Alchemy Emperor of the Divine Dao จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ 955-958
ตอนที่ 955
หลิงฮันรู้สึกหวั่นไหว
ในเขตแดนลี้ลับการที่สัตว์อสูรปรากฏตัวออกมาให้เห็นไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลก และบางทีการที่ภูติผีจะปรากฏออกมาให้เห็นก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกเหมือนกัน…
ความสงสัยจะฆ่าแมว แต่ความกล้าของเขามีมากกว่าความสงสัย จึงช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะเดินเข้าไปดู
หลิงฮันเดินแหวกหญ้าตรงหน้า และเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังร้องไห้อยู่ตรงหน้าเขา แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือนางไม่มีหัว!
นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย?
หลิงฮันกัดฟันแน่น และรู้สึกสะท้านไปทั้งตัว มันไม่ใช่ความรู้สึกหวาดกลัว แต่เป็นความรู้สึกตื่นเต้น
เขายังไม่เคยเห็นภูติผีตัวเป็นๆเลย
พรึบ หลิงฮันนำดาบออกมาและกระโจนเข้าไปโจมตีที่มันทันที
“หืม?” ทันใดนั้น หญิงชุดขาวก็เงยหน้าขึ้นมา – ใครบอกว่านางไม่มีหัว นางแค่ก้มหน้าต่ำเกินไปเท่านั้น และใช้มือกุมไปที่คอเลยเห็นแค่เสื้อผ้าสีขาว ดังนั้นหลิงฮันจึงเข้าใจผิดว่านางไม่มีหัว
ราชินีที่เก้า หูเฟยหยิน
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยน้ำตาและสีหน้าที่สับสน เมื่อเห็นดาบพุ่งเข้ามา นางอ้าปากเล็กน้อยด้วยความตกใจ แต่นางก็ไม่แสดงท่าทีว่าจะหลบเลี่ยงแม้แต่น้อย
หลิงฮันจึงรีบยับยั้งดาบของเขาทันที และปลายดาบของเขาก็หยุดอยู่ตรงหน้าหูเฟยหยิน แต่ก็มีสายลมที่รุนแรงพัดผ่านนางไป ซึ่งทำให้เสื้อผ้าของนางแกว่งไปมา
ตู้ม ต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังหูเฟยหยินอย่างน้อยหนึ่งร้อยต้นถูกทำลายทันที
หูเฟยหยินนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะตอบสนองและกระโดดลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นางเช็ดน้ำตาและพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ทำไมเจ้าต้องโจมตีข้าด้วย?” ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของนางดูผิดหวัง
เอ่อ?
หลิงฮันยิ้มกว้างแล้วพูดว่า “ข้าคิดว่าท่านเป็นภูติผีเสียอีก”
“ข้าเป็นคนไม่ใช่ผี!” หูเฟยหยินส่ายหน้าไปมา แต่หลังจากนั้นเองสีหน้าของนางก็ดูหวาดกลัวและตัวสั่น ก่อนที่จะถามว่า “ที่นี่มีผีอย่างนั้นหรือ?”
หลิงฮันไม่คิดเลยว่าเด็กสาวตัวน้อยอย่างนางจะเป็นถึงราชินีที่เก้า
เขายิ้มและพูดว่า “ข้าคิดว่ามันไม่น่าจะมี”
“จริงหรือ?” หูเฟยหยินถาม
“ถึงแม้ที่นี่จะมีผีจริง แต่ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดั่งคำพูดที่ว่ามิได้กระทำเรื่องผิดมโนธรรมย่อมไม่กลัวผีสางเคาะประตู”
“เจ้าหยุดพูดได้แล้ว!” ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของหูเฟยหยินกลายเป็นซีดขาว
หลิงฮันทำอะไรไม่ได้ นอกจากพูดให้นางสบายใจว่า “ไม่จำเป็นต้องกลัว อย่างน้อยพวกมันก็ทำได้แค่จ้องมองท่านเท่านั้น ท่านคิดว่าภูติผีทุกตัวเป็นอิสระอย่างนั้นหรือ?”
“เจ้ารู้เรื่องพวกนั้นได้ยังไง หรือว่าเจ้าจะเคยเห็นผีมาก่อน?” หูเฟยหยินสั่นด้วยความกลัว แต่ก็ยังถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หลิงฮันแทบเป็นบ้าและรีบพูดเปลื่ยนเรื่องทันที “จะว่าไปแล้วทำไมท่านถึงมานั่งร้องไห้คนเดียวอยู่ที่นี่? แล้วองครักษ์ทั้งสามคนของท่านล่ะ?”
เมื่อหลิงฮันถามคำถามแบบนั้นออกมา หูเฟยหยินร้องไห้ออกมาอีกครั้งและพูดว่า “ติงฉิน อวี่หลง ตายแล้ว! ฮือฮือฮือ พวกเขาปกป้องข้าจากถูกสัตว์อสูรกิน”
หลิงฮันรู้สึกตกตะลึง องครักษ์สามคนที่ถูกส่งมาปกป้องราชินีที่เก้าไม่ได้เป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุด แต่ยังเป็นอัจฉริยะระดับสามดาวและสี่ดาวด้วย
แม้แต่พวกเขาสามคนยังถูกฆ่าตาย แล้วสัตว์อสูรตัวนั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหนกัน?
