Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 963-966
ตอนที่ 963
นี่มันเหมือนกับอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์?
หากมีอักขระศักดิ์สิทธิ์ถูกสลักอยู่บนอาวุธ ตราบใดที่มันถูกกระตุ้นใช้งาน อาวุธจะแสดงพลังพิเศษออกมา มันจะถูกเรียกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์
ตอนนี้มีอักขระศักดิ์สิทธิ์สลักอยู่บนภูผาวารีของหลิงฮัน นี่หมายความว่าภูผาวารีของเขาเป็นเหมือนกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์
อาวุธศักดิ์สิทธิ์ความสามารถแรงโน้มถ่วง
หากเขากระตุ้นใช้งานอักขระศักดิ์สิทธิ์ มันจะแฝงพลังโน้มถ่วงไปกับการโจมตีที่ปลดปล่อยออกมาและยกระดับพลังต่อสู้ให้กับเขา
ครึ่งวันต่อมา ผลึกภูผาวารีในมือของหลิงฮันก็กลายเป็นผุยผงอีกครั้ง
“ระดับภูผาวารีขั้นต้นอีกแค่สองในสามเท่านั้นข้าก็จะบรรลุชั้นสูงสุด”
“ว่าแล้วเชียว ยิ่งข้ามีระดับพลังที่สูงมากขึ้นเท่าไหร่ ผลึกภูผาวารีที่ต้องใช้ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”
“ลองอีกครั้ง”
หลิงฮันต้องการไปที่เกาะกลางทะเลสาบเป็นครั้งที่สาม
“พระเจ้า นี่เขายังคิดที่จะไปเกาะกลางทะเลสาบอีกรึ?”
เมื่อเห็นหลิงฮันกำลังเคลื่อนไหวอีกครั้ง ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึง
“มีใครเคยทำเสร็จแบบเขาหรือไม่?”
“ไม่ ไม่มีอย่างแน่นอน!”
ทุกคนต่างส่ายหัว แม้จะมีคนที่สามารถไปเกาะกลางทะเลสาบได้สองครั้งอยู่บ้าง แต่นั่นเป็นเรื่องพันปีก่อน แต่เมื่อเป็นยุคสมัยของพวกเขา ในรอบหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมาคนที่สามารถไปเกาะกลางทะเลสาบสามหรือสี่ครั้งได้นั้นพวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
ยังไงก็ตาม ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีใครไปที่เกาะกลางทะเลสาบได้ถึงสามครั้ง
“เคยมี!” ทันใดนั้นเองมีชายคนหนึ่งตะโกนพูดขึ้นมา
“คนผู้นั้นเป็นใคร?”
“เมื่อประมาณสามแสนปีก่อน มีอัจฉริยะที่มากพรสวรรค์ผู้หนึ่งถือกำเนิดขึ้น เขาคือ-“
“ซือหรัน!
“ใช่แล้ว เขาคือซือหรัน ข้าเคยได้ยินว่าเขาได้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้น โดยการไปที่เกาะกลางทะเลสาบได้ถึงสามครั้ง หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่ว แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเองเขาก็หายตัวไปอย่างกะทันหัน โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายตัวไปไหน”
“ซือหรันคือใคร?” มีหลายคนที่ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
หลิงฮันไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง และเริ่มเหยียบแผ่นหินก้อนแรก ครั้งนี้ เขาไม่รีบที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า แล้วลองใช้พลังของอักขระศักดิ์สิทธิ์
ตึง ร่างกายของเขายังคงปล่อยแรงโน้มถ่วงออกมา แม้ประสิทธิภาพจะแตกต่างจากแรงโน้มถ่วงของที่นี่ แต่ก็สามารถหักล้างกันได้บ้าง
“ไม่เลว!”
หลิงฮันพยักหน้าอยู่ในใจ การที่จ้าวหลุนสามารถไปถึงเกาะกลางทะเลสาบได้สองครั้ง มันน่าจะเป็นเพราะหลังจากที่เขาไปถึงเกาะกลางทะเลสาบครั้งแรกแล้วได้รับผลึกภูผาวารีมา เขาน่าจะดูดซับมันที่นั่นเลย หากเป็นวิธีนี้จึงไม่แปลกที่เขาจะไปเกาะกลางทะเลสาบได้ถึงสองครั้ง
แต่แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นความแข็งแกร่งของตัวเองอยู่ดี
หลิงฮันก้าวเท้าไปข้างหน้าและเริ่มเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
สามสิบก้าวแรกหลิงฮันสามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดาย แต่สามสิบก้าวหลัง หลิงฮันเริ่มลำบากถึงขั้นขาสั่น
แปดสิบ!
หลิงฮันหยุดเดินและปาดเหงื่อ แม้แต่กระดูกของเขาก็ยังส่งเสียงสั่นสะเทือน
“พระเจ้า เขาเดินไปถึงแผ่นหินที่แปดสิบแล้ว!”
