Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 995-1000
ตอนที่ 995
งานประมูลดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
สิ่งของที่นำมาประมูลใดมีค่านั้น ทุกคนตระหนักดี ดังนั้นถึงแม้จะมีของหลายอย่างที่ถูกนำมาประมูล แต่ก็ไม่ได้มีการเสนอราคาที่สูงมากนัก
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ต่อสู้ราคาเพื่อของธรรมดา ในเมื่อพวกเขาสามารถซื้อของที่เหมือนกันได้จากข้างนอก แล้วทำไมต้องใช้เงินจำนวนมากที่นี่ด้วย?
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเจอของดีอย่างแท้จริง มันจะเป็นการต่อสู้ราคาอย่างรุนแรงทันที
เมื่อผลึกภูผาวารีก้อนแรกถูกออกนำมาประมูล ฝูงชนเริ่มตื่นตัวอย่างกะทันหัน
มันถูกซื้อไปด้วยราคาที่สูงมากด้วยผลึกก่อกำเนิดเจ็ดพันก้อน และคนที่ได้มันไปไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลี่เหว่ยเหว่ย ด้วยผลึกภูผาวารีที่ประมูลมาได้ มันจะทำให้นางประหยัดเวลาฝึกฝนได้อย่างมาก
ผลึกภูผาวารีก้อนที่สองและสามถูกนำออกมาประมูลอย่างต่อเนื่อง คนที่ได้มันไปคือหลี่เหว่ยเหว่ยและสุ่ยเยี่ยนยวี่ ตอนนี้พวกนางทั้งสองคนมั่งคั่งเป็นอย่างมาก
ส่วนหลิงฮันกำลังรอให้ของที่เขาอยากได้ถูกนำออกมาประมูล และในที่สุดอุปกรณ์บินแหวกเมฆาก็ถูกนำออกมาประมูล
หลังจากที่พูดอธิบายอย่างเรียบง่าย ชายชราผู้ประกาศก็ตั้งราคาเริ่มต้น “ราคาประมูลเริ่มต้นคือหนึ่งแสนผลึกก่อเกิด”
มันน่าทึ่งมากแค่ราคาประมูลเริ่มต้นก็มากถึงหนึ่งแสนผลึกก่อเกิดแล้ว
“หนึ่งแสนหนึ่งหมื่น!”
“หนึ่งแสนสองหมื่น!”
เพราะอุปกรณ์บินนั้นเป็นอะไรที่หาได้ยากและมีประโยชน์มากมาย การประมูลสู้ราคากันเริ่มดุเดือดอย่างรวดเร็ว และในไม่ช้าราคาของมันก็แตะถึงห้าแสนผลึกก่อเกิด อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงครึ่งล้านเหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังสู้ราคากันต่อ นั่นเป็นเพราะมันเป็นราคาที่สูงมากและหลายคนเริ่มขมวดคิ้วด้วยความตึงเครียด
หลังจากที่ราคาของมันแตะถึงเจ็ดแสนผลึกก่อเกิด มีเพียงแค่สามคนเท่านั้นที่ยังประมูลแข่งกันต่อ
“เจ็ดแสนสามหมื่นสามร้อย นับหนึ่ง!”
“เจ็ดแสนสามหมื่นสามร้อย นับสอง!”
ชายชราเริ่มนับถอยหลัง
“แปดแสน!” หลิงฮันพูดเสนอราคา
“แปดแสน มีคนเสนอราคาแปดแสน!” ชายชรารู้สึกมีความสุข ยิ่งราคาของมันสูงเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งได้รับส่วนแบ่งมากขึ้นเท่านั้น
“แปดแสนหนึ่งหมื่น!” ภายในห้องส่วนตัวชั้นสาม มีใครบางคนเสนอราคาเพิ่ม
“เก้าแสน!” หลิงฮันเริ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย งานประมูครั้งนี้เขาสนใจแค่อุปกรณ์บินแหวกเมฆาเท่านั้น ซึ่งเขาจะต้องประมูลมันมาให้ได้ และไม่ลังเลที่จะใช้ผลึกก่อเกิดทั้งหมดเพื่อให้ได้มันมา
คู่แข่งของเขาดูลังเลอยู่ชั่วขณะ ในไม่ช้าเขาก็เสนอราคาต่อ “เก้าแสนหนึ่งหมื่น!”
“หนึ่งล้าน!” หลิงฮันตะโกน
จำนวนดังกล่าวไม่มีใครแข่งเสนอราคากับเขาอีกต่อไป
นั่นเป็นเพราะขุมพลังใหญ่หลายแห่งมีอุปกรณ์บินอยู่แล้ว ถึงแม้จะไม่ใช่อุปการณ์บินแหวกเมฆาก็ตาม แต่ผลึกก่อเกิดหนึ่งล้านก้อนมันก็มากไปอยู่ดี นั่นเป็นเพราะอุปกรณ์บินจะถูกนำมาประมูลแทบทุกปี แล้วทำไมพวกเขาจะต้องรีบร้อนด้วย?
“เอาล่ะ ต่อไปจะเป็นการประมูลสมบัติลึกลับ” ชายชราส่งสัญญาณและมีสาวใช้หน้าตางดงามเดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับถาดรองที่มีถุงใบเล็กอยู่ด้านบน
ถึงแม้สาวใช้จะมีหน้าตางดงามและสวมกระโปรงสั้นเผยให้เห็นต้นขาที่ขาวราวกับหิมะ และเนินเขาหิมะสองลูกที่น่าดึงดูดก็ตาม แต่ในตอนนี้กลับไม่มีใครจ้องมองไปที่นางเลย สายตาของพวกเขาเอาแต่จับจ้องไปที่ถุงใบเล็กเท่านั้น
นี่คือสมบัติลึกลับ มันมีอะไรอยู่ข้างในกันแน่?
“ข้าไม่ทราบว่าพวกท่านเคยได้ยินต้นไม้ชนิดหนึ่งที่มีชื่อเรียกว่าต้นสังสารวัฎหรือไม่?” ชายชรากวาดสายตามอง
“ข้าไม่เคยได้ยินต้นสังสารวัฎมาก่อน”
“ข้าเองก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน มันคืออะไรอย่างนั้นรึ?”
ผู้คนส่วนใหญ่ส่ายหน้า แม้แต่ชื่อของมันยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
“อย่าบอกนะว่าเป็น…ต้นสังสารวัฎ!” ใครบางคนอุทานออกมาอย่างกะทันหัน เขาคือชายชราที่มีผมและเคราขาวที่นั่งอยู่ด้านล่างสุดของที่นั่งธรรมดา
“เฒ่าฉัง เจ้ารู้จักมันอย่างนั้นรึ?” คนที่นั่งอยู่ด้านข้างถามเขาทันที
ชายชราแซ่ฉังนั้นมีชีวิตอยู่มานานหลายแสนปี แต่ตอนนี้เขายังเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดเท่านั้น และโอกาสที่เขาจะทะลวงผ่านระดับสุริยันได้นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามเพราะเขามีชีวิตอยู่มานานและชอบศึกษาตำราโบราณมานับไม่ถ้วน เขาจึงมีความรู้ติดตัวมากมาย
“ต้นสังสารวัฏเป็นดั่งตำนานที่ไม่มีอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี่ และมันสามารถทำให้ดวงวิญญาณเวียนว่ายตายเกิดได้ แล้วเจ้าจะได้สัมผัสประสบการณ์จากทั้งสามภพสามชาติ ด้วยอายุขัยที่ยาวนานอย่างน่าอัศจรรย์”
“โอ้ว หากมีชีวิตอยู่ขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกหรอกรึ?” หลายคนอุทาน
นี่มันน่าอัศจรรย์เกินไปแล้ว สมบัติดังกล่าวสามารถทำให้ทุกขุมพลังบ้าคลั่งเพื่อแย่งชิงมันมาได้
สมบัติดังกล่าวใครจะปล่อยให้หลุดมือกัน?