อย่างน้อยความแข็งแกร่งของมันน่าจะอยู่ที่ระดับภูผาวารีขั้นกลางหรือขั้นสูงสุด มิฉะนั้นพวกเขาคงไม่ถูกมันฆ่า
สัตว์อสูรแบบนั้นถึงจะเป็นหลิงฮันโอกาสหนีรอดก็ยังริบหรี่ และกายหยาบที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ก็อาจถูกทำลาย แล้วอาจเป็นไปได้ที่ทักษะจิตเจ็ดสังหารจะใช้ไม่ได้ผล
“มันเป็นหน้าที่ของพวกเขา ตอนนี้ท่านปลอดภัยแล้ว พวกเขาจะได้พักผ่อนอย่างสงบ” หลิงฮันกล่าวปลอบโยน
“ฮือ แต่ยังไงข้าก็ยังคงรู้สึกเสียใจ” หูเฟยหยินเช็ดน้ำตาและยังคงร้องไห้ไม่หยุด
“เอาล่ะ เอาล่ะ ท่านจะร้องไห้ต่อไปมันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา” หลิงฮันปลอบคนอื่นไม่ค่อยเก่ง เมื่อเทียบหูเฟยหยินกับฮูหนิวแล้ว นางเป็นเหมือนเด็กมากกว่าฮูหนิวเสียอีก
อย่างไรก็ตาม ประโยคที่เขาพูดทำให้หูเฟยหยินเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็วและพยายามปั้นสีหน้าเข้มแข็ง นางหยิบกระจกออกมาแล้วมองดูสภาพของตนเอง แต่ในไม่ช้าใบหน้าของนางก็เริ่มบิดเบี้ยวอีกครั้ง ราวกับว่านางกำลังจะร้องไห้อีกรอบ “ทำไมข้าถึงอัปลักษณ์ขนาดนี้”
“ท่านไม่ได้อัปลักษณ์ ท่านงดงามมาก!” หลิงฮันรีบนำอาหารออกมาและยื่นให้นาง “พวกเรามากินอะไรกันก่อนเถอะ”
ถ้าเป็นฮูหนิวคงจะยิ้มและลืมทุกอย่าง แต่ราชินีที่เก้าไม่ได้เห็นแก่กินและสีหน้าของนางไม่ได้ดูดีขึ้นมาเลย
“ถ้างั้นท่านรอที่นี่ไปก่อนละกัน เมื่อถึงเวลาท่านจะออกไปได้เอง” หลิงฮันกล่าว
“ไม่!” หูเฟยหยินกระโดดขึ้นมาและจับที่ชายเสื้อของหลิงฮัน “ข้ากลัว ข้าไม่อยากอยู่คนเดียว!”
หลิงฮันจินตนาการไม่ออกเลยจริงๆว่านางจะเป็นหนึ่งในจอมยุทธที่ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต
– ซึ่งราชินีแปดคนก่อนหน้านี้ต่างก็ทะลวงผ่านระดับดารากันหมดแล้ว หากเป็นไปตามนั้น นางก็น่าจะไม่มีข้อยกเว้น
“ก็ได้ ก็ได้ ท่านจะตามข้ามาก็ได้” หลิงฮันพยักหน้า ขณะที่พูดเขาไม่กล้าสบตากับหูเฟยหยินเพราะเสน่ห์ของนางที่อาจทำให้คนบ้าคลั่งได้
โชคดีที่เมื่อเขาไปถึงทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ เขาสามารถให้สุ่ยเยี่ยนยวี่ดูแลราชินีที่เก้าได้
หูเฟยหยินรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที แต่นางก็ยังคงจับชายเสื้อของหลิงฮันไม่ปล่อย เพราะเกรงว่าเขาจะหนีจากไป
หลิงฮันถอนหายใจ โชคดีที่ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์อยู่ไม่ห่างจากพวกเขามากนัก ซึ่งเดินทางเพียงแค่วันเดียวหรืออาจมากกว่านั้นก็ไปถึง
“โฮก! โฮก!” หลังจากที่ทั้งสองคนออกเดินทางได้ซักพัก ถนนบนภูเขาที่ขรุขระตรงด้านหน้ามีเสียงของสัตว์อสูรส่งเสียงร้องคำราม
“สัตว์อสูรตัวนั้น!” หูเฟยหยินรีบไปหลับอยู่ด้านหลังหลิงฮันด้วยความหวาดกลัวและพูดว่า “เจ้าอย่าเดินเข้าไปนะ ไม่เช่นนั้นจะถูกมันกิน!”
นี่เจ้าจะพูดอะไรที่มันดีกว่านี้ไม่ได้เลยหรือ?
หลิงฮันคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “จุดหมายปลายทางของพวกเราจะต้องเดินผ่านที่นี่ไป ดังนั้นพวกเราจะเดินผ่านมันไปอย่างเงียบๆและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับมัน”
หูเฟยหยินพยักหน้าอย่างรวดเร็ว อย่างน้อยนางก็มีความกล้าอยู่บ้าง
หลังจากที่ทั้งสองคนเดินไปได้สักพัก หลิงฮันก็เห็นสัตว์อสูรที่ดูแปลกประหลาดตัวหนึ่งยืนอยู่บนภูเขา มันมีรูปร่างคล้ายหมาป่า แต่มีปีกสีดำขนาดใหญ่คู่หนึ่งอยู่บนหลัง และมีสามหัวแบ่งออกเป็นทอง เงิน และแดง มันดูแปลกประหลาดมาก
แม้จะอยู่ไกลจากมัน แต่สายตาที่หลิงฮันจ้องมองทำให้มันรู้สึกได้ถึงตัวตนของเขา ทันใดนั้นเองมันก็รีบหันหน้าไปมองด้วยท่าทางเหยียดหยาม
แต่มันก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร ทว่าหมาป่าตัวอื่นที่อยู่รอบๆมันมีรูปร่างคล้ายคลึงกับมันเริ่มเคลื่อนไหว พวกมันมีขนาดตัวที่เล็กกว่ามากและมีแค่สองหัวเท่านั้น คือหัวเงินและหัวแดง ซึ่งหัวเงินจะมีขนาดเล็กกว่าหัวแดงครึ่งหนึ่ง
หมาป่าสองหัวบินไปทางหลิงฮัน เบื้องหลังมันปรากฏเงาของภูผาสองลูกและเงาของวารี
ตอนที่ 956
สองภูผา หนึ่งวารี มันคือสัตว์อสูรระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นกลาง
หมาป่าสองหัวมีพลังระดับภูผาวารีชั้นกลาง ส่วนหมาป่าสามหัวนั่น… หรือจะว่าจะเป็นระดับภูผาวารีขั้นสูง?
