Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 967-978
ตอนที่ 967
หลังจากทานอาหารกันเสร็จ พวกเขาตัดสินใจใช้เวลาสามชั่วโมงเพื่อทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด
หลิงฮันพาสุ่ยเยี่ยนยวี่ไปที่มุมหนึ่งของป่า
ทั้งสองคนไม่พูดคุยอะไรกันเลยตั้งแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในถ่้ำ
“เจ้าต้องการอะไร?” สุ่ยเยี่ยนยวี่จ้องมองไปที่หลิงฮัน
“เจ้าคิดว่าอะไรล่ะ?” หลิงฮันหัวเราะกลบเกลื่อน
“อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่อง เจ้ามักทำตัวไร้ยางอายกับข้าอยู่บ่อยครั้ง นี่เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครกัน?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ดูเหมือนจะโกรธมาก
หลิงฮันอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้และพูดว่า “เจ้าเป็นภรรยาของข้า!”
สีหน้าของสุ่ยเยี่ยนยวี่กลายเป็นสีแดง คำว่าภรรยาทำให้อารมณ์ของนางเปลี่ยนไปทันที แล้วเชิดหน้าพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “เจ้าอย่าได้ลืมว่าพวกเราแค่แกล้งเป็นคนรักกันเท่านั้น”
“แค่ล้อเล่น ข้าไม่คิดอะไรโง่เขลาแบบนั้น!” หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “เจ้าคือภรรยาของข้า ข้าไม่อาจสูญเสียเจ้าไปได้”
“เจ้าคิดว่าข้าจะยอมรับเจ้าอย่างนั้นรึ?”สุ่ยเยี่ยนยวี่ดูดื้อดึงมาก
หลิงฮันพานางไปยืนอยู่ด้านหน้าต้นไม้และใช้มือพิงแล้วพูดว่า “เจ้าพูดว่าไงนะ?”
ใบหน้าของสุ่ยเยี่ยนยวี่แดงก่ำกว่าเดิมและพูดว่า “เจ้าโรคจิต นี่เจ้าคิดจะทำอะไรข้ากันแน่?”
“มอบรอยยิ้มของเจ้าให้ข้า” หลิงฮันลูบคางของนางและยกใบหน้าที่มีเสน่ห์ของนางขึ้นมา
“เจ้าโรคจิต!” สุ่ยเยี่ยนยวี่บ่นพึมพัมเล็กน้อย
“เจ้าช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน” หลิงฮันพูดกระซิบอยู่ข้างหูของสุ่ยเยี่ยนยวี่
สุ่ยเยี่ยนยวี่จ้องมองไปที่หลิงฮันและพูดว่า “เจ้าเป็นจักรพรรดิของโลกใบเล็ก ทุกคนคงต้องอยากแต่งงานกับเจ้าเป็นแน่ แล้วข้าถือเป็นภรรยาคนแรกของเจ้าหรือไม่?”
หลิงฮันดึงมือกลับมาอย่างจงใจและทำเป็นนับนิ้ว
นี่ทำให้สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกตกตะลึง นี่เขามีภรรยามาแล้วกี่คนกันแน่?
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ปัจจุบันข้ามีคนเดียวเท่านั้น” แน่นอนว่าเขาไม่นับหลีซื่อฉาง หลิวอู๋ตงและจูเสวี่ยนเอ๋อ
แม้ว่าหลิงฮันจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านความรัก แต่เขาก็รู้ว่ายิ่งตอบว่าน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น เพราะสุ่ยเยี่ยนยวี่ถามเขาแค่ว่ามีภรรยาอยู่กี่คนและเขาก็ตอบตรงคำถามของนาง ซึ่งภรรยาของเขามีแค่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนคนเดียวเท่านั้น และเขายังไม่พบสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ด้วย
“เจ้าแน่ใจรึ?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ยืนกอดอก
“ฮ่าฮ่าฮ่า” หลิงฮันหัวเราะกลบเกลื่อนอีกครั้ง และจ้องมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของสุ่ยเยี่ยนยวี่ ความงามของนางไม่ได้น้อยไปกว่าจูเสวี่ยนเอ๋อและสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ด้วยเลย
ในเมืองจักรพรรดิคงจะมีเพียงแค่จักรพรรดินีเท่านั้นที่งดงามกว่านาง
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครพิชิตใจของจักรพรรดินีได้และทำได้แค่เงยหน้ามองจากเบื้องล่างเท่านั้น
หัวใจของหลิงฮันรู้สึกหวั่นไหวอีกครั้ง ทุกครั้งที่เขานึกถึงจักรพรรดินี
ความงดงามของจักรพรรดินีนั้นน่าอัศจรรย์มาก ถึงแม้จะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ความงามของนางได้ตราตรึงอยู่ในใจของหลิงฮันถึงกระดูก
มันไม่ใช่การกล่าวเกินจริงเลยว่านางเป็นสตรีที่งดงามที่สุด
ในขณะนั้นเอง ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน กิ่งก้านของมันจำนวนมากกลายเป็นหอก และต้องการทิ่มแทงไปที่แผ่นหลังของหลิงฮัน
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “นี่เจ้าจะช่วยไม่ขัดจังหวะข้าหน่อยได้หรือไง?” เขายื่นมือออกไปและเริ่มใช้พลังแรงโน้มถ่วง ตึง กิ่งก้านของต้นไม้ถูกกดทับและกระแทกพื้นอย่างรุนแรง
สติของสุ่ยเยี่ยนยวี่กลับมาและผลักหลิงฮันออกไปพร้อมกับพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่มีอะไร”
พรึบ กิ่งก้านหลายร้อยกิ่งเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกันพร้อมกับหนามที่แหลมคนที่ต้องการรัดหลิงฮัน
“ต้นไม้ปีศาจ!” สุ่ยเยี่ยนยวี่อุทาน “นี่เจ้าไม่รู้หรือไงว่ามันเป็นต้นไม้ปีศาจ?”
หลิงฮันสวนกลับด้วยหมัดขวาและกระแทกไปที่ลำต้นของมัน
ความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันน่าสะพรึงกลัวมาก เมื่อเขาปล่อยหมัดออกไป จึงทำให้ต้นไม้ปีศาจถูกทำลายทันทีและพ่นละอองน้ำสีเขียวออกมา
มันเป็นแค่ต้นไม้ปีศาจเท่านั้นจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลิงฮันได้อย่างไร?
“แน่นอนข้ารู้ดี ไม่งั้นข้าจะพาเจ้ามาที่นี่ทำไม?” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
สุ่ยเยี่ยนยวี่ถึงกับพูดไม่ออก เจ้าพาข้ามาที่นี่โดยใช้ต้นไม้ปีศาจเป็นพื้นหลังคิดว่ามันโรแมนติกมากเลยหรือไง?
“พวกเรามาทำลูกกันเถอะ!” หลิงฮันกล่าว “ความสัมพันธ์ของพวกเรามันเป็นการหลอกพ่อของเจ้า แต่ถ้าพวกเราไม่รีบทำกัน เจ้าจะไม่สามารถปกปิดความลับนี้ได้ตลอดไป”
“….เจ้าอุ้มท้องเองสิ!” สุ่ยเยี่ยนยวี่สะบัดแขนเสื้อและเดินหนี
หลิงฮันถอนหายใจ ถึงแม้ความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันจะฝืนใจบังคับสุ่ยเยี่ยนยวี่ได้ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะให้นางสมยอม
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เดินกลับ และเห็นหูเฟยหยินกำลังนอนหลับสนิทอยู่ข้างกองไฟ ซึ่งเสียงฝีเท้าของพวกเขาทั้งสองคนก็ไม่ทำให้นางตื่น
“ข้าไม่รู้เลยว่าทำไมจักรพรรดินีถึงอนุญานให้นางเข้ามาที่นี่” สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกแปลกใจ เมื่อคิดถึงความรักของจักรพรรดินีที่มีให้กับราชินีที่เก้าแล้ว นางไม่ควรให้ราชินีที่เก้าเข้ามาที่นี่
หลิงฮันไม่พูดในสิ่งที่เขาเห็นออกมา แต่การที่สามารถเรียกใช้เศษเสี้ยวพลังของจักรพรรดินีได้ ถือว่าเป็นตัวตนที่ไร้พ่ายในสถานที่แห่งนี้อย่างแท้จริง
พวกเขายังคงหยุดพัก การนอนหลับพักผ่อนถือเป็นการพักฟื้นพลังที่ดีที่สุด
หลังจากที่พักผ่อนจนเพียงพอแล้ว พวกเขาก็ออกเดินทางกันต่อ
ครึ่งวันต่อมา ถ้ำเปลวเพลิงก็ปรากฏให้เห็นอยู่ในสายตาของพวกเขา
ถ้ำเปลวเพลิงอยู่ในภูเขาขนาดใหญ่ ปากทางเข้าเป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่มาก บริเวณโดยรอบของมันถูกปกคลุมไปด้วยสีแดงเพลิงของลาวา
ทั้งที่พวกเขายังไม่ได้เข้าไปข้างใน แต่ก็สามารถรู้สึกได้ถึงความร้อนแรงแม้จะอยู่ในระยะไกลก็ตาม และหากมีลมกระโชกพัดพาความร้อนมาทางพวกเขา เสื้อผ้าของพวกเขาคงจะไหม้เกรียมและเส้นผมก็อาจไหม้ได้
สุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินโคจรพลังปราณออกมาสร้างเป็นเกราะป้องกันอยู่รอบตัวเพื่อต้านทานความร้อน มีแค่หลิงฮันเท่านั้นที่ไม่ทำอะไร แต่เสื้อผ้าของเขามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขาจึงต้องโคจรพลังปราณออกมาด้วยเช่นกันไม่เช่นนั้นเขาคงล่อนจ้อน
ในอนาคตข้าจะต้องหาเสื้อผ้าที่ทนต่อทุกสภาพแวดล้อมให้ได้ มิฉะนั้นข้าคงต้องอับอายเพราะล่อนจ้อน
“พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ดีกว่า ข้าจะเข้าไปคนเดียว” หลิงฮันพูดแนะนำ
หูเฟยหยินพยักหน้าอย่างรวดเร็ว นางไม่มีความกล้าที่จะเข้าไปข้างหน้า การมีชีวิตที่สงบสุขเป็นอุดมคติสูงสุดของนาง
สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่ายหัวและพูดว่า “ข้าจะเข้าไปข้างในกลับเจ้า!”
ตอนที่ 968
สุ่ยเยี่ยนยวี่เป็นคนที่ภายนอกดูอ่อนแอ แต่แท้จริงแล้วแข็งแกร่ง
ในเมื่อนางตัดสินใจแล้วจะไม่มีใครสามารถเปลี่ยนความคิดของนางได้อย่างแน่นอน
นางต้องการเข้าไปในถ้ำเพลิงพร้อมกับหลิงฮัน ดังนั้นหูเฟยหยินจึงไม่กล้าอยู่ด้านนอกคนเดียว ผลคือทั้งสามคนเดินเข้าไปในถ้ำเพลิงด้วยกัน
ตู้ม เปลวเพลิงปะทุขึ้นมาจากพื้นดินขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นครั้งคราว ทำให้เกิดคลื่นความร้อนแผ่กระจายไปทั่ว
พลังของเปลวเพลิงนั้นไม่ธรรมดา แม้แต่สุ่ยเยี่ยนยวี่ยังหวั่นเกรงเล็กน้อย แต่ปฏิกิริยาของหูเฟยหยินนั้นน่าเหลือเชื่อมาก แค่พื้นดินเกิดการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย นางก็หลบไปอยู่ด้านหลังของหลิงฮันแล้ว ซึ่งเขาทำได้แค่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้เท่านั้น
หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในถ้ำ บางครั้งพวกเขาก็จะได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อสูรดังสะท้อนอยู่ภายในถ้ำ มันเป็นเรื่องยากมากที่จะบอกได้ว่าเสียงนั้นมาจากที่ไหน
“ดูให้ดีบางทีที่นี่อาจมีผลึกภูผาวารีอยู่ก็เป็นได้” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว แม้ว่านางจะเคยเข้ามาที่เขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์ครั้งหนึ่ง แต่นั่นเป็นเรื่องเมื่อสิบปีก่อน ซึ่งตอนนั้นนางยังอ่อนแออยู่เลยและไม่ได้เข้ามาในถ้ำเปลวเพลิง
“หากมันมีผลึกภูผาวารีที่นี่ ข้าก็จะเอามันมาให้ได้” หลิงฮันพูดอย่างกับมันเป็นเรื่องง่าย ถึงแม้จะใช้ผลึกภูผาวารีจะทำให้เขาก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด แต่ก็ต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อทำให้รากฐานพลังเสถียร ถึงอย่างนั้นมันก็ช่วยเขาประหยัดเวลาได้มากอยู่ดี
“เจ้าคิดว่าจะได้รับมันมาได้อย่างง่ายดายหรือ?” สุ่ยเยี่ยนยวี่กลอกตาใส่หลิงฮันราวกับเป็นเรื่องตลก
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดเถียงอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
ถ้ำแห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก มันมีความสูงสิบฟุต และให้ความรู้สึกกว้างขวาง ทั้งยังมีเสาหินที่งอกขึ้นมาจากพื้นสูงถึงเพดานถ้ำและยังมีลาวาสีแดงหยดไหลลงมา ซึ่งดูงดงามเป็นอย่างมาก
ครืน ครืน ครืน เสียงแปลกประหลาดบางอย่างดังมาจากด้านหน้า ทำให้กลุ่มของหลิงฮันทั้งสามคนระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น ในขณะที่หูเฟยหยินจับชายเสื้อของสุ่ยเยี่ยนยวี่แน่น
ในไม่ช้า ร่างเงาสีแดงก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าของพวกเขา
มันเป็นสัตว์อสูรตัวใหญ่ที่มีความสูงประมาณสองฟุต ลำตัวทั้งหมดของมันเป็นสีแดงและมีผิวหนังเหมือนชั้นหินผา มันเป็นสัตว์อสูรที่น่าเกลียดมาก ตรงคอของมันไม่มีหัว แต่หัวของมันอยู่ใกล้กับขาทั้งสี่ที่คล้ายกับเต่า แต่ไม่มีหาง
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมันเห็นกลุ่มของหลิงฮันทั้งสามคน มันอ้าปากกว้างและมีน้ำลายหยดไหลออกมา แต่น้ำลายของมันแท้จริงแล้วคือลาวา เมื่อหยดสู่พื้นทำให้พื้นดินละลาย
“มันคือสัตว์อสูรลาวา?” หลิงฮันถาม
“น่าจะเป็นแบบนั้น” สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า ถึงแม้นางจะไม่เคยเห็นมันมาก่อนก็ตาม แต่ตรงหน้ามีแค่สัตว์อสูรตัวนี้เท่านั้นไม่มีตัวอื่น
“มันน่าเกลียดมาก” หูเฟยหยินพูดกระซิบเหมือนกับว่านางกลัวมันจะได้ยิน
“ไม่จำกังวล สัตว์อสูรที่นี่ดูเหมือนจะไม่มีสติปัญญา มันไม่มีทางเข้าใจที่พวกเราพูดหรอก” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้มันจะมีสติปัญญา แต่มันก็ต้องเรียนรู้คำศัพท์ก่อนถึงจะเข้าใจที่พวกเขาพูดได้
แน่นอนว่าถ้าใช้สัมผัสสวรรค์ในการสื่อสารก็จะสามารถกำแพงภาษาได้เลย
“โฮก!” อสูรลาวาคำรามเสียงต่ำ ดวงตาของมันมีขนาดใหญ่เท่ากับระฆังทองคำที่เปล่งแสงอันดุร้าย ตึง เท้าทั้งสี่ข้างของมันวิ่งกระโจนเข้าใส่หลิงฮัน ถึงแม้ขาของมันจะดูไม่สั้น แต่ความเร็วของมันเชื่องช้ามาก
“ข้าเอง!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กระโจนออกไปโจมตีมันด้วยดาบ
โฮก อสูรลาวาพ่นเปลวเพลิงออกมา และทำให้อุณหภูมิรอบตัวของมันสูงขึ้นทันที
สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่เข้าปะทะกับมันโดยตรง แต่เคลื่อนตัวหลบไปอยู่ด้านและโจมตีมันด้วยดาบของนาง
ปฏิกิริยาของอสูรลาวานั้นค่อนข้างช้า มันถูกดาบของสุ่ยเยี่ยนยวี่เข้าจังๆ แต่พลังป้องกันของมันน่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง ดาบของนางทิ้งบาดแผลให้มันได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น และด้วยร่างกายที่ใหญ่โตของมันยังไกลกว่าที่จะฝ่ามันออกเป็นสองส่วนได้
ภายใต้ความเจ็บปวดที่ได้รับดูเหมือนว่าอสูรลาวาจะโกรธเกรี้ยวขึ้นมาเล็กน้อย มันส่งเสียงคำรามอยู่ในปากและพยายามพุ่งชนสุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่หยุด
สัตว์อสูรตัวนี้โง่มาก มันเคลื่อนไหวไปตามสัญชาตญาณของมันเท่านั้น ดังนั้น ถึงแม้มันจะมีผิวหนังที่แข็งดั่งหินและพ่นเปลวเพลิงออกมาได้ แต่มันก็ไม่สามารถนำมาสร้างความได้เปรียบให้กับตัวเองได้ กลับกัน สุ่ยเยี่ยนยวี่ใช้แค่ดาบที่อยู่ในมือขวาเท่านั้น เมื่อนางสร้างบาดแผลให้มันลึกพอ โลหิตที่คล้ายกับเปลวเพลิงก็ไหลออกมาไม่หยุด
“ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมมาก!” หูเฟยหยินส่งเสียงให้กำลังใจสุ่ยเยี่ยนยวี่ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของหลิงฮัน
“โฮก!” ในขณะนั้นเอง อสูรลาวาอีกตัวก็ปรากฏตัวออกมา แต่มันปรากฏตัวอยู่ด้านหลังพวกเขาทั้งสามคน หลังจากที่มันส่งเสียงคำรามเสร็จ มันก็กระโจนพุ่งเข้าหาหูเฟยหยิน
หูเฟยหยินดูร้อนรนด้วยความกลัว แต่หลิงฮันไม่ใช่นาง เขาโจมตีออกไปด้วยมือขวาโดยที่ไม่ใช้ทักษะอะไรเลยเพียงแค่พละกำลังอย่างเดียวก็ชนะมันแล้ว
ตู้ม ความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันแข็งแกร่งเกินไป เมื่อหมัดของเขาปะทะกับอสูรลาวา ทำให้มันถูกฆ่าตายทันที
“เกิดอะไรขึ้น!” หูเฟยหยินไม่ลืมที่จะส่งเสียงอุทานออกมาและพูดไม่หยุดว่า “ข้ากลัว! ข้ากลัวมากเลย!”