หลิงฮันก็รู้สนใจเป็นอย่างมาก เขาเคยดื่มชากำเนิดใหม่มาแล้ว เพียงแค่จิบเดียวก็ทำให้เขาเกิดความเปลี่ยนแปลงมากมาย และยังทำให้เขามีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าจอมยุทธที่อยู่ในระดับเดียวกันมาก
ถ้านำใบของต้นสังสารวัฎมาทำชา มันจะกลายเป็นชาเกิดใหม่หรือไม่?
“จริงสิ ข้าลืมบอกไป ภายในถุงนี่คือเม็ดของต้นสังสารวัฎ” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลายคนรีบลุกขึ้นยืนทันทีและแสดงความตื่นเต้น
การฝึกฝนบ่มเพาะพลังนั้นส่วนที่ยากที่สุดไม่ใช่การทำความเข้าใจระดับพลังของตน แต่เป็นการสร้างความก้าวหน้าให้กับพลังวิญญาณ
แต่ถ้าฝึกฝนบ่มเพาะพลังควบคู่กับต้นสังสารวัฎ มันจะทำให้พลังวิญญาณของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหน?
มันต้องเป็นของข้า! มันต้องเป็นของข้า! มันต้องเป็นของข้า!
ในตอนนี้ทุกคนต่างมีความคิดเช่นเดียวกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ชายชราหัวเราะและพูดว่า “แต่ข้าขออธิบายให้ทุกท่านได้ฟังก่อน แม้ว่ามันจะเป็นต้นสังสารวัฎก็จริง แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ควรมีในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ และไม่มีใครรู้วิธีปลูกมันหรือทำให้มันเติบโตแม้แต่คนเดียว.
“และในตำราโบราณได้ระบุไว้ว่า ต้นสังสารวัฎต้องใช้เวลาสิบสองล้านล้านปีในการเติบโต”
อึก!
ทุกคนแทบจะกระอักออกมาเป็นเลือด พวกเขาจะปลูกมันได้หรือไม่นั้นไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือมันต้องใช้เวลานานถึงสิบสองล้านล้านปี แล้วใครจะอยู่ถึง?
ต้องทราบก่อนว่า แม้แต่จอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุดยังมีอายุขัยแค่สี่สิบล้านปีเท่านั้น ซึ่งยังห่างไกลจากร้อยล้านปีมาก อายุขัยสิบสองล้านล้านปีไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลย
ถึงแม้พวกเขาจะปลูกมันให้ลูกให้หลาน แต่เวลาดังกล่าวบางทีตระกูลของพวกเขาอาจไม่อยู่แล้วก็ได้
สิบสองล้านล้านปี ไม่ใช่หนึ่งจุดสองล้านปี ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าตระกูลของพวกเขาจะอยู่ถึงตอนนั้น?
ข้อเท็จจริงดังกล่าว ทำให้คนส่วนใหญ่หมดความสนใจ
“ราคาประมูลเริ่มต้นของมันคือ หนึ่งล้านผลึกก่อเกิด” ชายชราพูดต่อพรางถอนหายใจเล็กน้อย ถึงแม้ที่เขาพูดจะทำให้มูลค่าของต้นสังสารวัฏลดลง แต่หอประมูลนั้นก็มีกฎของหอประมูล หากสูญเสียเครดิตการทำธุรกิจไป จะสามารถทำธุรกิจต่อไปได้หรือไม่?
“หนึ่งล้านหนึ่งแสน”
“หนึ่งล้านสองแสน”
ถึงกระนั้นก็ยังมีคนประมูลราคาสู้กัน นั่นเป็นเพราะนี่คือต้นสังสารวัฎ ถ้าประมูลมันมาได้และนำไปขายต่อ บางทีอาจได้กำไรมหาศาล
“เอามันมา!” หอคอยน้อยพูดอย่างกะทันหัน
หลิงฮันถามหอคอยน้อยในใจ “มันต้องใช้เวลาปลูกถึงสิบสองล้านล้านปี เจ้าคิดว่าข้าจะรอให้ถึงวันนั้นอย่างงั้นรึ?”
ตอนที่ 996
สิบสองล้านล้านปี!
ต่อให้เป็นในหอคอยทมิฬที่สามารถลดเวลาหนึ่งพันปีให้เหลือหนึ่งปีก็ยังต้องใช้เวลาถึงสิบสองพันล้านปี หลิงฮันไม่รู้สึกว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนั้น
มีคำกล่าวว่าต่อให้เป็นตัวตนระดับสร้างสรรค์พสิ่งก็ยังมีอายุขัยที่จำกัด
แม้จะถูกเรียกว่าจอมยุทธระดับพระเจ้า แต่นั่นก็หมายถึงการที่เหล่าจอมยุทธนั้นแข็งแกร่งและมีอายุขัยที่ยาวนาน พวกเขาไม่ใช่พระเจ้าจริงๆ
หอคอยน้อยสั่นไหวเล็กน้อยและกล่าว “สมบัติทั้งตัวของเจ้าแม้จะนำมารวมกับก็เทียบไม่ได้กับต้นสังสารวัฎ เจ้าต้องนำมันมาให้ได้!”
“นำมันมาข้าก็ใช้ไม่ได้อยู่ดี” หลิงฮันส่ายหัว
“ใครบอกเจ้าแบบนั้น?” หอคอยน้อยกล่าว “ข้ามีวิธีเพาะปลูกมัน!”
“…สิบสองล้านล้านปีน่ะรึ?” หลิงฮันตกตะลึง
“ขอเวลาสามปี ข้าจะทำให้มันงอกเงยแล้วเจ้าจะสามารถดูดซับพลังวิญญาณจากมันได้” หอคอยน้อยกล่าวอย่างไม่แยแส
“นี่เจ้าสามารถใช้อำนาจแห่งกาลเวลาได้!” หลิงฮันคาดเดาได้อย่างรวดเร็ว “ทำไมเจ้าไม่ใช้มันกับข้า ทำให้ข้าฝึกฝนสามวันโดยมีผลสามแสนปี หลังจากนั้นข้าจะไปจัดการพวกบัดซบที่มุ่งร้ายข้า!”
“พลังของข้าฟื้นฟูกลับมาเพียงเศษเสี้ยว ข้าสามารถใช้อำนาจกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติได้เพียงครั้งเดียว หากต้องใช้กับเจ้า… มันเสียของเปล่า!” หอคอยน้อยกล่าว
หลิงฮันถอนหายใจ “เจ้าพูดเช่นนั้นไม่กลัวว่ามันจะกระทบหัวใจอันบอบบางของข้าหรอกรึ?”
“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับข้า!” หอคอยน้อยกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
หลิงฮันเลิกคิดฟุ้งซ่าน ในเมื่อหอคอยน้อยมีความสามารถเช่นนั้น เขาก็ต้องนำต้นสังสารวัฎมาให้ได้
“หนึ่งล้านห้าแสน!” เขาครุ่นคิดและเสนอราคาเพิ่มไปถึงครึ่งนึงของราคาต้น
ด้วยราคานี้ ผู้คนที่คิดจะประมูลแย่งก็ลดลงอย่างมาก
เพราะอย่างไรก็ไม่มีใครสามารถรอจนต้นสังสารวัฎเติบใหญ่ได้ ต่อให้เป็นลูกหลานของพวกเขาก็คงรอไม่ไหวเช่นกัน
“สองล้าน!” หลิงฮันเสนอราคาเพิ่มขึ้นอีก
เมื่อราคานี้ถูกเสนอก็ไม่มีใครกล้าแข่งกับเขาอีก
ต่อให้เป็นจ้าวหลุนที่เกลียดหลิงฮัน เขาก็ยังหวั่นที่จะกลั่นแกล้งเพิ่มราคาเพราะเกรงกลัว่าต้องเป็นคนจ่ายแทน
คนอื่นไม่มีหอคอยทมิฬ พวกเขาไม่มีทางคิดถึงแน่ว่าในโลกนี้จะมีสมบัติที่สามารถทำให้เวลาสิบสองล้านล้านปีลดเหลือเพียงสองถึงสามปี
“สองล้านครั้งที่หนึ่ง”
“สองล้านครั้งที่สอง”
“สองล้านครั้งที่สาม ปิดการขาย!”