ทุกคนเผยสีหน้าที่แตกต่างกันออกมาให้เห็น แต่ก็มีหลายคนที่แสดงสีหน้าดุร้าย อัจฉริยะที่มากพรสวรรค์อย่างหลิงฮัน พวกเขาจะต้องไม่ปล่อยให้เขาเติบโตไปมากกว่านี้
หลิงฮันไม่ฝืนที่จะก้าวไปข้างหน้า แต่เดินกลับ
เขานำผลึกภูผาวารีก้อนสุดท้ายออกมาดูดซับพลัง และตั้งมั่นว่าจะไปให้ถึงเกาะกลางทะเลสาบให้ได้
หลังจากที่ดูดซับผลึกภูผาวารีเสร็จ หลิงฮันก็ใกล้จะบรรลุระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดแล้ว ซึ่งเหลืออีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น
เขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์จะเปิดทุกสิบปี ซึ่งจะมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้รับผลึกภูผาวารีมาแต่คนอย่างเขาถือว่าหาได้ยากมากที่ได้รับผลึกภูผาวารีมาห้าก้อน
บนภูเขาในตันเทียนของเขา อักขระศักดิ์สิทธิ์แถวที่สองเริ่มปรากฏขึ้นมาให้เห็น
“พลังของแรงโน้มถ่วงน่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าสินะ” หลิงฮันคิดอยู่ในใจ
“ครั้งนี้เขาน่าจะทำสำเร็จ!” สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้าไปทางหลิงฮัน ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง
หากเขาไปถึงเกาะกลางทะเลสาบได้สามครั้งถือว่าเป็นการสร้างปาฏิหาริย์
เขาจะสร้างปาฏิหาริย์ได้หรือไม่?
“หลิงฮันจะต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน!” หูเฟยหยินเชื่อในตัวหลิงฮันจนหมดใจ – แม้แต่สัตว์อสูรตัวนั้นเขายังฆ่าได้เลย แล้วทำไมเรื่องแค่นี้เขาจะทำไม่ได้?
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ครั้งนี้แหละข้าจะต้องทำสำเร็จ!”
เขาลองอีกครั้ง
ครั้งนี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้มาก ตอนนี้เขามีอักขระแรงโน้มถ่วงสองแถว หลังจากที่เขาใช้งานมันแรงโน้มถ่วงของที่นี่จะต้องถูกหักล้างไปเยอะอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นระดับพลังของเขายังมีความก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด จึงทำให้เขาสามารถผ่านแผ่นหินแปดสิบก้อนแรกได้อย่างง่ายดาย
หลังจากนั้นความเร็วของเขาก็เริ่มช้าลง
แล้วแสดงสีหน้าเหน็ดเหนื่อยออกมาให้เห็น แต่ในไม่ช้าเขาก็เดินมาถึงแผ่นหินก้อนที่เก้าสิบ
จากจุดนี้เป็นต้นไปคือจุดสำคัญและความท้าทาย
เก้าสิบเอ็ด เก้าสิบสอง เก้าสิบสาม
ทุกคนกำลังจ้องมองไปที่เขา หรือว่านี่จะเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์?
แล้วถ้าครั้งนี้เขาทำเสร็จ มันจะเป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะไปเกาะกลางทะเลสาบครั้งที่สี่?
เก้าสิบเจ็ด เก้าสิบแปด เก้าสิบเก้า อีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น!
หลิงฮันเผยรอยยิ้ม อีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น เขาก็จะไปถึงเกาะกลางทะเลสาบเป็นครั้งที่สาม!
หนึ่งร้อย!
ในขณะนั้นเอง มีหลายคนเริ่มปลดปล่อยจิตสังหารออกมา ซึ่งคนส่วนใหญ่มาจากจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์และจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีคราม อัจฉริยะอย่างหลิงฮันเขาน่าจะทะลวงผ่านระดับดาราได้ในอนาคต เพียงแค่จอมยุทธระดับดาราคนเดียวก็สามารถส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งโดยรวมของจักรวรรดิได้อย่างมหาศาล
พวกเขาจะต้องฆ่าหลิงฮันก่อนที่เขาจะแข็งแกร่งไปมากกว่านี้
เมื่อหลิงฮันได้รับผลึกภูผาวารีมา เขารีบกลับไปที่ชายฝั่งทันที และจะดูดซับมันอีกครั้งเพื่อยกระดับพลังให้ไปถึงระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด
“ตราบใดที่ข้ามีหินภูผาวารีอีกสี่หรือห้าก้อน ข้าก็น่าจะบรรลุระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดได้อย่างแน่นอน”
“อย่างไรก็ตาม ถึงกระนั้นข้าก็ไม่สามารถทะลวงผ่านขั้นกลางได้ นั่นเป็นเพราะพลังที่ข้าดูดซับมาเกิดจากปัจจัยภายนอกทั้งหมด”
“หลังจากที่ออกจากเขตแดนลี้ลับ ข้าจะต้องทำความเข้าใจพลังของตนเองในปัจจุบันให้ลึกซึ้งมากกว่านี้”
หลังจากที่ดูดซับผลึกภูผาวารีเสร็จ ถึงแม้หลิงฮันจะรู้ว่าเขาไม่น่าจะประสบความสำเร็จ แต่เขาก็ยังพยายามลองไปที่เกาะกลางทะเลสาบเป็นครั้งที่สี่ แต่ผลลัพธ์คือความล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า ครั้งนี้เขาเดินได้แค่สิบก้าวท่านั้น
“ดูเหมือนว่าถ้าข้าต้องการไปเกาะกลางทะเลสาบครั้งที่สี่ ข้าจะต้องบรรลุระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดเสียก่อน และต้องทำให้รากฐานมั่นคงด้วย”
“หากครั้งนี้ข้าทำไม่สำเร็จ นี่ข้าจะต้องรอไปอีกสิบปีอย่างนั้นรึ?”
