากลานประลองก่อนยังดีกว่า
สำหรับการชิงโชควาสนา การจัดอันดับอะไรนั่น ชิงเหวินเจวี้ยนไม่มีอารมณ์ใส่ใจแล้ว
ความอัปยศตอนนี้หากดำเนินต่อไป แม้ภายหลังรอดชีวิตก็ต้องกลายเป็นรอยด่างในชีวิต เป็นที่เย้ยหยันของคนอื่น ไม่อาจเงยหน้าขึ้นอีก
ทว่าชิงเหวินเจวี้ยนเพิ่งเตรียมดำเนินการ ก็พลันพบว่าทั่วทั้งตัวถูกพลังเร้นลับพันธนาการ อย่าว่าแต่ฆ่าตัวตาย แม้แต่นิ้วมือหนึ่งยังยกไม่ขึ้น
นี่คือพลังของผนึกป้าเซี่ย!
ก่อนหน้านี้เซียวชิงเหอแพ้ทั้งที่ถูกหยามเหยียดทรมานทั้งเป็น คราวนี้มีหรือหลินสวินจะให้ชิงเหวินเจวี้ยนหนีเอาตัวรอดไปก่อน
ต่อให้จะฆ่าตัวตาย ก็ไม่ได้!
“เทพมารหลิน เจ้าต้องการเป็นศัตรูกับข้าจริงหรือ เจ้าน่าจะรู้ดี บนภูเขาเทพไร้มรณะไม่มีความตาย หากเจ้าทำเกินงาม วันหน้าไม่ห่วงว่าข้าจะเอาคืนสิบเท่ารึ”
ใบหน้างามดึงดูดของชิงเหวินเจวี้ยนบิดเบี้ยวและเหี้ยมเกรียม ส่งเสียงข่มขู่
ปึง!
ท้ายทอยเขาพลันถูกฟาดเข้าทีหนึ่ง ถูกซัดจนเบื้องหน้าสับสนมึนงง หัวสมองปวดจนวิงเวียน
จากนั้นก็ได้ยินเสียงราบเรียบของหลินสวิน…
“ข้ายังไม่เคยกินปีกหงส์เขียวย่างมาก่อน วันนี้ต้องลองชิมให้ได้”
ชิงเหวินเจวี้ยนแข็งทื่อไปทั้งตัว โกรธจนแทบกระอักเลือด แม้เขาวิปริตก็แค่ทรมานคู่ต่อสู้ แต่เทพมารหลินนี่…
ถึงกับเห็นเขาเป็นอาหาร!
หลินสวินไม่ลังเลแม้แต่น้อย บอกจะทำก็ทำ ถือดาบหักตัดปีกหงส์เขียวที่ใหญ่โตสิบกว่าจั้งทั้งสองข้าง
ปีกคู่นี้เหี้ยนเตียน ขาวกระจ่างดุจหิมะ เนื้อแน่นเต็มสัมผัส
หลินสวินใช้พลังมหามรรคธาตุน้ำควบรวมเป็นกระแสวารีล้างคราบเลือดบนปีกรอบหนึ่งก่อน จากนั้นจึงหยิบทวนสำริดเล่มหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของแล้วเสียบลงบนปีก
ในกระบวนการนี้ชิงเหวินเจวี้ยนเจ็บจนแทบเป็นลมตาย แต่เทียบกันแล้วความอัปยศและความคั่งแค้นในใจเขากลับมากยิ่งกว่า!
ทุกคนนอกสนามประลองมึนงง นี่เทพมารหลินกำลังทำอะไร คงไม่คิดย่างปีกหงส์เขียวกินจริงๆ กระมัง
ในหัวพวกเขาเบลอไปหมด รู้สึกราวไม่เป็นความจริง
ตูม!
ภายใต้สายตาตื่นตะลึงที่จับจ้อง กลางฝ่ามือหลินสวินปล่อยเปลวเพลิงปกคลุมปีกหงส์เขียวที่เสียบไว้ ย่างไฟอย่างช่ำชอง ยังหมุนทวนสำริดเล็กน้อยตลอดเวลาเลี่ยงไม่ให้สุกเกินไป…
“สวรรค์! บุตรเทพเผ่าหงส์เขียวของข้าถูกเห็นเป็นอาหารไปแล้วรึ ช่างน่าอัปยศ!”