ชายชรารู้สึกเสียดายเล็กน้อย สิ่งที่เขานำมาประมูลเป็นถึงต้นสังสารวัฎ มันสมควรจะขายได้ถึงร้อยล้านผลึกเป็นอย่างน้อย โชคไม่ดีที่เพราะต้นไม้ชนิดนี้ต้องใช้เวลาเติบโตนานทำให้มันแทบจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีราคา
หลิงฮันยิ้มอย่างพึงพอใจ หลังจากนี้อีกสองถึงสามปีเขาจะมีต้นสังสารวัฎที่ช่วยพัฒนาจิตวิญญาณของเขาได้อย่างไร้ขีดจำกัด
ต้องรู้ก่อนว่าถึงแม้เขาจะเป็นจักรพรรดิปรุงยา แต่เม็ดยาส่วนใหญ่สามารถช่วยเพิ่มพัฒนาได้เพียงพลังปราณหรือพลังกาย แต่ด้วยต้นสังสารวัฎ เขาเชื่อว่าต่อให้เป็นหมูก็สามารถบ่มเพาะพลังไปจนถึงระดับสร้างสรรพสิ่งได้
“มันไม่ได้สะดวกสบายเช่นนั้น ยิ่งดูดซับพลังของต้นสังสารวัฎมากเท่าไหร่ หรือมีจำนวนคนในดูดซับมาก มันก็ยิ่งเผาผลาญพลังของต้นสังสารวัฎมากเช่นกัน” หอคอยน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
หลิงฮันถลึงตาและกล่าว “ทำไมเจ้าไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้?”
“เพราะว่าข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่ซื้อไงล่ะ”
“เจ้า!” หลิงฮันชะงักก่อนจะส่ายหัว
การประมูลดำเนินต่อไป หลิงฮันไม่แย่งชิงสมบัติชิ้นอื่นๆกับหลี่เหว่ยเหว่ยและจื่อหยุนเอ๋อ ถึงแม้เขาจะอยากได้พวกมันแต่ในฐานะสหายแน่นอนว่าเขายินยอม
เขาซื้อเม็ดยาและสมุนไพรบางอย่างมาด้วยเช่นกันจนตอนนี้เงินจำนวนสี่ล้านผลึกก่อเกิดเหลือเพียงหนึ่งแสนผลึก
หลังจากการประมูลเสร็จสิ้น ทางหอประมูลก็นำสมบัติมามอบให้พวกเขา
หลังจากจ่ายเงินเสร็จหลิงฮันก็ไปยังคลังของจักรวรรดิเพื่อถอนผลึกจำนวนหนึ่งแสนที่เหลืออยู่ออกมา
เขาคิดจะกลับไปสำนัก แต่เขาก็พบกับสตรีที่เดินมาหาเขาและหยุดเขาเอาไว้ “คุณชายหลิง นายน้อยของข้าอยากพบกับท่าน!”
“นายน้อยของเจ้าคือใคร?” หลิงฮันถาม
“นายน้อยชาหยวน” สตรีผู้นั้นกล่าว นางคือองครักษ์ของชาหยวนที่ชื่อเหลี่ยวหยิง
ชาหยวน?
หลิงฮันไม่รู้ว่าชาหยวนคือใคร แต่หลังจากถามหลี่เหว่ยเหว่ย เขาก็นึกออกมาชาหยวนคือชายที่เข้ามาชักจูงไม่ให้จ้าวหลุนสังหารเขา
เขาไม่มีความประทับใจที่ดีกับชายคนนี้เท่าใด แต่หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่เขาก็กล่าวออกไป “นำทางไป”
“เชิญคุณชายหลิง!” เหลี่ยวหยิงหันหลังและเดินนำทาง
ทั้งสองเดินไปได้สักพักก็มาถึงร้านอาหารร้านหนึ่ง ถึงแม้เวลานี้จะเป็นช่วงกลางดึกแล้ว ธุรกิจร้านอาหารก็ยังคงมีผู้คนเข้าออกอย่างคึกคัก
เมื่อเห็นเหลี่ยวหยิง ผู้คนในร้านอาหารก็ก้มหน้าไม่กล้ามองมายังพวกเขา
นางคือสาวใช้ของชาหยวน ถ้ามองไปที่นางถึงสองครั้ง อาจจะเกิดปัญหาได้
เหลี่ยวหยิงนำหลิงฮันไปยังห้องอาหารที่ชั้นสาม หลังจากเคาะประตูนางก็กล่าว “นายน้อย คุณชายหลิงฮันมาถึงแล้ว”
“เข้ามาได้” เสียงของชายหนุ่มดังมาจากในห้อง
เหลี่ยวหยิงเปิดประตูและให้หลิงฮันเดินเข้าไปก่อน
หลิงฮันเป็นแขก เขาเดินเข้าไปในห้องและพบเห็นชาหยวนที่กำลังดื่มกิน ซ้ายขวาของเขาแต่ละด้านมีสตรีที่งดงามนั่งขนาบอยู่
ด้านหลังชายหนุ่มมีสตรีอีกสามคนอยู่ยืน พวกนางทั้งงดงามและมีสีหน้าเย็นชาราวกับรูปปั้นหิน
“ฮ่าๆๆ เชิญนั่งเลยๆ!” ชาหยวนไม่ลุกขึ้นยืน เขาชี้นิ้วไปยังเก้าอี้ตรงข้ามในขณะที่กล่าวกับหลิงฮัน
นี่น่ะรึการต้อนรับ?
หลิงฮันเก็บความรู้สึกไม่พอใจเอาไว้ในใจ เขายังคงนั่งลงและอย่างจะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากเขา
“ข้าไม่อยากจะอ้อมค้อมให้มากความ ข้าต้องการทักษะขัดเกลากายหยาบของเจ้า” ชาหยวนไม่กล่าวต้อนรับอะไร “เจ้าต้องการผลึกก่อเกิดเท่าไหร่ข้าจะจ่ายให้เจ้า!”
ตอนที่ 997
หลิงฮันไม่มีทางยอม
ถึงแม้เขาจะมีผลึกก่อเกิดมากมาย และเพิ่งได้รับมาผลึกก่อเกิดมาสี่ล้านก่อน แต่หลังจากงานประมูล เขาเหลือผลึกก่อเกิดแค่หนึ่งแสนก้อนก็ตาม และมีหลายอย่างที่อยากได้ แต่เขาก็ไม่มีทางขายทักษะกินเด็ดขาด…
อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีทางถ่ายทอดคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ให้คนอื่นได้ ถึงแม้เขาจะเต็มใจมอบให้ เขาก็ไม่รู้วิธีการถ่ายทอดมันอยู่ดี เพราะมันเป็นทักษะที่มีระดับสูงเกินไป
เมื่อซาหยวนเห็นหลิงฮันนิ่งเฉย เขาไม่โกรธ แต่ปรบมือหัวเราะชอบใจและพูดว่า “ตงเย่ว เหม่ยเอ๋อ พวกเจ้าสองคนสร้างความเพลิดเพลินให้กับสหายของข้าหน่อย!”
“เจ้าค่ะ!” สตรีทั้งสองคนตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล และเดินเข้ามาประกบหลิงฮันจากด้านซ้ายและด้านขวา
หลิงฮันขมวดคิ้วและผลักพวกนางทั้งสองคนไปด้านหลังอย่างนุ่มนวล
“เจ้าไม่ชอบอย่างนั้นหรือ?” ซาหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ตงเย่วและเหม่ยเอ๋อเป็นสตรีที่งดงาม แต่พวกนางไม่ได้งดงามเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีด้วย”
ดินแดนที่มีขนาดใหญ่อย่างจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ คำว่า “สาวงาม” เป็นอะไรที่ธรรมดามาก ในหมู่หญิงสาวสิบคนจะมีหนึ่งคนที่งดงามมาก ดังนั้นสาวงามจึงไม่ใช่อะไรที่พบเห็นได้ยาก แต่หญิงสาวที่ทั้งงดงามและแข็งแกร่งนั้นจะพบเห็นได้ยากมาก
หลิงฮันส่ายหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่ซาไม่มีธุระอะไรแล้ว ข้าคงต้องขอตัว!”