ตอนที่ 964
การจะก้าวไปถึงเกาะครั้งที่สี่ในครั้งนี้คงเป็นไปมาได้ ดังนั้นหลิงฮันจึงทำได้เพียงล้มเลิกความคิด
สุ่ยเยี่ยนยวี่เองก็ลองข้ามทะเลสาบแล้วเช่นกัน ถึงแม้ว่านางจะมีพรสวรรค์สูงส่ง แต่นางก็ก้าวไปได้แค่แปดสิบก้าวเท่านั้น
ส่วนหูเฟยหยินที่ถูกหลิงฮันให้ยุยงก็สร้างความตกตะลึงให้ทุกคน นางก้าวไปถึงเกาะได้สำเร็จโดยที่ดูท่าทางไม่ยากลำบาก
หลิงฮันยุยงนางอีกครั้งเพื่อให้นางลองอีกรอบ
หูเฟยหยินที่คิดว่าตนเองถูกหลิงฮันช่วยชีวิตเอาไว้แน่นอนว่าต้องยอมเชื่อฝังเขาและเริ่มลองข้ามทะเลสาบครั้งที่สอง
ครั้งนี้นางใช้ความพยายามเล็กน้อย แต่ก็ก้าวไปได้แค่หกสิบก้าว
เพียงแค่มองนางที่สามารถก้าวเดินได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่หลิงฮันก็รู้ว่านางยังสามารถก้าวต่อไปได้อีก แต่เพราะนางไม่มีความทะเยอทะยานอะไรความคิดแรกเมื่อเริ่มก้าวได้ลำบากก็คือล่าถอย
หลิงฮันเชื่อว่าถึงแม้นางจะไม่สามารถก้าวไปถึงเกาะครั้งที่สองได้ แต่นางก็น่าจะก้าวไปได้อย่างน้อยเก้าสิบก้าว และหากนางกัดฟันฝืนตัวเอง นางจะต้องก้าวไปถึงเกาะเป็นครั้งที่สองได้แน่นอน
หลิงฮันอดส่ายหัวไม่ได้ พรสวรรค์ในด้านวรยุทธของหูเฟยหยินนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่นางขาดความทะเยอทะยาน ความสำเร็จในอนาคตคาดว่าอาจจะเทียบกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่ได้
“ไปกันเถอะ”
หูเฟยหยินได้รับผลึกภูผาวารีแบบพิเศษมาแล้ว นางรู้สึกพึงพอใจในตัวเองมาก แม้ที่จริงแล้วนางจะไม่ได้ต้องการของแบบนี้แต่ในเมื่อจักรพรรดินีแห่งดาราต้องการให้นางเข้ามาเขตแดนลี้ลับ นางก็ไม่อยากจะทำให้พี่สาวนางผิดหวัง
นิสัยของนางที่อ่อนโยนเช่นนี้ไม่เหมาะกับโลกแห่งวรยุทธแม้แต่น้อย
พวกเขาเดินออกจากทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์และมุ่งหน้าไปยังถ้ำเปลวเพลิงสีชาด
คำเปลวเพลิงสีชาดคืออีกสถานที่หนึ่งในเขตแดนลี้ลับที่มีผลึกภูผาวารีพิเศษ ผลึกภูผาวารีจากถ้ำนี้จะทำให้ภูผาวารีของจอมยุทธมีธาตุแห่งเปลวเพลิงที่ทรงพลัง
ถ้ำแห่งนี้มีสัตว์อสูรที่ถูกเรียกว่าอสูรลาวาที่มีพลังแฝงแห่งเปลวเพลิง ดังนั้นพลังต่อสู้ของพวกมันจึงแข็งแกร่งกว่าระดับพลังไปอีกหนึ่งขั้น
ประเด็นสำคัญก็คือที่ถ้ำแห่งนี้มีสัตว์อสูรตนหนึ่งที่มีพลังอยู่ที่ระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูง มันเป็นอสูรที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก จอมยุทธที่สามารถเข้ามายังเขตแดนลี้ลับได้ล้วนแต่ไม่มีใครแข็งแกร่งกว่ามัน ดังนั้นหากพบเห็นทุกคยจึงทำได้เพียงหลบหนี
แน่นอนว่าสัตว์อสูรตนนี้พำนักอยู่ในด้านในลึกสุดของถ้ำ มันคือราชาของเหล่าอสูรลาวา โดยปกติแล้วมันจะไม่ออกมาจากส่วนที่มันอาศัยอยู่ แต่บางทีหากดวงซวย ก็อาจจะพบเห็นมันเคลื่อนที่ไปมาในส่วนอื่นของถ้ำ
แต่หลิงฮันไม่หวั่นเกรงและจะมุ่งหน้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุด เขามีหอคอยทมิฬ ต่อให้พบเจอกับราชาของอสูรลาวาเขาก็ซ่อนตัวได้ นอกจากนั้นกายหยาบของเขาในตอนนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ระดับภูผาวารีขั้นสูงจะทำลายได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยการฟื้นฟูของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เขาจะตกตายได้อย่างไร?