บริเวณเชิงเขา ดวงตาของคนในเผ่าหงส์เขียวส่วนหนึ่งแดงไปหมด แทบอยากจะพุ่งขึ้นไปสู้ตายกับหลินสวิน ชิงเหวินเจวี้ยนถูกสบประมาทเช่นนี้ ทำให้พวกเขาต่างโกรธจนควันออกหู
คนอื่นๆ กลับขนพองสยองเกล้า ดวงตาแทบถลน เผ่าหงส์เขียวเก่าแก่น่ากลัวเพียงใด โดยเฉพาะชิงเหวินเจวี้ยนบุตรเทพรุ่นเยาว์ของเผ่าที่ฐานะสูงส่ง กลับกลายเป็นอาหารอย่างคาดไม่ถึง
หลินสวินเคลื่อนไหวเร็วมาก ซ้ำเขายังใช้ยอดวิชามรรคธารดาราหลอมเพลิงมาย่าง ผลลัพธ์นั้นเรียกได้ว่าน่าตกตะลึง
เพียงชั่วขณะปีกหงส์เขียวทั้งคู่ก็ถูกย่างจนทองอร่ามมันวาว กลิ่นหอมอบอวล ไขมันหยดลงบนเปลวไฟส่งเสียงดังซู่ๆ
ที่น่าอัศจรรย์ที่สุดคือบนปีกยังมีหมอกมงคลเปล่งประกายจรัส กลิ่นเนื้อหอมยั่วยวนแผ่กระจายทั่วสนามประลองโชควาสนา
“คุณภาพเนื้อนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ!”
หลินสวินสูดหายใจลึก เกินคาดอยู่บ้าง กลิ่นหอมของปีกหงส์เขียวย่างถึงขั้นวิเศษเหนือการคาดเดา
สำหรับปุถุชนทั่วไป กินหนึ่งคำล้วนสามารถยืดเวลาต่ออายุ นับเป็นสิ่งบำรุงล้ำค่าอย่างดี
แต่สำหรับผู้ฝึกปราณแล้ว หากสามารถกินเนื้อหงส์เขียวเลือดบริสุทธิ์ได้คำหนึ่ง ก็ไม่ต่างอะไรกับการกลืนลูกกลอนวิญญาณอัศจรรย์
ในสมัยแรกเริ่มยามผู้ฝึกปราณบำเพ็ญเพียร มักจะนำเลือดเนื้อของปักษาเทพ สัตว์ปีศาจหลากชนิดมาหล่อหลอมพลังกายและรากฐาน!
กลิ่นหอมขจรขจาย บนปีกหงส์เขียวยังมีประกายแสงเจิดจรัสเอ่อล้นแผ่อวล ทำให้ผู้ฝึกปราณอื่นต่างอดกลืนน้ำลายไม่ได้
‘วัตถุดิบ’ เช่นนี้ แน่นอนว่าเป็นสิ่งบำรุงอย่างดีระดับสมบัติจากธรรมชาติ!
เวลานี้ชิงเหวินเจวี้ยนโกรธจนกระอักเลือด คลุ้มคลั่งโดยสิ้นเชิงแล้ว จิตมรรคแทบจะพังทลาย เขาหวีดร้องคำรามซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่หลินสวินกลับไม่ใส่ใจสักนิด ก้มหน้าก้มตาย่างเนื้อต่อ
ปีกหงส์เขียวเพิ่งย่างเสร็จ เขาก็ลงมือรวดเร็วสับกรงเล็บหงส์เขียวคู่หนึ่งออกอย่างชำนาญ ล้างจนสะอาดแล้วเริ่มย่างต่อ
“เทพมารหลิน เจ้าต้องไม่ตายดี!”
ณ เชิงเขา ผู้แข็งแกร่งเผ่าหงส์เขียวล้วนโกรธจนตะโกนลั่นแทบเป็นบ้า
ผู้ชมการประลองคนอื่นที่มาจากต่างขุมอำนาจล้วนหมดคำพูดทันที การประลองแห่งยุคฉากหนึ่ง ถึงตอนท้ายกลับกลายเป็นงานเลี้ยงปิ้งย่าง
ทั้งยังเกิดขึ้นบนสนามประลองโชควาสนานั่น ไม่ว่าใครเห็นต่างต้องตกตะลึงตาค้าง
‘ช่างเป็นเทพมารที่ไม่เลือกวิธีการ!’
ผู้ฝึกปราณที่เห็นหลินสวินเป็นศัตรูพลันหวาดผวา ขนพองสยองเกล้า นำผู้กล้าที่ก้าวสู่ขอบเขตมกุฎคนหนึ่งมาเป็นอาหาร ไม่กลัวทำตัวเองตายหรืออย่างไร
ส่วนเหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์นั้นสีหน้าล้วนต่างกันไป ถูกภาพนี้ทำให้ตระหนก
ชิงเหวินเจวี้ยนน่าอนาถเกินไป เดิมคิดว่าเทพมารหลินเจอเขาแล้วจะโชคร้าย ใครจะคิดว่าการที่เขาเจอเทพมารหลินต่างหากที่เป็นความซวยขนานแท้
หากสิ่งนี้แพร่ออกไปยังโลกภายนอก แม้ชิงเหวินเจวี้ยนยังรอดชีวิต ภายหน้ามีหรือจะสามารถเงยหน้าขึ้นได้อีก ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องนึกถึงว่าเขาเคยกลายเป็นอาหารของเทพมารหลิน สภาพเช่นนั้นไม่ต้องพูดเลยว่าน่าอัปยศมากแค่ไหน
พรูด!