“เจ้าจะรีบไปไหนกัน!” ซาหยวนรีบพูด แววตาของเขาดูไม่พอใจ อีกฝ่ายเป็นแค่มดปลวกจากโลกใบเล็กมีสิทธิ์อะไรเรียกเขาว่าพี่น้อง! แต่ตอนนี้เขาต้องการทักษะของหลิงฮัน ดังนั้นเขาจึงปล่อยเรื่องนั้นไปก่อน
เขายิ้มและพูดว่า “เจ้าอาจยังไม่รู้ว่าตงเย่วและเหม่ยเอ๋อมีลีลาที่สุดยอดมาก ข้ารับประกันได้เลยว่าเจ้าจะต้องเพลิดเพลินอย่างแน่นอน!”
หลิงฮันรู้สึกตกตะลึง นี่เขาเป็นบุตรชายของแม่ทัพจริงหรือ? ทำไมเขาถึงถ่อยขนาดนี้ หรือว่าเขากำลังเมา
เขาลุกขึ้นยืนทันที ถึงแม้จะคิดเรื่องอย่างว่าอยู่ในหัว แต่เขาไม่ต้องการมีอะไรกับพวกนางทั้งสองคน
“พวกนางไม่ดีพอสำหรับเจ้าอย่างนั้นรึ?” ซาหยวนคิดว่าหลิงฮันไม่ชอบพวกนางสองคน เขาหัวเราะและพูดว่า “หลิงฮัน ตราบใดที่เจ้ามอบทักษะให้กับข้า ข้ายินดีที่จะมอบสาวใช้ส่วนตัวของข้าทั้งสี่คนให้กับเจ้า ยิ่งไปกว่านั้นพวกนางยังบริสุทธิ์!”
ก่อนหน้านี้เขาเห็นหลิงฮันมักคลุกคลีกับสาวงามหลายคนอยู่รอบกาย เขาจึงคิดว่าหลิงฮันจะต้องเป็นคนหื่นกามไม่ผิดแน่ และหลงใหลในความงามของสตรี
หลิงฮันถอนหายใจและขี้เกียจเกินไปที่จะพูดอธิบาย เขาแค่พูดว่า “สุภาพบุรุษจะไม่เอาเปรียบสตรี และข้าขอตัวลา!”
“หลิงฮัน!” ซาหยวนตะโกนเรียกอย่างไม่พอใจและพูดว่า “อย่าคิดว่าเจ้ามีราชินิที่เก้าหนุนหลังอยู่ แล้วจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ! และอย่าลืมว่าเจ้าเป็นแค่มดปลวกที่ขึ้นมาจากโลกใบเล็ก!”
“ขอบคุณสำหรับคำเตือนของเจ้า!” หลิงฮันไม่แยแสอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
พูดตามตรง ถึงแม้จ้าวหลุนจะเป็นอันธพาล แต่ก็ยังดีกว่าซาหยวนหลายเท่า
“หลิงฮัน นี่ถือเป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายของข้า!” ซาหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดุดันกว่าเดิม
หลิงฮันไม่สนใจแม้แต่น้อยและเดินออกไป
ปัง!
ซาหยวนทุบโต๊ะอย่างรุนแรง แก้วไวน์ที่อยู่บนโต๊ะถึงกับล้มและหกไปทั่วโต๊ะ
“นายน้อยซา!” ตงเย่วและเหม่ยเอ๋อรีบเดินเข้ามาประกบเขาและพูดพร้อมกัน
หากเป็นสถานการณ์ปกติเขาคงกอดพวกนางทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มไปแล้ว แต่ตอนนี้เขาดูฉุนเฉียวมากและผลักพวกนางทั้งสองคนล้มลงกับพื้น
“เจ้าคิดว่ามีราชินีที่เก้าหนุนหลังแล้วจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นรึ?” เขาพูดพึมพัม “เหลี่ยวหยิง จับตาดูหลิงฮันให้ดี หากเขามีการเคลื่อนไหวอะไรให้รีบมารายงานข้าทันที!”
“เจ้าค่ะ!” เหลี่ยวหยิงคุกเข่าและขานรับคำสั่ง
หลังจากที่หลิงฮันเดินออกไปข้างนอก เขาส่ายหัวอยู่ในใจ
ถึงแม้ซาหยานจะเสนอผลึกก่อเกิดให้เขามากมาย แต่เขาจะขายทักษะลับของตัวเองได้อย่างไร?
คนอย่างเขาคงเป็นพวกเอาแต่ใจ หากไม่ได้อะไรดั่งใจก็จะไม่ยอมฟังที่คนอื่นพูดเลย
หลังจากที่กลับไปที่สำนัก หลิงฮันเข้าไปในหอคอยทมิฬทันที
“หอคอยน้อย ข้าจะปลูกมันได้ยังไง?” หลิงฮันนำต้นสังสารวัฎออกมา
“ข้าจะสร้างสถานที่ที่เหมาะสมกับมันก่อน!” น้ำเสียงของหอคอยน้อยฟังดูเคร่งขรึม ซึ่งแตกต่างจากปกติอย่างสิ้นเชิง นี่ทำให้หลิงฮันรู้ว่าแม้จะเป็นหอคอยน้อย ต้นสังสารวัฎนี่ก็ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง
ครืน หอคอยน้อยเป็นเจ้าของที่แท้จริงของหอคอยทมิฬ ภายใต้การควบคุมของมัน พื้นดินที่ว่างเปล่าก็ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับพลังปราณที่หนาแน่น
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าหลิงฮันจะปลูกอะไร เจ้าหอคอยนี่ไม่ไหวติ่งแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้มันกลับเคลื่อนไหวและสร้างพื้นที่ปลูกขึ้นมาด้วยตัวเอง
“เจ้าโชคดีมากที่ได้ต้นสังสารวัฎมา” หอคอยน้อยกล่าว “แต่แปลกมาก ทำไมต้นสังสารวัฎถึงมาอยู่ที่นี่?”
หลิงฮันเปิดถุงและเห็นเมล็ดที่มีขนาดเท่ากับเม็ดถั่วอยู่ด้านในอยู่หนึ่งเม็ด
“ปลูกมัน” หอคอยน้อยกล่าว
หลิงฮันโยนเมล็ดลงบนดิน และหอคอยน้อยก็ใช้พลังลับของมันกับดิน ทันใดนั้นเองแสงสว่างที่สดใสก็ปกคลุมไปทั่วชั้นดิน
“เอาล่ะที่เหลือก็แค่รอคอยอย่างอดทน” หอคอยน้อยกล่าว น้ำเสียงของมันดูอ่อนล้า
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “อืม!”
เขาออกมาจากหอคอยทมิฬและเริ่มลองของที่ประมูลมาได้อุปกรณ์บินแหวกเมฆา เขาจะต้องศึกษาวิธีการใช้งานของมันก่อนที่จะออกเดินทางไกล
อุปกรณ์บินแหวกเมฆานั้นมีรูปร่างคล้ายพาหนะที่มีความหยาวและเพรียว แต่พื้นที่ภายในไม่ค่อยใหญ่มากนัก มันสามารถนั่งได้ไม่กี่คนเท่านั้น
สำหรับหลิงฮันมันไม่ใช่ปัญหา เพราะเขามีหอคอยทมิฬที่มีพื้นที่ไม่จำกัด
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เข้าในวิธีใช้งาน
จากนั้นเขาก็ไปรายงานตัวกับสำนัก ถ้าจะออกไปไหนนอกเมืองจักรพรรดิ ไม่ว่าจะออกไปปฏิบัติภารกิจก็ตาม
นี่เป็นเรื่องจำเป็น ยิ่งไปกว่านั้นหลิงฮันยังมีอีกสถานะหนึ่งคือจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิต้าหลิง เขาจะต้องได้รับการอนุมัติก่อนออกจากเมืองจักรพรรดิ มิฉะนั้นจะถือเป็นการไม่ไว้หน้าจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ
สองวันต่อมา เขาก็ได้รับการอนุมัติจากทางสำนัก
ตอนที่ 998
เมื่อหลิงฮันออกจากสำนัก ขุมอำนาจทั้งหมดในเมืองจักรพรรดิก็ได้รับข่าวนี้
“อะไรกัน หมอนี่เลือกออกจากสำนักในเวลานี้จริงๆรึ? แถมยังถึงขนาดออกไปจากเมืองจักรพรรดิด้วย?”