ตัวตนเช่นนั้นแม้จะเป็นหลิงฮันที่มีกายหยาบที่ไร้เทียมทานก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของมัน
ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมองครักษ์สามคนที่จักรพรรดินีส่งมาคุ้มกับหูเฟยหยินถึงได้ถูกสังหาร หมาป่าสามหัวตนนั้นแข็งแกร่งเกินไป
หลิงฮันไม่หลบหนี แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นแทน
เขาที่มีหอคอยทมิฬหากตกอยู่ในสถานการณ์คับขันเขาก็สามารถซ่อนตัวได้ทัน
เขาต้องการใช้สัตว์อสูรที่ทรงพลังตนนี้ทดสอบทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราอันใหม่
“พวกเราจะทำไงดี!” หูเฟยหยินหวาดกลัว แต่นางก็ยังไม่คิดจะทิ้งหลิงฮันเอาไว้และหลบหนีไปคนเดียว
หลิงฮันโคจรเนตรแห่งสัจธรรมแล้วจ้องมองไปยังหัวของหมาป่าพร้อมกับนำคันศรออกมา พลังปราณทั่วทั้งร่างของเขาควบแน่นไปยังลูกศร
‘พรึบ’ อักขระศักดิ์สิทธิ์บนลูกศรส่องสว่างแม้จะยังไม่สัมผัสถูกโลหิต
อักขระศักดิ์สิทธิ์ของลูกศรนี้เป็นอักขระที่พิเศษ มันจะถูกกระตุ้นใช้งานก็ต่อเมื่อสัมผัสกับโลหิตเท่านั้น แต่ตอนนี้ด้วยการอัดแน่นพลังปราณที่หนาแน่นของหลิงฮัน อักขระของลูกศรกลับถูกกระตุ้นก่อนล่วงหน้า
‘ปัง’ หลิงฮันยิงลูกศรออกไป
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ชัดเจนเลยว่าทั่วร่างของเขารู้สึกอ่อนแรงราวกับไร้พลัง เหงื่อของเขาซึมออกมาจนตัวเปียกชื้น หากไม่ใช่เพราะกายหยาบที่ไร้เทียมทานของเขาเกรงว่าเขาคงจะลงไปนั่งฟุบที่ฟื้นแล้ว
‘ครืนนน’ ลูกศรพุ่งตัดผ่านอากาศราวกับอุกกาบาต
อสูรหมาป่าตกตะลึงและคิดจะกระพือปีกเพื่อบินหนี แต่ก่อนที่มันจะทำเช่นนั้นทุกอย่างก็สายไปแล้ว ลูกศรได้พุ่งแทงทะลวงผ่านกะโหลกของหัวฝั่งสีแดง
‘ตูม!’
หัวของมันระเบิดออกทันที แต่ร่างของมันก็ยังกระพือปีกต่อได้อยู่
ยังไม่ตาย!
หรือนี่จะเป็นเพราะมันมีหัวสองหัว? หากจะสังหารอสูรหมาป่าตัวนี้เขาต้องระเบิดหัวมันทุกหัวเลยงั้นรึ?
พลังชีวิตของอสูรหมาป่าแข็งแกร่งมาก หัวที่เหลืออยู่หัวเดียวของมันจดจ้องมายังหลิงฮันอย่างโหดเหี้ยม หลิงฮันรู้สึกถึงความเคียดแค้นของมันได้ชัดเจน
เขานำลูกศรออกมาอีกดอก
อสูรหมาป่าส่งเสียงกรีดร้องและสะบัดปีกเพื่อบินกลับไปยังยอดเขา
หลิงฮันนั่งลงกับพื้น เขาจะมีพลังพอจะใช้ทักษะอีกครั้งรึไง? เมื่อครู่เขาแค่แสร้งทำเป็นจะยิงทักษะอีกครั้งเท่านั้น โชคดีที่อสูรหมาป่ามีสติปัญญาที่สูงพอและเลือกหลบหนี ไม่เช่นนั้นหากเป็นอสูรไร้ปัญญาที่เขาสังหารมาก่อนหน้านี้ มันคงจะไม่หวาดกลัวความตายและเผชิญหน้ากับเขาต่อแล้ว
พลังของลูกศรที่ยิงออกไปนั้นทรงพลังอย่างมาก แค่พลังปราณที่สูญเสียไปก็มหาศาลเช่นกัน
ด้วยพลังของลูกศรเมื่อครู่ พลังทำลายของมันเทียบได้กับระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นปลาย
หรือก็คือเขามีพลังต่อสู้หกดาว
หลิงฮันพึงพอใจเป็นอย่างมาก อัจฉริยะห้าดาวนั้นปรากฏขึ้นเพียงแต่ในตำนาน แต่ตอนนี้เขากลับมีพลังต่อสู้ที่บรรลุถึงหกดาว ถึงแม้ว่าตัวของลูกศรจะมีส่วนทำให้การโจมตีของเขาทรงพลัง แต่อย่าลืมว่าเขาเพิ่งจะทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นต้นเท่านั้น ถ้าหากเขาขัดเกลารากฐานพลังบ่มเพาะ แม้จะใช้ลูกศรธรรมดาพลังทำลายของทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราก็คงจะเป็นหกดาวอยู่ดี
“โฮกกกก!” เมื่อเห็นว่าพรรคพวกได้รับบาดเจ็บ อสูรหมาป่าตัวหัวหน้าก็คำรามคำเกรี้ยวกราด หัวทั้งสามของมันเชิดขึ้นฟ้า ถึงแม้ระยะห่างของพวกเขาจะไกล แต่ทั้งหลิงฮันและหูเฟยหยินก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัว
‘พรึบ’
มันกระพือปีกและพุ่งเข้าใส่พวกหลิงฮันราวกับสายฟ้าฟาด!