หลิงฮันสำรวจซากศพของมันและเห็นเนื้อพลังปราณที่มีขนาดเท่านิ้วมือ แม้แต่อสูรลาวาก็ไม่มีข้อยกเว้น
“พี่สุ่ย จัดการมันเลย!” หูเฟยหยินส่งเสียงให้กำลังใจสุ่ยเยี่ยนยวี่อีกครั้ง ทั้งที่เป็นอสูรลาวาเหมือนกัน แต่หลิงฮันสามารถเอาชนะมันได้ด้วยหมัดเดียว ในขณะที่สุ่ยเยี่ยนยวี่ยังคงพัวพันกับมันอยู่
หลิงฮันไม่ได้เข้าไปแทรกแซง แต่รอให้สุ่ยเยี่ยนยวี่เป็นคนจัดการด้วยตัวเอง
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดสุ่ยเยี่ยนวก็จัดการอสูรลาวาได้สำเร็จและชำแหละนำเนื้อพลังปรารออกมา
นางส่ายหัวและพูดว่า “ข้าให้เจ้า”
“ทำไมล่ะ?” หลิงฮันถาม
“ข้าทำให้เจ้าต้องเสียเวลา” สุ่ยเยี่ยนยวี่ถอนหายใจ “เจ้าไม่จำเป็นต้องปลอบใจข้า ข้ารู้ตัวเองดี!”
หลิงฮันยิ้มและไม่พูดอะไรออกมา แต่รู้สึกชื่นชมนางอยู่ในใจ
“พวกเราเดินหน้าต่อกันเถอะ!”
ทั้งสามคนยังคงเดินหน้าต่อเป็นเวลามากกว่าสองชั่วโมง และได้เผชิญหน้ากับอสูรลาวาหลายสิบตัว ซึ่งมันทำให้พวกเขาเก็บเกี่ยวเนื้อพลังปราณได้จำนวนมาก ในขณะเดียวกันสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็พบผลึกภูผาวารีอยู่บนกำแพงถ้ำ
“ด้านหน้าควรจะเป็นสถานที่ที่สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอาศัยอยู่ มันมีแรงกดดันที่น่าหวาดกลัวออกมาจากด้านใน” สุ่ยเยี่ยนยวี่ชี้นิ้วไปด้านหน้า “เจ้าจะเสี่ยงเข้าไปจริงหรือ?”
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ข้าจะไม่ปะทะกับมันโดยตรง แต่ถ้าข้าเข้าไปเพื่อขโมยผลึกภูผาวารีเกรงว่าอาจทำให้มันรู้ตัวได้ หากพวกเจ้าอยู่ที่นี่อาจไม่ปลอดภัย พวกเจ้าออกไปจากที่นี่ก่อนจะดีกว่า”
สุ่ยเยี่ยนยวี่คิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “ตกลง ระมัดระวังตัวด้วย!”
ตอนที่ 969
หลังจากสุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินเดินจากไป หลิงฮันก็เริ่มสำรวจโพรงด้านหน้าอย่างรอบคอบ
โพรงนี้มีขนาดใหญ่มาก เนื่องจากมันมีลาวาไหลผ่านโพรงนี้จึงไม่มืดมิด หลิงฮันสามารภมองเห็นสัตว์อสูรลาวาขนาดใหญ่อยู่ตำแหน่งที่ลึกสุด
อสูรลาวาทั่วไปมีความสูงเพียงหนึ่งฟุตและยาวสองฟุตเท่านั้น แต่อสูรลาวาตนนี้มีความสูงถึงห้าฟุนและมีความยาวสิบฟุต ผิวหนังของมันถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายที่แปลกประหลาด ในตอนนี้มันกำลังหลับอยู่ เมื่อมันอ้าปากหาว น้ำลายที่เหมือนกับลาวาก็ไหลออกมาและหยดลงพื้น
มันคือจ่าฝูงอสูรลาวา!
กลิ่นอายของมันทรงพลังมาก แม้มันจะอยู่ในระยะที่ห่างไกล หลิงฮันก็ยังรู้สึกเย็นยะเยือก
ระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นปลาย… ชั้นสูงสุด? หรือบางทีอาจจะเป็นระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดเลยก็ได้
เมื่อถูกหลิงฮันจ้องมอง จ่าฝูงอสูรลาวาก็รู้สึกตัวและลืมตาขึ้นทันที มันเงยหัวขึ้นและชำเลืองมองด้วยแววตาที่ประหลาดใจ แต่เมื่อกวาดสายตามองแล้วไม่เจอใครมันก็ฟุบลงนอนต่อ
หลิงฮันปรากฏตัวออกมาจากหอคอยทมิฬและครุ่งคิดว่าเขาจะขโมยผลึกภูผาวารีมาได้อย่างไรดี
ใช้กำลังแย่งมา?
หลิงฮันคำนวณพลังต่อสู้ของตัวเอง ตอนนี้เขาเป็นระดับภูผาวารีขั้นต้นเกือบจะชั้นปลาย พลังต่อสู้ของเขาหากใช้ทักษะต่างๆจะทัดเทียมกับระภูผาวารีขั้นกลางชั้นสูงสุด
ไม่อาจต่อกรกับระดับภูผาขั้นสูงได้
ในขณะเดียวกัน จ่าฝูงอสูรลาวานั้นเป็นไปได้มากว่าจะเป็นสัตว์อสูรระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด
ต่อให้เขาจะมีกายหยาบที่ไร้เทียมทานและมีคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ที่สามารถฟื้นฟูบาดแผลได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าหากพลังของเขากับศัตรูห่างชั้นกันเกินไป แม้จะฝืนสู้ไปก็มีจะพ่ายแพ้
หลิงฮันคิดในใจ ถ้าหากเขาใช้ศรฆ่ามังกรทะลวงดาราล่ะ? ถึงแม้จ่าฝูงอสูรลาวาจะมีพลังที่น่าสะพรึงกลัว แต่ด้วยการที่มันนอนหลับอย่างไร้การป้องกันเช่นนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับเป้านิ่งที่มีชีวิต
ลองดูแล้วกัน
เขานำคันศรและลูกศรออกมาพร้อมกับโคจรเนตรแห่งสัจธรรมเพื่อส่องหาจุดอ่อนของจ่าฝูงอสูรลาวา
แต่ทันใดนั้นจ่าฝูงอสูรลาวาก็ลุกขึ้นทันที แม้มันจะเกียจคร้านแต่มันก็มีสัมผัสที่ไวต่อภัยอันตราย
‘พรึบ’ มันรีบพุ่งไปยังทิศทางนั้นทันที ลาดลายบนผิวหนังของมันส่องประกายไปด้วยอำนาจของรูปแบบอักขระเปลวเพลิง
แต่เมื่อมันมาถึงตำแหน่งที่ว่า มันกลับไม่พบอะไรเลย มันรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่มันสัมผัสได้ถึงภัยอันตราย แต่ทำไมมันกลับไม่พบเจออะไรเลย? หรือว่าเมื่อวานข้าเล่นซนกับสัตว์อสูรน้อยตนอื่นมากเกินไปจนพักผ่อนไม่พอ วันนี้มันเลยรู้สึกไม่ปกติเช่นนี้?
มันค่อยเคลื่อยที่กลับไปอย่างเชื่องช้าและฟุบหลับ
ตรงนั้น!
ภายในหอคอยทมิฬ แววตาของหลิงฮันส่องประกาย
ภายใต้โขดหินที่ร่างจ่าฝูงอสูรลาวานอนอยู่มีก้อนหินที่จากจากก้อนหินทั่วไป
พวกมันคือผลึกหินที่แดงเจ็ดก้อนที่วางกระจัดกระจายกัน ถึงแม้ระยะจะห่างไกลแต่หลิงฮันก็มั่นใจนั่นคือผลึกภูผาวารีแน่นอน
ผลึกภูผาวารีพิเศษที่มีคุณสมบัติของเปลวเพลิง
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าผลึกภูผาวารีอยู่ไหน แต่ปัญหาใหญ่ก็คือเขาจะนำพวกมันมาได้อย่างไร
ทำแบบเดิมต่อไป!
หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬและเตรียมยิงลูกศรออกไปด้วยทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราอีกครั้ง
“โฮกกกก!” จ่าฝูงอสูรลาวาตื่นตัวอีกครั้งและพุ่งเข้ามา แต่แน่นอนว่าสิ่งที่มันพบคือความว่างเปล่า
หลิงฮันเล่นซ่อนหากับอีกฝ่าย หลังจากผ่านไปหลายสิบครั้งจ่าฝูงอสูรลาวาก็เริ่มไม่รู้สึกสงสัย เมื่อหลิงฮันใช้งานศรฆ่ามังกรทะลวงดาราอีกครั้ง มันทำเพียงเงยหัวมองอย่างเชื่อยชาโดยไม่ลุกตัวขึ้นมา
ความรู้สึกตื่นตระหนักของมันไม่เหลือแล้ว
จ่าฝูงอสูรลาวาปิดตาลงนอน จะต้องเป็นเพราะเมื่อคืนมันเล่นหนักเกินไปแน่ๆถึงได้สัมผัสถึงภาพลวงตาเช่นนี้
อีกหนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง…
ปฏิกิริยาของจ่าฝูงอสูรลาวากลายเป็นผ่อนคลายยิ่งขึ้น จนท้ายสุดแล้วมันไม่ทำแม้แต่เงยหน้าและกระพริบตามองเพียงอย่างเดียว
ในตอนนั้นเอง หลิงฮันก็ยิงลูกศรออกไปจริงๆ
‘ตูม’ ลูกศรที่สร้างจากแรเหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ส่องสว่าง
จ่าฝูงอสูรลาวาเปิดตากว้างด้วยความตกตะลึง มันรีบลุกขึ้นมาพร้อมกับลวดลายบนผิวที่เริ่มส่องสว่างไปด้วยอำนาจเปลวเพลิง
แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็… สายไปแล้ว!
เมื่อศรฆ่ามังกรทะลวงดาราถูกใช้ออก เกรงว่าคงมีแต่ตัวตนระดับสุริยันจันทราเท่านั้นที่จะหลบได้ แต่แน่นอนว่าจ่าฝูงอสูรลาวาไม่มีพลังระดับนั้น
‘ปัง!’
ลูกศรแทงทะลวงใส่ดวงตาของจ่าฝูงอสูรลาวาเข้าไปลึกจนมองไม่เห็นตัวลูกศร
“โฮกกก!” จ่าฝูงอสูรลาวาคำรามด้วยความโกรธ รูปแบบอาคมบนลูกศรถูกกระตุ้นใช้งานเกิดเป็นพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัว หนึ่งในสี่ของศีรษะของจ่าฝูงอสูรลาวาถูกระเบิดทิ้ง โลหิตของมันสาดกระจายไปด้วยจนมองเห็นกระดูกที่แตกหัก
จะอย่างไรจ่าฝูงก็ยังคงเป็นจ่าฝูง แม้จะบาดเจ็บมันก็ยังไม่ตาย มันใช้ดวงตาข้างเดียวมองมายังหลิงฮัน ในที่สุดมันก็เจอตัวการแล้ว
มันคำรามและใช้ขาทั้งสี่วิ่งเข้าใส่หลิงฮัน ‘ครืนน’ ทุกครั้งที่เทาของมันกระทบพื้นทั่วทั้งถ้ำจะสั่นไหว ลวดลายบนร่างของมันปลดปล่อยอำนาจแห่งเปลวเพลิงออกมาเต็มที่ จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นหรือแม้แต่ขั้นกลางหากสัมผัสโดนอาจจะถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน
“ข้าไม่เล่นกับเจ้าแล้ว” ร่างของหลิงฮันส่องสว่างก่อนจะหายไป
หายไปไหนแล้ว?
จ่าฝูงอสูรลาวาวิ่งตามหาหลิงฮัน ดวงตาข้างเดียวของมันปลดปล่อยสัมผัสสวรรค์ที่แข็งแกร่งออกมาแต่มันกลับหาไม่พบเลย มันโกรธมากที่หลิงฮันระดับศีรษะของมันไปหนึ่งในสี่ส่วนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
หลังจากตามหาต่อไปอีกพักหนึ่งมันก็ยอมล่าถอย สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือต้องรักษาบาดแผลเสียก่อน ไม่เช่นนั้นบากแผลนี้อาจจะเป็นภัยถึงชีวิตได้
แต่ทันใดนั้นเองร่างของมนุษย์ที่มันรังเกลียดก็ปรากฏตัวอีกครั้ง
ลูกศรอีกดอกถูกยิงออกไป!
จ่าฝูงอสูรลาวารีบลุกขึ้นยืนและตั้งท่าป้องกันอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันแค่แสร้งทำเท่านั้น เมื่อครู่เขาเพิ่งยิงศรฆ่ามังกรทะลวงดาราไปเอง ตอนนี้พลังปราณในร่างเขาแห้งเหือดไปหมดแล้ว เขาจะยังยิงลูกศรครั้งต่อไปได้อย่างไร?
แต่เขาจะยิงลูกศรออกไปยิงครั้งได้หรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญก็คือเขาต้องการทำให้จ่าฝูงอสูรลาวาหวาดกลัวต่อการกระทำของเขา
ในขณะเดียวกันหลิงฮันก็กำผลึกก่อกำเนิดเอาไว้ในมือเพื่อฟื้นฟูพลังปราณที่เสียไป
ส่วนในด้านของจ่าฝูงอสูรลาวานั้น เมื่อใดที่มันคิดจะรักษาตัวเอง หลิงฮันจะตั้งท่าแสร้งทำเป็นจะยิงลูกศรเพื่อทำให้มันตกอยู่ในสถานการณ์ที่หวาดระแวง เมื่อทำเช่นนี้โลหิตของจ่าฝูงอสูรลาวาก็จะไหลไม่หยุดและค่อยๆทำให้มันตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ยิ่งขึ้น
ตอนที่ 970
แม้มันจะเป็นจ่าฝูงอสูรลาวาระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด แค่มันก็เพิ่งจะทะลวงผ่านเท่านั้น ด้านหลังของมันมีภาพเงาภูผาสี่ลูกแต่กลับมีวารีเพียงสามสาย แถมภูผาลูกที่สี่ก็ยังมีขนาดเล็กมากอีกด้วย
ภายในเขตแดนลี้ลับนี้ตัวตนระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดเรียกได้ว่าไร้พ่าย แต่ตอนนี้ตัวตนเช่นนั้นกลับกำลังตกอยู่ในวิกฤตภายใต้ฝ่ามือของหลิงฮัน
เนื่องจากต้องคอยระวังว่าเมื่อไหร่หลิงฮันจะยิงลูกศรมา จ่าฝูงอสูรลาวาจึงไม่มีโอกาสได้ฟื้นฟูบาดแผล ลวดลายเปลวเพลิงของมันดับมอดพร้อมกับร่างที่ล้มลงกับพื้น มันส่งเสียงโอดครวญในลำคอพร้อมกับพลังที่ค่อยๆถดถอย
จ่าฝูงอสูรลาวาในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับลูกไก่ในกำมือ
หลิงฮันที่ยืนอยู่กับที่ในที่สุดก็ฟื้นฟูพลังกายกลับมาได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนปราณก่อเกิดของเขาเองก็เกือบจะฟื้นฟูกลับมาเต็มเปี่ยมด้วยผลึกก่อเกิดเช่นกัน
จ่าฝูงอสูรลาวายังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันโหดเหี้ยม เพียงแต่ว่าแววตาของมันเริ่มค่อยๆกลายเป็นมัวหมอง
นี่เขาจะต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ไปอีกนานเท่าใด?