“นี่เขาแส่หาความตาย?”
“ตระกูลหลัวกับตระกูลจ้าวจะต้องลงมือสะสางหนี้แค้นแน่!”
“เมื่อใดที่เขาออกจากเมืองจักรพรรดิ โชคชะตาของเขาคือความตาย!”
“ให้ตายเถอะ เขาเป็นเพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางเท่านั้น พลังต่อสู้เองก็ไม่เกินไปกว่าระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด มีจอมยุทธคนอื่นมากมายนักที่สามารถจัดการจับเขาได้”
“ถึงแม้เขาจะเป็นอัจฉริยะแต่เขาก็โง่เกินไป”
“อัจฉริยะที่โง่เง่าเช่นนั้น… ไม่ต้องไปไล่ตาม เขาก็แค่คนโง่ที่ไม่รู้ว่าจะมุ่งหน้าไปอย่างไล่หรือล่าถอยตอนไหน!”
ในตอนนี้ ขุมอำนาจส่วนใหญ่ที่ต้องการตัวหลิงฮันเลือกที่จะอยู่เฉยๆไปก่อน
ที่จริงแล้วก่อนหน้านี้ขุมอำนาจเหล่านี้ต้องการให้หลิงฮันเข้าร่วมกับพวกเขา แต่พวกเขาเกรงว่าถ้าหากพวกเขารับหลิงฮันมาอยู่ พวกเขาจะไปยั่วยุความโกรธของตระกูลจ้าว ยิ่งตอนนี้เมื่อเห็นหลิงฮันทำตัวไม่เกรงกลัว พวกเขาก็ทำได้เพียงส่ายหัว
……
ณ ตระกูลหลัว
“เจ้าหนูนั่นออกจากเมืองจักรพรรดิจริงๆ?” หลัวหงชะงัก การกระทำที่โง่เง่าเช่นนี้ทำให้เขาเชื่อไม่ลง แต่เขาก็หัวเราะออกมาและกล่าว “นี่มันแส่หาความตายชัดๆ!”
“จัดหาคนไปสังหารเขาซะ สมาคมราตรีนิรันดร์นั้นพึ่งพาไม่ได้ แค่มดปลวกระดับภูผาวารีก็สังหารไม่สำเร็จ ยิ่งตอนนี้เจ้าเด็กนั่นเป็นคนเดินออกจากประตูด้วยตัวเองด้วยแล้ว หากเขาตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา”
“เหอๆ เงินที่ใช้จ้างภารกิจตั้งหนึ่งแสนผลึกก่อเกิด ในเมื่อโอกาสมาแล้วทำไมต้องให้พวกเขาไปด้วย!”
“เรื่องสำคัญที่สุดคือต้องนำตาข่ายผนึกสีชาดกลับมา ตระกูลของเราต้องใช้จ่ายไปจำนวนมากเพื่อสิ่งนี้ จะยอมให้มันตกไปอยู่ในมือคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด!”
……
ในด้านจ้าวหลุนที่กำลังฟังข่าวจากจั่วเซียวและฟานหยง
เขาแสยะยิ้มและกล่าว “บิดาข้ามอบผลึกภูผาวารีจำนวนมากและเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ให้กับข้าแล้ว ข้าจะเก็บตัวสักพัก เมื่อข้าออกจากฝึกฝนข้าจะมีพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด”
“และหลังจากนั้นเมื่อใดที่ข้าทะลวงผ่าน ข้าก็จะกลายเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิ”
“ดังนั้นภารกิจสังหารมดปลวกนั่นข้าขอมอบให้เป็นหน้าที่เจ้า!”
“ขอรับนายน้อย!” จั่วเซียวกับฟานหยงคุกเจ่าข้างเดียวเพื่อแสดงความเคารพ
ถึงแม้จ้าวหลุนจะเสียหน้าอย่างสาหัสเพราะการประลอง แต่พวกเขาก็ไม่กล้าสูญเสียความเคารพไปแม้แต่น้อย จ้าวหลุนนั้นไม่อาจนำไปเทียบกับหลิงฮันได้ เขาเป็นถึงบุตรชายคนเดียวของแม่ทัพจ้าว ส่วนหลิงฮันเป็นเพียงจอมยุทธจากโลกใบเล็กเท่านั้น ทั้งสองไม่อาจนำมาเทียบกันได้แม้แต่น้อย
ส่วนในด้านราชินีที่เก้านั้นนางยังเยาว์วัย แม้ตอนนี้นางจะมีความรู้สึกดีๆกับหลิงัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความรู้สึกของนางจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป
ทั้งสองคนตกตะลึงอย่างมากที่จ้าวหลุนกล่าวออกมาเช่นนี้ ถ้าจ้าวหลุนทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราได้ในเวลาสั้นๆจริงๆ เขาจะต้องกลายเป็นดาวเด่นที่สุดของทั่วทั้งจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะแน่นอน
ระดับพลังนี้ยากที่จะข้ามผ่าน ทั่วทั้งจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะนั้นจอมยุทธอย่างน้อยเก้าในสิบส่วนเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารี จอมยุทธที่สามารถทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราได้นั้นมีเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น!
ตัวของจ้าวหลุนมีอายุน้อยกว่าพันปี อนาคตของเขาจะสดใสขนาดไหน?
ถึงแม้พวกเขาทั้งสองจะมีพรสวรรค์ที่ด้อยกว่าจ้าวหลุน แต่พวกเขาก็เป็นอัจฉริยะสองดาวที่เกือบจะสามดาว เมื่อเทียบจ้าวหลุนแล้วความแตกต่างระหว่างพวกเขานั้นเห็นได้อย่างชัดเจน ตอนนี้พวกเขาอายุเกินกว่าสองหมื่นปีแล้ว พลังบ่มเพาะของพวกเขายังอยู่ที่ระดับภูผาวารีขั้นสูงเท่านั้นเอง
นี่เป็นเพราะทรัพยากรบ่มเพาะของพวกเขาเทียบกับจ้าวหลุนไม่ได้ ทรัพยากรที่มากมายทำให้พรสวรรค์ของจ้าวหลุนถูกดึงออกมาใช้อย่างเต็มที่
“มดปลวกนั่นเป็นเพียงระดับภูผาวารีขั้นกลาง แต่เขาฝึกฝนทักษะเกี่ยวกับจิตวิญญาณ นำหยกสองชิ้นนี้พกติดตัวไว้ มันสามารถใช้ต้านทานการโจมตีทางจิตวิญญาณได้ร้อยครั้ง” จ้าวหลุนโยนหยกสองชิ้นให้พวกเขา
“ขอขอบคุณนายน้อย!” จั่วเซียวเต็มไปด้วยความสุข
แม้จะเป็นบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อุปกรณ์ป้องกันการโจมตีทางจิตวิญญาณก็ยังถือว่าเป็นของล้ำค่า มีเพียงจอมยุทธระดับดาราเท่านั้นที่จะมีครอบครอง
จ้าวหลุนครุ่นคิดและยังรู้สึกว่าแค่นี้ยังไม่พอ เขานำดาบออกมาและมอบให้ “ข้ามอบดาบตะวันม่วง บิดาข้าเป็นสลักรูปแบบอักขระเอาไว้ถึงเก้าตัว หากใช้งานมันพลังต่อสู้ของพวกเจ้าจะเพิ่มเป็นระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด”
จั่วเซียวกับฟานหยงรู้สึกเป็นกังวลกับตาข่ายผนึกสีชาดของหลิงฮันอยู่บ้าง เพราะตาข่ายนั้นจะทำให้พลังของพวกเขาลดลง แต่ด้วยดาบเล่มนี้พวกเขารู้สึกมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นอย่างมาก
“ขอรับ พวกเราจะไม่ทำให้นายน้อยผิดหวัง!” ทั้งสองคนกล่าวตะโกน
……
สุ่ยเยี่ยนยวี่ออกจากเมืองจักรพรรดิไปกับหลิงฮัน
เมื่อออกมาจากประตูเมือง หลังฮันก็หันกลับไปย้อนมองดูเมืองจักรพรรดิและมีความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นมาในใจ
ในเมืองจักรพรรดิแห่งนี้ ถึงแม้เขาจะพยายามทำตัวปกติไม่โดดเด่น แต่ก็มักจะมีอะไรมาขัดขวางไม่ให้เป็นเช่นนั้น
“ภรรยาข้า ตอนนี้พวกเราอยู่กับสองคนแล้ว เจ้าจะมอบจูบให้ข้าได้รึยัง?” หลิงฮันยิ้ม
สุ่ยเยี่ยนยวี่ถลึงตามองและกล่าว “เมื่ออยู่นอกเมืองจักรพรรดิ เจ้าก็ถือไม่ปลอดภัยแล้ว นี่เจ้าจะช่วยจริงจังหน่อยได้หรือไม่?”