ไม่ต้องกล่าวถึงหลิงฮันในตอนนี้ที่อ่อนแรงอยู่เลย ต่อให้เป็นเขาในสภาพปกติก็ไม่สามารถตอบโต้ได้ อสูรหมาป่าสามหัวมีพลังต่อสู้สูงกว่าเขาถึงสองขั้นเต็ม หากไม่ใช่จอมยุทธที่มีพลังระดับเดียวกับมันก็ไม่มีใครกล้ารับการโจมตีนี้ซึ่งๆหน้า
หลิงฮันตัดสินใจทันที
“อย่าต่อต้านสัมผัสสวรรค์ของข้า!” หลิงฮันตะโกนไปยังหูเฟยหยิน
เขามีความประทับใจที่ดีกับราชินีที่เก้าคนนี้ นางเป็นสตรีที่ไร้เดียงสาแถมยังเคยมอบเม็ดยาให้เข้าวย เขาไม่สามารถยอมปล่อยให้นางตกตายเพราะอสูรหมาป่าได้
ฮูเฟยหยินชะงักก่อนจะกล่าวกับเขาด้วยความเข้าใจผิด “ทำไมกัน… เจ้าจะทำมิดีมิร้ายกับข้างั้นรึ?”
หลิงฮันคร้านจะอธิบาย เขารีบลงมือทำให้ฮูเฟยหยินหมดสติทันที
‘ตูม!’
สัมผัสสวรรค์ของเขาถูกต้านกลับราวกับมีอะไรมาคุ้มกันนางเอาไว้
หากเขาคิดจะนำนางเข้าไปในหอคอยทมิฬ วิธีเดียวที่จะทำได้ก็คือใช้ทักษะจิตเจ็ดสังหารกับนางเพื่อทำให้หมดสติและพาเข้าไปในหอคอยทมิฬ
หลิงฮันที่ใช้ทักษะโจมตีจิตวิญญาณใส่นางไปไม่เคยคาดคิดว่ามาก่อนการโจมตีของเขาจะถูกสะท้อนกลับ ในขณะเดียวกัน ร่างของหูเฟยหยินได้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา หลิงฮันที่มองดูนางรู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นเพียงมดปลวก
กลิ่นอายเช่นนี้… เขาเคยสัมผัสมาก่อน
จักรพรรดินีดวงดารา!
จักรพรรดินีจะต้องใช้ทักษะลับบางอย่างกับหูเฟยหยินเอาไว้แน่นอน เพื่อปกป้องไม่ให้นางถูกทำให้หมดสติ
‘พรึบบ’ ด้วยความเร็วของอสูรหมาป่าสามหัว มันบินเข้ามาใกล้หลิงฮันได้แทบจะภายในพริบตา หัวทั้งสามของมันต้องมายังหลิงฮันและหูเฟยหยินพร้อมกับคำราม หัวสีทองของมันพ่นคลื่นดาบสีทองนับสิบเล่มออกมา
หัวสีเงินพ่นใยไหมสีขาวกลายเป็นตาข่าย ใยสีเงินนี้มีพลังงานที่เย็นยะเยือกซึ่งเกรงว่าหากสัมผัสเข้า ร่างของพวกเขาจะต้องถูกเฉือนเป็นชิ้นๆแน่นอน
หัวสีแดงหัวสุดท้ายได้ปล่อยเปลวเพลิงออกมาจากปาก คลื่นความของของเปลวเพลิงนรกคาดว่าแม้แต่แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่งก็ต้องหลอมละลาย
ณ เวลานี้หลิงฮันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเข้าไปซ่อนในหอคอยทมิฬคนเดียว ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องตกตายไปพร้อมกับฟูเฟยหยิน
แต่ในขณะที่เขากำลังจะซ่อนตัว เขาก็ได้ยินเสียงฮึดฮัดของหูเฟยหยิน
น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความเย็นชาและความสูงส่ง
‘ครืน!’
การโจมตีของอสูรหมาป่าสลายหายไปอย่างไม่เหลือร่องรอย อสูรหมาป่าล้มนอนลงกับพื้นราวกับว่ามันกำลังหวาดกลัวจนช็อกตาย
หลิงฮันมองอย่างตกตะลึงไปยังหูเฟยหยิน นางดูราวกับไม่ใช้หูเฟยหยินคนเดิมแต่เป็นจักรพรรดินีแห่งดวงดารา
นางเป็นจักรพรรดินีแห่งดวงดาราอย่างไม่ต้องสงสัย ใครก็ตามที่เคยได้ยินเสียงของนางมาแล้วครั้งหนึ่งย่อมไม่มีวันลืมเสียงของนางแน่นอน
สิ่งที่ทำให้หลิงฮันมึนงงก็คือจักรพรรดินีแห่งดวงดาราสามารถเข้าควบคุมร่างของหูเฟยหยินได้อย่างไร แถมเพียงแค่นางส่งเสียงฮึดฮัดก็สามารถสยบอสูรหมาป่าสามหัวได้แล้ว
ตอนที่ 957
ด้วยความแข็งแกร่งของจักรพรรดินี แน่นอนว่านางสามารถสยบสัตว์อสูรระดับภูผาวารีได้อย่างง่ายดาย แต่ปัญหาคือนางไม่ได้เข้ามาในเขตแดนลี้ลับนี้ด้วย
หรือว่านางจะทิ้งสัมผัสสวรรค์ไว้ในร่างของหูเฟยหยิน? หรือจะเป็นทักษะลับบางอย่าง?