หลังจากดูเส้นทางในแผนที่ ทั้งสามคนก็ออกเดินทาง
หูเฟยหยินไม่สนใจว่านางจะไปที่ไหน นางไม่มีความทะเยอทะยานแม้แต่น้อย ในเมื่อจักรพรรดินีแห่งดาราต้องการให้นางเข้ามาในเขตแดนลี้ลับ นางก็แค่เข้ามาตามที่อีกฝ่ายบอกเฉยๆ
ในขณะที่เดินทางหลิงฮันก็ตรวจสอบผลจากการดูดซับพลังผลึกภูผาวารีแรงโน้มถ่วง
“แม้แต่รูปแบบอักขระศักดิ์สิทธิ์สามอันที่เกิดจากพลังผลึกภูผาวารีแรงโน้มถ่วงก็ยังเพิ่มพลังต่อสู้ให้ข้าได้ไม่ถึงหนึ่งดาว”
“ยิ่งมีพลังต่อสู้มากเท่าไหร่ พลังต่อสู้ก็อีกหนึ่งดาวถัดไปก็ยิ่งขัดเกลาได้ยากขึ้นกว่าเดิมหลายสิบเท่า”
‘พรึบ พรึบ พรึบ’ ทันใดนั้นป่าทึบด้านหน้าพวกเขาก็เกิดการสั่นสะเทือน
หลิงฮันและสุ่ยเยี่ยนยวี่หยุดฝีเท้าทันที แต่หูเฟยหยินนั้นไม่รู้สึกตัว นางเดินนำไปอีกสองสามก้าวก่อนจะเห็นว่าหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่หยุดเดิน เขาชะงักและเดินย้อนกลับมา “ทำไมถึงไม่ไปต่อล่ะ?”
‘พรึบ’ คนสามคนวิ่งออกมาจากป่าทึบ พวกเขามีท่าทีรีบร้อนโดยคนหนึ่งร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือด พวกเขาสามคนรีบวิ่งมายังทิศทางของพวกหลิงฮัน
หลิงฮันไม่กล้าวางใจ สามคนนี้อาจจะถูกไล่ตามมาจริง แต่ก็อาจจะแสร้งทำให้ดูเหมือนเป็นเช่นนั้นแต่คิดจะลอบโจมตีพวกเขาก็ได้ ในเขตแดนลี้ลับทุกคนต้องระมัดระวังตัวไว้ก่อน
‘ครืนน!’
ในตอนนั้นเองสัตว์อสูรก็พุ่งออกมาจากป่าทึบ มันคือสัตว์อสูรยักษ์ที่มีความสูงราวๆสิบฟุต
ผิวของมันเป็นดำเข้มและมีรูปร่างเหมือนกับวานร แต่สิ่งที่แปลกก็คือตาของมันมีอยู่ดวงเดียวคือ ดวงตาขนาดใหญ่บนหน้าผาก ดวงตาของมันกินพื้นที่แทบจะครึ่งของใบหน้า
‘หมับ!’
สัตว์อสูรตัวใหญ่คว้าร่างของจอมยุทธที่อยู่ใกล้สุดเอาไว้ แขนของมันมีความยาวราวๆสิบฟุตเหมือนกับความสูงของมัน มันคว้าจับจอมยุทธที่อยู่หลังสุดในกลุ่มสามคนไว้ได้อย่างรวดเร็ว
“ปล่อยข้า!” ชายคนนั้นกรีดร้องด้วยความกลัวและสะบั้นดาบด้วยพลังสุดแรงเกิด
‘พึบ!’ สัตว์อสูรยักษ์ไม่แยแส มันหยิบดาบของชายคนนั้นมาและขว้างทิ้งไป จากนั้นมันก็โยนร่างจอมยุทธในมือเข้าไปในปากและกัดร่างของเขาจนขาดเป็นสามท่อน
จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดกลับตกตายอย่างง่ายดายเช่นนี้…
“วานรตาเดียว!” สุ่ยเยี่ยนยวี่อุทาน “สัตว์อสูรตนนี้เมื่อเติบโตเต็มที่มันจะมีพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุด พวกเราหนีไม่รอดแน่!”
ในขณะที่สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว อสูรยักษ์ก็คว้าไปยังร่างของจอมยุทธอีกคนหนึ่งและโยนเข้าไปในปากพร้อมกับกลืนลงไป
“ขะ ขะ ข้าขยับตัวไม่ได้!” ร่างของหูเฟยหยินสั่นสะท้าน นางเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความกล้า แค่นางไม่หวาดกลัวจนฉี่ราดก็นับว่าน่าชื่นชมแล้ว
หลิงฮันกล่าวกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ทันที “พานางหนีไปก่อน ข้าจะถ่วงเวลามันให้!”