“ตกลง จริงจังก็จริงจัง” หลิงฮันนำอุปกรณ์บินแหวกเมฆาออกมาแล้วกล่าว “ภรรยาข้า ขึ้นมาเลย!”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่โต้ตอบ หน้าของชายคนนี้หนายิ่งกว่ากำแพงเมืองเสียอีก แต่ถึงอย่างนั้นนางก็รู้สึกมีความสุขที่ถูกหยอกล้อเช่นนี้
พรึบ!
พวกเขาขึ้นนั่งอุปกรณ์บินแหวกเมฆา โดยหลิงฮันเป็นผู้ควบคุม ภายในพริบตาภาหนะก็พุ่งทะยานด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์จนมองเห็นเป็นเพียงจุดสีดำและมีคลื่นเสียงแหวกอากาศระเบิดตามมา
การจะเคลื่อนที่ให้เร็วเหนือเสียงบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทำได้ยากยิ่ง แม้แต่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราก็มีเพียงหยิบมือที่สามารถทำได้
เมื่อเห็นอุปกรณ์บินของหลิงฮันทะยานออกไป เหล่านักฆ่าที่ไล่ตามพวกเขาก็มีร้องโอดครวญในใจ
“ไม่ต้องกังวล เป้าหมายของพวกเขาจะต้องไปมหาสมุทรดาราแน่นอน พวกเราไปที่นั่นและสังหารพวกเขา!”
ตอนที่ 999
อุปกรณ์บินเกินไปตามอากาศมุ่งไปยังทิศตะวันตก
ต่อให้เป็นอุปกรณ์บินก็ยังใช้เวลาเก้าวันกว่าพวกเขาจะถึงมหาสมุทรดารา
มหาสมุทรดาราคือทะเลภายในเกาะ มีคำบอกเล่าว่าเมื่อนานมาแล้วมันเคยเป็นพื้นที่ราบเรียบ แต่วันหนึ่งได้มีดวงดาวตกลงมาจากท้องฟ้าและร่วงลงสู่บริเวณนี้ทำให้เกิดเป็นร่องมหาสมุทร
ดังนั้นบางครั้งบางคราวใต้สมาสมุทรแห่งนี้จึงมีการค้นพบโบราณสถานหรือแร่โลหะระดับสูงที่เป็นสิ่งดึงดูดผู้คนมากมายให้มาที่นี่
ยิ่งถ้าหากเจอทักษะโบราณระดับสูงด้วยล่ะก็ นั่นจะยิ่งน่าอัศจรรย์มากขึ้นไปอีก
ที่จริงไม่ใช่แค่ทักษะ แต่ยังมีสมุนไพรและเม็ดยาอื่นๆอยู่อีก มีข่าวลือว่ามีจอมยุทธบางคนได้ค้นพบหุ่นเชิดระดับสูงที่นี่ แถมหุ่นเชิดนั่นยังมีพลังต่อสู้ที่น่าทึ่งมากอีกด้วย
หรือให้พูดง่ายๆ มหาสมุทรแห่งนี้คือขุมสมบัติ!
เพราะเหตุนี้ที่นี่จึงได้มีโจรสลัดเกิดขึ้น พวกเขาจะปล้นสมบัติที่มีคนเก็บได้อย่างไม่ปรานี
เมื่อพวกเขามาถึงปลายขอบของมหาสมุทร หลิงฮันก็หยุดอุปกรณ์บิน
มหาสมุทรแห่งนี้แปลกประหลาดมาก มันทำไม่ให้อุปกรณ์บินเคลื่อนที่ได้ โดยการปล่อยแรงโน้มถ่วงที่รุนแรงออกมา หากอุปกรณ์บินลอยอยู่มันจะถูกกดให้ร่วงจมสู่พื้นทะเลทันที
เรือธรรมดาไม่สามารถแล่นในมหาสมุทรแห่งนี้ได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกจมในเวลาไม่ถึงนาที
ถ้าอยากจะเดินทางในมหาสมุทรจำเป็นต้องใช้เรือที่ถูกสร้างจากกระดูกและหนังของสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรแห่งนี้ นั่นเพราะพวกมันที่อาศัยอยู่ที่นี่มานาน ร่างกายจะเกิดจากวิวัฒนาการให้มีความต้านทานแรงโน้มถ่วง
โจรสลัดที่หลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ต้องตามล่าอยู่ในมหาสมุทรแห่งนี้ แต่รังของพวกมันจะอยู่ที่ไหนนั้นไม่อาจทราบได้
กลุ่มโจรสลัดในมหาสมุทรแห่งนี้นั้นลงมืออย่างรอบคอบและไม่เผยรังให้ใครรับรู้ การจะกวาดล้างพวกมันเป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่ง
แต่แผนการของพวกหลิงฮันนั้นง่ายมาก พวกเขาก็แค่ไปร่วมขึ้นเรือคนอื่นแล้วรอให้โจรสลัดมาปล้น หลังจากนั้นพวกเขาก็จะใช้โอกาสนี้ไล่ล่าพวกมัน
เพราะอย่างไรภารกิจของพวกเขาก็คือการจัดการโจรสลัดเท่านั้น ส่วนจำนวนเท่าใดนั้นไม่ได้กำหนดไว้
“พวกเราอาจจะมีวาสนาก็ได้ ครั้งหนึ่งเคยมีคนค้นพบแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบที่นี่!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว
สุ่ยเยี่ยนยวี่ได้อธิบายเกี่ยวกับมหาสมุทรดาราในขณะที่เดินทางแล้ว หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ข้าวาสนาดีมาโดยตลอด”
นี่ไม่ใช่คำโอ้อวด เขาที่ขึ้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผ่าการเปิดสวรรค์จะได้รับพรจากสวรรค์และปฐพี วาสนาของเขาจึงดีกว่าคนทั่วไป
สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า นางศึกษาเกี่ยวกับโลกใบเล็กมาอย่างดี นางรู้ว่าคนที่เปิดสวรรค์ได้สำเร็จจะได้รับพรจากสวรรค์และปฐพีรวมไปกับพลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้น
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็เป็นผู้นำการเดินทางครั้งนี้!” นางกล่าว
หลิงฮันเก็บอุปกรณ์บินแหวกเมฆาและยิ้ม “เราเป็นสามีภรรยากัน เพราะงั้นเจ้าต้องเป็นผู้ตามข้าเป็นเรื่องธรรมดา”
“เจ้าอันธพาล!” สุ่ยเยี่ยนยวี่เค้นเสียง
“ไปกันได้แล้ว!” นางเดินนำ
เป้าหมายของพวกเขาคือท่าเรือขวานทรราชที่เป็นสถานที่สำหรับนำเรือออกสู่มหาสมุทร และแน่นอนว่าหากต้องการขึ้นเรือจำเป็นต้องใช้เงินนำนวนมาก
ท่าเรืออยู่ไม่ไกลมาก ใช้เวลาไม่นานทั้งสองคนก็มาถึง
เพราะมีคนต้องการออกทะเลมากมาย เมืองเล็กๆจึงถูกสร้างขึ้นในท่าเรือแห่งนี้ ในเมืองมีทั้งโรงเตี้ยม ซ่อง บ่อนพนันและอื่นๆที่เป็นสถานบันเทิงที่ไม่สามารถหาได้ในเมืองจักรพรรดิหรือเมืองใหญ่ๆ
ในเมืองมีแท่นธงสูงตั้งอยู่ บนธงมีรูปขวานสีเลือดถูกวาดเอาไว้ ซึ่งมันคือสัญลักษณ์ของทีนี่
หลิงฮันเดินมาถึงทางเข้าเมืองแต่ก็ถูกหยุดเอาไว้
“ทุกคนที่จะผ่านต้องจ่ายผลึกก่อเกิดมาก่อน” อีกฝ่ายมีกันอยู่ห้าคน พวกเขากอดอกแน่นและมองสำรวจหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ สายตาของพวกเขาหยุดชะงักที่สุ่ยเยี่ยนยวี่และถลึงตามองราวกับจะเปลื้องผ้าของนาง
หลิงฮันเดินขึ้นหน้ามาเล็กน้อยเพื่อบังสุ่ยเยี่ยนยวี่เอาไว้ด้านหลังและกล่าว “ข้าไม่เคยได้ยินว่าหากจะเข้าท่าเรือขวานทรราชต้องจ่ายค่าธรรมเนียม”
“แต่ตอนนี้เจ้าก็ได้ยินแล้ว” ชายร่างใหญ่กล่าวอย่างไม่แยแส
“เพียงแต่ว่าหากสตรีที่งดงามด้านหลังเจ้ามอบจูบให้พวกข้า เจ้าก็จ่ายส่วนของเจ้าคนเดียวได้” ชายร่างใหญ่อีกคนหนึ่งแสยะยิ้ม
“เหอๆ แต่ถ้านางยอมทำอะไรบางอย่างให้ข้า ข้าจะไม่เอาผลึกก่อเกิดก็ได้!”