ครึ่งวัน หนึ่งวัน สามวัน? อีกฝ่ายเป็นสัตว์อสูรที่ทรงพลัง เกรงว่าต่อให้มันอยู่สภาพเช่นนี้ไปอีกสิบวันมันก็คงไม่ตาย
หลิงฮันไม่สามารถรอได้ขนาดนั้น เวลาของเขามีจำกัด หากถูกเขตแดนลี้ลับส่งตัวกลับผลึกภูผาวารีเจ็ดก้อนใต้ร่างของจ่าฝูงอสูรลาวาก็จะไม่ใช่ของเขา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจลองเสี่ยงดูด้วยกายหยาบที่แสนทนทานของเขา
เขาเดินตรงเข้าหาจ่าฝูงอสูรลาวา
……
“ลุงเจ็ด ครั้งนี้พวกเรานำตาข่ายผนึกสีชาดมาด้วย พวกเราจะต้องกักขังจ่าฝูงอสูรลาวานั่นได้แน่นอน!” ภายในถ้ำเปลวเพลิง คนสี่คนกำลังเดินไปยังจุดที่ลึกที่สุดของถ้ำ
“เหอๆ ตระกูลของเราใช้เวลาเตรียมการเป็นพันปีจนในที่สุดก็หลอมตาข่ายผนึกสีชาดได้สำเร็จ ถ้าถูกตาข่ายนี้กักขัง อีกฝ่ายจะถูกลดระดับพลังไปเหลือภูผาวารีขั้นต้น” ชายชราหัวเราะ
ในหมู่คนสี่คน มีชายคนนี้ที่เป็นชายชราผมขาว ส่วนอีกสามคนเป็นรุ่นเยาว์ พลังบ่มเพาะของรุ่นเยาว์ทั้งสามนั้นไม่อ่อนด้อย หนึ่งเป็นระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นปลายและอีกสองคนเป็นระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด
ถ้าหลิงฮันเห็นพวกเขา หลิงฮันจะต้องจำได้แน่ว่าพวกเขาเป็นคนของตระกูลหลัว ก่อนที่จะเข้าเขตแดนลี้ลับมาทั้งสี่คนแสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อเขาอย่างชัดเจน แต่หลังจากเข้าเขตแดนลี้หลับมาแล้วพวกเขาก็ถูกสุ่มแยกย้ายกันออกไปทำให้ไม่มีโอกาสได้เจอกัน
“ช่างน่ารังเกียจนัก ทำไมข้าถึงยังไม่เจอมดปลวกจากโลกใบเล็กเสียที!” รุ่นเยาว์ผู้หนึ่งกล่าว
“เจ้าไม่ต้องเก็บเรื่องของเขามาใส่ใจ ถ้าจะไม่ได้พบอย่างไรก็ไม่ได้พบ ยิ่งกว่าจากนั้นสมาคมราตรีนิรันดร์ก็รับงานสังหารเจ้าหนูนั่นไว้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางรอด! ตอนนี้พวกเราควรมีสมาธิกับการโค่นจ่าฝูงอสูรลาวาและชิงผลึกภูผาวารีมาให้ได้” ชายชรากล่าวเตือน
“อืม!” รุ่นเยาว์ทั้งสามตอบตกลงด้วยความเชื่อฟัง
ถึงแม้พรสวรรค์ของชายชราผู้นี้จะไม่สูง เขาพึงพาทักษะต้องห้ามบางอย่างทำให้เขากลายเป็นอัจฉริยะสี่ดาว ซึ่งนั่นทำให้เขาไม่สามารถพัฒนาพลังบ่มเพาะต่อไปได้ในอนาคต แต่ถึงอย่างนั้นในตอนนี้ชายชราก็มีพลังเหนือกว่าพวกเขาและได้รับหน้าที่มาชี้นำพวกเขาจากคำสั่งของตระกูล ดังนั้นพวกเขาจึงต้องแสดงความเคารพต่ออีกฝ่าย
ชายชราพยักหน้าและกล่าว “จ่าฝูงอสูรลาวาเป็นสัตว์อสูรระดับภูผาวารีขั้นสูง ถึงแม้มันจะถูกลดพลังบ่มเพาะไปเป็นภูผาวารีขั้นต้น มันก็ยังมีพลังต่อสู้ที่เทียบได้กับภูผาวารีขั้นกลาง พวกเจ้าห้ามประมาทเด็ดขาด”
“ลุงเจ็ด พวกเราทุกคนต่างก็มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ พวกมันเพียงพอจะเพิ่มพลังต่อสู้ให้พวกเราหนึ่งตา ตราบใดที่จ่าฝูงอสูรลาวาถูกกักขังเอาไว้ เราจะต้องสังหารมันได้แน่” รุ่นเยาว์ผู้หนึ่งกล่าว
“อืม นั่นแหละคือสิ่งที่เจ้าควรคำนึงไว้ในใจ!” ชายชรากล่าวอย่างพึงพอใจ
……
หลิงฮันเดินเข้าใกล้ แต่จ่างฝูงอสูรลาวากลับไม่ขยับเคลื่อนไหว ราวกับว่าบาดแผลที่มันได้รับนั้นสาหัวจนขยับไม่ได้แม้แต่นิ้ว
“เหอะ ถ้าเจ้าคิดจะแกล้งตาย งั้นข้าก็จะตามน้ำไปกับเจ้า!” หลิงฮันควบแน่นสัมผัสสวรรค์และกำลังจะใช้งานทักษะจิตเจ็ดสังหาร
หากเป็นก่อนหน้านี้ทักษะนี้คงจะใช้ไม่ได้ผลเพราะจ่าฝูงอสูรลาวาที่พลังบ่มเพาะที่สูงเกินไป
แต่ตอนนี้จ่าฝูงอสูรวารีนั้นตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ ดังนั้นสัมผัสสวรรค์ของมันจึงถดถอยลงไปด้วย
‘ฉึบ!’
ทันใดนั้นเองจ่าฝูงอสูรลาวากลับยกกรงเล็บโจมตีใส่หลิงฮันเสียก่อน
หลิงฮันไม่หลบเข้าไปในหอคอยทมิฬแต่เลือกโจมตีตอบโต้
‘พรึบ’ ฝ่ามือของเขาส่องแสงสว่างจากการใช้ทักษะผนึกพลิกปฐพี
‘ตูม!’
ฝ่ามือของเขาปะทะกับกรงเล็บของจ่าฝูงอสูรลาวา ร่างของลอยกระเด็นทันที พลังของทั้งสองคนไม่ใช่ระดับเดียวกันแม้แต่น้อย
โครม!’ ร่างของลิงฮันกระเด็นไปกระแทกผนังและกระเด้งกลับ เขาล้มนั่งอยู่ที่พื้นพร้อมกับกระอักโลหิตออกมา เขาเช็ดปากและรู้สึกว่าร่างกายกำลังสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม
“สมกับเป็นระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด ช่างแข็งแกร่ง!” หลิงฮันฝืนลุกขึ้นยืน ‘แกรก แกรก แกรก’ กระดูกส่วนที่แตกร้าวของเขาเริ่มฟื้นฟูตัวเองอย่างรวดเร็ว
กายหยาบของเขาทรงพลังเกินไป แม้แต่การโจมตีของระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดก็ไม่สามารถบดขยี้กระดูกเขาได้ กระดูกของเขาเพียงแค่แตกร้าวเท่านั้น แต่แน่นอนว่าส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะจ่าฝูงอสูรวารีอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่และไม่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่
จ่าฝูงอสูรลาวาจ้องมองเขาด้วยตาที่เหลือข้างเดียว ดวงตาของมันเปิดกว้างด้วยความตะลึง สับสนและโกรธเกรี้ยว
หนึ่งการโจมตีของมันไม่สามารถสังหารเผ่ามนุษย์ผู้นี้ได้…
มันที่ตอนแรกก็อยู่ในสภาพย่ำแย่อยู่แล้วยิ่งย่ำแย่มากขึ้นไปอีก ดวงตาของมันแทบจะเปิดไม่ขึ้นและเริ่มหรี่ลงช้าๆอย่างหมดแรง
“ข้าจะทำให้เจ้าหลับสบายเอง!” หลิงฮันใช้งานทักษะจิตเจ็ดสังหารโจมตีจิตวิญญาณของจ่าฝูงอสูรลาวา เมื่ออีกฝ่ายหมดสติเขาก็นำร่างเข้าไปในหอคอยทมิฬเพื่อสังหารมันอย่างไม่ให้มันเจ็บปวด
ดวงตาของหลิงฮันจ้องไปยังผลึกภูผาวารีเจ็ดก้อนที่วางอยู่บนโขดหินสีดำ มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้ม กว่าจะได้เก็บเกี่ยววาสนาครั้งนี้เขาต้องใช้ความพยายามอย่างยาวนานเหลือเกิน
หืม?
สัมผัสสวรรค์ของเขาตรวจพบอะไรบางอย่าง เขารีบหันหลังไปทันที
‘ตุบ ตุบ ตุบ’ คนสี่คนเดินเข้ามาในโพรงถ้ำ หนึ่งเป็นชายชรา สามเป็นรุ่นเยาว์ พวกเขาทุกคนจับตาข่ายขนาดยักษ์เอาไว้คนล่ะมุมโดยโคจรปราณก่อเกิดเพื่อทำให้ตาข่ายขนาดยักษ์ปลดปล่อยแสงเงาสีแดงออกมา
พวกเขาทั้งสี่คือคนของตระกูลหลัว พวกเขาทั้งสี่เตรียมตาข่ามาตั้งแต่ก่อนเข้าโพงถ้ำมาเพื่อที่จะแอบลอบกักขังจ่าฝูงอสูรลาวา
แต่เมื่อพวกเขาเข้ามากลับไม่พบร่างของจ่าฝูงอสูรลาวาเลย กลับกัน ด้านหน้าพวกเขาดันมีรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งจ้องมองพวกเขาอยู่แทน
“เป็นเจ้า!” ทั้งสี่คนจำได้ทันที นั่นมันมดปลวกจากโลกใบเล็กไม่ใช่รึ?
ฮ่าๆๆ ขนาดพวกข้าไม่ได้ตามหาเจ้า พวกข้ายังพบเจอเจ้าโดยไม่ต้องพยายาม!” เหล่ารุ่นเยาว์หัวเราะ
ตอนที่ 971
“ผลึกภูผาวารี!” ชายชราจากตระกูลหลัวจ้องมองไปที่ผลึกภูผาวารีทั้งเจ็ดก่อนบนโขดหินสีดำด้วยแววตาที่ลุกโชนดั่งกับไฟ
ผลึกภูผาวารีที่มีคุณสมบัติพิเศษเจ็ดก้อนหากแจกจ่ายให้กับคนที่เหมาะสมเพียงคนเดียว นั่นเท่ากับว่าจะสุดยอดอัจฉริยะแห่งตระกูลหลัวจะถือกำเนิดขึ้น!
ไม่เหมือนกับเขา ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะระดับสี่ดาว แต่เขายังเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดเท่านั้น
แน่นอนว่าตระกูลหลัวต้องการจอมยุทธระดับสุริยันจันทราหรือแม้กระทั่งจอมยุทธระดับดารา!
ผลึกภูผาวารีที่มีคุณสมบัติพิเศษเจ็ดก้อนสามารถยกระดับพลังต่อสู้ได้หนึ่งดาว – จากหนึ่งดาวไปสองดาวไม่ได้พิเศษอะไร แต่จากสองดาวไปสามดาว สามดาวไปสี่ดาวนั้นน่าทึ่งมาก
ท้ายที่สุด ยิ่งระดับพลังต่อสู้สูงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งยกระดับได้ยากขึ้นเท่านั้น แล้วบางทีตั้งแต่ระดับพลังต่อสู้สี่ดาวเป็นต้นไป บางทีผลึกภูผาวารีเจ็ดก้อนอาจยกระดับพลังต่อสู้ได้ไม่ถึงครึ่งดาว
ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ผลึกภูผาวารีที่มีคุณสมบัติพิเศษเจ็ดก่อนเห็นได้ชัดว่าเป็นสมบัติล้ำค่า และยังเป็นเป้าหมายของที่พวกเขาเข้ามาในเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์อีกด้วย
ในขณะนั้นเอง ผู้คนจากตระกูลหลัวไม่สงสัยว่าจ้าวอสูรลาวานั้นหายไปไหนและหลิงฮันอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
พวกเขาไม่สนใจเรื่องพวกนั้นเลย!
“หลัวฮ่าวมิน เจ้าไปเอาผลึกภูผาวารีมา!” ชายชราออกคำสั่ง
หลัวฮ่าวมิน พยักหน้าอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ครับท่านลุงเจ็ด!” ขณะที่พูดเขาเดินไปที่โขดหินสีดำด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เขาเป็นรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์คนหนึ่งของตระกูลหลัว ก่อนหลัวป้าและหลัวหลี่ประมาณหนึ่งพันปี ในความเป็นจริงพรสวรรค์ของเขาอยู่เหนือกว่าหลัวป้าเล็กน้อย แต่ทรัพยากรบ่มเพาะพลังที่ตระกูลจัดสรรให้นั้นกลับเป็นรองหลัวป้า
แต่ตอนนี้หลัวป้าได้ตายไปแล้ว ความสำคัญของเขาเลยเพิ่มขึ้นมา และผลึกภูผาวารีที่มีคุณสมบัติพิเศษนี่จะทำให้เขาเหนือขึ้นไปอีก!
“เจ้าคิดจะขโมยของของข้าอย่างนั้นรึ?” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้มและเคลื่อนที่ไปที่โขดหินรวดเร็วกกว่าหลัวฮ่าวมิน
“ในเมื่อมีชายชราอย่างข้าอยู่ที่นี่ เจ้าคิดว่าจะได้รับส่วนแบ่งอย่างนั้นหรือ?” ชายชราจากตระกูลหลัวแสยะยิ้ม เขาปล่อยมือออกจากตาข่ายยักษ์และพุ่งเข้าไปสกัดหลิงฮัน ซึ่งเขาไม่เห็นหลิงฮันอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย เพราะอีกฝ่ายเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติ และถึงแม้จะทะลวงผ่านระดับภูผาวารีแล้วแต่แค่นั้นก็ยังไม่เพียงพอ
หลิงฮันไม่ได้นำคันศรและลูกธนูออกมา แต่ควบแน่นพลังปราณเป็นลูกศรและยิงไปที่หลัวฮ่าวมิน
ตอนนี้เขาแข็งแกร่งแค่ไหน? ลูกศรที่ใช้เกิดจากทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดารา ถึงแม้จะไม่มีคันศรและลูกศร แต่พลังทำลายล้างของมันก็เหนือกว่าระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดไปแล้ว!
หลัวฮ่าวมินเองก็ไม่เห็นหลิงฮันอยู่ในสายตา นอกจากนี้เขายังมีลุงเจ็ดหนุนหลังอยู่ด้วย ในสายตาของเขามีเพียงแค่ผลึกภูผาวารีเจ็ดก้อนที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น
เขาไม่ได้สนใจอะไรเลย และยังคงวิ่งไปที่โขดหิน
แต่ศรฆ่ามังกรทะลวงดารานั้นรวดเร็วแค่ไหน?
ปัง!
หลัวฮ่าวมินถูกโจมตีจากลูกศรที่ก่อตัวขึ้นจากพลังปราณจากด้านหลังทะลุถึงหน้าอก และเมื่อพลังของมันหมดลง ลูกศรที่อยู่ตรงอกของเขาก็หายไปในพริบตา
มันเป็นไปได้ยังไงกัน!