หลิงฮันส่ายหน้าอยู่ในใจ อย่างน้อยที่เขารู้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่น่าจะมีทักษะลับแบบนั้น มิฉะนั้น ทำไมผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายถึงให้ถังเฟิงดูแลบุตรสาวของเขาแทนที่เขาจะใช้ทักษะลับแทนล่ะ?
แต่หลิงฮันมั่นใจว่านี่จะต้องเป็นจักรพรรดินีแน่นอน!
ในตอนนี้หูเฟยหยินหันกลับมามองหลิงฮัน แต่นางดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้นางดูเต็มไปด้วยพลังและแรงกดดันของนางทำให้หน้าผากของหลิงฮันเต็มไปด้วยเหงื่อ
นี่ไม่ใช่หูเฟยหยินแน่นอน แต่เป็นจักรพรรดินี…หรือจะพูดให้ถูกคือร่างของนางถูกจักรพรรดินีควบคุมอยู่
แววตาของหูเฟยหยินเปล่งประกายแสงที่ดูหนาวเย็น และทันใดนั้นเองมันก็กลายเป็นจิตสังหารที่ทำให้บรรยากาศรอบตัวถูกฉีกขาด แต่นางดูลังเลและไม่เคลื่อนไหว
หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่ พลังที่น่าสะพรึงกลัวของนางก็หายไปอย่างสมบูรณ์
“หืม มันตายได้ยังไง?” หูเฟยหยินรู้สึกสับสนและเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
หลิงฮันมองดูความไร้เดียงสาของหูเฟยหยิน ดูเหมือนว่านางจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้
แปลกมาก!
หลิงฮันรู้สึกว่าราชินีที่เก้าอาจซ่อนความลับที่ยิ่งใหญ่บางอย่าง ดังนั้นจักรพรรดินีจึงคิดที่จะฆ่าเขา
แน่นอนถ้านางเคลื่อนไหว หลิงฮันก็สามารถเข้าไปหลบในหอคอยทมิฬได้
“หลิงฮัน เจ้าเป็นคนฆ่ามันหรอ?” หูเฟยหยินมองหลิงฮันด้วยดวงตาที่กลมตาและแสดงความประทับใจออกมา “ยอดเยี่ยมไปเลย เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!” นางรู้สึกตื่นเต้นมากและรีบคว้าแขนของหลิงฮันแกว่งไปมา
“อย่าเพิ่งดีใจไป มันยังมีอีกหนึ่งตัว!” หลิงฮันรีบพูด
หูเฟยหยินดูตกใจและรีบหันไปมองบนยอดเขาอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่ออสูรหมาป่าตัวน้อยเห็นหูเฟยหยิน มันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันทีและรีบบินหนีจากไปอย่างไร้ทางเลือก
หูเฟยหยินถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดว่า “โชคดีที่เจ้าฆ่าสัตว์อสูรตัวใหญ่นั้นไปแล้ว เจ้าตัวน้อยนั่นเลยหวาดกลัวเจ้า”
มันเป็นเจ้าต่างหากไม่ใช่ข้า
หลิงฮันพูดในใจ แต่ก็ไม่พูดอธิบายอะไร เขาแค่พูดว่า “ข้าขอตัวฟื้นพลังก่อน แล้วค่อนออกเดินทางกันต่อ”
“อืม!” หูเฟยหยางพยักหน้าอย่างรวดเร็วและดูเชื่อฟัง
หลิงฮันนำเม็ดยาออกมา ซึ่งตอนนี้เขาไม่มีเม็ดยาสำหรับจอมยุทธระดับภูผาวารี ดังนั้นการฟื้นฟูพลังของเขาจึงดำเนินไปอย่างช้าๆ
ในทางตรงกันข้าม กายหยาบของเขาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
เขานำผลึกก่อเกิดออกมาและดูดซับ แม้ว่าไม่เร็วพอ แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไร หลังจากผ่านไปสามชั่วโมง ในที่สุดเขาก็สามารถฟื้นคืนพลังได้อย่างสมบูรณ์
หูเฟยหยินไม่เก็บรวมรวบเนื้อสัตว์อสูร สิ่งที่นางสนใจมีแค่ผลึกภูผาวารีเท่านั้น เพราะมันหาได้ยากมาก ส่วนเนื้อสัตว์อสูรมันไม่ได้หายากอะไรเลยสำหรับนาง
แต่หลิงฮันนั้นแตกต่าง เขาชำแหละสัตว์อสูรที่ถูกฆ่า จนในที่สุดก็นำก้อนเนื้อขนาดเท่านิ้วก้อยออกมาได้และมีกลิ่นหอมที่น่าดึงดูดมาก
“ไปกันเถอะ”
ทั้งสองคนเดินทางมุ่งหน้าไปที่ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์กันต่อ หลังจากผ่านไปครึ่งวันพวกเขาก็เดินทางมาถึงทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ น้ำภายในทะเลสาบไม่มีระลอกคลื่นแม้แต่น้อย และมีสีแดงเหมือนโลหิตที่แข็งตัว ราวกับเป็นผลึกโลหิต
“นี่คือทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์? มันควรจะเรียกว่าทะเลสาบโลหิตมากกว่า” หลิงฮันกล่าว
เขากับหูเฟยหยินไม่ใช่คนกลุ่มแรกที่เดินทางมาถึงที่นี่ มีหลายคนกำลังนั่งอยู่ริมทะเลสาบอยู่ก่อนแล้ว และมีบางคนก็กำลังมุ่งหน้าไปที่กลางทะเลสาบ
—— บนผิวน้ำของทะเลสาบมีแผ่นหินลอยอยู่เหนือน้ำ ซึ่งแผ่นหินทุกก้อนจะมีระยะห่างประมาณสองฟุตเป็นทางเดินจากสี่ทิศทางที่พาไปยังเกาะกลางทะเลสาบ
สำหรับจอมยุทธแล้วระยะทางระหว่างแผ่นหินควรจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขา ทุกคนที่กำลังกระโดดอยู่บนแผ่นหินด้านหน้าต่างปาดเหงื่อบนหน้าผาก
“อ๊าก!” ในขณะนั้นเองมีใครบางคนตกลงไปในน้ำ และร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยเลือด ราวกับว่าทะเลสาบมีพลังกัดกร่อนที่รุนแรง