ชิงเหวินเจวี้ยนโทสะจู่โจมจิตใจ หลังเจอความอัปยศและทรมานเช่นนี้ก็อดไม่อยู่กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ตาเหลือกลนหมดสติไป
ผู้กล้าขอบเขตมกุฎที่สง่างามน่าเกรงขาม สภาวะจิตแข็งแกร่งเพียงใด แต่กลับโกรธจนเป็นลมล้มทั้งยืน หากไม่เห็นกับตาคงไม่มีคนกล้าเชื่อ
ซ่า…
หลังชิงเหวินเจวี้ยนหมดสติ พลังกฎระเบียบพลันปรากฏ นำเขาออกจากสนามประลองโชควาสนา
แม้แต่ปีกหงส์เขียวและกรงเล็บหงส์เขียวที่เพิ่งถูกหลินสวินย่างสุกนั้นก็ล้วนถูกนำไปด้วย ทำให้หลินสวินที่เดิมคิดกินมื้อใหญ่ตะลึงงัน รู้สึกเสียดายถอนใจกล่าว “ทำไมต้องแย่งอาหารข้า ข้ายังไม่ได้ชิมสักคำเลย…”
ทุกคนนอกสนามต่างหมดคำพูด หรือเทพมารหลินนี่ยังเป็นนักกินด้วยหรือ
ความจริงแล้วหลินสวินไม่มีความคิดจะกินชิงเหวินเจวี้ยน เขาแค่แก้แค้นแทนเซียวชิงเหอผ่านวิธีการนี้เท่านั้น
ฟุ่บ!
หลินสวินหวนคืนสู่แท่นมรรคบนยอดเขา ศิลามังกรขดของเขาขณะนี้เพิ่มพลังโชควาสนามหามรรคสองสาย
สายหนึ่งมาจากศิลามังกรขดของชิงเหวินเจวี้ยน
อีกสายมาจากรางวัลของเขตหวงห้ามไร้มรณะ
สามารถมองเห็นได้ชัดเจน บนศิลามังกรขด ‘กรงเล็บมังกร’ ทั้งสี่เวลานี้ปรากฏแสงสีทองราวมายา สะท้อนเชื่อมกับส่วนหางมังกร
ขณะนี้สายตายอดมกุฎรุ่นเยาว์บนยอดเขาอื่นที่มองหลินสวินล้วนแฝงความหวาดกลัวอยู่รางๆ
ก่อนหน้านี้ชิงเหวินเจวี้ยนได้แสดงพลังต่อสู้อันแข็งแกร่งให้เห็น ทำให้ยอดมกุฎรุ่นเยาว์ไม่น้อยในใจต่างตึงเครียด แอบยินดีที่การประลองรอบแรกไม่เจอคนผู้นี้
มียอดมกุฎรุ่นเยาว์บางคนยิ่งแน่ใจว่าหากพวกเขาเจอชิงเหวินเจวี้ยน ถึงแม้สู้เต็มกำลังมากสุดก็บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย หมายเอาชนะนั้นยากนัก
เคราะห์ดีที่เป็นเทพมารหลินจึงกำราบชิงเหวินเจวี้ยนได้!
เพียงแต่เมื่อชิงเหวินเจวี้ยนถูกคัดออก ที่เหลืออยู่กลับเป็นเทพมารหลินที่น่ากลัวยิ่งกว่า!
‘อย่าฝืนปะทะกับหลินสวินเด็ดขาด ควรใช้จุดแข็งของข้าเอาชนะจุดอ่อนของศัตรู’
‘ยามนี้เทพมารหลินสำแดงพลังมหามรรคน้ำและไฟสองอย่างออกมาแล้ว วิชาหมัด ท่าร่าง และวิชาฝ่ามือของเขาก็มีความอัศจรรย์ต่างกันไป พลานุภาพเป็นเลิศ คิดเอาชนะเขาต้อง…’
‘ที่น่ากลัวคือเขายังไม่ใช้ดาบหักเล่มนั้น ไพ่ตายเขามีแค่นี้จริงหรือ’
เหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์ต่างคนต่างกำลังใคร่ครวญในใจ นึกถึงรายละเอียดของการประลองเมื่อครู่เงียบๆ อาศัยสิ่งนี้มาพิสูจน์และเทียบเคียง
ดังคำกล่าวที่ว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
แม้หลินสวินจะทรงพลัง แต่พวกเขาก็ต่างมีวิธีการและไพ่ตายของตัวเองเช่นกัน ที่ต้องพิจารณาตอนนี้คือหากเจอหลินสวินควรกำราบเขาให้ได้ผลอย่างไร!