หลัวฮ่าวมินหันไปมองด้านหลังอย่างช้าๆ และยื่นมือออกไปราวกับต้องการจับคว้าอะไรบางอย่าง แต่ในไม่ช้าร่างของเขาก็ทรุดตัวล้มลงไปด้านหลัง
ตุบ ร่างของเขาล้มลงกับพื้นอย่างไร้วิญญาณ
จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดและยังเป็นอัจฉริยะระดับหนึ่งดาวก็ยังถูกลูกศรของหลิงฮันสังหาร
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ชายชราจากตระกูลหลัวรู้สึกโกรธเกรี้ยวและตกตะลึง และกระโจนเข้าหาหลิงฮันอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับคำรามอันโกรธเกรี้ยว
ในเมื่อเจ้าสังหารคนของข้า ข้าก็จะสังหารเจ้า!
“ตาย!” ชายชราตระกูลหลัวคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “เจ้าไม่มีทางทำได้!” เขาปล่อยหมัดไปที่อีกฝ่าย
ตู้ม!
ภายใต้หมัดดังกล่าว ร่างของชายชราตระกูลหลัวกระเด็นไปด้านหลังทันที เขาเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดและเป็นอัจฉริยะระดับสี่ดาว ถึงอย่างนั้นความแข็งแกร่งของเขาก็ยังไปไม่ถึงระดับภูผาวารีขั้นต้น แล้วเขาจะต้านทานหมัดของหลิงฮันได้อย่างไร?
หลิงฮันดึงหมัดของเขากลับมาและยังคงเคลื่อนที่ไปยังโขดหินสีดำ
ผู้คนจากตระกูลหลัวสามคนดูตกตะลึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหนือกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้อย่างสมบูรณ์ ในตอนที่หลิงฮันเข้าสู่เขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์ เขายังเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติเท่านั้น ผ่านไปแค่สิบวัน ถึงแม้เขาจะทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นต้นแล้วก็ตาม แต่เขาไม่ควรจะแข็งแกร่งขนาดนี้
“ผลึกภูผาวารี!” ชายชราตระกูลหลัวตระหนักได้ทันทีว่ามีเพียงแค่ผลึกภูผาวารีเท่านั้นที่สามารถทำให้จอมยุทธระดับทลายมิติทะลวงผ่านระดับภูผาวารีได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่พบปัญหาเรื่องคอขวดและอาจทะลวงได้ถึงระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด
แล้วเจ้าเด็กนี่ได้รับผลึกภูผาวารีมากี่ก้อนกัน?
รุ่นเยาว์ตระกูลหลัวสองคนเองก็ตระหนักถึงเรื่องพวกนั้น และช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะบ้าคลั่ง พวกเขาเคยมาที่นี่หลายสิบครั้ง แต่ได้รับผลึกภูผาวารีแค่สามก้อนเท่านั้น และยังเป็นผลึกภูผาวารีธรรมดาอีกด้วย
“ใช้ตาข่ายผนึกสีชาด!”
“จับมันให้ได้!”
ชายชราตระกูลหลัวไม่กล้าสบประมาทหลิงฮัน ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้มดปลวกจากโลกใบเล็กจะเป็นแค่จอมยุทธระดับทลายมิติ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายได้ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีแล้ว ถึงแม้จะใช้ผลึกภูผาวารีทะลวงผ่านขึ้นมาก็ตาม
ต้องทราบก่อนว่าเจ้าเด็กนี่เป็นศิษย์ของสำนักนภาสีชาดที่สามารถผ่านหอคอยได้ทั้งหมดแปดชั้นและมีศักยภาพของอัจฉริยะระดับสี่ดาว!
ทั้งสามคนเริ่มกางตาข่ายขนาดใหญ่เพื่อจับกุมหลิงฮัน
แต่หลิงฮันยังคงจดจ่อกับการเก็บรวบรวมผลึกภูผาวารีทั้งเจ็ดก้อนและไม่ต้องการสูญเสียมันไปแม้แต่ก้อนเดียว ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาหลบและถูกตาข่ายขนาดใหญ่ครอบคลุม
เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ตาข่ายขนาดใหญ่มีพลังอำนาจลึกลับบางอย่างที่สะกดพลังของเขาเอาไว้ ทั้งที่เขาเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นที่ใกล้จะถึงชั้นสูงสุดแล้ว แต่มันเหมือนกับว่าเขาไม่ได้เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีเลยด้วยซ้ำ
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ผู้คนจากตระกูลหลัวทั้งสามคนระเบิดเสียงหัวเราะไม่หยุด
นี่คือตาข่ายผนึกสีชาดที่สร้างขึ้นมาเพื่อจับจ้าวอสูรลาวา ตระกูลใช้จ่ายไปจำนวนมากเพื่อสร้างมันขึ้นมา แต่ตราบใดที่สามารถจับจ้าวอสูรลาวาได้ก็ถือว่าคุ้มค่ากับที่ลงทุนไป
เพราะครั้งนี้ ครั้งต่อไป และครั้งต่อๆไป พวกเขาก็จะได้รับผลึกภูผาวารีที่มีคุณสมบัติพิเศษเรื่อยๆ!
แม้กระทั่งจ้าวอสูรลาวาก็ไม่สามารถต้านทานตาข่ายนี้ได้ แล้วหลิงฮันล่ะ?
ผู้คนที่ถูกตาข่ายจับกุมก็เหมือนถูกใส่กุญแจมือ
“เจ้าหนู จงเชื่อฟังข้าและส่งผลึกภูผาวารีมาให้ข้าซะดีๆ ถ้าข้าอารมณ์ดีบางทีข้าอาจปล่อยตัวเจ้า” ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าว เขามีชื่อว่าหลัวเจี้ยน
“หึ่ม การที่เจ้ากล้าสังหารคนจากตระกูลหลัวของข้าถือเป็นความผิดร้ายแรง แม้แต่ศพก็อย่าให้เหลือ และน่าเสียดายยิ่งนักที่พวกข้าไม่สามารถสังหารเจ้าต่อหน้าสาธารณชนได้” ชายชราตระกูลหลัวกล่าวพร้อมกับจิตสังหาร ในเมื่อเขาอยู่ในเขตแดนลี้ลับสวรรค์แล้วเขาจะไม่สามารถสังหารศิษย์จากสำนักนภาสีชาดได้อย่างไร?
“จากนั้นค่อยทำลายหลักฐาน” หลัวเจี้ยนเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เขารู้ดีว่าหลิงฮันมีกายหยาบที่แข็งแกร่งมาก ถึงขั้นเทียบได้กับแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่ง
“ตาย!” ชายชราตระกูลหลัวส่งเสียงตะโกนและนำดาบออกมา ซึ่งดาบของเขามีแสงบางอย่างเปล่งประกายอยู่ที่ใบดาบ
นี่คืออาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่งที่ตระกูลหลัวมอบให้เขาก่อนที่จะเข้ามาในเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์
ชายชรายกดาบขึ้นและเล็งไปที่หัวใจของหลิงฮัน
ตอนที่ 972
ฉึก!
ปลายดาบทิ่มแทงไปที่หน้าอกของหลิงฮันผ่านตาข่าย
ใบหน้าของชายชราตระกูลหลัวปรากฏรอยยิ้มที่ช่วยร้าย แต่ในไม่ช้าสีหน้าของเขาก็กลายเป็นตกใจอย่างกะทันหัน เพราะดาบของเขาไม่ได้ทะลุผ่านหน้าอกของหลิงฮัน
มันเป็นไปได้ยังไง!
ชายชราตระกูลหลัวแทงดาบใส่หน้าอกของหลิงฮัน แต่ก็ไร้ประโยชน์กับกายหยาบของหลิงฮัน มันจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร? ใบหน้าของชายชราดูตกตะลึงมาก แม้อีกฝ่ายจะถูกตาข่ายผนึกสีชาดจับกุมเอาไว้ แต่เขาก็ยังไม่สามารถจัดการมดปลวกจากโลกใบเล็กได้อย่างนั้นหรือ?
“ถ้าเจ้าโจมตีใส่ข้าอีกครั้ง อย่าหาว่าข้าทำตัวไม่สุภาพ” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“หึ่ม เจ้าติดอยู่ในตาข่ายผนึกสีชาด แล้วเจ้าจะออกมาได้ยังไง?” ชายชราตระกูลหลัวพยายามสงบสติอารมณ์ แม้กระทั่งจ้าวอสูรลาวายังต้องสยบต่อตาข่ายผนึกสีชาด มันเป็นไปไม่ได้เลยที่มดปลวกจากโลกใบเล็กจะต้านทานได้
มิฉะนั้น ตระกูลหลัวของพวกเขาจะโง่ลงทุนมหาศาลไปกับตาข่ายผนึกสีชาดเพื่ออะไร?
“ลาวาใต้ดินที่นี่มีอุณหภูมิสูงมาก แม้แต่แร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ยังต้องถูกหลอมละลาย แล้วทำไมพวกเขาไม่ลองโยนเจ้าเด็กนี่ลงไปในนั้นดูล่ะ?” หลัวเจี้ยนกล่าวเสนอ
“เป็นความคิดที่ดี!” ชายชราตระกูลหลัวปรบมือและส่งเสียงหัวเราะ
ทั้งสามคนจ้องมองไปที่หลิงฮันเพื่อสร้างแรงกดดันให้กับอีกฝ่าย
ในความเป็นจริงหากพวกเขาทำตามที่พูด หลังจากที่หลิงฮันถูกโยนลงไป แม้กระทั่งตาข่ายผนึกสีชาดก็ต้องถูกหลอมละลาย เมื่อตาข่ายผนึกสีชาดได้รับความเสียหาย หลิงฮันก็จะกลายเป็นเถ้าถ่านและจมหายไปกับลาวา
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “พวกเจ้ากำลังทำให้ข้ากลัว? ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเบื่อที่จะเล่นกับพวกเจ้าแล้ว!”
เขาเข้าไปในหอคอยทมิฬและปรากฏตัวออกมาอย่างรวดเร็ว
ความเร็วดังกล่าวทำให้ทั้งสามคนไม่สามารถจับภาพได้ทัน สิ่งที่เห็นคือตาข่ายร่วงตกลงสู่พื้นดิน โดยที่ไม่มีอะไรอยู่ด้านใน
เกิดอะไรขึ้น!
ทั้งสามคนรีบหันไปมองรอบด้าน นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก เรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ทั้งที่อีกฝ่ายอยู่ในตาข่ายผนึกสีชาด เขาจะออกมาง่ายดายขนาดนี้ได้อย่างไร?
“เจ้าทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?” ทั้งสามคนจ้องมองไปที่หลิงฮัน ไม่สำคัญว่าหลิงฮันจะตอบหรือไม่ แต่ที่พวกเขาเห็นมันน่าทึ่งมากจนอดที่จะถามออกมาไม่ได้
“นั่นเป็นเพราะว่า….” หลิงฮันตอบคำถามด้วยท่าทางผ่อนคลาย “ข้ามีอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์ ข้าแค่หลบเข้าไปซ่อนตัวด้านในเท่านั้น แล้วแน่นอนว่าตาข่ายผนึกสีชาดก็จะตกลงสู่พื้น แล้วข้าก็ค่อยออกมา ผลลัพธ์ก็อย่างที่พวกเจ้าเห็น”
อุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์!
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ทั้งสามคนแทบจะกัดลิ้นตัวเอง
สมบัติ สมบัติล้ำค่า!
แต่ในขณะนั้นเองพวกเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ มดปลวกจากโลกใบเล็กมีสมบัติล้ำค่าแบบนั้นอยู่กับตัวได้อย่างไร? แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือช่วงชิงมันมาให้เป็นสมบัติของตระกูลหลัว
หลิงฮันยกกำปั้นขึ้นมาและหัวเราะ “ในเมื่อพวกเจ้ารู้ความลับของข้าแล้ว พวกเจ้าคิดว่าข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้าอย่างนั้นรึ? และยังคิดที่จะแย่งชิงสมบัติของข้าอีก”
ผู้คนจากตระกูลหลัวทั้งสามคนยิ้มอย่างบิดเบี้ยว มดปลวกจากโลกใบเล็กนี่มีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาและยังมีกายหยาบที่แข็งแกร่ง ในเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์แห่งนี้ เกรงว่ามีเพียงแค่สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะคุกคามเขาได้
“หนี!” ทั้งสามคนรีบหันหลังกลับและวิ่งหนีทันที ตราบใดที่พวกเขาออกไปจากเขตแดนลี้ลับนี้ได้ ตระกูลหลัวของพวกเขาก็จะต้องจับกุมหลิงฮันและนำอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์มาให้ได้ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
บางทีสมบัติดังกล่าวอาจถูกสร้างขึ้นมาจากจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งและอาจมีหนทางสู่ระดับสร้างสรรพสิ่งก็เป็นได้ – มันจะต้องเป็นแบบนั้นอย่างแน่นอน มิฉะนั้นมดปลวกจากโลกใบเล็กจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร?
หากพวกเขาได้มันมาครอบครองและปล่อยให้เวลาผ่านไปหลายสิบล้านปี จักรวรรดิราชวงศ์ทั้งหมดจะต้องจำนนต่อตระกูลหลัวของพวกเขาอย่างแน่นอน แม้กระทั่งจักรพรดินีเองก็จะกลายเป็นของเล่นของตระกูลหลัว!
หลิงฮันใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหาร ทำให้หลัวเจี้ยนหยุดชะงักอย่างกะทันหัน แล้วพาอีกฝ่ายเข้าไปในหอคอยทมิฬ จากนั้นเขาก็ใช้ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดารายิงออกไปกลายเป็นลำแสงที่พุ่งเข้าหาชายหนุ่มตระกูลหลัวอีกคนหนึ่ง ทันใดนั้นเองเขาก็ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและล้มลงกับพื้น
จากนั้น หลิงฮันก็ไล่ฆ่าชายชราที่เหลือรอดเป็นคนสุดท้าย
ชายชราหันกลับไปมองด้านหลัง และช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกขนหัวลุก แล้วพูดว่า “เจ้าหนู ตระกูลหลัวของข้าไม่ได้มีความขัดแย้งกับเจ้า!”
“เจ้ายังคิดที่จะชวนข้าดื่มน้ำชา?” หลิงฮันแสยะยิ้ม “ฝันไปเถอะ!”
หลิงฮันใช้ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราอีกครั้งและยิงไปที่ชายชรา
นี่ไม่ใช่การโจมตีที่ทรงพลังที่สุด แต่จุดแข็งของเขาในปัจจุบันยังคงเป็นความเร็ว
ชายชราตระกูลหลัวรีบหลบหลีกไปมา ภายในถ้ำมีเสาหินจำนวนมาก เขาจึงใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศเพื่อหลบซ่อนตัว
“เจ้าคิดว่าสามารถหลบได้?” หลิงฮันยังคงยิงออกไปด้วยทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราออกไปไม่หยุด เมื่อลูกศรของเขากระทบกับเสาหินทำให้เกิดประกายไฟสว่างไปทั่ว แต่น่าเสียดายที่เสาหินพวกนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มิฉะนั้นลูกศรของเขาคงจะทะลวงผ่านมันไปได้อย่างง่ายดาย
ชายชราตระกูลหลัวไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย ทั้งที่เขาเป็นอัจฉริยะระดับสี่และเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด ในทางทฤษฎีเขาสมควรที่จะเป็นตัวตนไร้พ่ายของที่นี่
แต่ตอนนี้เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะต่อกรกับหลิงฮัน
เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
หลิงฮันก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับดาบในมือและพูดว่า “สุนัขเฒ่า ออกมาสู้กันข้า”
เมื่อชายชราตระกูลหลัวเห็นว่าหลิงฮันไม่โจมตีด้วยลูกศรอีกต่อไป เขาจึงเลิกซ่อนและรีบวิ่งหลบหนีอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นเอง หลิงฮันก็ใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหาร ทำให้อีกฝ่ายหยุดชะงักอย่างกะทันหัน
หลิงฮันกระโจนเข้าหาและแกว่งดาบของเขาไปมา
นี่เป็นอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่งเหมือนกัน หลังจากที่กระตุ้นใช้งาน อักขระบนดาบก็แสดงพลังอันยิ่งใหญ่ออกมา
ชายชราตระกูลหลัวหมดสภาพในการต่อสู้ ตอนนี้เขามีเพียงแค่ความคิดเดียวเท่านั้น นั่นคือออกจากเขตแดนลี้ลับและบอกความลับของหลิงฮันให้ตระกูลหลัวทราบ
หลังจากนั้น หลิงฮันก็เหยียดมือออกไปและใช้พลังแรงโน้มถ่วง ทำให้ร่างของชายชราทรุดลงกับพื้นทันที
ภายใต้ความเร็วของหลิงฮันและการเปลี่ยนแปลงของแรงโน้มถ่วงอย่างกะทันหัน ชายชราไม่อาจตอบโต้ได้เลยแม้แต่น้อย
หลิงฮันจึงใช้โอกาสนี้ไล่ล่าอีกฝ่ายและโจมตีออกไปด้วยดาบ
ดาบลึกลับสามพันเล่ม!
ชายชราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันหลังกลับและตอบโต้ด้วยดาบของเขา
ตู้ม!
“เจ้าใช้ผลึกภูผาวารีในการทะลวงผ่านระดับภูผาวารี เจ้ายังไม่เข้าใจพลังแห่งกฎเกณฑ์แล้วคิดว่าชายชราอย่างข้าจะกลัวเจ้าหรอกรึ!” ชายชราคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและโจมตีออกไปด้วยดาบอย่างดุเดือด
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “พลังแห่งกฎเกณฑ์เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของพลังต่อสู้ ดังนั้นพลังต่อสู้จึงเป็นมากกว่าพลังแห่งกฎเกณฑ์” เขายังคงใช้งานพลังแรงโน้มถ่วงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ร่างของชายชราถูกกดทับต่อเนื่อง
ตอนที่ 973
การต่อสู้ของจอมยุทธที่แข็งแกร่ง ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยจะทำให้ผลลัพธ์แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง!
นี่เป็นเพราะความแข็งแกร่งของหลิงฮันนั้นเหนือกว่าชายชราตระกูลหลัว
ดังนั้น หลังจากที่เขาใช้พลังแรงโน้มถ่วงผลลัพธ์มันจึงชัดเจนมากยิ่งขึ้นไปอีก มิฉะนั้นมันคงไม่ได้ผลกับชายชรามากขนาดนี้
อาจพูดได้ว่าพลังของเขาอยู่เหนือกว่าพลังแห่งกฎเกณฑ์ ทักษะจึงไม่ใช่สิ่งสำคัญ
ในความเป็นจริง หลิงฮันไม่ได้แข็งแกร่งอะไรขนาดนั้น เขาแค่แข็งแกร่งกว่าพวกตระกูลหลัวก็เท่านั้นเอง
“เจ้าเด็กบัดซบ!” ชายชราตระกูลหลัวโจมตีออกไปด้วยดาบหลายครั้งแต่ก็ไร้ผล เส้นผมของเขาตั้งชันด้วยความโกรธและอัปยศแล้วกรีดร้องว่า “เจ้ากล้าลองดีกับตระกูลหลัวของข้า เจ้าจะต้องไม่ได้ตายดีอย่างแน่นอน! มันจะไม่ได้มีเพียงแค่เจ้าเท่านั้นที่จะต้องตาย พ่อแม่ของเจ้าเองก็ต้องถูกฆ่า ส่วนลูกของเจ้าจะต้องกลายเป็นทาสตลอดชีวิต!”
“ตระกูลหลัวของข้าก่อตั้งมานานนับล้านปี มดปลวกจากโลกใบเล็กอย่างเจ้าจะมาต่อกรกับพวกข้าได้อย่างไร!”
ท่าทีของหลิงฮันกลายเป็นเย็นชาและพูดว่า “เจ้าทำได้แค่พูด!”
หลิงฮันโจมตีออกไปอีกครั้ง ทันใดนั้นรัศมีดาบของเขาเริ่มหนาแน่นขึ้นและยาวขึ้น แล้วสะบั้นไปที่ฝ่ายตรงข้าม พลังของการโจมตีครั้งนี้ค่อนข้างน่าทึ่งทีเดียว มันทำให้พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นห้าดาว
ปัง! ปัง! ปัง!
หลังจากที่ชายชราตระกูลหลัวปะทะกับหลิงฮันอยู่หลายครั้ง เขาอุทานออกมาด้วยความตกใจว่า “เจ้า….ที่จริงแล้วเจ้าเป็นอัจฉริยะระดับห้าดาว!”
ในตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองเหนือกว่าหลิงฮันเล็กน้อย เพราะเขาเป็นอัจฉริยะระดับสี่ดาว แต่ตอนนี้เขาทำได้แค่ต่อสู้กับหลิงฮันได้อย่างทัดเทียมเท่านั้น ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ อีกฝ่าย….เป็นอัจฉริยะระดับห้าดาว!
นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก แม้แต่ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา แม่ทัพทั้งเจ็ดคนยังเป็นแค่อัจฉริยะระดับสี่ดาวเท่านั้น มีเพียงแค่จักรพรรดินีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นอัจฉริยะระดับห้าดาวในตำนาน ศัตรูดังกล่าว…เขาจะต้องกำจัดให้จงได้ มิฉะนั้นตระกูลหลัวของพวกเขาจะต้องพังพินาศ!
“อัจฉริยะระดับห้าดาว?” หลิงฮันยิ้ม นี่เขายังไม่ได้เอาจริงเลย หากเขาเอาจริงบางทีชายชราอาจหวาดกลัวจนตายไปแล้ว
หลิงฮันยังคงใช้พลังแรงโน้มถ่วงใส่ชายชราตระกูลหลัวอยู่ตลอดเวลา ภายใต้การควบคุมของเขาทำให้ชายชราตระกูลหลัวถูกกดทับอย่างต่อเนื่องและพลังต่อสู้ของเขาเองก็ลดลงเป็นอย่างมาก
เพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้ามมันไม่ได้จำกัดวิธี และการที่กุมจุดอ่อนของอีกฝ่ายได้ถึงเป็นเรื่องดี เหมือนกับผู้คนของตระกูลหลัวทั้งสี่คนที่มาพร้อมกับตาข่ายผนึกสีชาดเพื่อทำให้จ้าวอสูรลาวาอ่อนแอลง
แต่ที่พวกเขาไม่รู้คือจ้าวอสูรลาวาทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดแล้ว แม้พวกเขาจะมีตาข่ายผนึกสีชาดแต่ก็โอกาสที่จะล้มเหลว
ภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องของหลิงฮัน ทำให้ชายชราตระกูลหลัวได้รับบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนท้ายที่สุดเขาก็ถูกดาบของหลิงฮันแทงทะลุหัวใจ
เขาจับดาบของหลิงฮันด้วยมือเปล่าทั้งสองข้างและจ้องมองหลิงฮันด้วยแววตาที่ขุ่นเคือง “ฮ่าฮ่าฮ่า การที่เจ้าเป็นอัจฉริยะระดับห้าดาวมันไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อย ผู้คนนับไม่ถ้วนจะต้องเพ่งเล็งมาที่เจ้าหมายเอาชีวิต ข้าผู้นี้จะรอเจ้าหลังโลกแห่งความตาย!”
หลังพูดจบชายชราก็สิ้นลมหายใจ
หลิงฮันดึงดาบของเขากลับและเก็บเข้าไปในหอคอยทมิฬ แล้วพูดว่า “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนั้น เมื่อข้าแข็งแกร่งพอ ข้าจะพาผู้คนตระกูลหลัวของเจ้าไปหาเจ้าเอง!”
จากนั้นหลิงฮันเดินเก็บรวบรวมแหวนมิติจากทั้งสี่คน ซึ่งภายในมันมีแค่ผลึกก่อเกิดร้อยกว่าก้อนและมีผลึกภูผาวารีธรรมดาอีกหนึ่งก้อน มันน้อยมากจนเขาต้องส่ายหน้าไปมา
เขาเดินกลับเข้าไปในถ้ำและเก็บตาข่ายผนึกสีชาดขึ้นมา ตาข่ายนี่ถือว่าเป็นของดี มันสามารถสะกดพลังของอีกฝ่ายได้ ถึงแม้จะไม่รู้ขีดจำกัดของมันมากนัก มันจะสามารถใช้กับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราได้หรือไม่?
“หากข้ามีเจ้านี่ ข้าก็จะสามารถจัดการจอมยุทธคนอื่นได้อย่างง่ายดาย”
จากนั้นหลิงฮันมุ่งความสนใจไปที่โขดหินสีดำ แล้วรู้สึกว่ามันมีบางอย่างแปลกประหลาด ทำไมจ้าวอสูรลาวาถึงอาศัยอยู่ที่นี่? ทำไมถึงมีผลึกภูผาวารีปรากฏอยู่ที่นี่?
เขาพยายามยกโขดหินขึ้นมา แต่ก็ไม่อาจขยับเขยื้อนมันได้เลยแม้แต่น้อย
มันเป็นหนึ่งเดียวกับพื้นดินไปแล้วข้าเลยยกมันขึ้นมาไม่ได้? หรือว่ามันจะหนักไป?
หลิงฮันใช้สัมผัสสวรรค์ห่อหุ้มโขดหิน ตราบใดที่เขาสามารถทำได้ เขาก็จะพามันเข้าไปในหอคอยทมิฬได้
แต่สภาพแวดล้อมของที่นี่เลวร้ายมาก แม้หลิงฮันจะไม่เป็นอะไร แต่เมื่อส่งสัมผัสสวรรค์ลงลึกไปใต้ดิน ความร้อนแรงของลาวาทำให้เขาต้องเรียกสัมผัสสวรรค์กลับมาและฟื้นฟูสัมผัสสวรรค์ทันที
แต่หลิงฮันก็ยังคงใช้สัมผัสสวรรค์ห่อหุ้มมันทีละเล็กน้อย เขาใช้เวลาเกือบธูปหนึ่งดอก แล้วในไม่ช้าใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม พรึบ โขดหินสีดำหายไปในพริบตา
เมื่อเขามองเข้าไปในหลุมลึกเจ็ดฟุตบนพื้นดิน แต่ก้นหลุมนั้นมืดมิดมาก ทำให้เขาไม่ทราบว่ามันมีน้ำหรือแร่เหล็กหรืออะไรกันแน่ที่อยู่ด้านล่าง
หลิงฮันโยนจึงก้อนหินลงไปในหลุมและทันใดนั้นเองก็เกิดเสียงระเบิดขึ้นแล้วก้อนหินของเขาก็กลายเป็นผุยผง
เขารู้สึกตกตะลึงมาก ต้องทราบก่อนว่าก้อนหินที่อยู่ที่นี่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง อย่างน้อยเขาก็ทำได้แค่สร้างประกายไฟขึ้นมาเท่านั้น แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นผุยผง
พลังทำลายล้างของมันน่าสะพรึงกลัวมาก
ครืน!
หลังจากนั้นไม่นานได้เกิดฉากที่น่าทึ่งบางอย่างขึ้น มันมีใบหน้าโผล่ขึ้นมาจากหลุม!
ถึงแม้ว่าใบหน้าจะดูปกติ ทุกอย่างดูปกติ มันมีทั้งจมูก ปากและตา แต่ว่าขนาดของมันนั้นใหญ่เกินไป!
แล้วร่างกายที่แท้จริงของมันที่ถูกฝังอยู่ในหลุมจะมีขนาดใหญ่แค่ไหนกัน?
แม้จะเห็นแค่ใบหน้าของมัน แต่หลิงฮันก็สามารถรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่น่าหวาดกลัวจากมันแล้ว ถึงขั้นทำให้ดวงวิญญาณของเขาต้องสั่นสะท้าน
แข็งแกร่ง!
มันอาจไม่ใช่ระดับสุริยันจันทรา แต่อาจเป็นระดับดารา!
นี่ทำให้หลิงฮันเข้าใจทันทีว่าโขดหินสีดำไม่ได้อยู่ที่นี่อย่างไร้เหตุผล มันมีอยู่เพื่อกักขังมัน
เมื่อใบหน้าของมันโผล่ขึ้นมาเกือบสามฟุต จนถึงจุดที่ไม่สามารถโผล่ขึ้นมาได้อีก ใบหน้าของมันแสดงรอยยิ้มและพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่มีเสียงดังออกมา
แต่หลังจากนั้นชั่วครู่ก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นมาในจิตใจของหลิงฮัน “เผ่ามนุษย์เอ๋ย โปรดช่วยข้าขึ้นมาจากหลุม ข้าสามารถมอบชีวิตที่รุ่งโรจน์ให้แก่เจ้า!”
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “นี่คือท่าทีของผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ?”
ตอนที่ 974
หลิงฮันไม่มีความสามารถเข้าไปในหลุม แม้กระทั่งหินยังแหลกเป็นผุยผงได้อย่าง่ายดาย
นี่แสดงให้เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งกว่าเขามาก
แต่อีกฝ่ายไม่สามารถออกมาได้ มิฉะนั้นมันคงไม่พูดล่อลวงเขา
“เผ่ามนุษย์เอ๋ย เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?” ใบหน้าอ้าปาก แต่หลังจากนั้นชั่วครู่เสียงของมันก็ดังอยู่ในจิตใจของหลิงฮัน “เปิดทางให้ข้า แล้วข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นผู้ปกครองจักรวรรดิ”
หลิงฮันรู้สึกสนใจตัวตนของอีกฝ่ายมาก เขาเลยพูดว่า “โอ้ว แล้วเจ้าเป็นใครกันล่ะ?”
เสียงหรือสัมผัสสวรรค์ของเขาไม่สามารถถ่ายทอดไปยังอีกฝ่ายได้ แต่อีกฝ่ายเป็นตัวตนที่แข็งแกร่ง เขาสามารถเข้าใจที่หลิงฮันพูดแล้วแสยะยิ้มและพูดว่า “ข้าเป็นหนึ่งในจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกใบนี้ เจ้าสามารถเรียกข้าว่าจอมมารก็ย่อมได้!”
หลิงฮันรู้สึกแปลกใจและพูดว่า “เจ้าเป็นคนของดินแดนใต้พิภพ!”
โดยทั่วไปแล้วจะมีแค่สิ่งมีชีวิตจากดินแดนใต้พิภพเท่านั้นที่จะเรียกตัวเองว่าปีศาจ ในดินแดนใต้พิภพมันถือเป็นเรื่องปกติและแสดงถึงอำนาจพลังเช่นเดียวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ในเมื่ออีกฝ่ายเรียกตนเองว่าจอมมาร แล้วเขาจะแข็งแกร่งระดับไหน?
หลิงฮันไม่รู้อะไรมากนัก แต่รู้ว่าบางทีจอมมารอาจแข็งแกร่กว่าจักรพรรดินีซะอีก!
ตำนานกล่าวไว้ว่าเขตแดนลี้ลับถูกสร้างขึ้นจากจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่ง หากเป็นแบบนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่มันจะเป็นจุดอ่อนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์กับดินแดนใต้พิภพ ซึ่งสามารถทะลุผ่านทั้งสองดินแดนได้
ดังนั้น ร่างของมันเลยติดอยู่ระหว่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์กับดินแดนใต้พิภพ?
“ฮ่าฮ่าฮ่า ใช่แล้ว ข้าเป็นจอมยุทธจากดินแดนใต้พิภพ! เผ่ามนุษย์เอ๋ย จงรีบช่วยเหลือข้าเปิดทางออกเสีย แล้วข้าจะมอบปีศาจรับใช้และทักษะให้แก่เจ้า!” จอมมารยังคงพูดล่อลวงหลิงฮัน
“เจ้าคิดว่าข้าจะหลงกลเชื่อเจ้า?” หลิงฮันแสยะยิ้ม “เจ้ายังต้องอยู่ที่นี่!”
“เจ้ามนุษย์!” จอมมารคำราม “กำแพงนี่สามารถต้านทานข้าได้แค่ไม่กี่ร้อยไม่กี่พันปีเท่านั้น! แล้วข้าได้มอบโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้กับเจ้าแล้ว เจ้าอย่าได้โยนโอกาสที่ข้ามอบให้กับเจ้าจะดีกว่า!”
“ถ้างั้นข้าจะรอ!” หลิงฮันหัวเราะ “และเจ้าเป็นจอมมารจริงหรือ ถึงต้องให้จอมยุทธระดับภูผาวารีอย่างข้าช่วย”
จอมมารถึงกับไร้คำพูด ในความเป็นจริงถ้าเขาไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย เขาจะร้องขอความช่วยเหลือจากจอมยุทธระดับภูผาวารีหรือไม่? เขาเค้นเสียงและพูดว่า “เผ่ามนุษย์ นี่คือโอกาสสุดท้ายของเจ้า จงคิดให้รอบคอบ!”