ชายคนนั้นรีบนำเม็ดยาออกมารักษาอาการบาดเจ็บทันที แขนและขาของเขาหลุดออกจากร่างทีละส่วนแล้วเผยให้เห็นกระดูกสีขาว แม้กระทั่งกระดูกยังดูเหมือนว่าจะถูกละลาย
แต่น่าเสียดายที่มันไม่หยุดแค่นั้น ใบหน้า หน้าอกและหน้าท้องของเขาเริ่มถูกกัดกร่อนและกลายเป็นหลุดเลือดท่สามารถมองเห็นสมอง หัวใจ และช่องท้องได้ มันเป็นฉากที่น่าสะพรึงกลัวมาก
“หลิงฮัน!” เมื่อสุ่ยเยี่ยนยวี่เห็นเขา นางรีบเดินมาหาอย่างรวดเร็วและเผยสีหน้าโล่งอก “ในที่สุดเจ้าก็มาถึงที่นี่!”
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“มันมีเกาะอยู่กลางทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ และมีแผ่นหินที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำจากทั้งสี่ทิศที่จะพาไปที่นั่น แต่ว่าแผ่นหินพวกนั้นมีแรงโน้มถ่วงที่น่าทึ่งมาก ยิ่งไปไกลได้มากเท่าไหร่ แรงโน้มถ่วงก็จะยิ่งหนักหน่วงมากขึ้นเท่านั้น” สุ่ยเยี่ยนยวี่พูดอธิบาย
จากนั้นเมื่อนางเห็นหูเฟยหยิน นางรีบโค้งคำนับทันทีและพูดว่า “คารวะราชินีที่เก้า”
หูเฟยหยินโบกมือด้วยความเขินอายและพูดว่า “ไม่ต้องมากพิธี”
หลิงฮันพูดว่า “หรือว่าจะมีผลึกภูผาวารีอยู่ที่เกาะกลางทะเลสาบ?”
สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า “แม้ผลึกภูผาวารีจะสามารถหาได้ทุกที่ในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ แต่ผลึกภูผาวารีที่อยู่เกาะกลางทะเลสาบน่าจะมีค่ามากกว่า”
“โอ้ว มันมีค่ามากกว่าผลึกภูผาวารีทั่วไปยังไงรึ?” หลิงฮันถามด้วยแววตาที่เปล่งประกาย
“แรงโน้มถ่วง!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ถ้างั้นข้าจะไปเอามันมาให้ได้”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่ายหัวและพูดว่า “อย่าพูดแบบนั้นเลย แค่จะไปให้ถึงเกาะกลางทะเลสาบก็เป็นเรื่องยากแล้ว”
“แต่ถ้าเจ้าโชคดีอาจพบผลึกภูผาวารีทั่วไปบนแผ่นหิน”
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ข้าไม่ใช่คนธรรมดา!”
สุ่ยเยี่ยนยวี่หันตาขาวใส่และไม่เคยเห็นคนที่มั่นใจตัวเองแบบนี้มาก่อน แต่หูเฟยหยินนั้นพยักหน้า นางยังคงเชื่อว่าหลิงฮันเป็นคนที่สามารถฆ่าอสูรหมาป่าสามหัวได้ จึงเป็นธรรมดาที่นางจะเชื่อทุกอย่างที่เขาพูด จากความไร้เดียงสาของนาง
ตอนที่ 958
“ระวัง!” แม้ว่าสุ่ยเยี่ยนยวี่จะไม่เข้าใจการกระทำของหลิงฮัน แต่นางก็ยังพูดเตือนเขาว่า “เจ้าเองก็เห็นแล้ว่าทะเลสาบมันมีพลังกัดกร่อนที่รุนแรงแค่ไหน แค่แรงโน้มถ่วงมันก็เหมือนเจ้ายืนอยู่ปากเหวแห่งความตายแล้ว”
หลิงฮันพยักหน้า พลังกัดกร่อนของทะเลสาบรุนแรงก็จริง แม้แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจว่ากายหยาบที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองของเขาจะต้านทานมันได้ อย่างไรก็ตามถ้าเขาไม่ลองก็ไม่มีทางรู้
“แล้วคนที่มีปีกไม่สามารถบินไปที่นั่นได้โดยตรงหรือ?” หลิงฮันถาม
สัตว์อสูรสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้เมื่อพวกมันกลายเป็นสัตว์อสูรระดับพระเจ้า ทั้งยังสืบพันธ์กับมนุษย์แล้วให้กำเนิดทายาทได้เช่นกัน เหล่าครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์อสูรจะมีความสามารถพิเศษ อย่างเช่น ถ้าบรรพบุรุษเป็นสัตว์อสูรประเภทปลา ลูกหลานของพวกเขาจะมีเหงือกที่ช่วยหายใจใต้น้ำได้ และถ้าบรรพบุรุษเป็นสัตว์อสูรมีปีก ลูกหลานของพวกเขาก็อาจจะมีปีกที่สามารถโปยบินในท้องฟ้าได้
คนเหล่านั้นเรียกว่าอมนุษย์
“มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น” สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่ายหัว “ยิ่งเจ้าบินสูงเท่าไหร่ แรงโน้มถ่วงที่จะได้รับก็จะยิ่งหนักหน่วงมากขึ้นเท่านั้น มิฉะนั้นถ้าเจ้าสามารถขยายร่างกายได้ เจ้าไม่เดินก้าวเดียวไปถึงเกาะกลางทะเลสาบเลยรึ”
หลิงฮันยิ้มและพยักหน้า สำหรับจอมยุทธบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มันคงไม่ใช่เรื่องยากที่จะขยายขนาดร่างกายร้อยเท่าและย่อร่างกายให้เล็กลงร้อยเท่าในเวลาอันสั้น ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงจะขยายร่างและเดินไปที่เกาะกลางทะเลสาบไปแล้ว
“คนที่สร้างเขตแดนนี้ขึ้นมาน่าจะจงใจให้เป็นเช่นนั้น” หลิงฮันคาดเดา “หรือว่าจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งจะวางรูปแบบอาคมบางอย่างไว้ที่นี่?”