“ไม่ วานรตาเดียวแข็งแกร่งเกินไป เจ้าหยุดมันไม่ได้หรอก พวกเราหนีไปด้วยกันดีกว่า” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวอย่างหนักแน่น
สตรีช่างมีนิสัยน่าปวดหัวยิ่งนัก!
แต่หลิงฮันก็ต้องยอมรับว่าเขารู้สึกซาบซึ้งมาก ต่อหน้าสัตว์อสูรยักษ์เช่นนี้จะมีซักกี่คนที่จริงใจและกล่าวออกมาว่า ‘หนีไปด้วยกัน’ ?
ตอนที่ 965
“พวกเจ้าสองคนรักกันจริง!” หูเฟยหยินพูดหยอกล้อ
“อ๊าก!”
เบื้องหน้าของพวกเขา ชายที่เหลือรอดคนสุดท้ายจากสามคนถูกวานรตาเดียวเขมือบ และดูเหมือนว่ามันยังไม่เพียงพอต่อความต้องการขอวานรตาเดียว จากนั้นมันก็หันสายตามาจ้องมองกลุ่มของหลิงฮันทั้งสามคนด้วยสายตาเย็นชา
“ไป!”
ทั้งสามคนรีบวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
แต่อย่าได้ดูถูกความเร็วของหูเฟยหยินเชียว นางมีความเร็วที่น่าทึ่งมาก และดูเหมือนจะรวดเร็วกว่าหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่เล็กน้อย แล้วในไม่ช้านางก็เป็นผู้นำกลุ่มทันที
“เร็วเข้า! เร็วเข้า! เจ้าสัตว์ประหลาดน่าเกลียดจะไล่ตามพวกเราทันแล้ว!’ นางหันหน้ามากระตุ้นพวกหลิงฮัน “ทำไมพวกเจ้าถึงวิ่งช้าขนาดนี้?”
ปัง!
ดวงตาของวานรตาเดียวมีลำแสงพุ่งออกมาและยิงไปที่หลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ เพราะทั้งสองคนวิ่งอยู่ใกล้กันมากเพียงพอที่จะโจมตีโดนทั้งสองคน
หลิงฮันจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เขากระแทกฝ่ามือไปที่ด้านหลังของสุ่ยเยี่ยนยวี่ ฝ่ามือที่อ่อนโยนแต่เต็มไปด้วยพลังมหาศาลทำให้ร่างของสุ่ยเยี่ยนยวี่พุ่งไปข้างหน้ารวดเร็วขึ้น
แต่หลิงฮันนั้นเชื่องช้าเกินไปและถูกลำแสงยิ่งเข้าใส่ ปัง เสียงอึกทึกดังก้องไปทั่ว พื้นดินสั่นสะเทือนและมีเมฆฝุ่นลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า แล้วเมื่อลำแสงหายไปก็ปรากฏหลุดลึกขนาดใหญ่
“หลิงฮัน!” สุ่ยเยี่ยนยวี่อุทานพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา ใครจะคิดว่าหลิงฮันจะเสียสละตัวเองเพื่อช่วยชีวิตนาง?
“ไม่ต้องกังวล หลิงฮันจะต้องไม่เป็นอะไร แม้แต่สัตว์อสูรร้ายตัวนั้นเขายังฆ่ามันได้เลย!” หูเฟยหยินยังคงพูดถึงเรื่องนั้นไม่หยุดและปลอบโยนสุ่ยเยี่ยนยวี่
– หากนางรู้ความจริง นางคงไม่มีทางทำตัวมั่นใจขนาดนี้
พรึบ มีร่างของคนผู้หนึ่งกระโจนออกมาจากฝุ่น แน่นอนว่าเป็นหลิงฮัน ขณะที่วิ่งเขาพูดว่า “พวกเจ้าจะหยุดรอให้วานรยักษ์มากินเจ้าหรือไง? รีบวิ่งไปได้แล้ว!”
“หลิงฮัน!” สุ่ยเยี่ยนยวี่ตะโกนเรียกทั้งน้ำตาและโกรธเกรี้ยว
“วิ่ง!” หลิงฮันรีบตะโกนให้ทุกคนวิ่ง เมื่อครู่ที่เขารอดมาได้เพราะเขาเข้าไปซ่อนตัวในหอคอยทมิฬ จึงไม่ถูกวานรตาเดียวฆ่า
ตึง ตึง ตึง วานรยักษ์รีบกระโจนออกมาจากบริเวณที่ฝุ่นปกคลุม และช่วยไม่ได้ที่มันจะแสดงสีหน้าแปลกใจออกมาให้เห็น ทั้งที่มันโจมตีโดนเป้าหมาย แต่ทำไมมนุษย์ตัวเล็กๆนี่ถึงยังมีชีวิตอยู่และเคลื่อนไหวได้?