“ฮ่าๆๆๆ!” ทั้งห้าคนหัวเราะลั่น
ในเมืองจักรพรรดิ ถึงแม้จะมีคนอย่างจ้าวหลุน ชาหยวนกับหลัวป้าที่ชอบทำตัวกร่างอยู่ แต่พวกเขาก็อยู่ภายใต้อำนาจปกครองของจักรพรรดินี การกระทำของพวกเขาจึงแสดงออกมาได้อย่างจำกัด
แต่ ณ ที่แห่งนี้ผู้คนสามารถแสดงสัญชาตญาณดิบออกมาได้อย่างเต็มที่
ในโลกของจอมยุทธ พลังคือความถูกต้อง
“ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้พบสตรีที่งดงามในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ ช่วยมาสร้างความสนุกให้พวกข้าหน่อยแล้วกัน!” ชายร่างใหญ่อดใจไม่ไหว เขาเอื้อมมือผ่านร่างหลิงฮันไปยังสุ่ยเยี่ยนยวี่
เมื่อใดยินคำว่า ‘สร้างความสนุกให้พวกข้า’ ใบหน้าของหลิงฮันก็กลายเป็นมืดมน เขายื่นมือไปคว้าข้อมือของชายร่างใหญ่และกล่าว “บังอาจแม้กระทั่งคิดไม่ดีกับภรรยาข้า ช่างกล้านัก!”
“นี่เจ้ากล้าต่อต้านงั้นรึ?” ชายร่างใหญ่กระฉากมือกลับ แต่เขาพบว่าข้อมือของเขาราวกับถูกเชื่อมไว้ด้วยเหล็ก เขาพยายามออกแรงจนในที่สุดก็มองไปยังหลิงฮัน
“ฮึ่ม!” หลิงฮันสะบัดมือ ทันใดนั้นเสียงกระดูกแตกหักก็ดังออกมาและพบว่าแขนของชายร่างใหญ่บิดหมุนราวกับเส้นบะหมี่ แขนของเขาห่อยลงมาเนื่องจากกระดูกทั่วแขนแตกสลาย
“อ้ากกก” ชายร่างใหญ่กรีดร้อง
“บังอาจ กล้าทำร้ายคนของกลุ่มห้าทมิฬงั้นรึ!” ชายร่างใหญ่อีกสี่คนเกรี้ยวกราด พวกเขานำอาวุธออกมาแล้วเข้าล้อมหลิงฮัน
ตอนที่ 1000
พวกอันธพาลทั้งห้าคนเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นเท่านั้น แต่ก็มีบางคนเป็นระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นกลาง ชั้นสูง ซึ่งมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่อยู่ชั้นสูงสุด
สุ่ยเยี่ยนยวี่เดินไปข้างหน้าเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายด้วยตนเอง
เพราะนางชนะการประมูลผลึกภูผาวารีมาได้สามก้อน รวมถึงเม็ดยาบางอย่าง ตอนนี้ทำให้นางทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดแล้ว นางจึงอยากลองพลังว่าตนเองแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหน
ชายทั้งสี่คนเข้ามาล้อมสุ่ยเยี่ยนยวี่แทน
นางส่งเสียงกรีดร้องและสะบั้นดาบออกไปเพื่อหวังปลิดชีพอีกฝ่าย ราวกับนางฟ้าในคาบปีศาจ
ชายทั้งสี่คงยังชื่นชมความงามของสุ่ยเยี่ยนยวี่ แต่เมื่อนางเปิดฉากโจมตีก่อน ทั้งสี่คนเผยสีหน้าสยองขวัญขึ้นมาทันที และรีบตอบโต้อาวุธที่อยู่ในมือ
ในสำนักนภาสีชาดอัจฉริยะระดับหนึ่งดาวก็ถือว่าค่อนข้างมีจำกัด ในการทดสอบเข้าร่วมสำนักนภาสีชาดฝ่ายเนือ อย่างที่เห็นมีเพียงแค่ยี่สิบกว่าคนเท่านั้นที่ผ่านหอคอยชั้นห้าได้
แต่สำนักนภาสีชาดนั้นได้รวมรวบอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะเอาไว้ที่นี่แล้ว ดังนั้นอัจฉริยะระดับหนึ่งดาวจึงหาได้ยากนอกจักรวรรดิ
สุ่ยเยี่ยนยวี่เป็นอัจฉริยะระดับหนึ่งดาวหรือสองดาวนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่ตายตัว บางทีอัจฉริยะระดับสองดาวก็อาจกลายเป็นอัจฉริยะระดับหนึ่งดาวได้ในอนาคต แต่ด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในมือของนาง ทำให้ปัจจุบันนางมีพลังต่อสู้สองดาว!