“อาจเป็นเช่นนั้น” สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า แต่นั่นเป็นเรื่องเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน แล้วใครจะมีอายุยาวนานขนาดนั้นลากมาถึงปัจจุบัน? นอกจากนั้น ประวัติศาสตร์ที่สามารถสืบค้นได้ไกลที่สุดคือร้อยล้านปีก่อน บางทีเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์อาจมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่านั้นไปอีก
“เรื่องพวกนั้นช่างมันก่อนเถอะ ข้าจะไปแล้ว” หลิงฮันกล่าว
“ถ้างั้นระวังตัวด้วย!” สุ่ยเยี่ยนยวี่ถอนหายใจอีกครั้ง
ในขณะที่หูเฟยหยินดูเชื่อในตัวหลิงฮันและพูดอย่างมั่นใจว่า “หลิงฮันจะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน!”
หลิงฮันหัวเราะและพยายามยื่นมือไปจับใบหน้าของสุ่ยเยี่ยนยวี่ “ตอนนี้เจ้าดูเหมือนเป็นภรรยาของข้ามากขึ้นทุกที”
สุ่ยเยี่ยนยวี่หันหน้าหนีและพูดว่า “ปากสุนัขย่อมคายงาช้างออกมาไม่ได้!”
หลิงฮันก้าวไปข้างหน้าเดินไปที่แผ่นหินที่ก่อตัวเป็นสะพานนำพาไปสู่เกาะกลางทะเลสาบ
“หืม?”
“เจ้าเด็กนั่น!”
ทันทีที่หลิงฮันปรากฏตัว หลายคนรีบหันไปจ้องมองทันที แล้วทันใดนั้นเองมีชายหนุ่มสองคนเดินเข้ามาหาและยืนกอดอกจ้องมองหลิงฮันด้วยสายตาเย็นชา
หลิงฮันหันไปมองและจำพวกเขาทั้งสองคนได้ทันที ก่อนหน้านี้สุ่ยเยี่ยนยวี่ได้บอกเขาแล้วว่าทั้งสองคนเป็นใคร
พวกเขาทั้งสองคนคือเย่เหวินซานกับถังฮว่าที่เป็นศิษย์ของสำนักฝ่ายเหนือ
นอกจากนั้นแล้ว พวกเขายังเป็นลูกสมุนของหนึ่งในสามผู้ติดตามของจ้าวหลุน
พูดให้ง่ายคือพวกเขาเป็นสุนัขรับใช้ของจ้าวหลุน
“ศิษย์น้องหลิง เส้นทางที่เจ้าจะเดินมันไม่ง่ายที่จะผ่าน แผ่นหินทุกแผ่นมีแรงโน้มถ่วงแฝงอยู่ เจ้าต้องระวังตัวให้ดี และหากเจ้าตกลงไปในทะเลสาบ มันง่ายมากที่จะละลายร่างกายของเจ้า” ถังฮว่ากล่าว
“ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะล้มเลิกความคิดที่จะไปเกาะกลางทะเลสาบ” เย่เหวินซานเองก็กล่าวเช่นกัน
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องพูดเป็นห่วงข้า ในเมื่อข้าคิดจะไปที่เกาะกลางทะเลสาบ ข้าก็จะไม่หยุดกลางคัน และถ้าศิษย์พี่ทั้งสองคิดจะลอบโจมตีข้าระหว่างทางเพื่อให้ข้าตกลงไปในทะเลสาบ…หึหึ ข้าขอเตือนศิษย์พี่ทั้งสองไว้ก่อนให้ระวังผลที่จะตามมาให้ดี!”
“เจ้า-” ทั้งสองคนกลายเป็นโกรธเกรี้ยว มดจากโลกใบเล็กเป็นฝ่ายพูดจาข่มขู่พวกเขาอย่างนั้นรึ?
“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีแล้วจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นรึ?” ถังฮว่าหัวเราะ “แล้วเจ้าจะรู้ว่าคำพูดของเจ้ามันน่าขบขำแค่ไหน!”