หลังจากที่หลิงฮันทราบตัวตนของอีกฝ่าย เขาจึงไม่มีความคิดที่จะสมคบคิดกับอีกฝ่าย แล้วเปลี่ยนความสนใจเข้าไปในหอคอยทมิฬ เขาเห็นโขดหินสีดำมีอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่มีความซับซ้อนมากสลักอยู่
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงถูกกักขังอยู่ที่นี่
หลิงฮันไม่กล้าโลภมากและตัดสินใจนำโขดหินสีดำออกมาจากหอคอยทมิฬ เมื่อมันปรากฏออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่า มันก็ตกลงสู่หลุมดำทันที
ใบหน้าของจอมมารแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่แล้วในไม่ช้ามันก็ถูกโขดหินสีดำทับ ตู้ม และใบหน้าของมันก็กลับหายเข้าไปในหลุมลึกทันที
“ม่ายยยยยยย-“ เสียงของจอมมารดังก้องอยู่ในจิตใจของหลิงฮัน แต่ในไม่ช้าเสียงของมันก็ขาดหายไปอย่างกะทันหัน นี่แสดงให้เห็นว่าโขดหินสีดำนี่คือผนึกนั่นเอง
หลิงฮันนั่งลงบนพื้นและครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะลุกขึ้นยืน
ถ้าเขตแดนลี้ลับดำรงอยู่เพื่อยับยั้งการเดินทางระหว่างทั้งสองโลก แล้วทำไมมันถึงเข้ามาได้?
ยิ่งไปกว่านั้น มันสามารถเข้าได้หนึ่งครั้งในทุกสิบปี และที่สำคัญที่สุดคือจอมยุทธที่อยู่เหนือกว่าระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดจะไม่สามารถเข้ามาได้
หลิงฮันไม่เข้าใจแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้จิตใจของทุกคนมุ่งเป้าไปที่ผลึกภูผาวารี โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาคงไม่สนเรื่องเขตแดนลี้ลับเท่าไหร่นัก
แต่นี่ไม่ใช่ทางออกระยะยาว วันหนึ่งเขตแดนลี้ลับอาจถูกเจาะก็เป็นได้
หลิงฮันเดินออกจากถ้ำ คราวนี้เขาเก็บเกี่ยวได้อย่างมหาศาล เขาได้รับผลึกภูผาวารีแปดก้อน ซึ่งเจ็ดก้อนเป็นผลึกภูผาวารีที่มีคุณสมบัติพิเศษ นอกจากนั้นยังได้รับเนื้อพลังปราณด้วย เมื่อเขากลับไปมันจะมีประโยชน์ต่อกายหยาบของเขาอย่างมาก
ระหว่างทาง เขาพบผู้คนจำนวนมาก ซึ่งแน่นอนว่าคนพวกนั้นมาที่นี่เพื่อตามล่าสมบัติ แล้วพวกเขาก็จ้องมองมาที่เขาอยากหวาดระแวงก่อนที่จะเดินหนีจากไปอย่างรวดเร็ว
ใครจะกล้าทำตัวผ่อนคลายที่นี่กัน?
ครึ่งวันต่อมา ในที่สุดหลิงฮันก็เดินออกมาจากถ้ำ เมื่อเขาเดินออกมา เขาเห็นสตรีสองคนกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่ตรงหน้าเขา ทั้งสองคนดูงดงามมาก แต่มีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน
แน่นอนว่าสตรีทั้งสองคนคือสุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยิน
“หลิงฮัน ในที่สุดเจ้าก็ออกมาสักที เจ้าปล่อยให้ข้าและพี่สาวสุ่ยต้องรอ!” เมื่อเห็นหลิงฮัน หูเฟยหยินพูดบ่นทันที
หลิงฮันหันไปมองสุ่ยเยี่ยนยวี่และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องเป็นห่วง”
“ข้าไม่ได้เป็นห่วงสักหน่อย!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวด้วยท่าทางเขินอาย นางยังคงปากแข็งเหมือนเดิม
“แล้วเจ้าฆ่ามันสำเร็จหรือไม่?” หูเฟยหยินรีบถามทันที ในเมื่อนางนั่งรอหลิงฮันมานานจึงเป็นธรรมดาที่นางอยากจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้น
สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่งเสียงหัวเราะและพูดว่า “จ้าวอสูรลาวาเป็นสัตว์อสูรระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด หลิงฮันจะฆ่ามันได้ยังไง? อย่างมากเขาก็แค่ขโมยผลึกภูผาวารีและรีบเผ่นออกมาเท่านั้น!”
หลิงฮันวางมือลงบนใบหน้าของสุ่ยเยี่ยนยวี่และพูดว่า “ทำไมเจ้าต้องพูดจาดูถูกสามีของตัวเองด้วย?”
สุ่ยเยี่ยนยวี่รีบกระโดดไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางกลายเป็นสีแดงและพูดว่า “เจ้าอันธพาล!”
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ข้าแค่จับหน้าเจ้าก็เรียกข้าว่าอันธพาลซะแล้ว เจ้าช่างใส่ซื่อยิ่งนัก!”
“เอาล่ะ ต่อไปพวกเราจะเดินทางไปที่ภูเขากังหันลมเพราะมันอยู่ใกล้พวกเรามากที่สุด” หลิงฮันมองแผนที่และชี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
ภูเขากังหันลมเชอมีผลึกภูผาวารีที่มีคุณสมบัติพิเศษอยู่ มันมียอดเขาทั้งหมดสิบแปดยอด มันมีรูปร่างคล้ายกังหันลม ยอดเขาทั้งสิบแปดก่อตัวเป็นกงล้อ ครึ่งหนึ่งอยู่ใต้ดินและครึ่งหนึ่งอยู่บนดิน
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีสายลมที่รุนแรงมากเพียงพอที่จะฉีกร่างของจอมยุทธให้กลายเป็นชิ้นๆ
ดังนั้นถ้าต้องการผลึกภูผาวารีของที่นี่ มันจึงเป็นเรื่องยากกว่าถ้ำเปลวเพลิงซะอีก
ผลึกภูผาวารีของที่นี่จะทำให้จอมยุทธสร้างอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่แหลมคมขึ้นมา เมื่อโจมตีออกไปจะทำให้พลังทำลายล้างเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ทั้งสามคนเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันถึงครึ่งทาง พวกเขาก็รู้สึกถึงพลังที่ไม่อาจบรรยายได้ พรึบ พวกเขาหายไปจากที่เดิมและปรากฏตัวอยู่ในถิ่นทุรกันดารอีกครั้ง
ไม่เพียงแค่พวกเขาเท่านั้น อย่างน้อยคนหนึ่งพันคนถูกส่งมาที่นี่
เขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์กำลังจะปิดแล้ว!
หมดเวลาแล้วหรือ?
หลิงฮันรู้สึกเสียดาย มันยังมีสถานที่อีกหกแห่งที่มีผลึกภูผาวารีที่มีคุณสมบัติพิเศษอยู่ ซึ่งเขาไปได้แค่สองที่เท่านั้น มันยังไม่เพียงพอ!
แต่หลังจากนั้นชั่วครู่ หลิงฮันก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารของคนจำนวนมากกำลังเพ่งเล็งมาที่เขา
ฉัวะ แสงดาบพุ่งเข้ามาทางเขาหมายที่จะเอาชีวิต
ตอนที่ 975
แสงดาบที่พุ่งเข้ามาเจิดจ้ามากจนดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าถูกบดบัง
มันไม่ใช่การโจมตีจากจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา แต่เป็นพลังของจอมยุทธระดับดารา!
ปฏิกิริยาแรกของหลิงฮันคือเข้าไปหลบในหอคอยทมิฬทันที ถึงแม้กายหยาบของเขาจะเทียบได้กับแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง แต่หากรับการโจมตีครั้งนี้เกรงว่าร่างของเขาคงจะถูกผ่าออกเป็นสองส่วน
ปัง!
แต่ทันใดนั้นเอง แสงสีทองได้สาดส่องลงมาจากท้องฟ้าตรงหน้าของเขา และแสงสีทองนั่นแผ่ขยายเป็นวงกว้างเป็นอาณาเขตสีทองที่กำลังปกป้องเขา สุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินที่หลบอยู่ด้านหลัง
ปัง!
การปะทะกันของทั้งสองทำให้เกิดคลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายเป็นวงกว้าง และท้องฟ้ากลายเป็นสีทองและดูบิดเบี้ยวราวกับชั้นบรรยากาศกำลังถูกฉีกกระชาก
“หึ่ม เจ้ากล้าลงสังหารคนของข้าผู้ต่อหน้าข้า ช่างกล้าหาญยิ่งนัก!” ร่างของคนผู้หนึ่งที่มือข้างหนึ่งถือกระบองปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าหลิงฮันพร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าเกรงขามออกมา
เขาคือติงหลี่หนึ่งในเจ็ดแม่ทัพแห่งจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ
เขาเป็นชายร่างสูงที่กำลังสวมชุดเกราะสีแดง และหากมองให้ดีจะเห็นว่าเกราะของเขาปกคลุมไปทั่วอักขระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันเป็นเกราะระดับศักดิ์สิทธิ์ และเส้นผมของเขากำลังลอยไปตามสายลมพร้อมกับแสงสีทองราวกับเขาเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม
หนึ่งคนเฝ้าด่าน ทหารหมื่นนายมิอาจก้าวผ่าน!
เหตุการณ์ที่ทำให้เขามีชื่อเสียงมากที่สุดคือเขาบุกเข้าไปในจักรวรรดิราชวงศ์อื่นเพียงคนเดียวเพื่อสังหารคนทรยศในเมืองจักรพรรดิของศัตรู ในท้ายที่สุดเขาก็บุกฝ่าวงล้อมของศัตรูออกมาได้สำเร็จและกลับมาที่จักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะได้โดยที่ไม่ถูกฆ่าตาย
แน่นอนว่าการที่เขาสามารถหลบหนีออกมาได้เขาจะต้องจ่ายมหาศาล ซึ่งเขาต้องใช้เวลาหลายร้อยปีในการรักษาอาการบาดเจ็บที่ได้รับในครั้งนั้น แล้วว่ากันว่าอาการบาดเจ็บดังกล่าวทำให้เขาไม่สามารถทะลวงผ่านระดับดาราขั้นปลายชั้นสูงสุดได้
“โอ้ว แม่ทัพติงจะจริงจังเกินไปแล้ว ข้าแค่หยอกล้อจอมยุทธระดับภูผาวารีเล่นเท่านั้น” มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินออกมาอย่างช้าๆ
“อันหลันหวัง เจ้าคิดจะต่อสู้กับข้า?” ติงหลี่ชี้กระบองไปที่ชายวัยกลางคนพร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าเกรงขามออกมา
หากเป็นคนทั่วไปพวกเขาคงจะหวาดกลัวจนตายไปแล้ว แต่สำหรับชายวัยกลางคนที่มีชื่อว่าอันหลันหวังกลับไม่ไหวติ่งแม้แต่น้อย เขาเป็นคนหนึ่งที่มีสถานะสูงส่งในจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีคาม ซึ่งเขาไม่เพียงแค่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังมีสถานะที่สูงส่งด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่หวาดกลัวติงหลี่
เขาพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ข้าต้องการชีวิตของเจ้าเด็กนี่ มันจะต้องถูกสังหารในวันนี้!”
หลิงฮันยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “ข้าอยากถามท่านว่า ข้าไปรุกรานท่านตอนไหนกัน?” เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะต่อกรกับจอมยุทธระดับดาดรา แต่อีกฝ่ายต้องการฆ่าเขา แล้วเขาจะไม่สนใจได้อย่างไร?
อันหลันหวังเผยสีหน้าเหยียดยาม จอมยุทธระดับภูผาวารีกระจ้อยร่อยนี่กล้าพูดกับเขา? ช่างอวดดียิ่งนัก! เขาไม่สนใจหลิงฮันแม้แต่น้อย และยังคงจ้องมองไปที่ติงหลี่
สีหน้าของติงหลี่กลายเป็นเย็นชาและพูดว่า “บางทีเจ้าอาจรู้ว่าเจ้าเด็กนี่สามารถไปถึงเกาะกลางทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ได้ถึงสามครั้ง แล้วกลัวว่าเขาจะกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีครามของเจ้าในอนาคต?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า แล้วมันยังไง!” อันหลันหวังไม่ปฏิเสธ เขาเพียงแค่หัวเราะกลบเกลื่อนและพูดว่า “อย่างไรก็ตาม แม้เจ้าเด็กนี่จะมีความสามารถอยู่บ้าง แต่กว่าเขาจะแข็งแกร่งอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหลายแสนปี แล้วแม่ทัพติงจะเสียเวลาปกป้องเขาไปทำไม?”
“อันหลันหวัง เจ้าจะสู้กับข้าจริงๆรึ?” ติงหลี่เริ่มหมดความอดทน
“แม่ทัพติง ข้าได้ยินมาว่าเจ้าแอบหลงรักจักรพรรดินี แล้วเจ้าไม่กลัวหรือว่าพรสวรรค์ของเจ้าเด็กนี่ทำดึงดูดความสนใจของจักรพรรดินีรึ หรือแม้กระทั่ง…ฮ่าฮ่าฮ่า!” อันหลันหวังพูดเปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหัน
นี่คือจุดอ่อนของติงหลี่
เขาแอบหลงรักจักรพรรดินีมานาน ซึ่งเป็นความลับที่หลายคนทราบเป็นอย่างดี
ตอนนี้เมื่อถูกอันหลันหวังพูดยั่วยุ ใบหน้าของติงหลี่เลยเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และเผยจิตสังหารออกมาให้เห็น
จักรพรรดินีไม่ได้เป็นจุดอ่อนเดียวของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวตนที่เขาไม่อาจขัดขืนและล่วงเกินได้!
“อันหลันหวัง เจ้ากำลังรนหาที่ตาย?” ติงหลี่โกรธมาก ถึงแม้เขาจะแอบหลงรักจักรพรรดินี แต่เขาก็ยังมีความละอายใจอยู่บ้างและเชื่อว่าไม่มีชายคนใดในโลกที่คู่ควรกับนาง และตอนนี้อีกฝ่ายยังกล้าพูดจาดูหมิ่นจักรพรรดินี ซึ่งทำให้เขาโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก
อันหลันหวังรู้สึกตกตะลึงที่เขายั่วยุติงหลี่ไม่สำเร็จ ในทางตรงข้ามมันกลับเป็นการกระตุ้นโทสะของติงหลี่มาที่เขาอีก นี่เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของเขา!
“ฮ่าฮ่าฮ่า ยังไงก็ตามเจ้าเด็กนี่จะต้องถูกกำจัดโดยเร็ว!” เสียงของใครบางคนดังขึ้น และมีชายรูปงามในชุดขาวปรากฏตัวอยู่ด้านข้างติงหลี่และอันหลันหวัง
“ฉีเฟิง!” ติงหลี่ตะโกน
ฉีเฟิงเป็นแม่ทัพของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ เขามีสถานะและความแข็งแกร่งในระดับเดียวกันกับติงหลี่ ในตอนที่ติงหลี่บุกเข้าไปในจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์ เขาเป็นตัวหลักที่ไล่ล่าติงหลี่ แต่น่าเสียดายที่เขาปล่อยให้ติงหลี่หลบหนีกลับไปที่จักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะได้ และนั่นเองเป็นความกังวลที่อยู่ในใจของเขาอยู่ตลอดเวลา
ทั้งสองอาจพูดได้ว่าเป็นศัตรูกันมานาน แต่จักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสามแห่งไม่ได้มีความบาดหมางถึงขั้นก่อสงครามครั้งใหญ่กันอีกแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ต่อสู้กันมานาน
“ติงหลี่ ส่งเจ้าเด็กนั่นมา มิฉะนั้นข้าก็คงไม่รังเกียจที่จะร่วมมือกับอันหลันหวัง!” ฉีเฟิงกล่าว
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ เขาแค่ไปถึงเกาะกลางทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ได้สามครั้งเท่านั้น แต่ทำไมจอมยุทธระดับดาราถึงต้องการกำจัดเขาให้ได้ขนาดนี้?
“ครั้งนี้เจ้าทำเกินไปมากจริงๆ!” สุ่ยเยี่ยนยวี่พูดกระซิบ “ครั้งก่อนจ้าวหลุนก็เกือบถูกฆ่าเมื่อเขาไปที่เกาะกลางทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ได้สองครั้ง แต่ในตอนนั้นที่เขารอดมาได้เพราะชื่อเสียงของตัวเขาเองและความช่วยเหลือของแม่ทัพจ้าวที่เป็นพ่อของเขา”
นางรู้สึกเป็นห่วงหลิงฮันมาก ครั้งนี้ใครจะคิดกันล่ะว่าหลิงฮันจะมีพรสวรรค์มากมายขนาดนี้ การที่เขาสามารถไปเกาะกลางทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ได้สามครั้ง นี่แสดงให้เห็นว่าเขามีพรสวรรค์มากกว่าจ้าวหลุนหลายเท่านั้น แล้วอีกสองจักรวรรดิราชวงศ์จะไม่เคลื่อนไหวได้อย่างไร
แต่ตอนนี้มีแม่ทัพติงหลี่เพียงคนเดียว แล้วเขาจะสามารถต่อกรกับอีกฝ่ายที่เป็นจอมยุทธระดับดาราสองคนได้อย่างไร?
อันหลันหวังยืนกอดอกและเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
แต่ติงหลี่บ้าคลั่งไปแล้ว เขาชี้กระบองใส่อีกฝ่ายไม่หยุดและพูดว่า “หากพวกเจ้าอยากลองดีก็ลองดู! แล้วอย่าหาว่าข้าทำตัวไม่สุภาพ! แล้วข้าจะพารุ่นเยาว์ของพวกเจ้าไปด้วย…จะต้องไม่มีใครรอดกลับไปแม้แต่คนเดียว!”
เมื่อติงหลี่กล่าว สีหน้าของอันหลันหวังและฉีเฟิงเปลี่ยนไปทันที คำพูดที่ออกมาจากปากจอมยุทธระดับดารา ใครจะคิดว่าเขาพูดเล่น?
“ติงหลี่ เช่นนั้นข้าจะสั่งสอนเจ้าเองว่าสุดยอดทักษะของทะเลทรายทางเหนือมันเป็นเช่นไร!” หมัดของฉีเฟิงขยายใหญ่ขึ้นสองเท่า ถึงแม้เขาจะรูปงาม แต่แท้จริงแล้วเขามีชื่อเสียงด้านการต่อสู้ระยะประชิดมากที่สุด
“ข้าเองก็จะสั่งสอนเจ้าเช่นกัน!” อันหลันหวังนำดาบที่ทรงพลังออกมา
ตอนที่ 976
ติงหลี่กระโจนเข้าหาอันหลันหวังและฉีเฟิงอย่างไม่หวาดกลัว กระบองของเขาพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับแสงสีทองอันเจิดจ้าพุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับกำลังเขย่าดวงดาวทั้งหมดที่อยู่บนท้องฟ้า
โชคดีที่นี่ไม่ใช่โลกใบเล็ก แต่ ยังไงจอมยุทธระดับดาราก็ยังคงเป็นจอมยุทธระดับดาราอยู่ดี เมื่อติงหลี่เคลื่อนไหวทำให้พื้นปฐพีสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่งและแยกออกจากกัน มันไม่สามารถต้านทานพลังของจอมยุทธระดับดาราได้
ฝูงชนรีบถอนตัวออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว หากเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ของจอมยุทธระดับดารา แม้กระทั่งจอมยุทธระดับสุริยันจันทราก็ยังไม่อาจยืนหยันได้ แล้วพวกเขาที่เป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีจะไปเหลืออะไร
อันหลันหวังและฉีเฟิงโจมตีออกไปพร้อมกับ หมัดและดาบของพวกเขาเข้าปะทะกับกระบองทองของติงหลี่
ปัง!
เมื่อหมัดและดาบปะทะกับกระบองทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้น พื้นที่ที่พวกเขาอยู่เจิดจ้าไปด้วยแสงสีทอง แม้หลายคนจะล่าถอยไปไกล แต่คลื่นกระแทกที่ได้รับทำให้คนกว่าเก้าในสิบกระอักเลือด
หลังจากที่แสงสีทองอันเจิดจ้าสลายหายไป พวกเขาก็เห็นติงหลี่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ในขณะที่หมัดของฉีเฟิงและดาบของอันหลันหวังปะทะกับกระบอง ราวกับพวกเขากลายเป็นรูปปั้น
“ขึ้นไปบนฟ้าแล้วมาสู้กัน!”
ทั้งสามคนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า และยืนอย่างภาคภูมิใจ จากนั้นในไม่ช้าทั้งสามคนก็เริ่มต่อสู้กันทันที
-มีเพียงแค่จอมยุทธระดับดาราเท่านั้นที่สามารถใช้พลังแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์และโปยบินบนท้องฟ้าได้
ครั้งนี้พลังที่พวกเขาแสดงออกมาให้เห็นแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้หลายร้อยเท่า เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้พวกเขาอ้อมมือเอาไว้เพื่อไม่ให้รุ่นเยาว์ที่พามาโดนลูกหลงและถูกฆ่าตาย
ครืน ครืน ครืน คลื่นพลังแผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้าพร้อมกับแสงสว่างที่เจิดจ้า แม้แต่ดวงอาทิตย์ยังต้องถูกบดบัง
หลายคนรู้สึกหวาดกลัวและนั่งลงไปกองกับพื้น มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถยืนหยัดได้
หลิงฮันใช้เนตรแห่งสัจธรรมและจ้องมองการต่อสู้ของจอมยุทธระดับดาราทั้งสามคน
พวกเขารวดเร็วมาก และเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา หากเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีทั่วไปสายตาของพวกเขาคงไม่มีทางจับภาพของทั้งสามคนได้ทัน
ติงหลี่กระโจนเข้าหาฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้ความหวาดกลัว เขาตวัดกระบองไปที่ทั้งสองคน โดยที่ไม่ใช้ลูกเล่นอะไรเลย
ตัวตนอย่างเขาไม่จำเป็นต้องใช้ลูกเล่น เพียงแค่ตวัดกระบองธรรมดาพลังทำลายล้างของมันก็น่าสะพรึงกลัวแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายตรงข้ามมีกันสองคน คือฉีเฟิงและอันหลันหวังที่เป็นจอมยุทธระดับดาราขั้นต้นชั้นสูงสุดแล้วยังเป็นอัจฉริยะระดับสี่ดาวอีก ทั้งสองจะอ่อนแอกว่าติงหลี่ได้อย่างไร?
แม้ตอนนี้ติงหลี่จะต่อสู้กับทั้งสองคนได้อย่างสูสี แต่ถ้าการต่อสู้ยืดเยื้อล่ะ? ใครจะเป็นผู้ยืนหยัดคนสุดท้าย?
ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะเป็นกังวล เมื่อใดที่ติงหลี่พ่ายแพ้ ฝ่ายตรงข้ามจะต้องไล่ฆ่าเขาอย่างแน่นอน
นี่ไม่ใช่การรังแกเด็กหรอกหรือ?
หลิงฮันรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เขาทำได้แค่ยอมให้อีกฝ่ายกลั่นแกล้งเท่านั้น ทั้งที่เขาเพิ่งจะขึ้นมาจากโลกใบเล็กและเพิ่งจะทะลวงผ่านระดับภูผาวารี และถึงแม้เขาจะเป็นอัจฉริยะระดับห้าดาวหรือหกดาว แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะต่อกรด้วยได้
ความแข็งแกร่ง…ยังไม่เพียงพอ!
หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ในใจ ตอนนี้เขามีผลึกภูผาวารีทั้งหมดแปดก้อน ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เขาทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด ในเมื่อมันมีสมบัติล้ำค่าอย่างผลึกภูผาวารีอยู่ในโลก มันก็น่าจะมีสมบัติล้ำค่าที่คล้ายกันที่สามารถทำให้เขาทะลวงผ่านระดับได้อย่างรวดเร็วอยู่เหมือนกัน
เขาจะต้องทะลวงผ่านขั้นกลาง ขั้นสูง และขั้นสูงสุดให้เร็วที่สุด แล้วทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทรา!
หลังจากที่เขากลายเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราแล้วเท่านั้นถึงจะมีจุดยืน เขาจะไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป เพราะจำนวนของจอมยุทธระดับดารานั้นมีน้อยมาก แล้วจากนั้นเขาก็จะสามารถออกเดินทางบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ได้โดยไม่ต้องหวาดกลัว
ปัง! ปัง! ปัง!
ระหว่างที่หลิงฮันกำลังครุ่นคิด การต่อสู้บนท้องฟ้าดุเดือดมาก
อันหลันหวังและฉีเฟิงเริ่มเอาจริง ทั้งสองคนต่างนำอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ของตนออกมา อาวุธของอันหลันหวังคือขวดล้ำค่าที่ลอยอยู่บนหัวของเขา มันมีพลังอำนาจลึกลับบางอย่างที่คอยปกป้องเขา พลังป้องกันของมันน่าสะพรึงกลัวมาก
ส่วนฉีเฟิงนำกระจกบางอย่างออกมา มันสามารถยิงลำแสงที่มีพลังทำลายล้างน่าสะพรึงกลัวออกมาได้ แม้แต่ภูเขายังถูกทำลายในพริบตา
ติงหลี่เองก็ใช้พลังอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง กระบองของเขาถูกสร้างขึ้นมาจากแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายตรงข้ามมีกันสองคน แค่คนเดียวก็เพียงพอที่จะต่อกรกับเขาได้แล้ว ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามมีสองคนทำให้ติงหลี่เสียเปรียบเป็นอย่างมาก
โชคดีที่เขาสวมชุดเกราะอยู่ ซึ่งชุดเกราะของเขาเองก็เป็นเกราะระดับศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน อักขระบนตัวเกราะส่องแสงสว่างอยู่ตลอดเวลา ตราบใดที่มันยังไม่ถูกทำลาย เขาก็จะไม่มีวันได้รับบาดเจ็บ
แต่ปัญหาคือภายใต้การโจมตีของจอมยุทธระดับดาราสองคน เกราะของเขาคงอยู่ได้ไม่นาน ในไม่ช้าบนร่างกายของติงหลี่ก็ปรากฏบาดแผลจำนวนมาก
“แม่ทัพติง แค่จอมยุทธระดับภูผาวารีคนเดียวเจ้าจะเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงเพื่ออะไร!” อันหลันหวังไม่อยากฆ่าติงหลี่ ไม่เช่นนั้นเรื่องมันอาจบานปลายมากไปกว่านี้
หากติงหลี่เข้าตาจน เขาอาจใช้ทุกอย่างที่มีออกมา แม้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกฆ่าตาย แต่ก็อาจได้รับบาดเจ็บสาหัส
ใบหน้าของติงหลี่กลายเป็นหนาวเย็น ร่างกายของเขาอาบไปด้วยเลือด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเลือดของเขาเอง และมีเลือดของทั้งสองคนอยู่บ้าง สภาพของเขาในตอนนี้ดูน่าหวาดกลัวมาก เขาส่งเสียงหัวเราะและพูดว่า “พวกเจ้าเอาชนะข้าให้ได้ก่อนแล้วค่อยพูด!”
กระบองของเขาเปลี่ยนไป มันดูเชื่องช้ากว่าเดิมมาก
“หืม?”
สีหน้าของอันหลันหวังและฉีเฟิงกลายเป็นเคร่งขรึม และดูวิตกกังวลเล็กน้อย
“นี่มันทักษะเก้ากระบองลึกลับ!” ฉีเฟิงเคยต่อสู้กับติงหลี่มาก่อน ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับทักษะของติงหลี่เป็นอย่างดี
ทักษะเก้ากระบองลึกลับ คือการโจมตีเก้ารูปแบบ มันไม่ใช่การโจมตีที่ตายตัว แต่การโจมตีทั้งเก้าครั้งสามารถเปลี่ยนแปลงได้หลากหลายไม่อาจคาดเดาได้
การโจมตีแรกว่าทรงพลังแล้ว แต่การโจมตีครั้งต่อไปจะทรงพลังยิ่งกว่าเก่า
นี่เพียงพอที่จะทำให้พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นหนึ่งในสาม หรือแม้กระทั่งครึ่งดาว!
ในเมื่อพวกเขาทั้งสามคนต่างก็เป็นอัจฉริยะระดับสี่ดาว ถ้าพลังต่อสู้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็อาจพลิกโฉมของการต่อสู้ได้!
ตอนที่ 977
อันหลันหวังและฉีเฟิงรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อยในใจ มันเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะยกระดับความแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาติดอยู่ในระดับนี้มานานแสนปีแล้ว แม้แต่ความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อยยังเป็นเรื่องยากเลย
ติงหลี่หัวเราะอยากภาคภูมิใจและพูดว่า “กินกระบองของข้าไปซะ!”
เขาเพียงแค่หันไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย และฟาดฟันกระบองใส่ฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น
แต่ในขณะที่เขายกกระบองขึ้นมา แสงสีทองได้หลอมรวมเข้าด้วยกัน และก่อตัวเป็นวงกลมมากถึงสามสิบหกวง และเข้าไปล้อมรอบอันหลันหวังกับฉีเฟิง
อันหลันหวังกับฉีเฟิงไม่กล้าประมาท ทั้งสองคนรีบระเบิดพลังทั้งหมดออกมาทันที มิฉะนั้นอาจเป็นพวกเขาสองคนที่ถูกคนคนเดียวฆ่าตาย
ปัง!
เมื่อติงหลี่เหวี่ยงกระบอง บอลแสงทั้งสามสิบหกลูกพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้ามทันที และทำให้ท้องฟ้าเจิดจ้าไปด้วยแสงสีทองอีกครั้ง ถึงขั้นทำให้สวรรค์และปฐพีกลายเป็นมืดมิด นั่นเป็นเพราะแสงสีทองนั่นมันเจิดจ้าเกินไป
เมื่อแสงสีทองเรือนหายไป อันหลันหวังและฉีเฟิงก็มีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บ
“อัก!” ติงหลี่เองก็กระอักเลือดออกมาเช่นกัน แต่เลือดที่ไหลออกมานั้นเป็นสีทองและถูกเผาไหม้ไปจนหมดก่อนที่จะตกลงสู่พื้นดิน
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ฉีเฟิงส่งเสียงหัวเราะ “ติงหลี่ที่แท้เจ้าก็ยังไม่เชี่ยวชาญทักษะเก้ากระบองลึกลับ! แล้วเจ้าจะโจมตีได้อีกสักกี่กระบวนท่ากันเชียว?”
ติงหลี่ยืนหยัดอย่างภาคภูมิใจบนท้องฟ้า เส้นผมสีดำของเขาสะบัดไปมา แล้วพูดอย่างกล้าหาญว่า “ไม่ต้องกังวล อย่างน้อยก็สามารถฆ่าพวกเจ้าได้!”
ฉีเฟิงเริ่มกังวล เขาแค่ต้องการฆ่าหลิงฮันเท่านั้นเพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลม แต่ถ้าอีกฝ่ายตายหรือเขาเป็นฝ่ายถูกฆ่า มันจะนำพาผลที่ตามมามากมาย
ติงหลี่ตัดสินใจที่จะต่อสู้จนตัวตาย แต่เขายังขาดพลัง ดังนั้นถ้าต่อสู้กับสองคนโอกาสที่เขาจะเป็นฝ่ายแพ้นั้นสูงมาก
อันหลันหวังเองก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าติงหลี่จะยอมสู้จนตัวตายเพื่อจอมยุทธระดับภูผาวารีแค่คนเดียว! ว่ากันว่าในบรรดาแม่ทัพทั้งเจ็ดคน ติงหลี่เป็นผู้ที่ภักดีต่อจักรพรรดินีมากที่สุด และดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นไม่มีผิด
-จักรพรรดินีได้มอบหมายให้เขาคอยดูแลและพาผู้มีสิทธิ์เข้าเขตแดนลี้ลับมาที่นี่ แม้จะต้องตายเขาก็ต้องทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
มันเป็นเพราะความโง่เขลาของเขาหรือความภักดีกันแน่?
อันหลันหวังไม่เคยเห็นจักรพรรดินีมาก่อน แต่เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของจักรพรรดินีมานาน ว่ากันว่านางเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในโลก แม้แต่จักรพรรดิจากทั้งสองจักรวรรดิราชวงศ์ยังโงหัวไม่ขึ้น
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่เขาอยากจะเห็นโฉมหน้าของจักรพรรดินีว่างดงามเพียงใดถึงทำให้ติงหลี่ภักดีต่อนางขนาดนี้
หัวใจของฉีเฟิงเต็มไปด้วยความสับสน เขาไม่คิดที่จะมาทิ้งชีวิตที่นี่ และไม่อยากต่อสู้อีกต่อไป
อันหลันหวังยิ้มและพูดว่า “เนื่องจากความแน่วแน่ของแม่ทัพติงที่แสดงออกมาให้เห็น เช่นนั้นข้าก็จะไว้หน้าเจ้า โดยการไม่ฆ่าเจ้าเด็กนี่!” อย่างไรก็ตาม หลิงฮันเป็นเพียงแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นเท่านั้น อีกนานกว่าเขาจะกลายเป็นจอมยุทธระดับดารา ซึ่งพวกเขายังมีโอกาสอีกมากที่จะฆ่าหลิงฮัน
ฉีเฟิงไม่พูดอะไร เขาดูนิ่งเงียบ แต่ที่จริงแล้วเขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ติงหลี่พาดกระบองไว้บนไหล่ และแสยะยิ้มอย่างเฉยเมย
“ยังไงก็ตาม พวกข้าได้วางมือแล้ว เช่นนั้นปล่อยให้รุ่นเยาว์เป็นคนจัดการเองได้หรือไม่?” อันหลันหวังยังคงไม่ละความคิดที่จะฆ่าหลิงฮัน
“ย่อมได้!” ติงหลี่ตอบอย่างเรียบง่าย เขาเพียงแค่โบกมือและพูดว่า “ตราบใดที่อยู่ในระดับเดียวกันหรืออายุใกล้เคียงกัน ข้าก็ไม่มีปัญหา!”