มันรู้สึกมึนงงเล็กน้อยและไล่ตามพวกหลิงฮันอีกครั้ง
กลุ่มของหลิงฮันทั้งสามยังคงวิ่งหนีไปด้านหน้าไม่หยุด
“ตรงนั้น!” หลิงฮันชี้นิ้วไปทางซ้ายที่มีเศษหินก่อตัวเป็นช่องแคบขนาดเล็กที่ใหญ่เกินกว่าวานรตาเดียวจะเข้าไปได้
ทั้งสามคนรีบเปลี่ยนทิศและวิ่งไปทางนั้นทันที
ปัง วานรตาเดียวยิงลำแสงออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พวกเขาทั้งสามคนสามารถหลบได้
ในความเป็นจริง หลิงฮันอยากให้ลำแสงของวานรตาเดียวโดนหูเฟยหยิน เพราะบางทีจิตของจักรรพดินีอาจเข้าสิงร่างของนางได้เหมือนกับตอนที่หมาป่าสามหัวถูกฆ่าตาย แต่ปัญหาใหญ่คือ ถ้ามันไม่ได้ผล หูเฟยหยินอาจถูกฆ่า
อย่างที่สองครั้งก่อนจักรพรรดินีต้องการฆ่าเขาแต่ทำไม่สำเร็จ และครั้งนี้ก็อาจจะเป็นเหมือนกับครั้งก่อน
อย่างที่สามคือสิ่งสำคัญที่สุด หูเฟยหยินวิ่งเร็วกว่าเขา แล้วนางจะถูกโจมตีได้อย่างไร?
แต่โชคดีที่พวกเขาหนีเข้าไปในช่องแคบได้ทันเวลา
เมื่อเห็นเช่นนั้น วานรตาเดียวรู้สึกโกรธเกรี้ยวอย่างมาก ร่างกายของมันใหญ่เกินไปที่จะเข้าไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นหินที่นี่แข็งแกร่งเกินกว่าที่มันจะทำลายเข้าไป
ถึงจะหนีเข้ามาหลบอยู่ในช่องแคบได้ แต่คลื่นพลังของมันก่อนหน้านี้ก็ยังคงทำให้หูเฟยหยินและสุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกอึดอัดและกระอักโลหิตออกมาเล็กน้อย
มีเพียงแค่หลิงฮันเท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร ถ้าคลื่นพลังมันสามารถทำให้เขาได้รับบาดเจ็บได้ แล้วคนอื่นจะได้รับผลกระทบเช่นไร?
หลิงฮันเดาอยู่ในใจว่าตราบใดที่หูเฟยหยินไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต จักรพรรดินีคงจะไม่ปรากฏตัวออกมา
“นั่น!” หูเฟยหยินตะโกน นางชี้ไปด้านหน้าที่มีถ้ำอยู่
ด้วยความแข็งแกร่งของชั้นหินที่นี่ ตราบใดที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ วานรตาเดียวก็จะไม่มีทางทำอะไรพวกเขาได้
แล้วดูเหมือนว่าวานรตาเดียวจะเข้าใจแผนของพวกเขา ทันใดนั้นมันระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมาและยิงลำแสงใส่ชั้นหิน
แรงปะทะทำให้กลุ่มของหลิงฮันทั้งสามคนรู้สึกตกใจมาก ถึงขั้นทำให้สุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินทรุดลงกับพื้น
“ไป!” หลิงฮันคว้าร่างของหูเฟยหยินและโยนร่างของนางเข้าไปในถ้ำ จากนั้นก็คว้าร่างของสุ่ยเยี่ยนยวี่ไว้ในอ้อมแขนของเขา
กายหยาบของพวกนางทั้งสองคนไม่สามารถเทียบกับเขาได้ หากพวกนางโดนลำแสงของวานรตาเดียวจะต้องบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน
ปัง!
วานรตาเดียวทำลายปากทางเข้าช่องแคบและพยายามสอดมือเข้าไปจับหลิงฮันและสุ่ยเยี่ยนยวี่
“เจ้าคิดง่ายไปแล้ว!” หลิงฮันตะโกนและโจมตีออกไปด้วยฝ่ามือซ้ายที่มีอักขระศักดิ์สิทธิ์แรงดึงดูด
หึ่ง ฝ่ามือยักษ์ทำให้มือของวานรตาเดียวเบื่ยงจากหลิงฮันประมาณสามฟุต แล้วสายลมที่รุนแรงทำให้เสื้อผ้าของเขาพลิ้วไหวไปมา
“โฮก!” วานรตาเดียวคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ทั้งที่มันมีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่ามนุษย์ตัวเล็กพวกนี้ไม่รู้กี่เท่า แต่กลับไม่สามารถบดขยี้ได้
มันพยายามขุดหลุมอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็น่าเสียดายที่ถ้ำแห่งนี้มีชั้นหินที่แข็งแกร่งเกินไป ในเมื่อไม่ได้ผล มันจึงก้มลงและใช้นิ้วแหย่เข้าไปในถ้ำแทน
“เข้าไปเร็วเข้า!” หลิงฮันรีบตะโกนและยังคงใช้อักขณะแรงโน้มถ่วงกดทับนิ้วยักษ์ของวานรตาเดียวเพื่อซื้อเวลาให้หูเฟยหยินและสุ่ยเยี่ยนยวี่หนีเข้าไปในถ้ำ
“ตรงนั้นมีมุมอยู่!” หูเฟยหยินกรีดร้องด้วยความตกใจและรีบหันหลังกลับไปบอกหลิงฮัน
หลิงฮันรีบตามพวกนางไปและยังคงกดทับนิ้วมือยักษ์ของเจ้าวานรตาเดียวเอาไว้ มิฉะนั้นเขาจะถูกมันจับ
ปัง!