ในทางตรงกันข้าม ฝ่ายตรงข้ามทั้งสี่คนเป็นแค่จอมยุทธธรรมดาและไม่มีความสามารถต่อสู้ข้ามระดับ
ดังนั้น ถึงแม้ศัตรูจะมีสี่คน สุ่ยเยี่ยนยวี่ก็ยังเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด
นั่นเป็นเพราะนางมีพลังต่อสู้ที่เหนือกว่า การเอาชนะฝ่ายตรงข้ามสี่คนเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
นางแข็งแกร่งมาก ถึงแม้จะมีใบหน้าที่งดงามก็ตาม
“อ๊ากกกกกกก-” ชายร่างใหญ่ที่ถูกหลิงฮันหักแขนอยู่นั้นรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง และตระหนักได้ว่าพวกเขาไม่ควรยุ่งกับทั้งสองคน เมื่อหลิงฮันเห็นอีกฝ่ายส่งเสียงกรีดร้อง เขาจึงตบหน้าอีกฝ่ายให้หุบปาก
“หุบปาก!” หลิงฮันตะคอก “หากเจ้ายังไม่หยุดร้องอีก ข้าจะหักแขนของเจ้าอีกข้าง รวมถึงขาทั้งสองข้างของเจ้าด้วย เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
“ข้าเข้าใจ! ข้าเข้าใจแล้ว!” ร่างของชายร่างใหญ่ปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อที่หนาวเหน็บ น้ำเสียงของหลิงฮันนั้นหนาวเย็นเป็นอย่างมาก เขาจึงไม่สงสัยในคำพูดของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย และยอมรับแต่โดยดี
ภายในใจ เขากำลังร้องไห้กับความอับโชคของตัวเองที่เพิ่งรู้ว่าชายหนุ่มหญิงสาวคู่นี้แข็งแกร่งมากและไม่ควรเข้าไปยั่วยุให้ถูกฆ่า
“จงบอกข้ามาว่ามีขุมพลังทั้งหมดกี่แห่งในเมืองนี้ และใครขุมพลังใดที่แข็งแกร่งที่สุด?” หลิงฮันถาม เขาเพิ่งจะมาถึงที่นี่เป็นครั้งแรก ดังนั้นเขาจะต้องรู้ภาพรวมของมันก่อน
ชายร่างใหญ่รีบจัดระเบิดความคิดของตนเองทันทีว่าจะพูดอะไรออกมา
ถึงแม้เมืองขวานทรราชจะมีขนาดเล็ก แต่อย่างได้ดูถูกมันเชียว เพราะมีหลายคนเดินทางมาที่นี่เพื่อออกเรือตามหาสมบัติที่ซ่อนอยู่ ดังนั้นจึงมีผู้คนมากมายแห่กันมาที่นี่
ขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดแน่นอนว่าจะต้องเป็นตระกูลเจ้าเมืองขวานทรราช ตระกูลหยาง
ผู้นำตระกูลหยางเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูง ถ้าอยู่ในเมืองจักรพรรดิก็นับได้ว่าเป็นขุมพลังระดับสี่
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ก่อตั้งเมืองขวานทรราชยังเป็นผู้นำตระกูลหยางรุ่นที่หนึ่ง มันเป็นเรื่องของเมื่อสิบล้านกว่าปีที่แล้ว และประวัติศาสตร์ของที่นี่ยังยาวนานกว่าจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะมาก
ผู้นำตระกูลหยางแต่ละรุ่นนั้นจะมีอาวุธประจำตัวคือขวานทรราช ซึ่งเป็นอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดที่เทียบได้กับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูง นี่คือเหตุผลหลังที่ตระกูลหยางสามารถคงอยู่ที่นี่ได้นานสิบล้านปี…
และเรือทุกลำที่อยู่ท่าเรือขวานทรราชนั้นเป็นของตระกูลหยางทั้งหมด จอมยุทธที่กลับมาจากการเดิน ตระกูลหยางเองก็จะเป็นคนกลุ่มแรกเข้าไปขอซื้อสมบัติที่พวกเขาเก็บเกี่ยวมาได้ในราคาที่ต่ำที่สุด
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลหยางก็ยังคงเป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดเสมอและไม่มีทีท่าว่าจะสั่นคลอนแม้แต่น้อย ตระกูลหยางจะกินเนื้อและเหลือซุปให้คนอื่นกิน ดังนั้นจึงเกิดกลุ่มห้าทมิฬที่ควบคุมธุรกิจบ่อนพนัน ซ่องและธุรกิจมืดอย่างอื่นภายในเมือง การตายจึงเป็นเรื่องปกติมากสำหรับที่นี่
ที่นี่ไม่มีการประลองเป็นตายกัน ถ้าไม่พอใจใครก็สามารถปะทะกันได้เลย
นั่นเป็นสาเหตุที่ธุรกิจที่พักของที่นี่ดำเนินไปด้วยดี เพราะหลังจากที่ลูกค้าเข้าพักจะได้รับการคุ้มครองจากที่พัก และไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกฝ่ายตรงข้ามลอบเข้ามาในที่พักกลางดึกเพื่อเอาชีวิต
แน่นอนว่าค่าบริการที่พักของที่นี่จะต้องแพงมาก แต่ก็ยังมีหลายคนเลือกที่จะประหยัดเงินและนอนพักผ่อนตามข้างถนน แต่พวกเขาอาจไม่ได้หลับพักผ่อนอย่างสงบสุข เพราะตื่นขึ้นมาหายถูกปล้นทรัพย์จนหมดตัว
กลุ่มห้าทมิฬเป็นหนึ่งในห้ากลุ่มที่อยู่ภายใต้ตระกูลหยาง และควบคุมที่พักห้าแห่งภายในเมือง บ่อนพนันสามแห่งและซ่องสองแห่ง
หัวหน้ากลุ่มห้าทมิฬมีชื่อว่าเจียงจีที่เป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นหรือขั้นกลางนั้นไม่มีใครทราบ อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นคนที่แข็งแกร่งอยู่ดี
ในปัจจุบันกลุ่มห้าทมิฬและกลุ่มต้าเฉิงมีอำนาจมากขึ้นและมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ทั้งสองประสบความสูญเสียอย่างหนัก ดังนั้นพวกกลุ่มห้าทมิฬจึงยืนอยู่ที่หน้าประตูเมืองเพื่อเก็บค่าผ่านทาง
“ระดับสุริยันจันทรา ตอนนี้ข้ายังต่อกรด้วยไม่ได้!” หลิงฮันพูดพึมพัม
ตอนนี้เขาเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด มันไม่มีทางที่เขาจะต่อกรกับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราได้ เท่าที่หลิงฮันรู้ไม่มีอัจฉิรยะคนใดสามารถต่อสู้ข้ามระดับใหญ่แบบนี้ได้
“ดูเหมือนข้าไม่ควรไปหาเรื่องหัวหน้ากลุ่มห้าทมิฬจะดีกว่า”
เขาหันไปมองสุ่ยเยี่ยนยวี่และพูดว่า “สุ่ยเยี่ยนยวี่พวกเราเข้าไปในเมืองกันได้แล้ว”
อันที่จริงสุ่ยเยี่ยนยวี่สามารถเอาชนะพวกมันทั้งสี่คนได้อย่างง่ายดาย แต่นางแค่อยากลองอะไรใหม่บ้าง แล้วใช้ทั้งสี่คนเป็นคู่ซ้อม จากนั้นไม่นานนางก็เก็บดาบทันทีและหมดความสนใจ
ฝ่ายตรงข้ามสี่คนนอนกองอยู่กับพื้นพร้อมกับโลหิตที่ไหลออกมาจากหน้าอกของพวกเขา พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่มีใครถูกฆ่าตาย
นางไม่ได้เป็นคนประมาท แต่อย่างไรก็ตามอิทธิพลของตระกูลสุ่ยไม่สามารถใช้ที่นี่ได้ และถึงแม้จะเป็นศิษย์ของสำนักนภาสีชาดก็ตามก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาปลอดภัยขึ้น ดังนั้นจะเป็นการดีที่สุดที่จะไม่ทำอะไรผลีผลามที่นี่…
หลังจากที่หลิงฮันและสุ่ยเยี่ยนยวี่เข้ามาในเมืองแล้ว พวกเขามุ่งหน้าไปที่ท่าเรือทันทีและทราบว่าเรือจะออกเดินทางทุกสามวัน และเมื่อวานเรือเพิ่งออกจากท่าเป็นเหตุทำให้พวกเขาจะต้องอาศัยอยู่ที่นี่สองวัน
ดังนั้น อย่างแรกที่พวกเขาจะต้องทำคือหาที่พัก
แน่นอนว่ากลุ่มห้าทมิฬนั้นไม่มีทางปล่อยหลิงฮันไป และกลุ่มห้าทมิฬกับกลุ่มต้าเฉิงมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง และเขาได้ลงมือกับสมาชิกกลุ่มห้าทมิฬไปแล้ว ดังนั้นหลิงฮันจึงเลือกที่จะไปพักอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยมของกลุ่มต้าเฉิง
เมื่อพวกเขาเข้ามาในโรมเตี๊ยม สุ่ยเสยี่ยนยวี่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากทันที
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น