ทั้งสามคนร่อนลงกลับไปที่พื้นพร้อมกัน
“ใครในหมู่พวกเจ้าสามารถต่อสู้กับอัจฉริยะจากจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะได้บ้าง?” อันหลันหวังถามรุ่นเยาว์ของจักรวรรดิตนเองด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าใครคนใดสามารถสังหารเจ้าเด็กนั่นได้ ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์!” ฉีเฟิงไม่พูดอ้อมค้อมและเสนอรางวัลตอบแทนทันที
ทว่ากลับไม่มีใครเสนอตัวแม้แต่คนเดียว
ในทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ หลายคนเห็นความสำเร็จของหลิงฮัน เขาเป็นคนที่ผิดปกติมาก แม้จะตกลงไปในทะเลสาบก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ แล้วใครจะไปทำอะไรเขาได้? ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไปถึงเกาะกลางทะเลสาบได้ถึงสามครั้งอีกด้วย
การที่หลิงฮันสามารถไปเกาะกลางทะเลสาบได้สามครั้งสามารถอธิบายได้ว่าอย่างไร?
ความแข็งแกร่งและกายหยาบของเขาสามารถบดขยี้ใครก็ได้ในระดับภูผาวารีขั้นต้น!
ข้อเสนอของฉีเฟิงนั้นน่าดึงดูดเป็นอย่างมาก แต่ในกรณีที่พวกเขาเป็นฝ่ายแพ้ล่ะ? มันจะเกิดอะไรขึ้น?
ช่วยไม่ได้ที่ใบหน้าของอันหลันหวังและฉีเฟิงจะบิดเบี้ยวจนดูน่าเกลียด รุ่นเยาว์ของพวกเขาไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับหลิงฮัน นี่ทำให้พวกเขาอับอายเป็นอย่างมาก
“โอ้ว เจ้าโง่หลิงแข็งแกร่งถึงขนาดไม่มีใครกล้าสู้กับเขาเลยหรือ?” หลี่เหว่ยเหว่ยรู้สึกแปลกใจและตื่นเต้น ในอดีตถ้าเป็นจ้าวหลุนยังพอมีคนอื่นเข้ามาท้าทายเขาอยู่บ้าง
หลิงฮันแข็งแกร่งเกินไปจนไม่มีใครกล้าสู้ด้วย นี่ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่
เมื่อถังเฟยเห็นเช่นนี้ ช่วยไม่ได้ที่เขาจะกำหมัดแน่นด้วยความหึงหวงและความเกลียดชัง
เขาสาบานอยู่ในใจว่าจะท้าทายหลิงฮันและโค่นล้มอีกฝ่ายให้จงได้!
“เจ้าพวกไม่ได้เรื่อง!” ฉีเฟิงโบกมือและตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “รีบย้ายก้นของพวกเจ้าขึ้นไปบนเรือเหาะได้แล้ว!”
ผู้คนจากจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์รีบขึ้นไปบนเรือเหาะทันที ใครจะมีความกล้าเข้าไปท้าทายหลิงฮันกัน?
อันหลันหวังถอนหายใจและสั่งให้คนของเขาขึ้นไปบนเรือเหาะเช่นเดียวกัน
ทั้งสองคนจ้องมองหลิงฮันไม่หยุด แล้วหันเรือบินมุ่งหน้าไปยังทิศทางจักรวรรดิของตน
ในปัจจุบัน หลิงฮันยังห่างไกลจากระดับดารา แล้วพวกเขาจะไม่มีโอกาสฆ่าจอมยุทธระดับภูผาวารีได้อย่างไร?
“เดินทางกลับ!” ติงหลี่เองก็โบกมือ และเมื่อทุกคนขึ้นไปบนเรือเหาะครบแล้ว เขาก็รีบเข้าไปในห้องโดยสารทันที ใบหน้าของเขาตอนนี้ดูซีดขาวเป็นอย่างมาก ถึงขั้นทรุดลงกับพื้น และมีเหงื่อไหลท่วมตัวราวกับสายน้ำ
การที่เขาสามารถต่อกรกับจอมยุทธระดับดาราสองคนได้จะไม่มีค่าตอบแทนได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น เขายังใช้ทักษะเก้ากระบองลึกลับออกมาด้วย ทำให้ร่างกายของเขาได้รับภาระหนักเกินไป หากเขาไม่ทำเช่นนั้น แล้วเขาจะต่อกรกับจอมยุทธระดับดาราทั้งสองคนได้อย่างไร?
เรือเหาะมุ่งหน้ากลับจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เรือเหาะมาถึงเมืองจักรพรรดิ ทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้านของตัวเอง อย่างไรก็ตามก่อนที่ทุกคนจะจากไป พวกเขาต่างหันหน้ากลับไปมองหลิงฮันไม่หยุด อัจฉริยะอย่างเขาถ้าไม่มีคนคอยหนุนหลัง มันเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะถูกเก็บระหว่างทาง
ตอนที่ 978
เมื่อผู้คนที่เข้าไปในเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์เดินทางกลับมาถึงเมืองจักรพรรดิ ข่าวที่น่าทึ่งก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองจักรพรรดิอย่างรวดเร็ว
-ใครบางคนสามารถไปเกาะกลางทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ได้สามครั้ง!
ผู้คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจความหมาย ไปได้สามครั้งมันก็ดีแล้วมิใช่หรือ?
ทันใดนั้นก็มีบางคนพูดว่า “แล้วเจ้ารู้จักจ้าวหลุนหรือไม่? จ้าวหลุนสามารถไปเกาะกลางทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ได้แค่สองครั้งเท่านั้น และถือเป็นคนแรกในรอบพันปี!”
เมื่อพูดเปรียบเทียบจะทำให้ทุกคนมองเห็นภาพมากยิ่งขึ้น
จ้าวหลุนเป็นใคร?
เขาคืออัจฉริยะที่แท้จริง ทุกคนต่างรู้จักเขาและเขามีโอกาสสูงมากที่จะทะลวงผ่านระดับดาราได้ในอนาคต! และคนที่มีพรสวรรค์อย่างเขาหาได้ยากยิ่ง!
แต่ตอนนี้กลับมีคนที่มีพรสวรรค์มากกว่าจ้าวหลุนปรากฏตัวออกมา
“หลิงฮันคนนี้เป็นใครกัน?”
“นี่เจ้าไม่รู้จักเขาหรือ? เขามาจากโลกใบเล็ก!”
“เจ้าพูดว่าไงนะ คนที่มาจากโลกใบเล็กจะมีพรสวรรค์ขนาดนั้นได้ยังไงกัน? เจ้าคิดว่าจะหลอกข้าได้อย่างนั้นรึ? ข้ายังไม่เคยเห็นจอมยุทธที่ขึ้นมาจากโลกใบเล็กมาก่อนเลย และจอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพลังต่อสู้สิบห้าดาวก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับขยะ”
“เจ้าอาจไม่รู้ว่าเขาเป็นจักรพรรดิของโลกใบเล็กที่ขึ้นมาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยการเปิดสวรรค์”
“อึก!”
แค่หลิงฮันเข้าร่วมการประลองระหว่างจักรวรรดิแล้วได้รับชัยชนะอันดับหนึ่งมาก็ทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วแล้ว แต่ตอนนี้ชื่อเสียงของเขาในเมืองจักรพรรดิ ทุกขุมพลังต่างจดจำเขาเอาไว้
หากเขาเติบโตขึ้น มันมีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะกลายเป็นจอมยุทธระดับดาราที่แข็งแกร่งที่สุดในอนาคต!
แต่การทะลวงผ่านระดับดาราได้นั้นเป็นเรื่องยากมาก มันต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากมายมหาศาล ถ้าไม่มีขุมพลังคอยหนุนหลังเขา เขาจะไม่มีทางทะลวงผ่านระดับดาราได้อย่างแน่นอน
ขุมพลังบางแห่งที่มีจอมยุทธระดับสุริยันถึงขั้นตัดสินใจรับหลิงฮันเป็นบุตรเขต ตราบใดที่หลิงฮันเห็นชอบด้วย พวกเขาก็จะมอบทรัพยากรทั้งหมดให้แก่เขา แล้วเมื่อใดที่เขากลายเป็นจอมยุทธระดับดารา เขาก็จะกลายเป็นเสาหลักของตระกูล
แต่บางขุมพลังก็หวังฆ่าหลิงฮัน อย่างเช่นตระกูลหลัวที่ไม่ยอมให้หลิงฮันเติบโตไปมากกว่านี้
เมื่อหลิงฮันมาถึงเมืองจักรพรรดิ เขารีบมุ่งหน้ากลับไปที่สำนักทันที
อย่างแรกที่เขาต้องทำคือรายงานตัวที่สำนัก เกี่ยวกับผลกระทบที่ใช้ผลึกภูผาวารี เพราะเขาทะลวงผ่านระดับภูผาวารีได้โดยใช้ผลึกภูผาวรีไม่ใช่ความเข้าใจของตนเอง ขีดจำกัดของเขาจึงอยู่ที่ระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด ซึ่งเขาจะต้องฝึกฝนเทคนิคบ่มเพาะพลังระดับศักดิ์สิทธิ์ที่จะก้าวหน้า
ทางสำนักนภาสีชาดให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง และส่งผู้อาวุโสมากประสบการณ์เข้ามาช่วยเขาฝึกฝนเทคนิคบ่มเพาะพลังทั่วไป หากต้องการเทคนิคบ่มเพาะพลังระดับสูงกว่านั้นจะต้องใช้คะแนนแลก และหลิงฮันก็พอใจกับความสำเร็จของเขาที่ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์มาก สำนักนภาสีชาดฝ่ายเหนือจึงให้คะแนนเขาเพิ่มอีกหนึ่งพันคะแนน
-เพราะภายในสิบปีศิษย์ระดับภูผาวารีขั้นต้นทั่วไปจะไม่สามารถรวบรวมคะแนนได้มากนัก กรณีของหลิงฮันถือว่าหาได้ยากยิ่ง
เทคนิคบ่มเพาะพลังที่เขากำลังฝึกฝนอยู่ในปัจจุบันมีชื่อว่าเจ็ดดารา มันเป็นเทคนิคบ่มเพาะพลังที่ธรรมดามาก เพราะศิษย์ทุกคนจะได้รับเทคนิคบ่มเพาะพลังนี้จากสำนักหลังจากที่บรรลุระดับทลายมิติขั้นเก้าแล้ว
แน่นอนว่าทางสำนักไม่มีทางมอบเทคนิคบ่มเพาะพลังระดับสูงให้หากไม่ได้รับผลตอบแทนอะไรเลย
ผู้อาวุโสที่คอยช่วยเหลือเขามีหน้าที่อธิบายเทคนิคบ่มเพาะพลังให้แก่หลิงฮันฟังและถ้าหลิงฮันไม่เข้าใจอะไรเขาสามารถถามได้ทุกเมื่อ
ศิษย์ทั่วไปมีเวลาสามวันในการขอคำแนะนำ แต่สำหรับหลิงฮันเขามีเวลาเจ็ดวัน นี่แสดงให้เห็นว่าเขาพิเศษกว่าคนอื่นแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม หลิงฮันขอคำแนะนำจากผู้อาวุโสแค่วันเดียวเท่านั้น และวันถัดไปเข้าก็เริ่มปิดด่านฝึกตน
อย่างแรกมันเป็นเพราะเขาเริ่มเข้าใจพลังของตนเองแล้ว และอย่างที่สองเขาอยู่ระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดแล้ว
หลิงฮันนำผลึกภูผาวารีออกมาและดูดซับมัน หลังจากที่ดูดซับผลึกภูผาวารีเสร็จ เขาก็บรรลุระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด แต่ยังไม่หยุดแค่นั้น เขายังคงดูดซับพลังของผลึกภูผาวารีไม่หยุดเพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุด
หลังจากที่ดูดซับผลึกภูผาวารีก้อนนี้เสร็จ เขาก็ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดสำเร็จ แต่ไม่หยุดแค่นั้น เขายังคงดูดซับผลึกภูผาวารีอย่างต่อเนื่องเพื่อทะลวงผ่านขั้นถัดไป
แต่ดูเหมือนผลึกภูผาวารีสีก้อนจะไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาทะลวงผ่านขั้นถัดไป ยิ่งระดับสูงเท่าไหร่ก็จะยิ่งใช้ทรัพยากรมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อเขาดูดซับผลึกภูผาวารีเปลวเพลิงไปได้หกก้อน เขาก็พบปัญหา
“ถ้าเจ้าดูดซับผลึกภูผาวารีที่มีคุณสมบัติพิเศษจะเป็นการสูญเปล่า หลังจากทะลวงผ่านขั้นกลางแล้วเท่านั้นถึงจะมีภูผาวารีที่สองถือกำเนิดขึ้น”
หลิงฮันจึงนำผลึกภูผาวารีธรรมดาอีกก้อนออกมาดูดซับแทน
“แม้ข้าจะดูดซับผลึกภูผาวารีอีกสามก้อนแต่ก็ยังอยู่ระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด!”
หลิงฮันส่ายหัว เขาไม่คิดเลยว่าช่องว่างมันจะใหญ่ขนาดนี้ ทั้งที่ตอนแรกเขาใช้ผลึกภูผาวรีแค่ก้อนเดียวเท่านั้น
“อย่างไรก็ตาม ข้าก็เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีแล้วอยู่ดี!” หลิงฮันยิ้มและใช้เวลาไปสี่วันกับการดูดซับพลังของผลึกภูผาวารี ในที่สุดเขาก็ตระหนักถึงพลังของระดับภูผาวารี แล้วมันยังมีช่องว่างให้เขาพัฒนาอยู่อีก
ในตันเถียนของเขา ภูผาวารีแรกขยายใหญ่ขึ้นร้อยเท่า ไม่แตกต่างจากจอมยุทธระดับภูผาวารีคนอื่น
“ข้าเพิ่งเรียนรู้เทคนิคบ่มเพาะพลังเจ็ดดาราในไม่ช้าคงถึงขีดจำกัด ข้าต้องการเทคนิคบ่มเพาะพลังใหม่ มิฉะนั้นข้าคงไม่อาจทะลวงผ่านขั้นกลางได้ แม้จะมีผลึกภูผาวารีก็ตามก็คงไม่ช่วย”
หลิงฮันส่ายหัว คุณภาพของเทคนิคบ่มเพาะพลังจะส่งผลต่อความเร็วในการก้าวหน้าโดยตรง ดังนั้นเขาจะต้องสะสมคะแนนให้มากที่สุดเพื่อแลกเปลี่ยนกับเทคนิคบ่มเพาะพลังที่ดีกว่า
หลังจากที่กล่าวลาผู้อาวุโสที่ชี้แนะเสร็จ หลิงฮันก็เดินไปที่หอตำรา
อย่างแรกเพื่อหาเทคนิคบ่มเพาะพลังที่จะทำให้เขาทะลวงผ่านขั้นกลาง แม้ว่าตอนนี้จะมีคะแนนไม่พอแลกก็ตาม อย่างน้อยเขาก็จะได้รู้คะแนนที่ต้องใช้แลกมิใช่หรือ? และอย่างที่สองเพื่อไปเยี่ยมเฒ่าฉือสำหรับทักษะที่มอบให้ ซึ่งหลิงฮันยังไม่ได้กล่าวขอบคุณเลย
หลิงฮันรีบเดินไปที่หอตำราอย่างรวดเร็ว
ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เฒ่าฉือยังคงนั่งหลับอยู่หน้าประตู
“คารวะผู้อาวุโส!” หลิงฮันเดินเข้าไปทักทายและแสดงความเคารพ
“เจ้ากลับมาแล้ว?” เฒ่าฉือถาม ดวงตาของเขายังคงปิดอยู่
“ขอรับ ข้ากลับมาแล้ว!” หลิงฮันพยักหน้า
“เจ้าเข้าไปได้” เฒ่าฉือโบกมือ
หลิงฮันพยักหน้าอีกครั้ง เขาเหยียดมือออกไปแล้วกดลงบนแผ่นหินที่ประตู ตอนนี้เขามีสิทธิ์ขึ้นไปบนชั้นสองแล้ว
เมื่อไปถึงชั้นสองมันมีชั้นตำรามากกว่าชั้นแรกถึงสองเท่า และยังมีแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยอักขระศักดิ์สิทธิ์และปลดปล่อยกลิ่นอายอันเก่าแก่ออกมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น