วานรตาเดียวไม่รู้ว่าพวกหลิงฮันเดินไปตรงไหน และมันยังคงแหย่นิ้วควานหาพวกหลิงฮันในถ้ำไม่หยุด จนกระทั่งนิ้วมือของมันสัมผัสกับกำแพงด้านใน ในตอนนั้นเองมันก็ส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น
แต่ในไม่ช้ามันรู้ว่าหลิงฮันซ่อนอยู่ตรงมุม มันจึงงอนิ้วข้อมือและยังคงควานหาเขาไม่หยุด
“เข้าไป เข้าไปอีกหน่อย” หลิงฮันตะโกน
“ไม่ได้แล้ว!” หูเฟยหยินตะโกน แผ่นหลังของนางชิดติดกำแพงแล้ว
ตึง ร่างของหลิงฮันกระแทกกับร่างของหูเฟยหยินอย่างรุนแรง
นิ้วมือยักษ์ของเจ้าวานรตาเดียวยังคงควานหาพวกเขาไม่หยุดและอยู่ห่างจากพวกเขาออกไปแค่สองฟุตเท่านั้น ถึงขั้นเห็นกรงเล็บที่แหลมคมของมันได้เต็มสองตา หากโดนมันเขา ถึงแม้จะเป็นกายหยาบของหลิงฮันก็ยังคงได้รับบาดเจ็บ
“อย่าดันข้า!’ หูเฟยหยินกรีดร้อง ในตอนนี้แผ่นของหลิงฮันแนบติดหน้าอกของนางแล้ว
มุมถ้ำตรงนี้แคบเกินไป และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยืนเบียดได้สองคน
ตอนนี้หูเฟยหยินอยู่ในสุด หลิงฮันอยู่ตรงกลาง สุ่ยเยี่ยนยวี่อยู่นอกสุด ซึ่งนางยังคงอยู่ในอ้อมแขนของหลิงฮัน
“เจ้าโรคจิต!” ครั้งนี้สุ่ยเยี่ยนยวี่เปิดปากตะโกนด้วยสีหน้าที่เขินอาย
ตอนที่ 966
“โอ้ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” หลิงฮันรีบปล่อยมือ ในถ้ำแห่งนี้มีขนาดแคบเกินไปทำให้เขาขยับตัวได้เล็กน้อยเท่านั้น
หากเขยิบไปไกล เขาอาจจะถูกอสูรยักษ์จับตัวได้ก็ได้
“เจ้าอันธพาล!” สุ่ยเยี่ยนยวี่ทำได้เพียงด่าทอ อีกฝ่ายคงไม่ได้ใช้โอกาสนี้หาประโยชน์กับนางหรอกนะ?
“อึดอัดจัง!” หูเฟยหยินโอดครวญ หลิงฮันที่เขยิบตัวนั้นเบียบนางมากขึ้นไปอีกทำให้นางหายใจไม่สะดวก
“โชคดีที่ดูเหมือนอสูรวานรตัวนี้จะไม่มีท่าโจมตีในรัศมีเล็กๆ ไม่เช่นนั้นมันคงโจมตีเข้ามาในถ้ำแล้ว” หลิงฮันกล่าว แต่แน่นอนว่าถึงแม้อสูรวานรจะมีกระบวนท่าเช่นนั้นเขาก็ยังมีหอคอยทมิฬ ส่วนหูเฟยหยินนั้นแม้จะไม่สามารถเข้าไปกับพวกเขาได้แต่จักรพรรดินีแห่งดาราก็คงจะยึดชิงร่างนางเพื่อช่วยเหลือนางอยู่ดี
อสูรวานรพยายามโจมตีอยู่นานแล้วพวกหลิงฮันก็ไม่ออกมาสักที มันโจมตีไม่หยุดราวกับว่าจะอย่างไรก็ต้องกินพวกหลิงฮันให้ได้
“ไม่ล้มเลิกความคิดที่จะกินพวกข้าสามคนเลยงั้นรึ?” หลิงฮันส่ายหัวและสบถ
“เจ้าตัวตะกละ!” หูเฟยหยินเค้นเสียง
แต่หลังจากนั้นไม่นานอสูรก็หยุดลงมือ
พวกหลิงฮันสามคนไม่กล้าประมาท แม้ภายนอกไร้การเคลื่อนไหวราวกับอสูรวานรจากไปแล้วจริงๆ แต่ไม่แน่มันอาจจะจงใจทำให้พวกเขาคิดเช่นนั้นและกำลังซุ่มหลบอยู่
ภายในถ้ำเงียบสนิท
แม้ในถ้ำจะมืดมิดแต่ด้วยการที่ทั้งสามคนเป็นจอมยุทธระดับพระเจ้า ความมืดธรรมดาจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขา
หลิงฮันรู้สึกเขินอายนิดหน่อย เนื่องจากพวกเขาตกอยู่ในช่วงวิกฤตจิตใจของเขาจึงเตลิดไปเล็กน้อย
“อันธพาล ข้าจะสังหารเจ้า!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กัดฟันโกรธ
“พี่สาวสุ่ย เขาทำอะไรท่านรึ?” หูเฟยหยินสงสัย
สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร นางทำเพียงส่งเสียงฮึดฮัดและกล่าว “ชายคนนี้ไม่ใช่คนดี!”