‘การต่อสู้นี้ เหตุไม่คาดฝันอยู่ที่เทพมารหลินสลายการโจมตีของเข็มร้อยสวรรค์นั่น เขาดูเหมือนได้รับบาดเจ็บ แต่ความจริงแล้วไม่ได้รับผลกระทบโดยสิ้นเชิง’
เหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์อย่างเซี่ยวชางเทียน เยี่ยเฉิน จินมู่อวิ๋น อวี่หลิงคงกลับใคร่ครวญมากกว่า
หากศักยภาพอยู่ในสถานการณ์ที่สูสี ปัจจัยที่ส่งผลต่อการแพ้ชนะจะตกอยู่ที่ด้านอื่น
ทว่ายามนึกถึงตอนที่ชิงเหวินเจวี้ยนสำแดงการโจมตีแปดยอดหงส์เขียวจนได้เปรียบ แต่กลับยังถูกหลินสวินตอบโต้กำราบ พวกเขาก็คิดไม่ออกอยู่บ้าง
ตอนนั้นพลังต่อสู้หลินสวินทะยานถึงขั้นเป็นประวัติการณ์ในชั่วพริบตา เขาเจตนาเก็บงำศักยภาพไว้ก่อน หรือใช้วิชาลับกระตุ้นศักยภาพแฝงบางอย่าง?
‘เจ้านี่ต้องมีไพ่ตายอีกแน่!’ สุดท้ายพวกเขาก็ได้ข้อสรุป นี่ทำให้แววตาพวกเขาที่มองหลินสวินลุ่มลึกยิ่งกว่าเดิม
คู่ต่อสู้แข็งแกร่งไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือมองตื้นลึกหนาบางคู่แข่งไม่ออก!
ไม่จำเป็นต้องสงสัย ในสายตายอดบุคคลแห่งยุครุ่นเยาว์เหล่านี้ ศักยภาพที่หลินสวินสำแดงก่อนหน้า ได้ทำให้พวกเขาเกิดความระวังตัวและกริ่งเกรง
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ความหวาดกลัว พวกเขาเองต่างก็มีความสามารถและไพ่ตายเป็นของตน ยามประลองกันจริงใช่ว่าจะกำราบหลินสวินไม่ได้เสมอไป!
…
การประลองรอบที่สิบแปดเริ่มต้น ผู้ที่ขึ้นสนามประลองคืออาหลู่
ใช้เวลาแค่เพียงหนึ่งถ้วยชาคู่แข่งของเขาก็ถูกกำราบ อัดจนกระดูกทั้งตัวหักเกือบหมด ไม่อาจไม่ยอมแพ้
ฝีมือต่อสู้ดุดันดั่งเทพเถื่อน เคลื่อนกวาดศัตรูอย่างแข็งกร้าวนั่นของอาหลู่ก็น่าตระหนกจนกรามค้าง
ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึง เจ้าคนเถื่อนที่ไม่รู้ว่าวิ่งออกมาจากเขากันดารลูกไหนนี่ ถึงกับเป็นพวกป่าเถื่อนที่ก้าวเดินบนมรรคา ‘กายหยาบบรรลุอริยะ’
นี่คือการประลองสุดท้ายของรอบแรก
บุคคลแห่งยุคที่จัดอยู่ในกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์รวมสามสิบหกคน หลังผ่านการประลองรอบแรก ผู้ชนะมีสิบแปดคน ผู้ถูกคัดออกก็มีสิบแปดคนเช่นกัน
อันดับของผู้ถูกคัดออกจะยึดตามโชควาสนามหามรรคบนศิลามังกรขดที่พวกเขาอยู่ว่าได้เท่าไหร่ รวมถึงนำความสามารถที่แสดงออกในสนามประลองโชควาสนามาประเมิน
ผู้ชนะ ต่อจากนี้ต้องเริ่มทำการประลองรอบที่สอง
ซ่า…
ทว่าก่อนการประลองรอบที่สองเริ่มต้น ท้องฟ้าเหนือศีรษะหลินสวินและเหล่ายอดมกุฎรุ่นเยาว์สิบแปดคนต่างปรากฏหยาดพิรุณหลากสีสัน งามตระการส่องประกาย อาบไล้เงาร่างพวกเขาไว้ภายใน
นี่คือ ‘ฝนวิญญาณเทพ’ ที่มีเฉพาะภูเขาเทพไร้มรณะ!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น