ทั้งสองคนหยุดพูดและจ้องมองหลิงฮันที่กำลังเดินเข้าไปในทะเลสาบ แล้วจากนั้นพวกเขาก็สามารถพูดทีหลังได้ว่าแรงโน้มถ่วงของแผ่นหินนั้นหนักหน่วงและไม่เสถียร เขาจึงยืนหยัดไม่ได้
หลิงฮันรู้เป้าหมายของทั้งสองคนดี แต่เขาเพียงแค่ยิ้มเยาะอยู่ในใจและยังคงเดินไปข้างหน้า
ครืน!
เมื่อเท้าสัมผัสกับแผ่นหินก้อนแรก ทันใดนั้นหลิงฮันก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขากำลังถูกกดทับและจมลง
แต่แรงโน้มถ่วงที่เขาได้รับมันแค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น เขาโคจรพลังปราณเล็กน้อยและก้าวเท้าไปแผ่นหินก้อนที่สองที่อยู่ด้านหน้า ในตอนนี้แรงโน้มถ่วงที่ได้รับหนักหน่วงขึ้นเล็กน้อยและเพียงพอที่จะทำให้กระดูกของเขาส่งเสียงกดทับกัน
มีแผ่นหินทั้งหมดหนึ่งร้อยก้อนที่จะนำพาไปสู่เกาะกลางทะเลสาบ เพียงแค่แผ่นหินก้อนที่สองก็มีแรงโน้มถ่วงที่หนักหน่วงขนาดนี้แล้ว แล้วถ้าเป็นแผ่นหินก้อนสุดท้ายจะหนักหน่วงแค่ไหนกัน?
ตุบ มีใครบางคนที่อยู่ด้านหน้าตกลงไปในน้ำและกำลังพยายามตะเกียกตะกายว่ายน้ำกับเข้าฝั่งอย่างบ้าคลั่ง สภาพของเขาในตอนนี้ดูน่าสยดสยองเป็นอย่างมาก
“ต้าหม่าเต๋อ แรงโน้มถ่วงที่นี่ผิดปกติมาก มันจะมีคนผ่านไปได้จริงงั้นรึ?” ใครบางคนตะโกน
“ทำไมจะไม่ได้?”
“สิบปีก่อน ปางเย่วจากสำนักฝ่ายตะวันตกยังทำสำเร็จเลย”
“แล้วก่อนหน้านั้นไปอีก ศิษย์พี่จ้าวหลุนไม่เพียงแค่ประสบความสำเร็จเมื่อร้อยปีก่อนเท่านั้น แต่ยังนำผลึกกลับมาได้สองชิ้นด้วย!”
“ว่าไงนะ สองชิ้น! นั่นไม่ได้หมายความว่าเมื่อนำผลึกกลับมาสองชิ้น แรงโน้มถ่วงจะไม่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหรอกรึ?”
“ไม่เลวเลย ความแข็งแกร่งของศิษย์พี่จ้าวหลุนช่างเหนือจินตนาการยิ่งนัก!”
“หึ่ม ศิษย์พี่จ้าวหลุนแข็งแกร่งอยู่แล้ว และหลังจากที่เขาดูดซับผลึกภูผาวารีแรงโน้มถ่วง ตอนนี้เขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน?”
“แล้วเจ้ารู้หรือว่าผู้ติดตามสามคนของศิษย์พี่จ้าวหลุน ไป๋หยวนซือ จั่วเซียว ฟานหยงเองก็ได้รับผลึกภูผาวารีจากที่นี่ด้วย?”่
“เจ้าพูดว่าไงนะ!”
หลายคนรู้สึกตกตะลึงมากเมื่อได้ยิน เพราะนี่เป็นความลับที่มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ แม้แต่ผู้ติดตามของจ้าวหลุนยังแข็งแกร่งขนาดนี้เลย?
“หากไม่เป็นแบบนั้น พวกเขาคงไม่มีสิทธิ์ได้เป็นผู้ติดตามของศิษย์พี่จ้าว!”
“มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะได้รับผลึกภูผาวารีที่นี่ ทุกครั้งที่เขตแดนลี้ลับเปิดมีหลายสิบคนที่ทำได้เหมือนกัน แต่คนที่สามารถนำกลับมาได้สองก้อน ในห้าร้อยปีที่ผ่านมามีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่ทำได้”
โอ้ว!
หลายคนรู้สึกตกตะลึงมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงกล่าวกันว่าจ้าวหลุนเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในรอบพันปี การเปรียบเทียบดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความต่างชั้นระหว่างเขากับอัจฉริยะที่เหลือ
หัวใจของหลิงฮันสงบนิ่ง และมีความกล้าหาญมากขึ้น
จ้าวหลุนได้รับผลึกภูผาวารีแรงโน้มถ่วงสองก้อนจากที่นี่? ถ้างั้นข้าจะเอามันมาให้ได้สามก้อน!
หลิงฮันยกเท้าและก้าวเดินไปที่แผ่นหินก้อนที่สามอย่างมั่นคง
เย่เหวินซานและถังฮว่าสหายของเขาไม่รีบที่จะลงมือ พวกเขากำลังรอให้หลิงฮันไปไกลก่อนแล้วค่อยเริ่มลงมือ แล้วหลิงฮันจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่นอนหลังจากที่ตกลงไปในทะเลสาบ และกว่าเขาจะว่ายมาถึงฝั่งกระดูกของเขาคงถูกกัดกร่อนจนละลายไปแล้ว
แต่ในไม่ช้า สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทำไมเขาถึงได้รวดเร็วขนาดนี้ เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจเขาก็วิ่งไปที่แผ่นหินก้อนที่สามสิบแล้ว
พวกเขาจ้องมองหน้ากันไปมา และไม่ลังเลที่จะรีบไล่ตามหลิงฮันไปเพื่อลอบโจมตีให้เขาตกลงสู่ทะเลสาบ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น