หูเฟยหยินแปลกใจ หลิงฮันเป็นคนดีแน่นอน เขาเคยช่วยชีวิตนางมาก่อนแถมยังดูแลนางอย่างดีด้วย คนเช่นนี้จะไม่ใช่คนดีได้อย่างไร?
หลิงฮันคร้ายจะเถียง ข้าไม่ใช่คนอย่างนั้นเสียหน่อย! เขาเขยิบไปใกล้หูของสุ่ยเยี่ยนยวี่และกล่าว “ถ้าเจ้าพูดด่าข้าอีกครั้ง คอยดูแล้วกันว้าข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร!”
“เจ้าที่ทำเรื่องต่ำทรามเช่นนั้น ไม่มีสิทธิ์จะกล่าวเถียง!”
‘ตูมม’ กรงเล็บของอสูรวานรกระหน่ำโจมตีอีกครั้ง คลื่นลมอันเกรี้ยวกราดปะทุขึ้นอีกครา
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่ในที่สุดอสูรยักษ์ก็หยุดลงมือและไร้การเคลื่อนไหวอีกครั้งและหายไปโดยไร้ร่องรอย
หลิงฮันกล่าว “ข้าจะออกไปดูเสียหน่อย พวกเจ้ารออยู่ที่นี่”
เขาโคจรปราณก่อเกิดไปทั่วร่างเพื่อให้ร่างของเขาอ่อนนิ่ม จากนั้นก็เบียดผ่านสุ่ยเยี่ยนยวี่ที่อยู่ด้านหน้าและออกไปจากรูถ้ำอย่างรอบคอบ
“ออกมาได้ อสูรวานรไม่อยู่แล้ว” เสียงของหลิงฮันดังมาจากนอกถ้ำ
หูเฟยหยินเกาะสุ่ยเยี่ยนยวี่เอาไว้ในขณะที่เดินกลับออกมาจากถ้ำ
เมื่อออกมาแล้ว นางก็ก้มหน้าลงต่ำเนื่องจากไม่กล้ามองหน้าหลิงฮัน
“เกิดอะไรกับพี่สาวสุ่ยกันแน่?” หูเฟยหยินยังคงไม่เข้าใจ
“การที่นางอยู่ในถ้ำเป็นเวลานานทำให้คอของนางปวดเมื่อย นางจึงเป็นเช่นนี้” หลิงฮันตอบลวกๆ
หูเฟยหยินไม่สงสัยในคำพูดของหลิงฮันแม้แต่น้อย นางรีบกล่าวกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ “พี่สาวสุ่ย ท่านปวดมากรึเปล่า?”
สุ่ยเยี่ยนยวี่เงยหน้าจ้องเขม็งไปยังหลิงฮันก่อนจะกล่าวกับหูเฟยหยิน “ข้าไม่เป็นอะไร”
“งั้นก็ดีแล้ว!” หูเฟยหยินปรบมือ
ราชินีที่เก้ามีนิสัยอ่อนโยนเกินไป แต่ในโลกวรยุทธแห่งนี้ ความอ่อนโยนของนางมีแต่จะนำพาหายนะมาสู่ตัว! โชคดีที่จักรพรรดินีแห่งดารามีอำนาจยิ่งใหญ่ไพศาลจึงไม่มีใครกล้ามาล่วงเกินนาง
“ไปกันต่อเถอะ”
หลังจากยืนยันทิศทางได้ พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังถ้ำเปลวเพลิง
หลังจากเดินทางได้สองวัน พวกเขาก็ต้องหยุดพัก หูเฟยหยินที่ใช้ชีวิตสบายมาตลอดย่อมไม่คุ้นชินกับการเดินทางเช่นนี้
หลิงฮันก่อกองไฟและปรุงอาหาร ตั้งแต่เข้าเขตแดนลี้ลับมาเขาก็ไม่มีเวลาดูดซับเนื้อพลังปราณเลย ไม่เช่นนั้นหากเขาดูดซับเนื้อพลังปราณและขัดเกลาทักษะกายาเก้ามังกรทรราช พลังต่อสู้ของเขาคงจะพัฒนาขึ้นและอาจจะบรรลุห้าดาวก็ได้
พลังต่อสู้ห้าดาวที่ว่านั้นยังไม่รวมอัสนีบาตเก้าพิภพและสามดาบเร้นลับที่เป็นทักษะยุทธที่ต้องใช้ปราณก่อเกิดกระตุ้นใช้งาน แต่ถ้าหากเขาโคจรทักษะที่ว่าไปพร้อมๆกัน คาดว่าพลังต่อสู้ของเขาคงจะทะยานขึ้นสูงจนกลายเป็นอัจฉริยะเจ็ดดาวที่มีพลังต่อสู้เจ็ดดาว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น